เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เดือนอิงดอย Chapter 35 : เดือนอิงดอย (END)[190619]  (อ่าน 307645 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

กร๊าก....น่ามสารจัง  นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ SunnyB

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คีรีเอ้ย จะทำอะไรพี่เต้เขาก็รู้ทันไปหมด
เราเนี่ยน้า เหมือนจะเชี่ยวแต่ลนไปหมด

น่าสงสารตอนเรือล่มตั้งแต่ยังไม่ออก .. :m20:

หวังว่าคุณตาคงไม่เป็นอุปสรรคความรักของเด็กดอยกับพี่หมอนะจ๊ะ

ออฟไลน์ suginosama

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
โอ้ยยย  คีรี ขำอ่ะ  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4



Chapter 32 : ก้างชิ้นใหญ่



แผนกทันตกรรม โรงพยาบาลลำพูน

ทันตแพทย์หนุ่มนั่งถอนหายใจเฮือกๆ ภายในห้องพักทันตแพทย์ตามลำพัง เขาเพิ่งเลิกงาน แต่สาเหตุที่ต้องมานั่งเหี่ยวอยู่คนเดียวแบบนี้ก็เพราะจะรอไปเชียงใหม่พร้อมกับรวินท์ เขาจะไปทำคลินิกแทนหมอภูมิ ส่วนไอ้วินก็จะไปหาเด็กมันนั่นล่ะ แต่วันนี้มันเป็นตัวแทนหมอภูมิไปประชุมย่อยของโรงพยาบาล เพิ่งโทรมาบอกเขาเมื่อกี้ว่ากำลังจะมาถึงในอีกสิบนาทีนี้

เตชิตหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูด้วยสีหน้าเซ็งๆ ช่วงนี้คีรีใกล้จะสอบมิดเทอม ดูจะยุ่งเอามากๆ เห็นว่าจะทำคะแนนท็อปภาคให้ได้ เพื่อที่จะได้เอาไปอวดคุณตา เมื่อคุณตาพอใจแล้วก็จะได้บอกเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา

ก็ปลื้มอยู่ละนะที่เด็กหนุ่มคิดจริงจังกับเขาขนาดนี้

แต่...

ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นคลึงขมับ อันที่จริงก็ยังไม่ค่อยอยากจะนึกถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ก็แบบว่าพวกเขาเพิ่งเริ่มคบหากันจริงจังได้อาทิตย์กว่าๆ เอง แล้วคุณไกรฤกษ์กับหมอภูมิก็ไว้ใจเขา ถึงกับออกปากฝากให้เขาดูแลคีรีให้ แต่เขาดันคาบหลานชายสุดที่รักไปแดกซะอย่างงั้น เวรกรรมแท้


ใช้ทุนโดนไล่ออกได้ไหมวะเนี่ย หรือเขาควรเตรียมเงินไว้เผื่อต้องลาออกเองวะ


โทรศัพท์มือถือในมือสั่นสะเทือนเพราะมีสายเรียกเข้า ส่งผลให้เจ้าของโทรศัพท์สะดุ้งโหยง “หือ พ่อ?” เขารีบกดรับสาย

“ฮะ!? กำลังขับรถมาลำพูนตอนนี้ เฮ้ย! เดี๋ยวๆ มาได้ไง มาจากไหนเนี่ย มีเรื่องอะไรครับ!”

เตชิตยืนคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเหมือนเห็นผี พอรวินท์มาถึง เปิดประตูห้องพักเข้ามาก็หยุดชะงัก เขายืนรออยู่เงียบๆ จนเพื่อนรักคุยโทรศัพท์เสร็จ

“มีอะไรวะ”

“พ่อมาว่ะ กูก็งง จู่ๆ ก็โทรมาบอกว่าเพิ่งมาถึงสนามบินเชียงใหม่ กำลังขับรถมาที่นี่ มีเรื่องสำคัญต้องคุยกัน แล้วนัดให้กูไปหาที่โรงแรม”

รวินท์ขมวดคิ้ว “มึงไปทำเรื่องอะไรไว้รึเปล่าวะ”

“ไม่เว้ย” เตชิตปฏิเสธเสียงสูงปรี๊ด ก่อนจะทำหน้าสลด “วิน กูมีเรื่องต้องขอร้องมึง...”

“เออ กูต้องไปทำคลินิกแทนมึงสินะ”

“รู้ดีฉิบหายเลยว่ะ แล้ว... ไปดูคีรีแทนกูด้วยนะ เขาบอกว่าหลังเลิกเรียนจะรีบกลับห้อง ไปติวหนังสือกับเพื่อน”

“เออๆ ได้ แต่กูคงค้างเชียงใหม่เลยนะ ขี้เกียจขับรถกลับดึกๆ ว่ะ”

“สัส จะนอนกกเด็กมึงก็บอก”

“หรือจะให้กกเด็กมึงแทนล่ะไอ้เวร” รวินท์ถอนหายใจหนักๆ “ว่าแต่พ่อมึงถึงกับมาหาที่นี่ ต้องคุยต่อหน้าไปอีก แบบนี้น่าจะเรื่องสำคัญน่าดู กูนึกถึงเมื่อตอนบ้านกูหอบบ้านพิงค์กับแม่มึงมาที่นี่เลยว่ะ”

“มึงอย่าพูดให้กูขนหัวลุกสิวะ!”

“พ่อมึงยังไม่รู้เรื่องคีรีใช่มั้ย”

เตชิตหน้าเสีย “ไม่น่าจะรู้นะ” ก่อนจะเม้มปากแน่น “ถึงรู้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา”

“แน่ใจ?”

“แม่กูน่ะไม่มีปัญหา แล้วแม่ก็ใหญ่สุดในบ้าน เพราะงั้นพ่อก็ไม่น่าจะมีปัญหาปะวะ”

“อือๆ ก็โอเค” รวินท์หันไปมองนาฬิกาบนผนังห้อง “กูคงต้องไปละ เดี๋ยวรถติด” แล้วเดินออกจากแผนกไปพร้อมกับเพื่อนรัก

เตชิตตบไหล่คนข้างกันเบาๆ “ขอบใจมึงมากนะเว้ย”

“มึงก็คุยกับพ่อมึงให้รู้เรื่องล่ะ มีอะไรก็ทำใจเย็นๆ ไว้ อย่าลืมโทรไปบอกเด็กมึงไว้ด้วย เดี๋ยวเขางอน มึงจะอดเป็นอมตะไปกับกู”

“ไอ้เพื่อนเหี้ย มึงไม่ต้องขยี้เรื่องนี้นักก็ได้โว้ย!” เตชิตโวยวาย เพราะตัวเขากับรวินท์ไม่มีเรื่องอะไรต้องปิดบังกัน หลังจากวันที่เริ่มคบกับคีรีอย่างจริงจัง เขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนรักฟังด้วย


แน่นอนว่าไอ้วินมันหัวเราะเขาจนล้มลงไปนอนขดตัวงอเป็นกิ้งกือ


“มึงคิดว่าตัวเองเป็นสาวสิบหกที่ยังเวอร์จิ้นอยู่เหรอวะสัส!” นั่นเป็นประโยคแรกที่ไอ้วินพูดกับเขา และประโยคต่อมาก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน


“เป็นไงล่ะ ชอบว่ากูแดกเด็กนัก ตัวมึงน่ะ ได้แฟนเด็กกว่ากูไปอีก แถมยังก๋ากั่นบอกรักกันบนเวทีต่อหน้าคนเป็นพันๆ เออ กูยอมแพ้มึงก็ได้” แล้วมันก็ทำท่าคำนับ “ขอให้คุณเตชิตอายุยืนเป็นหมื่นๆ ปี อ้อๆ กูยังพูดไม่ได้สินะ ต้องรอมึงพร้อมโดนปล้ำก่อน”



และเขาก็คงจะโดนมันแซะต่อไปอีกนานๆ ทันตแพทย์หนุ่มทอดถอนใจยาว



พอรวินท์แยกไปแล้ว เตชิตก็เข้าห้องพักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า รอเวลาที่นัดไว้กับบิดา เขานั่งลงบนโซฟาในห้อง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเตรียมจะโทรไปหาคีรี ทว่ามีโทรศัพท์เข้ามาแทรกเสียก่อน

คราวนี้คนที่โทรมาเป็นน้องชาย เขารีบกดรับสาย “ว่าไงเตย” ก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้แว่วมาในสาย



หลังจากทำคลินิกเสร็จ ภูพิงค์ซึ่งมานั่งรอรับรวินท์อยู่แล้วก็ขับรถพาอีกฝ่ายไปกินมื้อเย็น จากนั้นก็ไปหาคีรีตามที่เตชิตฝากฝังไว้

สองหนุ่มหิ้วถุงใส่ขนมติดมือมาด้วย รวินท์มีกุญแจห้องที่ได้รับมาจากเตชิต แต่เมื่อไปถึงเขาก็ลองกดกริ่งเรียกดูก่อน

ใช้เวลาหลังจากกริ่งดังไม่นาน เสียงฝีเท้าก็ดังมาแว่วๆ จากทางด้านใน ก่อนประตูห้องจะเปิดออกกว้าง

“พี่เต้! อ้าว...”

“ไม่ต้องทำหน้าตาผิดหวังขนาดนี้ก็ได้มั้ยวะ” ภูพิงค์บ่นขณะที่รวินท์เบ้ปาก

แหม พี่เต้อะไรวะ เป็นแฟนแล้วอัปเกรดคำเรียกอย่างไวเลยนะ กลัวชาวบ้านชาวช่องเขาไม่รู้ว่าจีบติดแล้วหรือไง หมั่นไส้เว้ย

“หวัดดีครับพี่พิงค์ หมอวิน” เด็กหนุ่มรุ่นน้องยกมือไหว้ “แล้ว... พี่เต้ไปไหนอะครับ”

“อ้าว ไอ้เต้ยังไม่ได้โทรบอกคุณเหรอ”

“เห บอกอะไรครับ” คีรีทำหน้างง “อ่า เชิญข้างในก่อนดีกว่า เพื่อนผมอยู่ด้วยหลายคน อาจจะรกสักหน่อยนะครับ” แล้วเจ้าของห้องก็เดินนำเข้าไปในห้องนั่งเล่น ซึ่งเพื่อนพ้องของเขานั่งๆ นอนๆ ระเกะระกะอยู่บนพื้น มีกองหนังสือและเอกสารเต็มไปหมด

“หมอวินกับพี่พิงค์มา เก็บของหน่อยเว้ย”

ทั้งสี่ชีวิตยกมือไหว้ด้วยสภาพเหมือนเด็กขาดสารอาหาร ขยับเขยื้อนช้าๆ ด้วยแรงลม

“ไม่เป็นไรๆ ตามสบายเถอะ” รวินท์แจกยิ้มการค้าตามธรรมเนียม “ผมเอาขนมมาฝาก อ่านหนังสือกันหนักๆ คงจะหิว”

“ขอบคุณครับ/ค่ะ ขนม ขนมมม~” ซอมบี้ทั้งสี่ยืดแขนออกไปรับถุงขนม

คีรียิ้มแห้ง “ผมว่าเราไปคุยกันในห้องกินข้าวกันดีกว่าครับ” แล้วเดินนำสองหนุ่มออกไป

พอทั้งสองคนนั่งลงที่โต๊ะอาหาร เจ้าของห้องก็รีบเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ ก่อนจะนั่งลงด้วยกัน “เอ่อ แล้วพี่เต้...”

“ไอ้เต้มันติดธุระด่วนน่ะ พ่อมันมา ผมเลยมาทำคลินิกที่นี่แทนมัน มันเลยขอให้ผมแวะมาดูคุณด้วย แต่เห็นว่าจะโทรบอกคุณก่อนนะ ทำไมไม่โทรก็ไม่รู้สิ”

“ก่อนหน้าผมก็โทรหาพี่เต้ตั้งหลายครั้ง แต่พี่เต้ไม่รับสายผมเลย” เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่

“จะว่าไป ผมยังไม่เคยเจอพ่อพี่เต้เลยนะ เคยเจอแต่แม่พี่เต้ แล้วทำไมจู่ๆ พ่อพี่เต้ก็ถ่อมาถึงลำพูนอะครับ” ภูพิงค์หันไปถามคนรักพร้อมกับวางแขนบนพนักเก้าอี้อีกฝ่าย

“ผมก็ไม่รู้แฮะ แต่คงมีเรื่องสำคัญ เดี๋ยวคุยกับพ่อมันเสร็จมันก็เล่าให้ฟังเองแหละ” รวินท์หันไปสบตาเด็กหนุ่มเจ้าของห้อง “ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ ไอ้เต้มันจะได้ไม่ต้องห่วงมาก”

“ครับ” คีรีทำหน้าหงอย แต่พอเห็นภูพิงค์นั่งเบียดกับหมอวิน ทั้งๆ ที่นั่งเก้าอี้คนละตัวก็ขอพาลสักหน่อย “พี่พิงค์ไม่ต้องอ่านหนังสือสอบเหรอ ทำไมว่าง”

“อ้าว ไม่เจอพี่เต้แล้วงอแงเหรอวะ ผมสอบหลังคุณอาทิตย์นึงเว้ย ยังมีเวลาอู้”

พอพาลไม่ได้ผล คนอ่อนวัยกว่าก็เฉาหนักกว่าเดิมไปอีก “พี่เต้มีเรื่องด่วนอะไรกันนะ”

“ดูตัวด่วนละมั้ง/จับแต่งงานแหงๆ” สองหนุ่มผู้มาเยือนพูดขึ้นพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย

“โห! ทำไมใจร้ายจังอะครับ! ผมเป็นนักศึกษาใกล้สอบนะ!”

“แหม ก็พวกผมไม่รู้ เลยเดาเล่นๆ ตกใจอะดิ๊~” รวินท์พูดกลั้วหัวเราะ “ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ คงเป็นเรื่องที่บ้าน พ่อมันอาจจะอยากเที่ยวลำพูนแบบเร่งด่วนก็ได้ อย่าเพิ่งคิดมากเลย เดี๋ยวมันเสร็จธุระก็คงโทรหาคุณเองนั่นล่ะ”

“ครับ” คีรีตอบรับเสียงอ่อย



หลังจากรวินท์และภูพิงค์กลับไป คีรีกับเพื่อนๆ ก็ยังนั่งงมอ่านหนังสือต่อ จนเกือบห้าทุ่มจึงแยกย้ายกันกลับไป

เด็กหนุ่มเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เอนตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ทว่าก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ จากทันตแพทย์หนุ่มเลย เขาลองกดโทรไปก็ไม่มีใครรับสาย

เกิดอะไรขึ้นวะ

รอไปอีกสักพักจึงตัดสินใจว่าจะนอน เขาวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่หัวเตียงแล้วปิดไฟ แต่สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

คีรีลุกขึ้นพรวด รีบตะปบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “พี่เต้!”

“ขอโทษที่เพิ่งโทรมานะ พอดีผมเพิ่งเสร็จธุระ”

“ครับ หมอวินบอกว่าคุณพ่อของพี่เต้มาหา”

“อือ พาแขกมาด้วยน่ะ พอดีที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อย”

คำถามผุดขึ้นมามากมายในศีรษะ แขก? ใครวะ ถึงขนาดคุณพ่อของพี่เต้เป็นคนพามาถึงลำพูนเลยเนี่ยนะ สำคัญขนาดไหน เป็นอะไรกับพี่เต้ แล้วมีปัญหาอะไรกับที่บ้านพี่เต้กันวะ

“วันพฤหัสนี้ผมก็คงไปเชียงใหม่ไม่ได้ คงต้องให้วินไปแทน อาจจะเสาร์อาทิตย์นี้ด้วย”

“งั้นผมไปหา...”

“ไม่ต้องๆ ผมไม่ว่างจริงๆ ขอโทษด้วยนะ”

“แต่ผมเป็นห่วง พี่เต้มีเรื่องอะไร”

“เรื่องของคนที่บ้านนั่นแหละ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคุณหรอก เพราะงั้นไม่ต้องเอามาคิดให้เปลืองพื้นที่สมอง เก็บไว้จำหนังสือที่อ่านไปสอบเถอะนะ”

แม้จะเป็นความหวังดีของทันตแพทย์หนุ่ม แต่คำว่าไม่เกี่ยวมันสะท้อนก้องอยู่ในศีรษะ

เด็กหนุ่มพูดน้ำเสียงงอนๆ “ทำไมไม่เกี่ยวกับผม ผมเป็นแฟนพี่นะ”

“คีรี อย่างอแงสิ ก็มันไม่เกี่ยวจริงๆ” เตชิตถอนหายใจเบาๆ “ดึกแล้ว ไปนอนได้แล้วไป แล้วผมจะโทรมาหาคุณทุกวันเลยนะ อดทนแค่ช่วงนี้เท่านั้นเอง โอเคมั้ย”

“....”

“ไอ้เด็กดื้อนี่ ผมรักคุณนะ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงเลยจริงๆ”

พอได้ยินคำบอกรัก เด็กหนุ่มก็ยิ้มออกมาได้เล็กน้อย “ครับ ผมก็รักพี่เต้นะครับ”

“พักผ่อนเยอะๆ แล้วตั้งใจอ่านหนังสือด้วยนะ”

“ครับ” คีรีถือโทรศัพท์ค้างไว้ในมือ แม้คนที่ปลายสายจะกดวางสายไปแล้ว แต่จะไม่ให้เขาเป็นกังวลได้ยังไง ในเมื่อพี่เต้ไม่ยอมบอกอะไรเขาเลยสักอย่าง

มีแขกมาพร้อมกับคุณพ่อด้วย ใครกันวะ



ในตอนเที่ยงของวันใหม่ ขณะนั่งกินอาหารอยู่ในร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่ง

คนที่งงและเป็นกังวลไม่แพ้คีรีเลยก็คือรวินท์ เขานั่งทำหน้าถมึงทึง ดวงตาจ้องหน้าเพื่อนรักเขม็ง “ฮะ!? ลากิจตั้งแต่บ่ายวันนี้ถึงวันศุกร์ยังไม่พอ เสาร์อาทิตย์ก็จะไม่ทำคลินิกอีก อะไรของมึงเนี่ย!”

“เดี๋ยวกูทำคลินิกคืนให้มึงทีหลังนะ กูขอโทษจริงๆ มีเรื่องด่วนว่ะ”

“เรื่องอะไรวะ กูทำงานแทนมึงเป็นกุลีขนาดนี้ กูมีสิทธิ์ที่จะรู้นะไอ้สัส”

“เรื่องที่บ้านนี่แหละ อย่าเพิ่งถามรายละเอียดเลยมึง กูบอกได้แค่ว่ากูปวดหัวมาก” เตชิตยกมือขึ้นกุมศีรษะให้เพื่อนรับรู้ว่าเขาปวดมากจริงๆ อย่างที่พูด “เหนื่อยใจฉิบหาย แต่ขอเอาไว้เคลียร์เรื่องเสร็จค่อยเล่าให้ฟังนะ”

รวินท์ขมวดคิ้ว ปกติเวลาไอ้เต้มีเรื่องอะไรกับที่บ้าน มันไม่เคยปิดบังเขา แต่ทำไมครั้งนี้ดูแปลกๆ ดูมีลับลมคมในชอบกล “งั้นตอบคำถามกูมาก่อน ขอแค่ข้อเดียว เรื่องที่มึงปวดกบาลอยู่นี่ มีผู้หญิงมาเกี่ยวข้องด้วยมั้ยวะ”

เตชิตนิ่งไปชั่วครู่ แล้วพยักหน้าช้าๆ

รวินท์เบิกตากว้าง หรือว่าเรื่องที่เขากับพิงค์พูดเล่นกันจะเป็นเรื่องจริงกันวะ “เหี้ย~ จะทำอะไรก็นึกถึงเด็กมึงด้วยนะเว้ย”

“ปัญหาในครอบครัวกู ไม่เกี่ยวกับคีรีหรอก”

“สัส พูดงี้ระวังเด็กมึงน้อยใจ”

“เออ รู้แล้วน่ะ แต่มันไม่เกี่ยวกับเขาจริงๆ นี่หว่า กูก็บอกเขาแล้ว กูไม่อยากให้เขาคิดว่าพ่อกูถ่อมาที่นี่เพราะเรื่องกูกับเขา” เตชิตเกาศีรษะยิกๆ จนเส้นผมยุ่งเหยิง “รีบๆ แดกเถอะมึง เดี๋ยวกูต้องไปแล้ว”

รวินท์หรี่ตามองอย่างสงสัย แต่ก็จำใจต้องยอมปล่อยตัวอีกฝ่ายไป

 

ในตอนบ่ายแก่ๆ ของวันศุกร์ รวินท์ ภูพิงค์และเพื่อนๆ ชวนแก๊งของคีรีไปกินหมูกระทะด้วยกัน และชวนกันไปดูหนังรอบดึกต่อ

ทั้งสิบเอ็ดชีวิตนั่งล้อมโต๊ะตัวยาว ซึ่งบนโต๊ะมีเตาสี่เตาและอาหารสดที่ตักมาเรียงจนเต็มโต๊ะ ช่วงแรกๆ ก็ต่างคนต่างกินด้วยความหิว แต่เมื่อผ่านไปสักพักก็ลดความเร็วลงและหันมาพูดคุยกัน

“เออ อ่านหนังสือกันไปถึงไหนแล้วเนี่ย พวกผมรบกวนเวลาพวกคุณรึเปล่าวะ” ภูพิงค์ถามขึ้น

“ไม่เลยพี่พิงค์ พวกผมตั้งใจอ่านหนังสือมาทั้งอาทิตย์แล้ว วันนี้ขอปลดปล่อยบ้างครับ” ปิ๊กกับฟลุคตอบ

“ตอนปีหนึ่งยังไม่ฟิตขนาดนี้เลยนะคะ” สองสาวตอบพลางชำเลืองมองเพื่อนคนที่ยังคงนั่งอย่างเงียบเชียบ “แต่ครั้งนี้คีรีมันประกาศกร้าวไว้แล้วว่าจะเอาท็อปภาคมาให้ได้ เนอะ”

เจ้าของชื่อพยักหน้า “แน่นอน พี่เต้ต้องปลื้มผมมากแน่”

“เออ ดีๆ” รวินท์ยิ้มอย่างอ่อนโยน พลางเอื้อมมือไปตบไหล่เด็กหนุ่ม

แซนดี้พูดแทรก “อะ ไหนๆ จะผ่อนคลาย เม้าเรื่องไอ้พิงค์ตอนจีบพี่วินใหม่ๆ ให้น้องๆ ฟังดีกว่าเว้ย” พูดจบแก๊งรุ่นน้องก็เฮฮากันยกใหญ่

“เฮ้ย! ทำไมเป็นกู!” เจ้าของเรื่องโวยวาย

“งั้นเดี๋ยวพวกผมเม้าไอ้คีรีบ้าง เนี่ย ตอนนี้ยังมีชุดชาวเขาครบเซตอยู่เลยนะพี่”

คีรีหันขวับ “อ้าว ไอ้ปิ๊ก~”

บรรยากาศครึกครื้นขึ้น เสียงพูดคุยดังสลับเสียงหัวเราะ แต่ไม่นานพวกเขาก็ต้องย้ายจากร้านหมูกระทะไปที่เซ็นทรัลกัน เนื่องจากใกล้เวลาดูหนังแล้ว

รถทั้งสี่คันเคลื่อนออกจากร้านมุ่งหน้าไปยังห้างที่หมาย แต่เพราะเป็นเวลาหัวค่ำของวันศุกร์ การจราจรจึงค่อนข้างจะติดขัดอยู่สักหน่อย

ภูพิงค์ขับรถของรวินท์ ภายในรถมีแซนดี้นั่งอยู่ด้วยอีกคน ส่วนรถอีกสามคันก็ติดแหง็กอยู่ไม่ไกลกันนัก

จู่ๆ แซนดี้ก็เอื้อมมือไปสะกิด “เฮ้ยๆ พี่วิน ไอ้พิงค์ นั่นรถพี่เต้ไม่ใช่เหรอวะ”

ทั้งสองหนุ่มหันขวับ “หือ ไหน?”

รถฮอนด้า CR-V วิ่งชะลออยู่บนเลนซ้ายสุด จอดนิ่งติดไฟแดงเพียงชั่วครู่ก็วิ่งต่อ แล้วเลี้ยวเข้าทางเข้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งไป

“เฮ้ย! รถไอ้เต้จริงๆ ด้วย มันมาทำอะไรแถวนี้วะ มาโรงบาลถึงนี่ทำไมอะ”

“พี่เต้ไม่ได้บอกอะไรพี่เลยเหรอ” ภูพิงค์หันไปถาม

“ไม่บอก มันทำท่าลับๆ ล่อๆ ยังไงบอกไม่ถูก ไม่ได้การแล้วโว้ย” รวินท์ปลดเข็มขัดนิรภัยทันที “พวกคุณไปกันก่อนนะ ผมจะตามไปดูไอ้เต้” พูดจบก็หันมองซ้ายขวา แล้วก้าวออกจากรถไป

“เฮ้ย พี่วิน!” ภูพิงค์มองตามคนรัก ก่อนจะหันไปบอกแซนดี้ “อีแซนดี้ มาขับแทนกูก่อน”

“ฮะ!? บ่าฮ่า! มึงจะทำอะไร้!” แซนดี้ยังด่าไม่ทันจบภูพิงค์ก็ปลดเข็มขัด วิ่งออกจากรถตามคนรักไป ลำบากเขาต้องรีบเปลี่ยนไปนั่งตรงที่นั่งคนขับแทน จากนั้นก็เกาศีรษะอย่างงงๆ “อะไรกันวะเนี่ย!”

รวินท์วิ่งตามรถเพื่อนรักจนกระทั่งรถวิ่งเข้าไปในลานจอดรถ เขาจึงหยุดหลบอยู่ตรงพุ่มไม้ข้างทางก่อน เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงจะต้องเดินออกจากลานจอดรถมาที่โรงพยาบาลแน่ๆ

“พี่วิน!”

เจ้าของชื่อหันขวับ “เฮ้ย! แล้วใครขับรถเนี่ย!”

“อีแซนดี้ครับ พี่วิ่งตามมาดูอะไรอะ!”

“ก็จะมาดูว่าไอ้เต้มันมาทำไรที่โรงบาล เจ็บป่วยอะไรไม่บอกรึเปล่าน่ะสิ”

ภูพิงค์ย่อตัวลงนั่งหลังพุ่มไม้ข้างกัน “ถึงกับแอบมาเข้าโรงบาลที่นี่ เป็นหนักรึเปล่าวะเนี่ย”

“อย่าพูดงั้นสิวะ ช่วงนี้มันยิ่งดูแปลกๆ ผมใจไม่ดีเลย”


(มีต่อค่ะ)


ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


“หมอวินไม่สบายเหรอครับ” เสียงของใครอีกคนดังขึ้น เป็นผลให้สองหนุ่มหันขวับ

“เฮ้ย! คีรี! มาได้ไงเนี่ย! แล้วใครขับรถคุณวะ!”

“ให้ไอ้ปิ๊กขับอะครับ ผมเห็นหมอวินกับพี่พิงค์พุ่งออกจากรถแล้ววิ่งไปทางโรงบาลท่าทางตื่นๆ ผมเลยตามมาดู”

รวินท์ฉุดแขนเด็กหนุ่มให้เข้ามาหลบหลังพุ่มไม้อีกคน “ผมไม่ได้เป็นอะไรเว้ย หลบก่อน”

“ฮะ!?”



ขณะเดียวกัน เตชิตก็เดินออกมาจากลานจอดรถพร้อมๆ กับชายหญิงวัยกลางคนซึ่งหน้าตาท่าทางไม่ค่อยสู้ดีนัก แล้วพากันเดินเข้าไปในโรงพยาบาล

คีรีเบิกตากว้าง “พี่เต้” ก่อนจะหันไปถามรวินท์ “หมอวิน พี่เต้มาทำอะไรที่นี่อะครับ”

“ผมก็ไม่รู้เว้ย แต่ดูท่าทางมันไม่น่าป่วยนะ อาจจะมาหาใครละมั้ง”

“พี่เต้อาจจะแค่มาหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพเฉยๆ ก็ได้นะพี่” ภูพิงค์ออกความเห็น

“มาตรวจสุขภาพต้องพาคนอื่นมาด้วยรึไงวะ แล้วจู่ๆ มันจะมาตรวจทำไม”

“อาจจะมีโปรโมชั่นแบบตรวจสองแถมหนึ่ง ได้ตรวจฟรีเลยมาตรวจไงพี่ เคยเห็นส่งโบรชัวร์มาที่บ้านผมบ่อยๆ” ภูพิงค์จัดการหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูแพ็กเก็จตรวจสุขภาพของโรงพยาบาล “อะ มีตรวจสุขภาพเข่า ตา ช่องท้อง หัวใจ ตรวจสุขภาพผู้ชาย ผู้หญิง สำหรับวัยกลางคน ผู้สูงวัย... ตรวจสุขภาพแต่งงาน? แต่งงานก็มีตรวจด้วยว่ะพี่ แต่คงไม่ใช่พี่เต้หรอกเนอะ”

รวินท์หันขวับไปสบตาเด็กหนุ่มพลางนึกย้อนทบทวนคีย์เวิร์ดต่างๆ ที่ได้ยินมาจากเพื่อนรัก ปัญหาที่บ้าน พ่อ ผู้หญิง วันนี้มีคนรุ่นเดียวกับพ่อแม่โผล่มาอีกสอง เพราะงั้นถ้าวันนี้ไอ้เต้มาตรวจสุขภาพแต่งงานจริงๆ... ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ปะวะ

ทันตแพทย์หนุ่มหน้าเสีย “บ้าน่ะ! ไม่ใช่หรอก คนมาโรงบาลได้สารพัดเรื่อง!” ประโยคหลังนี่เขาบอกตัวเองด้วย

“ผมว่าเราตามเข้าไปดูกันเถอะครับ!”

“เฮ้ย! คีรี!” รวินท์ยังไม่ทันห้าม เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นพรวด เดินอาดๆ ตามเส้นทางที่เตชิตเพิ่งเดินเข้าโรงพยาบาลไป ทำให้เขากับภูพิงค์ต้องรีบวิ่งตาม

เมื่อก้าวเข้าไปในโรงพยาบาล ตามประสาคนหน้าตาดีที่เดินติดกันมาเป็นยวง ทำให้พวกเขากลายเป็นจุดรวมความสนใจของสาวๆ ในบริเวณนั้น พอหญิงสาวพนักงานต้อนรับยิ้มระรื่นเดินเข้ามาหา สามหนุ่มก็ชะงัก ยืนเบียดกันเป็นกลุ่มนกเพนกวิน

“เอ่อ พวกผมตามเพื่อนมาอะครับ เพื่อนมาธุระที่นี่” รวินท์แจกยิ้มการค้าไว้ก่อนเป็นใบเบิกทาง ถือคติว่าหน้าหล่อซะอย่างทำอะไรก็น่าเชื่อถือไปหมด “อ๊ะ เพื่อนผมอยู่ตรงนั้น ขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบก็คว้ามือเด็กหนุ่มสองคนกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปพร้อมกัน

“พี่วินๆ คนมองกันใหญ่เลยว่ะ”

“เพราะหมอวินจับมือ พวกเราเลยดูเป็นรักสามเส้ารึเปล่าครับ”

“เฮ้ยๆ พวกคุณก็เดินดีๆ สิวะ อย่าทำท่าลับๆ ล่อๆ” รวินท์หันไปดุ ก่อนจะเบรกเอี๊ยด ลากสองหนุ่มไปหลบหลังเสา

“ไหนว่าไม่ให้ทำท่าลับๆ ล่อๆ ไงวะพี่!”

“ชี่~ ไอ้เต้เดินมาทางนี้เว้ย”

เตชิตเดินมาหยุดทำหน้างงๆ หันมองหาป้ายบอกทาง แล้วเดินตรงไปยังศูนย์อาหารของโรงพยาบาล พอซื้อข้าวได้ก็เลือกไปนั่งโต๊ะที่ไกลผู้คนสักหน่อย จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไป

สามหนุ่มนั่งหลบมุมอยู่ที่ใกล้ๆ ศูนย์อาหาร แต่จู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นให้พวกเขาสะดุ้งโหยง มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

คีรีตบๆ ที่กางเกง “ของผมเอง” แล้วรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู “พี่เต้โทรมา!”

“รับสิวะ อย่ามีพิรุธล่ะ”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ พอกดรับสาย คนที่ต้นสายก็พูดขึ้นทันที

“เป็นไง หมูกระทะอร่อยมั้ย แล้วนี่ถึงโรงหนังรึยัง”

“อร่อยครับ กำลังไปเซ็นทรัลเลยครับเนี่ย แล้ว... แล้วพี่เต้อยู่ไหน”

“อยู่โรงบาล กินข้าวอยู่”

“อ้าว พี่เต้ไม่สบายเหรอ อยู่โรงบาลไหนครับ เดี๋ยวผมไปหา”

“ไม่ต้องๆ ไปดูหนังเถอะ ผมแค่มาทำธุระนิดหน่อยน่ะ ไม่ได้ป่วยอะไร ไม่ต้องห่วงนะ”

“แต่ผมคิดถึงพี่เต้อะครับ อยากเจอ...” คีรีพูดเสียงสลด

คนที่ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ “ขอโทษนะ” ก่อนจะพูดตัดบท “แค่นี้ก่อนละกัน ดูหนังให้สนุกล่ะ” แล้วกดวางสายไป

เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง ยังไม่ทันได้อ้อนอีกฝ่ายก็ตัดสายไปเรียบร้อย

“ไอ้เต้มันว่าไงน่ะคุณ”

“บอกแค่ว่ามาทำธุระที่โรงบาลนี่อะครับ ไม่ได้ป่วยอะไร”

รวินท์ขมวดคิ้วทำหน้านิ่ว “งั้นธุระของมันนี่ ถ้าเป็นตรวจสุขภาพ ปกติเขาน่าจะเริ่มตรวจกันแต่เช้า นี่มันอาจจะแวะเข้ามารับผล หรือเอาจริงๆ อาจจะมาเยี่ยมใครคลอดลูกก็ได้ ถ้างั้นเดี๋ยวก็คงกลับโรงแรมล่ะมั้ง”

“โรงแรมไหนวะพี่วิน” ภูพิงค์ถาม

“มันไม่ได้บอกว่ะ บอกแค่ไปค้างกับพ่อ”

สองหนุ่มหันไปมองคนอ่อนวัยกว่าที่นั่งหน้าเหี่ยวเป็นผักตากแดด พลางตบไหล่เบาๆ เพื่อปลอบใจ

“พี่พิงค์กับหมอวินไปดูหนังเถอะครับ เดี๋ยวผมจะรอดูพี่เต้อีกสักพัก”

“ไม่เชื่อใจมันรึไง”

“เชื่อครับ แต่... อยากอยู่ใกล้ๆ อีกสักนิด ผมจะไม่เข้าไปยุ่มย่ามอะไรหรอก ผมสัญญา”

รวินท์กับภูพิงค์มองหน้ากันแล้วถอนหายใจ พวกเขาก็เข้าใจเด็กหนุ่มละนะ ถ้าเป็นพวกเขาก็คงจะทำเหมือนกัน

“งั้นพวกผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณละกัน”

คีรียิ้มบาง “ขอบคุณครับ พี่พิงค์กับหมอวินใจดีมากเลยครับ”

“พอๆ หมอวินอะไร ฟังแล้วขัดหูชะมัด คุณเรียกคนอื่นว่าพี่หมดแล้ว เรียกผมซะแก่อยู่คนเดียวเลย” พูดจบก็นั่งลงบนโซฟากับภูพิงค์ แล้วถอนหายใจยาวเหยียด “ที่จริงผมเองก็สงสัยมันมากเหมือนกัน ตั้งแต่รู้จักกันมา มันไม่เคยมีความลับอะไรกับผมเลย เฮ้ย!”

สามหนุ่มสะดุ้งโหยงเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน เนื่องจากพวกเพื่อนๆ ไปรออยู่ที่ห้างแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับพวกเขาทั้งสามคนดี คุยกันไปคุยกันมาก็ตกลงกันว่าให้ทุกคนไปดูหนังกันต่อ ส่วนแซนดี้จะเทตั๋วหนังและขับรถของรวินท์มาส่งให้ แล้วเพื่อนของคีรีจะขับรถของเขาไปไว้ที่คอนโดมิเนียมให้หลังดูหนังกันเสร็จ

ใช้เวลาไม่นานแซนดี้ก็ขับรถมาถึง จากนั้นทั้งสี่คนก็ไปปักหลักนั่งตบยุงกันอยู่ในลานจอดรถ เพื่อคอยเฝ้ารถเตชิตไว้

“ขอโทษนะครับพี่แซนดี้ พี่เลยอดดูหนังเลย” คีรีพูดเสียงอ่อย

“ไม่เป็นไรๆ เรื่องแค่นี้เอง หนังเอาไว้ไปดูเมื่อไหร่ก็ได้”

คีรียกมือไหว้ แล้วหันไปไหว้สองหนุ่มที่เบาะหลังด้วย “ขอบคุณพี่ๆ มากนะครับ”

“ไอ้เต้มันก็เพื่อนผมเหมือนกัน ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอกน่ะ”

“เฮ้ยๆ พี่เต้มาแล้ว หลบเร็ว!” พอภูพิงค์พูดขึ้น ทุกคนก็หมอบลง

รถของรวินท์จอดอยู่ไม่ไกลจากรถของเตชิตนัก และเพราะในลานจอดรถเปิดไฟไว้สว่าง พวกเขาจึงต้องระวัง ค่อยๆ ผงกศีรษะขึ้นมอง

เตชิตเดินมากับบิดาและคู่ชายหญิงวัยกลางคน พอทุกคนเข้าไปนั่งในรถแล้ว เขาก็ขับรถออกไปช้าๆ

แซนดี้ทิ้งระยะห่างเล็กน้อย แล้วจึงค่อยๆ ขับตามออกไป

“คราวนี้มีพ่อไอ้เต้มาอีกคน หรือไอ้เต้มันจะพาพ่อมันมาตรวจสุขภาพวะ” รวินท์เปรย

“แค่ตรวจสุขภาพทำไมต้องถ่อมาตรวจถึงเชียงใหม่วะพี่”

“ถูกของไอ้พิงค์นะพี่วิน ผมว่าน่าจะมาทำอะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับทั้งพี่เต้พ่อพี่เต้ แล้วก็อีกสองคนนั่นอะ”

รวินท์ย่นคิ้วเข้าหากัน “ตรวจสุขภาพหมู่เหรอวะ”

“โปรโมชั่นสามแถมหนึ่งเหรอพี่” ภูพิงค์หันไปถาม “เฮ้ย! ไม่ใช่สิ ใครเขาจะถ่อมาตรวจสุขภาพถึงนี่วะ!”

เพียงแค่ครู่เดียว รถของเตชิตก็เคลื่อนเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่ง แซนดี้เลิกคิ้วขึ้น หันขวับไปทางคนที่นั่งข้างกัน “โรงแรมนี่...”

“ทำไมเหรอ” รวินท์ยื่นหน้าเข้าไปถาม

“ที่นี่เป็นโรงแรมที่คุณตาผมทำงานอยู่น่ะครับ พี่แซนดี้ขับรถไปจอดตรงนั้นก่อนละกัน” เด็กหนุ่มนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกไป พูดคุยสักพักก็หันไปบอกอีกสามหนุ่ม “เดี๋ยวผมมา รอแป๊บนะครับ”

ทั้งสามมองตามคีรีกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปคุยกับพนักงานโรงแรม จากนั้นผลุบหายเข้าไปในโรงแรม แต่ใช้เวลาไม่นานก็วิ่งกลับออกมา

“คือ... ผมขอให้คนรู้จักช่วยเช็กดูให้ พี่เต้จองห้องพักไว้สองห้อง ของคืนนี้กับคืนวันพรุ่งนี้ แล้ววันพรุ่งนี้... มีจองโต๊ะที่ร้านอาหารเรือนไทยของโรงแรมตอนบ่ายโมงด้วย แต่จองไว้สำหรับห้าที่น่ะครับ”

“พี่เต้ พ่อพี่เต้ กับผู้ใหญ่อีกสองคน แล้วใครอีกคนวะเนี่ย” ภูพิงค์พึมพำ

แซนดี้นิ่งขรึม ใช้นิ้วมือเคาะพวงมาลัยรถอยู่พักใหญ่ ก่อนจะพูดเสียงเครียด “ผมว่าอารมณ์มันเหมือนนัดดูตัวจังว่ะ”

“เฮ้ย!” สามหนุ่มหันขวับ เพราะแซนดี้เปิดประเด็นมาได้แทงใจพวกเขาอย่างแรง

“ก็ดูดิ มีพี่เต้ พ่อพี่เต้ แล้วผู้ชายผู้หญิงที่มาด้วยก็น่าจะเป็นสามีภรรยากันป้ะล่ะ อีกคนที่มากินข้าวด้วยก็อาจจะเป็นลูก ถ้าเป็นผู้หญิงวัยใกล้เคียงพี่เต้ด้วยนะ โป๊ะเชะเลย พี่เต้จะโดนจับคลุมถุงชนแหงๆ”

ภูพิงค์โวยวาย “แล้วถ้างั้นผู้หญิงคนนั้นหายไปไหนวะ ทำไมไม่มาโรงแรมด้วยกันอะ”

“ก็อยู่ที่โรงบาลเมื่อกี้ไงมึง จั๊ดง่าว!”

คีรีหน้าเสีย อ้าปากพะงาบๆ อยากจะหาอะไรมาแก้ต่าง แต่ก็นึกไม่ออก เพราะเขาเองก็รู้สึกว่ามันเข้าข่ายอยู่เหมือนกัน “ถ้างั้นก็เข้าใจได้ ว่าทำไมพี่เต้ไม่ยอมบอกรายละเอียดอะไรผม”

รวินท์พลอยเครียดหนักตามไปอีกคน “ไอ้เพื่อนเวร คิดอะไรของมึงอยู่วะ มีเรื่องอะไรทำไมไม่ปรึกษากัน”

“เดี๋ยวดิๆ อย่าเพิ่งคล้อยตามอีแซนดี้กันสิครับ” ภูพิงค์รีบห้าม

“แล้วมึงคิดเป็นอย่างอื่นได้เหรอวะไอ้พิงค์”

พอโดนแซนดี้ย้อนถาม เจ้าของชื่อก็ปิดปากสนิท ก็แบบ... เขาก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าพ่อพี่เต้จะเดินทางมาลำพูนอย่างเร่งด่วนแถมยังลากิจอีกหลายวันทำไม ไอ้พี่เต้ก็พลอยลาหลายวันไปด้วยอีก มันต้องเป็นเรื่องสำคัญมากเลยทีเดียว เขาหันไปทางคนรัก “เอาไงดีพี่วิน”

ทันตแพทย์หนุ่มกลืนน้ำลายฝืดลงคอ “อาจจะเรื่องอื่นก็ได้ ถ้าดูตัวจริง แล้วคนที่มาดูตัวทำไมไปอยู่โรงบาลล่ะวะ”

“ตื่นเต้นจนต้องนอนโรงบาลเปล่าพี่ อาจจะโดนบังคับแต่งเหมือนกันเลยเครียดจัด หรือไม่ก็เป็นหมอที่นั่น โหย ถ้าเป็นหมอนี่ยิ่งดูเหมาะสมกับพี่เต้เลยนะ ใช่ชัวร์ๆ” แซนดี้ใส่ไฟไปอีกชุดใหญ่

“ไม่หรอกน่ะ คงไม่ใช่หรอก” ความมั่นใจในน้ำเสียงของรวินท์ลดลงถึงขีดต่ำสุด เขาหันไปสบตาคีรี “ผมรู้จักเพื่อนผมดี ผมสนิทกับมันมาเป็นสิบปี รู้ว่ามันรักใครก็รักจริง มันไม่ทำให้คนที่มันรักต้องเสียใจหรอก”

“ครับ”

“เชื่อใจมันนะ”

เด็กหนุ่มเม้มปากแน่น แล้วพยักหน้า “ครับ ผมเชื่อ และถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ผมจะไม่ปล่อยให้พี่เต้ต้องจัดการปัญหาคนเดียวแน่”

“ดีมาก ให้มันได้อย่างนี้สิเว้ย ถ้างั้นพรุ่งนี้เที่ยงเรามาพิสูจน์กันให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลย เดี๋ยวผมจะขอให้พี่สิงหาทำคลินิกช่วงบ่ายแทน”

“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวผมจะบอกพนักงานไว้ก่อน” คีรียิ้มบาง “ขอบคุณทุกคนมากนะครับ”



*TBC*



เวลาน้องพิงค์กับพี่วินมาเจอน้องคีรีนี่มันป่วนจริงๆ เลย 5555 ไร้สาระมากถึงมากที่สุด

ว่าแต่บ้านของหมอเต้มีอะไรกันน้า~ น่าจะพอเดากันออกนะคะ ฮี่ๆ

ขอโทษที่เอามาลงช้าค่า เมื่อวันก่อนอัปเดตคอมฯ พอมะวานจะเปิดคอมฯ ดันเปิดไม่ขึ้น แบคอัปก็ไม่มี หัวใจจะวาย ฮรือออ กว่าจะแก้จนเปิดขึ้นมาได้ก็ล่อไปหลายชั่วโมงเลยค่ะ บ่ายยันค่ำเลยล่ะ ฮรือออ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า




ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เดาว่าน้องชายพี่เต้ทำ ผญ ท้อง รึป่าว?

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
โอ้ยย ยังไงเนี่ย
ทำไมพี่เต้ไม่ลงรายละเอียดหน่อย
แล้วเตยโทรมาร้องไห้ นี่เพราะเรื่องนี้มั้ยเนี่ย

สงสารคีรี อดเจอแฟนเลย  :hao5:

ออฟไลน์ toomild

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
กว่าจะเข้าใจกันก็นานมากเลยนะคะ พอแล้วกับมาม่า5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Destiny

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คืออาการมโนของพิงค์กับแซนดี้ เหมือนยิ่งช่วยให้เข้าใจผิดไปกันใหญ่ 55  :laugh:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
คิดไปต่างๆ นาๆ เลยแก๊งนี้ แซนดี้ก็พูดซะเหมือนทุกคนกำลังคิด สู้ๆ นะ คีรี

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ร่วมมือร่วมใจกันดีจัง

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :katai1: เอาอีกแล้ววววววววววว

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
อย่าให้สองแกงค์นี้มาเจอกัน (บริหารกับวิศวะ) มันจะบันเทิงเกินไปแล้ว 5555

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
หมอเต้ลับลมคมในมากกกก

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เรื่องอะไรเนี่ยหมอเต้ คนอื่นพากันเป็นห่วงไปหมดแล้ว

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น้องสาวพี่เต้ไม่ได้ร่วมโต๊ะด้วยเหรอ
หรือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของพ่อ?  :ling2:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เรื่องนนี้น้องหมอเต้ต้องมีเอี่ยวแน่ๆ :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เหมือนดูกนังสืบสวนเลยค่ะตอนนี้วิ่งวุ่นหาหลักฐานกันสนุกเลยรออ่าตอนต่อไปนะค่ะ :katai1:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
เกิดอะไรขึ้น  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
มันเรื่องอะไรกันแน่ หรือว่าน้องหมอเต้ทำใครท้องแล้วพามาตรวจที่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้มีข่าวกันล่ะ

ออฟไลน์ FrozenSnow2019

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
คือแบบแก็งค์นี้รวมตัวกันเมื่อไหร่ มีแต่เรื่องดีๆทั้งนั้น 5555 เล่นมโนเก่งมากแต่ละคน

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มาถูกที่ด้วยเนาะ 5555

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

สาวเจ้าอาจจะป่วยใกล้ตาย  แต่พ่อแม่ซึ่งก็เป็นเพื่อนสนิทพ่อหมอเต้คงอยากให้ลูกสาวได้แต่งงานก่อนตาย 

เลยขอร้องให้พ่อหมอเต้จัดการงานนี้  หรือเปล่าหว่า

ป.ล. มโนสุด ๆ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
แผนนัดดูตัว แต่ดูตัวคีรีปะป่าววววว :hao6:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
อะไรยังไงล่ะครับเนี่ย น้องคีรีจะต้องเสียใจไหมครับ พี่เต้อย่าทำให้น้องเสียใจนะครับ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
แก็งป่วนชัดๆ555555555

น่าจะน้องชายพี่เด้ไปทำใครท้องป่าว?

ออฟไลน์ suginosama

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
สงสัยหมอเต้ก็สงสัย
แต่ก็อดขำแก๊งลักลอบแอบดูไม่ได้ค่ะ 55

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด