อรุณสวาทครับ
สุดสัปดาห์ที่หายไปคิดถึงคนอ่านน่าดู โดยเฉพาะคนที่จิ้มก้นผม เอ๊ย คนที่จิ้มให้ + 1
ไปงานแต่งงานเพื่อนที่ต่างจังหวัดมาครับ เหนื่อยจริงๆ รู้เลยว่าตัวเองแก่แล้ว ขับรถไกลๆ ไม่ไหว แต่ก่อนตอนไปทีลอซู ขับรวดเดียวถึงอุ้มผาง สบายมาก ตอนนี้แทบจะตายคาพวงมาลัย ปวดหลังปวดเอวไปหมด คนนวดให้ก็ไม่มีแล้ว
อ่านต่อนะครับ บทที่ 20 แล้ว ใกล้จะครึ่งทางแล่ะ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะครับ เพราะผมก็ยังไม่เบื่อโพส
ที่หายไปสองวันนี่มีเวลาเขียนแทรกเพิ่มเข้าไปด้วยครับ เพราะเห็นว่าเรื่องระหว่างธงรบกับอาทิตย์น่าจะมีอะไรเพิ่มอีกซักหน่อย...กลัวสองคนนั้นเสียใจที่บทน้อย
บทที่ 20
แลนด์โรเวอร์คันงามแวะเติมน้ำมันและจอดพักให้ผู้โดยสารได้ยืดเส้นยืดสาย สมบัติทำหน้าที่เป็นก้างขวางคออย่างเต็มที่โดยชวนให้อัสนัยและอนุภาพเดินเข้าไปรอในร้านกาแฟ สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ ขณะที่อธิคมกำลังเติมน้ำมัน...เขาไม่อยากปล่อยให้อธิคมกับอัสนัยอยู่กันสองต่อสอง เพราะรู้ว่าเมื่อรถจอด อนุภาพจะปลีกตัวเดินไปที่ร้านกาแฟทันที
อธิคมพยายามหาทางจะคุยกับอนุภาพตามลำพังหลังจากที่ชายหนุ่มนั่งเงียบตลอดทาง
เขาได้โอกาสตอนที่อนุภาพขอตัวไปซื้อของในร้านมินิมาร์ท ชายหนุ่มรีบเดินตาม ปล่อยให้สมบัติชวนอัสนัยคุยเรื่องท่องเที่ยวกรุงปารีส
“คุณนุ ไม่เห็นคุยกับผมบ้างเลย...ขับรถเหนื่อยๆ อยากได้กำลังใจบ้าง” อธิคมออดอ้อน
“ที่คุยกันมาตลอดทางไม่พอหรือครับ” อนุภาพหมายถึงที่คุยกับอัสนัยและสมบัติ
“ผมอยากคุยกับคุณนุนี่นา”
“ผมไม่รู้จะคุยอะไรอีกแล้ว ไม่ใช่คนคุยเก่ง”
'ประชดหรือเปล่านี่...' อธิคมนึก
“หรือคุณงอนผม” อนุภาพหยุดยืนหน้าตู้ขายน้ำอัดลมกำลังเลือกเครื่องดื่ม อธิคมพิงอยู่กับประตูตู้ข้างๆ
“ผมกับคุณอัสนัยเคยรู้จักกันมาเมื่อตอนนานนน...มากแล้ว ไม่เคยเจอกันเกือบสิบดีได้แล้วมั๊ง” อธิคมร้อนตัว ลากเสียงให้รู้ว่านานจริง
“เขาเล่าให้ฟังแล้วนี่ รู้จักก็รู้จักกันไปสิครับ ดีเสียอีก คนรู้จักกันมาเจอกันอีก มิตรภาพจะได้แน่นแฟ้นกันยิ่งขึ้น”
“นั่นไง คุณงอนผมจริงๆ ด้วย” อนุภาพเดินไปจ่ายเงิน ไม่สนใจผู้ชายตัวโตที่เดินตามต้อยๆ
"ทำไมต้องงอน ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย" อนุภาพยักไหล่
"เป็นสิ...ถึงคุณนุไม่เป็น แต่ผมเป็น"
"เป็นอะไร..."
"เป็นอย่างที่คุณนุกำลังคิดอยู่..." อธิคมทำตาหวาน...ที่จริงเขาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าอนุภาพคิดกับเขาถึงขั้นไหนแล้ว...แต่เขาต้องโยนหินถามทาง ไม่เช่นนั้น อะไรๆ ก็คืบหน้าได้ช้าเหลือเกิน
“ฟังนะ ผู้กอง ผมไม่มีเหตุผลที่จะยุ่งอะไรกับผู้กองหรือกับคุณอัสนัย ไม่ได้งอน ไม่ได้อะไรทั้งสิ้น ผู้กองจะทำอะไรก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับผม”
“เกี่ยวหน่อยไม่ได้เหรอ” อธิคมยังเซ้าซี้
อนุภาพเดินออกจากร้านก็พบว่าอัสนัยกับสมบัติยืนรออยู่หน้าร้านกาแฟแล้ว...ถึงเวลาเดินทางต่อ
.............
การเดินทางช่วงหลังเมื่อใกล้เข้าเขตกรุงเทพฯ ไม่คล่องตัวนัก ปริมาณรถเริ่มมากขึ้นเพราะคนกรุงฯ ที่ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดสุดสัปดาห์เริ่มพากันกลับบ้าน ผู้โดยสารทั้งสามหลับไปตามๆ กันปล่อยให้อธิคมขับรถอยู่คนเดียว
ชายหนุ่มหันไปมองอนุภาพที่เอนตัวไปด้านข้างพิงกับกระจก เขานึกถึงตอนที่อนุภาพยืนรอรถกับเขา ชายหนุ่มยืนตัวตรง นิ่ง ไม่กระดุกกระดิก...นั่งหลับก็ยังดูตัวตรง ใบหน้าคมเข้มยามหลับดูอ่อนเยาว์ลง ปากอิ่มแดงระเรื่อน่าสัมผัส
อธิคมหันมามองอัสนัย จะว่าไปอัสนัยก็เป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง บุคลิกสนุกสนานรื่นเริง มาดเนี๊ยบไม่มีที่ติ แต่ทำไมเขาไม่รู้สึกอะไรด้วยเลย อธิคมไม่เข้าใจตนเอง...ในความคิดคำนึงของเขามีแต่ภาพของอนุภาพลอยอยู่เด่นชัด
..............
รถเข้าเขตชานกรุง การจราจรเริ่มหนาตา ผู้โดยสารสามคนที่หลับไหลตื่นขึ้นมานั่งเป็นเพื่อนอธิคมอีกครั้ง
“ผู้กองฮ่ะ ถึงถ่ายโฆษณาเสร็จแล้วผู้กองก็อย่าหายหน้าไปไหนนะฮ่ะ ว่างๆ ก็ไปเยี่ยมเราที่บริษัทบ้าง” สมบัติอ้อนวอนอธิคม ทั้งที่รู้อยู่ว่าผู้กองหนุ่มคงต้องไปวนเวียนอยู่ใกล้ๆ บริษัทไม่ห่าง
“ถึงไม่บอกผมก็จะแวะไปเยี่ยมอยู่เรื่อยๆ ครับ แล้วถ้าผ่านไปแถวนั้นอาจจะขอไปทานข้าวกลางวันด้วย”
อัสนัยอยากจะขอให้อธิคมแวะไปเยี่ยมเขาด้วยเหมือนกันแต่คงจะไม่เหมาะถ้าพูดต่อหน้าสมบัติกับอนุภาพ ชายหนุ่มมาดมั่นว่าจะรอเวลาที่เขาได้อยู่กับอธิคมสองต่อสองเพื่อรื้นฟื้นความสัมพันธ์
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สมบัติบ่น
“นี่อนุภาพ ยังไม่เปลี่ยนริงโทนอีก เดี๋ยวนี้เขาใช้ริงโทนเป็นเสียงเพลงเอ็มพีสามกันหมดแล้ว”
“ผมชอบอะไรแบบเดิมๆ” อนุภาพรับสาย
“อาทิตย์ ว่าไง...”
อธิคมหูผึ่ง…อาทิตย์โทรมาทำไม?
“ใกล้จะถึงปิ่นเกล้าแล้ว...ไม่นานคงถึง...ไม่ค่อยติดครับ...เปล่าไม่เหนื่อยหรอก...พี่ไม่ได้ขับรถ....นี่ก็หลับมาตลอดทาง...ทานแล้วครับ แล้วอาทิตย์ล่ะทานข้าวหรือยัง...”
แม้ได้ยินเสียงคู่สนทนาเพียงด้านเดียวแต่อธิคมก็พอจะเดาได้ว่าคนในสายพูดว่าอะไร อนุภาพคุยโทรศัพท์กับอาทิตย์เป็นเวลานานพอสมควร...คุยไปยิ้มไป ดูเพลิดเพลินกับการสนทนาเป็นอย่างยิ่ง
'ทีกับเรานั่งนิ่งเงียบตลอดทาง' อธิคมรู้สึกหน้าตึง อารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาทันใด เขาแทบจะทนไม่ไหวที่ได้ยินเสียงอนุภาพคุยเล่นกับคนในสาย เหลือบตามองผ่านกระจกหลังก็เห็นใบหน้าอนุภาพระบายด้วยรอยยิ้ม...รอยยิ้มที่เขาอยากให้ชายหนุ่มยิ้มให้เขาคนเดียว
“ไม่ต้องห่วงพี่หรอก มาทำงานแค่สองวันไม่เห็นจะเหนื่อย สบายเสียอีกได้พักผ่อนเต็มที่ ที่กองถ่ายเขาไล่พี่ออกมาไม่ให้ไปเกะกะ ไปนั่งจับผิด เลยนอนเล่นสบายไปเลย”
'ประชดเขา' อธิคมเริ่มอารมณ์คุกรุ่น เขาอยากเอื้อมมือไปดึงโทรศัพท์มาจากอนุภาพและบอกให้อาทิตย์วางสายไปเสีย
“แหม...ห่วงแต่พี่นุ ไม่ห่วงพี่บั๊ดบ้างหรือไงอาทิตย์” สมบัตแกล้งส่งเสียงดังใกล้ๆ หูอนุภาพแล้วหัวเราะคิกคัก
“พี่คมครับ...ระวัง” อัสนัยหันหน้ามาเตือนคนขับซึ่งตอนนี้เร่งความเร็วรถจนคนนั่งหน้าเริ่มหวาดหวั่น อธิคมขับปาดไปปาดมาจนอัสนัยรู้สึกกลัว
'อธิคมหึง? ใครคืออาทิตย์? แค่ได้ยินอนุภาพคุยโทรศัพท์กันอาทิตย์ในสาย อธิคมก็โกรธแล้วหรือ'
อัสนัยนั่งเงียบ รู้สึกน้อยใจที่เห็นปฏิกิริยาของอธิคม ชายหนุ่มเริ่มจะมองเห็นว่าอนาคตที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับอธิคมนั้นท่าทางจะไม่ง่ายเสียแล้ว…แต่คนอย่างเขาไม่ยอมแพ้เสียหรอก
“ผู้กองฮ่ะ บั๊ดเริ่มเวียนหัวแล้ว ช้าๆ ลงหน่อยได้ไม๊ฮ่ะ” สมบัติชะโงกหน้าไปใกล้เบาะของอธิคม
“ขอโทษครับ ผมนึกว่าจะรีบให้ถึงกรุงเทพฯ เร็วๆ เผื่อใครมีนัดจะได้ไปทัน”
อธิคมตอบเสียงเรียบแต่ก็ลดความเร็วของรถ
“ผู้กองประชด” สมบัตินึกในใจ 'ลมเพชรหึงกำลังขึ้น...อนุภาพจงใจแกล้ง...สองคนนี้ชักจะยังไงๆ เสียแล้ว'
สมบัติเอนคอพิงพนักเบาะยิ้มพอใจ นึกขอบคุณอาทิตย์อยู่ครามคันที่ทำให้ผู้กองอธิคม ‘ออกอาการ’
...............
อนุภาพไม่รู้ว่าทำไมเขาจงใจคุยเล่นกับอาทิตย์เป็นนานสองนาน แต่เขารู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นอธิคมแสดงอาการฮึดฮัด ส่วนเรื่องขับรถปาดไปปาดมานั้นเขาไม่กลัวอีกแล้วเพราะเคยผ่านประสบการณ์แย่ที่สุดในชีวิตมาแล้วเมื่อครั้งอธิคมบ้าระห่ำขับรถไล่จับผู้ร้าย
ชายหนุ่มรู้ดีว่าฝีมือขับรถของอธิคมนั้นอยู่ในระดับเยี่ยมยอด และเขาคงไม่ยอมให้อะไรร้ายๆ เกิดขึ้นแน่นอน
อนุภาพประหลาดใจ…'ทำไมเขารู้สึกเชื่อมั่นในตัวผู้ชายคนนี้'
--------------------------------------------------
เมื่อเข้าเขตกรุงเทพฯ อัสนัยขอให้อธิคมไปส่ง เขาตั้งใจจะชวนอธิคมทานข้าวและหวังไว้ในใจว่าอนุภาพกับสมบัติคงจะขอแยกตัวกลับโดยแท๊กซี่
“บ้านนุกับผู้กองอยู่ซอยเดียวกัน ผมอยู่ถนนตก คุณอัสนัยอยู่สาธร ลงทางด่วนก็เข้าสาธรผ่านหน้าบ้านพอดี เมื่อกี้คุณอัสนัยบอกว่าตึกอะไรนะครับ...” สมบัติตั้งใจขวางเต็มที่
“สาธรสวีท” อัสนัยตอบสั้นๆ รู้ว่าสมบัติพยายามทำตัวเป็นก้างขวางคอมาตลอดตั้งแต่เดินทางออกจากกาญจนบุรี
อัสนัยไม่พอใจแต่ก็ต้องจำยอมต่อเหตุผล จะดันทุรังไปก็เสียคะแนนนิยมเปล่าๆ ผู้กองอธิคมคงไม่ชอบคนจู้จี้เอาแต่ใจ
.............
รถจอดหน้าสาธรสวีท คอนโดหรูหราที่พักของอัสนัย ชายหนุ่มกล่าวอำลาอนุภาพและสมบัติ
“ขอบคุณคุณอนุภาพและคุณสมบัติที่ดูแลผมอย่างดีนะครับ เอาไว้เจอกันตอนพรีเซนท์งาน แต่ผมขอดู preview clip ก่อนประชุมวันศุกร์ได้ไหมครับ”
“ได้ครับ ไม่เกินวันพฤหัสก็คงทำ final cut เสร็จ คงจะส่งเมล์ให้คุณอัสนัยดูได้ช้าสุดวันศุกร์”
“ตื่นเต้น อยากจะดูดาราโฆษณาคนใหม่” อัสนัยหันไปล้ออธิคม
“คราวนี้ผมดังแน่...คอยดูเถอะ ถ้าดังแล้วผมจะขึ้นค่าตัว” อธิคมหัวเราะกับอัสนัย แล้วปรับเป็นสีหน้าขรึมเมื่ออัสนัยและสมบัติก้าวลงจากรถ
เขารอเวลาที่จะได้อยู่กับอนุภาพเพียงลำพัง...รอก่อนเถอะคุณนุ!
สมบัติแอบกระซิบข้างหูเพื่อนรุ่นน้องขณะที่อนุภาพกำลังจะก้าวขึ้นนั่งบนเบาะหน้าคู่กับคนขับ “นุ...สนุกนักใช่ไม๊...ระวังผู้กองเอาคืนนะ ท่าทางฉุนไม่เบา”
ชายหนุ่มยักไหล่ หันไปมองข้างๆ เห็นอัสนัยยังเกาะขอบประตูรถคุยกับอธิคมอยู่จึงอดไม่ได้ที่จะปิดประตูแรงๆ
อธิคมสะดุ้ง หันมามอง...อนุภาพคิดว่าเขาสังเกตเห็นแววตาขันๆ ของนายตำรวจหนุ่ม
อัสนัยกล่าวอำลาแล้วเดินเข้าประตูล๊อบบี้ของคอนโดหรู สมบัติเดินไปหยุดรอแท๊กซี่ใต้ต้นไม้ริมถนน ในรถเหลือเพียงอนุภาพกับอธิคม...ความเงียบเริ่มเข้ามาครอบคลุม...อธิคมออกรถ
นายตำรวจหนุ่มยังขับรถหน้าขรึม
อนุภาพรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นคนที่เคยยิ้มกรุ้มกริ่มตลอดเวลาทำหน้าเคร่ง
'อยากทำหน้าเคร่งดีนัก เขาจะนั่งเงียบตลอดทางเหมือนกัน คอยดูสิ'
“คุณนุ...คุณจงใจแกล้งผม” อธิคมเปิดฉาก...ในที่สุดเขาก็อดทนต่อไปไม่ได้
"...."
"ใจร้าย" อธิคมยังพูดต่อ
"...."
"แกล้งดีนักนะ" เขาทำเสียงน้อยใจ
อนุภาพอดไม่ได้ “แกล้ง...แกล้งยังไง ผมก็นั่งของผมอยู่เฉยๆ”
“คุณแกล้งให้ผมหึง”
“ผู้กองอย่ามาหาเรื่องนะ” อนุภาพหันหน้าออกไปมองนอกรถ
“ใจร้าย” อธิคมพูดคำเดิมๆ ที่ชอบว่าอนุภาพเวลาเขาน้อยใจ
“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไมผมจะต้องแกล้งทำให้ผู้กองหึง” อนุภาพเริ่มหวั่นว่าอธิคมจะมาไม้ไหน
“คุณจงใจคุยเล่นกับอาทิตย์เพื่อยั่วผม สนุกนักหรือไง” อธิคมเริ่มอมยิ้ม อารมณ์คุกรุ่นเมื่อครู่เริ่มหายไป รู้สึกสนุกขึ้นมาเล็กน้อยที่ได้ยั่วอนุภาพ
เวลาอยู่สองต่อสองเขาก็อดไม่ได้ที่จะ ‘หาเรื่อง’ ชายหนุ่ม
“ทำไมผมต้องทำอย่างนั้น ก็คุยกับอาทิตย์เป็นปรกติเหมือนคุยกับอธิป กับพจนีย์” อนุภาพยังมองข้างทาง ไม่รู้ตัวว่ากำลังแก้ตัว...ทำให้อธิคมอดยิ้มไม่ได้ ชายหนุ่มเริ่มทำตาหวาน
“เพราะว่าคุณหึงอัสนัยที่มาเกาะแกะผม คุณเลยแกล้งผมบ้างเพื่อให้ผมหึงกลับ แบบนี้เขาเรียกว่าเราเป็นอะไรกันน๊า...” อธิคมทำเสียงน่าหมั่นใส้
อนุภาพไม่ได้หันหน้าไปมองคนที่ขับรถตีหน้าเคร่งมาตลอดทาง แต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าอธิคมกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว
ชายหนุ่มสุดจะทน...อธิคมกลับมาเป็นคนเดิม...ยั่วเย้า...จงใจทำให้เขาต่อล้อต่อเถียง
“ผู้กองอธิคม...ผมจะลงต่อแท๊กซี่ตรงนี้เลยถ้ายังไม่หยุดคุยเรื่องนี้อีก”
“ถ้าผมไม่ยอมหยุดรถเสียอย่าง คุณก็ลงไม่ได้...”
อนุภาพหันหน้ากลับไปมองคนช่างยั่วก็เห็นว่าแววตาของอธิคมนั้นช่างระยิบระยับนัก...'เมื่อกี้ยังทำหน้าเคร่งอยู่เลย'
“อ๊ะอ๊ะ อย่าคิดจะเปิดประตูกระโดดลงจากรถนะครับ...ไม่คุ้มหรอก”
อนุภาพขี้เกียจจะต่อความยาวสาวความยืดจึงเอนตัวพิงประตู หลับตาแล้วทำเป็นต้องการนอนหลับ ไม่สนใจอะไรต่อไปอีกแล้ว
“มามุขเดิมอีกแล้ว” อธิคมส่งเสียงลอยๆ
'อยากพูดก็พูดไป เขาจะหลับตาทำเป็นหลับเสียอย่าง อธิคมจะทำอะไรได้' อนุภาพนั่งนิ่งไม่ไหวติง
ฝ่ายนั้นยังพูดต่อ
“คุณนุครับ ถ้าคุณไม่พอใจเรื่องอัสนัย ผมขอโทษ อยู่ๆ เขาก็โผล่มา ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย จะว่าไปผมก็ไม่ผิดนะ ผมถูกล่อลวงให้ถ่ายหนังโฆษณาที่บังเอิญเขาเป็นคนจ้าง จะมาโกรธผมไม่ได้”
อนุภาพกลั้นหายใจ อธิคมกำลังพล่าม
'เขาจะพูดอะไรอีก?'
“คุณนุครับ...คุณอัสนัยเป็นเพียงอดีตช่วงสั้นๆ ของผมเท่านั้น ส่วนคุณเป็นปัจจุบัน...และผมก็อยากให้เป็นอนาคต...”
'อธิคมพูดอะไรแบบนี้ก็เป็น' เสียงเขาราบเรียบจริงจัง
'ใบหน้าเขาจะเคร่งขรึมจริงจังอย่างเสียงพูดหรือเปล่า' อนุภาพอยากเห็นใบหน้าของอธิคมตอนนี้...แต่ชายหนุ่มรั้นเกินกว่าที่จะลืมตาขึ้นมา
'ขืนลืมตาขึ้นมาก็เสียหน้าแย่'
อนุภาพสงสัยอยู่ในใจ...'นี่ผู้กองอธิคมกำลังบอกรักหรือ'
**************************************************************