ตอนที่ 19
~ กาล ~
ก่อนหน้าผมจะไปที่บ้านของมันตามนัดหมายกันไว้ ก็ต้องรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ให้ได้ก่อน วันก่อนก็ต่อล้อต่อเถียงกับไอ้เจ้าเรื่องไร้สาระที่ทำให้ชีวิตมันมีสาระขึ้นมาในทันที แต่วันนี้มันหายหัวจากห้องไปอย่างน่าสงสัย เพราะปกติแล้ววันๆ ของไอ้เจ้าจะผูกติดไว้กับการเขียนนิยายบนหน้าจอ ไม่มีทางที่ใครจะลากมันออกไปไหนได้ถ้าไม่มีความจำเป็นถึงขั้นคอขาดบาดตาย
“เป็นอะไร” ผมพูดออกไปหน่ายๆ กับการกระทำที่เหมือนคนเรียกร้องความสนใจของไอ้หัวแดงตรงหน้า
“ไม่ต้องสนใจกูหรอก” มันว่า แต่การแสดงออกสวนทางกับคำพูดลิบลับ
ว่าไปพร้อมเปิดเบียร์ที่มันไม่ชอบและแทบไม่แตะเลยในรอบปี ไอ้ห่า ทำอย่างกับคนโดนหักอก แต่มึงไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าอกหักเลย เพราะมื้อกลางวันยังตามผู้ชายไปกินข้าวนอกคณะอยู่เลย
“เป็นอะไร” ถามออกไปอีกครั้ง
“กูไม่เคยผิดสัญญาใคร” นั่นใช่คำตอบของคำถามที่กูสงสัยไหม
ถึงอย่างนั้นก็พอจับเค้ารางความประหลาดที่มันกำลังกัดกินเพื่อนของผมได้ แปลว่าวันนี้มีคนผิดนัดมัน และคงสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกันไว้
“เขาอาจมีธุระ คิดมาก” เดินไปแย่งกระป๋องเบียร์จากมือเล็กที่ถือไว้ประกอบฉากเฉยๆ มันไม่กินหรอก แค่ทำเป็นเท่
“แต่กู...” แล้วก็เงียบไป เป็นเอามากนะเพื่อนกู ไหนว่าไม่ชอบพวกตุ๊ดพวกเกย์ไง ตอนนี้มึงไม่ต่างจากตุ๊ดงอนผัวเลย
“พี่เขาไปไหน ทำไมผิดนัดมึง” ถามออกไปอย่างรู้ทัน ซึ่งมันมีปฏิกิริยากับคำถามนี้ไม่น้อย
“มึงรู้ได้ไง” ทีแรกก็ไม่รู้หรอก มึงนั่นแหละที่เผยไต๋ให้กูเอง
“เอาเป็นว่ารู้แล้วกัน” อย่าสงสัยมาก
“มันบอกว่าติดงานคณะ” เออก็เขาติดงานไง
“แล้วมึงจะคิดมากทำไม” แทนที่จะไปเล่นเกมหรือหาข้าวแดกรอ ดันทำเท่ไปซื้อเบียร์มาแต่กลับไม่แดกเพราะกลัวเมา ตอนนี้กูว่ามึงเมาแล้ว เมาน้ำลายตัวเองเนี่ยแหละ
“มันเป็นคนนัดนะ ถ้ามีธุระแล้วจะนัดทำไม” แสดงว่าไม่ไว้ใจในเหตุผลของพี่เขา
“คนเรามันก็มีบ้าง”
“อะไร”
“มีกิ๊กไง” ฮาฮาฮาแหย่มันไป
เป็นเรื่องคนอื่นนี้หัวไว แต่พอเรื่องของตัวเองกลับไปไม่ถูก นี่ไม่รู้หรือแกล้งโง่ว่าพี่เสาไฟฟ้านั่นมันชอบมึงแค่ไหน หน้าอย่างนั้นไม่มีทางไปหาเศษหาเลยที่ไหนหรอก มันรอแดกมึงอยู่ต่างหาก
“ใช่สิ กูมันก็แค่...” ดันเป็นจริงเป็นจังกับคำพูดผมเสียงั้น
“ไหนมึงไม่ชอบพวกนี้ไง” มันหันมามองหาผมอีกครั้ง หน้าตาตื่นๆ นั่นทำเอาผมตลกไม่น้อย
“ก็มึงเริ่มเอง” งงเลยกู ผมไปเริ่มอะไรก่อน
“เริ่มอะไรว่ะ” ผมไม่ได้ไปพาไอ้พี่นัทมาหามันแน่นอน เอาล่ะ ครั้งแรกที่พี่มันมาคณะอาจเป็นเพราะผมในทางอ้อม เพราะไอ้เดือนนิเทศเป็นเพื่อนของพี่เขา แต่แค่นั้นไม่ใช่เหตุผลที่จะมากล่าวหาว่าผมเป็นคนเริ่มเรื่องนี้แน่นอน
“ก็มึงกับพี่มิวกำลังจีบกัน กูก็คิดว่ามึงยอมรับเรื่องพวกนี้ได้ ก็...” ไปกันใหญ่ละ
“กูกับพี่มันไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมปฏิเสธไปตามจริง หากนับความสัมพันธ์ในทางบวกอะนะ ไม่รวมความอาฆาตที่มีต่อกัน
“กูไม่รู้ว่ามึงเป็นอะไรกันหรอก แต่...” มันว่าต่อ
“อะไร”
“กลุ่มพวกเราไม่ชอบเกย์หรือพวกตุ๊ดใช่ไหม” กลายเป็นมันที่ตั้งคำถาม
“กูไม่ได้เกลียด เรียกว่าไงดีล่ะ ก็เฉยๆ ว่าแต่มึงพูดเรื่องนี้ทำไม” ชักจะออกนอกเรื่องไปไกลแล้ว ควรกลับมาคุยเรื่องมึงกับพี่นัทก่อนดีไหม
“ไม่รู้ล่ะ ก็ที่ผ่านมาเห็นพวกมึงล้อแต่พวกเกย์พวกตุ๊ดกูก็นึกว่าไม่ชอบกัน” ไม่ใช่มึงหรอกเหรอที่เกลียด กูงง ตอนนี้กูงง
“กูนึกว่ามึงนั่นแหละไม่ชอบ เห็นล้อบ่อยสุด” ไม่เชื่อไปถามไอ้เจ้าได้
“กูเปล่า กูแค่พูดไปไม่ให้พวกมึงสงสัย” สงสัยอะไรว่ะ
ไอ้ต้นเงียบไปพักหนึ่ง ทำให้ทั้งห้องมีแต่เสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังคลอไปอย่างเงียบๆ ผมที่รอคำอธิบายจากมันก็ไม่ได้พูดหรือเร่งเร้า รอมันรวบรวมสติให้ได้ก่อน ยังไงก็ไม่รีบอยู่แล้ว เพราะไอ้เดือนนิเทศมันยังไม่ตอบแชทผมเลยแม้แต่คำเดียว
“กูเป็นเกย์” จู่ๆ ไอ้ต้นก็ทำลายบรรยากาศลง คำพูดของมันทำเอาผมนิ่งงันไปชั่วขณะ
ไม่ได้ตกใจที่มันมาบอกความลับกับผมในตอนนี้ แค่แปลกใจที่มันยอมบอกต่างหาก เพราะการกระทำตั้งแต่ที่รู้จักกันมา ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่บ่งบอกว่ามันเป็น หากไม่นับรวมหน้าตาของมันนะ ก็ที่แล้วมาไอ้ต้นพยายามแสดงอาการต่อต้านและไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้มาตลอด มันไม่ชอบให้ผู้ชายหน้าไหนจีบ มันด่า มันแช่ง และมันเกลียดพวกที่แซวมัน
“มึงเกลียดกูไหม” มันถามมาหลังจากผมเงียบไปไม่ยอมต่อบทสนทนาด้วย
“กูจะเกลียดมึงทำไม” ผมตอบและถามมันกลับ
“กูแค่กลัว กูไม่ชอบให้ใครมองว่ากูแปลก กูไม่ชอบให้พวกผู้ชายมาจีบ กูไม่ชอบด้วยที่พวกมันเห็นกูเป็นของเล่น กูไม่อยากให้ใครล้อว่าเป็นตุ๊ด” มันพูดพร้อมปล่อยโฮมาเลย เอาแล้วงานเข้าแล้วกู นี่มันหน้าที่เพื่อนใช่ไหมที่ต้องเดินไปลูบหลังปลอบใจ
“ไม่เป็นไรกูไม่ได้เกลียดมึง มึงก็ยังเป็นเพื่อนกูเหมือนเดิม อย่าร้องสิกูทำตัวไม่ถูก” ผมไปไม่เป็นจริงๆ ไอ้เจ้าอยู่ไหน กลับมาช่วยกูก่อน
“แล้วไอ้เจ้ารู้ไหม” มันพยักหน้าตอบ ก็สมแล้วล่ะที่กินอยู่ด้วยกันในห้องนั้น และถ้าให้เดา การที่ไอ้เจ้ายอมเปิดใจให้พี่หมอ ก็คงคิดเหมือนไอ้ต้นว่าผมเป็นคนเริ่ม
คนเริ่มที่จะเปิดรับเพศเดียวกันเข้ามาในชีวิตที่เกินสถานะคำว่าเพื่อน พี่ หรือน้อง แสดงว่าตลอดเวลาที่คบกันมาพวกมันเก็บความลับนี้ไว้ตลอด เพราะกลัวผมไม่ชอบ กลัวผมเกลียด และกลัวการไม่ยอมรับจากผมงั้นสินะ
“นี่ถ้ากูไม่ไปยุ่งกับไอ้พี่นั่นพวกมึงก็จะปิดเงียบไว้แบบนี้ใช่ไหม” มันพยักหน้าตอบโดยไร้คำพูด
“บ้าหรือเปล่า ทำไมไม่ยอมบอกกู” นี่กูเป็นเพื่อนพวกมึงมาตั้งนาน
“กูกลัวมึงเกลียด ไอ้เจ้าด้วย” บ้ากันไปใหญ่ละ
“มึงไม่รู้หรอกว่าทั้งมันและกูกดดันแค่ไหน กูไม่เคยมีแฟน มันด้วย แต่ไม่ใช่ไม่อยากมีหรอกนะ” มันระบายอย่างคนอัดอั้นมานาน ก็สมควรแล้วล่ะ เพราะพวกผมไม่เคยเปิดอกกันเรื่องนี้เลย
“เห็นมึงเป็นแฟนกับคนนั้นคนนี้กูก็อิจฉา กูก็อยากมี แต่มันมีไม่ได้ไงมึงไม่เข้าใจ ฮืออออออ” ผมไม่ตอบกลับ แต่ดึงมันเข้ามากอดแทน
“ตอนนี้ไง ตอนนี้ก็มีคนมาจีบแล้วไง ตรงสเปคมึงเลยไม่ใช่เหรอ โหดๆ” แหย่มันเพื่อทำลายบรรยายกาศกดดันตรงหน้า
“มันมีกิ๊กแล้ว” เอาแล้วไงกูดันไปขุดหลุมไว้
“กูพูดเล่น” แก้ไขตอนนี้คงทันนะ อารมณ์มันยิ้งแปรปรวน กูจะกลายเป็นคนทำลายความสัมพันธ์ของครอบครัวเขาไหมเนี่ย ผมขอโทษ... พี่นัท
“มันคงเป็นแบบนั้นแหละ” ไม่เพื่อน กูพูดเล่นจริงๆ
“มังคงเห็นว่ากูง่าย” นี่มึงมีอะไรกับมันแล้วเหรอ เพื่อนกู...
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” เชื่อกูเถอะ คราวนี้มึงต้องเชื่อกูสิ
“กูไม่น่าเปิดใจให้มันเลย มึงเห็นไหม แค่ยอมไปกินข้าว ไปหาที่หอ มันก็ทิ้งกูแล้ว” มึงไปที่หอกันมาแล้วเหรอ ไวไฟมากเพื่อน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่มึงจะคิดว่าพี่มันหลอกแดกหรอกนะ พี่เขาแค่ติดธุระ สะกดเป็นไหม ธุ ระ น่ะธุระ
“มึงไม่เจ็บเหรอตอนโดนผู้ชายทำแบบนั้น” ถามมันไป เพราะสงสัยและไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่างธรรมชาติเขาสร้างมาให้เข้ากันได้ แต่พอเป็นผู้ชายแล้วชักแปลกๆ ถึงจะเข้ากันได้แต่น่าจะเข้ากันลำบากพอดู
“เจ็บสิ” โห... สงสารเพื่อน
“เจ็บที่ใจเนี่ย” มาเต็ม ความดรามาและน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหล
“แล้วที่อื่นล่ะ” ยังอยากรู้อยู่ดี
“อะไร” มันถาม
“แบบตอนมีอะไรกัน” กูแค่อยากรู้ ไม่ต้องทำหน้าเขียวแบบนั้นก็ได้
“กูยังไม่ได้มีอะไรกับมัน ไอ้กาล ไอ้บ้า ไอ้เหี้ย ลามก” ทั้งมือทั้งตีนจัดเต็ม เมื่อกี้มึงยังซบกูอยู่เลยนะ
“อ้าวเหรอโทษๆ แต่กูว่ามึงคุยกันก่อนอย่าพึ่งคิดไปไกล พี่เขาแค่ติดธุระวันเดียวเอง” ใช่อย่าพึ่งคิดไปไกลแบบกู
“ไม่หรอก มันคงเป็นแบบนั้นนั่นแหละ ถึงมึงไม่พูดกูก็คิดอยู่ดี” มึงมันพวกมโนไง
“มึงรู้ไหมว่ามันจีบกูด้วยการท้าเกม แต่จริงๆ มันไม่ใช่พวกบ้าเกมเลย เห็นไหมว่ามันหลอกกูตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” เหี้ยละ นั่นเขาเรียกว่ายอมปรับตัวให้เข้ากับคนที่ชอบ ยิ่งไม่ชอบอะไรแล้วยอมอยู่ด้วยนั่นแหละคนที่รักจริงๆ รักหมดใจเลยล่ะ กู่ไม่กลับแล้วเพื่อนกู
“คนแบบกูคงโสดไปจนตาย แต่แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ เกิดมาเป็นเกย์แถมยังชอบผู้ชายอีก...” เกย์ชอบผู้ชายมันผิดตรงไหนว่ะ
จู่ๆ มันก็เงียบไปเมื่อมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟาที่มันนั่งอยู่สั่นเป็นเจ้าเข้า มันรับและพูดออกไปไม่กี่ประโยคแล้ววางสายไป สีหน้ายังดูแย่เหมือนเดิม มันกลับไปถูไถหน้าจอตัวเองสักพักหนึ่งก่อนทุกอย่างจะกลับคืนสภาพปกติ
“กูจะไปหาอะไรกินมึงเอาด้วยไหม” น้ำเสียง สีหน้า แววตา กลายเป็นไอ้ต้นคนเดิมแล้ว อะไรว่ะ
“ไม่ล่ะกูจะออกไปข้างนอก คงกลับมาดึกๆ” บอกไปทั้งที่ยังงงกับเพื่อนหัวแดงไม่หาย
“งั้นเหรอ เครๆ กูไปก่อนนะหิวละ” แล้วมันก็หายไปพร้อมเสียงเปิดและปิดประตูที่ดังขึ้นและสงบลงในที่สุด มันไปแล้ว แต่ทิ้งความสงสัยให้กับผม
สรุปหายโกรธหายงอนพี่นัทแล้วใช่ไหม คนที่โทรมาคือพี่นัทแน่นอน แต่ที่มันดูในจอมือถือนั่นอะไร พอจ้องอยู่ไม่กี่วิก็เปลี่ยนตัวเองจากคน (เหมือน) อกหัก กลายเป็นคนอารมณ์ดีขึ้นเสียงั้น นี่ง้อกันด้วยวิธีไหนเนี่ย
อีกเรื่อง ต่อจากนี้ผมคงไม่โดนล้อเรื่องไอ้เดือนนิเทศจากพวกมันสองคนแล้วสินะ ในเมื่อความรักมันไม่จำกัดเพศ พวกมันเลยหาผัวแทน...
มิวเฉยเฉย กูกำลังจะเป็นบ้า : กำลังกลับ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เรื่องนี้มีตอนพิเศษด้วยนะ
ความสำคัญของตอนพิเศษ คือการทำหน้าที่เป็นภาคเสริม
เรื่องของคู่รองทั้งหมดจะอยู่ในนั้น
ตลอดจนฉาก NC ของคู่หลักหลังจากนี้ด้วย
ฝากพี่มิว น้องกาล และผองเพื่อนไว้ในอ้อมอกด้วยจ้าโดยสามารถสนับสนุนนักเขียนผ่านตอนพิเศษได้หลายช่องทาง ทั้ง
(1) ธัญวลัย
www.tunwalai.com/story/251096/ร้ายนักใช่ไหม-จะแกล้งเสียให้เข็ด(2) readAwrite
www.readawrite.com/?action=manage_article&article_id=f5076e3d3c037deb594bcdc00f9f2abc&tab=mainManageChapter(3) JamPlay
www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b8b71f6e3ef490010086b56?isExpandIntroduction=true(4) Dek-D
https://writer.dek-d.com/inDefinition/writer/view.php?id=1854892- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่
facebook.com/inDefinitionStory