ร้ายนักใช่ไหม... จะแกล้งเสียให้เข็ด ของแถมก่อนตอนพิเศษ NC /// 281118 p.4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้ายนักใช่ไหม... จะแกล้งเสียให้เข็ด ของแถมก่อนตอนพิเศษ NC /// 281118 p.4  (อ่าน 17032 ครั้ง)

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ตอนที่ 18


~ มิว ~



วันนี้เขาต้องกลับดึกพอควร เพราะต้องเคลียร์โปรเจกต์ที่เหลือให้เสร็จก่อนสี่ทุ่ม พร้อมกับเพื่อนร่วมรุ่นทุกคนซึ่งสุมหัวรวมตัวกันอยู่ใต้คณะ เนื่องจากเป็นวิชาที่ทุกคนต้องเรียน บังคับแกมขู่เข็ญไม่งั้นไม่จบ

ทว่า การมีคนมานั่งจ้อง มาเฝ้า หรือคอยติดตามเวลาแบบนี้ เขายืนยันว่ามันไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก ยืนยันเลยว่ามันไม่ใช่อะไรที่น่ารื่นเริงใจเลย เพราะมันทั้งน่ารำคาญใจ หงุดหงิด และพาให้อารมณ์เสียแบบนี้ไง

“น้องเขามาเฝ้ามึงเหรอ” หนึ่ง

“เป็นอะไรกัน” สอง

“เปลี่ยนคนไวจังนะ” สาม

“ทำไงให้ได้แบบนี้ บอกหน่อย” สี่

“ได้กันยัง” ห้า

กูอยากตบปากพวกที่คิดว่าตัวเองมีเวลามากพอให้มาสนใจเรื่องชาวบ้านแบบนี้ แทนที่จะเอา ไปปั่นงานให้มันเสร็จไวๆ และอยากบอกออกไปเสียงดังๆ เลยว่า

‘จะมาทำไมก็ช่างมันสิ’ หนักส่วนไหนของพวกมึง มันไม่ได้มาหาพวกมึงอยู่แล้วไม่ต้องไปสนใจ

‘มันจะเป็นอะไรกับกูแล้วจะทำไม’ เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นพ่อ เป็นผัว เป็นอะไรก็ได้ที่กูอยากให้เป็น

‘เปลี่ยนใหม่ เปลี่ยนเก่า เปลี่ยนบ่อยแค่ไหนก็ชีวิตกู’ ได้ยินชัดไหมว่าเรื่องของกู อย่าเสือก ถ้าอยากได้ก็ไปหาเอาเอง

‘กูรวยจบไหม’ กูมีเงิน กูไม่ได้อวด เพราะกูมีมันจริงๆ อย่าสงสัย

‘แล้วมันจะได้กับกูหรือไม่ จำเป็นต้องอัดคลิปมาเปิดให้ดูไหม’ เอาไหม กูยิ่งอัดเก่งเสียด้วย





โว้ย! เสียอารมณ์ งานก็ยังไม่เสร็จเห็นไหม มันยังไม่เสร็จ พวกมึงจะไปรู้อะไรว่าถ้ากูยังไม่ยอมกลับไปมันจะเกิดอะไรขึ้น

“ดึกแล้วกลับก่อนก็ได้” ไอ้นี่ก็อีกคน ตามมาเฝ้าถึงคณะเลย บอกแล้วว่าวันนี้มีงาน

“ไม่เป็นไรครับ จะได้แวะกินข้าวด้วยกันเลย” ไม่ทันแน่ กินข้าวไม่ทันแน่ๆ

“พี่อาจไม่ได้กินข้าวกับเก้าอ่ะ วันนี้ง่วงและเพลียมากอยากกลับไปหลับแล้ว” บอกมันไป แม้กูจะหิวจนไส้กิ่วแล้วก็ตาม แถมมีคนกำลังตามตัวกูอยู่ มือถือเจ้ากรรมก็สั่นไม่เลิกสักที

“ไม่เป็นไรครับ ไว้ขับไปส่งที่บ้านแล้วผมค่อยออกไปหาอะไรกิน” โอ๊ย! ไอ้เด็กคนนี้

“เก้า พี่ว่าเราจะดื้อไปแล้ว บอกว่าให้กลับก็กลับสิ นี่มันเวลาไหนแล้ว คิดถึงพ่อกับแม่เราบ้าง ถ้ารู้ว่ามาทำอะไรแบบนี้พี่จะรู้สึกผิดไปด้วยนะ” พาเข้าบทโศกไปเลย อย่าให้มันจับได้

“แต่ว่า...” ไม่มีแต่ ถ้ามึงกลับไปกับกูเท่ากับกูฆ่าตัวตาย


เขาเงียบทำเป็นไม่สนใจเด็กวิศวะข้างๆ ที่คล้ายจะพูดอะไรต่อ แต่พอถูกความเงียบ (ระหว่างเรา) เล่นงานเข้าไป เหมือนมันจะจับเค้ารางความไม่พอใจของเขาได้ ถึงจะปลอมๆ ก็เหอะ แต่ถ้าคนอื่นมาเห็นสีหน้า แววตา น้ำเสียง และท่าทางของเขาตอนนี้ก็คงทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

“พรุ่งนี้ค่อยมารับพี่มาเรียน ตอนนี้พี่ขอ กลับไปก่อนนะ” ผ่อนน้ำเสียงลงมา เพราะสีหน้าของเด็กมันเหมือนจะร้องไห้เลยที่เขาทำทีไม่สนใจและพูดกับมันด้วยน้ำเสียงเย็นๆ แบบนั้น

เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าในสายตาเขา ไอ้เก้ายังเป็นน้องชายอยู่วันยังค่ำ เขายังรักและเอ็นดู แถมเคยดูเอ็นมันมาแล้วด้วย (เรื่องนั้นช่างมัน อย่าไปสนใจ แต่ถ้าอยากรู้ก็กลับไปอ่าน ~ ตอนพิเศษ~ ในอดีต)

“ครับ” มันว่า จากนั้นไม่นานร่างสูงของหนุ่มวิศวะก็หายไปจากลานสายตา พร้อมกับเขาที่เริ่มเก็บข้าวของซึ่งกระจายแถวนั้น และตามออกไปโดยเว้นช่วงห่างเล็กน้อย ไม่ให้เจ้าจับผิดได้ว่าที่จริงแล้วงานส่วนของเขาเสร็จไปได้พักหนึ่งละ แค่ไม่อยากกลับพร้อมกันก็เท่านั้น


“กูไปละ ส่งให้ทางแชทแล้ว มีอะไรทักมาได้”

“แหมมมมมม ตามกันไปไม่ห่างเลยนะ”

“ถ้ามึงไม่เอาน้องกาลกูขอนะ”

“สวยเลือกได้เลยนะมึง”

“เสือก!” จบไหม


จากนั้นก็เชิดออกมากลางความเงียบที่เข้ามาปกคลุมใต้คณะนิเทศครู่หนึ่ง หลังเสียงที่เปล่งออกไปกระจายออกไปทั่วบริเวณ แต่มันก็คุ้มที่ได้ด่าพวกแม่งได้ทุกตัว อย่างพร้อมเพรียง



กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : อยู่ไหน

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : เงียบ

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : กูให้เวลาสิบนาที

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : มึงอยู่ไหน

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : ตอบกูมา

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : อยากเจอใช่ไหม

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : กูอยู่หน้าบ้านมึงแล้ว

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : ลงมา

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : 1

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : 2

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : 3

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : ลงมา

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : ไอ้สัดอย่าทำให้กูโกรธ

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : ถ้ายังเงียบอยู่กูปล่อยรูปมึงแน่

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : ตอบ

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : ตอบ

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : ตอบ

         เมื่อ 1 ชั่วโมงที่แล้ว



เป็นบ้าอะไรของมัน  กูทำงานอยู่เลยไม่สนใจข้อความที่มันส่งเข้ามา แต่ตอนนี้กำลังเปิดอ่าน และไม่รู้เหมือนกันว่าคำขู่ช่วงท้ายๆ นั้นมันได้ทำไปแล้วหรือยัง





มิวเฉยเฉย กูกำลังจะเป็นบ้า : กำลังกลับ

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : สิบนาที

มิวเฉยเฉย กูกำลังจะเป็นบ้า : ไอ้เหี้ย กูอยู่คณะ

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : ห้านาที

มิวเฉยเฉย กูกำลังจะเป็นบ้า : มึงช่วยมีเหตุผลหน่อย

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : ถ้ากูไม่มีเหตุผลคงปล่อยรูปมึงให้ดังไปแล้ว

มิวเฉยเฉย กูกำลังจะเป็นบ้า : กำลังกลับ

มิวเฉยเฉย กูกำลังจะเป็นบ้า : แค่นี้นะจะขับรถ




อย่างน้อยมันก็ยังไม่ได้ทำอะไรบ้าๆ ลงไป และนั่นทำให้เขากลับมาตั้งสติกับการขับรถอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังรออยู่ที่บ้านอยู่ไหมหรืออยู่คอนโดตัวเอง เพราะจากที่เห็นข้อความต้นๆ ก็ร่วมหลายชั่วโมงมาแล้ว





มิวเฉยเฉย กูกำลังจะเป็นบ้า : กินอะไรหรือยัง

มิวเฉยเฉย กูกำลังจะเป็นบ้า : เอาเกี๊ยวน้ำไหมจะซื้อไปฝาก

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : เออ






นั่นคือคำตอบใช่ไหมหรือแค่เร่งให้เขากลับไปไวๆ เอาเป็นว่า มันคงหิวที่รอเขามาหลายชั่วโมงแบบนั้น ขอเข้าข้างตัวเองแบบแกล้งๆ แล้วกัน



ขณะนี้เขาจอดรถอยู่ริมฟุตบาทซึ่งมีร้านริมทางให้แสงสว่างแทนที่เสาไฟฟ้าซึ่งใช้งานไม่ได้ นานทีจะมีโอกาสแวะเวียนเข้ามาร้านแบบนี้ เลยไม่รู้ว่าควรเลือกซื้ออะไรให้กับความหิวของตัวเอง อาหารตามสั่งก็ไม่อยากให้ใส่ในกล่องโฟม ก็เลยต้องจบที่บะหมี่และเกี๊ยวซึ่งบรรจุในถุงร้อนแทน



ระหว่างยืนอยู่อยู่หน้าร้านก็เหลือบไปเห็นคนคุ้นตาที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ไอ้น้องหน้าตี๋เพื่อนของไอ้เด็กนั้นกำลังทำหน้าเป็นตูดอยู่กับว่าที่หมอซึ่งพ่วงตำแหน่งเดือนมหา’ลัย



เขาไม่ได้เข้าไปทักเพราะไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษขนาดนั้น ทั้งเด็กปีหนึ่งนั่นที่เหมือนจะถูกคนอายุเยอะกว่าจีบอย่างไม่ไว้หน้า หรือพี่หมอที่พอจะคุ้นตากว่าเพราะสมัยปีหนึ่งก็แวะเวียนมาหาที่กองประกวดบ่อยๆ แต่นั่นก็หลายปีมาแล้ว ครั้งล่าสุดที่เจอก็ที่โต๊ะของเด็กวิศวะ ซึ่งไม่ได้คุยกัน



แสดงว่าตอนนี้เพื่อนของไอ้บ้านั่นทั้งสองคนกำลังถูกส่งออก และเดินรอยตามสายธรรมชาติเหมือนกันกับเขางั้นเหรอ ใครจะไปคิดว่าคนรอบตัวมันจะเป็นแบบนี้กันหมด ก็ไอ้เดือนวิศวะท่าทางเกลียดเกย์เสียขนาดนั้นไม่คิดว่าจะยอมให้เพื่อนโดนผู้ชายจีบแบบนี้



หรือมันแค่เกลียดเขากันนะ แบบเกลียดเป็นกรณีพิเศษ เพราะวันประกวดเดือนมันก็ตอบคำถามที่ดูจะปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของเพศทางเลือกพอตัว







กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : ยังไม่ถึงอีก

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : รีบมา

กาลเวลา ถึงเวลาของกูแล้ว : กูง่วงแล้วเนี่ย






ง่วงก็กลับคอนโดไปหลับสิ จะเร่ง จะรอ แล้วจะอยู่ต่อทำไม เขาไม่ได้ชวน เชิญ หรือตอนรับมันเลยสักนิด



#ร้ายนักใช่ไหมจะแกล้งเสียให้เข็ด



ตามทันเว็บอื่นแล้ว
หลังจากนี้จะลงพร้อมกับที่อื่นๆ
ส่วนตอนพิเศษยังสงวนไว้สำหรับให้กำลังใจนักเขียนในลิงค์ข้างล่างนี้นะ

โดยสามารถสนับสนุนนักเขียนผ่านตอนพิเศษได้หลายช่องทาง ทั้ง
(1) ธัญวลัย www.tunwalai.com/story/251096/ร้ายนักใช่ไหม-จะแกล้งเสียให้เข็ด
(2) readAwrite www.readawrite.com/?action=manage_article&article_id=f5076e3d3c037deb594bcdc00f9f2abc&tab=mainManageChapter
(3) JamPlay www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b8b71f6e3ef490010086b56?isExpandIntroduction=true
(4) Dek-D https://writer.dek-d.com/inDefinition/writer/view.php?id=1854892

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory








ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :really2: หูยมีรอกินข้าวด้วยนะ เมื่อไหร่ลูกหึงจะออก จับกดสักที

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0

ตอนที่ 19
~ กาล ~



ก่อนหน้าผมจะไปที่บ้านของมันตามนัดหมายกันไว้ ก็ต้องรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ให้ได้ก่อน วันก่อนก็ต่อล้อต่อเถียงกับไอ้เจ้าเรื่องไร้สาระที่ทำให้ชีวิตมันมีสาระขึ้นมาในทันที แต่วันนี้มันหายหัวจากห้องไปอย่างน่าสงสัย เพราะปกติแล้ววันๆ ของไอ้เจ้าจะผูกติดไว้กับการเขียนนิยายบนหน้าจอ ไม่มีทางที่ใครจะลากมันออกไปไหนได้ถ้าไม่มีความจำเป็นถึงขั้นคอขาดบาดตาย

         

“เป็นอะไร” ผมพูดออกไปหน่ายๆ กับการกระทำที่เหมือนคนเรียกร้องความสนใจของไอ้หัวแดงตรงหน้า

         

“ไม่ต้องสนใจกูหรอก” มันว่า แต่การแสดงออกสวนทางกับคำพูดลิบลับ

         

ว่าไปพร้อมเปิดเบียร์ที่มันไม่ชอบและแทบไม่แตะเลยในรอบปี ไอ้ห่า ทำอย่างกับคนโดนหักอก แต่มึงไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าอกหักเลย เพราะมื้อกลางวันยังตามผู้ชายไปกินข้าวนอกคณะอยู่เลย

         

“เป็นอะไร” ถามออกไปอีกครั้ง

         

“กูไม่เคยผิดสัญญาใคร” นั่นใช่คำตอบของคำถามที่กูสงสัยไหม

         

ถึงอย่างนั้นก็พอจับเค้ารางความประหลาดที่มันกำลังกัดกินเพื่อนของผมได้ แปลว่าวันนี้มีคนผิดนัดมัน และคงสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกันไว้

         

“เขาอาจมีธุระ คิดมาก” เดินไปแย่งกระป๋องเบียร์จากมือเล็กที่ถือไว้ประกอบฉากเฉยๆ มันไม่กินหรอก แค่ทำเป็นเท่

         

“แต่กู...” แล้วก็เงียบไป เป็นเอามากนะเพื่อนกู ไหนว่าไม่ชอบพวกตุ๊ดพวกเกย์ไง ตอนนี้มึงไม่ต่างจากตุ๊ดงอนผัวเลย 

         

“พี่เขาไปไหน ทำไมผิดนัดมึง” ถามออกไปอย่างรู้ทัน ซึ่งมันมีปฏิกิริยากับคำถามนี้ไม่น้อย

         

“มึงรู้ได้ไง” ทีแรกก็ไม่รู้หรอก มึงนั่นแหละที่เผยไต๋ให้กูเอง

         

“เอาเป็นว่ารู้แล้วกัน” อย่าสงสัยมาก

         

“มันบอกว่าติดงานคณะ” เออก็เขาติดงานไง

         

“แล้วมึงจะคิดมากทำไม” แทนที่จะไปเล่นเกมหรือหาข้าวแดกรอ ดันทำเท่ไปซื้อเบียร์มาแต่กลับไม่แดกเพราะกลัวเมา ตอนนี้กูว่ามึงเมาแล้ว เมาน้ำลายตัวเองเนี่ยแหละ

         

“มันเป็นคนนัดนะ ถ้ามีธุระแล้วจะนัดทำไม” แสดงว่าไม่ไว้ใจในเหตุผลของพี่เขา

         

“คนเรามันก็มีบ้าง”

         

“อะไร”

         

“มีกิ๊กไง” ฮาฮาฮาแหย่มันไป

         

เป็นเรื่องคนอื่นนี้หัวไว แต่พอเรื่องของตัวเองกลับไปไม่ถูก นี่ไม่รู้หรือแกล้งโง่ว่าพี่เสาไฟฟ้านั่นมันชอบมึงแค่ไหน หน้าอย่างนั้นไม่มีทางไปหาเศษหาเลยที่ไหนหรอก มันรอแดกมึงอยู่ต่างหาก

         

“ใช่สิ กูมันก็แค่...” ดันเป็นจริงเป็นจังกับคำพูดผมเสียงั้น

         

“ไหนมึงไม่ชอบพวกนี้ไง” มันหันมามองหาผมอีกครั้ง หน้าตาตื่นๆ นั่นทำเอาผมตลกไม่น้อย

         

“ก็มึงเริ่มเอง” งงเลยกู ผมไปเริ่มอะไรก่อน

         

“เริ่มอะไรว่ะ” ผมไม่ได้ไปพาไอ้พี่นัทมาหามันแน่นอน เอาล่ะ ครั้งแรกที่พี่มันมาคณะอาจเป็นเพราะผมในทางอ้อม เพราะไอ้เดือนนิเทศเป็นเพื่อนของพี่เขา แต่แค่นั้นไม่ใช่เหตุผลที่จะมากล่าวหาว่าผมเป็นคนเริ่มเรื่องนี้แน่นอน

         

“ก็มึงกับพี่มิวกำลังจีบกัน กูก็คิดว่ามึงยอมรับเรื่องพวกนี้ได้ ก็...” ไปกันใหญ่ละ

         

“กูกับพี่มันไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมปฏิเสธไปตามจริง หากนับความสัมพันธ์ในทางบวกอะนะ ไม่รวมความอาฆาตที่มีต่อกัน

         

“กูไม่รู้ว่ามึงเป็นอะไรกันหรอก แต่...” มันว่าต่อ

         

“อะไร”

         

“กลุ่มพวกเราไม่ชอบเกย์หรือพวกตุ๊ดใช่ไหม” กลายเป็นมันที่ตั้งคำถาม

         

“กูไม่ได้เกลียด เรียกว่าไงดีล่ะ ก็เฉยๆ ว่าแต่มึงพูดเรื่องนี้ทำไม” ชักจะออกนอกเรื่องไปไกลแล้ว ควรกลับมาคุยเรื่องมึงกับพี่นัทก่อนดีไหม

         

“ไม่รู้ล่ะ ก็ที่ผ่านมาเห็นพวกมึงล้อแต่พวกเกย์พวกตุ๊ดกูก็นึกว่าไม่ชอบกัน” ไม่ใช่มึงหรอกเหรอที่เกลียด กูงง ตอนนี้กูงง

         

“กูนึกว่ามึงนั่นแหละไม่ชอบ เห็นล้อบ่อยสุด” ไม่เชื่อไปถามไอ้เจ้าได้

         

“กูเปล่า กูแค่พูดไปไม่ให้พวกมึงสงสัย” สงสัยอะไรว่ะ

         

ไอ้ต้นเงียบไปพักหนึ่ง ทำให้ทั้งห้องมีแต่เสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังคลอไปอย่างเงียบๆ ผมที่รอคำอธิบายจากมันก็ไม่ได้พูดหรือเร่งเร้า รอมันรวบรวมสติให้ได้ก่อน ยังไงก็ไม่รีบอยู่แล้ว เพราะไอ้เดือนนิเทศมันยังไม่ตอบแชทผมเลยแม้แต่คำเดียว

         











“กูเป็นเกย์” จู่ๆ ไอ้ต้นก็ทำลายบรรยากาศลง คำพูดของมันทำเอาผมนิ่งงันไปชั่วขณะ

         

ไม่ได้ตกใจที่มันมาบอกความลับกับผมในตอนนี้ แค่แปลกใจที่มันยอมบอกต่างหาก เพราะการกระทำตั้งแต่ที่รู้จักกันมา ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่บ่งบอกว่ามันเป็น หากไม่นับรวมหน้าตาของมันนะ ก็ที่แล้วมาไอ้ต้นพยายามแสดงอาการต่อต้านและไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้มาตลอด มันไม่ชอบให้ผู้ชายหน้าไหนจีบ มันด่า มันแช่ง และมันเกลียดพวกที่แซวมัน

         

“มึงเกลียดกูไหม” มันถามมาหลังจากผมเงียบไปไม่ยอมต่อบทสนทนาด้วย

         

“กูจะเกลียดมึงทำไม” ผมตอบและถามมันกลับ

         

“กูแค่กลัว กูไม่ชอบให้ใครมองว่ากูแปลก กูไม่ชอบให้พวกผู้ชายมาจีบ กูไม่ชอบด้วยที่พวกมันเห็นกูเป็นของเล่น กูไม่อยากให้ใครล้อว่าเป็นตุ๊ด” มันพูดพร้อมปล่อยโฮมาเลย เอาแล้วงานเข้าแล้วกู นี่มันหน้าที่เพื่อนใช่ไหมที่ต้องเดินไปลูบหลังปลอบใจ

         

“ไม่เป็นไรกูไม่ได้เกลียดมึง มึงก็ยังเป็นเพื่อนกูเหมือนเดิม อย่าร้องสิกูทำตัวไม่ถูก” ผมไปไม่เป็นจริงๆ ไอ้เจ้าอยู่ไหน กลับมาช่วยกูก่อน

         

“แล้วไอ้เจ้ารู้ไหม” มันพยักหน้าตอบ ก็สมแล้วล่ะที่กินอยู่ด้วยกันในห้องนั้น และถ้าให้เดา การที่ไอ้เจ้ายอมเปิดใจให้พี่หมอ ก็คงคิดเหมือนไอ้ต้นว่าผมเป็นคนเริ่ม

         

คนเริ่มที่จะเปิดรับเพศเดียวกันเข้ามาในชีวิตที่เกินสถานะคำว่าเพื่อน พี่ หรือน้อง แสดงว่าตลอดเวลาที่คบกันมาพวกมันเก็บความลับนี้ไว้ตลอด เพราะกลัวผมไม่ชอบ กลัวผมเกลียด และกลัวการไม่ยอมรับจากผมงั้นสินะ

         

“นี่ถ้ากูไม่ไปยุ่งกับไอ้พี่นั่นพวกมึงก็จะปิดเงียบไว้แบบนี้ใช่ไหม” มันพยักหน้าตอบโดยไร้คำพูด

         

“บ้าหรือเปล่า ทำไมไม่ยอมบอกกู” นี่กูเป็นเพื่อนพวกมึงมาตั้งนาน

         

“กูกลัวมึงเกลียด ไอ้เจ้าด้วย” บ้ากันไปใหญ่ละ

         

“มึงไม่รู้หรอกว่าทั้งมันและกูกดดันแค่ไหน กูไม่เคยมีแฟน มันด้วย แต่ไม่ใช่ไม่อยากมีหรอกนะ” มันระบายอย่างคนอัดอั้นมานาน ก็สมควรแล้วล่ะ เพราะพวกผมไม่เคยเปิดอกกันเรื่องนี้เลย

         

“เห็นมึงเป็นแฟนกับคนนั้นคนนี้กูก็อิจฉา กูก็อยากมี แต่มันมีไม่ได้ไงมึงไม่เข้าใจ ฮืออออออ” ผมไม่ตอบกลับ แต่ดึงมันเข้ามากอดแทน

         

“ตอนนี้ไง ตอนนี้ก็มีคนมาจีบแล้วไง ตรงสเปคมึงเลยไม่ใช่เหรอ โหดๆ” แหย่มันเพื่อทำลายบรรยายกาศกดดันตรงหน้า

         

“มันมีกิ๊กแล้ว” เอาแล้วไงกูดันไปขุดหลุมไว้

         

“กูพูดเล่น” แก้ไขตอนนี้คงทันนะ อารมณ์มันยิ้งแปรปรวน กูจะกลายเป็นคนทำลายความสัมพันธ์ของครอบครัวเขาไหมเนี่ย ผมขอโทษ... พี่นัท

         

“มันคงเป็นแบบนั้นแหละ” ไม่เพื่อน กูพูดเล่นจริงๆ

         

“มังคงเห็นว่ากูง่าย” นี่มึงมีอะไรกับมันแล้วเหรอ เพื่อนกู...

         

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” เชื่อกูเถอะ คราวนี้มึงต้องเชื่อกูสิ

         

“กูไม่น่าเปิดใจให้มันเลย มึงเห็นไหม แค่ยอมไปกินข้าว ไปหาที่หอ มันก็ทิ้งกูแล้ว” มึงไปที่หอกันมาแล้วเหรอ ไวไฟมากเพื่อน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่มึงจะคิดว่าพี่มันหลอกแดกหรอกนะ พี่เขาแค่ติดธุระ สะกดเป็นไหม ธุ ระ น่ะธุระ

         

“มึงไม่เจ็บเหรอตอนโดนผู้ชายทำแบบนั้น” ถามมันไป เพราะสงสัยและไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่างธรรมชาติเขาสร้างมาให้เข้ากันได้ แต่พอเป็นผู้ชายแล้วชักแปลกๆ ถึงจะเข้ากันได้แต่น่าจะเข้ากันลำบากพอดู

         

“เจ็บสิ” โห... สงสารเพื่อน

         

“เจ็บที่ใจเนี่ย” มาเต็ม ความดรามาและน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหล

         

“แล้วที่อื่นล่ะ” ยังอยากรู้อยู่ดี

         

“อะไร” มันถาม

         

“แบบตอนมีอะไรกัน” กูแค่อยากรู้ ไม่ต้องทำหน้าเขียวแบบนั้นก็ได้

         

“กูยังไม่ได้มีอะไรกับมัน ไอ้กาล ไอ้บ้า ไอ้เหี้ย ลามก” ทั้งมือทั้งตีนจัดเต็ม เมื่อกี้มึงยังซบกูอยู่เลยนะ

         

“อ้าวเหรอโทษๆ แต่กูว่ามึงคุยกันก่อนอย่าพึ่งคิดไปไกล พี่เขาแค่ติดธุระวันเดียวเอง” ใช่อย่าพึ่งคิดไปไกลแบบกู       

         

“ไม่หรอก มันคงเป็นแบบนั้นนั่นแหละ ถึงมึงไม่พูดกูก็คิดอยู่ดี” มึงมันพวกมโนไง

         

“มึงรู้ไหมว่ามันจีบกูด้วยการท้าเกม แต่จริงๆ มันไม่ใช่พวกบ้าเกมเลย เห็นไหมว่ามันหลอกกูตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” เหี้ยละ นั่นเขาเรียกว่ายอมปรับตัวให้เข้ากับคนที่ชอบ ยิ่งไม่ชอบอะไรแล้วยอมอยู่ด้วยนั่นแหละคนที่รักจริงๆ รักหมดใจเลยล่ะ กู่ไม่กลับแล้วเพื่อนกู

         

“คนแบบกูคงโสดไปจนตาย แต่แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ เกิดมาเป็นเกย์แถมยังชอบผู้ชายอีก...” เกย์ชอบผู้ชายมันผิดตรงไหนว่ะ   

         

จู่ๆ มันก็เงียบไปเมื่อมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟาที่มันนั่งอยู่สั่นเป็นเจ้าเข้า มันรับและพูดออกไปไม่กี่ประโยคแล้ววางสายไป สีหน้ายังดูแย่เหมือนเดิม มันกลับไปถูไถหน้าจอตัวเองสักพักหนึ่งก่อนทุกอย่างจะกลับคืนสภาพปกติ

         

“กูจะไปหาอะไรกินมึงเอาด้วยไหม” น้ำเสียง สีหน้า แววตา กลายเป็นไอ้ต้นคนเดิมแล้ว อะไรว่ะ

         

“ไม่ล่ะกูจะออกไปข้างนอก คงกลับมาดึกๆ” บอกไปทั้งที่ยังงงกับเพื่อนหัวแดงไม่หาย

         

“งั้นเหรอ เครๆ กูไปก่อนนะหิวละ” แล้วมันก็หายไปพร้อมเสียงเปิดและปิดประตูที่ดังขึ้นและสงบลงในที่สุด มันไปแล้ว แต่ทิ้งความสงสัยให้กับผม

         

สรุปหายโกรธหายงอนพี่นัทแล้วใช่ไหม คนที่โทรมาคือพี่นัทแน่นอน แต่ที่มันดูในจอมือถือนั่นอะไร พอจ้องอยู่ไม่กี่วิก็เปลี่ยนตัวเองจากคน (เหมือน) อกหัก กลายเป็นคนอารมณ์ดีขึ้นเสียงั้น นี่ง้อกันด้วยวิธีไหนเนี่ย

         

อีกเรื่อง ต่อจากนี้ผมคงไม่โดนล้อเรื่องไอ้เดือนนิเทศจากพวกมันสองคนแล้วสินะ ในเมื่อความรักมันไม่จำกัดเพศ พวกมันเลยหาผัวแทน...



มิวเฉยเฉย กูกำลังจะเป็นบ้า : กำลังกลับ











- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เรื่องนี้มีตอนพิเศษด้วยนะ

ความสำคัญของตอนพิเศษ คือ
การทำหน้าที่เป็นภาคเสริม
เรื่องของคู่รองทั้งหมดจะอยู่ในนั้น
ตลอดจนฉาก NC ของคู่หลักหลังจากนี้ด้วย
ฝากพี่มิว น้องกาล และผองเพื่อนไว้ในอ้อมอกด้วยจ้า


โดยสามารถสนับสนุนนักเขียนผ่านตอนพิเศษได้หลายช่องทาง ทั้ง
(1) ธัญวลัย www.tunwalai.com/story/251096/ร้ายนักใช่ไหม-จะแกล้งเสียให้เข็ด
(2) readAwrite www.readawrite.com/?action=manage_article&article_id=f5076e3d3c037deb594bcdc00f9f2abc&tab=mainManageChapter
(3) JamPlay www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b8b71f6e3ef490010086b56?isExpandIntroduction=true
(4) Dek-D https://writer.dek-d.com/inDefinition/writer/view.php?id=1854892

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...พอเพื่อนคบผู้ชายเท่านั้นแหละ  ที่เหลือก็แกรนด์โอเพนนิ่งกันหมดเลย อิอิ

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สรุปแล้วก็ยังไม่ไปไหนเลย รอๆๆ  :katai5:

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0

ตอนที่ 20
~ มิว ~



พอขับมาถึงก็เจอมันจอดรออยู่ก่อนหน้าแล้ว แอบรู้สึกผิดที่ปล่อยให้คอยนานขนาดนี้ แต่พยายามปิดความรู้สึกนั้น เพราะมันก็มีส่วนในการรับผิดชอบความรู้สึกเขาเหมือนกัน ใครใช้ให้มารอกันล่ะ มันจะกลับไปก่อนแล้วค่อยนัดทีหลังก็ได้ ฝ่ายนั้นต่างหากที่ผิด

         

“รอนานหรือเปล่า” ถามบ้าๆ ออกไปเสียได้ ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว         

“เปล่า พึ่งมาถึงไม่กี่นาทีนี้เอง” อ้าว! เล่นกูอีกแล้ว อำเฉยๆ หรือเรื่องจริง ก็ไหนมันบอกในแชทว่ารออยู่ตรงนี้ตั้งหลายชั่วโมง

         

“มึงบอกว่ามารอตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ”กูอุตส่าห์แบ่งความเป็นห่วงไปให้

         

“ช่างเหอะ ซื้ออะไรมาบ้างกูหิวแล้ว” เป็นการเปลี่ยนเรื่องที่ไม่มีศิลปะเลย ไม่มีความงามในการเปลี่ยนบทแม้แต่น้อย อันที่จริงแสร้งเป็นรอจนรากงอกให้เขารู้สึกผิดไปเลยก็ได้ ถ้าเป็นเขาก็คงทำอย่างนั้น ฮาฮาฮา

         

เดินนำไปที่ครัวมืดสนิท แสงสว่างมาเยือนมันอีกครั้งเมื่อพวกเขาไปถึง ก่อนอื่นต้องหาจานชามและช้อนส้อม เขาที่ไม่ได้คุ้นเคยกับห้องนี้เลยจึงดูเหมือนเป็นขโมยที่แอบเข้าบ้านตัวเองเสียมากกว่า เพราะไม่รู้ว่าอะไรเก็บไว้ตรงไหนบ้าง กว่าจะครบเซตก็ปาไปหลายนาที

         

“นี่บ้านมึงจริงๆ ใช่ไหม” มันถามติดตลก แต่กูไม่ตลกด้วยเพราะกำลังสงสัยตัวเองไม่ต่างจากมึงเลย เอาเป็นว่าวันหลังจะพยายามเข้าครัวให้มากกว่านี้ เอาให้ป้าๆ ตกใจไปเลย

         

“พูดมาก ซื้อมาให้กินก็กินไป” บ่นแก้เก้อไปพร้อมกับเทหมี่ เกี๊ยวน้ำ เกี๊ยวทอด และอีกหลายอย่างที่ตามมา หลังจากเดินสำรวจตามทางยาวของฟุตบาทก็เจอกับอาหารหน้ากินหลายเมนู เลยซื้อมาตามใจอยาก แต่เหมือนปากของเขาและมันคงกินไม่หมดแน่

         

“เหมามาหมดตลาดเลยใช่ไหมเนี่ย” ไม่เถียงและไม่แย้ง เพราะมันคือความจริง

         

“แล้วไปทำอะไรที่คณะ” มันเปิดประเด็นขึ้น เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่เรื่องซึ่งพวกเขาใช้คุยกันจะเป็นไปในทางบวก หรืออย่างน้อยก็ดูปกติตามธรรมดาของมนุษย์ที่มีมิตรไมตรีต่อกันพึงจะทำ

         

“ก็งานที่ต้องส่งพรุ่งนี้ไง ทำเอาไม่ได้นอนกันทั้งรุ่น ถ้ามึงได้เห็นไอ้นัทมึงจะเข้าใจเลยว่ามันอยากทำงานนี้ให้เสร็จแค่ไหน ส่งสัยเพื่อนมึงคงงอนน่าดู เพื่อนกูเลยไม่เข้าหน้ากับใครเลย เอาแต่เร่งงานจนเสร็จเป็นกลุ่มแรกเนี่ยแหละ” เล่าไปตามจริง

         

กับภาพของเพื่อนตัวดีที่หงุดหงิดตั้งแต่หัวหน้ากลุ่มบอกให้มันมาช่วยงานในส่วนของคนอื่นที่ไม่ได้รับผิดชอบ มันซึ่งทำงานส่วนของตัวเองเสร็จไปก่อนหน้านั้นหลายวันต้องจำนนกับเดดไลน์ที่มาจ่อคอ เพราะถ้าไม่ยอมเสียสละช่วยให้มันจบๆ ไป พวกเขาทั้งกลุ่มรวมทั้งมันด้วยที่จะไม่จบกัน

         

“อืม ไอ้ต้นก็งอนจนเกือบโทรไปบอกเลิกแล้ว บ่นน้อยใจเป็นชั่วโมง” มันเล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามปกติ ไม่คิดว่าฝั่งนั้นก็อาการหนักพอกัน

         

“แสดงว่ารู้แล้วสิว่าเพื่อนตัวเองก็เป็นแบบกู” แหย่มันไปและคอยดูว่าจะมีปฏิกิริยาแบบไหน แต่ มันก็เฉยกลับมา ดูไม่ร้อนเนื้อร้อนใจหรือแสดงอาการตามที่หวังไว้

         

นึกว่าจะหน้าเสียกว่านี้เสียอีก ที่เขาพูดจี้ใจดำออกไป มันยังนิ่งและกินต่อไม่สนใจความนัยที่เขาแฝงเอาไว้ในคำพูด 

         

“ก็ตกใจ แต่ไม่ได้อะไรขนาดนั้น” น้ำเสียงที่มึงใช้ในคำว่าตกใจมันไม่ให้ความรู้สึกว่าตามสิ่งที่มึงพูดเลยให้ตายสิ มึงควรไปเรียนแอคติ้งมาให้มากกว่านี้หน่อยนะ

         

“ทีนี้ก็ไม่เกลียดเกย์แล้วสิ” ก็มันเคยบอกหนิว่าไม่ชอบพวกผม ซึ่งก็คือคนที่เป็นเกย์ เขาเคยคิดนะว่าไอ้หมอนี้แอนตี้ทุกคนที่เป็นแบบนี้

         

“ไม่ได้เกลียดเกย์ แต่เกลียดมึง” ชัด โอเค มันชัดเจนมาก แถมน้ำเสียงเต็มไปด้วยน้ำหนักที่พอเหมาะพอควรกับความหมายในคำพูดนั้นอย่างดี มึงไม่ต้องไปเรียนแอคติ้งหรอก กูเข้าใจผิดเอง เพราะมึงได้เอไปตั้งนานละ

         

“ใครใช้ให้มึงมีนิสัยแบบนี้ล่ะ แทนที่จะได้เป็นพี่น้องกันดีๆ” มันบ่นในคอเสียงไม่ดังมาก แต่ก็เพียงพอให้เขาจับความได้ทั้งประโยค

         

“ปรับความเข้าใจกันตอนนี้ก็ยังทัน” กูพร้อมจะคืนดีกับมึงทุกเมื่อ ขอแค่ลบรูปพวกนั้นให้กูก็พอ สัญญาเลยว่าจะเป็นรุ่นพี่ดีให้ได้ แถมด้วยการเลี้ยงข้าวสิบมื้อเป็นการไถ่โทษ

         

“ไม่ล่ะ แบบนี้ก็สนุกดี” สนุกกับผีสิ กูต้องคอยวิ่งตามคำสั่งมึงแบบนี้ไม่เอาด้วยหรอก แค่เรียนกับส่งงานก็เหนื่อยแล้ว ไม่คิดจะให้พักบ้างหรือไง

         

แถมมาตามก้นมันไปนั่นมานี่ พาให้คนเขาคิดว่าเป็นอะไรกันอีก แล้วอย่างนี้จะมีใครมาจีบกูไหม เออ... ไม่นับไอ้เก้านะ นั่นถึงยังไงก็เป็นได้แค่น้อง

         

“ให้โอกาสกูหน่อย สัญญาว่าจะปรับปรุงตัว” ขอโอกาสมันอีกครั้ง ให้กูเถอะขอล่ะ

         

“ไม่ ไม่มีโอกาสของคนทำผิดซ้ำสองหรอก” ไอ้ขี้งก ขี้เหนียว บ้านก็รวยแต่ใจจืดใจดำ

         

ขอแช่งให้มึงไม่มีแฟนด้วยเหมือนกัน เพราะมัวแต่อยู่กับเขาเนี่ยแหละ มันก็คงไม่มีคนเข้ามาด้วย ใครจะกล้ามายุ่งกับคนมีเจ้าของว่าไหม โดยเฉพาะเจ้าของที่น่ารักขนาดนี้ ไม่มีทางหรอก ทั้งผู้หญิงผู้ชายนั่นแหละ มึงจงนก มึงจงนก มึงจงนก ตลอดกาล

         

“ทำไมเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนั้น เป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ ต้องเปิดกว้างสิเปิดกว้าง” มึงมันผู้ชายขี้น้อยใจ แถมยังใจแคบด้วย

         

“เฉพาะกับมึงนั่นแหละ” กูควรดีใจ หรือต้องซึ้งในความใส่ใจนี้

         

นี่จะไม่ให้โอกาสคนอย่างเขากลับตัวและออกไปสู่สังคมปกติเลยใช่ไหม มึงมันใจไม้ไส้ระกําจริงๆ ไม่คิดจะมองคุณงามความดีที่เขาสั่งสมตลอดมา แค่แกล้งนิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นโกรธ

         

“ไม่ต้องทำหน้างั้น มึงมันไม่ใช่คนดีที่จะมาน้อยใจในเรื่องนี้” เออ กูไม่ใช่คนดี

         

“มึงก็ไม่ใช่คนดีเหมือนกันนั่นแหละ” ด่ามันไป ไม่ต้องพูดดีกันแล้ว ขอร้อง อ้อนวอน ถามหาความเห็นใจไปก็ไม่มีประโยชน์

         

“หยุดแดกเลย กูไม่ให้กิน” พาลไปทั่ว ไม่ต้องมากินของของกู เพราะกูซื้อ ฉะนั้นกูกินได้คนเดียว

         

“ถ้าอยากมากก็จ่ายมา” เพราะกูไม่ยอมให้มึงกินฟรีแน่ มึงมันไอ้คนไร้ประโยชน์ มีแต่โทษและความเลวร้าย

         

“อิ่มละ” มันวางช้อนกับส้อมทันตาที่เขาจะเริ่มเก็บเงิน หน่อยยยยยยยย

         

“อิ่มแล้วก็กลับ นี่ก็ดึกมากละ ไม่รู้จะมาทำไม”

         

ใครใช่ให้มันมาเปลี่ยนที่กินข้าวในบ้านหลังนี้ มึงควรเอาเวลาไปนอนพักผ่อนสำหรับเรียนพรุ่งนี้ ไม่ใช่มาทำเรื่องไม่มีแก่นสารโดยการแกล้งเขา

         

“ขี้เกียจขับรถ ขอนอนนี่ละกัน กูเอาชุดมาแล้วด้วย” มันว่าก่อนเดินออกไปนอกห้องครัว ผ่านห้องอาหารที่มืดสนิท และหายไปเลย

         

เฮ้ย กลับมาก่อน มาขออนุญาตเจ้าของบ้านก่อน กูยังไม่ตกปากรับคำมึงเลย  นี่มันอาชญากรรมเลยนะ มากินนอนบ้านคนอื่นโดยที่ไม่ได้รับการอนุญาต กูแจ้งตำรวจมาลากคอมึงได้

         

แต่มันใช่จะสน ส่วนเขาก็ต้องจัดการกับอาหารที่ยังเหลืออยู่เต็มจานพอให้รู้สึกอิ่ม เปล่า... แน่นท้องเลยล่ะ

         

พอขึ้นมาบนห้องก็เจอมันที่กำลังเปลี่ยนชุด นี่อาบน้ำแล้วเหรอ แถมยังทำท่าจะขึ้นเตียงพร้อมนอนแบบนี้

         

“ไม่ได้ มึงกลับไปเลย นั่นเตียงกูและกูก็ไม่อนุญาตให้ใครมานอนด้วย” บอกไปอย่างหน่ายใจ

         

“เตียงตั้งกว้างจะมาหวงอะไร” ว่าเสร็จก็ล้มตัวลงนอน แถมดึงผ้าห่มที่แม่บ้านจัดไว้อย่างดีไปรวบไว้ที่ตัวมันอีก

         

“ไม่ ลุกออกไปเดี๋ยวนี้” มันไม่ยอม ขืนกายสู้แรงของเขา นี่มึงจะดูถูกอดีตนักเทควันโดสายดำคนนี้ไปแล้ว

         

“ถ้ายังไม่หยุดกูปล้ำมึงจริงๆ นะ” มันขู่ นั่นใช่คำขู่เหรอ ปล้ำสิ ปล้ำมาเลย ยิ่งเข้าทางกู

         

แต่ดูเหมือนมันจะไม่ว่าเปล่า ตอนนี้มันลุกขึ้นมาปลดกระดุมชุดนอนของตัวเองออก ยังไม่ทันปรามออกไปทั้งร่างก็เปลือยเปล่าต่อหน้าเขาแล้ว แถมไอ้นั้นยังชี้หน้าอีก

         

“กูยิ่งเหงี่ _ _ อยู่ด้วย เอาเลยไหม หรือจะอาบน้ำก่อน” นี่มันเป็นบ้าอะไร จู่ๆ ก็มีอารมณ์

         

“ไอ้เหี้ยกูไม่ให้มึงเอาหรอก รีบๆ ใส่ชุดแล้วนอนไปเลย” มันไม่ทำตามครับ มันลงจากเตียงแล้วเดินมาใกล้เข้าเรื่อยๆ พร้อมน้องชายมันที่พร้อมเต็มที่

         

“ไหนบอกไม่ได้เป็นเกย์ไง มีอารมณ์กับกูแบบนี้แสดงว่ามึงก็แอ๊บแมนน่ะสิ” ใช่ ต้องปั่นหัวมัน ดูถูกให้มันสำนึกว่าจะมาทำแบบนี้กับเขาไม่ได้ ถ้ายังอยากยืนยันความเป็นชายแท้ของตัวเองอยู่ มึงไม่ใช่เกย์ และชายแท้ที่ไหนก็ไม่อยากเอาเกย์ทั้งนั้น

         

“กูเป็นเกย์” เอาแล้วไง โดนเล่นแล้ว

         

“โกหก อย่าแกล้งกูนะออกไปไกลๆ” มันยังไม่เชื่อง เดินตามเขาไปทุกที่ จนถูกเบียดไปชิดผนังตู้เสื้อผ้า บ้าไปแล้ว มันบ้าแน่ๆ มันจะทำแบบนี้ไม่ได้ เขายังไม่อยากถวายซิงให้ใคร โดยเฉพาะกับคนตรงหน้า

         

“ใช้ปากให้หน่อย” มันยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหู เขาที่ไม่มีทางเลือกต้องย่อตัวลงไปจับท่อนเนื้อที่ชี้หน้าอยู่ไว้ในมือ

         

“ถ้าทำให้จะไม่ทำอะไรกูใช่ไหม” มันไม่ตอบ

         

เขาเริ่มลงมือเพราะเคยมีประสบการณ์กับของในมือมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้มันพอใจในครั้งนี้ และไม่ใช่เรื่องน่าเขินอายอะไร เพราะเห็นกันถึงไหนต่อไหนแล้วด้วย แถมไม่ได้เป็นการหยามเกียรติเพราะเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ แค่มันยอมจบลงตรงนี้ก็จะเป็นการดีมาก เนื่องจากชีวิตและความปลอดภัยในซิงขึ้นอยู่กับปากของตัวเองตอนนี้

         

มันจับหัวเขาโยกไปตามจังหวะอารมณ์...









ไหนว่าแค่ใช้ปากให้ไง โอเคมันไม่ได้บอกอย่างชัดเจน แต่น้ำที่รดไปเต็มหน้าเขาเมื่อกี้เยอะพอสมควรแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมมันต้องตามเข้ามาคุกคามต่อในห้องน้ำด้วยล่ะ ออกไป ไปไกลๆ เลยนะ ไอ้โรคจิต ไอ้มักมาก มึงมันตัณหากลับ ถึงยังไม่แก่พอจะด่าแบบนั้นก็เหอะ เอาเป็นว่าเขาควรตอบโต้ภัยที่กำลังคืบคลานเข้ามาตอนนี้ยังไงดี (พบกันใหม่ในตอนพิเศษ ซึ่งใครไม่อยากอ่านก็ข้ามไปได้นะ ไม่มีผลต่อเนื้อหาโดยภาพรวม)


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เรื่องนี้มีตอนพิเศษด้วยนะ

ความสำคัญของตอนพิเศษ คือ
การทำหน้าที่เป็นภาคเสริม
เรื่องของคู่รองทั้งหมดจะอยู่ในนั้น
ตลอดจนฉาก NC ของคู่หลักหลังจากนี้ด้วย
ฝากพี่มิว น้องกาล และผองเพื่อนไว้ในอ้อมอกด้วยจ้า


โดยสามารถสนับสนุนนักเขียนผ่านตอนพิเศษได้หลายช่องทาง ทั้ง
(1) ธัญวลัย www.tunwalai.com/story/251096/ร้ายนักใช่ไหม-จะแกล้งเสียให้เข็ด
(2) readAwrite www.readawrite.com/?action=manage_article&article_id=f5076e3d3c037deb594bcdc00f9f2abc&tab=mainManageChapter
(3) JamPlay www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b8b71f6e3ef490010086b56?isExpandIntroduction=true
(4) Dek-D https://writer.dek-d.com/inDefinition/writer/view.php?id=1854892

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2018 18:02:17 โดย InDefinition »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พอจะมีอารมณ์ก็มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย หรือความใกล้ชิดปะทะความเงี่ยน บวกกับมีน้องเก้าเข้ามาป่วนเลยกลัวจะเสียของไป  :z1:

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ตอนที่ 21
~ กาล ~



“ไปค่ายกันไหมพวกมึง” ไอ้ต้นคนเดิม เพิ่มเติมคือมีผัวกลับมาแล้วท่านผู้ชม หลังโศกศัลย์กับความคิดของตัวเองและน้อยใจพี่นัทไปข้างเดียว วันนี้มันหวนคืนบัลลังก์เป็นที่เรียบร้อย กลายเป็นหนุ่มผมแดงที่มีความสุขมากที่สุดในโลก เพราะมีคนมาคอยเฝ้า คอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้เสร็จสรรพ



“ขี้เกียจ” ผมตอบ ซึ่งวันนี้ไม่ได้เรียกตัวเบ๊มาใช้งานอย่างที่ควรจะเป็น เพราะเจอหน้ากันบ่อยเกินจำเป็นนั่นแหละ เมื่อคืนก็ค้างที่ห้องมัน พอตื่นเช้ามาก็ต่างคนต่างแยกย้าย ผมตรงดิ่งมาที่คณะ ส่วนมันก็คงไม่ต่างกัน



“ไม่ได้ เพราะกูต้องตามพี่นัทไปค่าย พวกมึงก็ต้องตามกูไปด้วยเหมือนกัน” มันใช่เหตุผลที่ควรยกมาอ้างไหมถามหน่อย



“กูอาจไม่ได้ไปเหมือนกัน” ไอ้เจ้าพูดขึ้น ทำลายความหวังของเพื่อนตัวเล็กไปสิ้น คงต้องปล่อยให้แฟนมันปลอบไปละกัน



“ไม่ได้ มึงต้องไป นั่นไงมาพอดี”สลดไม่ทันถึงนาทีไอ้หัวแดงก็กระตือรือร้นอีกครั้งเมื่อเห็นเป้าหมายที่เล็งไว้



ซึ่งพอผมหันไปมองตามสายตาของมันที่จับจ้องไปที่ผู้มาเยือนอีกคน ถึงกับร้องอ๋อในใจ เพราะเหตุผลนี้สินะ ไอ้เจ้าเลยไม่มั่นใจว่าจะไปค่ายกับเพื่อนได้ไหม ตอนแรกก็นึกว่าขี้เกียจเหมือนกับผมหรือไม่ก็ติดแต่งนิยายซึ่งดองไว้ ที่ไหนได้



“พี่หมอครับ อาทิตย์หน้าพวกผมจะไปออกค่ายอาสากันพี่สนใจไปด้วยไหม ไอ้เจ้าก็ไปนะ” ตีบทแตก ไม่ถามไถ่ความสมัครใจจากเพื่อนเลย ได้ข่าวว่าเมื่อกี้เพื่อนมึงสองคนพึ่งปฏิเสธไปนะ ยังมีหน้ามาเหมารวมอีก



“กูยังไม่ได้พูดว่าจะ...”



“หยุด” ไอ้เจ้าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ แต่โดนเบรกไว้เสียก่อน เพราะไอ้หัวแดงคงกลัวความแตก



“อืม ไม่รู้สิ ช่วงนี้ก็ยุ่งๆ อยู่นะ ว่าแต่ไปกันวันไหนเหรอ” เหมือนพี่แกจะร่วมด้วยเลย คงไม่ได้ไปเพราะจุดประสงค์ของค่ายหรอก แค่อยากตามใครคนหนึ่งเท่านั้น ดูจากสายตาก็รู้แล้ว



“ยังไม่แน่นอน น่าจะศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ครับ ต้องถามพี่มิวอีกที เพราะพี่เขาเป็นประธาน” คนต้นเรื่องรีบตอบ



“มึงห้ามปฏิเสธนะไอ้กาล เพราะค่ายนี้พี่มิวเป็นประธาน” มันพูดกระซิบกระซาบข้างหูผม จนอดหวั่นว่าคนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างมันจะลุกขึ้นมางับหัว กลัวเข้าใจผิดว่าผมมีซัมติงกับคนของพี่มัน



งั้นหรอกเหรอ เป็นค่ายของนิเทศเองสินะ แต่นึกภาพไม่ออกเลยแฮะว่าคุณหนูอย่างไอ้เดือนมันจะเป็นประธานกับเขาด้วย โดยเฉพาะค่ายอาสาแบบนี้ ดูไม่เข้ากับบุคลิกเลยสักนิด คงไม่ใช่ประธานประเภทสั่งกราด และด่าคนที่ทำไม่ทำตามหรือทำไม่ได้ดั่งใจหรอกนะ



“นั่นไงประธานค่ายมาแล้ว” ยังเป็นไอ้ต้นที่รับบททุกช่วงของเช้านี้ไปครอง มึงจะพูดอะไรนักหนา หัดสงบปากสงบคำเสียบ้าง เมื่อคืนน่าจะถ่ายคลิปมันมาประจาน หรือเอามาขู่ให้มันหุบปาก



“อ้าวพี่หมอสวัสดีครับ มาหาใครเหรอเนี่ย” รู้อยู่แล้วยังไปแซวเขานะมึง เป็นจำพวกเดียวกับไอ้ต้นเลย ขี้เสือกและแซะเก่ง



“ก็คนแถวนี้แหละครับ ว่าแต่น้องมิวจะจัดค่ายงั้นเหรอ เห็นน้องต้นหาคนไปค่าย”อดีตเดือนเขาสนทนาพาทีกัน



“ก็พึ่งรับหน้าที่มาจากเพื่อนอีกคนครับ พอดีผมรับเป็นรองประธานแบบแกล้งๆ ไว้ แล้วทีนี้นางเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน ค่ายก็จัดจัดอาทิตย์หน้าแล้วด้วยเลยวุ่นนิดหน่อย” ร่ายยาวเป็นขบวนให้ทั้งพี่หมอและพวกผมฟัง



ถึงว่า ไม่เห็นมันพูดถึงเรื่องนี้เลยสักครั้ง นี่แอบเคืองนะที่มันไม่บอกเขาสักคำ เมื่อวานก็อยู่ด้วยกันทั้งคืน แต่ดันไปขอร้องไอ้ต้นแทน เอ๊ะ หรือเป็นพี่นัทที่ให้ชวนพวกผมไป



ว่าแต่เป็นรองประธานแบบแกล้งๆ นี่เป็นยังไงกันเหรอ ถ้าไม่ใช่มันคงเป็นไม่ได้สินะ



“ค่ายรับคนนอกคณะด้วยเหรอ” พี่หมอถามต่อ นั่นสิ ค่ายของนิเทศก็น่าจะให้เด็กนิเทศได้มีส่วนร่วม พวกผมเป็นคนนอกเข้าไปเบียดที่นั่งของคนในคณะเองเสียเปล่า



“ปกติก็ไม่ให้ร่วมหลอกครับ” อ้าว!ไม่ใช่แค่ผมกับพี่หมอที่สงสัย ทุกคนในโต๊ะ รวมทั้งไอ้เก้าซึ่งตามมาสมทบหลังจากเห็นคนที่มันชอบเดินมา ก็งงเป็นไก่ตาแตกไปด้วยเหมือนกัน



“ตอนนี้ผมเป็นประธานแล้วไง จะทำอะไรก็ได้ฮาฮาฮา พาคนไปเยอะๆ สนุกออก อีกอย่างถ้าได้พวกวิศวะไปใช้แรงงานก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ” นั่นคือจุดประสงค์ใช่ไหม แถมยังใช้อำนาจในทางที่ผิดอีก สมกับเป็นมันจริงๆ



“หมอแรงน้อยแบบพี่คงไม่มีประโยชน์” ไม่น้อยเลยครับพี่หมอ พี่ตัวสูงกว่าไอ้ประธานค่ายจนมันต้องเงยหน้าคุยด้วยแบบนั้น เตะทีเดียวประธานแกล้งๆ คงกระเด็น



“ถ้าพี่หมอไปเป็นแพทย์ประจำค่ายก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง เพราะนิเทศแจกได้แต่พาราครับ” จูงใจคนด้วยวิธีแปลกๆ นะว่าไหม



“โห... ถ้าไปกันหมดนี่ก็กลายเป็นค่ายรวมเดือนล่ะสิ งั้นฉันไปด้วย” แอดมินเพจโผล่มาจากไหนไม่ทราบ จู่ๆ ก็พรวดเข้ามาร่วมวงเสียงั้น



ไม่ใช่ล่ะ ทีแรกก็นึกว่าคิดไปเอง เพราะเคยสงสัยเรื่องคนแอบตามกลุ่มพวกมันอยู่ทุกเช้า มันจะมีอะไรแปลกๆ ที่จับจ้องมายังโต๊ะนี้ ซึ่งพ้นคาบเช้าไปก็จะมีกระแสในโลกโซเชียล ทั้งภาพ คลิป และแทบจะมีเสียงพูดประกอบฉากด้วย เป็นเจ๊คนนี้เองสินะที่ตามพวกผมอยู่ตลอด นี่มันสโตกเกอร์ชัดๆ เริ่มจะกลัวแล้วสิ



“มึงมาได้ไง” เป็นประโยคที่ผมอยากถามออกไปแต่ไอ้เดือนนิเทศช่วยสนองความอยากรู้แทนผมและพวกที่เหลือเสร็จสรรพ



“กูอยู่ตรงนี้ตลอด” นั่นไง สโตกเกอร์



“มึงชวนใครไปบ้างอีมิว อีประธานบ้าเลือด ตัดโควตาคนในคณะตัวเองมาเปย์ผู้ชาย” ความจริงถูกเผยแล้ว ยิ่งคุยยิ่งแบไต๋ สรุปมันจะกลายเป็นค่ายอาสาจริงๆ เหรอเนี่ย



“ก็ชวนพี่กรเดือนถาปัตย์ แล้วก็น้องนนท์เดือนวิทยาไปด้วย” มันตอบเสียงเรียบ ไม่มีความรู้สึกผิดหรือสำนึกไปกับสิ่งที่พี่แอดมินด่าไปเลยสักนิด



“งั้นตอนนี้กูขอยกมงกุฎประธานดีเด่นให้มึง ทำดีมาก ทำดีมาก และกูขอซื้อสิทธิ์การไปค่ายด้วยเงินทั้งหมดที่มี กูทุ่มหมดตัวเลย” เอากับเขาสิ บ้าพอกัน ไม่น่าเห็นด้วยกับคำด่าเมื่อกี้เลย อุตสาห์จะชมว่าเป็นคนตรงไปตรงมา ที่แท้ก็ไม่ต่างจากไอ้เดือน



“นี่พี่เลี้ยงรุ่นเดือนได้เลยนะเนี่ย เพราะถือเป็นเดือนมหา’ลัยอาวุโสฮาฮาฮา”พี่หมอกลับเข้ามาร่วมวง เมื่อกี้พี่ยังบอกว่างานยุ่งอยู่เลยนะ ตอนนี้กลายเป็นเห็นดีเห็นงามไปอีกคน



“ไม่ทำงานหรือไง” นั่นไง ว่าที่แฟนท้วงขึ้นแล้ว



“ถ้าเจ้าไป พี่ก็ต้องไปไม่ใช่เหรอ” มีการยื่นมือไปโยกหัวคนของตัวเองโดยไม่สนใจประชาชีแบบนี้ พวกพี่มีอะไรกันแล้วใช่ไหม เดี๋ยวนี้ไอ้เจ้าก็ไม่ค่อยติดห้องแล้วด้วย พวกคนมีผัวนี่มันจริงๆ เลย



“ผมไปด้วยนะครับพี่มิว”ไอ้ตัวแทนภาคคอมขอร่วมด้วยอีกคน และผมคิดว่ามันคงไม่พลาดงานนี้แน่ ถึงไม่ได้รับอนุญาตมันก็คงหาวิธีไปอยู่ดี



“ค่ายนี้คัดหน้าตา โดยใช้เกณฑ์จากประธานค่ายอย่างกู และไม่รับผู้หญิงด้วย” ดูเหยียดเพศแม่ยังไงอยู่นะ และมึงก็ไม่ควรพูดเสียงดังออกสื่อขนาดนั้นก็ได้ แค่นี้คนก็เพ่งเล็งมาที่โต๊ะนี้มากพอแล้ว



“กูรักมึงอีมิว ถึงแม้กูจะเป็นผู้หญิงมาก่อน แต่พอไปค่ายกูจะกลายเป็นคุณชายให้มึงเอง ค่ายนี้เพจ Cute BOYYY ขอเป็นสปอนเซอร์” เฮ้ออออออออออ ชักจะหวั่นกับค่ายประหลาดๆ นี้แล้วสิ



“พวกมึงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธนะ” ไอ้ต้นกลับมาแล้ว พร้อมคำสั่งประกาศิต



“ปฏิเสธอะไรเหรอครับ” พี่หมอถามขึ้นอย่างสงสัย



“เปล่าครับพี่ พวกผมสามคนไปกันอยู่แล้วเนอะพวกมึง” เนอะกับพ่อมึงสิ



“ถ้างั้นวันนี้ขอทุกคนมาประชุมที่นิเทศด้วยครับ ประมาณสองทุ่มเป็นต้นไป ว่าแต่พี่หมอว่างไหมครับช่วงนั้น” มันหันไปถามคนที่เหมือนจะงานยุ่งที่สุดในบรรดา



“เดี๋ยวพี่ทักบอกอีกที แต่ขอจองไว้หนึ่งที่นะ หรือถ้ายังพอมีที่เหลือก็จะขนทีมแพทย์ไปช่วยด้วยอีกแรง” พี่หมอที่แสนดี ไม่น่าหน้ามืดตามัวมาหลงทางกับไอ้เจ้าจอมมโนเลย พี่ควรเป็นพ่อพันธุ์ให้กับสาวๆ



“โอเคครับ งั้นจะให้สิทธิ์คณะแพทย์เพิ่มเป็นสามถึงห้าคน โดยการตัดสิทธิ์เด็กนิเทศลงไป” เอิ่ม นั่นมันเป็นเหตุเป็นผลกันใช่ไหม มึงทำเหมือนไม่ใช่เด็กนิเทศเลย ทำตัวเป็นไส้ศึกที่บังเอิญได้รับอำนาจมา และใช้ไปในทางผิดๆ ด้วย พี่หมอก็ไม่ค้านเลยสักนิด



“ตอนนี้ก็มีนิเทศ วิศวะ ถาปัตย์ วิทยา แพทย์ อ้อ... มีเดือนรัฐศาสตร์ นิติ และศิล’กรรมด้วย” ผมว่ามันไม่ใช่ค่ายอาสาแล้ว มันไม่ถูกต้องตั้งแต่ให้ไอ้เดือนนิเทศมาเป็นประธานละ ใครกันที่คิดว่ามันจะบริหารคนได้ด้วยสมอง ไม่มี... ใช้อารมณ์และความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้งทั้งนั้น



“ถ้ากูไม่มีผัว กูจะจูบมึงให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมมึงถึงได้ดีเลิศประเสริฐศรีมณีเด้งอย่างนี้” พี่แอดมินเริ่มอาการหนักไม่แพ้คนที่กำลังพูดถึง



“ผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ ไปพวกมึง” ผมทำลายบรรยากาศตรงหน้าของเด็กนิเทศลง และทำลายความหวานที่กำลังก่อตัวของไอ้สองคู่นั้น เพราะถึงเวลาเรียนแล้วน่ะสิ มัวแต่ฟังพวกเพ้อจนโดนแย่งเวลาที่ควรจะได้ใช้ในการพักผ่อนหรือทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์กว่านี้



“งั้นพี่ก็ไปเรียนแล้วเหมือนกัน เจอกันครับ ไปนะ” พี่หมอผู้ซึ่งเดินทางมาจากอีกฝากฝั่งของมอ กล่าวลาทุกคน ก่อนปิดท้ายประโยคกับคนของตัวเอง



“กูก็ไปแล้วเหมือนกัน ปะไอ้นัท อีป้ามึงด้วย” ประธานค่ายก็ลากพวกนิเทศไปพร้อมกัน ยังดีที่คณะมันไม่ไกลจากที่นี่สักเท่าไหร่ จึงไม่รีบเร่งเหมือนว่าที่หมอก่อนหน้า



“เจอกันตอนค่ำครับพี่มิว” ไอ้เก้าผู้ยังจีบไม่ติด ซึ่งต้องขึ้นเรียนวิชานี้กับพวกผมกล่าวลาอย่างอาวรณ์



“มึงกับพี่มิวไม่ทะเลาะแล้วเหรอ วันนี้ดูเข้าหน้ากันได้ดีกว่าทุกที” ช่างสังเกตนะมึง กูก็แค่เลิกทำตัวเป็นเจ้านายสายโหด เปลี่ยนมาเป็นเจ้านายใจดีคนหนึ่งก็เท่านั้น เพราะเมื่อคืนมันเป็นเด็กดี ไม่ค่อยดื้อ แถมยังน่าจับกดด้วยฮาฮาฮา



สงสัยของที่ไม่ค่อยได้ใช้งานต้องกลับมาใช้งานบ่อยแล้วสิ





- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เรื่องนี้มีตอนพิเศษด้วยนะ

ความสำคัญของตอนพิเศษ คือ
การทำหน้าที่เป็นภาคเสริม
เรื่องของคู่รองทั้งหมดจะอยู่ในนั้น
ตลอดจนฉาก NC ของคู่หลักหลังจากนี้ด้วย
ฝากพี่มิว น้องกาล และผองเพื่อนไว้ในอ้อมอกด้วยจ้า


โดยสามารถสนับสนุนนักเขียนผ่านตอนพิเศษได้หลายช่องทาง ทั้ง
(1) ธัญวลัย www.tunwalai.com/story/251096/ร้ายนักใช่ไหม-จะแกล้งเสียให้เข็ด
(2) readAwrite www.readawrite.com/?action=manage_article&article_id=f5076e3d3c037deb594bcdc00f9f2abc&tab=mainManageChapter
(3) JamPlay www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b8b71f6e3ef490010086b56?isExpandIntroduction=true
(4) Dek-D https://writer.dek-d.com/inDefinition/writer/view.php?id=1854892

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เพิ่งตามอ่านจนครบ
น้องกาลเริ่มติดใจพี่มิวแล้วใช่ไหมอิอิ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0



ตอนที่ 22
~ มิว ~



“ก่อนเริ่ม ขอแจ้งเรื่องวันจัดค่ายใหม่นะครับ พอดีว่าฝ่ายกิจการนักศึกษาแจ้งมา ไม่ให้จัดค่ายในช่วงที่จะมีการสอบหรือช่วงใกล้สอบ ดังนั้นค่ายจะเลื่อนไปสิ้นเดือน หรืออาทิตย์หลังสอบ ไม่ทราบว่าทุกคน สะดวกไหม โดยเฉพาะพี่หมอ” เขาแจ้งความเคลื่อไหวล่าสุดให้กับผู้ร่วมประชุม ซึ่งมากันเกือบครบ แม้กระทั่งพี่หมอที่คิดว่าจะเทการประชุมเพราะงานซึ่งรัดตัว ก็ยังมาประชุมได้

         

“สิ้นเดือนพี่ว่าง คงไปได้ทั้งพี่และเพื่อน” และนั่นคือคำตอบของว่าที่แพทย์ในอนาคต ซึ่งจะพาทีมแพทย์ไปลงชุมชนร่วมกับพวกเขา

         

“คนอื่นล่ะ” แน่นอนว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเรื่องวันเวลาย่อมกระทบกับทุกคนที่เขาลากมาร่วมจากหลายคณะ

         

คำตอบที่ได้ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจไม่น้อย เพราะไม่มีใครขัดข้องกับการเลื่อนวันตามที่แจ้งไป และนั่นทำให้สมาชิกของค่ายพรั่งพร้อมไปด้วยเหล่าเดือนคณะต่างๆ

         

ตำแหน่งประธานค่ายพึ่งรับมาสดๆ ร้อนๆ จากเพื่อนร่วมคณะ ไม่ถือว่าเป็นภาระหรือตราบาปใดๆ ทั้งสิ้น นั่นเพราะว่าเขากำลังเปลี่ยนความลำบากยากเย็นในการทำค่ายอาสาเป็นงานรื่นเริงใจส่วนตน แม้จะโดนเขม่นจากคนในคณะซึ่งถูกตัดสิทธิ์ไปก็ตาม แต่ว่า...

         

เรื่องนั้นให้เป็นหน้าที่ของอีป้าแอดมินเพจดัง ให้นางจัดการขี้ปากของพวกไม่มีบุญวาสนากับพวกอิจฉาตาร้อนที่ไม่ได้ไปค่ายกับเหล่าหนุ่มหล่อ

         

“พี่มิวครับ แล้วค่ายที่เราไปนี่ต้องทำอะไรบ้าง” น้องต้นผมแดงจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่กำลังโด่งดังในโลกโซเชียลเอ่ยขึ้นเมื่อเขาเปิดโอกาศให้ผู้ร่วมประชุมซักถาม

         

ถ้ายึดตามแผนเดิม พวกเขาจะเดินทางไปที่ปทุมฯ เพื่อสร้างห้องสมุดให้กับโรงเรียนแห่งหนึ่ง ทว่า จากที่เขาทำการบ้านมาและลองติดต่อไปยังโรงเรียนดังกล่าว ได้ความมาว่าพึ่งได้รับงบประมาณจากเอกชนในการสร้างห้องสมุดและศูนย์การเรียนรู้ ทำให้ไม่มีความจำเป็นในส่วนนั้นอีก

         

อีกทั้ง ระยะเวลาที่มีคงไม่อาจสร้างอาคารหรือทำสิ่งเหล่านั้นให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่จำกัดและแรงที่จำเขียดอย่างชาวนิเทศแน่

         

เขาจึงคิดว่าควรเปลี่ยนแผนและรื้อโครงการทั้งหมดทิ้ง โดยเริ่มจากผู้เข้าร่วมที่ไม่จำเป็นต้องอยู่แค่คณะนิเทศ เขามองว่ายิ่งมีความหลากหลายก็จะช่วยให้ค่ายมีสีสันและประสบความสำเร็จในหลายๆ ด้าน อย่างน้อยที่สุดก็มีทีมว่าที่แพทย์ซึ่งเจนสนามและมากประสบการณ์กว่าทีมพยาบาลของคณะที่ทำได้แค่แจกยาพาราฯ

         

“ยังไม่ได้คิด”

         

“อ้าว” และเสียงจากสารทิศก็ส่งกลับมาเมื่อเขาตอบออกไปอย่างนั้น ก็พึ่งประชุมครั้งแรก นี่จะให้เขาทำทุกอย่างคนเดียวไม่ได้ มันต้องเป็นมติจากที่ประชุม

         

เขาเปล่าปัดภาระ



จริงๆ

         





“พอดีว่าแผนเดิมมีปัญหานิดหน่อย และพี่ก็พึ่งมารับหน้าที่ไม่ถึงสัปดาห์เลยต้องขอความเห็นจากทุกคน ว่าใครพอมีความคิดดีๆ เกี่ยวกับค่ายอาสาบ้าง...” เขาจึงต้องเล่าย้อนไปถึงปัญหาและความจำเป็นของการรื้อโครงสร้างเดิม เห็นไหมว่าเขาเป็นประธานที่มีคุณภาพแค่ไหน รับฟังความเห็นจากทุกคนอย่างเป็นระบบ

         

เชื่อสิ

         

“แสดงว่าตอนนี้ก็ยังไม่ได้สถานที่”พี่หมอถามขึ้น

         

“ครับ”

         

“หนักอยู่นะ ดีแล้วล่ะที่เลื่อนไปสิ้นเดือน ไม่งั้นพี่ว่าคงไม่ทันแน่ๆ” ก็ตามนั้นครับพี่หมอ เขาก็ดีใจไม่น้อยที่เรื่องมันลงเอยแบบนั้น ไม่งั้นคงต้องพาทุกคนไปร่อนเร่แถวในเมืองเพื่อประยุกต์ค่ายอาสาเป็นค่ายรักสัตว์ หรือค่ายเก็บขยะตามชุมชนแทน

         

ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เขาไม่ค่อยรู้จักที่ทางชนบทเลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในต่างประเทศก็ว่าไปอย่าง นั่นค่อยพอเป็นหัวหอกเสนอแนะให้ได้อยู่ แต่นี่เขาเที่ยวในประเทศแทบจะนับครั้งได้ เปล่าอวดรวยนะ แต่รวยจริงๆ

         

“ใครพอรู้จักที่ทางตามต่างจังหวัดบ้างไหม” ที่ต้องนัดประชุมทันทีหลังจากชวนทุกคนมาร่วมค่ายก็เพราะแบบนี้นั่นแหละ

         

“งบเยอะไหม” เขาเข้าใจว่าทำไมถึงมีคนถามเรื่องเงินในเวลาแบบนี้ ทว่า มันเป็นสิ่งที่ทุกคนควรรู้เช่นกัน เพื่อจะได้ประมาณการในเรื่องต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ด้วยบางที่ก็ไม่อาจไปถึงได้เพราะงบนั่นเอง อาทิ ญี่ปุ่น อังกฤษ รัสเซีย

         

มันก็คงไปไม่ได้อยู่แล้ว ไม่น่ายกตัวอย่างฮาฮาฮา

         

“ก็พอไปถึงเชียงใหม่อยู่ครับ สปอนเซอร์ค่อนข้างหนา แถมคณะก็ให้เยอะพอตัว” แน่นอนว่าคณะชื่อดังและมีชื่อเสียง แค่ขยับนิดขยับหน่อยก็มีคนคอยช่วยเหลือแล้ว ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องงบจริงๆ เขาก็คงปรึกษาป๊าให้มาช่วยนิดหน่อยก็คงไม่มีปัญหา

         

“งั้นก็ไปเหนือจรดใต้ได้เลย” ใช่ ทุกที่ในประเทศแทบไม่เป็นปัญหาในการเดินทาง ปัญหาจริงๆ มันอยู่ที่ประธานคนนี้ไม่รู้จักที่ทางต่างหาก ถึงได้ขอความเห็นไง ไม่งั้นคงไม่ลำบากเรียกประชุมหรอก ไม่สิ ไม่สิ เขาต้องเป็นประธานที่ดี

         

“ถ้าเป็นเชียงใหม่ผมพอจะถามให้ได้อยู่นะครับ” เพื่อนหน้าตี๋ของไอ้เดือนวิศวะเสนอขึ้น

         

“มึงเคยไปเหรอ” ไอ้เดือนเป็นคนซักข้อสงสัยที่เขาและอีกหลายคนก็อยากรู้เช่นกัน หรือเด็กคนนั้นจะมาจากเชียงใหม่

         

“พอดีว่าแม่ผมเป็นคนเชียงใหม่ อาจจะพอถามให้ได้ แต่ว่าคงได้คำตอบอย่างเร็วก็ประมาณพรุ่งนี้” ก็ถือว่าเป็นคำตอบที่พอให้ความหวังกับเขาที่ยังมืดแปดด้าน นี่แอบคิดเล่นๆ ว่า หากไม่ได้ที่ไหนแม่งจะพาไปญี่ปุ่นให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย เอาให้มันเป็นค่ายอาสาต่างแดนก็น่าสนุกดี แต่ว่าคณะคงไม่ให้งบประมาณแน่ และป๊าคงตบกบาลเช่นกัน

         

“พี่ก็เคยไปภาคสนามที่เชียงใหม่ครั้งหนึ่ง อาจพอช่วยได้เหมือนกัน” เยี่ยมยอดมากพี่หมอ ถ้าไม่ติดว่าแกกำลังตามจีบไอ้เด็กเชียงใหม่อยู่เขาคงลากกลับห้องแน่ คนอะไรดีและครบขนาดนั้น ไอ้เด็กหน้าตี๋นั่นทำบุญด้วยอะไร

         

“ฉันก็คนเชียงใหม่นะ ลืมแล้วหรือไง” จริงด้วย อีป้าก็มาจากเชียงใหม่เหมือนกัน ดันมองข้ามมันไปเสียสนิท คิดว่าคงโดนความไร้สาระของนางเล่นงานจนไม่นึกว่าจะเป็นประโยชน์ในรูปธรรมฮาฮาฮา ถ้านางรู้เขามีหวังโกรธ

         

“นินทาอะไรฉันรู้นะ สายตามึงฟ้อง เห็นแบบนี้ฉันก็รู้ทุกซอกทุกมุมของจังหวัดเกิดตัวเองนะ อย่ามามองด้วยสายตาดูถูกดูแคลนอย่างนั้น” ดันรู้ทันอีก

         

“ถ้าเป็นเชียงใหม่ทุกคนว่าไง ถึงยังไม่ได้สถานที่แน่ชัด แต่อยากวางตัวจังหวัดไว้ก่อน จะได้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม”ทุกคนดูไม่ติดใจกับจังหวัดนี้ แถมเห็นดีเห็นงามเพราะจะได้เที่ยว เขาก็ถือว่าเป็นมติเอกฉันท์จากที่ประชุมเลยแล้วกัน

         

“อยากไปเชียงใหม่ หน้าหนาวพอดีด้วยฟิน...” เสียงของใครคนหนึ่งแว่วมา

         

ซึ่งหลายคนในที่ปนะชุมพยักหน้าตามความคิดนั้นอย่างไม่รู้ตัว ก็แน่ล่ะ ถ้าคิดจะเที่ยวในประเทศชื่อแรกที่พอจะนึกได้ก็คือจังหวัดนี้ไม่ใช่หรือไง

         

“สิ้นเดือนที่ว่านี่มันช่วงปิดเทอมไม่ใช่เหรอ” เป็นไอ้เดือนที่เอ่ยขึ้น

                                                                           

“ใช่” เขาตอบไป ก็หลังจากสอบไฟนอลก็จะเป็นช่วงหยุดยาวไปจนถึงต้นปีหน้า อากาศที่นี่อาจจะไม่เปลี่ยนมากนัก แม้เข้าหน้าหนาวแล้วก็ตาม แต่ที่เชียงใหม่น่ะไม่แน่ อย่างน้อยก็คงรู้สึกเย็นกว่าอยู่ในมหา’ลัยนี้

         

“ไอ้เจ้าบอกแม่มึงเลยว่าพวกกูจะอยู่เที่ยวเชียงใหม่ เปิดบ้านรอด่วน” น้องต้นหันไปคะยั้นคะยอเพื่อนข้างกายซึ่งมียักษ์คู่เคียงของตัวเองมองตาไม่กระพริบ

         

ไอ้เพื่อนตัวสูงแม่งก็หึงเรี่ยราด นั่นมันเพื่อนของน้องมัน มึงจะไปเขม่นตาใส่ทำไม ความรักทำให้มึงเปลี่ยนไปขนาดนั้นเชียวหรือ เอ่อ... จะว่าไปอีกคนก็อากาศหนักไม่แพ้กัน จะใครได้ล่ะ ก็พี่หมอสุดหล่อของเขาไง พวกมึงนี่มันจริงๆ

         

“เรื่องเที่ยวต่อค่อยว่ากันอีกที แต่ยังไงก็ต้องมีรถของส่วนกลางที่ขับกลับมออยู่แล้ว เอาเป็นว่าเจอกันครั้งหน้าผมจะลงหน้าที่ให้แต่ละคนอีกที วันนี้ถ้าไม่มีข้อสงสัยก็แยกย้ายได้ครับ ขอบคุณที่สละเวลามา” ถือเป็นการปิดประชุมไปในตัว

         

เหล่าหนุ่มหน้าหล่อจากคณะต่างๆ ค่อยๆ แยกย้ายไปตามทางของตัวเอง มีเข้ามาทักทายถามไถ่ตามประสาคนรู้จักบ้าง ซึ่งเขาก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มกลับไป ก็เพื่อน พี่ น้องกันทั้งนั้น

         

“ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่โลกจะจารึกไปอีกนาน ที่มึงมีความสามารถในการรวบรวมคนหล่อมาไว้ในที่เดียวขนาดนี้ นี่กูไลฟ์สดไปมีคนดูเกือบแสน” อีป้า ทำไมไม่บอกกูว่ามีไลฟ์ นี่เขาเผลอพูดอะไรไม่เข้าท่าไปหรือเปล่า ห่วงว่าภาพลักษณ์ของหนุ่มหน้าหวานจะเสียหายเพราะไลฟ์ของมึงเนี่ยแหละ       



“ทำอะไรไม่บอกกูอีกแล้ว ตัดชื่อมึงทิ้งดีไหม” ขู่มันทีเล่นทีจริง



“ไม่ต้องห่วง กูปิดเสียงไว้ มีแต่หน้าหล่อๆ ของพวกมึงลอยไปลอยมาในคลิป แต่มีคนนั่งดูจนจบประชุมเลยนะมึง” ค่อยยังชั่ว



“ว่าแต่เรื่องสถานที่ กูขอฝากมึงเลยได้ไหม” ได้ทีก็โยนภาระให้นางไป โทษฐานเป็นชายไม่แท้ที่ไม่หล่อและน่ารักเพียงหนึ่งเดียวในค่าย



“ไม่มีปัญหา ไว้ได้แล้วกูจะรีบบอกมึง” ถ้านางรับปากอย่างนั้นก็คงไม่น่าเป็นห่วงแล้วล่ะสำหรับเรื่องนี้



“ขอบใจ”



“พี่มิวสนใจไปค้างบ้านไอ้เจ้ากับพวกผมไหมครับ หลังจบค่าย พี่นัท พี่หมอก็บอกว่าจะไปด้วยนะ” เอากับพวกหวงแฟนสิ นี่พวกมึงคิดจะตามกันไปทุกที่เลยเหรอ พี่หมอแม่งก็เอากับเขาด้วย



“เดี๋ยวพี่บอกอีกทีแล้วกัน ไม่รู้ว่าจะมีธุระหลังจากนั้นไหม” อาจไปยุโรปกับป๊าหรือไปแช่ออนเซ็นเหมือนทุกทีก็ได้



“ถึงมันจะไม่ว่าง แต่พี่ว่างนะจ๊ะ ชวนพี่ได้” มึงไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลยอีป้า



ทำไมถึงมีลางสังหรณ์ว่าปิดเทอมปีนี้เขาจะไม่ได้ไปต่างประเทศยังไงไม่รู้ ดูจากสายตาของไอ้เดือนวิศวะที่มองมาสิ แค่ตอบว่าไม่แน่ใจเฉยๆ ไม่ได้บอกว่าไม่ไปสักหน่อย



“ถ้าพี่มิวไป เก้าก็ไปด้วย” ไอ้นี่อีกคน หวังว่าจะไม่คิดผิดนะที่ให้ชวนพวกมันมาค่ายด้วย ตงิดใจชอบกล คงไม่ทำให้เขาต้องมาปวดหัวกับเรื่องนี้หรอกนะ









- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เรื่องนี้มีตอนพิเศษด้วยนะ

ความสำคัญของตอนพิเศษ คือ
การทำหน้าที่เป็นภาคเสริม
เรื่องของคู่รองทั้งหมดจะอยู่ในนั้น
ตลอดจนฉาก NC ของคู่หลักหลังจากนี้ด้วย
ฝากพี่มิว น้องกาล และผองเพื่อนไว้ในอ้อมอกด้วยจ้า


โดยสามารถสนับสนุนนักเขียนผ่านตอนพิเศษได้หลายช่องทาง ทั้ง
(1) ธัญวลัย www.tunwalai.com/story/251096/ร้ายนักใช่ไหม-จะแกล้งเสียให้เข็ด
(2) readAwrite www.readawrite.com/?action=manage_article&article_id=f5076e3d3c037deb594bcdc00f9f2abc&tab=mainManageChapter
(3) JamPlay www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b8b71f6e3ef490010086b56?isExpandIntroduction=true
(4) Dek-D https://writer.dek-d.com/inDefinition/writer/view.php?id=1854892

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...แต่ละคู่

ตั้งแต่แกรนด์โอเพนนิ่งเนี่ย  ไม่มีองมีอายกันเลยนะ

ออฟไลน์ yunchun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 554
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
เพิ่งอ่านได้ถึงตอน 12 บันเทิงมากกก มาเม้นเป็นกำลังใจนักเขียนก่อน
ดีสนุกค่ะ กดเข้ามาอ่านเพลินๆ สรุปติดเฉยเลย 555 ชอบบๆ

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0

ตอนที่ 23
~ กาล ~


วันสอบใกล้มาถึงแล้ว แต่ก็แค่ใกล้ ยังไม่ถึงสักหน่อย วันหยุดอย่างนี้ผมจึงเลือกกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างเปล่าประโยชน์ในคอนโดตัวคนเดียว ใช่ครับ ฟังไม่ผิด ตัวคนเดียวเลย เพราะอีกสองคนมันออกไปไหนสักที่โดยไม่บอกกล่าว ถ้าให้เดาก็คงไปอยู่กับคนของพวกมันอีกตามเคย

         

เมื่อก่อนพวกมันที่เอาแต่อุดอู้ในห้องไม่ยอมไปไหน คนหนึ่งเล่นแต่เกม อีกคนก็เขียนนิยายวนไป มาคราวนี้ไม่มีสักคนก็เหงาเหมือนกันนะเนี่ย ครั้นจะไปหาไอ้เดือนนิเทศก็ขี้เกียจ เพราะบ้านมันอยู่นอกเมืองไปไกลเลย บ้านหลังใหญ่ที่ไม่สามารถอัดอยู่ในใจกลางเมืองแบบนี้

         

จากที่นอนเน่าอยู่บนเตียง ก็เริ่มขยับขยายย้ายไปจัดการธุระส่วนตัว ก็แสงแยงตาจนแสบแบบนี้ จะให้อืดอยู่ที่เดิม เกรงว่าคนดูจะด่าเอา พออาบน้ำเสร็จ ก็เตรียมตัวคล้ายจะไปข้างนอก ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหน แต่ขอเตรียมพร้อมไว้ก่อน

         

เปิดหนังสือนิยายเรื่องล่าสุดของไอ้เจ้าที่พึ่งมาส่งเมื่อไม่กี่วัน ซึ่งมันเอาเล่มตัวอย่างวางทิ้งไว้บนโต๊ะกระจกในห้องนั่งเล่น เปิดฆ่าเวลาไปโดยไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ค่อยๆ เปลี่ยนท่านั่ง ท่านอน ท่าอ่าน จนไม่รู้จะไปอยู่ท่าไหน

         

วันเบื่อๆ ของคนๆ หนึ่ง ถือเป็นหัวข้อในทางปรัชญาไหม ก็ในเมื่อวันนี้มันว่างและเบื่อโคตร จนอยากละลายกลายเป็นวุ่นให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ขี้เกียจไปเสียทุกอย่าง แม้ลึกๆ แล้วจะรู้ว่าถ้าเอาเวลาบ่นบ้าๆ นี้ไปอ่านหนังสือจะเกิดประโยชน์กว่า แต่ผมก็เลือกเมินมันไป

         

มารู้ตัวเอาตอนนี้ว่าผมไม่มีงานอดิเรกหรืออะไรที่ชอบเป็นพิเศษเลย พอพ้นจากช่วงประกวดดาวเดือนก็วุ่นวายกับไอ้เดือนพักหนึ่ง พอเริ่มเบื่อขี้เกียจแกล้งมันแล้ว เลยว่างอย่างที่เห็น นั่งนึกย้อนกลับไปหาตัวเองในอดีตว่าใช้วันหยุดไปกับอะไรบ้าง

         

ภาพหนึ่งก็ลอยมา ภาพของวันว่างที่ผมใช้ไปกับใครคนหนึ่ง ใครสักคนที่เลือนหายไปชั่วขณะ  ตั้งแต่เข้ามอก็มีแต่เรื่องวุ่นจนทำให้ลืมเรื่องสำคัญไป เรื่องที่ว่าผมไม่ได้อยู่กับเขาในวันว่างแบบนี้อีกแล้ว หรือเป็นผมเองที่ทำตัวยุ่งให้ตัวเองลืมเรื่องนั้น

         

แย่แล้วสิ ว่างเกินจนพาให้นึกถึงเรื่องที่ควรลืม

         

ขอทำตัวยุ่งๆ โดยการออกไปตากแอร์ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่คอนโด --- ผมไม่รอช้า หากุญแจรถและออกห้องไปเลย ขับไปห้างที่ใกล้ที่สุด เพราะการนั่งอยู่ในรถกับการจารจรในวันหยุด ก็ไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัยเท่าไหร่

         

ร้านกาแฟและโต๊ะว่างด้านในสุดจึงเป็นมุดหมายที่ตั้งไว้ ผมนั่งแช่ พร้อมไถหน้าจอไปเรื่อยๆ ให้กลิ่นกาแฟกลบความทรงจำในอดีตไว้ สั่งของกินเล่นมาเพิ่ม คล้ายเป็นมื้อหลักมื้อหนึ่ง ซึ่งมันควรไปหาอะไรกินที่อื่นไม่ใช่ร้านนี้ แต่ก็ขี้เกียจ (อีกละ) เกินจะขยับตัว

         

มองออกไปนอกกระจกใสที่ใส่ลายจนเกือบเต็ม แต่ก็โปร่งพอมองออกว่าคนที่เดินผ่านไปเมื่อครู่เป็นไอ้เดือนนิเทศที่แต่งตัวจัดเต็ม --- มันไม่ได้เดินเข้ามาในนี้ และผมก็ไม่ได้ออกไปตามตัวแต่อย่างใด ก็เป็นวันว่างของมัน ปล่อยไปเถอะ

         

ผมอยู่ในอารมณ์ที่ไม่พร้อมจะแกล้งใคร แต่ดูเหมือนว่าฟ้าพร้อมที่จะแกล้งผม เพราะจู่ๆ ก็เจออีกคนที่ไม่คาดคิดว่าจะโคจรมาพบกันอีก

         

ผมสบตาเธอที่เดินเข้ามาในร้านพร้อมผู้ชายคนหนึ่ง แขนทั้งสองข้างของคนสองคนแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าอยู่ในสถานะไหน เขาคนนั้นเลือกที่นั่งไม่ไกลจากผมนัก โดยมีเธอที่ออกอาการคล้ายอยากเปลี่ยนที่นั่งหรือหากเป็นไปได้คงเปลี่ยนร้านไปเลย



เธอนั่งอยู่ในมุมซึ่งมองเห็นผมเต็มตา แน่นอนว่าผมก็ไม่ต่างกัน ภาพใบหน้าของคนที่เคยคุ้นเคยแจ่มชัดอีกครั้ง ไม่เพียงความรู้สึก เพราะเธอมาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว หลังจากแยกทางกันด้วยความคลุมเครือ มันไม่ชัดเจน ทั้งตอนนั้นและตอนนี้



เธอจากผมไปตั้งแต่ตอนนั้น เราอยู่กันต่างมอ ชื่อเสียงที่พอแว่วมาตามกระแสของเธอที่สร้างไว้ในฐานะดาวมหา’ลัยของทางนั้น ก็ทำให้บางขณะที่กำลังก้าวเดินต้องสะดุดบ้าง แต่ก็นั่นแหละ เพราะผมทำเป็นว่าไม่มีเธอ ทำเป็นไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในบทสนทนาที่มีเธออยู่ในเรื่อง จึงทำให้เดินต่อไปได้ ด้วยความปกติเท่าที่จะทำได้



ทว่า การได้เห็นเธอ ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย มันกำลังทำให้การก้าวต่อไปของผมต้องหยุดชะงัก ทำไมการหนีออกมาจากห้องกลับต้องมาเจอตัวจริง เจอเธอซึ่งเคยเป็นภาพเลือนราง ให้แจ่มชัดขึ้นด้วยสองตา ทำเอาวันหยุดที่ว่างเว้นและแสนเบื่อของผมวุ่นวายอย่างคาดไม่ถึง ถ้ารู้ก่อน ผมคงกลิ้งไปมาอยู่ในห้องเสียดีกว่า ไม่ออกมาให้ตัวเองว้าวุ่นแบบนี้แน่



ผมเลือกเดินออกจากร้านไวกว่าที่คิดเอาไว้ตอนแรก ออกมาให้ห่างและทำเป็นไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เดินเข้าร้านหนังสือซึ่งผิดปกติวิสัย เดินวนไปมา ไม่ได้มองหาเล่มไหนหรือเรื่องใดเป็นพิเศษ แค่ฆ่าเวลาและปล่อยให้ภาพปกละลานตาละลายภาพที่ค้างตึงอยู่ในความคิด



หยิบเล่มหนึ่งซึ่งอยู่ในหมวดวรรณกรรมขึ้นมาอ่านปกหลัง แล้วก็วางทิ้งไป เรื่อยจนครบเกือบครบแฝง ยังดีที่ไม่มีใครในบริเวณนี้ ไม่เช่นนั้นผมคงมารบกวนเวลาแห่งการท่องโลกอักษรของเขา --- ก่อนมาจบที่หนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งไม่มีคำบรรยายใดที่หลังปก เป็นแค่ภาพวาดสีน้ำฟ้าคราม กับนักวิ่งชายที่ออกท่าทางไว้



บทแรกเปิดมาด้วยการแข่งวิ่งของนักเรียนคนหนึ่ง อ่านไปจนถึงท้ายบท ก็เก็บหนังสือลง เพราะเห็นคนคุ้นตาเดินผ่านหน้าไป ผมรีบเบี่ยงออกจากโซนวรรณกรรมปกติ เข้าสู่โลกหลากสีของวรรณกรรมชายรักชาย มันกำลังเลือกเล่มที่ถูกใจอย่างสบายอารมณ์



จนอดสงสัยไม่ได้ว่า ไม่มีใครรู้เลยเหรอว่าเดือนนิเทศเป็นเกย์ ผมยังเห็นผู้หญิงตามกรี๊ดตามเกาะติดมันอยู่ หรือที่เขากรี๊ดเพราะมันเหมือนฝ่ายรับในบทชายรักชาย ซึ่งหากพวกเธอรู้ความจริงเรื่องที่มันเป็นฝ่ายรับ แถมยังซาดิสม์อีก จะยังกรี๊ดอยู่หรือเปล่า

         

แปลกที่พอเป็นเรื่องของมันทีไร ผมก็ลืมสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัว พึ่งรู้ตัวว่ามันมีอิทธิพลต่อความคิดและสภาพจิตใจก็วันนี้แหละ วันที่เจอกับเรื่องไม่คาดฝัน แต่พอเห็นมันที่ง่วนอยู่กับกองนิยายสีม่วง ผมก็โฟกัสและเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่มัน

         

ผมคงบ้าไปแล้วแน่ ที่มายืนหลบมุมแอบมองมันที่กำลังมีความสุขกับหนังสือตรงหน้า แค่ไม่อยากเข้าไปกวนให้มันขุ่นใจที่เห็นหน้าผม ซึ่งไม่มั่นใจว่ามันจะคิดอย่างนั้นไหม แต่เท่าที่เป็นมา มันก็ไม่ได้ชอบขี้หน้าผมสักเท่าไหร่

         

ในทางตรงกันข้าม ผมก็เคยมีความรู้สึกแบบนั้นกับมัน ไม่ชอบหน้า โกรธ แค้น และอยากเอาคืนกับสิ่งที่มันทำให้ชีวิตในช่วงเข้ามหา’ลัยแรกๆ ของผมวุ่นวายและแทบไม่มีชิ้นดี แต่ก็นั้นแหละ อย่างน้อย ความป่วนเล็กๆ ที่มันสร้างขึ้น ก็ทำให้ผมลืมเรื่องบางเรื่องไปได้ชั่วครั้งคราว--- เป็นความรำคาญใจที่ทำให้สบายใจ งงไหม ฮาฮาฮา

         

ไม่ต้องเข้าใจความคิดของผมทั้งหมดก็ได้ แค่รู้ไว้ว่าช่วงที่มีมันเข้ามาในชีวิต ถึงไม่ได้ดีขนาดต้องขอบคุณ แต่อย่างน้อยก็ไม่เลวร้ายขนาดนั้น นี่ผมประมวลความคิดที่ได้จากมุมมองซึ่งเปิดรับมันเข้ามาในชีวิต ไม่ใช่ใช้อคติอย่างที่ผ่านมา --- ก็นั่นผมพึ่งโดนเล่นงาน แต่ตอนนี้ความโกรธค่อยๆ จางลงแล้ว

         

อย่าคิดไปไกล ที่ว่าสบายใจไม่ได้หมายความว่าชอบหรือหลงมันในทางชู้สาว หรือทางรักใคร่แต่อย่างใด ขอย้ำอีกครั้งว่ามันก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งผมก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ไม่มีทางที่ความคิดในตอนนี้หรือตอนไหนๆ จะพาผมไปหลงเสน่ห์ของมันได้ และผมก็มั่นใจด้วยว่ามันก็คิดเหมือนกัน

         

หากความใกล้ชิดในบางขณะนำพวกผมไปสู่อารมณ์บางอย่างที่แปลกไป นั่นก็เพียงชั่ววูบของอารมณ์และความรู้สึก แค่ความต้องการปลดปล่อยตามธรรมชาติของเพศชาย สัญชาตญาณของมนุษย์ที่ทุกคนยากจะยับยั้ง เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องปล่อยไป และเมื่อปล่อยออกไปจนสิ้น มันก็หดหาย และเขากับมันก็กลับมาเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยกันอีกครั้ง

         

ไม่ได้สนิทใจจนเรียกได้ว่าเป็นคนพิเศษ และก็ไม่ได้แปลกใจเมื่อบางครั้งบางคราวจะร่วมทางในอารมณ์เดียวกันบ้าง เป็นความสัมพันธ์ประหลาด แต่ที่แน่นอนมีอย่างเดียวคือ ผมไม่ได้รักมัน

         

ไม่ได้ปิดใจหรืออะไรทั้งนั้น ก็แค่ไม่คิดว่าตัวเองจะรักผู้ชายคนไหนในทางนั้นได้ อย่างมากก็แค่มิตรภาพระหว่างพี่น้อง ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น ทั้งในความรู้สึกของผมและคาดว่าจะเป็นของมันด้วย







- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เรื่องนี้มีตอนพิเศษด้วยนะ

ความสำคัญของตอนพิเศษ คือ
การทำหน้าที่เป็นภาคเสริม
เรื่องของคู่รองทั้งหมดจะอยู่ในนั้น
ตลอดจนฉาก NC ของคู่หลักหลังจากนี้ด้วย
ฝากพี่มิว น้องกาล และผองเพื่อนไว้ในอ้อมอกด้วยจ้า


โดยสามารถสนับสนุนนักเขียนผ่านตอนพิเศษได้หลายช่องทาง ทั้ง
(1) ธัญวลัย www.tunwalai.com/story/251096/ร้ายนักใช่ไหม-จะแกล้งเสียให้เข็ด
(2) readAwrite www.readawrite.com/?action=manage_article&article_id=f5076e3d3c037deb594bcdc00f9f2abc&tab=mainManageChapter
(3) JamPlay www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b8b71f6e3ef490010086b56?isExpandIntroduction=true
(4) Dek-D https://writer.dek-d.com/inDefinition/writer/view.php?id=1854892

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2018 18:01:46 โดย InDefinition »

ออฟไลน์ lovenut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เอาแล้ว เมืยเก่ามาแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0



ตอนที่ 24
~ กาล ~



ฤดูกาลแห่งการสอบมาเยือนแล้ว แม้จะเคยประสบไปเมื่อคราวมิดเทอม แต่หัวเลี้ยวหัวต่อจริงๆ มันอยู่ที่ไฟนอลต่างหาก หลายวิชาไม่มีสอบกลางภาคเลยด้วยซ้ำ อาจารย์ใจดี (เหรอ?) รวบยอดมาสอบปลายภาคทีเดียว ทำเอานักศึกษาอย่างพวกผมแทบกระอักเลือดออกมาเป็นตัวเลขกับสูตร

         

ว่าแต่ทำไมคอนโดผมกลายเป็นสถานที่ฮันนีมูนของพวกข้าวใหม่ปลามันไปได้ พวกพี่ไม่มีสอบหรือไงกัน ครั้นจะไล่ก็ใช่เรื่อง แต่นิเทศกับแพทย์ก็ใช่จะมาสอนวิชาพื้นฐานวิศวะนะ ถึงแม้พี่หมอจะสอนเคมีโคตรเก่งก็เหอะ

         

พวกแม่งบทจะอยู่กันครบหน้าก็พาว่าที่สามีมาด้วย แถมไม่ใช่คนเดียวหรอกนะ ไอ้หัวแดงก็ใช่เล่น วันก่อนก็หายกันไปหมดนี่ เหลือผมไว้คนเดียว ซึ่งพวกมันคงจะหายไปตามๆ กัน ถ้าไอ้เจ้าย้ายออกคอนโดวันไหน ไอ้ต้นที่เป็นรูมเมทก็คงหนีออกไปตามผัวมันแน่

         

เอาสิ ผมไม่แคร์อยู่แล้ว เอาเลย ใช่ ไม่แคร์ ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น ก็ดีจะได้ไม่มีตัวกวนใจ อยู่คนเดียวไม่เห็นเป็นอะไร ทุกวันนี้ก็ไม่ต่างกันเลย แม่งกลับห้องแทบนับวันได้ อย่าให้กูมีแฟนล่ะ จะไล่พวกมึงออกไปก่อนที่จะหนีกูเลยคอยดู

         

ไม่โกรธครับผมไม่โกรธเลยสักนิด

         

“ออกไปห่างๆ เลย ไม่อายพวกนั้นเหรอ” พวกมึงแทบจะกลืนกันเข้าไปแล้วไอ้เจ้า ไม่ต้องอายกูหรอก คิดว่ากูเป็นอากาศเลยก็ได้นะ   

         

ได้ข่าวช่วงนี้ไม่เขียนนิยายน้ำเน่าอีกเลยนะ มัวแต่ไปกกตัวอยู่กับพี่หมอ ซึ่งลากมันออกไปทุกเช้าเย็น ถ้าไม่ใช่ช่วงสอบที่ต้องช่วยกันติวมึงคงไม่คิดกลับมาใช่ไหมล่ะ ดูท่าแล้วคงเตรียมตัวย้ายออกไปเร็วๆ นี้ ก็ให้ทำไงได้ล่ะ หมอเขาคงมียาดี

         

จะว่าไปช่วงนี้ก็ตึงๆ กันอยู่นะ รู้สึกว่ามีแค่พี่หมอที่เข้าหาตลอด ส่วนเพื่อนผมเอาแต่ปัดป้อง ไม่ให้ว่าที่หมอได้แตะต้อง แต่ก็นั่นแหละ พอหมอจอมตื๊อเล่นบทไม่สนโลกเข้าให้มันก็ทำอะไรไม่ได้ สงสัยมีเรื่องกันมา เพราะวันนี้มันไม่ยอมออกไปไหนเลย จนกระทั่งพี่หมอต้องมารอหน้าห้อง ผมถามก็ไม่ตอบ

         

“อิจฉาเหรอ” ไม่ใช่คู่ของพวกมันหรอก เป็นไอ้คนไม่มีคู่ต่างหากที่คงเหงาไม่ต่างจากผม เมื่อเพื่อนตัวสูงของตัวเองไปนั่งเฝ้าแฟนอ่านหนังสือแบบไม่วางตา เอ่อ... พี่นัทครับ ผมว่าพี่คงไม่ได้อ่านหรอกถ้ามัวแต่จ้องไอ้ต้นแบบนั้น

         

“มึงนั่นแหละอิจฉา” มึงเลยไอ้เดือนนิเทศ เห็นบ่นนักบ่นหนาว่าอยากได้ผัวมาดูแล แถมตอนนี้ก็ยังแห้งแล้งอยู่ คงไม่มีคนเข้ามาล่ะสิท่าเพราะตัวติดกับผมทุกเช้าเย็นแบบนี้ อ๊ะ อ๊ะ อย่าโทษผมนะครับ มันแค่ตามสอยห้อยติดพี่นัทมาเฉยๆ ผมไม่ได้เรียกหรือแกล้งมันเลยสักนิด

         

“เออ กูอิจฉา ยอมเป็นแฟนเช่ากูไหมล่ะ ให้เดือนละห้าหมื่น” คนตรงก็ยังเป็นมันอยู่ดี ไม่คิดจะอ้อมค้อมหรือเก็บความต้องการไว้เลย คิดอะไรก็แสดงออกมาหมดเลยนะมึง สีหน้าฟ้องว่าจะกินกูเสียขนาดนี้

         

“กูทำได้ทุกอย่างเลยหรือเปล่า” แกล้งหยอกมันไป

         

“ไม่” นั่นไง เพราะมันไม่เคยยอมให้ผมเกินเลยจากภายนอก

         

“ถ้าแค่นั้นไม่เอาหรอก” ให้ไปอดกลั้นต่อหน้ามันอย่างนั้นไม่เอาด้วยหรอก ผมบอกแล้วไงว่าถึงเป็นผู้ชาย แต่พอถึงเวลาอยากมันก็เอาได้หมดนั่นแหละ โดยเฉพาะขาวๆ แบบนี้ด้วย

         

“แค่แฟนเช่าเข้าใจไหม” ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่ามึงจะหวงซิงไปทำไมกัน ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ แค่คิดว่าที่ผมกับมันทำคงเกินเลยจากคำว่าพี่น้องไปแล้ว อีกนิดเดียวจะเป็นอะไร

         

“งั้นก็อดอยากไปเหอะ” ไม่มีใครเอามึงหรอก เขาคิดว่าเป็นแฟนกับกูเกือบทั้งมอแล้ว เอ๊ะจะว่าไป...

         

“ยอมคบกับไอ้เก้าดีไหม...” มันพึมพำๆ กับตัวเองคนเดียว ซึ่งผมดันลืมไปเสียสนิทว่ามันยังมีไอ้ตัวแทนภาคคอมอีกคนที่ยังตามจีบไม่เลิกอยู่

         

ถ้ามันยอมตกปากรับคำไอ้เก้า คนที่แย่อาจเป็นผมก็ได้ หากยังไม่มีแฟนแบบนี้แล้วถ้าอยากขึ้นมาจะไปลงกับใคร เอาแล้วสิ ชักจะไม่ดีละ

         

“คืนนี้กูนอนห้องมึง” บอกมันไปโดยไม่ฟังเสียทัดทานใดทั้งสิ้น บ่นได้ก็บ่นมาเหอะ กูไม่สน ไม่แคร์ ไม่ใส่ใจ ยังไงวันนี้กูก็จะไปตามเฝ้ามึงถึงห้อง

         

“จะไปทำไม กูไม่ให้ไป” บอกแล้วว่าไม่สน เพราะมันยังคงติดสถานะทาสอยู่ ไม่มีสิทธิ์เถียงหรือปฏิเสธ

         

ไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ ผมไม่ได้ทำอะไรมันทั้งนั้น แค่ไปนอนด้วยเฉยๆ ปล่อยให้คอนโดเหงาอยู่ลำพัง เพราะคงไม่มีใครใช้ห้องในคืนนี้ ต่างกันแค่สอนคนนั้นไปอยู่กับแฟน แต่ผมกับมันที่อยู่บนเตียงเดียวกันไม่ใช่ทั้งเพื่อน พี่ หรือแฟนกันทั้งนั้น ซึ่งถ้าหาคำนิยามยากก็ไม่ต้องนิยามมันก็สิ้นเรื่อง







ช่วงสอบแบบนี้ข้อดีที่พอจะนึกได้ก็มีแต่เวลาว่างที่ได้รับมาตลอดสัปดาห์ ซึ่งถ้าใครมีสอบน้อยตัวก็ยิ่งเป็นลาภอันประเสริฐยิ่ง ทว่า มันกลับตาลปัตรจากที่คิดไว้อย่างสิ้นเชิง เมื่อผมและเพื่อนอีกสองคนไม่ได้เข้าข่ายของคนที่มีสอบน้อย เพราะดูจากรายวิชาที่ต้องสรรหาหนังสือเพิ่มเติมมาอ่านเกือบยี่สิบเล่มแล้ว เห็นอนาคตอยู่รางๆ ว่าตายแน่ และมันกำลังจะเกิดขึ้น...

         

“อดทนหน่อยมึง วันสุดท้ายแล้ว” สภาพของไอ้ต้นใกล้เคียงกับซอมบี้เดินได้เลย แถมมีคนคอยอารักขาซอมบี้ตัวนี้ราวกับไม่มีสอบ พี่นัท พี่ควรไปอ่านหนังสือนะครับ รู้ว่าเป็นห่วง แต่ไม่คิดจะไว้ใจพวกผมเลยหรือไง เพื่อนทั้งคนยังไงก็ไม่ปล่อยมันตายอดตายอยากอยู่ข้างถนนหรอก

         

“วันสุดท้ายก็เหี้ยละ มีสอบตั้งสองตัว” ใช่ครับ วันสุดท้ายก็จริงแต่ต้องมาสอบพร้อมกันถึงสองวิชา ซึ่งพวกผมยังอ่านกันไม่จบ ที่วางแผนไว้ก็คือรีบสอบตัวแรกแล้วกลับมาอ่านวิชาสุดท้ายที่ยังค้างอยู่ครึ่งเล่ม

         

ซึ่งผมกับไอ้เจ้าเหลือไม่ถึงขนาดนั้นแล้ว มีแค่ไอ้หัวแดงนั่นแหละที่อ่านช้าและเข้าใจยาก เลยทำให้ตามเพื่อนอยู่มากโข ทำใจนะมึง ดันได้แฟนเป็นเด็กนิเทศ ที่คงทิ้งฟิสิกส์เคมีไปนานแล้ว ถึงจะจบสายวิทย์มา แต่ถ้าไม่ได้ทบทวนนานๆ เข้าก็มีลืมเหมือนกัน แน่นอนว่าพี่นัทอยู่ในข่ายนั้น

         

“เดี๋ยวกูช่วยอีกแรง” ไอ้เจ้าก็อดสงสารรูมเมทของมันที่ไม่ได้นอนด้วยกันมาร่วมเดือน

         

“มึงก็ดีสิ พี่หมอเขาเก่ง ได้ทั้งเคมี ชีวะ ฟิสิกส์” เหมือนจะมีคนถูกทำร้ายด้วยคำพูดนั้น ถ้าเข้าใจไม่ผิดน่าจะเป็นพี่ตัวสูงที่เดินตามมาข้างหลัง

         

ไอ้ต้นก็ใช่จะแคร์ พูดออกมาได้นะมึง ให้พี่นัทไปเรียนแพทย์เอาไหม หรือไม่งั้นมึงก็หาแฟนเป็นหมอสักคนสิ คอยดูนะถ้างอนกันมาพ่อจะตบบ้องหูให้แตกไปข้างเลย พูดอะไรไม่คิดถึงคนอื่นบ้าง โดยเฉพาะคนที่จะเป็นแฟนกันน่ะ

         

“งั้นพี่ขอตัวนะ”

         

“อยู่ไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร” นั่นไง มาเต็ม ความน้อยใจนี้ชัดเจนมาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจบจากสอบวันนี้มีง้อกันแน่ หรือไม่ก็มีน้ำตาแตกกันไปข้าง

         

“กูไม่ได้หมายความว่างั้น” ไม่ทันแล้วเพื่อน ไปนู้นละ หวังว่ากูคงไม่ต้องเก็บศพมึงไปส่งให้พี่เขาหรอกนะ อย่าสร้างภาระให้กูอีกเลย

         

“ปากดีก็งี้แหละ ระวังเขาบอกเลิกนะมึง” มึงก็อีกคนไอ้เจ้า ปากดีไม่เข้าเรื่อง ไม่เห็นหน้ามันหรือไง จะร้องไห้แล้วนั่นน่ะ

         

“พอๆ พวกมึงช่วยโฟกัสที่สอบก่อนเหอะ หลังสอบเสร็จค่อยไปง้อไปตามไปด่าไปเหี้ยอะไรก็เชิญ แต่ถ้ามึงเอฟวิชานี้รับลองที่บ้านเอาตายแน่” ไม่ใช่แค่ขู่ แต่กูขู่ของจริงเลยล่ะ อย่าคิดนะว่าสอบตกเพราะผัว พ่อมึงจะเอาไว้

         

“กูไม่มีสมาธิแล้ว” เอาเข้าไป สร้างเรื่องขึ้นมาเองก็ต้องรับกรรมไปตามระเบียบ

         

“ไม่ทันแล้ว ถึงเวลาสอบละ” พวกผมจำต้องเดินเข้าห้องสอบ โดยลากสังขารของไอ้หัวแดงตามมา แม้มันจะไร้เรี่ยวแรงก็ตามที

         

และนอกจากจะช็อคเพราะผัวทิ้งแล้ว มันคงต้องตาค้างกับโจทย์ตรงหน้าแน่ เพราะแม้แต่ผมซึ่งคิดว่าเข้าใจบทเรียนยังมีกระอัก อาจารย์... ไม่ปราณีนักศึกษาเลยหรือไง ข้อสอบแบบนี้ถึงอ่านทั้งปีทั้งชาติก็ไม่มีวันทำได้หรอก

         

ห้องสอบที่ว่าเงียบแล้ว คงไม่เท่ากับความรู้ซึ่งนิ่งสงบไร้การตอบสนองและขยับเขยื้อนใดๆ แม้แต่น้อย ไม่มีเสียงของคำตอบออกมาให้พอชื้นใจเลย นี่มันอะไรกัน เอาเป็นว่าคงต้องทิ้งข้อนี้ไปเพื่อบริหารเวลาแสนมีค่ากับโจทย์อื่นๆ ท่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้

         

ชีวิตของผมฝากไว้กับคำตอบเหล่านั้น รอยปากที่แสนล้ำค่าซึ่งภาวนาให้อาจารย์ช่วยกรุณาเห็นอกเห็นใจนักศึกษาคนนี้ถูกหยิบไปอย่างไร้เยื้อใยเมื่อเวลาหมดลง อาจารย์ถึงกับเดินเก็บข้อสอบด้วยตัวเอง เขาแทบอดกลั้นความซาบซึ้งใจนี้ไว้ไม่อยู่ ข้อสุดท้ายยังไม่ทันได้ตรวจทานเลยครับ มันถูกหยิบติดมือแกไปแล้ว จะยื้อไว้ก็ไม่ได้ ดูสายตาที่อาจารย์จ้องมาสิครับ พวกผมแค่นักศึกษานะไม่ใช้นักโทษในเรือนจำ ไม่ต้องโหดขนาดนั้นก็ได้

         

“กูขอตัวไปคุยกับพ่อกูก่อนนะ” ไอ้ต้นเป็นคนแรกที่ปริปากหลังออกจากห้องสอบมาในสภาพไร้วิญญาณ

         

ซึ่งมันก็เดินไปคุยจริงตามที่ว่าไว้ สงสัยคงต้องมีใครสักคนในนี้ใช้เวลากับการเรียนสักห้าปีหกปีแล้วล่ะครับ เป้าหมายสี่ปีที่วางไว้เลือนรางชอบกล

         

“ท่าจะเป็นเอามาก ว่าแต่มึงทำได้ไหม” ไอ้เจ้าที่ยืนรอไอ้ต้นอยู่ข้างผมถามขึ้นมา มันที่ถนัดวิชานี้ที่สุดถึงไม่มีพี่หมอมาติวให้ก็ตาม

         

“ครึ่งๆ มึงล่ะ” อย่างที่ว่ามา คงไม่ใช่ปัญหาของมัน ส่วนผมก็ตามที่บอกครับว่าครึ่งๆ มั่นใจในข้อที่ทำได้และตรวจคำตอบแล้วว่าตรงกัน แต่ข้อที่ไม่มั่นใจกับข้อสุดท้ายที่ยังไม่ตรวจทานนั่นอย่าไปพูดถึงเลย ตอบอะไรไปผมจำไม่ค่อยจะได้ละ

         

“ก็พอกัน รอบนี้ยากจริง” มันถึงกับใช้คำว่ายาก เขาคงไม่ได้บ้าไปเองที่คิดว่าข้อสอบปลายภาคของวิชานี้โคตรยากเลยให้ตายเหอะ

         

“ไปเรียกมันมาเตรียมตัวของอีกวิชาเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน” ยังเป็นไอ้เจ้าที่เสนอความคิด ซึ่งผมเห็นด้วยกับมัน เพราะอีกวิชาพวกผมยังอ่านกันไม่จบเลย โดยเฉพาะไอ้หัวแดงที่หน้าแดงเตรียมร้องไห้แล้วนั่น

         

ถึงวิชาสุดท้ายจะไม่ได้หินเท่าที่ผ่านมา ก็ขอให้เป็นแบบนั้นล่ะนะ แต่ก็คงต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นเหมือนที่พึ่งประสบมาหมาดๆ ใครจะไปรู้ล่ะว่าวิชาที่คิดว่าผ่านไปได้สบาย เกิดอาจารย์เล่นพิเรนทร์ขึ้นมาก็ซวยกันอีกรอบสิ

         

“ไปมึง ไม่เป็นไรหรอกอย่าคิดมาก”เพราะกูคิดแทนมึงหมดแล้ว ถ้าต้องเรียนซ้ำก็อยู่เป็นเพื่อนกันนี่แหละ คะแนนคงไม่ต่างกันมากหรอก

         





และแล้วความบ้าคลั่งของช่วงสอบก็จบสิ้นเสียที มันหมดแล้ว หมดไปกับพลังชีวิตที่ถูกสูบไปกับคำถามและคำตอบ ไม่ต้องรอให้แก่หรอก แค่นี้ก็แทบไม่มีน้ำมีนวลเหลืออยู่ละ โชคยังเข้าข้างและเห็นใจพวกผม ที่วิชาล่าสุดออกตามตำราไม่มีบิดพลิ้วหรือเล่นท่ายาก

         

เอาเป็นว่าอย่างน้อยก็มั่นใจว่าวิชานี้พวกผมทั้งสามคนคงไม่ต้องกลับมาลงทะเบียเรียนซ้ำอีกรอบ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง

         

ถึงจะยังคิดมากในบางวิชาอยู่ แต่อย่างน้อยช่วงเวลาต่อจากนี้เกือบหนึ่งเดือน จะเป็นเวลาแห่งการพักผ่อนที่แท้จริง ใช่พวกเราจะไปพักรบกันที่ค่ายอาสา ซึ่งหลังเสร็จค่ายก็ตะลุยกันต่อที่เชียงใหม่บ้านแม่ของไอ้เจ้า และอาจลากยาวเคาท์ดาวน์กันที่นั่นเลยก็ได้

         

อาจฟังดูแปลกๆ ที่เอาเวลาว่างไปทิ้งกับความลำบากในค่ายแบบนั้น แต่ใครจะไปรู้ บางทีอากาศเย็นๆ กับสายลมอ่อนๆ บนภูเขาจะช่วยบรรเทาความเหน็ดเหนื่อยที่ผ่านมาก็ได้ และอาจเป็นยาใจให้กับบางคู่ที่งอนกันไปก่อนสอบอย่างนั้น มันต้องมีดีบ้างล่ะ

         

ภูเขาจ๋า ก้อนเมฆ ท้องฟ้า สายลม และแสงดาว รอพี่กาลก่อนนะกำลังจะไปหา

         

เพราะตอนนี้เขาคิดถึงเขามากๆ เลย

         

ภูเขานะครับ ไม่ใช่ผู้ชายฮาฮาฮา







- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เรื่องนี้มีตอนพิเศษด้วยนะ ซึ่งสองตอนก่อนหน้านี้เป็นตอนพิเศษด้วย

ความสำคัญของตอนพิเศษ คือ
การทำหน้าที่เป็นภาคเสริม
เรื่องของคู่รองทั้งหมดจะอยู่ในนั้น
ตลอดจนฉาก NC ของคู่หลักหลังจากนี้ด้วย
ฝากพี่มิว น้องกาล และผองเพื่อนไว้ในอ้อมอกด้วยจ้า


โดยสามารถสนับสนุนนักเขียนผ่านตอนพิเศษได้หลายช่องทาง ทั้ง
(1) ธัญวลัย www.tunwalai.com/story/251096/ร้ายนักใช่ไหม-จะแกล้งเสียให้เข็ด
(2) readAwrite www.readawrite.com/?action=manage_article&article_id=f5076e3d3c037deb594bcdc00f9f2abc&tab=mainManageChapter
(3) JamPlay www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b8b71f6e3ef490010086b56?isExpandIntroduction=true
(4) Dek-D https://writer.dek-d.com/inDefinition/writer/view.php?id=1854892

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-11-2018 18:01:23 โดย InDefinition »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ lovenut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
มาแล้ว เย้ๆๆๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ InDefinition

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0

ตอนที่ 25
~ กาล ~


“หยุดเลยมึง” ไอ้เจ้าไหวตัวคนแรก เบรกไอ้ตัวหัวแดงที่กำลังจะเริ่มโวยวาย หลังภาระจากการสอบทั้งหมดมลายหายไปกับความรู้ที่ฝากอาจารย์ทิ้งในห้องสอบ ซึ่งเรื่องที่มันกำลังงอแงก็คงไม่ใช่คำตอบหรือคำถามในห้องสอบที่พึ่งเดินออกมา แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องชู้สาวที่มีมันกับพี่นัทเป็นตัวละครแค่สองคน แบบนั้นก็ไม่น่าจะเรียกว่าชู้ได้นะ ฮาฮาฮา

         

“หาอะไรกินก่อนไหมมึง กูเครียดเรื่องสอบจนหิวตาลายแล้วเนี่ย” ผมออกความเห็นบ้าง และอยากหยุดเพื่อนตัวเล็กไว้อีกคน อย่าพึ่งเป็นอะไรตอนนี้ ขอกินข้าวกินน้ำให้หายอยากเสียก่อนเถอะ ขอร้องล่ะ เมื่อกลางวันก็มีแค่ครัวซองค์สับปะรดลงท้องไปชิ้นเดียว มีหวังได้หิวตายแน่หากมันยื้อเวลาอันมีค้าของเขาไปเพื่อบ่นหรือร่ายยาวเรื่องรักๆ ใคร่ๆ

         

“พวกมึงก็แบบนี้แหละ ไม่เคยใส่ใจกูเลย” ดราม่าเริ่มขึ้นแล้ว

         

“เพราะกูเป็นห่วงมึงไงถึงให้ไปกินข้าวก่อน” ไอ้เจ้าแก้สถานการณ์

         

“ใช่ แล้วค่อยคุยเรื่องของมึงที่นั่นก็ได้” ผมสมทบอย่างออกตัว มึงต้องเชื่อพวกกู

         

สุดท้ายมันก็พ่ายให้กับสองเสียงที่ออกแรงฉุดกระชากลากถูมันเข้าร้านแถวนั้นจนสำเร็จ พอสั่งอาหารเครื่องดื่มกันเสร็จสรรพ ก็พร้อมสำหรับฟังความของคนหัวแดง ที่ตาเริ่มแดงเรื่อแล้วตอนนี้ มึงไม่อายชาวบ้านชาวช่องเลยเหรอ มาร้องห่มร้องไห้ให้ผู้ชายกลางวันแสกๆ แบบนี้

         

“มันไม่รับสายกู ทักไปก็ไม่อ่าน ไม่ตอบ ไม่อะไรทั้งนั้น” เดี๋ยวครับเพื่อน ได้ข่าวว่ามึงเป็นคนไล่เขาไป ไม่ใช่พี่นัทที่หักดิบมึง

         

“มึงไล่พี่เขาก่อนไม่ใช่หรือไง” ใช่ครับเพื่อเจ้า ต้องตอกย้ำและซ้ำเติมมัน เอะอะจะมาเข้าบทโศกแบบเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้ไม่ได้ ขืนปล่อยไปมีหวังเสียนิสัยกันพอดี

         

“กูไม่ได้ไล่” โนโนโน กูเห็นเต็มสองตา ได้ยินเต็มสองหู อย่ามาหลอกหรือกลับกลอกแถวนี้มันไม่ดีนะเพื่อน

         

“มันรีบไปต่างหาก ถ้าอยู่อีกนิดกูก็จะแก้ตัวแล้ว” แหลสัดๆ แหลสดแบบสีข้างถลอกแล้วนั่นเพื่อนกู มึงเครียดเรื่องสอบแล้วเอาไปลงเขาเห็นๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย ก็สมควรที่จะโดนตัดหางปล่อยวัด แถมมึงยังไปว่าเขาอีกที่ไม่สามารถช่วยเรื่องสอบได้ และยังมีการตบท้ายด้วยการเอาพี่หมอมาเปรียบเทียบอีก เป็นกูกูก็งอน

         

“กูว่าเรื่องนี้มึงไม่ต้องคิดมาก ถ้าพี่มันชอบมึงจริงเดี๋ยวก็กลับมา” ยังเห็นด้วยกับเพื่อนเจ้า เพราะดูท่าพี่นัทเขาแค่น้อยใจเรื่องโดนเปรียบเทียบก็เท่านั้น ถ้าหายก็คงกลับมาในเร็ววัน

         

“แล้วถ้ามันไม่ได้ชอบกูล่ะ” อ้าว

         

“สรุปมึงชอบเขาหรือเขาชอบมึง ที่กลัวว่าเขาจะไม่กลับมาเพราะตอนนี้ชอบเขามากกว่าแล้วล่ะสิ” สงสัยจะไปจี้จุดมันเข้า เงียบกริบเลย

         

“ไม่ต้องคิดมาก กินข้าวก่อนมึง” ไอ้เจ้าเข้ามาคลายความกังวลและอารมณ์นอยด์ของคนหัวแดง และเขาก็ยังยืนยันว่าเห็นด้วยกับมัน เพราะตอนนี้หิวมาก

         

พวกผมสามคนจัดการกับอาหารตรงหน้าอยากหิวกระหาย เหมือนร้างลาจากมื้ออาหารมาเจ็ดชั่วอายุ ราวกับได้เกิดใหม่ แถมสอบเสร็จแล้วด้วย หลังจากนี้ก็คือการพักผ่อนแบบยาวๆ เป็นสวรรค์ของชีวิตมหา’ลัยเสียจริง สมัยมอปลายไม่เคยมีครั้งไหนที่ต้องหามรุ่งเพื่ออ่านหนังสือสอบ แต่พอก้าวเข้ามาในนี้ แค่โต้รุ่งยังไม่พอเลย เห็นได้จากเมื่อเช้าที่ผ่านไปอย่างกับอาจารย์พานักศึกษาไปสอบในขุมนรก มันโหดและหินมากสำหรับข้อสอบชุดนั้น อาจารย์แม่งใจร้ายจริง

         

ปกติการรวมตัวกันครบสามคน ไม่มีครั้งไหนที่เงียบเท่านี้อีกแล้ว นั่นเพราะครั้งก่อนๆ มีคนที่รับหน้าที่ชวนคุย เปิดประเด็น หรือหาเรื่องหาราวให้ได้เล่าได้ต่อประโยชน์กันไม่หยุด แม้ไม่ถึงขั้นเมาท์กันแบบกลุ่มผู้หญิง แต่ก็ไม่เงียบสนิทอย่างนี้หรอก มันเปลี่ยวเกินไป

         

ครั้งนี้อาการท่าจะหนักจริง เพราะไอ้หัวแดงดันสร้างเรื่องขึ้นเอง คราวที่แล้วยังแค่คิดมากและนอยด์ไปข้างเดียว ไม่ทันข้ามชั่วโมงฝ่ายนิเทศก็โทรมาเคลียร์กันเรียบร้อย ทว่า รอบนี้ต่างออกไปสิ้นเชิง คนทำผิดยังไม่รับผิดอย่างเต็มตัว คนที่ควรคิดมากน่าจะเป็นอีกฝั่งมากกว่า และถ้าคืนนี้เรื่องยังไม่จบ มีหวังได้เห็นศพของใครสักคนแน่ ไม่มันก็พี่นัท หรือไม่งั้นก็พวกผมเนี่ยแหละที่อาจโดนลูกหลงเข้า



ดูเหมือนว่าจะเข้าขั้นวิกฤตแล้ว เพราะเวลาบอกวันใหม่พ้นไปไม่ถึงนาที ไอ้คนที่รอสายจากปลายทางก็แทบจะเขวี้ยงโทรศัทพ์ทิ้ง ถ้าไม่ได้ไอ้เจ้ายื้อไว้ก่อน ทั้งมือถือและจอแอลอีดีมีหวังลาโลกไปพร้อมกันแน่ นี่มันโคตรของโคตรแย่แล้วสิ พี่นัทก็ไม่ยอมติดต่อกลับมาเลย ปล่อยให้เพื่อนผมคิดเองเออเองจนจะเป็นบ้าไปแล้วนั่น

         

“มันทิ้งกูแล้ว” เออ ท่าจะมีเปอร์เซ็นต์สูงอยู่ไม่น้อย เงียบหายไปแบบนั้น เป็นใครก็คงคิดแหละ ขนาดผมยังให้เวลาไม่เกินเที่ยงคืน นึกว่าพี่เขาจะโทรมาจบเรื่องนี้โดยการหามไอ้หัวแดงไปจัดการกันข้างนอก แต่ที่ไหนได้ แม่งเด็ดว่ะ ใจเด็ดเดี่ยวมากที่ทำให้ไอ้หัวแดงเป็นได้ถึงขนาดนี้ คงต้องยกตำแหน่งพ่อบ้านใจกล้าให้แก

         

“ยังไม่ถึงวันเลย มึงก็คิดมากอยู่นั่นแหละ ไอ้กาลมาเอามือถือจากมือมันสิ เดี๋ยวก็ต้องมาฟังมันบ่นหลังจบเรื่องอีกล่ะ” จริงของมัน เก็บไว้กับตัวน่าจะปลอดภัยกว่าปล่อยให้มันโยนเล่น

         

“มึงโทรหาพี่มิวได้ไหมว่าอยู่กับพี่นัทไหม พามาที่นี่ที กูไม่ไหวแล้ว” จะว่ามีมันก็มี แต่เขาไม่อยากติดต่อไปหามันน่ะสิ

         

ให้ทำไงได้ ปกติทักไปก็แค่อยากใช้งานหรือออกคำสั่งบ้าๆ แต่คราวนี้ต้องขอความช่วยเหลือ คนที่เป็นเจ้านายแบบผมก็เสียฟอร์มแย่สิ ไอ้พวกนั้นมันยังไม่รู้ความจริง ก็คงคิดว่าผมสนิทก็เบ๊อย่างไอ้นิเทศปีสาม ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่เลยสักนิด ไม่ใกล้เคียงเลย

         

“สรุปมีไหม” มันเห็นผมเงียบนานเลยกระโกนเรียกสติอีกครั้ง แถมดังทะลุห้องไปแล้วนั่น เดี๋ยวก็โดนเคาะด่ากันทั้งแถบหรอกไอ้ห่า

       

 “เออๆ จะลองดู” ถึงไม่อยากอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากมัน แต่ครั้งนี้คงไม่มีทางเลี่ยงแล้ว ถ้าอยากจบเรื่องนี้เร็วๆ ก็ต้องใช้วิธีนี้แล้วล่ะ เพื่อไอ้หัวแดงและสวัสดิภาพของพวกผม

         

กลับห้องมายังไม่ได้พักสักนาที ต้องมาฟังไอ้คนคิดมากร่ายยาวเรื่องไร้สาระ แถมไม่ปล่อยให้พวกผมไปนอนด้วย บอกให้อยู่เป็นเพื่อนอีก แม่งถ้าไม่กลัวมันคิดสั้นโดดตึกฆ่าตัวตาย คงปล่อยมันไว้แล้ว สภาพแม่งแย่จริงๆ เลยต้องยอมอยู่กันทั้งคู่ ก็ดูสิ ขนาดผมกับไอ้เจ้ายังเอาแทบไม่ไหว ถ้าผลัดเวรกันดู คงมีสักคนตายไปสักช่วงแหง

         

“ไม่รับว่ะ” โทรไปตามเบอร์ที่บันทึกเอาไว้ แต่ไม่มีการตอบรับจากปลายสาย

         

“ฉิบหายละ” กูเข้าใจความรู้สึกมึงเลยไอ้เจ้า

         

“ไม่ต้องหรอก มันไม่มา มันไม่สนใจกูแล้วจะเรียกมาทำไม” นี่มึงยังมีสติพอจะเข้าใจความเคลื่อนไหวตรงหน้าอยู่เหรอ นึกว่าหลุดไปในโลกมโนของตัวเองแล้วเสียอีก

         

“พูดมากเดี๋ยวกูก็ปล่อยให้อยู่คนเดียวหรอก” ขู่มันเล่นๆ ไม่คิดจะทำจริงหรอกครับ

         

“กูไม่ชอบแล้วก็ได้ ไอ้เสาไฟฟ้านั่น” ให้มันจริงเหอะ ปากเก่งแต่ใจกากแบบมึงนี่ไปไหนไม่รอดหรอก

         

“กูจะจีบคนอื่น” มันพูดจบก็หันมาทางผม อะไรมึง จะจีบกูหรือไง ไม่เอาหรอกนะ ถึงกูจะเปลี่ยนใจหันกลับมาชอบไม้ป่าเดียวกัน (ถ้ามีวันนั้นน่ะนะ) กูก็ไม่เอามึงหรอก เพื่อนกันให้เอากันลงได้ไงวะ เห็นไปถึงไส้ถึงพุงแล้ว

         

“มึงบอกไม่ได้เป็นอะไรกับพี่มิว งั้นกูจีบนะ” เอาไปเลย ถ้าคนนี้กูยกให้เลย ไม่ต้องมาขออนุญาตหรอก อยากได้ก็ไปหาเลย แต่กูว่า จากขนาดตัวของพวกมึงแล้วคงต้องหันตูดชนกันแล้วล่ะ ดูยังไงก็รับทั้งคู่

         

“ไอ้เจ้า...”

         

“เอาไปเลย” ไอ้ต้นยังพูดไม่ทันจบ ไอ้เจ้าก็แทรกขึ้นมาก่อน แถมสีหน้าและแววตานั่นอีก ขอล่ะอย่าให้เป็นอย่างที่กูคิดนะ อย่าเลย อย่าสร้างปัญหาให้กูอีกเลย ไอ้พวกมีความรักทำไมถึงวุ่นวายอย่างงี้

         

“มึงทะเลาะกันเหรอ” กลายเป็นคนหัวแดงสลับที่มาปลอบคนหน้าตี๋ที่ตีหน้าเศร้าจนเก็บไม่อยู่แล้วนั่น

         

พวกมึงคงไม่รู้สินะ ว่ากูโดนคนอ่านด่าแล้วว่าไม่ยอมให้เรื่องหลักเดินไปไหนสักที ก็เพราะมึงสองคนเลยสร้างปัญหาให้กูต้องกลับมาแก้ มาช่วย และมาคลี่คลายแบบนี้ หยุดเลย จะมาเศร้ามาโศกกันทีเดียวสองคนแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด

         

“หยุดทั้งคู่ ไอ้ห่า ถ้ามีความรักมันสร้างปัญหาให้พวกมึงมากก็อย่ามีเลย อยู่แบบโสดๆ อย่างกูสบายใจจะตาย” มึงดูพระเอกอย่างกู ไม่เห็นเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องรักเรื่องใคร่เลย เอาเป็นแบบอย่างเสียบ้าง เอาให้โดนคนอ่านด่าแบบกูนี่ ไร้วี่แววความคืบหน้า

         

“ใช่สิ มึงมันมีความรักจนเอือมแล้ว”

         

“ส่วนพวกกูที่ไม่เคยแม้กระทั่งสัมผัสคำว่ารักก็ต้องมาโดนคนอย่างมึงสั่งสอน”

         

เสียงแรกมาจากไอ้หัวแดงปากดี ส่วนเสียงต่อมาก็ไม่พ้นเจ้าพ่อนิยายตลาดแตก ที่เดี๋ยวนี้คงไม่มีเวลาลงตอนใหม่แล้ว เพราะมัวแต่วุ่นกับเรื่องรักในโลกความเป็นจริง ทิ้งตัวละครโลกเสมือนของมันจนขึ้นรา

         

พวงมึงจะมาโจมตีกูกลับทำไม คนเขาอุตส่าห์หวังดีไม่อยากให้เพื่อนปวดกบาลกับความรัก ยังมีหน้ามาด่ากูอีกนะ   

         

“แล้วจะให้กูทำไงล่ะ ให้ไปบอกพี่หมอไหมว่ามึงงอนเขาอยู่”

         

“ไม่” ก็นั่นไง

         

“หรือจะให้กูขับรถไปลากตัวพี่นัทมาตรงนี้ไหม เอางั้นดีกว่าหรือเปล่า”

         

“ไม่” ก็เป็นเสียอย่างงี้

         

“แล้วจะให้ทำไง” เงียบเลยนะไอ้พวกปากดี เจอพระเอกสั่งสอนเข้าให้ รู้เสียบ้างว่านี่เรื่องใคร พวกมึงจะมีบทเด่น บทดัง บทเรียกตังค์จากคนอ่านเกินหน้าเกินตากูไม่ได้หรอก

         

“งั้นไปหาพี่หมอให้กูที”

         

“ไปเอาตัวพี่นัทมาที่นี่ให้กูด้วย”

         

ก็เหี้ยละ นี่คิดจะกลับคำทั้งที่ยังไม่ทันพ้นนาทีไปเลยเนี่ยนะ พวกมึงมันบ้า ไอ้พวกดวงตามืดบอด พวกมึงโดนความรักเล่นงานจนไม่เห็นหัวเพื่อนแล้วใช่ไหม ไม่คิดว่าจะเป็นหนักกันขนาดนี้ ทีแรกก็แค่คนเดียว แต่อีกตัวตามมาสมทบอย่างไม่คาดหมาย ให้มันได้แบบนี้สิ เอาให้เรื่องของกูไม่ต้องเดินไปไหน ตามเก็บขี้เก็บเยี่ยวพวกมึงเนี่ยแหละ แต่...

         

“ไม่!” เป็นทีของผมบ้าง

         

“อยากทำอะไรก็เชิญกูง่วงแล้ว ไปละ” พูดจบก็เดินเข้าห้องตัวเองโดยไม่รอฟังคำทัดทานจากพวกแม่ง พอกันทีกูง่วง

         

แต่เรื่องมันไม่จบง่ายแบบนั้นน่ะสิ เพราะมีเสียงเรียกเข้าจากสายที่ผมพึ่งโทรไปเมื่อไม่นานมานี้ มึงจะโทรกลับทำไมกูไม่อยากยุ่งเรื่องนี้แล้ว











- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เรื่องนี้มีตอนพิเศษด้วยนะ

ความสำคัญของตอนพิเศษ คือ
การทำหน้าที่เป็นภาคเสริม
เรื่องของคู่รองทั้งหมดจะอยู่ในนั้น
ตลอดจนฉาก NC ของคู่หลักหลังจากนี้ด้วย
ฝากพี่มิว น้องกาล และผองเพื่อนไว้ในอ้อมอกด้วยจ้า


โดยสามารถสนับสนุนนักเขียนผ่านตอนพิเศษได้หลายช่องทาง ทั้ง
(1) ธัญวลัย www.tunwalai.com/story/251096/ร้ายนักใช่ไหม-จะแกล้งเสียให้เข็ด
(2) readAwrite www.readawrite.com/?action=manage_article&article_id=f5076e3d3c037deb594bcdc00f9f2abc&tab=mainManageChapter
(3) JamPlay www.jamplay.world/yaoi-yuri/book5b8b71f6e3ef490010086b56?isExpandIntroduction=true
(4) Dek-D https://writer.dek-d.com/inDefinition/writer/view.php?id=1854892

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามข้อมูลข่าวสารและข่าวพูดคุยกันได้ที่   facebook.com/inDefinitionStory

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตอนล่าสุดนี้  เหมือนดูตุ๊ดน้อยขี้มโน  ชะนีร้องหาผัว  555


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด