Chapter 36 We
ผมนึกว่าระหว่างผมกับพี่ซันจะไม่ได้กลับมาคุยกันง่ายนัก แต่เปล่าเลยหลังจากผมแอบดูเขาอยู่ห่างๆ มาสักพักในตอนที่เขามาแอบดูผม มันก็เกิดเหตุการณ์ให้เราได้คุยกัน...เจ้าจันทร์ทำเรื่องปวดหัวเอาตัวเองจุ่มลงในกะละมังซักผ้าตอนผมคุยโทรศัพท์กับพี่จิน
เจ้าตัวเล็กแสบจริงๆ !
“ครับพี่จิน ทุกอย่างเรียบร้อยครับ ขอบคุณมากครับ ครับ สวัสดีครับ”
ผมวางมือถือแล้วเดินไปหลังบ้านเพื่อซักผ้าต่อ แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเจ้าจันทร์กำลังแช่ตัวเองลงในอ่างซักผ้าพร้อมเพื่อนกระต่ายยางคู่ซี๊หลายตัว
“จันทร์ออกมา! ”
“จั๋นเปาะแปะ”
การเลี้ยงลูกคือปล่อยให้ลูกคลาดสายตาไม่ได้ ผมลุกไปรับโทรศัพท์ครู่เดียวเลยไม่ได้ปิดประตูหลังบ้านไว้ เจ้าจันทร์คงเดินมาเห็นกะละมังที่มีฟองฟูฟ่องคงนึกว่าจะอาบน้ำเปาะแปะเลยจุ่มตัวเองไปพร้อมกับแก๊งกระต่ายยางที่อาบน้ำพร้อมกันทุกครั้ง ผมมาเห็นก็ตอนเจ้าตัวเล็กเปียกไปแล้วทั้งตัว จำได้ว่าตัวเองตกใจมากรีบไปอุ้มลูกออกมาแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ
ถ้าเป็นน้ำยาซักผ้าของเด็กผมจะไม่ห่วงเลย แต่นี่มันของผมเอง ขนาดซักมือยังรู้สึกมือด้านๆ แล้วเจ้าจันทร์ดันจุ่มตัวเองไปนั่งในอ่างทั้งตัว!
“คราวหลังไม่เล่นนะจันทร์ ฟองนี้เล่นไม่ได้”
“ไมเหยอ”
“มันไม่ใช่สบู่ สบู่เล่นได้ในห้องน้ำ หลังบ้านไม่ได้”
ผมพยายามจะอธิบายให้ลูกเข้าใจ น้ำเสียงต้องเข้มกว่าปกติเพราะอันนี้ไม่ได้ ถ้ามันเข้าหน้าเข้าตาทำยังไง?
“จั๋นเปาะแปะ แล้วปะแป้ง”
“ไม่ใช่ลูก อันนั้นเสื้อผ้าเปาะแปะ จันทร์ต้องเปาะแปะในห้องน้ำนะครับ ไม่เหมือนกัน”
“อื้อ! ”
หลังจากจับลูกอาบน้ำปะแป้งเรียบร้อยก็ขังเจ้าตัวเล็กไว้กับการ์ตูนแล้วมาซักผ้าต่อ แต่ซักยังไม่ทันเสร็จเสียงร้องไห้ก็ทำให้ผมต้องรีบล้างมือ
“ฮือออออออออออออ จั๋นเจ็บ”
เจ้าจันทร์วิ่งมาเกาะขาผมร้องไห้น้ำหูน้ำตาร่วง เป็นอย่างที่ผมกังวล ลูกแพ้น้ำยาซักผ้า แขนกับขาเริ่มขึ้นผื่นแดกเต็มไปหมด ที่แก้มยุ้ยๆ ยังมีบางส่วนกลายเป็นลายจุดแดงทั้งตัว
“เราไปหาคุณหมอกันนะครับ เดี๋ยวไม่เจ็บแล้ว”
“โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”
ผมอุ้มเจ้าจันทร์ขึ้นอีกรอบ หัวใจเต้นแรงเพราะความตกใจ ลูกไม่เคยผื่นขึ้นเยอะขนาดนี้ ผมลนลานรีบไปหยิบกุญแจรถวิ่งออกมาหน้าบ้าน
แล้วเพราะความรีบร้อนมันก็ทำให้ผมสะดุดพื้นต่างระดับตรงหน้าบ้านตัวเองล้มลง แต่ดีที่ผมหงายหลังทันเจ้าจันทร์เลยปลอดภัยเพราะทับอยู่บนตัวผม แต่ลูกตกใจยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก
“ฮืออออออออออออออ พ่อ พ่อ”
“โอ๋ ไม่เป็นไรครับ ซี้ด...”
ข้อเท้ามาเจ็บอะไรตอนนี้วะ แล้วผมก็อยู่กับลูกสองคนยังไงก็คงขับรถไม่ได้แล้ว ค่อยไปเรียกแท็กซี่หน้าหมู่บ้าน ทนเดินไปอีกหน่อย
“ฮืออออออออ จั๋นเจ็บ พ่อเจ็บ ฮือออออ”
เจ้าจันทร์ไม่ค่อยงอแงยกเว้นตอนที่ป่วยหรือเจ็บ แล้วยิ่งเขาตกใจที่เราล้มลงกับพื้นเขาก็ยิ่งร้องเข้าไปใหญ่ กว่าจะอุ้มกันขึ้นมาจากพื้นได้ก็เหนื่อยเหมือนกัน
หลังๆ มานี้ผมรับมือกับการป่วยของลูกได้ดีขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่รู้สึกอะไร แค่ต้องพยายามตั้งสติแล้วไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
“อดทนอีกนิดนะ เดี๋ยวพ่อพาไปหาหมอแล้ว”
แขนเล็กล็อกคอผมไว้แน่นแนบหน้าลงกับแก้มผม ร้องไห้งอแงจนน้ำตาเปื้อนแก้มผมไปหมด ผมไม่คิดจะเก็บกุญแจรถที่หล่นขึ้นมาเพราะว่าเท้าที่เจ็บดันเป็นเท้าขวาที่ต้องใช้เหยียบคันเร่งเหยียบเบรก ต้องไปแท็กซี่อย่างเดียว เผลอๆ เจ้าจันทร์ต้องแอดมิดด้วย
“หยางอวิ๋น?”
ผมเดินมาถึงหน้าซอยก็เจอชิวซี เขาตกใจที่เห็นผม แต่ผมดีใจที่เจอเขา ตอนนี้เรื่องเจ้าจันทร์สำคัญกว่าการที่ผมจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าทำไมเขาถึงมาอยู่แถวนี้
“ช่วยด้วยครับ จันทร์...จันทร์ไม่สบาย”
“รถอยู่ทางนี้ครับ”
แล้วผมก็เข้าใจในที่สุดว่าทำไมไม่เคยเห็นรถของคนข้างบ้านตัวเองเลย รถยุโรปคันหรูมาจอดอยู่แถวๆ สนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน ผมไม่เคยพาลูกมาเล่นนอกบ้านก็เลยไม่เคยเห็นนี่เอง
ชิวซีขับรถพาผมมาถึงโรงพยาบาลประจำของเจ้าจันทร์ วุ่นวายกันไปหมด ผมก็มัวแต่ห่วงลูกไม่ได้มีเวลามาสนใจอะไรนัก เจ้าจันทร์ต้องนอนอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างที่คิด ฉีดยาแก้แพ้แล้วโดนจับทาแป้งแก้คันทั้งตัว
คุณหมอบอกว่าโชคดีที่ผมจับลูกอาบน้ำทันที น้ำยาซักผ้ามันเลยยังไม่กัดผิวลูกมากนักแต่ผิวเด็กบอบบางก็ต้องมีอาการแพ้บ้าง เจ้าตัวเล็กอาจจะไข้ขึ้นสักวันสองวัน ให้อยู่รอดูอาการก่อนไม่ต้องตกใจ
ชิวซีจัดการเรื่องห้องพักให้เรียบร้อยตอนที่ผมคุยกับหมอ เขาทำทุกอย่างว่องไวเหมือนเดิม เราก็เลยได้ห้องพิเศษสำหรับเด็กมาหนึ่งห้อง เป็นฟูกนอนมีคอกสี่ด้านเหมือนกับที่บ้าน มีตุ๊กตาของเล่นเต็มห้องไปหมด
เจ้าตัวเล็กนอนซึมอยู่กลางฟูก มือโดนพันแน่นหนาเพราะต้องให้น้ำเกลือด้วย การให้น้ำเกลือเด็กต้องพันเยอะกว่าผู้ใหญ่ป้องกันเด็กแกะ
“เดี๋ยวก็หายนะครับ เจ้าจันทร์ของพ่อเก่งจะตาย เนอะลูก”
“จั๋นเก่ง ฮึก...ฮืออ”
ผมนอนลงข้างลูก ลูบหลังเขาเบาๆ ตอนนี้เจ้าจันทร์ตัวขาวเป็นเด็กชุบแป้งเลย ถ้าเลือกได้ก็อยากให้ตัวเองเป็นแทน ผมคงไม่เจ็บเท่าที่ลูกเจ็บเพราะผมโตแล้ว
“โอ๋...เดี๋ยวหายแล้วเราไปเที่ยวสวนสัตว์กันนะ จันทร์ชอบตัวไหนนะ? แมวน้ำใช่ไหม? หายแล้วไปตบพุงกับแมวน้ำกัน”
“อื้อ! จั๋นอ้วน ตบพุง ฮึก...”
เราคุยเรื่องสวนสัตว์กันอีกสักพักเพื่อให้ลูกรู้สึกดีขึ้น แล้วเจ้าตัวเล็กก็เริ่มหาวหลับไปในที่สุด ผมถอนหายใจด้วยความโล่งใจ สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่มันไม่ง่ายเลยที่จะรับมือเวลาลูกป่วย ทั้งห่วงทั้งกังวลแต่จะแสดงออกให้ลูกเห็นก็ไม่ได้ ไม่งั้นลูกจะยิ่งกลัว ผมลุกจากที่นอนมาดูนาฬิกาก็ค่ำแล้ว ชิวซีก็ไม่ได้อยู่ในห้องด้วย ผมต้องไปหาอะไรกินก่อนเพราะดึกๆ เดี๋ยวเจ้าจันทร์ก็คงตื่น ต้องเตรียมนมให้ลูกด้วย แต่พวกนมกระป๋องก็อยู่บ้าน...ผมอยากกลับไปเอาของสำหรับลูกที่บ้านแต่ก็ไม่กล้าทิ้งลูกไว้คนเดียว
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ก่อนชิวซีจะเดินเข้ามา เขามาพร้อมกล่องเข้าจากร้านเฟรนชายน์ชื่อดังแห่งหนึ่งที่เปิดสาขาตามห้าง แต่โรงพยาบาลนี้ก็มีด้วยเพราะเป็นเอกชนขนาดใหญ่
“ทานข้าวก่อนครับ”
“ชิวซี ผมอยากกลับไปเอาพวกนมกับกระต่ายของจันทร์ แต่ผม...กลัวว่าลูกจะตื่นมาตอนผมไม่อยู่”
“เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ หยางอวิ๋นไม่ต้องกังวล ลิสต์มาได้เลยครับว่าต้องการอะไรบ้าง ขอกุญแจบ้านด้วยครับ”
“ขอบคุณครับ ชิวซี...ขอบคุณจริงๆ”
“ตอง”
“พี่ซัน...พี่ซัน ...ฮึก...”
“ชู่ว...เดี๋ยวลูกตื่น”
ผมนั่งเหม่อมองลูกหลับอยู่ตั้งนาน แม้แต่เสียงประตูห้องเปิดผมก็ไม่ได้ยินจนกระทั่งสุริยะ หยางวางมือลงมาที่ไหล่ ผมไม่คิดว่าเขาจะยอมมาเจอผมง่ายๆ คิดว่าเขาไม่อยู่ไทยด้วยซ้ำจนบังเอิญเจอชิวซีที่หน้าปากซอยใกล้สนามเด็กเล่น หมู่บ้านผมค่อนข้างใหญ่มีหลายซอยแต่มีสนามเด็กเล่นตรงกลาง
ผมลุกขึ้นกอดเขา ปล่อยให้ตัวเองจมไปในอ้อมกอดกลิ่นใบชาจักรพรรดิ ผมนึกว่าตัวเองจะมีเรื่องพูดกับพี่ซันเยอะแยะไปหมด แต่อันที่จริงที่ผมอยากทำก็แค่กอดเขาไว้
“พี่เอาพวกของใช้ของลูกกับตองมาให้ อาบน้ำก่อนนะ ดึกแล้ว”
“ครับ”
กลายเป็นว่าการกลับมาเจอกันของเรามันเรียบง่ายกว่าที่คิด ไม่ได้มีการวางแผนอะไร ไม่มีคำถาม ไม่มีการอธิบาย แค่เราสองคนนั่งพิงคอกเด็กมองลูกนอนหลับจนกระทั่งเจ้าจันทร์ตื่นมาตอนสี่ทุ่มอย่างที่ผมคิด
“พ่อ...ลุงเหยอ”
สุริยะ หยางส่งตุ๊กตากระต่ายผ้าให้ลูกไปกอด โชคดีที่เจ้าตัวเล็กไม่ได้เอากระต่ายผ้าแช่น้ำไปด้วยกันแต่เอาพวกกระต่ายยางแทน คงชินว่ากระต่ายยางเปาะแปะกับตัวเองประจำ
“หิวล่ะสิ?”
“หนมจั๋น”
“ตื่นมากินหนมได้ไง ต้องกินนมก่อน เดี๋ยวพี่ไปชงนมให้”
“ไม่เป็นไรครับ ตองชงเอง...พี่ซันอยู่กับลูกให้ตองหน่อยนะครับ”
เขาพยักหน้ารับแล้วเขยิบเข้าไปชวนเจ้าจันทร์คุย ส่วนผมก็ลุกออกมาชงนมใส่แก้วหูจับที่เจ้าจันทร์ใช้ดื่มนมทุกวัน พอเดินออกมาจากห้องรับรองข้างๆ ก็กลายเป็นว่าลุงตัวใหญ่กับหลานตัวเล็กนั่งตักกันเล่านิทานกระต่ายกับสวนแคร์รอตที่ผมไม่ได้ยินมานานแล้ว...ไม่ได้ยินตั้งแต่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน
“แล้วปิศาจชิวซีนะ ก็จะมาขโมยเบบี้แคร์รอตแต่โชคดีมากที่พลทหารแรบบิทเก่งกว่ามาก จัดการเหวี่ยงหูกระต่ายฟาดใส่ชิวซีจนต้องยอมแพ้ไป”
“หูววว”
“หูวนี่ฟังรู้เรื่องไหม?”
“เบบี้แคร์รอต จั๋นหิว หย่อย”
“เดี๋ยวสิ ใจความสำคัญคือปราบปิศาจนะทำไมหิว”
“สีส้มๆ จั๋นกิน”
“เห็นแก่กินมากเลยพลทหาร มิน่าอ้วนเอาๆ จะสู้ไหวไหมเนี่ย?”
“จั๋นอ้วน! ”
ผมอมยิ้มกับบทสนทนาคนละเรื่องเดียวกัน ก่อนจะเดินถือแก้วไปให้ลูก พี่ซันขยับเบี่ยงตัวหลบแล้วรับแก้วไปช่วยเจ้าตัวเล็กดื่มนา มือลูกพันผ้าไว้ข้างหนึ่งทำให้ถือเองไม่ได้ถนัดนัก
“โอ้โห กินหมดเลย หิวจริงด้วย”
“จั๋นเก่งงง”
ลูกเล่นกับพี่ซันสักพักก็นอนต่อ นั่นถึงเป็นเวลาของเราสองคนจริงๆ พี่ซันลุกไปชงชาของเขาแล้วเราก็มานั่งด้วยกันที่โซฟา ใต้แสงไฟสลัวผมแค่นั่งพิงเขาไว้
“หมอว่าไงบ้าง”
“ลูกอาจจะไข้ขึ้นสักวันสองวัน ก็ดีขึ้นครับ”
“อืม เขาไม่เป็นไรหรอก”
“ครับ...พี่ซันจะกลับจีนเมื่อไหร่”
“อาทิตย์หน้าก็ได้”
“สบายดีไหมครับ...ที่จีนเริ่มอากาศเย็นแล้วด้วย”
“สบายดี ยุ่งไปหมด ตองก็ยุ่งน่าดูลูกกำลังซน”
“วุ่นวายทุกอย่างเลยครับ...แต่ แต่ตองมีความสุขนะ เจ้าจันทร์ก็มีความสุข พี่ซันไม่ต้องห่วงตองกับลูกเลย”
มือหนาเลื่อนมากุมมือผมไว้ เขาบีบกระชับทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจ เราต่างรู้ว่าเรื่องของเรามันไม่ง่าย ความรักที่พี่ซันมีต่อผมและผมมีต่อพี่ซันมันจะกลายเป็นความปรารถนาดีที่อยากให้อีกฝ่ายมีความสุข แม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน
“ดีแล้ว...พี่ก็คงทำได้แค่แวะมาหาเรื่อยๆ ทุกอย่างมันดีขึ้นแต่...มันก็ยังมีหลายอย่างให้ต้องกังวล ตองอยู่กับลูกทางนี้พี่ก็สบายใจกว่า”
“ไม่เป็นไรครับ ตองเข้าใจ...ตองกับลูกไปอยู่ด้วยพี่ซันก็เป็นห่วงเปล่าๆ เราอยู่กันได้ครับ...จริงๆ นะ ก็อาจจะเหนื่อยบ้างเวลาลูกป่วย แต่ไม่มีเรื่องร้ายแรงหรอกครับ”
“อวิ๋นของพี่เก่งจะตาย...ลูกเลยเป็นจั๋นเก่ง ไม่รู้เก่งอะไรเยอะแยะตัวแค่นี้”
เราหัวเราะเบาๆ ไปด้วยกัน กลายเป็นว่าเราคุยกันด้วยเรื่องทั่วไป ผมเล่าเรื่องเรียนที่เรียนไม่จบสักที พี่ซันก็บ่นเรื่องปลาของเขา...ปลาเขาไม่สบาย เป็นโรคอ้วน...ตรวจสุขภาพปลาล่าสุดผลดันออกมามาว่าปลาอ้วนไป
“พี่ก็เพิ่งรู้ว่าปลาน้ำหนักเกินได้ ช่วงนี้เลยต้องลดน้ำหนักปลา ถ้าพี่สร้างฟิตเนสให้ปลาได้พี่คงทำแล้วล่ะ”
“จันทร์ก็อ้วนขึ้นนะครับ ผมดีใจมากเลย...ตอนเข้าเนอสเซอรี่ลูกตัวเล็กสุดในห้อง ตอนนี้เริ่มพอฟัดพอเหวี่ยงกับเพื่อนได้แล้ว”
“ตองจะให้ลูกเป็นนักเลงตั้งแต่อนุบาลเลยหรอ?”
“พอฟัดพอเหวี่ยงหมายถึง...เริ่มสูสีครับ พี่ซันอย่าเพิ่งตกภาษาไทยเวลานี้สิ”
ผมยกมือเขามางับเบาๆ เขาก็หัวเราะขำๆ เราคุยกันอีกสักพักผมก็มานอนข้างลูกส่วนพี่ซันแยกไปอาบน้ำแล้วมานอนที่โซฟา
เป็นคืนแรกในรอบหลายเดือนที่ผมหลับสนิท
“แล้วลุงก็นี่ๆ ๆ ๆ จั๋นก็นี่ๆ ๆ ๆ”
“นี่ๆ ๆ ๆ คืออะไร ชี้อะไรเนี่ย”
“ลุงก็ใหญ่ๆ จั๋นนี่ ลุงนี่”
“อ่ะใหญ่ก็ใหญ่ แล้วนี่ๆ ๆ ๆ คืออะไร?”
“คือนี่ เยอะๆ”
ผมนั่งกินข้าวไปก็ขำไป พี่ซันนั่งพิงคอกเด็กฟังเจ้าตัวเล็กโม้อะไรไม่รู้ วัยนี้เด็กๆ จะมีจินตนาการเยอะแยะไปหมดแต่เจ้าจันทร์ยังพูดไม่ชัด วาดไม้วาดมือนี่ๆ โน่นๆ ทำหน้าจริงจังแต่ฟังไม่รู้เรื่องเลย
“โอเค เข้าใจแล้ว เราจะนี่ๆ ๆ ๆ แล้วก็นี่ๆ ๆ ๆ ๆ ใช่ไหม?”
“ลุงเก่ง จั๋นเก่ง! ”
“ช่ายยย เราเก่ง ทำไมเก่งแบบนี้ คนเก่งมากินนมก่อน”
ผมลุกเอานมในแก้วไปให้พี่ซัน เจ้าตัวเล็กกำลังสนุกได้เพื่อนเล่นคนใหม่ก็เลยไม่งอแงรีบกินแล้วก็รีบไป นี่ๆ ๆ ๆ นั่นๆ ๆ ๆ ของเขาต่อ หลังจากผมกินข้าวเสร็จก็มาเปลี่ยนกับพี่ซันดูลูก
พยาบาลเข้ามาในตอนสายจัดการเช็ดตัวทายาให้เจ้าจันทร์ ตรวจเช็คเข็มน้ำเกลือแล้วก็ปล่อยให้ผมป้อนข้าวป้อนยาลูก แล้วเราก็นอนดูการ์ตูนกัน
“พี่ไปธุระนะ เดี๋ยวกลับมาเย็นๆ”
“ครับ จันทร์ธุจ้าลุงก่อน”
“ธุจ้า”
พี่ซันใช้เวลาอยู่กับผมจนลูกออกจากโรงพยาบาล กลายเป็นว่าเราคุยเรื่องเขาแอบมาอยู่ข้างบ้านผมกันขำๆ รวมถึงเรื่องที่เขามาปีนบ้านเยว่ด้วย ครบกำหนดเขาก็กลับจีนไป
การแยกจากกันครั้งนี้มันไม่ได้เลวร้าย ไม่ได้ทรมานเหมือนครั้งก่อน เหมือนกับว่าเราปรับตัวที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ได้แล้ว แม้แต่ลูกก็ไม่ได้ถามถึงพี่ซัน เขาชินที่ลุงข้างบ้านจะมาๆ ไปๆ
ผมกับพี่ซันไม่ได้คุยกันถึงเรื่องของเราในอนาคตเลยด้วยซ้ำ เวลาเขามาเราก็จะคุยกันแต่เรื่องลูก เรื่องเรียนของผม เรื่องงานที่ผมอยากทำ เรื่องร้านชาในจีนที่ผมเคยดูแลตอนนี้ขยายกิจการไปต่างเมืองแล้ว
“ร้านชาของเยว่ก็มีอยู่หนึ่งร้านครับ พี่ซันว่าเป็นไปได้ไหมถ้าจะนำเข้าใบชาจากร้านพี่ซัน? เราจะเป็นซัพพลายเออร์หลักของพี่ซันที่ไทย”
“ได้สิ พี่ก็อยากส่งออกเหมือนกัน ในไทยก็ยังไม่ได้ติดต่อใครไว้ ถ้าตองชอบก็มาทำดู จะเรียนจบแล้วนี่? อยากทำร้านชาต่อหรอ”
“ก็...อยากทำครับ ตอนกลับมาอยู่ไทยก็ช่วยทำอยู่ อยากลองขยายกิจการให้มันใหญ่แบบของพี่ซันที่เซี่ยงไฮ้ แต่ชาจีนแท้ๆ มันยังไม่บูมในตลาดบ้านเรา คงจะต้องทำเป็นร้านชาที่ขายในกลุ่มผู้ใหญ่ก่อน แล้วถ้าเจ้าจันทร์โตขึ้นอีกหน่อยผมถึงลงไปทำเต็มตัว”
“ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ เรามีโมเดลอยู่แล้ว พี่รู้ว่าตองทำได้”
การคุยเรื่องงานทำให้ผมรู้สึกสดชื่น ผมไม่ได้คุยเรื่องธุรกิจ การเงิน บัญชีมานานแล้ว ผมโฟกัสแต่ลูกไม่ได้คิดเรื่องงานอย่างจริงจังเลย
“ขอบคุณนะครับ อาจจะต้องปรึกษาพี่ซันหลายอย่าง”
“ปกติพี่ค่อนข้างหยิ่งไม่ค่อยให้คำปรึกษาใครง่ายๆ ตองต้องเข้าใจนะว่ากำลังคุยกับคนที่รวยอันดับหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ พี่อยู่ในจุดที่ค่อนข้างต้องไว้ตัวหน่อย จะมาทำตัวไม่รักษาภาพลักษณ์ ใช้ชีวิตแบบชนชั้นกลางก็ไม่ได้ ใครอยากคุยกับพี่ก็ต้องนัดแนะมาเป็นทางการ ตำแหน่งงานไม่สูงเงินไม่ถึงพี่ก็ไม่อยากคุยด้วยเท่าไหร่ มันเสียเวลา”
“งั้นผมไปคุยกับชิวซีก็ได้ครับ ระดับผมจะให้คุยกับหยางหวางก็คงไม่เหมาะ ผมดันเป็นคนชนชั้นกลาง หน้าที่การงานก็ไม่มี เรียนก็ยังไม่จบแถมมีลูกติดอีก...ชิวซีอาจจะเห็นใจยอมช่วยผม ยอมรับโทรศัพท์ผมดึกๆ ดื่นๆ เราอาจจะไปกินข้าวกันบ้าง ช่วยกันเลี้ยงลูก แล้ว...”
“หยุดเลย! พี่เล่นตัวแค่นี้อวิ๋นก็ง้อหน่อยสิ จะไปหาคนอื่นทำไม พี่ยังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้นะ คนเดียวที่พี่ยอมให้มาแทรกระหว่างเราได้คือเจ้าลูกกระต่าย แต่ชิวซีมันไม่ได้เป็นลูกตองนะ ลืมมันไปเลย มันมีครอบครัวของมันแล้ว ปล่อยมันไปเถอะ ง้อพี่ด้วย”
“อ้าว นี่อวิ๋นผิดหรอครับ”
“ผิดมาก ทำร้ายจิตใจพี่ พี่ต้องการคนปลอบใจ ถ้ากอดนี่ก็รู้สึกดีขึ้นห้าสิบเปอร์เซ็น ถ้าจูบ...ก็คงเจ็ดสิบห้า...แต่ถ้ามากกว่านั้น...”
หน้าผมร้อนผ่าวกับสายตาวิบวับของเขา แต่ก็ไม่ได้หลบเลี่ยงตอนเข้าโน้มหน้าลงมาใกล้
“ลุงกินพ่อเหยอ”
ผมรีบผลักพี่ซันออก หันขวับไปมองเจ้าตัวเล็กเมื่อครู่ยังเล่นขุดดินอยู่นอกบ้านอยู่เลย ตอนนี้กลายเป็นมายืนตาแป๋วมองผมกับพี่ซัน
“ไม่ได้กินครับ พ่อโดนแมงกัด ลุงเลยช่วยดู”
เจ้าตัวเล็กทำหน้าสงสัยแต่ก็เดินมาหาผมแล้วจ้องมาที่ปาก
“แมงเหยอ พ่อกินหนม แบ่งแมง”
“ใช่ ตอนนี้ลุงเลยจะช่วยเอาแม่งออกจากปากพ่อไง”
พี่ซันช่วยผมอธิบายลูกแต่เขายิ้มกรุ้มกริ่มจนผมเขิน ผมหยิกพี่ซันแก้เขินไปหนึ่งที เขาก็หัวเราะแล้วก็ลุกไปจูงมือเจ้าตัวเล็กพากันออกไปเล่นขุดดินหน้าบ้านต่อ ส่วนผมก็เม้มปากแน่นตบหน้าตัวเองเบาๆ เรียกความรู้สึกกลับมาให้เข้าที่เข้าทาง
อายลูกชะมัด...ผมต้องระวังกว่านี้แล้ว เดี๋ยวเจ้าตัวเล็กจำตัวอย่างที่ไม่ดีไป...มันก็ไม่ใช่ไม่ดีหรอก แต่ต้องถึงเวลาที่สมควรก่อน ผมหวังว่าลูกจะเรียนจบแล้วเขาค่อยคิดเรื่องสร้างครอบครัว แต่งงาน
เขาควรได้โอกาสที่ดีกว่าผม อย่าเพิ่งรีบร้อนตอนอายุยังน้อย ใช้ชีวิตของเขาให้คุ้ม...ผมอยากให้เจ้าจันทร์มีความสุข
ความรักของพี่ซัน...ผมเข้าใจมันมากขึ้นทุกวัน เพราะผมรู้สึกแบบนั้นกับเจ้าจันทร์เหมือนกัน...ผมรักลูก ในฐานะพ่อก็อยากให้ลูกมีความสุขแม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย เหมือนกับที่พี่ซันที่อยากให้ผมมีความสุข แต่ไม่ใช่ในฐานะพ่อผมแน่นอน เรา...เป็นมากกว่านั้น
แต่ดูจากผมขาวโพลนทั้งหัวของพี่ซันแล้ว...เป็นปู่ได้แล้วมั้ง? คนอะไรรีบแก่จริงๆ เดี๋ยวเราเดินคู่กันเขานึกว่าปู่ พ่อ หลาน ไม่ได้นึกว่า พ่อ ลูก ลุงก็มาน้อยอกน้อยใจอีก
ถึงจะเป็นปู่ พ่อ หลาน หรือ พ่อ ลูก ลุง เราก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แม้จะไม่ใช่การเป็นครอบครัวแบบที่เราเคยต้องการ แต่ผมโอเคกับการที่เราใช้ชีวิตกันแบบนี้
พี่ซันไม่ได้เข้ามายุ่งกับลูกไปมากกว่าการเป็นลุงที่มาเยี่ยมเดือนละครั้ง หรือสองสามเดือนครั้ง ลูกปลาก็มาตามกำหนดในฐานะแม่ พี่จินกับเจ้าบ้านเยว่ก็มาเยี่ยมเรื่อยๆ ชีวิตของผมอยู่ในจุดที่ผมพอใจมาก ผมพาเจ้าตัวเล็กไปบ้านเยว่ด้วย เจิ้นก็ไม่ได้มีท่าทีไม่ชอบเด็ก
ทุกคนปล่อยให้เราอยู่กันสองคนพ่อลูก ผมรู้ว่าพี่ซันรักเจ้าจันทร์แต่เขาไม่คิดจะมาทำหน้าที่พ่อแทนผม ไม่คิดที่จะมาก้าวก่ายหรือแสดงความคาดหวังอะไรในตัวเจ้าจันทร์ เพราะผมเคยแสดงจุดยืนไปแล้วว่าผมแค่อยากให้ลูกได้ใช้ชีวิตของเขา แม้แต่เรื่องของเรา...เราจะเป็นแค่ลุง กับ พ่อให้เจ้าจันทร์เห็น ไม่ใช่พ่อกับแฟนพ่อ หรือพ่อกับพ่อ
ผมไม่ได้คิดว่าการรักเพศเดียวกันมันผิด แต่ไม่อยากเป็นแบบอย่างให้กับลูก เมื่อเขาโตขึ้นผมอยากให้เขาเลือกเองว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน ไม่ใช่เพราะความคุ้นเคยที่ได้เห็นมาทั้งชีวิต
พี่ซันเห็นด้วยกับผม ในอีกสิบยี่สิบปีข้างหน้า...เมื่อเจ้าจันทร์พร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหนผมกับพี่ซันก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าจันทร์เหมือนเดิม
“ถ้าเจ้าลูกกระต่ายชอบผู้หญิง พี่ก็จะเตรียมสินสอดไว้ให้ เอาให้ผู้หญิงไม่กล้าปฏิเสธเลย”
“แล้วถ้าลูกชอบผู้ชายล่ะครับ?”
“เรายิ่งต้องเตรียมเยอะเป็นพิเศษ เอาไว้ซื้อใจครอบครัวผู้ชายด้วย คิดดูนะลูกเป็นผู้ชายที่มีแฟนเป็นผู้ชายก็ยากแล้ว แต่แฟนดันรวยมหาศาลอีก ยังไงก็ต้องเกรงใจ แล้วเราก็จะจ่ายหนักขนาดว่าครอบครัวฝ่ายนั้นยังต้องด่าลูกตัวเองถ้าทำเจ้าจันทร์เสียใจ เวลามีปัญหาทะเลาะกันก็เข้าข้างจันทร์กันหมด ไอ้นั่นมันจะได้ไม่กล้าหือ ไม่กล้าขัดใจเจ้าลูกกระต่าย ซื้อเสียงส่วนใหญ่ตั้งแต่ก่อนแต่ง ทีนี้เจ้าจันทร์มีความสุขแน่ๆ”
“โกงนะเนี่ย ตัวร้ายชัดๆ เลยครับ”
“พระเอกมันไม่ค่อยเร้าใจหรอกตอง...พี่รู้ตองชอบ”
ก็จริง...เป็นเมียตัวร้ายเร้าใจกว่าเยอะ ไม่งั้นทุกปัญหาที่เราเจอมาด้วยกันคงทำผมถอดใจไปแล้ว แต่ผมก็ยังเหมือนเดิม พี่ซันก็ยังเหมือนเดิม จะอยู่ด้วยกันหรือไม่ได้อยู่เราก็ยังเหมือนเดิม ชาตินี้พระเอกคงไม่มีบทแล้วล่ะ
------------------------------
ความรักของพี่ซันกับก้อนเมฆของเขาก็จะประมาณนี้ รักที่ไม่ใช่สูตรสำเร็จที่ตอนจบจะต้องอยู่ด้วยกัน ถ้ามันอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็ไม่ฝืนกันทั้งคู่เพราะมีทัศนคติเหมือนกันคืออยากให้อีกฝ่ายมีความสุขในทางของตัวเอง
อีกนิดนึงเราก็จะไปถึงจุดเฉลยว่าทำไมจันทร์ต้องไปอยู่กับเจิ้น ทำไมพ่อตองต้องตัดใจปล่อยลูกไป
แต่แผนพี่ซันเขามาถูกทางนะ ไม่มีใครเข้าข้างเจิ้นเลย 555555555 ทุกคนโอ๋มูนนี่กันหมด