❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018  (อ่าน 56129 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
แอบสมน้ำหน้าวิน ในความมั่นใจไร้สติ ตอนนี้ก็รอเหลือแค่ว่าใครเป็นคนสั่งฆ่า

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หักมุมจ้าาาา

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อ้าว ๆๆๆๆ ไม่ใช่ว่าท้ายที่สุด เด็กที่เก็บมาเลี้ยงจะเป็นพี่ธีแทนนะ  :katai1:

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทที่ 16

ดวงใจร้าว



“คุณอี้เฟยคือลูกชายฉันจริงๆ เหรอเนี่ย...ลูกแม่ ฮึก” ป้ากิ่งที่ตอนนี้มีสถานะเป็นแม่ของผมแล้ว เธอนั่งลงข้างผมก่อนจะเอื้อมมือที่สั่นเทามาสัมผัสที่แก้มเบาๆ นี่หรือคือสัมผัสจากแม่ที่ผมไม่เคยได้รับมาตั้งแต่จำความได้ มันช่างรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมากเหลือเกิน

“แม่ครับ ฮือๆ ๆ” ผมโผเข้ากอดแม่ที่แท้จริงของผม ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่มีกั๊ก ตอนนี้ความรู้สึกมันตีรวนกันไปหมด ทั้งดีใจที่ได้รู้ว่าตัวเองมีพ่อแม่เหมือนคนอื่น แต่ความเสียใจที่มีอะไรกับพี่ชายตัวเองมันก็ยังคงวนเวียน ราวกับเป็นตราบาปอยู่ภายในใจ

“วินลูกแม่ ฮือๆ ๆ”

เรากอดกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะตั้งสติได้ ปาดน้ำแล้วลุกขึ้นยืนเดินไปหยุดตรงหน้าแม่บุญธรรม มองเธอด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว ผมอยากจะฆ่าเธอให้ตายลงตรงหน้าด้วยมือของผมเอง เพื่อชดเชยกับสิ่งที่เธอทำกับผมและแม่ แต่ผมไม่อยากจะมีมลทินเพราะคนอย่างนี้หรอก

“ออกไปจากบ้านหลังนี้พร้อมลูกและสามีคุณเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมจะให้คนลากตัวพวกคุณออกไป”

“ฉันไม่ไป! ที่นี่บ้านฉันแกนั่นล่ะที่ต้องไป”

“ผมพูดดีๆ กับคุณแล้วนะ” ผมยืนกำมือไว้แน่น ผู้หญิงคนนี้ร้ายเกินกว่าที่ผมจะให้อภัยได้

“โถๆ ๆ เมื่อกี้ถึงขนาดกับเข่าทรุดเลยเหรอ ที่รู้ว่าโดนพี่ชายร่วมสายเลือดข่มขืนจนมีลูก สะใจฉันจริงๆ” เธอแสยะยิ้ม เหลือบตามองผมอย่างสะใจ

“โธ่โว้ย! หยุดเดี๋ยวนี้เลย ผมจะไม่ทนอะไรอีกแล้ว ผมเกลียดแม่ ผมเกลียดแม่!”

พี่ธีตะโกนแทรกเข้ามาเสียงดัง ดังจนผมถึงกับสะดุ้ง ไม่นึกว่าเขาจะสติแตกได้ถึงขนาดนี้ พี่ธีตัวสั่นเทา ใบหน้าแดงก่ำราวกับคนที่เพิ่งเจอเรื่องกระทบจิตใจขั้นสุด จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

“ธีทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลูก”

“ผมยอมให้คนที่ผมรักต้องตราหน้าว่าเป็นฆาตกรเพื่อปกป้องแม่ ผมข่มขืนน้องชายร่วมสายเลือดเพื่อทำให้เขาเกลียดผมและหนีออกจากบ้านไป เพื่อไม่ให้แม่ทำผิดฆ่าคนตายและให้วินมันมีชีวิตรอดต่อไป ผมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องแม่ แต่แม่กลับไม่ยอมหยุด แม่ส่งคนไปฆ่ายายจันทร์ แม่ฆ่าเมษา แม่ฆ่าทุกคน แต่ดูสิ่งที่ผมได้รับสิครับ ฮึก มันมีแต่ความเจ็บปวด เจ็บปวดมากเหลือเกิน แต่แม่! แม่ได้แต่ความสะใจไม่รู้จักจบสิ้น ผมเกลียดแม่! ฮือๆ ๆ”

ผมได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับอึ้ง ไม่น่าเชื่อว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมจะเข้าใจผิดมาตลอด ว่าพี่ธีคือคนที่อยู่เบื้องหลัง คนที่ฆ่ายายจันทร์อยู่ตรงหน้าผมแล้วงั้นเหรอ

พี่ธีร้องไห้หนักมาก ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนี้มาก่อน ผมไม่เคยเห็นเขาอ่อนแออย่างนี้มาก่อน

เอ๋!

พี่ธีบอกว่ารักผมอย่างนั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ คนรักกันจะไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงซะตอนนี้สถานะของเรามันก็ไม่สามารถลงเอยกันได้แล้ว เพราะเราเป็นพี่น้องกัน

“ธีแม่ขอโทษ มันไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกเข้าใจนะ เอาไว้แม่จะอธิบายให้ฟังนะลูก”

“ไม่! ผมจะไม่ฟัง จะไม่ทนอะไรอีกแล้ว ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ผมไม่อยากเห็นหน้าแม่ ไม่อยากเห็นหน้าใครอีกแล้ว” พี่ธีพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนนั่งลงตรงหน้าตาหนู แล้วเอ่ยอะไรบางอย่าง “น้องนนท์อยู่ที่นี่กับแม่นะครับ คุณอาคือแม่ที่แท้จริงของลูก”

“ไม่เอาน้องนนท์ไม่อยู่ น้องนนท์จะไปอยู่กับคุณพ่อ ฮือๆ ๆ”

“น้องนนท์อยู่กับพ่อไม่ได้แล้วนะลูก พ่อต้องไป พ่อต้องไปจากที่นี่ พ่อไม่อยากให้น้องนนท์ไปลำบากกับพ่อ” ว่าแล้วพี่ธีก็กอดตาหนูเอาไว้แน่น สักพักก็คลายอ้อมกอดแล้วลุกขึ้นจะเดินออกไป แต่ตาหนูกอดขาพี่ธีเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“น้องนนท์ไม่ให้คุณพ่อไปไหน ฮือๆ ๆ”

อาหยางรู้งานรีบไปจับตัวตาหนูไว้ ส่วนพี่ธีก็มองมาที่ผมผ่านม่านน้ำตา แววตาของเขาเศร้าสร้อย บ่งบอกว่ารู้สึกสะเทือนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกเขามากขึ้น พี่ธีต้องการช่วยผมให้รอดพ้นจากการถูกแม่บุญธรรมฆ่า จึงใช้วิธีข่มขืนผมพยายามผลักดันให้ผมหนีออกจากบ้าน แต่ทว่าวิธีนั้นกลับเป็นวิธีที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับทั้งผมและเขา เพราะเราคือพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ความรู้สึกผิดจึงถาโถมเข้ามาหาเขา ต้องการปกป้องคนที่รักทั้งสองแต่ทว่าสิ่งที่เขาได้รับกลับมีแต่ความเจ็บปวด

“คุณพ่อ น้องนนท์จะไปหาคุณพ่อ” ตาหนูตะเกียกตะกายเพื่อพยายามให้หลุดจากวงแขนแกร่งของอาหยาง

“ธี! จะไปไหนลูก ฟังแม่ก่อน” ผู้หญิงใจร้ายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม จะเดินตามหลังพี่ธีไป แต่ผมไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่ ผมไม่มีทางปล่อยให้เธอลอยนวลแน่นอน เพราะผมได้ยินจากปากพี่ธีแล้วว่าเธอคือคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของทุกคน

“จะไปไหน”

“เอามือสกปรกของแกออกจากตัวฉัน”

“ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายพูดคำนั้น ตัวของคุณสกปรกยิ่งกว่าอะไรดี คุณฆ่ายายจันทร์ของผมทำไม บอกมาสิ!” ผมตะโกนใส่หน้า ตอนนี้พ่อเริ่มกลัวว่าผมจะทำร้ายเธอจึงรีบเดินเข้ามาอยู่ใกล้ๆ

“เพราะฉันอยากจะทำให้แกเจ็บปวดยังไงล่ะ ในเมื่อแกคือลูกของคนที่ฉันเกลียดเข้าไส้ ฉันก็จะทำให้แกมีจุดจบเหมือนแม่แก ตอนนี้ฉันสะใจมากเหลือเกิน ที่ทำลายพวกแกทุกคนได้” ว่าแล้วเธอก็หัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ จนถึงป่านนี้แล้วยังไม่มีความสำนึก ผมไม่มีทางปล่อยคนจิตใจอำมหิตอย่างนี้ให้ลอยนวลแน่นอน

ผมอยากจะตบหน้าเธอ แต่ครั้งหนึ่งผมก็เคยเรียกเธอว่าแม่ จึงพยายามยับยั้งชั่งใจเอาไว้

“อาหยางโทรเรียกตำรวจมาเดี๋ยวนี้ เรียกให้มาเอาตัวผู้หญิงคนนี้ไปเข้าคุกแทนคุณอร”

“นังนั่นมันสมควรอยู่ในคุก มันทรยศฉัน แกคิดเหรอว่าตำรวจจะเอาฉันเข้าคุกได้ ไหนล่ะหลักฐานในเมื่อไอ้เหมมันซัดทอดว่านังอรมันเป็นคนว่าจ้าง ใครจะมาเอาผิดฉันได้ล่ะ”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เพราะเมื่อสักครู่ลูกชายคุณเป็นคนบอกเองว่าคุณเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด ตำรวจคงไม่คิดว่าลูกจะใส่ร้ายแม่ตัวเองได้ลงคอหรอกนะ” ผมยิ้มมุมปาก ก่อนจะสั่งให้อาหยางเปิดคลิปที่อัดไว้เมื่อสักครู่

เธอได้ยินอย่างนั้นก็มองผมด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด กรีดร้องเสียงดัง

“กรี๊ดดด! ไอ้สารเลวแกกล้าตลบหลังฉันเหรอ” เธอพุ่งตัวเข้ามาจะทำร้ายผม แต่พ่อดึงตัวเอาไว้ก่อน

“หลักฐานที่มันออกจากปากลูกของคุณ น่าจะพอเอาคุณเข้าคุกได้แล้วนะ แค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับคนจิตใจโหดเหี้ยมอย่างคุณ ผมขอสาปแช่งให้คุณอย่าได้ออกมาเห็นโลกภายนอกอีกตลอดชีวิต ตายไปก็อย่าได้ผุดได้เกิดมาเป็นคนอีก ไปชดใช้เวรกรรมในคุกซะเถอะ”

“กรี๊ด! ฉันไม่ยอมจบแค่นี้แน่”

“คุณยังจะมีอะไรมาสู้ผมได้ ป่านนี้ลูกชายคุณคงจะสติแตก เดินข้ามถนนให้รถชนตายไปแล้วมั้ง รู้สึกยังไงที่เป็นคนทำร้ายลูกชายตัวเอง กรรมมันมีจริงและวันนี้มันได้สนองคุณแล้ว”

“ฉันไม่โง่อยู่ที่นี่ให้ตำรวจจับหรอก” ว่าแล้วเธอก็หันมาเอ่ยกับพ่อ “คุณเราไปกันเถอะ”

“....”

พ่อเอาแต่ก้มหน้า ไม่ยอมเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา นั่นทำให้เธอรู้แล้วว่าตอนนี้พ่อไม่ได้อยู่ข้างเธอแล้ว

“คุณเงียบอย่างนี้ แสดงว่าคุณไม่ได้อยู่ข้างฉันแล้วใช่ไหม”

“ผมว่ามันถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะได้รับผลกรรมที่ทำกับคนอื่น ผมเสียใจจริงๆ”

“ไอ้คนเนรคุณ พวกแกก็เหมือนกันหมดทุกคน หักหลังฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่แกมีชีวิตสุขสบายทุกวันนี้เพราะเงินของฉันทั้งนั้น ลืมไปแล้วหรือไง!”

เพี๊ย!

“ฉันไม่ยอมจบแค่นี้แน่” ว่าแล้วเธอก็หยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้าไปหาตาหนู แต่อาหยางกลับกันตัวไม่ให้เข้าใกล้

“อย่าเข้าใกล้ลูกผมเด็ดขาด”

“นี่หลานฉันให้ฉันกอดหลานก่อนไปไม่ได้หรือยังไงกัน”

“ไม่ได้! คนอย่างคุณสกปรกเกินไปที่จะแตะเนื้อต้องตัวลูกชายผม”

“คุณย่า ฮือๆ ๆ จะหาคุณย่า” ในบ้านหลังนี้ไม่เหลือคนที่คุ้นเคยให้ตาหนูได้พึ่งพาอีกแล้ว นอกจากเธอกับคุณพ่อ เอาวะ! อย่างน้อยก็ทำเพื่อลูกให้แกได้กอดกับย่าเป็นครั้งสุดท้าย

“อาหยางปล่อย”

เมื่ออาหยางปล่อยตัวตาหนูแล้ว ตาหนูก็โผเข้าไปกอดแม่บุญธรรมทันที ผมจะปล่อยเธอได้กอดร่ำลากับลูกชายผมเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ก่อนที่ตำรวจจะมา

“ย่าขอโทษนะลูกที่ต้องทำอย่างนี้” เธอเอ่ยอย่างนั้นแล้วก็ล็อกคอตาหนูไว้ ก่อนจะหยิบปืนในกระเป๋าสะพายออกมา

“ตาหนูลูกแม่!”

“คุณย่าปล่อยน้องนนท์ ฮือๆ ๆ”

“พวกแกบังคับให้ฉันต้องทำอย่างนี้เองนะ”

“ปล่อยลูกกูเดี๋ยวนี้นะ” ผมอดรนทนไม่ไหว จึงสบถคำหยาบออกมา

“ปล่อยให้โง่สิวะ วันนี้ฉันจะพาเด็กคนนี้ไปด้วย เพื่อทรมานมันเหมือนที่กูทำกับมึงยังไงล่ะไอ้วิน”

“คุณปล่อยหลานเดี๋ยวนี้ นั่นหลานเรานะ”

“ใช่! มันเป็นหลานแต่มันมีเลือดชั่วๆ ของคนที่กูเกลียดด้วยไงล่ะ นังกิ่งวันนี้แกไม่โชคดีเหมือนเมื่อยี่สิบปีที่แล้วแน่นอน” ว่าแล้วเธอก็เล็งปลายกระบอกปืนมาที่แม่ผมทันที

“อย่านะคุณ!” พ่อรีบวิ่งเข้าไปกางแขนยืนบังแม่เอาไว้

“รักกันมากสินะ”

“คุณวรรณีฉันร้องขอล่ะ ปล่อยหลานไปเถอะ แกไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย”

“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี ถ้ารักกันมากขนาดนั้น ฉันจะส่งพวกแกให้ไปลงนรกพร้อมกันเดี๋ยวนี้ล่ะ”

“ไม่นะ! อย่า!” ผมตะโกนร้องดังลั่น เมื่อเธอลั่นไกปืน น้ำตาผมไหลพรากลงอีกครั้งเพราะกลัวว่าจะเสียคนที่รักไปจากชีวิตอีกครั้ง

ปัง!

“กรี๊ดดด! คุณพงษ์ศักดิ์”

“พ่อออ!!”

พ่อโดนยิงเข้าที่กลางอก จนล้มลงกับพื้นแม่รีบเข้ามาพยุงตัวไว้ นั่งลงวางศีรษะพ่อไว้บนตัก วินาทีนี้พวกเราไม่ได้สนใจว่านางฆาตกรคนนั้น จะลั่นไกปืนมาอีกครั้งหรือไม่ สนใจแต่ชีวิตของพ่อที่กำลังอยู่ในวินาทีอันตราย

“อาหยางเรียกรถพยาบาลที” ผมตะโกนสั่งอาหยางแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อ

“พ่อขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริงลูกมาตั้งแต่แรก พอมันขี้ขลาด แค่กๆ” พ่อเอ่ยกับผม

“พ่อครับ ฮือๆ ๆ ผมไม่ได้โกรธพ่อเลยนะครับ ผมรักพ่อ ไม่ว่าจะยังไงผมก็รักพ่อเหมือนเดิม” ผมจับมือพ่อไว้เอาไว้แน่น

“ฉันดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง และก็ดีใจที่ได้ช่วยชีวิตเธอไว้ แค่นี้ฉันก็ตายตาหลับแล้วล่ะกิ่ง” พ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ราวกับกำลังจะหมดลมหายใจในอีกไม่ช้า

“ไม่นะคะ คุณต้องไม่เป็นอะไร ตอนนี้เราได้อยู่พร้อมหน้ากันแล้ว คุณต้องอยู่กับฉันและลูกนะคะ”

“ฉันรักเธอนะกิ่ง ฉันเฝ้าตามหาเธอกับลูก มีคนบอกว่าเธอตายแล้วแต่ลูกของเรายังอยู่ ฉันตามสืบจนรู้ว่าลูกของเราอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าจึงรับแกมาอยู่ด้วย เฮือก แต่ฉะ...ฉันจำเป็นต้องปิดบังความจริงเรื่องลูกเพราะไม่อยากให้แกโดนวรรณทำร้าย แต่ฉันก็ทำไม่สำเร็จ”

“คุณทำดีที่สุดแล้วค่ะ ฉันรักคุณ” แม่กอดพ่อเอาไว้แน่น ร้องไห้จนแทบจะเป็นสายเลือด

“ผมเข้าใจพ่อแล้ว ฮือๆ ๆ พ่อสัญญาว่าจะอยู่กับเรานะครับ”

“พะ...พ่อไม่ไหวแล้ว วินต้องดูและแม่ดีๆ นะลูก เฮือกก” พูดจบพ่อก็หายใจถี่รัวก่อนจะหมดลมหายใจไป

“พ่อออ!!”

“คุณคะ ฮือๆ ๆ”

เมื่อพ่อสิ้นลมหายใจแล้ว ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองหาคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อต้องตาย ปรากฏว่าเธอไม่อยู่ในบ้านแล้ว ผมจึงรีบวิ่งออกไปดูที่หน้าบ้าน ก็พบว่าตอนนี้ตำรวจล้อมตัวเธอไว้แล้ว แต่ตาหนูยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนเธอ

"วางปืนลงเดี๋ยวนี้ คุณไม่มีทางหนีไปไหนได้หรอก”

“ไม่! กูไม่มีทางยอมติดคุกหรอก หลีกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเด็กคนนี้ตายคามือกูแน่”

“ปล่อยลูกกูเดี๋ยวนี้นะ มึงฆ่าพ่อฆ่ายายกู กูไม่มีทางปล่อยมึงไว้แน่”

“ฮือๆ ๆ คุณอาช่วยน้องนนท์ด้วย”

“น้องนนท์ไม่ต้องห่วงแม่จะช่วยลูกให้ได้ หนูไม่ต้องกลัวนะลูก”

“หลีกไปสิวะ” เธอยังคงตะโกนสั่งตำรวจ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะยอมทำตามที่เธอสั่ง

ผมทนเห็นลูกชายอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นไม่ได้ จึงเสนอตัวเข้าไปเป็นตัวประกันแทน

“เอากูไปเป็นตัวประกันแทนเถอะนะ”

“ไม่! กูไม่มีทางหลงกลมึงหรอก”

ในระหว่างนั้นอาหยางก็เริ่มหาวิธีจัดการกับเธอ โดยการย่องเข้าไปด้านหลังอย่างระแวดระวัง เห็นอย่างนั้นผมจึงพยายามเบนความสนใจโดยการหาเรื่องคุยกับเธอ

“ยังไงซะมึงก็ไม่มีทางรอดไปจากที่นี่ได้หรอก มอบตัวซะเถอะเพื่อพี่ธีไง ปล่อยน้องนนท์เถอะนะ น้องนนท์เห็นหลานมึงนะ”

“อย่าเข้ามาใกล้ไม่งั้นกูยิงไอ้เด็กนี้ไส้แตกแน่ อ๊ะ!” ในช่วงจังหวะนั้นอาหยางก็ล็อกตัวเธอไว้ แล้วพยายามแย่งปืนในมือ

“น้องนนท์วิ่งมาหาแม่เร็วๆ ครับ” ผมตะโกนบอกทันทีที่มีโอกาส ตาหนูรีบวิ่งมาหาผมทันที

ผมกอดลูกชายเอาไว้แน่นปลอบดวงใจน้อยๆ ของผมให้หายจากอาการตื่นกลัว ก่อนจะรีบอุ้มพาเข้าไปในบ้านเพื่อความปลอดภัย เรื่องตรงนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจัดการ

ปัง!

เดินเข้ามาในบ้านได้สักพักผมก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น แต่ผมไม่ได้สนใจเดินกลับไปดูว่าใครโดนยิง เพราะตอนนี้ผมจะต้องพาลูกไปอยู่ในที่ปลอดภัยเสียก่อน



เมื่ออุ้มลูกชายเข้ามาในบ้านแล้ว ก็พบว่าแม่ยังกอดร่างไร้วิญญาณของพ่ออยู่เหมือนเดิม เห็นภาพนั้นก็ทำให้ผมแทบจะเป็นบ้า ได้รู้ความจริงว่าตัวเองมีพ่อกับแม่ทั้งที กลับต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ ผมตัดสินใจพาตาหนูขึ้นไปบนห้องก่อน เพราะไม่อยากให้เห็นภาพนั้น กลัวว่ามันจะเป็นภาพจำติดตาไปตลอดชีวิต

ขึ้นมาบนห้องแล้วผมก็กอดปลอบตาหนูอยู่ครู่หนึ่งจนสภาพจิตใจเริ่มดีขึ้น จึงพยายามพูดคุยกับลูกชายเพื่อให้แกเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านไปเสียก่อน

“ฮึก คุณพ่อไปไหนแล้วครับคุณอา น้องนนท์อยากไปหาคุณพ่อ” ตาหนูสะอื้นไห้อยู่บนเตียง ผมได้แต่นั่งกอดปลอบใจอยู่อย่างนั้น ผมเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ธีอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าเขาจะคิดสั้นทำอะไรบ้าๆ ไปหรือเปล่า

“อีกไม่นานคุณพ่อก็จะกลับมานะครับ น้องนนท์สัญญากับแม่ได้ไหมว่าจะไม่งอแง เราจะรอคุณพ่อที่นี่ด้วยกันนะครับ”

“น้องนนท์จะไม่งอแง” ว่าแล้วตาหนูก็ยกมือน้อยๆ ขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มทั้งสองข้าง

“ดีมากครับ”

“แล้วคุณแม่ล่ะครับ คุณแม่ไปไหน”

“คุณแม่ของน้องนนท์อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไงครับ แม่อรเป็นคนที่เลี้ยงดูน้องนนท์มา แต่แม่วินคนนี้คือคนที่คลอดน้องนนท์มา เมื่อก่อนน้องนนท์ก็เคยอยู่ในท้องแม่มาก่อนรู้หรือเปล่าครับ” ผมไม่รู้ว่าตาหนูจะยอมรับผมได้ไหม แต่จะพยายามให้แกได้ซึมซับความเป็นแม่จากผมไปเรื่อยๆ จนกว่าแกจะยอมรับได้

“แสดงว่าน้องนนท์มีแม่สองคนงั้นเหรอครับ”

“ใช่แล้วครับ”

อย่างน้อยได้เป็นแม่อีกคนของตาหนู แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว

“แล้วแม่อรไปไหนล่ะครับ”

“แม่อรไปทำงานต่างจังหวัดครับ อีกไม่นานก็คงจะกลับมา”

“ถ้าอย่างนั้นน้องนนท์จะรอที่นี่ น้องนนท์จะไม่ไปไหน แม่วินอย่าทำกับน้องนนท์เหมือนคุณย่าได้ไหมครับ”

“ได้สิครับ แม่รักน้องนนท์มากที่สุดในชีวิตเลยรู้ไหม ในที่สุดหนูก็เรียกแม่อีกครั้ง แม่มีความสุขที่สุดเลยครับ” น้ำตาผมไหลลงมาเป็นทาง เมื่อได้ยินคำว่าแม่จากปากลูกชาย มันช่างมีความสุขมากเหลือเกิน

แม้ว่าวันนี้จะเสียพ่อไปแล้ว แต่ผมก็ยังโชคดีที่ได้แม่และลูกชายกลับมาอยู่ข้างกายอีกครั้ง ทำไมชีวิตผมกว่าจะได้อะไรมา มันต้องแลกด้วยสิ่งที่มีค่าและสำคัญกับชีวิตทุกครั้งด้วยนะ มันคงจะเป็นเวรกรรมที่ผมเคยทำไว้เมื่อชาติที่แล้วสินะ



เมื่อตาหนูนอนหลับไปแล้ว ผมก็รีบลงมาด้านล่าง สภาพบ้านที่เกิดเรื่องเมื่อสักครู่ยังอยู่ในสภาพเดิม มีตำรวจหลายสิบนายกำลังเก็บหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุ ผมยังมองหาคนที่รู้จักไม่เจอสักคน จึงเดินไปถามคุณตำรวจที่ยืนอยู่

“คุณตำรวจครับ ตอนนี้ผู้ต้องหาอยู่ที่ไหนเหรอครับ”

“เมื่อสักครู่เราเพิ่งนำตัวเธอไปคุมขังที่สถานีตำรวจครับ ส่วนคนเจ็บก็ถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาลแล้ว” คนเจ็บงั้นเหรอนอกจากพ่อที่โดนยิงแล้วยังจะมีใครอีกนะ

“คนเจ็บนี่หมายถึง...” ใจผมเต้นตึกตักกลัวว่าใครจะได้รับอันตรายอีก

“ก็คนที่เข้าไปช่วยลูกคุณไว้ยังไงล่ะครับ เขายื้อแย่งปืนกับคนร้ายจนโดนยิงหลังจากคุณเดินออกไปแล้วครับ”

“อาหยาง! ไม่จริง! อาหยางนายห้ามเป็นอะไรไปนะ  ห้ามเด็ดขาด...”

“คุณอย่าเพิ่งคิดมากเลยนะครับ ถ้าถึงมือหมอเร็วน่าจะปลอดภัย”

“ขอบคุณครับคุณตำรวจ ตามสบายเลยนะครับ ผมต้องไปที่โรงพยาบาลตอนนี้เลย”

ว่าแล้วผมก็รีบวิ่งไปหน้าบ้าน สั่งให้ลูกน้องขึ้นไปดูเฝ้าตาหนูหน้าห้องนอน ก่อนจะขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลทันที อาหยางรอฉันก่อน ฉันกำลังจะไปหานายแล้ว


ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คลายปมทุกอย่างแล้ว

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ธีร์กลับมาดูลูกก่อน หายไปไหนแล้ว  :sad2:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อาหยางอย่าเป็นอะไรไปนะ ให้อาหยางเป็นพระเอกแทนได้ไหมเนี่ย

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
นั่นไง ว่าละป้ากิ่งต้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ต้องเป็นตัวแปรที่สำคัญพอตัว

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทที่ 17

สารภาพ



ผมบึ่งรถมาถึงโรงพยาบาล ก็รีบเดินตรงเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน ตอนนี้คุณหมอกำลังทำการผ่าตัดเอาลูกกระสุนออก ผมได้แต่เดินไปวนมาอยู่หน้าห้องด้วยความกระวนกระวาย กลัวว่าอาหยางจะเป็นอันตรายร้ายแรง ผ่านไปชั่วโมงกว่าคุณหมอก็ออกมาจากห้อง ผมจึงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปถามอาการของอาหยางทันที

“คุณหมอครับอาหยางเป็นอย่างไรบ้าง”

“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่กระสุนไม่โดนจุดสำคัญ แต่ตอนนี้คนไข้ยังไม่ได้สติ รบกวนคุณรอไปเยี่ยมในห้องพักฟื้นอีกทีนะครับ”

“ขอบคุณครับคุณหมอ” ผมยกมือไหว้คุณหมอ น้ำตาไหลลงมาด้วยความโล่งใจ หากอาหยางเป็นอะไรไป ผมคงไม่ให้อภัยตัวเองแน่นอน

ระหว่างรอให้ถึงเวลาเยี่ยม ผมก็แวบไปหาแม่ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในห้องดับจิต



มาถึงห้องดับจิตก็พบว่าแม่ยังคงนั่งเฝ้าศพพ่อ ที่ตอนนี้นอนกำลังนอนอยู่บนรถเข็นศพ มีผ้าสีขาวคลุมร่างไร้วิญญาณไว้ มือของแม่ยังคงประสานมือพ่อไว้ตลอดเวลา ความเงียบงันของห้องดับจิตถูกทำลายลงด้วยเสียงสะอื้นไห้ของแม่ ท่านยังคงร้องไห้ไม่ยอมหยุด ผมจึงเดินเข้าไปลากเก้าอี้มานั่งข้างท่านแล้วกอดให้กำลังใจ

“พ่อไปสบายแล้วนะครับแม่”

“แม่ไม่นึกเลยว่าการได้เจอกันครั้งนี้ มันจะเป็นครั้งสุดท้าย ฮึก”

“อย่างน้อยเรายังได้มีโอกาสได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้านะครับแม่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาแค่ไม่กี่นาที แต่มันก็คุ้มค่าที่สุดแล้ว พ่อทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้พวกเรามีชีวิตรอด ต่อไปนี้เราก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข เพื่อไม่ให้การตายของพ่อเสียเปล่านะครับแม่” ผมพยายามพูดในแง่ดี เพื่อไม่ให้แม่วิตกกังวล และเครียดจนเกินไป

“จ้ะแม่จะอยู่ต่อไปเพื่อลูกและพ่อของลูก แม่เฝ้าฝันว่าก่อนตายจะต้องเจอหน้าลูกให้ได้ ในที่สุดแม่ก็ได้เจอหน้าลูกจริงๆ มันเป็นเพราะแหวนวงนี้ที่พ่อเคยให้แม่ไว้ตอนที่รู้ว่ามีลูก แม่เก็บรักษามันไว้เท่าชีวิต เพื่อไว้ดูเมื่อเวลาคิดถึงลูกกับพ่อของลูก” แม่ว่าพลางลูบเบาๆ ที่แหวนทองฝังเพชรที่สวมไว้นิ้วนางข้างซ้าย

“วันนั้นที่ผมเห็นแม่ อย่าบอกนะครับว่าโจรมันต้องการแหวนวงนี้”

“ใช่จ้ะ แหวนวงนี้ทำให้เราได้เจอกัน ถ้าวันนั้นไอ้โจรมันไม่มาแย่งแหวนในมือแม่ เราก็คงจะไม่ได้เจอกันแน่นอน”

ผมยิ้มให้แม่ และเชื่อว่าเรื่องมหัศจรรย์ยังคงมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ เหมือนที่ผมได้เจอกับแม่ ได้มานั่งด้วยกันอยู่ตรงนี้ แม้ว่าเราจะสูญเสียคนที่สำคัญในชีวิตไป แต่ทว่านับจากนี้เราจะเป็นคนสำคัญของกันและกัน และผมจะดูแลแม่ให้ดีที่สุด ไม่ให้เราต้องแยกจากกันไปไหนอีกแล้ว

หลังจากนั่งทำใจอยู่นาน ผมก็รับศพพ่อกลับไปทำพิธีตามหลักศาสนาที่วัดใกล้บ้าน เมื่อจัดการเรื่องที่วัดเสร็จแล้ว ผมก็ไปส่งแม่ที่บ้านเพื่อให้ท่านได้พักผ่อนเอาแรงบ้าง ส่วนผมก็กลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง เพื่อเข้าไปเยี่ยมอาหยางนั่นเอง



เมื่อมาถึงโรงพยาบาลอีกครั้ง ผมก็เดินตรงเข้าไปหาอาหยางที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วย ซึ่งเป็นห้องพักพิเศษที่ผมได้แจ้งความจำนงกับทางโรงพยาบาลเอาไว้ ภายในห้องตอนนี้พยาบาลกำลังวัดไข้ให้กับอาหยาง ก่อนจะช่วยปรับสายน้ำเกลือให้ ส่วนผมก็ได้แต่ยืนดูรอเวลาที่จะได้เข้าไปนั่งใกล้ๆ

มาถึงตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกที่มีต่ออาหยางเลยด้วยซ้ำ มันก้ำกึ่งระหว่างพี่ชายกับคนรัก ผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่มีเขาอยู่ข้างกาย เขาคอยเป็นที่ปรึกษา เป็นคนที่คอยสนับสนุนผมทุกอย่างไม่เคยปฏิเสธแม้แต่ครั้งเดียว แม้กระทั่งที่ผมสั่งให้มีอะไรกับอรจิราเขาก็ยังทำ ทั้งหมดที่อาหยางทำให้ผมมันมากมายเหลือเกิน เกินกว่าที่ผมจะเมินเฉยกับความรู้สึกของเขาคนนี้ได้

“เสร็จแล้วค่ะ ถ้ามีอะไรกดกริ่งเรียกพยาบาลได้เลยนะคะ”

“ครับผม ขอบคุณมากครับ”

“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”

“ครับ”

หลังจากพยาบาลสาวออกไปแล้ว ผมก็เดินไปยืนอยู่ข้างเตียง มองดูใบหน้าหล่อที่ตอนนี้ช่างซีดเซียว แต่ทว่ากลับยังดูดีในสายตาผมอยู่ไม่คลาย ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ แล้วเอื้อมไปจับมือเขามากุมไว้

“ฉันดีใจที่นายปลอดภัยแล้ว จากนี้ไปนายห้ามเป็นอะไรนะอาหยาง ฉันอยากมีนายอยู่ข้างๆ อย่างนี้ไปตลอดชีวิต”

ว่าแล้วผมก็จับมือเขามาสัมผัสที่แก้มผมเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงพร้อมกันนั้นน้ำใสๆ จากดวงตาก็ไหลลงมาเป็นทาง ผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้รับสัมผัสจากอาหยาง

ผมเผลอฟลุบหลับอยู่ข้างเตียง จากความเหนื่อยล้าที่ได้รับมาเกือบทั้งวัน ในระหว่างนั้นก็ฝันว่ามีใครบางคนกำลังลูบไล้ที่เรือนผมอย่างแผ่วเบา และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ผมเงยขึ้นไปมองหน้าคนป่วยด้วยอาการงัวเงีย ก็พบว่ามาอาหยางฟื้นขึ้นมาแล้วและกำลังส่งยิ้มให้ผมอยู่

“อาหยางนายฟื้นแล้ว”

“ครับคุณอี้เฟย ขอโทษด้วยที่ผมทำให้คุณตื่น”

“นายไม่ได้ทำซะหน่อย ฉันตื่นเองต่างหากล่ะ นายเป็นยังไง เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า”

“ไม่เลยครับ แค่นี้ไม่ทำให้ผมเจ็บได้หรอก”

“อย่าทำเป็นปากเก่งไป เจ็บก็บอกว่าเจ็บ อยู่ต่อหน้าฉันไม่จำเป็นต้องทำเข้มแข็งตลอดก็ได้นะ” เขายังคงยิ้มราวกับเป็นเรื่องสนุก ส่วนผมกลับเอาแต่เป็นห่วง มันช่างสวนทางกันซะเหลือเกิน นี่สินะที่ทำให้ผมประทับใจในตัวเขามาตลอด

“ก็ผมไม่อยากให้คุณอี้เฟยเครียดนี่ครับ ผมอยากเห็นคุณยิ้มตลอดเวลาเมื่ออยู่กับผม”

เขาทำให้ผมยิ้มจนได้ ยิ้มจนแก้มแทบจะปริ แม้ว่าอาหยางจะมีความสุขุมนุ่มลึกอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าเขาเองก็มีมุมน่ารักๆ อย่างนี้มาให้เห็นอยู่บ้าง และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมได้เห็นมัน

“ฉันก็ยิ้มแล้วนี่ไง”

“เวลาคุณอี้เฟยยิ้มทำให้โลกของผมมันสดใสขึ้นมากเลยครับ พรุ่งนี้ผมคงจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ”

“ใครจะให้นายออก นายต้องนอนพักรักษาตัวที่นี่จนกว่าจะหายดี...นี่คือคำสั่ง”

“ไม่! ผมไม่เป็นไรแล้วจริงๆ ผมอยากไปช่วยคุณอี้เฟยสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้”

“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ตอนนี้มันไม่มีอะไรแล้ว คนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดก็โดนจับเข้าคุกแล้ว จะเหลือก็แต่คลิปหลักฐานที่นายถ่ายเอาไว้ เราจะได้ไปช่วยคุณอรให้ออกมาจากคุก เรื่องทุกอย่างมันจะได้จบเสียที”

“เรื่องคลิปผมให้คุณตำรวจไปแล้วล่ะครับ”

“ให้ตอนไหนเนี่ยนายโดนยิงไม่ใช่เหรอ”

“ก็ตอนที่โดนนั่นล่ะครับ ผมอยากให้คดีนี้มันจบเร็วๆ คุณอี้เฟยจะได้มีความสุข”

“นายนี่นะควรจะห่วงตัวเองบ้าง ฉันไม่ได้เป็นเด็กสักหน่อย ดูแลตัวเองได้น่า” ทำไมผมต้องยิ้มและเขินด้วยก็ไม่รู้สิน่า

“ก็บอกแล้วไงครับว่าชีวิตผมมอบให้คุณอี้เฟยไปแล้ว”

“นายอย่าพูดอย่างนี้อีกเด็ดขาดเลยนะ ชีวิตนายมันมีค่ามากกว่าที่จะต้องมาสละให้ฉัน เพราะยังมีคนอื่นที่นายควรจะใส่ใจมากกว่าฉัน” ผมอยากให้เขานึกถึงคนที่อยู่ในใจมากกว่าผม และมันควรจะเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“คนที่คุณอี้เฟยพูดถึงใครกันเหรอครับ” อาหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับกำลังสงสัยสิ่งที่ผมเอ่ยออกไปเมื่อสักครู่

“ก็คนที่อยู่ในใจนายไงล่ะ” ผมฝืนยิ้มให้เขา

“ใช่สินะผมเองก็ลืมไป ว่าเคยบอกคุณอี้เฟยไว้ ว่ามีคนที่อยู่ในใจแล้ว”

“นั่นล่ะคนที่ฉันเอ่ยถึง นายควรนึกถึงเธอให้มากๆ นะ” ผมฝืนยิ้มให้เขาเป็นครั้งที่สอง

“คุณอี้เฟยอยากรู้ไหมครับว่าคนที่อยู่ในใจผมคือใคร”

“ไม่ดีกว่า ถึงนายพูดไปฉันก็คงจะไม่รู้จักหรอก”

“ทำไมคุณอี้เฟยจะไม่รู้จักล่ะครับ”

“เอ๋ ฉันรู้จักด้วยเหรอ”

“ใช่ครับคุณอี้เฟยรู้จักเป็นอย่างดีเลยล่ะ”

ผมมองหน้าเขาอย่างสงสัยกับสิ่งที่ได้ยิน จะมีใครที่ไหนกัน ที่ผมรู้จักเป็นอย่างดีและน่าจะเข้าข่ายเป็นคนที่อาหยางแอบรัก

“ใครกันอาหยาง”

“ก็คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมนี่ไงครับ คนที่ผมแอบชอบมาตลอดก็คือ...คุณอี้เฟย” สีหน้าของอาหยางจริงจังมาก หลังจากเอ่ยคำนั้นออกมา

เป็นไปได้ยังไงกัน อาหยางต้องล้อผมเล่นแน่ๆ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน...

“นะ...นายล้อฉันเล่นใช่ไหม”

“เปล่าครับผมพูดเรื่องจริง ผมแอบชอบคุณอี้เฟยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันที่เมืองจีนแล้ว คุณอี้เฟยเป็นคนที่ผมตามหามาตลอดทั้งชีวิต ชาตินี้ผมจะไม่มีทางเปลี่ยนใจจากคุณไปไหนอีกแล้วครับ”

ได้ยินอย่างนั้นน้ำตาผมก็ไหลลงมา ผมไม่รู้ว่ามันไหลลงมาเพราะความรู้สึกอะไร ไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาไปอย่างไรดี ผมยังไม่ชัดเจนกับความรู้สึกที่มีต่อเขา ผมไม่อยากจะตัดรอน แต่ก็ยังไม่อยากจะเอ่ยว่าผมเองก็รู้สึกดีกับเขา มันยังไม่ใช่ตอนนี้

“อาหยาง....นายพักผ่อนให้หายดีก่อนนะ แล้วฉันจะมาเยี่ยมบ่อยๆ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยะ ฉันต้องกลับบ้านไปหาตาหนูก่อน” ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้น แต่อาหยางกลับรั้งมือผมไว้ ไม่ยอมให้ไปไหน

“ผมทำให้คุณอี้เฟยรู้สึกอึดอัดสินะ ผมขอโทษ” สีหน้าของอาหยางเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่อยากให้เขาเป็นอย่างนี้เพราะผมเลย ผมเกลียดตัวเองจริงๆ

“นายอย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยนะ รอให้เรื่องยุ่งๆ พวกนี้มันผ่านไปก่อน แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอีกที นายเป็นคนดีนะ ดีที่สุดกว่าคนอื่นๆ เท่าที่ฉันเคยรู้จักมาเลยล่ะ”

เขาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะปล่อยมือผมให้เป็นอิสระ ผมส่งยิ้มให้ก่อนจะออกมาจากห้อง หวังว่าเคลียร์เรื่องทุกอย่างได้หมดแล้ว หัวใจผมมันจะชัดเจนกับเรื่องนี้ตามไปด้วย

*-*-*-*-*-*-*

เช้าวันต่อมาขณะที่ผม แม่และตาหนู กำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นบนของตัวบ้าน ตั้งใจจะเดินทางไปที่วัด แต่ก็ต้องมาเจอกับคนคุ้นเคยในอดีต ที่ผมเคยรู้จักเป็นอย่างดียืนรออยู่ที่ห้องโถงก่อนแล้ว

“พี่เพชร!”

“ว่าไงวิน”

ผมเห็นพี่เพชรครั้งแรกก็รู้สึกตกใจปนดีใจ แต่สำหรับพี่เพชรกลับไม่ได้มีท่าทีเหมือนผมเลย ทั้งที่เราเพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรกในรอบห้าปี นั่นทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ลุงเพชรสวัสดีครับ” ตาหนูยกมือไหว้แล้ววิ่งเข้าไปกอดขาพี่เพชร ดูท่าทางแล้วคงจะสนิทสนมกันพอสมควร พี่ธีคงจะพาลูกไปหาพี่เพชรที่บ้านบ่อยๆ

“สวัสดีครับคนเก่งของลุง”

“ลุงเพชรเห็นคุณพ่อบ้างไหมครับ คุณพ่อออกไปจากบ้านตั้งแต่เมื่อวาน ยังไม่กลับมาหาน้องนนท์เลย” ตาหนูเอ่ยกับพี่เพชรด้วยแววตาเศร้า เห็นอย่างนั้นผมก็รู้สึกสงสารลูกชายจับใจ ผมรู้ดีว่าความรู้สึกนี้มันเป็นอย่างไร มันคงไม่ต่างจากตอนที่ผมต้องแยกจากลูก

“ลุงไม่เห็นเลยครับ อีกไม่นานเดี๋ยวคุณพ่อก็คงกลับมาหาน้องนนท์แน่นอนครับ”

“อ้าว! แล้วคุณพ่อไปอยู่ที่ไหนกันเนี่ย” ตาหนูบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“น้องนนท์รักคุณพ่อไหมครับ” พี่เพชรถาม

“รักสิครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นเด็กดีรอคุณพ่อนะครับ”

“ครับผม”

เมื่อคุยกับตาหนูจนเข้าใจกันแล้ว พี่เพชรก็เงยขึ้นมามองหน้าผม ก่อนจะส่งยิ้มให้

“วินดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”

“พี่เพชรเองก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน สบายดีนะครับ” พี่เพชรดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก มีท่าทีสุขุม ดูเป็นคนนิ่งๆ ไม่เหมือนเมื่อห้าปีก่อนเลย

“พี่สบายดี ว่าแต่นี่ใครกันครับ”

“แม่ผมเองครับ”

“อ้าว! สวัสดีครับคุณน้า” พี่เพชรรีบยกมือไหว้ ก่อนจะทำหน้าสงสัยนิดหน่อย เขาคงยังไม่รู้ว่าแม่กิ่งคือแม่ของผม

“สวัสดีจ้ะ” แม่ยิ้มให้พี่เพชร

“ว่าแต่พี่เพชรมาที่นี่มีอะไรงั้นเหรอครับ”

“พี่ว่าจะมาถามข่าวคราวไอ้ธีน่ะ เห็นข่าวเมื่อวานนี้แล้วแต่ติดต่อมันไม่ได้ เลยกะจะมาหามันที่บ้าน วินรู้ไหมว่ามันไปอยู่ที่ไหน”

“ผมไม่รู้ครับ”

ใช่ว่าผมจะไม่เป็นห่วงพี่ธี อย่างน้อยเขาก็เป็นพี่ชายผม เป็นพ่อของลูก เรื่องที่ผ่านมาแล้วคงไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ตอนนี้คนที่ฆ่ายายจันทร์ถูกจับเข้าคุกผมก็พอใจแล้ว ส่วนเรื่องที่ผมโดนข่มขืนก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว ถือซะว่ามันเป็นเวรกรรมที่ผมต้องชดใช้ให้เขาก็แล้วกัน คิดอย่างนั้นผมจะได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขเสียที

“จะไม่ถามเลยเหรอ ว่าทำไมพี่ไม่ตกใจเลยที่เห็นวิน”

“ผมก็ว่าจะถามอยู่เหมือนกัน”

“นั่นเป็นเพราะตั้งแต่ไอ้ธีมันเจอวินอีกครั้ง มันก็โทรมาบอกพี่ มันมั่นใจว่าอี้เฟยกับวินคือคนเดียวกัน หลังจากนั้นมันก็โทรมาปรึกษาเรื่องวินกับพี่ตลอด จนพี่รู้เรื่องทั้งหมดว่าวินทำอะไรกับมันบ้าง แม้กระทั่งเรื่องที่คุณน้าวรรณีเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดมันก็มาระบายกับพี่ จริงๆ แล้ว....ธีมันเป็นคนน่าสงสารนะ ที่ต้องมารับรู้และแบกรับอะไรไว้เพียงคนเดียว มันรักวินมากเพียงแต่ว่ามันแสดงความรักไม่เป็น และตัดสินใจพลาดที่แก้ปัญหาด้วยวิธีขืนใจวิน” พี่เพชรเล่าเรื่องที่เขารับรู้มาตลอดให้ผมฟัง ผมเองก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องของพี่ธีดี

“มาถึงตอนนี้ผมเองก็ไม่ได้ติดใจเรื่องที่เขาทำกับผมแล้วล่ะครับ พี่เพชรคงยังไม่รู้ว่าที่จริงแล้วผมเองก็เป็นลูกชายแท้ๆ ของพ่อเหมือนกัน เพียงแต่คนละแม่เท่านั้นเอง”

“อะ...อะไรนะ ทำไมเรื่องนี้พี่ไม่เคยรู้มาก่อน” เรื่องนี้ทำให้พี่เพชรดูตกใจไม่น้อย ใช่! ใครรู้ก็ต้องตกใจเพราะพี่น้องมาได้กันเอง แถมมีลูกด้วยกันอีกต่างหาก

“พวกเราทั้งหมดก็เพิ่งจะรู้ความจริงตอนที่เกิดเหตุเมื่อวานครับ และเรื่องนี้ล่ะที่ทำให้พี่ธีรับไม่ได้ จนต้องออกไปจากบ้าน”

“พี่เสียใจด้วยจริงๆ ไม่นึกว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างนี้”

“ขอบคุณครับ มันคงเป็นเวรกรรมของพวกเราเองล่ะ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องยอมรับความจริง และอยู่กับมันให้ได้ครับ”

“ว่าแต่นี่จะไปงานศพคุณลุงกันใช่ไหม”

“ใช่ครับ”

“พี่ขอไปด้วยคนนะ เอ้อ...ว่าแต่ธีมันรู้ยังว่าพ่อเสียแล้ว”

“ตอนที่พี่ธีออกไปจากบ้านคุณพ่อยังไม่เสียครับ แต่ตอนนี้น่าจะรู้จากข่าวแล้วล่ะ ผมเองก็หวังว่าเขาคงจะมากราบศพพ่อเป็นครั้งสุดท้าย” ผมเองก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น

จากนั้นเราทั้งหมดก็ออกเดินทางไปที่วัด ผมยังคงหวังว่าพี่ธีจะคิดได้แล้วกลับมาไหว้ศพพ่อที่วัดเป็นครั้งสุดท้าย แค่เรื่องที่เราสองคนเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันก็ยังทำให้พี่ธีสติแตกได้ พอมีเรื่องพ่อที่ตายเพราะฝีมือแม่ของเขาอีก ผมเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าเขาจะยังประคับประคองสติตัวเองได้ไหม ตอนนี้ผมก็ได้แต่ภาวนาให้พี่ธีเข้มแข็งพอที่จะต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ หากเจอเขาอีกครั้งผมจะบอกว่าเรื่องทั้งหมดผมไม่ติดใจอะไรแล้ว ไม่ได้โกรธหรือเกลียด เพราะอย่างน้อยตอนนี้เราก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันแล้ว

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จะเลือกใครดี พี่ธีร์ หรือ อาหยาง  :serius2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
วินจะเลือกใครน๊าาาา :hao4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทที่ 18

ความจริง



วันนี้เป็นวันที่ต้องฌาปนกิจศพพ่อแล้ว แต่ทว่าไร้ซึ่งวี่แววว่าพี่ธีจะมาร่วมงานด้วย ผมภาวนาขอให้เขายังคงปลอดภัย และกลับมากราบศพพ่อเป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่าจะเป็นแค่เพียงความหวังลมๆ แล้งๆ แต่ผมก็ยังจะหวังต่อไป

“แม่ครับ”

“ว่าไงจ๊ะ”

“ผมกลัวว่าพี่ธีจะไม่มา”

“ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกลูก แม้ว่าธีเขาจะไม่มาแต่แม่ก็เชื่อว่า เขาคงจะระลึกถึงพ่ออยู่ในใจเสมอ” แม่ยิ้มให้ผมพลางจับมือไว้

“แต่ผมอยากให้เขามา อย่างน้อยผมได้รู้ว่าพี่ธียังมีชีวิตอยู่” นั่นคือสิ่งที่ผมกลัว กลัวว่าพี่ธีจะคิดสั้น

“ไม่หรอกน่า อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะลูก ธีเขาอาจจะไปสงบจิตสงบใจอยู่ที่ไหนสักแห่ง”

“ครับแม่ผมจะพยายามไม่คิดอะไรมาก” ตอนนี้ผมรู้สึกเป็นห่วงพี่ธีมากเหลือเกิน ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้

“แม่อร!” ตาหนูที่ยืนอยู่ข้างผม ตะโกนเรียกชื่ออรจิราเมื่อเห็นเธอเดินสวมชุดแดงเพลิงเข้ามาในงาน

ผมลืมไปเลยว่าตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้เข้าไปหาเธอที่สถานีตำรวจอีกเลย หลังจากแม่บุญธรรมผมถูกจับไปแล้ว เธอคงจะถูกปล่อยตัวออกมา

เธอดูเย็นชากว่าเมื่อตอนที่ผมเห็นครั้งล่าสุด แม้ว่าตาหนูจะเดินเข้าไปเกาะแข้งเกาะขาเธอ แต่เธอก็ไม่ไยดีเลยแม้แต่น้อย

“คุณอรผม..” ผมจะขอโทษที่ไม่ได้เข้าไปเยี่ยมเธอเลย และไม่ได้ไปรับเธอออกมาด้วยตัวเอง

เพี๊ยะ!

ใบหน้าผมรู้สึกชาและหันไปตามแรงตบในทันที แค่นี้ผมก็พอจะเดาออกว่าเธอรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว คงจะเป็นแม่บุญธรรมผมสินะที่บอกกับเธอ

“แกกล้าหลอกฉันได้ยังไงกัน แกเป็นเมียเก่าพี่ธี เป็นแม่ของน้องนนท์ แล้วยังจะมีหน้ามาหลอกมีอะไรกับฉันอีกอย่างนั้นเหรอ ไอ้สารเลว!”

“ผม...ผมขอโทษครับ ผมยอมรับผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมเสียใจ” ผมคงพูดได้แค่นั้นจริงๆ เพราะมันคือความผิดที่ผมได้ก่อไว้กับเธอ

แขกที่มาร่วมงานศพต่างก็มองมาที่เรา พลางซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปาก

“ขอโทษแล้วฉันจะหายเจ็บไหม ฉันเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้แกนะไอ้วิน หน็อยมาหลอกฉันว่าเป็นทายาทนักธุรกิจพันล้าน ที่แท้ก็เป็นแค่เด็กกำพร้า” เธอพูดจาเหยียดผม ตอนแรกว่าจะเฉยๆ กับเรื่องนี้แล้ว แต่อรจิราก็ทำให้ผมต้องอารมณ์เสียจนได้ นี่มันงานศพพ่อผมจะไม่ยอมให้เธอมาทำลายบรรยากาศเด็ดขาด

“ถ้าคุณพูดจาไม่รู้เรื่องก็รีบกลับไปซะ ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว”

“แกจะทำอะไรฉันงั้นเหรอ หรือจะทำกับฉันเหมือนที่ทำกับคนอื่น ถ้าแกไม่เดินเข้ามาทุกคนก็ไม่ต้องมีจุดจบอย่างนี้หรอก ทั้งพี่ธี ทั้งคุณพ่อ และทั้งตัวฉันเองด้วย”

“ผมเป็นคนช่วยคุณออกมานะอรจิรา คุณลืมไปแล้วเหรอ” ผมพยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุด

“คุณแม่อย่าโมโหสิครับ” ตาหนูที่ยืนเกาะขาเธออยู่เอ่ยขึ้น เธอจึงก้มหน้าลงไปตวาดใส่ทันที

“ฉันไม่ใช่แม่แก ออกไป๊! ไปหาแม่แท้ๆ ของแกโน่น” เธอผลักตาหนูจนล้มลงกับพื้น แม่ผมจึงรีบไปพยุงตัวลุกขึ้นมาทันที

“แงๆ ๆ คุณแม่ใจร้าย”

“มันจะมากไปแล้วนะคุณอร ถ้าคุณไม่ออกไปดีๆ ผมจะให้คนลากตัวคุณออกไปเอง แล้วก็จะเอาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ผมเคยให้คุณกลับมา” ผมเหลืออดกับผู้หญิงคนนี้แล้ว สงสัยจะซึมซับเอานิสัยเลวๆ จากแม่ผัวมาสินะ

“ไม่นะ! แกให้ฉันแล้ว แล้วอีกอย่างที่ฉันเสียตัวให้แกแล้วล่ะแกจะเอายังไง ฉันต้องการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่ม” ผู้หญิงคนนี้ยังไงก็หน้าเงินอยู่ดีสินะ ผมยกยิ้มมุมปากก่อนจะบอกความจริงกับเธอว่าคนที่มีอะไรด้วยไม่ใช่ผม เธอคงจะช็อกน่าดู

“มาเรียกร้องเอากับผมสิ ผมต่างหากที่เป็นคนมีอะไรกับคุณ” เป็นอาหยางนั่นเองที่เดินเข้ามาพอดี เขาควรจะนอนพักอยู่โรงพยาบาลแต่ทำไมถึงได้ดื้อออกมาอย่างนี้นะ

“กะ...แกหมายความว่าไง” อรจิราหน้าถอดสีทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะครับเมีย ผมพร้อมรับผิดชอบคุณหากคุณต้องการ แต่ผมไม่มีเงินทองให้คุณถลุงใช้หรอกนะครับ” อาหยางเอ่ยแล้วยิ้มมุมปาก

หัวใจผมหล่นวาบเมื่อได้ยินอาหยางเรียกคนอื่นว่าเมียอย่างนั้น ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นแค่การแสดงเท่านั้น

“ไม่จริง! ฉันไม่เชื่อ”

“ถ้าไม่เชื่อจะดูคลิปหรือเปล่าครับ ดูให้ชัดๆ ว่าคนที่มีอะไรกับคุณคือใครกันแน่” อาหยางว่าพลางล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“ไม่! ฉันไม่ดู พวกแกรวมหัวหลอกฉัน ฉันไม่ยอมจบแค่นี้แน่”

“คุณอรครับ ผมขอโทษที่ทำกับคุณอย่างนี้ แต่ถ้าคุณยังจะตามจองเวรจองกรรมกันอีก ผมว่าคนที่จะมีแต่เสียนั่นก็คือคุณ สู้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเงินจำนวนมหาศาลพวกนั้นจะไม่ดีกว่าเหรอครับ ผมเตือนด้วยความหวังดี เพราะถ้าหากคุณกลับเข้ามาในชีวิตพวกเราอีกครั้ง ผมรับรองว่าคุณจะไม่ได้ใช้เงินพวกนั้นแม้แต่บาทเดียว พูดอย่างนี้คุณคงจะเข้าใจนะครับ” ผมเตือนเธอด้วยถ้อยคำที่สุภาพที่สุด...เท่าที่จะทำได้

อรจิรายืนขมวดคิ้วทำหน้าคิดเล็กน้อย ก่อนเธอจะสูดลมหายใจเข้าปอดจนสุด แล้วผ่อนลมหายใจออกมา ราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง

“ได้! ฉันจะไป แต่ก่อนไปฉันขอเอาคืนแกให้หายเจ็บใจก่อน” ว่าแล้วอรจิราก็หันไปหาอาหยาง ก่อนจะฟาดมือเรียวเข้าที่ใบหน้าหล่อนั้นเต็มแรง

เพี๊ยะ!

“ถือว่าเราหายกันแล้ว”

พูดจบเจ้าหล่อนก็สะบัดหน้าเดินออกไปจากงาน ตาหนูเห็นอย่างนั้นก็ร้องไห้จะวิ่งตาม แต่ผมได้รั้งตัวเอาไว้เสียก่อน

“คุณแม่! ฮือๆ ๆ น้องนนท์จะไปหาคุณแม่”

“แม่อรจะไม่กลับมาหาเราอีกแล้วนะครับน้องนนท์ ต่อไปนี้จะมีแค่เราสองแม่ลูกเท่านั้น”

“ไม่เอาน้องนนท์จะไปหาแม่อร”

“น้องนนท์ฟังให้ดีนะครับ ถ้าน้องนนท์ไปอยู่กับแม่อร น้องนนท์จะไม่ได้เจอหน้าพ่อธีอีกเลย น้องนนท์จะเอาอย่างนั้นเหรอครับ” ผมพยายามหาทางทำให้ตาหนูหยุดร้องไห้งอแงให้เร็วที่สุด ก่อนที่พิธีเผาศพพ่อจะเริ่มต้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าแล้ว

“ฮึก ถ้าอย่างนั้นน้องนนท์จะรอพ่อธีที่นี่ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นเลิกร้องไห้นะครับ แล้วเราไปหาคุณปู่เป็นครั้งสุดท้ายกัน”

“ครับคุณแม่”

ผมเอื้อมมือไปปาดน้ำตาบนแก้มนุ่มของตาหนูออกให้จนหมด ก่อนจะดึงตัวเข้ามากอดไว้แน่นเพื่อปลอบใจ เมื่อตาหนูปรับสภาพจิตใจได้แล้ว ผมก็หันไปคุยกับอาหยางทันที ผมอยากจะหยิกแขนเขาให้เนื้อหลุดซะเหลือเกิน ในฐานะฝ่าฝืนคำสั่ง

“นายออกมาจากโรงพยาบาลทำไมอาหยาง” ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจขั้นสุด

“ถ้าผมไม่มาคุณอี้เฟยก็ต้องโดนอรจิราเล่นงานสิครับ” อาหยางเอ่ยยิ้มๆ ไม่ได้มีความกังวลใจแต่อย่างใด

“แค่อรจิราฉันจัดการเองได้น่า นายไปนั่งพักก่อนเถอะเดี๋ยวแผลปริกันพอดี บอกอะไรก็ไม่เคยฟังกันเลย” ผมบ่นให้

“คุณอี้เฟยเป็นห่วงผมเหรอครับ”

“ก็ใช่น่ะสิใครจะไม่ห่วง”

“ดีใจจัง ถ้าอย่างนั้นผมจะเข้าไปนั่งพักตามคำสั่งของคุณอี้เฟยเดี๋ยวนี้ล่ะครับ” อาหยางยิ้มไม่ยอมหุบเมื่อรู้ว่าผมเป็นห่วงเป็นใยมากแค่ไหน ส่วนผมกลับได้แต่หน้าแดงก่ำเพราะเห็นรอยยิ้มนั่นของเขา



ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะต้องขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์แล้ว พวกเราทุกคนต่างก็ยืนอยู่บนเมรุมองดูกรอบรูปที่มีพ่อกำลังยิ้มอยู่ในนั้น แต่บรรยากาศกลับอบอวลไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ มีเสียงร้องไห้ของแม่ดังระงมอยู่เนืองๆ มีพบก็ต้องมีจากเป็นเรื่องธรรมดา พ่อจะเป็นฮีโร่ในใจผมไปตลอดชีวิต

“เกิดชาติหน้าขอให้เราได้รักกันอีกครั้ง อย่าได้มีอุปสรรคเหมือนในชาตินี้เลยนะคะคุณ” แม่ผมเอ่ย ก่อนจะเดินไปวางดอกไม้จันทน์ในโลงศพ

“ผมสัญญาว่าจะดูแลแม่ให้ดีที่สุดแทนพ่อเอง หลับให้สบายนะครับพ่อ” ว่าแล้วก็วางดอกไม้จันทน์ ก่อนจะก้มลงไปเอ่ยกับตาหนูบ้าง “น้องนนท์มีอะไรจะบอกคุณปู่ไหมครับ”

“น้องนนท์รักคุณปู่นะครับ”

ตาหนูพูดสั้นๆ แค่นั้น ก่อนที่ผมจะอุ้มลูกชายขึ้นให้ไปวางดอกไม้จันทน์บ้าง จากนั้นก็ถึงคิวคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพี่เพชรหรือเตี่ย รวมถึงเพื่อนๆ และคนรู้จักของพ่ออีกด้วย

ผมพยายามมองหาเขาคนนั้น แม้พิธีการจะมาถึงลำดับสุดท้ายแล้ว แต่ยังคงไร้เงาพี่ธีเช่นเดิม เขาจะไม่มาจริงๆ อย่างนั้นหรือเนี่ย

“คุณแม่ครับเมื่อไหร่คุณพ่อจะมา”

“คุณพ่อคงไม่มาแล้วล่ะครับ”

“ทำไมคุณพ่อถึงได้ใจร้ายอย่างนี้ น้องนนท์คิดถึงคุณพ่อ”

“แม้ว่าวันนี้คุณพ่อจะไม่มา แต่วันต่อๆ ไป แม่มั่นใจว่าคุณพ่อจะต้องกลับมาหาน้องนนท์แน่นอนครับ”

ผมได้แต่ปลอบใจลูกไปอย่างนั้น ทั้งที่ความจริงแล้วผมไม่มั่นใจเลยว่าเขาจะกลับมาหรือเปล่า

เราทั้งหมดยืนมองควันสีดำที่ลอยออกมาจากยอดปล่องเมรุด้วยอาการนิ่งสงบ พร้อมใจกันส่งดวงวิญญาณของพ่อขึ้นไปบนสรวงสวรรค์ จากนี้ผมจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ และจะลืมเรื่องราวบาดหมางในอดีตออกจากใจให้หมด เพื่อทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่มีความสุขที่สุด

*-*-*-*-*-*-*

แม้ว่าเรื่องราวต่างๆ จะผ่านพ้นไปเกือบเดือนแล้ว แต่ทว่าผมยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้พี่ธีอยู่ที่ไหน เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่นั่นยังคงเป็นคำถามที่ค้างคาในใจผม ตาหนูเฝ้ารอวันพ่อของเขาจะกลับมาอยู่เสมอ นั่นทำให้ผมรู้สึกสงสารลูกชายจับใจ ผมพยายามสั่งให้ลูกน้องไปตามหาว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแต่ก็ไร้ซึ่งวี่แวว

ผมกับแม่ได้เปิดใจกันแล้วว่าจะเข้าไปเยี่ยมแม่บุญธรรมในเรือนจำ เพื่อบอกกล่าวให้เธอได้รู้ว่าตอนนี้งานศพของพ่อได้ผ่านไปด้วยดีแล้ว และเพื่อขออโหสิกรรมเรื่องทั้งหมด จากนี้ไปอย่าได้จองเวรจองกรรมกันอีกเลย นั่นเพื่อความสบายใจของพวกเราทั้งสองคน

ผมกับแม่นั่งรอให้เจ้าหน้าที่นำตัวเธอออกมา ครั้งแรกที่เห็นใบหน้าเธอผ่านกระจกใส ก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะเธอดูโทรมขึ้นมากเหลือเกิน ผมเผ้ายุ่งราวกับไม่ได้หวีแปลงเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าดำคล้ำบ่งบอกว่าเจ้าหล่อนไม่ได้มีความสุขกับชีวิตในเรือนจำเลย ก็คงใช่เพราะการอยู่ในนั้นมันคงจะทำให้คนที่เคยมีชีวิตอิสระอย่างเธอต้องสภาพจิตใจย่ำแย่ลงไม่น้อย

“สะใจพวกแกแล้วสินะที่เห็นฉันในสภาพแบบนี้” เธอเอ่ยกับเราด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเช่นเดิม ความแค้นในใจเธอยังคงมีอยู่ไม่เสื่อมคลาย

“ถ้าจะบอกว่าสะใจก็คงใช่ แต่สะใจแล้วมันได้อะไรขึ้นมาละ ยายจันทร์กับคุณพ่อจะฟื้นขึ้นมาไหมก็ไม่ คุณเองก็น่าจะรู้ว่ามันมีแต่ความสูญเสีย ไม่มีใครได้อะไรเลยจากเกมนี้” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ฉันมาที่นี่เพราะต้องการมาขอโทษกับสิ่งที่ทำไว้กับคุณเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว และจะบอกว่าตอนนี้งานศพคุณพงษ์ศักดิ์ผ่านไปด้วยดีแล้วนะ” แม่เอ่ยหลังจากนั้น

“ถึงตายฉันก็ไม่ยกโทษให้ แกเป็นชู้กับผัวฉัน กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา” เธอยังคงเอ่ยเสียงแข็ง ไม่มีท่าทีจะอ่อนลงเลย

“แต่ฉันจะยกโทษให้กับคุณทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่คุณสั่งให้คนมาฆ่าฉัน เรื่องที่คุณฆ่าคุณพงษ์ศักดิ์เสียชีวิต ฉันอโหสิกรรมให้ทั้งหมด เกิดชาติหน้าเราจะได้ไม่ต้องมาจองเวรกันอีก”

“ผมก็ต้องขอโทษที่ทำกับคุณไว้ ส่วนเรื่องที่คุณสั่งให้นายเหมฆ่ายายจันทร์แม้ว่ามันอาจจะทำใจยาก แต่ผมก็จะยอมให้อภัยคุณ จากนี้เราจะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกันอีก”

“พวกแกไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี ที่ฉันเป็นอย่างนี้ก็เพราะพวกแกทุกคน”

“ไม่จริง! คุณทำตัวคุณเองต่างหาก หากใจคุณมันมีความเมตตามากกว่านี้ เรื่องทุกอย่างมันก็คงจะไม่เกิดขึ้น คุณไม่ได้ทำลายแค่พวกเรา แต่คุณยังทำลายลูกชายตัวเองด้วย คุณรู้ไหมว่าตั้งแต่ออกจากบ้านไปวันนั้นพี่ธียังไม่ได้กลับมาให้พวกเราเห็นหน้าอีกเลย เขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้”

“โธ่! ตาธีลูกแม่ ป่านนี้ลูกจะเป็นอย่างไรบ้างนะ” เมื่อได้รู้ข่าวลูกชาย เธอก็น้ำตาไหลทันที

“จุดประสงค์ที่พวกเรามาก็เพื่อเท่านี้ล่ะ เราถือว่าได้อโหสิกรรมให้คุณแล้ว ส่วนคุณจะยอมอโหสิกรรมให้เราหรือเปล่าเราก็ห้ามคุณไม่ได้ เพราะหากคุณเก็บความแค้นนั้นเอาไว้ในอก คุณเองนั่นล่ะที่จะเจ็บปวดมากกว่าใคร” ว่าแล้วผมก็หันไปเอ่ยกับแม่ เพื่อเราจะได้ออกไปจากที่นี่กันเสียที “แม่ครับเราไปกันเถอะ”

แม่พยักหน้าให้ผมก่อนจะหันไปเอ่ยกับเธออีกครั้ง “ดูแลตัวเองให้ดีนะคะคุณวรรณี อยู่เพื่อลูกชายของคุณเอง เหมือนที่ฉันเอาชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพื่อต้องการได้เห็นหน้าลูกชายอีกครั้ง ฉันหวังว่าคุณเองก็คงจะสู้เหมือนกัน” ผมรู้สึกภูมิใจที่มีแม่คนนี้ ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกชายท่าน ท่านมีจิตใจที่เมตตาโอบอ้อมอารีมากเหลือเกิน

“เดี๋ยว!”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมกับแม่ก็หันกลับไปมองหน้าเธออีกครั้ง

“มีอะไรอีกงั้นเหรอครับ” ผมขมวดคิ้วมองหน้าเธอด้วยความสงสัย

“จริงๆ แล้วตาธีไม่ได้เป็นลูกชายแท้ๆ ของพ่อเธอหรอก” เธอเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด

ผมไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่เธอบอกความจริงต้องการอะไรกันแน่ แต่มันทำให้ผมเริ่มยิ้มได้ รู้สึกว่าโลกมันสดใสขึ้นทันที ผมกับพี่ธีไม่ได้เป็นพี่น้องกันแท้ๆ งั้นเหรอ ผมดีใจเหลือเกินที่เรื่องบัดสีนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับพวกเรา

“ทำไมตอนนั้นคุณถึงได้โกหก รู้ไหมว่ามันจะทำร้ายลูกชายคุณไปด้วย คุณรู้หรือเปล่า” ผมบอกกับเธอ

“ฉันยอมรับว่าต้องการทำให้เธอเจ็บปวดมากที่สุดเลยโกหกไปอย่างนั้น ตอนนั้นฉันมั่นใจว่าตาธีจะเข้มแข็งพอ กะว่าจะบอกความจริงแกหลังจากนั้น แต่ตาธีก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้ จิตใจเขาอ่อนแอเกินกว่าจะรับเรื่องนี้ได้ เขาไม่ได้อยู่ให้ฉันได้พูดความจริง ฉันเสียใจ ฉันเสียใจ ฮือๆ ๆ” เธอคงเป็นห่วงลูกชายมากถึงได้ยอมบอกความจริงกับพวกเรา

“ผมดีใจที่คุณยอมพูดความจริงกับพวกเรา”

“ที่ฉันพูดความจริงเพราะอยากจะขอร้องให้เธอช่วยตามหาตาธี และช่วยบอกความจริงให้เขารู้ เขาจะได้ไม่ต้องอยู่กับความทุกข์ไปตลอดชีวิต เธอพอจะยอมช่วยเหลือฉันได้ไหม” แววตาของเธอดูอ่อนโยนลงมาก ในที่สุดความเป็นแม่ในตัวเธอก็ทำให้หัวใจที่เคยแข็งกระด้างอ่อนโยนลงได้

“ผมสัญญาว่าจะตามหาพี่ธีให้เจอ แล้วจะบอกความจริงให้เขาได้รู้ ว่าแต่คุณพอจะบอกได้ไหมว่าพ่อของพี่ธีเป็นใครกันแน่” ผมเองก็อยากรู้ว่าใครเป็นพ่อแท้ๆ ของพี่ธี ทำไมเธอถึงได้ปกปิดมาได้นานขนาดนี้

“พ่อของตาธีก็คือ....นายเหม นายเหมเคยเป็นคนขับรถให้พ่อสมัยที่ฉันยังเป็นวัยรุ่น นายเหมคือรักแรกของฉัน เราแอบได้เสียกันมาตลอดจนพ่อฉันรู้และไล่นายเหมออกจากบ้าน ท่านจึงจับฉันให้แต่งงานกับคุณพงษ์ศักดิ์ ซึ่งตอนนั้นเขาเป็นลูกน้องที่พ่อรักและไว้ใจมาก แต่หลังจากแต่งงานแค่ไม่กี่วันก็พบว่าตัวเองตั้งท้อง แต่ฉันก็เลือกที่จะเก็บความลับนั้นไว้มาจนถึงตอนนี้” เธอเล่าให้พวกเราฟังด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ราวกับสิ้นหวังในชีวิตเสียเหลือเกิน

“มิน่าล่ะนายเหมถึงได้ยอมทำเพื่อคุณถึงขนาดนี้”

“ถ้าเจอตาธีแล้วฝากบอกเขาด้วยว่าไม่ต้องมาเยี่ยมฉัน ฉันไม่อยากให้ลูกต้องมาเจอฉันในสภาพแบบนี้ ฉันไม่อยากให้ลูกต้องมาเจอทั้งพ่อและแม่ในคุกแบบนี้”

“ผมจะบอกให้ แต่ผมมั่นใจว่าพี่ธีต้องรับได้ เอาเป็นว่าคุณไม่ต้องคิดอะไรมาก ผมรับรองว่าจะตามหาพี่ธีให้เจอ”

“ขอบใจเธอมากนะวิน ฉันขอโทษกับสิ่งที่ทำกับพวกเธอเอาไว้ ท้ายที่สุดแล้วฉันก็ต้องเป็นฝ่ายขอร้องให้พวกเธอช่วย ฉันจะยอมรับกรรมที่ตัวเองก่อไว้ จะไม่ปฏิเสธแม้แต่ข้อหาเดียว”

ผมและแม่ยิ้มให้เธอก่อนที่เราจะแยกจากกัน การมาหาแม่บุญธรรมในเรือนจำครั้งนี้ ทำให้ผมได้ปลดแอกกับเรื่องราวเลวร้ายในชีวิตที่ผ่านมา ปลดแอกกับความแค้นที่ฝังใจมานาน และที่สำคัญผมกับพี่ธีไม่ได้เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกัน ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจมากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ให้มันจบกันไปเนาะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่ธีหายไปไหนล่ะเนี่ย หรือตอนออกมาพี่ธีรู้ความจริงแล้ว

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แล้วจะตามหายังไงละที่นี้  :katai1:

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
รอนะคะ  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทที่ 19

เจอตัว



ถึงแม้ว่าผมจะใช้เวลาในทุกๆ วันออกตามหาพี่ธีแต่ทว่าก็ยังไม่พบตัว ยิ่งนานวันผมยิ่งรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของเขา ไหนจะความรู้สึกของตาหนูอีก ผมอยากให้แกได้เจอหน้าพ่ออีกครั้ง อยากให้ลูกมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนคนอื่นๆ หลังจากต้องเจอเรื่องราวที่กระทบกระเทือนจิตใจมาถึงสองครั้งสองครา

หลายวันที่ผ่านมา ผมได้ส่งช่างเข้าไปรีโนเวทบ้านของยายจันทร์ให้กลับมาอยู่ในสภาพดีเหมือนเดิม ผมอยากให้บ้านหลังนี้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง และวันนี้ผมพาแม่และตาหนูมาที่นี่ เพื่อย้อนรำลึกถึงวันวานที่เคยใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ผมตั้งใจไว้ว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่หลังจากเจอตัวพี่ธีแล้ว แม้ว่าบ้านหลังนี้จะไม่ได้หรูหราเหมือนบ้านเตี่ยหรือบ้านพี่ธี แต่ที่นี่ก็ให้ผมมีความสุขผมได้มากกว่าที่อื่นๆ

“แม่ครับหลังจากเจอพี่ธีแล้วผมกะว่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่”

“ก็ดีนะแม่เห็นด้วย ที่นี่ก็น่าอยู่มากๆ เงียบสงบดี แถมยังมีศาลาท่าน้ำด้วย” แม้ว่าแม่จะเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก แต่ดูท่าทางแล้วคงจะชอบที่นี่อยู่ไม่น้อย

“ผมไม่อยากให้ยายจันทร์อยู่ที่นี่เพียงลำพังอีกแล้ว ยายจันทร์ดีกับผมมากเหลือเกินครับแม่ ท่านเป็นคนให้ชีวิตใหม่กับผม” ผมเอ่ยขณะมองดูกรอบรูปของยายจันทร์บนหิ้ง ข้างกันนั้นก็เป็นโกศบรรจุอัฐิที่ผมไปขอมาจากวัด ผมอยากให้ยายจันทร์ได้กลับมาอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม เราจะกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้ว

“ฉันขอบคุณยายมากนะจ๊ะที่ช่วยเหลือลูกชายฉันไว้ หากชาติหน้ามีจริงขอให้ฉันได้เกิดเป็นลูกหลานของยาย ได้ตอบแทนบุญคุณ ยายจะได้ไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเหมือนชาตินี้” แม่เอ่ยต่อหน้าอัฐิยายจันทร์

“น้องนนท์ครับ...รู้ไหมว่าตอนน้องนนท์ยังเป็นเด็ก เราเคยอยู่ที่นี่กันนะครับ”

“จริงเหรอครับคุณแม่ ทำไมน้องนนท์จำไม่ได้”

“จริงสิครับ ยายจันทร์คนนี้เคยเลี้ยงน้องนนท์ด้วยนะ ยกมือไหว้ยายจันทร์สิครับ”

“สวัสดีครับยายจันทร์ ขอบคุณที่ช่วยเลี้ยงน้องนนท์มาตั้งแต่เด็กนะครับ” ตาหนูยกมือไหว้ตามที่ผมบอก ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ผมก็คาดไม่ถึง ตาหนูฉลาดมากเหลือเกิน ผมได้แต่มองดูแล้วยิ้มตาม

“ก่อนเสียยายจันทร์ขายข้าวแกงใช่ไหมลูก”

“ครับแม่ยายจันทร์ทำกับข้าวอร่อยมาก จนชาวบ้านแถวนี้เป็นลูกค้าประจำกันทั้งนั้น” ว่าแล้วก็นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ เหลือเกิน ผมคิดถึงยายจันทร์จัง

“ถ้าเรามาอยู่ที่นี่แล้วแม่อยากจะขายข้าวแกง แม่อยากจะสานต่อสิ่งที่ยายจันทร์ทำ เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่แม่จะทำให้ยายจันทร์ได้ ในฐานะที่ท่านช่วยเหลือลูกเอาไว้”

“แต่ผมไม่อยากให้แม่ลำบากอีกแล้วนะครับ อีกอย่างตัวผมเองคงต้องไปๆ มาๆ เพราะต้องไปดูแลเตี่ยด้วย คงช่วยแม่ขายตลอดไม่ได้”

“แม่ไม่ลำบากหรอก เพราะคงไม่เข็นไปขายแต่จะตั้งขายตรงหน้าบ้านไง จะได้ไม่เหนื่อย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจแม่ครับผมยังไงก็ได้”

“น้องนนท์จะช่วยคุณยายขายด้วยนะครับ”

“ครับผม แต่ต้องหลังจากน้องนนท์เลิกเรียนแล้วนะ”

“ครับคุณแม่” ตอนนี้ตาหนูเริ่มจะสนิทใจกับผมมากขึ้นแล้ว ส่วนอรจิราเธอไม่เคยกลับมาให้เห็นหน้าเลย ตาหนูจึงไม่ค่อยเอ่ยถึงเธอ แต่ที่ถามหาอยู่บ่อยครั้งก็เป็นพี่ธีเหมือนเดิม

“ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันก่อนเถอะครับ วันหลังค่อยมาใหม่”

“จ๊ะ”

จากนั้นเราทั้งสามคนก็ออกมาจากบ้าน เดินขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าบ้านพร้อมกับอาหยาง ผมบอกอาหยางขับรถแวะเข้าไปในตลาด เพื่อทักทายลุงวินที่ผมเคยรู้จัก ไม่รู้ว่าป่านนี้จะล้มหายตายจากย้ายถิ่นฐานกันไปไหนบ้างหรือยัง หากได้ย้ายมาอยู่ที่นี่เราคงจะได้มีโอกาสไปมาหาสู่กันบ่อยขึ้น

“อาหยางจอดข้างหน้านี้ล่ะ”

“ครับ”

“นั่งรออยู่ในนี้ก่อนนะครับแม่ ผมขอลงไปทักทายคนรู้จักแปบเดียว” แม่พยักหน้ายิ้มให้ ผมจึงหันไปเอ่ยกับตาหนูต่อ “นั่งรอแม่อยู่ในรถก่อนนะครับ”

“ครับคุณแม่”

ผมเดินลงจากรถไปหาลุงวินมอเตอร์ไซต์ที่นั่งรอลูกค้าอยู่ในศาลาหน้าปากซอย ผมจำหน้าพวกเขาได้ดีแม้ว่าหน้าตาของแต่ละคนจะเปลี่ยนไปบ้างตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น

“สวัสดีครับลุงๆ”

ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียวกัน ก่อนจะขมวดคิ้วมองราวกับคุ้นหน้าผม แต่นึกชื่อไม่ออกอะไรเทือกนั้น คงจะจำไม่ได้สินะ

“จะไปไหนครับคุณ เอ...ว่าแต่ทำไมถึงหน้าคุ้นๆ เหมือนกับว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน” ลุงจอมเอ่ย

“ลุงจอมจำผมไม่ได้เหรอครับ ผมวินหลานยายจันทร์ไง”

“อ้อ...ไอ้วินนี่เองลุงจำได้แล้ว ทำไมเอ็งดูเปลี่ยนไปเยอะอย่างนี้วะ ดูมีสง่าราศีขึ้น แล้วเอ็งหายไปไหนตั้งหลายปี”

“ลุงก็รู้ว่าผมต้องหนีคดี ตอนนี้จับฆาตกรตัวจริงได้แล้ว ผมคิดว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิมครับ เลยมาทักทายลุงๆ ไง”

“เออใช่ว่ะ ตอนเกิดเรื่องลุงเองก็ไม่เชื่อว่าเอ็งจะเป็นคนทำ เอ็งรักยายจันทร์มากขนาดนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ ว่าแต่ตอนนี้เอ็งดูร่ำรวยแล้วทำไมถึงจะมาอยู่ที่เดิมล่ะวะ” ลุงจอมทำหน้าสงสัยเล็กน้อย

“จริงๆ แล้วผมเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรหรอกครับ ทุกอย่างที่มีก็เป็นของคนอื่นทั้งนั้น ที่นี่คือบ้านของผม ยังไงผมก็ต้องมาอยู่ที่บ้านสิครับ” ผมส่งยิ้มให้ลุงจอม

“ว่าแต่ตอนนี้ลูกเอ็งอยู่ไหนล่ะ ป่านนี้คงโตแล้วสินะ”

“ตาหนูนั่งรออยู่ในรถครับ วันนี้ผมต้องรีบกลับก่อน ถ้ายังไงวันหลังผมจะพามาไหว้ลุงนะครับ”

“เออๆ โชคดีว่ะไอ้วิน ลุงดีใจนะที่ได้เจอเอ็งอีกครั้ง”

“ถ้างั้นผมกลับแล้วนะครับลุง” ผมยกมือไหว้ลุงจอมแล้วเดินออกมาจากจากตรงนั้น

แต่เดินมายังไม่ถึงสามก้าวลุงจอมก็เอ่ยเรียกผมอีกครั้ง

“วิน!”

“อะไรครับลุง” ผมหันกลับไปมองหน้าลุงจอม เลิกคิ้วทำหน้าสงสัยเล็กน้อย

“เอ็งยังคบกับผัวเอ็งอยู่หรือเปล่าวะ ไอ้คนที่มันมาตามรังควานเอ็งเมื่อห้าปีก่อน”

“เปล่าครับลุง มีอะไรงั้นเหรอครับ”

“ลุงคลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นไอ้หนุ่มคนนั้น แต่ก็ยังไม่มั่นใจนะเพราะสภาพมันดูซกมกมาก”

ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น ขอให้เป็นพี่ธีจริงๆ เถอะ ผมอยากบอกความจริงกับเขาจะแย่แล้ว

“เจอที่ไหนครับลุง!”

“อยู่แถวกองขยะท้ายตลาดโน่น วันก่อนลุงไปส่งคนแถวนั้นบังเอิญเห็นว่า...” ลุงจอมเหมือนไม่อยากจะพูดให้ผมฟัง ราวกับสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องไม่ค่อยดีนัก

“ว่าอะไรครับลุงรีบบอกผมมาเถอะ ผมกำลังตามหาเขาพอดี”

“สภาพมันดูไม่ได้เลย ไม่ต่างจากคนเร่ร่อนคุ้ยขยะในถังกิน”

“ไม่เป็นไรครับลุงพาผมไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย ผมอยากจะไปดูว่าใช่เขาหรือเปล่า”

“ป่ะเดี๋ยวลุงพาไป”

“เดี๋ยวผมแวะไปที่รถแปบนะครับลุง”

มือไม้ผมสั่นเดินไปที่รถเพื่อบอกให้อาหยางขับรถตามลุงวินไป ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าพี่ธีอีกครั้ง ถ้าเป็นเขาจริงๆ ก็คงน่าสงสารมาก ที่ต้องมาใช้ชีวิตอย่างนี้อยู่นานเป็นเดือน ผมเคยอยู่ในสภาวะแบบนั้นมาแล้ว รู้ดีว่ามันเป็นอย่างไร



ผมนั่งซ้อนท้ายลุงจอมมาที่ท้ายตลาด บริเวณนี้เป็นพื้นที่โล่งเต็มไปด้วยกองขยะสูงเกือบเท่าภูเขาส่งกลิ่นเหม็นเน่า มีชาวบ้านสองสามคนกำลังคุ้ยขยะเพื่อเก็บพวกขวดพลาสติกและของเก่าไปขาย

ลงมาจากรถแล้วผมก็กวาดสายตามองหาพี่ธีทันที ที่มองเห็นในตอนนี้ยังไม่เจอแม้แต่เงาเขาเลย

“ตรงไหนครับลุง”

“ตอนที่ลุงเห็นมุมโน้น แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะไปที่อื่นแล้วหรือเปล่าน่ะสิ”

“ไม่เป็นไรครับลุงเดี๋ยวผมจะลองเดินหาแถวนี้ดู ลุงกลับไปก่อนได้เลยนะครับ” ว่าแล้วผมก็เอาเงินค่ารถให้กับลุงจอม

“ถ้ามีอะไรให้ช่วยเรียกลุงได้นะ”

“ครับลุง ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

หลังจากลุงจอมขับรถกลับไปแล้ว ผมจึงเดินตามหาบริเวณรอบๆ กองขยะ โดยไม่ส่งเสียงเรียกเพราะกลัวว่าถ้าพี่ธีได้ยินจะเตลิดหนีไปอีก

มาถึงอีกฝั่งหนึ่งของกองขยะ ผมก็เจอแผ่นหลังของใครบางคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างขยะกองโต เขาคนนั้นเหมือนกำลังก้มหน้าทานอะไรบางอย่างอยู่ หัวใจผมเต้นเร็วและแรงขึ้นขณะเดินเข้าไปใกล้ ใช่แน่ๆ ต้องใช่พี่ธีแน่ๆ ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ในสถานที่อย่างนี้ได้

“พี่ธีครับ ฮึก”

“...”

เขาเมื่อได้ยินเสียงเรียกก็นั่งนิ่งหยุดทุกการเคลื่อนไหว

ใช่แน่นอนแล้ว...

ผมจำได้เสื้อผ้าชุดนี้เป็นชุดเดียวกับที่เขาใส่ออกมาจากบ้านวันนั้น แต่ทว่าตอนนี้มันกลับเลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสีดำ จนแทบไม่เหลือเค้าเสื้อผ้าราคาแพงเลย

น้ำตาผมหยดแหมะเมื่อเห็นสภาพของพี่ธี ทำไมเขาต้องพาตัวเองมาอยู่ในสภาพนี้ ผมสงสารเขาเหลือเกิน

“พี่ธีจะไปไหน” ผมตะโกนห้ามทันทีที่เขาลุกขึ้นจะเดินหนีไปจากผม พร้อมทั้งพุ่งตัวเข้าไปรั้งมือไว้ทันที

“ผมไม่ใช่คนที่คุณรู้จักหรอกนะครับ” เขาเอ่ยทั้งที่ยังหันหลังให้ผม

“จะไม่ใช่ได้ยังไงกันพี่อย่าหนีไปไหนอีกเลยนะครับ กลับบ้านเราเถอะนะ ฮึก...เรื่องที่ผ่านมาผมไม่ได้โกรธหรือเกลียดพี่แล้ว ผมให้อภัยพี่ทุกอย่างแล้ว”

“กูมันเลว! กูสร้างมลทินให้กับมึง กูอยากชดใช้ความผิดที่ทำให้มึงต้องหนีออกจากบ้าน ต้องมาตกระกำลำบาก กูอยากรู้รสชาติของการเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่ไปว่ามันเป็นอย่างไร กูเจ็บปวด ทรมาน หิว หนาว ต้องนอนข้างถนน วันนี้กูได้รู้รสชาติของความทรมานที่มึงเคยได้รับแล้ว” พี่ธีตัวสั่นเพราะกำลังร้องไห้ แม้ว่าเนื้อตัวเขาจะมอมแมม แต่ผมก็ไม่รังเกียจที่จะไปกอดเขาจากด้านหลังเอาไว้

“พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรแล้ว เพราะความจริงเราไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ กันนะครับ ฮึก” ผมปล่อยโฮออกมา

“มะ...หมายความว่าไง” เขารีบพลิกตัวหันมามองหน้าผมทันที จับต้นแขนทั้งสองข้างผมเอาไว้ ทำให้ผมเห็นใบหน้าที่มอมแมมและหนวดเคราที่ยาวเฟื้อย หากดูผิวเผินผมคงจะจำเขาไม่ได้แน่

“ผมไปเยี่ยมแม่พี่ที่เรือนจำ ท่านบอกความจริงกับผมหมดแล้ว ว่าพี่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อ คนที่เป็นพ่อแท้ๆ ของพี่ธีก็คือ...นายเหม” ผมกลัวว่าเขาจะรับความจริงเรื่องพ่อไม่ได้ จึงเอ่ยออกมาอย่างไม่เต็มเสียงนัก

“นายเหม...งั้นเหรอ ไม่จริง” ตอนแรกที่รู้ว่าเราไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ พี่ธีดีใจจนเริ่มยิ้มออก แต่พอรู้ว่าใครเป็นพ่อที่แท้จริงเขาก็หุบยิ้มทันที ความเจ็บปวดเริ่มเข้ามาแทนที่อีกครั้ง

“ผมรู้ว่ามันอาจจะทำใจยอมรับยาก แต่ความจริงก็คือความจริงนะครับ อย่างน้อยตอนนี้เราก็ไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ กัน พี่เองก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรแล้ว ผมให้อภัยพี่ทุกอย่างแล้วนะ”

“ถึงมึงจะอภัยให้ แต่กูคงไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้แล้ว แม่กูฆ่าพ่อมึงตาย ฆ่ายายจันทร์ กูรู้สึกละอายใจที่พ่อกับแม่กูทำลายคนที่มึงรักจนไม่เหลือใครอีกแล้ว”

“ใครบอกว่าผมไม่เหลือใครแล้ว ผมยังมีแม่ มีพี่และน้องนนท์ยังไงล่ะครับ ส่วนพี่เองก็ยังมีพวกเราทุกคน เราจะมาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ” ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขากลับมาใช้ชีวิตดังเดิมให้ได้

“กู...ฮึก ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา กูเสียใจที่ทำให้มึงต้องเจ็บปวดไม่รู้ต่อกี่ครั้ง กูรักมึงมากนะวิน แต่กูไม่สามารถพูดคำนี้ออกไปได้” พี่ธีร้องไห้อย่างหนักหน่วงผมจึงโผเข้ากอดเขาไว้เพื่อปลอบใจ

“ไม่ต้องคิดมากแล้วนะครับ น้องนนท์รอพี่กลับบ้านทุกวัน กลับไปหาน้องนนท์นะครับ”

“คุณพ่อ!”

เราทั้งสองได้ยินเสียงตาหนูตะโกนเรียก จึงผละออกจากกัน ก่อนจะกันไปมองยังต้นเสียง ก็เห็นแม่ ตาหนู และอาหยางยืนมองอยู่ก่อนแล้ว

“น้องนนท์ลูกพ่อ” พี่ธีนั่งคุกเข่ารอรับอ้อมกอดจากตาหนู ทั้งสองกอดกันแน่นราวกับโหยหากันและกันมาแสนนาน ผมได้แต่มองแล้วยิ้มตามอย่างโล่งใจ ในที่สุดเรื่องทุกอย่างก็จบลงด้วยดีแล้วสินะ

“น้องนนท์คิดถึงคุณพ่อ ฮือๆ ๆ ทำไมคุณพ่อไม่กลับมาหาน้องนนท์บ้างเลย”

“พ่อขอโทษนะครับคนดี พ่อขอโทษที่ทำให้ลูกต้องร้องไห้ ต่อไปนี้พ่อจะกลับไปอยู่กับน้องนนท์แล้วนะครับ”

“จริงๆ นะครับคุณพ่อ”

“จริงสิครับ” พี่ธีผละตัวจากตาหนูก่อนจะส่งยิ้มให้ผ่านม่านน้ำตา

ในขณะที่ผมกำลังยืนยิ้มอยู่นั้น ก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมา ไม่ใช่ใครที่ไหนนั่นคืออาหยาง ผมจึงหันไปมองหน้าเขา แม้ใบหน้าหล่อนั้นจะยิ้มให้ผมอยู่ก็ตาม แต่แววตาที่มองมานั้นช่างเป็นแววตาที่ปวดร้าว ราวกับกำลังจะสูญเสียผมไปซะอย่างนั้น เห็นอย่างนั้นผมก็ยิ้มไม่ออก เพราะกลัวว่าจะทำให้อาหยางรู้สึกแย่กับผมไปมากกว่านี้

“เรากลับบ้านกันเถอะครับ” ผมเอ่ยกับสองพ่อลูก

“ผมต้องขอโทษคุณน้าด้วยนะครับที่เคยทำไม่ดีกับวินเอาไว้ แถมยังต้องให้ลำบากมาตามหาในสถานที่อย่างนี้อีกด้วย” พี่ธียกมือไหว้ขอโทษแม่

“ไม่เป็นไรจ้ะเรื่องมันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป เราเองก็สูญเสียด้วยกันทั้งหมด จากนี้เราก็มาเริ่มต้นกันใหม่นะ” แม่ยิ้มให้

“ขอบคุณมากๆ นะครับที่ยอมให้อภัยผม”

“น้ายินดีจ้ะ”

จากนั้นเราทั้งหมดก็เดินไปที่รถ ตาหนูที่เดินอยู่ตรงกลางระหว่างผมกับพี่ธี ยกมือขึ้นมาจับมือเราทั้งสองคนไว้ แล้วส่งยิ้มให้อย่างมีความสุข ผมไม่เห็นตาหนูมีความสุขอย่างนี้มานานแล้ว และผมเองก็อยากให้มันเป็นอย่างนี้ตลอดไป 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด