ตอนที่ 6: ความงอแง (2)“มึงมองกูทำไมวะ” คูนขมวดคิ้วเมื่ออินเอาแต่จ้องหน้าเขา
“เมื่อคืนคูนนอนดิ้นนอนกรนหรือเปล่า”
“ทำไมวะ”
“ตอบมาเถอะน่า”
“กูนอนอยู่กูจะรู้ไหมล่ะ ตื่นมาก็ปกติดีนี่หว่า กูต้องถามมึงมากกว่าว่าตอนกูไปนอนบ้านมึงกูเป็นไง”
“ก็ปกติดี”
“อ้าว! แล้วมึงมาถามกูทำไมวะ”
“คุณศิระขอให้ย้ายกลับไปนอนห้องโน้นบอกว่าคูนนอนดิ้น กรนด้วย”
“งานเข้าแล้วไหมล่ะ” คูนหน้าเสียก่อนดวงตาจะเบิกกว้าง “ฉิบหาย! หรือเพราะแบบนั้นวะคุณศิระถึงตื่นแต่เช้าลงไปวิ่ง แม่งนอนไม่ได้แน่เลยว่ะ”
อินถอนใจออกมาเบาๆ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ความจริงนอกจากศิระ
“แล้วมึงเอาไงวะ” คูนมองหน้าเขา เสียงถอนใจจึงดังออกมาติดๆ กัน
“กูก็ไม่รู้”
“กูรู้แล้ว!” คูนทำหน้าดีใจที่คิดออก “โคตรง่าย ก็ให้คุณศิระย้ายกลับมานอนกับคุณชลสิวะ”
“คิดได้ไง” อินมองหน้าเพื่อน คูนทำหน้าภาคภูมิใจในตัวเอง
“ฉลาดใช่ไหมล่ะ”
“เปล่า”
“อ้าว ทำไมวะ”
“อย่าลืมสิว่าเราเป็นคนไปขอให้คุณศิระย้ายกลับไปห้องตัวเอง พูดสารพัดว่าเกรงใจไม่อยากใช้ห้องเขา แล้วตอนนี้จะบอกให้ย้ายออกเหรอ”
“เออว่ะ”
“อีกอย่างคูนเป็นคนกรน แล้วจะให้ไปบอกเจ้าของห้องว่าไม่ชอบก็ย้ายสิเหรอ”
“ฉิบหายเกือบซวย” คูนเบิกตากว้างเมื่อคิดได้
“แต่ว่า..” อินขมวดคิ้วเข้าหากัน
“อะไรอีกวะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าคุณศิระให้คูนไปนอนกรนรบกวนคุณชลเหรอ แปลกๆ นะ คุณศิระไม่ใช่คนโยนอะไรไม่ดีไปให้คนอื่น”
“อิน..อิน” คูนใช้มือสะกิดไหล่เพื่อน
“อะไร” อินมองคนสะกิด
“กูเป็นคนดี”
อินจ้องตากับคูน ก่อนเสียงหัวเราะจะหลุดออกมาดังลั่น รีบขอโทษขอโพยเพื่อนเมื่อรู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป
“กูว่าอย่าไปหาสาเหตุเลยเสียเวลาเปล่าๆ มึงหาวิธีแก้ไขดีกว่า ว่าจะเอาตัวรอดไปได้ยังไง”
“ตอนนี้ยังไม่รู้แต่เดี๋ยวก็หาได้เอง ออกไปกันเถอะหายมานานแล้ว” อินล้างมือ เขาส่งสัญญาณให้คูนเดินตามมาเข้าห้องน้ำเมื่อถึงร้านอาหาร เดี๋ยวจะผิดสังเกตเกินไป
“มีใครอยากไปเที่ยวต่อไหม” ชลนทีถามเมื่อเห็นว่าทุกคนอิ่มแล้ว พวกเขานั่งจิบเบียร์คุยกันมาสักพักหนึ่ง
“ไปไหนครับ” คูนตาเป็นประกาย เขาไม่ใช่คนชอบเที่ยว แต่นานๆ มาต่างจังหวัดแบบนี้ก็อยากลอง “คุณชลจะไปเที่ยวผู้หญิงเหรอครับ”
“เฮ้ย!” ชลนทีถึงกับอุทาน ดวงตาที่มองคูนเต็มไปด้วยประกายขบขัน เพราะอีกฝ่ายหน้าตื่นเมื่อเขาอุทานขึ้นมา
“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ผมหมายถึงไปเที่ยวผับดูสาวอะไรแบบนั้น”
“นึกว่าเราเป็นคนแบบนั้น” ชลนทีหัวเราะเสียงดัง
“เปล่าครับ ผมไม่เคยเที่ยวอย่างว่า”
“ถามอินดีกว่า คูนเป็นคนแบบไหน”
“อืม..” อินทำหน้าคิด เขายิ้มขำเมื่อเพื่อนส่งสายตาอ้อนวอนขอชีวิต เขาไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนนั่งมองอยู่
“เป็นคนทะลึ่งตึงตัง พูดมาก...”
“อิน ~” คูนโอดครวญ ใช้สองมือดึงเพื่อนเข้ามากอด “กูรักมึงนะ”
“หึๆ” อินโอบแขนตอบอีกฝ่าย ตบมือลงบนหลังเพื่อนเบาๆ “แต่ก็เป็นเพื่อนที่ดีมากครับ เป็นคนดีคนหนึ่งเลย”
“เฮ้อ~ รอด” คูนปล่อยมือ ยิ้มกว้าง แต่เขาต้องสะดุ้งโหยงเมื่อสายตาดันกวาดไปเจอสายตาของศิระเข้า อีกฝ่ายมองเขานิ่ง ความเย็นไล่ไปตามไขสันหลัง จนเผลอหัวเราะแห้งๆ ออกมาเพราะทำอะไรไม่ถูก เกิดอะไรขึ้นวะ หรือเพราะเมื่อคืนเขากรนหนักจริงๆ ไอ้คูนเอ๊ย หาเรื่องใส่ตัวแล้วไหมล่ะ นี่มันลูกเจ้าของบริษัทเลยนะเว้ย เมื่อคืนเขาไม่ควรแอบดื่มเบียร์กับพวกทีมโปรดักชันเลย ทำงานไปดื่มไป เหนื่อยก็เหนื่อย เผลอทำตัวตามสบายเกินไปหรือเปล่าวะ เสือกจำไม่ได้อีก
“คูน” อินเรียกเขาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป คูนหันไปส่งยิ้มแห้งให้เพื่อน ตัวใครตัวมันก่อนได้ไหมอิน กูไม่อยากนอนห้องนั้นแล้ว
“ตกลงไปต่อกันใช่ไหม”
คูนอยากขอบคุณที่ชลนทีช่วยทำลายบรรยากาศอึดอัดที่เกิดขึ้น “ผมแล้วแต่คุณชลกับคุณศิระเลยครับ”
“อินล่ะ”
“ผมยังไงก็ได้ครับ”
“นายว่าไง” ชลนทีหันไปถามศิระเป็นคนสุดท้าย
“สั่งเบียร์ขึ้นไปกินที่ห้องดีกว่า ฉันอยากพัก”
“เอางั้นก็ได้ ดีเหมือนกัน ริมสระที่ห้องฉันนะ อยากแช่น้ำดูวิว”
“ได้”
อินกับคูนได้แต่นั่งฟัง คนหนึ่งนึกสนุกตาม แต่อีกคนเริ่มกังวล
“แวะมินิมาร์ทซื้อของกินเล่นไหมครับ เอาไปกินคู่กับเบียร์ ผมจำได้ว่าขามาเห็นอยู่ก่อนถึงโรงแรม คุณศิระจอดรถแล้วเดี๋ยวผมวิ่งลงไปซื้อให้ครับ”
“ไม่เป็นไร สั่งจากในโรงแรมเลยสะดวกกว่า” ชลนทีปฏิเสธ
“ครับ” คูนค่อยๆ เอียงตัวไปหาอิน พวกเขานั่งด้วยกันที่เบาะหลัง
“คนรวยเขาใช้ชีวิตกันแบบนี้ใช่ไหมวะ”
“ผมไม่ได้อวดรวย”
“ฉิบ!” คูนเผลออุทานออกมา อินได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้จะช่วยเพื่อนอย่างไร คูนกระซิบเบามากก็จริงแต่เพราะในรถเงียบมากคนข้างหน้าจึงได้ยิน
“ผมแค่เกรงใจเจ้าของโรงแรม พักฟรีแล้วก็อยากจ่ายอะไรบ้าง”
“ครับ ขอโทษครับ” คูนจืดแล้วจืดอีก จืดจนอินจากสงสารยังอดขำไม่ได้
“ปกติไปเที่ยวนายก็สั่งจากในโรงแรม” ประโยคที่ทุกคนคาดไม่ถึงดังขึ้นจากศิระ
“เหรอ ผมก็สั่งตามคุณนั่นแหละครับ”
“มันก็สะดวกดีไม่ใช่เหรอ”
“เห็นกันหรือยัง คนอวดรวยอยู่นี่ไม่ใช่ผม” ชลนทีหันมายิ้มให้พวกเขา ได้ยินเสียงศิระหัวเราะในลำคอเบาๆ
“หึๆ”
อินนั่งฟังเพลิน เขาไม่เคยเห็นศิระในลุคนี้ ไม่เคยรู้ว่าเวลาอยู่กับเพื่อน ศิระเป็นอย่างไร ไม่อยากเชื่อว่าแค่สองวันที่ผ่านมา ทำให้เขาเห็นศิระในมุมที่ต่างออกไปเยอะมาก ทั้งเจ้าเล่ห์ ทั้งงอแง ทั้งเอาแต่ใจ อืมม นี่มันเด็กชัดๆ อินเผลอยิ้มขำออกมา
“ยิ้มอะไร”
“ครับ!” อินตกใจเมื่อเสียงทักดังขึ้น สายตาของเขาประสานกับคนขับทางกระจกมองหลัง
“ขำผมเหรอ”
“เปล่าครับ” อินเสียงอ่อย ตอนนี้เริ่มรู้แล้วว่าคูนรู้สึกอย่างไร ศิระยกยิ้มมุมปากดวงตาที่มองตอบเขาเป็นประกาย อินหน้าร้อนผ่าวจนต้องยอมหลบตา เห็นทีว่าคืนนี้เขาคงต้องขอชลนทีนอนสามคนที่ห้องเพื่อตัดปัญหาไป
• • • • • • • •
“ไม่ลงเหรออิน”
“ไม่ครับ” อินส่ายหน้า เขาเลือกนั่งอยู่ริมสระน้ำขนาดกลางด้านนอกห้องพัก มองเห็นวิวทะเล ชลนที ศิระและคูนลงเล่นน้ำ ข้างตัวเขามีขวดเบียร์และกับแกล้มวางอยู่
“คิดแล้วขี้เกียจกลับไปทำงาน” ชลนทีดันตัวขึ้นจากน้ำมานั่งริมขอบสระ ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม
“คุณชลมีโมเม้นต์นี้ด้วยเหรอครับ” อินขยับจานกับแกล้มให้อีกฝ่าย
“มีสิ ผมไม่ขยันเหมือนเจ้าศิระ”
“อะไรนะ” คนที่เพิ่งโผล่พ้นจากน้ำ ยกมือขึ้นลูบหน้า ได้ยินชื่อตัวเองดังแว่วๆ
“ไม่มีอะไร ขืนเล่าเดี๋ยวนายไล่ฉันออก” ชลนทีทำตาเจ้าเล่ห์ เขาตั้งใจให้เพื่อนเข้าใจไปอีกทาง สนุกที่ได้แกล้งอีกฝ่าย ดูเหมือนการนั่งข้างอินจะทำให้ศิระเข้าใจผิด สีหน้าอีกฝ่ายจึงร้อนตัว
“อย่าไปฟังเจ้าชลให้มาก”
ชลนทีกลั้นยิ้ม ยักคิ้วให้เพื่อน นานๆ ทีมีโอกาสมันก็ต้องจัดกันหน่อย
“คุณชลขี้แกล้งเหมือนกันนะครับ”
“หือ?” ชลนทีหันไปมองเจ้าของเสียง เขาลืมว่าคูนเป็นอีกคนที่ฟังอยู่ ดวงตาสองคู่สบกันก่อนคูนจะส่งยิ้มแห้งให้เขา
“ผมเผลอเฉลยอีกแล้วใช่ไหมครับ”
“ฮ่าๆ” ชลนทีหัวเราะลั่น เขาเพิ่งมีโอกาสได้คุยกับคูนจริงจังก็ครั้งนี้ บุคลิกภายนอกคูนเหมือนชายหนุ่มทั่วไป รูปร่างสูง
ดูดี ได้ยินว่าสาวๆ ในบริษัทกรี๊ดกร๊าดไม่น้อย เพราะความเป็นกันเอง เข้าถึงง่ายของอีกฝ่าย แต่ชลนทีไม่คิดคูนว่าจะบื้อกว่าที่คิด
“หมดแก้วนี้ขอตัวก่อน”
“ง่วงแล้วเหรอวะ” ชลนทีแปลกใจเมื่อจู่ๆ ศิระก็พูดขึ้นมา
“เปล่า หนักๆ หัว”
“เพิ่งไม่กี่ขวดเองนายไม่น่าเมานี่หว่า ไม่สบายหรือเปล่าวะ”
“ไม่แน่ใจ” ศิระยกมือขึ้นทาบหน้าผากตัวเอง “เอาเป็นว่าขอพักก่อน อินตามสบายนะจะกลับตอนไหนก็เปิดเข้าไป ผมไม่ล็อคห้องจากข้างใน”
“ครับ” อินพยักหน้า เขาไม่ขัดเพราะไม่คิดจะกลับไปอยู่แล้ว
“งั้นมึงไปพักเลยเถอะ เกิดไม่สบายจริงๆ ขึ้นมาจะยุ่งพรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับแล้ว”
“อืม” ศิระพยักหน้า เขาวางแก้วเบียร์ลงข้างสระ ก่อนดันตัวเองขึ้นจากน้ำ
“ถ้าอย่างนั้นเราก็เลิกกันเลยไหมจะได้มีเวลาพักผ่อน” ชลนทีออกความเห็น เขาไม่แน่ใจว่าเพื่อนไม่สบายใจจริงหรืออยากมีเวลาอยู่กับอินสองคนจึงช่วยไว้ก่อน
“ก็ได้ครับ” คูนพยักหน้ารับ ความเป็นจริงคือเมื่อคนเอ่ยปากเป็นเจ้านาย ใครจะบอกว่าไม่ได้
“อินผมฝากดูศิระด้วยนะ เผื่อกลางคืนต้องไปหาหมอ”
อินสบตากับคูน เขามีเวลาตัดสินใจไม่มากนักก่อนพูดคำว่า ‘ครับ’ ออกไป เห็นทีว่าคงเลี่ยงไม่ได้แล้ว
• • • • • • • •
“คุณศิระทานยาหน่อยไหมครับ ผมมีติดมาด้วย” อินรอให้ศิระออกมาจากห้องน้ำถึงพูดขึ้น ร่างสูงอยู่ในเสื้อคลุมสีขาวของทางโรงแรม มองเห็นแผงอกกว้าง กับต้นขาแข็งแรงที่โผล่พ้นรอยแยกของชุดออกมา อินพยายามมองให้สูงไว้ เพราะตอนนี้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ก็ดี” ศิระเดินตรงมาหาทิ้งตัวลงนั่งข้างเขา น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทำให้โซฟายุบตัวลง เขาจึงเอนเข้าหาอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ
อินขืนตัวไว้แต่ลำตัวของเขากับศิระก็ชิดกันจนได้ จะขยับตัวออกก็กลัวว่าจะน่าเกลียดเกินไป เขาไม่อยากแสดงออกให้ศิระเห็นว่าเขายังรู้สึก
“นี่ครับ” อินพยายามบังคับมือไม่ให้สั่น เขายื่นยาที่เตรียมไว้ให้ศิระ
“ขอบคุณมาก” ศิระจับมือของอินที่แบอยู่ตรงหน้ายกขึ้น เขาแนบริมฝีปากลงไปกลางฝ่ามือ ส่งยาเข้าไปในปาก
“นี่น้ำผมใช่ไหม”
“ครับ” อินเงอะงะ หัวใจของเขาเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ ยังรู้สึกถึงความร้อนของริมฝีปากที่ประทับลงกลางฝ่ามือ ศิระโน้มตัวหยิบน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นดื่ม
“ปวดหัวชะมัด” ชายหนุ่มวางแก้วลงที่เดิม เขาเอนหลังพิงเบาะก่อนเอนศีรษะลงบนไหล่ของอิน หลับตาลงช้าๆ
“คุณศิระ” เสียงของอินเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ
“ขอผมอยู่แบบนี้สักครู่”
“ทำไม...” คำพูดของอินขาดหายไป ศิระรอแต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาอีก เขาขยับศีรษะเล็กน้อยเพื่อให้พอดีกับไหล่ของอีกฝ่าย
“ตอนอินหายไปผมคิดถึง”
“....”
“แปลกดีนะ”
“....”
“อินผม...”
“คุณศิระปวดหัวมากไหมครับ ผมว่านอนพักสักนิดน่าจะดีขึ้น มาครับผมพาไปส่งที่เตียง”
ศิระมองร่างบางที่ลุกพรวดขึ้นยืน ใบหน้าก้มต่ำไม่ยอมสบตาเขา ศิระถอนใจเบาๆ เขารู้อยู่แล้วว่าการผลักไสอีกปล่ายไปคงไม่ง่ายที่จะขอให้กลับมา
“อืม” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน เขาจับข้อมือของอิน สายตาของอีกฝ่ายตกลงมอง “จะพาผมไปส่งไม่ใช่เหรอ”
“ครับ” ดวงตาคู่นั้นยังหลุบต่ำจนศิระคิดว่าอินคงไม่ยอมสบตาเขาแน่ แต่เพียงครู่เดียวใบหน้าเล็กก็เงยขึ้น สบตาเขาพร้อมรอยยิ้มอ่อน
“ไปพักได้แล้วครับ”
“อืม” ศิระก้าวตามร่างเล็กของอินไปที่เตียง อีกฝ่ายเปิดผ้าห่มพยักหน้าให้เขาลงนอน ศิระก้าวขึ้นเตียง เขาเห็นใบหน้าของอินแดงซ่าน เมื่อก้มลงมองถึงเห็นว่าเสื้อคลุมที่ใส่แยกออกจากกันทำให้เห็นชั้นในสีขาวสะอาดตา อินรีบคลุมผ้าห่มให้เขา ศิระซ่อนรอยยิ้ม ทั้งเอ็นดูทั้งคิดว่าใบหน้าเขินอายของอีกฝ่ายน่ารักมาก
“เดี๋ยวผมปิดไฟให้ครับ”
“ไม่ต้อง แผงควบคุมอยู่ฝั่งผมปิดจากตรงนี้ได้ อินขึ้นมานอนเถอะ” ศิระให้อินอาบน้ำก่อนแม้จะถูกค้านว่าเขาป่วย แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็สู้ความดื้อดึงของเขาไม่ได้ต้องยอมเข้าไปอาบเป็นคนแรก
“งั้นคุณศิระปิดไฟเลยครับ”
“ได้” ศิระเอี้ยวตัวไปด้านข้างเตียง เขาปิดสวิตช์ไฟกลางห้อง เหลือเพียงไฟหน้าห้องน้ำเป็นแสงสลัว แต่เมื่อหมุนตัวกลับมากลับไร้เงาของคนตัวเล็กกว่า
ศิระขยับตัวขึ้นนั่งมองไปรอบๆ ถึงเห็นว่าอินนอนอยู่บนโซฟาตัวยาว
“อิน มานอนบนเตียงสิไปนอนอะไรตรงนั้น”
“ตรงนี้สบายกว่าครับ”
“จะสบายได้ยังไง โซฟาตัวนิดเดียว ลุกมาเร็ว”
“ไม่เป็นไรครับ ตรงนี้สบายจริงๆ”
“อินอย่าดื้อ นอนตรงนั้นเดี๋ยวไม่สบาย”
“คุณศิระเป็นห่วงผมเหรอครับ”
“ใช่ ผมเป็นห่วงคุณ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้ผมนอนตรงนี้ครับ ผมไม่อยากติดไข้คุณศิระ เดี๋ยวกลับไปแล้วทำงานไม่ไหว ผมไม่อยากลาป่วย”
“....”
“กู๊ดไนท์ครับคุณศิระ นอนได้แล้ว อ๋อ ยาที่ผมให้กินเป็นยาแก้หวัดนะครับมันอาจจะง่วงหน่อย ถ้าพรุ่งนี้ไม่ไหวให้คุณชลหรือคูนขับรถแทนก็ได้ครับ”
ศิระนั่งอึ้งอยู่บนเตียง มองร่างเล็กพลิกตัวหันหลังให้ ดึงผ้าห่มที่เขาไม่รู้ว่าไปเตรียมไว้ตอนไหนขึ้นคลุมถึงคอ มองเห็นเพียงเส้นผมสีดำในแสงสลัว
“หึๆ” ศิระล้มตัวลงนอน เขายิ้มกว้าง สายตายังมองแผ่นหลังของอีกฝ่าย แสบเหมือนกันนะเรา ร้ายจริงๆ
เสียงหาวดังติดๆ กัน ดวงตาของเขาหรี่ปรือ ในหัวเกิดคำถามก่อนสติจะค่อยๆ เลือนหาย นี่มันยาแก้ไข้หวัดหรือยานอนหลับกันแน่
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
ปล.เปลี่ยนสรรพนามการเรียกระหว่างชลนทีกับศิระนะคะ จากมึงกู เป็นฉันกับนาย คนเขียนไม่ได้ย้อนกลับไปแก้ให้นะคะ ขอเริ่มจากบทนี้ไป
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin