บทที่ 12 - ตัดสิน
นักกีฬารอบ 1,500เมตร มารวมตัวเมื่อเสียงผู้คุมข้างสนามเรียกเตรียมความพร้อม คมสันที่เฝ้าคอยการแข่งนี้อย่างใจจดใจจ่อ ก้าวออกมาพร้อมความตื่นเต้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สาเหตุนั้นอาจเป็นเพราะคนตรงหน้านี้ก็ได้ ที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ คนตัวเล็กที่ตามหลังไม่เคยห่าง เป็นยิ่งกว่าเงาติดตาม ทุกครั้งที่ออกวิ่งไปพร้อมกัน จะเป็นเขาเองที่ต้องเหนื่อยอ่อน พอหันกลับไปมองครั้งใด ใบหน้าแห่งความมุ่งมั่นจากคนตัวเล็กก็ยังแจ่มชัด มันอยู่ตรงนั้น จ้องจะคว้าชัยไปจากเขาตลอดเวลา --- นั่นแหละมะลิที่คมสันรู้จัก“ไม่ออมมือให้หรอกนะมะลิ”
“อืม... ทางนี้ก็เหมือนกัน”
บทสนทนาสั้นๆ สิ้นสุดลง เมื่อผู้คุมสนามให้นักกีฬาทุกคนเข้าไปประจำลู่วิ่งของตัวเอง ก่อนเสียงสัญญาณออกตัวจะดังขึ้น พร้อมกันนั้นนักกีฬาทุกคนในสนามก็พุ่งออกไปอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ด้วยการแข่งระยะนี้ไม่ได้เฟ้นหาผู้ที่เร็วที่สุดในสนาม หากแต่เป็นการทดสอบความอดทนของนักวิ่งบนลู่ ว่าใครจะเป็นคนสุดท้ายที่รักษาแรงกายและแรงใจเพื่อพาตนเข้าสู่เส้นชัยเป็นคนแรก ระยะทางเกือบสี่รอบสนามนั้นสาหัสไม่ใช่น้อยสำหรับการแบกความคาดหวังของตนเพื่อเป็นผู้ชนะ เป็นการวิ่งที่จะพิสูจน์ความสามารถของนักกีฬาเลยก็ว่าได้ เพราะบททดสอบต่อจากนี้ไม่ใช่เพียงการออมแรงเพื่อหวังคว้าชัยในช่วงท้าย แต่การปะทะฝีเท้าระหว่างผู้วิ่งบนลู่สนามตลอดสี่รอบสนามก็เป็นส่วนสำคัญ การโหมกำลังใส่คู่ต่อสู้นั่นไม่ใช่เรื่องดีที่ควรกระทำ ทว่า การปล่อยให้คู่แข่งวิ่งเลยไปจนทิ้งช่วงห่างเกินจะก้าวตามในท้ายเกมก็ไม่เป็นความคิดที่ดีเช่นกัน
บททดสอบที่ผู้แข่งขันต้องเลือกช่วงจังหวะในการขึ้นนำหรือไล่ตามให้แก่ตนเอง เพราะการแข่งนี้กำลังมองหานักกีฬาที่ฉลาดซึ่งสามารถจัดสรรและแบ่งช่วงจังหวะการก้าวที่ดีพอจะส่งตัวเองไปยังเส้นชัย
กฤษมองดูนักกีฬาของตนอย่างเป็นห่วง แม้จะฝึกซ้อมเพื่อการแข่งครั้งนี้มาโดยตลอด แต่ความอ่อนล้าซึ่งสะสมมาตั้งแต่เช้าจะส่งผลกระทบกับพวกเขาหรือไม่ คงไม่อาจคาดเดาได้ ทำได้เพียงภาวนาให้ผ่านพ้นไปด้วยดี หน้าที่ของผู้ฝึกสอนจะจบลงเมื่อส่งนักกีฬาลงสู่สนาม บนลานประลองมีเพียงผู้ท้าชิงที่จะฝ่าฟันอุปสรรคด่านสุดท้ายของตนนั่นคือกำลังและจิตใจที่เข้มแข็งของพวกเขา เริ่มจากเอาชนะตัวเองก่อนที่จะไปประหัตประหารคู่แข่ง กฤษที่อยู่ข้างสนามคงทำได้เพียงส่งแรงใจไปให้
‘พยายามเข้าทุกคน อย่างพึ่งหมดแรงไปล่ะ’เป็นผู้ชมคนหนึ่งซึ่งร้องตะโกนจากภายใน
สนามที่ร้อนระอุ นักกีฬาทุกคนเบี่ยงตัวเข้าสู่ลู่วิ่งด้านใน เรียงรายกันเป็นแถวยาว สร้างแนวตามจังหวะของตน หากใครคนใดคนหนึ่งซึ่งอยากท้าทายสนามและแรงกายที่ถูกแดดแผดเผาก็อาจก้าวขึ้นไปเพื่อออกตัวนำคู่แข่งที่เหลือ แต่นั่นเป็นความคิดที่ดีแล้วหรือ คงเป็นวิธีที่ฉลาดหากเขาคนนั้นคว้าชัยไปครอง หรืออาจเป็นเพียงความบ้าบิ่นและโง่เขลาของคนๆ หนึ่งที่ต้องแพ้พ่ายต่อกำลังของตนในท้ายที่สุด บทสรุปจะบอกแก่พวกเขาว่าการกล้าเสี่ยงให้ผลเป็นอย่างไร
เสมอที่อยู่กลางแถวค่อยๆ ถอยร่นลงไปทีละเล็กทีละน้อย กำลังกายของเขาลดลงทุกขณะ การวิ่งระยะกลางเช่นนี้ไม่ใช่ทางถนัดเลย เขาไม่อาจห้ำหั่นด้วยแรงกายเหมือนดั่งการวิ่งระยะสั้น การค่อยๆ ถนอมแรงเอาไว้เพื่อใช้ให้ครบตลอดรอบการแข่งจึงเป็นทางออกเดียวของเขา แม้นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยก็ตาม --- เขาตกไปอยู่หางแถว
‘อดทนไว้ขาคู่นี้ ขอแค่ครบสี่รอบก็ยังดี’ คำวิงวอนที่ส่งให้ร่างของตนอดทนจนจบเกมนี้
ส่วนคมสันยังยึดครองตำแหน่งบริเวณหัวแถวเอาไว้ได้ตามที่ธนัฐคาดการณ์ ถึงไม่ทิ้งห่างคู่แข่งต่างโรงเรียนได้อย่างขาดลอย ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตำหนิในระยะนี้ เพราะอย่างที่ว่ามา สนามนี้ไม่ต้องการคนที่เร็วที่สุด อีกทั้งคู่แข่งที่ตามหลังนักกีฬาตัวเต็ง ก็ยังเป็นผู้คว้าชัยไปในรายการที่ผ่านมา การถนอมแรงและรักษาระดับได้อย่างมั่นคง จึงเป็นทางเลือกที่ฉลาดของคมสัน สมกับเป็นหมายเลขหนึ่งในการวิ่งระยะนี้ ที่แม้แต่รุ่นพี่หลายคนยังเทียบไม่ติด ความสามารถนี้เองทำให้เขากลายเป็นผู้นำของชั้นปีอย่างไม่ต้องสงสัย
‘ไม่เห็นเด็กที่ชื่อมะลิจะโดดเด่นอะไรเลย ดูอย่างตอนนี้ท่าจะหมดแรงไปเสียแล้ว’ ธนัฐหันไปวิเคราะห์คู่แข่งที่ยังแสดงความสามารถได้ต่ำกว่ามาตราของนักวิ่งในชั้นปีที่ลงสนามร่วมด้วย ตั้งแต่การแข่งที่ผ่านมาก็ยังไม่โดดเด่นหรือแสดงให้เห็นว่ามีดีอย่างที่คมสันเคยว่าไว้
มะลิยังก้าวต่อไปอย่างมั่นคง รักษาความเร็วของตนไว้ ขณะนี้อยู่ตรงกลางแถวซึ่งทั้งหัวท้ายมีนักกีฬาตัวสูงปิดล้อม แต่นั่นไม่สร้างความหวาดหวั่นให้เขาแม้แต่น้อย สองรอบสนามผ่านไปโดยยังคุมจังหวะของตนเอาไว้ได้ แม้เหนื่อยอ่อนแต่ก็ยังก้าวต่อเรื่อยๆ กระทั่งเข้าสู่รอบที่สาม คู่แข่งบางคนเริ่มทนความอ่อนล้าที่เข้าเล่นงานไม่ไหว ลดความเร็วลงจนบางรายตกไปอยู่ท้ายแถว มะลิไม่ได้สนใจคนเหล่านั้น แถมยังเพิ่มความเร็วเข้าไปเพื่อสลัดให้พ้นกลุ่มกลาง เขาค่อยๆ ไต่ระดับความเร็วของตนขึ้นไปทีละขั้น ซึ่งเพียงพอต่อการสลับตำแหน่ง แม้ยังไม่ขึ้นเป็นกลุ่มนำ ทว่า ก็หลุดจากกลุ่มตามที่รั้งเขาอยู่ขณะนี้ไปได้ พื้นที่โล่งซึ่งเปิดกว้างจากการเปลี่ยนตำแหน่ง ช่วยทำให้จังหวะการวิ่งผ่อนคลายยิ่งขึ้น มะลิอยู่หลังกลุ่มนำที่ประกอบด้วยคมสันและใจกล้าเพียงไม่กี่ช่วงตัว
ธนัฐซึ่งง่วนอยู่กับสถิติของนักกีฬาจากรอบที่แล้ว ทั้งยังบันทึกผลนักกีฬาของตนในรอบนี้ เพื่อนำไปปรับปรุงการฝึก เงยหน้าขึ้นพร้อมกวาดตามองการแข่งขันซึ่งดำเนินอยู่เพียงครู่ ก่อนก้มลงไปจัดการเอกสารต่อตามปกติ
ทว่า มีบางอย่างที่ไม่ปกติ อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปคลายสงสัยนั้น ภาพการแข่งในสนามซึ่งนักกีฬาขอเขายังเป็นผู้นำอยู่
‘ก็ปกติ’ ส่วนที่ตามหลังอยู่ คือนักกีฬาคู่แข่ง อดีตเหรียญเงินระดับจังหวัด
‘ก็ยังปกติ แล้วอะไรที่กำลังกวนใจอยู่...’ก่อนความคิดนั้นจะคลี่คลาย นักกีฬากลุ่มผู้นำก็วิ่งผ่านหน้าเขาไป พร้อมกับภาพของเด็กชายร่างเล็ก ที่ดูอ่อนแอที่สุดเมื่อลงสู่สนาม ซึ่งสู้กับคนตัวโตทั้งหลาย ภาพของเด็กคนนั้นที่ฉีกตัวจากลู่วิ่งหนึ่งสู่เส้นทางว่างโล่งในลู่ที่สอง ก่อนจะเร่งฝีเท้าคู่นั้นอย่างฉับพลัน เปลี่ยนตำแหน่งจากอันดับที่หกสู่อันดับห้า สี่ สาม และค่อยๆ เข้าประชิดคู่แข่งจากโรงเรียนเดียวกัน ใจกล้าซึ่งเป็นอันดับสองรองจากคมสันถูกประกบ
‘เดี๋ยวก็หมดแรงกลางคันหรอก’ อารามตกตะลึงเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความเห็นใจทันทีเมื่อเห็นเด็กชายมะลิกำลังเร่งรีบอย่างผิดสังเกต เพิ่งจะเข้ารอบที่สาม เร่งความเร็วขนาดนั้นอีกไม่นานก็จะค่อยๆ ตกอันดับลงไป ใช่ต้องถอยร่นลงไป ใช่สิ มันต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือ ก็โหมแรงเสียจนเกินตัวเกินขนาด เป็นใครก็ต้องหมดแรงบ้างล่ะ แถมคู่แข่งคนอื่น ๆ ก็เริ่มเร่งฝีเท้าตามด้วย กลายเป็นว่าไม่ใช่แค่คนตัวเล็กที่เพิ่มความเร็วขึ้น คนอื่นยังโหนกระแสไปพร้อมกัน ลำพังแค่จะเปลี่ยนอันดับที่ว่ายากแล้ว เจอแบบนี้เข้าไปคงต้องผลาญกำลังตัวเองไม่ใช่น้อย ใช่ เด็กคนนั้นต้องหมดแรงเพราะทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นลงไป มันต้องเป็นแบบนั้นสิ...
‘แล้วทำไมยังวิ่งอยู่ได้อีกตั้งครึ่งรอบ แถมขึ้นมาอยู่ข้างหลังคมสันแบบนั้นได้ยังไง บ้าไปแล้ว’ ธนัฐวางแฟ้มเอกสารลงไปบนเก้าอี้ตัวยาว เพื่อกลับมาไขข้อข้องใจของตนในการแข่งนี้ ที่มีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้น
คมสันรักษาระดับของตนโดยไม่เร่งความเร็ว เขาคิดว่าแค่นี้คงเพียงพอสำหรับเส้นชัยเพียงไม่กี่อึดใจข้างหน้า แม้จะมีคู่แข่งต่างโรงเรียนตามหลังอยู่สองสามก้าวก็ตาม แต่เขายังพอมีแรงเหลือเฟือไว้ต่อกรกับเรื่องไม่คาดฝัน
จนเข้าสู่ช่วงปลายของรอบที่สาม ขาคู่ยาวยังคงก้าวออกไปอย่างมั่นคง ไม่รีบเร่ง ไม่ผ่อนแรง รักษาความเร็วมาตรฐานเอาไว้อย่างมั่นเหมาะ เพียงแต่... เสียงฝีเท้าถี่รัวที่ใกล้เข้ามา มันต่างไปจากเดิม ไม่ใช่ของคนที่ตามหลังมาตลอดอย่างแน่นอน
‘แปลกไป’ คู่แข่งที่ประกบหลังทั้งสามรอบสนาม คนที่ตามประกบเขามาไม่ได้มีจังหวะแบบนี้
‘เกิดอะไรขึ้น จะสู้งั้นหรือ’ คิดได้ดังนั้นเขาจึงค่อยๆ เร่งฝีเท้าของตนขึ้นอย่างท้าทาย และทิ้งห่างไปทีละก้าวทีละก้าว
‘ไม่’ เสียงฝีเท้าแปลก ๆ นั่น ยังตามหลังอยู่ไม่ห่าง ตามมาติด ๆ เลยล่ะ เขาเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง โหมแรงหนักขึ้น คิดว่าสลัดให้หลุดไปเสียดีกว่า เพราะเสียงนั้นไม่น่าไว้ใจเอาเลย และคาดว่าครั้งนี้คงหนีพ้นจากความพะว้าพะวังซึ่งตามหลังมา
แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
‘ใคร’ คู่แข่งยังไม่ยอมแพ้ คนข้างหลังกำลังเข้าประชิดอย่างท้าทาย ตลอดครึ่งสนามในรอบสุดท้ายนี้ ใครสักคนซึ่งตามติดเขามาไม่ห่าง ไม่ว่าจะพยายามเร่งฝีเท้าสักเท่าไหร่
‘มะลิ’ วูบหนึ่งพาให้คมสันคิดไปถึงเพื่อนสนิท คนที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อออกตัว คน ๆ นั้นต้องเป็น...
“มะลิ” เมื่อหันกลับไปภาพของนักกีฬาที่เร่งฝีเท้าขึ้นมาประชิด ภาพของเด็กชายตัวเล็กที่แสนคุ้นเคยคนนั้น ใกล้เสียใจน่าหวาดหวั่น แม้อยากทิ้งห่างออกไปเท่าไหร่ก็ตาม เพื่อนคนนั้นก็ไม่เคยปล่อยให้ใครนำหน้าได้เกินหนึ่งช่วงตัว นั่นแหละมะลิที่เขารู้จัก
เป็นอีกครั้งที่ธนัฐแทบนั่งไม่ติด เพราะสิ่งที่ไม่คาดคิดปรากฏตรงหน้าเขาอย่างจัง นักกีฬาของตนกำลังถูกไล่จี้โดยเด็กคนนั้น จากกลางแถวสู่การเป็นสองผู้นำ เบียดเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันลงไปอยู่อันดับสาม ไม่คิดจะผ่อนแรงเลยสักนิด ไม่คิดจะกักเก็บ ภาพที่เขาเห็นคือนักกีฬาที่กำลังเทแรงกายทั้งหมดที่มีเพื่อเข้าสู่เส้นชัย ไม่ใช่แค่นั้น คมสันซึ่งนำหน้าอยู่ก็กำลังเร่งฝีเท้าจนเกินระดับ อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะคนที่ไล่หลังมาบีบบังคับให้นักกีฬาของตนฝืนใช้แรงเกินตัว
‘นี่ยังไม่หลุดอีกหรือ’ คนสันรู้ตัวดีว่าที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายและเรี่ยวแรงของตนเลย แต่ก็หยุดไม่ได้ เขาจะผ่อนแรงเพื่อรักษาสภาพให้คงที่แบบที่นักกีฬาปกติจะใช้เป็นทางเลือกในสถานการณ์เช่นนั้นไม่ได้ นั่นเพราะมะลิ เป็นมะลิที่คนนอกไม่รู้จัก คน ๆ นี้ไม่อาจใช้ตรรกะแบบทั่วไปได้ ไม่เช่นนั้นคนข้างหลังต้องขึ้นนำแทนเขาเป็นแน่ แถมจะฉกเส้นชัยไปจากเขาอย่างไร้ปราณี ความกดดันที่เข้าครอบงำบรรยากาศในสนามกำลังกดทับคมสัน เรี่ยวแรงกำลังหดหายไปจากการเร่งฝีเท้าเกินจำเป็น แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ เมื่อความจำเป็นนั้นต้องถูกเอามาใช้ตอนนี้เสียแล้ว ไม่เช่นนั้น...
ขณะที่คมสันใคร่ครวญถึงการใช้กำลังเกินขีดจำกัดของตน คนตัวเล็กก็ขึ้นมาเทียบเคียงในลู่วิ่งถัดไปเสียแล้ว ไม่เพียงแต่คมสันที่ตกใจกับเหตุการณ์นี้ กระทั่งนักกีฬาและผู้ฝึกสอนข้างสนามก็ต่างตะลึงงันไปกับภาพที่เห็น นักวิ่งที่ไม่ได้ลงแข่ง ผู้ชมรอบทิศ ที่หันมาให้ความสนใจกับการแข่งขันตรงหน้า ทั้งที่ก่อนนั้นกำลังง่วนอยู่กับการคลายกล้ามเนื้อ หรือพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนข้างกาย บ้างก็เตรียมพร้อมสำหรับฝึกซ้อมหลังจบรายการกระชับมิตร
แต่บัดนี้ พวกเขาเหล่านั้นกำลังลุกขึ้นยืนอย่างเต็มความสูง วิ่งออกมาจนติดขอบสนาม หรือนิ่งงันกับภาพที่เห็น จ้องมองการแข่งขันในรอบสุดท้ายอย่างไม่กะพริบตา
ร่างของเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งความสูงไม่อาจเทียบเคียงได้กับนักกีฬาคนอื่นในสนาม เด็กตัวเล็กคนนั้นกำลังขนาบข้างและเคียงคู่มากับนักวิ่งอันดับหนึ่งของรุ่น หรือแม้แต่ของจังหวัด คนที่ไม่มีใครนึกฝันว่าจะก้าวขึ้นมาสู่กลุ่มผู้นำได้ กำลังขับเคี่ยวกันในช่วงสุดท้ายของการแข่ง
ทุกคนต่างเชื่ออย่างมั่นเหมาะว่าคมสันจะได้รับชัยชนะไปอย่างขาดลอย หรืออย่างน้อยก็คิดว่าคมสันจะสามารถขึ้นนำเดี่ยวอย่างไร้คู่แข่งในช่วงท้ายเช่นนี้ ภาพของเพื่อนคนเก่งในวันที่คว้าชัยจากรุ่นพี่ปีโตยังติดตรึงใจพวกเขาอยู่ไม่จืดจาง คมสันเป็นหนึ่งในคู่แข่งที่หลายคนอยากก้าวข้าม แต่อีกทางหนึ่งเขาก็เป็นแรงผลักดันที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนในรุ่นเดียวกัน
กฤษที่จับตามองลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาตั้งแต่ช่วงต้นจนถึงบัดนี้ ภาพทรงจำที่เขาเคยได้รับมาจากการวิ่งของมะลิในวันนั้นกำลังซ้อนทับกับการแข่งขันนี้ เพียงแต่ดุเดือดกว่ากันมาก ชนิดที่ไม่ว่าใครจะคว้าชัยไปครอง ก็คงสร้างสถิติใหม่ให้แก่ตนเองในการวิ่งระยะนี้ไปอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ในขณะนี้มันเกินระดับปกติของนักวิ่งรุ่นเดียวกันไปเสียแล้ว หรืออาจจะสร้างสถิติสนามขึ้นมาเลยก็คงไม่แปลก
เหลือเพียงร้อยเมตรสุดท้ายที่รอคอยทั้งคู่อยู่ คมสันก้าวยาวเพื่อหวังจะขึ้นนำอย่างเหนือกว่า ส่วนขาคู่เล็กนั้นกลับถี่รัวเพื่อเทียบเคียงคนข้างกาย ไม่มีใครที่จะเก็บหอมรอมริบเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดเอาไว้ในวินาทีชี้ขาดเช่นนี้อีกแล้ว ทั้งคู่ต่างโหมทั้งหมดที่มีไปยังเท้าทั้งสองข้างอย่างสุดความสามารถ
คมสันก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง เขาไม่เคยฝืนร่างกายถึงเพียงนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเร่งฝีเท้าเท่าไหร่ก็ไม่พอให้ข้ามพ้นคนตัวเล็กไปได้ ความเหนื่อยล้าซึ่งสะสมมาตลอดนับตั้งแต่รอบแรก ความร้อนระอุจากภายในคล้ายจะระเบิดออกมา สายตากำลังพร่ามัว สมองที่ประมวลผลภาพตรงหน้าค่อยๆ พร่าเลือนลงทุกขณะ เหลือไว้เพียงสัญชาตญาณที่คอยชี้นำพวกเขาอยู่ในขณะนี้
มะลิก็ไม่ต่างกัน แม้พยายามก้าวขึ้นไปให้พ้นขาคู่ยาว แต่ก็ไม่สำเร็จเสียที ฝีเท้าของเขาเร่งเร็วรัวจนถึงขีดจำกัด ร่างกายที่ล้ามาจากการแข่งทั้งสองรายการค่อย ๆ แสดงผล จนตอนนี้เขาแทบไม่รู้สึกตัวว่ากำลังวิ่งหรือกำลังหยุดนิ่ง เพียงแต่ภาพเส้นชัยตรงหน้านั้นใกล้เข้ามาทุกที ใกล้เข้ามา ใกล้เข้า ใกล้เข้า จนกระทั่งวินาทีสุดท้ายที่เขาพุ่งผ่านไป
ภาพของเด็กหนุ่มทั้งสองผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเบียดแซงตั้งแต่เข้าสู่รอบสุดท้าย ประกบติดประชิดตัวจนยากจะคาดเดาผล ทุกลมหายใจในสนามหยุดนิ่งลงเมื่อเข้าสู่เสี้ยววินาทีนั้น ขาทั้งสองคู่ก้าวผ่านเส้นสีขาวเหยียดตรงบนพื้นสนาม จุดสิ้นสุดของการแข่งขัน และเป็นเส้นชัยของผู้ชนะ --- ทั้งคู่ขับเคี่ยวกันมาจนกระทั่งก้าวพ้นเส้นชัย ที่แทบจะพร้อมเพรียง
เสี้ยววินาทีนั้น คมสันก้าวผ่านไปเป็นคนแรก ตามมาด้วยขาคู่เล็กของมะลิในเสี้ยววินาทีต่อมา ผลการแข่งขันครั้งนี้สร้างสถิติใหม่ให้แก่สนามแห่งนี้ การแข่งขันระยะ 1,500 เมตร ถูกทำลายสถิติสนามโดยคมสัน
กฤษเข้าไปรับร่างเล็กซึ่งกำลังพุ่งลงพื้นสนามด้วยความเร็ว เขารับลูกศิษย์ของตนไว้ได้ทันท่วงที จ้องมองใบหน้าของเด็กน้อยที่มักจะทำอะไรเกินตัวทุกครั้งที่ลงสนาม
‘ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาครับ --- ผมอยากเก็บแรงในรอบ 800 เมตรไว้ได้ไหมครับ ผม... ผมอยากชนะในรอบต่อไป ผมรู้ตัวว่าถึงจะเก็บแรงก็อาจจะไม่ชนะ แต่...’ ‘ตามใจเธอ ครูอนุญาต’เขามองสถิติที่ถูกประกาศบนจอใหญ่ฝั่งตรงข้าม สถิติสนามถูกทำลายลงด้วยนักกีฬาทีมเหย้า แต่นั้นไม่ได้ดึงดูดเขาเท่าลำดับถัดมา
‘ห่างกันแค่ครึ่งวิ’ ก่อนหันกลับมามองใบหน้าอ่อนล้าของคนในอ้อมแขน
ไม่ใช่แค่กฤษที่รับรู้ถึงความสามารถของมะลิ ธนัฐก็กำลังจ้องมองจอใหญ่อย่างไม่ละสายตาเช่นกัน
‘แข่งสามรายการติด ไม่ชนะสักรายการ แต่กลับทำเวลาห่างจากอันดับหนึ่งของรุ่นเพียงแค่เสี้ยววินาที เป็นคนยังไงกันแน่... นี่น่ะหรือเด็กที่คมสันบอกว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว’มีคนเคยกล่าวไว้ว่า การแข่งขันกีฬา ตัดสินแพ้ชนะตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่ง หมายความว่า นักกีฬาคนไหนหรือทีมใดเตรียมความพร้อมได้มากกว่าคู่แข่ง ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง จนบางที เพียงความพร้อมก็อาจนับว่าเป็นชัยชนะตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่ง การพลิกเกมในสนามไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยนัก ฉะนั้น สิ่งสำคัญของการแข่งขันคือการเตรียมตัว ซึ่งครั้งนี้ทีมของกฤษยังเตรียมมาไม่เพียงพอ ต้องสะสมทุนของนักกีฬาจากการฝึกซ้อมให้มากยิ่งขึ้น
ส่วนธนัฐนั้น แม้ทีมของตนจะเรียกได้ว่าเพียบพร้อมที่สุดในบรรดาชมรมกรีฑาจากทุกโรงเรียนในจังหวัด หรืออาจกินความไปถึงระดับประเทศ แต่ผลที่ปรากฏบนหน้าจอก็บอกชัดแล้วว่า นั่นยังไม่พอสำหรับต่อกรสัตว์ประหลาด ซึ่งหลบซ้อนอยู่ทุกหลืบมุม และพร้อมออกมาประกาศศักดาให้กับทีมใหญ่อย่างเขาทุกเมื่อ ยังไงก็ต้องเตรียมรับมือไว้ ไม่เช่นนั้นก็คงจะเป็นอย่างวันนี้ ที่มีสัตว์ประหลาดตัวเล็กซึ่งเกือบทำลายนักกีฬาคนสำคัญของเขาไป
#อ่านตอนพิเศษได้ที่(1)
www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2(2)
https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2(3)
http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่
facebook.com/inDefinitionStory