เป็นกำลังใจให้เสมอครับ
ขอบคุณครับ เห็น ken ทีไรให้แต่กำลังใจ คราวนี้ขอเปลี่ยนเป็น ตัว ได้ไหมอ่ะ
29
คชานนท์ก้าวเท้ายาวๆ ขึ้นบันไดไปยังชั้นสามของโรงพยาบาลอำเภอสอง จังหวัดแพร่ ห้องไอซียูของโรงพยาบาลอยู่สุดทางเดินชั้นสามทางทิศตะวันออกของตึก ด้านหน้าเป็นกระจกใส มีมู่ลีสีเทาอ่อนบังตาอยู่ ชายหนุ่มกดกริ่งเรียกเจ้าหน้าที่ ไม่นานพยาบาลสาวอายุราวยี่สิบต้นๆ เดินมาต้อนรับ เขาแจ้งขอเข้าเยี่ยมพันตำรวจตรีอธิคม พร้อมส่งรอยยิ้มให้ พยาบาลสาวก้มหน้าเอียงอายเล็กน้อย ก่อนจะเปิดประตูให้เขา
น้องชายนายตำรวจมือปราบไม่แปลกใจสักนิดที่เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ข้างเตียงคนป่วย ใบหน้าเศร้าๆ กำลังมองพี่ชายของเขา มือซ้ายของชายหนุ่มลูบไล้มือของคนตัวโตที่นอนหลับไม่ได้สติ
อนุภาพหันหน้ามามองเมื่อรู้สึกตัวว่ามีใครคนหนึ่งมายืนอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มเลิกคิ้ว อย่างสงสัยเล็กน้อย แต่ทันใดก็ยิ้มให้บางๆ
“คุณคชานนท์”
“สวัสดีครับคุณนุ” คชานนท์ยิ้มกว้าง “ในที่สุดผมก็เจอคุณนุเสียที ได้ยินแต่ชื่อ”
“เช่นกันครับ” อนุภาพตอบ แล้วหันไปมองอธิคม พลางนึกในใจว่าพี่น้องสองคนนี้หน้าตาคล้ายกันมาก หากคชานนท์ดูร่างบางและผิวขาวกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“สารวัตรยังหลับอยู่ครับ ยังไม่ตื่นเลย”
“นอนมาราธอนจริงๆ เลยนะครับ” คชานนท์ก้มลงมองอธิคม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างให้อนุภาพอีกครั้ง “คุณนุ...เอ่อผมขออนุญาติเรียกสั้นๆ เหมือนพี่คมนะครับ” อนุภาพพยักหน้า แล้วรอฟังคชานนท์พูดต่อ “คุณนุ รู้ได้ยังไงว่าเป็นผม”
“หน้าตาเหมือนกันมาก เห็นแวบเดียวก็ดูออก”
“จริงสินะ” คชานนท์พยักหน้า “แต่ว่าผมหรือพี่คมหล่อกว่ากันล่ะครับ”
อนุภาพอมยิ้ม อดนึกไม่ได้ว่า หน้าตาเหมือนกันแล้วก็ยังเจ้าคารมเหมือนกันอีก เพียงแต่ว่านัยน์ตาของคชานนท์ไม่แพรวพราวเหมือนพี่ชาย “คงต้องบอกว่าสารวัตรหล่อกว่าครับ” ชายหนุ่มก้มลงมองคนที่หลงตัวเอง คนที่พูดอยู่เสมอว่าตัวเองหล่อร้ายกาจ คนที่พร่ำบอกเขาว่า “มีแฟนหล่อก็ต้องทำใจนะคุณนุนะ”
“ผมก็ว่างั้นล่ะ” คชานนท์เดินอ้อมไปอีกฟากหนึ่งของเตียง เงยหน้าขึ้นมองระดับของน้ำเกลืออย่างพิจารณาแล้วก้มลงกระซิบข้างหูพี่ชาย
“พี่คม...ได้ยินรึเปล่า น้องชายพี่มาเยี่ยมนะ อีกหน่อยคุณพ่อก็จะตามมา”
อนุภาพจับตามองกิริยานุ่มนวลอ่อนโยนของคชานนท์แล้วอดนึกถึงความอ่อนโยนที่ได้รับจากอธิคมไม่ได้ การปรากฏตัวของคชานนท์ค่อนข้างแตกต่างไปจากที่เขาเคยนึกภาพเอาไว้ อธิคมเคยเล่าถึงน้องชายให้ฟังทำนองว่าคชานนท์เป็นนักธุริกจหลักทรัพย์ วันๆ เอาแต่ทำงานในออฟฟิส คิดคำนวณตัวเลขจนไม่มีเวลาหาแฟน ชอบทำตัวเป็นพ่อคนที่สองของเขา บุคลิกลักษณะก็แตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง
“คชานนท์เป็นลูกพ่อ ทำอะไรได้อย่างที่พ่อต้องการ ผมนะลูกผ่าเหล่า” อธิคมเล่าเรื่องครอบครับให้เข้าฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่แสดงท่าทีน้อยอกน้อยใจ “แต่มีอย่างที่ผมเหนือกว่าคชานนท์”
“อะไรเหรอครับ” อนุภาพเลิกคิ้ว ก่อนจะรีบพูด “อ้อ รู้แล้ว ไม่ต้องบอก...ความเจ้าชู้ไช่ไหม”
“โธ่ คุณนุ” อธิคมทำหน้ามุ่ย แล้วตามด้วยคำพูดเดิมๆ ที่เขาชอบว่าอนุภาพประจำเมื่อถูกขัดใจ “ใจร้าย”
อนุภาพนึกภาพของคชานนท์เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างเคร่งขรึมเหมือนนักธุรกิจทั่วๆ ไป แต่ภาพที่เห็นกลับไม่เป็นเช่นนั้น ช่ายหนุ่มดูร่าเริง ผ่อนคลายๆ ท่าทางสบายๆ เหมือนกับมาเยี่ยมใครซักคนที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ต้องนอนโรงพยาบาลธรรมดา
ที่สำคัญ “เงา” ของอธิคมสะท้อนอยู่ในตัวของน้องชายอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการพูด รอยยิ้ม ลักษณะท่าทาง ต่างกันอย่างเดียวที่คชานนท์ไม่มี “รัศมี” ของคนเจ้าชู้
...คนเจ้าชู้...บอกได้เลยหรือว่าใครเป็นคนเจ้าชู้...อนุภาพถามตัวเอง
เสียงของสมบัติดังขึ้นในหัว ครั้งหนึ่งเพื่อนรุ่นพี่เคยพูดว่า “คนเจ้าชู้นี่มีประกายแห่งเสน่ห์ฉายออกมา หูตาเขาจะแพรวพราว ยูจะรู้สึกได้เลย ลองนึกดูซิว่าใครเจ้าชู้บ้าง เอาคนที่เราเห็นๆ กันอยู่นี่ แล้วยูลองเปรียบเทียบดูว่าคนเหล่านี้เหมือนกันหรือเปล่า”
“ผู้กองธงรบ” อนุภาพตอบ สมบัติหัวเราะอย่างชอบใจพร้อมยกนิ้วให้
“นั่นอันดับหนึ่ง ตัวพ่อเลยล่ะ ขั้นเทพ จ่าฝูง”
“สารวัตรอธิคม อธิป โต้ง พี่วิทย์” อนุภาพเอียงหน้านึกแล้วโพร่งออกมา “แบ้งค์นิตินัย”
“นั่นเขาไม่เรียกเจ้าชู้ เขาเรียกแรด” สบบัติแทรก แล้วทำท่าประกอบ
อนุภาพหัวเราะจนแทบน้ำตาไหลกับบทสรุปของสมบัติ ส่วนในใจคิดต่อไปถึงอีกคนหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตของเขากับอธิคม “กษิดิษฐ์...”
...ทั้งหมดที่เอ่ยชื่อมา มีอะไรบางอย่างที่เหมือนกัน...นั่นคือนัยน์ตาที่แพรวพราวและรอยยิ้มที่ต่างไปจากคนอื่นๆ รอยยิ้มของคนเจ้าชู้นั้น “พูด” ได้พอๆ กับดวงตา สื่ออะไรต่อมิอะไรที่สลับซับซ้อนมากนัก รอยยิ้มเชิญชวน รอยยิ้มที่ทำให้คนหลงไหล รอยยิ้มที่พร้อมที่จะสานสัมพันธ์กับใครต่อใครก็ได้หากถูกใจ
เสียงทุ้มๆ ของคชานนท์ดึงความคิดที่ล่องลอยของอนุภาพให้กลับมา
คชานนท์มองใบหน้าพี่ชายนิ่ง พึมพำเบาๆ “เสื้อร้ายกลายเป็นแมวเหมียวเสียแล้ว แมวเหมียวที่บาดเจ็บ รอวันตื่น”
ชายหนุ่มหันไปมองอนุภาพที่ยืนมองพี่ชายเขาอยู่ใกล้ๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณนุครับ พี่คมเขาแกร่ง ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก อีกไม่กี่วันก็ฟื้นขึ้นมากวนใจได้แล้ว”
“ผมก็รอให้ตื่นมากวนอยู่ครับ” อนุภาพยิ้มบางๆ ขอบคุณคชานนท์ที่ช่วยปลอบ “แต่นี่ก็หลับตลอด ถามพยาบาลก็บอกว่ายังไม่ฟื้นเลยตั้งแต่ย้ายออกมาจากห้องไอซียู”
“ผมว่าไม่เกินเย็นนี้ก็ฟื้นแล้วครับ”
อนุภาพหันหน้ามามองคชานนท์ เลิกคิ้วเล็กน้อยเหมือนเป็นคำถามว่า ‘รู้ได้อย่างไร’
“ผมเคยมีแฟนเป็นหมอ เขาเล่าให้ฟังว่า...” คชานนท์ยิ้มกว้างอีก แล้วพูดต่อว่า “คนไข้นี่น่ะ บางทีเขาก็ตื่นแล้ว เพียงแต่ว่าสลึมสลือ แล้วเหนื่อยเกินกว่าจะโต้ตอบกับใคร อีกอย่าง ตอนที่เขาตื่นก็อาจเป็นช่วงที่เราไม่ได้อยู่ด้วย ก็เลยคิดแต่ว่าทำไมไม่รู้สึกตัวเสียที ผมว่าถ้าเขย่าตัวตอนนี้ก็อาจจะตื่นขึ้นมาเตะผมได้เลยล่ะ”
อนุภาพอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้กับอารมณ์ขันของคชานนท์ แรกที่เคยคิดว่าพี่น้องสองคนนี้ต่างกันมากนักก็อาจจะต้องคิดใหม่ คชานนท์มีอะไรที่คล้ายพี่ชายมากพอสมควร พอๆ กับที่มีอะไรแตกต่างกัน
“เขาเคยทำหรือครับ”
คชานนท์พยักหน้า “บ่อยจะตายไปครับ ตอนเป็นเด็กผมโดนประจำ ตอนเรียนมัธยมก็ด้วย พี่ธงรบต้องคอยเข้ามาช่วย ผมยังเคยตะโกนว่าเค้าว่าเป็นอันธพาล ใช้แต่กำลัง ไม่พอใจอะไรก็เอาแต่แรงเข้าสู้ ดูซิ เป็นไงล่ะ คราวนี้นอนอยู่บนเตียง เพราะชอบใช้แรงบ้าระห่ำ พ่อกับแม่ก็เคยปราม พี่คมก็ดันทุรังจะเป็นตำรวจให้ได้” คชานนท์พูดเรื่อยๆ ใบหน้ายิ้มๆ ดูไม่กังวลเท่าใดนัก
อนุภาพรู้ว่าคชานน์พยายามคุยปลอบใจเขา ผู้ชายคนนี้มีวิธีทำให้คนอื่นผ่อนคลายได้ต่างจากคนอื่นๆ ดูน่าจะเป็นนักการทูตมากกว่าจะเป็นนักธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์
“แล้วนี่สารวัตรใหญ่มาด้วยไหมครับ”
อนุภาพเลิกคิ้ว ไม่แน่ใจว่าคชานนท์หมายถึงอาวุธหรือเปล่า
“เอ่อ...สารวัตรอาวุธน่ะครับ” คชานนท์ยิ้มกว้าง ยิ้มที่ถอดพิมม์มาจากอธิคม ต่างกันที่ดวงตาไม่พราวระยับเหมือนที่กำลังนอนหลับไหล
“มาครับ อยู่ที่ตึกข้างหน้า กำลังคุยกับเจ้าหน้าที่เรื่องจองห้องพัก” อนุภาพหันมองอธิคม “บอกว่าเตรียมไว้รอให้สารวัตรย้ายออกจากไอซียู”
“พี่วุธเพอร์เฟ็คเช่นเคย” คชานนท์พูดยิ้มๆ “คุณนุรู้ใช่ไหมครับ พี่คมกับพี่ธงชอบเรียกสารวัตรอาวุธว่า มิสเตอร์เพอร์เฟ็ค”
อนุภาพพยักหน้า แม้แต่อาวุธก็เคยเล่าให้เขาฟังว่าเพื่อนสองคนรวมหัวกันนินทาเขาลับหลังเพราะ “อิจฉา” เขาที่ได้ตำแหน่งเร็วเกินหน้า และพ่อใหญ่เพราะเป็นถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
“ตัวเองเอาแต่เที่ยว เวลาเมาผมต้องออกไปเก็บตัวจากผับ ลากขึ้นรถไปส่งบ้าน แถมยังต้องถอดเสื้อผ้าให้ด้วย” อาวุธเคยเล่าให้อนุภาพฟังถึงเรื่องสมัยเรียนจบนายร้อยตำรวจใหม่ๆ ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาและไปทำงานคดีพิเศษที่ต่างประเทศกว่าสามปี
อนุภาพนึกถึงคำบอกเล่าของอีกสองหนุ่มที่พูดถึงมิสเตอร์เพอร์เฟ็ค “คุณนุอย่าไปเชื่ออาวุธมากนักนะ เวลาแบกผมมาจากผับ บางทีมันทิ้งให้ผมกับธงรบนอนระเนระนาดบนพื้น ไม่ก็โซฟา เนื้อตัวก็ไม่เช็ดให้” อธิคมบ่น
“ถ้าเป็นผม จะทิ้งให้นอนอยู่ในรถ” อนุภาพตอบเสียงเข้ม จนอีกฝ่ายหนึ่งทำหน้ามุ่ยแล้วบ่นว่า “ใจร้าย” เช่นเคย
“บางทีก็ลากผมไปกองอยู่หน้าห้องน้ำ” ธงรบเสริม อนุภาพก็เลยแก้ต่างให้ว่า สงสัยเพราะธงรบอาเจียนจนสกปรก ถ้าเป็นเขา จะลากไปทิ้งไว้ในอ่างอาบน้ำในห้องน้ำ แล้วเปิดน้ำแช่ครีมอาบน้ำเอาไว้ทั้งคืน
“ใจร้าย” ผู้กองธงรบเลียนแบบอธิคม...บ่นอุบ...จนอีกฝ่ายถลึงตาเข้าใส่บอกว่า “ห้ามมาพูดกับคุณนุแบบนี้เด็ดขาดนะไอ้เสาธง”
“อ้าวทำไมวะ แกยังพูดได้” ธงรบโวยวาย
“ก็ข้าเป็นแฟน แต่เอ็งเป็นคนแปลกหน้า” อธิคมขึ้นเสียง
“คนแปลกหน้าหรือ เดี๋ยวพ่อก็ทำความคุ้นเคยกับคุณนุซะหรอก จะได้เป็นคนใกล้ชิด”
“ไอ้...”
หลังจากนั้นสองหนุ่มก็ทะเลาะกันลั่น จนอนุภาพอดหัวเราะไม่ได้
อนุภาพตื่นจากภวังค์เมื่อคชานนท์เอ่ยขอตัวออกไปข้างนอกเพื่อรับโทรศัพท์ ชายหนุ่มพูดเบาๆ ว่า “คุณพ่อโทรมาครับ” ก่อนจะรีบเดินออกไปยังประตูห้อง
“คุณพ่อโทรมานะครับ สารวัตร” อนุภาพเอื้อมมือไปแตะแก้มสากๆ ของอธิคม หนวดเคราที่ไม่ได้โกนมาหลายวันเริ่มครึ้ม ทำให้ใบหน้าคมเข้มนั้นคมเข้มมากกว่าเดิม “เดี๋ยวคุณพ่อคุณก็จะมาเยี่ยม พี่บั้ดก็จะมา พจนีย์ อธิป แล้วก็อีกหลายๆ คนก็จะมาเยี่ยม สารวัตรรีบตื่นมารับแขกนะ” ชายหนุ่มยิ้มบางๆ แต่น้ำตาเริ่มจะเอ่อล้นขอบตา...
คชานนท์ออกไปคุยโทรศัพท์ไม่ถึงห้านาทีก็เดินกลับเข้ามา ยิ้มอบอุ่นให้อนุภาพ "คุณพ่อจะมาเยี่ยมพรุ่งนี้เย็นๆ ครับ ตอนนี้อยู่ที่อิตาลี่ กำลังจะประชุมเรื่องงาน ตอนแรกคุณพ่อจะยกเลิกแล้วรีบกลับ ผมก็เลยบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะมีคนดูแลอยู่แล้วหลายคน"
"ที่จริงมีสารวัตรอาวุธคนเดียวก็พอแล้ว" อนุภาพนึกถึงคนที่ดูแลเรื่องต่างๆ ทั้งหมด
"ก็อาจใช่ครับ พี่วุธเป็นแบบนี้ตั้งแต่เรียนนายร้อยตำรวจแล้วล่ะ ดูแลทุกคนเป็นอย่างดี" คชานนท์ยิ้ม "แต่ผมว่าพี่คมต้องการคนๆ เดียว"
อนุภาพเงียบๆ รู้ว่าคชานนท์หมายถึงใคร เริ่มเห็นแง่มุมของสองพี่น้องที่เหมือนกัน นั่นคือ นักเจรจาต่อรองชั้นยอด
"คุณคชานนท์ก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม" ชายหนุ่มพูดเสียงเบา
"งั้นหรือครับ" คชานนท์มองหน้าอนุภาพนิ่ง "คุณนุกล้าพูดได้เต็มปากหรือ...ว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปมากขนาดนั้นจนหันกลับมาไม่ได้เลยหรือครับ หรือว่ามันสายเกินไปแล้ว"
อนุภาพถอนหายใจ สายตาทอดมองร่างที่นอนอยู่ตรงหน้านิ่ง พยายามคิด ใตร่ตรอง ตัดสินใจ แต่ในหัวยังสับสน วุ่นวาย หมุนไปมาไม่ยอมหยุดเหมือนลูกข่างที่ถูกปั่นอย่างรวดเร็ว
"...จนคุณนุให้อภัยพี่คมไม่ได้" คชานนท์ทิ้งเสียงเบา
ก่อนที่อนุภาพจะทันได้ตอบอะไร ทั้งสองก็ถูกขัดจังหวะเมื่อพยาบาลเดินเข้ามาใกล้แล้วพูดว่า "ได้เวลาเช็ดตัวคนไข้แล้วค่ะ"
พยาบาลวัยกลางคนยิ้มอย่างอารมณ์ดี อนุภาพและคชานนท์ก้มหัวให้แล้วก้าวออกมาจากเตียงของนายตำรวจหนุ่ม แล้วทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องไอซียูไปหยุดยืนอยู่ที่ระเบียงไม่ไกลจากประตูห้อง
อากาศยามเช้าเย็นสะท้าน หน้าหนาวของจังหวัดทางภาคเหนือปีนี้หนาวยาวนานกว่าทุกปี แม้ถึงกลางเดือนมีนาคมแต่ก็ยังหนาวเย็นอยู่ไม่น้อย
อนุภาพกอดอกกระชับแขนแน่นเข้าเพื่อให้ตัวเองรู้สึกถึงความอบอุ่นของอ้อมแขน...แม้จะเป็นอ้อมแขนของตัวเอง...
สุดสายตาของทั้งสองเป็นผืนป่ากว้างไกล ทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงามยิ่งนัก โรงพยาบาลอำเภอสองของจังหวัดแพร่ตั้งอยู่ใกล้เชิงเขา ภูมิประเทศสวยงาม หากอนุภาพไม่รู้สึกอยากจะชื่นชมทัศนียภาพนั้นในเวลานี้ สิ่งเดียวที่เขานึกถึงคืออยากให้อธิคมรู้สึกตัวเร็วๆ
อธิคม...คนที่เคยพร่ำบอกว่ารักเขาทุกวัน ไม่เคยเบื่อที่จะพูด และเขาก็ไม่เคยเบื่อที่จะฟัง จนกระทั่งวันนั้น วันแตกหัก วันที่เขาเห็นภาพบาดตาบาดใจในห้องโรงแรม...บนเตียง...บนเตียงที่เขากับอธิคมนอนด้วยกัน วันที่เขาตัดสินใจเด็ดขาดที่จากนายตำรวจหนุ่มมา
...แม้เวลาจะผ่านไปหลายเดือน แต่เขาก็รู้อยู่เต็มหัวใจว่าตัวเองยังอยากจะได้ยินคำบอกรักจากสารวัตรอธิคมอยู่
แต่เขาก็ต้องตัดสินใจ...เลือกทางเดินใหม่ให้กับตัวเอง...ก้าวต่อไปในชีวิตแทนที่จะหยุดยืนประจัญหน้ากับปัญหาและความกังวลต่างๆ ดยบอกกับตัวเองว่า "ไม่ไหวแล้ว ไม่เอาแล้ว พอทีเถอะ"
อนุภาพกับคชานนท์ยืนอยู่เคียงข้างกัน ต่างคนต่างเงียบ ปล่อยให้ใจล่องลอย คิดถึงอะไรต่างๆ ที่ผ่านมาโดยมีนายตำรวจหนุ่มมือปราบที่นอนสงบอยู่บนเตียงคนไข้เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องราว
ชายหนุ่มทั้งสองต่างยืนนิ่งครู่ใหญ่ จนได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ คชานนท์รู้สึกตัวก่อนจึงหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นใครจึงยกมือขึ้นไหว้
"มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่นนท์" อาวุธทักทาย
"เมื่อเช้านี้ครับ" คชานนท์ตอบยิ้มๆ มือสองข้างล้วงกระเป๋า "พอมาถึงก็เห็นว่าพี่วุธจัดการทุกอย่างเสียเรียบร้อย"
"ยังไม่เรียบร้อยเสียทีเดียว แล้วต่อไปอาจต้องให้นนท์จัดการเพราะพี่ต้องไปทำคดีต่อ" อาวุธพูดแล้วหันไปหาอนุภาพ "คุณนุครับ ได้ห้องพักเดี่ยวพิเศษแล้วนะครับ ต้องใช้กำลังภายในนิดหน่อย ที่นี่มีห้องคนไข้เดี่ยวอยู่ไม่กี่ห้อง"
คชานนท์หันมามองอนุภาพเช่นกัน "พี่วุธซะอย่าง ทุกสิ่งสะดวกสบายไร้กังวล"
"นายก็เหมือนกัน ฝีมือการจัดการก็ใช่ย่อย"
คชานนท์หัวเราะเบาๆ แล้วตอบว่า "ยังไงก็ไม่สู้พี่หรอก พี่คมโชคดีที่ได้เพื่อนอย่างพี่คอยดูแล"
อาวุธชะงักไปชั่วครู่ มือเผลอยกขึ้นลูบริมฝีปากที่โดนอธิคมต่อยจนได้เลือด ในใจก็นึกสงสัยอยู่ว่าอธิคมคงไม่คิดอย่างที่คชานนท์พูด
"แล้วโชคดีที่มีน้องชายอย่างนนท์เหมือนกัน" อาวุธยิ้ม สายตาจับอยู่ที่ใบหน้าเรียบนิ่งของอนุภาพที่ยืนฟังสองหนุ่มชมกันและกัน
"คมโชคดีจริงๆ ที่มีแต่คนคอยดูแลเค้า" อาวุธพูดเสียงเบากับอนุภาพ หากดูราวกับว่ารำพันกับตัวเอง
คชานนท์มองอาวุธด้วยสายตาครุ่นคิด ก่อนจะตัดบทขึ้นว่า "มัวแต่มาชมกัน คุณนุคงเอียนแล้ว พี่วุธทานข้าวหรือยังครับ ผมชักจะหิว เราไปทานข้าวกันเถอะ"
สามหนุ่มเดินเคียงกันไปยังร้านอาหารหน้าโรงพยายาบาล อาวุธดูโดดเด่นอยู่ตรงกลางเพราะตัวสูงใหญ่กว่าอีกสองคนที่เดินขนาบข้าง ชายหนุ่มทั้งสามเป็นจุดสนใจของผู้คนรอบข้างเพราะดูแตกต่างจากคนท้องถิ่น ใบหน้าหน้าคมเข้มหล่อเหลาเป็นจุดสนใจทำให้บรรดาแม่ค้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะในอำเภอเล็กๆ เช่นนี้ไม่บ่อยครั้งที่จะมีหนุ่มหน้าตาดีถึงสามคนเดินมาพร้อมกัน
ทั้งสามเข้าไปนั่งในร้านอาหารเล็กๆ หน้าโรงพยาบาล เจ้าของร้านรีบเข้ามาต้อนรับ ส่งรอยยิ้มเป็นมิตรให้ พร้อมแนะนำอาหารอร่อยของร้าน แต่ชายหนุ่มทั้งสาต่างคนต่างสั่งกับข้าวจานเดียวง่ายๆ คชานนท์ของอนุญาตดื่มเบียร์ ส่วนอาวุธดื่มน้ำอัดลม มีเพียงอนุภาพที่ดื่มน้ำเปล่าไม่แช่เย็น
"หนาวขนาดนี้ยังดื่มของเย็น" อนุภาพพูดยิ้มๆ
"ผมดื่มเบียร์เพื่อเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายครับ" คชานนท์ตอบยิ้มๆ
อนุภาพยิ้มตอบ มองใบหน้าที่ระบายยิ้มแทบตลอดเวลาของคชานนท์แล้วนึกถึงอธิคม
"แล้วนี่นนท์ได้ที่พักหรือยัง" อาวุธถามแล้วยกน้ำอัดลมขึ้นดื่ม
"ยังครับ คิดว่าจะไปหาโรงแรมพัก" คชานนท์ตอบเสียงเรียบ เอื้อมมือไปหยิบหลอดกาแฟมาเสียบลงในกระป๋องเบียร์ของตัวเอง
อนุภาพมองตามมือเรียวขาวสะอาดของชายหนุ่ม รู้สึกแปลกใจที่เห็นวิธีดื่มเบียร์ของคชานนท์
"ที่นี่มีโรงแรมเล็กๆ ที่เดียว อยู่หน้าตลาดสด"
"อ้อ นั่นโรงแรมหรือครับ เมื่อเช้าผมแวะไปซื้อผลไม้ มีตึกเก่าๆอยู่ตรงข้าม ไม่นึกว่าจะเป็นโรงแรม นึกว่าแค่อาคารพาณิชย์ธรรมดา" คชานนท์แปลกใจ
"ธงรบก็พักที่นั่น" อาวุธพูดต่อ สลับกับหันหน้ามายิ้มให้อนุภาพที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ
"คุณคชานนท์พักที่บ้านผมก็ได้นี่ครับ แม้จะหลังเล็กแต่ก็พอมีที่" อนุภาพแทรกขึ้น
"ผมไม่อยากรบกวนคุณนุเลยครับ กลัวคุณนุกับพี่วุธไม่สะดวก แล้วเอ่อ...เลิกเรียกชื่อเต็มผมเถอะ เรียกผมว่านนท์ดีกว่า เรียกซะเต็มยศ ผมรู้สึกเขินๆ"
"พี่ไม่ได้พักที่บ้านคุณนุ" อาวุธพูดขึ้น "พี่พักโรงแรมเดียวกับธงรบนั่นล่ะ"
"อ้าวหรือครับ ผมนึกว่า..."
"เคยแวะไป คุณนุอนุเคราะห์ที่ให้หลับนอนตอนที่พี่แวะมาที่แพร่"
คชานนท์กำลังก้มหน้ามองกระป๋องเบียร์ของตัวเองอยู่พอดี จึงซ่อนสีหน้าแปลกใจเอาไว้ได้
...แวะมาที่แพร่...หมายความว่ายังไง? สารวัตรอาวุธแวะมาที่แพร่แล้วไปพักที่บ้านคุณนุ พูดเหมือนกับว่าแวะมาหาเป็นเรื่องปกติ ตายล่ะ ชักจะไปกันใหญ่ นี่ไม่รู้ว่าสองคนเป็นอะไรกันถึงขั้นไหนแล้ว เห็นทีจะช้าไม่ได้ แบบนี้พี่ชายเขามีทางแพ้...
...แต่หากมีอะไรกัน ทำไมคุณนุยังดูอาลัยอาวรณ์พี่คมนัก มองตาก็รู้ว่ารักพี่ชายเขามาก...
...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?...
"ผมนึกว่าพี่วุธอยู่ที่นี่" คชานนท์ทำหน้าแปลกใจ
"เปล่า ก็แค่แวะมาเยี่ยม เลยได้ช่วยคุณนุจัดการเรื่องการสร้างบ้าน แล้วพอดีคมถูกยิง ก็เลยอยู่ดูแลต่อ พี่อยู่ที่เชียงใหม่ มาทำคดีที่ลำปาง ตอนนี้อาจต้องตามพยานไปถึงเชียงราย ไม่ก็อุตรดิษต์ ส่วนเรื่องผู้ร้ายที่ปะทะกับทีมของอธิคม พี่จะประสานขอเข้าไปช่วยในฐานะเจ้าหน้าที่พิเศษของหน่วยสืบสวนกลาง"
"คุณพ่อพี่วุธใหญ่ครับ คุณนุ รับรองว่าต้องลากตัวคนที่ยิงพี่คมเข้าคุกได้แน่" คชานนท์หันไปอวดกับอนุภาพ
"ตายไปแล้ว คงโดนอธิคมกวาดซะเรียบ แต่มีตัวใหญ่หนีไปได้ พี่คิดว่าพวกนี้ลิงค์กับคดีฟอกเงินที่พี่กำลังทำอยู่"
"จัดการเลยครับพี่วุธ เอาให้หนัก แต่ว่าระวังตัวด้วยนะครับ" คชานนท์พูดเสียงนุ่ม
"ขอบใจ แต่พี่น่ะฝ่ายสืบสวน ไม่ใช่ปราบปราม และอีกอย่าง ไม่ระห่ำเหมือนอธิคมหรอก" อาวุธตอบคชานนท์แต่หันไปมองอนุภาพที่นั่งนิ่งไม่พูดจา "แต่ถ้าพี่ถูกยิง สงสัยนักว่าใครจะคอยดูแล"
"สารวัตร อย่าพูดแบบนี้สิครับ" อนุภาพรีบท้วง
"จริงด้วย พูดแบบนี้ ลางไม่ดี" คชานนท์เห็นด้วย
อาวุธหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า "ว่าแต่ว่า ใครจะอยู่เฝ้าสารวัตรอธิคมตอนออกจากห้องไอซียูล่ะ พี่ว่าไม่ใช่งานหมูๆ นะ"
"ผมเฝ้าก็ได้ครับ แต่คงอยู่นานนักไม่ได้ ต้องกลับไปดูงานที่กรุงเทพฯ ด้วย ตอนนี้ตลาดเงินกำลังผันผวนหนัก แต่พอจัดการเรื่องงานได้ผมก็กลับมาอีก ขึ้นๆ ลงๆ แพร่กับกรุงเทพฯ ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร โชคดีที่มีสนามบิน" คชานนท์พูดแล้วปรายตามองไปยังอนุภาพ ตั้งใจบอกความนัยว่า คนที่จะดูแลอธิคมก็คืออนุภาพนั่นล่ะ อย่างน้อยอนุภาพก็อาศัยอยู่ที่แพร่
อนุภาพยังไม่พูดอะไร รอฟังสองหนุ่มคุยกันต่อ อาวุธหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า "เคยเฝ้าอยู่พักนึงตอนที่เป็นตำรวจใหม่ๆ จำได้ไหม แทบจะขอให้พยาบาลผูกเชือกพี่ชายนนท์ไว้กับเตียง"
คชานนท์หัวเราะเสียงดังเมื่อนึกถึงอดีตของพี่ชาย หันไปมองอนุภาพเห็นชายหนุ่มเลิกคิ้วสงสัยเพราะไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน คชานนท์จึงเล่าให้ฟังว่า อธิคมขับรถไล่ตามผู้ร้ายจนชนวินาศสันตะโร ตัวเองก็บาดเจ็บไม่น้อย แต่ยังลุกขึ้นวิ่งไล่กระทืบโจรจนหมอบราบคาบ ท้ายที่สุดต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะผู้กำกับบังคับ ไม่เช่นนั้นจะถูกพักงานเพราะขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา
"พี่คมโวยวายจนพยาบาลเกือบจับฉีดยานอนหลับ ปากก็บอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมาก ทั้งที่ข้อมือซ้น กล้ามเนื้อขาฉีก ไหล่หลุด แผลที่ขมับก็เลือดไหลอาบหน้า" คชานนท์อธิบาย อนุภาพนึกตาม มองเห็นภาพนายตำรวจเจ้าปัญหาในความคิดได้อย่างชัดเจน เพราะภาพของอธิคมอย่างที่น้องชายเล่านั้นจินตนาการได้ไม่ยาก
"อธิคมไม่ชอบโรงพยาบาลเอามากๆ" อาวุธสรุป
"พี่คมเขากลัวเข็มฉีดยาเป็นที่สุด" คชานนท์เสริม กลั้นหัวเราะ ประกายตาขันๆ "ตัวยังกะยักษ์ ทำเก่ง แต่พอหมอจะฉีดยาก็เข่าอ่อน อิดออดท่านั้นท่านี้ ต้องต่อรองแทบจะต้องเอาขนมมาล่อเหมือนเด็กๆ เลยทีเดียว"
อนุภาพอมยิ้ม รู้ความลับของอธิคมอีกข้อหนึ่ง ในใจนึกถึงตอนที่นายตำรวจผู้เก่งกาจได้รับบาดเจ็บอาทิตย์ก่อนจะลักพาตัวเขาไปบ้านริมทะเล อธิคมทำเป็นอวดเก่งว่าเจ็บแค่นั้นไม่ต้องถึงกับนอนโรงพยาบาล และโรงพยาบาลนั้นเป็นที่ของคนใจเสาะ ถ้าไม่หนักหนาไม่จำเป็นต้องไปหาหมอ แต่เป็นอธิคมเองที่ชอบบังคับให้เขาไปหาหมอเมื่อไม่สบายเป็นไข้หวัดเล็กน้อย ซ้ำยังชอบล้อเขาว่ากลัวถูกฉีดยา
พนักงานร้านนำอาหารมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะแต่ยังไม่ทันจะได้ทาน อาวุธรีบขอตัวออกไปนอกร้านเพราะเห็นตำรวจที่รู้จักกัน
คชานนท์กับอนุภาพต่างทานอาหารกันช้าๆ สลับกับการคุยกันเรื่องอดีตบางแง่มุมของอธิคม น้องชายของนายตำรวจดูมีความสุขที่ได้เล่าถึงเรื่องอธิคมไม่ถูกกับหมอ ชายหนุ่มเล่าย้อนไปกระทั่งครั้งที่อธิคมเรียนมัธยม วีรกรรมแต่ละอย่างที่เล่ามาล้วนสะท้อนให้เห็นตัวตนในปัจจุบันของนายตำรวจหนุ่มทั้งสิ้น
อนุภาพนั่งฟังเงียบๆ ตักอาหารเข้าปากช้าๆ หูฟังเสียงของคชานนท์ แต่ใจล่องลอยไปถึงอดีตที่ผ่านมา
อดีตของเขาและอธิคมมีเวลาที่ดีร่วมกันตั้งแต่เริ่มต้น มีแง่งอนกันบ้างแต่ก็ไม่นาน แม้จะมีเรื่องของนิตินัย เรื่องของกษิดิษฐ์และคนเก่าคนอื่นๆ เขาก็คิดว่าตัวเองอดทนได้ จนกระทั่งคืนนั้นที่กระบี่ คืนที่เขาเห็นอธิคมเปลือยกายกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับใครคนหนึ่งบนเตียงในห้องนอน แต่ครั้นได้ฟังคำอธิบายแล้วเขาก็ยอมรับว่าเป็นความเข้าใจผิด แม้ใจส่วนหนึ่งก็ยังระแวงอยู่บ้าง และความหนักแน่นที่มีอยู่เริ่มคลอนแคลน
...แต่สิ่งที่แทรกซึมเข้ามาทีละน้อยกลับไม่ใช่เรื่องปัญหาของอธิคมกับเด็กเก่าๆ ปัญหากลับคือเรื่องของเขาเอง ปัญหาที่เขาต้องแก้ และอีกไม่กี่วัน เขาจะ "แก้" มันให้เสร็จ ขอเพียงแต่รอให้อธิคมฟื้นขึ้นมาก่อน ปัญหาจะได้จบไปเสียที...
******** end of chapter 29 *********
Revised 03/5/09