บทที่ 16
ดวงใจร้าว
“คุณอี้เฟยคือลูกชายฉันจริงๆ เหรอเนี่ย...ลูกแม่ ฮึก” ป้ากิ่งที่ตอนนี้มีสถานะเป็นแม่ของผมแล้ว เธอนั่งลงข้างผมก่อนจะเอื้อมมือที่สั่นเทามาสัมผัสที่แก้มเบาๆ นี่หรือคือสัมผัสจากแม่ที่ผมไม่เคยได้รับมาตั้งแต่จำความได้ มันช่างรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมากเหลือเกิน
“แม่ครับ ฮือๆ ๆ” ผมโผเข้ากอดแม่ที่แท้จริงของผม ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่มีกั๊ก ตอนนี้ความรู้สึกมันตีรวนกันไปหมด ทั้งดีใจที่ได้รู้ว่าตัวเองมีพ่อแม่เหมือนคนอื่น แต่ความเสียใจที่มีอะไรกับพี่ชายตัวเองมันก็ยังคงวนเวียน ราวกับเป็นตราบาปอยู่ภายในใจ
“วินลูกแม่ ฮือๆ ๆ”
เรากอดกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะตั้งสติได้ ปาดน้ำแล้วลุกขึ้นยืนเดินไปหยุดตรงหน้าแม่บุญธรรม มองเธอด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว ผมอยากจะฆ่าเธอให้ตายลงตรงหน้าด้วยมือของผมเอง เพื่อชดเชยกับสิ่งที่เธอทำกับผมและแม่ แต่ผมไม่อยากจะมีมลทินเพราะคนอย่างนี้หรอก
“ออกไปจากบ้านหลังนี้พร้อมลูกและสามีคุณเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมจะให้คนลากตัวพวกคุณออกไป”
“ฉันไม่ไป! ที่นี่บ้านฉันแกนั่นล่ะที่ต้องไป”
“ผมพูดดีๆ กับคุณแล้วนะ” ผมยืนกำมือไว้แน่น ผู้หญิงคนนี้ร้ายเกินกว่าที่ผมจะให้อภัยได้
“โถๆ ๆ เมื่อกี้ถึงขนาดกับเข่าทรุดเลยเหรอ ที่รู้ว่าโดนพี่ชายร่วมสายเลือดข่มขืนจนมีลูก สะใจฉันจริงๆ” เธอแสยะยิ้ม เหลือบตามองผมอย่างสะใจ
“โธ่โว้ย! หยุดเดี๋ยวนี้เลย ผมจะไม่ทนอะไรอีกแล้ว ผมเกลียดแม่ ผมเกลียดแม่!”
พี่ธีตะโกนแทรกเข้ามาเสียงดัง ดังจนผมถึงกับสะดุ้ง ไม่นึกว่าเขาจะสติแตกได้ถึงขนาดนี้ พี่ธีตัวสั่นเทา ใบหน้าแดงก่ำราวกับคนที่เพิ่งเจอเรื่องกระทบจิตใจขั้นสุด จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“ธีทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลูก”
“ผมยอมให้คนที่ผมรักต้องตราหน้าว่าเป็นฆาตกรเพื่อปกป้องแม่ ผมข่มขืนน้องชายร่วมสายเลือดเพื่อทำให้เขาเกลียดผมและหนีออกจากบ้านไป เพื่อไม่ให้แม่ทำผิดฆ่าคนตายและให้วินมันมีชีวิตรอดต่อไป ผมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องแม่ แต่แม่กลับไม่ยอมหยุด แม่ส่งคนไปฆ่ายายจันทร์ แม่ฆ่าเมษา แม่ฆ่าทุกคน แต่ดูสิ่งที่ผมได้รับสิครับ ฮึก มันมีแต่ความเจ็บปวด เจ็บปวดมากเหลือเกิน แต่แม่! แม่ได้แต่ความสะใจไม่รู้จักจบสิ้น ผมเกลียดแม่! ฮือๆ ๆ”
ผมได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับอึ้ง ไม่น่าเชื่อว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมจะเข้าใจผิดมาตลอด ว่าพี่ธีคือคนที่อยู่เบื้องหลัง คนที่ฆ่ายายจันทร์อยู่ตรงหน้าผมแล้วงั้นเหรอ
พี่ธีร้องไห้หนักมาก ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนี้มาก่อน ผมไม่เคยเห็นเขาอ่อนแออย่างนี้มาก่อน
เอ๋!
พี่ธีบอกว่ารักผมอย่างนั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ คนรักกันจะไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงซะตอนนี้สถานะของเรามันก็ไม่สามารถลงเอยกันได้แล้ว เพราะเราเป็นพี่น้องกัน
“ธีแม่ขอโทษ มันไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกเข้าใจนะ เอาไว้แม่จะอธิบายให้ฟังนะลูก”
“ไม่! ผมจะไม่ฟัง จะไม่ทนอะไรอีกแล้ว ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ผมไม่อยากเห็นหน้าแม่ ไม่อยากเห็นหน้าใครอีกแล้ว” พี่ธีพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนนั่งลงตรงหน้าตาหนู แล้วเอ่ยอะไรบางอย่าง “น้องนนท์อยู่ที่นี่กับแม่นะครับ คุณอาคือแม่ที่แท้จริงของลูก”
“ไม่เอาน้องนนท์ไม่อยู่ น้องนนท์จะไปอยู่กับคุณพ่อ ฮือๆ ๆ”
“น้องนนท์อยู่กับพ่อไม่ได้แล้วนะลูก พ่อต้องไป พ่อต้องไปจากที่นี่ พ่อไม่อยากให้น้องนนท์ไปลำบากกับพ่อ” ว่าแล้วพี่ธีก็กอดตาหนูเอาไว้แน่น สักพักก็คลายอ้อมกอดแล้วลุกขึ้นจะเดินออกไป แต่ตาหนูกอดขาพี่ธีเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“น้องนนท์ไม่ให้คุณพ่อไปไหน ฮือๆ ๆ”
อาหยางรู้งานรีบไปจับตัวตาหนูไว้ ส่วนพี่ธีก็มองมาที่ผมผ่านม่านน้ำตา แววตาของเขาเศร้าสร้อย บ่งบอกว่ารู้สึกสะเทือนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกเขามากขึ้น พี่ธีต้องการช่วยผมให้รอดพ้นจากการถูกแม่บุญธรรมฆ่า จึงใช้วิธีข่มขืนผมพยายามผลักดันให้ผมหนีออกจากบ้าน แต่ทว่าวิธีนั้นกลับเป็นวิธีที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับทั้งผมและเขา เพราะเราคือพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ความรู้สึกผิดจึงถาโถมเข้ามาหาเขา ต้องการปกป้องคนที่รักทั้งสองแต่ทว่าสิ่งที่เขาได้รับกลับมีแต่ความเจ็บปวด
“คุณพ่อ น้องนนท์จะไปหาคุณพ่อ” ตาหนูตะเกียกตะกายเพื่อพยายามให้หลุดจากวงแขนแกร่งของอาหยาง
“ธี! จะไปไหนลูก ฟังแม่ก่อน” ผู้หญิงใจร้ายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม จะเดินตามหลังพี่ธีไป แต่ผมไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่ ผมไม่มีทางปล่อยให้เธอลอยนวลแน่นอน เพราะผมได้ยินจากปากพี่ธีแล้วว่าเธอคือคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของทุกคน
“จะไปไหน”
“เอามือสกปรกของแกออกจากตัวฉัน”
“ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายพูดคำนั้น ตัวของคุณสกปรกยิ่งกว่าอะไรดี คุณฆ่ายายจันทร์ของผมทำไม บอกมาสิ!” ผมตะโกนใส่หน้า ตอนนี้พ่อเริ่มกลัวว่าผมจะทำร้ายเธอจึงรีบเดินเข้ามาอยู่ใกล้ๆ
“เพราะฉันอยากจะทำให้แกเจ็บปวดยังไงล่ะ ในเมื่อแกคือลูกของคนที่ฉันเกลียดเข้าไส้ ฉันก็จะทำให้แกมีจุดจบเหมือนแม่แก ตอนนี้ฉันสะใจมากเหลือเกิน ที่ทำลายพวกแกทุกคนได้” ว่าแล้วเธอก็หัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ จนถึงป่านนี้แล้วยังไม่มีความสำนึก ผมไม่มีทางปล่อยคนจิตใจอำมหิตอย่างนี้ให้ลอยนวลแน่นอน
ผมอยากจะตบหน้าเธอ แต่ครั้งหนึ่งผมก็เคยเรียกเธอว่าแม่ จึงพยายามยับยั้งชั่งใจเอาไว้
“อาหยางโทรเรียกตำรวจมาเดี๋ยวนี้ เรียกให้มาเอาตัวผู้หญิงคนนี้ไปเข้าคุกแทนคุณอร”
“นังนั่นมันสมควรอยู่ในคุก มันทรยศฉัน แกคิดเหรอว่าตำรวจจะเอาฉันเข้าคุกได้ ไหนล่ะหลักฐานในเมื่อไอ้เหมมันซัดทอดว่านังอรมันเป็นคนว่าจ้าง ใครจะมาเอาผิดฉันได้ล่ะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เพราะเมื่อสักครู่ลูกชายคุณเป็นคนบอกเองว่าคุณเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด ตำรวจคงไม่คิดว่าลูกจะใส่ร้ายแม่ตัวเองได้ลงคอหรอกนะ” ผมยิ้มมุมปาก ก่อนจะสั่งให้อาหยางเปิดคลิปที่อัดไว้เมื่อสักครู่
เธอได้ยินอย่างนั้นก็มองผมด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด กรีดร้องเสียงดัง
“กรี๊ดดด! ไอ้สารเลวแกกล้าตลบหลังฉันเหรอ” เธอพุ่งตัวเข้ามาจะทำร้ายผม แต่พ่อดึงตัวเอาไว้ก่อน
“หลักฐานที่มันออกจากปากลูกของคุณ น่าจะพอเอาคุณเข้าคุกได้แล้วนะ แค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับคนจิตใจโหดเหี้ยมอย่างคุณ ผมขอสาปแช่งให้คุณอย่าได้ออกมาเห็นโลกภายนอกอีกตลอดชีวิต ตายไปก็อย่าได้ผุดได้เกิดมาเป็นคนอีก ไปชดใช้เวรกรรมในคุกซะเถอะ”
“กรี๊ด! ฉันไม่ยอมจบแค่นี้แน่”
“คุณยังจะมีอะไรมาสู้ผมได้ ป่านนี้ลูกชายคุณคงจะสติแตก เดินข้ามถนนให้รถชนตายไปแล้วมั้ง รู้สึกยังไงที่เป็นคนทำร้ายลูกชายตัวเอง กรรมมันมีจริงและวันนี้มันได้สนองคุณแล้ว”
“ฉันไม่โง่อยู่ที่นี่ให้ตำรวจจับหรอก” ว่าแล้วเธอก็หันมาเอ่ยกับพ่อ “คุณเราไปกันเถอะ”
“....”
พ่อเอาแต่ก้มหน้า ไม่ยอมเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา นั่นทำให้เธอรู้แล้วว่าตอนนี้พ่อไม่ได้อยู่ข้างเธอแล้ว
“คุณเงียบอย่างนี้ แสดงว่าคุณไม่ได้อยู่ข้างฉันแล้วใช่ไหม”
“ผมว่ามันถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะได้รับผลกรรมที่ทำกับคนอื่น ผมเสียใจจริงๆ”
“ไอ้คนเนรคุณ พวกแกก็เหมือนกันหมดทุกคน หักหลังฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่แกมีชีวิตสุขสบายทุกวันนี้เพราะเงินของฉันทั้งนั้น ลืมไปแล้วหรือไง!”
เพี๊ย!
“ฉันไม่ยอมจบแค่นี้แน่” ว่าแล้วเธอก็หยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้าไปหาตาหนู แต่อาหยางกลับกันตัวไม่ให้เข้าใกล้
“อย่าเข้าใกล้ลูกผมเด็ดขาด”
“นี่หลานฉันให้ฉันกอดหลานก่อนไปไม่ได้หรือยังไงกัน”
“ไม่ได้! คนอย่างคุณสกปรกเกินไปที่จะแตะเนื้อต้องตัวลูกชายผม”
“คุณย่า ฮือๆ ๆ จะหาคุณย่า” ในบ้านหลังนี้ไม่เหลือคนที่คุ้นเคยให้ตาหนูได้พึ่งพาอีกแล้ว นอกจากเธอกับคุณพ่อ เอาวะ! อย่างน้อยก็ทำเพื่อลูกให้แกได้กอดกับย่าเป็นครั้งสุดท้าย
“อาหยางปล่อย”
เมื่ออาหยางปล่อยตัวตาหนูแล้ว ตาหนูก็โผเข้าไปกอดแม่บุญธรรมทันที ผมจะปล่อยเธอได้กอดร่ำลากับลูกชายผมเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ก่อนที่ตำรวจจะมา
“ย่าขอโทษนะลูกที่ต้องทำอย่างนี้” เธอเอ่ยอย่างนั้นแล้วก็ล็อกคอตาหนูไว้ ก่อนจะหยิบปืนในกระเป๋าสะพายออกมา
“ตาหนูลูกแม่!”
“คุณย่าปล่อยน้องนนท์ ฮือๆ ๆ”
“พวกแกบังคับให้ฉันต้องทำอย่างนี้เองนะ”
“ปล่อยลูกกูเดี๋ยวนี้นะ” ผมอดรนทนไม่ไหว จึงสบถคำหยาบออกมา
“ปล่อยให้โง่สิวะ วันนี้ฉันจะพาเด็กคนนี้ไปด้วย เพื่อทรมานมันเหมือนที่กูทำกับมึงยังไงล่ะไอ้วิน”
“คุณปล่อยหลานเดี๋ยวนี้ นั่นหลานเรานะ”
“ใช่! มันเป็นหลานแต่มันมีเลือดชั่วๆ ของคนที่กูเกลียดด้วยไงล่ะ นังกิ่งวันนี้แกไม่โชคดีเหมือนเมื่อยี่สิบปีที่แล้วแน่นอน” ว่าแล้วเธอก็เล็งปลายกระบอกปืนมาที่แม่ผมทันที
“อย่านะคุณ!” พ่อรีบวิ่งเข้าไปกางแขนยืนบังแม่เอาไว้
“รักกันมากสินะ”
“คุณวรรณีฉันร้องขอล่ะ ปล่อยหลานไปเถอะ แกไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย”
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี ถ้ารักกันมากขนาดนั้น ฉันจะส่งพวกแกให้ไปลงนรกพร้อมกันเดี๋ยวนี้ล่ะ”
“ไม่นะ! อย่า!” ผมตะโกนร้องดังลั่น เมื่อเธอลั่นไกปืน น้ำตาผมไหลพรากลงอีกครั้งเพราะกลัวว่าจะเสียคนที่รักไปจากชีวิตอีกครั้ง
ปัง!
“กรี๊ดดด! คุณพงษ์ศักดิ์”
“พ่อออ!!”
พ่อโดนยิงเข้าที่กลางอก จนล้มลงกับพื้นแม่รีบเข้ามาพยุงตัวไว้ นั่งลงวางศีรษะพ่อไว้บนตัก วินาทีนี้พวกเราไม่ได้สนใจว่านางฆาตกรคนนั้น จะลั่นไกปืนมาอีกครั้งหรือไม่ สนใจแต่ชีวิตของพ่อที่กำลังอยู่ในวินาทีอันตราย
“อาหยางเรียกรถพยาบาลที” ผมตะโกนสั่งอาหยางแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อ
“พ่อขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริงลูกมาตั้งแต่แรก พอมันขี้ขลาด แค่กๆ” พ่อเอ่ยกับผม
“พ่อครับ ฮือๆ ๆ ผมไม่ได้โกรธพ่อเลยนะครับ ผมรักพ่อ ไม่ว่าจะยังไงผมก็รักพ่อเหมือนเดิม” ผมจับมือพ่อไว้เอาไว้แน่น
“ฉันดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง และก็ดีใจที่ได้ช่วยชีวิตเธอไว้ แค่นี้ฉันก็ตายตาหลับแล้วล่ะกิ่ง” พ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ราวกับกำลังจะหมดลมหายใจในอีกไม่ช้า
“ไม่นะคะ คุณต้องไม่เป็นอะไร ตอนนี้เราได้อยู่พร้อมหน้ากันแล้ว คุณต้องอยู่กับฉันและลูกนะคะ”
“ฉันรักเธอนะกิ่ง ฉันเฝ้าตามหาเธอกับลูก มีคนบอกว่าเธอตายแล้วแต่ลูกของเรายังอยู่ ฉันตามสืบจนรู้ว่าลูกของเราอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าจึงรับแกมาอยู่ด้วย เฮือก แต่ฉะ...ฉันจำเป็นต้องปิดบังความจริงเรื่องลูกเพราะไม่อยากให้แกโดนวรรณทำร้าย แต่ฉันก็ทำไม่สำเร็จ”
“คุณทำดีที่สุดแล้วค่ะ ฉันรักคุณ” แม่กอดพ่อเอาไว้แน่น ร้องไห้จนแทบจะเป็นสายเลือด
“ผมเข้าใจพ่อแล้ว ฮือๆ ๆ พ่อสัญญาว่าจะอยู่กับเรานะครับ”
“พะ...พ่อไม่ไหวแล้ว วินต้องดูและแม่ดีๆ นะลูก เฮือกก” พูดจบพ่อก็หายใจถี่รัวก่อนจะหมดลมหายใจไป
“พ่อออ!!”
“คุณคะ ฮือๆ ๆ”
เมื่อพ่อสิ้นลมหายใจแล้ว ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองหาคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อต้องตาย ปรากฏว่าเธอไม่อยู่ในบ้านแล้ว ผมจึงรีบวิ่งออกไปดูที่หน้าบ้าน ก็พบว่าตอนนี้ตำรวจล้อมตัวเธอไว้แล้ว แต่ตาหนูยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนเธอ
"วางปืนลงเดี๋ยวนี้ คุณไม่มีทางหนีไปไหนได้หรอก”
“ไม่! กูไม่มีทางยอมติดคุกหรอก หลีกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเด็กคนนี้ตายคามือกูแน่”
“ปล่อยลูกกูเดี๋ยวนี้นะ มึงฆ่าพ่อฆ่ายายกู กูไม่มีทางปล่อยมึงไว้แน่”
“ฮือๆ ๆ คุณอาช่วยน้องนนท์ด้วย”
“น้องนนท์ไม่ต้องห่วงแม่จะช่วยลูกให้ได้ หนูไม่ต้องกลัวนะลูก”
“หลีกไปสิวะ” เธอยังคงตะโกนสั่งตำรวจ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะยอมทำตามที่เธอสั่ง
ผมทนเห็นลูกชายอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นไม่ได้ จึงเสนอตัวเข้าไปเป็นตัวประกันแทน
“เอากูไปเป็นตัวประกันแทนเถอะนะ”
“ไม่! กูไม่มีทางหลงกลมึงหรอก”
ในระหว่างนั้นอาหยางก็เริ่มหาวิธีจัดการกับเธอ โดยการย่องเข้าไปด้านหลังอย่างระแวดระวัง เห็นอย่างนั้นผมจึงพยายามเบนความสนใจโดยการหาเรื่องคุยกับเธอ
“ยังไงซะมึงก็ไม่มีทางรอดไปจากที่นี่ได้หรอก มอบตัวซะเถอะเพื่อพี่ธีไง ปล่อยน้องนนท์เถอะนะ น้องนนท์เห็นหลานมึงนะ”
“อย่าเข้ามาใกล้ไม่งั้นกูยิงไอ้เด็กนี้ไส้แตกแน่ อ๊ะ!” ในช่วงจังหวะนั้นอาหยางก็ล็อกตัวเธอไว้ แล้วพยายามแย่งปืนในมือ
“น้องนนท์วิ่งมาหาแม่เร็วๆ ครับ” ผมตะโกนบอกทันทีที่มีโอกาส ตาหนูรีบวิ่งมาหาผมทันที
ผมกอดลูกชายเอาไว้แน่นปลอบดวงใจน้อยๆ ของผมให้หายจากอาการตื่นกลัว ก่อนจะรีบอุ้มพาเข้าไปในบ้านเพื่อความปลอดภัย เรื่องตรงนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจัดการ
ปัง!
เดินเข้ามาในบ้านได้สักพักผมก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น แต่ผมไม่ได้สนใจเดินกลับไปดูว่าใครโดนยิง เพราะตอนนี้ผมจะต้องพาลูกไปอยู่ในที่ปลอดภัยเสียก่อน
เมื่ออุ้มลูกชายเข้ามาในบ้านแล้ว ก็พบว่าแม่ยังกอดร่างไร้วิญญาณของพ่ออยู่เหมือนเดิม เห็นภาพนั้นก็ทำให้ผมแทบจะเป็นบ้า ได้รู้ความจริงว่าตัวเองมีพ่อกับแม่ทั้งที กลับต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ ผมตัดสินใจพาตาหนูขึ้นไปบนห้องก่อน เพราะไม่อยากให้เห็นภาพนั้น กลัวว่ามันจะเป็นภาพจำติดตาไปตลอดชีวิต
ขึ้นมาบนห้องแล้วผมก็กอดปลอบตาหนูอยู่ครู่หนึ่งจนสภาพจิตใจเริ่มดีขึ้น จึงพยายามพูดคุยกับลูกชายเพื่อให้แกเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านไปเสียก่อน
“ฮึก คุณพ่อไปไหนแล้วครับคุณอา น้องนนท์อยากไปหาคุณพ่อ” ตาหนูสะอื้นไห้อยู่บนเตียง ผมได้แต่นั่งกอดปลอบใจอยู่อย่างนั้น ผมเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ธีอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าเขาจะคิดสั้นทำอะไรบ้าๆ ไปหรือเปล่า
“อีกไม่นานคุณพ่อก็จะกลับมานะครับ น้องนนท์สัญญากับแม่ได้ไหมว่าจะไม่งอแง เราจะรอคุณพ่อที่นี่ด้วยกันนะครับ”
“น้องนนท์จะไม่งอแง” ว่าแล้วตาหนูก็ยกมือน้อยๆ ขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มทั้งสองข้าง
“ดีมากครับ”
“แล้วคุณแม่ล่ะครับ คุณแม่ไปไหน”
“คุณแม่ของน้องนนท์อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไงครับ แม่อรเป็นคนที่เลี้ยงดูน้องนนท์มา แต่แม่วินคนนี้คือคนที่คลอดน้องนนท์มา เมื่อก่อนน้องนนท์ก็เคยอยู่ในท้องแม่มาก่อนรู้หรือเปล่าครับ” ผมไม่รู้ว่าตาหนูจะยอมรับผมได้ไหม แต่จะพยายามให้แกได้ซึมซับความเป็นแม่จากผมไปเรื่อยๆ จนกว่าแกจะยอมรับได้
“แสดงว่าน้องนนท์มีแม่สองคนงั้นเหรอครับ”
“ใช่แล้วครับ”
อย่างน้อยได้เป็นแม่อีกคนของตาหนู แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว
“แล้วแม่อรไปไหนล่ะครับ”
“แม่อรไปทำงานต่างจังหวัดครับ อีกไม่นานก็คงจะกลับมา”
“ถ้าอย่างนั้นน้องนนท์จะรอที่นี่ น้องนนท์จะไม่ไปไหน แม่วินอย่าทำกับน้องนนท์เหมือนคุณย่าได้ไหมครับ”
“ได้สิครับ แม่รักน้องนนท์มากที่สุดในชีวิตเลยรู้ไหม ในที่สุดหนูก็เรียกแม่อีกครั้ง แม่มีความสุขที่สุดเลยครับ” น้ำตาผมไหลลงมาเป็นทาง เมื่อได้ยินคำว่าแม่จากปากลูกชาย มันช่างมีความสุขมากเหลือเกิน
แม้ว่าวันนี้จะเสียพ่อไปแล้ว แต่ผมก็ยังโชคดีที่ได้แม่และลูกชายกลับมาอยู่ข้างกายอีกครั้ง ทำไมชีวิตผมกว่าจะได้อะไรมา มันต้องแลกด้วยสิ่งที่มีค่าและสำคัญกับชีวิตทุกครั้งด้วยนะ มันคงจะเป็นเวรกรรมที่ผมเคยทำไว้เมื่อชาติที่แล้วสินะ
เมื่อตาหนูนอนหลับไปแล้ว ผมก็รีบลงมาด้านล่าง สภาพบ้านที่เกิดเรื่องเมื่อสักครู่ยังอยู่ในสภาพเดิม มีตำรวจหลายสิบนายกำลังเก็บหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุ ผมยังมองหาคนที่รู้จักไม่เจอสักคน จึงเดินไปถามคุณตำรวจที่ยืนอยู่
“คุณตำรวจครับ ตอนนี้ผู้ต้องหาอยู่ที่ไหนเหรอครับ”
“เมื่อสักครู่เราเพิ่งนำตัวเธอไปคุมขังที่สถานีตำรวจครับ ส่วนคนเจ็บก็ถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาลแล้ว” คนเจ็บงั้นเหรอนอกจากพ่อที่โดนยิงแล้วยังจะมีใครอีกนะ
“คนเจ็บนี่หมายถึง...” ใจผมเต้นตึกตักกลัวว่าใครจะได้รับอันตรายอีก
“ก็คนที่เข้าไปช่วยลูกคุณไว้ยังไงล่ะครับ เขายื้อแย่งปืนกับคนร้ายจนโดนยิงหลังจากคุณเดินออกไปแล้วครับ”
“อาหยาง! ไม่จริง! อาหยางนายห้ามเป็นอะไรไปนะ ห้ามเด็ดขาด...”
“คุณอย่าเพิ่งคิดมากเลยนะครับ ถ้าถึงมือหมอเร็วน่าจะปลอดภัย”
“ขอบคุณครับคุณตำรวจ ตามสบายเลยนะครับ ผมต้องไปที่โรงพยาบาลตอนนี้เลย”
ว่าแล้วผมก็รีบวิ่งไปหน้าบ้าน สั่งให้ลูกน้องขึ้นไปดูเฝ้าตาหนูหน้าห้องนอน ก่อนจะขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลทันที อาหยางรอฉันก่อน ฉันกำลังจะไปหานายแล้ว