พิมพ์หน้านี้ - ตัวสำรอง - บทที่ 23 ขอบใจนายมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: InDefinition ที่ 07-09-2018 16:41:31

หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 23 ขอบใจนายมาก
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 07-09-2018 16:41:31
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ



ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



#มะลิ

สำหรับผมการได้เฝ้ามองเขาก้าวออกไปแบบนั้นก็ไม่ได้เสียหายอะไร

แค่ได้นั่งมองอยู่ตรงมุมสนาม เป็นเพียงผู้ชมที่ดีคนหนึ่ง

และรอดูความสำเร็จของเขา

.
.
.

แต่ทำไมความรู้สึกลึกๆ กลับไม่ใช่อย่างนั้น

ผมอยากวิ่ง อยากวิ่งให้เร็ว อยากวิ่งให้ทันเขา

และอยากเคียงข้างเขาเพื่อเข้าสู่เส้นชัยด้วยกัน

 

................................................................

 

#คมสัน

สำหรับผม การได้หันกลับไปมองคนที่ตามหลังอยู่

เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้ว่าเขายังไม่ยอมแพ้

และพร้อมแซงหน้าผมไปได้ทุกเมื่อ

.
.
.

แต่หลังจากวันนั้นก็ไม่มีอีกแล้ว

ภาพของคนตัวเล็กที่วิ่งตามมา

ผมอยากเห็นเขา อยากเห็นคนที่วิ่งตามหลังอีกครั้ง

 

#ตัวสำรอง

 
ชวนพูดคุยในคอมเม้นได้ตลอดจ้า :)

หมายเหตุ
ลงไว้หลายที่ทั้ง
ธัญวลัย http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง?page=1 (http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง?page=1)
readAwrite https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2 (https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2)
Jamplay www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2 (http://www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2)
ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้จะมีตอนพิเศษที่เปิดให้ทุกคนร่วมสนับสนุนนักเขียน
แต่ถึงแม้ไม่ได้อ่านตอนพิเศษก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อเนื้อหาหลัก
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 1 - เส้นชัยสุดท้าย [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 7.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 07-09-2018 16:43:07
บทที่ 1 เส้นชัยสุดท้าย​



ในวันที่ร้อนอบอ้าวกลางฤดูหนาว ความเงียบสงบไม่ได้มาเยือนดั่งที่ควรเป็น กลับแทนที่ด้วยเสียงดังกระหึ่มทั่วบริเวณ เสียงกลองคองก้าตีดังลั่นสนาม นกหวีดแหลมปี๊ดให้เสียงสัญญาณ เหล่ากองเชียร์ตะโกนลั่นจากทุกมุมสนามดังปะทะกันสนั่น สรรพเสียงขับเคี่ยวกันเปล่งออกมา เพราะนี่เป็นวันสำคัญซึ่งทุกคนในโรงเรียนต่างรอคอย วันที่จะได้ใช้ชีวิตไปพร้อมกับท่วงทำนองแห่งความสุข



บทเพลงขับขานยังดังก้องกล่อมโสตประสาทอยู่เรื่อยไป ผู้คนต่างร้องบรรเลงเพลงเชียร์ ปล่อยเวลาให้เคลื่อนคล้อยไปอย่างเชื่องช้า ในวันร้อนอบอ้าวที่สุดวันหนึ่งกลางฤดูหนาวยังไร้วี่แววจะผ่านพ้นไป

เฮ้อ...

เสียงถอดถอนใจลากยาวค้านกระแสมวลชนที่กำลับขับเคลื่อนอยู่ขณะนี้ เด็กชายวัย 15 ปีเศษ กึ่งนั่งกึ่งนอน พิงอยู่ใต้ต้นมะขาม บนพื้นหญ้าเหี้ยนเตียน เขาจ้องเข้าไปในสนาม มองเด็กวัยไล่เลี่ยกับตัวเองกำลังแข่งขันกีฬาอย่างสนุกสนาน แม้เขาจะสวมชุดฟอร์มไม่ต่างจากนักกีฬาเหล่านั้น แต่หน้าที่ช่างต่างกันลิบลับ ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลกแยกเช่นนี้

นักวิ่งตัวจริงต่างรวมตัวกันอยู่ที่จุดรวมพล เตรียมพร้อมสำหรับรายการแข่งขันถัดไปตามหน้าที่ของตน หน้าที่ของนักกีฬาตัวจริง --- คงไม่มีคนไหนพรั่งพร้อมด้วยเวลาว่างจนสามารถเหยียดยาวทำตัวเกียจคร้านแบบที่เขากำลังเป็นอยู่นี้ เพราะหน้าที่ของเขาจบลงแล้ว จบไปตั้งแต่พิธีเปิดสนามเริ่มขึ้น

หน้าที่ของตัวสำรอง

เด็กชายผู้ว่างเว้นจากภารกิจทั้งปวง ในที่สุดก็ดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา จมลึกลงไปช้า ๆ กระทั่งห้วงหนึ่งพาเขาย้อนกลับไปในความนึกคิดและความทรงจำของวันหนึ่ง วันสำคัญซึ่งเขามีหน้าที่เช่นเดียวกับนักกีฬาทุกคนในสนาม

.

​.

.

ในเย็นวันหนึ่งต้นฤดูหนาวซึ่งร้อนอบอ้าว แสงอาทิตย์โรยราลงทุกขณะ บนสนามกว้างปกคลุมด้วยผืนหญ้าแห้งกรอบที่ไม่อาจระบุสายพันธุ์ได้ ถูกโรยทางด้วยเส้นสีขาวลากยาวจรดกันเป็นวงล้อมหลายชั้น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานใหญ่ที่ใกล้เข้ามา

‘คมสัน มะลิ เตรียมตัวได้ จะถึงตาพวกเธอแล้ว’ อาจารย์พละประจำโรงเรียนตะโกนลั่นจากข้างสนามเส้นสีขาวจากฝุ่นผงถูกโรยเป็นทางใช้เป็นลู่วิ่ง บ่งบอกได้ว่างานกีฬาและกรีฑาประจำปีของโรงเรียนละแวกนี้ใกล้เข้ามาแล้วนั่นเอง

‘ครับ’ ‘ครับ’ เสียงตอบกลับจากสองชื่อที่ถูกเอ่ย

‘พร้อมไหมมะลิ’ คมสันพูดกับเพื่อนสนิทตรงหน้า ซึ่งขณะนี้กลายเป็นคู่แข่งขัน ทั้งสองเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน บ้านของมะลิและคมสันอยู่ในละแวกเดียวกัน ทำให้พวกเขาสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก อีกทั้งครอบครัวของทั้งคู่ต่างรู้จักมักคุ้นกันดี จึงไม่แปลกหากจะนิยามคนทั้งสองว่าเป็น เพื่อนบ้าน เพื่อนเรียน และเพื่อนสนิทที่คอยดูแลกันตลอดมา รวมทั้งเรื่องวิ่งนี้ด้วย

‘ไม่มั่นใจเลย แล้วคมสันล่ะพร้อมไหม’มะลิตอบกลับนักวิ่งอันดับหนึ่งของโรงเรียนเสียงแผ่ว ถึงเขาจะเคยฝึกซ้อมร่วมกันบ่อยแค่ไหน แต่นี่เป็นการแข่งอย่างเป็นทางการครั้งแรกของมะลิ ซึ่งเขาไม่มั่นใจเอาเสียเลย

ปกติมีเพียงคมสันที่จะเข้าคัดตัว ส่วนมะลิมักเลี่ยงไม่ลงสมัคร เหตุผลนั่นก็เพราะสายตาของใครหลายคนที่จ้องมา สภาพภายนอกของเขามักถูกประเมินก่อนได้แสดงศักยภาพ ทุกครั้งไปที่มะลิจะถูกสบประมาทเกี่ยวกับขนาดตัว กระทั่งโดนคัดออกเพียงเพราะว่า ‘เตี้ย’ เรื่องมันก็นานมาแล้ว นานจนมะลิเองแทบลืมเลือนเช่นกัน มีเพียงตัวเขาและเพื่อนตัวสูงที่รับรู้ความเจ็บปวดนั้น

‘ก็ค่อนข้างมั่นใจ แต่พอเห็นมะลิวิ่งทีไรทำให้อดคิดไม่ได้ว่าวันนี้จะแพ้หรือเปล่า’

‘ไม่เป็นแบบนั้นหรอก คมสันวิ่งเก่งที่สุดในโรงเรียนใคร ๆ ก็รู้’ นั่นคือความจริงที่มะลิและนักวิ่งทุกคนในโรงเรียนทราบดี

‘แต่คงไม่มีใครรู้ว่ามะลิก็เก่งเหมือนกัน’

‘ฮาฮาฮา’ มะลิหัวเราะกลบเกลื่อน แม้ได้รับคำชมเช่นนั้น แต่ไม่ทำให้ความมั่นใจเพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นเพียงเด็กชายร่างเล็กคนหนึ่ง สูงไม่ถึงไหล่ของคมสัน การให้มะลิคัดเลือกตัวแทนร่วมกับเพื่อนคนนี้ ในมุมมองของคนอื่นคงเป็นเพียงการแข่งคั่นเวลา หรือการทำตามระเบียบแบบแผน เนื่องจากมีผู้สมัครเกินหนึ่งคน ย่อมต้องมีการคัดเลือกเป็นธรรมดา แม้จะทราบผลอยู่แล้วก็ตาม เวทีนี้เป็นของคมสัน ส่วนมะลิเป็นตัวประกอบ

แม้มะลิไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่ามา แต่ความสามารถและศักยภาพของคมสันเป็นข้อพิสูจน์อย่างดีเหตุที่ครั้งนี้เขายอมลงสมัครคัดเลือก ไม่พ้นการที่คมสันชักชวน แกมบังคับ และคอยตามตื้ออยู่เป็นนาน ท้ายที่สุดเขาก็จนใจตอบรับ โดยไม่ได้คาดหวังใด ๆ กับผลการแข่ง เพียงวิ่งเล่นกับเพื่อนเหมือนที่ฝึกด้วยกันตลอดมา มะลิคิดเพียงเท่านี้ เขาพยายามย้ำกับตัวเองว่าเพียงแค่นี้จริง ๆ

ถ้าเป็นคนอื่นจะไม่คิดมากเลย อาจชนะด้วยซ้ำ แต่นี่เป็นคมสันนะ จะไหวจริงหรือ... ความคิดของมะลิไปไกลเกินจะกู่กลับแล้ว

แดดยามเย็นคล้อยต่ำทุกขณะ การคัดเลือกนักกีฬาเพื่อแข่งขันกรีฑาประเภทลู่พ้นไปทีละระยะตามที่มีผู้สมัครไว้ เหลือเพียงหนึ่งการแข่งที่กำลังขับเคี่ยวกันอยู่ในขณะนี้ ก่อนที่มะลิและคมสันจะลงสนามชิงชัยบนเส้นทาง1,500 เมตร การแข่งที่ถูกเฝ้าคอยโดยเด็กชายทั้งสอง

ทุกรายการแข่งไม่มีการบังคับ นักเรียนคนไหนสนใจก็เพียงสมัครเข้าร่วม หากไม่ผ่านการคัดเลือกอาจถูกส่งไปเป็นตัวสำรอง สวัสดิการนักกีฬา หรือร่วมเป็นกองเชียร์กับเพื่อนคนอื่น โรงเรียนแห่งนี้ไม่เน้นหนักด้านกีฬามากนัก ไม่ว่าชนิดใดก็ตาม จะมีก็เพียงคนเดียวที่คอยสร้างชื่อเสียงและความสำเร็จให้วงการกีฬาของโรงเรียน เขาเป็นนักวิ่งระดับจังหวัด ตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวซึ่งสร้างความภูมิใจให้แก่สถาบัน นับว่าโชคดีที่เขาเข้าศึกษาในโรงเรียนเล็ก ๆ แห่งนี้ และสำหรับมะลิคงโชคดีมาก เพราะเขาคนนั้นคือคู่แข่งของตนในขณะนี้

คมสัน เป็นนักกีฬาประจำจังหวัด ผู้สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน กับมะลิที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย นอกเสียจากร่างกายเล็กกระทัดรัด กอปรกับผิวขาวซีดคล้ายขาดสารอาหารก็ไม่ปาน มะลิคือใคร น้อยคนจะรู้จักเขา ไม่มีความโดดเด่นในวงการนี้ เป็นเพียงตัวประกอบในสนามเพื่อให้คมสันได้รับความชอบธรรม นั่นแหละมะลิ

ปี๊ด! เมื่อสัญญาณนกหวีดแหลมสูงสิ้นเสียง นักวิ่งสองคนสุดท้ายของการคัดเลือกระดับโรงเรียนจึงเริ่มออกตัวไปอย่างไม่เร่งรีบ ระยะทาง 1,500 เมตรต่อจากนี้ยังอีกไกล การแข่งนี้แม้ตัวเก็งคนสำคัญอย่างคมสันจะได้รับการกล่าวขวัญจากรอบข้างว่าไม่มีทางแพ้เด็กตัวเล็กอย่างมะลิเป็นแน่ แต่ไม่ได้หมายความว่าคมสันจะยอมอ่อนข้อให้กับคู่แข่ง เมื่อถึงครึ่งสนาม คนตัวสูงจึงค่อย ๆ เร่งฝีเท้าขึ้นนำร่างเล็กที่ขนาบข้างตีคู่มาด้วยกันตั้งแต่เริ่ม ทั้งคู่เพิ่มความเร็วเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการแข่งที่แท้จริงเริ่มขึ้นแล้ว แม้ว่าในระดับโรงเรียนเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เมื่อหนึ่งในผู้เข้าร่วมเคยสัมผัสประสบการณ์การวิ่งระดับประเทศมาแล้ว ย่อมไม่ประมาทคู่แข่ง ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม สี่รอบสนามคมสันมีเวลาเพียง 4 นาทีเศษ ซึ่งเป็นสถิติประจำตัว เพื่อไปยังจุดหมาย

ด้านเด็กชายมะลิที่วิ่งตามหลังคมสันเพียงไม่กี่ก้าวขณะนี้ยังรักษาจังหวะต่อไป สำหรับเขาที่คอยตามแผ่นหลังนี้มาโดยตลอด ถึงตอนนี้ก็ยังคงทึ่งกับช่วงขายาวที่ก้าวอย่างสม่ำเสมอ การวิ่งหนึ่งก้าวของคมสันจึงเท่ากับก้าวครึ่งหรืออาจเป็นสองก้าวของมะลิเลยก็ว่าได้

มะลิจึงกลบปมในส่วนนี้โดยการฝึกฝนทุกเย็นร่วมกับคมสัน ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีก็ค้านหัวชนฝากับการทำอะไรที่เหนื่อยและเปล่าประโยชน์อย่างนี้ แต่ในท้ายที่สุดกลายเป็นคมสันที่นั่งคอยคนตัวเล็กหลังจบการซ้อมในแต่ละวันของตัวเอง เพราะมะลิดึงดันจะวิ่งต่อเรื่อย ๆ

ถึงกระนั้น มะลิก็ไม่เคยชนะคมสันแม้เพียงครั้งเดียว ไม่ว่าจะฝึกหนักกว่าหรือเพียรพยายามเพียงใด ผลสุดท้าย แผ่นหลังกว้างนั้นจะวิ่งนำหน้าเขาเข้าสู่เส้นชัยไปก่อน เป็นเช่นนั้นเสมอ

‘ครูว่าใครจะชนะครับ’ เจนภพนักวิ่ง 800เมตร พึ่งชนะการคัดเลือกและกำลังพักเหนื่อย เอ่ยถามอาจารย์ที่พ่วงตำแหน่งผู้ฝึกสอนประจำโรงเรียน ขณะนี้ทั้งสองนั่งอยู่บริเวณอัฒจรรย์ขนาดย่อมข้างสนาม เจนภพเป็นอีกคนที่รับรู้ถึงความสามารถอันน่าอิจฉาของคมสัน ไม่ว่าทางจังหวัดมีงานแข่งขันรายการใด คมสันจะเป็นรายชื่ออันดับต้น ๆ ที่ถูกคัดเลือกจากผู้จัดโดยตรง ความสามารถของคมสันเป็นของจริงจนยากจะปฏิเสธ

‘คมสัน’ เสียงของพิชัย อาจารย์ประจำวิชาพละและสุขศึกษา ผู้คัดเลือกและฝึกซ้อมนักวิ่งแต่ละประเภท ซึ่งเป็นหน้าที่พิเศษเพิ่มเติมเข้ามานอกเหนือจากการสอน กล่าวอย่างไม่จริงจังนัก

‘ผมก็คิดแบบนั้นครับ แล้วทำไมครูไม่ให้คมสันเป็นตัวแทนเลย แข่งไปก็น่าจะรู้ผลอยู่แล้วนี่ครับ’เจนภพพูดออกไปตามความคิดของตน แม้รู้อยู่แล้วว่าคำกล่าวของตนอาจไปกระทบกับคู่แข่งคนนั้นของคมสัน แต่นั่นก็คือความจริงที่ประจักษ์ เขาคิดเช่นนั้นและไม่มีทางที่จะมีความคิดอื่นใดมาหักลบ

‘จะทำแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อมีคนสมัครก็ต้องมีการคัดเลือก’นั่นคือเหตุผลที่มะลิได้โอกาสในการแข่งนี้ โอกาสอันน้อยนิด

‘ว่าแต่คู่แข่งของคมสันชื่ออะไรนะ เคยเห็นหน้าแต่จำชื่อไม่ได้’ เจนภพเอ่ยกับตัวเอง เพราะไม่คุ้นกับคู่แข่งของคมสันเลย ปกติเขามักถูกเรียกไปคัดตัวพร้อมกับคมสันและเพื่อนอีกสองสามคน แต่คนตัวเล็กนั้นไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยถูกเรียกชื่อเลยสักครั้ง คิดยังไงถึงกล้าแข่งวิ่ง 1,500เมตรกับคมสัน เขาไม่รู้หรือไงว่าคมสันพึ่งได้เหรียญทองระดับจังหวัดจากการแข่งรายการนี้ และได้เป็นตัวแทนไปแข่งขันในระดับประเทศอีกด้วย

ส่วนบรรยากาศในสนาม แสงรอบตัวเริ่มโรยราลงทุกที ทว่าการแข่งยังไปถึงแค่สองรอบสนาม มะลิและคมสันยังคงประกบคู่อย่างเหนียวแน่น ฝ่ายที่ตามหลังอยู่เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นหวังนำคู่แข่งของตน ด้านคมสันซึ่งสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากข้างหลังก็เพิ่มความเร็วขึ้นไปอีกขั้น แม้ว่านั่นเป็นการเพิ่มภาระให้ขาทั้งสองข้างอย่างทวีคูณก็ตาม แต่การปล่อยให้มะลิแซงขึ้นไปนั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ คมสันรู้ดีกว่าใคร

‘เกินคาดเลยนะเนี่ย เด็กที่วิ่งตามหลังคมสันยังประกบติดอยู่ ตัวแค่นั้นไล่ตามนักกีฬาตัวจริงได้ เกินคาดจริง ๆ นึกว่าจะถูกทิ้งห่างไปไกลเสียอีก’ อาจารย์คนเดิมกล่าวขึ้นลอย ๆ ขณะสังเกตนาฬิกาจับเวลาในมือไปพลาง ผ่านรอบสามตัวเลขที่วิ่งอยู่ตอนนี้ถือได้ว่าสร้างความประหลาดใจให้เขาอย่างมาก อีกแค่ 500เมตร จะถึงเส้นชัยเวลายังไม่ขยับไปไกลเกินสถิติเดิมของคมสัน อีกทั้งยังเหลือพอจะสร้างสถิติใหม่ให้กับนักวิ่งประจำจังหวัดคนนี้ แต่ที่น่าตกใจกว่านั่นคงเป็นเด็กตัวเล็กที่วิ่งตามหลังมาอย่างไม่ทิ้งห่าง เขาไม่อยากคิดเลยว่าหากเด็กตัวเล็กคนนั้นแซงคมสันขึ้นไปได้ จะเกิดอะไรขึ้น

ด้วยระยะไม่ถึง 400 เมตร จุดหมายข้างหน้าทำให้คมสันฝืนร่างกายต่อความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจนถึงตอนนี้ คมสันเร่งจังหวะเท่าที่จะทำได้ เค้นแรงกายออกมาจนถึงที่สุดเพื่อเข้าใกล้เส้นชัยให้ไวขึ้นแม้เพียงเสี้ยววินาที แต่คนตามหลังกลับสร้างความกดดันอย่างไม่ลดละตั้งแต่เริ่มออกตัว แม้คมสันจะนำหน้าอยู่ก็ไม่ได้ทำให้มีความคิดว่าจะเป็นผู้ชนะเลย บรรยากาศบางอย่างกลับยิ่งกดทับตัวเขาและกำลังบอกว่าครั้งนี้อาจแพ้ให้กับมะลิ

ไม่ว่าจะเร่งจังหวะ ก้าวให้ยาวขึ้น หรือพยายามหนี คนข้างหลังก็ยังตามติดอย่างกับเงาประดับตัว ไม่คิดเลยว่าเพื่อนที่อ้อนวอนให้ช่วยฝึกซ้อมด้วยกันทุกวัน  จะสร้างผลกระทบหนักหน่วงได้เพียงนี้ แม้คมสันรู้อยู่แก่ใจว่ามะลิซ้อมหนักกว่าตัวเองที่เป็นถึงนักกีฬาประจำจังหวัด ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะสร้างผลกระทบกระทั่งทำให้เขาคิดว่าตัวเองจะแพ้ได้ และไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่ตัวเขาเองกำลังกลัวคู่แข่ง ราวกับวิ่งหนีคนข้างหลังอยู่อย่างนั้น วิ่งอย่างสุดกำลัง จนแทบหมดเรี่ยวแรง สิ่งที่หวั่นเกรงมาตลอดเริ่มเผยเค้าลาง ความหวาดหวั่นคอยกัดกินทุกก้าวที่คมสันวิ่งไปอย่างทรมาน

กว่าที่คมสันจะรู้ตัว --- เมื่อสบจังหวะมะลิได้ฉีกแนววิ่งออกมาทางขวามือ เพิ่มความเร็วเพื่อขึ้นขนาบข้างคู่แข่งซึ่งวิ่งนำอยู่ แม้ต้องวิ่งหนักขึ้นเป็นสองเท่าของคนตรงหน้า แต่ครั้งนี้ ขอแค่ครั้งนี้ ครั้งเดียวก็ยังดี เขาอยากวิ่งนำหน้าคมสันให้ได้ เขาอยากเอาชนะเพื่อนสนิทที่วิ่งมาด้วยกันตลอดแม้จะเพียงครั้งเดียวก็ตาม

ขาคู่เล็กเริ่มอ่อนล้าใกล้ถึงขีดจำกัด ความกดดันส่งผลถึงภายใน หัวใจบีบรัดยิ่งกว่าการซ้อมใด ๆ มะลิฝืนทนจนปวดหนึบทั่วทั้งร่าง ขาทั้งสองก้าวออกไปข้างหน้าคล้ายกับวิ่งอยู่บนลานตะปู ทุกย่างก้าวสร้างความเจ็บปวด จากปลายนิ้วเท้าสู่ข้อเท้าส่งขึ้นไปผ่านขั้วหัวใจเข้าสู่สมองและสั่งการออกมาเป็นความทุกข์ทรมาน

แต่หยุดไม่ได้ เขาหยุดมันไม่ได้แล้วตอนนี้ หากหยุดทุกอย่างก็จบ ทุกสิ่งที่ทำมา ทุกการฝึกซ้อมตลอดหลายปี และสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน สิ่งเหล่านี้จะไม่มีค่าเลยถ้าเขาหยุดลงตรงนี้

‘โอ๊ย’

ร่างเล็กวิ่งขึ้นมาประกบคู่คนตัวสูง เพียงไม่กี่ก้าวทั้งคู่จะถึงเส้นชัย เสียงรอบตัวขาดหายไปโดยพลัน ความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่รอบสนาม มะลิรับรู้เพียงความเจ็บใต้ฝ่าเท้าข้างขวาที่ออกก้าวไปอย่างหนักหน่วง ก่อนที่ความรู้สึกทั้งหมดจะขาดหายไปชั่วขณะ และแทนที่ด้วยความเจ็บปวดซึ่งแล่นเข้ามาทั่วทั้งร่าง

เหตุการณ์ที่ทำให้นักกีฬาทุกคนซึ่งอยู่บริเวณสนามต้องตกตะลึง คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากภาพของเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งที่วิ่งขึ้นนำนักกีฬาประจำจังหวัด บนทางตรงช่วงสุดท้ายของการคัดเลือกตัวแทนนักกรีฑาชายประเภทลู่ระยะ 1,500 เมตร ภาพของเด็กชายจืดจางซึ่งไม่เป็นที่รู้จักของคนส่วนใหญ่ในโรงเรียนและสำหรับวงการกีฑาของโรงเรียนก็เช่นกัน คงไม่ต้องพูดถึงระดับอำเภอ หรือระดับจังหวัด ไม่เคยปรากฏรายชื่อเขาเลยสักครั้ง

เด็กคนนั้นล้มกลิ้งลงไปหน้าเส้นชัย ก่อนคนตัวสูงจะกลับมาวิ่งนำและได้รับชัยชนะไปครอบครอง ภาพที่ปรากฏแก่ทุกสายตาหยุดทุกการกระทำของพวกเขา หลายคนจ้องมองภาพตรงหน้าอยู่เป็นนาน และคงเป็นภาพที่ถูกตราตรึงในความทรงจำของใครหลายคนไปอีกนาน โดยเฉพาะคนที่เคยสบประมาทเด็กชายร่างเล็กที่สลบไปกลางลู่วิ่งที่พึ่งโรยทางไว้

ฝุ่นผงขาวพุ้งกระจายรอบตัวมะลิที่ไม่รับรู้สิ่งใดนอกจากความผิดหวังซึ่งแล่นเข้ามาแทนที่ความเจ็บปวด เป็นความรู้สึกสุดท้ายก่อนหมดสติลง

ความพ่ายแพ้ เขารับรู้เพียงเท่านี้

‘แพ้ให้กับคมสันอีกแล้ว’ ‘ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ’ ‘เจ็บใจชะมัด’ เสียงก้องภายในของคนตัวเล็ก สะท้อนไปมาและกังวานอยู่เป็นนาน พร้อมกับภาพภวังค์ฝันค่อย ๆ เลือนราง

.

.

.

เด็กชายใต้ต้นมะขาม ตื่นขึ้นจากห้วงฝัน รอบตัวเขายังอบอวลด้วยบรรยากาศแห่งความสนุกสนาน เสียงเพลงยังคงขับกล่อมโสตประสาทอย่างไม่หยุดหย่อน เสียงเหล่านั้นปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาจากฝันอันเลือนลาง พร้อมบอกกับเขาว่า นี่แหละโลกแห่งความเป็นจริง วันนี้ยังอีกยาวไกล หากคิดว่าการนอนเพื่อฆ่าเวลาจะช่วยให้ข้ามผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ เขาคิดผิดแล้ว



“เฮ้อ... เมื่อไหร่จะเลิกซักที”



หัวข้อ: ตัวสำรอง บทที่ 2 - เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 8.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 08-09-2018 18:00:59
​บทที่ 2 เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง



ไอดินโชยลมขึ้นมาแตะจมูก กลิ่นหอมจาง ๆ เป็นหลักฐานว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา มีเม็ดฝนจำนวนไม่น้อยร่วงหล่นลงมา หรือนี่อาจเป็นสัญญาณของสายฝนชุดใหม่ ความเย็นในบรรยากาศกลบลบความวุ่นวายของการเริ่มต้นภาคการศึกษาใหม่ เหล่าเด็กหญิงชายต่างตื่นตาในวันแรกของการเปิดเรียน แม้แต่วิชาการที่หลายคนท้อใจก็ยังเป็นคาบเรียนที่มีเสียงพูดคุยไม่ขาดสาย ยากจะห้ามปราม ไม่ต่างจากหยาดฝนบนฟ้าที่ไม่มีใครต้านทานได้

“คาบต่อไปเป็นชั่วโมงกิจกรรม ที่หอประชุมจะมีรุ่นพี่มาแนะนำกิจกรรมจากชมรมต่าง ๆ ขอให้นักเรียนไปที่นั่นหลังจากเลิกเรียนคาบนี้ เข้าใจนะคะ” เสียงประกาศจากอาจารย์สาวประจำชั้น

“ครับ” “ค่ะ” นักเรียนภายในชั้นตอบรับอย่างพร้อมเพรียง ด้วยเสียงสดใสยิ่งกว่าเดิม

“เอาล่ะ งั้นพอแค่นี้ เจอกันใหม่วันพรุ่งนี้ค่ะ”

“นักเรียนเคารพ” “ขอบคุณครับ” “ขอบคุณค่ะ”

สิ้นเสียงกล่าวขอบคุณ แทนที่ด้วยเสียงขยับเลื่อนโต๊ะเก้าอี้และเสียงสนทนาของเหล่าวัยรุ่นชายหญิงทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ เด็กนักเรียนคนใดสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมต้นจากโรงเรียนแห่งนี้ก็จะคุ้นเคยกับสถานที่และบรรยากาศเหล่านี้เป็นอย่างดี ไม่ตื่นเต้นกับสภาพแวดล้อมแปลกตาเท่านักเรียนหน้าใหม่ที่พึ่งย้ายเข้ามา ซึ่งกำลังประสบอยู่ขณะนี้ หนึ่งในนั้นมีมะลิรวมอยู่

“มะลิ นายจะเข้าชมรมอะไร คิดเอาไว้หรือยัง” เสียงเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้นข้างกาย

“ยังไม่รู้เลย แล้วต้นตอเลือกได้หรือยัง” เมื่อยังไม่มีคำตอบให้แก่ความสงสัยนั้น มะลิจึงร้องถามกลับไป

“เหมือนกัน ขอไปดูก่อนว่ามีชมรมอะไรบ้าง” ต้นตอตอบ

“งั้นรีบไปดูตอนที่คนยังไม่เยอะ”

ต้นตอเป็นเพื่อนเก่าที่จบจากโรงเรียนเดียวกัน นับว่ายังโชคดีที่มะลิไม่ถูกทิ้งไว้ในสถานที่แปลกหน้าแห่งนี้เพียงลำพัง ทั้งคู่อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แผนกการเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ มะลิเลือกเรียนที่นี่ก็หนีไม่พ้นเหตุผลง่าย ๆ เพราะสถานศึกษาแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเดิม ซึ่งหมายความว่า ระยะทางจากโรงเรียนและบ้านของเขายังสามารถเดินไปกลับได้สะดวก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มะลิเลือกเดินมาโรงเรียนด้วยกำลังขาของตนเช่นเดิม ที่นี่เป็นเพียงโรงเรียนมัธยมระดับอำเภอซึ่งห่างไกลความเจริญจากเมืองใหญ่ โรงเรียนเล็ก ๆ สำหรับคนตัวเล็กอย่างมะลิ

เสียงตะโกนดังระงมทั่วหอประชุม พื้นที่ส่วนใหญ่แออัดไปด้วยนักเรียนรุ่นพี่และรุ่นน้องมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 เข้าใหม่ และรุ่นพี่ระดับชั้นอื่น ๆ ซึ่งเข้ามาชิงตัวเด็กใหม่ นี่เป็นช่องทางเพิ่มจำนวนสมาชิกชมรมรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม บรรยากาศภายในหอประชุมถึงคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อมีนักเรียนคนไหนเดินผ่านจุดประชาสัมพันธ์ของชมรม ก็จะฉุดกระชากลากถูผู้ที่ผ่านไปมานั้นเข้ารับฟังการนำเสนอชมรมพวกตนอย่างไม่ถามไถ่ความสมัครใจ เป็นการชุมนุมที่ชุลมุนวุ่นวายครั้งหนึ่งของโรงเรียน

มะลิกับต้นตอพากันเดินทั่วหอประชุม ต้นตอคอยดึงมะลิไปนั่นมานี่ตลอดเวลา ฝ่ายมะลิก็เดินตามเพื่อนตนต้องการ เพราะไม่ค่อยมีชมรมใดน่าสนใจ แม้ในใจจะมีอยู่แล้วหนึ่งชมรม แต่ยังไม่เห็น คอยสังเกตอยู่ตลอดเวลาว่าจะเจอไหม จนแล้วจนรอดก็ยังหาไม่เจอ

“หาอะไรอยู่มะลิ เห็นชะเง้อมองตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” ต้นตอสังเกตเพื่อนของตนที่คอยสอดส่องไปทั่วอย่างสงสัย จนต้องไถ่ถามออกมา

“หาชมรมกรีฑา” มะลิตอบออกไปตามจริง แม้จะผิดหวังกับการแข่งในครั้งนั้นไม่น้อย แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาได้รับกลับมานอกจากความพ่ายแพ้

“ใช่พวกชมรมวิ่งหรือเปล่า” ต้นตอย้ำคำจำกัดความของคำว่ากรีฑาของเพื่อนตนอีกครั้ง

“ใช่ ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า”

“ลองไปถามอาจารย์ที่โต๊ะด้านหน้าดูไหม เมื่อกี้เดินทั่วแล้วก็ยังไม่เห็นเลยนะชมรมที่ว่า” ต้นตอเป็นผู้เสนอความคิด ก่อนทั้งคู่จะเดินฝ่าฝูงชนออกมาด้านนอกหอประชุม บริเวณด้านหน้ามีโต๊ะอาจารย์ซึ่งคอยกำกับดูแลความเรียบร้อยของกิจกรรมครั้งนี้ ทั้งสองมองตรงไปยังจุดหมายดังกล่าว ก่อนพบกับอาจารย์ท่านหนึ่ง เป็นเพียงคนเดียวที่อยู่บริเวณนั้น จึงตรงดิ่งเข้าไปพร้อมยกมือไหว้และแนะนำตัวพอเป็นพิธี จากนั้นก็เอ่ยจุดประสงค์ที่เข้ามา

“ไม่มี” เสียงของความหวังที่พังทลายและร่วงหล่นในใจมะลิ แม้ไม่ส่งเสียงออกมา แต่สีหน้าของเขาบ่งบอกว่ากำลังผิดหวังกับคำตอบที่ได้รับ

“จริงหรือครับ” มะลิเอ่ยออกไปอย่างลืมตัว มีเพียงเขาที่ผิดหวังกับคำตอบนั้น จากความคาดหวังที่สร้างไว้นับตั้งแต่ก้าวเข้ามายังสถานศึกษาแห่งใหม่ เขาอยากเริ่มต้นอีกครั้งที่โรงเรียนนี้ แม้ไม่มีชื่อเสียงทางด้านกรีฑาหรือการวิ่ง แต่เขาก็อยากเดินตามความฝันอย่างที่คมสันเคยทำไว้ ไม่ถึงกับต้องนำชื่อเสียงมาให้กับโรงเรียนหรือตนเอง มะลิไม่ได้คาดหวังชื่อเสียงหรืออื่นใด เพียงต้องการวิ่งและทำในสิ่งที่รักต่อไป

“ก่อนหน้านี้ก็เคยมีอยู่หรอก พออาจารย์พละคนก่อนย้ายไปก็ไม่มีใครดูแลแล้วยุบในที่สุด ว่าแต่เธอสองคนสนใจชมรมกรีฑาอย่างนั้นหรือ แต่ถึงจะมีชมรมก็เป็นกรีฑาประเภทลู่วิ่งธรรมดา วิ่งเก่งหรือเปล่าเรา ตัวเล็กทั้งคู่เลย” อาจารย์คนเดิมชี้แจงแถลงไขความสงสัยของนักเรียนทั้งสอง

“เปล่า ๆ ไม่ใช่ผมครับ คนนี้เลย” ต้นตอรีบปฏิเสธโดยพลัน

“เธอ” อาจารย์หนุ่มมองมาที่มะลิอย่างไม่เชื่อสายตา

“ใช่ครับ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ขอบคุณมากครับ” มะลิตัดบท เตรียมเดินออกมาพร้อมแบกความผิดหวังนั้นไว้ แต่ก่อนที่เขาและเพื่อนจะก้าวออกไปพ้นบริเวณ ก็ถูกรั้งตัวไว้เสียก่อน

“จะรีบไปไหน เด็กสมัยนี้ถอดใจง่ายกันจริง” เสียงบ่นไม่จริงจังฉุดเด็กชายทั้งคู่ไว้

“อะไรหรือครับ” มะลิเอ่ยออกไปตามความสงสัย

“ก็เรื่องชมรมไง ถ้าหากไม่มีเธอก็ตั้งเอง ไม่เห็นยาก” สิ้นเสียง มะลิเป็นเพียงคนเดียวที่ฉุกคิดตามคำแนะนำที่ได้รับ แต่ว่า...

“มีผมคนเดียวจะตั้งได้หรือครับ” เขาไม่ได้มีเพื่อนมากมายเหมือนคนอื่นและไม่รู้จักใครที่เล่นกีฬา นอกจากคมสัน

“ลองหาเพื่อนที่สนใจเหมือนกันดูก่อน ถ้าหาได้สักสามคนรวมเธอแล้ว ให้มาติดต่อครูอีกครั้ง ครูสอนคณิตอยู่ที่ตึก 3” ผู้เป็นอาจารย์ชี้แจงแก่มะลิอีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะช่วยเหลือ เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังกำลังก้าวออกไป จนต้องยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องที่อาจสร้างความวุ่นวายให้เขาในอนาคต

“ขอบคุณมากครับ แต่ไม่รู้ว่าจะหาเพื่อนคนอื่นที่สนใจเหมือนกันได้ไหม”

“ลองดูก่อน ก็ไม่ได้เสียหายอะไรไม่ใช่หรือ” อาจารย์หนุ่มย้ำกับเด็กตัวเล็กอีกครั้ง

“ครับ” เขาคงต้องพยายามดูสักครั้ง มะลิคิดเช่นนั้น

“ขอบคุณมากครับ” สองเสียงประสานกันถือเป็นการจบบทสนทนา มะลิและต้นตอขอตัวออกจากบริเวณนั้น



มะลิแยกย้ายกับคมสันหลังจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น คมสันได้ทุนนักกีฬาโรงเรียนดังในตัวจังหวัด ซึ่ง เหนือความคาดหมายใด ๆ หากวัดจากผลงานก็เป็นเครื่องการันตีอย่างดีเยี่ยม นับว่าสมความคาดหวังของคมสันที่ต้องการพัฒนาฝีเท้าของตนในสถานศึกษาที่พร้อมรองรับความสามารถและอนาคตของเขา ส่วนมะลินั้นไม่โดดเด่นอะไร ยากที่จะมีทุนในแบบเดียวกันมาเชื้อเชิญ จึงตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนไร้ชื่อใกล้บ้านแห่งนี้แทน อีกทั้งมะลิก็ไม่ได้คิดเอาดีทางกีฬาเพื่อเลี้ยงชีพในอนาคต คงเป็นเพียงงานอดิเรกที่รักมากเท่านั้น 

“จะเอายังไงต่อมะลิ” เป็นต้นตอที่เรียกคนตัวเล็กกลับจากภวังค์

“คงต้องลองหาคนที่อยากวิ่งและอยากเข้าชมรมดูก่อน ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ค่อยหาชมรมอื่นแทน”

“สู้ ๆ นะเพื่อน” ต้นตอให้กำลังใจเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไหร่สมัยโรงเรียนเดิม แม้ทั้งคู่จะอยู่ห้อเดียวกันตั้งแต่มัธยมต้น ทว่าไม่บ่อยนักที่ได้พูดคุยหรือทำความคุ้นคุยกัน เป็นเพราะมะลิมักจะตัวติดคมสันที่เป็นนักวิ่งของโรงเรียนมากกว่า --- มาสนิทกันได้ครั้งนี้คงเพราะทั้งคู่ไม่มีเพื่อนจากห้องเดิมในชั้นเรียนนี้เลย

“แล้วต้นตอล่ะ จะเข้าชมรมอะไร” มะลิถามไถ่เพื่อนของเขากลับ

“น่าจะเป็นชมรมวิทยาศาสตร์ อยากทดลองอะไรสนุก ๆ เหมือนที่พี่เขาบอก”ทั้งสองแยกย้ายไปตามชมรมที่ตนสนใจ ต้นตอกลับเข้าไปในหอประชุมเพื่อเลือกชมรม ต่างจากมะลิที่กำลังมองหาลู่ทางเพื่อก่อตั้งชมรมกรีฑาขึ้นมาอีกครั้ง

คำพูดกับการกระทำนั้นช่างต่างกันลิบลับ ที่ว่าจะหาเพื่อนเข้าชมรมให้ครบสามคน แต่มะลิกลับไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรและจากตรงไหน สุดท้ายก็ต้องขอความช่วยเหลือจากต้นตออย่างไม่มีทางเลือก และยากจะเลี่ยง

“นาย ๆ สนใจตั้งชมรมกรีฑากับเราไหม”

‘คงไม่ได้ เพราะเข้าชมรมปิงปองไปแล้ว’

“สนใจเข้าชมรมกรีฑาหรือเปล่าครับ”

‘ชมรมกรีฑาหรือ เขาทำอะไรกันบ้าง’

“ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งเป็นชมรมเลย กำลังหาคนเพื่อเสนอให้อาจารย์”

‘ดูแล้วท่าจะลำบาก ไม่เข้าดีกว่า’

“สนใจกีฬาวิ่งไหมครับ”

“ชอบวิ่งไหมครับ”

“อยากเข้าชมรมกรีฑาหรือเปล่าครับ”

“มีชมรมหรือยังครับ สนใจก่อตั้งชมรมกรีฑากับผมไหมครับ”

“ถ้าไม่มีชมรม มาก่อตั้งชมรมกรีฑาด้วยกันไหมครับ”



วันที่สองของภาคเรียนใหม่ บริเวณทางเดินขึ้นตึกระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หากใครผ่านไปผ่านมา อาจได้เห็นและได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มสองคน กำลังตะโกนเรียกร้องความสนใจจากเหล่านักเรียนโดยรอบ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขัดเขินกับใบหน้าขึ้นสีทุกครั้งที่คนแปลกหน้าเดินเข้ามาใกล้ แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ยังทำหน้าที่ของตนต่อไป

“ไม่เห็นมีใครมาสมัครสักคน ตอนนี้อายจนร้อนไปทั้งหน้าแล้ว” ต้นตออดบ่นออกมาไม่ได้ แต่ก็ยังช่วยเหลือมะลิต่อไป เพราะรู้สึกเห็นใจคนตัวเล็ก เห็นเพื่อนแล้วเหมือนเขาเป็นพี่ชายอีกคนหนึ่งที่ต้องปกป้องคนตัวเล็ก

“ทนอีกหน่อยนะต้นตอ” มะลิหันกลับไปอ้อนวอนเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขาพอจะร้องขอให้ช่วยเหลือในเรื่องนี้

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ก็ได้ ๆ”

“ขอบคุณมากต้นตอ”

“สนใจเข้าชมรมกรีฑาไหมครับ”

“ได้วิ่งด้วยนะ สนุกมาก ๆ”

“ใครชอบวิ่งเชิญทางนี้ได้เลยครับ มาตั้งชมรมกรีฑากัน”



เสียงกริ่งบอกสัญญาณว่าเวลาพักหมดลงแล้ว นักเรียนชายหญิงที่กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วบริเวณ ต่างกลับมายังห้องเรียนของตนตามเดิม ภารกิจหาสมาชิกชมรมกรีฑาเป็นอันต้องยุติลงเพียงเท่านี้

“สงสัยนายคงต้องหาชมรมอื่นอยู่แล้วล่ะ เราทำสุดความสามารถแล้วนะ แต่ไม่มีใครสนใจสักคน” ต้นตอกล่าวอย่างเห็นใจ เขาจนปัญญาจะช่วยเหลือแล้วจริง ๆ

“เป็นอย่างที่นายพูดนั่นแหละ ตอนเย็นคงต้องไปแจ้งอาจารย์คนนั้นก่อนว่า ไม่ตั้งชมรมกรีฑาแล้ว” น้ำเสียงค่อย ๆ หดเล็กลงไป พร้อมความหวังที่มอดดับของมะลิ

“เสียใจด้วยมะลิ ถ้านายยังเลือกไม่ได้ ลองมาเข้าชมรมกับฉันก็ได้นะ”         

“นั่นสินะ ชมรมวิทยาศาสตร์ก็เข้าท่าเหมือนกัน” ดูเหมือนว่ามะลิจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากตัดใจจากความฝันที่จะสานต่อการวิ่งของตนและคงต้องกลับไปวิ่งคนเดียวอีกครั้ง

เฮ้อ... เสียงถอนหายใจของมะลิลากยาวอย่างเหนื่อยอ่อน

“งั้นเข้าเรียนก่อน เลิกแล้วเดี๋ยวเราพามะลิไปที่ชมรม ดูว่าจะชอบไหม”ต้นตอเสนอระหว่างที่ทั้งสองเดินไปตามทางยาวของอาคารเพื่อเข้าเรียนคาบบ่าย

“แบบนั้นก็ได้ หลังจากนี้ค่อยไปหาอาจารย์ บอกแกว่าไม่ได้ตั้งชมรมแล้ว”ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมาจากคนข้างกาย มีเพียงแรงผลักดันจากวงแขนที่รุดให้มะลิก้าวเดินไปข้างหน้าได้อีกครั้ง มะลิที่ก้าว เป็นการปลอบประโลมในแบบฉบับของต้นตอ
หัวข้อ: ตัวสำรอง บทที่ 3 - เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง(2) [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 9.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 09-09-2018 23:07:13
บทที่ 3 เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง (2​)

เมื่อชั่วโมงกิจกรรมมาถึง มะลิซึ่งยังไม่มีชมรมสังกัดจึงถูกพามาที่ห้องชมรมของต้นตอที่ลงชื่อไว้ โดยแรกเริ่มเดิมทีมะลิคิดว่าเพื่อนของเขาสมัครเข้าชมรมวิทยาศาสตร์ตามที่เคยเปรยไว้ แต่ภาพที่ปรากฏอยู่นี้ไม่ใกล้เคียงกับห้องทดลองตามที่มะลิสร้างมโนภาพไว้เลยแม้แต่น้อย สมาชิกของชมรมอีกสี่คนที่เหลือซึ่งจดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือจนไม่สนใจผู้มาเยือนอย่างเขาและต้นตอที่เป็นสมาชิกแม้แต่น้อย

“สรุปแล้วไม่ใช่ชมรมวิทยาศาสตร์หรอกหรือ” มะลิย้ำคำถามเดิมกับต้นตอเป็นครั้งที่สาม เพราะไม่คิดว่าต้นตอซึ่งเป็นเด็กเรียน อีกทั้งยังสนใจทางวิทยาศาสตร์จะกลายเป็น... เอ่อ...

“ชมรมอีสปอร์ต” ใช่ ชมรมนี้เป็นชมรมในสายกีฬาที่ไม่ต้องใช้สมรรถนะของร่างกาย เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือก็สามารถเข้าร่วมได้อย่างง่ายดาย จนหลายคนไม่จัดเป็นกีฬาด้วยซ้ำ

“ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ” มะลิยังคงไม่เข้าใจเหตุผลที่ต้นตอเลือกสังกัดชมรมเกม หากการเล่นกรีฑาไม่เหมาะกับมะลิแล้วล่ะก็ ชมรมนี้ยิ่งไม่เหมาะกับต้นตอร้อยเท่า

“ชมรมวิทยาศษสตร์คนเต็มแล้ว เห็นว่ารับแค่ 40 คน พอเดินหาอีกก็ถูกชวนและลงชื่อไปอย่างงง ๆ ฮาฮาฮา” เสียงหัวเราะกลบเกลื่อนไม่ช่วยให้มะลิสบายใจขึ้นแม้แต่นิดเดียว ทว่าต้นตอก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเช่นกัน เพราะตัวเขาเองก็ไม่ทราบถึงความพิศวงซึ่งนำพาให้มารู้จักชมรมแบบนี้ได้

“เปลี่ยนใจก็ทันหนิ ย้ายเถอะเราว่ามันไม่เหมาะกับนาย” มะลิเสนอทางเลือกให้แก่ต้นตอโดยไม่มองรอบข้างเลยว่า สมาชิกอีกสี่คนที่เหลืออยู่ในห้องว่างโล่ง ห้องซึ่งไม่มีอะไรเลยนอกจากฝุ่นและคาบสกปรกในบางตำแหน่งกำลังหันมาจ้องเขม่น พวกเขาละจากหน้าจอชั่วครู่เพื่อมองดูคนที่กำลังทำลายความฝันของชมรมแห่งนี้

“ไม่เป็นไรหรอกมะลิ เราอยากลองอะไรใหม่ ๆ ดูเหมือนกัน อาจสนุกก็ได้นะ” ต้นตอยังคงมองโลกในแง่ดี ซึ่งขัดใจมะลิไม่น้อยที่เพื่อนไม่ยอมรับฟังความหวังดีจากตน

“นี่นายกำลังดูถูกอีสปร์อตของเราอยู่นะ นายตัวเล็ก” เด็กหนุ่มตัวสูงโย่งเอ่ยขึ้นทลายบทสนทนาระหว่างมะลิกับต้นตอ         

“เราไม่ได้จะว่าอะไรชมรมพวกนาย แค่คิดว่าเพื่อนของเราไม่เหมาะกับอะไรพวกนี้เท่านั้นเอง” มะลิโต้กลับไป ทำใจดีสู้เสือ แม้คนตัวสูงจะเดินเข้ามาใกล้ทุกทีก็ตาม รวมถึงสามคนที่เหลือด้วย มีทั้งคนที่ตัวเล็กกว่ามะลิ ซึ่งไม่อาจเชื่อสายตา และคนที่พุงกลมโต หรือคนที่ดูสมส่วน ทุกคนมีบุคลิกแตกต่างกันอย่างชัดเจน

“ชมรมอีสปอร์ตของเราปีนี้จะเข้าแข่งขันระดับประเทศและจะชนะทุกทีมด้วยเกมอีโอวี ดังนั้นต้นตอมีความสำคัญสำหรับพวกเรา เราไม่ปล่อยให้ต้นตอออกจากชมรมไปได้หรอก” นายตัวสมส่วนซึ่งสวมแว่นกรอบหนาพูดยาวเหยียดออกมา

“ก็ตามนั้นแหละมะลิ พอดีพวกเขาขาดคน เกม เอ้ย...กีฬานี้จำเป็นต้องมีสมาชิกห้าคนเพื่อลงแข่ง ฉันเลยต้องช่วยพวกเขา” ต้นตอเผยเหตุผลส่วนหนึ่งที่เขายืนยันจะเข้าร่วมชมรมเกมหรืออีสปอร์ตให้แก่เพื่อนของตน แม้ลึก ๆ แล้วเขายังสับสนไม่น้อยกับการตัดสินใจนี้

“แต่...” มะลิเตรียมจะค้านอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรหรอก ลองดูสักครั้ง เผื่อเราจะชอบก็ได้ ใครจะไปรู้ใช่ไหม” คำพูดและรอยยิ้มปิดท้ายของต้นตอสะกิดใจมะลิ ไม่ให้เอ่ยค้านหรือทัดทานความมุ่งมั่นนั้น

นั่นเพราะว่า ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเสี่ยงที่จะทำในสิ่งที่ไม่ถนัดเอาเสียเลย ชนิดที่ว่าถูกบังคับอย่างไม่มีทางเลี่ยง --- จนทุกวันนี้สิ่งนั้นกลับกลายเป็นความชอบ ความหลงใหล และความรักที่ไม่อาจละทิ้งไปได้

“งั้นตามใจนายละกัน มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้”

“อืม ขอบใจมากมะลิ”

ฝนโปรยลงมาในช่วงเย็นปะทะกันสาดร้องระงม เมื่อห่าฝนลงเม็ดหนักขึ้น เสียงจึงดังก้องไปทั่วกลบการได้ยินปกติจนต้องตะโกนร้องเรียก เด็กนักเรียนชายหญิงพากันวิ่งหลบสายฝน หนีความเปียกชื้นจากที่โล่งเข้าสู่ตัวอาคาร เสียงเล็กเสียงน้อยซึ่งเคยกระจายอยู่ทั่วโรงเรียน ตอนนี้กลับมากระจุกตัวอยู่ในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง เปล่งออกมางัดง้างกับเสียงห่าฝนฟังศัพท์

กระนั้นก็ตาม มะลิเป็นเพียงไม่กี่คนที่ไม่หยุดอยู่ใต้ร่มอาคารเพื่อหลบฝน กลับวิ่งฝ่าออกไปปะทะไอเย็น เพื่อไปยังตึก 3 จุดหมายของเขาคือห้องพักครู ทั้งที่ยังไม่ทราบว่าอาจารย์ที่ตนตามหาชื่ออะไรและอยู่ห้องไหนของตึก คงต้องค่อย ๆ หาไปทีละห้อง มะลิคิดเช่นนั้นขณะปัดละอองฝนและสะบัดหยดน้ำจากเส้นผม

“นักเรียน นักเรียน นักเรียน!”

ฝนเทลงมาราวฟ้าทลายจนเสียงในบรรยากาศถูกตัดไปเป็นเสียงห่าฝนชุดโตเพียงอย่างเดียว แทบไม่ได้ยินอื่นใดรอบกาย มะลิไม่รับรู้ถึงที่มาของเสียงเรียกชื่อตนเอง ไม่ว่าจากทิศไหนก็มีแต่เสียงฝนดังระงม กอปรกับขณะนี้เขามุ่งความสนใจไปที่ตามหาอาจารย์คนหนุ่มอย่างแข็งขัน ไม่รู้แม้จะทั่งว่ามีคนเอาไม้เรียวยาวมาเคาะศีรษะของตนอย่างจัง เพราะมัวแต่มองไปทางนั้นทางนี้ ไม่สนใจผู้เรียกหา

“โอ๊ย...” มะลิร้องออกมาเมื่อรู้สึกถึงแรงกระทบบนหัว นั่นเป็นการเคาะครั้งที่สอง ส่วนครั้งแรกแค่รู้สึกเพียงมีอะไรมาสะกิด ไม่เฉลียวใจว่าจะเป็นไม้เรียวพร้อมกับคนที่ตามหา

“ไม่ต้องมาโอ๊ยเลยนะ ครูเรียกทำไมไม่ตอบ” เจ้าของเสียงและคนที่มะลิกำลังตามหาอยู่ ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า

“หา! อ้าว อาจารย์สวัสดีครับ ผมกำลังตามหาอาจารย์อยู่พอดี”

“ครูก็ตามหาเธอเหมือนกัน เรียกแล้วด้วยแต่ไม่สนใจ”

“เปล่านะครับ ผมไม่ได้ยินจริง ๆ” เขาตอบไปตามจริง เสียงฝนที่ไม่ยอมลดลงแม้แต่น้อยทำให้ไม่ได้ยินเสียงรอบตัว

“ช่างเถอะ ตามครูมามีเรื่องจะคุยด้วย” กฤษไม่ติดใจเรื่องนั้น ก่อนพามะลิไปยังห้องพักอาจารย์ซึ่งเขาประจำอยู่

มะลิตามหลังอาจารย์ที่ยังไม่ทราบแม้แต่ชื่อ บนทางเดินยาวหน้าห้องเรียนชั้นสามไปยังห้องพักอาจารย์ฝั่งขวาของตึก เมื่อเข้าไปมะลิสังเกตเห็นเพื่อนนักเรียนชายอีกสองคนที่เนื้อตัวมอมแมมและเปียกชุ่มไม่ต่างจากเขา คาดว่ารออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว คนหนึ่งมีใบหน้าไม่สบอารมณ์กับอีกคนที่กำลังเกรงกลัว ความต่างซึ่งปรากฏชัดบนดวงหน้าทั้งสอง แม้ยืนคู่กันแต่บรรยากาศช่างต่างกันลิบลับ มะลิแอบคิดเมื่อเหลือบไปมองเพื่อนนักเรียน

“นึกว่าหนีไปแล้ว” อาจารย์เอ่ยกับนักเรียนชายสองคนก่อนหน้า แต่เรื่องนั้นไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้มะลิเท่าสิ่งที่อาจารย์กำลังเอ่ยกับทั้งคู่

“นี่ไงคนที่จะตั้งชมรมกรีฑา และพวกเธอสองคนต้องเข้าร่วมด้วย” จับความได้ว่า สองคนนี้อยากเข้าชมรมกรีฑาที่เขาจะก่อตั้ง มะลิพึ่งหมดความหวังไปเนื่องจากไม่สามารถหาผู้ร่วมอุดมการณ์ได้ แต่ความหวังนั้นกลับถูกจุดขึ้นใหม่อีกครั้ง ในห้องนี้

“แนะนำตัวกับเพื่อนสิ” เสียงนั้นปลุกมะลิจากภวังค์ ซึ่งเขาหลุดออกไปเพ้อฝันชั่วครู่

“อ้อครับ สวัสดีผมมะลิ เออพอดีว่าอยากตั้งชมรมกรีฑาขึ้นมาอีกครั้ง แต่ถึงจะชื่อกรีฑาก็คงซ้อมได้แค่วิ่งเท่านั้น นายสองคนสนใจเข้าชมรมใช่ไหม” ประโยคยืดยาวที่ไม่ได้ตระเตรียมล่วงหน้า ส่งผลให้คำพูดนั้นแฝงความไม่มั่นใจและประหม่าจนมะลิอยากพูดใหม่เพื่อเรียกความน่าเชื่อถือของชมรมที่จะตั้งขึ้นแก่เพื่อนทั้งสองอีกครั้ง แต่เมื่อพูดออกไปแล้วก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอฟังคำตอบรับจากเพื่อนใหม่

“เปล่า” “เปล่า”สองเสียงจากคนสองคนตรงหน้าประสานกันอย่างพร้อมเพรียง

“อ้าว!”

ความหวังพึ่งถูกจุดขึ้นมาถูกย่ำยีอีกครั้งด้วยคำพูดเพียงคำเดียวที่ประสานกันอย่างเหมาะเจาะ ไม่มีคำอธิบายหรือคำขยายใดให้คนตัวเล็กเข้าใจความหมายเพิ่มเติม มีเพียงสีหน้าเบื่อหน่ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนตัวโต มะลิไม่รู้จะจัดการสถานการณ์นี้อย่างไร ทำได้เพียงร่ำร้องภายในอย่างเหนื่อยอ่อน กับความหวังที่ถูกเหวี่ยงลงก้นเหว

“ถูกต้อง พวกเขาสองคนไม่อยากเข้าชมรมกรีฑาของเธอหรอก แต่ถูกบังคับต่างหาก”

“หมายความว่าไงครับอาจารย์” ยิ่งสร้างความงุนงงให้แก่มะลิ เมื่อคำอธิบายของอาจารย์ไม่ได้ช่วยเพิ่มความเข้าใจหรือไขข้อสงสัยของมะลิแม้แต่น้อย

“ความประพฤติไม่ดีเท่าไหร่ เปิดเทอมได้แค่สองวันก็สร้างวีรกรรมน่าปวดหัวให้ครู เลยลงโทษด้วยการบังคับเข้าชมรมกรีฑาที่ไม่มีสมาชิกไง ดีใจไหมเพราะชมรมที่เธออยากจะตั้งเป็นจริงขึ้นมาแล้ว” แสงไฟแห่งความหวังถูกจุดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่แสงเทียนอย่างที่วาดไว้ กลับเป็นแสงนีออนซึ่งถูกกดเปิดขึ้นมา เพราะความหวังที่รับมอบมา ช่างไร้ความจริงใจสิ้นดี

“เธอสองคนก็แนะนำตัวกับเพื่อนสิ” ผู้เป็นอาจารย์เพียงคนเดียวในห้องเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“เสมอ” ห้วน

“ใจกล้า” สั้น

“ยินดีที่ได้รู้จัก...” เสียงตอบรับแผ่วเบาในปลายประโยคของมะลิที่ส่งกลับไป รู้ตัวอีกทีก็คล้ายกับ กล่าวให้สายลมและเสียงฝน เพราะเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทั้งสองต่างไม่สนใจคำพูดของเขาแม้แต่น้อย ใบหน้าเรียบเฉยของเสมอและใจกล้า แสดงออกมาอย่างสัตย์จริงว่า ถูกบังคับมาอย่างแน่นอน

บัดนี้ ชมรมกรีฑาแห่งโรงเรียนอันไกลโพ้น ได้ก่อตั้งขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ ด้วยจำนวนสมาชิกทั้งสิ้นสามคน พร้อมอาจารย์ที่ปรึกษาหนึ่งท่าน รอยยิ้มแต้มไปด้วยหยาดน้ำตาของมะลิกับภาพถ่ายรวมครั้งแรก ทำให้เขาแทบไม่อยากนึกฝันถึงวันคืนข้างหน้าว่า อนาคตของชมรมจะออกมาเป็นเช่นไร จะเดินไปในทิศทางไหน---หรือเขาควรไปลงแข่งกีฬาอีสปอร์ตกับต้นตอ

เฮ้อ...





สนธยาละล่วงไป บ้านสองชั้นที่ประดับประดาด้วยไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ แสงไฟจากภายในส่องออกมาพอให้รู้ตำแหน่งแห่งที่ เพื่อให้เจ้าของตัวเล็กซึ่งกลับมาในตอนหัวค่ำมองเห็นทาง
“กลับมาแล้วครับ” เมื่อก้าวเข้าสู่ตัวบ้านมะลิก็ไม่รีรอ ตะโกนออกไปให้ผู้เป็นมารดาทราบ

“จ้า... มากินข้าวในครัวเร็ว” หญิงวัยกลางคนส่งเสียงกลับมาไม่ดังมาก
มะลิมุ่งไปยังตำแหน่งของเสียง พอก้าวพ้นกรอบประตูที่เชื่อมระหว่างตัวบ้านกับครัวซึ่งแยกออกไป หญิงร่างเล็กแสนคุ้นเคยปรากฏต่อหน้า รอยเหี่ยวย่นที่ปรากฏไม่สามารถบดบังรูปหน้าแสนอารีของหล่อนลงได้ ใบหน้านั้นเผยยิ้มทันทีที่เห็นลูกชายคนเล็กของบ้านเข้ามาในครัว

“กลับช้าอีกแล้วนะ” หล่อนดุพอให้ลูกชายเข้ามาง้อตามประสาไม่จริงจังมาก เพราะมะลิกลับบ้านเวลานี้ตั้งแต่เมื่อสามปีที่ก่อน แม้คราวแรกหล่อนจะบ่นทุกวี่วันก็ตาม แต่คราวนั้นยังพอทุเลาได้ที่มีเพื่อนสนิทของลูกชายซึ่งมักกลับมาพร้อมกัน ทว่าตอนนี้ย้ายไปเรียนในตัวเมืองแล้ว ทำให้ลูกชายของหล่อนต้องกลับบ้านมืดค่ำเพียงลำพัง นี่สิน่าเป็นห่วง จนหล่อนเริ่มกลับมาทบทวนดูมีทีแล้วว่าควรให้เป็นเช่นนี้หรือจะห้ามปรามดูสักครั้ง

“วันนี้ซ้อมวิ่งที่โรงเรียนเดิม แม่ไม่ต้องห่วงหรอก มีเพื่อนเก่าเดินกลับด้วยกันตั้งเยอะ” แม้นั่นจะเป็นความจริง แต่ก็เป็นความจริงแค่บางส่วน เฉพาะวันนี้เท่านั้นที่เขาบังเอิญเจอกลุ่มเพื่อนเก่ามาเล่นฟุตบอล จึงมีโอกาสกลับพร้อมกัน ส่วนวันอื่น ๆ นั้นมะลิอาจต้องเดินกลับตามลำพัง หากเป็นอย่างนั้นจริงเขาจะทำความคุ้นเคยกับความเหง่านั้นได้ไหมนะ

“คราวหน้าก็กลับเร็วกว่านี้หน่อยสิ แม่เป็นห่วงนะแบบนี้” หล่อนกล่าวเสริมอีกเล็กน้อย ก่อนกับข้าวที่เตรียมไว้มาวางบนโต๊ะ

ครอบครัวนี้มีด้วยกันสี่คน มะลิเป็นลูกชายคนเล็ก ส่วนพี่ชายเรียนอยู่ในระดับอุดมศึกษา แม่ของเขาเป็นแม่บ้านไม่ได้ออกไปทำงานประจำที่ไหน มีเพียงพ่อรับราชการคอยเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัว บ่อยครั้งที่ต้องเข้าเวรดึกดื่นไม่ได้กลับบ้าน ปล่อยให้ลูกชายคนเล็กและภรรยาอยู่กันสองคนเช่นเดียวกับวันนี้ บ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่จึงดูเงียบเหงาไม่น้อย

“พรุ่งนี้อาจกลับค่ำหน่อยนะครับ มะลิสมัครเข้าชมรมวิ่ง อาจต้องอยู่ซ้อม”หันไปพูดกับมารดาระหว่างช่วยหยิบจับจานชาม

“วิ่งอีกแล้ว แม่เห็นเราวิ่งมาตั้งแต่ตอนนั้นไม่เห็นตัวสูงขึ้นเลย ดูคมสันเขาสิ ยิ่งวิ่งก็ยิ่งสูง” หล่อนไม่ได้ห้ามปรามหรืออนุญาตลูกชาย เนื่องจากรู้กันดีว่ามะลิไม่ใช่เด็กเกเร คำขอของลูกชายคนนี้จึงเหมือนคำบอกเล่าให้ทราบ เพื่อไม่ให้เป็นห่วง แต่นั่นยิ่งทำให้หล่อนห่วงหนักเข้าไปอีก

“โถ่... แม่” มะลิโอดครวญกับคำสบประมาทจากมารดา กลบเกลื่อนความรู้สึกลึก ๆ ที่ได้รับ มะลิรู้ดีว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นห่วงเขา

“เอาเถอะ ขากลับก็ให้กลับพร้อมคนอื่น ๆ ไม่ใช่อยู่ซ้อมจนดึกดื่นไม่ยอมกลับบ้านนะ กินข้าวกันดีกว่า”หล่อนรีบเปลี่ยนบทหลังเห็นเด็กน้อยหม่นลง ยิ่งความรู้สึกผิดที่ฉายชัดบนใบหน้านั้น หล่อนยิ่งไม่กล้าทำร้ายดวงใจน้อย ๆ นี้ได้ ถึงจะเป็นห่วงแค่ไหนก็คงไม่เท่ากับการเห็นเด็กคนนี้มีความสุขกับสิ่งที่เขารัก อย่างน้อยมะลิก็ไม่เคยเลิกลาในสิ่งที่เลือก ตลอดสามปีที่ผ่านมาช่วยยืนยันความจริงข้อนี้ได้

“ครับ” มะลิกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 3 - เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง(2) [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 9.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 10-09-2018 00:11:56
เขียนดี น่าติดตาม เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: ตัวสำรอง บทที่ 4 - แข่งขัน [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 10.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 10-09-2018 18:12:29
บทที่ 4 แข่งขัน​​



เป็นอีกวันที่ทำให้มะลิใจเต้นแรง ตื่นไปกับบรรยากาศแปลกใหม่รอบกาย สนามแห่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นการออกตัวครั้งใหม่ ชมรมกรีฑาซึ่งเขามีส่วนในการก่อตั้งขึ้นมา แม้จะประสบเจออุปสรรคนับตั้งแต่ก้าวแรก แต่อย่างน้อยวันนี้และที่นี่ เขาจะได้ออกวิ่งอีกครั้ง

หมดคาบเรียนในห้องสี่เหลี่ยม มะลิและต้นตอแยกย้ายกันไปตามชมรมของตน โดยที่ต้นตอตอนนี้กลายเป็นเจ้าพ่อเกมเมอร์ไปเสียแล้ว กระนั้นก็ไม่น่าห่วงเท่าทีแรกที่มะลิรู้ว่าเพื่อนจะเข้าชมรมเกม เพราะการเรียนและความตั้งใจของต้นตอยังอยู่ครบ การบ้านหรืองานที่ได้รับมอบหมายภายในชั้นเรียนก็จะเร่งจัดการให้เสร็จ ส่วนเวลาที่เหลือคือการศึกษาคู่มือและเทคนิคในการเล่นเพื่อแข่งขันอีสปอร์ต

มะลิมายังจุดนัดพบข้างสนามฟุตบอล ซึ่งถูกแบ่งเนื้อที่และใช้ร่วมกับชมรมกีฬาอื่น ๆ จากที่สังเกตดูหลายชมรมจะเริ่มอบอุ่นร่างกายและวิ่งรอบสนามก่อนแยกย้ายหามุมที่เหมาะสม แต่ไม่ว่าจะมองไปมุมไหน ๆ ก็ยังไม่เห็นวี่แววของชมรมกรีฑา เขาอาจตื่นเต้นจนมาเร็วกว่ากำหนด

“รวมตัวได้” เสียงเรียกจากอาจารย์ที่ปรึกษาด้านหลัง ก่อนชายหนุ่มที่เขาตามหาจะเดินเข้ามายังจุดที่มะลิยืนอยู่ เขารีบพาตัวเองไปยืนข้างหน้าอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างมั่นคง เฝ้ารอการเริ่มต้นกิจกรรมชมรม

“ทำไมมีแค่เธอมาคนเดียวล่ะ เพื่อนอีกสองคนหายไปไหน” อาจารย์หนุ่มถามคำถามที่มะลิเองก็สงสัยไม่ต่างกัน และคงยากที่จะหาคำตอบให้ได้

“ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมพึ่งมาถึงก็นึกว่าสองคนนั้นจะมารออยู่ที่สนามแล้ว”

“ครูไม่เริ่มกิจกรรมจนกว่าจะมาครบทุกคน” เสียงประกาศชัดของที่ปรึกษา ทำภาพฝันที่มะลิวาดไว้มลายอีกครั้ง

“ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะครับ” มะลิร้องถามไปอย่างไม่เข้าใจสาเหตุ ในเมื่อเขาอยู่ตรงนี้และพร้อมวิ่งเต็มที่แล้ว แม้จะเหลือเพียงคนเดียวในชมรมก็ตาม

เขาแค่อยากวิ่งเท่านั้นเอง

“กิจกรรมชมรมก็ต้องทำร่วมกันเป็นชมรม จะให้ครูสอนเธอคนเดียวไม่ได้” คำตอบที่ได้ไม่ทำให้มะลิสบายใจขึ้นแม้แต่น้อย เพราะนั่นหมายความว่าเขายังลงสนามไม่ได้หากสองคนที่เหลือไม่อยู่ตรงนี้

“แล้วผมต้องทำยังไงครับ”

“เธอก็ไปตามเพื่อนคนที่เหลือ” สิ้นเสียง มะลิไม่รอช้าวิ่งออกนอกเขตสนามเร็วพลัน ตามหาสมาชิกชมรมอีกสองคนที่เหลือ

สมาชิกที่มีแค่สามคนก็สร้างความลำบากให้คนตัวเล็กไม่ใช่น้อย เพราะอีกสองคนไม่เต็มใจเข้าร่วมตั้งแต่ต้น เป็นการบังคับจากบทลงโทษ ความกระตือรือร้นจึงผิดกันมาก จากที่ดูท่าทีจากเมื่อวานนี้ มะลิก็คิดไว้ลึก ๆ แล้วว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ ชมรมที่พึ่งก่อตั้งกลับมาประสบมรสุมอีกระลอกใหญ่ มองไปทางไหนก็เจอแต่อุปสรรค มากเสียจนคนตัวเล็กเริ่มท้อ

“เสมอ เสมอใช่ไหม อย่าหนีนะ”มะลิตะโกนลั่นเมื่อเห็นคนหน้าคุ้น ถึงเคยเจอแค่ครั้งเดียวแต่เขาจำสีหน้าและท่าทางของเพื่อนตัวสูงซึ่งไม่มีความมั่นใจในตัวเองคนนี้ได้ดี

พบสมาชิกที่ตามหาคนแรกแล้ว แต่ไม่ทำให้มะลิใจชื้นขึ้นเลย เมื่อเป้าหมายไม่ยอมอยู่นิ่งให้เข้าหา กลับวิ่งหนีไปในทิศตรงกันข้ามอย่างเร็ว ภาพของเด็กหนุ่มสองคนวิ่งไล่กัน คงเป็นทำให้ผู้พบเห็นคิดไปว่า เพื่อนสองคนกำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน แท้จริงแล้วใครจะทราบว่า มะลิต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการไล่กวดสมาชิกชมรมตัวสูงกว่าเขาเกือบเท่าตัว แถมยังเป็นสมาชิกที่วิ่งเร็วไม่น้อย อีกทั้งเส้นทางตรงหน้าก็ไม่ได้ราบเรียบเหมือนลู่วิ่งในสนาม ทางคดเคี้ยว ทางลาดชัน มีอะไรต่อมิอะไรขวางตามเส้นทางที่คนตัวสูงวิ่งนำอยู่

แฮกแฮก... หยุดนะเสมอ ทำไมนายไม่ไปที่สนาม”มะลิร้องออกไปทั้งที่ขายังก้าวต่อไป

“ไม่ไป แล้วอย่ามาตาม แฮกแฮก...” คนถูกไล่ก็เริ่มเหนื่อยเมื่อต้องวิ่งติดต่อกันเป็นเวลานานและดูท่าคนที่ไล่จะไม่ละความพยายามง่าย ๆ

“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่หยุด นายทำให้ฉันไม่ได้ฝึกรู้ไหม อาจารย์ให้มาตามพวกนายสองคนไปที่สนาม แฮกแฮก...” คำพูดยืดยาวถูกพ้นออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน เช่นเดียวกับขาคู่เล็กที่วิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ยอมแพ้

“บอกแล้วไงว่าไม่ไป จะตามมาทำไม” แต่ดูจะไร้ผลเมื่อคนตรงหน้ายังไม่จำนน ทั้งที่ล้าเต็มทนและใกล้จะหมดแรงแล้วก็ตาม

“ไม่ นายต้องไป” มะลิเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก

“นายเป็นคนยังไงกันแน่ ทำไมไม่ฟังคนอื่นบ้าง แล้วทำไมวิ่งเร็วอย่างนี้ แฮกแฮก...”

คนตัวสูงกว่าที่วิ่งนำหน้าอยู่ในขณะนี้กำลังหมดแรง ทั้งที่คิดว่าหนีได้ไม่ยาก ก็ดูขนาดตัวของคนข้างหลังที่สูงไม่พ้นหัวไหล่เขาด้วยซ้ำ แต่ทำไมถึงอึด ถึก ทน จนตอนนี้เขาจะหมดแรงเสียเอง ความอ่อนล้าเริ่มครอบงำขาทั้งสองข้าง แต่พอหันกลับไปมองคนตัวเล็กที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไล่ตามพร้อมตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างหลัง ร่างเล็กก็ใกล้เข้ามาจนจะถึงตัวเขา

ส่วนคนตัวเล็กที่วิ่งตามหลังมานั้น เมื่อยล้าไม่แพ้กัน เหงื่อไหลเป็นทางชุ่มไปทั้งตัวจนรู้สึกได้ ช่วงขาที่ยาวของคนตัวสูงกอปรกับทางวิ่งที่ลดเลี้ยวไปมา ทำให้ไม่สามารถจับตัวสมาชิกชมรมคนนี้ได้สักที มะลิยังไม่ลดความพยายามเพื่อคว้าตัวเสมอที่ใกล้หมดแรง ส่วนเสมอก็ไม่ละความพยายามเพื่อวิ่งหนีมะลิไม่ต่างกัน จนท้ายที่สุด...

“จับได้แล้ว”มะลิจับแขนเสมอไว้แน่น

“ก็ได้ ๆ ยอมแพ้แล้ว แฮกแฮก...” เสมอเอ่ยมาอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนเลือกไม่ต่อกรกับคนตัวเล็กอีก สภาพของเขาขณะนี้ไม่คล้ายกลับจากแข่งฟุตบอลกลางแดดจ้า

“เห็นใจกล้าหรือเปล่า นึกว่าอยู่ด้วยกัน” มะลิถามถึงสมาชิกอีกคนที่ยังไม่เห็นแม้แต่เงา

“เห็นบอกว่าจะไปหาอาจารย์ที่สนาม ไปลาออกจากชมรม” เสมอตอบกลับเรียบเฉย ไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของคนข้างกาย

“ว่าไงนะ แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ วิ่งหนีอยู่ได้ ไปเร็ว...” เมื่อรู้ว่าอีกคนอยู่ที่สนามฟุตบอลก็รีบคว้าตัวคนตัวสูงซึ่งเรี่ยวแรงยังไม่กลับมาวิ่งอีกครั้ง

คนตัวเล็กวิ่งกึ่งลากกึ่งจูงคนตัวโตกว่า ลัดเลาะไปตามทางเดินและทางซึ่งคิดว่าเร็วที่สุด เพื่อไปให้ถึงจุดหมายเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

พอมาถึงขอบสนามก็พบสมาชิกคนสุดท้ายตามที่หวังไว้ แต่ชายหนุ่มหน้านิ่งที่เห็นได้ชัดว่าไม่สบอารมณ์อยู่ในขณะนี้ กำลังเดินออกจากสนามไปยังอีกฟากหนึ่ง ส่วนอาจารย์ที่ปรึกษาก็ไม่มีทีท่าจะห้ามปรามสมาชิกชมรมซึ่งกำลังเดินออกห่างไปเรื่อย ๆ

ส่วนใจกล้าที่เดินพ้นระยะสนทนาระหว่างตัวเองกับอีกสามคนซึ่งอยู่ทางโน้น หันกลับไปมองเด็กหนุ่มตัวเล็กที่วิ่งเข้ามาในสนามฟุตบอล เขาแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่ามะลิจะกลับมาเร็วขนาดนี้ แถมยังลากเสมอเพื่อนของตนกลับมาด้วย ทว่าตอนนี้เขาลาออกจากชมรมและไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว จึงเลือกเดินเลี่ยงออกไปให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดบทสนทนาใด ๆ กับตัวปัญหาที่ทำท่าจะพุ่งเข้ามา

ถึงอย่างนั้นใจกล้าก็หนีไม่พ้น เพราะเจ้าตัววิ่งเข้ามาขวางทางไม่ให้เดินต่อได้ กางแขนคู่เล็กราวจะหยุดยั้งเขาไว้ได้ แต่ไม่เลย มันไม่ได้ช่วยอะไรสักนิด อย่างมากก็ทำได้เพียงรั้งเขาไว้รับฟังเสียงบ่นจากคนตรงหน้าเท่านั้น

“นายจะไปไหน” มะลิทิ้งเสมอไว้กับอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนวิ่งตรงไปขวางใจกล้า คนตัวเล็กกางแขนที่คิดว่ากว้างเท่าที่ร่างกายจะเอื้ออำนวย หวังกั้นไม่ให้คนตัวสูงเดินผ่านไป แต่กลับไร้ผล สิ่งที่มะลิทำอยู่นั้นไม่ต่างอะไรกับเด็กอนุบาลเข้ามาขวางทางเด็กโตกว่า

“หลีกไป ฉันจะไปทำธุระ” เสียงห้วนไร้เยื่อใยส่งตรงถึงมะลิ

“ไม่ให้ไปทั้งนั้น นายเป็นสมาชิกของชมรมกรีฑา ก็ต้องอยู่ซ้อมกับพวกเรา”คนตัวเล็กตอบกลับด้วยเสียงสั่นกลัวเล็กน้อย

“ฉันลาออกชมรมนี้แล้ว” ใจกล้าย้ำชัดถึงจุดยืน

“ว่าไงนะ ใครอนุญาตเรื่องนี้กัน”

“ครูเอง” เสียงจากคนที่เฝ้ามองสถานการณ์ เอ่ยออกมาทำลายความหวังเพียงหนึ่งเดียวของมะลิอีกครั้ง ความหวังที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันถูกทำให้ล้มลุกคลุกคลานอยู่อย่างนั้นหลายครั้งหลายครา พอเขามีหวังขึ้นมาก็ถูกขว้างปาลงไปอย่าไร้เยื่อใย ทำไมยากเย็นขนาดนี้ เขาแค่อยากวิ่งเท่านั้น

“อาจารย์ครับ เป็นแบบนี้ได้ไง ก็ไหนบอกว่าเขามีโทษ เลยทำโทษโดยการเป็นสมาชิกชมรมนี้ไม่ใช่หรือครับ” มะลิยังไม่ยอมถอย

“ใจกล้าบอกจะรับโทษอื่นที่ไม่ใช่การอยู่ชมรมนี้”

“แต่ว่า...”

ทุกคำกล่าวถูกกลืนไปชั่วขณะ บริเวณสนามฟุตบอลยังคงได้ยินเสียงของกิจกรรมของนักเรียนหลายระดับชั้นหลากชมรมที่มารวมตัวกัน แต่ความเงียบกลับเข้าปกคลุมพื้นที่ซึ่งชายทั้ง 4 กำลังยืนอยู่ หนึ่งในนั้นสลดลงเพราะความผิดหวัง อีกหนึ่งไม่สนใจเรื่องราวความเป็นไปของโลก ส่วนสองคนที่เหลือก็ไร้หนทางจะแก้สถานการณ์ตรงหน้า

“มาแข่งกัน” เสียงของมะลิทำลายความเงียบงันอันน่าอึดอัดลง

“อะไร” ใจกล้าตอบกลับเร็วพลันด้วยความสงสัย

“แข่งวิ่งไง ฉันท้านายแข่ง” จู่ ๆ คนตัวโตกว่าอย่างใจกล้าก็ถูกท้าทายด้วยคนตัวเล็กเท่าเด็กประถม

“หรือว่านายไม่กล้าแข่งกับฉัน” หน้าเศร้าสลดเมื่อครู่หายไปสิ้น เหลือไว้เพียงความมั่นอกมั่นใจ ว่าตนนั้นสามารถชนะคนตัวสูงตรงหน้าได้อย่างแน่นอน แต่อีกใจหนึ่งก็ประหวั่นจนต้องปลอบตัวเองว่าอย่างน้อยก็ขอพยายามทำในสิ่งที่เขาสามารถทำได้ในขณะนี้ ถึงแม้จะแพ้ ก็คงดีกว่าปล่อยคน ๆ นี้ไปโดยไม่ทำอะไร

“มะลิ ฉันว่านายอย่าไปท้าใจกล้าจะดีกว่านะ ใจกล้าเขา...” เสมอร้องเตือนคนตัวเล็กอย่างเป็นห่วง เพราะรู้ถึงความสามารถของเพื่อนตนเป็นอย่างดี

“ถ้านายแพ้ต้องอยู่ชมรมต่อและต้องมาซ้อมทุกวัน ห้ามขาด” แต่ดูท่ามะลิจะไม่รับฟังความหวังดีนั้น ยังคงประกาศกร้าว หนักแน่น มั่นคง

คนตัวเล็กอารมณ์ร้อนถึงขีดสุด ไม่ฟังคำทัดทาน คำร้องเตือนใด ๆ ทั้งสิ้น มะลิจะรู้หรือไม่ว่าผู้ที่กำลังท้าทายอยู่นั้น เป็นอดีตนักวิ่งระดับจังหวัด การันตีด้วยเหรียญรางวัลมากมาย แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้เขาเลือกโรงเรียนรอบนอกแห่งนี้เป็นสถานศึกษาในระดับมัธยมปลาย โรงเรียนที่ไม่มีแม้กระทั่งชมรมกรีฑา

เสมอก็หวังว่าใจกล้าจะไม่ทำร้ายจิตใจของมะลิด้วยการวิ่งนำอย่างขาดลอยหรอกนะ ถึงไม่สนิทกันหรือรู้จักเป็นส่วนตัว แต่เสมอก็อดสงสารคนที่มีความมุ่งมั่นจะก่อตั้งชมรมอย่างจริงจังอย่างมะลิไม่ได้ ดูจากการตามล่าตัวเขาเมื่อครู่

“หรือมะลิอาจชนะ...”จู่ ๆ เสมอก็นึกขึ้นได้ว่ามะลิพึ่งแสดงความสามารถของตนให้เขาเห็น การวิ่งไล่จับกันเมื่อกี้ทำให้เสมอเริ่มลังเล และแอบหวังว่าคนตัวเล็กจะล้มยักษ์อย่างใจกล้าได้

ด้านผู้ถูกท้าทาย ไม่มีความกระตือรือร้นกับการแข่งขันเฉพาะกิจนี้แม้แต่น้อย เขาจะปฏิเสธเด็กเมื่อวานซืนที่มาท้าวิ่งก็ย่อมได้ เพราะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน และคงไม่มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเขาเลยแม้แต่น้อย อีกอย่างใจกล้าก็พ้นวัยที่ใช้มุขไม่แน่จริงแล้วด้วย

ทว่า การหนีปัญหาไม่ใช่นิสัยของใจกล้า โดยเฉพาะปัญหาที่แสนจะเล็กกระจ้อยและง่ายต่อการรับมืออย่างที่เป็นอยู่นี้ ยิ่งไม่มีวันเกิดขึ้น เขาอยากจบเรื่องวุ่น ๆ ของชมรมกรีฑาโดยไม่ให้ใครมีข้อแม้อีก

“ตกลงฉันรับคำท้า ถ้าฉันชนะต้องสัญญาว่าจะไม่ตามตื้อและมาวุ่นวายอีกเด็ดขาด”ใจกล้าตกปากรับคำขอของมะลิ น้ำเสียงและแววตานั้นแสดงออกชัดเจนว่าตนเหนือกว่า

“ตกลง” ฝ่ายผู้ท้าทายตอบกลับด้วยความมั่นใจไม่ต่างกัน

“คงต้องรบกวนอาจารย์เป็นกรรมการให้ทีนะครับ” มะลิจะหันไปขอความช่วยเหลือจากบุคคลนอกวงสนทนา ให้เป็นผู้ตัดสินการแข่งอย่างไม่เป็นทางการที่กำลังจะเกิดขึ้น

“เมื่อมาถึงขั้นนี้ก็คงต้องทำตามความสมัครใจของเธอสองคน มะลิเธอแน่ใจนะว่าจะแข่งขันกับใจกล้า ผลสุดท้ายครูหวังว่าเธอจะไม่เสียใจกับสิ่งที่เลือกนะ” กฤษซึ่งยืนดูบทสนทนาเมื่อครู่โดยไม่คิดจะห้ามปราม เพราะการถกเถียงที่เกิดขึ้นไม่ได้นำไปสู่ความร้าวฉานหรือความรุนแรงใด หากแต่เป็นการแข่งขันอย่างขาวสะอาด แต่ก็อดเป็นห่วงคนตัวเล็กที่คิดจะต่อกรกับอดีตนักกีฬา แม้ใจกล้าจะเกเร ใจร้อน หัวแข็ง และดื้อดึงไปบ้าง ถึงอย่างนั้นพอเป็นเรื่องวิ่งแล้วล่ะก็ เขาเอาจริงและทุ่มเทชนิดที่ว่าไม่ยอมใครเลย

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าต้องทำให้ใจกล้าอยู่ชมรมให้ได้ ไม่ว่าผลจะออกมายังไงก็ตามครับ”

“แล้วเสมอล่ะ เธอจะแข่งกับพวกเขาไหม ถ้าหากไม่แข่งแปลว่าเธอยอมรับที่จะอยู่ชมรมนะ” กรรมการจำเป็นหันไปให้ความสนใจกับบุคคลที่ไร้บทสนทนาตั้งแต่มาถึง เสมอยืนลังเลอยู่ชั่วอึดใจ

“เอาตามตรงผมไม่ได้อยากอยู่ชมรมนี้เท่าไหร่หรอกครับ แต่ถ้าให้ผมแข่งกับใจกล้าแล้วละก็ เอ่อ... ขอเป็นสมาชิกดีกว่าครับ” เด็กหนุ่มที่ไร้ความมั่นใจในตัวเอง ให้คำตอบที่ดูเหมือนจะน้อมรับความพ่ายแพ้ตั้งแต่เกมยังไม่เริ่ม

ด้านอาจารย์ปรึกษาก็กำลังพิเคราะห์เด็กหนุ่มทั้งสามอย่างตั้งใจ กฤษพอมองเห็นบุคลิกของแต่ละคนในการแข่งขันครั้งนี้ ทั้งคนที่กล้าเกินตัว คนที่ไม่สนโลกแต่มีความสามารถเพรียบพร้อม หรือแม้กระทั่งคนขี้กลัวเกินกว่าเหตุ เป็นเด็กหนุ่มที่ต่างกันสุดขั้ว

“งั้นเธอสองคนไปเตรียมตัวให้พร้อม อีก 15นาทีเจอกัน เสมอครูวานไปซื้อน้ำเปล่าให้หน่อย” สิ้นเสียง นักเรียนทั้งสามก็แยกย้ายไปเตรียมตัว มีสองคนที่ไปเปลี่ยนชุดสำหรับแข่ง อีกคนคอยให้กำลังใจและช่วยเหลือตามคำร้องขอของอาจารย์ที่ปรึกษา

หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 4 - แข่งขัน [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 10.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 11-09-2018 06:39:10
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 4 - แข่งขัน [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 10.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-09-2018 10:12:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ตัวสำรอง บทที่ 5 - คนตัวเล็ก [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 11.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 11-09-2018 19:57:37
“งั้นเธอสองคนไปเตรียมตัวให้พร้อม อีก 15 นาทีเจอกัน เสมอครูวานไปซื้อน้ำเปล่าให้หน่อย” สิ้นเสียง นักเรียนทั้งสามก็แยกย้ายไปเตรียมตัว มีสองคนที่ไปเปลี่ยนชุดสำหรับแข่ง อีกคนคอยให้กำลังใจและช่วยเหลือตามคำร้องขอของอาจารย์ที่ปรึกษา





************





บทที่ 5 คนตัวเล็ก









อาจารย์คณิตศาสตร์มองลูกศิษย์ของตนด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ส่วนหนึ่งก็คาดการณ์ผลการแข่งขันไว้แล้ว เพราะตัวเขาเองรู้จักกับใจกล้ามาก่อน จึงเข้าใจความสามารถและศักยภาพของเด็กคนนี้ดี อีกทั้งใจกล้านั่นเป็นลูกพี่ลูกน้องของตน ทำให้รู้นิสัยใจคอพอสมควร ทางแม่ของเด็กฝากฝังให้ช่วยดูแล แต่เจ้าตัวดันสร้างปัญหาให้กับเขาตั้งแต่เปิดเรียนอย่างนี้ ความเกเรของเด็กหนุ่มไม่เป็นสองรองใคร แต่ความสามารถด้านกีฬาโดยเฉพาะการวิ่ง ใจกล้าก็หาคู่เทียบเคียงได้ยากเช่นกัน ลำพังเด็กร่างเล็กอย่างมะลิ คงล้มนักกีฬาของจังหวัดได้ยากหรืออาจไม่ได้เลย



ถึงแม้อีกด้านหนึ่งกฤษก็ยังหวังให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น หากมะลิเอาชนะคนที่มั่นใจในความสามารถอย่างใจกล้าได้สักครั้ง บางทีอาจเปลี่ยนความคิดและนิสัยเกเรของเด็กคนนั้นได้เสียที และอาจช่วยเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไปให้ครบสมบูรณ์ยิ่งขึ้น



เขาอยากให้ใจกล้าคนเดิมกลับมา



มะลิเปลี่ยนชุดสำหรับซ้อมวิ่ง เด็กชายร่างเล็กในเสื้อแขนสั้น กางเกงสูงเลยเข่า และรองเท้านักเรียน ช่างดูเป็นเด็กประถมมากกว่ามัธยมปลาย อีกด้าน ใจกล้าก็ไม่ต่างกับมะลิ อาจมากกว่าด้วยรองเท้าสำหรับวิ่งโดยเฉพาะ



เมื่อกลับมารวมตัวอีกครั้ง มะลิก็ได้สำรวจคู่แข่งของตนและอดคิดไม่ได้ว่า คนที่จะลาออกจากชมรมอย่างใจกล้าทำไมถึงพร้อมยิ่งกว่าเขาที่ต้องการตั้งชมรม ชุดของใจกล้าไม่ต่างอะไรกับนักวิ่งมืออาชีพเลย ส่วนเขานั้นเป็นได้แค่เด็กถือเส้นชัย



จากที่มองในแง่ลบมาตลอด มะลิเริ่มเปลี่ยนใจ ทั้งยังแอบชื่นชมไม่น้อย จนคิดไปไกลว่าอาจเจอคนที่คล้ายกับเขา คนที่ชอบวิ่งเหมือนกัน ก็ดูเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเหล่านั้นสิ ถ้าไม่วิ่งจริงจังไม่มีทางครอบครองของพวกนั้นได้หรอก ขนาดเขายังไม่มีเลย



“เอาล่ะ มาคุยกันก่อนว่าพวกเธอจะแข่งยังไง เลือกระยะและตกลงกันเองนะ” กฤษเอ่ยขึ้นหลังนักกีฬาพร้อมสำหรับการแข่งขันเฉพาะกิจครั้งนี้แล้ว



“ให้เด็กคนนี้เลือกละกัน” ใจกล้าชิงตอบก่อน เขาคิดว่าตนเป็นต่อ ระยะทางใกล้ไกลย่อมไม่เป็นปัญหา และจะไม่เกี่ยงใด ๆ หากคนตัวเล็กเลือกวิ่งระยะสั้น แม้ว่าเขาจะวิ่งระยะไกลมาก่อนก็ตาม



“นายเรียกใครว่าเด็ก เราอายุเท่ากันนะ” มะลิซึ่งไม่ค่อยต่อปากต่อคำกับใคร อดไม่ได้ที่จะโวยวายเมื่อถูกใจกล้าล้อเลียนเรื่องขนาดตัว ถึงจะเอาอายุมาเป็นข้ออ้าง แต่คนตัวเล็กรู้ดีกว่านั่นสื่อถึงอะไร คงจะคิดว่าเขาเหมือนเด็กประถมตามที่มะลิเคยถูกสบประมาทมาก่อน



“ตัวแค่นี้” ดูเหมือนว่าอาการที่มะลิแสดงออกมาก็ไม่ได้ทำให้ใจกล้าเกรงกลัวแต่อย่างใด



“นายนี่มัน... งั้นผมขอวิ่ง 1,500 เมตรครับอาจารย์” มะลิเลิกสนใจคนตรงหน้า หันไปตอบคำถามของอาจารย์ที่ปรึกษาและใช้สิทธิ์ที่ใจกล้ามอบให้เขาเป็นผู้เลือกระยะการแข่ง ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและชัดเจน สร้างความประหลาดใจให้อีกสามที่เหลือ ซึ่งออกตัวทัดทานด้วยความหวังดี



“1,500 เธอไหวจริง ๆ ใช่ไหมมะลิ ครูไม่ได้ดูถูกเธอหรอกนะ เพียงแต่...” กฤษร้องออกมาอย่างเป็นห่วง เกรงกว่าคนตัวเล็กจะใช้อารมณ์ที่อยู่เหนือเหตุผลมาตัดสินใจ



“ไม่เป็นไรครับอาจารย์ ขอระยะนี้แหละครับ” ทว่า มะลิกลับไม่สนใจความตื่นตะลึงเหล่านั้น พร้อมปฏิเสธความห่วงใยที่กฤษมีให้ เขาย้ำความต้องการของตนแก่กรรมการเฉพาะกิจอย่างชัดเจน และหันไปท้าทายคู่แข่งว่าเอาด้วยไหมกับข้อเสนอนี้ แน่นอนว่าใจกล้ารับคำท้ากลับการพยักหน้าตอบ



“ตามใจนาย ฉันยังไงก็ได้ ยังไงก็ชนะอยู่แล้ว” แถมท้ายด้วยคำพูดเกินตัวที่เหมือนจะรู้ผลการแข่ง ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่ม



แต่สำหรับใจกล้า เขาไม่มีทางแพ้



“เอาความมั่นใจมาจากไหนกัน” มะลิสวนกลับเร็วพลัน



“เอาล่ะ ๆ อย่างพึ่งมีเรื่องกัน ตกลงเลือก 1,500 เมตรนะ” กฤษเห็นสถานการณ์เริ่มตึงเครียดจึงรีบออกตัวไกล่เกลี่ยก่อนที่เรื่องจะไปไกลกว่านี้



“ครับ” ทั้งสองเห็นพ้องและขานรับอย่างพร้อมเพรียง



“สนามฟุตบอลนี้ไม่มีลู่วิ่ง แต่ขนาดก็ได้มาตรฐาน รอบหนึ่งก็ราว ๆ 400 เมตร ฉะนั้นพวกเธอจะต้องวิ่งคนละ 4 รอบสนาม ไม่อนุญาตให้วิ่งเข้ากรอบสี่เหลี่ยม ส่วนเส้นชัยอยู่ตรงจุดออกตัว ไม่มีข้อสงสัยใช่ไหม”



“ไม่มีครับ” “ไม่”



“ประที่ได้ ครูจะนับถอยหลังเป็นสัญญาณออกตัว ถึงเลขหนึ่งพวกเธอสองคนก็เริ่มแข่งได้ พร้อมนะ”



ทั้งคู่เตรียมพร้อมสำหรับออกตัว หากมีลู่วิ่งอยู่บนพื้นสนาม มะลิจะอยู่ลู่ในสุด ถัดออกมาขวามือเป็นใจกล้า กฤษที่รับบทเป็นกรรมการนับถอยหลังจากสามก่อนมาสิ้นสุดที่หนึ่ง สิ้นเสียง ทั้งมะลิและใจกล้าพุ่งออกไปในจังหวะเกือบพร้อมกัน เพียงเสี้ยววินาทีทำให้ใจกล้าก้าวนำไปก่อน แต่อึดใจเดียวมะลิขึ้นมาตีคู่เสมอกัน และเมื่อรักษาระยะของตนได้ ทั้งสองจึงหันมาควบคุมจังหวะไม่ให้ช้าหรือเร็วเกินไป โดยยังรักษาระดับให้เข้ากับคู่แข่งอย่างเหมาะสม ไม่มีใครขึ้นนำในช่วงแรก จนใกล้จบรอบที่หนึ่ง ปรากฏว่า ใจกล้าเร่งขึ้นหน้าไปก่อน วิ่งมาปิดทางมะลิที่ลู่ในสุดซึ่งถูกสมมติขึ้น



มะลิที่หวังจะจัดการคู่แข่งได้โดยง่าย เพราะดันไปคิดว่าเป็นแค่เด็กชายเกเรธรรมดาคนหนึ่ง ต้องกลับมาทบทวนอีกครั้ง



นายคนนี้ไม่ใช่ย่อยเลยต่างหาก



ใจกล้าเริ่มทิ้งห่างมะลิทีละเล็กทีละน้อย ด้วยร่างกายสมบูรณ์พร้อม ช่วงขาที่ยาวทำให้ก้าวไปได้อย่างเหนือกว่า กอปรกับการฝึกซ้อมเพื่อแข่งขันจริงร่วมกับนักกีฬาคนอื่น ๆ นั้นหนักหนาและสาหัส เปรียบได้ว่าการวิ่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้ว ใจกล้ามั่นใจในการแข่งครั้งนี้อย่างมาก แทบไม่มีความเป็นไปได้ใดที่จะนำเขาไปสู่ความพ่ายแพ้ให้กับผู้ชายที่ตัวเล็กกว่า ซึ่งวิ่งตามหลังเขาอยู่ในขณะนี้ ไม่มีทางและไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน



“เด็กคนนั้นคิดยังไงของเขากัน ถึงไปท้าแข่งกับใจกล้า” กฤษเอ่ยเบา ๆ กับตัวเอง



“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เขาคงไม่รู้ว่าใจกล้าเคยเป็นนักวิ่งอันดับต้น ๆ ของจังหวัด” เสมอที่ได้ยินประโยคนั้นเข้า จึงสมทบความคิดของอาจารย์ที่ปรึกษา



“ชักสงสารเด็กคนนั้นขึ้นมาแล้วสิ” กฤษต่อบทสนทนาซึ่งเกิดขึ้นโดยบังเอิญกับเสมอ เขาดีใจที่อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็ยังสนใจกิจกรรมตรงหน้า ไม่ทำตัวเหินห่างหรือคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตน ช่วยให้กฤษสบายใจขึ้นอีกเล็กน้อย หากว่าชมรมนี้มีโอกาสก่อตั้งขึ้นจริง ๆ เสมอก็คงเต็มที่กับกิจกรรม --- ตอนนี้อนาคตของชมรมกรีฑาจึงฝากไว้กับการวิ่งของมะลิ



เข้าสู่ช่วงกลางของรอบที่สอง ใจกล้ายังนำมะลิอยู่หลายช่วงตัว ดูเหมือนว่าคนตัวสูงจะได้เปรียบไม่น้อย มะลิซึ่งตามหลังยังรักษาจังหวะเอาไว้ ไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นนำแต่อย่างใด กระนั้นก็ดูไม่ออกว่าเรี่ยวแรงของคนตัวเล็กจะตกลงไป สีหน้าของมะลิยังปกติดี ฟอร์มการวิ่งของมะลิในสายตาคนนอกอย่างกฤษนับว่ายอดเยี่ยม ราวกับคุ้นชินสถานการณ์



ส่วนความกดดันจากการถูกไล่ตามก็ค่อย ๆ พวยพุ่งจนสร้างผลกระทบให้ผู้นำอย่างใจกล้า



‘ยังมีแรงเหลืออยู่อีกหรือนี่’ ใจกล้าซึ่งวิ่งอยู่ต้องคอยพะวงคู่แข่งจากข้างหลังจนเสียสมาธิ การวิ่งจึงเรรวน จังหวะผิดปกติ เดี๋ยวเร่งเดี๋ยวผ่อน จนตัวเขาเองรู้สึกได้



ซึ่งไม่รอดพ้นสายตาของอาจารย์ที่ปรึกษา กฤษลูบคางด้วยความสงสัย เขากำลังสังเกตอดีตนักกีฬาที่ กระสับกระส่ายไม่เป็นตัวของตัวเองเลย การวิ่งสะเปะสะปะนั้นสร้างภาระให้กับร่างกายอย่างหนัก สีหน้าของใจกล้าไม่สู้ดีเอาเสียเลย



ด้านมะลิเริ่มเร่งจังหวะขึ้นเพื่อลดช่องว่างระหว่างเขากับใจกล้าให้เหลือหนึ่งช่วงตัว กระทั่งเข้าสู่รอบที่สาม ระยะห่างลดน้อยถอยลงเรื่อย ๆ ด้วยการเพิ่มความเร็วอย่างต่อเนื่องของมะลิ ก่อนเข้าสู่รอบสุดท้าย คนตัวเล็กทวีความเร็วจนเกินขีดจำกัด หวังจะขึ้นไปขนาบข้างใจกล้าที่วิ่งนำอยู่



เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อคนตัวเล็กที่ทุกคนไม่คิดว่าจะทนต่อการวิ่งระยะนี้ได้ เข้ากดดันใจกล้าที่นำอยู่ ทีละก้าว ทีละก้าว สร้างความประหลาดใจให้อดีตนักวิ่งประจำจังหวัด ซึ่งแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่า มะลิจะตามเขาทัน



‘เป็นไปได้ไง ทำไมยังตามอยู่ได้ น่าจะหมดแรงไปตั้งแต่รอบสองแล้วไม่ใช่หรือไง’ ใจกล้าคิดขณะชำเลืองมองคนข้างหลัง



“ไม่น่าเชื่อ” เสียงหนึ่งจากข้างสนาม



เสมอที่จับตาการแข่งมาตั้งแต่ต้น แทบขยี้ตาตัวเองให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นความจริง ภาพของคนตัวเล็กกำลังไล่กวดนักกีฬาประจำจังหวัดอย่างไม่ลดละ ตั้งแต่รอบสองเป็นต้นมา ระยะห่างที่ใจกล้าทำไว้ค่อย ๆ ลดลง จากหลายช่วงตัวเหลือเพียงไม่กี่ก้าว



ในที่สุด มะลิขึ้นมาเทียบเคียงใจกล้าได้สำเร็จ



“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วละ เด็กคนนั้นทำได้จริง ๆ ตอนนี้ก็รอบสุดท้ายแล้วด้วย ไม่แน่นะ...” กฤษอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาเมื่อสถานการณ์ในสนามเปลี่ยนไป เขาแทบห้ามความคิดของตนไม่ได้ เมื่อสิ่งที่แว็บเข้ามาในหัวกำลังบอกว่ามะลิจะชนะใจกล้า



“เป็นใครกันแน่คนที่ชื่อมะลินั่นน่ะ” เสมอเผลอพูดกับตัวเอง มะลิไม่ใช่นักกีฬาหรือนักวิ่งที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอย่างแน่นอน ข้อนั้นเขารับประกันได้ แล้วการวิ่งระดับนี้ นายไปอยู่ไหนมา ทำไมไม่มีคนรู้จักนักกีฬาที่ชื่อมะลิ ไม่เคยมีชื่อ และไม่ปรากฏตัวในการแข่งใด ๆ ตลอดเวลานานไปหลบอยู่ที่ใดกันแน่



ในสนามขณะที่กำลังได้ใจอยู่นั้นใจกล้าเผลอผ่อนแรง กลับปรากฏร่างของผู้ท้าชิงตัวเล็กขึ้นมาเทียบเคียง มะลิวิ่งขึ้นมาทางขวามือของใจกล้า จังหวะการก้าวที่มั่นคง ความมั่นใจในฝีเท้าของตนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอดีตนักกีฬาอย่างเขา อีกทั้งสีหน้านั้นไม่บ่งบอกถึงความสิ้นหวังแม้แต่น้อย กลับเป็นดวงหน้าซึ่งเปื้อนไปด้วยความกล้าหาญ ใบหน้าที่มุ่งมั่นจะคว้าชัย



ใจกล้าที่มีความมั่นใจในฝีเท้าของตนเป็นที่หนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคู่แข่งเป็นเพียงเด็กชายไร้ชื่อในวงการวิ่งเช่นนี้แล้ว เขาแทบไม่ต้องใช้แรงหรือความสามารถเพื่อเอาชนะเลยสักนิด นั่นเป็นความเชื่อก่อนหน้าที่อีกฝ่ายจะขึ้นมาตีคู่กับเขาในระยะประชิด ชนิดที่ว่าแค่เอียงหน้าไปทางขาวสักนิดก็จะพบกับคู่แข่งซึ่งเคยสบประมาทเอาไว้กำลังจะขึ้นนำเขาไป



เขาคิดผิดที่ดูถูกคน ๆ นี้















โค้งสุดท้ายในรอบที่สี่ มะลิวิ่งเต็มกำลังไม่ต่างจากใจกล้าที่ไม่คิดจะยอมแพ้ ความได้เปรียบทางสรีระคอยหนุนให้เด็กหนุ่มร่างสูงพุ่งออกไปอย่างแน่วแน่ เพียงก้าวเดียวก็ขึ้นหน้าไปได้ไกล เทียบเป็นสองเท่าของร่างเล็ก แม้ใจกล้าจะตะลึงกับเรื่องไม่คาดฝันอย่างการถูกตามจนขึ้นมาเทียบเคียงเช่นนี้ แต่ก็ไม่ทำให้ความกระหายชัยชนะของเขาลดลงแม้แต่น้อย กลับเพิ่มมากขึ้นและกลายเป็นแรงกระตุ้นให้เขาต้องเอาจริงเสียที



‘ไม่ธรรมดาจริง ๆ คนที่ชื่อใจกล้า’ วูบหนึ่งมะลินึกชื่นชมความสามารถของคู่แข่ง แม้มีท่าทีไม่น่าชอบใจหลายเรื่อง แต่เมื่อลงสนาม เด็กเกเรอย่างใจกล้ากลับแสดงทักษะออกมาราวกับคนละคน



นับตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาล้มลงไป มะลิก็ได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้อย่างสาสม แม้เขาไม่เคยเอาชนะคมสันเพื่อนของตนได้ แต่ไม่มีการแข่งใดที่เขานึกเสียใจเท่าครั้งนั้น เพราะเป็นการแข่งเพียงหนึ่งเดียวที่เขาทุ่มเททุกสิ่งลงไป ผลสุดท้ายก็คว้าได้เพียงความเจ็บปวด นั่นทำให้มะลิได้รู้ว่าตนยังพยายามไม่พอ



จากวันนั้นเป็นต้นมามะลิจึงมุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างหนัก แม้ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสแข่งกับคมสันอีกครั้งหรือไม่ แต่ก็เพื่อสักวันหนึ่ง วันที่เขาจะได้ใช้ความพยายามที่สั่งสมมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง และเมื่อวันนั้นมาถึงเขาจะไม่เอ่ยโทษความสูง จะไม่กล่าวร้ายร่างกายที่ได้รับมา และไม่ร้องขอโอกาสซึ่งไม่เคยเข้ามาในชีวิต เพราะสิ่งที่เขาทำได้มีเพียงแค่วิ่งต่อไป ก้าวไปข้างหน้า อย่าหันกลับไปมองอดีต หรือกล่าวโทษโชคชะตาอีก สู้และพากเพียรไม่ให้น้อยหน้าคมสันที่กำลังพยายามอยู่



และในวันนี้ ครั้งนี้ การแข่งนี้ เขากำลังทุ่มเททุกสิ่งที่มีอีกครั้งเพื่อคว้าชัย



ขาเรียวคู่เล็กก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขายาวคู่นั้น ทั้งสองกำลังพุ่งตรงสู่เส้นชัย ร้อยเมตรสุดท้ายจะเป็นตัวชี้ขาด เพียงเสี้ยววินาทีที่จะตัดสินว่าชมรมกรีฑาจะได้ก่อตั้งหรือไม่และใจกล้าจะได้เป็นสมาชิกหรือได้รับอิสระตามที่ตนต้องการ ไม่ว่าทางไหนก็ไม่สามารถหยุดยั้งทั้งคู่ไว้ได้



บัดนี้ทั้งคู่เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการแข่ง การเดินทางใกล้สิ้นสุด เหล่าผู้ท้าชิงทั้งสองได้ลืมเลือนข้อสัญญาที่ให้ไว้แก่กันไปสิ้น ทั้งมะลิและใจกล้าต่างวิ่งไปตามสัญชาตญาณ ลู่สนามสมมติกลับกลายเป็นแรงกระตุ้นให้การแข่งดุเดือดยิ่งขึ้น ขณะนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกเขากำลังมุ่งความสนใจ ปลายขอบของสนามฟุตบอลซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของก้าวแรก คือตัวตัดสิน จุดมุ่งหมายสุดท้ายซึ่งต่างฝ่ายก็ต้องการฝากรอยไว้เป็นคนแรก

มะลิล้มลงในที่สุด แต่เป็นการล้มหลังเส้นชัยที่ข้ามผ่านไปแล้ว



กฤษและเสมอวิ่งเข้าไปประคองทั้งคู่เอาไว้ก่อนจะทิ้งดิ่งลงพื้นด้วยความเหนื่อยและเมื่อยล้า เสมอตะโกนขอน้ำจากชมรมฟุตบอลที่หยุดดูการแข่งขันอย่างไม่เป็นทางการของชมรมไร้ชื่อซึ่งยังไม่ถูกก่อตั้ง



“ทำได้ดีมากมะลิ” กฤษกล่าวกับหนุ่มน้อยในอ้อมแขน



“แต่สุดท้ายก็แพ้นะครับ” มะลิตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุดจะกลั้น ความอ่อนเพลียเล่นงานเขาไปทั้งตัว ทว่าคงไม่เท่าความผิดหวังซึ่งถาโถมและซัดกระหน่ำให้แปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนแอ น้ำตาของคนตัวเล็กหยาดลงมาอย่างยากจะหยุดยั้ง



เขาคงต้องหาชมรมอื่นแทนชมรมกรีฑาที่ไม่อาจก่อตั้งได้อีกต่อไป

เพราะเขาพ่ายให้กับใจกล้า









.

.

.







‘แพ้อีกแล้ว’



หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 5 - คนตัวเล็ก [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 11.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 12-09-2018 07:26:54
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 5 - คนตัวเล็ก [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 11.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-09-2018 19:43:00
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 6 - ที่ปรึกษา [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 13.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 13-09-2018 20:07:09
​บทที่ 6 ที่ปรึกษา​



เสียงห่าฝนตกกระทบกลบทุกสรรพเสียงโดยรอบจนแทบไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างกัน เป็นอีกวันที่ฝนเทลงมาอย่างไม่บอกกล่าว บ่ายแก่ก่อนเริ่มกิจกรรมเสริมทักษะ เหล่าชมรมกลางแจ้งทั้งหลายต่างส่งเสียงเซ็งแซ่ เมื่อพวกตนต้องงดกิจกรรมเพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นกีฬาหรือนันทนาการต่าง ๆ กลางสายฝน ส่วนชมรมวิชาการซึ่งอยู่ในตึกเรียนและห้องกิจกรรมนั่นไม่เดือดร้อนกับฝนชุดดังกล่าว เพียงแค่อบอ้าวกว่าปกติเท่านั้นที่ไม่ค่อยชอบใจเอาเสียเลย



ด้านนักเรียนที่ยังไม่สังกัดชมรมใด ทั้งกีฬา นัทนาการ และวิชาการ ก็ต้องออกตามหาตามหากันต่อไป เช่นเดียวกันกับเด็กชายร่างเล็ก ซึ่งจำใจเข้าไปสมัครสมาชิกกับชมรมกีฬาอิเล็กทรอนิกส์หรือการแข่งขันอีสปอร์ต ที่เขาค้านหัวชนฝาว่าไม่มีวันเข้าร่วม แต่ทว่า นักเรียนทุกคนจำเป็นต้องมีชมรมใดชมรมหนึ่งสังกัดอยู่ภายในสัปดาห์แรกของการเปิดภาคเรียน ซึ่งขณะนี้ก็เดินทางมาถึงวันศุกร์ วันสุดท้ายของการรั้งรอ



“แน่ใจนะว่าจะเข้าอีสปอร์ตกับฉัน” ต้นตอเอ่ยขึ้นหลังทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากเพื่อนตนและได้รับรู้ความเศร้าหมองจากดวงตาคู่นั้น เหตุเพราะคนตัวเล็กไม่สามารถก่อตั้งชมรมกรีฑาได้ ทั้ง ๆ ที่วันก่อนนั้น เพื่อนของเขาพึ่งมาบอกกล่าวความดีใจที่ได้ตั้งชมรมตามปรารถนาแล้วก็ตาม แต่พอถึงวันนี้ มะลิกลับมาบอกเล่าเรื่องราวความเป็นไปซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเย็นวานให้เขาฟัง



“อืม... คงต้องเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะ” เสียงเรียบนิ่งไม่สมกับเป็นตัวเองของมะลิเอ่ยออกมา ยิ่งทำให้เพื่อนของเขาเป็นห่วงมากขึ้น



“ถ้านายว่างั้นฉันก็คงทำอะไรไม่ได้ มาอยู่ชมรมเดียวกันก็ดีไปอีกแบบจะได้ปรึกษากัน ฉันก็เล่นไม่เก่งเหมือนกัน” ต้นตอยังคงปลอบคนตัวเล็ก และถึงจะพูดออกไปเช่นนั้น ความดีใจของเขาก็คงไม่ใช่ความในใจอย่างสัตย์จริง ในเมื่อการขังมะลิไว้ในห้องสี่เหลี่ยมเช่นนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ต้นตอชอบใจเอาเสียเลย เขาเองก็อยากเห็นมะลิอยู่ในสนามโล่งและวิ่งอยู่บนลู่มากกว่า



“ขอบใจ” เด็กชายหันไปกล่าวกับเพื่อนตนอีกครั้ง ก่อนผลักบานประตูห้องชมรมอีสปอร์ตเข้าไปพร้อมกับต้นตอ เพื่อเริ่มต้นกิจกรรมชมรมในวันแรกของเขา



ก่อนที่ประตูกระจกใส ซึ่งถูกเหนี่ยวรั้งด้วยระบบกลไกป้องกันการกระแทกจะปิดลง เสียงสุดท้ายถูกส่งออกมาเล็ดลอดรอยแง้มก่อนประตูกระจกจะปิดสนิท เสียงนั้นเรียกความสนใจของมะลิซึ่งก้าวเข้ามาในห้องที่มีเหล่าสมาชิกชมรมคนอื่นนั่งก้มหน้ามองจอโทรศัพท์มือถืออยู่ก่อนแล้ว


‘เสียงอะไร’ มะลิคิดในใจ เขาได้ยินเสียงเรียกคล้ายชื่อของตน แต่ไม่มั่นใจว่าใช่หรือเพียงหูแว่วไปเอง


‘ไม่หรอกมั้ง’ เขาคิดพลางเดินต่อไปเพื่อให้ต้นตอแนะนำเขากับเพื่อนร่วมชมรม และขอคำปรึกษาเรื่องกีฬาอีสปอร์ต



“มะลิ มะลิ นี่ มะลิ” เสียงเรียกซึ่งใกล้เข้ามาทุกที จนกระทั่ง ประตูบานเดิมเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับเสียงตะโกนเรียกชื่อของเขาดังลั่น จนสมาชิกในห้องหันมามองด้วยสายตาตำหนิ รวมทั้งต้นตอเองก็สงสัยเช่นกันว่าใครที่เข้ามาตะโกนลั่นโดยไม่สนใจมารยาท



“มากับฉันก่อน” ขณะที่มะลิกำลังรวบรวมสติเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ถูกลากออกจากห้องชมรมอีสปอร์ตโดยไม่มีการบอกกล่าว



ต้นตอคอยทักท้วงการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก แต่กลับไร้ผล รู้ตัวอีกทีมะลิก็หายไปพร้อมกับคนแปลกหน้า



“มีอะไรเสมอ จู่ ๆ ก็...” มะลิตะโกนแข่งเสียงสายฝนที่ล้อมรอบบรรยากาศอยู่ในขณะนี้



“ตามมาเหอะ อาจารย์เรียก” เสมอตอบกลับโดยไม่ขยายความใด ๆ ให้มะลิเข้าใจ กลับเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น เพราะนัดหมายที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้เขาต้องเหนื่อยวิ่งตามหามะลิทั่วโรงเรียน จึงไม่มีกะจิตกะใจอธิบายเหตุผลในตอนนี้



ฝนซาลง... ก่อนทิ้งไว้เพียงความเปียกชื้น กลิ่นไอดินลอยมาเตะจมูก กลุ่มก้อนทึมเทาค่อย ๆ สลายไปและเปิดพื้นที่ให้ฟ้าครามเข้ามาแทนความหมองหม่น สภาพอากาศเป็นใจให้กิจกรรมนอกห้องเรียนเริ่มต้นขึ้น ชมรมกลางแจ้งต่างออกมาจับจองพื้นที่ทั่วบริเวณ พร้อมเสียงเจี๊ยวจ๊าวให้โรงเรียนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง









มะลิและเสมอมาถึงสนามกว้างลานเดิมกับเมื่อวานที่เขาพ่ายแพ้ให้กับใจกล้า ซึ่งอาจารย์คนเดิมรออยู่ก่อนแล้ว และที่มากไปกว่านั้นคือการได้เห็นใจกล้าก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย มะลิสับสนการกระทำของเสมอและการรวมตัวกันของว่าที่สมาชิกชมรมกรีฑาซึ่งไม่ถูกก่อตั้งทั้งสามคน หากนับรวมที่ปรึกษาก็จะเป็นสี่



“เรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ” มะลิไม่รอช้า เอ่ยถามเหตุผลเพื่อคลายข้อสงสัยที่สั่งสมมาตั้งแต่เสมอเข้าไปลากเขาออกจากห้องชมรมอีสปอร์ต



“เรื่องชมรมไง ลืมแล้วหรือว่าเธออยากตั้ง” อาจารย์คณิตศาสตร์คนเดิมเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้ามึนงงของเด็กหนุ่ม



“ก็ผมแพ้แล้ว...” มะลิตอบกลับเบาหวิว จนแทบไม่ได้ยินเสียงในท้ายประโยค



“ฉันจะเข้าชมรม แค่นี้ก็ตั้งได้แล้วไม่ใช่หรือไง” จู่ ๆ คนที่ยืนเงียบก็โพล่งขึ้นมา ยิ่งทำให้มะลิสับสนเข้าไปอีก



“ใจกล้าและเสมอเปลี่ยนใจเข้าชมรม พอรวมเธอด้วยก็เป็นสาม ก็จะตั้งชมรมกรีฑาได้ เข้าใจหรือยัง” ผู้อาวุโสที่สุดในกลุ่มขยายความให้คนตัวเล็กฟังอีกครั้ง



มะลินิ่งงันไม่ตอบโต้ เรื่องราวไม่คาดฝันที่ได้ยินทำให้เขาหวั่นเกรง ในหัวของมะลิกำลังประมวลสถานการณ์ตรงหน้าว่าที่ได้รับฟังนั้นเป็นเรื่องจริงหรือแค่อำกันเล่น เพราะจากประสบการณ์ที่ได้ประสบมาไม่นานมานี้เตือนเขาว่าอย่าหลงระเริงกับความบังเอิญหรือเชื่อถือสิ่งที่เกิดขึ้น จนกว่าจะได้เริ่มกิจกรรมชมรมอย่างแท้จริง



'เอาล่ะ วันนี้คงซ้อมไม่ได้ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ เตรียมชุดมาเปลี่ยนให้พร้อม เข้าใจนะทุกคน' เสียงนั้นยังก้องอยู่ในภวังค์ แม้ขณะนี้มะลิจะอยู่ในห้องนอนของตนแล้วก็ตาม



ราวกับความฝัน เขาแทบไม่อยากตื่นขึ้นมาพบกับความจริงที่ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นนี้เป็นเพียงภาพลวงตา



นี่เขากลับมาวิ่งได้จริง ๆ หรือ















“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน ครูชื่อกฤษ”



การเดินทางแสนสั้น ทว่าก่อปัญหานับร้อยให้กับเด็กชายตัวเล็กที่คิดจะก่อตั้งชมรมกรีฑาด้วยตัวของเขาเอง บัดนี้อุปสรรคด่านแรกได้ผ่านพ้นไป กิจกรรมชมรมกรีฑาจึงเริ่มต้นขึ้นในวันศุกร์เวลาบ่ายคล้อยกับแสงแดดอ่อน ๆ เหมาะแก่การดำเนินกิจกรรมของนักเรียนทั้งหลาย นั่นรวมถึงชมรมเล็ก ๆ แห่งนี้ด้วย



เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ หวังให้เกิดความสนิทสนมระหว่างสมาชิก เนื่องจากกีฬาเป็นกิจกรรมที่ไม่สามารถกระทำด้วยตัวคนเดียวแล้วบรรลุผล ไม่ว่าประเภทเดี่ยวหรือทีม อย่างน้อยหากได้รับความร่วมมือจากคนรอบข้างย่อมดีกว่าการฝ่าฟันอุปสรรคไปตามลำพัง ต้องมีเพื่อนคอยแบ่งปันประสบการณ์ มีผู้ให้คำปรึกษา หรือแม้แต่คู่แข่งที่เป็นแรงผลักดัน คนเหล่านี้จะคอยขับเคลื่อนให้นักกีฬาเดินหน้าต่อไป เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง และมุ่งสู่ความสำเร็จ



ต่อมา ก่อนเริ่มการฝึกซ้อม หนีไม่พ้นการอบอุ่นร่างกายอย่างพอเหมาะพอควร เพื่อลดโอกาสการบาดเจ็บและปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อ แน่นอนว่าทั้งสามทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ดี 



เลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจเพิ่มจังหวะแรงดันขึ้น เหงื่อไหลย้อยลงมาคล้ายเป็นสัญญาณออกตัว กฤษเรียกทั้งสามมาพูดคุยถึงระยะวิ่งที่แต่ละคนถนัด เมื่อได้ความแล้วจึงปล่อยตัวนักวิ่งออกไป วันแรกนี้กฤษจะดูสมรรถภาพทางกาย เพื่อทราบขีดความสามารถของนักกีฬาแต่ละคนก่อนกลับไปวางแผนการฝึกซ้อมเฉพาะบุคคลอีกครั้ง



“วิ่งคนละสามรอบสนามแล้วกลับมาหาครู ยังไม่ต้องแข่งกัน ครูแค่จะดูจังหวะของแต่ละคนเท่านั้น ถ้าเข้าใจแล้วก็มาเริ่มกันเลย”



ทั้งสามออกตัวพร้อมเพรียง ก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ใจกล้าตัวสูงที่สุดในกลุ่มมีช่วงขาที่กว้างกว่าสองคนที่เหลืออย่างเห็นได้ชัด จังหวะการเปลี่ยนเท้าค่อนข้างไว ไม่หน่วงช้า เป็นผลจากการฝึกซ้อมในอดีต ส่วนเสมอถึงแม้ไม่ได้เป็นนักวิ่ง แต่เคยเล่นฟุตบอลมาก่อน การก้าวเท้าสั้นและกระชับ แต่ไม่สม่ำเสมอ คงต้องปรับตัวกับประเภทกีฬาที่เปลี่ยนไปพอสมควร ส่วนอีกคนที่กำลังวิ่งอยู่กลางวงล้อมความสูง เด็กตัวเล็กที่ช่วงขาแคบกว่าคนอื่น แต่แรงส่งจากภายในทำให้การก้าวสั้น ๆ เป็นไปอย่างสม่ำเสมอรวดเร็ว ไม่มีจังหวะเสียเปล่า และไม่ปรากฏความหน่วงค้างหรือติดขัด อีกทั้งยังรักษาระดับการวิ่งได้อย่างเหมาะสม ลงตัว คงเพราะการฝึกอย่างหนักที่ทำได้ถึงขนาดนี้ กฤษค่อย ๆ พิจารณาไปทีละคน ก่อนทั้งสามจะจบรอบด้วยเวลาไล่เลี่ยกัน



นอกจากนั้นกฤษยังต้องการบันทึกสถิติในหนึ่งรอบสนามทีละคน โดยอนุญาตให้ใช้กำลังอย่างเต็มที่และทำเวลาออกมาดีที่สุด เนื่องจากเป็นระยะซึ่งครอบคลุม สามารถเห็นขีดจำกัดและสมรรถภาพในแต่ละช่วงของนักกีฬา ตั้งแต่ระยะร้อยเมตรแรกไปจนถึงร้อยเมตรหลัง ทั้งนี้กฤษจะบันทึกเวลาในทุกช่วง เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ประกอบกับข้อมูลชุดแรก



แสงอาทิตย์คล้อยต่ำลงทุกขณะ ก่อนอัสดงละล่วงไป ทั้งสามใช้เวลาไม่นานสำหรับการวิ่งหนึ่งรอบสนาม แต่คงมากไปสำหรับชมรมอื่นซึ่งเคยกระจายอยู่รอบสนาม บัดนี้เหลือผู้ใช้งานเพียงสี่คน



ใจกล้าทดสอบเป็นคนแรก ตามด้วยมะลิ และเสมอ กฤษมองการวิ่งของนักกีฬาคนสุดท้าย ที่ทำเวลาในช่วงร้อยเมตรแรกได้ดีที่สุด เพราะไม่ได้ฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ การรักษาจังหวะจึงไม่คงที่และแปรปรวน ส่วนผู้นำนั้นคงไม่ต้องพูดถึงมาก เพราะช่วงขาที่ยาวและรวดเร็ว สมกับตำแหน่งนักกีฬาอันดับต้นของจังหวัด เมื่อวิ่งเสร็จทุกคนจึงเรียกรวมเพื่อสรุปผล



“เริ่มจากเสมอ เธอวิ่งได้ดีช่วง 100เมตรแรก แต่คุมจังหวะไม่ค่อยได้” กฤษหันไปมองเจ้าตัว เมื่อพูดจบก็ย้ายตำแหน่งไปที่คนต่อไป



“ใจกล้าทำได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบ ติดแค่ช่วงกลางสนามที่ยังไม่นิ่งพอ ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ แค่อยากให้ปรับปรุง เพราะหากเจอคู่แข่งแบบเดียวกับมะลิเมื่อวานนี้ ก็คง...”



“เข้าใจครับ” เสียงตอบกลับฉะฉานหนักแน่นของใจกล้า ทำให้กฤษพอใจไม่น้อย ที่อดีตเด็กเกเรยอมรับคำแนะนำจากเขา



“คนสุดท้าย มะลิ เธอรักษาจังหวะของตัวเองได้สม่ำเสมอที่สุด แต่ด้วยความที่ตัวเล็กจึงไม่แปลกหากจะโดนทิ้งห่างเรื่องเวลาในช่วงท้าย ภาพรวมยังถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าอยากเร็วขึ้นคงต้องเร่งจังหวะตั้งแต่ต้นเกม”



“ครับ” เสียงตอบรับจากลูกศิษย์ตัวเล็ก



สำหรับมะลิ เขารู้ศักยภาพของตนดี คำติชมและการวิเคราะห์ของกฤษจึงเป็นการยืนยันความจริงและย้ำความสามารถของเขาในตอนนี้ได้ดี ทำให้เขารู้และตระหนักว่าตนเองต้องพยายามฝึกฝนให้มากขึ้น เพื่อก้าวต่อไป ก้าวไปข้างหน้า และก้าวให้ทันใจกล้าหรือใครก็ตามที่วิ่งอยู่บนลู่เดียวกัน



หากจะมีเรื่องแปลกใจคงหนีไม่พ้นใจกล้าที่เป็นนักกีฬาระดับจังหวัด มะลิไม่รู้อะไรเลย เมื่อวานที่ไปท้าแข่งก็ไม่ทันคิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน จนแพ้เข้าให้ ซึ่งคงโทษใครไม่ได้นอกเสียจากความบุ่มบ่ามของตัวเอง



“ส่วนเรื่องจังหวะและความยาวการก้าว ครูไม่สามารถบอกได้ว่าแบบไหนจะดีที่สุดในแต่ระยะ เพราะทุกคนมีศักยภาพต่างกันออกไป วิธีวิ่งของแต่ละคนย่อมแตกต่าง ทฤษฎีที่มีการพูดถึงไว้บ้างก็มาจากการสุ่มเลือกคนส่วนใหญ่ ซึ่งครูไม่นำมาใช้กับคนส่วนน้อยอย่างพวกเธอ โดยเฉพาะมะลิ ดังนั้นสิ่งที่ครูอยากให้พวกเธอทำก็คือ ขัดเกลาวิธีการวิ่งของตัวเองให้ดีที่สุด”



มะลิรู้สึกประหลาดใจ ทั้งยังประทับใจในความสามารถของกฤษ ซึ่งทำหน้าที่ในฐานนะอาจารย์ที่ปรึกษาได้อย่างเหลือเชื่อ ในมุมมองของมะลิ กฤษไม่ใช่แค่ทุ่มเทกับชมรมซึ่งจับพลัดจับผลูมาดูแลโดยบังเอิญ อาจารย์ยังใส่ใจและทำงานอย่างละเอียดรอบคอบตั้งแต่วันแรก สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้มะลินับถือกฤษจากใจจริง



“ครับ”เด็กหนุ่มสามคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียง



หลังจากที่ปรึกษาแจงรายละเอียดผลการวิเคราะห์นักวิ่งแต่ละคนเสร็จสิ้น สมาชิกชมรมคนอื่นก็เตรียมตัวแยกย้าย



“อ้าวมะลิ ยังไม่เก็บของอีกหรือ”กฤษร้องถามคนตัวเล็กที่เดินไปยังขอบสนาม ทำท่าทางเหมือนจะกลับไปวิ่งอีกครั้ง ซึ่งกฤษคิดว่าตนพูดชัดแล้วว่าให้ทุกคนกลับไปพักผ่อน



“ผมจะอยู่ซ้อมอีกหน่อยครับ” มะลิตอบกลับตามปกติ



“การพักผ่อนก็สำคัญนะอย่าหักโหมมาก นี่ก็เย็นแล้วด้วย” ที่ปรึกษาชมรมอดเป็นห่วงไม่ได้ แม้การฝึกซ้อมวันนี้จะไม่หนักหนามาก แต่ก็ทำให้ทั้งสามเหนื่อยอ่อนพอควร



“ปกติผมซ้อมกับเพื่อนทุกวัน มันไม่ชินเท่าไหร่หากต้องรีบกลับตอนนี้ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ”



“งั้นตามใจเธอแล้วกัน ดูแลตัวเองด้วย” กฤษจ้องมองลูกศิษย์ตนอย่างพิจารณาก่อนอนุญาตให้ทำตามความประสงค์ คงไปขัดความตั้งใจไม่ได้



“ขอบคุณครับ”



สามคนที่เหลือเก็บของเตรียมตัวกลับ ฝั่งอาจารย์นั้นไม่มีอะไรมาก เพราะแค่มาควบคุมและกำกับดูแลความเรียบร้อย มีเพียงเป้ใบเล็กติดตัวมา ส่วนอีกสองคนกำลังคลายกล้ามเนื้ออยู่ข้างสนาม



“ว่าแต่ปกติของเธอนี่กี่โมง” ก่อนกลับกฤษหันไปทางมะลิอีกครั้ง พร้อมถามออกไปตามความสงสัย



“ประมาณ 2ทุ่มครับ” มะลิก็ตอบมาราบเรียบ แต่คำตอบนั้นยิ่งทำให้กฤษทึ่งในความพยายามของเด็กคนนี้ไม่น้อย



“การพักผ่อนก็เป็นเรื่องสำคัญนะ อย่างลืมข้อนี้เสียล่ะ” ผู้เป็นอาจารย์ย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง



“ครับอาจารย์”



เมื่อสิ้นสุดคำแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษา มะลิจึงออกวิ่งอีกครั้ง เป็นการวิ่งระยะไกลที่เขาซ้อมอยู่ทุกวัน หลังจากมะลิวิ่งออกไปพ้นบริเวณ ความนิ่งงันก็เข้ามาปกคลุมคนทั้งสามที่ยืนอยู่ข้างสนาม ทุกสายตาจ้องมองชายร่างเล็กที่ก้าวออกไปเมื่อครู่



กฤษคิดว่าตนมองเด็กเหล่านี้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว แต่ไม่เป็นเช่นนั้นเลย เขายังดูแค่ผิวเผิน สิ่งที่ตนรับรู้เป็นเพียงเปลือกนอกของแก่นแท้ นักกีฬาของเขามีอะไรมากกว่าที่คิด กฤษคงต้องปรับแผนการซ้อมของทั้งสามเสียใหม่ แม้แผนเดิมพึ่งเสร็จไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้ ทว่าหากเขาเสนอแผนซ้อมที่อ่อนข้ออย่างนั้นให้กับนักกีฬา คงถูกหัวเราะจากเด็กพวกนี้อย่างแน่นอน



“ชักตื่นเต้นขึ้นมาแล้วสิ”เขาพูดกับตัวเอง พอให้สายลมและแสงดาวรับรู้ถึงความตื่นเต้นที่เริ่มปะทุขึ้นจากภายใน



หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 6 - ที่ปรึกษา [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 13.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 13-09-2018 21:08:48
มะลิสู้ๆน๊าาาาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 6 - ที่ปรึกษา [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 13.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-09-2018 22:06:55
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 7 - แค่เสมอก็พอแล้ว [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 17.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 17-09-2018 21:16:19
บทที่ 7 - แค่เสมอก็พอแล้ว



ภาคเรียนใหม่สร้างความคุ้นชินให้แก่นักเรียนชายหญิงทั้งหน้าเก่าและใหม่ หลายคนปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมและเพื่อนได้เป็นอย่างดี ความตื่นตระหนกเมื่อคราวพบคนแปลกหน้าในครั้งก่อน เริ่มละลายลงไป ความสนิทสนมจึงเข้ามาแทนที่ทีละน้อย กลั่นกรองให้กลายเป็นมิตรภาพในสักวันหนึ่ง




กระนั้น ยังมีบางสิ่งที่เวลาร่วมเดือนไม่อาจทลายกำแพงความแปลกต่างออกไปได้ มีบางอย่างซึ่งคงต้องใช้เวลาฝึกฝนและเพียรพยายามอย่างหนัก กว่าจะสามารถเรียกได้เต็มปากว่าสิ่งนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตมัธยม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกิจกรรมชมรมที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวต่างมีหนทางของตน ทั้งผู้ถูกเลือกจากความถนัด ผู้ได้เลือกจากความชอบส่วนตัว อีกทั้งผู้ที่ต้องจำนนกับทางเลือก เขาและเธอเหล่านั้นกำลังก้าวเข้าสู่บททดสอบครั้งใหม่ในการใช้ชีวิตวัยรุ่น รอยต่อแห่งอนาคตที่จะกำหนดทิศทางชีวิตของพวกเขา ด้วยตัวพวกเขาและผองเพื่อนรอบกายว่าเส้นทางนั้นจะโรยไปด้วยกลีบดอกไม้หรือกรวดทรายกันแน่



ต้นตอเป็นหนึ่งในคนที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคด่านแรกอย่างโหดหิน เพราะกิจกรรมชมรมอีสปอร์ตแท้จริงแล้วก็ไม่ต่างจากคำครหาจากรอบกายที่ว่าเป็นเพียงชมรมเกม ที่เอาแต่ก้มหน้าเล่นเกม ซึ่งในจุดนี้ก็ยากจะปฏิเสธ เพราะสมาชิกอีกสี่คนทำเช่นนั้นจริง ๆ



ต้นตอมักถามตัวเองอยู่เสมอเมื่อก้าวเข้ามาในห้องชมรมว่า เขาเหมาะกับอีสปอร์ตจริงหรือ เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในห้องแห่งนี้ ไม่ทำให้ต้นตอเกิดความรู้สึกอยากมีส่วนร่วมเลยแม้แต่น้อย แถมยังไม่มีความสุขกับการถูกบังคับให้ฝึกฝนเกมที่เขาไม่ถนัด และคิดว่าไม่มีวันที่เขาจะมีฝีมือเทียบชั้นคนอื่นได้



ความทุกข์จึงบังเกิดขึ้นโดยไม่มีการนัดหมาย เขาคงน่าเป็นห่วงจนเพื่อนข้างกายจับสังเกตได้ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าควรออกห่างที่แห่งนั้น เพราะขณะนี้ต้นตอกำลังแผ่ความทุกข์ออกไปรอบกาย จนทำให้คนอื่นทุกข์ตามไปด้วย



“ให้ฉันช่วยอะไรไหมต้นตอ นายดูแย่ลงมากเลย” เสียงที่แสดงความห่วงใยจากมะลิ ซึ่งเขาไม่อาจคว้าได้



“ไม่เป็นไร นายไปซ้อมวิ่งเถอะ” เพราะมัวแต่ห่วงคนอื่น ไม่อยากให้ใครมาทนทุกข์ไปกับตน และไม่อยากเป็นภาระของเพื่อน



“มีอะไรก็บอกได้นะ นายอย่าลืมล่ะว่าเราเป็นเพื่อนกัน ตอนนั้นนายก็ช่วยฉันตั้งเยอะ ถ้ามีปัญหาจริง ๆ บอกได้ทุกเมื่อ” มะลิยังไม่ยอมถอย



“อืม ขอบใจ” เสมอก็ไม่ยอมแพ้ ดื้อดึงจะจัดการปัญหาของตนเพียงลำพัง









ตลอดเดือนแรกของการเปิดภาคเรียน ชมรมกรีฑายังดำเนินกิจกรรมไปตามปกติ กฤษเข้ามาดูแลการฝึกซ้อมรายบุคคล หลังเก็บสถิติและข้อมูลต่าง ๆ หลายสัปดาห์ โดยเขาต้องการเน้นจุดเด่นของแต่ละคนให้มากที่สุด เพื่อเสริมจุดแข็งและเพิ่มข้อได้เปรียบของพวกเขา ส่วนปัญหาที่พบหรือจุดด้อยก็คงต้องค่อย ๆ ปรับแก้เป็นรายคน งานนี้ผู้ที่รับบทหนักที่สุดน่าจะเป็นเสมอ เนื่องจากมีพื้นฐานในการวิ่งและรักษาสมดุลน้อยที่สุด แต่ด้วยสมรรถภาพทางกายที่พร้อมเป็นทุนเดิม จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา ส่วนมะลิและใจกล้าก็ได้รับการแนะนำเพิ่มเติมเล็กน้อย โดยยังยึดการฝึกหลักของแต่ละคนเป็นแกน เนื่องจากผลที่ออกมาถือว่าน่าพอใจ จะเสริมก็แต่การแก้ข้อบกพร่องบางประการที่ยังไม่สมบูรณ์เท่านั้น เพื่อหลังจากนี้ เมื่อเก็บข้อมูลด้านความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการใช้โปรแกรมฝึก ค่อยเพิ่มเติมเสริมแต่งไปทีละส่วน กฤษจ้องมองชุดข้อมูลในมือ ก่อนกวาดสายตาไปยังลูกศิษย์ที่กำลังฝึกซ้อมอย่างแข็งขัน



บรรยากาศการฝึกของชมรมที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้ามะลิ ราวกับฝันซึ่งเขาถวิลหามาตลอด แต่นี่ไม่ใช่ความฝัน ภาพตรงหน้านั้นเป็นความจริง ความยินดีแทบปิดเอาไว้ไม่มิด ชมรมที่ตนอุตส่าห์ฝ่าฟันก่อตั้งขึ้นมา ขณะนี้มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์กำลังมุ่งมั่นฝึกฝนกันอย่างตั้งใจ กอปรกับหนึ่งในสมาชิกเป็นถึงนักกีฬาระดับจังหวัด นั้นแปลว่าเขามีคู่แข่งซึ่งแข็งแกร่งอยู่ใกล้ตัว สุดท้ายที่ขาดไม่ได้ก็คือ อาจารย์ที่ปรึกษาที่ทุ่มเทเวลา แรงกาย และแรงใจให้กับพวกเขา คงไม่มีช่วงเวลาไหนจะเป็นสุขเท่าตอนนี้อีกแล้ว มะลิยิ้มออกมาระหว่างที่ขาคู่นั้นยังก้าวไปข้างหน้า



“อาจารย์ครับ ทำไมเวลาของผมยังไม่ดีขึ้นเลย ก็ทำตามตารางฝึกแล้วนะครับ” อดีตนักกีฬาฟุตบอลโอดครวญกับที่ปรึกษาหลังจากมองดูสถิติการวิ่งของตนที่ยังไปไม่ถึงไหน



สำหรับเสมอ เขาเองก็ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ที่ยอมตกปากรับคำเข้าร่วมชมรมกรีฑาซึ่งไม่เคยอยู่ในแผนการใช้ชีวิตมอปลายที่เขาวางไว้ อีกทั้งเรื่องที่ว่าจะต้องไปวิ่งแข่งกับใครเขานั้นยิ่งแล้วใหญ่ เขาอยากหยุดเรื่องกีฬาไว้ด้วยซ้ำ นั่นต่างหากเป็นความตั้งใจและแผนการชีวิตของเขา



แต่สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอด ถูกความกดดันและแรงชักจูงบางอย่างดึงเขาเข้ามาในชมรมแห่งนี้ ชมรมที่เกี่ยวข้องกับกีฬาและการแข่งขันอีกแล้ว ต่างกันเพียงการแข่งในครั้งนี้หัวใจสำคัญคือตัวเอง เขาต้องวิ่งด้วยเท้าของตัวเอง และแข่งกับตัวเองทุกช่วงเวลา คู่แข่งเป็นเพียงสีสันประดับลู่วิ่ง ที่คอยให้เขาเข้าเส้นชัยโดยมีตัวประกอบตามหลังมา



เมื่อคิดเช่นนั้น เสมอจึงบอกกับตัวเองว่าไม่เสียหายอะไร เพราะตัวเขาเองก็มีความสุขและสนุกที่ได้ทำกิจกรรมตรงหน้านี้พอสมควร ถึงแม้จะตามหลังเพื่อนอีกสองคนที่เหลืออยู่พอสมควร แต่การฝึกตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็ทำให้เขาเห็นพัฒนาการของตัวเองในทุกวัน ในแต่ละรอบสนามที่วิ่ง พลอยทำให้กำลังใจอยากวิ่งให้ดีขึ้นไปอีก



ถึงอย่างนั้น ด้วยความร้อนใจจึงต้องร้องถามกับที่ปรึกษาเช่นนี้



“นี่พึ่งผ่านไปแค่สามอาทิตย์เองนะเสมอ รีบไปหรือเปล่า” ใจกล้ากำลังเตรียมตัววิ่งจับเวลา หันมาพูดกับเสมอก่อนออกตัวฝึกซ้อมตามตารางฝึกของตน เสมอยังไม่ทันโต้ตอบ ใจกล้าก็วิ่งเลยระยะสนทนาไปเสียแล้ว



“อย่างที่ใจกล้าพูดนั่นแหละ เราต้องฝึกซ้อมอีกถึงจะเห็นความเปลี่ยนแปลง ลองมองไปที่มะลิสิ เธอคิดว่าเขาเก่งไหม” อาจารย์กฤษเสริมความคิดเห็นของใจกล้า ก่อนแลกบทบาทมาเป็นผู้ตั้งคำถามแทนเสมอ



“เก่งครับ” เสมอตอบออกไปตามจริง



“ก็ตามนั้น มะลิเก่ง แต่ไม่ใช่เพราะวันนี้หรือเมื่อวานที่เขาฝึกฝน แต่ตลอดสามปีที่ผ่านมา นั่นคือความพยายามที่เห็นผลในวันนี้ เธอเข้าใจใช่ไหม” กฤษไม่ตั้งใจจะเปรียบเทียบนักเรียนของเขาหรือเทียบเคียงใครกับใครทั้งสิ้น เพียงแต่มะลิเป็นความหมายของความพยายามอย่างดีที่สุดในเวลานี้



“เข้าใจครับ ขอบคุณมากครับ ผมขอตัวไปซ้อมต่อ” เสมอเข้าใจเป็นอย่างดี เขาแค่อยากได้แรงผลักดันจากใครสักคนหนึ่ง ซึ่งหลังจากนี้คงไม่ต้องให้ถึงมือที่ปรึกษา เสมออาจทำเพียงชำเลืองมองไปที่มะลิ เพื่อเพิ่มแรงใจในการวิ่งไปข้างหน้าของเขา







เสมออยากขอบคุณมะลิจากใจจริง ที่คอยเป็นสัญลักษณ์ของการไม่ยอมแพ้ให้แก่เขา ผู้ซึ่งเคยพ่ายแพ้มาตลอด เสมอบอกกับตัวเองในวันนี้ว่า จะลองสู้อีกครั้ง สู้กับความล้มเหลวในอดีต เขาอยากก้าวข้ามหุบเหวซึ่งดึงดูดให้ล่วงหล่นลงทุกครั้งที่พยายามก้าวข้าม --- ครั้งนี้เสมอจะใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อผ่านไปให้ได้



“พักก่อนใจกล้า เดี๋ยวให้เสมอใช้สนามต่อ” เสียงตะโกนจากข้างสนามของที่ปรึกษา ทำให้ใจกล้าที่วิ่งอยู่ เปลี่ยนทิศทางและมุ่งมายังจุดพักตามคำแนะนำของที่ปรึกษา



ใจกล้าเห็นพัฒนาการของตนในช่วงนี้ หลังจากหยุดชะงักมาหลายเดือน และดูเหมือนว่าจะพัฒนาเร็วยิ่งขึ้นเมื่อมีเพื่อนร่วมทีมอย่างมะลิเป็นคู่แข่ง การที่ได้เห็นความพยายามของมะลิ ทำให้เขาต้องหันกลับมามองตัวเองอีกครั้ง หลังจากพ่ายแพ้ให้กับคน ๆ นั้นตั้งแต่จบมัธยมต้นเขาก็เริ่มถดถอยลงเรื่อย ๆ โดยมักใช้เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นมาเป็นข้ออ้าง ทำตัวเกเรจนถูกส่งมาเรียนยังโรงเรียนห่างไกลนี้ แต่ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป เมื่อเขาได้เจอกับคนตัวเล็ก คนที่ค้านเหตุผลทุกประการที่มีอยู่ซึ่งเขาเคยหยิบยกมาใช้ เหตุผลซึ่งมีไว้ให้คนขี้ขลาดนำมาเป็นข้ออ้าง เหตุผลที่ผู้พ่ายแพ้อย่างเขาใช้อยู่เรื่อยมา สำหรับมะลิ เหตุผลเหล่านั้นกลับไม่สามารถทำอะไรได้ มะลิไม่ได้พิเศษ ไม่มีพรสวรรค์ เพียงแค่ไม่มีข้ออ้างให้กับความพ่ายแพ้



มะลิฝึกซ้อมและวิ่งออกไป การวิ่งของคนตัวเล็กก็พลอยทำให้คนรอบข้างอยากจะวิ่งตาม มะลิทำให้เขาเปลี่ยนไป ใจกล้ารู้ตัวดีว่าตนไม่ใช่คนที่จะมาจมปลักอยู่กับความพ่ายแพ้ ขณะนี้เขากลับมาฝึกซ้อมอย่างที่ควรจะเป็น และซ้อมให้หนักยิ่งขึ้นอย่างที่คนตัวเล็กทำให้เขาเห็น แม้โรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้โดดเด่นเรื่องกีฬาเมื่อเทียบกับโรงเรียนในตัวเมืองหรือโรงเรียนเดิมของเขา แต่กลับมีเพื่อนและคู่แข่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าโรงเรียนไหน ๆ



“วันนี้ก็จะอยู่ซ้อมกับมะลิใช่ไหม” เสมอพึ่งกลับมาจากการวิ่งระยะสั้น ร้องถามใจกล้าที่เตรียมพร้อมออกตัวอีกครั้งหลังเขากลับมา



“ใช่ แล้วนายล่ะ จะกลับแล้วหรือ”



“ไม่รู้สิ เห็นพวกนายสองคนซ้อมหนักทุกวัน ฉันก็อยากอยู่ด้วยเหมือนกัน”



“สรุปทั้งสามยังไม่กลับใช่ไหม” กฤษขอเข้าร่วมวงสนทนาของทั้งคู่



“ครับครู ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา กลับก่อนได้เลยครับ”



“ไม่ดีกว่า วันนี้ขออยู่ซ้อมกับพวกนายด้วย พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ไม่เห็นต้องรีบกลับเลยว่าไหม”



สามศิษย์กับหนึ่งอาจารย์ยังจดจ่อกับการฝึกซ้อม ในขณะที่ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ เคลื่อนย้ายตัวไปยังทิศตะวันตก เพื่อจบบทบาทของตน แต่การฝึกซ้อมและคำแนะนำต่าง ๆ ที่พรั่งพรูออกมาคงยากจะหยุดยั้ง



“ผ่านไปเดือนกว่าแล้วที่ซ้อมกันมา พวกเธอทุกคนทำได้ดีมาก แต่รู้ไหมว่าอะไรที่จะวัดความสำเร็จของพวกเธอได้ดีที่สุด”



“การแข่ง” ใจกล้าร้องขึ้นอย่างรู้ทัน สมกับเป็นอดีตนักกีฬาชื่อดัง รับรู้ทุกความเคลื่อนไหวที่จะเกิดขึ้น



“ใช่แล้ว การแข่งขันเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อจะได้รู้พัฒนาการของแต่ละคน”กฤษเอ่ยออกมา ตอบรับความคาดหวังของใจกล้า



“ครูจะจัดแข่งสามคนหรือครับ” เสมอเอ่ยถามอย่างสงสัย และคาดเดาตามสภาพการณ์ เนื่องจากมองดูสมาชิกในชมรมแล้ว คงยากที่จะเป็นสิ่งอื่น



“งั้นก็ดี” ใจกล้าอุทานออกมาอย่างยินดี เขาเองมีความคาดหวังที่จะแข่งขันกับมะลิอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายต่างมีความพร้อมด้วยกันทั้งคู่ อีกอย่างการวัดฝีมือกับเพื่อนร่วมทีมก็เป็นหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญสำหรับการพัฒนาตัวเอง หากคราวนี้ได้แข่งขันภายในจริง ๆ ล่ะก็ เขาพร้อมสนับสนุนอย่างแน่นอน การฝึกซ้อมตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาช่วยให้ร่างกายกลับมากระฉับกระเฉงเข้าที่เข้าทางเหมือนก่อน หรืออาจยิ่งกว่าเดิม



“เปล่า ไม่ใช่การแข่งภายใน” เสียงของกฤษทำลายความหวังของใจกล้าลง



“หมายความว่าไงครับ” มะลิถามอย่างสงสัย



“ก็หมายความว่าเราจะไปแข่งกับโรงเรียนอื่นไงล่ะ”



“จริงหรือ โรงเรียนอะไร” ใจกล้าตะโกนเสียงดังอย่างออกอาการ ทั้งที่ปกติไม่ค่อยแสดงอารมณ์ร่วมสักเท่าไหร่ แม้จะไม่ได้ตามคาดหวัง ทว่าการแข่งร่วมกับต่างโรงเรียนก็น่าสนใจไม่แพ้กัน สำหรับเขาคู่แข่งมากเท่าไหร่ย่อมเป็นผลดีต่อการพัฒนา



“ยังไม่กำหนดโรงเรียน ตอนนี้ครูกำลังติดต่อไปก็หลายที่เหมือนกัน ไม่รู้จะตอบรับเราไหม แต่เตรียมตัวไว้เลย เร็ว ๆ นี้แน่นอน”



การฝึกซ้อมภายในโรงเรียนเล็ก ๆ แห่งนี้กับชมรมที่เล็กยิ่งกว่าชมรมใด กำลังอบอวลไปด้วยความตื่นตัวของนักกีฬาทั้งสามคน เพราะนี่เป็นครั้งแรกของมะลิและเสมอ ที่จะได้ร่วมการแข่งขันกับโรงเรียนอื่น คู่แข่งที่ไม่เคยรู้จักทั้งชื่อเสียงเรียงนามและความสามารถ อีกทั้ง ครั้งนี้จะเป็นการคืนสู่สนามของใจกล้า บรรยากาศของความหนักหน่วงซึ่งเพิ่มเติมเข้ามา จนทั้งสามแทบอดทนรอให้ถึงวันแข่งจริงไม่ไหวเสียแล้ว



เหงื่อไหลย้อยลงมากระทบกับแสงสุดท้ายซึ่งลาลับไปในที่สุด ดวงอาทิตย์หมดหน้าที่ไปในดินแดนซีกนี้ ส่วนการฝึกซ้อมของนักกีฬาทั้งสามและหนึ่งผู้ฝึกสอนยังดำเนินต่อไป









ระหว่างทางกลับบ้าน เสมอจำต้องแยกกับทุกคน ชายหนุ่มอดีตนักกีฬาฟุตบอลเดินเตะก้อนหินทรงกลมหน้าตาคล้ายลูกบอลขนาดย่อมไปเรื่อยตามทางเข้าสู่บ้านของตน ที่ตั้งอยู่จนสุดซอยแห่งนี้ บรรยากาศยามดึกซึ่งอากาศกดตัวต่ำลงเหมือนจะช่วยคลายความเหนื่อยล้า แต่ไร้ลมโบกจนความร้อนที่สะสมติดตัวมาตั้งแต่โรงเรียนเร่งให้เขากลับบ้านเพื่ออาบน้ำชำระล้างความร้อนและเหงื่อไคลออกจากตัว หากว่าไม่ถูกขัดขวางโดยอดีตเพื่อนร่วมทีมเสียก่อน



“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ที่โรงเรียนก็ไม่ยักจะเห็นหน้า แต่มาสังเกตวันนี้ว่าไปเข้าชมรมวิ่งกับพวกตัวเล็ก ๆ นี่คิดจะเอาชนะคนแบบนั้นแล้วดีใจล่ะสิท่า” เสียงเย้ยหยันเปล่งออกมาจากชายหนุ่มผิวเข้ม ที่เดาะลูกบอลพร้อมกันอย่างชำนาญ



“ไม่ได้เกี่ยวกับนาย ขอตัวนะ” เสมอไม่อยากต่อความให้ยืดเยื้อ จึงเลี่ยงออกมาให้พ้นทางซึ่งถูกขวางโดยชายที่กำลังเตะลูกบอลมาทางนี้



“อย่าพึ่งกวนได้ไหม มันดึกแล้วฉันอยากกลับไปอาบน้ำ” ฝ่ายโดนรังควานโอดครวญออกมาอย่างเหลืออด ทั้งยังต้องรับลูกฟุตบอลจากคนตรงหน้ามาไว้ใต้เท้าอย่างจำนน



“คิดจริงหรือว่าคนอย่างนายจะเอาดีทางนี้ได้ แค่ฟุตบอลยังเป็นตัวสำรองตลอดชาติเลย ไปวิ่งอย่างมากก็แค่ชนะเพื่อนตัวเตี้ยคนนั้น ถ้าไปแข่งข้างนอกก็แพ้อยู่ดี ฉันว่านายควรเลิกไปเถอะ ไม่ต้องเล่นมันหรอก ไม่มีกีฬาไหนที่เหมาะกับนายทั้งนั้น” คำพูดแดกดันกับวาจาว่าร้ายยังพรั่งพรูไม่หยุด



เสมอไม่โต้ตอบ เพียงส่งลูกบอลใบเดิมกลับไปยังเจ้าของ แล้วเลี่ยงออกมาในที่สุด เขาไม่คิดจะยอมแพ้ตามคำพูดของอดีตเพื่อนร่วมทีมหรืออดีตกัปตันทีมของตน แค่ตอนนี้เวลาพักผ่อนสำคัญยิ่งกว่าคำพูดอีกฝ่ายเป็นไหน ๆ



“เอาแต่หนีอยู่นั่นแหละ”

“ระวังได้เป็นตัวสำรองอีกล่ะ”

“อย่างนายแข่งไปก็เท่านั้น”

“ไม่เชื่อก็คอยดู”

“ฉันจะรอวันที่นายแพ้อีกครั้ง”





เสียงเดิมยังไล่หลังมาไม่หยุดหย่อน

'ช่างเถอะมันก็แค่อดีต' เสมอย้ำกับตัวเอง



หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 7 - แค่เสมอก็พอแล้ว [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 17.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-09-2018 22:45:36
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 8 - อีกด้านหนึ่งของความพยายาม [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 21.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 21-09-2018 19:31:03
บทที่ 8 - อีกด้านหนึ่งของความพยายาม


กลิ่นยาคลายกล้ามเนื้อลอยฟุ้งไปทั่ว เสียงฝีเท้าหนักแน่นบดเบียดกับพื้นหญ้าเขียวชอุ่ม บอลยางหลากประเภทกระทบไปมาบนพื้นต่างชนิดกัน นี่เป็นบรรยากาศของสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงด้านกีฬาอันดับต้นของจังหวัด

โรงเรียนแห่งนี้ได้รับการส่งเสริมด้านกีฬาในแต่ละประเภทอย่างเป็นระบบ มีการให้ทุนแก่นักกีฬามากความสามารถจากทั่วประเทศ แน่นอนว่าการทำเช่นนี้ต้องได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วนและหลากหน่วยงาน เหตุผลหลักที่ผู้สนับสนุนเลือกลงทุนในโรงเรียนแห่งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากผลสัมฤทธิ์ของการฝึกซ้อมซึ่งออกมาในรูปรางวัล ผลงาน และหน้าตาทางสังคม จึงดึงดูดเหล่าสปอนเซอร์จากทั่วประเทศเข้ามาขยับขยายและพัฒนาโครงข่ายวงการกีฬาในสถานศึกษาให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ซึ่งก้าวข้ามหลายโรงเรียนไปอย่างเทียบไม่ติด ทั้งหอพักที่คอยให้บริการนักกีฬาทุกประเภท เพื่อให้สอดคล้องกับการฝึกซ้อม

นอกจากนี้ สนามกีฬาซึ่งได้มาตรฐานระดับสากลก็เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของโรงเรียน ที่ช่วยเสริมสร้างทักษะ ความพร้อม และมาตรฐานให้กับนักกีฬาอย่างมาก เป็นที่แน่นอนว่า โรงเรียนประจำภูมิภาคแห่งนี้สร้างชื่อเสียงให้กับวงการกีฬาทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ ด้วยความพร้อมทุกด้าน คงไม่แปลกหากการแข่งขันรายการใหญ่ระดับประเทศ เลือกใช้สถานที่ของโรงเรียนเป็นสนามแข่งขันและให้สถานศึกษาแห่งนี้เป็นเจ้าภาพในรายการสำคัญต่าง ๆ

กรีฑาประเภทลู่เป็นหนึ่งในชมรมที่คอยคว้าชัยและสร้างชื่อให้กับโรงเรียนในระดับประเทศ จึงมีผู้สนับสนุนด้านอุปกรณ์ฝึกซ้อม ตลอดจนสนามใช้แข่งขัน ซึ่งเป็นลู่วิ่งมาตรฐานระดับสากล ใช้สำหรับการฝึกซ้อมตลอดทั้งปี ราวกับมีการแข่งรายการใหญ่จัดขึ้นที่สนามแห่งนี้ทุกวัน ซึ่งช่วยผลักดัน สร้างความฮึกเหิม และเสริมความมั่นใจให้เหล่านักกีฬา แน่นอนว่านักกรีฑาเยาวชนหลายพันคนต่างหมายปองจะได้มาอยู่ในสนามแห่งนี้ในฐานะเจ้าถิ่น ทว่าเทียบเชิญกลับมีจำกัด สำหรับผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับการทาบทามให้มาเป็นนักกีฬาในสนามแห่งนี้

“เอาล่ะ มารวมตัวก่อน” สิ้นเสียง กลุ่มนักเรียนหญิงชายจำนวนไม่น้อยที่กระจัดกระจายอยู่เมื่อสักครู่ ต่างมารวมตัวอยู่ตรงหน้าเจ้าของเสียงเรียก

“วันนี้ รอบจัดอันดับประจำวันจะเป็นการวิ่งจับเวลาของแต่ละประเภท โดยแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะไกลตามลำดับ ไม่ต้องทำทุกช่วง แค่วิ่งเฉพาะช่วงของตัวเองก็พอ ให้ผู้หญิงเริ่มก่อน” หนึ่งในผู้ฝึกสอนเอ่ยขึ้น

“อีกเรื่องที่จะแจ้งให้ทราบ วันเสาร์นนี้จะมีการแข่งซ้อมเล็ก ๆ ไม่ใช่รายการใหญ่แต่ใครถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนก็ขอให้ทำเต็มที่” หัวหน้าผู้ฝึกสอนชี้แจงกำหนดการณ์คร่าว ๆ ของการแข่งซึ่งถูกร้องขอมา เป็นการแข่งกระชับมิตรอย่างไม่เป็นทางการ

“กับโรงเรียนอะไรครับ” หนึ่งในกลุ่มนักกีฬาชายถามด้วยความสงสัย

บ่อยครั้งชมรมกีฬาต่าง ๆ จะถูกเทียบเชิญหรือขอความร่วมมือในการฝึกซ้อมและแข่งขันอย่างไม่เป็นทางการ แต่ส่วนมากมักปฏิเสธ เพราะศักยภาพของนักกีฬานอกโรงเรียนไม่ได้มาตรฐาน ตลอดจนมีความเสี่ยงที่จะทำให้นักกีฬาบาดเจ็บ แต่ครั้งนี้กลับตกปากรับคำเอาตั้งแต่ต้นเทอมอย่างนี้ เหล่านักกีฬาปีโตก็อดสงสัยไม่ได้

“ไม่รู้เหมือนกันจำชื่อไม่ได้ คงจะเป็นโรงเรียนนอกอำเภอ เห็นบอกว่ามีสมาชิกแค่สามคนเอง”

สิ้นเสียง ความครื้นเครงก็เข้ามาแทนที่ความสงบเมื่อครู่ เสียงหัวเราะของนักกีฬามากกว่าสามสิบคนประสมโรงฮาลั่นอย่างกลั้นไม่อยู่ เมื่อทราบกำลังของคู่แข่ง เหล่านักวิ่งโรงเรียนดังแทบไม่รู้สึกหวั่นเกรง คาดว่าคงเป็นการแข่งที่ง่ายดายราวกระต่ายกับเต่า เพียงแต่แปลกใจที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนรับคำท้าครั้งนี้

“หยุดหัวเราะ ผมคงไม่รับปากหากโรงเรียนนั้นไม่มีฝีมือ อีกอย่าง ไม่ว่าคู่แข่งจะมีกี่คนไม่ได้เป็นตัววัดชัยชนะในสนาม คนที่เข้าเส้นชัยก่อนเท่านั้นที่ผมต้องการ ไม่ใช่จำนวน อย่าลืมเสียล่ะ” ความเงียบเข้าปกคลุมโดยพลัน ความจริงที่เปล่งออกมาจากอดีตนักวิ่งของประเทศสยบทุกคนให้หยุดฟัง

“แล้วจะส่งใครไปแข่งครั้งนี้ค่ะ” ผู้กล้าคนแรกที่ทำลายความเงียบงันนั้นลง

“คู่แข่งเป็นนักเรียนชายทั้งหมดมาแค่สามคน วิ่ง 200เมตร800เมตร และ1,500เมตร ระยะละคน เป็นเด็กมอ 4ทั้งหมด ฉะนั้นจะคัดเลือกจากรุ่นเดียวกันนี้”

“งั้นส่งผู้ชายไปสามคนใช่ไหมครับ”

“เปล่า เราจะส่งประเภทละ 7คน ให้ครบจำนวนลู่วิ่งในสนาม ส่วนเรื่องคัดคนไปแข่ง จะเลือกหลังจากการฝึกวันนี้เสร็จ สำหรับคนที่ทำเวลาได้ดีที่สุดในรุ่นเล็กจะได้แข่งรายการวันเสาร์นี้”

การฝึกเริ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากผู้ฝึกสอนแจงรายละเอียดให้นักวิ่งแต่ละประเภทและแต่ละช่วง สนามเงียบเหงาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ความวุ่นวายกลับมาครอบครองอีกครั้ง แทบทุกแห่งล้วนถูกจับจองโดยนักกรีฑาหลากหลายประเภท การจับเวลาวันนี้แม้ไม่มีผลต่อการจัดอันดับระดับชาติ แต่ในระดับโรงเรียนแล้ว ชมรมกรีฑาเป็นชมรมหนึ่งที่แข่งขันจัดอันดับภายในตลอดทั้งปี เพื่อเพิ่มแรงกระตุ้นแก่นักกีฬาและปลุกเร้าความเป็นผู้นำให้คงอยู่ตลอดเวลา จึงไม่แปลกหากความกดดันจะปกคลุมไปทั่วสนามในขณะนี้ โดยเฉพาะกรีฑาประเภทลู่

คมสันย้ายมาศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่นี่ โดยโครงการรับตรงจากผลงานด้านกีฬา เขาถูกทาบทามจากโรงเรียนก่อนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ตรงกับช่วงที่ผ่านเข้ารอบรายการใหญ่ระดับจังหวัดและคว้าชัยในเวลาต่อมา แม้แต่ในระดับชาติก็ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้จักชื่อเสียงของเขา

การจากบ้านมายังโรงเรียนห่างไกลเช่นนี้ ไม่ส่งผลต่อการปรับตัวมากเท่าที่ควร เพราะนับตั้งแต่วันแรกที่มาถึงก็ต้องฝึกซ้อมเพื่อเก็บสถิติและข้อมูลต่าง ๆ หลังจากการฝึกตามโปรแกรมเฉพาะกลุ่มจึงถูกส่งมาให้ ซึ่งต้องเข้าร่วมเรื่อยมา แทบไม่มีเวลามาสนใจการปรับตัว ทุกวินาทีที่เขาว่างเว้นจากการเรียน นั่นหมายถึง การฝึก

“ระยะต่อไปคือ 1,500เมตร เตรียมตัวให้พร้อม” เสียงตะโกนมาจากที่ไกล เป็นสัญญาณให้คมสันและเพื่อนร่วมระยะเตรียมความพร้อม

หลังเสียงประกาศ ห้านาทีต่อมา นักวิ่ง 1,500 เมตร เข้าประจำที่ในสนาม รอเพียงสัญญาณออกตัว เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น ชั่วอึดใจ นักกีฬาในลู่วิ่งต่างพากันพุ่งไปข้างหน้า จนครบรอบแรกฝั่งลู่วิ่งด้านนอกจึงเร่งฝีเท้าขึ้นนำ เป็นการช่วงชิงในเสี้ยววินาที ก่อนที่ทุกคนจะรักษาระยะและจังหวะของตนไว้สำหรับเส้นทางที่ยังยาวไกล

การวิ่งในระยะค่อนข้างยาวเช่นนี้ สิ่งสำคัญคือจังหวะและการแบ่งช่วงเพื่อใช้แรงสำหรับวิ่งให้ครบรอบ เพื่อเหลือกำลังในการขับเคี่ยวช่วงท้าย ครั้นจะหุนหันพลันแล่นวิ่งสุดกำลังตั้งแต่ต้นหรือเชื่องช้าจนถูกทิ้งห่างเกินระยะ ไม่ว่าทางไหนก็อาจทำให้ผู้วิ่งไม่สามารถคว้าชัยมาครองได้สำเร็จ ฉะนั้น หากสามารถรักษาจังหวะของตนไว้ ไม่ตามหลังคู่แข่งจนเกินไปและไม่เร่งรีบถึงขั้นหมดแรงเสียก่อน คอยควบคุมและวางแผนในช่วงต่าง ๆ ให้เหมาะสม คือหนทางสู่การเป็นผู้นำและคว้าชัยมาในที่สุด แม้โดยหลักการไม่ได้มีอะไรมาก เพียงแค่พื้นฐานเรียบง่าย แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่ใช่เช่นนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยหากต้องทำตามหลักการนั้น ลำพังแค่ควบคุมจังหวะของตัวเองยังต้องพึ่งการฝึกซ้อมอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอจึงจะสามารถสร้างความสมดุลของตนเองได้อย่างมั่นคง ซึ่งนักวิ่งทุกคนในลู่ทราบถึงข้อนี้ดี

ขณะนี้เข้าสู่รอบสุดท้ายของการจับเวลาระยะ 1,500 เมตร ผู้นำเป็นอดีตนักกีฬาจากโรงเรียนเอกชน ซึ่งถูกทาบทามมายังโรงเรียนแห่งนี้เช่นเดียวกับอีกหลายคน ตามหลังมาด้วยนักกีฬาจากโรงเรียนไร้ชื่อด้านกรีฑา หากแต่เจ้าตัวนั้นโดดเด่นในเวทีระดับชาติ ทั้งสองทิ้งห่างจากกลุ่มใหญ่ประมาณสามช่วงตัว และเป็นที่แน่นอนแล้วว่า ทั้งคู่ต้องขับเคี่ยวกันเพื่อคว้าชัยในครั้งนี้ไปครอง

โค้งสุดท้ายเป็นการเร่งความเร็วอย่างเต็มกำลัง เรี่ยวแรงที่เก็บสะสมตั้งแต่รอบแรกถูกปลดปล่อยออกมาในร้อยเมตรสุดท้าย ทั้งสองวิ่งอยู่ในระนาบเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมถอย รีดเค้นกำลังมาใช้อย่างสุดความสามารถ เสี้ยววินาทีเป็นตัวตัดสิน ฝ่ายคมสันพยายามวิ่งขึ้นนำอีกคนด้วยแรงที่เหลืออยู่ ขาคู่ยาวก้าวขึ้นหน้าอย่างมั่นคง ก่อนเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ตามด้วยนักวิ่งจากโรงเรียนเอกชน และคนอื่นที่เหลืออยู่

“แพ้ ชนะ 15 ตอนนี้เสมอกันแล้วนะคมสัน” สิทธิพลนักวิ่งคู่แข่งซึ่งขับเคี่ยวกันเมื่อครู่ กล่าวกับคมสันซึ่งเป็นผู้ชนะในครั้งนี้

“ฮาฮาฮา นายนี่จริงจังกับเรื่องแพ้ชนะเกินไปหรือเปล่า” คมสันตอบกลับคู่แข่งและเพื่อนร่วมทีมอย่างไม่ไยดีมากนัก เขาไม่ใส่ใจสถิติที่ฝั่งตรงข้ามเก็บรวบรวมสักเท่าไหร่

“ฉันแค่หาคู่แข่งที่สามารถดึงศักยภาพของตัวเองออกมาได้ ซึ่งก็คือนาย ถึงจะนำหน้าฉันไปเล็กน้อยที่เอาชนะรุ่นพี่เมื่อวันก่อน แต่แค่นั้นฉันไม่ยอมแพ้หรอก อีกไม่นานจะตามนายให้ทัน” สิทธิพลไม่มีทีท่าท้อถอย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น

“ฉันควรดีใจใช่ไหม” คมสันยังคงใช้น้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ตอบกลับไป ระหว่างคลายกล้ามเนื้อ พร้อมมองดูการแข่งที่เหลือในสนาม

“ต่อไปเป็นระยะ 3,000 เมตร ขอให้นักกรีฑาในประเภทนี้ทุกคนมาเตรียมตัวด้วย” ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนตะโกนบอกนักกีฬาในรอบถัดไป

เมื่อการฝึกซ้อมของวันสิ้นสุดลง นักกรีฑาทุกคนต่างทยอยกันไปจัดการธุระส่วนตัวที่ห้องอาบน้ำรวม และรวมกันอีกครั้งในโรงอาหาร หลังจากนั้นจะมีการวางแผนและสรุปผลการฝึกที่ห้องประชุมกลาง เป็นกิจวัตรอย่างหนึ่งของชมรมกีฬา นับเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นผู้นำในระดับชาติอย่างเต็มรูปแบบ

หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 8 - อีกด้านหนึ่งของความพยายาม [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 21.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 21-09-2018 20:43:22
วัยรุ่นนี่ดีจังน้า  อ่านแล้วเห็นพลังของช่วงวัยนี่ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 8 - อีกด้านหนึ่งของความพยายาม [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 21.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-09-2018 02:26:28
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 8 - อีกด้านหนึ่งของความพยายาม [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 21.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 23-09-2018 14:27:18
ใจแกร่งมากๆ ตัวเล็ก สู้ๆ  o13
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 8 - อีกด้านหนึ่งของความพยายาม [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 21.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 23-09-2018 16:11:38
……

นานๆมีเรื่องที่ปูพื้นจากกีฬาให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความพยายาม ก้อดีนะ

ติดตามอ่านน้าาาา.

เอามาเป็นแรงจูงใจให้กับสิ่งที่ตั้งใจจะทำอยู่ตอนนี้ ให้ลงมือทำสักที


 :ped149: :ped149: :ped149: :ped149: :ped149:


……

หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 8 - อีกด้านหนึ่งของความพยายาม [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 21.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 23-09-2018 18:10:46
ปูพื้นหลังมาดีมาก​ คนเขียนข้อมูลแน่นสุด​ รอตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 8 - อีกด้านหนึ่งของความพยายาม [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 21.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-09-2018 19:36:11
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: ตัวสำรอง บทที่ 9 - เตรียมความพร้อม [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 21.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 23-09-2018 22:21:10
บทที่ 9 - เตรียมความพร้อม

กลางดึกเป็นเวลาพักผ่อนที่ดีที่สุด อาจเป็นช่วงเวลาเดียวที่นักกีฬาสามารถเสาะหาได้ หากไม่นับรวมเวลาเรียน หลังการประชุมสรุปผลการฝึกซ้อม จะมีเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง สำหรับให้นักนักกีฬาจัดการธุระส่วนตัว ทำการบ้าน หรือกิจกรรมนันทนาการต่าง ๆ การนั่งเล่นและพูดคุยภายในห้องพัก โรงอาหาร หรือตามสถานที่ซึ่งแสงไฟส่องถึงก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยม เพราะช่วยผ่อนคลายความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวัน

“คิดยังไงกับการแข่งวันเสาร์” สิทธิพลเอ่ยขึ้นระหว่างทอดน่องอยู่นอกโรงอาหารกับเพื่อนร่วมทีมที่เอาชนะตนไปเมื่อเย็น

“ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ แค่แข่งซ้อมด้วย คงไม่หินมากหรอก” คมสันตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติและสีหน้าเรียบเฉย เพื่อยืนยันคำพูดของตน

ทั้งคู่พูดคุยระหว่างทางเดินโรงอาหารกับห้องพัก เขาสองคนเป็นเพื่อนร่วมห้องที่วิ่งในระยะเดียวกัน อาจเรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่ง เป็นเด็กใหม่ในโรงเรียนแห่งนี้ จึงช่วยเหลือกันในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเข้าสังคม ทำให้สนิทสนมจนกลายเพื่อนกันในที่สุด เว้นก็แต่ในสนามซึ่งไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้กัน ทุกครั้งที่วิ่งสนามเดียวกัน สิทธิพลและคมสันจะกลายเป็นคนแปลกหน้า

สำหรับสิทธิพล ชื่นชอบการวิ่งตั้งแต่จำความได้ เพราะอาศัยอยู่ในตัวจังหวัด ครอบครัวจึงส่งเสริมและพาไปชมกีฬาหลายประเภท โดยเฉพาะกรีฑาประเภทลู่ที่เขาเฝ้าชมจากข้างสนามอย่างใจจดใจจ่อ และชื่นชมนักวิ่งที่มีชื่อเสียงหลายคน จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขา สิทธิพลถูกส่งตัวไปฝึกกับนักกรีฑาอาชีพรุ่นเยาว์และลงแข่งทั้งรายการเล็กรายการใหญ่ในจังหวัดตลอดมา

สุดท้ายจึงได้รับการเสนอทุนจากโรงเรียนแห่งนี้

“งั้นมาแข่งกันว่าใครจะชนะวันเสาร์นี้” สิทธิพลเสนอ

“คนแพ้เลี้ยงข้าวทั้งเดือน” คมสันสนองตอบด้วยการวางเงื่อนไข

“ตกลง” ฝ่ายท้าก็รับเงื่อนไขที่คมสันให้มาอย่างง่ายดาย มั่นใจอย่างที่สุดว่าทั้งตนและเพื่อนต้องเป็นผู้นำในการแข่งระยะ 1,500 เมตร อย่างแน่นอน ไม่ได้ยกยอพวกตนแต่อย่างใด เพราะนั่นคือความจริงซึ่งอ้างอิงจากสถิติการวิ่งของพวกเขาตั้งแต่เข้ามาในสถานศึกษาแห่งนี้ จะพบว่าทั้งสองต่างผลัดกันแพ้และชนะขึ้นไปเป็นผู้นำตลอดมา ในรุ่นนี้หรือในระยะดังกล่าวแทบไม่มีคู่แข่งสำหรับพวกเขา

“นายคิดว่ารุ่นพวกเรา ในจังหวัดจะมีคนที่สามารถเอาชนะนายได้ไหม นอกจากฉัน”

“นั่นคำถามหรือกำลังอวดตัวเองกันแน่” คมสันตอบกลับอย่างเร็ว กับคำถามแปลก ๆ ของเพื่อน

“เถอะน่าตอบมาเร็ว นายเคยแข่งรายการใหญ่หลายครั้งสมัยมอต้น คิดว่าคงเจอคู่แข่งมาพอควร ต้องเจอบ้างแหละคนเก่ง ๆ”

“ถ้าในจังหวัดนี้ อายุประมาณเราไม่น่าจะมี แต่ก็ไม่มั่นใจขนาดนั้น”

“แล้วเคยแพ้ใครหรือเปล่า”

“แรก ๆ ก็แพ้บ่อยเหมือนกัน พอซ้อมหนักขึ้นก็ไม่เคย แค่เกือบ ๆ อืม...”

“คิดอะไรอยู่” ท้ายประโยคทำให้สิทธิพลสงสัย

“กำลังนึกถึงเรื่องเก่า ๆ จะเรียกว่าแพ้ก็ได้ หรือไม่แพ้กันนะ...”

“ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด” คำตอบของคมสันทิ้งความสงสัยให้แก่คู่สนทนาอย่างสิทธิพล

คมสันหลงเข้าไปในภวังค์ของตน เขากำลังนึกย้อนถึงวันวาน เรื่องราวของตนกับเพื่อนสมัยเด็ก ชายร่างเล็กที่คอยวิ่งตามเขาอยู่ตลอดเวลา คนที่ไม่ชอบออกกำลังกายไม่ว่ากีฬาประเภทไหนก็มักปฏิเสธก่อนได้เริ่มเสมอ

อาจเป็นเพราะไม่มีเพื่อนคนไหนยอมรับในตัวเขาคนนั้นนอกจากคมสัน แรก ๆ แค่นั่งมองคมสันทำอะไรต่อมิอะไร สุดท้ายคนที่คอยนั่งดูอยู่ข้างสนามและปล่อยให้เวลาผ่านไป กลับลุกขึ้นมาวิ่งตาม แม้ถูกทิ้งห่างไปหลายช่วงตัว จนเอ่ยปากยอมแพ้และชักชวนคมสันไปทำกิจกรรมอย่างอื่น

พอเวลาผ่านไปเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของคนตัวเล็ก ที่ยิ่งเล็กไปอีกเมื่อมองจากข้างหลัง เด็กคนนั้นค่อย ๆ ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา และในที่สุดคมสันก็มองเห็นใบหน้านั้นอย่างชัดเจน สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ทรมาน สีหน้าของคนไม่มีความสุข
ทว่าตอนไหนไม่ทราบที่เพื่อนคนนั้นวิ่งออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม ในที่สุดความสนุกสนานจึงแต่งแต้มไปทั่วทั้งสนาม วันเวลาที่เขาและคนตัวเล็กฝึกซ้อมร่วมกันกลายเป็นห้วงแห่งความสุขซึ่งหวนนึกถึงทุกครั้งที่เหนื่อยล้า

กระทั่งวันหนึ่งกลางฤดูหนาวที่ร้อนอบอ้าว เย็นวันนั้นเองที่สีหน้าของเพื่อนคนนี้แปรเปลี่ยนอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ต้องมองกลับไปข้างหลังอีกแล้ว เพราะผู้ที่ไล่ตามและใบหน้าที่คุ้นตากำลังขึ้นนำเขาอยู่ในตอนนั้น พร้อมกับสีหน้าที่ไม่ใช่ความสุขหรือความสนุกสนาน หากแต่เป็นใบหน้าของคนที่กำลังกระหายชัยชนะ เขารู้ได้ทันทีว่า วันนั้นได้พ่ายแพ้ให้กับเพื่อนตัวเล็กไปเสียแล้ว แพ้ให้กับคนไม่ถนัดกีฬาทุกประเภท คนที่จ้องมองเข้าจากริมสนาม บัดนี้คน ๆ นั้นขึ้นมาเทียบเคียงเขาในที่สุด

“อาจมีก็ได้ คนที่เก่งกว่าฉัน” คำพูดลอยลมที่ดังขึ้นมา เรียกสิทธิพลให้หันกลับไปจ้องมองเจ้าของเสียง แต่กลับไม่ได้รับการขยายความแต่อย่างใด สิทธิพลจึงปล่อยให้คนข้างกายตกอยู่ในภวังค์ต่อไป ปล่อยให้ความเงียบงันเข้ามาครอบครองพื้นที่ในค่ำคืนไร้ดาว



.
.
.


อีกด้านหนึ่ง ณ โรงเรียนห่างไกล แม้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากแหล่งทุนใด ก็ใช่ว่านักกีฬาในเรียนเล็ก ๆ จะไร้ซึ่งความฝัน เพราะจนถึงขณะนี้ชมรมกรีฑาที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่นาน ยังฝึกซ้อมกันอยู่ในสนามฟุตบอล สนามซอฟท์บอล สนามวิ่ง และสนามต่าง ๆ ตามที่สภาพจะเอื้ออำนวย สิ่งที่พัฒนาและเพิ่มเติมเข้ามาคงจะเป็นแสงไฟจากความอนุเคราะห์ของที่ปรึกษาชมรม ซึ่งเสาะหาลู่ทางนำมาติดตั้งจนสำเร็จ เป็นผลให้การฝึกราบรื่นยิ่งขึ้น

นักกีฬาทั้งสามคนกำลังวิ่งอยู่ในสนาม ไม่ใช่การแข่งขันแต่อย่างใด แต่กำลังฝึกซ้อมเพื่อสร้างจังหวะของตนเอง โดยมีอาจารย์คณิตศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหนึ่งคนคอยควบคุมดูแลอยู่ข้างสนาม เขาเป็นทั้งคนจดบันทึกสถิติ ตลอดจนความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของนักกีฬาแต่ละคน เพื่อนำกลับไปออกแบบตารางการฝึกซ้อมเฉพาะตัวให้กับสมาชิกทั้งสามคน โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งหากนักวิ่งคนใดสามารถก้าวพ้นขีดกำกัดของตัวเองได้

เป็นที่ทราบกันว่าโรงเรียนในละแวกนี้ไม่มีความโดดเด่นทางด้านกีฬา ยิ่งกับกรีฑาที่ไม่มีโรงเรียนไหนพร้อมในเรื่องสนามแข่ง จึงเป็นเรื่องยากในการฝึกกับสนามจริงและหาคู่ซ้อมใกล้เคียง โชคยังพอเข้าข้างที่กฤษรู้จักเพื่อนซึ่งเป็นนักวิ่งที่ผันตัวไปเป็นผู้ฝึกสอนในโรงเรียนดังและโดดเด่นทางด้านกีฬา ชมรมกรีฑาที่มีสมาชิกเพียงสามคนจึงได้โอกาสที่หาได้ยากมา

“พรุ่งนี้แล้วนะที่เราจะได้แข่งในสนามจริงร่วมกับนักวิ่งโรงเรียนอื่น พวกเธอทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม” กฤษเอื้อนเอ่ยเรื่องน่ายินดีที่ว่าให้กับนักกีฬาทั้งสามอีกครั้ง

“ครับ” สามเสียงสอดรับตอบกลับมา

“จะดีมากหากวันนี้พวกเธอกลับไปพักผ่อนอย่างเต็มที่ และพรุ่งนี้เช้ามาเจอกันหน้าโรงเรียนตอนตีห้าครึ่ง”

“เช้ามาก” เสียงบ่นจากเสมอ แต่ก็เป็นเสียงร้องภายในใจของสองคนที่เหลือเช่นกัน

“ครูรู้ว่าอาจลำบากสักหน่อยในการตื่นแต่เช้า สำหรับวันหยุดด้วยยิ่งแล้วใหญ่ แต่เพื่อทดสอบพัฒนาการของพวกเธอทุกคนก็คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เข้าใจใช่ไหม”

“ครับ”

แม้จะได้รับคำแนะนำว่าการพักผ่อนเป็นสิ่งจำเป็น แต่การแข่งสนามจริงอย่างเป็นทางการของมะลิ ก็ทำให้เขาตื่นเต้นจนไม่อาจข่มตานอน มะลิพลิกตัวไปมานานหลายชั่วโมง ความง่วงไม่เข้ามาทดแทนอาการตื่นตระหนกเลยสักนิด ‘เขาต้องทำยังไงถึงจะหลับได้อย่างสนิท ถ้าหากยังนอนไม่หลับพรุ่งนี้เขาจะวิ่งได้ไหม อาจแพ้ก็ได้ ต้องแพ้แน่ ๆ ไม่ไหวแล้วนอนไม่ได้เลย’ ความว้าวุ่นที่รุมทำร้ายเด็กน้อยผู้ตื่นเวที

เวลาค่อยๆ ย่างเข้าสู่วันใหม่ แม้จำนวนชั่วโมงที่ใช้ในการพักผ่อนคงไม่เพียงพอหากวัดตามสัดส่วนมาตรฐาน แต่สำหรับมะลิ แค่นั้นก็มากเกินจำเป็นแล้วล่ะ ‘ดีกว่าไม่ได้นอนเลย’

แตกต่างจากสองคนที่เหลืออยู่ คนหนึ่งอาจไม่ใช่นักกรีฑามาก่อน แต่ก็เป็นนักกีฬาอีกประเภทหนึ่ง จึงไม่ตื่นสนามอย่างที่ควรจะเป็น แม้จะเป็นครั้งแรกของเขาสำหรับการแข่งวิ่งก็ตาม ด้านนักกีฬาผู้มากประสบการณ์ ไม่แม้แต่จะคิดกังวลใจกับการแข่งขันพรุ่งนี้ เพราะเห็นเป็นเรื่องปกติที่คุ้นชินและเจอมาบ่อยครั้งในช่วงหลายปี จึงหลับสนิทไปตั้งแต่หัวค่ำ เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันครั้งแรกของเขานับตั้งแต่ขึ้นชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

ตอนนี้สมาชิกทั้งสามคนของชมรมกรีฑาทุกคนอาจหลับใหลไปในนิทราแล้ว ทิ้งไว้เพียงอาจารย์หนุ่ม ซึ่งกำลังครุ่นคิดเรื่องการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ ไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนกับเด็กชายตัวเล็กอย่างมะลิ เพียงแต่ว่า ยังหาหนทางรับมือกับนักกีฬาโรงเรียนคู่แข่งที่เด่นดังไม่ได้ตามที่คาดไว้ทั้งหมด เพราะมีเรื่องน่าเป็นห่วงอยู่หลายเรื่องด้วยกัน


‘คงไม่เป็นไรหรอก ต้องเชื่อใจพวกนั้น’
หัวข้อ: ตัวสำรอง บทที่ 10 - พบกันอีกครั้ง [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 29.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 29-09-2018 10:06:55
บทที่ 10 - พบกันอีกครั้ง



เช้ามืดที่ไม่อาจมืดมิด ซึ่งแสงจากดวงจันทร์ยังคงทำหน้าที่ไม่บกพร่อง อากาศชื้นจากฝนโปรยลงมาก่อนหน้า ส่งให้อุณภูมิโดยรอบลดต่ำลงกว่าปกติ ความเย็นคอยกล่อมประสาทให้ผู้คนเข้าสู่นิทรา เช้าวันหยุดซึ่งควรเป็นเวลาแห่งการพักผ่อนบนที่นอน แทนการตื่นตั้งแต่แสงแรกยังมาไม่ถึงเช่นนี้

แต่เช้านี้ก็มีคนที่ตื่นขึ้นมาอยู่เป็นเพื่อนพระจันทร์เพิ่มขึ้นสี่คน พวกเขามาจากชมรมกีฬาวิ่งในโรงเรียนเล็ก ๆ ที่รวมตัวกันเพื่อเดินทางจากอำเภอห่างไกลไปสู่ตัวเมืองใหญ่ ระยะทางกินเวลาหลายชั่วโมง จึงต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปถึงที่หมายก่อนเวลานัด และเผื่อเวลาสำหรับเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขันอย่างไม่เป็นทางการจะเริ่มต้นขึ้น

ความง่วงงันปรากฏชัดบนใบหน้าของเด็กทั้งสาม ขัดกับผู้เป็นอาจารย์ที่ยังคงค้างความตึงเครียดไว้บนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด แม้จะกล่าวกับตัวเองว่าให้เชื่อในตัวเด็กเหล่านี้ ถึงอย่างนั้นก็ยังข่มความกังวลไว้ไม่หมด

การเดินทางครั้งนี้อาจารย์ที่ปรึกษาต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด เนื่องจากไม่ใช่การแข่งขันอย่างเป็นทางการ ทำให้ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากทางโรงเรียนได้ แต่เหตุผลที่แท้จริงคงเป็นความผิดของชมรมตั้งใหม่นี้ด้วย เพราะมีสมาชิกเพียง 3 คน การขออนุญาตหรือการเบิกค่าใช้จ่ายจึงเป็นเรื่องลำบาก ฉะนั้น วันนี้รถคู่ใจของกฤษจึงเป็นพาหนะนำทุกคนไปสู่จุดหมายปลายทางยังโรงเรียนแห่งการกีฬาอันมีชื่อเสียงโด่งดัง

เช่าตรู่วันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น พร้อมกับอากาศในเมืองใหญ่ที่ร้อนอบอ้าว พวกเขาทั้งสี่มาถึงที่หมายตามคาดการณ์ เมื่อเข้ามาในพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่านักกีฬาที่ต่างออกมาฝึกซ้อมกันอย่างแข็งขัน ทั้งฟุตบอล วอลเลย์บอล บาสเกตบอล และกีฬาประเภทอื่น ๆ อีกหลากชนิด

ในขณะที่นักกีฬาหลายชีวิตกำลังมุ่งมั่นฝึกซ้อมตามตารางฝึกของตนอย่างเป็นปกติ ทว่าเหล่าผู้มาเยือนก็กำลังประสบปัญหา เพราะขณะนี้ทั้งสี่ยังหาสนามกีฬากลางซึ่งเป็นจุดหมายไม่พบ ด้วยขนาดของโรงเรียน แทบทุกชมรมต่างมีโรงยิมและสนามฝึกซ้อมเป็นของตน จำนวนกีฬานับครึ่งร้อยกับจำนวนตึกที่ไม่น้อยหน้ากัน อาคารหลังใหญ่เรียงรายอยู่เต็มพื้นที่ ทำให้พวกเขาสับสนเส้นทางและพากันหลงวนเวียนอยู่รอบโรงเรียนใหญ่เป็นนาน ยังผลให้เวลาล่วงเลยไปอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

“พอจะรู้ทางไปสนามกีฬากลางไหมครับ” อาจารย์ที่ปรึกษาทำหน้าที่สอบถามเส้นทาง

“ต้องตรงไปอีกครับ”

“ขอบคุณมาก”

แต่ถึงกระนั้น คำบอกกล่าวจากปากต่อปากยิ่งทำให้กฤษสับสน กว่าจะพบจุดหมายปลายทาง ก็ต้องพึ่งวิธีการสุดท้ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหากใช้ตั้งแต่แรกคงไม่ต้องวนรถหาไปทั่วโรงเรียนแบบนี้ แต่ด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ทำให้อาจารย์หนุ่มไม่ยอมตัดสินใจโทรขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทที่เป็นธุระจัดการแข่งขันครั้งนี้ได้

“ฮาฮาฮาไอ้กฤษหลงทาง แกหลงทาง ฮาฮาฮา” เสียงของธนัฐดังก้องอย่างไม่อายลูกศิษย์ที่มองดูผู้ฝึกสอนจอมโหดกำลังหัวเราะอย่างไม่เชื่อสายตา

“อย่ามาหัวเราะนะ ก็ใครให้โรงเรียนแกใหญ่ขนาดนี้ ป้ายบอกทางก็ไม่ได้เรื่อง” กฤษปรามเบา ๆ พร้อมส่งสายตาเชือดเฉือนกลับไป แถมด้วยการโทษนั้นโทษนี่อย่างไม่เป็นตัวเอง

“ก็มันตลกจริงนี่ เอาล่ะ ๆ ไม่หัวเราะแล้วก็ได้ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ฉันชื่อธนัฐเป็นผู้ฝึกสอนนักกรีฑาประเภทลู่ประจำโรงเรียนแห่งนี้ ยินดีที่ได้รู้จัก” ธนัฐหันมาเอ่ยกับนักผู้มาเยือน

เป็นอย่างที่อาจารย์บอกไว้ไม่มีผิด นักกีฬาหน้าใหม่อย่างมะลิทึ่งในความพร้อมของโรงเรียนใหญ่จนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ โดยเฉพาะนักกีฬาของที่นี่ ทุกคนล้วนผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก แค่มองดูก็รู้แล้วว่าสภาพร่างกายแบะจิตใจของพวกเขาพร้อมสำหรับการแข่งขันทุกเมื่อ อีกทั้งยังเสริมทัพความแข็งแกร่งด้วยอุปกรณ์ทันสมัย ตลอดจนสนามกีฬาที่ได้มาตรฐานตรงหน้านี้ด้วย นี่สินะความห่างชั้นที่ไม่มีวันก้าวข้ามไปได้ มีแต่ต้องใช้ความพยายามเข้าสู้เท่านั้น

“จริงด้วย” มะลิเกือบลืมเรื่องสำคัญไปเสียสนิท

เรื่องที่ว่าเพื่อนคนสำคัญของเขาเรียนได้ทุนนักกีฬามาศึกษาต่อในโรงเรียนแห่งนี้ เขาลืมไปได้ยังไงกัน ทั้ง ๆ ที่คมสันก็บอกตลอดว่าได้ทุนเรียนต่อที่นี่

“มะลิ ?”

“คมสัน ?”

“มะลิจริง ๆ ด้วย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”

จู่ ๆ คนที่กำลังนึกถึงก็มาปรากฏตัวตรงหน้า เป็นคมสันตัวจริงเสียงจริง แม้จะดูต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ‘เขาสูงขึ้นใช่ไหม’ มะลิถามตัวเองในใจ ไม่ได้เอ่ยออกไป ‘ไม่สิต้องสูงกว่าเดิมแน่นอน ดูแข็งแรงขึ้นอีกด้วย’ อาจเป็นเพราะต้องฝึกหนักในสภาพแวดล้อมแบบนี้ทุกวัน เลยเปลี่ยนเพื่อนคนสนิทของะลิ จากที่แกร่งอยู่แล้วก็ทวีคูณยิ่งขึ้นไปอีก แล้วอย่างนี้เขาจะเอาอะไรไปเทียบเคียงคมสันได้ พอมะลิพยายามก้าวตามให้ทัน คมสันก็จะขึ้นนำอีกก้าวหนึ่ง ทิ้งเขาไว้ข้างหลังตามเคย ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ เพื่อนตัวสูงก็ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง

“เธอสองคนรู้จักกันด้วยหรือ” ธนัฐผู้ฝึกสอนของคมสันถามขึ้น รวมทั้งคนอื่น ๆ ก็ดูจะแปลกใจไม่น้อย

“ครับโค้ช เพื่อนสนิทผมเอง” คมสันตอบกลับไป

“ฮาฮา งั้นพวกนายก็อย่าอ่อนข้อให้ล่ะ”ธนัฐกล่าวทีเล่นทีจริง เพราะยังไม่อาจประเมินคู่แข่งได้หากยังไม่ลงสนาม

“มะลิ นี่นายรู้จักคน ๆ นี้ด้วยหรือ ตัวแทนจังหวัดปีที่แล้ว” คนที่แปลกใจมากที่สุดคงไม่พ้นใจกล้า เนื่องด้วยคนตรงหน้าที่ยืนเคียงคู่กับเพื่อนร่วมทีมของเขาและมีท่าทีสนิทสนมกัน เป็นคนเดียวกับที่เอาชนะใจกล้าในการแข่งขันคัดเลือกตัวแทนระดับจังหวัดเมื่อปีที่แล้ว เหตุผลที่แท้จริงของความพ่ายแพ้ที่ใจกล้าได้รับในวันนั้น เมื่อมองออกไปยังคนทั้งสองแล้ว แทบไม่แปลกใจในความสามารถของมะลิเลย

มะลิช่วยแถลงข้อสงสัยให้แก่เพื่อร่วมทีม รวมทั้งที่ปรึกษาชมรมซึ่งให้ความสนใจไม่แพ้กัน ใจกล้าฟังเรื่องราวของคนตัวโตที่มีคู่แข่งอย่างคนตัวเล็ก และคนตัวเล็กที่มีคู่ซ้อมอย่างนักวิ่งระดับจังหวัด อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงมีแค่คมสันที่ถูกส่งมาคัดตัวแทนจังหวัดตลอดสามปีที่พวกเขาเข้าสู่วงการวิ่งสมัครเล่น ฝีมืออย่างมะลินั้นเทียบได้กับคมสันเลยก็ว่าได้ แต่ทำไมไม่เคยเห็นนักกีฬาตัวเล็กตรงหน้าในการแข่งขันใดเลย นี่แหละเรื่องที่ใจกล้าหรือแม้แต่กฤษค้างคาอยู่

“คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะรู้จักนักกีฬาชื่อดังแบบนี้” กฤษเอ่ยกับมะลิ คล้ายเป็นการกล่าวชมคมสันไปในตัว

“ชมเกินไปแล้วครับ แค่ตอนนั้นไม่มีมะลิในสนามเท่านั้นล่ะครับ ไม่งั้นคงเกรงน่าดู” คมสันมักทำตัวไม่ถูกเมื่อมีผู้กล่าวชมเช่นนี้ ก่อนหันไปยกยอเพื่อนตัวเล็กของตนอย่างสัตย์จริง

“โอ้โห... แปลกนะที่คมสันเอ่ยชมคู่แข่งแบบนี้ แล้วคนไหนล่ะที่ชื่อมะลิ เธอใช่ไหม” ธนัฐหันไปกล่าวกับเสมอ

“ไม่ใช่ครับ คนนี้ต่างหาก” เสมอปฏิเสธทันควัน ก่อนชี้เป้าหมายให้แก่ผู้เข้าใจผิด

“นี่ทำให้ฉันแปลกใจนะรู้ไหม เธอเองหรือที่ชื่อมะลิ ชักอยากเห็นฝีมือแล้วสิ” ธนัฐตกตะลึงกับเด็กตรงหน้า ไม่ใช่ในความน่ายำเกรง แต่เป็นความไม่น่ายำเกรงนั่นต่างหาก เด็กคนนี้ดูภายนอกแล้วบอกได้เต็มปากว่าธรรมดามาก

“อย่าประมาทลูกศิษย์ฉันแล้วกัน” กฤษเอ่ยขึ้นมา

“มั่นใจขนาดนี้ ฉันเองก็ไม่ออมมือให้หรอกนะ งั้นให้นักกีฬาของนายไปเตรียมตัวได้ เด็กของเราซ้อมกันตั้งแต่เช้าแล้ว ยกสนามให้พวกนายไปซ้อมจนพอใจ พร้อมแข่งเมื่อไหร่ก็บอกได้ทุกเมื่อ”

“ขอบคุณครับ” เสียงลูกศิษย์จากโรงเรียนห่างไกลดังก้อง ก่อนที่ทุกคนจะไปเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแข่งขันที่ใกล้เข้ามา

ห้องพักนักกีฬาที่ธนัฐจัดให้นั้นค่อนข้างเพรียบพร้อม อาจเรียกได้ว่าอยู่ในมาตรฐานระดับเดียวกับการแข่งขันจริง ซึ่งเกินความคาดหวังของพวกเขา --- พอทุกคนจัดการเรื่องเครื่องแต่งกายสำหรับการวิ่งเสร็จ กฤษก็เรียกประชุมวางแผนก่อนการแข่งขัน เป็นภาพแปลกตาของนักกีฬาทั้งสามอย่างยิ่ง เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นกฤษในโหมดจริงจังเช่นนี้ ที่ปรึกษาของพวกเขาดูเครียดจนจับสังเกตได้ พาให้บรรยากาศกดต่ำลงไปทุกขณะ และส่งผลให้ทุกคนในห้องกว้างแห่งนี้หม่นหมองลงไปด้วย

“นี่พวกเธออย่าทำหน้าสลดตามครูแบบนั้นสิ ก่อนอื่นต้องขอโทษที่เป็นแบบนี้”กฤษรู้สึกตัวก่อนใคร เพราะไม่เพียงเขาที่กำลังเครียด แต่กำลังพาให้ทุกคนจมดิ่งไปด้วย

“วันนี้ครูดูจริงจังกว่าทุกวันนะครับ” มะลิเอ่ย

“ใช่ครับ” เสมอเห็นพ้องด้วย

“ก็คิดมากเรื่องแผนการแข่งวันนี้ ไม่รู้ว่าเร็วไปหรือเปล่าที่ให้พวกเธอซ้อมแข่ง” กฤษแถลงไขความคับข้องภายในใจให้แก่ลูกศิษย์ของตน

“อย่าคิดมากเลยครับ ถึงผลจะออกมาเป็นยังไง อย่างน้อยวันนี้ก็นับว่าเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ครั้งแรกของเรา โดยเฉพาะมะลิกับเสมอ”ใจกล้าเสริมอย่างมีเหตุผล เขาที่คล้ายจะผ่อนคลายที่สุดดึงทุกคนกลับมา

“ใช่ครับ” อีกสองคนขานรับคำกล่าวนั้น

‘ปกติต้องเป็นอาจารย์ที่ต้องให้กำลังใจนักกีฬา แต่กลับกลายเป็นว่า ฉันต้องให้ลูกศิษย์มาให้กำลังใจแทน ฉันนี่มันจริง ๆ เลย’ กฤษอดเศร้าใจไม่ได้ที่ตนเป็นแบบนั้น และต้องขอบคุณคำพูดของเด็กพวกนี้ ซึ่งช่วยฉุดเขาขึ้นมาจากก้นเหว ความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่เมื่อวานราวกับหายไปในพริบตา เป็นเขาเองที่คิดมากจนเกินเหตุ ทั้งที่เรื่องแบบนี้น่าจะเกิดขึ้นกับนักกีฬามากกว่าตัวผู้ฝึกสอน แต่ดูพวกเขาสิ ไม่มีทีท่าร้อนรนหรือกดดันเลย จะปล่อยให้ที่ปรึกษาอย่างเขามาแสดงความอ่อนแอแบบนี้ไม่ได้แล้ว

“เอาล่ะ งั้นพวกเรามาวางแผนรับมือสำหรับการแข่งในวันนี้กันเถอะ” กฤษที่กลับมาจากหุบเหวแห่งความว้าวุ่นใจ เอ่ยออกมาเสียงดังฟังชัด เพื่อให้กำลังใจทุกคน รวมทั้งตัวเขาเอง

“ครับ”สามหนุ่มตอบรับ

บรรยากาศในห้องสี่เหลี่ยมกลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง นักกีฬาจากโรงเรียนเล็ก ๆ อย่างมะลิและเพื่อนอีกสองคน ตั้งใจมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากกว่าการไขว่คว้าชัยชนะ ครั้งนี้ทั้งสามเพียงต้องการวัดผล การฝึกซ้อมที่สั่งสมมาว่าทำให้พวกเขาก้าวไปได้ไกลแค่ไหน หากชนะก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้

“ธนัฐขอคุยด้วยหน่อย” กฤษเข้าไปปรึกษาเกี่ยวกับรูปแบบการแข่งขั้นในวันนี้

“ว่าไงอาจารย์กฤษ” ธนัฐตอบกลับเพื่อนสนิทตน

“ทางเราอยากเปลี่ยนรูปแบบการแข่งเล็กน้อย” ฝ่ายผู้มาเยือนแจ้งความประสงค์แก่เจ้าถิ่น

“ยังไงล่ะ” ธนัฐไม่ขัด

“จากเดิมที่จะส่งสามคน คนละประเภท ขอเปลี่ยนเป็นส่งสามคนตามเดิมแต่ทุกคนลงทั้งสามประเภท จะได้หรือเปล่า”

“ทางเราไม่ขัดข้องอยู่แล้ว” ธนัฐตอบรับคำขอ

วันนี้เป็นการแข่งขันเล็ก ๆ จึงไม่จริงจังมาก นักกีฬาที่คัดมาอาจต้องตัดออกบางคน แต่เชื่อว่าพวกเขาก็คงไม่เสียใจกับการแข่งอย่างไม่เป็นทางการนี้ ธนัฐคิดเช่นนั้น

“ขอบคุณมาก” กฤษขอบคุณอย่างเป็นพิธีการต่อเพื่อนของตน

“งั้นพวกนายไปเตรียมตัวซ้อมได้เลย ทางนี้ขอคุยกับนักกีฬาเรื่องเปลี่ยนแปลงรูปแบบก่อน พร้อมเมื่อไหร่ก็แข่งได้เลย”

“ขอบคุณครับ” คำขอบคุณจากเด็กหนุ่มทั้งสาม ที่ตามมาสมทบ

นักกีฬาและอาจารย์จากโรงเรียนผู้ท้าชิง เตรียมความพร้อมทางร่างกายในสนาม เป็นครั้งแรกของมะลิที่ได้สัมผัสกับพื้นยางของสนามแข่ง ปกติหากไม่ใช่พื้นหญ้าก็เป็นผืนดินเปล่า ๆ ดีที่สุดก็แค่มีเส้นเขตแดนโรยทับให้พอรู้ว่าเป็นลู่วิ่งเท่านั้น ส่วนใจกล้ากลับคุ้นชินและเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากสมัยมัธยมต้นมีโอกาสใช้สนามลักษณะนี้นับครั้งไม่ถ้วน

ขณะนี้ทั้งสามเริ่มทดสอบการวิ่งจริงหลังจากอบอุ่นร่างกายเสร็จเรียบร้อย มีอาจารย์กฤษคอยกำกับอยู่ข้างสนาม ทั้งใจกล้า เสมอ และมะลิ กำลังวิ่งอยู่ในลู่วิ่งเพื่อทดสอบความเร็วเฉพาะตัว เป็นวิธีที่ใช้ประจำในชมรม โดยจะวิ่งทดสอบเป็นระยะทางประมาณ 800 เมตร เพื่อเก็บสถิติของแต่ละช่วงการวิ่งและที่สำคัญ เพื่อให้ผู้ฝึกสอนรับรู้ศักยภาพก่อนการแข่งขันจริงของลูกทีมทุกคน สำหรับนำมาใช้ปรับแต่งและวางแผนก่อนเริ่มการแข่ง ตลอดจนเช็คความผิดปกติ เป็นการป้องเหตุไม่คาดฝันและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อก่อนการแข่ง

“กลับมาครบทุกคนแล้วใช่ไหม ครูไม่มีอะไรจะแนะนำเพิ่มเติมมาก แค่อยากบอกว่า ทำให้เต็มที่ แล้วอย่ากดดันตัวเอง ผลแพ้ชนะมันไม่สำคัญเท่ากับการที่พวกเธอจะได้รู้ถึงความสามารถของตนอย่างแท้จริง เอาล่ะไปเตรียมตัวได้”

“ขอบคุณครับ” ทั้งสามเสียงเปล่งออกมาพร้อมเพรียง

‘ปี๊ด...’

สัญญาณนกหวีดจากกรรมการประจำสนาม เรียกนักกีฬาทุกคนมารวมตัวกันบริเวณลู่วิ่ง เพราะไม่ใช่การแข่งขันอย่างเป็นทางการ จึงต้องอธิบายกฎและข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายให้นักกีฬาทั้งหมดได้รับทราบอีกครั้ง การแข่งในวันนี้จะแบ่งเป็นสามระยะ คือ 200 800 และ 1,500 เมตร โดยผู้ท้าชิงทั้งสามจะลงแข่งทุกประเภท โรงเรียนเจ้าถิ่นจึงต้องส่งนักกีฬาประจำลู่วิ่งทั้งหมด 15 คน สำหรับสามรายการ หนึ่งคนต่อหนึ่งประเภท เนื่องจากนักกีฬาของโรงเรียนเจ้าถิ่นมีจำนวนมากพอ ไม่ว่าผู้ท่าชิงจะมีจำนวนเท่าใด มากหรือน้อยก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ก็ไม่บ่อยนักที่จะเปิดรับการแข่งขันกระชับมิตรเช่นนี้ หากไม่ใช่กรณีพิเศษจริง ๆ โรงเรียนอื่นไม่มีทางได้รับโอกาสเช่นนี้แน่นอน

“รายการแรกเป็นการวิ่งระยะสั้น 200 เมตร นักกีฬาลงสนามได้” กรรมการประจำสนามคนเดิมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

นักกีฬาทั้งหมดลงสนาม รายการแรกกำลังจะเริ่มต้นขึ้น สมาชิกชมรมกรีฑาผู้ท้าชิงทั้งสามคน ซึ่งพกความมุ่งมั่นมาเก็บเกี่ยวสิ่งที่จะได้รับหลังจากนี้ ฝ่าระยะทางไกลเพื่อมาแสดงผลการฝึกซ้อมให้คู่แข่งได้ประจักษ์ถึงการมีอยู่ของพวกเขา


ปั้ง!







- - - - - - -
ไม่มีคนอ่านเลย #คิดแล้วเศร้า
บทที่ 10 แล้วแต่ยังอยู่หน้าแรกอยู่เลย 555
มีข้อติชมหรือแนะนำก็บอกกันได้นะ
เห็นของคนอื่นเขาแค่บทนำก็ขึ้นไปแล้วหน้าสองหน้าสาม
ไอ้เราก็จมจ่อมอยู่หน้าเดิมทุกวัน
จนคิดว่าจะเลิกลงแล้ว #น้อยใจ
ปล. ไม่ต้องสนใจนักเขียนมาก แค่อยากระบาย 555
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 10 - พบกันอีกครั้ง [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 29.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-09-2018 13:15:58
เรายังติดตามอยู่นะ อย่าเพิ่งเลิกเขียน
เราชอบเรื่องนี้มากนะ สนุกดีค่ะ
สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้ :mew1: :mew1:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 10 - พบกันอีกครั้ง [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 29.9.18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-09-2018 17:04:48
 :L2: :pig4:
เราก็รออ่านนะ
หัวข้อ: ตัวสำรอง บทที่ 11 - พบกันอีกครั้ง [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 03.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 03-10-2018 16:35:31
​บทที่ 11 - เริ่มแข่ง​



ปั้ง! เสียงสัญญาณปล่อยตัวดังขึ้นพร้อมกับร่างซึ่งพุ่งออกจากที่ยันเท้า แรงส่งมหาศาลถูกปล่อยโดยไม่คิดจะผ่อนหรือถนอมเอาไว้ เมื่อระยะจากจุดเริ่มต้นสู่เส้นชัยนั้นสั้นเพียงเสี้ยวนาที จึงไม่อาจรีรอเก็บหอมรอมริบเรี่ยวแรงไว้ใช้ช่วงท้ายเหมือนกับการวิ่งระยะอื่น



ฝีเท้าทุกคู่ถี่รัวราวเครื่องจักร ขับเคี่ยวกันอย่างไม่คิดอ่อนข้อ เมื่อพวกเขาเข้าสู่ลู่วิ่งทุกคนที่อยู่บนสนามคือคู่แข่ง ฝีเท้าหนักแน่นสมกับเป็นโรงเรียนแห่งการกีฬาอันดับต้น ๆ ของประเทศ แม้การแข่งอย่างไม่ทางการครั้งนี้ไม่ถูกให้ความสำคัญเท่ากับการแข่งรายการจริง แต่เจ้าถิ่นก็ไม่ยอมปล่อยให้โรงเรียนไร้นามขึ้นนำพวกเขาไปได้



ธนัฐมองดูลูกศิษย์ของตนอย่างพึงใจ เมื่อผ่านไปครึ่งทางยังสามารถครองความเป็นผู้นำเอาไว้ได้ อาจแปลกใจอยู่บ้างที่ลำดับถัดมาเป็นนักกีฬาจากทีมเยือน เด็กชายซึ่งเขาคุ้นหน้าพอควร อาจเป็นนักกีฬาคนเดียวกับที่เคยขับเคี่ยวในรุ่นเล็กเมื่อปีก่อน ไม่คิดว่าจะย้ายไปอยู่ในโรงเรียนเล็กแบบนั้น



ถัดมายังเป็นลูกทีมของเขาที่แย่งยื้อลำดับสองกับนักกีฬาต่างโรงเรียนโดยไม่มีใครยอมใคร แต่ที่สะกิดใจเขาในเวลานี้คงเป็นคนตัวเล็กซึ่งเหมือนจะชื่อมะลิ เด็กท่าทางขี้โรคไม่สมกับการเป็นนักวิ่ง ทว่า คมสันกลับเอ่ยชมไม่ขาดปาก เด็กคนนั้นอยู่ในอันดับสี่ร่วมกับเพื่อนร่วมทีมจากโรงเรียนเดียวกัน ขาคู่เล็กก้าวเร็วจนน่าเหลือเชื่อ แต่กระนั้นก็ไม่เห็นจะดีเด่นจนสามารถขึ้นนำเป็นจ่าฝูงได้



แม้จะเคยผ่านหูผ่านตาเรื่องนักกีฬาตัวเล็กบางคนที่ใช้ความกระทัดรัดของร่างกายฝ่าฟันอุปสรรคในสายอาชีพ จนประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงในวงการกรีฑา แต่นี่ก็เล็กเกินกว่าจะเอาไปเทียบกับกลุ่มนั้น เด็กชายมะลิคนนี้ดูยังไงก็ไม่เหมาะกับกีฬา โดยเฉพาะการวิ่งประเภทลู่ที่จำเป็นต้องพึ่งสรีระที่สมบูรณ์ของร่างกายพอสมควร หากเป็นมาราธอนก็ว่าไปอย่าง แบบนั้นยังมีลุ้นเรื่องความอึดอยู่บ้าง



‘คมสันคงชมเกินไปล่ะมั้ง’ ธนัฐตอบตัวเอง



เสี้ยวนาทีผ่านไป การแข่งขันจบลงอย่างรวดเร็ว นักกีฬาเจ้าถิ่นครองความเหนือกว่าด้วยการก้าวเข้าสู่เส้นชัยก่อนที่ผู้ท้าชิงอย่างใจกล้าซึ่งตาหลังเพียงครึ่งก้าวจะได้อันดับสองไปครอง เมื่อมองจากข้างสนาม ทั้งคู่สูสีจนแทบแยกไม่ออก อันดับสามยังคงเป็นเจ้าถิ่นที่แสดงศักยภาพให้ประจักษ์แก่ทุกสายตา ส่วนอีกสองคนจากโรงเรียนห่างไกลซึ่งตามหลังมาติด ๆ เข้าเส้นชัยด้วยอันดับสี่ร่วม อย่างน้อยทั้งคู่ก็สามารถเอาชนะนักกีฬาคนอื่น ๆ จากโรงเรียนดังได้ ไม่ตกไปอยู่อันดับบ๋วยของแถว



กฤษไม่แปลกใจกับผลการแข่งเมื่อครู่ เขารู้ดีถึงความสามารถของคู่แข่ง การวิ่งระยะสั้นแม้ใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจ ทว่าผลของการฝึกฝนกลับต่างออกไป เพียงเสี้ยวนาทีนั้นนักกีฬาจะต้องนำตัวเองไปอยู่หลังเส้นชัยให้ได้ ซึ่งจะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก ยิ่งคู่แข่งเพียบพร้อมไปด้วยวิทยาการทางกีฬา ย่อมได้เปรียบในด้านนี้ ส่วนอีกมุมกฤษคงต้องรับผิดแต่เพียงผู้เดียวที่ฝึกซ้อมนักกีฬาของตนไม่เพียงพอ ทั้งยังไม่ได้เจาะลึกไปถึงรายละเอียดของการวิ่งระยะนี้ --- มีอีกหลายสิ่งที่เขาจำต้องมอบให้แก่เด็กทั้งสาม เริ่มจากการออกแบบโปรแกรมฝึกที่เหมาะสมกว่านี้



“พักครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นให้นักกีฬาระยะ800เมตรลงสนามได้” ธนัฐแจ้งให้ทุกคนทราบ หลังจบการแข่งระยะแรก ที่วิ่งผ่านความยาวเพียง 200 เมตร



กฤษเรียกนักกีฬาของตนเข้ามาพักที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวข้างสนาม กำชับทุกคนเรื่องอุณภูมิร่างกายอย่าให้เย็นลง เพราะการแข่งรอบต่อไปจะเริ่มในอีกไม่ช้า สภาพของทั้งสามยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่เหนื่อยอ่อนจนผิดสังเกต แต่การใช้พลังงานมหาศาลทุ่มไปกับระยะทางเพียงสั้น ๆ เมื่อครู่ ก็อาจส่งผลกระทบในรอบหลังจากนี้ นั่นเป็นสาเหตุที่กฤษข้ามการแข่งขัน 100 เมตรและ 400 เมตรไปที่ระยะ 800 เมตรในทันที อีกทั้งการใช้เรี่ยวแรงไปพร้อมกับความกดดันเช่นนั้นย่อมทำให้ร่างกายและจิตใจอ่อนเพลียได้ง่าย กลับกันการเลือกระยะที่ยาวกว่า นักกีฬายังพอมีเวลาไตร่ตรองว่าช่วงไหนควรช้า ช่วงไหนควรเร็ว แม้อาจใช้เวลาในการวิ่งมากกว่าเดิม แต่ไม่กดดันเท่า



การส่งนักกีฬาที่มีสภาพร่างกายสมบูรณ์พร้อมลงสนามประลองความเหนือกว่ากับคู่แข่ง แม้นั่นจะเป็นการตัดสินใจตามปกติวิสัยและไม่ใช่เรื่องแปลก กระนั้นก็ตามหากมองข้ามความพร้อมของสภาพจิตใจไป อาจไม่เป็นผลดีนัก เพราะนั้นจะกลายเป็นทางเลือกที่เลวร้ายที่สุด ในการส่งนักกีฬาลงสนาม



เรื่องนั้นกฤษทราบดี เขาไม่มีทางปล่อยให้นักกีฬาที่แสดงความผิดปกติเหล่านั้นลงลู่วิ่งอย่างแน่นอน ‘ไม่อยากให้ใครต้องมาผิดพลาดอีกแล้ว’



“ขอโทษด้วยนะครับที่เอาชนะไม่ได้เลย” เสมอกล่าวทำลายความเงียบที่ปกคลุมบรรยากาศรอบข้าง ความตึงเครียดปะทุขึ้นหลังกลับมาที่ม้านั่ง ซึ่งเขาทนความเงียบงันนี้ไม่ไหว



“ไม่ต้องขอโทษหรอก อย่างน้อยทุกคนก็เห็นแล้วว่าพวกเขามีศักยภาพและความสามารถแค่ไหน ใช่ไหม” ทั้งสามพยักหน้าเห็นพ้องกับอาจารย์ที่ปรึกษาและโค้ชของพวกตน เรื่องความสามารถของทีมเหย้าไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีกแล้ว ทุกคนประจักษ์ชัดด้วยตัวเอง



“พวกเธอยังต้องวิ่งอีกสองรอบ อย่าลืมแบ่งแรงให้กับช่วงท้ายด้วยล่ะ ระยะพวกนี้เรามีลุ้น เท่าที่ดูจากการแข่งเมื่อกี้ก็ยังไม่หมดหวังไปเสียทีเดียว ส่วนรอบที่ผ่านมาใจกล้าทำเกินความคาดหมายของครู รักษามาตราฐานนี้ได้ด้วยล่ะ” ใบหน้าของคนที่ถูกชมยังนิ่งงันแทบจะไม่แสดงความพึงใจออกมาให้เห็น อาจเพราะสุดท้ายเขาก็ไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งและขึ้นเป็นที่หนึ่งได้ คำชมที่ใจกล้าได้รับจึงกลายเป็นเพียงคำปลอบเท่านั้น



“เสมอก็ไม่น่าห่วง ระยะ 800 เมตรอาจเป็นทางถนัดของเธอก็ได้...” อดีตนักฟุตบอลกับคำกล่าวนั้น เพราะเขาไม่ได้หวังไปเทียบเคียงกับเหล่านักวิ่งตัวจริงในสนาม ทว่าพอลงสนาม ความรู้สึกอยากชนะก็เริ่มก่อตัวทีละนิด ยิ่งที่ปรึกษามองเห็นศักยภาพ ตัวเขาก็พลอยมีกำลังมากขึ้น



“ส่วนมะลิ วิ่งระยะสั้นถือว่าเกินคาด ยังไงก็ฝากระยะอื่น ๆ ด้วยแล้วกัน” กฤษทิ้งท้ายกับนักกีฬาตัวเล็ก ก่อนเสียงสัญญาณจากเพื่อนสนิทของเขาจะเรียกนักกีฬาทุกคนไปรวมตัวอีกครั้ง --- การแข่งในรอบถัดไปจึงเริ่มต้นขึ้น



“เอาล่ะไปกันได้แล้ว” กฤษร้องบอกลูกทีม



“ครับ” สามเสียงตอบกลับไปอย่างพร้อมเพรียงเช่นเคย



สองคนแรกวิ่งออกไปยังจุดรวมพล เหลืออีกหนึ่งซึ่งยังอยู่ที่เดิม กฤษฉงนกับการกระทำของนักกีฬาที่ยังไม่ขยับไปตามเสียงเรียก



“มีอะไรหรือเปล่ามะลิ หรือว่าบาดเจ็บ” อาจารย์ที่ปรึกษาถามไถ่พร้อมแสดงความเป็นห่วง หากเป็นเช่นนั้นจริง คงต้องถอนตัวจากการแข่งนี้



“เปล่าครับ ผมแค่มีเรื่องอยากจะปรึกษาอาจารย์ คือว่า...”



นักกีฬาเตรียมพร้อมอยู่บนลู่วิ่ง รอเพียงเสียงสัญญาณปล่อยตัวจากผู้คุม ปั้ง! สิ้นเสียง การแข่งระยะ 800 เมตรจึงเริ่มต้น สองรอบสนามที่บางคนอาจทำได้ดีในช่วงการวิ่งนี้หรือบางคนอาจไม่ถนัด



การแข่งรอบที่สองของเหล่าผู้ท้าชิงดำเนินไปได้ครึ่งทาง ขณะนี้ใจกล้าเป็นผู้นำในสนาม ทิ้งห่างนักกีฬาโรงเรียนดังประมาณหนึ่งช่วงตัว ส่วนอีกสองคนที่เหลือกำลังไต่ระดับขึ้นมา เสมออยู่ลำดับสี่พยายามย่นระยะของตนลงเรื่อย ๆ ก่อนเปลี่ยนตำแหน่งมาอยู่ลำดับที่สามเมื่อถึงช่วง 200 เมตรสุดท้าย ส่วนมะลิยังรักษาตำแหน่งอยู่ที่ลำดับหก ความเร็วแม้ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ลดลงเช่นกัน ซึ่งข้อได้เปรียบนี้ส่งผลให้อันดับของเขาเพิ่มขึ้นโดยที่ไม่ต้องเปลืองแรง คู่แข่งข้างหน้าค่อย ๆ ร่นถอยลงมาเองเมื่อเรี่ยวแรงถูกใช้ไปจนสิ้น ร่างกายจึงไม่อาจฝืนใจก้าวต่อไปได้ ผลก็คืออันดับของมะลิขยับขึ้นเองทั้งที่ยังรักษาความเร็วคงที่



ธนัฐชื่นชมความสามารถของเด็กทั้งสามที่มาท้าชิงนักกีฬาจากโรงเรียนเขาจนสิ้นสภาพไปหลายคน นับว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะเด็กตัวสูงที่กำลังขึ้นนำอยู่ขณะนี้ สมกับเป็นจ้าวเหรียญเงินระดับจังหวัด คิดแล้วก็เสียดายที่ไม่ได้ตัวมาอยู่ในทีม



รอบนี้ดูท่าลูกทีมของธนัฐดูจะพ่ายให้กับนักวิ่งต่างถิ่นเสียแล้ว คงต้องปรับปรุงการฝึกซ้อมในระยะนี้เพิ่ม เพราะแค่ชมรมเล็ก ๆ ที่มีสมาชิกแค่สามคน ยังชิงอันดับหนึ่งและสามไปได้เช่นนี้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงระดับประเทศ เพราะยังมีคนเก่งกว่านี้อีกหลายเท่าตัว



มะลิวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับห้า ด้วยการรักษาความเร็วทั้งสองรอบสนาม เหตุผลที่ไม่ก้าวขึ้นนำในช่วงท้ายก็เพราะว่า ต้องเก็บแรงไปใช้ในรอบถัดไป การแข่ง 1,500 เมตร ในอีกครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ มะลิต้องเจอคู่แข่งอย่างคมสัน เขาไม่มีทางตามหลังคนตัวสูงได้แน่หากทุ่มแรงทั้งหมดในรอบนี้



มะลิแค่อยากอยู่ในสภาพพร้อมที่สุดก่อนไปเจอกับคมสัน



“พักครึ่งชั่วโมงครับ”



นักกีฬาทั้งสามวิ่งกลับมายังจุดพัก ดื่มเกลือแร่ทดแทนการเสียเหงื่อและพักเอาแรงเพื่อไปต่อกรกับคู่แข่งในรอบสุดท้าย เหงื่อไหลโทรมกาย ความเหนื่อยล้าเพิ่มเข้ามายิ่งกว่าครั้งแรกที่ออกแรงในสนาม สภาพตอนนี้นับว่าเกือบถึงขีดสุดของพวกเขาแล้ว แม้การฝึกซ้อมจะหนักกว่าการแข่งหลายเท่าตัว แต่เมื่อเป็นการลงสนามจริง สิ่งที่เพิ่มเข้ามามากกว่าระยะทางที่ก้าวออกไปคือ ความกดดันมหาศาลจากคู่แข่งรอบกาย ซึ่งขับเคี่ยวกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อให้ตนขึ้นเป็นผู้นำและเข้าสู่เส้นชัยเป็นคนแรก การขับเคี่ยวที่มีมากกว่าการซ้อมหลายสิบเท่า เป็นปัจจัยที่บั่นทอนแรงกายชั้นดี



“ดีมาก เห็นไหมว่าพวกเธอก็ทำได้ ทุกคนที่แข่งในวันนี้เป็นตัวจริงระดับแนวหน้าของจังหวัดทั้งนั้น” กฤษเอ่ยชมลูกศิษย์ของตนจากใจจริง แม้เขาจะพูดและให้กำลังใจเด็กทั้งสามมากเพียงใด แต่จะไม่มีประโยชน์ใดเลยหากทุกคนไม่พิสูจน์คำเยินยอนั้นด้วยการแสดงความพยายามจนสำเร็จผล ไม่เช่นนั้นคำพูดของเขาก็จะเป็นเพียงลมปากไร้น้ำหนัก



“แต่ก็แค่รุ่นเดียวกันแหละครับ พวกรุ่นใหญ่ไม่มากันสักคน” ใจกล้าเอ่ยขัดจังหวะความยินดีของทีม ซึ่งก็เป็นความจริงที่พวกเขาต้องยอมรับ นักกีฬาที่ร่วมแข่งในวันนี้เป็นล้วนเป็นเด็กใหม่ที่พึ่งเข้ามา ความสามารถจึงไม่อาจเทียบได้กับรุ่นใหญ่ซึ่งเป็นขุมกำลังของโรงเรียนแห่งนี้อย่างแท้จริง



“เอาเถอะ ตอนนี้พวกเธอต้องก้าวข้ามรุ่นเดียวกันนี้ให้ได้เสียก่อน หากชนะพวกเขา ลำดับต่อไปพวกเธอก็จะไปพบกับคู่แข่งที่แท้จริง”



“เก่งขนาดนั้นเลยหรือครับ” เสมอกลั้นความสงสัยไว้ไม่อยู่ สำหรับเขาแค่ที่เจออยู่นี้ก็เกินจะรับมือแล้ว อันดับสี่ในรอบแรกและอันดับที่สามที่ผ่านมา ยิ่งทำให้เขาอยากชนะเข้าไปใหญ่ แต่พอทราบว่านักกีฬาที่พึ่งขับเคี่ยวกันมานี้ยังไม่เก่งที่สุดในการแข่งอย่างเป็นทางการ ก็พลันให้ความฮึกเหิมหดหายไปไม่น้อย



“ฉันบอกอะไรไม่ได้หรอก แต่ที่แน่ ๆ คู่แข่งของเราในวันนี้ ก็มีหนึ่งคนที่เทียบเคียงกับรุ่นใหญ่เหมือนกัน เห็นว่าเคยชนะมาหนึ่งรายการ”



“ใครครับ” คราวนี้เป็นใจกล้าที่เอ่ยออกมา เมื่อทราบถึงคู่แข่งที่เหนือกว่า ร่างกายของเขาก็เต้นระรัว อยากจะประชันความสามารถ ยิ่งชัยชนะที่ได้รับมาเมื่อครู่เป็นตัวเร่งความกระหายให้ลุกโชนขึ้น



ใจกล้าสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ถอยและไม่ขอกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว จะให้เขายอมแพ้ทั้งที่ยังมีคนพยายามอยู่ในความไม่พร้อม ซึ่งอาจด้อยกว่าเขาในหลายด้าน คนเหล่านั้นกำลังพยายามอยู่อย่างไม่ลดละ เขาคงไม่มีหน้าไปสู้ใครได้อีก หากพาตัวเองไปจ่อมจมกับความท้อแท้ที่ไร้เหตุผล --- พลันสายตาก็หันไปสบกับคนตัวเล็กข้างกาย



“คมสัน” คำตอบนั้นกระตุ้นให้ใจกล้าและมะลิกระตือรือร้นอยากเร่งเวลาพักให้ไวยิ่งขึ้น เมื่อชื่อคุ้นหูถูกเอ่ยถึง ทั้งสองซึ่งเป็นคู่แข่งและเคยพ่ายแพ้ให้กับคมสันมาโดยตลอด แทบอดทนรอไม่ไหวที่จะได้วัดฝีมือกันอีกครั้ง



“เก่งขนาดนั้นเลยหรือคนที่ชื่อคมสัน” เสมอหันไปถามเพื่อนร่วมทีมทั้งสอง เพราะดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมีปฏิกิริยากับคนชื่อนี้ไม่น้อย



“ตัวแทนจังหวัด” คำตอบจากใจกล้าหยุดความสงสัยทั้งหมด ไม่ต้องกล่าวถึงความสามารถของคมสันเพราะเป็นที่ประจักษ์แก่นักกีฬาในรุ่นเดียวกันทุกคน



นักกีฬารอบ 1,500 เมตร มารวมตัวเมื่อเสียงผู้คุมข้างสนามเรียกเตรียมความพร้อม คมสันที่เฝ้าคอยการแข่งนี้อย่างใจจดใจจ่อ ก้าวออกมาพร้อมความตื่นเต้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สาเหตุนั้นอาจเป็นเพราะคนตรงหน้านี้ก็ได้ ที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ คนตัวเล็กที่ตามหลังไม่เคยห่าง เป็นยิ่งกว่าเงาติดตาม ทุกครั้งที่ออกวิ่งไปพร้อมกัน จะเป็นเขาเองที่ต้องเหนื่อยอ่อน พอหันกลับไปมองครั้งใด ใบหน้าแห่งความมุ่งมั่นจากคนตัวเล็กที่ไม่เคยทิ้งห่าง จ้องจะคว้าชัยไปจากเขาตลอดเวลา นั่นแหละมะลิที่คมสันรู้จัก



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   

facebook.com/inDefinitionStory
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 11 - พบกันอีกครั้ง [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 03.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-10-2018 18:35:44
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 11 - พบกันอีกครั้ง [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 03.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-10-2018 21:48:35
 :L2: :pig4:

คนเขียนใจเย็นๆอย่าน้อยใจไป
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 11 - พบกันอีกครั้ง [เส้นชัย จุดหมาย มิตรภาพ และความทรงจำ] 03.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 04-10-2018 02:05:02
อ๊ากกก!!ตรูรอไม่ไหวแล้ววววว เหี้ยยยโคตรลุ้น!!! อย่าว่าแต่คมสันเถอะที่จะรอแข่งใจจดใจจ่อ นี้ก็ลุ้นเชียร์แบบตาตั้งแล้ว นั่งไม่ติด อยากวาร์ปไปเกาะขอบสนามในนิยาย มีความอินเว่อร์อะ จริงๆ 5555 //กลับมาเริ่มแข่งขันกันอีกครั้งแล้วนะ คมสัน vs มะลิ รอวันนี้มา10ตอน ถึงจะเป็นการพบกันแบบซ้อมแข่งก็เถอะ แต่ก็ดีใจ แค่นี้ก็เล่นลุ้นเอาซะหัวใจจะวายอยู่แล้ว ถ้าแข่งจริงจะขนาดไหนวะตรู 5555555 //ขอบอกเลยว่าเป็นนิยายที่แปลกใหม่สำหรับเรา ไม่เคยอ่านวายแนวแข่งวิ่งกรีฑา อ่านถึงตอน 11รวดเดียว เอาจริงเรายังมองไม่เห็นโมเม้นท์วายเลย ตอนแรกที่อ่านก็ตามหาโมเม้นท์นะ แต่พออ่านมาเรื่อยๆ จุดสนใจดันไม่ใช่ความวายแต่เป็นการเชียร์ความพยายามของมะลิ ตอนนี้พระเอกจะเป็นใครนี่ก็เอาเถอะ ไม่ได้สนใจเท่าไร (อันที่จริงคือยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ 5555555) แต่ก็แอบคิดอยู่ว่ามันจะเข้าวายตอนไหนว่ะ ใครจะรักใครตอนไหนไรงี้ 55555 แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการเอาใจช่วยมะลิ อยากรู้มะลิจะไปได้ถึงไหน นั่นหมายถึง เรื่องนี้ทำให้เรากดบุ๊คมาร์คไปเรียบร้อยแล้ว 555 เพราะมันน่าติดตามมากไงละ หึหึ! ^^  สมาชิกชมรม 3 คนกับ 1 ครูฝึกจะไปได้ไกลแค่ไหน แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ!! 555555  //ชอบทุกตัวละครเลย แต่ละคนมีเหตุผลและความเป็นไปในเรื่องราวได้สมเหตุสมผล ทั้งยังบรรยายได้ดี เห็นภาพชัดเจน HD ฉากวิ่ง ฉากอยู่ในสนาม บรรยายเหมือนเราอยู่ข้างสนามเลย สำนวนภาษาดีมาก และเท่าที่อ่าน คำผิดโคตรน้อย เอาจริงเรายังไม่เห็นผิดนะ หรือป่าว?? ไม่แน่ใจ!!อาจจะสนุกมาก อ่านลื่นเลยไม่ได้สนใจ 55555 รู้แต่ว่าผิดน้อยมากอะ ทั้งที่การบรรยายให้ความรู้สึกลึกๆ ดึงอินเนอร์เราออกมาแบบนี้มันยาก แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของไรท์ เอ่อ ไม่ได้พูดเกินไปนะ แต่รู้สึกแบบนี้จริงๆ ^^ //อ่านแล้วอินตามมากรู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอด ว่ามะลิจะเจออะไรบ้าง จะเป็นยังไงกัน อุปสรรคของมะลิก็เริ่มตั้งแต่ตั้งชมรมแล้ว หนทางอีกยาวไกล จะเข้าสู่วายยังไง จะแข่งขันถึงตอนไหน สิ้นสุดเมื่อไหร่ ผลจะเป็นยังไง แต่ที่รู้ๆคือความพยายามของมะลิชนะใจเราไปแล้ว พับผ่า!! ห่านจิก!! เม้นท์ยาวไปไหม เกรงใจไรท์วะ พอก่อน 5555 แต่แบบ เหี้ยเถอะค่ะ ชอบมากกกกกกก สนุกกกก ถูกใจ โคตรลุ้นอ่ะ รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะ สู้ๆนะไรท์ ฮึบๆ รออ่านอยู่้เด้อ ถ้าหากว่าเธอนั่นแต่งเก่งอย่างนี้ 55555555  รอแบบใจจดจ่อเลย ดีใจนะที่ได้อ่านนิยายแล้วรอจดจ่อแบบนี้ นานๆเจอที 55555  ลุ้นเหี้ยๆ (ขอหยาบ5555) รอรอรอ 1,500 ระยะเท่าเดิม ความรู้สึกจะเหมือนเดิมไหมตอนวิ่ง คมสัน vs มะลิ vs ใจกล้า vs เสมอ

(ตัวสำรอง - ตอนเห็นชื่อเรื่องก็นึกว่าแนวกิ๊ก ชู้ เมียน้อยไรงี้ คิดไปโน้นเลย 5555555 พอเข้ามาอ่าน อ๋ออออออออ เออดีแล้วที่ไม่เป็นอย่างที่คิด 555555)

รีวิวไม่เก่งแต่ถ้าชอบจริงคือเม้นท์ยาว ^^
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 11 - พบกันอีกครั้ง [แนวกีฬา] 03.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 08-10-2018 22:35:42
อ่านเรื่องนี้ให้ฟิลเหมือน อ.อดาจิริ มิซึรุ เขียนมากเลย มีความพยายาม ความฝัน พลังของวัยรุ่น
ความรักคือเรื่องรองที่ซัพพอร์ตเนื้อหาหลัก เป็นแค่ความรู้สึกให้ชวนจิ้น แต่อาจไม่เร่าร้อนเหมือนนิยายวายทั่วๆ ไป
มีคนติดตามอ่านแน่ แต่อาจไม่หวือหวา เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 11 - พบกันอีกครั้ง [แนวกีฬา] 03.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 09-10-2018 07:30:22
……



ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น เหมือนดู จุงโคชิกะ  วนเทปมาดูกัน

ตอนดูจุงนะ เอาใจเชียร์ จนอยากเล่นวอลเลย์เก่งๆ

อ่านน้องมะลิเนี่ย. ก้อทำให้มีใจจะไปฝึกวิ่งนะ

แต่เอาแบบ jogging ไม่ถึงกับวิ่งแข่งอ่ะ เดี๋ยวหายใจไม่ทัน 555

อ่ะนะ. กว่าจะสำเร็จได้ พากเพียรและพยายามอย่างหนัก

เขียนต่อไป สู้เขา @InDefinition


 :a2: :a9: :a14: :a3: :a11: :a1:


 :ped149: :ped149: :ped149: :ped149: :ped149: :ped149: :yeb:


…………

หัวข้อ: ตัวสำรอง บทที่ 12 - ตัดสิน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 10-10-2018 15:17:31
บทที่ 12 - ตัดสิน



นักกีฬารอบ 1,500เมตร มารวมตัวเมื่อเสียงผู้คุมข้างสนามเรียกเตรียมความพร้อม คมสันที่เฝ้าคอยการแข่งนี้อย่างใจจดใจจ่อ ก้าวออกมาพร้อมความตื่นเต้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สาเหตุนั้นอาจเป็นเพราะคนตรงหน้านี้ก็ได้ ที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ คนตัวเล็กที่ตามหลังไม่เคยห่าง เป็นยิ่งกว่าเงาติดตาม ทุกครั้งที่ออกวิ่งไปพร้อมกัน จะเป็นเขาเองที่ต้องเหนื่อยอ่อน พอหันกลับไปมองครั้งใด ใบหน้าแห่งความมุ่งมั่นจากคนตัวเล็กก็ยังแจ่มชัด มันอยู่ตรงนั้น จ้องจะคว้าชัยไปจากเขาตลอดเวลา --- นั่นแหละมะลิที่คมสันรู้จัก



“ไม่ออมมือให้หรอกนะมะลิ”



“อืม... ทางนี้ก็เหมือนกัน”



บทสนทนาสั้นๆ สิ้นสุดลง เมื่อผู้คุมสนามให้นักกีฬาทุกคนเข้าไปประจำลู่วิ่งของตัวเอง ก่อนเสียงสัญญาณออกตัวจะดังขึ้น พร้อมกันนั้นนักกีฬาทุกคนในสนามก็พุ่งออกไปอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ ด้วยการแข่งระยะนี้ไม่ได้เฟ้นหาผู้ที่เร็วที่สุดในสนาม หากแต่เป็นการทดสอบความอดทนของนักวิ่งบนลู่ ว่าใครจะเป็นคนสุดท้ายที่รักษาแรงกายและแรงใจเพื่อพาตนเข้าสู่เส้นชัยเป็นคนแรก ระยะทางเกือบสี่รอบสนามนั้นสาหัสไม่ใช่น้อยสำหรับการแบกความคาดหวังของตนเพื่อเป็นผู้ชนะ เป็นการวิ่งที่จะพิสูจน์ความสามารถของนักกีฬาเลยก็ว่าได้ เพราะบททดสอบต่อจากนี้ไม่ใช่เพียงการออมแรงเพื่อหวังคว้าชัยในช่วงท้าย แต่การปะทะฝีเท้าระหว่างผู้วิ่งบนลู่สนามตลอดสี่รอบสนามก็เป็นส่วนสำคัญ การโหมกำลังใส่คู่ต่อสู้นั่นไม่ใช่เรื่องดีที่ควรกระทำ ทว่า การปล่อยให้คู่แข่งวิ่งเลยไปจนทิ้งช่วงห่างเกินจะก้าวตามในท้ายเกมก็ไม่เป็นความคิดที่ดีเช่นกัน



บททดสอบที่ผู้แข่งขันต้องเลือกช่วงจังหวะในการขึ้นนำหรือไล่ตามให้แก่ตนเอง เพราะการแข่งนี้กำลังมองหานักกีฬาที่ฉลาดซึ่งสามารถจัดสรรและแบ่งช่วงจังหวะการก้าวที่ดีพอจะส่งตัวเองไปยังเส้นชัย



กฤษมองดูนักกีฬาของตนอย่างเป็นห่วง แม้จะฝึกซ้อมเพื่อการแข่งครั้งนี้มาโดยตลอด แต่ความอ่อนล้าซึ่งสะสมมาตั้งแต่เช้าจะส่งผลกระทบกับพวกเขาหรือไม่ คงไม่อาจคาดเดาได้ ทำได้เพียงภาวนาให้ผ่านพ้นไปด้วยดี หน้าที่ของผู้ฝึกสอนจะจบลงเมื่อส่งนักกีฬาลงสู่สนาม บนลานประลองมีเพียงผู้ท้าชิงที่จะฝ่าฟันอุปสรรคด่านสุดท้ายของตนนั่นคือกำลังและจิตใจที่เข้มแข็งของพวกเขา เริ่มจากเอาชนะตัวเองก่อนที่จะไปประหัตประหารคู่แข่ง กฤษที่อยู่ข้างสนามคงทำได้เพียงส่งแรงใจไปให้ ‘พยายามเข้าทุกคน อย่างพึ่งหมดแรงไปล่ะ’



เป็นผู้ชมคนหนึ่งซึ่งร้องตะโกนจากภายใน



สนามที่ร้อนระอุ นักกีฬาทุกคนเบี่ยงตัวเข้าสู่ลู่วิ่งด้านใน เรียงรายกันเป็นแถวยาว สร้างแนวตามจังหวะของตน หากใครคนใดคนหนึ่งซึ่งอยากท้าทายสนามและแรงกายที่ถูกแดดแผดเผาก็อาจก้าวขึ้นไปเพื่อออกตัวนำคู่แข่งที่เหลือ แต่นั่นเป็นความคิดที่ดีแล้วหรือ คงเป็นวิธีที่ฉลาดหากเขาคนนั้นคว้าชัยไปครอง หรืออาจเป็นเพียงความบ้าบิ่นและโง่เขลาของคนๆ หนึ่งที่ต้องแพ้พ่ายต่อกำลังของตนในท้ายที่สุด บทสรุปจะบอกแก่พวกเขาว่าการกล้าเสี่ยงให้ผลเป็นอย่างไร



เสมอที่อยู่กลางแถวค่อยๆ ถอยร่นลงไปทีละเล็กทีละน้อย กำลังกายของเขาลดลงทุกขณะ การวิ่งระยะกลางเช่นนี้ไม่ใช่ทางถนัดเลย เขาไม่อาจห้ำหั่นด้วยแรงกายเหมือนดั่งการวิ่งระยะสั้น การค่อยๆ ถนอมแรงเอาไว้เพื่อใช้ให้ครบตลอดรอบการแข่งจึงเป็นทางออกเดียวของเขา แม้นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยก็ตาม --- เขาตกไปอยู่หางแถว ‘อดทนไว้ขาคู่นี้ ขอแค่ครบสี่รอบก็ยังดี’ คำวิงวอนที่ส่งให้ร่างของตนอดทนจนจบเกมนี้



ส่วนคมสันยังยึดครองตำแหน่งบริเวณหัวแถวเอาไว้ได้ตามที่ธนัฐคาดการณ์ ถึงไม่ทิ้งห่างคู่แข่งต่างโรงเรียนได้อย่างขาดลอย ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตำหนิในระยะนี้ เพราะอย่างที่ว่ามา สนามนี้ไม่ต้องการคนที่เร็วที่สุด อีกทั้งคู่แข่งที่ตามหลังนักกีฬาตัวเต็ง ก็ยังเป็นผู้คว้าชัยไปในรายการที่ผ่านมา การถนอมแรงและรักษาระดับได้อย่างมั่นคง จึงเป็นทางเลือกที่ฉลาดของคมสัน สมกับเป็นหมายเลขหนึ่งในการวิ่งระยะนี้ ที่แม้แต่รุ่นพี่หลายคนยังเทียบไม่ติด ความสามารถนี้เองทำให้เขากลายเป็นผู้นำของชั้นปีอย่างไม่ต้องสงสัย



‘ไม่เห็นเด็กที่ชื่อมะลิจะโดดเด่นอะไรเลย ดูอย่างตอนนี้ท่าจะหมดแรงไปเสียแล้ว’ ธนัฐหันไปวิเคราะห์คู่แข่งที่ยังแสดงความสามารถได้ต่ำกว่ามาตราของนักวิ่งในชั้นปีที่ลงสนามร่วมด้วย ตั้งแต่การแข่งที่ผ่านมาก็ยังไม่โดดเด่นหรือแสดงให้เห็นว่ามีดีอย่างที่คมสันเคยว่าไว้



มะลิยังก้าวต่อไปอย่างมั่นคง รักษาความเร็วของตนไว้ ขณะนี้อยู่ตรงกลางแถวซึ่งทั้งหัวท้ายมีนักกีฬาตัวสูงปิดล้อม แต่นั่นไม่สร้างความหวาดหวั่นให้เขาแม้แต่น้อย สองรอบสนามผ่านไปโดยยังคุมจังหวะของตนเอาไว้ได้ แม้เหนื่อยอ่อนแต่ก็ยังก้าวต่อเรื่อยๆ กระทั่งเข้าสู่รอบที่สาม คู่แข่งบางคนเริ่มทนความอ่อนล้าที่เข้าเล่นงานไม่ไหว ลดความเร็วลงจนบางรายตกไปอยู่ท้ายแถว มะลิไม่ได้สนใจคนเหล่านั้น แถมยังเพิ่มความเร็วเข้าไปเพื่อสลัดให้พ้นกลุ่มกลาง เขาค่อยๆ ไต่ระดับความเร็วของตนขึ้นไปทีละขั้น ซึ่งเพียงพอต่อการสลับตำแหน่ง แม้ยังไม่ขึ้นเป็นกลุ่มนำ ทว่า ก็หลุดจากกลุ่มตามที่รั้งเขาอยู่ขณะนี้ไปได้ พื้นที่โล่งซึ่งเปิดกว้างจากการเปลี่ยนตำแหน่ง ช่วยทำให้จังหวะการวิ่งผ่อนคลายยิ่งขึ้น มะลิอยู่หลังกลุ่มนำที่ประกอบด้วยคมสันและใจกล้าเพียงไม่กี่ช่วงตัว



ธนัฐซึ่งง่วนอยู่กับสถิติของนักกีฬาจากรอบที่แล้ว ทั้งยังบันทึกผลนักกีฬาของตนในรอบนี้ เพื่อนำไปปรับปรุงการฝึก เงยหน้าขึ้นพร้อมกวาดตามองการแข่งขันซึ่งดำเนินอยู่เพียงครู่ ก่อนก้มลงไปจัดการเอกสารต่อตามปกติ



ทว่า มีบางอย่างที่ไม่ปกติ อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปคลายสงสัยนั้น ภาพการแข่งในสนามซึ่งนักกีฬาขอเขายังเป็นผู้นำอยู่ ‘ก็ปกติ’ ส่วนที่ตามหลังอยู่ คือนักกีฬาคู่แข่ง อดีตเหรียญเงินระดับจังหวัด ‘ก็ยังปกติ แล้วอะไรที่กำลังกวนใจอยู่...’



ก่อนความคิดนั้นจะคลี่คลาย นักกีฬากลุ่มผู้นำก็วิ่งผ่านหน้าเขาไป พร้อมกับภาพของเด็กชายร่างเล็ก ที่ดูอ่อนแอที่สุดเมื่อลงสู่สนาม ซึ่งสู้กับคนตัวโตทั้งหลาย ภาพของเด็กคนนั้นที่ฉีกตัวจากลู่วิ่งหนึ่งสู่เส้นทางว่างโล่งในลู่ที่สอง ก่อนจะเร่งฝีเท้าคู่นั้นอย่างฉับพลัน เปลี่ยนตำแหน่งจากอันดับที่หกสู่อันดับห้า  สี่  สาม และค่อยๆ เข้าประชิดคู่แข่งจากโรงเรียนเดียวกัน ใจกล้าซึ่งเป็นอันดับสองรองจากคมสันถูกประกบ



‘เดี๋ยวก็หมดแรงกลางคันหรอก’ อารามตกตะลึงเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความเห็นใจทันทีเมื่อเห็นเด็กชายมะลิกำลังเร่งรีบอย่างผิดสังเกต เพิ่งจะเข้ารอบที่สาม เร่งความเร็วขนาดนั้นอีกไม่นานก็จะค่อยๆ ตกอันดับลงไป ใช่ต้องถอยร่นลงไป ใช่สิ มันต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือ ก็โหมแรงเสียจนเกินตัวเกินขนาด เป็นใครก็ต้องหมดแรงบ้างล่ะ แถมคู่แข่งคนอื่น ๆ ก็เริ่มเร่งฝีเท้าตามด้วย กลายเป็นว่าไม่ใช่แค่คนตัวเล็กที่เพิ่มความเร็วขึ้น คนอื่นยังโหนกระแสไปพร้อมกัน ลำพังแค่จะเปลี่ยนอันดับที่ว่ายากแล้ว เจอแบบนี้เข้าไปคงต้องผลาญกำลังตัวเองไม่ใช่น้อย ใช่ เด็กคนนั้นต้องหมดแรงเพราะทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นลงไป มันต้องเป็นแบบนั้นสิ... ‘แล้วทำไมยังวิ่งอยู่ได้อีกตั้งครึ่งรอบ แถมขึ้นมาอยู่ข้างหลังคมสันแบบนั้นได้ยังไง บ้าไปแล้ว’ ธนัฐวางแฟ้มเอกสารลงไปบนเก้าอี้ตัวยาว เพื่อกลับมาไขข้อข้องใจของตนในการแข่งนี้ ที่มีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้น



คมสันรักษาระดับของตนโดยไม่เร่งความเร็ว เขาคิดว่าแค่นี้คงเพียงพอสำหรับเส้นชัยเพียงไม่กี่อึดใจข้างหน้า แม้จะมีคู่แข่งต่างโรงเรียนตามหลังอยู่สองสามก้าวก็ตาม แต่เขายังพอมีแรงเหลือเฟือไว้ต่อกรกับเรื่องไม่คาดฝัน



จนเข้าสู่ช่วงปลายของรอบที่สาม ขาคู่ยาวยังคงก้าวออกไปอย่างมั่นคง ไม่รีบเร่ง ไม่ผ่อนแรง รักษาความเร็วมาตรฐานเอาไว้อย่างมั่นเหมาะ เพียงแต่... เสียงฝีเท้าถี่รัวที่ใกล้เข้ามา มันต่างไปจากเดิม ไม่ใช่ของคนที่ตามหลังมาตลอดอย่างแน่นอน ‘แปลกไป’ คู่แข่งที่ประกบหลังทั้งสามรอบสนาม คนที่ตามประกบเขามาไม่ได้มีจังหวะแบบนี้ ‘เกิดอะไรขึ้น จะสู้งั้นหรือ’ คิดได้ดังนั้นเขาจึงค่อยๆ เร่งฝีเท้าของตนขึ้นอย่างท้าทาย และทิ้งห่างไปทีละก้าวทีละก้าว



‘ไม่’ เสียงฝีเท้าแปลก ๆ นั่น ยังตามหลังอยู่ไม่ห่าง ตามมาติด ๆ เลยล่ะ เขาเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง โหมแรงหนักขึ้น คิดว่าสลัดให้หลุดไปเสียดีกว่า เพราะเสียงนั้นไม่น่าไว้ใจเอาเลย และคาดว่าครั้งนี้คงหนีพ้นจากความพะว้าพะวังซึ่งตามหลังมา



แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ‘ใคร’ คู่แข่งยังไม่ยอมแพ้ คนข้างหลังกำลังเข้าประชิดอย่างท้าทาย ตลอดครึ่งสนามในรอบสุดท้ายนี้ ใครสักคนซึ่งตามติดเขามาไม่ห่าง ไม่ว่าจะพยายามเร่งฝีเท้าสักเท่าไหร่ ‘มะลิ’ วูบหนึ่งพาให้คมสันคิดไปถึงเพื่อนสนิท คนที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อออกตัว คน ๆ นั้นต้องเป็น...



“มะลิ” เมื่อหันกลับไปภาพของนักกีฬาที่เร่งฝีเท้าขึ้นมาประชิด ภาพของเด็กชายตัวเล็กที่แสนคุ้นเคยคนนั้น ใกล้เสียใจน่าหวาดหวั่น แม้อยากทิ้งห่างออกไปเท่าไหร่ก็ตาม เพื่อนคนนั้นก็ไม่เคยปล่อยให้ใครนำหน้าได้เกินหนึ่งช่วงตัว นั่นแหละมะลิที่เขารู้จัก



เป็นอีกครั้งที่ธนัฐแทบนั่งไม่ติด เพราะสิ่งที่ไม่คาดคิดปรากฏตรงหน้าเขาอย่างจัง นักกีฬาของตนกำลังถูกไล่จี้โดยเด็กคนนั้น จากกลางแถวสู่การเป็นสองผู้นำ เบียดเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันลงไปอยู่อันดับสาม ไม่คิดจะผ่อนแรงเลยสักนิด ไม่คิดจะกักเก็บ ภาพที่เขาเห็นคือนักกีฬาที่กำลังเทแรงกายทั้งหมดที่มีเพื่อเข้าสู่เส้นชัย ไม่ใช่แค่นั้น คมสันซึ่งนำหน้าอยู่ก็กำลังเร่งฝีเท้าจนเกินระดับ อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะคนที่ไล่หลังมาบีบบังคับให้นักกีฬาของตนฝืนใช้แรงเกินตัว



‘นี่ยังไม่หลุดอีกหรือ’ คนสันรู้ตัวดีว่าที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายและเรี่ยวแรงของตนเลย แต่ก็หยุดไม่ได้ เขาจะผ่อนแรงเพื่อรักษาสภาพให้คงที่แบบที่นักกีฬาปกติจะใช้เป็นทางเลือกในสถานการณ์เช่นนั้นไม่ได้ นั่นเพราะมะลิ เป็นมะลิที่คนนอกไม่รู้จัก คน ๆ นี้ไม่อาจใช้ตรรกะแบบทั่วไปได้ ไม่เช่นนั้นคนข้างหลังต้องขึ้นนำแทนเขาเป็นแน่ แถมจะฉกเส้นชัยไปจากเขาอย่างไร้ปราณี ความกดดันที่เข้าครอบงำบรรยากาศในสนามกำลังกดทับคมสัน เรี่ยวแรงกำลังหดหายไปจากการเร่งฝีเท้าเกินจำเป็น แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ เมื่อความจำเป็นนั้นต้องถูกเอามาใช้ตอนนี้เสียแล้ว ไม่เช่นนั้น...



ขณะที่คมสันใคร่ครวญถึงการใช้กำลังเกินขีดจำกัดของตน คนตัวเล็กก็ขึ้นมาเทียบเคียงในลู่วิ่งถัดไปเสียแล้ว ไม่เพียงแต่คมสันที่ตกใจกับเหตุการณ์นี้ กระทั่งนักกีฬาและผู้ฝึกสอนข้างสนามก็ต่างตะลึงงันไปกับภาพที่เห็น นักวิ่งที่ไม่ได้ลงแข่ง ผู้ชมรอบทิศ ที่หันมาให้ความสนใจกับการแข่งขันตรงหน้า ทั้งที่ก่อนนั้นกำลังง่วนอยู่กับการคลายกล้ามเนื้อ หรือพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนข้างกาย บ้างก็เตรียมพร้อมสำหรับฝึกซ้อมหลังจบรายการกระชับมิตร



แต่บัดนี้ พวกเขาเหล่านั้นกำลังลุกขึ้นยืนอย่างเต็มความสูง วิ่งออกมาจนติดขอบสนาม หรือนิ่งงันกับภาพที่เห็น จ้องมองการแข่งขันในรอบสุดท้ายอย่างไม่กะพริบตา



ร่างของเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งความสูงไม่อาจเทียบเคียงได้กับนักกีฬาคนอื่นในสนาม เด็กตัวเล็กคนนั้นกำลังขนาบข้างและเคียงคู่มากับนักวิ่งอันดับหนึ่งของรุ่น หรือแม้แต่ของจังหวัด คนที่ไม่มีใครนึกฝันว่าจะก้าวขึ้นมาสู่กลุ่มผู้นำได้ กำลังขับเคี่ยวกันในช่วงสุดท้ายของการแข่ง



ทุกคนต่างเชื่ออย่างมั่นเหมาะว่าคมสันจะได้รับชัยชนะไปอย่างขาดลอย หรืออย่างน้อยก็คิดว่าคมสันจะสามารถขึ้นนำเดี่ยวอย่างไร้คู่แข่งในช่วงท้ายเช่นนี้ ภาพของเพื่อนคนเก่งในวันที่คว้าชัยจากรุ่นพี่ปีโตยังติดตรึงใจพวกเขาอยู่ไม่จืดจาง คมสันเป็นหนึ่งในคู่แข่งที่หลายคนอยากก้าวข้าม แต่อีกทางหนึ่งเขาก็เป็นแรงผลักดันที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนในรุ่นเดียวกัน



กฤษที่จับตามองลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาตั้งแต่ช่วงต้นจนถึงบัดนี้ ภาพทรงจำที่เขาเคยได้รับมาจากการวิ่งของมะลิในวันนั้นกำลังซ้อนทับกับการแข่งขันนี้ เพียงแต่ดุเดือดกว่ากันมาก ชนิดที่ไม่ว่าใครจะคว้าชัยไปครอง ก็คงสร้างสถิติใหม่ให้แก่ตนเองในการวิ่งระยะนี้ไปอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ในขณะนี้มันเกินระดับปกติของนักวิ่งรุ่นเดียวกันไปเสียแล้ว หรืออาจจะสร้างสถิติสนามขึ้นมาเลยก็คงไม่แปลก



เหลือเพียงร้อยเมตรสุดท้ายที่รอคอยทั้งคู่อยู่ คมสันก้าวยาวเพื่อหวังจะขึ้นนำอย่างเหนือกว่า ส่วนขาคู่เล็กนั้นกลับถี่รัวเพื่อเทียบเคียงคนข้างกาย ไม่มีใครที่จะเก็บหอมรอมริบเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดเอาไว้ในวินาทีชี้ขาดเช่นนี้อีกแล้ว ทั้งคู่ต่างโหมทั้งหมดที่มีไปยังเท้าทั้งสองข้างอย่างสุดความสามารถ



คมสันก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง เขาไม่เคยฝืนร่างกายถึงเพียงนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเร่งฝีเท้าเท่าไหร่ก็ไม่พอให้ข้ามพ้นคนตัวเล็กไปได้ ความเหนื่อยล้าซึ่งสะสมมาตลอดนับตั้งแต่รอบแรก ความร้อนระอุจากภายในคล้ายจะระเบิดออกมา สายตากำลังพร่ามัว สมองที่ประมวลผลภาพตรงหน้าค่อยๆ พร่าเลือนลงทุกขณะ เหลือไว้เพียงสัญชาตญาณที่คอยชี้นำพวกเขาอยู่ในขณะนี้



มะลิก็ไม่ต่างกัน แม้พยายามก้าวขึ้นไปให้พ้นขาคู่ยาว แต่ก็ไม่สำเร็จเสียที ฝีเท้าของเขาเร่งเร็วรัวจนถึงขีดจำกัด ร่างกายที่ล้ามาจากการแข่งทั้งสองรายการค่อย ๆ แสดงผล จนตอนนี้เขาแทบไม่รู้สึกตัวว่ากำลังวิ่งหรือกำลังหยุดนิ่ง เพียงแต่ภาพเส้นชัยตรงหน้านั้นใกล้เข้ามาทุกที ใกล้เข้ามา ใกล้เข้า ใกล้เข้า จนกระทั่งวินาทีสุดท้ายที่เขาพุ่งผ่านไป



ภาพของเด็กหนุ่มทั้งสองผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเบียดแซงตั้งแต่เข้าสู่รอบสุดท้าย ประกบติดประชิดตัวจนยากจะคาดเดาผล ทุกลมหายใจในสนามหยุดนิ่งลงเมื่อเข้าสู่เสี้ยววินาทีนั้น ขาทั้งสองคู่ก้าวผ่านเส้นสีขาวเหยียดตรงบนพื้นสนาม จุดสิ้นสุดของการแข่งขัน และเป็นเส้นชัยของผู้ชนะ --- ทั้งคู่ขับเคี่ยวกันมาจนกระทั่งก้าวพ้นเส้นชัย ที่แทบจะพร้อมเพรียง



เสี้ยววินาทีนั้น คมสันก้าวผ่านไปเป็นคนแรก ตามมาด้วยขาคู่เล็กของมะลิในเสี้ยววินาทีต่อมา ผลการแข่งขันครั้งนี้สร้างสถิติใหม่ให้แก่สนามแห่งนี้ การแข่งขันระยะ 1,500 เมตร ถูกทำลายสถิติสนามโดยคมสัน



กฤษเข้าไปรับร่างเล็กซึ่งกำลังพุ่งลงพื้นสนามด้วยความเร็ว เขารับลูกศิษย์ของตนไว้ได้ทันท่วงที จ้องมองใบหน้าของเด็กน้อยที่มักจะทำอะไรเกินตัวทุกครั้งที่ลงสนาม ‘ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาครับ --- ผมอยากเก็บแรงในรอบ 800 เมตรไว้ได้ไหมครับ ผม... ผมอยากชนะในรอบต่อไป ผมรู้ตัวว่าถึงจะเก็บแรงก็อาจจะไม่ชนะ แต่...’ ‘ตามใจเธอ ครูอนุญาต’



เขามองสถิติที่ถูกประกาศบนจอใหญ่ฝั่งตรงข้าม สถิติสนามถูกทำลายลงด้วยนักกีฬาทีมเหย้า แต่นั้นไม่ได้ดึงดูดเขาเท่าลำดับถัดมา ‘ห่างกันแค่ครึ่งวิ’ ก่อนหันกลับมามองใบหน้าอ่อนล้าของคนในอ้อมแขน



ไม่ใช่แค่กฤษที่รับรู้ถึงความสามารถของมะลิ ธนัฐก็กำลังจ้องมองจอใหญ่อย่างไม่ละสายตาเช่นกัน ‘แข่งสามรายการติด ไม่ชนะสักรายการ แต่กลับทำเวลาห่างจากอันดับหนึ่งของรุ่นเพียงแค่เสี้ยววินาที เป็นคนยังไงกันแน่... นี่น่ะหรือเด็กที่คมสันบอกว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว’



มีคนเคยกล่าวไว้ว่า การแข่งขันกีฬา ตัดสินแพ้ชนะตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่ง หมายความว่า นักกีฬาคนไหนหรือทีมใดเตรียมความพร้อมได้มากกว่าคู่แข่ง ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง จนบางที เพียงความพร้อมก็อาจนับว่าเป็นชัยชนะตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่ง การพลิกเกมในสนามไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยนัก ฉะนั้น สิ่งสำคัญของการแข่งขันคือการเตรียมตัว ซึ่งครั้งนี้ทีมของกฤษยังเตรียมมาไม่เพียงพอ ต้องสะสมทุนของนักกีฬาจากการฝึกซ้อมให้มากยิ่งขึ้น



ส่วนธนัฐนั้น แม้ทีมของตนจะเรียกได้ว่าเพียบพร้อมที่สุดในบรรดาชมรมกรีฑาจากทุกโรงเรียนในจังหวัด หรืออาจกินความไปถึงระดับประเทศ แต่ผลที่ปรากฏบนหน้าจอก็บอกชัดแล้วว่า นั่นยังไม่พอสำหรับต่อกรสัตว์ประหลาด ซึ่งหลบซ้อนอยู่ทุกหลืบมุม และพร้อมออกมาประกาศศักดาให้กับทีมใหญ่อย่างเขาทุกเมื่อ ยังไงก็ต้องเตรียมรับมือไว้ ไม่เช่นนั้นก็คงจะเป็นอย่างวันนี้ ที่มีสัตว์ประหลาดตัวเล็กซึ่งเกือบทำลายนักกีฬาคนสำคัญของเขาไป






#อ่านตอนพิเศษได้ที่
(1) www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2 (http://www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2)
(2) https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2 (https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2)
(3) http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง (http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง)

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory (http://facebook.com/inDefinitionStory)
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 12 - ตัดสิน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 10-10-2018 18:15:49
เป็นตอนที่อ่านเหนื่อยมากเพราะลุ้นไปด้วย 555
ขาดกันแค่ครึ่งวิเอง  :ling1:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 12 - ตัดสิน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-10-2018 18:30:44
สนุกมากกกกกก อยากอ่านต่อยาวๆเลย   o13 o13
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 12 - ตัดสิน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: reborn23 ที่ 10-10-2018 19:06:22
 :serius2: แค่ครึ่งวิ  แล้ว มะลิ จะทำไงต่อไป   :hao5:
เป็นเรื่องที่ชวนให้ติดตามกับทุกตัวละคร  มันจะเหมือนที่เราคิดไหม ลุ้นมากมาย หานิยายวายแนวกีฬาแบบนี้ยาก ที่ยากกว่านักเขียน ที่เขียนบรรยายอารมณ์ ความรู้สึก ออกมาได้ลื่นไหลอ่านแล้วมันมีความรู้สึกร่วมด้วยทั้งความตื่นเต้น ยินดี  ความเบื่อ และชวนให้ลุ้นว่าจะเป็นอย่างไงต่อไป รอติดตามอ่านทุกช่องทาง  :hao3:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 12 - ตัดสิน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-10-2018 19:47:01
สนุกมาก
ชอบมะลิ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 12 - ตัดสิน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 10-10-2018 19:54:15
อ่านไปลุ้นไป เหมือนตัวเองเกาะอยู่ข้างสนาม สนุกมากๆๆ ครับ มาต่อไวๆๆน๊าาาา
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 12 - ตัดสิน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 10-10-2018 21:24:39
อ่านแล้วลุ้นมาก แต่ชื่อเรื่องว่า ตัวสำรอง
มะลิจะมีวันสมหวังไหม หรือต้องย้ายไปวิ่งอย่างอื่นแทน
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 12 - ตัดสิน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 11-10-2018 11:27:23
เฮอออออ!! พูววว์~~~ลุ้นนจนลืมหายใจ แข่งจบหายใจโล่งเลย 55555 โว้ยยยยแค่ครึ่งวิอะครึ่งวิ โห้ยยย แอบเสียดายเล็กน้อย แต่ถึงจะอย่างนั้น คิดว่าผลเป็นที่น่าพอใจ ออกมาแบบนี้ อย่างว่าแข่งมาแล้วสามรอบ ตัดกำลังไป แล้วก็ด้วยความที่วิ่งแบบลู่อย่างดี เราฝึกวิ่งตามที่มี อาจจะยังไม่คล่องบ้าง ไม่เป็นไรนะมะลิ แพ้แค่ครึ่งวิเท่านี้ก็ประกาศให้ใครๆรู้แล้วว่า อย่ามาประมาทคนอย่างข้า 55555 แจ้งเกิดได้เลยทีเดียว จากนี้ ฝั่งนั้นคงซ้อมหนักกันแล้วหละถ้าจะมีคู่แข่งที่ดูแค่ตัวไม่ได้ แต่ข้างในใจนั้นใหญ่กว่าอะไร กลับไปพักให้ดีขึ้นแล้วเริ่มซ้อมใหม่นะ ซ้อมแข่งครั้งนี้เราเองก็ได้รู้ตัวเองด้วย บกพร่องตกไหน ต้องเพิ่มสถิติยังไง ถือว่าเป็นบทเรียนรอการแข่งครั้งต่อไป เอาใจช่วยทุกคน อย่างน้อยก็ทำให้รู้กันและกันแล้วว่าใครอยู่โรงเรียนไหน ชวนมาซ้อมด้วยกันสิคมสัน กล้าปะละ 5555555 สนุกกกกก ลุ้นนนนสุด รอติดตามตอนต่อไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 12 - ตัดสิน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 11-10-2018 19:57:40
 :mew4:ชอบๆๆๆๆๆไ  ติดตามๆๆๆๆๆๆ รอๆๆๆตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 12 - ตัดสิน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 11-10-2018 22:46:29
สนุกกก ได้โปรดดด มาต่ออีกกกก  :z13:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 12 - ตัดสิน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 12-10-2018 23:23:41
มารอ   รอออออ
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 12 - ตัดสิน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 13-10-2018 10:17:13
สนุกมากๆ ครับ เขียนได้ดีจริงๆ ไม่เคยอ่านนิยายหรือแม้แต่การ์ตูนที่เกี่ยวกับกีฬาวิ่งมาก่อน ทีแรกคิดว่าคงจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ เพราะแค่วิ่งๆ มันไม่น่าจะเจียนอะไรได้มากมาย แต่พออ่านแล้วกลับตื่นเต้นน่าติดตามมากๆ อารมณ์วัยรุ่นที่ทุ่มเทเพื่อความฝันมาเต็ม ขนาดยังไม่มีความรักมาเกี่ยวข้องยังสนุกขนาดนี้ ติดตามต่อกันไปยาวๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 12 - ตัดสิน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 15-10-2018 21:01:21
วันนี้ ก้มารอนะ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: ตัวสำรอง บทที่ 13 - พักผ่อน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 18-10-2018 13:37:46
​บทที่ 13 - พักผ่อน​



ทิวทัศน์สองข้างทางพลิ้วไหวผ่านหน้าไปอย่างไร้ความหมาย มะลิจ้องมองไปอย่างเลื่อนลอย มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ เครื่องปรับอากาศ และลมหายใจเท่านั้นที่เคลื่อนไหวอยู่ภายใน --- ความเร็วของรถหรือดวงอาทิตย์กันแน่ ที่จะเคลื่อนผ่านไปสู่จุดหมายก่อนกัน อัสดงปลายขอบฟ้ากับถนนทอดยาวจึงเป็นลู่วิ่งแห่งชีวิตที่จะพิสูจน์คำตอบของข้อสงสัยนั้น กระนั้นก็ตาม แพ้ชนะคงอาจไม่สำคัญต่อใครในรถคันนี้เลย เพราะความพ่ายแพ้ที่พึ่งได้รับมาต่างหากที่ยังแจ่มชัดอยู่ในภาพคิด



อย่างน้อยมะลิก็เป็นหนึ่งในนั้น เป็นหนึ่งในคนซึ่งถูกภาพจำฉายผ่านม่านตาที่กำลังทอดมองไปยังทิวทัศน์มืดหม่น



กฤษปล่อยพวกเขาพักผ่อนโดยพยายามไม่ให้เสียงใดเข้ารบกวนห้วงนิทราจากความอ่อนล้า แม้เพียงเสียงเพลงซึ่งเคยขับกล่อมตลอดขามา ยังถูกสงวนไว้ ให้เสียงเครื่องยนต์อยู่เป็นเพื่อนตลอดทางขากลับ



“ไม่นอนเหรอมะลิ วิ่งตั้งขนาดนั้นครูนึกว่าจะสลบไปแล้วเสียอีก” เสียงของกฤษดังขึ้น เรียกความสนใจจากเด็กชายผู้ตกอยู่ในภวังค์ให้หันกลับมาสนใจรอบข้างอีกครั้ง



“นอนจนพอแล้วครับ” เป็นความจริงที่คนถามรู้อยู่แก่ใจ เพราะตั้งแต่จบรายการสุดท้าย มะลิก็หลับยาวนับชั่วโมง เป็นหน้าที่ของกฤษซึ่งต้องคลายกล้ามเนื้อให้นักกีฬาที่ยังไม่รู้สึกตัว จำต้องลาธนัฐอย่างไม่มีพิธีรีตองก่อนพากันกลับ



“นั่นสินะ” เมื่อไม่มีคำถามใดจากฝั่งอาจารย์ที่ปรึกษา มะลิก็กลับมาสนใจทิวทัศน์เหล่านั้นอีกครั้ง ซึ่งแท้จริงแล้วอาจเรียกว่าสนใจได้ไม่เต็มปากนัก เพราะสิ่งที่วนเวียนอยู่และรบกวนจิตใจเขาอยู่ขณะนี้ ไม่พ้นการแข่งที่เพิ่งผ่านไป ความรู้สึกซึ่งยากจะจัดการนี้คืออะไรกันแน่มะลิก็ไม่อาจทราบ จะเรียกว่าเสียใจก็คงไม่ใช่ น้อยใจหรือ ก็เปล่า ‘เจ็บใจ’ นี่ต่างหากที่เขากำลังรู้สึก



สุดท้ายมะลิก็ไม่สามารถเอาชนะได้แม้แต่รายการเดียว ถึงรอบสุดท้ายจะเรียกเสียงชื่นชมจากอาจารย์กฤษและเพื่อนร่วมทีมของตนได้ แต่เขากลับไม่รู้สึกยินดีกับความรู้สึกนั้น เพราะผลที่ออกมาก็คือเขาแพ้ หากนั่นเป็นการแข่งขันจริง คงไม่ต่างอะไรกับทุกครั้งที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งอย่างคมสัน เขาไม่เคยเอาชนะได้เลย









ทิวทัศน์สองข้างทางเริ่มมืดลงทีละนิด พร้อมกับเวลาที่ล่วงเลยยามสนธยา ภาพเบื้องหน้าพลันมืดสนิท มีเพียงแสงจากดวงไฟส่องสว่างหน้ารถที่คอยนำทาง ระยะทางยาวนานเสียจนเด็กสองคนซึ่งเลือกจะพักผ่อนตลอดทางที่ผ่านมาลุกขึ้นสอดส่องแวดล้อมตรงหน้าเพื่อให้รู้ความเป็นไป --- การเดินทางยังไม่สิ้นสุด เงามืดเลื่อนผ่านไปตามรายทาง เสียงเพลง เสียงพูดคุย และเสียงใดๆ ก็กลับมา ทำลายความสงบภายในห้องโดยสารลงสิ้น



“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่มะลิ” ใจกล้าถามออกมาเมื่อเห็นคนตัวเล็กซึ่งดูมีสติที่สุดในบรรดาสมาชิกทั้งสาม



“ไม่ได้นอนเลยต่างหาก แค่ในสนามก็มากพอแล้วล่ะ”



“ฮาฮาฮา ก็ว่างั้น เล่นทุ่มสุดตัวเสียขนาดนั้น เป็นใครก็สลบทั้งนั้นแหละ”



“แล้วใจกล้าล่ะเป็นไงบ้าง” มะลิถามไถ่เพื่อนร่วมทีมกลับ เพราะตั้งแต่เสร็จการแข่งขันก็สลบไป ไม่ได้ร่ำลาหรือขอบคุณใครเลย รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนรถคันนี้แล้ว



“สบายมาก เจอแบบนี้ค่อนข้างบ่อยเลยชินไปแล้วล่ะ ว่าแต่นายนี่ไม่ใช่เล่นๆ นะ เป็นเพื่อนกับนักวิ่งระดับจังหวัดไม่พอ ยังไปวิ่งเบียดเขาจนบีบให้ฝ่ายนั้นทำลายสถิติสนาม”



“ไม่หรอก ยังไงก็แพ้” นั่นคือความจริงที่มะลิต้องทำใจยอมมันให้ได้



“บ้าหรือเปล่าวิ่งตั้งสามรอบ ได้แค่นั้นไม่ต่างอะไรกับชนะหรอก อย่าคิดมาก”ใจกล้าตอบกลับเร็วพลันเมื่อเห็นหน้าสลดของคนตัวเล็ก จึงรีบแก้สถานการณ์ แต่ก็ดูจะไม่เป็นผลเท่าไหร่



“อย่างน้อยนายก็วิ่งนำพวกฉันไปได้อย่างขาดลอย แค่คิดก็อยากไปซ้อมเสียตอนนี้เลย แพ้ให้นายที่ตัวเท่านี้เนี่ย ฮาฮาฮา” ประโยคที่พึ่งเอ่ยไป เขาไม่ได้พยายามปลอบใจหรือให้กำลังใจอีกฝ่ายแต่อย่างใด เพราะคิดว่าทำไปก็คงไม่เป็นผล เพียงแค่พูดไปตามความรู้สึกและความจริงใจ



“หิวข้าวจัง” เป็นเสมอที่ร้องออกมาอย่างโอดครวญ ขัดบทสนทนาของทั้งคู่ ก็ตั้งแต่รายการสุดท้ายจบลง สิ่งที่ตกถึงท้องก็มีแค่เกลือแร่และน้ำเปล่า ข้าวสักเม็ดก็ยังไม่ได้แตะ



“อืม...นั่นสิ งั้นแวะร้านแถวนี้ก่อนไหม ดึกขนาดนี้ที่บ้านพวกเธอคงทานข้าวกันไปแล้วล่ะ”กฤษนั่งเงียบมาครู่ใหญ่ เมื่อเห็นสภาพของลูกศิษย์แต่ละคน จึงอดไม่ได้ที่จะออกปากชวน กอปรกับสภาพของตัวเขาเองก็ไม่ต่างกัน



“ครับ” สามเสียงร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียง จนอดยิ้มให้กับมุมนี้ของทั้งสามไม่ได้ เขาสอดส่องมองหาร้านอาหารข้างหน้าอย่างไม่เร่งรีบ ค่อยๆ ชะลอความเร็ว ก่อนหยุดลงหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งกลางย่านชุมชนเล็กๆ แวะเติมพลังให้แก่ร่างกายและถือเป็นการเลี้ยงฉลองให้กับลูกศิษย์ของเขาไปในตัว



รางวัลของความพยายามที่แสดงให้เขาเห็น เมื่อคิดถึงความสำเร็จซึ่งได้รับในวันนี้ อดไม่ได้ที่จะคิดกลับไปถึงวันที่มีเด็กตัวเล็กคนหนึ่งเข้ามาถามไถ่ถึงชมรมกีฬาซึ่งไม่เหมาะกับเจ้าตัวที่สุด เด็กคนนั้นอยากก่อตั้งชมรม ในครั้งนั้นเขาไม่แม้จะคิดเลยว่า เจ้าตัวจะสามารถก้าวมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่ยืนอยู่เทียบเคียงนักกีฬาระดับจังหวัด และการที่เด็กตัวเล็กคนหนึ่งจะสามารถชักจูงผู้คนรอบกายให้หันกลับมาสนใจตัวเอง พาเพื่อนพ้องให้ก้าวข้ามอุปสรรคไปด้วยกัน ถึงจะดูเหลือเชื่อ แต่ก็เป็นเรื่องที่ประจักษ์ชัดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ชมรมกรีฑาที่มีสมาชิกเพียงสามคนนี้ จะเป็นอย่างไรต่อ ลำพังเขาคงไม่อาจคาดเดาได้



เมื่ออาหารมื้อดึกจบลง ทั้งสี่ก็กลับเข้ามาภายรถอีกครั้ง มุ่งหน้าสู่ภูมิลำเนาของพวกตน ระยะทางร่นลงเรื่อยๆ ภาพอันคุ้นเคยของชุมชนปรากฏให้เห็นทีละนิด ก่อนจอดเทียบลงหน้าบ้านหลังโตของใจกล้า บ้านอีกหลังของครอบครัวใหญ่ ที่ส่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาฝากไว้กับตายาย ใจกล้ากล่าวขอบคุณและอำลาเป็นคนแรก ตามด้วยบ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่กลับน่าอยู่ของมะลิ ที่คุณแม่ออกมารับกับตัว พร้อมขอโทษขอโพย และขอบคุณเป็นการใหญ่สำหรับภาระในครั้งนี้



“ขอบคุณครับอาจารย์” เสียงนั้นจบลงพร้อมกับภาระของเขา บ้านหลังสุดท้ายที่เขาต้องมาส่งเป็นบ้านขนาดกลางของเสมอ ก่อนรถจะเคลื่อนตัวมุ่งสู่บ้านพักอาจารย์หลังเล็กอันคุ้นเคย สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งพักพิงของเขามาระยะเวลาหนึ่ง หากนับรวมๆ แล้วก็คงใกล้จะครบปีที่มาประจำการ









หลังสอบบรรจุได้ ก็เลือกโรงเรียนห่างไกลเป็นที่เริ่มต้นชีวิตราชการ ถึงไม่สะดวกกายแต่กลับสุขใจ ไม่ต้องพบเจอกับความวุ่นวายในเมืองใหญ่ เขาหลีกหนีมันมาหลบเลี่ยงความคาดหวังที่เขาไม่ประสงค์ และหนีจากคำครหาต่างๆ จากญาติสนิทมิตรสหาย มิตรเทียมที่พร้อมพุ่งทำลายได้ทุกเมื่อ เขาเหนื่อยที่ต้องเข้มแข็งในยามที่อ่อนแอ



“ช่างเถอะ จะไปคิดถึงทำไม” กล่าวกับตัวเอง ไม่ใช่เสียงในความคิด แต่เป็นเสียงพูดซึ่งย้ำเตือนตัวเองให้เลิกสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเสียที



กฤษกลับมาจากกลุ่มก้อนความคิดเมื่อครู่ สู่ความเป็นจริงตรงหน้า ขณะนี้งานสำคัญที่สุดซึ่งเขาต้องสะสางเป็นอันดับแรกคือ การวิเคราะห์ผลการแข่งขันในวันนี้ วิเคราะห์นักกีฬาแต่ละคนว่ามีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร แม้จะเคยทำไว้ตอนซ้อมแข่งที่สนามหญ้าของโรงเรียน แต่ผลที่ได้จากการแข่งจริงย่อมสำคัญกว่า เพราะมีปัจจัยอื่นซึ่งไม่อาจคาดเดาได้ในการฝึกซ้อมเพิ่มเติมเข้ามาในการแข่งนี้ ทั้งสนาม คู่แข่ง ความกดดันจากภายนอก และที่สำคัญคือแรงกดจากภายใน กำลังใจของนักกีฬาย่อมส่งผลต่อการวิ่ง คู่แข่งอาจสร้างผลกระทบให้กับตัวเราได้ แต่ไม่มากพอเท่าตัวเราเองที่ข่มความกล้าเอาไว้ ไม่แสดงออกมา จนพาให้หมดแรงจะฝ่าฟัน เป็นตัวตนของตนเองที่กลับมาทำร้าย ‘ตัวเอง’



ภาพของอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมเล็กๆ กำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารและชุดตัวเลขนับร้อย หากใครมาพบเข้าคงคิดไปเองว่าอาจารย์คณิตศาสตร์ท่านนี้กำลังตั้งใจเตรียมการสอนอย่างมุ่งมั่น แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ แม้ว่าความมุ่งมั่นนี้เป็นของจริงแท้แน่นอน เพียงแต่งานที่กำลังจัดการอยู่กลับทำเพื่อชมรมเล็กๆ ชมรมหนึ่งที่มีสมาชิกไม่ถึงห้าคน ชมรมที่พึ่งก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาอย่างชมรมกรีฑา แม้เวลาจะล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ เขาก็ยังไม่หยุดความมุ่งมั่นนี้ แสงไฟจากบ้านพักหลังเล็กยังคงส่องสว่างต่อไปอีกครู่ใหญ่



เช้าวันอาทิตย์ที่ท้องฟ้าเป็นใจให้ผู้คนออกมาโลดโผนอย่างไม่ต้องหวั่นเกรงว่าจะเปียกปอน เช้านี้ซึ่งเหมาะแก่การทำกิจกรรมอย่างยิ่ง แต่เท้าคู่เล็กกลับถูกห้ามปรามไว้อย่างรู้ทันว่าจะถูกใช้งาน จึงต้องสั่งห้ามไม่ให้ออกวิ่งในวันหยุดเช่นนี้ กระนั้นการให้พักผ่อนอยู่แต่ในบ้านก็ดูจะไม่ถูกใจคนตัวเล็กสักเท่าไหร่ อย่างน้อยขอได้ออกมาสูดอากาศเช้าให้ชุ่มปอดสักนิดก็ยังดี ไม่เช่นนั้นร่างกายนี้คงไม่สามารถสงบลงได้ มะลิยืนมองภูเขาลูกโตตรงหน้า ฟังเสียงนกกาบนกิ่งไม้ ปล่อยให้สายลมพัดผ่านร่างไปอย่างผ่อนคลาย ก่อนเสียงฝีเท้ามากกว่าหนึ่งคู่จะแว่วมาจากที่ไกล และใกล้เข้ามาทุกที เขาคลายความสงสัยนั้นโดยการหันกลับไปยังต้นตอของเสียง คำตอบที่ได้ทำให้มะลิยิ้มออกมาอย่างเปี่ยมสุข



“มาด้วยเหรอ” มะลิร้องถามเพื่อนร่วมชมรมทั้งสองอย่างยิ้มแย้ม



“ให้อยู่แต่ในห้องทั้งวันคงไม่ไหวหรอก” ใจกล้าเป็นคนตอบคำถามนั้น คนร่างสูงดูสดชื่นและเรี่ยวแรงกลับมาอย่างครบถ้วน เช่นเดียวกับเสมอซึ่งเดินมาข้างกัน



“อยากวิ่งเหรอมะลิ” คำถามจากเสมอถูกส่งมายังเขา ซึ่งคำตอบข้อนี้คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะคาดเดา เพราะเป็นคำตอบของทุกคนที่นี่



“แล้วนายล่ะ” เขาไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่โต้คำออกไปยังคู่สนทนาตรงหน้าที่ยิ้มรับก่อนตอบกลับมา



“ถึงไม่ใช่พวกบ้าวิ่งอย่างพวกนาย แต่พอเห็นสนามแล้วใจมันก็อยากวิ่งเหมือนกัน”



“ฮาฮาฮา” เสียงหัวเราะจากทั้งสามดังก้องไปทั่วบริเวณ



ดังพอที่จะส่งไปถึงผู้มาใหม่ที่เข้ามาใกล้วงสนทนาขนาดย่อมนี้ ค่อยๆ ก้าวย่างอย่างเงียบเชียบไม่ให้ทั้งสามรู้สึกตัว ก่อนจะเปล่งเสียงอันเคร่งขรึมออกมา แกล้งเด็กสามคนอย่างตั้งใจ



“ครูสั่งว่าไง” นั่นคือเสียงที่มาทำลายวงล้อมให้แตกกระเจิงอย่างไม่ทันตั้งตัว



“แหะๆ ขอโทษครับอาจารย์”



“ไม่ต้องมาแหะๆ เลย ย้ำนักย้ำหนาว่าการพักผ่อนนั้นสำคัญ แต่ยังออกมากันทุกคนอีก” กฤษบ่นออกไปอย่างไม่จริงจังนัก เขารู้ดีถึงความต้องการของลูกศิษย์ เพียงแต่กำลังทำหน้าที่ของอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งต้องห้ามปรามออกไปตามรูปการณ์



“มันอดไม่ไหวจริงๆ ครับ ให้อยู่แต่ในบ้าน แค่วันเดียวก็แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” ยังเป็นเสมอที่ออกหน้าแทน และอีกสองคนที่แสดงอาการเห็นพ้อง



“ขออีกสักหน่อยนะครับอาจารย์ แค่เดินเล่นก็ยังดี”



“ใช่ครับ” เสียงแรกนั้นเป็นมะลิที่ออกตัวต่อรอง ก่อนใจกล้าจะช่วยสมทบ



“ครูเข้าใจ แต่ยังไงก็ไม่ได้” เสียงเข้มซึ่งถูกดัดขึ้นของกฤษ ออกจะดูใจร้ายไปเสียหน่อยแต่เขาไม่มีทางเลือก นั่นก็เพื่อตัวของเด็กๆ เอง



“ครึ่งชั่วโมงได้ไหมครับ” มะลิยังยังไม่เลิกล้มที่จะต่อรอง



“ครูให้เวลาอีกครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นทุกคนต้องกลับไปพักผ่อน ไม่งั้นพรุ่งนี้งดซ้อม”



“ครับ”







แม้ไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลใดมาคัดค้านได้ ทั้งสามจึงต้องยอมจำนนอย่างจนใจ ตอบกลับไปอย่างพร้อมเพียง เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงที่มีอยู่พวกเขาใช้ไปกับการเดินไปรอบๆ สนาม คล้ายกับกำลังซึมซับบรรยากาศให้มาทดแทนความต้องการภายใน ก่อนแยกย้ายกันกลับหลังหมดเวลา



กฤษมองดูเด็กทั้งสามอย่างเห็นใจและเข้าใจในความรู้สึกอยากวิ่งที่พลุ่งพล่านอยู่นั้น แต่นั่นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเวลานี้ เขามองลูกศิษย์ของตนที่ค่อยๆ ลับหายไปจากเนินหญ้า ก่อนถึงคราวที่เขาจะต้องกลับไปยังบ้านพักของตนตามเดิม แม้ลึกๆ แล้วอยากออกวิ่งไปกลางสนามนั้นไม่แพ้กับพวกเด็กๆ ตั้งแต่เห็นลูกศิษย์ในลู่วิ่งที่ทุ่มกำลังกายอย่างสุดกำลัง มันค่อยๆ จุดไฟที่มอดดับไปของเขาขึ้นมาอีกครั้ง



“ชักมีไฟขึ้นมาแล้วสิ”



ท้องฟ้าสีครามยังคงสดใสอย่างนั้นเรื่อยไปจนจวบเย็น แสงแดดอ่อนส่องกระทบผืนดิน ผืนหญ้า และอากาศที่เย็นสบาย สายลมค่อยๆ พัดผ่าน บรรยากาศนั่นช่างเหมาะแก่การทำกิจกรรมอย่างที่สุด ทว่า สนามกว้างกลับเปล่าร้างผู้คน ปล่อยให้สายลมกระทบแมกไม้อย่างลำพังจนจบวัน




#อ่านตอนพิเศษได้ที่
(1) www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2 (http://www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2)
(2) https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2 (https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2)
(3) http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง (http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง)

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory (http://facebook.com/inDefinitionStory)
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 13 - พักผ่อน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-10-2018 13:57:05
 :fire: ไฟต้องมา

สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 13 - พักผ่อน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 18-10-2018 15:38:13
โค้ชสู้ๆ  :fire:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 13 - พักผ่อน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-10-2018 06:01:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 13 - พักผ่อน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: lovenut ที่ 21-10-2018 11:59:59
 :hao5: :hao5: :hao5:
สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 13 - พักผ่อน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: yanggi ที่ 23-10-2018 07:13:31
 :katai1:อ่านแล้วลุ้นตาม ยิ่งตอนบรรยายการวิ่งยิ่งกลั้นหายใจตาม นึกว่าอยู่กำลังนั่งติดขอบสนามอยู่!!!  ใช้ภาษาดีมากอ่านเข้าใจ มองเห็นภาพ  อ่านผ่านๆคือไม่เจอคำผิดเลย..เนื้อเรื่องชวนติดตามมากค่ะ ว่าแต่ มันจะมีเรื่องความรักไหมเนี่ย???
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง บทที่ 13 - พักผ่อน [แนวกีฬา] 10.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 23-10-2018 19:45:25
อย่าพึ่งหมดกำลังใจแต่งนะคะ พึ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากเลยที่ไม่ได้เน้นความรักหรือฉาก NC เป็นหลัก นาน ๆ ทีจะเจอนิยายที่พูดถึงเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตของตัวละครบ้าง ภาษาคุณคนเขียนสวยมาก ชอบการบรรยายการแข่งการซ้อมความรู้สึกของนักกีฬาแต่ละคนทำให้เห็นภาพชัดมากจนคอยลุ้นตัวโก่งตลอดเวลาที่อ่านเลย จะรอถึงวันที่มะลิเอาชนะคมสันให้ได้นะคะ
หัวข้อ: ตัวสำรอง - แจ้งข่าว!!! ตอนพิเศษ [แนวกีฬา] 25.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 25-10-2018 17:05:49
แจ้งข่าว!!! ตอนพิเศษ

เนื่องจากบทคั่นเนื้อหาที่เป็นตอนพิเศษ ซึ่งเป็นเรื่องราวของอาจารย์กฤษ
ในตอนต่างๆ ขณะนี้ได้ลงเนื้อหาแล้ว --- อาจใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าเนื้อหาส่วนนี้จะจบ
หรือก็คือมีหลายตอน ขณะนี้เป็นตอนพิเศษที่ 02 ที่ได้ลงไว้ในช่องทางต่างๆ ด้านล่าง
เพื่อให้ผู้อ่านที่ชื่นชอบเรื่องราวการแข่งขันของนักวิ่งทั้งหลายได้สนับสนุนผู้เขียน โดย

ลงไว้หลายที่ทั้ง
ธัญวลัย http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง?page=1 (http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง?page=1)
readAwrite https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2 (https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2)
Jamplay www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2 (http://www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2)
ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้จะมีตอนพิเศษที่เปิดให้ทุกคนร่วมสนับสนุนนักเขียน
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - แจ้งข่าว!!! ตอนพิเศษ [แนวกีฬา] 25.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 25-10-2018 21:27:14
ตามค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - แจ้งข่าว!!! ตอนพิเศษ [แนวกีฬา] 25.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: lovenut ที่ 26-10-2018 21:19:45
ตามไปอ่านอาจารย์กฤษโลด!!!
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - แจ้งข่าว!!! ตอนพิเศษ [แนวกีฬา] 25.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 27-10-2018 16:32:39
อ่านแล้วซักอยากออกไปวิ่่งที่สนามแฮะไฟมา :fire:

สนุกค่ะคนแต่งอย่าเพิ่งหมดไฟนะเราจะวิ่งไปกับมะลิและพ้องเพื่อง สู้ๆ

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - แจ้งข่าว!!! ตอนพิเศษ [แนวกีฬา] 25.10.18
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 27-10-2018 17:08:43
อ่านแล้วอินมากๆ ครับ ภาษาดี บรรยายความรู้สึกตัวละครและบรรยากาศการแข่งขันได้เห็นภาพดีมากครับ
หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 14 รายการใหญ่ประจำโรงเรียน [แนวกีฬา] 08.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 08-11-2018 18:00:43
บทที่ 14 - รายการใหญ่ประจำโรงเรียน


กลางเดือนธันวาคม โรงเรียนเล็กๆ ในตัวอำเภอห่างไกล กำลังจัดงานกีฬาประจำปีอย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้โรงเรียนใด แบ่งทัพกองเชียร์และทัพนักกีฬาออกเป็นคณะสีต่างๆ ซึ่งขณะนี้เหล่านักกีฬาจำเป็นทุกคนต่างสวมเสื้อหลากสีเพื่อมาชิงชัยในวันสำคัญเช่นนี้


อากาศหนาวและเย็นจัดในช่วงเช้าไม่เป็นอุปสรรคต่อการขับเคี่ยวของแต่ละคณะสี นักกีฬาผู้ไร้เสื้อหนาปกคลุม ไม่ต่างอะไรกับกองเชียร์ที่สวมเสื้อสีเดียวกัน ทุกคนทุ่มเทให้กับงานใหญ่ประจำปี งานส่งท้ายปีที่จะได้อยู่กันพร้อมหน้าทั้งโรงเรียน วันหยุดเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้ใช้ไปเพื่อเป้าหมายเดียวกัน


พิธีการในช่วงแรกเป็นการเปิดงานของผู้อำนวยการ ซึ่งนานทีปีหนจะได้มาพบนักเรียนของตน พร้อมกันนั้นก็มีตัวแทนจากชมรมฟุตบอลที่สร้างชื่อให้แก่โรงเรียน ออกมาเป็นผู้เชิญคบเพลิงจากประธานพิธี นำไปวิ่งรอบสนาม ก่อนส่งต่อไฟกีฬานั้นไว้แก่นักกีฬาและกองเชียร์ทุกท่านทุกคนในที่นี้


เสียงเพลงประจำโรงเรียนปลุกเร้าแรงใจแรงกายให้ฮึกเหิม กราวกีฬาบรรเลงเพลงขึ้น เป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้น --- ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปตามหน้าที่ของตน เริ่มจากคณะสีต่างๆ ซึ่งกระจายตัวอยู่โดยรอบ เปิดประลองเสียงร้องซึ่งดังก้องไปทั่วสนามด้วยเพลงประจำสี ส่วนนักกีฬาที่เฟ้นหามาได้จากหลากชั้นปี ก็เตรียมความพร้อมเพื่อออกไปวาดฝีไม่ลายมือของตน


“การแข่งขันกรีฑาประเภทลู่รายการแรก เป็นการวิ่งระยะไกล ชายเดี่ยว 3,000เมตร” เสียงใสของพิธีกรเด็กประกาศขึ้น


นักวิ่งหลายรายการรวมตัวอยู่ที่กองอำนวยการข้างสนาม หนึ่งในนั้นมีนักกีฬาตัวเล็กจากชมรมกรีฑา รอคอยการแข่งขันของตนใต้ร่มเงาของผืนผ้าใบที่ไม่ครอบคลุมสักเท่าไหร่ แดดเช้ากลางฤดูหนาวค่อยๆ ร้อนระอุขึ้น ขับเหงื่อและบั่นทอนแรงกายของนักกีฬาอย่างไร้จำเป็น


เป็นอีกครั้งที่คนตัวเล็กจะได้ลงสนามอย่างเป็นทางการ แม้ในมุมหนึ่งจะเป็นเพียงการแข่งขนาดเล็กร่วมกับเพื่อนในโรงเรียน แต่ใครจะไปรู้ว่าอาจมีเพชรเม็ดงามซึ่งไม่ยอมเปิดเผยตัวในชมรมกีฬาใด ถูกส่งลงมาประชันฝีเท้ากันในรายการแข่งนี้


“ทุกสีเข้าประจำลู่วิ่งได้” กรรมการประกาศลั่น ก่อนนักกีฬาจำเป็นในเสื้อหลากสีสันจะเข้ามาประจำ ลู่วิ่งของตน


เส้นสีขาวจากผงชอล์กถูกโรยเป็นทางให้เห็นเป็นแนวเส้นสนาม จำลองความสมจริงของลู่วิ่งยางในสนามใหญ่ แม้พื้นดิน ผืนหญ้า เบื้องล้างจะไม่ให้ความรู้สึกว่าคล้ายกันเสียทีเดียว แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับการแข่งนี้ เพราะทุกคนในโรงเรียนต่างผ่านกิจกรรม กีฬา และนันทนาการจากสนามแห่งนี้ทั้งนั้น


มะลิที่อยู่ในรายการแรก ขณะนี้รั้งท้ายอยู่ในลู่วิ่งชั้นในสุด ซึ่งนักกีฬาทุกคนใช้เป็นแนวรักษาระดับและระยะของตน เพิ่งเข้าสู่รอบที่สามมาได้ไม่นาน จึงไม่มีนักวิ่งคนใดหุนหันพลันแล่น ก้าวออกไปประชันกันในขณะนี้


แน่นอนว่า คณะสีต่างลุ้นให้นักกีฬาของตนคว้าชัยไปครอง แต่จะมีสักกี่คนที่รู้และลุ้นให้คนตัวเล็กด้านหลังช่วงชิงเหรียญทองในรายการนี้ไปได้ แน่อยู่แล้วว่าแทบไม่มีเลย หากพวกเขาไม่เห็นและรับรู้ด้วยตาตัวเอง


ฝ่ายนักวิ่งในสนามที่นำหน้ามะลิอยู่ เป็นส่วนน้อยของที่นี่ เพราะแทบไม่รับรู้ถึงการคุกคามจากนักวิ่งร่างเล็กเลย ซึ่งฝ่ายที่เห็นภาพกันชัดเจนน่าจะเป็นกองเชียร์ข้างสนาม และผู้คุมซึ่งให้ความสนใจการแข่งอยู่ในตอนนี้เสียมากกว่า


กว่านักกีฬาคนอื่นจะรู้ตัวว่าพลาดพลั้งให้แก่คนตัวเล็ก ก็ตอนท้ายเกมที่มะลิก้าวออกไปยังลู่วิ่งชั้นนอก เพื่อไต่ระดับขึ้นนำไปทีละคน โดยเริ่มจากท้ายแถวที่ตนอยู่ ค่อยๆ เบียดแซงอีกฝ่ายจนขึ้นนำและไปอยู่ที่หัวแถว ด้วยนักกีฬาคนอื่นๆ ที่นำอยู่ทีแรก เริ่มหมดแรงในช่วงท้ายของเกมที่ลากยาว กอปรด้วยความเหนื่อยล้าซึ่งสะสมมาตลอดรอบการแข่ง จนร่นถอยไปเอง


กิจกรรมยังดำเนินต่อไป นักกีฬาที่เหนื่อยอ่อนกลับมานั่งพักที่คณะสีของตน ส่วนกองเชียร์ซึ่งเหนื่อยล้าก็หยุดพักเสียงลงชั่วขณะ ก่อนทั้งคู่จะกลับไปทำหน้าที่ตามเดิม เพราะการแข่งขันในวันนี้ยังไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ ช่วงเช้าจะมีการแข่งกรีฑาประเภทลู่ที่พิธีกรจะประกาศให้ทราบทุกรายการ ส่วนประเภทลานนั้นจะดำเนินการแข่งขันโดยไม่มีการบอกกล่าวแต่อย่างใด ทุกคณะสีต้องไปควบคุมและจัดการนักกีฬาของตนให้อยู่บริเวณสนาม เพื่อพร้อมสำหรับการแข่งทุกเมื่อ


ใจกล้ารับบทหนักในการแข่งหลายรายการตั้งแต่ช่วงเช้า แม้สามารถกวาดชัยชนะแทบทุกรายการที่เขาลงแข่ง แต่ก็หลีกหนีความเหนื่อยล้าและอ่อนแรงจากการเผาผลาญพลังงานไปไม่พ้น ต้องกลับมานอนพักเอาแรงจนกระทั่งการแข่งขันภาคบ่ายเริ่มขึ้น เป็นการแข่งขันวิ่งผลัดรายการต่างๆ ทั้งชาย หญิง และประเภทผสม ซึ่งเขามีส่วนร่วมในครั้งนี้เช่นกัน แต่สามารถเอาชนะได้บางรายการ เพราะต้องแข่งร่วมกับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยฝึกซ้อมด้วยกันอีกสามคน จึงไม่ค่อยเข้าขากันได้เท่าที่ควร บ่อยครั้งไม้จึงหลุดมือจนแพ้พ่ายไปในที่สุด แต่เขาไม่ได้ใส่ใจกับผลการแข่งขันที่ตนไม่ได้ทำเพียงลำพังสักเท่าไหร่ แม้จะเหนื่อยอ่อน แต่สีหน้าที่แสดงออกมายังเรียบเฉย ปล่อยคนอื่นๆ ฉงนไปว่านายคนนี้ เป็นคนหรือเครื่องจักรกันแน่


ส่วนเสมอก็แทบไม่ต่างกัน ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ จึงถูกใส่ชื่อในรายการแข่งขันทั้งภาคเช้าและภาคบ่ายจนร่างกายของเขาเหนื่อยอ่อน ไม่มีแม้แรงจะลุกออกไปรับเหรียญรางวัล หรือแสดงความยินดีกับเพื่อร่วมคณะสีคนใด ลำพังแค่มีแรงพอจะช่วยวิ่งผลัดในช่วงบ่ายให้ครบทุกรายการที่ลงชื่อเอาไว้ ก็มากเกินพอแล้ว งานกีฬาในวันนี้เผาผลาญพลังชีวิตของเขามากยิ่งกว่าการฝึกซ้อมในตอนเย็นของทุกวันเสียอีก


ด้วยตัวเองดันพลั้งปากไปว่าอยู่ชมรมกรีฑา จนสร้างภาพให้เพื่อนร่วมคณะสี วาดฝันไปว่าต้องเก่งและมีฝีเท้าดีประหนึ่งนักวิ่งลมกรดที่เอาชนะได้ทุกรายการ แน่ล่ะว่ามันไม่มีทางเป็นอย่างนั้นได้ โดยเฉพาะรายการที่ต้องเจอกับคู่แข่งอย่างใจกล้า ซึ่งลงประชันกันหลายรายการ เขาต้องยอมยกเหรียญรางวัลไปให้เพื่อนของตนอย่างไม่มีข้อกังขา


กระนั้นก็ตาม ก็มีอีกหลายรายการเช่นกันที่ไม่ต้องเจอใจกล้า ซึ่งเสมอก็กวาดเหรียญรางวัลมาให้เพื่อนร่วมคณะสีได้ชื่นใจ และหวังไว้กับเขาทั้งภาคเช้าภาคบ่าย จนเหลือสภาพอย่างที่เห็น หรือหากไม่เห็นภาพ ก็คงต้องบอกคำเดียวว่า เสมอในตอนนี้แทบไม่เหลือสภาพเลย


แดดในช่วงบ่ายไม่ได้ไยดีต่อผู้ปฏิบัติงานแม้แต่น้อย กฤษยังต้องยืนตากลมร้อนและไอระอุจากดวงอาทิตย์อีกร่วมชั่วโมง หน้าที่ซึ่งรับปากอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง กลับมาทำร้ายเขาอย่างไม่รู้ตัว ใครจะไปคาดคิดว่าแค่คุมสนามจะเหนื่อยถึงเพียงนี้ นี่ขนาดได้รับความร่วมมือจากนักศึกษาวิชาทหารส่วนหนึ่ง หากไม่ได้แรงจากนักเรียนกลุ่มนี้แล้วล่ะก็ คงไม่อาจพาร่างหนักอึ้งนี้กลับไปยังบ้านพักของตนได้แน่


บรรยากาศสนุกสนานค่อยๆ เจือจางลงไป จนสุดท้ายงานแข่งขันเล็กๆ แห่งนี้ก็สิ้นสุดลง พร้อมกับการประกาศผลชนะเลิศในรายการต่างๆ ทั้งกรีฑาและกองเชียร์ ถ้วยรางวัลอย่างง่ายถูกส่งมอบแก่นักเรียน เสียงโห่ร้องกลับมายังสนามแห่งนี้เป็นพักๆ ก่อนการถ่ายรูปและคำกล่าวปิดงานจากผู้อำนวยการจะดังขึ้นและจางหายไป เป็นสัญญาณว่าวันที่คล้ายจะยาวนานที่สุด ได้สิ้นสุดลงแล้ว


มีเพียงมะลิที่ไม่ถูกใช้อย่างหนักจากมหกรรมกีฬาในครั้งนี้ เพราะลงแข่งเพียงรายการเดียว ต่างจากเพื่อนอีกสองคนที่เหลือ ที่กลับไปถึงเตียงของตนก็ล้มลงนอนตั้งแต่หัวค่ำ เช่นเดียวกับที่ปรึกษาชมรม ซึ่งเมื่อยล้าจนต้องปฏิเสธคำชวนของเหล่าคณาจารย์ ที่ชักชวนเขาไปร่วมงานจัดเลี้ยงสังสรรค์เล็กๆ


“เหนื่อยหน่อยนะครับอาจารย์” มะลิซึ่งกำลังเดินกลับพร้อมกับเพื่อนร่วมชั้นและร่วมคณะสี กล่าวกับกฤษเมื่อเห็นสภาพของอาจารย์ที่ปรึกษาของตน

“ขอบใจ เธอก็กลับไปพักผ่อน ไว้เจอกันพรุ่งนี้”

“ครับ”






- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory (http://facebook.com/inDefinitionStory)




#อ่านตอนพิเศษได้ที่
(1) www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2 (http://www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2)
(2) https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2 (https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2)
(3) http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง (http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง)

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory (http://facebook.com/inDefinitionStory)
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 13 รายการใหญ่ประจำโรงเรียน [แนวกีฬา] 08.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 08-11-2018 19:52:46
……

งงงงงง.…………

มีตอนนี้เพื่อ………


 :hao4:  :hao4:  :hao4:  :hao4:  :hao4:  :hao4:  :hao4:

หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 14 รายการใหญ่ประจำโรงเรียน [แนวกีฬา] 08.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-11-2018 22:41:40
ชอบบบบบบบบบบ   :mew1: :katai2-1: :z3:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 14 รายการใหญ่ประจำโรงเรียน [แนวกีฬา] 08.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-11-2018 01:53:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 14 รายการใหญ่ประจำโรงเรียน [แนวกีฬา] 08.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 09-11-2018 13:03:54
มาให้หายคิดถึงหรือมาให้คิดถึงมะลิมากกว่าเดิมนิ ฮือๆอยากอ่านอีก :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 14 รายการใหญ่ประจำโรงเรียน [แนวกีฬา] 08.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 09-11-2018 19:31:36
ชมรมกีฑา สู้ๆ  :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 14 รายการใหญ่ประจำโรงเรียน [แนวกีฬา] 08.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: lovenut ที่ 11-11-2018 12:53:07
 :z3: อยากอ่านแล้ว
หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 15 แข่งกับเวลา [แนวกีฬา] 11.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 11-11-2018 16:00:43
บทที่ 15 แข่งกับเวลา


เสร็จสิ้นงานกีฬาประจำปีของโรงเรียนไปเพียงชั่วข้ามคืน ชมรมกรีฑาก็กลับมาฝึกซ้อมอีกครั้ง ไม่ยอมปล่อยให้สนามหญ้านั้นโล่งร้างไร้ผู้คนไปได้แม้แต่วันเดียว และนอกจากสมาชิกชมรมกรีฑา วันนี้เพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันต่างรายล้อมอยู่ทั่วสนาม แม้ไม่ได้พลุกพล่านเหมือนกับเมื่อวาน แต่ก็มากพอให้สนามเล็กลงถนัดตา หลายคณะสีกำลังเก็บเศษซากความทรงจำที่หลงเหลืออยู่จากวันกีฬา รุ่นน้องรุ่นพี่มากหน้าหลายตาช่วยกันเก็บข้าวของ อยู่รอบนอกเขตลู่วิ่งที่ยังหลงเหลือร่องรอยให้นักกรีฑาทั้งสามคนได้ใช้งาน


การวิ่งนับรอบแบบไม่จับเวลาหลังอบอุ่นร่างกายเข้าสู่รอบสุดท้าย มะลิ ใจกล้า และเสมอ ต่างอยู่ในลำดับไล่เลี่ยกันมาอย่างไม่รีบร้อน เท้าทั้งสามคู่กำลังรักษาระดับการก้าวย่างอย่างมั่นคง ก่อนมาหยุดลงบริเวณมุมหนึ่งของสนาม ยืนเรียงกันด้านหน้าที่ปรึกษาชมรมอย่างกฤษที่กำลังสังเกตสภาพหลังวิ่งของนักกีฬาทั้งสาม เหงื่อค่อยๆ ไหลชุ่มกาย ขับความร้อนจากภายในและปรับสมดุลของนักกีฬา การเดินไปมาในระยะสั้นๆ ช่วยให้พวกเขาคลายความตึงเกร็งของร่างกายจากการวิ่งที่ใช้กำลังและเหนี่ยวรั้งบางส่วนของกล้ามเนื้อในบางช่วง

“เอาล่ะเดี๋ยวจะแจงรายการฝึกซ้อมของแต่ละคนให้ทราบ วันนี้จะแยกฝึกซ้อมตามประเภทและระยะที่แต่ละคนถนัด”

“ครับ” ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ สำหรับนักกีฬาทั้งสาม

การฝึกซ้อมของชมรมกรีฑาหลังจากการแข่งขันกระชับมิตรระหว่างโรงเรียนเล็กๆ แห่งนี้กับโรงเรียนกีฬาที่มีชื่อเสียงในตัวเมือง กฤษให้นักกีฬาของตนเปลี่ยนระยะการวิ่งที่แต่ละคนทำได้ดีที่สุด เริ่มต้นที่มะลิ ซึ่งขยับระยะมาที่ 3,000 เมตร  มากกว่าเดิมเท่าตัวหนึ่ง เพราะกฤษมองว่าศักยภาพของเด็กคนนี้ยังสามารถพัฒนาได้อีกไกล การฝังไว้ที่ 1,500 เมตร อาจไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก

อีกทั้งความอึดของคนตัวเล็กก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผลักดันกฤษให้เพิ่มระยะการวิ่งของมะลิขึ้น ส่วนสองคนที่เหลือยังฝึกซ้อมร่วมกันอยู่ในระยะสั้นและระยะกลาง เพราะทำเวลาในสองช่วงนี้ได้ค่อนข้างดี แต่ความอึดเมื่อเทียบกับมะลิแล้วยังต้องพัฒนาอีกมาก กฤษจึงต้องดูผลการฝึกไปอีกพักหนึ่งก่อนตัดสินใจ หรือแม้แต่การถามความสมัครใจของนักกีฬาร่วมด้วยว่าอยากวิ่งในระยะใดที่สุด หากไม่ขัดกับการพัฒนาหรือผลสัมฤทธิ์ที่ออกมา กฤษก็ย่อมอนุญาตให้พวกเขาทำตามต้องการได้ กรณีนี้เคยใช้กับมะลิเช่นกัน

“งั้นเริ่มจากมะลิ วิ่งจับเวลานับรอบ”

“จับเวลานับรอบ” มะลิถามออกไปอย่างสงสัย ตามปกติเขาจะวิ่งตามรอบที่กำหนด จากนั้นกลับมาดูเวลาที่ดีที่สุดในแต่ละครั้ง เป็นแบบนี้เสมอ


“ใช่ จับเวลานับรอบ หมายความว่าครูจะกำหนดเวลาให้ เช่น 15 นาที 10 นาที จากนั้นให้เธอวิ่งบริหารรอบที่ต้องการจะทำในช่วงเวลาดังกล่าว” กฤษอธิบายเสริม

“พอจะเข้าใจแล้วครับ งั้นแสดงว่าต้องเปลี่ยนจากการบริหารแรงเพื่อให้ครบรอบ มาบริหารรอบเพื่อให้ครบเวลาใช่ไหมครับ” มะลิลองทำความเข้าใจตามที่ตนประมวลผลออกมา 

“ถูกต้อง เหตุที่ทำแบบนี้ก็เพราะเรามีข้อจำกัดด้านสมาชิก จึงไม่มีใครเป็นคู่แข่งกับเธอตอนฝึก ครูเลยคิดโปรแกรมที่คล้ายกับการบังคับให้นักวิ่งแข่งกับตัวเอง” เป็นเช่นนั้น เพราะลำพังเวลาฝึกซ้อมและข้อจำกัดด้านต่างๆ ของโรงเรียนและชมรมกรีฑาแห่งนี้ ไม่อาจขยายพัฒนาการและขีดความสามารถของนักกีฬาได้อย่างเต็มที่หากยังใช้วิธีฝึกซ้อมตามปกติ โดยเฉพาะการวิ่งระยะไกลของมะลิ แทบไม่มีคู่ซ้อมให้เลย และคงไม่สามารถยืมตัวอีกสองคนที่เหลือมาร่วมด้วยได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นทั้งสองคนก็จะไม่มีเวลาให้กับการฝึกซ้อมของตัวเอง

รูปแบบที่เขาคิดจึงเป็นการปล่อยให้นักกีฬาวิ่งออกไปอย่างมีข้อจำกัดด้านเวลา ซึ่งจะค่อยๆ ร่นลงทีละนิด นักกีฬาจึงต้องจัดสรรเอาเองว่าแต่ละนาทีเขาควรวิ่งให้ได้กี่รอบเป็นอย่างน้อย ซึ่งการบริหารเวลาและกำลังกายของตนจะส่งผลกระทบต่อรอบที่ได้จากการวิ่งในแต่ละครั้ง เป็นสิ่งที่นักกีฬาจะรับรู้ได้ขณะฝึก โดยกฤษนำนาฬิกาดิจิตอลเรือนโตมาติดไว้ในบริเวณที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ‘เวลา’ จะเป็นตัวบีบคั้นให้นักกีฬารู้ถึงแรงกดดัน เสมือนการแข่งกับเวลาที่ค่อยๆ ร่นลง หรืออาจมองว่ามันกำลังไล่ตามอยู่ก็ได้ หากจินตนาการว่ามีนักวิ่งชื่อ‘เวลา’ กำลังขนาบข้างอยู่ในลู่ถัดไปตลอดเวลาอย่างนั้น ซึ่งคงโหดกว่าการแข่งกับคู่แข่งจริงๆ เสียอีก

“ครับ” มะลิตอบรับ เขาพร้อมสำหรับการฝึกของวันนี้แล้ว รอเพียงคำสั่งจากอาจารย์ที่ปรึกษา

“งั้นครั้งแรกครูกำหนดให้ 12 นาที บริหารเองว่าเวลาเท่านี้ควรทำได้กี่รอบ” สิ้นเสียงบอกกล่าว มะลิก็พุ่งตัวออกไปยังสนามอีกครั้ง ก้าวย่างออกอย่างมั่นคงและหนักแน่น ไม่เร่งรีบเหมือนระยะสั้นหรือเร็วเกินกว่าระยะกลาง แต่กำลังใช้แรงกายตามมาตรฐานของตนสำหรับวิ่งระยะนี้ แม้วิธีการจะเปลี่ยนไปแต่เขาคิดว่าการวิ่งตามปกติน่าจะได้ผลไม่ต่างกัน

“ต่อไปเสมอกับใจกล้า ชั่วโมงแรกครูจะให้สองคนแข่งเวลาและความเร็วกันก่อน ค่อยๆ เพิ่มระยะไปเรื่อยๆ จนสุดระยะกลาง”

“ครับ”

“เริ่มจาก 100 เมตร เอาล่ะไปเตรียมตัวได้” นักกีฬาทั้งสองเข้าประจำลู่วิ่งริมสุดจากด้านนอก เพื่อไม่ไปรบกวนการเก็บรอบของนักวิ่งระยะไกลอย่างมะลิ

ปี๊ด! เสียงสัญญาณออกตัวตามแบบฉบับโรงเรียนห่างไกล ไม่ได้ใกล้เคียงกับมาตรฐานสากลของโรงเรียนดังที่เคยไปแข่งขันแม้แต่น้อย แต่ก็เพียงพอสำหรับการฝึกฝนที่วัดผลสัมฤทธิ์มากกว่าแข่งกันเรื่องเทคโนโลยี

นักกีฬาทั้งคู่ไม่ได้เก็บออมแรงกายไว้แม้แต่นิดเดียว ทุ่มสุดตัวตั้งแต่เริ่มต้น เพราะไม่ใช่การวิ่งระยะกลางหรือระยะไกลที่ต้องห่วงเรื่องกำลังกายและระยะทาง แต่สำหรับการวิ่ง 100 เมตร ผู้ออกตัวได้ก่อนหลังเสียงสัญญาณ คือผู้ที่เข้าใกล้สู่ชัยชนะอย่างน้อยก็มากกว่าคู่แข่งครึ่งก้าว หากไม่มีอะไรผิดพลาด ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนจะเป็นไปตามแนวคิดนั้น ใจกล้าที่ออกตัวได้ก่อนทิ้งห่างเสมอประมาณหนึ่งช่วงขา วิ่งเข้าเส้นชัยไปอย่างรวดเร็ว

“12.40 กับ 13.05 ไม่ได้ดีจนต้องชม พวกเธอคงเข้าใจ” คำกล่าวคล้ายจะไร้เยื่อใย ไม่มีแม้กระทั่งการปลอบโยน แต่หากเป็นการแข่งขันจริง คงไม่มีใครเอาเวลาอันมีค่าของพวกเขามาปลอบโยนผู้พ่ายแพ้ให้เสียเวลา เพราะจะมีเพียงเสียงแห่งความยินดีที่ถูกส่งไปยังผู้ชนะเท่านั้น ฉะนั้น การฝึกซ้อมทุกครั้ง นักกีฬามีหน้าที่ทำผลงานให้ออกมาดีที่สุด ส่วนผู้ฝึกสอนก็มีหน้าที่ปรับแก้จุดด้อยและเสริมจุดแข็งของนักกีฬา คำปลอบโยน การปลอบใจ ไม่ใช่ภาระหลักหรือสิ่งจำเป็นในขณะนี้

“ครับ” สองคนตอบรับอย่างเข้าใจในความหมาย เพราะหากยังไม่เข้าไปแตะเลข 11 ได้ แสดงว่าพวกเขาก็ยังห่างชั้นจากคู่แข่งอยู่มาก และแม้จะถึง 11 วินาทีแล้วก็ตาม ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับเวทีระดับประเทศ ด้วยสถิติเยาวชนแห่งชาติประเภทชายเดี่ยวของระยะนี้ ผู้ครอบครองบัลลังก์ของการวิ่งประเภทลู่ระยะ 100 เมตร ดีที่สุดทำไว้ที่ 10.47 วินาที ซึ่งจะค่อยๆ ถูกทำลายและล้มลงจากผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาประชันฝีเท้าจากทั่วประเทศ ที่ยังไม่นับรวมสถิติโลก

“ครูขอดูการวิ่ง 100 เมตรอีกครั้ง”

“ครับ”

การแข่งระหว่างใจกล้าและเสมอยังคงดำเนินต่อไป เป็นบททดสอบเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง เป็นส่วนสำคัญสำหรับพวกเขา ทั้งในฐานะเพื่อนร่วมทีมเดียวและคู่แข่ง พวกเขาทั้งสองต้องมุ่งไปยังเป้าหมายที่สูงยิ่งขึ้น เพื่อนำไปชิงชัยกับผู้ที่เหนือกว่าจากทั่วจังหวัดและทั่วทั้งประเทศ
 
นอกจากการแข่งขันของเพื่อนร่วมทีมทั้งสอง อีกด้านหนึ่งก็กำลังมีการแข่งที่ดำเนินไปอย่างดุเดือด ระหว่างผู้เข้าแข่งขันเพียงคนเดียว เป็นการขับเคี่ยวระหว่างนักกีฬากับเวลาที่ค่อยๆ ร่นลง มะลิไม่คิดว่าการวิ่งตามปกติเหมือนเช่นเคย เพียงแค่โจทย์ที่เปลี่ยนไปจะทำให้เขาเหนื่อยอ่อนขนาดนี้ เวลา 12 นาที ที่ได้รับ หากเป็นการวิ่งปกติ อย่างน้อยเขาควรทำได้ประมาณ 3,500 - 4,000 เมตร เป็นมาตรฐาน แต่ขณะนี้เหลือเวลา 4 นาทีเศษ มะลิยังวนเวียนอยู่ใน 1,000 เมตร แรกไม่พ้นเสียที ขาที่วิ่งไม่ได้ดั่งใจเพราะมัวแต่พะวงกับตัวเลขข้างสนามจนไม่สามารถรักษาความเร็วตามมาตรฐานของตนไว้ได้ หรืออาจเป็นเพราะเขาที่คิดจะเอาชนะเวลาซึ่งวิ่งอยู่นั้น จนรวนเรกับการควบคุมเรี่ยวแรงของตนให้คงที่ มะลิมัวแต่โหมกำลัง พยายามเพิ่มแรงเข้าไปหมายจะเพิ่มรอบในการวิ่ง ผลที่ได้กลับมาก็คือความอ่อนล้าจากการหักโหมซึ่งไม่เข้าท่านัก ขณะนี้เขาไม่สามารถบริหารเรี่ยวแรงที่มีอยู่ให้เหมาะสมกับระยะที่ควรจะได้รับ

“เป็นไงบ้าง แข่งกับเวลาไม่ง่ายเลยใช่ไหม” กฤษเอ่ยขึ้น เมื่อลูกศิษย์ตัวเล็กของตนกลับมาจากการฝึกซ้อม สภาพของมะลินั้นย่ำแย่กว่าการวิ่งปกติที่เจ้าตัวเคยทำตลอดมา มะลิที่วิ่งได้อย่างง่ายดายในสนามที่เต็มไปด้วยคู่แข่งตัวสูง แม้จะทำได้ขนาดนั้นแล้ว แต่เวลาที่ได้จากการฝึกซ้อมแบบเดิมนั้น กฤษมองว่ายังด้อยไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งอย่างคมสันหรือนักวิ่งคนอื่นในระดับประเทศ แม้จะอยู่ในขั้นที่เรียกว่าแตะระดับประเทศได้ในบางรอบที่วิ่งออกไป แต่อย่าลืมว่าคู่แข่งข้างนอกก็กำลังพัฒนาศักยภาพของตนไปอย่างยากจะหยุดยั้ง โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีวิทยาการและเครื่องมือทันสมัยเพรียบพร้อม ยิ่งไม่อาจคาดเดาผลสัมฤทธิ์ที่ออกมา สำคัญกว่านั้นคือสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นรองของพวกเขา จำต้องระลึกอยู่เสมอว่าไม่ควรหลงระเริงกับตัวเลขสวยหรูที่ทำได้เป็นครั้งคราว

“ครับ ผมมัวแต่ห่วงเรื่องเวลาจนออกมาแย่แบบนี้” มะลิยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ เขารู้ดีว่ากับดักเวลาเป็นอะไรที่เลวร้ายกว่าคู่แข่งในสนามไปไหนๆ ความต้องการที่จะเอาชนะซึ่งมีมากเท่าไหร่ก็จะกลับมาเล่นงานนักวิ่งเป็นทบทวี

“แสดงว่าเธอรู้ข้อบกพร่องของตัวเองดี สิ่งที่เธอต้องทำในขณะนี้คือจัดการกับความว้าวุ่นภายในใจที่ มาทำลายฟอร์มการวิ่งออกให้หมด และอย่างลืมบริหารกำลังให้สอดคล้องกับเวลา ค่อยๆ ปรับตัว อย่าโหมหรือมุ่งเอาชนะ”กฤษไล่เรียงปัญหาและคอยชี้แนะนักวิ่งตัวเล็กอย่างใจเย็น สำหรับครั้งแรกที่ได้ลองการวิ่งแบบนี้ก็ถือว่าไม่เหนือความคาดหมาย มะลิไม่ใช่นักกีฬามากพรสวรรค์ ไม่มีใครบันดาลพรวิเศษให้ เด็กคนนี้ก็แค่นักวิ่งซึ่งขวนขวายด้วยตัวเอง เป็นนักกีฬาพรแสวงซึ่งถูกยอมรับจากคู่แข่งที่เคยลงสนามด้วย รวมถึงเขาในฐานะที่ปรึกษาชมรมกรีฑา ก็ถูกดึงดูดให้วิ่งไปพร้อมกับคนตัวเล็กอย่างไม่รู้ตัว







#อ่านตอนพิเศษได้ที่
(1) www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2 (http://www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2)
(2) https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2 (https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2)
(3) http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง (http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง)

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory (http://facebook.com/inDefinitionStory)
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 15 แข่งกับเวลา [แนวกีฬา] 11.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 11-11-2018 16:19:12
 อ่านไปก็ลุ้นไปว่าเมื่อไหร่มะลิจะได้เจอกับคมสันอีก สู้ ๆ นะชมรมกรีฑา
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 15 แข่งกับเวลา [แนวกีฬา] 11.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-11-2018 19:10:15
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 15 แข่งกับเวลา [แนวกีฬา] 11.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 12-11-2018 01:09:43
หนทางชนะนี้อีกยาวไกล ขอชมอ.กฤษที่คิดวิธีซ้อมแบบจับเวลานับรอบนี้ มันเป็นวิธีที่ดีมาก ต้องบริหารทั้งเวลาและรอบ ทำให้รู้สึกกดดันและเขว่ไป ดังนั้นถ้าผ่านมันไปจึงช่วยให้เราบริหารความกดดันได้อีกยิ่งขึ้น รู้ถึงปัญหา ไม่มีใครเป็นคู่ซ้อมก็ต้องซ้อมกับตัวเองอะนะ การซ้อมต่อไปคงราบรื่นแต่ก็คงต้องซ้อมเยอะหน่อย แต่เชื่อว่ามะลิ ใจกล้า เสมอต้องทำได้ในที่สุด รอวัน และรอการแข่งอีกครั้ง เจอกันนะคมสัน มะลิ ไม่ได้กล่าว 5555555 รอตอนต่อไปเลยค่ะ สนุกมากก ชอบจริง เอาใจช่วยสามเกลอ
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 15 แข่งกับเวลา [แนวกีฬา] 11.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 13-11-2018 08:02:59
มะลิคนแกร่งทำได้อยู่ความมานะเกินร้อยสู้ต่อไปเอาใจช่วยอยู่ ตามกับใจกล้าก็สู้ๆนะ :L2:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 15 แข่งกับเวลา [แนวกีฬา] 11.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 14-11-2018 00:38:12
ตามลุ้นเด็กๆ ค่อยๆ เติบโตไปทีละนิด
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 15 แข่งกับเวลา [แนวกีฬา] 11.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 14-11-2018 20:12:57
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าวัยรุ่นนี่ดีจังเลยน้าาาาา
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกแก่มากๆเลย5555555555555
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 15 แข่งกับเวลา [แนวกีฬา] 11.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: lovenut ที่ 18-11-2018 12:56:18
รออยู่นะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 15 แข่งกับเวลา [แนวกีฬา] 11.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-11-2018 14:48:56
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 16 ก้าวต่อไป [แนวกีฬา] 18.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 18-11-2018 16:58:51
 :ling1:
บทที่ 16 - ก้าวต่อไป


“แสดงว่าเธอรู้ข้อบกพร่องของตัวเองดี สิ่งที่เธอต้องทำในขณะนี้คือจัดการกับความว้าวุ่นภายในใจที่ มาทำลายฟอร์มการวิ่งออกให้หมด และอย่างลืมบริหารกำลังให้สอดคล้องกับเวลา ค่อยๆ ปรับตัว อย่าโหมหรือมุ่งเอาชนะ” กฤษไล่เรียงปัญหาและคอยชี้แนะนักวิ่งตัวเล็กอย่างใจเย็น สำหรับครั้งแรกที่ได้ลองการวิ่งแบบนี้ก็ถือว่าไม่เหนือความคาดหมาย มะลิไม่ใช่นักกีฬามากพรสวรรค์ ไม่มีใครบันดาลพรวิเศษให้ เด็กคนนี้ก็แค่นักวิ่งซึ่งขวนขวายด้วยตัวเอง เป็นนักกีฬาพรแสวงซึ่งถูกยอมรับจากคู่แข่งที่เคยลงสนามด้วย รวมถึงเขาในฐานะที่ปรึกษาชมรมกรีฑา ก็ถูกดึงดูดให้วิ่งไปพร้อมกับคนตัวเล็กอย่างไม่รู้ตัว 

“ครับ”

“งั้นรอบหน้าครูขอร่นเวลาเหลือ 10 นาที แต่ตอนนี้เข้าไปพัก 5 นาที แล้วค่อยกลับมา” กฤษมองลูกศิษย์ตัวน้อยที่เจอศึกหนักอย่างไม่คาดคิด กระนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะหม่นหมองหรือถอดใจไปเลยสักนิด กลับยิ่งฮึดสู้และท้าทายความแปลกใหม่ กฤษชื่นชมความพยายามของมะลิจากใจของเขาเลย แม้ไม่อาจเอ่ยออกมาให้เจ้าตัวได้ยินก็ตาม

เมื่อมะลิกลับเข้าไปพักตามคำแนะนำ กฤษจึงหันมาให้ความสนใจอีกสองคนที่เหลือ ซึ่งกลับมาจากช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่ได้รับไปเมื่อครู่ เด็กทั้งสองยืนอยู่เบื้องหน้าเขาตรงเวลาตามที่กำหนดไว้ ไม่ขาดไม่เกิน ทั้งคู่หน้าตาสดชื่นขึ้น กับเรี่ยวแรงที่คล้ายจะฟื้นคืน หรืออย่างน้อยก็น่าจะมาสักส่วนสองส่วน สำหรับใช้ในการฝึกซ้อมอีกสองชั่วโมงที่เหลือ

“ขอดูเวลาในระยะ 400 เมตรอีกครั้ง พร้อมแล้วไปประจำที่ได้” ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลาเปล่า กฤษออกปากเริ่มการฝึกในทันที

ปี๊ด! สิ้นเสียง แรงถีบจากเท้าสู่พื้นบนลู่วิ่ง ไร้ซึ่งที่ยันเท้า นำร่างทั้งสองพุ่งทะยานออกมาจากตำแหน่งเริ่มต้น ระดับความเร็วจากจุดสูงสุดขณะออกตัวค่อยๆ ลดลง ก่อนเปลี่ยนมารักษาระดับความเร็วให้คงที่ไประยะหนึ่ง เนื่องด้วยความยาวของการวิ่งที่เพิ่มขึ้นจากเศษหนึ่งส่วนสี่ ไต่ระดับมาเรื่อยๆ จนถึงหนึ่งรอบสนามในขณะนี้ นักวิ่งจำต้องรักษาแรงในแต่ละช่วงสนามให้พอเหมาะพอควรกับศักยภาพของตน ไม่เช่นนั้นอาจเกิดกรณีหมดแรงเร่งเพื่อต่อกรกับคู่แข่งในช่วงท้าย แม้ระยะจะไม่มากเท่าการวิ่งของมะลิ ไม่ถึงขั้นต้องเก็บแรงนานเป็นรอบสนาม แต่ก็สร้างภาระให้นักกีฬาไม่แพ้กัน เพราะต้องแบ่งสันปันส่วนเรี่ยวแรงให้ได้อย่างรวดเร็วในเวลาที่จำกัดและในสถานการณ์ที่คู่แข่งจะทิ้งห่างไปได้ทุกเมื่อ มีเพียงอึดใจไว้สำหรับการตัดสินแพ้ชนะ

ผลการแข่งขันยังออกมาในรูปเดิม ผู้ชนะยังครองตำแหน่งต่อไป นั่นคือใจกล้าสามารถช่วงชิงมาจากได้อีกครั้ง แต่ใช่ว่าเสมอจะยอมรับความพ่ายแพ้ตลอดไป เพราะเวลาที่ค่อยๆ ขยับร่นลงมาเรื่อยๆ จากหลายวินาที เริ่มเหลือเพียงไม่กี่วินาที และลดลงจนไม่ถึงเสี้ยววินาที

“ขออีกรอบครับขอ 400 เมตรอีกรอบ” เป็นเสมอที่ร้องขอออกมาอย่างเกินความคาดหมายของกฤษ ความพ่ายแพ้ที่ได้รับไม่ได้บั่นทอนกำลังใจเด็กคนนี้เลยแม้แต่น้อย

“ใจกล้าล่ะว่าไง” เขาหันกลับไปถามคู่แข่งของเสมอ เพราะในตารางพวกเขาต้องขยับไปที่ระยะ 800 เมตรแล้ว การเสียเวลาให้ความทะเยอทะยานแม้ในมุมของกฤษจะไม่สูญเปล่า กระนั้นก็ต้องรับความเห็นจากอีกฝ่ายร่วมด้วย เขาที่ทำหน้าที่โค้ชอยู่ข้างสนามพร้อมสละเวลาที่มีให้กับลูกศิษย์เต็มที่ ขึ้นอยู่กับว่าพวกเด็กๆ เองจะแบ่งใจกลับมาเท่าไหร่แค่นั้น

“ไม่มีปัญหาครับ” เมื่อใจกล้าตอบกลับมาเช่นนั้น ก็ไม่มีเหตุผลใดที่กฤษจะห้ามปรามความต้องการที่เป็นผลดีกับตัวนักกีฬา จึงเริ่มระยะนี้อีกครั้งในทันที

“ตกลง งั้นไปเตรียมพร้อมที่สนามได้”

นักกีฬาทั้งคู่พุ่งออกจากจุดเริ่มต้นดังเดิม ด้วยระยะหนึ่งรอบสนามที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป ทั้งเสมอและใจกล้าต่างรักษาระดับความเร็ว ก่อนถึงช่วงสุดท้ายที่ทั้งคู่พากันงัดเอาเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีแปรเปลี่ยนเป็นความเร็ว เพื่อมุ่งสู่เส้นชัยอย่างไม่มีใครยอมใคร และแล้วเขาก็ทำได้ เสมอเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ทิ้งห่างใจกล้าไปเสี้ยววินาที ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ ความปรารถนาที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง สุดท้ายความพยายามนั้นก็สำเร็จผล

เป็นชัยชนะแรกในรอบหลายวันที่ฝึกซ้อมร่วมกันมา แม้เขาจะเป็นอดีตนักกีฬา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องความเร็วเสมอจะเอาชนะคนที่มุ่งมั่นในเรื่องนี้มาตลอดอย่างสองคนที่เหลือได้ แน่นอนว่าเขาต้องพยายามมากกว่าคนอื่นๆ ถึงสองเท่า เพื่อปรับตัวเองให้คุ้นชินและค่อยๆ ก้าวขึ้นไปสู่การเป็นนักวิ่งอย่างเต็มตัว นี่ไม่ใช่ชัยชนะที่เสมอต้องเชิดชู แต่เป็นก้าวเล็กๆ ที่สำคัญสำหรับเขาเช่นกัน



เวลาพักของมะลิหมดลงอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวออกวิ่งอีกครั้งด้วยเวลาที่ร่นลงไป ครั้งนี้มะลิพยายามตั้งสมาธิกับการรักษาสมดุลของร่างกายและการวิ่งให้คงที่ เพียงแต่เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นกว่าที่เคยทำไว้ เมื่อต้องวิ่งระยะไกล แม้จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับขาทั้งสองและเรี่ยวแรงโดยรวมของร่างกาย แต่ก็เป็นการท้าทายที่น่าจะมอบอะไรแก่เขาหากได้ลองพยายาม และในครั้งนี้มะลิตั้งเป้าหมายไว้ที่ 8 รอบสนามเป็นอย่างน้อย ซึ่งถือว่าเป็นงานหนักพอสมควรสำหรับเวลาที่จำกัดเพียง 10 นาที

เป็นอีกเหตุผลที่เขาเลือกจะเพิ่มความเร็วและเพิ่มจำนวนก้าวให้มากกว่ามาตรฐานที่เคยทำไว้กับการวิ่งระยะนี้ ในมุมมองของมะลิหากไม่ทำเช่นนี้ เขาก็คงต้องย่ำอยู่กับที่ไปตลอด ไม่สามารถพัฒนาหรือก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้ หรือแม้กระทั่งการเอาชนะคู่แข่งอย่างคมสัน คงจะยิ่งไกลห่าง หากเขายังไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง แล้วลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ และท้าทายกับมันด้วยความมานะ ครั้งนี้เขาพยายามจะไม่หันมองเวลาข้างสนาม เพ่งสมาธิไว้ที่การวิ่งและรักษาความเร็วเท่านั้น

มะลิเข้าสู่รอบที่สี่ เหงื่อไหลท่วมกายเป็นสัญญาณว่าเขาได้ใช้เรี่ยวแรงที่มีไปเกินครึ่งแล้ว ความอ่อนล้าย่างกรายเข้ามาทักทาย พร้อมแย่งยื้อสูบแรงกายของเขาไปเรื่อยๆ จากการที่มะลิเพิ่มภาระให้กับขาทั้งสองข้าง ซึ่งต้องออกแรงเพื่อออกตัวไปข้างหน้าได้เร็วกว่าปกติ เมื่อเข้าสู่รอบที่ห้ายิ่งเป็นการตอกย้ำความสาหัสของการฝึกซ้อมในรอบนี้ ร่างกายเริ่มร้องเตือนว่าใกล้ถึงขีดจำกัด ทว่า มะลิกลับฝืนทนข่มความเหนื่อยล้าและความทรมาน เลือกที่จะก้าวต่อไปโดยไม่ลดความเร็วแม้แต่น้อย

ช่วงขาที่สม่ำเสมอหากมองจากข้างสนามจะเป็นรูปแบบการวิ่งที่พร้อมเพรียง สวยงาม ไม่มีก้าวที่เสียเปล่า ไม่มีจังหวะที่แปลกแยก ทั้งหมดออกมาอย่างสมบูรณ์และลงตัว แต่ในความเป็นจริง ผู้กระทำท่วงท่าที่น่าชื่นชมนั้น กำลังทุกข์ทรมานกับทุกขณะที่ก้าวย่าง เท้าทั้งสองร้องเตือนเมื่อเขากดแรงลงบนพื้นแข็งกระด้าง ความเจ็บปวดถูกส่งขึ้นไปทั่วร่าง ไม่ได้บาดเจ็บ เพียงแต่กำลังรับภาระที่มากเกินจะรับไหว และแล้วรอบที่เจ็ดก็มาถึง เหงื่อไหลย้อยโทรมกายจนเสื้อแขนสั้นที่สวมอยู่เปียกชุ่มไปทั้งตัว หยดน้ำกระเซ็นทุกก้าวที่ร่างสั่นไหว มะลิยังฝืนเรียกความเร็วขึ้นไปอีกเมื่อเข้าสู่โค้งสุดท้ายที่ตั้งเป้าหมายไว้

รอบที่แปดเริ่มขึ้นด้วยการเพิ่มแรงเข้าไปอีกเท่าตัว มะลิมองดูเวลาที่เหลืออยู่เพียง 50 วินาที กับอีกประมาณ 300 เมตร ที่ยังเหลืออยู่ เขาเร่งความเร็วจนร่างกายแทบรับความเจ็บปวดไม่ไหว ทุกสัมผัสตอบกลับมาด้วยความเจ็บปวด จนอดคิดไม่ได้ว่าหากร่างนี้ด้านชาไปคงดีไม่น้อย จะได้ไม่ต้องรับรู้ถึงภาระที่ขาคู่นี้ต้องแบกไว้ น้ำหนัก การโหมแรง และการกระแทกทุกเสี้ยววินาทีที่ผ่าน ล้วนตอบแทนด้วยความสาหัส ทว่า ยังไม่มากพอเท่ากับความกระหายในจุดหมายที่มีอยู่ มะลิจึงไม่คิดจะหยุด เลือกที่จะก้าวต่อไป

พุ่งไปข้างหน้าสู้อยู่กับวินาทีที่กำลังเข้าสู่บทสรุปของเวลา ร่างกายทุกข์ทรมานและร้องเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่าให้หยุดฝืน แต่มะลิกลับไม่ฟังเสียงร้องจากภายในที่กำลังเจ็บปวดอยู่ เขาเหนื่อยอ่อนอย่างถึงที่สุด ล้าไปทั้งตัว กระนั้น ความเร็วที่เป็นอยู่ก็ไม่มีทีท่าจะลดลงแม้แต่น้อย กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นไป

กฤษที่จ้องมองจากนอกสนาม รวมทั้งเพื่อนร่วมทีมอีกสองคนที่เพิ่งเสร็จจากการแข่งระยะ 800 เมตร ไปเมื่อครู่ หันมาจ้องมองคนตัวเล็กในสนามและเลขเวลาที่ถอยลงเรื่อยๆ เพียงครึ่งนาทีสุดท้ายก่อนเลขบนหน้าปัดนาฬิกาจะหยุดลง คนตัวเล็กในสนามกลับวิ่งผ่านจุดออกตัวไปอีกครั้ง ใช้เวลาที่เหลืออยู่กับ 400 เมตร ที่เกินเข้ามาจากที่ตั้งใจ

รอบที่แปดผ่านไปโดยที่ยังเหลือเสี้ยวนาทีให้มะลิก้าวต่อ เจ้าตัวจึงไม่รอช้าโหมแรงและส่งกำลังเท่าที่มีมอบให้กับรอบสุดท้ายก่อนหมดเวลา ร่างที่แทบด้านชาไปกับความเจ็บปวด เขาเจ็บจนไม่รู้สึกถึงมันอีก การวิ่งออกไปขณะนี้คงเหลือแต่ความรู้สึกและสำนึกเท่าที่พอเรียกหา มะลิวิ่งออกไปด้วยกำลังใจ ส่วนกำลังกายนั้นคงหมดไปตั้งนานแล้ว

ท้ายที่สุดเวลาก็หมดลงพร้อมกับร่างของคนตัวเล็กที่ถูกใจกล้ารับไว้

“9 รอบเลยเหรอนี่” กฤษเอ่ยออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“9 รอบนี้เยอะไหมครับครู” เสมอถามไถ่ออกไป เพราะไม่รู้ความหมายของเก้ารอบที่มะลิทำไว้ เก้ารอบภายในเวลา 10นาที ที่มะลิพึ่งทำลงไป

“3,600 เมตร กับ 10 นาที หรือก็คือเขาวิ่งออกไป 1เมตรโดยใช้เวลาไปเพียง 0.166 วินาที” ใจกล้าที่นิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนเข้ามาช่วยคลายข้อสงสัยของเสมอ

“อืม...” กฤษยังไม่แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว เพียงก้มมองใบหน้าของคนที่คล้ายจะหมดสติเพราะฟืนตัวใช้แรงเกินกำลัง เหงื่อมหาศาลยังปรากฏอยู่บนใบหน้าและทั่วร่างของเด็กน้อย

“ค่าเฉลี่ยของระยะ 3,000เมตรอยู่ที่เท่าไหร่ครับอาจารย์” ใจกล้าร้องถามกฤษ

“อืม... ถ้าเป็นสถิติระดับเยาวชนแห่งชาติ 3,000 เมตร อยู่ที่ 8:52.21 หรือ 0.177 วินาทีต่อเมตร ส่วนสถิติของประเทศอยู่ที่ 8:10.39 หรือ 0.163 วินาทีต่อเมตร”

“หา! ที่มะลิวิ่งออกไปนั่นตั้ง 3,600 เมตรไม่ใช่หรือครับ ทำเวลาน้อยกว่าระดับเยาวชนด้วยซ้ำ และเอ่อ... เทียบกับสถิติของประเทศแล้วมันเป็นยังไงน่ะ...” เสมอผู้ไม่ถนัดตัวเลขหันมาขอความช่วยเหลือจากใจกล้า

“ถึงจะเทียบยาก แต่ความต่างของ 600 เมตรที่มะลิทำ กับเวลาที่ต่างกันแค่ 0.003 ไม่ว่าจะดูยังไงก็เกินระดับประเทศไปแล้ว”

“โอ้โฮ...” เสมอยังเป็นลูกคู่ลูกถามในสถานการณ์เช่นนี้

“ก็ตามที่ใจกล้าว่ามา เอาล่ะหมดเวลาคุยกันแล้ว พวกเธอสองคนเห็นแล้วใช่ไหมว่าตอนนี้เพื่อนร่วมทีมของเธอก้าวไปถึงระดับชาติอย่างไม่เป็นทางการแล้ว แล้วสองคนล่ะจะยอมแพ้ไหม”

“ไม่ครับ” สองเสียงตอบพร้อมกัน ก่อนการฝึกของทั้งคู่จะดำเนินต่อไป กอปรกับบรรยากาศของการฝึกที่ดูท่าจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากได้เห็นการวิ่งของคนตัวเล็กที่หลับใหลอยู่ตรงนั้น ทั้งคู่ต่างทุ่มกำลังและแรงกายฝึกซ้อมอย่างหนัก บรรยากาศความกระหายสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนกำลังเกิดขึ้น ทุกอย่างเพื่อไล่ตามหลังใครบางคนที่นำหน้าไปก่อนแล้วหนึ่งก้าว

คนตัวเล็กที่ไม่เหมาะกับกีฬาเลย ไม่ว่าประเภทใดก็ตาม





#อ่านตอนพิเศษได้ที่
(1) www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2 (http://www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2)
(2) https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2 (https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2)
(3) http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง (http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง)

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory (http://facebook.com/inDefinitionStory)
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 16 ก้าวต่อไป [แนวกีฬา] 18.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 18-11-2018 17:35:03
หยิบรองเท้าแป๊บ จะไปวิ่ง!แรงใจมาเต็มมากกับการอ่านเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 16 ก้าวต่อไป [แนวกีฬา] 18.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-11-2018 18:56:38
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 16 ก้าวต่อไป [แนวกีฬา] 18.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 19-11-2018 05:11:39
ใช่ๆ อ่านจบแล้วไปวิ่งดีกว่า เป็นกำลังใจได้ดีมากเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 16 ก้าวต่อไป [แนวกีฬา] 18.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 22-11-2018 12:43:56
ป้าเป็นปลื้มกับหนูมากเลยนะมะลิ หนูทำให้ป้าออกไปวิ่งทุกอาทิตย์(ได้แค่วันอาทิตย์วันเดียวใน1อาทิตย์555 แต่ป้าก็พยายามนะ) หนูมีความมุ่งมั่นมาก มานะ อดทนดีจริงๆเลยลูก ดีใจแทนตามจริงๆถึงจะเป็นชัยชนะเล็กๆแต่ก็ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อไป
  เป็นกำลังใจให้ทุกคนจ้าสู้ๆไปด้วยกัน :pig4:
หัวข้อ: Re: ตัวสำรอง - บทที่ 16 ก้าวต่อไป [แนวกีฬา] 18.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 24-11-2018 15:58:26
 :L2:
หัวข้อ: มาแล้ว/// ตัวสำรอง - บทที่ 17 เปลวไฟของวัยรุ่นกำลังร้อนรุ่ม [แนวกีฬา] 24.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 24-11-2018 21:19:33
บทที่ 17 - เปลวไฟของวัยรุ่นกำลังร้อนรุ่ม


นับตั้งแต่จบการแข่งขันอย่างไม่เป็นทางการไป ธนัฐก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับนักกีฬาของตน ความมุ่งมั่นที่มีให้กับการฝึกซ้อมในแต่ละวันซึ่งทบทวีขึ้น เหตุผลส่วนหนึ่งอาจมาจากเพื่อนร่วมทีมของพวกเขาที่ทำผลงานได้ดีในการแข่งครั้งนั้น จนทำลายสถิติตัวเองและสนามลงได้ หรือการที่พวกเขาหลายคนยังรั้งท้ายในการแข่งขันรายการต่างๆ การมองดูเพื่อนที่ฝึกซ้อมมาด้วยกันทุกวี่ทุกวันนำหน้าไปทีละก้าว ในฐานะนักกีฬาคงไม่อาจยอมให้เป็นเช่นนั้นได้ อย่างน้อยก็ต้องพัฒนาขีดความสามารถของตัวเองให้เหนือกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้

แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด เพราะไม่เพียงนักกีฬาที่ถูกคัดเลือกให้เข้าแข่งขันในวันนั้นที่มีปฏิกิริยากับการแข่งซ้อมดังกล่าว แต่ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ทั้งชายและหญิง ที่มีโอกาสรับชมหรือเพียงแค่ผ่านเข้ามาในสนาม โดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งท้ายสุด ทุกคนต่างเปลี่ยนไป

โรงเรียนแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องส่งเสริมทักษะการกีฬา วัดได้จากผลงานในอดีตจนถึงปัจจุบัน จึงไม่แปลกหากเหล่านักกีฬาไม่ว่าจะประเภทไหน หลายคนจากทั่วทั้งจังหวัดหรืออาจรวมไปถึงทั่วทั้งประเทศ ต่างหมายปองและคิดจะเข้ามามีส่วนร่วมในชมรมกีฬาที่ตนสนใจในโรงเรียนแห่งนี้ เพื่อพัฒนาศักยภาพ เพื่อชื่อเสียง เพื่อเงินทอง หรือเพื่อความสนุกสนาน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใด หากพวกเขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในที่แห่งนี้แล้วล่ะก็ จะมีสิทธิ์คว้าเอาอย่างใดอย่างหนึ่งที่ว่ามาไปครอบครองอย่างแน่นอน หรืออาจได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ เมื่อมีผู้ที่เหนือกว่าจากทั่วประเทศมารวมตัวกัน ย่อมมีผู้ชนะและผู้แพ้เป็นสัจธรรม คนที่เข้ามาแล้วฝ่าฟันไปอย่างมานะก็อาจอยู่รอด แต่จำนวนไม่น้อยที่ถอยร่นลงไปเพียงเพราะพบเจอความพ่ายแพ้และไม่เห็นหนทางก้าวหน้า ยิ่งเมื่อมองไปที่จุดสูงสุด ผู้ที่เหนือกว่าก็ยังเหนือกว่าอยู่วันยังค่ำ พอหันกลับมามองตัวเองที่ยังไม่ขยับไปไหน ก็พาให้หมดกำลังใจ สุดท้ายก็ยอมรับความพ่ายแพ้นั้นไปโดยปริยาย

นักกีฬาเหล่านั้น ผู้คิดหันหลังให้กับอุปสรรค ขณะนี้ทุกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมอย่างหนัก ดวงหน้าไม่หม่นหมองดังเช่นที่ผ่านมา บัดนี้ใบหน้าเหล่านั้นต่างเต็มไปด้วยความหวังที่จะก้าวข้ามอุปสรรค ซึ่งขวางกั้นอยู่ ภาพของเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งที่วิ่งขนาบข้างมากับนักกีฬา ซึ่งได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในการวิ่งระยะกลางอย่างคมสัน ไม่ว่ารุ่นเดียวกันหรือสูงกว่าต่างยอมรับในข้อนั้น ภาพที่พวกเขาเห็นเพียงเสี้ยวนาทีที่ยืนจ้องจากตำแหน่งต่างๆ ทั่วสนามอันกว้างใหญ่นี้ ภาพนั้นได้เปลี่ยนความคิดของพวกเขาไปสิ้น

“เวลาดีขึ้นอีกแล้วนะคมสัน” ธนัฐที่อยู่ข้างสนามตะโกนออกไปเมื่อเจ้าของชื่อกลับมาที่ม้านั่งข้างสนาม หลังจบรอบวิ่งตามรายการที่ได้รับมอบหมาย

“ยังไม่พอครับ” คมสันตอบกลับมาอย่างไม่เหนื่อยอ่อน

“ให้ได้แบบนี้สิ” ธนัฐมองนักกีฬาดาวเด่นประจำรุ่นที่ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลจากคนตัวเล็กมากที่สุด เพราะหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เขาไม่เคยเห็นคมสันหยุดพักเกินครึ่งชั่วโมงแม้แต่ครั้งเดียว ความมุ่งมั่นในดวงตาคู่นั้นเป็นของจริง ไม่ว่าใครในสนามก็ไม่อาจเทียบเคียงได้

หากวันนั้นเขาไม่ตอบรับคำชวนของเพื่อนสนิท และหากไม่มีการแข่งอย่างไม่เป็นทางการนั้น ไม่รู้ว่าภาพที่เขามองอยู่ในขณะนี้จะเป็นอย่างไร อาจจะดีหรือแย่กว่านี้ก็คงยากเกินคาดเดา รู้เพียงว่า เขาไม่เคยกลับมานึกเสียดายหรือเสียใจกับการตัดสินในวันนั้น
คมสันนั่งพักอยู่ข้างสนามกำลังกลับเข้าลู่วิ่งอีกครั้ง หากไม่มีเสียงๆ หนึ่งร้องทักให้เข้าหันกลับไปสนใจเสียก่อน

“เดี๋ยวนี้ซ้อมคนเดียวตลอดเลยนะ” เสียงจากสิทธิพลซึ่งหายไปช่วงหนึ่งหลังจากการแข่งวันนั้น นับตั้งแต่ความพ่ายแพ้ที่เจ้าตัวได้รับไป

“เข้ามาคุยแบบนี้แปลว่ามีเงินเลี้ยงข้าวแล้วสินะ” เขาร้องตอบไปในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับประโยคสนทนาข้างต้น เบี่ยงเข้าเรื่องสัญญาที่เคยให้ไว้เมื่อไม่นานมานี้ และแทบจะเลือนไปเสียแล้ว หากไม่ได้พบคู่สัญญาตรงหน้า

“นี่ยังจำได้อีกเหรอ” สิทธิพลอุตส่าห์แกล้งเข้ามาด้วยเรื่องอื่น แต่คนตรงหน้ากลับวกเข้าในสิ่งที่ไม่อยากได้ยินที่สุด

“ข้าวฟรีตั้งหนึ่งเดือน ไม่มีทางลืมหรอก” คมสันพูดออกไปทีเล่นทีจริง แกล้งคนตรงหน้าอย่างไม่จริงจังนัก

“โถ่... แค่พูดเล่นๆ นายจริงจังไปได้” คนรับปากอย่างมั่นเหมาะในวันนั้น มาวันนี้กลับเฉไฉไม่เป็นท่า แต่คมสันก็ไม่ได้ติดใจ

“แล้วนี่มีอะไรหรือเปล่า” เขาถามจุดประสงค์ของคนตรงหน้าที่ร้องทักในคราแรก ซึ่งเข้ามาขวางการซ้อมอยู่

“ว่าจะมาถามถึงคนวันนั้น ที่เกือบเอาชนะนายได้”

“มะลิน่ะเหรอ” คมสันคิดว่าคงไม่มีใครอีกแล้วที่จะทำให้นักกีฬาอย่างสิทธิพล หรือแม้กระทั่งนักกีฬาคนอื่นๆ ค้างคาใจได้เท่าเพื่อนตัวเล็กของตน

“ใช่ เขาเป็นใคร มาจากไหน แล้วเป็นนักกีฬารายการอะไร ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้า แต่ความสามารถขนาดนั้นจะบอกว่าแค่วิ่งเป็นงานอดิเรกก็คงทำใจเชื่อลำบาก” คำถามมากมายพรั่งพรูออกมา เกินกว่าที่คมสันคาดเอาไว้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร สิทธิพลคงโดนคนตัวเล็กวิ่งนำไปหลายช่วงตัว ทั้งๆ ที่ในมุมมองของคนอื่นมะลิไม่น่าจะมีแรงพอต่อกรกับคนในสนามได้ เป็นใครก็ประหลาดใจกันทั้งนั้น

“จะบอกว่าวิ่งเป็นงานอดิเรกก็คงจะใช่...” คมสันยังพูดไม่ทันจบ

“หา... จริงดิ วิ่งเป็นงานอดิเรกเนี่ยนะ” สิทธิพลร้องลั่นอย่างไม่เชื่อหู

“ก็ตัวขนาดนั้นนายคิดว่าจะมีใครให้เป็นตัวจริงไหม” คมสันสวนกลับโดยไม่สนใจปฏิกิริยาของคนตรงหน้าที่ส่งออกมา

“ไม่” สิทธิพลตอบกลับพร้อมส่ายหน้า

“ก็ตามนั้น ไม่มีครูหรือโค้ชคนไหนกล้ารับเด็กตัวเท่านั้นเข้าทีมหรอก แต่ที่เขาทำได้ก็มีเพียงอย่างเดียวคือ วิ่ง วิ่งออกไปอย่างนั้นไม่ว่าจะได้เป็นนักกีฬาตัวจริงหรือไม่ นั่นแหละมะลิ”

“ไม่เคยแข่งรายการไหนเลยเหรอ” ความสงสัยยังไม่หมดไปจากสิทธิพล

“ใช่” ใบหน้าของคมสันยังนิ่งไร้อารมณ์

“งั้นหรอกเหรอ งั้นก็ไม่กวนนายละ” สิทธิพลพูดแค่นั้นก่อนเดินออกไป แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการคลายข้อสงสัยของเขา เด็กคนนั้นไม่ใช่ยอดมนุษย์หรือผู้มีพลังวิเศษจากไหนหรอก เป็นแค่คนๆ หนึ่งเหมือนกับเขา มีแขน มีขา มีเรี่ยวแรงที่จะวิ่งออกไปเหมือนกันทุกประการ สิทธิพลยิ้มเยาะตัวเองอย่างน่าละอายที่ยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ กลับไปถามไถ่คมสัน คาดหวังในคำตอบสวยหรูเพื่อเอามาเป็นข้ออ้างให้แก่ตน ทั้งที่จริงแล้วกลับไม่เป็นอย่างนั้น ‘ไม่เคยแข่งสักรายการเลยเหรอ คงยอมแพ้ไม่ได้แล้วล่ะ ทั้งคมสันและมะลิ’

หลังสิทธิพลลับหายไป เปรียบเสมือนสัญญาณเริ่มต้นการฝึกซ้อมของคมสันอีกครั้ง ขายาวก้าวไปยังลู่วิ่ง รักษาระดับความเร็วในช่วงต้นของการวิ่ง เพราะระยะทางยังอีกไกล เพียงแต่บทสนทนาเมื่อครู่กลับเข้ามามีอิทธิพลเหนือความคิดเขา ชั่วขณะหนึ่งคมสันคิดไปถึงวันที่มะลิวิ่งตีคู่มาพร้อมกับเขา ฉับพลันขาที่กำลังวิ่งอย่างสมดุล กลับเร่งความเร็วขึ้นอย่างไม่อาจยั้งได้



‘นายชักจะเอาใหญ่แล้วนะมะลิ’ กว่าคมสันจะกลับสู่ภาวะปกติได้ก็เข้าสู่รอบที่สาม การฝึกซ้อมดำเนินต่อไป ความเหนื่อยล้าอบอวลไปทั่วสนาม แต่ไม่สามารถหยุดการกระทำหรือกิจกรรมใดๆ ลงได้ ทุกคนต่างเพิกเฉยต่อความเหนื่อยอ่อนเหล่านั้น




ปี๊ด! เสียงนกหวีดเป็นสัญญาณเรียกนักกีฬาจากมุมต่างๆ ทั่วสนามมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง ก่อนความวุ่นวายจะเข้าครองบรรยากาศตรงหน้าธนัฐ นักกีฬาที่แยกย้ายกันซ้อมกลับมาพูดคุยหยอกล้อกันตามประสาเพื่อนและรุ่นพี่รุ่นน้อง บ้างบ่นถึงประสบการณ์ตลอดวันที่ได้รับมา ก่อนบรรยากาศจะเงียบลงเฉียบพลัน เมื่อเสียงประกาศของหัวหน้าผู้ฝึกสอนดังขึ้น

“อีกหนึ่งเดือนนับจากนี้ การคัดเลือกระดับจังหวัดจะเริ่มขึ้นแล้ว นี่คือหนทางที่จะนำพวกเธอไปสู่เวทีระดับชาติ” นักกีฬาทุกคนกำลังจดจ่อกับเสียงนั้น เส้นทางสู่อนาคตที่พวกเขาวาดฝันไว้ นับตั้งแต่ก้าวเข้ามายังโรงเรียนแห่งนี้

“แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับโอกาส แต่ก็ใช่ว่าความพยายามของพวกเธอจะสูญเปล่า ครูไม่อยากเอาพวกเราไปเปรียบเทียบกับใคร แต่เชื่อว่าทุกคนที่มาดูการซ้อมแข่งในวันนั้นคงจะทราบดีว่า ไม่มีใครที่เกิดมาเพียบพร้อมไปด้วยพรสวรรค์ หากเธอไม่มีสิ่งนั้นก็ต้องคว้ามันมาด้วยกำลังของตัวเอง และที่สำคัญจงอย่าลืมไปว่าคู่แข่งเขาไม่รอเราอยู่กับที่” ธนัฐพูดจบ

“ครับ” “ค่ะ” เสียงตอบกลับจากหนุ่มสาวที่มารวมตัวกันตรงหน้าธนัฐและผู้ช่วยผู้ฝึกสอนคนอื่น

“วันนี้ครูจะมาคุยเรื่องการแข่งรายการที่จะถึงนี้ ที่พวกเธอรุ่นเล็กทุกคนจะถูกคัดเลือกเพื่อลงแข่ง ซึ่งรายการนี้แม้ว่าจะเป็นการแข่งที่จัดมาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เมื่อเทียบกับรายการอื่นของสมาคม ซึ่งรุ่นพี่ของพวกเธอแข่งขันกันไปเมื่อเดือนที่แล้ว คงต้องบอกว่า ยังเป็นรายการน้องใหม่ แต่ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ใครเกิดก่อนเกิดหลัง พวกเธอหลายคนคงพอจะทราบถึงปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด 3 ปีที่ผ่านมาแล้วว่า การแข่งขันน้องใหม่นี้ได้ทำลายสถิติของการแข่งระดับชาติลงได้ หลายประเภทกีฬา

โดยเฉพาะกรีฑาประเภทลู่ นั่นหมายความว่า รายการที่พวกเธอจะไปท้าชิงในอนาคตอันใกล้นี้ ต่างมีนักกีฬาในระดับสูงของประเทศที่พร้อมด้วยความสามารถมากมาย การจะมานั่งสบายใจหรือไม่ให้ความสำคัญคงไม่เป็นเรื่องที่ดีแน่ เพราะหากดูจากผลการแข่งปีที่ผ่านมา รายการนี้หินกว่าการแข่งของพวกรุ่นใหญ่อย่างแน่นอน”

ธนัฐกล่าวยืดยาวหลายนาที แต่นักกีฬาของเขาไม่มีทีว่ท่าาจะเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย เพราะพวกเขากำลังรอฟังเรื่องราวเกี่ยวกับอนาคตและหนทางสู่การเป็นดาวรุ่งของตน เรื่องของการแข่งขันน้องใหม่ที่เข้ามามีบทบาทในวงการกีฬาระดับเยาวชนสังกัดสถานศึกษาในขณะนี้ เป็นรายการที่รวมการแข่งของกีฬาทุกประเภทเอาไว้ แต่ความยิ่งใหญ่อยู่ที่การแข่งนี้เป็นการจัดโดยเอกชน มีสมาคมกีฬาเข้ามาจัดระบบการแข่งขันช่วยเพียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนอย่างล้นหลาม มีเงินทุนอัดฉีดจำนวนมาก แน่นอนว่ามีแมวมองเข้ามาสอดส่องและตามหานักกีฬาที่มีแววในประเภทต่างๆ เช่นเดียวกับการแข่งขันกีฬารายการอื่น

ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ผลการแข่งและสถิติที่ออกมาสู่สาธารณะ ซึ่งเทียบเคียงกับรายการใหญ่ที่จัดโดยสมาคม สมาพันธ์ หรือองค์กรณ์กีฬาต่างๆ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาก นับแต่มีการจัดการแข่งขึ้นในปีแรก และในช่วงหลังมานี้หลายประเภทกีฬากำลังก้าวข้ามขีดจำกัดของการแข่งขันระดับประเทศ แซงหน้ารายการใหญ่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานอย่างเกินความคาดหมาย เพราะตามปกติ รายการแข่งขันนี้มักส่งนักกีฬารุ่นใหม่หรือดาวรุ่งที่พึ่งเข้ามาสู่วงการกีฬา หรือเหล่านักกีฬาที่ย้ายจากรุ่นเล็กสู่รุ่นใหญ่ ซึ่งยังไม่สามารถปรับตัวให้คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ สนามนี้จึงกลายเป็นลานประลองฝีมือของหน้าใหม่ แม้กระทั่งนักกีฬาดาวรุ่งจากรุ่นเล็กที่ถูกดึงตัวให้เข้าร่วมกับโรงเรียนใหญ่ๆ ก็มักถูกส่งมาแข่งขันในรายการนี้ อีกเหตุผลหนึ่งที่โรงเรียนส่วนมากเลือกส่งนักกีฬารุ่นเล็กในเวทีนี้ ก็เพื่อแยกเด็กรุ่นใหม่กับรุ่นเก่าหรือรุ่นพี่ออกจากกัน การแข่งขันระดับเยาวชนที่สังกัดโรงเรียน มักส่งนักกีฬารุ่นพี่ไปแข่งขันรายการดั่งเดิมซึ่งจัดมาอย่างยาวนาน ส่วนรุ่นใหม่หรือรุ่นน้องก็ส่งมาที่รายการนี้แทน

แต่เมื่อรายการน้องใหม่สร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการกีฬา ทำลายสถิติที่ดีที่สุดของรายการแข่งหน้าเดิมที่จัดโดยภาครัฐหรือสมาคมกีฬาไปอย่างขาดลอย ก็ส่งผลให้หลายโรงเรียนเปลี่ยนรูปแบบการส่งนักกีฬากันใหม่ โดยส่งทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ปะปนกันเข้ามาท้าชิงชัย จนทำให้การแข่งสนามนี้ดุเดือดและโหดหินยิ่งขึ้นไป จนแทบไม่มีใครกล้ามองข้ามรายการน้องใหม่นี้ไปได้ หรือบางประเภทกีฬาอาจถือเป็นเวทีสูงสุดของการแข่งขันประเภทนั้นไปได้เลย

“ยังไงก็ฝากพวกเธอไปคิดด้วยว่า ควรจัดการเวลาที่เหลืออยู่อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุดสำหรับการแข่งขันที่ใกล้เข้ามาทุกทีแบบนี้ เท่าที่ครูสังเกตในระยะหลัง เห็นหลายคนเริ่มมีจุดมุ่งหมายที่จะก้าวไปอย่างมั่นคงและพัฒนาตนเองทีละขั้นแล้ว นั่นถือเป็นเรื่องน่ายินดี ส่วนใครที่ยังสับสน ปรับตัวไม่ได้ หรือไม่มีท่าว่าจะก้าวหน้าเลย ก็ให้ดูคู่แข่งของเธอเป็นตัวอย่าง หลายคนคงได้ดูการแข่งขันครั้งก่อนไปแล้ว และเห็นแล้วว่า ไม่มีอะไรที่เพียบพร้อมเสมอไป ทุกสิ่งล้วนได้มาด้วยความพยายาม จงระลึกเสมอว่าเมื่อใดที่พวกเธอหยุด นั่นคือสัญญาณแห่งการพ่ายแพ้ สำหรับวันนี้ครูขอฝากไว้เท่านี้ แยกย้ายกันไปทานข้าวและพักผ่อนได้”

สิ้นเสียง วงล้อมขนาดใหญ่ก็แตกตัวออกไปคนละทิศละทาง จุดหมายของแต่ละคนก็ต่างกันออกไป แต่เป้าหมายสูงสุดนั้นแทบไม่แตกต่างกัน ชัยชนะและการขึ้นเป็นที่หนึ่ง นั่นคือเป้าหมายของนักกีฬาทุกคน --- เปลวไฟของวัยรุ่นกำลังร้อนรุ่ม





////////
ดีใจที่เห็นทุกคนได้รับกำลังใจในการวิ่งหรือเริ่มกลับมาสู้อีกครั้งเพราะอ่านเรื่องนี้
และเห็นความพยายามของมะลิ ใครมีอะไรอยากแชร์ หรือบอกต่อ ไม่ต้องอาย บอกกันได้
เพราะคนเขียนรออ่านอยู่ทุกวัน





#อ่านตอนพิเศษได้ที่
(1) www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2 (http://www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2)
(2) https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2 (https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2)
(3) http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง (http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง)

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory (http://facebook.com/inDefinitionStory)
หัวข้อ: Re: มาแล้ว/// ตัวสำรอง - บทที่ 17 เปลวไฟของวัยรุ่นกำลังร้อนรุ่ม [แนวกีฬา] 18.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 24-11-2018 23:38:44
เจอฤทธิ์คนตัวเล็กเข้าไปดูทุกคนมีความมุ่งมั่นกันเยอะมากขึ้นเลย มะลิกับคมสันจะได้มาเจอกันแล้ว แต่พรุ่งนี้เจอกันที่สนามนะมะลิเรามีนัดกับป้านะ :a1:
หัวข้อ: Re: มาแล้ว/// ตัวสำรอง - บทที่ 17 เปลวไฟของวัยรุ่นกำลังร้อนรุ่ม [แนวกีฬา] 18.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-11-2018 01:15:49
 :mew1: :mew1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: มาแล้ว/// ตัวสำรอง - บทที่ 17 เปลวไฟของวัยรุ่นกำลังร้อนรุ่ม [แนวกีฬา] 24.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 25-11-2018 22:09:08
พอดีเห็นผู้แต่งบอกให้คอมเม้นท์  เลยขออนุญาตนิดนึง  พอดีมีบางจุดที่อ่านแล้วอึดอัด เผื่อจะมีประโยชน์ต่อผู้แต่งบ้างเลยขอยกตัวอย่างบางช่วง



บทที่ 15 แข่งกับเวลา
เสร็จสิ้นงานกีฬาประจำปีของโรงเรียนไปเพียงชั่วข้ามคืน ชมรมกรีฑาก็กลับมาฝึกซ้อมอีกครั้ง ไม่ยอมปล่อยให้สนามหญ้านั้นโล่งร้างไร้ผู้คนไปได้แม้แต่วันเดียว.... ประโยคนี้อ่านแล้วสะดุดหญ้า เพราะกรีฑาจะซ้อมในลู่วิ่งไม่ลงสนามหญ้า  อ่านแล้วรก  ถ้าตัดคำว่าหญ้าออกจะอ่านได้ลื่นกว่า สนามหญ้าน่าจะใช้กับฟุตบอล และนอกจากสมาชิกชมรมกรีฑา วันนี้เพื่อนร่วมสถาบัน... คำว่าสถาบันไม่ค่อยให้บรรยากาศโรงเรียนชนบทเล็กๆเดียวกันต่างรายล้อมอยู่ทั่วสนาม แม้ไม่ได้พลุกพล่านเหมือนกับเมื่อวาน แต่ก็มากพอให้สนามเล็กลงถนัดตา หลายคณะสีกำลังเก็บเศษซากความทรงจำที่หลงเหลืออยู่จากวันกีฬา รุ่นน้องรุ่นพี่มากหน้าหลายตาช่วยกันเก็บข้าวของ อยู่รอบนอกเขตลู่วิ่งที่ยังหลงเหลือร่องรอยให้นักกรีฑาทั้งสามคนได้ใช้งาน

.......................   พารากราฟที่ยกมาให้บรรยากาศประดิษฐ์คำเกือบทุกประโยค  เหมือนคำจะเยอะไป ลองใช้คำให้น้อย กระชับจะดีขึ้น..........มีทั้งเพื่อนร่วมสถาบัน คณะหลายสี รุ่นพี่รุ่นน้องมากหน้าหลายตา.....เศษซากความทรงจำที่หลงเหลือ(ตรงนี้ไม่น่าใช้ความทรงจำ  ความทรงจำมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น) ข้าวของ ร่องรอย... รายล้อมรอบสนาม / อยู่รอบนอกเขตลู่วิ่ง....

แล้วก็ ส่วนสูงไม่ค่อยเอามาใช้เอื้อประโยชน์เพื่อเปรียบเทียบในกีฬาวิ่งนะ  ขาสั้นขายาวจะวิ่งเร็ววิ่งอึดหรือไม่ขึ้นอยู่กับการฝึก โดยเฉพาะในระยะ1500  พอดีอ่านคำพูดของมะลิเรื่องส่วนสูงของนักวิ่งในบทแรกๆแล้วตะหงิดๆ...  แต่ผู้แต่งแต่งเรื่องวิ่งเก่ง  อ่านแล้วอยากกลับไปซ้อมวิ่งอีก
หัวข้อ: มาแล้ว/// ตัวสำรอง - บทที่ 18 มีแต่ต้องลงมือทำเท่านั้น [แนวกีฬา] 25.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 25-11-2018 23:40:01

บทที่ 18 มีแต่ต้องลงมือทำเท่านั้น

ดวงอาทิตย์คล้อยตัวต่ำลงไปจนลับฟ้า ไร้แสงส่องนำทางให้ผู้ที่กำลังก้าวย่างอยู่บนพื้นผิวขรุขระของสนาม ซึ่งหญ้ายังขึ้นกระจายตัวไม่ทั่วทั้งผืน ลานฝึกซ้อมที่ไม่สวยหรูและได้รับมาตรฐาน เป็นเพียงลานกว้างธรรมดาที่ถูกใช้สอยอย่างเกินความสามารถ จนบางคราที่ผู้ผ่านมาพบ หรือแวะเวียนมาเจอ แทบมองไม่ออกว่ามีชมรมใดบ้างผ่านการฝึกซ้อมจากสนามหญ้าแห่งนี้ หนึ่งในนั้นคือชมรมกรีฑา ที่ยังพึ่งพาขอบสนามฟุตบอลเป็นเส้นเขตแดนของลู่วิ่งสมมติ

แสงไฟประดิษฐ์สว่างขึ้น --- มะลิ เสมอ และใจกล้ากำลังอยู่ในช่วงท้ายของการฝึก ก่อนเสียงเรียกรวมตัวจะตามมา จากที่ปรึกษาของชมรม ซึ่งกฤษพิจารณาดูแล้วว่าควรหยุดกิจกรรมของวันไว้เพียงเท่านี้ อย่างที่เขาเคยบอกไว้กับลูกศิษย์ ว่าการพักผ่อนนั้นสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการฝึกซ้อม และเวลานี้เองก็เหมาะที่จะใช้คำอธิบายนั้นอย่างยิ่ง

สภาพของทั้งสามที่เหงื่อโทรมกายจนชุ่มไปทั้งร่าง ความเหนื่อยอ่อนที่แสดงออกมาทางสีหน้านั้นชัดเจนว่าต้องการช่วงเวลานี้อย่างไม่ต้องอธิบายให้มากความ แต่ก่อนหน้านั้น สิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องทำก่อนแยกย้ายไปพักผ่อนนั่นคือ การคลายกล้ามเนื้อและปรับอุณหภูมิของร่างกายให้กลับสู่สภาวะปกติ ขณะนี้ทั้งสามกำลังทำหน้าที่นั้นอย่างไม่รีรอให้กฤษต้องร้องเตือน

“อีกไม่ถึงหนึ่งเดือน การแข่งขันอย่างเป็นทางการของพวกเธอก็จะเริ่มขึ้นแล้ว” กฤษกล่าว หลังทุกคนเก็บสัมภาระเรียบร้อย

“แข่งกับใครครับ” เสมอซึ่งไม่ได้อยู่ในแวดวงกรีฑาและการวิ่งมาก่อน ถามตามความสงสัย เขาไม่แน่ใจว่าการแข่งวิ่งนี้จะเหมือนกับการแข่งฟุตบอลที่เขารู้จักหรือเปล่า

“แข่งกับคนทั้งจังหวัดไงล่ะ” ใจกล้าที่เคยเข้าร่วมการแข่งรายการระดับจังหวัดร้องบอกแทนกฤษ

“ใช่ การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ โดยความร่วมมือระหว่างองค์กรเอกชน แต่ก่อนที่เราจะไปถึงขั้นนั้น ต้องผ่านอุปสรรคระดับจังหวัดไปให้ได้ก่อน” กฤษเสริมคำตอบของลูกศิษย์

“งั้นก็แข่งกันทั้งวันทั้งคืนสิครับ นักกีฬาในจังหวัดนี้มีตั้งเท่าไหร่” ยังเป็นเสมอที่ร้องออกมาอย่างตกใจ

“นั่นสิครับ” มะลิที่ไม่เคยมีโอกาสเข้าร่วมการแข่งรายการใด ออกตัวสนับสนุนข้อสงสัยของเสมอ

“เยอะก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสเข้าร่วมการแข่ง” กฤษคลายสงสัยของทั้งคู่

“ยังไงครับ” เป็นมะลิที่ให้ความสนใจในประเด็นดังกล่าว

“ก็อย่างโรงเรียนใหญ่ๆ ที่เราไปแข่งมาเมื่อไม่นานมานี้ นักกีฬาเขามีเป็นร้อยใช่ไหม” มะลิและเสมอพยักหน้าตาม ส่วนใจกล้ายังนิ่งฟังโดยไม่เข้าไปขัดจังหวะ

“พวกเขาต้องคัดเลือกกันเองภายในเพื่อส่งตัวแทนที่เก่งที่สุดมาแข่งขันกับโรงเรียนอื่น แต่มันก็เยอะอยู่ดีนั่นแหละ โรงเรียนในจังหวัดนี้ก็หลายร้อยแห่ง” ยังเป็นสองคนที่น้อยประสบการณ์ในการแข่งจริงที่พยักหน้ารับความรู้ใหม่

“ฉะนั้น รอบคัดเลือกระดับจังหวัดเขาจึงใช้วิธีคัดโดยดูจากเวลาที่ดีที่สุดของนักกีฬาแต่ละคนในวันคัดเลือก จากนั้นก็เรียงลำดับคะแนน และคัดเอาเฉพาะคนที่ได้อันดับดีที่สุดตามโควตาที่ตั้งไว้ เพื่อมาแข่งขันกันอีกครั้ง อาจแตกต่างจากการแข่งขันรายการอื่น แต่ทางผู้จัดเขายืนยันแล้วว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุด” กฤษชี้แจงให้ทั้งสาม หรืออาจเพียงแค่สองคน ให้เข้าใจระบบการแข่งขันรายการดังกล่าวนี้

“วัดจากสถิติที่สูงกว่ารายการอื่นใช่ไหมครับ” ใจกล้าเอ่ยสมทบ

“ใช่แล้วล่ะ รายการนี้เมื่อเทียบจำนวนปีที่จัดการแข่ง อาจเป็นน้องเล็กของรายการอื่นๆ แต่เมื่อดูผลการแข่งที่ออกมาแล้ว เรียกได้ว่าเป็นจ่าฝูงของวงการกีฬาเลยก็ว่าได้” กฤษต่อความให้เช่นเดิม

“งั้นแสดงว่า พวกเราอาจตกรอบตั้งแต่แรกเลยน่ะสิ ถ้าทำเวลาออกมาไม่ดี” เสมอโอดครวญ เมื่อเริ่มเข้าใจถึงความโหดหินของการแข่งจริง หากเทียบกับเวลาที่เหลืออยู่สำหรับฝึกซ้อม ซึ่งมีไม่ถึงเดือน

“ใช่” เป็นใจกล้าที่ตอกย้ำความจริงนั้น

“ถึงจะเป็นอย่างนั้นจริง ก็อย่าพึ่งไปวิตกกังวล เราไม่สามารถคาดเดาผลที่จะออกมาได้ สิ่งเดียวที่พวกเธอทำได้ขณะนี้คือ พยายามฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มศักยภาพของตัวเองให้มากที่สุด จนถึงวินาทีสุดท้าย เวลาหนึ่งเดือนไม่ได้น้อยเลยสำหรับการก้าวข้ามขีดจำกัดที่มีอยู่ในตัวพวกเธอ อาจจะมากไปเสียด้วยซ้ำ เข้าใจความหมายที่พูดใช่ไหม” กฤษถามลูกศิษย์ทั้งสาม

“ครับ”

“ถึงจะเหลือเวลาไม่มากแล้วก็ตาม แต่อย่าโหมฝึกจนไม่มีเวลาพักผ่อนเสียล่ะ เพราะไม่อย่างนั้น การฝึกจะกลับมาทำร้ายเธอเอง อย่าลืมข้อนี้โดยเด็ดขาด” กฤษย้ำเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับการฝึกฝนตนเองในฐานะนักกีฬา เขาทราบดีถึงผลกระทบที่จะได้รับจากการหักโหม เพราะเคยประสบมากับตัว

หากมีโอกาสกฤษก็อยากบอกเล่าเรื่องราวที่พบผ่านให้กับเด็กทั้งสาม กฤษอยากให้มันเป็นบทเรียนแก่เหล่านักกีฬาของตน --- แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา



ไม่มีนักกีฬาคนใดในประเทศนี้ที่ไม่ตื่นเต้นกับการมาถึง ของมหกรรมกีฬาครั้งสำคัญ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเขา --- เหล่านักกีฬาหลายสิบประเภทที่ถูกบรรจุไว้ในตารางแข่งขัน กำลังฝึกซ้อมอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนที่เพียบพร้อมไปด้วยวิทยาการทันสมัย โรงเรียนระดับกลางที่มีผู้สนับสนุนไม่มากเท่าโรงเรียนใหญ่ ไปจนถึงโรงเรียนขนาดเล็กห่างไกลความเจริญ ห่างไกลการสนับสนุนจากกลุ่มทุน แม้จะต่างกันออกไปตามความพร้อมและโอกาส แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกโรงเรียน รวมไปถึงนักกีฬาทุกคน ต่างมีเหมือนกันนั่นคือ เวลา หนึ่งเดือนต่อจากนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ศักยภาพของพวกเขาว่าสามารถใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คงไม่มีใครถอดใจไปก่อน เพียงเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจเรื่องโชคชะตา เพราะถึงกระนั้น แม้จะร่ำร้องไปก็คงไม่ช่วยให้พวกเขาก้าวต่อได้ การขังตัวเองอยู่กับโอกาสที่รอวันมาถึง จึงไม่ใช่เรื่องจำเป็นของพวกเขา --- หากมันไม่มา หรือมันไม่มี ก็สร้างขึ้นด้วยตัวเอง จากแรงกาย และความพยายามทั้งหมดที่มี เพื่อตัวเอง เพื่อพวกพ้อง และเพื่อความฝัน



เพราะโชคชะตาไม่อาจมอบชัยชนะแก่ใครได้
มีแต่เราเท่านั้นที่จะต้องทำมัน







///////////////////////////////
ขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้ตลอดมาครับ


#อ่านตอนพิเศษได้ที่
(1) www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2 (http://www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b9247b5e3ef4900101120e2)
(2) https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2 (https://www.readawrite.com/a/befadb43ba9c2c20826468f72f3ed7b2)
(3) http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง (http://www.tunwalai.com/story/251592/ตัวสำรอง)

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory (http://facebook.com/inDefinitionStory)
หัวข้อ: Re: มาแล้ว/// ตัวสำรอง - บทที่ 18 มีแต่ต้องลงมือทำเท่านั้น [แนวกีฬา] 25.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: lovenut ที่ 26-11-2018 14:11:13
ขอบคุณนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: มาแล้ว/// ตัวสำรอง - บทที่ 18 มีแต่ต้องลงมือทำเท่านั้น [แนวกีฬา] 25.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 26-11-2018 15:48:27
ใช่!! มีแต่เราเท่านั้นที่จะต้องทำมัน!! ปล่อยของออกมาเลยมะลิ ใจกล้า เสมอ 1เดือนนับจากนี้ซ้อมเต็มที่ิ โคตรลุ้นและเอาใจช่วยเลย คู่แข่งก็เยอะ เก่งๆทั้งนั้น พากันซ้อมไปนะ เดี๋ยวเราจะไปทำผ้าเชียร์รอ จะเอาไปโบกเชียร์ในสนามวันแข่งจริง หรือไม่ก็จะอาสาไปเสริมน้ำช่วยอ.กฤษนะ 555555 อยากจะทำเสื้อทีมส่งไปให้จัง อินมากอ่ะ ตื่นเต้นแทน 5555555 สู้เขาลูก สู้เขามะลิ ใจกล้า เสมอ ฮึบๆ ว้อยยยยยสนุกกก ลุ้น นี่ยังไม่ถึงวันแข่งจริงนะ แค่บอกเล่าการคัดเลือกคู่แข่งก็ลุ้นแล้วอะ ถึงเวลาแข่งจริง ลุ้นขิบหายแน่นอน 555555 รอๆค่ะ รอการซ้อมตลอด1วันถึงวันแข่ง เจอกันคมสัน ^^ แต่งเก่งมาก บรรยายเห็นแบบ HD เลย :)
หัวข้อ: Re: มาแล้ว/// ตัวสำรอง - บทที่ 18 มีแต่ต้องลงมือทำเท่านั้น [แนวกีฬา] 25.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 26-11-2018 17:33:11
การฝึกซ้อมเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว รอมะลิเจอกับคมสันที่งานแข่งนะคะ
หัวข้อ: Re: มาแล้ว/// ตัวสำรอง - บทที่ 18 มีแต่ต้องลงมือทำเท่านั้น [แนวกีฬา] 25.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-11-2018 19:02:59
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: มาแล้ว/// ตัวสำรอง - บทที่ 18 มีแต่ต้องลงมือทำเท่านั้น [แนวกีฬา] 25.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 01-12-2018 12:20:01
อ่านกี่ตอนๆก็ยังลุ้นไปกับเด็กๆเหมือนเดิม เด็กๆสู้ๆพยายยามเพื่อความสำหรับในวันข้างหน้า
หัวข้อ: Re: มาแล้ว/// ตัวสำรอง - บทที่ 18 มีแต่ต้องลงมือทำเท่านั้น [แนวกีฬา] 25.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: Runsmile ที่ 22-12-2018 00:16:41
รอน้องมะลิอยู่นะคับ :mew1:
หัวข้อ: Re: มาแล้ว/// ตัวสำรอง - บทที่ 18 มีแต่ต้องลงมือทำเท่านั้น [แนวกีฬา] 25.11.18
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 11-01-2019 11:36:57
รอน้องมะลิอยู่นะคะ
หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 19 สู้ๆนะเสมอ
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 06-01-2020 08:52:28
บทที่ 19 สู้ๆนะเสมอ

ผู้คนเนืองแน่นไปทั้งบริเวณ สนามกีฬาประจำจังหวัดเต็มไปด้วยนักกีฬาจากทั่วสารทิศ มารวมตัวกันเพื่อช่วงชิงตั๋วใบแรกสู่เส้นทางระดับชาติ เหล่านักกรีฑาประเภทลู่-ประเภทลานต่างพกพาความมั่นใจ พร้อมหอบหิ้วความหวาดหวั่นมาเยือนสนามแข่งแห่งนี้ ขั้วตรงข้ามแทบขาดจากกันไม่ได้ในระดับจิตใจ ความเชื่อมั่นจากการฝึกซ้อมถูกคานด้วยการเปรียบเทียบตนกับนักกีฬาโรงเรียนดัง เป็นการงัดง้างภายในจิตใจของเหล่านักกีฬาทั้งหลาย

หน้าที่หนึ่งซึ่งเอื้อมมือเข้ามาช่วยพวกเขาให้ออกจากความว้าวุ่นนั้นได้ ไม่พ้นเหล่าผู้ฝึกสอนที่ติดตามมาไม่ห่าง บางโรงเรียนอาจถึงขั้นมีผู้เชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะ บางโรงเรียนก็เพียงครูอาจารย์ที่รับปากลูกศิษย์และติดตามดูแล แต่ใดๆ ก็แล้วล้วนมาเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้นักกีฬาของตนทั้งสิ้น

ทั้งโรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ โรงเรียนเด่น โรงเรียนดัง หรือโรงเรียนไร้ชื่อ เมื่อก้าวเข้ามาในพื้นที่ท้าชิง ทุกคน ทุกโรงเรียน ต่างมีสถานะเท่าเทียมกัน ไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น เป็นเพียงนักกีฬาคนหนึ่งที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคไปสู่ชัยชนะ --- ผู้ชนะไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว ทว่าผู้แพ้ก็ไม่ได้มีแค่คนสองคนเช่นกัน เสียงร้องแห่งชัยชนะจะกึกก้อง พร้อมกันนั้นเสียงสะอื้นไห้และหยาดน้ำตาต่างก็เตรียมพรั่งพรูในเวลาเดียวกัน

แต่นั่นเป็นเรื่องหลังจากนี้

การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ โดยความร่วมมือระหว่างองค์กรเอกชนครั้งนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ หลากสนามแข่งขันแยกย่อยตามประเภทกีฬา หนึ่งในนั้นการแข่งกรีฑาประเภทลู่และลานก็จัดขึ้นในสนามเบื้องหน้านี้ เด็กสามคนจากโรงเรียนห่างไกล พร้อมที่ปรึกษาอีกหนึ่งกำลังก้าวเข้าสู่บริเวณจุดลงทะเบียนแข่งขัน มีหลายโรงเรียนก่อนหน้าพวกเขาต่อแถวกันยาวเหยียด
ทั้งสี่มุ่งไปยังหมุดหมายดังกล่าว ก่อนยืนต่อหลังผู้มาก่อนอย่างไม่รีบร้อน สภาพภายนอกแทบไม่ต่างจากนักกีฬาคนอื่น มะลิที่ตัวเล็กกว่าเพื่อนยังได้ส่วนแบ่งค่าเฉลี่ยความสูงจากเสมอและใจกล้า กลบขนาดตัวที่เห็นแล้วต้องสะดุดตา หากไปยื่นเด่นหราอยู่กลางวงล้อม ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีมของเขาที่ช่วยปิดหน้าหลังให้ในยามนี้

แม้จะมีความวิตกกังวลปนตื่นตระหนกปรากฏให้เห็นบนดวงหน้าทั้งสาม แต่ไม่มากจนที่ปรึกษาอย่างกฤษต้องเป็นห่วง ให้พวกเขาซึมซับแรงกดดันจากรอบข้างให้เต็มที่ อย่างน้อยสิ่งที่ได้รับมาก็คือประสบการณ์ ซึ่งขณะนี้ดูท่าจะมีแค่มะลิและเสมอที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้

“คนเยอะจังเลย” มะลิเอ่ยเสียงสั่น หลังกวาดตาไปรอบบริเวณ เห็นผู้คนนับร้อยกำลังมุ่งมายังจุดลงทะเบียนเช่นเดียวกับพวกตน ซึ่งเอาเข้าจริงเขาก็ตระหนักตั้งแต่ต้นแล้วว่า คนที่มากันวันนี้ ล้วนเป็นคู่แข่งของตนไม่มากก็น้อย

“แน่นอนสิ นักวิ่งทั้งจังหวัด” ใจกล้าพูดออกไปอย่างเรียบเฉย เขามีประสบการณ์บนสนามอย่างโชกโชน เทียบกับหน้าใหม่อย่างมะลิแล้ว ใจกล้าแทบไม่หวั่นวิตกใดเลย

“ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมครับ” เสมอร้องขึ้นอย่างเหลืออด เมื่อความอดกลั้นใกล้ถึงขีดจำกัด   

“รีบไปรีบมาล่ะ” กฤษอนุญาต จากนั้นเสมอก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว คนนี้ก็ตื่นเต้น ตื่นสนามจนคุมตัวเองไม่อยู่ ยกขวดน้ำที่ถือขึ้นซดจนปวดเบา ต้องขอไปทำธุระอย่างที่เห็น

ฝูงชนเพิ่มจำนวนไม่หยุดหย่อน เวลาเคลื่อนไปทีละน้อย บรรดานักกีฬาจากหลากโรงเรียน ทยอยเข้ามาสมทบไม่ขาดสาย รวมทั้งทีมผู้ฝึกสอน อาจารย์ผู้ควบคุม และกองเชียร์ของบางโรงเรียน ทำเอาจุดลงทะเบียนยิ่งเนืองแน่นไปด้วยฝูงชน มากเสียจนล้นทะลักออกนอกบริเวณที่จัดเตรียมไว้

แถวยาวเหยียดสับเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นช่วงๆ แต่ไม่ร่นระยะลงเลยแม้แต่น้อย คนเก่าไปคนใหม่ก็เข้าแทนที่ ความชุลมุนจึงไม่ซาไปในเวลาอันใกล้ โรงเรียนห่างไกลแห่งหนึ่งจึงได้ลงทะเบียนในที่สุด นักกีฬาทั้งสามได้รับป้ายชื่อติดตัวสำหรับบอกสถานะ ซึ่งพ่วงด้วยสิทธิ์ในการเข้าถึงบางพื้นที่ ส่วนที่ปรึกษาก็ไม่ต่างกัน มีป้ายกำกับไว้ชัดเจน แถมมีจำนวนจำกัดต่อหนึ่งโรงเรียน เพียงแต่กฤษคงไม่ต้องแย่งยื้ออภิสิทธิ์ดังว่าจากใคร เพราะลำพังสมาชิกรวมที่ปรึกษาก็มีเพียงสี่ อาจน้อยที่สุดสำหรับการแข่งขันจับเวลาในวันนี้ก็ว่าได้

กฤษพานักกีฬาทั้งสามเข้าไปยังสนาม พิธีเปิดพอเป็นพิธีเริ่มต้นขึ้น กระนั้นก็ยังยิ่งใหญ่ด้วยจำนวนนักกีฬาหลักพัน แต่ก็ไม่ใหญ่เกินกว่าจะกินเวลาแข่งขันในภาคเช้าไปทั้งหมด เพียงรอบจับเวลาจึงต้องเร่งมือกันทันที ทุกคนในสนามอยู่ในชุดพร้อมสำหรับแข่ง สีสันที่แตกต่างกันตามการออกแบบ ชื่อของแต่ละโรงเรียนปรากฏชัด ในตัวจำนวนมากสีมีอยู่มุมหนึ่ง ชุดทั้งสามถูกสวมใส่โดยนักกีฬาซึ่งมีจำนวนสมาชิกเพียงสาม เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ใส่ชุดฟอร์มของโรงเรียน ชุดที่เพิ่งตัดเสร็จเมื่อวานนี้ ทุกคนมาในฐานะนักกีฬาอย่างแท้จริง กฤษมองดูลูกศิษย์อย่างภาคภูมิใจ

ลำดับการแข่งขันจับเวลาในครั้งนี้ถูกประกาศและแจ้งแก่ทุกโรงเรียนราวหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า ส่งตรงไปยังชมรมกรีฑาที่พวกเขาสังกัด ลำดับต่างๆ แยกย่อยออกเป็นหมวดหมู่ตามประเภทกรีฑากับระยะที่ต่างกันไป ไม่ใช่เรื่องแปลก หากไม่นับจำนวนที่ยังเยอะเกินมาตรฐาน ซึ่งในวันนี้เอง มาตรฐานที่ถามหากำลังถูกเลือกเฟ้น

“พร้อมหรือเปล่าเสมอ” กฤษถามนักกีฬาคนแรกที่จะลงประเดิมผลงานจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก ซึ่งไม่แพ้ใครในสามคนนี้เลย แม้เป็นการเปลี่ยนแนวทางครั้งใหม่ ถึงจะต้องแบกรับอดีตกับความล้มเหลวเอาไว้ แต่เสมอก็ไม่เคยยอมแพ้ ทุ่มให้กับทุกย่างก้าวยิ่งกว่าครั้งที่ยังวิ่งตามลูกกลมบนสนามเสียอีก เพราะคราวนี้เขาไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว ลำพังแค่คิดว่าเหนื่อยเกินไป เพียงเงยหน้าขึ้นมอง จะเห็นคนตัวเล็กที่ยังวิ่งไปข้างหน้าไม่หยุดหย่อน เท่านั้นเขาก็ต้องกลับลงลู่อีกครั้ง ไม่ใช่เขาคนเดียวเสียหน่อยที่กำลังเหนื่อยอ่อน ทั้งมะลิและใจกล้ากลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่มอบกำลังให้เสมอจนถึงวินาทีนี้

“คงต้องพร้อมแล้วล่ะครับ” เสมอตอบกลับอย่างนั้น ทว่าภายในใจกลับเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ แม้ไม่ได้ตื่นสนาม แต่พอเวลากระชั้นชิดเข้ามาก็อดประหม่าไม่ได้

“สู้ๆ นะเสมอ” มะลิที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มหันมาให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีม ทำเอาเสมอยิ้มออกมาในที่สุด
หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 20 เก่งมากเสมอ
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 06-01-2020 08:55:24
บทที่ 20 เก่งมากเสมอ

“สู้ๆ นะเสมอ” มะลิที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มหันมาให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีม ทำเอาเสมอยิ้มออกมาในที่สุด

ตุ๊บ! ฝ่ามือแกร่งฟาดลงกลางแผ่นหลัง ไม่แรงนัก แค่หมายจะปลุกคนตื่นกลัว แรงมือจากใจกล้าคืนสติให้กับเขา สายตาที่จ้องมองมาจากเพื่อนสนิท ร้องบอกว่าไม่ต้องกังวล แค่ทำให้ดีที่สุดก็พอ เสมอก็ส่งกลับไม่เบาจนเกินไป เป็นการขอบคุณฝ่ามือดังกล่าว แม้จะไร้คำพูดปลุกใจ กระนั้นก็เกินพอแล้ว

“ไปทำให้พวกนั้นรู้ฤทธิ์ของนาย” ที่ไหนได้ เสียงเข้มถูกส่งมาจากใจกล้า ซึ่งยังจ้องมองเขาอย่างไม่วางตา เขาพยักหน้ารับแรงใจจากเพื่อนสนิทอีกครั้ง

กำลังใจจากเพื่อนร่วมทีมช่วยลดความประหม่าและอาการตื่นสนามของเสมอได้ไม่น้อย ที่เหลือคงต้องเป็นหน้าที่ของเขา ว่าจะจัดการอารมณ์และความรู้สึกส่วนเกินนี้ให้สิ้นซากอย่างไร เพราะหลังจากนี้ไม่อาจพึ่งพาใครได้นอกเสียจากกำลังใจจากตัวเอง เสมอมองย้อนกลับไปยังวันแรกที่เขาก้าวเข้ามาในชมรมเล็กๆ แห่งนี้ ต้องอยู่ซ้อมจนดึกดื่นกับเพื่อนทั้งสอง วิ่งตามหลังทั้งคู่ ภาพในวันวานซึ่งไหลกลับมาช่วยปลอบประโลมเขา หากจะมีคู่แข่งที่น่ากลัว เขาก็เผชิญหน้าทุกเย็นอยู่แล้ว ยังต้องกลัวอีกงั้นหรือ เสมอคิด

“จำไว้นะเสมอว่าการแข่งครั้งนี้เธอไม่ได้แข่งกับนักกีฬาคนอื่น แต่เธอกำลังแข่งกับตัวเอง ทำเวลาที่ดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ โอกาสมีเพียงสองครั้ง เข้าใจนะ” กฤษไม่เอื้อนเอ่ยอวยชัยให้สวยหรู ไม่ได้มอบคำพูดอ่อนโยนใดๆ แก่นักกีฬาของเขา หน้าที่เหล่านั้นเพื่อนร่วมทีมของเสมอทำไปหมดแล้ว สำหรับกฤษเพียงชี้แนวทางที่ดีที่สุดให้แก่นักกีฬา

รอบจับเวลาแม้จะต้องขับเคี่ยวไปพร้อมกับนักกีฬาจากหลายโรงเรียน ผู้ชนะในแต่ละรอบย่อมมีโอกาสคว้าตั๋วเพียงไม่กี่ใบมาไว้ในมือก็จริง แต่สิ่งสำคัญของรอบนี้คือเวลา สถิติจะถูกบันทึกสองครั้ง และเลือกเอาเวลาที่ดีที่สุดออกมา เรียงลำดับจากเวลาน้อยลงไปมาก อันดับต้นๆ ต้องเป็นเสี้ยวนาทีที่น้อยนิดซึ่งพวกเขาช่วงชิงมา ขอเพียงเวลาอยู่ในลำดับที่ใช้ได้และยังอยู่ในจำนวนโควตาที่กำหนดไว้ เพียงเท่านี้ก็มีสิทธิ์ผ่านเข้ารอบต่อไป แม้จะเป็นการแข่งกับทุกคนบนสนาม หากเข้าใจและไล่ตามเวลาของตัวเองเหมือนที่มะลิทำมาตลอดก็เพียงพอแล้ว ทลายขีดจำกัดของตัวเองด้วยเวลาที่ค่อยๆ ร่นลง

“ไปได้” สิ้นเสียง กฤษตบหลังเสมอเบาๆ ให้เดินหน้า เสมอก็ก้าวเข้าสู่จุดรวมตัวนักกีฬาซึ่งเตรียมลงแข่งในรายการถัดไป มีการเช็คชื่อตามทะเบียน ยืนยันตัวและมอบหมายเลขแข่งขันชั่วคราว โดยนักกีฬาทุกคนที่ลงแข่งจะถูกสุ่มให้อยู่ในรอบแข่งขัน สองครั้งจากรอบทั้งหมด เป็นโอกาสที่พวกเขาทุกคนมี

เสมอก้าวไปยังลู่วิ่งของตนเองที่ถูกกำหนดไว้ ขณะนี้เป็นการแข่งรอบที่ห้า นักกีฬาทั้งแปดคนอยู่บนสนามอย่างพร้อมเพรียง ก่อนย่อตัวลงไปตั้งท่าบนที่ยันเท้า รอเพียงเสียงสัญญาณ ความตื่นเต้นพลันหวนคืน กลับมาเล่นงานพวกเขาอีกครั้ง เสี้ยววินาทีสัญญาณปล่อยตัวดังขึ้น

ขาทุกคู่ก้าวไปข้างหน้าแทบจะพร้อมกัน ส่วนเสมอก้าวออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ตนเองยังไม่ทราบ คงเป็นทันทีที่ได้ยินเสียงเหมือนกับคู่ต่อสู้คนอื่น เขารับรู้เพียงภาพตรงหน้าที่มุ่งไป ขายาวสลับขึ้นนำอย่างมั่นคง ทุ่มแรงกายทั้งหมดให้กับระยะที่ได้รับการจัดสรร เพียงไม่กี่วินาทีการแข็งขันรอบนี้ก็สิ้นสุด นักกีฬาทุกคนบ้างก็วิ่งต่อและชะลอความเร็ว บ้างหยุดแล้วย่อตัวลงอย่างเหนื่อยอ่อน บ้างก็ล้มลงกับพื้น แรงกายถูกเผาผลาญไปไม่น้อย แม้เพียง 100 เมตร ระยะสั้นๆ แค่นี้กลับทำให้หลายคนโก่งตัวหอบ ความกดดัน แรงกระตุ้น คู่แข่ง สนาม ผู้คน กองเชียร์ ทุกอย่างต่างประโคมเข้ามาเกิดเป็นแรงกดดันไม่ทราบมวลกดทับพวกเขาที่ก้าวไป จนต้องใช้แรงฝ่าต้านมากมายมหาศาลแบบนี้

“ที่สอง” เสมอมองดูสถิติของตนบนหน้าจอใหญ่ข้างสนาม มองเวลาที่ไม่ทราบว่าดีหรือเลว รู้เพียงว่าในรอบนี้เขาเป็นรองนักกีฬาคนหนึ่งจากทั้งหมดบนลู่สนาม ซึ่งไม่ทราบชื่อและโรงเรียนที่สังกัด แม้จะมีบอกไว้ แต่เขาไม่ได้สนใจ จดจ่ออยู่กับตัวเลขของตนเท่านั้น --- ไม่เลว

เสมอยังเหลือโอกาสอีกหนึ่งครั้ง จำต้องกลับเข้ามาในพื้นที่ที่จัดไว้ให้นักกีฬา ซึ่งอยู่ในระหว่างการแข่งขันโดยเฉพาะ ไม่มีเพื่อนหรือที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำ เขากำลังเฝ้ารอการแข่งขันของตน โอกาสสุดท้าย

สวัสดิการในสนามทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง เพื่อไม่ให้นักกีฬาซึ่งมาจากต่างโรงเรียนต่างสถานะรู้สึกถึงความแตกต่างมากเกินไปของแต่ละโรงเรียน จึงกองกลางคอยดูแลระหว่างการแข่ง แทนที่จะให้สวัสดิการของที่เข้ามาจัดการนักกีฬาของตน อีกเหตุผลคงเป็นเรื่องจำกัดคน เพราะลำพังนักกีฬาซึ่งเตรียมลงสนามก็เต็มพื้นที่แล้ว บริเวณที่จัดเตรียมเมื่อถึงวันจริงก็แทบไม่เพียงพอต่อความต้องการ

ไม่นานเสมอก็ก้าวออกไปยังสนามอีกครั้ง ประจำลู่วิ่งของตน ก่อนพุ่งตัวไปข้างหน้าหลังเสียงสัญญาณดังขึ้น ครั้งนี้เขาไม่เหลือความตื่นตระหนกหรือความกลัวใดๆ อีก เพียงมุ่งไปยังเส้นชัยตามกำลังและความสามารถจะเอื้ออำนวย ทำเหมือนที่ฝึกซ้อม ทำเหมือนที่ผ่านมา รักษามาตรฐานของตนเองไว้ ไม่ปล่อยให้สภาพแวดล้อมภายนอกมาบดบังหรือลดทอนสิ่งเหล่านี้ลง เสมอใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก่อนก้าวเข้าสู่เส้นชัยในที่สุด

จบการแข่งจับเวลาในรอบนี้ นักกีฬาทุกคนกลับไปที่จุดรวมพลของแต่ละโรงเรียนตามเดิม เสมอเป็นหนึ่งในนั้นที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวกลับมายังจุดเดิมของพวกเขา ซึ่งมีเพื่อนและอาจารย์เฝ้าคอยอยู่ ใบหน้ายิ้มแย้มของเพื่อนร่วมทีมทั้งสองกับรอยยิ้มเล็กๆ จากอาจารย์ที่ปรึกษา ทำให้เวลานี้เสมอตอบคืนรอยยิ้มเหล่านั้นอย่างยากจะกลั้นไว้ แม้เป็นยิ้มที่เหนื่อยอ่อนก็ตาม

“เก่งมาก” กฤษเอ่ยชมเขา

“ใช้ได้เลยนี่” ใจกล้าพูดขึ้นมา

“ใช่ๆ เก่งมากเสมอ” คนตัวเล็กที่สุดตามสมทบอีกเสียง

เสมอล้มลงใกล้ตัวใจกล้า เขาทำหน้าที่ของตนแล้ว เพราะไม่ได้ลงแข็งประเภทอื่นอีกนอกจากระยะที่ผ่านพ้นมา ระยะที่เขาทำได้ดีที่สุดในการฝึกซ้อม ซึ่งผลที่ออกมาก็สร้างขวัญกำลังใจให้กับทั้งทีม เพราะการฝึกซ้อมของเสมอนั้นไม่เสียเปล่า บัดนี้เขาผ่านเข้ารอบต่อไปแล้ว ในลำดับต้นของผู้แข่งขันทั้งหลาย
หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 21 การแข่งขันของใจกล้า
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 06-01-2020 08:57:11
บทที่ 21 การแข่งขันของใจกล้า

เว้นช่วงไปครู่ใหญ่ เนื่องด้วยพวกเขาโรงเรียนเล็กไม่สามารถส่งนักกีฬาท้าชิงการแข่งได้ทุกประเภท ถัดจากนั้นพวกเขาเตรียมส่งนักกีฬามากฝีมือ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นอันดับสองของจังหวัดในรุ่นเดียวกัน ใจกล้ารอคอยการแข่งขันของตนอย่างนิ่งสงบ ไม่มีท่าทีร้อนรนให้รอบข้างจับสังเกต มีแค่เจ้าตัวเท่านั้นที่ทราบดีว่า ภาพลักษณ์ภายนอกเป็นเพียงมายาที่เขาสร้างขึ้นมาปิดทับความอ่อนแอซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายใน เขาเองไม่ต่างจากนักกีฬาคนอื่นในที่แห่งนี้ ไม่ต่างจากเสมอ ไม่ต่างจากมะลิ ไม่ต่างจากใครเลย เขาก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง นักวิ่งคนหนึ่ง ทั้งตื่นเต้น หวั่นเกรง วิตกกังวลใจในทุกเรื่อง ความนิ่งภายนอกเทียบไม่ติดกับใจที่ระส่ำระสาย แค่ไม่อยากให้อีกสามคนเป็นห่วง โดยเฉพาะเพื่อนร่วมทีมทั้งสอง

การแข่งระยะ 800 เมตรมีขึ้นในช่วงบ่าย ใจกล้ากับมะลิยังไม่ได้ลงสนาม จึงต้องควบคุมปริมาณอาหารที่กินเข้าไปอย่างเข้มงวด ต่างจากเสมอที่ยัดทุกอย่างที่ขวางหน้าลงท้อง เพราะเสร็จสิ้นภาระกิจที่ตนแบกมาตลอดหลายเดือนแล้ว แม้จะเป็นเพียงก้าวแรกก็ตาม กอปรกับความเหนื่อยอ่อนจากการแข่งเมื่อครู่ เสมอจึงไม่รีรอที่จะเติมพลังจากอาหารหลากหลายชนิดตรงหน้า

“พร้อมนะใจกล้า” กฤษเอ่ยขึ้นหลังจบมื้อเที่ยงที่เร่งรีบ ซึ่งใกล้ถึงเวลาสำหรับการแข่งขันรอบ 800 เมตร
“ครับ” ใจกล้าตอบกลับสั้นๆ

“ไม่เป็นไรแน่นะใจกล้า ถ้ากังวลก็พูดออกมาได้ ไม่ต้องเก็บเอาไว้คนเดียวหรอก” เสมอเอ่ยอย่างรู้ทัน เพราะเขาเพิ่งประสบความรู้สึกดังว่าเมื่อไม่นานมานี้เอง ย่อมเข้าใจเพื่อนตรงหน้ายิ่งกว่าใครอื่น

“ไม่เป็นไรจริงๆ ไม่ต้องห่วง” แต่ใจกล้าก็เลือกที่จะเก็บความในใจไว้ลำพัง

ไม่ใช่เขาไม่เชื่อใจเพื่อนร่วมทีมหรืออาจารย์ที่ปรึกษา แต่ด้วยนิสัยตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขามักข่มความกลัวด้วยใจดวงน้อยของตน โดยไม่พึ่งกำลังจากรอบข้าง แม้จะกังวลไม่น้อยกับการแข่งขันในระดับที่สูงกว่าสมัยมัธยมต้น แต่ก็ไม่ได้บั่นทอนกำลังใจและแรงใจที่เขาพกมาให้ลดน้อยถอยลง เขาเชื่อในศักยภาพของตัวเอง และเชื่อในการฝึกซ้อมที่ผ่านมา แม้ไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพอย่างเพียบพร้อม แต่สถานที่แห่งนี้กลับสร้างความอบอุ่นใจให้แก่เขาอย่างน่าประหลาด เป็นครั้งแรกที่เขายิ้มได้ขณะฝึกซ้อม ยิ้มได้แม้กำลังพ่ายแพ้ เขาเปลี่ยนไปมาก จากสถานที่แห่งนั้น และจากชมรมแห่งนี้

“ทุกคนไม่ต้องห่วง แค่นี้สบายมาก” เขาพูดทิ้งท้าย ก่อนก้าวออกไปอย่างมั่นคง ไม่แม้กระทั่งหันมาขอกำลังใจจากใครอื่น ใจกล้าบอกกับตัวเองว่ากำลังมุ่งหน้าเพื่อคว้าชัยกลับมาให้ทุกคน เขาตั้งใจจะทำเวลาที่ดีที่สุดในระยะนี้

ขายาวก้าวเข้าสู่สนาม ยืนอยู่บนลู่วิ่งประจำตำแหน่งที่ได้รับ เฝ้ารอสัญญาณปล่อยตัวพร้อมกับคู่แข่งคนรอบกาย การแข่งขันสองรอบสนามของเขาจึงเริ่มต้น ปั้ง! สิ้นเสียงนักกีฬาจากโรงเรียนห่างไกลในชุดฟอร์มที่มีจำนวนน้อยที่สุดในสนามพุ่งตัวออกไปและก้าวขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกม ก่อนรักษาระดับของตนอย่างมั่นคง ทิ้งระยะจากกลุ่มพอสมควร แม้การแข่งครั้งนี้จะมีรุ่นพี่ที่โตกว่าหลายคนลงแข่ง แต่อายุไม่ได้เป็นตัวชี้วัดศักยภาพ เขาเชื่ออย่างนั้น แล้วก้าวต่อโดยไม่คิดจะหันกลับมามองคู่แข่ง ก่อนเข้าสู่รอบที่สองอย่างรวดเร็ว ความเหนื่อยอ่อนเริ่มมากล้ำกราย ไม่ใช่แค่เขา ทุกคนในสนามก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน เพียงแต่ใจกล้าผลาญพลังกายไปกับการรักษาตำแหน่งผู้นำค่อนข้างมาก ไม่แปลกหากเขาจะต้องรับภาระเหนือคนอื่นหนึ่งขั้น ขณะนี้ใจกล้ากำลังขับเคี่ยวกับนักกีฬาต่างโรงเรียนสองคนที่ไล่ตามหลังอย่างกระชั้นชิด ก่อนขึ้นมาประกบติดในช่วงสุดท้าย แรงกายซึ่งเหลืออยู่น้อยนิดถูกรีดเค้นมาใช้ในที่สุด เขาทุ่มกำลังในช่วงสองร้อยเมตรสุดท้าย พร้อมๆ กับสองคนนั้นที่คิดทำไม่ต่างกัน ก่อนขายาวจะก้าวผ่านเส้นชัยเป็นคนแรก

ใจกล้ายืนหอบอยู่ครู่ใหญ่ หันมองผลงานที่ออกมาเป็นตัวเลขบนจอใหญ่ แล้วกลับเข้าไปยังจุดพักพร้อมกับนักกีฬาคนอื่น เช่นเคยมีสวัสดิการทำหน้าที่อยู่อย่างแข็งขัน คู่แข่งบางคนล้มพับลงไปจนต้องเรียกหน่วยพยาบาลเข้ามาดูแล โชคดีที่ไม่เกิดอะไรขึ้นกับเขา สนามที่นุ่มกว่าดินแข็งที่ฝึกซ้อมช่วยผ่อนแรงและลดแรงกระแทกลง การฝึกฝนจากสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวยและแข็งกระด้างเช่นนั้น พึ่งปรากฏผลในยามที่เขากำชัยมาไว้ในมือ --- ก็ไม่เท่าไหร่ ยังทำได้มากกว่านี้ เขามุ่งมั่น

การแข่งระยะนี้มีหลายคนที่เขาคุ้นหน้า จากการแข่งซ้อมในครั้งก่อน แต่จนใจเพราะจำชื่อคนเหล่านั้นไม่ได้ และอีกหลายคนที่เป็นขับเคี่ยวสมัยมัธยมต้นก็อยู่ในสนามเดียวกันนี้ ทุกคนต่างเชื่อมั่นในฝีเท้าของตนไม่ต่างจากเขา และทุกคนก็คาดหวังในชัยชนะเช่นกัน ไม่มีใครก้ามเข้าสนามโดยไม่คาดหวังในผลสูงสุดนั้น และเมื่อความหวังนั้นไต่ระดับขึ้นไป ความกดดันยิ่งสูงตาม แม้จะเป็นการแข่งจับเวลา ก็ใช่ว่าจะมีใครย่อมปล่อยให้ตนก้าวเข้าเส้นชัยเป็นคนสุดท้าย ไม่ว่ารอบการแข่งของตนจะต้องพบปะกับนักกีฬามากฝีเท้าจากไหน พวกเขาก็พร้อมพุ่งออกไปเพื่อท้าชนกันซึ่งหน้า

ใจกล้าเข้าสู่สนามอีกครั้ง บนลู่วิ่งของตน ขับเคี่ยวกับนักวิ่งต่างโรงเรียนชุดสุดท้าย เขายังคงยึดแบบแผนที่ได้ฝึกซ้อมมา ทั้งการแบ่งกำลังในแต่ละช่วง รักษาความเร็วให้คงที่ ไม่หวั่นไหวแม้ขณะที่มีคนขึ้นนำตนไปอย่างห้าวหาญ เขาเชื่อว่าระดับที่กำลังรักษาอยู่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง จึงไม่รีบเร่งเบียดแซงขึ้นหน้าคนๆ นั้น ขายาวก้าวต่อไป นับว่าประสบผลไม่น้อยในการคงฟอร์มของตนในรอบที่สองนี้ แม้กำลังกายจะถูกบั่นทอนจากการแข่งขันรอบที่ผ่านมา ทว่ากำลังใจกลับมีมากขึ้นจากอันดับในรอบที่แล้ว ใจกล้าเลือกใช้สูตรการวิ่งเดียวกันกับรอบแรก หากเขารักษามาตรฐานของตนได้อย่างนี้ต่อไป กอปรกับนักกีฬาคนอื่นถูกผลาญกำลังกายและกำลังใจจากรอบที่แล้ว นั่นเท่ากับว่าเขาได้เปรียบคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด สองร้อยเมตรสุดท้ายขายาวก้าวขึ้นหน้าอย่างหนักหน่วง ไม่แม้กระทั่งหันมามองคู่แข่งที่ข้ามผ่าน จับจ้องเพียงเส้นชัยที่ใกล้เข้ามา ขาคู่นี้สอดประสานอย่างงดงาม เสี้ยวนาทีต่อมา การแข่งขันของใจกล้าก็สิ้นสุด

หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 22 พร้อมไหม
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 06-01-2020 08:58:43
ตัวสำรอง - บทที่ 22 พร้อมไหม

สำหรับทีมนักกีฬาที่มีจำนวนสมาชิกเพียงสาม เหลืออีกหนึ่งรายการแข่งขันที่พวกเขากำลังเฝ้าคอย ความกดดันที่เคยรุมเร้าเข้ามา ถูกถอดทิ้งไปอีกหนึ่ง ใจกล้าจบรอบด้วยอันดับที่น่าพึงใจ ทว่ายังเหลือสมาชิกอีกหนึ่งซึ่งแตกต่างออกไปจากสองคนแรก ความกดดันยิ่งทบทวีเมื่อเวลาใกล้เข้ามา สีหน้า อาการ ท่าทางนั้นแสดงออกจนปิดไว้ไม่มิด

“ใจเย็นๆ มะลิ หายใจเข้าลึกๆ” กฤษอดวิตกกับความเปลี่ยนแปลงของลูกศิษย์ตัวเล็ก ซึ่งเข้าขั้นวิกฤตเลยก็ว่าได้ สีหน้าของมะลิขณะนี้บ่งบอกได้ถึงระดับความเครียดมหาศาลที่เจ้าตัวสร้างขึ้นมากดดันตนเอง

“ขะ ขอบคุณครับ” แต่ถึงกระนั้น มะลิยังมีสติพอจะตอบรับความหวังดีจากกฤษ แม้เสียงนั้นจะสั่นเครือไปบ้างก็ตาม

“ไม่ต้องคิดมาก” คำแนะนำจากเสมอผู้เสร็จสิ้นภารกิจคนแรกและทำเวลาออกมาจนสร้างขวัญกำลังใจให้กับทั้งทีม

“ไม่ใช่งานง่ายแล้วแบบนี้” เสียงใจกล้าเล็ดเข้ามาในโสตประสาท แม้ไม่ค่อยรื่นหู แต่นั่นเป็นความจริงที่มะลิเผชิญอยู่ในขณะนี้ ขาทั้งสองของตนแข็งทื่อไปหมด

มะลิมองตรงไปที่ลู่วิ่งซึ่งว่างเปล่าไร้ผู้ใช้งาน การแข่งก่อนหน้าเพิ่งเสร็จสิ้นไป กำลังรอเหล่าผู้ท้าชิงชุดใหม่ก้าวเข้ามา ซึ่งมะลิเป็นหนึ่งในนั้น จ้องไปยังจุดตัดสินหวังเรียกคืนสติ แต่กลับพาความคิดให้เตลิดเปิดเปิงไปไม่สิ้นสุด เขาวาดภาพความพ่ายแพ้ที่อาจเกิดขึ้นตรงปลายสุดของเส้นชัย ภาพของตนที่กำลังบาดเจ็บ ภาพที่เขาวิ่งตามคนตัวสูงทั้งหลายไม่ทัน ภาพต่างๆ เหล่านั้นกำลังกดทับตัวเขาให้จมดิ่งจนแทบขยับเขยื้อนไม่ได้ ปิดทุกการรับรู้ที่พยายามส่งผ่านเข้ามา ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองอย่างลำพัง

“มะลิ มะลิ นี่มะลิ มะลิ”

“ขะ ครับ” กว่าเสียงนั้นจะคืนสติให้คนตัวเล็ก ฉุดเขาออกจากภวังค์ได้สำเร็จก็ครู่ใหญ่
 
เขารีบหันกลับมายังใบหน้าที่จ้องตอบ เพื่อนร่วมทีมและอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสามกำลังกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ใจกล้าก็ไม่คิดจะปิดอีกต่อไป อาการของเขาพลอยทำให้เพื่อนร่วมทีมและอาจารย์ที่ปรึกษาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

“ไหวไหมเรา” กฤษเอ่ยขึ้นอีกครั้ง คราวนี้คงใช้วิธีเดียวกับสองคนแรกไม่ได้แล้ว มะลิคือหน้าใหม่ของวงการ หน้าใหม่ของสนาม และหน้าใหม่ของการแข่งขันอย่างเป็นทางการ นี่เป็นครั้งแรก กฤษจำต้องลงมาดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกำลังใจที่ถูกเจ้าตัวบั่นทอนไป

“ไหวครับ” มะลิตอบกลับเสียงอ่อน แท้จริงแล้วยังจัดการความรู้สึกภายในไม่ได้เลย

“ถึงเวลารวมตัวแล้ว ตั้งใจทำให้ดีที่สุดล่ะ อย่าไปกดดันตัวเองเข้าใจไหม เอาล่ะไปได้แล้ว” กฤษตบหลังนักกีฬาตัวน้อยสองครั้งเพื่อออกตัว เขาอยากยื้อเวลาอีกสักหน่อย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ สัญญาณเรียกรวมตัวดังขึ้นแล้ว จำใจปล่อยนักกีฬาในสังกัดไปอย่างจนปัญญา --- นี่เป็นบททดสอบแรกของเธอ ต้องผ่านไปให้ได้ กฤษกล่าวในใจ มองตามแผ่นหลังเล็กที่ก้าวไปข้างหน้า
ทั้งสามจ้องมองร่างน้อยๆ ที่สั่นไหวอยู่ในขณะนี้ ไม่สมกับเป็นมะลิที่พวกเขารู้จัก มะลิที่เคยก้าวนำพวกตนอย่างมั่นคง บัดนี้กลับสั่นไหวจนน่าเป็นห่วง แต่เมื่อนักกีฬาเข้าสู่สนามแล้ว ย่อมหมายถึงสมรภูมิของนักกีฬา โดยเฉพาะการแข่งประเภทบุคคลที่แทบมีส่วนร่วมไม่ได้เลย พวกเขาที่ยืนคอยอยู่นอกเส้นกั้นก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้อีก สิ่งเดียวที่พวกเขาซึ่งเป็นทีมเดียวกันพอจะทำได้ในตอนนี้ก็คือ การเชื่อมั่นในตัวมะลิ เพียงเท่านั้น

“ไม่เป็นไรจริงๆ หรือครับ” เสมอถามอย่างร้อนรน เขากังวลแทนเพื่อนตัวเล็กที่เข้าไปอยู่ในจุดรวมพล ในสภาพตื่นตระหนกหันรีหันขวางไม่เป็นตัวเองอย่างนั้น แม้มองจากตรงนี้ยังเห็นชัด

“นั่นสิ” ใจกล้าร้องเสริม

“ต้องเชื่อในตัวมะลิ พวกเราทำอะไรไม่ได้หรอก ต้องเชื่อใจเด็กคนนั้น...” กฤษตอบกลับอย่างไม่เต็มเสียงนัก เพราะเขาเองก็คิดไม่ต่างจากนักกีฬาของตน แม้จะพูดออกไปอย่างนั้นก็ตาม

กลางวงล้อมนักกีฬา มะลิเป็นเพียงคนเดียวที่ความสูงแตะเพียงไหลของผู้เข้าแข่งขันทั้งหลาย สายตาหลายคู่จ้องมองมาที่เขาอย่างประหลาดใจ ไม่ใช่ความน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาจากคนตัวเล็ก แต่เป็นความน่าสงสารที่พวกเขาส่งกลับมายังมะลิ นักกีฬาเหล่านั้นพากันคิดในใจว่า โรงเรียนต้นสังกัดของเด็กคนนี้ช่างโหดร้าย ส่งผู้เข้าแข่งขันตรงหน้ามาในระยะที่สาหัสเกินตัว นี่ไม่ใช่การวิ่งระยะกลาง 800 เมตร หรือ 1,500 เมตร แต่นี่เป็นการวิ่งระยะไกลในระดับ 3,000 เมตร ที่ต้องใช้แรงกายมหาศาล พอมองกลับไปยังเด็กตัวเล็กตรงกลางนั้นก็อดสงสารปนขำขันไม่ได้

แน่นอนว่าในโลกใบนี้มีนักกีฬาตัวเล็กที่วิ่งลมกรดจนเป็นที่ยอมรับอยู่มากมาย เพียงแต่ในระดับที่หลายคนพบผ่าน พวกเขาไม่เคยประสบกับสถานการณ์ที่ต้องขับเคี่ยวกับคนตัวเล็กไปกว่าค่าเฉลี่ย คนสูงมีมาก ระดับปานกลางย่อมเยอะกว่า ทว่าไม่มีคนไหนเล็กไปกว่าเด็กคนนี้แล้ว หากไม่ได้มายืนเทียบเคียงด้วยตัวเอง คงไม่ตกใจเท่าที่เป็นอยู่ ไม่ผิดที่จะดูแคลนไปล่วงหน้า ด้วยโลกของกีฬาล้วนเกิดจากการคัดสรรผู้ที่ แข็งแกร่ง คนตัวเล็กกว่าย่อมถูกตราหน้าว่าอ่อนแอผ่านสามัญสำนึก แม้กระทั่งวงการกรีฑาที่ส่วนสูงแทบไม่ใช่ข้อได้เปรียบใด --- แต่มันก็อดคิดอย่างนั้นไม่ได้

“พร้อมไหม” จู่ๆ เสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นข้างกาย มะลิที่ยืนแข็งทื่ออยู่กลางวงล้อม ทำตัวไม่ถูกกลางฝูงนักกีฬาซึ่งเนืองแน่นในขณะนี้ รีบหันไปยังต้นทาง

“ตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูกอยู่แล้ว” เขาตอบกลับไปอย่างสนิทใจ ระบายยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกหลังก้าวเข้าสู่พื้นที่นี้ จ้องมองเพื่อนสนิทคนเก่งที่ไม่ปรากฏความกังวลใดบนดวงหน้านั้น

“ฮาฮาฮา ระดับนายยังกังวลอีกหรือ” คมสันเอ่ยออกไปอย่างจริงใจ

“นายดูนักวิ่งคนอื่นสิ ไม่รู้จะเก่งกันแค่ไหน ฉันจะสู้ได้หรือเปล่า...” มะลิยังเป็นคนเดียวที่กดดันตนเองไม่เลิก

“ในจังหวัดนี้มีฉันคนเดียวที่เอาชนะนายได้ จำไว้” คมสันยกยอตนเอง หากไม่ใช่พวกหลงตัว ก็ต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงจะพูดอย่างนั้นได้ ซึ่งตัวเล็กเถียงไม่ออก เพราะรู้ว่านั่นคือความจริงที่ประจักษ์ชัด คมสันคือที่หนึ่งในจังหวัด ไม่ใช่แค่ในรุ่นนี้ด้วย

“ถ้านายพูดแบบนั้น ก็อย่าแพ้ให้ใครก่อนที่ฉันจะตามทัน” มะลิพูดเล่นปนฮา เรียกกำลังใจให้ตัวเอง เพราะหากตามคมสันทัน ย่อมหมายถึงเขาได้ทิ้งคู่แข่งที่เหลือไว้ข้างหลังตนแล้วนั่นเอง

“แน่นอน ฉันไม่แพ้แน่ รวมถึงนายด้วย” คมสันบอกกับมะลิอย่างเต็มเสียง ไม่ใช่เพราะมั่นใจ แต่เชื่อมั่นว่าต้องเป็นอย่างนั้นแน่
หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 23 ขอบใจนายมาก
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 06-01-2020 09:01:40
บทที่ 23 ขอบใจนายมาก

ความรู้สึกโดดเดี่ยวพลันหายไป เมื่อได้เจอกันอีกครั้ง มะลิประหลาดใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่ากลางดงนักกีฬาที่ห้อมล้อมอยู่นี้มีใครคนหนึ่งที่เขารู้จัก คมสันเพื่อนสนิทของตนก็เข้าร่วมการแข่งขันในระยะนี้ ซึ่งประเด็นหลังนี้เองที่ทำให้มะลิแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีโอกาสมาประจันหน้ากับคมสันในการแข่งระยะนี้ มะลิที่เปลี่ยนมาวิ่ง 3,000 เมตร เคยนึกเสียใจอยู่เหมือนกัน เพราะตนเปลี่ยนมาวิ่งระยะนี้ก็อาจไม่ได้ตัดสินกับคมสันอีกแล้ว ด้วยครั้งล่าสุดที่พบหน้ากัน คมสันวิ่ง 1,500 เมตร

“ไม่คิดว่านายจะขึ้นมาวิ่ง 3,000เมตร” มะลิชวนคนข้างกายคุยอย่างเป็นกันเอง เขาผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด ผิดจากก่อนหน้าลิบลับ

“ฉันเองก็คิดไม่ต่างจากนาย ทีแรกนึกว่าจะไม่ได้แข่งกับนายแล้ว” คมสันตอบกลับ จากเดิมที่เขามองว่างานคัดเลือกคงไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น บัดนี้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะคนตรงหน้านี้ คู่แข่งที่เขามองข้ามไปไม่ได้เลย

“ฉันก็เหมือนกัน นึกว่าจะไม่เจอกันแล้ว” มะลิยิ้ม บอกความนัยอย่างไม่คิดจะปิดบัง

“ฮาฮาฮา...” ก่อนเสียงหัวเราะจากสองนักวิ่งจะเรียกความสนใจจากผู้คนรอบข้างให้หันมาจ้องมอง แค่ยืนคู่กันก็แทบเห็นผลแพ้ชนะแล้ว นั่นเป็นความคิดของคนนอก --- ย่อมไม่ใช่สิ่งที่คมสันวาดไว้แน่ เขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของคนตรงหน้า

กรรมการข้างสนามเรียกนักกีฬาชุดแรกไปประจำตำแหน่งบนลู่วิ่งของตน มะลิอยู่ในชุดดังกล่าว คนตัวเล็กซึ่งเคยผ่อนคลายจากความตึงเครียดเมื่อพบหน้าคนรู้จัก ขณะนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น ความกดดันที่นึกว่าจางหายไปแล้วย้อนมาเล่นงานอีกครา ด้วยต่อจากนี้จะเป็นของจริง การลงสนามอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเขา มะลิก้าวออกไปอย่างฝืดเกรง คำอวยพรของคมสันเหมือนส่งมาไม่ถึง ด้วยเขามุ่งสมาธิให้กับการแข่งโดยไม่เหลือให้กับสิ่งใด สิ้นเสียงสัญญาณปล่อยตัว มะลิกลับเป็นคนสุดท้ายที่ก้าวออกไป ตื่นสนามจนไม่ได้ยินเสียงใด แต่เพียงครู่หนึ่งถึงรู้ว่าควรทำอะไรต่อ ถึงก้าวไปข้างหน้าตามหลังนักกีฬาที่วิ่งนำอยู่ จังหวะการวิ่งไม่สมดุลนัก หนักเบาไม่เท่ากัน ความกดดันและความกังวลรุมทำร้ายเขาจนตั้งตัวไม่ติด

นับว่ายังมีโชคที่เป็นการแข่งระยะไกล แม้จะไม่ทรงตัวในช่วงต้น นักกีฬาที่สามารถฟื้นกลับมาในช่วงกลางหรือปลายเกมก็ยังมีโอกาสคว้าชัยมาครอง ไม่ต่างจากมาราธอนที่ความเร็วในต้นเกมไม่ใช่ตัวตัดสิ้นแพ้ชนะ ความสม่ำเสมอ ความสมดุล และสติ สิ่งเหล่านี้ต่างหากเป็นจุดพลิกผันสำคัญ ทว่าในขณะนี้มะลิยังไม่มีทีท่าจะฟื้นคืนสนามอย่างที่ควรจะเป็น ด้วยเขาไม่มีทั้งสติ ไร้สมดุล ขาดความสม่ำเสมอ ตัวการสำคัญคือใจ ใจที่ว้าวุ่นย่อมหมายถึงหายนะ โดยเฉพาะการแข่งจับเวลา ที่ทุกคนถือครองสิทธิ์อย่างเท่าเทียมกัน รอบแรกหากล้มเหลวก็ยังมีรอบถัดไป แต่ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป ดูท่าจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่อาจมองข้าม
กฤษรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี เขามองไปยังคนตัวเล็กอย่างเป็นห่วง นักกีฬาของตนราวกับเป็นคนละคนกับที่อยู่บนสนามฝึกซ้อม ถึงอย่างนั้นตนก็เข้าไปช่วยอะไรเด็กคนนั้นไม่ได้เลย ทำได้เพียงจ้องมองไปพร้อมใจระส่ำ แม้สภาพของลูกศิษย์ตนจะทุลักทุเลคล้ายจะล้มลงตลอดเวลา กฤษทำได้แค่ส่งกำลังใจไปให้ ทำได้เท่านี้จริงๆ เฝ้ามองคนตัวเล็กที่วิ่งช้าเร็วไม่เสมอกัน จับจังหวะไม่ได้แม้แต่น้อย ผลาญแรงอย่างเปล่าประโยชน์ ปล่อยให้ร่างกายแบกภาระตั้งแต่ต้นจนจบเกม

ผลลัพธ์ไม่น่ายินดีเอาเสียเลย มะลิเข้าเส้นชัยเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม รอบแรกผ่านไปด้วยความเหนื่อยอ่อน แทบไม่ต้องมองสถิติใด ด้วยเขารู้ดีว่าทำได้แย่แค่ไหน ต่างจากเพื่อนสนิทของตนซึ่งก้าวเข้ามาแทนที่บนลู่วิ่ง เริ่มต้นรอบแรกในชุดที่สอง คมสันพุ่งตัวออกไปอย่างมั่นคง แน่วแน่ เขาพัฒนาขึ้นจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ไม่มีร้องรอยแห่งความอ่อนแอปรากฏบนดวงหน้าแสนจริงจังนั้น แค่มองมะลิก็รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่ง ขายาวก้าวสลับอย่างสม่ำเสมอ รักษาจังหวะและถนอมแรงอย่างน่าชื่นชม มะลิมองเพื่อนของตนนิ่งงัน ก่อนตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘ฉันกำลังทำอะไรอยู่ ฉันมาที่นี่ทำไม’ ภาพของคมสันคว้าชัยในรอบนี้ไม่ใช่เรื่องเกินคาดหมายเลย เป็นสิ่งที่เดาได้ตั้งแต่แรกออกตัวแล้วต่างหาก พร้อมสถิติที่ขยับขึ้นมาเป็นผู้นำอย่างทิ้งห่าง สร้างความฮือฮาไปทั่วบริเวณ เพราะเพิ่งเอาชนะรุ่นใหญ่จากต่างโรงเรียน ซึ่งขับเคี่ยวในรอบที่ผ่านมาแบบไม่เห็นฝุ่น

“วันนี้นายดูแปลกไปนะมะลิ เป็นอะไรหรือเปล่า” คมสันเดินเข้ามาในจุดพัก ก่อนพูดในสิ่งที่สงสัย ไม่ว่านักกีฬาคนใดที่เห็นผลงานของคนตัวเล็กต่างก็รับรู้ถึงความไม่มั่นคงในฝีเท้าของเพื่อนตน แต่คงมีแค่เขาและอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบดีว่ามะลิกำลังตกที่นั่งลำบาก ด้วยศักยภาพที่เคยประจักษ์ต่อสายตาเขาไม่ใช่แบบนี้ มะลิไม่ได้อ่อนแอขนาดนี้

“ไม่ละ คราวนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ขอบใจนายมาก” สันจ้องมองดวงหน้าที่เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แถมคนตรงหน้ายังส่งสายตาแน่วแน่กลับมา ฟังจากน้ำเสียงหนักแน่นแล้วต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิดมะลิคนเดิมน่าจะกลับมาแล้ว ถึงไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็ตาม และแม้ยังไม่เข้าใจในประโยคท้ายว่าคนตัวเล็กขอบคุณเขาเรื่องอะไร กระนั้นที่เห็นอยู่นี้ก็ทำให้เขาเบาใจขึ้นแล้ว เมื่อคมสันคิดได้ดังนั้นก็ปล่อยให้เพื่อนตัวเล็กรวบรวมสมาธิสำหรับการแข่งรอบถัดไป ส่วนเขาก็เพียงนั่งลงข้างกาย นิ่งเงียบ ไม่เอื้อนเอ่ยประโยคใดอีก
หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 24 รีบ
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 06-01-2020 09:06:28
ตัวสำรอง - บทที่ 24 รีบ

เป็นอีกครั้งที่มะลิก้าวเข้าไปยืนอยู่บนลู่วิ่งเพื่อคว้าตั๋วใบสำคัญให้แก่ตน หลายคนในสนามต่างมีสีหน้าพึงใจที่ได้ร่วมแข่งกับเด็กน้อยผู้รั้งอันดับท้ายในตาราง เพราะอย่างน้อยคู่แข่งของพวกเขาก็หายไปหนึ่ง และด้วยครั้งนี้เป็นการจับเวลารอบสุดท้ายของรายการวิ่งระยะดังกล่าว โอกาสสุดท้ายของทั้งแปดคน นับว่าล้ำค่าที่สุดในบรรดานักกีฬาทั้งหมดที่เข้าแข่งขัน

เสี้ยวเวลาเสียงปล่อยตัวดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ขาคู่เล็กก้าวออกมาตีคูกับนักวิ่งทั้งหลาย ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยหนึ่งก้าวของคนตัวเล็กเสมือนครึ่งก้าวของคนอื่นๆ ฉะนั้น จึงต้องออกแรงหนักเป็นสองเท่า แต่นั่นยังไม่ใกล้เคียงระดับที่มะลิพอใจ เพราะขณะนี้เขากลับสู่สภาวะปกติของตนแล้ว ภาพของคมสันที่พยายามทุ่มสุดตัวทั้งสองรอบที่ผ่านมานั้น ช่วยฉุดเขาขึ้นจากก้นเหวแห่งความวิตก หากยังจมอยู่ใต้ก้นบึ้งนั่นต่อ โดยไม่ปีนขึ้นมา คงไม่อาจก้าวตามเพื่อนสนิทของตนได้ และนี่คือเวทีอย่างเป็นทางการของเขากับคมสัน เวทีแรกที่ทำให้พวกเขากลับมาพบกันอีกครั้ง โอกาสที่เขาจะทวงคืนชัยชนะที่คมสันถือครองแต่เพียงผู้เดียวอยู่ตรงหน้านี้แล้ว เพียงแค่เขาผ่านเข้ารอบ เข้าไปชิงชัยกับคมสัน นั่นคือโอกาสเดียวที่เขาพอจะสร้างขึ้นมาได้ สะพานซึ่งเชื่อมระหว่างพวกเขาเข้าด้วยกัน

เพียงสิ้นรอบสนามมะลิที่ถูกขนาบข้างด้วยนักกีฬาคู่แข่งก็ขึ้นไปเป็นผู้นำอย่างน่าตกตะลึง คมสันยืนขึ้นอย่างลืมตัว แม้เขาจะรู้ซึ้งถึงความสามารถของเพื่อนสนิทตนเป็นอย่างดี แต่ไม่ว่าครั้งใดก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ยามจ้องไปยังร่างเล็กที่กำลังเบียดแซงคู่ต่อสู้ซึ่งเคยสบประมาทเจ้าตัวไว้ จะด้วยวาจา แววตา หรือความคิดเพียงชั่ววูบ แค่แวบเดียวที่รู้สึกว่าเด็กที่ตามหลังอยู่ไม่มีทางขึ้นนำได้ ทว่าความคิดนั้นยังไม่ทันจะสิ้นไป ฉับพลันสายตาของนักกีฬาบนสนามก็จ้องไปยังแผ่นหลังแปลกตา คนตรงหน้าที่พวกเขาไม่คิดฝันว่าจะอยู่ในการรับรู้ ไม่ใช่การทบรอบ แต่ถูกเบียดแซงขึ้นไปอย่างห้าวหาญ นักกีฬาท้ายตารางกำลังยึดครองหัวขบวนอยู่ในขณะนี้ ด้วยฝีเท้าเร็วรัวของเด็กคนนั้น ค่อยๆ ทิ้งห่างพวกเขาออกไปทีละช่วงตัว

รอบแล้วรอบเล่าเวียนผ่านไป เข้าสู่รอบสี่ซึ่งนักกีฬาหลายคนพยายามเก็บหอมรอมริบเรี่ยวแรงเพื่อใช้ในช่วงท้าย ไม่ว่าใครต่างควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ผลีผลาม ไม่ประมาท แม้จะมีใครบางคนกำลังทุ่มแรงให้กับความเร็วที่เกินปกติ ทลายกรอบเกณฑ์ของนักวิ่งทุกคนบนสนาม มะลิทิ้งห่างอันดับสองมากถึงสี่ช่วงตัว มากพอที่เขาจะรักษาฟอร์มไว้อย่างนี้ เพื่อรอเวลาแห่งการปลดปล่อย ใช่ ไม่ว่าใครก็ต่างคิดเช่นนั้น แต่นั่นไม่ใช่ทางที่เลือก

ในสำนึกของมะลิ ที่เป็นอยู่นี้ยังไม่อาจเทียบเคียงความสาหัสจากฝึกซ้อมที่ผ่านมา เขาทำได้มากกว่านี้ เขายังเร็วได้อีก และเขายังไหว หากมัวพะวงกับระยะปลอดภัย หากปล่อยตัวเองเกาะกลุ่มกับคนที่เหลือ แน่นอนเขาอาจคว้าอันดับต้นๆ เอาไว้ได้ แต่นั่นย่อมไม่เพียงพอต่อการไล่ตามเพื่อนสนิทคนนั้นแน่ มะลิไม่ได้แข็งกับคนบนสนาม เขากำลังเร่งความเร็วเพื่อก้ามตามฝีเท้าของคมสัน --- ยังไม่พอ ยังเร็วได้อีก

ห้ารอบสนามผ่านไป เข้าสู่ช่วงท้ายของการแข่งระยะ 3,000 เมตร นักกีฬาชุดสุดท้ายยังขับเคี่ยวกันบนลู่สนาม บ้างตัดเข้าลู่ในรักษาความเร็วไว้ บ้างทำท่าจะขึ้นแซง แต่ยังถนอมน้ำใจ ผ่อนกำลังแล้วกลับคืนตำแหน่งเดิม ขณะนี้สายตาหลายคู่จับจ้องไปยังผู้นำกลุ่ม ซึ่งทิ้งช่วงห่างคู่ต่อสู้ออกไปเรื่อยๆ แม้จะเข้าสู่เขตระวังภัยแล้วก็ตาม เด็กตัวเล็กที่หลายคนมั่นใจว่าต้องจมลงไปกับกำลังที่ถดถอยจากการโหมแรงอย่างบ้าระห่ำ ด้วยเด็กคนนั้นไม่คิดจะเก็บหอมรอมแรงเอาไว้เลยสักนิด ขาคู่เล็กกลับเร่งฝีเท้าขึ้นอย่างน่าใจหาย

‘รีบขนาดนั้นต้องหมดแรงก่อนเข้าเส้นชัยแน่นอน’ ทว่าความคิดซึ่งผุดขึ้นมาถูกสั่นคลอนอีกครั้งเมื่อเข้าสู่รอบที่หก--- นักวิ่งที่ตามหลังใช่ว่าจะยอมปล่อยให้ช่องว่างขยายขึ้นอย่างไร้ไยดี พวกเขาพยายามแล้ว วิ่งตามคนข้างหน้าไปอย่างสุดแรง แต่ไร้ผล ไม่ว่าจะทุ่มกำลังแค่ไหน คนตัวเล็กก็ยังทิ้งห่างพวกเขาอยู่ดี

‘ทำไมถึงเป็นแบบนี้ คู่แข่งที่ไม่ได้ความในเกมแรก คู่แข่งที่ตัวแค่นั้น คู่แข่งที่ไม่คุ้นหน้านั่น ทำไมถึงพุ่งตัวออกไปเรื่อยๆ ไม่เหนื่อยเลยหรือไง’อีกหลากความรู้สึกจากกลุ่มตาม ซึ่งเคยคิดจะต่อกรกับคนตัวเล็ก บัดนี้ผลลัพธ์ออกมาตรงกันข้าม แถมกำลัง แรงกาย แรงใจก็หดหายไปโดยเปล่าประโยชน์

หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 25 เด็กนั่นเป็นใครกัน
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 06-01-2020 09:07:44
ตัวสำรอง - บทที่ 25 เด็กนั่นเป็นใครกัน

มะลิเร่งความเร็วอีกระลอกเมื่อเข้าสู่รอบที่เจ็ด ข้างกายไร้การต่อกร กระนั้นก็ยากจะยกเหตุผลนี้ขึ้นมาให้เขาปล่อยวาง มะลิพยายามสร้างภาพจำให้การแข่งที่ดำเนินอยู่เป็นเสมือนการฝึกซ้อมบนลานดิน แม้เขาจะไร้คู่แข่ง แต่เขาก็ยังมีคู่ต่อสู้ที่ยากจะโค่นล้มอยู่

เขากำลังแข่งกับเวลา คู่หูที่วิ่งนำไปเรื่อยๆ เวลาค่อยๆ เพิ่มขึ้น แรงกายแรงใจถูกรีดเค้นออกมาเป็นกำลังขา มะลิเร่งฝีเท้าแทบจะเกินขีดจำกัด แต่ก็ยังอยู่ในมาตรฐานที่ตนเคยทำไว้ สถิติที่ตนเคยทำได้ บัดนี้เริ่มเผยร่างจริง ด้วยกำลังและเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ กับอีกครึ่งรอบสนาม เขาจะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้อีกหรือไม่ สถิติที่คนในชมรมต่างเคยยลโฉม กำลังรอเปิดม่านให้กับผู้ชมในระดับจังหวัด

และแล้วก็เข้าสู่บทสรุป มะลิย่างก้าวอย่างมรมาน ขาทั้งสองต้องรับบทหนักมาตลอดเจ็ดรอบสนาม ความทุกข์เข้ามากล้ำกรายอย่างสนิทชิดเชื้อ แต่เขารู้จักความรู้สึกนี้ดีไม่แพ้ใครในสนามแห่งนี้ ความเจ็บปวดมักทักทายพวกเขาในช่วงเวลาสำคัญที่สุดเช่นนี้ เพียงแต่เขาไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจความรู้สึกที่เกิดขึ้น เพราะรู้ดีว่าถึงยังไงก็เลี่ยงไม่พ้น จึงไม่บ่ายเบี่ยง ทว่ากลับต้อนรับขับสู้มันอย่างดี พยายามผ่อนคลาย แม้จะรู้ว่าความอดกลั้นได้หมดไปตั้งแต่ต้นรอบสุดท้ายแล้วก็ตาม แต่เขายังไม่ยอมแพ้ ฝืนทนจนปลายทางร่นระยะเหลือเพียงไม่กี่เมตร

กฤษและลูกทีมทั้งสองชิดติดขอบสนาม จากความกังวลแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นในบันดล เมื่อมะลิก้าวขึ้นนำอย่างเหลือเชื่อ นัยหนึ่งพวกเขาโล่งใจที่มะลิเอาชนะตัวเองได้แล้ว อีกนัยหนึ่งก็ต่างดีใจที่มะลิได้แสดงความสามารถให้ทุกสายตาในที่นี้ แม้พวกเขาจะคุ้นชินกับภาพที่เห็นและเรื่องที่เป็นอยู่ แต่ไม่เคยสัมผัสประสบการณ์อย่างนี้จริงๆ สักที ด้วยสนามเนินดินไร้การเปรียบเทียบ ความพิเศษจึงไม่ถูกชูให้เห็นถึงความแตกต่าง เพราะในการฝึกซ้อมทั้งสามต่างพุ่งชนคู่แข่งในจินตนาการของตน ไม่มีคู่ขับเคี่ยวที่สมน้ำสมเนื้อเหมือนในสนามทางการ พวกเขาวิ่งออกไปเพียงลำพังตามกำลังที่มีอยู่

ส่วนมะลิที่วิ่งแข่งกับเวลาที่ร่นถอยลงไปเรื่อยๆ เสี้ยวนาทีที่ค่อยๆ หมดไป แต่ในการรับรู้ของมะลิ นั่นไม่ใช่การถอยหลังของเวลา แต่เป็นการนำของคู่แข่งตัวฉกาจ หนึ่งวินาทีสูญไป เท่ากับหลายสิบก้าวของเวลา เขาแข่งกับมันแทบสนิทชิดเชื้อ คู่แข่งเพียงหนึ่งเดียวของมะลิคือเวลา มีเพียงเวลาเท่านั้นที่ร่วมผจญกับเขาตลอดมา แม้ครั้งนี้จะต่างออกไป เมื่อมีผู้เข้าแข่งขันเพิ่มเข้ามาเจ็ดคน นักวิ่งจากโรงเรียนอื่น ไม่ว่าเด่นดังหรือไร้ชื่อ ต่างขับสู้กับเขาอย่างสุดความสามารถ แต่มะลิก็ยังแข่งกับคู่หูคนเดิม กฤษมองลูกศิษย์ของตนซึ่งยังท้าชนคู่หูเดิมโดยไม่สนใจรอบข้าง เวลาที่วิ่งนำหน้าไม่มีสิ้นสุด กับมะลิที่ไล่ตามอย่างไม่ย่อท้า ทิ้งห่างทุกคนไปราวครึ่งสนาม

คมสันจ้องไปยังจุดเดียวอย่างไม่ลดละ เขาก้าวขึ้นมาเบียดนักกีฬาคนอื่นที่กลายเป็นผู้ชมอยู่ในขณะนี้ ขอบสนามเนื่องแน่นด้วยฝูงคน ฝูงชนต่างเฝ้ามองการแข่งขันรอบนี้เป็นพิเศษ รอบสุดท้ายที่ต่างออกไป กับผู้แข่งขันเพียงหนึ่งที่พวกเขาจับจ้องอย่างไม่เชื่อสายตา

‘เด็กนั่นเป็นใครกัน’ ‘ใช่คนเดียวกับรอบแรกหรือเปล่า’ ‘มาจากโรงเรียนไหน’ ‘เรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นแล้วไง’ ‘ไม่น่าเชื่อ’ ‘เอาแรงมาจากไหน’ ‘ตัวแค่นี้เนี่ยนะ’ ‘เขาชื่ออะไร’ เสียงร่ำร้องจากฝูงชนไม่อาจพรากความสนใจที่คมสันมีให้เพื่อนสนิทของตนได้ เพราะคำตอบของคำถามเหล่านั้นเขารู้ดีกว่าใคร เขารู้ซึ้งยิ่งกว่าคนที่ตื่นตะลึงอยู่นี้ เพราะเขารู้นั่นเอง เขาถึงตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด แทบจะวิ่งออกไปท้าประลองกับคนบนลู่ให้สิ้นกระหาย เขาอยากแข่งกับคนตรงหน้าเดี๋ยวนี้เลยก็ว่าได้ อยากเอาชนะคนตัวเล็ก และเขาไม่อยากเป็นผู้ชมอีกแล้ว ไม่อยากเป็นแค่คนที่ยืนมองจากข้างสนามแบบนี้
หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 26 ต้นทุนไม่เหมือนกัน
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 06-01-2020 09:10:24
ตัวสำรอง - บทที่ 26 ต้นทุนไม่เหมือนกัน

มะลิเร่งฝีเท้าจนเกินขีดสุดจำกัดของตัวเองมาไกลเกินยั้งมือ ด้วยภาพในหัวนั้น คู่แข่งของเขาวิ่งนำหน้าไปก่อนแล้ว ขาคู่นี้จึงต้องรับภาระหนักกว่าเดิม ไม่นับว่าเป็นช่วงท้ายของการแข่ง ซึ่งนักกีฬาย่อมอ่อนแรงเป็นธรรมดา ความสาหัสที่ร่างกายแบกไว้ไม่ใช่น้อยๆ เลย การทำตามความต้องการของเจ้าของร่าง เท่ากับฝืนทนต่อความเจ็บปวด ทรมาน เพื่อหวังให้เจ้าตัวทำเวลาเร็วขึ้นสักวินาที หากขาคู่นี้คิดได้คงบรรยายมาอย่างนี้ กระนั้นขาคิดเองไม่ได้ มะลิต่างหากที่คิดให้และสั่งการ โดยไม่รอรับความยินยอมจากทั้งสองข้าง ทำแค่เพียงก้าวเท้าออกไป

ใช่ เพื่อให้เวลาดีขึ้นแค่เสี้ยววิก็ยังดี

ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนราง ทุกขณะที่ย่างก้าวทิวทัศน์ตรงหน้าสั่นไหว หากแต่เวลานี้นักกีฬาในสนามทุกคนคงจ้องเพียงเส้นชัยที่พาดผ่าน แม้พร่าเลือน ไม่ชัดเจน โยกคลอนจนยากจะจับจ้อง พวกเขาก็ยังเพ่งมองปลายทาง ซึ่งเป็นบทสรุปของการแข่งขันรอบนี้ แม้ใจจะอ่อนล้า แม้กายนั้นอ่อนเพลีย ทว่าตั๋วใบนี้สำคัญมากเสียจนต้องฝ่ากายและใจเพื่อไปคว้ามา

ทางด้านเด็กชายตัวเล็กผู้เป็นหัวขบวนของนักกีฬาในรอบสุดท้าย บัดนี้ขาคู่ใจแทบจะไร้ความรู้สึกใด เจ็บจนด้านชา ความทุกข์ทรมานที่เคยโหมกระหน่ำเข้ามาไม่ยั้ง จางหายไปจนสิ้น ไม่ใช่ไม่รับรู้ เขาไม่อยากรับรู้ต่างหากจึงตัดสัมพันธ์ชั่วคราวกับอาการทั้งหลายที่แปรปรวนอยู่ก่อนหน้า ลำพังประคองสติของตนเอาไว้ก็เกินจะรับมือแล้ว ยังดีที่ภาพเลือนรางตรงหน้ายังวิ่งเข้ามาในกระบอกตา กับเพียงคำร้องซึ่งกู่ก้องอยู่ภายใน ‘เร็วขึ้นอีก เร็วขึ้นอีก ยังเร็วได้กว่านี้ ยังไปต่อได้อีก นายยังไหว อย่าเพิ่งยอมแพ้’ ประโยคเสมือนคำภาวนากำลังร่ำร้อง ไม่ให้ร่างเนื้อแพ้พ่ายไปก่อนใจสู้ มะลิประคับประคองกายนี้ให้วิ่งต่อไป เส้นชัยอยู่ตรงหน้าแล้ว

ก่อนภาพที่เห็นจะวูบไหวและดับไป มะลิถูกความมืดเข้าปกคลุม ‘ยัง ฉันยังต้องวิ่งต่อ อย่า...’ ความรู้สึกสุดท้ายบอกกับเขาแต่เพียงเท่านั้น

กฤษรีบวิ่งเข้าไปในสนาม ร้องบอกผู้คุมเมื่อการแข่งใกล้สิ้นสุด เพราะรู้ว่านักกีฬาของตนต้องล้มพับแน่ ดังนั้นหน้าที่ของเขาคือการเข้าไปเตรียมรับตัวนักกีฬาหลังพ้นเส้นชัยมา ด้วยบางรายอาจถึงขั้นไร้สติ ไม่อาจทรงกายได้ หากเป็นเช่นนั้นย่อมเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับผู้ฝึกสอนคนอื่นที่ทยอยมาสมทบ กฤษก้าวขึ้นหน้าก่อนใครเพื่อน รอรับร่างบางของคนตัวเล็ก ร่างนั้นยังพุ่งต่อไม่หยุด กฤษจำต้องถลาเข้าไปคว้าคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขนกว้าง แรงกระแทกจากความเร็วชั่วขณะที่เร่งผ่านเส้นชัยทำเอากฤษซวนเซจนถอยหลังไปหลายก้าว แต่ก็เพื่อลดแรงปะทะจากลูกศิษย์ตัวน้อย ไม่ให้ทั้งเขาและเด็กตรงหน้าเจ็บตัวไปมากกว่านี้ แค่ที่เป็นอยู่ก็สาหัสพอตัวแล้ว ต่อจากนี้คือการพักผ่อน กฤษยกร่างเล็กไปยังจุดปลอดภัย ด้วยนักกีฬาคนอื่นยังพุ่งเข้ามาไม่หยุด เขากระชับแขน อุ้มนักวิ่งของตนจนพ้นบริเวณ ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง พร้อมสลับมองใบหน้าในปกครองเป็นพักๆ ก่อนระบายยิ้มออกมา แม้รู้ว่าเจ้าตัวหมดสติไปแล้ว แต่กฤษก็ยังอยากมอบยิ้มนี้ให้ไป ---‘ทำได้ดีมากมะลิ’ กฤษเอ่ยในใจ

ร่างเล็กในอ้อมแขนของกฤษถูกจับจ้องจากสายตาหลายสิบคู่ในสนามที่หันมามอง ใจกล้าและเสมอก้าวออกไปจนถึงคนทั้งสอง ทั้งคู่หันไปมองสถิติของเพื่อนตนอีกครั้ง ด้วยตัวเลขที่ออกมาเกินกว่าใครจะคาดถึง แม้แต่พวกเขาที่รู้ความสามารถของคนตัวเล็กดี ยังอดทึ่งกับผลงานที่ออกมาไม่ได้ นี่ไม่ใช่การแข่งจับเวลาปกติแล้ว แต่เป็นการทำลายสถิติสนามของมะลิ ล้มคู่แข่งจากโรงเรียนยักษ์ใหญ่ด้วยตัวเลขที่ก้าวผ่านระดับประเทศไปในพริบตา ไม่แปลกถ้ายามนี้มะลิจะถูกจับตาจากนักกีฬาและผู้ฝึกสอนทั้งหลาย เพราะใครจะเชื่อว่าสถิติที่กำลังฉายอยู่บนจอใหญ่ จะเป็นผลงานของนักกีฬาโรงเรียนเล็ก ผ่านฝีเท้าของคนตัวเล็กที่นอนหมดสถิไปแล้วนั่นเอง

“นายแน่มากมะลิ” คมสันเอ่ยจากที่ไกล

คล้อยหลังการแข่งขันจับเวลาระยะ 3,000 เมตรจบไป กฤษตัดสินใจให้ลูกศิษย์คนล่าสุดที่ลงสนามพักผ่อนเอาแรง คนทั้งสามตกลงกันว่ารอมะลิคืนสติก่อนค่อยเดินทางกลับ ระหว่างนั้นก็ชมการแข่งระยะอื่นไปพลาง เพราะยังนั่งอยู่ในสนามกว้าง แม้เสียงอึกทึกรอบบริเวณจะกังวานอยู่ก็ตาม ด้วยหลายโรงเรียนยังมีการแข่งขันให้ตามลุ้นตามเชียร์กันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะฝั่งโรงเรียนใหญ่ที่ส่งชิงชัยแทบทุกรายการ ไม่แปลกหากจะขนทัพนักกีฬาและกองเชียร์มาประจำสนามกันคับคั่งอย่างนี้

“โรงเรียนอันดับหนึ่งกวาดเรียบไม่เกรงใจใครเลยนะ” ใจกล้าโพล่งขึ้น ทันทีที่แถวบนสุดของสถิติซึ่งเพิ่งขึ้นจอถูกโรงเรียนอันดับหนึ่งในความหมายของเขาคว้าไปครองอีกครั้ง

“โรงเรียนอันดับหนึ่ง...” เสมอดูท่าจะไม่เข้าใจนัยแฝงของเพื่อนตน แต่ก็ไม่กล้าถามออกมาตรงๆ เพียงเปรยไว้ เผื่อใจกล้าจะใจดีไขความให้กระจ่าง

“ก็โรงเรียนของคมสันไง คนที่ยึดตำแหน่งอันดับหนึ่งไว้ในรุ่นเล็ก” ใจกล้าไม่รีรอ เสริมเพื่อนตนอย่างรู้ทัน แม้ว่าในรอบที่แล้วชมรมกรีฑาเล็กๆ จากโรงเรียนห่างไกลของพวกเขาจะเพิ่งล้มแชมป์มาได้ ทว่านั่นก็เพียงการแข่งจับเวลา ไม่ใช่ผลแพ้ชนะอย่างเป็นทางการ การแข่งขันรอบตัดเชือกในการหาตัวแทนจังหวัดต่างหากจึงจะเป็นของจริง

ถึงจะน่าภูมิใจแค่ไหน ก็ยากที่จะมีใครมาไยดีเวลาในรอบคัดเลือกเล็กๆ นี้ ด้วยทุกคนต่างรู้ดีว่าแรงกดดันในรอบนี้ เทียบไม่ได้การขับเคี่ยวชี้เป็นชี้ตายในรอบถัดไป ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อนักกีฬา จนบางรายที่ทำผลงานในรอบจับเวลาได้อย่างสวยงามต้องตกเหวไปอย่างอนาถ เพียงเพราะรับความกดดันในรอบตัดสินไม่ไหว ระดับต่างกันจนยากเกินต้านทาน แม้แต่นักกีฬาเจนสนามยังมีพลาดพลั้งได้

“ต้นทุนไม่เหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าความพยายามจะไร้ผลเสมอไป จริงไหม...” กฤษร่วมวงสนทนากับนักกีฬาของตน ท้ายประโยคยังหันไปมองหน้าอีกคนที่นอนพักอยู่ด้านหลัง คล้ายกับจะสื่อว่าคนตัวเล็กตรงนั้นเป็นตัวแทนพิสูจน์คำพูดที่เขาเอ่ยมา สัญลักษณ์ของความพยายาม

“ครับ” ทั้งสองตอบแทบจะพร้อมเพรียง ไม่มีทางที่พวกตนจะปฏิเสธความจริงที่ประจักษ์ชัดตรงหน้า ถึงจะเป็นแค่รอบจับเวลา กระนั้นมะลิก็ได้จารึกผลงานที่เกิดจากความมานะอุตสาหะไว้เป็นสถิติสนาม ซึ่งพวกเขายังก้าวข้ามไม่ได้ จะรอบรองหรือรอบชิง ความจริงที่ว่ามะลิได้พิสูจน์ผลจากความพยายามก็เป็นที่ยอมรับแล้ว อย่างน้อยก็ในสายตาของทั้งคู่

“แต่รอบต่อไปพวกเราก็ต้องเจอโรงเรียนนี้อยู่ดี ท่าจะเหนื่อยนะครับ รอบนี้ผมยังโดนเบียดแซงเอาตอนท้ายเลย” เสมอกล่าว ในรอบ 100 เมตรที่ว่าสั้น แต่เสี้ยวนาทีนั้นก็ยังถูกโรงเรียนดังชิงไป จนเสมอที่คิดว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว ก็ยังไม่พอหากคิดจะล้มโรงเรียนนี้จริงๆ

“ถ้างั้นก็ต้องซ้อมให้หนักกว่าเดิม” ใจกล้าเสนอ ในมุมมองของเขาคงไม่มีทางไหนที่จะพาตนและเพื่อนร่วมทีมไปคว้าชัยมาได้ นอกเสียจากการฝึกฝน ยิ่งหนักยิ่งเห็นผล ใจกล้าคิดแบบนั้น ซึ่งกฤษก็ส่ายหน้าทันทีที่ได้ยินคำกล่าว เขาเห็นค้าน

“กลับไปพวกเธอต้องพักผ่อน พรุ่งนี้มาเจอกัน แต่ครูจะยังไม่ปล่อยให้ฝึกหนัก กล้ามเนื้อของพวกเธอต้องการเวลาพักฟื้น อย่าเพิ่งสร้างภาระเกินจำเป็นจนบาดเจ็บก่อนลงแข็ง ใจเย็นๆ ผลลัพธ์ไม่ใช่จะออกมาเพียงการซ้อมหนักวันหรือสองวัน ต่อจากนี้เราต้องไปวางแผน หาจุดแข็งจุดอ่อนของพวกเธอแต่ละคน แล้วค่อยปรับแก้” กฤษร่ายยาวให้นักกีฬาทั้งสองฟัง เขารู้ดีว่าผลของการฝึกหนักอย่างเดียวย่อมไม่ให้คุณต่อใคร แถมบางรายอาจมอบโทษเป็นดอกผลของการกระทำชั่ววูบนั้นด้วย

“แต่เราเหลือเวลา...” ใจกล้าเห็นต่าง ทว่าพอเห็นสีหน้าของที่ปรึกษา ก็จำใจเห็นตาม ด้วยเขาก็ทราบเรื่องนั้นดี เพียงแต่เวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนรอบตัดเชือก แค่นั่งอยู่เฉยๆ ตรงนี้เขายังเสียดายเลยด้วยซ้ำ

“การพักผ่อนไม่ใช่เรื่องเสียเปล่า มันจะมอบสิ่งล้ำค้าให้พวกเธอแน่ เชื่อครู” ทั้งสองพยักหน้ารับ

จากนั้นไม่นานมะลิก็ฟื้นตัว สีหน้างุนงงหลังจบการแข่งทำเอาทุกคนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี คลายกังวลในหลายเรื่องก่อนหน้าไปสิ้น แถมคนตัวเล็กยังเอ่ยถามผลการแข่งขันหลังตนหมดสติไป แต่พอได้ยินผลลัพธ์ เจ้าตัวดันไม่เชื่อ หาว่าทุกคนรุมแกล้ง แม้แต่กฤษยังดูเหมารวม สุดท้ายต้องพาไปดูทำเนียบเวลาซึ่งติดประกาศไว้หลังจบการแข่งขันแต่ละรายการ มะลิถึงกับนิ่งงัน ไม่เชื่อสายตาตัวเองอีก ทำเอาใจกล้าต้องเดินมากระทุ้งสีข้าง เพราะหมั่นไส้คนเก่งที่ไม่รู้ระดับของตัวเอง พวกเขาอยากสร้างสถิติแทบตายยังทำไม่ได้ คนที่ยืนงงอยู่หน้าบอร์ดเรียกสายตาหลายคู่จากนักวิ่งที่อยู่ในรอบเดียวกันให้หันมาสนใจ ดันไม่เชื่อฝีเท้าของตัวเอง ถามย้ำอยู่นั่นแหละว่าประกาศผิดหรือเปล่า กว่าจะได้กลับก็เกือบเย็น

“พรุ่งนี้ซ้อมใช่ไหมครับ” คนหมดสติถามอย่างกระตือรือร้น เป็นคิวของกฤษที่ต้องย้ำเรื่องการพักผ่อนกับนักกีฬาอีกคนซึ่งไม่ได้ฟังเขาพูดไปก่อนหน้า ส่วนสองคนที่เหลือยามนี้ไม่มีปากเสียงใดอีก
หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 27 เช้า
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 06-01-2020 09:12:39
ตัวสำรอง - บทที่ 27 เช้า

อากาศตอนเช้ากดต่ำกว่าหลายวันที่ผ่านมา คำว่าเย็นสบายคงใช้บรรยายความหนาวเหน็บของชั่วโมงนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะกับนักวิ่งทั้งสามที่เพิ่งผ่านสมรภูมิร้อนระอุมาหมาดๆ ภาพของการแข่งยังวนเวียนในความทรงจำ นอกเหนือจากความทรมาน ความต้องการวิ่งของทุกคนก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย หากไม่ถูกปราบไว้ก่อนคงมารวมตัวที่สนามตั้งเช้าตรู่แน่ แม้ร่างจะเมื่อยล้า ทว่าความกระหายชัยยังไม่จางไป พวกเขาวิ่งแค่คนละสองรอบสนาม เทียบกับทุกเช้าเย็นในช่วงก่อนวันแข่งไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่เหนือสิ่งอื่นใด การลงสนามจริงก็ไม่อาจเอามาเปรียบกับการฝึกฝน เพราะแรงกดดันจากทุกฟากฝั่งที่รุมล้อม พวกเขายังจำได้ดีว่าให้ผลแบบไหน สองรอบสนามไม่ใช่เรื่องสาหัสเลย หากนั่นไม่ใช่รอบสนามซึ่งต้องทนต่อแรงเสียดทานเหล่านั้น

เช้าวันนี้เอง เสมอ ใจกล้าและมะลิจึงลุกขึ้นมาแต่เช้า ในสภาพกึ่งสมบูรณ์ จะว่าไหวก็ใช่ ครั้นจะมองว่ายังไม่พร้อมก็ไม่เชิง ด้วยใจดวงน้อยยังเต้นแรงไม่หยุด ทั้งตื่นเต้น ดีใจ และหวาดหวั่นไปพร้อมกัน คงเพราะอีกอีกไม่กี่ก้าวพวกเขาก็จะย่างขึ้นไปในชั้นที่ต้องการ ระดับประเทศซึ่งดูเหมือนจะไกลเกินเอื้อม บัดนี้เส้นทางนั้นเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างเลือนรางแล้ว แต่กว่าทางดังกล่าวจะชัดเจนขึ้น ย่อมต้องฝ่าฟันอุปสรรคสุดท้ายจากเหล่าโรงเรียนดังไปก่อน เมื่อนั้นจึงจะนับว่ามาถึงฝันแล้วจริงๆ

คู่แข่งคนสำคัญของมะลิเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคมสัน ซึ่งในรอบจับเวลามะลิทำสถิติเอาไว้อย่างน่าประหลาดใจ ทว่าความแข็งแกร่งของเพื่อนสนิทก็ไม่อาจประเมินได้จากผลของการแข่งนั้น เขาไม่รู้ว่าคมสันใส่กำลังลงไปเต็มที่หรือเปล่า หรือเก็บแรงไว้ใช้จริงในนัดชิง ด้วยสภาพหลังแข่งคมสันยังเดินเหินสะดวก แถมเข้ามาแสดงความเป็นห่วงกับเขาอยู่เลย จะบอกว่านั่นเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของกำลังทั้งหมดที่คมสันใช้ออกมาเขาก็เชื่อ และจะไม่แปลกใจเลยหากรอบตัดเชือกคมสันจะสร้างเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เขารู้อยู่แล้วว่าคมสันเก่ง เขาจึงไม่คิดออมแรงแม้แต่น้อย เขาทุ่มสุดกำลังตั้งแต่ต้น --- ด้วยไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเผชิญหน้ากับคู่แข่งคนนี้อีกหรือเปล่า ทุกครั้งที่ได้เผชิญหน้านั่นคือโอกาสสำคัญของเขา

มะลิจ้องเงาในกระจก บอกกับตัวเองว่าตอนนี้ยังไหว ความหวั่นใจที่สัมผัสได้ก็เป็นส่วนหนึ่งของความตื่นเต้นและดีใจ เขาตื่นเต้นที่ก้าวมาได้ไกลถึงเพียงนี้ เขาดีใจที่ยังไม่ทิ้งลู่วิ่งนี้ไป และภูมิใจมากเมื่อเป้าหมายแรกบรรลุผล หรือก็คือ เขาได้พบกับเพื่อนตนในสนามแข่งอย่างเป็นทางการแล้วนั่นเอง และอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ จะถึงเวลางัดง้างกับเพื่อนคนเก่ง เพื่อพิสูจน์ความพยายามที่ตนได้ลงมือทำตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา พร้อมกับส่งสารไปยังคู่ต่อสู้คนนี้ว่าเขายังไม่ยอมแพ้

อย่างน้อยก็คลายกังวลได้ระดับหนึ่ง เรื่องจะได้พบกันอีกไหม เขากับคมสันจะมีโอกาสวิ่งด้วยกันอีกหรือเปล่า เรื่องนี้แทบไม่ต้องคิดมากแล้ว เพราะเขากำลังออกวิ่งไปพร้อมกับคมสันอีกครั้ง ถึงจะในฐานะที่ต่างออกไป กระนั้นเขาก็ยินดี แค่นี้ก็ดีแล้ว ดีกว่าไม่ได้เจอกันอีก ใช่ ดีกว่าปล่อยให้หายไปโดยที่เขายังไม่ได้พยายาม แต่ตอนนี้เขาทำสำเร็จในขั้นแรกแล้ว เขายังได้วิ่ง ยังได้เคียงข้างคมสันต่อไปอีก

มะลิตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าในการแข่งที่จะมาถึง เขาจะไม่ปล่อยให้แผ่นหลังกว้างนั้นคลาดสายตาเด็ดขาด ไม่ปล่อยให้คนๆ นี้หายไปแบบเดิมอีกแล้ว เขาจะก้าวขาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะขึ้นไปขนาบข้างกับคมสัน และหากเป็นไปได้ก็อยากก้าวข้ามคนตัวโตและคว้าชัยมาสักครั้ง

“วันนี้ออกไปข้างนอกไหมลูก” แม่ร้องทักจากข้างนอก ก่อนบอกว่าเตรียมข้าวเช้าเสร็จแล้ว

วันนี้ต้องออกไปข้างนอกแน่ แต่ตอนเช้าเขายังไม่ไปที่โรงเรียน ด้วยอาจารย์กฤษนัดพวกเขาช่วงบ่าย หวังให้ทุกคนพักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งมะลิไม่ถึงกับขัดคำสั่ง เขาพักผ่อนจนเต็มอิ่มมาตั้งแต่เมื่อวาน หรืออาจตั้งแต่แข่งเสร็จเลยด้วยซ้ำ เช้านี้จึงตั้งจะเดินเล่นแถวละแวก อยากออกไปสูดอากาศเย็นให้เต็มปอด คงอยู่เฉยในห้องอย่างเดียวไม่ได้จริงๆ เขาข่มใจให้สงบไม่ได้เลยสักนิด ต้องวิ่ง อยากวิ่ง อยากจะวิ่งไปให้สุดขอบสนาม --- เฝ้ารอเวลาให้มาถึงเร็วพลัน ทว่าเวลายังคงเดินไปตามจังหวะเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“ออกไปเดินเล่นนะครับ” บอกกับคนในบ้านพร้อมควานหาเสื้อกันหนาวที่ไม่หนาจนเกินไปมาสวม แล้วออกเดินไปข้างนอก

หมอกหนาทำให้แวดล้อมแปลกออกไป มุมมองด้านบนถูกบดบังไปกว่าครึ่ง เบื้องหน้าเป็นถนนเลียบผ่านลำธารเล็ก เขาเดินช้าๆ ไปตามทาง ยังดีบริเวณนี้เป็นซอยเล็ก รถวิ่งสวนกันช้าๆ ไม่อันตรามากแม้อยู่ท่ามกลางสภาพอากาศเช่นนี้ก็ตาม มะลิปล่อยเวลาเคลื่อนไปจนแสงอาทิตย์ฝ่าเมฆหมอกลงมาในที่สุด รอบตัวเริ่มสว่างขึ้นทันตา แสงทองอร่ามซึ่งยากจะเห็นหากมัวหมกตัวอยู่ในห้อง ตอนนี้เขาเพียงจ้องภาพตรงหน้าอย่างนั้นจนหมอกมลายสิ้น

เมื่อแดดส่องถึงอากาศก็เริ่มอุ่นขึ้น ความร้อนไล่หลังมาติดๆ จากนั้นไม่นานมะลิก็ย้อนกลับทางเดิม ทอดน่องช้าๆ ไม่ต่างจากขามา มีแดดเช้าวิ่งตามไม่ลดละ ความหนาวเย็นก่อนหน้าราวกับฝันไป มะลิถึงห้องก็หันมองเวลาที่ถูกผลาญไปเพียงเสี้ยวเดียวจากที่ตั้งใจไว้ เขาอยากวิ่ง อยากให้เวลาเดินเร็วกว่านี้ ทว่าเวลาก็ยังคงรักษาจังหวะของตนไว้ดังเดิม --- ใจที่ร้อนรนต่างหากทำให้เวลาที่เคลื่อนไปข้างหน้าเหมือนจะช้าลง

ด้านใจกล้ากับเสมอก็คล้ายกัน แม้ไม่ตื่นเช้าเท่าคนตัวเล็ก แต่ก็ไล่เลี่ยกันไม่นานนัก ทั้งคู่รู้สึกไม่ต่างจากมะลิเลย ตั้งคำถามกับเวลาในหน้าปัดนาฬิกาของพวกตน ถึงอย่างนั้นก็ฝืนคำสั่งที่ปรึกษาไม่ได้ ใจพร้อม กายพร้อม แต่สนามกลับไม่ต้อนรับพวกเขา เพราะเวลายังมาไม่ถึง ครั้นจะย่องไปโดยไม่ปล่อยกล่าว คราวก่อนก็เห็นผลแล้วว่าเปล่าประโยชน์ จำต้องทนข่มใจอยู่ในห้องอย่างนี้จนเลยมื้อเช้า
หัวข้อ: ตัวสำรอง - บทที่ 28 ก่อนรอบตัดเชือก
เริ่มหัวข้อโดย: InDefinition ที่ 06-01-2020 09:14:06
ตัวสำรอง - บทที่ 28 ก่อนรอบตัดเชือก

เป็นใจกล้าที่มาถึงเป็นคนแรก ไอร้อนในยามบ่ายไม่ทำให้เขาบ่ายหน้าหรือถอยหนีเพียงเพราะความอบอ้าว กลับกันใจกล้ายิ่งทวีความอยากที่จะลงสนามมากขึ้นทุกขณะ อยากก้าวหน้าให้มากกว่านี้ อยากข้ามพ้นตัวเองในเมื่อวาน ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนร่วมทีมที่คอยชื่นชมคนตัวเล็กอยู่ข้างสนามอีกต่อไป ด้วยทุกครั้งที่คนๆ นั้นออกตัวก็มักจะสร้างความประหลาดใจให้แก่รอบข้างเสมอ รวมทั้งใจกล้าด้วย ซึ่งอดทึ่งกับการพัฒนาไม่หยุดหย่อนของอีกคนไม่หาย ความตื่นตาตื่นใจใหม่ก็เข้ามาทับถมจนใจกล้าจมลงไปในบ่อของเรื่องไม่คาดฝันที่มะลิสร้างขึ้นอีกคราว เป็นเช่นนี้เรื่อยมานับแต่เขารู้จักคนๆ นี้

ลมเย็นหลงมาพาให้ใจกล้าสะท้าน อากาศพลันกดต่ำเมื่อเมฆเข้าปิดล้อมตะวัน เป็นชั่วครู่ที่ความร้อนถูกดับไป ใจกล้าก้าวขึ้นหน้าและออกตัวไปอย่างช้าๆ กลางสนามซึ่งแทบไม่เหลือรอยของลู่วิ่ง เพียงเงาจางๆ ของฝุ่นผงที่เคยฉาบทับไว้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น แค่อยากวิ่ง ใจกล้าแค่ไม่อยากฝังตัวเองไว้กับความรู้สึกนี้ ความอ่อนแอซึ่งมักปรากฏชัดยามปล่อยความคิดให้พลัดหลงไปกับใจที่อ่อนล้า ใจกล้าอยากสลัดทิ้ง อยากข้ามผ่าน ทว่าหากมัวว้าวุ่นไม่ยอมออกตัว เขาก็คงเป็นตัวสำรองของคนตัวเล็กตลอดไป แม้จะเคยชนะมาได้ ก็แค่ความกระหยิ่มใจจากความกลัวที่เขาทำได้เพียงวิ่งหนีจนก้าวเข้าเส้นชัยเท่านั้น ไม่ใช่เกียรติที่คว้ามาได้จากความภาคภูมิ --- แค่โชคดีเท่านั้น และคงไม่หลุดมาให้ย่ามใจอีกแล้ว

ขาคู่นี้ก้าวสลับกันไม่เป็นจังหวะด้วยกระวนกระวาย ความคิดยังยึดแน่นในความรู้สึก กว่าจะรักษาให้สม่ำเสมอได้ก็ล่วงเข้าอีกรอบสนาม ใจที่เคยรุ่มร้อนค่อยๆ สงบลงด้วยการนับก้าว ก้าวต่อก้าว ทุกแรงส่งกลับมาอยู่ในสัมผัส จากแรงกายสู่ผิวดิน และจากผิวดินสะท้อนกลับสู่ฝ่าเท้า ทั่วร่างรับรู้แรงที่ส่งลงไป พร้อมกันนั้นแรงซึ่งคืนกลับก็คอยย้ำชัดถึงความหนักแน่นที่เขามีต่อก้าวนั้นๆ

แสงแดดลอดผ่านลงมาเป็นสาย มวลเมฆเคลื่อนตัวออกไปและคลายบ่ายคล้อยกลับคืนพื้นสนาม หญ้าแห้งเหลืองทองเด่นชัดเป็นทิว ละอองดินตลบฝ่าเท้าขึ้นมาและฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง ผงดินถูกลมร้อนพัดปลิวไปตามทาง จางหายไปก่อนกลุ่มก้อนใหม่จะก่อตัว ขาคู่นั้นยังก้าวต่อ วิ่งขึ้นหน้าไม่หันกลับมองรอยเดิม ก้าวนี้ ก้าวนั้น ก้าวต่อไป และอีกก้าวหนึ่ง สม่ำเสมอจนได้ยินเสียงฝีเท้า ก้าวของใครสักคนไล่หลังมาจากที่ไกล ก้าวนั้นมั่นคง หนักแน่น ไม่แพ้กัน

ครั้งหนึ่งใจกล้าเคยขยาดฝีก้าวนี้ เคยวิ่งหนีและคอยออกห่างไม่ให้ตามติด เคยพยายามฉีกทิ้งไปให้ไกล และกระทั่งเคยก้าวให้ทัน ด้วยเป็นฝีเท้าเดียวกันกับที่ทำให้เขาร้อนรน ถึงอย่างนั้นก็เป็นฝีเท้าที่ทำให้เขารุ่มร้อน เป็นทั้งคู่แข่งและเพื่อนร่วมทีม เป็นทั้งความกดดันและแรงผลักดัน

ใจกล้ารักษาฝีเท้าของตน เช่นเดียวกับอีกคนที่ยังก้าวตามหลังช้าๆ ไม่รีบเร่ง คงเพราะอยากออกตัว หรือเพราะอยากสัมผัสพื้นสนามที่ห่างเท้าไปหลายวัน มะลิตามหลังใจกล้ามาไม่นานนัก จากนั้นเสมอก็เข้าร่วมขบวนฝีเท้าคงที่กับทั้งคู่ นักวิ่งประจำโรงเรียนเล็กจึงคลุ้งฝุ่นอยู่รอบสนาม ระยะทางระหว่างสามคนพอให้หลบเลี่ยงฝุ่นผงจากคนก่อนหน้าได้บ้าง

“รวมตัว” กฤษที่ยืนมองลูกศิษย์ของตนกระตือรือร้นจนอดกลั้นความอยากจะลงสนามไม่อยู่ เขามาถึงสักพักแล้ว แต่ปล่อยให้ทั้งสามคนใช้เวลานี้ปลดปล่อยความอัดอั้นที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้มาเยือนสนามในช่วงเช้า และเมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาจึงออกปากเรียกทุกคนมารวมตัวเพื่อเริ่มกิจกรรมอย่างเป็นทางการ

“อีกสัปดาห์จะถึงรอบตัดเชือกระดับจังหวัด ถึงจะแค่ไม่กี่วัน แต่ครูก็หวังว่าทุกคนจะใช้เวลานี้สำหรับการฝึกฝนอย่างเต็มที่ แล้วก็อย่างลืมแบ่งเวลาสำหรับการพักผ่อนให้เพียงพอด้วย” กฤษย้ำเรื่องเดิมซ้ำอีกเที่ยว โดยเฉพาะประเด็นหลัง ด้วยทุกก้าวย่างอาจเป็นจุดเปลี่ยนของกลุ่มเด็กตรงหน้า โดยเฉพาะการบาดเจ็บหรือเหตุไม่คาดฝัน ไม่ใช่เพราะกฤษหวังในผลสัมฤทธิ์หรือรางวัลจากลูกศิษย์ของตน เพียงแต่การก้าวที่ผิดจังหวะเพียงก้าวเดียว นั่นอาจหมายถึงความผิดหวังที่เด็กเหล่านี้จะต้องแบกรับไปค่อนชีวิต

“ครับ” ทั้งสามขานรับพร้อมเพรียง