Chapter 15 Complicate
ตาคมมองออกไปยังริมสระน้ำที่กลุ่มเด็กๆ นั่งรวมกัน เสียงหัวเราะดังลอดเข้ามาในห้องบอลลูมด้านใน ก่อนจะหันหลังเดินตามกลุ่มคนไปยังห้องประชุมที่อยู่ห่างจากห้องบอลรูมไปไม่ไกล
ฉากหน้างานเลี้ยงจริงๆ แล้วมีการประชุมของกลุ่มผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง สุริยะ หยางนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งทางฝั่งซ้ายของประธานการประชุม ทุกคนล้วนมีท่าทีจริงจังต่างจากการคุย การหัวเราะในงานเลี้ยงช่วงแรก
เรื่องราวที่พูดคุยกันส่วนมากก็เป็นพวกทิศทางนโยบายประเทศ การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจต่างๆ สุริยะ หยางไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนั้น เขาคือคนกลุ่มน้อยในที่ประชุมที่หน้าที่หลักไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับระบอบการปกครอง
จีนแผ่นดินใหญ่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ ตอนนี้อยู่ในช่วงตามเก็บเศษเสี้ยววัฒนธรรมที่หลุดลอยไปในตลาดมืด เขารับหน้าที่ตรงนั้น
จะบอกว่าทำงานเพื่อชาติก็ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ ยังมีการฟอกเงินของผู้มีอิทธิพลที่เขาต้องทำ ไม่มีการปกครองใดๆ ที่ไม่มีคอรัปชั่น อยู่ที่ว่าจะเปิดเผยมากน้อยแค่ไหน ธุรกิจตระกูลหยางมีเงินหมุนเวียนไปในแง่ของศิลปะ ผ้าไหม ใบชา พิพิธภัณฑ์ มีรัฐบาลสนับสนุน... แค่ยอดเงินที่ใช้จริงมันต่ำกว่างบประมานไปเยอะ
กำไรมหาศาลที่ส่งคืนให้กับประเทศ แต่เงินก็หายไปไม่น้อยเช่นกัน
จริงๆ หน้าที่ของเขาไม่ต้องเข้ามานั่งรวมอยู่ในนี้ก็ได้ แต่เพราะรัฐมนตรีหวงไว้ใจเขามาก การประชุมจบลงอย่างรวดเร็ว มันไม่ใช่การประชุมสำคัญอะไร มันเป็นเพียงกานนัดพบพูดคุยเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคน ‘ยังเหมือนเดิม’ ไม่เปลี่ยนข้างเปลี่ยนพรรคเปลี่ยนฝ่าย
“หยางหวาง”
“ครับพี่ใหญ่”
“งานแสดงศิลปะคราวหน้า คงเหนื่อยหน่อยนะ”
“ผมจะทำให้เต็มที่ครับ”
งานแสดงศิลปะระดับประเทศ ที่ชอบมีพวกมือดีพยายามจะมาสับเปลี่ยนของ ขโมยของ ทำให้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ของเก่าอายุนับร้อยนับพันปีจะถูกเคลื่อนย้ายมาจัดแสดง
“หยางอวิ๋นสินะ เด็กที่เธอพามาด้วย”
“ครับ เด็กจากตระกูลเก่าแก่ที่ไทย ญาติห่างๆ ของหยาง”
“ลูกสาวฉันสนิทกับเขา พูดถึงบ่อยๆ”
สุริยะ หยางไม่ได้ชะงักแต่อย่างใดแม้หัวใจจะเต้นรัว หยางอวิ๋นในฐานะเพื่อนของลูกสาวรัฐมนตรีหวง คงมีความสำคัญบางประการ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงไม่เอ่ยถึงขึ้นมา
“อวิ๋นเป็นเด็กนิสัยดีครับ”
“ลูกสาวฉันคงเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว เด็กผู้หญิงอายุเท่านี้อีกไม่กี่ปีก็ถึงวัยออกเรือน”
“ครับ”
“แต่เด็กผู้ชายต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่ กว่าจะพิสูจน์ตัวเองได้ว่าพร้อมจะเป็นหัวหน้าครอบครัว เธอคิดแบบนั้นไหม?”
“ครับ หยางอวิ๋นยังต้องเรียนรู้อีกมาก”
“ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วล่ะหยางหวาง?”
“จะยี่สิบเจ็ดครับ”
“อีกสามปีลิลลี่ก็อายุยี่สิบ คนที่ฉันไว้ใจได้พูดตรงๆ ว่าน้อยเต็มที หนึ่งในนั้นก็มีเธอ...ฝากดูแลลูกสาวฉันด้วยจะได้ไหม น้องชาย? ”
สุริยะ หยางยกแก้วกระดกแชมเปญเข้าไปเป็นแก้วที่สาม อารมณ์กรุ่นๆ ทำให้เขาไม่อยากพูดคุยกับใครนัก จึงเลือกยืนอยู่ริมหน้าต่างบานหนึ่งที่เปิดไปยังวิวสระน้ำ มุมนี้ค่อนข้างไฟสลัว
เรื่องนี้เหมือนกับละครน้ำเน่าที่จะต้องแต่งงานสานสัมพันธ์ระหว่างตระกูล เขาจะอยากแต่งงานทำไมวะ? ตระกูลหยางมันดีตายห่าล่ะถึงจะอยากจะมีผู้สืบทอดต่อ ลูกหลานตระกูลนี้น้อยลงทุกปี ภาระหน้าที่ดูแลประเทศบางส่วนมันทำให้ตายวันตายคืน ขนาดหยางหวางคนก่อนยังไม่ตายดี
แล้วตอนนี้เขามีหยางอวิ๋นแล้ว จะเอาเมียเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราวมาเลี้ยงเพิ่มอีกคนทำไม อวิ๋นช้ำใจเปล่าๆ ยังไงก็แต่งไม่ได้ แต่จะหลบเลี่ยงยังไงได้ตลอดรอดฝั่ง ฝ่ายนั้นก็เปรยเรื่องนี้มาหลายครั้ง แต่ปีก่อนๆ ลิลลี่ หวงก็ยังเป็นเพียงเด็กหญิง มาปีนี้เริ่มโตเป็นสาว ถ้าเขายังไม่มีใครให้รัฐมนตรีหวงเห็นก็คงจะโดนบังคับไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ความหงุดหงิดรำคาญใจทำให้ต้องข่มตาลง และก้าวเท้าเดินออกไปยังประตูที่เปิดไปทางสระน้ำ หยางอวิ๋นกำลังนั่งหัวเราะอยู่ในกลุ่มเพื่อน ลิลลี่ หวงคนนั้นมองหยางอวิ๋นด้วยสายตาที่ไม่ว่าใครก็ดูออก
รักสามเศร้าที่ไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ ลิลลี่ หวงชอบตอง ส่วนตองกับเขาเราเกิดมาคู่กัน ไม่งั้นจะเอาไปฝากเยว่ทำบ้าไรตั้งหลายปี แล้วกว่าจะได้มาอยู่ด้วยมันไม่ใช่ง่าย จะให้ยกให้เด็กหน้าตาเหมือนตุ๊กตามันยอมไม่ได้
แล้วจะให้เขาไปแต่งกับยัยตุ๊กตานี่ก็ไม่เอาเหมือนกัน ถ้าไม่มีตองในชีวิตแล้วเขาเผลอปลงใจแต่งกับลิลลี่ หวง ชีวิตคู่คงหายนะ มีปัญหากันทีคงวิ่งไปฟ้องพ่อที
มากกว่าความไม่อยากแต่งคืออิสระในชีวิตจะหายไป สุริยะ หยางไม่ได้อยากได้อิทธิพลอะไรของรัฐมนตรีหวง เขาอยู่ในจุดที่แข็งกว่านั้น แต่จะให้มาหักกันมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรอยู่ดี
กลับบ้านไปหาชิวซีก่อน เรื่องนี้ต้องจัดการอย่างรัดกุม
มือหนาถือกาน้ำชาเดินข้ามสวนมายังศาลาพระอาทิตย์ ชิวซีวางดาบจีนโบราณในมือลงก่อนจะเดินมาข้างเจ้านายคนสำคัญ
“รุนแรงนะครับ”
สาบเสื้อที่รัดทบกันหลวมๆ เผยให้เห็นลาดไหล่ที่มีรอยฟันที่หยางอวิ๋นทิ้งเอาไว้
“จะได้รู้ว่าเป็นแค่คนข้างบ้านอย่ามาคุยกับเมียฉันให้มาก”
ชิวซีส่ายหัวให้กับคนขี้หึง ทุกวันนี้แทบจะยกหยางอวิ๋นไปไว้บนหิ้ง คราวก่อนก็หึงหวงกันจนหยางอวิ๋นแทบจะต้องโกนผมบวช แต่ต้องยอมรับว่าตั้งแต่บ้านนี้มีเจ้านายเพิ่มขึ้นอีกคนก็ค่อยเป็นบ้านขึ้นมาหน่อย
“ประชุมไม่ได้ดั่งใจหรือครับ?”
“เปรยเรื่องต้องแต่งกับลิลลี่ หวงอีกแล้ว”
“คุณเป็นน้องเขานี่”
“เป็นน้องก็พอ ไม่อยากเป็นลูกเขย”
“แล้วจะหลีกเลี่ยงยังไง?”
“ทองเยอะพอหรือยัง”
ชิวซีส่ายหัวกับคนคิดจะหนี ตั้งแต่รับตำแหน่งหยางหวางเมื่อหลายปีก่อน สุริยะ หยางวางแผนจะหนีออกจากบ้านตัวเองเป็นร้อยรอบแต่ก็ไม่ลงมือทำจริงๆ สักที เงินในธนาคารสวิตซ์กับทองคำแท่งที่ส่งออกไปเก็บนอกประเทศนี่เรียกว่าใช้ชีวิตอยู่สบายไปทั้งชาติ จนกระทั่งเจอแผนการเงินของหยางอวิ๋นเข้ามาตีหัว ว่าสุริยะ หยางจะเป็นยาจกในเร็ววันนั่นแหละ
“ก็พอตัว คงครึ่งตึกอาณาจักรพระอาทิตย์ได้”
“งานไม่เสร็จสักที ฉันคงได้มีเมียก่อน”
“คุณก็บอกเขาไปว่าจะแต่งกับเด็กผู้ชาย ไม่ชอบลูกสาวเขา”
“ไปแต่งแทนทีสิ”
“ผมไม่ได้นามสกุลหยางแบบคุณ ยกตระกูลให้ผมสิ แล้วผมจะไปแต่งแทน”
บางทีก็อยากจะถีบคนสนิทที่ไม่ควรสนิทลงจากตึกไปเหมือนกัน ไม่ใช่ไม่อยากโยนเผือกน้อนที่แบกมานานปีออกไป แต่มันโยนไม่ได้
“ส่งข่าวไป บอกไปว่าฉันไม่แต่ง ไปจัดการให้ด้วย”
“ครับ ท่านฝากถามเรื่องภาพวาดราชวงศ์ถัง”
“ไม่มี ไม่เห็น”
ชิวซีส่ายหัวอีกรอบ ก่อนจะนึกถึงภาพวาดที่เพิ่งถูกแขวนไว้บนผนังของศาลาพระอาทิตย์ ไม่มี ไม่เห็น คงไม่ใช่ เรียกว่า ‘ไม่ให้’ จะถูกต้องกว่า
“แล้วถ้าท่านจะจัดการให้แลกกับภาพวาด?”
“เออ มายกไปเลย”
บางทีก็สงสัยว่าอะไรกันแน่ที่สุริยะ หยางหวงแหนอย่างแท้จริง เมื่อก่อนของเก่าที่อุตส่าห์ดั้นดนหามาคงเป็นคำตอบ แต่ในเวลานี้อะไรก็คงสู้หยางอวิ๋นไม่ได้ คำถามคือ ‘จะหวง’ นานแค่ไหน?
“หยางอวิ๋นสำคัญกับคุณเกินไป อันตรายมาก จากที่คนจะฆ่าคุณ เขาจะฆ่าหยางอวิ๋นก่อน”
“นั่นมันหน้าที่พวกนายว่าจะจัดการยังไง ฉันมันคนโปรด อะไรที่ฉันโปรด ก็ดูแลให้ดี”
“คุณมันไม่ละอายแก่ใจ”
“ใช่ สิทธิพิเศษของคนโปรดไง มาชิวซี คนโปรดจะเติมชาให้ กินไปซะ ของมันแพง ชาชั้นเลิศระดับจักรพรรดิ ดื่มไปเยอะๆ ตอนตายจะได้รู้สึกว่าเกิดมาคุ้มแล้ว”
จักรพรรดิพระอาทิตย์นิสัยไม่ดีจริงๆ
พี่ซันจะแต่งงานกับลิลลี่ หวง...
ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาแอบฟัง แต่บางคืนพี่ซันชอบลุกออกจากเตียงไปกลางดึก เขาติดนิสัยชอบตื่นมาชงชา แต่วันนี้ผมนอนไม่หลับ นอนรอแล้วเขาก็ไม่กลับมาเลยลุกลงไปหา แต่เห็นเขาเดินถือกาออกจากบ้านไป
พี่ซันมาหาชิวซี ผมนึกว่าระหว่างเขาทั้งคู่อาจจะมีความพิเศษบางอย่าง แต่เรื่องมันต่างออกไปนิดหน่อย แต่ที่ทำให้ผมหูผึ่งคือชื่อของลิลลี่ หวง รัฐมนตรีหวงอยากได้พี่ซันเป็นลูกเขย
แต่พี่ซันไม่อยากแต่งเพราะผม...ยอมรับว่าดีใจมาก แต่ที่ประหลาดใจกว่าคือคำพูดของพี่ซันที่คุยกับชิวซี ‘ท่าน’ ที่ทั้งคู่เอ่ยถึงเหมือนจะคนละฝ่ายกับรัฐมนตรีหวง
จุดยืนของพี่ซันไม่ปลอดภัย และตอนนี้เป็นผมที่กำลังจะไม่ปลอดภัย ผมเป็นคนโปรดของพี่ซัน ทำให้ผมต้องได้รับผลกระทบในเรื่องนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่พี่ซันเองก็เป็น ‘คนโปรด’ ของ ‘ท่าน’ และเป็น ‘น้อง’ ของรัฐมนตรีหวง... สถานะพี่ซันคือนกสองหัวดีๆ นี่เอง
แต่คนอย่างสุริยะ หยางไม่น่าจะก้มหัวให้ใครง่ายๆ ไม่น่าจะยอมทนกับการตีสองหน้า ข้าสองเจ้า บ่าวสองนายอะไรทำนองนั้น... พี่ซันน่าจะยืนอยู่ฝ่าย ‘ท่าน’ แต่แกล้งมาเข้ากับพ่อลิลลี่
การเมืองมันซับซ้อน ผมไม่เข้าใจเหตุผลทั้งหมด แต่ผมรู้ว่ามันอันตรายมาก พี่ซันเล่นกับไฟ ไม่...ตัวเขาก็เป็นไฟด้วย และมันก็จะเผาเขาตายถ้าเขาพลาด
“แล้วเรื่องบัญชีของอวิ๋น?”
“ผมคิดว่าให้หยางอวิ๋นมาดูกิจการร้านชาแทนดีกว่า เรายังขยายสาขาไม่เยอะ ผมคิดว่าหยางอวิ๋นมีความสามารถพอ ดีกว่าให้เขามารู้เรื่องบัญชีของคุณ”
บัญชีพี่ซันมีปัญหา...นั่นคือเหตุผลที่เขาทำหน้าอึดอัดใจ พี่ซันจะอึดอัดใจเรื่องบัญชีทำไมถ้าเงินนั้นไม่.....
ผมรีบหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน ความจริงที่ผมปะติดปะต่อได้ทำให้ผมสับสน พี่ซันกลับมาหลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ดึงผมเข้าไปนอนกอดเหมือนทุกที
เป็นผมเองที่นอนไม่หลับ...อ้อมแขนของพี่ซันคืนนี้ทำให้ผมหวั่นใจ
“อวิ๋นเป็นอะไร กินข้าวอีกหน่อย”
“อิ่มแล้วครับ”
“กินอีก”
เขาคีบกับข้าวใส่ถ้วยผมอีกหลายอย่าง ผมกินไม่ลงแต่ก็ต้องฝืนกินเข้าไปคิ้วขมวดมุ่นของพี่ซันถึงคลายลง ตอนนี้อารมณ์ผมสับสน ผมเหมือนในหนังไทยในบทคนที่เพิ่งค้นพบว่าสามีตัวเองเป็นตัวร้ายในเรื่อง ที่จะทำได้คือแจ้งตำรวจหรืออยู่เงียบๆ
แต่เรื่องของพี่ซันน่าจะเกินมือตำรวจ แล้วผมก็ไม่ได้อยากให้เขาถูกจับ คำพูดของพี่ซันเมื่อคืนคือเขามีงานที่ต้องทำให้เสร็จ ผมคิดว่าถ้าผมอยู่กับพี่ซันต่อก็คงจะต้องพยายามทำให้พี่ซันทำภารกิจลุล่วง แล้วหลังจากนั้นเราถึงจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างแท้จริง
ผมรู้แล้วว่าทำไมพี่ซันเก็บผมไว้ในบ้าน ไม่ใช่เพราะเขาไม่ชอบออกไปไหน แต่เขาออกไปไม่ได้ ข้างนอกนั่นมันอันตราย และตอนนี้ผมก็ไม่ปลอดภัย เขาอยู่ตรงระหว่างหลายฝ่าย คนจะตายคนแรกยังไงก็สุริยะ หยางคนนี้นี่แหละ
“พี่ซันออกกำลังกายบ้างไหมครับ”
“อวิ๋นคิดว่าพี่อ้วนหรอ?”
ท่าทางจับพุงทำหน้าตกใจทำผมหลุดขำ ผมคิดแค่ว่าถ้าเขาออกกำลังกายจะได้มีแรงไปสู้กับคนไม่หวังดี แต่เขาดันทำตัวเป็นผู้หญิงคิดว่าตัวเองอ้วน
ขัดอารมณ์จริงๆ !
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ อวิ๋นอยากให้พี่ซันแข็งแรง”
“อวิ๋นคิดว่าพี่แก่แล้ว?”
ยังอีก...คราวนี้จับหน้าจับตาตัวเอง ถึงกับยกช้อนขึ้นมาส่อง
“ครับ แก่แล้ว ต้องออกกำลังกายนะ”
“พี่ฝึกกังฟูทุกวัน”
“ตอนไหนครับ”
“ตอนที่อวิ๋นไปโรงเรียน พี่ต้องตื่นมาดูแลอวิ๋นก่อน ส่งอวิ๋นไปโรงเรียนพี่ถึงมาจัดการเรื่องตัวเองไง”
“อื้อหือ แม่บ้านหยางตัวจริงอยู่ตรงหน้าอวิ๋นนี่เอง”
เขาทำหน้าไม่พอใจแล้วก็จับผมจูบ เถียงไม่ได้ก็เอาแต่จูบ ทำไมสำหรับผมพี่ซันเขาน่ารักเกินไปจนผมหวั่นใจว่าเขาจะสู้ฝ่ายอื่นไม่ไหว หรือเพราะผมรักพี่ซันก็เลยเป็นห่วงเขาเป็นพิเศษ ประมาณว่าลูกถึงจะโตแค่ไหนสำหรับแม่ก็ยังเป็นเด็กเสมอ? สำหรับผมต่อให้พี่ซันเก่งแค่ไหนผมก็กังวลอยู่ดี
ไม่ได้ละ ผมจะต้องเตรียมการรับมือช่วยพี่ซัน อะไรก็แล้วแต่ พี่ซันจะต้องไม่แพ้
ขั้นแรก ผมต้องจัดการเรื่องลิลลี่ หวง
ลิลลี่ หวงน่าจะยังไม่รู้เรื่องการจับคู่ของผู้ใหญ่ เธอยังคงเหมือนเดิมกับผม จะทำยังไงนะเธอถึงจะต้องออกไปจากชีวิตพี่ซัน ผมไม่ได้เลวร้ายขนาดทำร้ายเธอหรอก ก็แค่ต้องทำให้รัฐมนตรีหวง เลิกคิดจับคู่ลิลลี่กับพี่ซัน
“หยางอวิ๋น ไปทานข้าวกลางวันกันจ๊ะ”
“อื้ม”
บางทีผมอาจจะต้องสร้างเครื่องมือไปสู้กับรัฐมนตรีหวง แล้วสิ่งที่น่าจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดคงเป็น ลิลลี่นี่เอง
ผมไม่อยากใช้วิธีนี้แต่ถ้าพี่ซันปฏิเสธไม่ได้ ถ้างานที่เขาต้องทำมันทำให้เขาต้องแต่งงาน ไพ่ตายก็คงเป็นคนตรงหน้าผม
“เปลี่ยนโบว์ผูกผมหรอ?”
เปล่า ผมไม่ได้สังเกตเห็นอะไรหรอก แต่ผมเคยเห็นเอ็ดเวิร์ดทำ เขาจะทักความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของผู้หญิง แม้มันจะไม่จริง แต่ผู้หญิงก็จะแปลกใจอยู่ดีที่ผู้ชายรู้จักสังเกต
“เอ๋ อื้อใช้มาสองสามวันแล้วนะ หยางอวิ๋นเธอรู้สึกช้าจัง”
“ก็มันดูเหมือนๆ กันไปหมดนี่ครับ แต่...เหมาะดีนะ ช้าไปไหมที่จะบอก?”
“ขอบคุณนะ...ฉันก็ชอบโบว์สีนี้มากเลย”
ผมยิ้มเหมือนทุกครั้ง ใช่...ผมกำลังจะจีบลิลลี่ หวง เธอชอบผมอยู่แล้ว มันเลยไม่ยาก แต่ผมก็ไม่ได้รีบเพราะถ้าผมเปลี่ยนไปทันทียังไงมันก็ผิดสังเกต
“หนักนะ ผมช่วยถือดีกว่า”
ผมรับหนังสือที่ลิลลี่เลือกในห้องสมุดมาช่วยถือ ผมไม่เคยมาห้องสมุดกับลิลลี่ หวง เป็นอีกอย่างที่ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง
“ขอบคุณนะ”
“ชอบอ่านวรรณกรรมหรอ?”
“ใช่ เราชอบพวกแฟรี่เทลน่ะ แล้วเขาเอามาแต่งเรื่องต่อเลยอยากอ่าน ร้านหนังสือไม่มีขายแล้วก็เลยต้องมายืมที่ห้องสมุด”
“อ๋อ ผู้หญิงชอบอะไรแบบนี้นี่เอง”
“ทำไมล่ะ มันไร้สาระหรอ”
“เปล่าครับ...ก็น่ารักดี”
ลิลลี่ หวงน่าจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมจีบ จริงๆ ก็ไม่ถึงกับจีบ แต่ผมแค่อ่อย เรื่องนี้จะให้พี่ซันรู้ไม่ได้ ไม่งั้นผมนี่แหละจะตายคนแรก
“แล้วอวิ๋นก็เลยโดนดุ เพราะเพื่อนคุยเยอะ”
“เดี๋ยวนี้ภาษาจีนคล่องขนาดคุยกับเพื่อนในเวลาเรียนแล้วหรอ”
“เปล่าครับ เพื่อนเห็นอวิ๋นฟังไม่ออกเลยคุยภาษาอังกฤษ คราวนี้ฟังออกเลยคุยเพลินเลย”
พี่ซันหัวเราะไปกับเรื่องที่โรงเรียนของผม เรานั่งเล่นกันริมบ่อปลา ผมกลับมาในตอนที่พี่ซันฝึกกังฟูพอดี เขาฝึกกับบอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ผมเจอบ่อยๆ ชื่อ อาเฟย มีชิวซีด้วยอีกคน
ชิวซีหล่อมากจริงๆ เขาดูเหมือนพระเอกละครย้อนยุคของจีน ส่วนพี่ซันน่าจะเป็นหัวหน้าพรรคมาร พอผมเผลอมองชิวซีนิดเดียวเขายกขาถีบชิวซีเลย นิสัยไม่ดี
“หันหลังไปเลย อวิ๋น เข้าบ้านไปเลยห้ามออกมา”
คนพาล...ผมก็แค่คิดว่าชิวซีดูดีไม่ได้คิดอะไรเกินเลยสักหน่อย
ผมหนีไปทำการบ้านสักพักเขาถึงมาตามไปกินข้าว ทั้งชิวซีทั้งอาเฟยไปกันหมดแล้ว เหลือผมกับพี่ซันและปลาทั้งบ่อ เขาให้อาหารไปก็คุยกับปลาไป
“ลูกพ่อ กินเยอะๆ จะได้อ้วนๆ เดี๋ยวเขาหาว่าเรายากจนไม่มีข้าวกิน เรารวยเข้าใจไหม”
มุกรวยอลังการของพี่ซันนี่เล่นไปทั่ว บางทีเขาก็เหมือนเด็กในร่างผู้ใหญ่
“ปลากินแล้ว คนก็กินด้วย เมื่อไหร่จะอ้วน? พี่ก็เลี้ยงอย่างดีไม่อ้วนสักที”
ผมอ้าปากให้เขาคีบเป็ดเข้าปาก เรากินข้าวกันริมบ่อปลานี่แหละ
“ก็พี่ซันใช้แรงงานอวิ๋นเยอะ บอกให้งดไงครับ ถือศีลกินเจ”
“พี่มันคนบาป อ้าปาก กินอีกคำ”
เขาป้อนผมเสร็จก็คีบกับข้าวเข้าปากตัวเองบ้าง ผมว่าทุกวันนี้ผมกินข้าวด้วยตัวเองน้อยลงมาก ทำตัวเป็นปลาขี้เกียจให้เขาเลี้ยงอีกตัว
แต่ผมชอบนะ...
ผมอยากเป็นปลาแสนสวยของสุริยะ หยางตลอดไป
“พยายามหน่อยสิครับพี่ซัน เลี้ยงให้อวิ๋นอ้วนให้สำเร็จนะครับ เป็นกำลังใจให้”
ผมแกล้งเอียงคอช้อนตามองเขา แล้วโต๊ะที่กั้นระหว่างเราก็โดนเขาดึงออก
“วันหลังค่อยอ้วนนะอวิ๋น ตอนนี้ลดน้ำหนักก่อน”
เฮ้อ...เราไม่ได้อยู่กันสองคนนะครับ...ไม่อายปลาทั้งบ่อบ้างเลย
----------------
นี่เป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องค่ะ 5555+ พี่ซันมีแผนของพี่ซัน กันติชาก็มีแผนของกันติชา เดาออกยังงงงงงงงงงง