ตัวสำรอง - บทที่ 23 ขอบใจนายมาก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 23 ขอบใจนายมาก  (อ่าน 10329 ครั้ง)

ออฟไลน์ Runsmile

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ตัวสำรอง - บทที่ 19 สู้ๆนะเสมอ
«ตอบ #92 เมื่อ06-01-2020 08:52:28 »

บทที่ 19 สู้ๆนะเสมอ

ผู้คนเนืองแน่นไปทั้งบริเวณ สนามกีฬาประจำจังหวัดเต็มไปด้วยนักกีฬาจากทั่วสารทิศ มารวมตัวกันเพื่อช่วงชิงตั๋วใบแรกสู่เส้นทางระดับชาติ เหล่านักกรีฑาประเภทลู่-ประเภทลานต่างพกพาความมั่นใจ พร้อมหอบหิ้วความหวาดหวั่นมาเยือนสนามแข่งแห่งนี้ ขั้วตรงข้ามแทบขาดจากกันไม่ได้ในระดับจิตใจ ความเชื่อมั่นจากการฝึกซ้อมถูกคานด้วยการเปรียบเทียบตนกับนักกีฬาโรงเรียนดัง เป็นการงัดง้างภายในจิตใจของเหล่านักกีฬาทั้งหลาย

หน้าที่หนึ่งซึ่งเอื้อมมือเข้ามาช่วยพวกเขาให้ออกจากความว้าวุ่นนั้นได้ ไม่พ้นเหล่าผู้ฝึกสอนที่ติดตามมาไม่ห่าง บางโรงเรียนอาจถึงขั้นมีผู้เชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะ บางโรงเรียนก็เพียงครูอาจารย์ที่รับปากลูกศิษย์และติดตามดูแล แต่ใดๆ ก็แล้วล้วนมาเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้นักกีฬาของตนทั้งสิ้น

ทั้งโรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ โรงเรียนเด่น โรงเรียนดัง หรือโรงเรียนไร้ชื่อ เมื่อก้าวเข้ามาในพื้นที่ท้าชิง ทุกคน ทุกโรงเรียน ต่างมีสถานะเท่าเทียมกัน ไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น เป็นเพียงนักกีฬาคนหนึ่งที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคไปสู่ชัยชนะ --- ผู้ชนะไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว ทว่าผู้แพ้ก็ไม่ได้มีแค่คนสองคนเช่นกัน เสียงร้องแห่งชัยชนะจะกึกก้อง พร้อมกันนั้นเสียงสะอื้นไห้และหยาดน้ำตาต่างก็เตรียมพรั่งพรูในเวลาเดียวกัน

แต่นั่นเป็นเรื่องหลังจากนี้

การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ โดยความร่วมมือระหว่างองค์กรเอกชนครั้งนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ หลากสนามแข่งขันแยกย่อยตามประเภทกีฬา หนึ่งในนั้นการแข่งกรีฑาประเภทลู่และลานก็จัดขึ้นในสนามเบื้องหน้านี้ เด็กสามคนจากโรงเรียนห่างไกล พร้อมที่ปรึกษาอีกหนึ่งกำลังก้าวเข้าสู่บริเวณจุดลงทะเบียนแข่งขัน มีหลายโรงเรียนก่อนหน้าพวกเขาต่อแถวกันยาวเหยียด
ทั้งสี่มุ่งไปยังหมุดหมายดังกล่าว ก่อนยืนต่อหลังผู้มาก่อนอย่างไม่รีบร้อน สภาพภายนอกแทบไม่ต่างจากนักกีฬาคนอื่น มะลิที่ตัวเล็กกว่าเพื่อนยังได้ส่วนแบ่งค่าเฉลี่ยความสูงจากเสมอและใจกล้า กลบขนาดตัวที่เห็นแล้วต้องสะดุดตา หากไปยื่นเด่นหราอยู่กลางวงล้อม ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีมของเขาที่ช่วยปิดหน้าหลังให้ในยามนี้

แม้จะมีความวิตกกังวลปนตื่นตระหนกปรากฏให้เห็นบนดวงหน้าทั้งสาม แต่ไม่มากจนที่ปรึกษาอย่างกฤษต้องเป็นห่วง ให้พวกเขาซึมซับแรงกดดันจากรอบข้างให้เต็มที่ อย่างน้อยสิ่งที่ได้รับมาก็คือประสบการณ์ ซึ่งขณะนี้ดูท่าจะมีแค่มะลิและเสมอที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้

“คนเยอะจังเลย” มะลิเอ่ยเสียงสั่น หลังกวาดตาไปรอบบริเวณ เห็นผู้คนนับร้อยกำลังมุ่งมายังจุดลงทะเบียนเช่นเดียวกับพวกตน ซึ่งเอาเข้าจริงเขาก็ตระหนักตั้งแต่ต้นแล้วว่า คนที่มากันวันนี้ ล้วนเป็นคู่แข่งของตนไม่มากก็น้อย

“แน่นอนสิ นักวิ่งทั้งจังหวัด” ใจกล้าพูดออกไปอย่างเรียบเฉย เขามีประสบการณ์บนสนามอย่างโชกโชน เทียบกับหน้าใหม่อย่างมะลิแล้ว ใจกล้าแทบไม่หวั่นวิตกใดเลย

“ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมครับ” เสมอร้องขึ้นอย่างเหลืออด เมื่อความอดกลั้นใกล้ถึงขีดจำกัด   

“รีบไปรีบมาล่ะ” กฤษอนุญาต จากนั้นเสมอก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว คนนี้ก็ตื่นเต้น ตื่นสนามจนคุมตัวเองไม่อยู่ ยกขวดน้ำที่ถือขึ้นซดจนปวดเบา ต้องขอไปทำธุระอย่างที่เห็น

ฝูงชนเพิ่มจำนวนไม่หยุดหย่อน เวลาเคลื่อนไปทีละน้อย บรรดานักกีฬาจากหลากโรงเรียน ทยอยเข้ามาสมทบไม่ขาดสาย รวมทั้งทีมผู้ฝึกสอน อาจารย์ผู้ควบคุม และกองเชียร์ของบางโรงเรียน ทำเอาจุดลงทะเบียนยิ่งเนืองแน่นไปด้วยฝูงชน มากเสียจนล้นทะลักออกนอกบริเวณที่จัดเตรียมไว้

แถวยาวเหยียดสับเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นช่วงๆ แต่ไม่ร่นระยะลงเลยแม้แต่น้อย คนเก่าไปคนใหม่ก็เข้าแทนที่ ความชุลมุนจึงไม่ซาไปในเวลาอันใกล้ โรงเรียนห่างไกลแห่งหนึ่งจึงได้ลงทะเบียนในที่สุด นักกีฬาทั้งสามได้รับป้ายชื่อติดตัวสำหรับบอกสถานะ ซึ่งพ่วงด้วยสิทธิ์ในการเข้าถึงบางพื้นที่ ส่วนที่ปรึกษาก็ไม่ต่างกัน มีป้ายกำกับไว้ชัดเจน แถมมีจำนวนจำกัดต่อหนึ่งโรงเรียน เพียงแต่กฤษคงไม่ต้องแย่งยื้ออภิสิทธิ์ดังว่าจากใคร เพราะลำพังสมาชิกรวมที่ปรึกษาก็มีเพียงสี่ อาจน้อยที่สุดสำหรับการแข่งขันจับเวลาในวันนี้ก็ว่าได้

กฤษพานักกีฬาทั้งสามเข้าไปยังสนาม พิธีเปิดพอเป็นพิธีเริ่มต้นขึ้น กระนั้นก็ยังยิ่งใหญ่ด้วยจำนวนนักกีฬาหลักพัน แต่ก็ไม่ใหญ่เกินกว่าจะกินเวลาแข่งขันในภาคเช้าไปทั้งหมด เพียงรอบจับเวลาจึงต้องเร่งมือกันทันที ทุกคนในสนามอยู่ในชุดพร้อมสำหรับแข่ง สีสันที่แตกต่างกันตามการออกแบบ ชื่อของแต่ละโรงเรียนปรากฏชัด ในตัวจำนวนมากสีมีอยู่มุมหนึ่ง ชุดทั้งสามถูกสวมใส่โดยนักกีฬาซึ่งมีจำนวนสมาชิกเพียงสาม เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ใส่ชุดฟอร์มของโรงเรียน ชุดที่เพิ่งตัดเสร็จเมื่อวานนี้ ทุกคนมาในฐานะนักกีฬาอย่างแท้จริง กฤษมองดูลูกศิษย์อย่างภาคภูมิใจ

ลำดับการแข่งขันจับเวลาในครั้งนี้ถูกประกาศและแจ้งแก่ทุกโรงเรียนราวหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า ส่งตรงไปยังชมรมกรีฑาที่พวกเขาสังกัด ลำดับต่างๆ แยกย่อยออกเป็นหมวดหมู่ตามประเภทกรีฑากับระยะที่ต่างกันไป ไม่ใช่เรื่องแปลก หากไม่นับจำนวนที่ยังเยอะเกินมาตรฐาน ซึ่งในวันนี้เอง มาตรฐานที่ถามหากำลังถูกเลือกเฟ้น

“พร้อมหรือเปล่าเสมอ” กฤษถามนักกีฬาคนแรกที่จะลงประเดิมผลงานจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก ซึ่งไม่แพ้ใครในสามคนนี้เลย แม้เป็นการเปลี่ยนแนวทางครั้งใหม่ ถึงจะต้องแบกรับอดีตกับความล้มเหลวเอาไว้ แต่เสมอก็ไม่เคยยอมแพ้ ทุ่มให้กับทุกย่างก้าวยิ่งกว่าครั้งที่ยังวิ่งตามลูกกลมบนสนามเสียอีก เพราะคราวนี้เขาไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว ลำพังแค่คิดว่าเหนื่อยเกินไป เพียงเงยหน้าขึ้นมอง จะเห็นคนตัวเล็กที่ยังวิ่งไปข้างหน้าไม่หยุดหย่อน เท่านั้นเขาก็ต้องกลับลงลู่อีกครั้ง ไม่ใช่เขาคนเดียวเสียหน่อยที่กำลังเหนื่อยอ่อน ทั้งมะลิและใจกล้ากลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่มอบกำลังให้เสมอจนถึงวินาทีนี้

“คงต้องพร้อมแล้วล่ะครับ” เสมอตอบกลับอย่างนั้น ทว่าภายในใจกลับเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ แม้ไม่ได้ตื่นสนาม แต่พอเวลากระชั้นชิดเข้ามาก็อดประหม่าไม่ได้

“สู้ๆ นะเสมอ” มะลิที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มหันมาให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีม ทำเอาเสมอยิ้มออกมาในที่สุด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2020 09:02:14 โดย InDefinition »

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ตัวสำรอง - บทที่ 20 เก่งมากเสมอ
«ตอบ #93 เมื่อ06-01-2020 08:55:24 »

บทที่ 20 เก่งมากเสมอ

“สู้ๆ นะเสมอ” มะลิที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มหันมาให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีม ทำเอาเสมอยิ้มออกมาในที่สุด

ตุ๊บ! ฝ่ามือแกร่งฟาดลงกลางแผ่นหลัง ไม่แรงนัก แค่หมายจะปลุกคนตื่นกลัว แรงมือจากใจกล้าคืนสติให้กับเขา สายตาที่จ้องมองมาจากเพื่อนสนิท ร้องบอกว่าไม่ต้องกังวล แค่ทำให้ดีที่สุดก็พอ เสมอก็ส่งกลับไม่เบาจนเกินไป เป็นการขอบคุณฝ่ามือดังกล่าว แม้จะไร้คำพูดปลุกใจ กระนั้นก็เกินพอแล้ว

“ไปทำให้พวกนั้นรู้ฤทธิ์ของนาย” ที่ไหนได้ เสียงเข้มถูกส่งมาจากใจกล้า ซึ่งยังจ้องมองเขาอย่างไม่วางตา เขาพยักหน้ารับแรงใจจากเพื่อนสนิทอีกครั้ง

กำลังใจจากเพื่อนร่วมทีมช่วยลดความประหม่าและอาการตื่นสนามของเสมอได้ไม่น้อย ที่เหลือคงต้องเป็นหน้าที่ของเขา ว่าจะจัดการอารมณ์และความรู้สึกส่วนเกินนี้ให้สิ้นซากอย่างไร เพราะหลังจากนี้ไม่อาจพึ่งพาใครได้นอกเสียจากกำลังใจจากตัวเอง เสมอมองย้อนกลับไปยังวันแรกที่เขาก้าวเข้ามาในชมรมเล็กๆ แห่งนี้ ต้องอยู่ซ้อมจนดึกดื่นกับเพื่อนทั้งสอง วิ่งตามหลังทั้งคู่ ภาพในวันวานซึ่งไหลกลับมาช่วยปลอบประโลมเขา หากจะมีคู่แข่งที่น่ากลัว เขาก็เผชิญหน้าทุกเย็นอยู่แล้ว ยังต้องกลัวอีกงั้นหรือ เสมอคิด

“จำไว้นะเสมอว่าการแข่งครั้งนี้เธอไม่ได้แข่งกับนักกีฬาคนอื่น แต่เธอกำลังแข่งกับตัวเอง ทำเวลาที่ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ โอกาสมีเพียงสองครั้ง เข้าใจนะ” กฤษไม่เอื้อนเอ่ยอวยชัยให้สวยหรู ไม่ได้มอบคำพูดอ่อนโยนใดๆ แก่นักกีฬาของเขา หน้าที่เหล่านั้นเพื่อนร่วมทีมของเสมอทำไปหมดแล้ว สำหรับกฤษเพียงชี้แนวทางที่ดีที่สุดให้แก่นักกีฬา

รอบจับเวลาแม้จะต้องขับเคี่ยวไปพร้อมกับนักกีฬาจากหลายโรงเรียน ผู้ชนะในแต่ละรอบย่อมมีโอกาสคว้าตั๋วเพียงไม่กี่ใบมาไว้ในมือก็จริง แต่สิ่งสำคัญของรอบนี้คือเวลา สถิติจะถูกบันทึกสองครั้ง และเลือกเอาเวลาที่ดีที่สุดออกมา เรียงลำดับจากเวลาน้อยลงไปมาก อันดับต้นๆ ต้องเป็นเสี้ยวนาทีที่น้อยนิดซึ่งพวกเขาช่วงชิงมา ขอเพียงเวลาอยู่ในลำดับที่ใช้ได้และยังอยู่ในจำนวนโควตาที่กำหนดไว้ เพียงเท่านี้ก็มีสิทธิ์ผ่านเข้ารอบต่อไป แม้จะเป็นการแข่งกับทุกคนบนสนาม หากเข้าใจและไล่ตามเวลาของตัวเองเหมือนที่มะลิทำมาตลอดก็เพียงพอแล้ว ทลายขีดจำกัดของตัวเองด้วยเวลาที่ค่อยๆ ร่นลง

“ไปได้” สิ้นเสียง กฤษตบหลังเสมอเบาๆ ให้เดินหน้า เสมอก็ก้าวเข้าสู่จุดรวมตัวนักกีฬาซึ่งเตรียมลงแข่งในรายการถัดไป มีการเช็คชื่อตามทะเบียน ยืนยันตัวและมอบหมายเลขแข่งขันชั่วคราว โดยนักกีฬาทุกคนที่ลงแข่งจะถูกสุ่มให้อยู่ในรอบแข่งขัน สองครั้งจากรอบทั้งหมด เป็นโอกาสที่พวกเขาทุกคนมี

เสมอก้าวไปยังลู่วิ่งของตนเองที่ถูกกำหนดไว้ ขณะนี้เป็นการแข่งรอบที่ห้า นักกีฬาทั้งแปดคนอยู่บนสนามอย่างพร้อมเพรียง ก่อนย่อตัวลงไปตั้งท่าบนที่ยันเท้า รอเพียงเสียงสัญญาณ ความตื่นเต้นพลันหวนคืน กลับมาเล่นงานพวกเขาอีกครั้ง เสี้ยววินาทีสัญญาณปล่อยตัวดังขึ้น

ขาทุกคู่ก้าวไปข้างหน้าแทบจะพร้อมกัน ส่วนเสมอก้าวออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ตนเองยังไม่ทราบ คงเป็นทันทีที่ได้ยินเสียงเหมือนกับคู่ต่อสู้คนอื่น เขารับรู้เพียงภาพตรงหน้าที่มุ่งไป ขายาวสลับขึ้นนำอย่างมั่นคง ทุ่มแรงกายทั้งหมดให้กับระยะที่ได้รับการจัดสรร เพียงไม่กี่วินาทีการแข็งขันรอบนี้ก็สิ้นสุด นักกีฬาทุกคนบ้างก็วิ่งต่อและชะลอความเร็ว บ้างหยุดแล้วย่อตัวลงอย่างเหนื่อยอ่อน บ้างก็ล้มลงกับพื้น แรงกายถูกเผาผลาญไปไม่น้อย แม้เพียง 100 เมตร ระยะสั้นๆ แค่นี้กลับทำให้หลายคนโก่งตัวหอบ ความกดดัน แรงกระตุ้น คู่แข่ง สนาม ผู้คน กองเชียร์ ทุกอย่างต่างประโคมเข้ามาเกิดเป็นแรงกดดันไม่ทราบมวลกดทับพวกเขาที่ก้าวไป จนต้องใช้แรงฝ่าต้านมากมายมหาศาลแบบนี้

“ที่สอง” เสมอมองดูสถิติของตนบนหน้าจอใหญ่ข้างสนาม มองเวลาที่ไม่ทราบว่าดีหรือเลว รู้เพียงว่าในรอบนี้เขาเป็นรองนักกีฬาคนหนึ่งจากทั้งหมดบนลู่สนาม ซึ่งไม่ทราบชื่อและโรงเรียนที่สังกัด แม้จะมีบอกไว้ แต่เขาไม่ได้สนใจ จดจ่ออยู่กับตัวเลขของตนเท่านั้น --- ไม่เลว

เสมอยังเหลือโอกาสอีกหนึ่งครั้ง จำต้องกลับเข้ามาในพื้นที่ที่จัดไว้ให้นักกีฬา ซึ่งอยู่ในระหว่างการแข่งขันโดยเฉพาะ ไม่มีเพื่อนหรือที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำ เขากำลังเฝ้ารอการแข่งขันของตน โอกาสสุดท้าย

สวัสดิการในสนามทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง เพื่อไม่ให้นักกีฬาซึ่งมาจากต่างโรงเรียนต่างสถานะรู้สึกถึงความแตกต่างมากเกินไปของแต่ละโรงเรียน จึงกองกลางคอยดูแลระหว่างการแข่ง แทนที่จะให้สวัสดิการของที่เข้ามาจัดการนักกีฬาของตน อีกเหตุผลคงเป็นเรื่องจำกัดคน เพราะลำพังนักกีฬาซึ่งเตรียมลงสนามก็เต็มพื้นที่แล้ว บริเวณที่จัดเตรียมเมื่อถึงวันจริงก็แทบไม่เพียงพอต่อความต้องการ

ไม่นานเสมอก็ก้าวออกไปยังสนามอีกครั้ง ประจำลู่วิ่งของตน ก่อนพุ่งตัวไปข้างหน้าหลังเสียงสัญญาณดังขึ้น ครั้งนี้เขาไม่เหลือความตื่นตระหนกหรือความกลัวใดๆ อีก เพียงมุ่งไปยังเส้นชัยตามกำลังและความสามารถจะเอื้ออำนวย ทำเหมือนที่ฝึกซ้อม ทำเหมือนที่ผ่านมา รักษามาตรฐานของตนเองไว้ ไม่ปล่อยให้สภาพแวดล้อมภายนอกมาบดบังหรือลดทอนสิ่งเหล่านี้ลง เสมอใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก่อนก้าวเข้าสู่เส้นชัยในที่สุด

จบการแข่งจับเวลาในรอบนี้ นักกีฬาทุกคนกลับไปที่จุดรวมพลของแต่ละโรงเรียนตามเดิม เสมอเป็นหนึ่งในนั้นที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวกลับมายังจุดเดิมของพวกเขา ซึ่งมีเพื่อนและอาจารย์เฝ้าคอยอยู่ ใบหน้ายิ้มแย้มของเพื่อนร่วมทีมทั้งสองกับรอยยิ้มเล็กๆ จากอาจารย์ที่ปรึกษา ทำให้เวลานี้เสมอตอบคืนรอยยิ้มเหล่านั้นอย่างยากจะกลั้นไว้ แม้เป็นยิ้มที่เหนื่อยอ่อนก็ตาม

“เก่งมาก” กฤษเอ่ยชมเขา

“ใช้ได้เลยนี่” ใจกล้าพูดขึ้นมา

“ใช่ๆ เก่งมากเสมอ” คนตัวเล็กที่สุดตามสมทบอีกเสียง

เสมอล้มลงใกล้ตัวใจกล้า เขาทำหน้าที่ของตนแล้ว เพราะไม่ได้ลงแข็งประเภทอื่นอีกนอกจากระยะที่ผ่านพ้นมา ระยะที่เขาทำได้ดีที่สุดในการฝึกซ้อม ซึ่งผลที่ออกมาก็สร้างขวัญกำลังใจให้กับทั้งทีม เพราะการฝึกซ้อมของเสมอนั้นไม่เสียเปล่า บัดนี้เขาผ่านเข้ารอบต่อไปแล้ว ในลำดับต้นของผู้แข่งขันทั้งหลาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2020 09:02:46 โดย InDefinition »

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
บทที่ 21 การแข่งขันของใจกล้า

เว้นช่วงไปครู่ใหญ่ เนื่องด้วยพวกเขาโรงเรียนเล็กไม่สามารถส่งนักกีฬาท้าชิงการแข่งได้ทุกประเภท ถัดจากนั้นพวกเขาเตรียมส่งนักกีฬามากฝีมือ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นอันดับสองของจังหวัดในรุ่นเดียวกัน ใจกล้ารอคอยการแข่งขันของตนอย่างนิ่งสงบ ไม่มีท่าทีร้อนรนให้รอบข้างจับสังเกต มีแค่เจ้าตัวเท่านั้นที่ทราบดีว่า ภาพลักษณ์ภายนอกเป็นเพียงมายาที่เขาสร้างขึ้นมาปิดทับความอ่อนแอซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายใน เขาเองไม่ต่างจากนักกีฬาคนอื่นในที่แห่งนี้ ไม่ต่างจากเสมอ ไม่ต่างจากมะลิ ไม่ต่างจากใครเลย เขาก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง นักวิ่งคนหนึ่ง ทั้งตื่นเต้น หวั่นเกรง วิตกกังวลใจในทุกเรื่อง ความนิ่งภายนอกเทียบไม่ติดกับใจที่ระส่ำระสาย แค่ไม่อยากให้อีกสามคนเป็นห่วง โดยเฉพาะเพื่อนร่วมทีมทั้งสอง

การแข่งระยะ 800 เมตรมีขึ้นในช่วงบ่าย ใจกล้ากับมะลิยังไม่ได้ลงสนาม จึงต้องควบคุมปริมาณอาหารที่กินเข้าไปอย่างเข้มงวด ต่างจากเสมอที่ยัดทุกอย่างที่ขวางหน้าลงท้อง เพราะเสร็จสิ้นภาระกิจที่ตนแบกมาตลอดหลายเดือนแล้ว แม้จะเป็นเพียงก้าวแรกก็ตาม กอปรกับความเหนื่อยอ่อนจากการแข่งเมื่อครู่ เสมอจึงไม่รีรอที่จะเติมพลังจากอาหารหลากหลายชนิดตรงหน้า

“พร้อมนะใจกล้า” กฤษเอ่ยขึ้นหลังจบมื้อเที่ยงที่เร่งรีบ ซึ่งใกล้ถึงเวลาสำหรับการแข่งขันรอบ 800 เมตร
“ครับ” ใจกล้าตอบกลับสั้นๆ

“ไม่เป็นไรแน่นะใจกล้า ถ้ากังวลก็พูดออกมาได้ ไม่ต้องเก็บเอาไว้คนเดียวหรอก” เสมอเอ่ยอย่างรู้ทัน เพราะเขาเพิ่งประสบความรู้สึกดังว่าเมื่อไม่นานมานี้เอง ย่อมเข้าใจเพื่อนตรงหน้ายิ่งกว่าใครอื่น

“ไม่เป็นไรจริงๆ ไม่ต้องห่วง” แต่ใจกล้าก็เลือกที่จะเก็บความในใจไว้ลำพัง

ไม่ใช่เขาไม่เชื่อใจเพื่อนร่วมทีมหรืออาจารย์ที่ปรึกษา แต่ด้วยนิสัยตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขามักข่มความกลัวด้วยใจดวงน้อยของตน โดยไม่พึ่งกำลังจากรอบข้าง แม้จะกังวลไม่น้อยกับการแข่งขันในระดับที่สูงกว่าสมัยมัธยมต้น แต่ก็ไม่ได้บั่นทอนกำลังใจและแรงใจที่เขาพกมาให้ลดน้อยถอยลง เขาเชื่อในศักยภาพของตัวเอง และเชื่อในการฝึกซ้อมที่ผ่านมา แม้ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพอย่างเพียบพร้อม แต่สถานที่แห่งนี้กลับสร้างความอบอุ่นใจให้แก่เขาอย่างน่าประหลาด เป็นครั้งแรกที่เขายิ้มได้ขณะฝึกซ้อม ยิ้มได้แม้กำลังพ่ายแพ้ เขาเปลี่ยนไปมาก จากสถานที่แห่งนั้น และจากชมรมแห่งนี้

“ทุกคนไม่ต้องห่วง แค่นี้สบายมาก” เขาพูดทิ้งท้าย ก่อนก้าวออกไปอย่างมั่นคง ไม่แม้กระทั่งหันมาขอกำลังใจจากใครอื่น ใจกล้าบอกกับตัวเองว่ากำลังมุ่งหน้าเพื่อคว้าชัยกลับมาให้ทุกคน เขาตั้งใจจะทำเวลาที่ดีที่สุดในระยะนี้

ขายาวก้าวเข้าสู่สนาม ยืนอยู่บนลู่วิ่งประจำตำแหน่งที่ได้รับ เฝ้ารอสัญญาณปล่อยตัวพร้อมกับคู่แข่งคนรอบกาย การแข่งขันสองรอบสนามของเขาจึงเริ่มต้น ปั้ง! สิ้นเสียงนักกีฬาจากโรงเรียนห่างไกลในชุดฟอร์มที่มีจำนวนน้อยที่สุดในสนามพุ่งตัวออกไปและก้าวขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม ก่อนรักษาระดับของตนอย่างมั่นคง ทิ้งระยะจากกลุ่มพอสมควร แม้การแข่งครั้งนี้จะมีรุ่นพี่ที่โตกว่าหลายคนลงแข่ง แต่อายุไม่ได้เป็นตัวชี้วัดศักยภาพ เขาเชื่ออย่างนั้น แล้วก้าวต่อโดยไม่คิดจะหันกลับมามองคู่แข่ง ก่อนเข้าสู่รอบที่สองอย่างรวดเร็ว ความเหนื่อยอ่อนเริ่มมากล้ำกราย ไม่ใช่แค่เขา ทุกคนในสนามก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน เพียงแต่ใจกล้าผลาญพลังกายไปกับการรักษาตำแหน่งผู้นำค่อนข้างมาก ไม่แปลกหากเขาจะต้องรับภาระเหนือคนอื่นหนึ่งขั้น ขณะนี้ใจกล้ากำลังขับเคี่ยวกับนักกีฬาต่างโรงเรียนสองคนที่ไล่ตามหลังอย่างกระชั้นชิด ก่อนขึ้นมาประกบติดในช่วงสุดท้าย แรงกายซึ่งเหลืออยู่น้อยนิดถูกรีดเค้นมาใช้ในที่สุด เขาทุ่มกำลังในช่วงสองร้อยเมตรสุดท้าย พร้อมๆ กับสองคนนั้นที่คิดทำไม่ต่างกัน ก่อนขายาวจะก้าวผ่านเส้นชัยเป็นคนแรก

ใจกล้ายืนหอบอยู่ครู่ใหญ่ หันมองผลงานที่ออกมาเป็นตัวเลขบนจอใหญ่ แล้วกลับเข้าไปยังจุดพักพร้อมกับนักกีฬาคนอื่น เช่นเคยมีสวัสดิการทำหน้าที่อยู่อย่างแข็งขัน คู่แข่งบางคนล้มพับลงไปจนต้องเรียกหน่วยพยาบาลเข้ามาดูแล โชคดีที่ไม่เกิดอะไรขึ้นกับเขา สนามที่นุ่มกว่าดินแข็งที่ฝึกซ้อมช่วยผ่อนแรงและลดแรงกระแทกลง การฝึกฝนจากสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวยและแข็งกระด้างเช่นนั้น พึ่งปรากฏผลในยามที่เขากำชัยมาไว้ในมือ --- ก็ไม่เท่าไหร่ ยังทำได้มากกว่านี้ เขามุ่งมั่น

การแข่งระยะนี้มีหลายคนที่เขาคุ้นหน้า จากการแข่งซ้อมในครั้งก่อน แต่จนใจเพราะจำชื่อคนเหล่านั้นไม่ได้ และอีกหลายคนที่เป็นขับเคี่ยวสมัยมัธยมต้นก็อยู่ในสนามเดียวกันนี้ ทุกคนต่างเชื่อมั่นในฝีเท้าของตนไม่ต่างจากเขา และทุกคนก็คาดหวังในชัยชนะเช่นกัน ไม่มีใครก้ามเข้าสนามโดยไม่คาดหวังในผลสูงสุดนั้น และเมื่อความหวังนั้นไต่ระดับขึ้นไป ความกดดันยิ่งสูงตาม แม้จะเป็นการแข่งจับเวลา ก็ใช่ว่าจะมีใครย่อมปล่อยให้ตนก้าวเข้าเส้นชัยเป็นคนสุดท้าย ไม่ว่ารอบการแข่งของตนจะต้องพบปะกับนักกีฬามากฝีเท้าจากไหน พวกเขาก็พร้อมพุ่งออกไปเพื่อท้าชนกันซึ่งหน้า

ใจกล้าเข้าสู่สนามอีกครั้ง บนลู่วิ่งของตน ขับเคี่ยวกับนักวิ่งต่างโรงเรียนชุดสุดท้าย เขายังคงยึดแบบแผนที่ได้ฝึกซ้อมมา ทั้งการแบ่งกำลังในแต่ละช่วง รักษาความเร็วให้คงที่ ไม่หวั่นไหวแม้ขณะที่มีคนขึ้นนำตนไปอย่างห้าวหาญ เขาเชื่อว่าระดับที่กำลังรักษาอยู่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง จึงไม่รีบเร่งเบียดแซงขึ้นหน้าคนๆ นั้น ขายาวก้าวต่อไป นับว่าประสบผลไม่น้อยในการคงฟอร์มของตนในรอบที่สองนี้ แม้กำลังกายจะถูกบั่นทอนจากการแข่งขันรอบที่ผ่านมา ทว่ากำลังใจกลับมีมากขึ้นจากอันดับในรอบที่แล้ว ใจกล้าเลือกใช้สูตรการวิ่งเดียวกันกับรอบแรก หากเขารักษามาตรฐานของตนได้อย่างนี้ต่อไป กอปรกับนักกีฬาคนอื่นถูกผลาญกำลังกายและกำลังใจจากรอบที่แล้ว นั่นเท่ากับว่าเขาได้เปรียบคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด สองร้อยเมตรสุดท้ายขายาวก้าวขึ้นหน้าอย่างหนักหน่วง ไม่แม้กระทั่งหันมามองคู่แข่งที่ข้ามผ่าน จับจ้องเพียงเส้นชัยที่ใกล้เข้ามา ขาคู่นี้สอดประสานอย่างงดงาม เสี้ยวนาทีต่อมา การแข่งขันของใจกล้าก็สิ้นสุด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2020 09:03:22 โดย InDefinition »

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ตัวสำรอง - บทที่ 22 พร้อมไหม
«ตอบ #95 เมื่อ06-01-2020 08:58:43 »

ตัวสำรอง - บทที่ 22 พร้อมไหม

สำหรับทีมนักกีฬาที่มีจำนวนสมาชิกเพียงสาม เหลืออีกหนึ่งรายการแข่งขันที่พวกเขากำลังเฝ้าคอย ความกดดันที่เคยรุมเร้าเข้ามา ถูกถอดทิ้งไปอีกหนึ่ง ใจกล้าจบรอบด้วยอันดับที่น่าพึงใจ ทว่ายังเหลือสมาชิกอีกหนึ่งซึ่งแตกต่างออกไปจากสองคนแรก ความกดดันยิ่งทบทวีเมื่อเวลาใกล้เข้ามา สีหน้า อาการ ท่าทางนั้นแสดงออกจนปิดไว้ไม่มิด

“ใจเย็นๆ มะลิ หายใจเข้าลึกๆ” กฤษอดวิตกกับความเปลี่ยนแปลงของลูกศิษย์ตัวเล็ก ซึ่งเข้าขั้นวิกฤตเลยก็ว่าได้ สีหน้าของมะลิขณะนี้บ่งบอกได้ถึงระดับความเครียดมหาศาลที่เจ้าตัวสร้างขึ้นมากดดันตนเอง

“ขะ ขอบคุณครับ” แต่ถึงกระนั้น มะลิยังมีสติพอจะตอบรับความหวังดีจากกฤษ แม้เสียงนั้นจะสั่นเครือไปบ้างก็ตาม

“ไม่ต้องคิดมาก” คำแนะนำจากเสมอผู้เสร็จสิ้นภารกิจคนแรกและทำเวลาออกมาจนสร้างขวัญกำลังใจให้กับทั้งทีม

“ไม่ใช่งานง่ายแล้วแบบนี้” เสียงใจกล้าเล็ดเข้ามาในโสตประสาท แม้ไม่ค่อยรื่นหู แต่นั่นเป็นความจริงที่มะลิเผชิญอยู่ในขณะนี้ ขาทั้งสองของตนแข็งทื่อไปหมด

มะลิมองตรงไปที่ลู่วิ่งซึ่งว่างเปล่าไร้ผู้ใช้งาน การแข่งก่อนหน้าเพิ่งเสร็จสิ้นไป กำลังรอเหล่าผู้ท้าชิงชุดใหม่ก้าวเข้ามา ซึ่งมะลิเป็นหนึ่งในนั้น จ้องไปยังจุดตัดสินหวังเรียกคืนสติ แต่กลับพาความคิดให้เตลิดเปิดเปิงไปไม่สิ้นสุด เขาวาดภาพความพ่ายแพ้ที่อาจเกิดขึ้นตรงปลายสุดของเส้นชัย ภาพของตนที่กำลังบาดเจ็บ ภาพที่เขาวิ่งตามคนตัวสูงทั้งหลายไม่ทัน ภาพต่างๆ เหล่านั้นกำลังกดทับตัวเขาให้จมดิ่งจนแทบขยับเขยื้อนไม่ได้ ปิดทุกการรับรู้ที่พยายามส่งผ่านเข้ามา ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองอย่างลำพัง

“มะลิ มะลิ นี่มะลิ มะลิ”

“ขะ ครับ” กว่าเสียงนั้นจะคืนสติให้คนตัวเล็ก ฉุดเขาออกจากภวังค์ได้สำเร็จก็ครู่ใหญ่
 
เขารีบหันกลับมายังใบหน้าที่จ้องตอบ เพื่อนร่วมทีมและอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสามกำลังกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ใจกล้าก็ไม่คิดจะปิดอีกต่อไป อาการของเขาพลอยทำให้เพื่อนร่วมทีมและอาจารย์ที่ปรึกษาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

“ไหวไหมเรา” กฤษเอ่ยขึ้นอีกครั้ง คราวนี้คงใช้วิธีเดียวกับสองคนแรกไม่ได้แล้ว มะลิคือหน้าใหม่ของวงการ หน้าใหม่ของสนาม และหน้าใหม่ของการแข่งขันอย่างเป็นทางการ นี่เป็นครั้งแรก กฤษจำต้องลงมาดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกำลังใจที่ถูกเจ้าตัวบั่นทอนไป

“ไหวครับ” มะลิตอบกลับเสียงอ่อน แท้จริงแล้วยังจัดการความรู้สึกภายในไม่ได้เลย

“ถึงเวลารวมตัวแล้ว ตั้งใจทำให้ดีที่สุดล่ะ อย่าไปกดดันตัวเองเข้าใจไหม เอาล่ะไปได้แล้ว” กฤษตบหลังนักกีฬาตัวน้อยสองครั้งเพื่อออกตัว เขาอยากยื้อเวลาอีกสักหน่อย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ สัญญาณเรียกรวมตัวดังขึ้นแล้ว จำใจปล่อยนักกีฬาในสังกัดไปอย่างจนปัญญา --- นี่เป็นบททดสอบแรกของเธอ ต้องผ่านไปให้ได้ กฤษกล่าวในใจ มองตามแผ่นหลังเล็กที่ก้าวไปข้างหน้า
ทั้งสามจ้องมองร่างน้อยๆ ที่สั่นไหวอยู่ในขณะนี้ ไม่สมกับเป็นมะลิที่พวกเขารู้จัก มะลิที่เคยก้าวนำพวกตนอย่างมั่นคง บัดนี้กลับสั่นไหวจนน่าเป็นห่วง แต่เมื่อนักกีฬาเข้าสู่สนามแล้ว ย่อมหมายถึงสมรภูมิของนักกีฬา โดยเฉพาะการแข่งประเภทบุคคลที่แทบมีส่วนร่วมไม่ได้เลย พวกเขาที่ยืนคอยอยู่นอกเส้นกั้นก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้อีก สิ่งเดียวที่พวกเขาซึ่งเป็นทีมเดียวกันพอจะทำได้ในตอนนี้ก็คือ การเชื่อมั่นในตัวมะลิ เพียงเท่านั้น

“ไม่เป็นไรจริงๆ หรือครับ” เสมอถามอย่างร้อนรน เขากังวลแทนเพื่อนตัวเล็กที่เข้าไปอยู่ในจุดรวมพล ในสภาพตื่นตระหนกหันรีหันขวางไม่เป็นตัวเองอย่างนั้น แม้มองจากตรงนี้ยังเห็นชัด

“นั่นสิ” ใจกล้าร้องเสริม

“ต้องเชื่อในตัวมะลิ พวกเราทำอะไรไม่ได้หรอก ต้องเชื่อใจเด็กคนนั้น...” กฤษตอบกลับอย่างไม่เต็มเสียงนัก เพราะเขาเองก็คิดไม่ต่างจากนักกีฬาของตน แม้จะพูดออกไปอย่างนั้นก็ตาม

กลางวงล้อมนักกีฬา มะลิเป็นเพียงคนเดียวที่ความสูงแตะเพียงไหลของผู้เข้าแข่งขันทั้งหลาย สายตาหลายคู่จ้องมองมาที่เขาอย่างประหลาดใจ ไม่ใช่ความน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาจากคนตัวเล็ก แต่เป็นความน่าสงสารที่พวกเขาส่งกลับมายังมะลิ นักกีฬาเหล่านั้นพากันคิดในใจว่า โรงเรียนต้นสังกัดของเด็กคนนี้ช่างโหดร้าย ส่งผู้เข้าแข่งขันตรงหน้ามาในระยะที่สาหัสเกินตัว นี่ไม่ใช่การวิ่งระยะกลาง 800 เมตร หรือ 1,500 เมตร แต่นี่เป็นการวิ่งระยะไกลในระดับ 3,000 เมตร ที่ต้องใช้แรงกายมหาศาล พอมองกลับไปยังเด็กตัวเล็กตรงกลางนั้นก็อดสงสารปนขำขันไม่ได้

แน่นอนว่าในโลกใบนี้มีนักกีฬาตัวเล็กที่วิ่งลมกรดจนเป็นที่ยอมรับอยู่มากมาย เพียงแต่ในระดับที่หลายคนพบผ่าน พวกเขาไม่เคยประสบกับสถานการณ์ที่ต้องขับเคี่ยวกับคนตัวเล็กไปกว่าค่าเฉลี่ย คนสูงมีมาก ระดับปานกลางย่อมเยอะกว่า ทว่าไม่มีคนไหนเล็กไปกว่าเด็กคนนี้แล้ว หากไม่ได้มายืนเทียบเคียงด้วยตัวเอง คงไม่ตกใจเท่าที่เป็นอยู่ ไม่ผิดที่จะดูแคลนไปล่วงหน้า ด้วยโลกของกีฬาล้วนเกิดจากการคัดสรรผู้ที่ แข็งแกร่ง คนตัวเล็กกว่าย่อมถูกตราหน้าว่าอ่อนแอผ่านสามัญสำนึก แม้กระทั่งวงการกรีฑาที่ส่วนสูงแทบไม่ใช่ข้อได้เปรียบใด --- แต่มันก็อดคิดอย่างนั้นไม่ได้

“พร้อมไหม” จู่ๆ เสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นข้างกาย มะลิที่ยืนแข็งทื่ออยู่กลางวงล้อม ทำตัวไม่ถูกกลางฝูงนักกีฬาซึ่งเนืองแน่นในขณะนี้ รีบหันไปยังต้นทาง

“ตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูกอยู่แล้ว” เขาตอบกลับไปอย่างสนิทใจ ระบายยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกหลังก้าวเข้าสู่พื้นที่นี้ จ้องมองเพื่อนสนิทคนเก่งที่ไม่ปรากฏความกังวลใดบนดวงหน้านั้น

“ฮาฮาฮา ระดับนายยังกังวลอีกหรือ” คมสันเอ่ยออกไปอย่างจริงใจ

“นายดูนักวิ่งคนอื่นสิ ไม่รู้จะเก่งกันแค่ไหน ฉันจะสู้ได้หรือเปล่า...” มะลิยังเป็นคนเดียวที่กดดันตนเองไม่เลิก

“ในจังหวัดนี้มีฉันคนเดียวที่เอาชนะนายได้ จำไว้” คมสันยกยอตนเอง หากไม่ใช่พวกหลงตัว ก็ต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงจะพูดอย่างนั้นได้ ซึ่งตัวเล็กเถียงไม่ออก เพราะรู้ว่านั่นคือความจริงที่ประจักษ์ชัด คมสันคือที่หนึ่งในจังหวัด ไม่ใช่แค่ในรุ่นนี้ด้วย

“ถ้านายพูดแบบนั้น ก็อย่าแพ้ให้ใครก่อนที่ฉันจะตามทัน” มะลิพูดเล่นปนฮา เรียกกำลังใจให้ตัวเอง เพราะหากตามคมสันทัน ย่อมหมายถึงเขาได้ทิ้งคู่แข่งที่เหลือไว้ข้างหลังตนแล้วนั่นเอง

“แน่นอน ฉันไม่แพ้แน่ รวมถึงนายด้วย” คมสันบอกกับมะลิอย่างเต็มเสียง ไม่ใช่เพราะมั่นใจ แต่เชื่อมั่นว่าต้องเป็นอย่างนั้นแน่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2020 09:03:48 โดย InDefinition »

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ตัวสำรอง - บทที่ 23 ขอบใจนายมาก
«ตอบ #96 เมื่อ06-01-2020 09:01:40 »

บทที่ 23 ขอบใจนายมาก

ความรู้สึกโดดเดี่ยวพลันหายไป เมื่อได้เจอกันอีกครั้ง มะลิประหลาดใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่ากลางดงนักกีฬาที่ห้อมล้อมอยู่นี้มีใครคนหนึ่งที่เขารู้จัก คมสันเพื่อนสนิทของตนก็เข้าร่วมการแข่งขันในระยะนี้ ซึ่งประเด็นหลังนี้เองที่ทำให้มะลิแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีโอกาสมาประจันหน้ากับคมสันในการแข่งระยะนี้ มะลิที่เปลี่ยนมาวิ่ง 3,000 เมตร เคยนึกเสียใจอยู่เหมือนกัน เพราะตนเปลี่ยนมาวิ่งระยะนี้ก็อาจไม่ได้ตัดสินกับคมสันอีกแล้ว ด้วยครั้งล่าสุดที่พบหน้ากัน คมสันวิ่ง 1,500 เมตร

“ไม่คิดว่านายจะขึ้นมาวิ่ง 3,000เมตร” มะลิชวนคนข้างกายคุยอย่างเป็นกันเอง เขาผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด ผิดจากก่อนหน้าลิบลับ

“ฉันเองก็คิดไม่ต่างจากนาย ทีแรกนึกว่าจะไม่ได้แข่งกับนายแล้ว” คมสันตอบกลับ จากเดิมที่เขามองว่างานคัดเลือกคงไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น บัดนี้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะคนตรงหน้านี้ คู่แข่งที่เขามองข้ามไปไม่ได้เลย

“ฉันก็เหมือนกัน นึกว่าจะไม่เจอกันแล้ว” มะลิยิ้ม บอกความนัยอย่างไม่คิดจะปิดบัง

“ฮาฮาฮา...” ก่อนเสียงหัวเราะจากสองนักวิ่งจะเรียกความสนใจจากผู้คนรอบข้างให้หันมาจ้องมอง แค่ยืนคู่กันก็แทบเห็นผลแพ้ชนะแล้ว นั่นเป็นความคิดของคนนอก --- ย่อมไม่ใช่สิ่งที่คมสันวาดไว้แน่ เขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของคนตรงหน้า

กรรมการข้างสนามเรียกนักกีฬาชุดแรกไปประจำตำแหน่งบนลู่วิ่งของตน มะลิอยู่ในชุดดังกล่าว คนตัวเล็กซึ่งเคยผ่อนคลายจากความตึงเครียดเมื่อพบหน้าคนรู้จัก ขณะนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น ความกดดันที่นึกว่าจางหายไปแล้วย้อนมาเล่นงานอีกครา ด้วยต่อจากนี้จะเป็นของจริง การลงสนามอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเขา มะลิก้าวออกไปอย่างฝืดเกรง คำอวยพรของคมสันเหมือนส่งมาไม่ถึง ด้วยเขามุ่งสมาธิให้กับการแข่งโดยไม่เหลือให้กับสิ่งใด สิ้นเสียงสัญญาณปล่อยตัว มะลิกลับเป็นคนสุดท้ายที่ก้าวออกไป ตื่นสนามจนไม่ได้ยินเสียงใด แต่เพียงครู่หนึ่งถึงรู้ว่าควรทำอะไรต่อ ถึงก้าวไปข้างหน้าตามหลังนักกีฬาที่วิ่งนำอยู่ จังหวะการวิ่งไม่สมดุลนัก หนักเบาไม่เท่ากัน ความกดดันและความกังวลรุมทำร้ายเขาจนตั้งตัวไม่ติด

นับว่ายังมีโชคที่เป็นการแข่งระยะไกล แม้จะไม่ทรงตัวในช่วงต้น นักกีฬาที่สามารถฟื้นกลับมาในช่วงกลางหรือปลายเกมก็ยังมีโอกาสคว้าชัยมาครอง ไม่ต่างจากมาราธอนที่ความเร็วในต้นเกมไม่ใช่ตัวตัดสิ้นแพ้ชนะ ความสม่ำเสมอ ความสมดุล และสติ สิ่งเหล่านี้ต่างหากเป็นจุดพลิกผันสำคัญ ทว่าในขณะนี้มะลิยังไม่มีทีท่าจะฟื้นคืนสนามอย่างที่ควรจะเป็น ด้วยเขาไม่มีทั้งสติ ไร้สมดุล ขาดความสม่ำเสมอ ตัวการสำคัญคือใจ ใจที่ว้าวุ่นย่อมหมายถึงหายนะ โดยเฉพาะการแข่งจับเวลา ที่ทุกคนถือครองสิทธิ์อย่างเท่าเทียมกัน รอบแรกหากล้มเหลวก็ยังมีรอบถัดไป แต่ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป ดูท่าจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่อาจมองข้าม
กฤษรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี เขามองไปยังคนตัวเล็กอย่างเป็นห่วง นักกีฬาของตนราวกับเป็นคนละคนกับที่อยู่บนสนามฝึกซ้อม ถึงอย่างนั้นตนก็เข้าไปช่วยอะไรเด็กคนนั้นไม่ได้เลย ทำได้เพียงจ้องมองไปพร้อมใจระส่ำ แม้สภาพของลูกศิษย์ตนจะทุลักทุเลคล้ายจะล้มลงตลอดเวลา กฤษทำได้แค่ส่งกำลังใจไปให้ ทำได้เท่านี้จริงๆ เฝ้ามองคนตัวเล็กที่วิ่งช้าเร็วไม่เสมอกัน จับจังหวะไม่ได้แม้แต่น้อย ผลาญแรงอย่างเปล่าประโยชน์ ปล่อยให้ร่างกายแบกภาระตั้งแต่ต้นจนจบเกม

ผลลัพธ์ไม่น่ายินดีเอาเสียเลย มะลิเข้าเส้นชัยเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม รอบแรกผ่านไปด้วยความเหนื่อยอ่อน แทบไม่ต้องมองสถิติใด ด้วยเขารู้ดีว่าทำได้แย่แค่ไหน ต่างจากเพื่อนสนิทของตนซึ่งก้าวเข้ามาแทนที่บนลู่วิ่ง เริ่มต้นรอบแรกในชุดที่สอง คมสันพุ่งตัวออกไปอย่างมั่นคง แน่วแน่ เขาพัฒนาขึ้นจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ไม่มีร้องรอยแห่งความอ่อนแอปรากฏบนดวงหน้าแสนจริงจังนั้น แค่มองมะลิก็รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่ง ขายาวก้าวสลับอย่างสม่ำเสมอ รักษาจังหวะและถนอมแรงอย่างน่าชื่นชม มะลิมองเพื่อนของตนนิ่งงัน ก่อนตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘ฉันกำลังทำอะไรอยู่ ฉันมาที่นี่ทำไม’ ภาพของคมสันคว้าชัยในรอบนี้ไม่ใช่เรื่องเกินคาดหมายเลย เป็นสิ่งที่เดาได้ตั้งแต่แรกออกตัวแล้วต่างหาก พร้อมสถิติที่ขยับขึ้นมาเป็นผู้นำอย่างทิ้งห่าง สร้างความฮือฮาไปทั่วบริเวณ เพราะเพิ่งเอาชนะรุ่นใหญ่จากต่างโรงเรียน ซึ่งขับเคี่ยวในรอบที่ผ่านมาแบบไม่เห็นฝุ่น

“วันนี้นายดูแปลกไปนะมะลิ เป็นอะไรหรือเปล่า” คมสันเดินเข้ามาในจุดพัก ก่อนพูดในสิ่งที่สงสัย ไม่ว่านักกีฬาคนใดที่เห็นผลงานของคนตัวเล็กต่างก็รับรู้ถึงความไม่มั่นคงในฝีเท้าของเพื่อนตน แต่คงมีแค่เขาและอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบดีว่ามะลิกำลังตกที่นั่งลำบาก ด้วยศักยภาพที่เคยประจักษ์ต่อสายตาเขาไม่ใช่แบบนี้ มะลิไม่ได้อ่อนแอขนาดนี้

“ไม่ละ คราวนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ขอบใจนายมาก” สันจ้องมองดวงหน้าที่เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แถมคนตรงหน้ายังส่งสายตาแน่วแน่กลับมา ฟังจากน้ำเสียงหนักแน่นแล้วต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิดมะลิคนเดิมน่าจะกลับมาแล้ว ถึงไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็ตาม และแม้ยังไม่เข้าใจในประโยคท้ายว่าคนตัวเล็กขอบคุณเขาเรื่องอะไร กระนั้นที่เห็นอยู่นี้ก็ทำให้เขาเบาใจขึ้นแล้ว เมื่อคมสันคิดได้ดังนั้นก็ปล่อยให้เพื่อนตัวเล็กรวบรวมสมาธิสำหรับการแข่งรอบถัดไป ส่วนเขาก็เพียงนั่งลงข้างกาย นิ่งเงียบ ไม่เอื้อนเอ่ยประโยคใดอีก

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ตัวสำรอง - บทที่ 24 รีบ
«ตอบ #97 เมื่อ06-01-2020 09:06:28 »

ตัวสำรอง - บทที่ 24 รีบ

เป็นอีกครั้งที่มะลิก้าวเข้าไปยืนอยู่บนลู่วิ่งเพื่อคว้าตั๋วใบสำคัญให้แก่ตน หลายคนในสนามต่างมีสีหน้าพึงใจที่ได้ร่วมแข่งกับเด็กน้อยผู้รั้งอันดับท้ายในตาราง เพราะอย่างน้อยคู่แข่งของพวกเขาก็หายไปหนึ่ง และด้วยครั้งนี้เป็นการจับเวลารอบสุดท้ายของรายการวิ่งระยะดังกล่าว โอกาสสุดท้ายของทั้งแปดคน นับว่าล้ำค่าที่สุดในบรรดานักกีฬาทั้งหมดที่เข้าแข่งขัน

เสี้ยวเวลาเสียงปล่อยตัวดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ขาคู่เล็กก้าวออกมาตีคูกับนักวิ่งทั้งหลาย ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยหนึ่งก้าวของคนตัวเล็กเสมือนครึ่งก้าวของคนอื่นๆ ฉะนั้น จึงต้องออกแรงหนักเป็นสองเท่า แต่นั่นยังไม่ใกล้เคียงระดับที่มะลิพอใจ เพราะขณะนี้เขากลับสู่สภาวะปกติของตนแล้ว ภาพของคมสันที่พยายามทุ่มสุดตัวทั้งสองรอบที่ผ่านมานั้น ช่วยฉุดเขาขึ้นจากก้นเหวแห่งความวิตก หากยังจมอยู่ใต้ก้นบึ้งนั่นต่อ โดยไม่ปีนขึ้นมา คงไม่อาจก้าวตามเพื่อนสนิทของตนได้ และนี่คือเวทีอย่างเป็นทางการของเขากับคมสัน เวทีแรกที่ทำให้พวกเขากลับมาพบกันอีกครั้ง โอกาสที่เขาจะทวงคืนชัยชนะที่คมสันถือครองแต่เพียงผู้เดียวอยู่ตรงหน้านี้แล้ว เพียงแค่เขาผ่านเข้ารอบ เข้าไปชิงชัยกับคมสัน นั่นคือโอกาสเดียวที่เขาพอจะสร้างขึ้นมาได้ สะพานซึ่งเชื่อมระหว่างพวกเขาเข้าด้วยกัน

เพียงสิ้นรอบสนามมะลิที่ถูกขนาบข้างด้วยนักกีฬาคู่แข่งก็ขึ้นไปเป็นผู้นำอย่างน่าตกตะลึง คมสันยืนขึ้นอย่างลืมตัว แม้เขาจะรู้ซึ้งถึงความสามารถของเพื่อนสนิทตนเป็นอย่างดี แต่ไม่ว่าครั้งใดก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ยามจ้องไปยังร่างเล็กที่กำลังเบียดแซงคู่ต่อสู้ซึ่งเคยสบประมาทเจ้าตัวไว้ จะด้วยวาจา แววตา หรือความคิดเพียงชั่ววูบ แค่แวบเดียวที่รู้สึกว่าเด็กที่ตามหลังอยู่ไม่มีทางขึ้นนำได้ ทว่าความคิดนั้นยังไม่ทันจะสิ้นไป ฉับพลันสายตาของนักกีฬาบนสนามก็จ้องไปยังแผ่นหลังแปลกตา คนตรงหน้าที่พวกเขาไม่คิดฝันว่าจะอยู่ในการรับรู้ ไม่ใช่การทบรอบ แต่ถูกเบียดแซงขึ้นไปอย่างห้าวหาญ นักกีฬาท้ายตารางกำลังยึดครองหัวขบวนอยู่ในขณะนี้ ด้วยฝีเท้าเร็วรัวของเด็กคนนั้น ค่อยๆ ทิ้งห่างพวกเขาออกไปทีละช่วงตัว

รอบแล้วรอบเล่าเวียนผ่านไป เข้าสู่รอบสี่ซึ่งนักกีฬาหลายคนพยายามเก็บหอมรอมริบเรี่ยวแรงเพื่อใช้ในช่วงท้าย ไม่ว่าใครต่างควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ผลีผลาม ไม่ประมาท แม้จะมีใครบางคนกำลังทุ่มแรงให้กับความเร็วที่เกินปกติ ทลายกรอบเกณฑ์ของนักวิ่งทุกคนบนสนาม มะลิทิ้งห่างอันดับสองมากถึงสี่ช่วงตัว มากพอที่เขาจะรักษาฟอร์มไว้อย่างนี้ เพื่อรอเวลาแห่งการปลดปล่อย ใช่ ไม่ว่าใครก็ต่างคิดเช่นนั้น แต่นั่นไม่ใช่ทางที่เลือก

ในสำนึกของมะลิ ที่เป็นอยู่นี้ยังไม่อาจเทียบเคียงความสาหัสจากฝึกซ้อมที่ผ่านมา เขาทำได้มากกว่านี้ เขายังเร็วได้อีก และเขายังไหว หากมัวพะวงกับระยะปลอดภัย หากปล่อยตัวเองเกาะกลุ่มกับคนที่เหลือ แน่นอนเขาอาจคว้าอันดับต้นๆ เอาไว้ได้ แต่นั่นย่อมไม่เพียงพอต่อการไล่ตามเพื่อนสนิทคนนั้นแน่ มะลิไม่ได้แข็งกับคนบนสนาม เขากำลังเร่งความเร็วเพื่อก้ามตามฝีเท้าของคมสัน --- ยังไม่พอ ยังเร็วได้อีก

ห้ารอบสนามผ่านไป เข้าสู่ช่วงท้ายของการแข่งระยะ 3,000 เมตร นักกีฬาชุดสุดท้ายยังขับเคี่ยวกันบนลู่สนาม บ้างตัดเข้าลู่ในรักษาความเร็วไว้ บ้างทำท่าจะขึ้นแซง แต่ยังถนอมน้ำใจ ผ่อนกำลังแล้วกลับคืนตำแหน่งเดิม ขณะนี้สายตาหลายคู่จับจ้องไปยังผู้นำกลุ่ม ซึ่งทิ้งช่วงห่างคู่ต่อสู้ออกไปเรื่อยๆ แม้จะเข้าสู่เขตระวังภัยแล้วก็ตาม เด็กตัวเล็กที่หลายคนมั่นใจว่าต้องจมลงไปกับกำลังที่ถดถอยจากการโหมแรงอย่างบ้าระห่ำ ด้วยเด็กคนนั้นไม่คิดจะเก็บหอมรอมแรงเอาไว้เลยสักนิด ขาคู่เล็กกลับเร่งฝีเท้าขึ้นอย่างน่าใจหาย

‘รีบขนาดนั้นต้องหมดแรงก่อนเข้าเส้นชัยแน่นอน’ ทว่าความคิดซึ่งผุดขึ้นมาถูกสั่นคลอนอีกครั้งเมื่อเข้าสู่รอบที่หก--- นักวิ่งที่ตามหลังใช่ว่าจะยอมปล่อยให้ช่องว่างขยายขึ้นอย่างไร้ไยดี พวกเขาพยายามแล้ว วิ่งตามคนข้างหน้าไปอย่างสุดแรง แต่ไร้ผล ไม่ว่าจะทุ่มกำลังแค่ไหน คนตัวเล็กก็ยังทิ้งห่างพวกเขาอยู่ดี

‘ทำไมถึงเป็นแบบนี้ คู่แข่งที่ไม่ได้ความในเกมแรก คู่แข่งที่ตัวแค่นั้น คู่แข่งที่ไม่คุ้นหน้านั่น ทำไมถึงพุ่งตัวออกไปเรื่อยๆ ไม่เหนื่อยเลยหรือไง’อีกหลากความรู้สึกจากกลุ่มตาม ซึ่งเคยคิดจะต่อกรกับคนตัวเล็ก บัดนี้ผลลัพธ์ออกมาตรงกันข้าม แถมกำลัง แรงกาย แรงใจก็หดหายไปโดยเปล่าประโยชน์


ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ตัวสำรอง - บทที่ 25 เด็กนั่นเป็นใครกัน

มะลิเร่งความเร็วอีกระลอกเมื่อเข้าสู่รอบที่เจ็ด ข้างกายไร้การต่อกร กระนั้นก็ยากจะยกเหตุผลนี้ขึ้นมาให้เขาปล่อยวาง มะลิพยายามสร้างภาพจำให้การแข่งที่ดำเนินอยู่เป็นเสมือนการฝึกซ้อมบนลานดิน แม้เขาจะไร้คู่แข่ง แต่เขาก็ยังมีคู่ต่อสู้ที่ยากจะโค่นล้มอยู่

เขากำลังแข่งกับเวลา คู่หูที่วิ่งนำไปเรื่อยๆ เวลาค่อยๆ เพิ่มขึ้น แรงกายแรงใจถูกรีดเค้นออกมาเป็นกำลังขา มะลิเร่งฝีเท้าแทบจะเกินขีดจำกัด แต่ก็ยังอยู่ในมาตรฐานที่ตนเคยทำไว้ สถิติที่ตนเคยทำได้ บัดนี้เริ่มเผยร่างจริง ด้วยกำลังและเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ กับอีกครึ่งรอบสนาม เขาจะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้อีกหรือไม่ สถิติที่คนในชมรมต่างเคยยลโฉม กำลังรอเปิดม่านให้กับผู้ชมในระดับจังหวัด

และแล้วก็เข้าสู่บทสรุป มะลิย่างก้าวอย่างมรมาน ขาทั้งสองต้องรับบทหนักมาตลอดเจ็ดรอบสนาม ความทุกข์เข้ามากล้ำกรายอย่างสนิทชิดเชื้อ แต่เขารู้จักความรู้สึกนี้ดีไม่แพ้ใครในสนามแห่งนี้ ความเจ็บปวดมักทักทายพวกเขาในช่วงเวลาสำคัญที่สุดเช่นนี้ เพียงแต่เขาไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจความรู้สึกที่เกิดขึ้น เพราะรู้ดีว่าถึงยังไงก็เลี่ยงไม่พ้น จึงไม่บ่ายเบี่ยง ทว่ากลับต้อนรับขับสู้มันอย่างดี พยายามผ่อนคลาย แม้จะรู้ว่าความอดกลั้นได้หมดไปตั้งแต่ต้นรอบสุดท้ายแล้วก็ตาม แต่เขายังไม่ยอมแพ้ ฝืนทนจนปลายทางร่นระยะเหลือเพียงไม่กี่เมตร

กฤษและลูกทีมทั้งสองชิดติดขอบสนาม จากความกังวลแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นในบันดล เมื่อมะลิก้าวขึ้นนำอย่างเหลือเชื่อ นัยหนึ่งพวกเขาโล่งใจที่มะลิเอาชนะตัวเองได้แล้ว อีกนัยหนึ่งก็ต่างดีใจที่มะลิได้แสดงความสามารถให้ทุกสายตาในที่นี้ แม้พวกเขาจะคุ้นชินกับภาพที่เห็นและเรื่องที่เป็นอยู่ แต่ไม่เคยสัมผัสประสบการณ์อย่างนี้จริงๆ สักที ด้วยสนามเนินดินไร้การเปรียบเทียบ ความพิเศษจึงไม่ถูกชูให้เห็นถึงความแตกต่าง เพราะในการฝึกซ้อมทั้งสามต่างพุ่งชนคู่แข่งในจินตนาการของตน ไม่มีคู่ขับเคี่ยวที่สมน้ำสมเนื้อเหมือนในสนามทางการ พวกเขาวิ่งออกไปเพียงลำพังตามกำลังที่มีอยู่

ส่วนมะลิที่วิ่งแข่งกับเวลาที่ร่นถอยลงไปเรื่อยๆ เสี้ยวนาทีที่ค่อยๆ หมดไป แต่ในการรับรู้ของมะลิ นั่นไม่ใช่การถอยหลังของเวลา แต่เป็นการนำของคู่แข่งตัวฉกาจ หนึ่งวินาทีสูญไป เท่ากับหลายสิบก้าวของเวลา เขาแข่งกับมันแทบสนิทชิดเชื้อ คู่แข่งเพียงหนึ่งเดียวของมะลิคือเวลา มีเพียงเวลาเท่านั้นที่ร่วมผจญกับเขาตลอดมา แม้ครั้งนี้จะต่างออกไป เมื่อมีผู้เข้าแข่งขันเพิ่มเข้ามาเจ็ดคน นักวิ่งจากโรงเรียนอื่น ไม่ว่าเด่นดังหรือไร้ชื่อ ต่างขับสู้กับเขาอย่างสุดความสามารถ แต่มะลิก็ยังแข่งกับคู่หูคนเดิม กฤษมองลูกศิษย์ของตนซึ่งยังท้าชนคู่หูเดิมโดยไม่สนใจรอบข้าง เวลาที่วิ่งนำหน้าไม่มีสิ้นสุด กับมะลิที่ไล่ตามอย่างไม่ย่อท้า ทิ้งห่างทุกคนไปราวครึ่งสนาม

คมสันจ้องไปยังจุดเดียวอย่างไม่ลดละ เขาก้าวขึ้นมาเบียดนักกีฬาคนอื่นที่กลายเป็นผู้ชมอยู่ในขณะนี้ ขอบสนามเนื่องแน่นด้วยฝูงคน ฝูงชนต่างเฝ้ามองการแข่งขันรอบนี้เป็นพิเศษ รอบสุดท้ายที่ต่างออกไป กับผู้แข่งขันเพียงหนึ่งที่พวกเขาจับจ้องอย่างไม่เชื่อสายตา

‘เด็กนั่นเป็นใครกัน’ ‘ใช่คนเดียวกับรอบแรกหรือเปล่า’ ‘มาจากโรงเรียนไหน’ ‘เรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นแล้วไง’ ‘ไม่น่าเชื่อ’ ‘เอาแรงมาจากไหน’ ‘ตัวแค่นี้เนี่ยนะ’ ‘เขาชื่ออะไร’ เสียงร่ำร้องจากฝูงชนไม่อาจพรากความสนใจที่คมสันมีให้เพื่อนสนิทของตนได้ เพราะคำตอบของคำถามเหล่านั้นเขารู้ดีกว่าใคร เขารู้ซึ้งยิ่งกว่าคนที่ตื่นตะลึงอยู่นี้ เพราะเขารู้นั่นเอง เขาถึงตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด แทบจะวิ่งออกไปท้าประลองกับคนบนลู่ให้สิ้นกระหาย เขาอยากแข่งกับคนตรงหน้าเดี๋ยวนี้เลยก็ว่าได้ อยากเอาชนะคนตัวเล็ก และเขาไม่อยากเป็นผู้ชมอีกแล้ว ไม่อยากเป็นแค่คนที่ยืนมองจากข้างสนามแบบนี้

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ตัวสำรอง - บทที่ 26 ต้นทุนไม่เหมือนกัน

มะลิเร่งฝีเท้าจนเกินขีดสุดจำกัดของตัวเองมาไกลเกินยั้งมือ ด้วยภาพในหัวนั้น คู่แข่งของเขาวิ่งนำหน้าไปก่อนแล้ว ขาคู่นี้จึงต้องรับภาระหนักกว่าเดิม ไม่นับว่าเป็นช่วงท้ายของการแข่ง ซึ่งนักกีฬาย่อมอ่อนแรงเป็นธรรมดา ความสาหัสที่ร่างกายแบกไว้ไม่ใช่น้อยๆ เลย การทำตามความต้องการของเจ้าของร่าง เท่ากับฝืนทนต่อความเจ็บปวด ทรมาน เพื่อหวังให้เจ้าตัวทำเวลาเร็วขึ้นสักวินาที หากขาคู่นี้คิดได้คงบรรยายมาอย่างนี้ กระนั้นขาคิดเองไม่ได้ มะลิต่างหากที่คิดให้และสั่งการ โดยไม่รอรับความยินยอมจากทั้งสองข้าง ทำแค่เพียงก้าวเท้าออกไป

ใช่ เพื่อให้เวลาดีขึ้นแค่เสี้ยววิก็ยังดี

ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนราง ทุกขณะที่ย่างก้าวทิวทัศน์ตรงหน้าสั่นไหว หากแต่เวลานี้นักกีฬาในสนามทุกคนคงจ้องเพียงเส้นชัยที่พาดผ่าน แม้พร่าเลือน ไม่ชัดเจน โยกคลอนจนยากจะจับจ้อง พวกเขาก็ยังเพ่งมองปลายทาง ซึ่งเป็นบทสรุปของการแข่งขันรอบนี้ แม้ใจจะอ่อนล้า แม้กายนั้นอ่อนเพลีย ทว่าตั๋วใบนี้สำคัญมากเสียจนต้องฝ่ากายและใจเพื่อไปคว้ามา

ทางด้านเด็กชายตัวเล็กผู้เป็นหัวขบวนของนักกีฬาในรอบสุดท้าย บัดนี้ขาคู่ใจแทบจะไร้ความรู้สึกใด เจ็บจนด้านชา ความทุกข์ทรมานที่เคยโหมกระหน่ำเข้ามาไม่ยั้ง จางหายไปจนสิ้น ไม่ใช่ไม่รับรู้ เขาไม่อยากรับรู้ต่างหากจึงตัดสัมพันธ์ชั่วคราวกับอาการทั้งหลายที่แปรปรวนอยู่ก่อนหน้า ลำพังประคองสติของตนเอาไว้ก็เกินจะรับมือแล้ว ยังดีที่ภาพเลือนรางตรงหน้ายังวิ่งเข้ามาในกระบอกตา กับเพียงคำร้องซึ่งกู่ก้องอยู่ภายใน ‘เร็วขึ้นอีก เร็วขึ้นอีก ยังเร็วได้กว่านี้ ยังไปต่อได้อีก นายยังไหว อย่าเพิ่งยอมแพ้’ ประโยคเสมือนคำภาวนากำลังร่ำร้อง ไม่ให้ร่างเนื้อแพ้พ่ายไปก่อนใจสู้ มะลิประคับประคองกายนี้ให้วิ่งต่อไป เส้นชัยอยู่ตรงหน้าแล้ว

ก่อนภาพที่เห็นจะวูบไหวและดับไป มะลิถูกความมืดเข้าปกคลุม ‘ยัง ฉันยังต้องวิ่งต่อ อย่า...’ ความรู้สึกสุดท้ายบอกกับเขาแต่เพียงเท่านั้น

กฤษรีบวิ่งเข้าไปในสนาม ร้องบอกผู้คุมเมื่อการแข่งใกล้สิ้นสุด เพราะรู้ว่านักกีฬาของตนต้องล้มพับแน่ ดังนั้นหน้าที่ของเขาคือการเข้าไปเตรียมรับตัวนักกีฬาหลังพ้นเส้นชัยมา ด้วยบางรายอาจถึงขั้นไร้สติ ไม่อาจทรงกายได้ หากเป็นเช่นนั้นย่อมเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับผู้ฝึกสอนคนอื่นที่ทยอยมาสมทบ กฤษก้าวขึ้นหน้าก่อนใครเพื่อน รอรับร่างบางของคนตัวเล็ก ร่างนั้นยังพุ่งต่อไม่หยุด กฤษจำต้องถลาเข้าไปคว้าคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขนกว้าง แรงกระแทกจากความเร็วชั่วขณะที่เร่งผ่านเส้นชัยทำเอากฤษซวนเซจนถอยหลังไปหลายก้าว แต่ก็เพื่อลดแรงปะทะจากลูกศิษย์ตัวน้อย ไม่ให้ทั้งเขาและเด็กตรงหน้าเจ็บตัวไปมากกว่านี้ แค่ที่เป็นอยู่ก็สาหัสพอตัวแล้ว ต่อจากนี้คือการพักผ่อน กฤษยกร่างเล็กไปยังจุดปลอดภัย ด้วยนักกีฬาคนอื่นยังพุ่งเข้ามาไม่หยุด เขากระชับแขน อุ้มนักวิ่งของตนจนพ้นบริเวณ ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง พร้อมสลับมองใบหน้าในปกครองเป็นพักๆ ก่อนระบายยิ้มออกมา แม้รู้ว่าเจ้าตัวหมดสติไปแล้ว แต่กฤษก็ยังอยากมอบยิ้มนี้ให้ไป ---‘ทำได้ดีมากมะลิ’ กฤษเอ่ยในใจ

ร่างเล็กในอ้อมแขนของกฤษถูกจับจ้องจากสายตาหลายสิบคู่ในสนามที่หันมามอง ใจกล้าและเสมอก้าวออกไปจนถึงคนทั้งสอง ทั้งคู่หันไปมองสถิติของเพื่อนตนอีกครั้ง ด้วยตัวเลขที่ออกมาเกินกว่าใครจะคาดถึง แม้แต่พวกเขาที่รู้ความสามารถของคนตัวเล็กดี ยังอดทึ่งกับผลงานที่ออกมาไม่ได้ นี่ไม่ใช่การแข่งจับเวลาปกติแล้ว แต่เป็นการทำลายสถิติสนามของมะลิ ล้มคู่แข่งจากโรงเรียนยักษ์ใหญ่ด้วยตัวเลขที่ก้าวผ่านระดับประเทศไปในพริบตา ไม่แปลกถ้ายามนี้มะลิจะถูกจับตาจากนักกีฬาและผู้ฝึกสอนทั้งหลาย เพราะใครจะเชื่อว่าสถิติที่กำลังฉายอยู่บนจอใหญ่ จะเป็นผลงานของนักกีฬาโรงเรียนเล็ก ผ่านฝีเท้าของคนตัวเล็กที่นอนหมดสถิไปแล้วนั่นเอง

“นายแน่มากมะลิ” คมสันเอ่ยจากที่ไกล

คล้อยหลังการแข่งขันจับเวลาระยะ 3,000 เมตรจบไป กฤษตัดสินใจให้ลูกศิษย์คนล่าสุดที่ลงสนามพักผ่อนเอาแรง คนทั้งสามตกลงกันว่ารอมะลิคืนสติก่อนค่อยเดินทางกลับ ระหว่างนั้นก็ชมการแข่งระยะอื่นไปพลาง เพราะยังนั่งอยู่ในสนามกว้าง แม้เสียงอึกทึกรอบบริเวณจะกังวานอยู่ก็ตาม ด้วยหลายโรงเรียนยังมีการแข่งขันให้ตามลุ้นตามเชียร์กันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะฝั่งโรงเรียนใหญ่ที่ส่งชิงชัยแทบทุกรายการ ไม่แปลกหากจะขนทัพนักกีฬาและกองเชียร์มาประจำสนามกันคับคั่งอย่างนี้

“โรงเรียนอันดับหนึ่งกวาดเรียบไม่เกรงใจใครเลยนะ” ใจกล้าโพล่งขึ้น ทันทีที่แถวบนสุดของสถิติซึ่งเพิ่งขึ้นจอถูกโรงเรียนอันดับหนึ่งในความหมายของเขาคว้าไปครองอีกครั้ง

“โรงเรียนอันดับหนึ่ง...” เสมอดูท่าจะไม่เข้าใจนัยแฝงของเพื่อนตน แต่ก็ไม่กล้าถามออกมาตรงๆ เพียงเปรยไว้ เผื่อใจกล้าจะใจดีไขความให้กระจ่าง

“ก็โรงเรียนของคมสันไง คนที่ยึดตำแหน่งอันดับหนึ่งไว้ในรุ่นเล็ก” ใจกล้าไม่รีรอ เสริมเพื่อนตนอย่างรู้ทัน แม้ว่าในรอบที่แล้วชมรมกรีฑาเล็กๆ จากโรงเรียนห่างไกลของพวกเขาจะเพิ่งล้มแชมป์มาได้ ทว่านั่นก็เพียงการแข่งจับเวลา ไม่ใช่ผลแพ้ชนะอย่างเป็นทางการ การแข่งขันรอบตัดเชือกในการหาตัวแทนจังหวัดต่างหากจึงจะเป็นของจริง

ถึงจะน่าภูมิใจแค่ไหน ก็ยากที่จะมีใครมาไยดีเวลาในรอบคัดเลือกเล็กๆ นี้ ด้วยทุกคนต่างรู้ดีว่าแรงกดดันในรอบนี้ เทียบไม่ได้การขับเคี่ยวชี้เป็นชี้ตายในรอบถัดไป ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อนักกีฬา จนบางรายที่ทำผลงานในรอบจับเวลาได้อย่างสวยงามต้องตกเหวไปอย่างอนาถ เพียงเพราะรับความกดดันในรอบตัดสินไม่ไหว ระดับต่างกันจนยากเกินต้านทาน แม้แต่นักกีฬาเจนสนามยังมีพลาดพลั้งได้

“ต้นทุนไม่เหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าความพยายามจะไร้ผลเสมอไป จริงไหม...” กฤษร่วมวงสนทนากับนักกีฬาของตน ท้ายประโยคยังหันไปมองหน้าอีกคนที่นอนพักอยู่ด้านหลัง คล้ายกับจะสื่อว่าคนตัวเล็กตรงนั้นเป็นตัวแทนพิสูจน์คำพูดที่เขาเอ่ยมา สัญลักษณ์ของความพยายาม

“ครับ” ทั้งสองตอบแทบจะพร้อมเพรียง ไม่มีทางที่พวกตนจะปฏิเสธความจริงที่ประจักษ์ชัดตรงหน้า ถึงจะเป็นแค่รอบจับเวลา กระนั้นมะลิก็ได้จารึกผลงานที่เกิดจากความมานะอุตสาหะไว้เป็นสถิติสนาม ซึ่งพวกเขายังก้าวข้ามไม่ได้ จะรอบรองหรือรอบชิง ความจริงที่ว่ามะลิได้พิสูจน์ผลจากความพยายามก็เป็นที่ยอมรับแล้ว อย่างน้อยก็ในสายตาของทั้งคู่

“แต่รอบต่อไปพวกเราก็ต้องเจอโรงเรียนนี้อยู่ดี ท่าจะเหนื่อยนะครับ รอบนี้ผมยังโดนเบียดแซงเอาตอนท้ายเลย” เสมอกล่าว ในรอบ 100 เมตรที่ว่าสั้น แต่เสี้ยวนาทีนั้นก็ยังถูกโรงเรียนดังชิงไป จนเสมอที่คิดว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว ก็ยังไม่พอหากคิดจะล้มโรงเรียนนี้จริงๆ

“ถ้างั้นก็ต้องซ้อมให้หนักกว่าเดิม” ใจกล้าเสนอ ในมุมมองของเขาคงไม่มีทางไหนที่จะพาตนและเพื่อนร่วมทีมไปคว้าชัยมาได้ นอกเสียจากการฝึกฝน ยิ่งหนักยิ่งเห็นผล ใจกล้าคิดแบบนั้น ซึ่งกฤษก็ส่ายหน้าทันทีที่ได้ยินคำกล่าว เขาเห็นค้าน

“กลับไปพวกเธอต้องพักผ่อน พรุ่งนี้มาเจอกัน แต่ครูจะยังไม่ปล่อยให้ฝึกหนัก กล้ามเนื้อของพวกเธอต้องการเวลาพักฟื้น อย่าเพิ่งสร้างภาระเกินจำเป็นจนบาดเจ็บก่อนลงแข็ง ใจเย็นๆ ผลลัพธ์ไม่ใช่จะออกมาเพียงการซ้อมหนักวันหรือสองวัน ต่อจากนี้เราต้องไปวางแผน หาจุดแข็งจุดอ่อนของพวกเธอแต่ละคน แล้วค่อยปรับแก้” กฤษร่ายยาวให้นักกีฬาทั้งสองฟัง เขารู้ดีว่าผลของการฝึกหนักอย่างเดียวย่อมไม่ให้คุณต่อใคร แถมบางรายอาจมอบโทษเป็นดอกผลของการกระทำชั่ววูบนั้นด้วย

“แต่เราเหลือเวลา...” ใจกล้าเห็นต่าง ทว่าพอเห็นสีหน้าของที่ปรึกษา ก็จำใจเห็นตาม ด้วยเขาก็ทราบเรื่องนั้นดี เพียงแต่เวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนรอบตัดเชือก แค่นั่งอยู่เฉยๆ ตรงนี้เขายังเสียดายเลยด้วยซ้ำ

“การพักผ่อนไม่ใช่เรื่องเสียเปล่า มันจะมอบสิ่งล้ำค้าให้พวกเธอแน่ เชื่อครู” ทั้งสองพยักหน้ารับ

จากนั้นไม่นานมะลิก็ฟื้นตัว สีหน้างุนงงหลังจบการแข่งทำเอาทุกคนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี คลายกังวลในหลายเรื่องก่อนหน้าไปสิ้น แถมคนตัวเล็กยังเอ่ยถามผลการแข่งขันหลังตนหมดสติไป แต่พอได้ยินผลลัพธ์ เจ้าตัวดันไม่เชื่อ หาว่าทุกคนรุมแกล้ง แม้แต่กฤษยังดูเหมารวม สุดท้ายต้องพาไปดูทำเนียบเวลาซึ่งติดประกาศไว้หลังจบการแข่งขันแต่ละรายการ มะลิถึงกับนิ่งงัน ไม่เชื่อสายตาตัวเองอีก ทำเอาใจกล้าต้องเดินมากระทุ้งสีข้าง เพราะหมั่นไส้คนเก่งที่ไม่รู้ระดับของตัวเอง พวกเขาอยากสร้างสถิติแทบตายยังทำไม่ได้ คนที่ยืนงงอยู่หน้าบอร์ดเรียกสายตาหลายคู่จากนักวิ่งที่อยู่ในรอบเดียวกันให้หันมาสนใจ ดันไม่เชื่อฝีเท้าของตัวเอง ถามย้ำอยู่นั่นแหละว่าประกาศผิดหรือเปล่า กว่าจะได้กลับก็เกือบเย็น

“พรุ่งนี้ซ้อมใช่ไหมครับ” คนหมดสติถามอย่างกระตือรือร้น เป็นคิวของกฤษที่ต้องย้ำเรื่องการพักผ่อนกับนักกีฬาอีกคนซึ่งไม่ได้ฟังเขาพูดไปก่อนหน้า ส่วนสองคนที่เหลือยามนี้ไม่มีปากเสียงใดอีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ตัวสำรอง - บทที่ 27 เช้า
«ตอบ #100 เมื่อ06-01-2020 09:12:39 »

ตัวสำรอง - บทที่ 27 เช้า

อากาศตอนเช้ากดต่ำกว่าหลายวันที่ผ่านมา คำว่าเย็นสบายคงใช้บรรยายความหนาวเหน็บของชั่วโมงนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะกับนักวิ่งทั้งสามที่เพิ่งผ่านสมรภูมิร้อนระอุมาหมาดๆ ภาพของการแข่งยังวนเวียนในความทรงจำ นอกเหนือจากความทรมาน ความต้องการวิ่งของทุกคนก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย หากไม่ถูกปราบไว้ก่อนคงมารวมตัวที่สนามตั้งเช้าตรู่แน่ แม้ร่างจะเมื่อยล้า ทว่าความกระหายชัยยังไม่จางไป พวกเขาวิ่งแค่คนละสองรอบสนาม เทียบกับทุกเช้าเย็นในช่วงก่อนวันแข่งไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่เหนือสิ่งอื่นใด การลงสนามจริงก็ไม่อาจเอามาเปรียบกับการฝึกฝน เพราะแรงกดดันจากทุกฟากฝั่งที่รุมล้อม พวกเขายังจำได้ดีว่าให้ผลแบบไหน สองรอบสนามไม่ใช่เรื่องสาหัสเลย หากนั่นไม่ใช่รอบสนามซึ่งต้องทนต่อแรงเสียดทานเหล่านั้น

เช้าวันนี้เอง เสมอ ใจกล้าและมะลิจึงลุกขึ้นมาแต่เช้า ในสภาพกึ่งสมบูรณ์ จะว่าไหวก็ใช่ ครั้นจะมองว่ายังไม่พร้อมก็ไม่เชิง ด้วยใจดวงน้อยยังเต้นแรงไม่หยุด ทั้งตื่นเต้น ดีใจ และหวาดหวั่นไปพร้อมกัน คงเพราะอีกอีกไม่กี่ก้าวพวกเขาก็จะย่างขึ้นไปในชั้นที่ต้องการ ระดับประเทศซึ่งดูเหมือนจะไกลเกินเอื้อม บัดนี้เส้นทางนั้นเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างเลือนรางแล้ว แต่กว่าทางดังกล่าวจะชัดเจนขึ้น ย่อมต้องฝ่าฟันอุปสรรคสุดท้ายจากเหล่าโรงเรียนดังไปก่อน เมื่อนั้นจึงจะนับว่ามาถึงฝันแล้วจริงๆ

คู่แข่งคนสำคัญของมะลิเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคมสัน ซึ่งในรอบจับเวลามะลิทำสถิติเอาไว้อย่างน่าประหลาดใจ ทว่าความแข็งแกร่งของเพื่อนสนิทก็ไม่อาจประเมินได้จากผลของการแข่งนั้น เขาไม่รู้ว่าคมสันใส่กำลังลงไปเต็มที่หรือเปล่า หรือเก็บแรงไว้ใช้จริงในนัดชิง ด้วยสภาพหลังแข่งคมสันยังเดินเหินสะดวก แถมเข้ามาแสดงความเป็นห่วงกับเขาอยู่เลย จะบอกว่านั่นเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของกำลังทั้งหมดที่คมสันใช้ออกมาเขาก็เชื่อ และจะไม่แปลกใจเลยหากรอบตัดเชือกคมสันจะสร้างเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เขารู้อยู่แล้วว่าคมสันเก่ง เขาจึงไม่คิดออมแรงแม้แต่น้อย เขาทุ่มสุดกำลังตั้งแต่ต้น --- ด้วยไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเผชิญหน้ากับคู่แข่งคนนี้อีกหรือเปล่า ทุกครั้งที่ได้เผชิญหน้านั่นคือโอกาสสำคัญของเขา

มะลิจ้องเงาในกระจก บอกกับตัวเองว่าตอนนี้ยังไหว ความหวั่นใจที่สัมผัสได้ก็เป็นส่วนหนึ่งของความตื่นเต้นและดีใจ เขาตื่นเต้นที่ก้าวมาได้ไกลถึงเพียงนี้ เขาดีใจที่ยังไม่ทิ้งลู่วิ่งนี้ไป และภูมิใจมากเมื่อเป้าหมายแรกบรรลุผล หรือก็คือ เขาได้พบกับเพื่อนตนในสนามแข่งอย่างเป็นทางการแล้วนั่นเอง และอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ จะถึงเวลางัดง้างกับเพื่อนคนเก่ง เพื่อพิสูจน์ความพยายามที่ตนได้ลงมือทำตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา พร้อมกับส่งสารไปยังคู่ต่อสู้คนนี้ว่าเขายังไม่ยอมแพ้

อย่างน้อยก็คลายกังวลได้ระดับหนึ่ง เรื่องจะได้พบกันอีกไหม เขากับคมสันจะมีโอกาสวิ่งด้วยกันอีกหรือเปล่า เรื่องนี้แทบไม่ต้องคิดมากแล้ว เพราะเขากำลังออกวิ่งไปพร้อมกับคมสันอีกครั้ง ถึงจะในฐานะที่ต่างออกไป กระนั้นเขาก็ยินดี แค่นี้ก็ดีแล้ว ดีกว่าไม่ได้เจอกันอีก ใช่ ดีกว่าปล่อยให้หายไปโดยที่เขายังไม่ได้พยายาม แต่ตอนนี้เขาทำสำเร็จในขั้นแรกแล้ว เขายังได้วิ่ง ยังได้เคียงข้างคมสันต่อไปอีก

มะลิตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าในการแข่งที่จะมาถึง เขาจะไม่ปล่อยให้แผ่นหลังกว้างนั้นคลาดสายตาเด็ดขาด ไม่ปล่อยให้คนๆ นี้หายไปแบบเดิมอีกแล้ว เขาจะก้าวขาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะขึ้นไปขนาบข้างกับคมสัน และหากเป็นไปได้ก็อยากก้าวข้ามคนตัวโตและคว้าชัยมาสักครั้ง

“วันนี้ออกไปข้างนอกไหมลูก” แม่ร้องทักจากข้างนอก ก่อนบอกว่าเตรียมข้าวเช้าเสร็จแล้ว

วันนี้ต้องออกไปข้างนอกแน่ แต่ตอนเช้าเขายังไม่ไปที่โรงเรียน ด้วยอาจารย์กฤษนัดพวกเขาช่วงบ่าย หวังให้ทุกคนพักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งมะลิไม่ถึงกับขัดคำสั่ง เขาพักผ่อนจนเต็มอิ่มมาตั้งแต่เมื่อวาน หรืออาจตั้งแต่แข่งเสร็จเลยด้วยซ้ำ เช้านี้จึงตั้งจะเดินเล่นแถวละแวก อยากออกไปสูดอากาศเย็นให้เต็มปอด คงอยู่เฉยในห้องอย่างเดียวไม่ได้จริงๆ เขาข่มใจให้สงบไม่ได้เลยสักนิด ต้องวิ่ง อยากวิ่ง อยากจะวิ่งไปให้สุดขอบสนาม --- เฝ้ารอเวลาให้มาถึงเร็วพลัน ทว่าเวลายังคงเดินไปตามจังหวะเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“ออกไปเดินเล่นนะครับ” บอกกับคนในบ้านพร้อมควานหาเสื้อกันหนาวที่ไม่หนาจนเกินไปมาสวม แล้วออกเดินไปข้างนอก

หมอกหนาทำให้แวดล้อมแปลกออกไป มุมมองด้านบนถูกบดบังไปกว่าครึ่ง เบื้องหน้าเป็นถนนเลียบผ่านลำธารเล็ก เขาเดินช้าๆ ไปตามทาง ยังดีบริเวณนี้เป็นซอยเล็ก รถวิ่งสวนกันช้าๆ ไม่อันตรามากแม้อยู่ท่ามกลางสภาพอากาศเช่นนี้ก็ตาม มะลิปล่อยเวลาเคลื่อนไปจนแสงอาทิตย์ฝ่าเมฆหมอกลงมาในที่สุด รอบตัวเริ่มสว่างขึ้นทันตา แสงทองอร่ามซึ่งยากจะเห็นหากมัวหมกตัวอยู่ในห้อง ตอนนี้เขาเพียงจ้องภาพตรงหน้าอย่างนั้นจนหมอกมลายสิ้น

เมื่อแดดส่องถึงอากาศก็เริ่มอุ่นขึ้น ความร้อนไล่หลังมาติดๆ จากนั้นไม่นานมะลิก็ย้อนกลับทางเดิม ทอดน่องช้าๆ ไม่ต่างจากขามา มีแดดเช้าวิ่งตามไม่ลดละ ความหนาวเย็นก่อนหน้าราวกับฝันไป มะลิถึงห้องก็หันมองเวลาที่ถูกผลาญไปเพียงเสี้ยวเดียวจากที่ตั้งใจไว้ เขาอยากวิ่ง อยากให้เวลาเดินเร็วกว่านี้ ทว่าเวลาก็ยังคงรักษาจังหวะของตนไว้ดังเดิม --- ใจที่ร้อนรนต่างหากทำให้เวลาที่เคลื่อนไปข้างหน้าเหมือนจะช้าลง

ด้านใจกล้ากับเสมอก็คล้ายกัน แม้ไม่ตื่นเช้าเท่าคนตัวเล็ก แต่ก็ไล่เลี่ยกันไม่นานนัก ทั้งคู่รู้สึกไม่ต่างจากมะลิเลย ตั้งคำถามกับเวลาในหน้าปัดนาฬิกาของพวกตน ถึงอย่างนั้นก็ฝืนคำสั่งที่ปรึกษาไม่ได้ ใจพร้อม กายพร้อม แต่สนามกลับไม่ต้อนรับพวกเขา เพราะเวลายังมาไม่ถึง ครั้นจะย่องไปโดยไม่ปล่อยกล่าว คราวก่อนก็เห็นผลแล้วว่าเปล่าประโยชน์ จำต้องทนข่มใจอยู่ในห้องอย่างนี้จนเลยมื้อเช้า

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ตัวสำรอง - บทที่ 28 ก่อนรอบตัดเชือก

เป็นใจกล้าที่มาถึงเป็นคนแรก ไอร้อนในยามบ่ายไม่ทำให้เขาบ่ายหน้าหรือถอยหนีเพียงเพราะความอบอ้าว กลับกันใจกล้ายิ่งทวีความอยากที่จะลงสนามมากขึ้นทุกขณะ อยากก้าวหน้าให้มากกว่านี้ อยากข้ามพ้นตัวเองในเมื่อวาน ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนร่วมทีมที่คอยชื่นชมคนตัวเล็กอยู่ข้างสนามอีกต่อไป ด้วยทุกครั้งที่คนๆ นั้นออกตัวก็มักจะสร้างความประหลาดใจให้แก่รอบข้างเสมอ รวมทั้งใจกล้าด้วย ซึ่งอดทึ่งกับการพัฒนาไม่หยุดหย่อนของอีกคนไม่หาย ความตื่นตาตื่นใจใหม่ก็เข้ามาทับถมจนใจกล้าจมลงไปในบ่อของเรื่องไม่คาดฝันที่มะลิสร้างขึ้นอีกคราว เป็นเช่นนี้เรื่อยมานับแต่เขารู้จักคนๆ นี้

ลมเย็นหลงมาพาให้ใจกล้าสะท้าน อากาศพลันกดต่ำเมื่อเมฆเข้าปิดล้อมตะวัน เป็นชั่วครู่ที่ความร้อนถูกดับไป ใจกล้าก้าวขึ้นหน้าและออกตัวไปอย่างช้าๆ กลางสนามซึ่งแทบไม่เหลือรอยของลู่วิ่ง เพียงเงาจางๆ ของฝุ่นผงที่เคยฉาบทับไว้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น แค่อยากวิ่ง ใจกล้าแค่ไม่อยากฝังตัวเองไว้กับความรู้สึกนี้ ความอ่อนแอซึ่งมักปรากฏชัดยามปล่อยความคิดให้พลัดหลงไปกับใจที่อ่อนล้า ใจกล้าอยากสลัดทิ้ง อยากข้ามผ่าน ทว่าหากมัวว้าวุ่นไม่ยอมออกตัว เขาก็คงเป็นตัวสำรองของคนตัวเล็กตลอดไป แม้จะเคยชนะมาได้ ก็แค่ความกระหยิ่มใจจากความกลัวที่เขาทำได้เพียงวิ่งหนีจนก้าวเข้าเส้นชัยเท่านั้น ไม่ใช่เกียรติที่คว้ามาได้จากความภาคภูมิ --- แค่โชคดีเท่านั้น และคงไม่หลุดมาให้ย่ามใจอีกแล้ว

ขาคู่นี้ก้าวสลับกันไม่เป็นจังหวะด้วยกระวนกระวาย ความคิดยังยึดแน่นในความรู้สึก กว่าจะรักษาให้สม่ำเสมอได้ก็ล่วงเข้าอีกรอบสนาม ใจที่เคยรุ่มร้อนค่อยๆ สงบลงด้วยการนับก้าว ก้าวต่อก้าว ทุกแรงส่งกลับมาอยู่ในสัมผัส จากแรงกายสู่ผิวดิน และจากผิวดินสะท้อนกลับสู่ฝ่าเท้า ทั่วร่างรับรู้แรงที่ส่งลงไป พร้อมกันนั้นแรงซึ่งคืนกลับก็คอยย้ำชัดถึงความหนักแน่นที่เขามีต่อก้าวนั้นๆ

แสงแดดลอดผ่านลงมาเป็นสาย มวลเมฆเคลื่อนตัวออกไปและคลายบ่ายคล้อยกลับคืนพื้นสนาม หญ้าแห้งเหลืองทองเด่นชัดเป็นทิว ละอองดินตลบฝ่าเท้าขึ้นมาและฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง ผงดินถูกลมร้อนพัดปลิวไปตามทาง จางหายไปก่อนกลุ่มก้อนใหม่จะก่อตัว ขาคู่นั้นยังก้าวต่อ วิ่งขึ้นหน้าไม่หันกลับมองรอยเดิม ก้าวนี้ ก้าวนั้น ก้าวต่อไป และอีกก้าวหนึ่ง สม่ำเสมอจนได้ยินเสียงฝีเท้า ก้าวของใครสักคนไล่หลังมาจากที่ไกล ก้าวนั้นมั่นคง หนักแน่น ไม่แพ้กัน

ครั้งหนึ่งใจกล้าเคยขยาดฝีก้าวนี้ เคยวิ่งหนีและคอยออกห่างไม่ให้ตามติด เคยพยายามฉีกทิ้งไปให้ไกล และกระทั่งเคยก้าวให้ทัน ด้วยเป็นฝีเท้าเดียวกันกับที่ทำให้เขาร้อนรน ถึงอย่างนั้นก็เป็นฝีเท้าที่ทำให้เขารุ่มร้อน เป็นทั้งคู่แข่งและเพื่อนร่วมทีม เป็นทั้งความกดดันและแรงผลักดัน

ใจกล้ารักษาฝีเท้าของตน เช่นเดียวกับอีกคนที่ยังก้าวตามหลังช้าๆ ไม่รีบเร่ง คงเพราะอยากออกตัว หรือเพราะอยากสัมผัสพื้นสนามที่ห่างเท้าไปหลายวัน มะลิตามหลังใจกล้ามาไม่นานนัก จากนั้นเสมอก็เข้าร่วมขบวนฝีเท้าคงที่กับทั้งคู่ นักวิ่งประจำโรงเรียนเล็กจึงคลุ้งฝุ่นอยู่รอบสนาม ระยะทางระหว่างสามคนพอให้หลบเลี่ยงฝุ่นผงจากคนก่อนหน้าได้บ้าง

“รวมตัว” กฤษที่ยืนมองลูกศิษย์ของตนกระตือรือร้นจนอดกลั้นความอยากจะลงสนามไม่อยู่ เขามาถึงสักพักแล้ว แต่ปล่อยให้ทั้งสามคนใช้เวลานี้ปลดปล่อยความอัดอั้นที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้มาเยือนสนามในช่วงเช้า และเมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาจึงออกปากเรียกทุกคนมารวมตัวเพื่อเริ่มกิจกรรมอย่างเป็นทางการ

“อีกสัปดาห์จะถึงรอบตัดเชือกระดับจังหวัด ถึงจะแค่ไม่กี่วัน แต่ครูก็หวังว่าทุกคนจะใช้เวลานี้สำหรับการฝึกฝนอย่างเต็มที่ แล้วก็อย่างลืมแบ่งเวลาสำหรับการพักผ่อนให้เพียงพอด้วย” กฤษย้ำเรื่องเดิมซ้ำอีกเที่ยว โดยเฉพาะประเด็นหลัง ด้วยทุกก้าวย่างอาจเป็นจุดเปลี่ยนของกลุ่มเด็กตรงหน้า โดยเฉพาะการบาดเจ็บหรือเหตุไม่คาดฝัน ไม่ใช่เพราะกฤษหวังในผลสัมฤทธิ์หรือรางวัลจากลูกศิษย์ของตน เพียงแต่การก้าวที่ผิดจังหวะเพียงก้าวเดียว นั่นอาจหมายถึงความผิดหวังที่เด็กเหล่านี้จะต้องแบกรับไปค่อนชีวิต

“ครับ” ทั้งสามขานรับพร้อมเพรียง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด