Setting Sun ☀ อาณาจักรพระอาทิตย์ : ประกาศร่วมเล่ม หน้า 1 (5 March 19)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Setting Sun ☀ อาณาจักรพระอาทิตย์ : ประกาศร่วมเล่ม หน้า 1 (5 March 19)  (อ่าน 128024 ครั้ง)

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
โดนใจแท้

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
สมน้ำสมเนื้อจ่ะ  :jul1:

ออฟไลน์ bambooiihallo

  • ยู้ฮู >w<
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1503/-19
Chapter 39 Sunset

สุดท้ายแล้วชีวิตของผมก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางแถมมาป่วยอีก ผมว่าชีวิตคนเรามันก็ต้องมีอุปสรรคกันบ้าง แต่ทำไมผมเหนื่อยแบบนี้ ผมอยากมีครอบครัวเป็นของตัวเองมาตลอด แต่ตอนนี้ผมกลับเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ไม่เอาไหน

ตีสองแล้วผมก็ยังนอนไม่หลับ เมื่อก่อนผมคงนั่งกินเหล้า สูบบุหรี่แต่ผมเลิกแล้วเลยเหลือแต่ชาจีนร้อนๆ ที่พี่ซันเอามาฝากกับขนมธัญพืชของลูก

กว่าครึ่งปีแล้วที่ผมรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ผมยังคงกังวล พะวักพะวง ผมอยากหายจากสิ่งที่ตัวเองเป็นแต่มันไม่ง่ายเลย มันดีขึ้น...แต่ช้ามาก มากจนหงุดหงิด

ยังดีที่ตอนนี้จันทร์ต้องไปโรงเรียนทุกวัน ผมไม่อยากให้เขาเห็นเวลาผมอ่อนแอ เวลาที่ผมร้องไห้แต่ไม่รู้ว่าร้องเพราะอะไร หัวใจวูบโหวงและว่างเปล่า

ผมส่งโปรเจ็คสำเร็จในที่สุด มันเป็นความสำเร็จเดียวในช่วงนี้ เหลือแค่รอใบปริญญาส่งมาที่บ้าน ผมไม่คิดจะเข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตร เพื่อนผมจบกันไปหมดแล้ว รุ่นน้องก็ไม่ได้รู้จักกันเท่าไหร่

การจมกับตัวเองไม่ได้ช่วยอะไรผมเลยเริ่มออกไปดูร้าน ไปช่วยงานเจ้าบ้านเยว่ สิ้นเดือนบ้านเราจะตรวจบัญชีจากฝ่ายบัญชี เป็นธรรมเนียมเดิมๆ ที่สืบทอดมาตั้งแต่อดีต แม้จะมีระบบบัญชีที่ทันสมัยแล้วในยุคนี้แต่บ้านเราก็ยังพร้อมใจกันมานั่งตรวจ แต่ไม่ละเอียดเท่าไหร่หรอกเพราะช่อฟ้าเติบโตขึ้นมาก เราก็แค่สุ่มตรวจหรือดูตัวเลขที่มันสำคัญๆ ผมฝึกทำมาก่อนพอมาช่วยทำมันก็ยังจำได้

“ตอง ดูยอดนี้ให้พี่หน่อยจ้ะ”

“ครับพี่จิน”

พี่จินเริ่มบ่นๆ เหมือนกันว่าอยากเป็นแม่บ้านเต็มตัวแล้ว แต่คงอีกหลายปีรอให้เจิ้นโตอีกนิดก่อน เจิ้นกำลังจะอายุสิบห้าเหมือนที่เจ้าจันทร์ก็กำลังจะห้าขวบ

เจิ้นกับจันทร์เกิดวันเดียวกัน

แต่เราไม่เคยจัดงานวันเกิดด้วยกันหรอก ทั้งคู่อายุต่างกันเกินไป เจิ้นมีกลุ่มเพื่อนรุ่นเดียวกัน จันทร์ก็ไม่รู้เรื่อง จะว่าไปสองคนนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันเท่าไหร่เลย

“แล้วเกรดเจ้าจันทร์เป็นยังไงบ้าง”

“อีกคนเดียวก็ที่โหล่แล้วครับ”

พี่จินหัวเราะ เราต่างรู้ว่าเจ้าจันทร์ช้ากว่าคนอื่น แต่ผมไม่คิดจะกดดันลูก พี่จินก็ไม่กดดันผม

“ตองไม่ต้องคิดมากนะ เดี๋ยวอีกหน่อยเราก็รู้ว่าจันทร์ถนัดอะไร ตอนเจิ้นพี่ก็ลุ้นหลายปีเลยกว่าจะดูออก”

“ครับ โตขึ้นจันทร์เขาอยากเป็นอะไรผมก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าเขาไม่เก่งอะไรเลยผมก็กลัวลูกอยู่ในสังคมไม่ได้”

พี่จินเลื่อนมือมาบีบมือผมเบาๆ

“ตองมีพี่อยู่ ถ้าตองกับจันทร์มีปัญหาอะไรก็กลับมาหาพี่ หรืออีกหลายๆ ปีข้างหน้าถ้าเกิดเราตายไปกันก่อน จันทร์ก็ยังมีเจิ้น เจิ้นรักตอง เขาไม่ทิ้งจันทร์ของตองหรอก เดี๋ยวพี่สั่งเจิ้นให้เตรียมมรดกเผื่อจันทร์ด้วย”

พี่จินพูดยิ้มๆ แล้วขยิบตาให้ผม ถึงจะดูพูดเล่นแต่ผมรู้ว่าพี่จินจะทำแบบนั้นจริงๆ

“ขอบคุณครับ มีพี่จินเป็นพี่สาวนี่ดีจัง”

“ปากหวาน เดี๋ยวตองไปรับลูกแล้วใช่ไหม? พี่ว่าจะทำบัวลอยเย็นนี้ ไว้ให้คนขับรถเอาบัวลอยไปให้ที่บ้านนะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับ”



การอยู่ในบ้านกับผมสองคนอาจจะทำให้ลูกซึมซับอารมณ์แย่ๆ ของผมไป ผมเลยจะพาเจ้าจันทร์ไปทำกิจกรรมนอกบ้านในวันหยุด ไปพิพิธภัณฑ์ ไปงานอีเวนท์ของเด็ก งานอีเวนท์สัตว์เลี้ยง มันทำให้ผมไม่ฟุ้งซ่านด้วยเหมือนกัน

เจ้าจันทร์ชอบสัตว์เล็กๆ โดยเฉพาะเจ้ากระต่ายหูยาว คงเพราะคุ้นเคยกับบรรรดาตุ๊กตาของตัวเอง ผมคงต้องทำใจว่าชีวิตนี้จะต้องอยู่ร่วมกับเจ้าหูยาวศัตรูหัวใจเบอร์หนึ่งของผม ผัวก็บ้ากระต่าย ลูกก็ชอบกระต่าย ทำไมพี่ซันดูไม่ออกเลยนะว่าผมไม่ได้ชอบเจ้าพวกหูยาวนี่เลย หลังๆ ผมก็ไม่ได้ปิดบังแล้วด้วย ไม่ได้แกล้งชอบเอาใจเขาสักนิด...แต่เขาสบายใจก็ช่างเขาเถอะ

“จั๋นอยากจับ”

“จับไม่ได้นะครับ คุณกระต่ายตัวนิดเดียวเอง เขาอาจจะตกใจจันทร์นะลูก”

กระต่ายน้อยนอนหลับอยู่ในกรง กระต่ายมันเฉาง่ายการไปจับไปเล่นบ่อยๆ มันไม่ดีเลย เจ้าของกระต่ายก็ยิ้มๆ กับคำอธิบายของผม

เจ้าจันทร์ทำปากยู่แต่ก็พยักหน้าเข้าใจ เราจูงมือกันไปดูกระต่ายในกรงทีละตัว มันมีทั้งพันธุ์หูสั้น หูยาว บางตัวก็ตัวใหญ่ บางตัวก็ตัวนิดเดียว ผมก็ไม่ได้มีความรู้มากนัก แต่ก็สนุกดีเพราะมีงานแข่งวิ่งกระต่ายด้วย

จะมีลู่วิ่งให้เจ้าของเอากระต่ายมาแข่งวิ่งกัน เจ้าจันทร์ไม่รู้เชีร์ยตัวไหนแต่หัวเราะกริ๊ดกร๊าดสนุกใหญ่ ผมเลยซื้อพวงกุญแจกระต่ายในงานให้ลูกหนึ่งอัน

“จั๋นอยากได้ตัวหูยาวๆ”

“รอจันทร์โตอีกนิดก่อนนะ ต้องโตก่อนถึงเลี้ยงได้”

“จั๋นอยากโต”

“ต้องกินนมเยอะๆ”

“อื้อ! ”

หลอกลูกกินนมได้สำเร็จ เอาให้สูงกว่าพ่อเลยนะ



พี่ซันกับผมเราตัดสินใจจะพาเจ้าจันทร์ไปเที่ยวทะเลกัน ลูกไม่เคยไปเลยแล้วไหนๆ ก็ปิดเทอมพอดีกับช่วงที่พี่ซันมาหา เขามารอบนี้ก็เอาชุดจีนมาให้เจ้าจันทร์ด้วย

เป็นชุดจีนคนละแบบที่พวกเราใส่อยู่บ้านกันที่เซี่ยงไฮ้ แบบที่ไม่ใช่แค่ชุดคลุมที่ดึงทีเดียวชุดก็หล่นหายไปเลย มันเป็นชุดคอจีนเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวสำหรับเด็ก สีขาวปักลายพระจันทร์สีทอง มีหมวกเข้าชุดด้วย

“ลูกใครหล่อจัง”

“ใส่แล้วดูแพงมาก นี่ไหมทองของจักรพรรดิเท่านั้นที่ใช้ได้ ไม่รวยจริงหาซื้อไม่ได้นะ”

ใครเขาชมเด็กว่าดูแพง พี่ซันนี่น่าตี...แล้วคนรวยรุ่นจิ๋วก็ไม่ได้สนใจอะไรจะแพงไม่แพงเลย มือเล็กหิ้วกระต่ายไปนั่งเล่นขุดทรายจนชุดเลอะ พี่ซันบ่นใหญ่ว่าไม่รู้จักรักษาของ แต่ตัวเองก็ไปเล่นกับลูก เลอะเทอะทั้งลุงทั้งหลาน ตอนนี้ผมทำกะบะทรายให้ลูกเล่น มีพวกแม่พิมพ์รูปหอย รูปปราสาท เจ้าจันทร์เขาจะมีจินตนาการของเขา สร้างเมืองบ้าง ทำสวนสัตว์บ้าง

“ลุงอยู่อันนี้ กับนี่”

“ทำไมต้องอยู่ในหอยกับกะทะด้วย?”

ผมมองเจ้าจันทร์ส่งกะทะจากชุดของเช่นเชฟรุ่นจิ๋วให้พี่ซันถือ

“จั๋นอยู่นี่กับนี่”

“คนปกติเขาไม่อยู่ในหลุมนะ”

“จั๋นขายนี่ให้ลุง”

“ไม่ซื้อได้ไหม ฉันจะเอาตะหลิวไปทำอะไร อ๋อ ฉันมีกะทะ เอามาก็ได้ ขายเท่าไหร่”

“สองบาท”

“แพงมาก บาทเดียวได้ไหม?”

“ได้! ”

จันทร์ส่งตะหลิวพลาสติกอันเล็กให้พี่ซัน สักพักเจ้าตัวเล็กก็มาแย่งตะหลิวกลับ

“ขายแล้วมาแย่งคืนได้ไง”

“ลุงเก่ง ลุงแบ่ง จั๋นแบ่งลุง จั๋นเก่ง”

“ทีเมื่อกี๊มาขาย พอจะเอาคืนมาบอกให้แบ่ง ตัวแค่นี้รู้จักโกงกับเขาแล้วหรอ? หัดไว้ๆ นะไว้ไปโกงพวกเยว่ ยึดเงินมาให้หมด เอามาซื้อตะหลิวอีกสิบอัน”

“จั๋นซื้อตุลิ้ว”

“ตะหลิว ตุลิ้วไม่มี”

ผมยิ่งฟังก็ยิ่งขำ คนหนึ่งก็พูดไทยไม่ชัดแต่พยายามจะสอนเด็กพูดไม่ชัดออกเสียงให้ถูก ผมปล่อยลุงกับหลานเขาเล่นกันไป ส่วนตัวเองแยกไปจัดกระเป๋า จะพาลูกไปทะเลครั้งแรกพ่อลูกอ่อนแบบผมต้องเตรียมตัวเยอะมาก ไหนจะหมวก จะชุด จะเสื้อกันหนาว ยาแก้แพ้ นมผง ขนมอีก กระต่ายอีก หอบหิ้วไปทั้งบ้าน

เราเดินทางกันช่วงสายของวันต่อมาด้วยรถตู้คันใหญ่ ข้างในรถปรับเบาะเป็นสี่เบาะเป็นระบบไฟฟ้ายืดขาเอนหลังได้หมด แถมมีจอทีวีด้วย อาเฟยย้ายคาร์ซีทจากรถผมมาไว้ที่เบาะหนึ่งในรถตู้ ผมเตรียมพวกการ์ตูนกับสารคดีสัตว์เล็กมาเปิดด้วย เจ้าตัวเล็กตื่นเต้นตั้งแต่ขึ้นรถ

ผมนั่งข้างลูกส่วนพี่ซันนั่งเบาะตรงข้ามกับชิวซี ส่วนอาเฟยนั่งหน้ากับคนขับรถ

“ทำไมฉันต้องมานั่งกับแกด้วย”

“สลับที่กับหยางอวิ๋นสิครับ คุณก็ไปนั่งกับเสี่ยวเยว่แทน”

“มายุ่งไรเมียฉัน”

ชิวซีส่ายหัวขำๆ ผมว่าเขาชินกับการโดนจิกกัดแล้วล่ะ ส่วนพี่ซันก็ไม่มีอะไรทำพอว่างก็แขวะชาวบ้านชาวช่อง ผมว่าผมตื่นเต้นแล้วนะ ดูพี่ซันตื่นเต้นกว่าอีก ส่วนลูกตาแป๋วดูการ์ตูนสักพักก็หลับ ผมก็เริ่มง่วงเหมือนกัน

“ตอง ผ้าห่ม”

“ขอบคุณครับ”

ผมห่มผืนนึงให้ลูก อีกผืนสำหรับตัวเอง ในหูได้ยินเสียงพี่ซันทะเลาะกับชิวซีเบาๆ ไม่สิ เขาทะเลาะของเขาคนเดียว

เจ้าจันทร์ตกใจทะเลร้องไห้จ้าตอนผมอุ้มไปเดินริมหาด เสียงคลื่นกับความเวิ้งว้างคงทำให้ลูกกลัวเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน เราเลยมั่งเล่นทรายกันแถวหน้าบ้านพักแทน พรุ่งนี้ค่อยลองไปเล่นทะเลใหม่

พี่ซันจองบ้านพักหลังใหญ่ริมหาดของรีสอร์ทที่มีสามห้องนอน หนึ่งห้องด้านล่างกับห้องครัวและห้องรับแขก อีกสองห้องใหญ่อยู่ด้านบน มีสระว่ายน้ำ

คนขับรถนอนห้องด้านล่างกับอาเฟย ชิวซีกับพี่ซันนอนด้วยกัน ส่วนผมก็นอนกับลูก มาถึงลูกก็ยังง่วงผมเลยให้นอนต่อ ผมก็นอนไปกับลูกด้วย ถ้าลูกอยู่ด้วยพี่ซันจะไม่ได้สนิทสนมกับผมมากนัก เราไม่อยากทำให้ลูกเห็น เราอยากเป็นแค่ลุงกับพ่อในสายตาลูก แต่ถ้าช่วงกลางวันเวลาเจ้าจันทร์ไปโรงเรียนมันก็มีบ้าง...เขินจัง

เมื่อก่อนเราจะสนิทสนมกันตอนกลางคืน พอมีลูกก็ต้องปรับเปลี่ยนมาเป็นกลางวัน แรกๆ ผมก็ไม่ชิน ฟ้ายังสว่างอยู่เลย แต่ก็นะ...ผมก็อยากเอาใจพี่ซันเหมือนกัน

เราไม่ได้ร้อนแรงเหมือนเมื่อหลายปีก่อน ผมดูออกว่าพี่ซันอึดอัด เขาชอบกัด...ชอบฟาด ลักษณะความสัมพันธ์ของเราบนเตียงค่อนข้างรุนแรง แล้วผมก็ชอบที่ร่างกายตัวเองมีร่องรอยที่พี่ซันฝากไว้

แต่ผมมีลูกแล้ว พี่ซันเคยทำรอยจูบจางไว้ที่แผ่นอกของผม เจ้าตัวเล็กก็ถามตอนเราอาบน้ำด้วยกันว่ามันคือรอยอะไร ลูกจำได้หมดว่าผมมีแผล ไม่มีแผล ผมกับพี่ซันเลยต้องกอดกันแบบนุ่มนวล

มันมีความสุข พี่ซันก็มีความสุข...แต่มันไม่ใช่เรา

ผมยังจำภาพตัวเองที่ขยันเอาอกเอาใจเขาได้ เราจูบกันริมบ่อปลา...กอดกันในศาลากลางสวน จมอยู่ในกองหมอนของห้องกระจกในวันฝนตก

เสียงผีผา...กลิ่นชาหอมกรุ่น...กับอ้อมกอดของพี่ซัน...คงต้องรอลูกโตก่อน พี่ซันอย่าเพิ่งรีบแก่จนทำไม่ไหวนะ



เจ้าจันทร์ตื่นเต้นกับว่ายน้ำในสระครั้งแรก ผมจอุ้มลูกนั่งลงในห่วงยางของเด็ก เจ้าตัวเล็กตกใจทำตาโต แต่พอเห็นผมเกาะห่วงอยู่ข้างๆ ก็เริ่มสนุก สระส่วนตัวไม่ได้ใหญ่มากนักเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงขอบอีกฝั่งแล้ว

พี่ซันนั่งจิบไวน์กับชิวซีริมสระ ส่วนอาเฟยยืนคุยกับคนขับรถอยู่หน้าบ้าน ผมไม่ค่อยเห็นพี่ซันดื่มอย่างอื่นเลยนอกจากชาจักรพรรดิของเขา สงสัยจะอารมณ์ดี



ผมส่งลูกเข้านอนเรียบร้อยก็ออกมานั่งเล่นกับพี่ซันที่ริมสระ แสงไฟสลัวกับลมเย็นๆ เป็นทริปพักผ่อนจริงๆ พี่ซันก็ดูสบายใจ เขาไม่ค่อยได้เที่ยวหรอก วันๆ ทำแต่งาน พี่ซันมาบริหารงานเองเต็มตัวได้สองสามปีแล้ว เขาไม่เป็นจักรพรรดิว่างงานอีกต่อไป

“พี่ซันอย่าหักโหมนะครับ ต้องพักผ่อนด้วย”

“มาหาอวิ๋นนี่ไง รู้สึกดีกว่านอนอยู่บ้านเฉยๆ ตั้งเยอะ”

“ไว้อะไรๆ เข้าที่อีกนิด ผมพาลูกไปหาพี่ซันที่จีนบ้าง”

“บ้านเราก็เหมือนเดิม...ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอก”

มือหนาดึงมือผมไปกุมไว้ อบอุ่นจัง...

“บางที...ผมก็คิดถึงวันเก่าๆ เหมือนกัน ตอนไปทิเบตก็ด้วย ไม่รู้ป่านนี้เอ็ดเวิร์ดเป็นไงบ้าง”

“โดนส่งไปเรียนเมืองนอก ช่วงวุ่นวายนี่แหละ แต่กลับมาแล้วนะ พี่เพิ่งเจอเมื่อสองสามเดือนก่อน ยังโง่เหมือนเดิม เพื่อนอวิ๋นคนนี้ไม่ฉลาดขึ้นเลย”

“พี่ซันก็ไปว่าเขา...อคตินะเนี่ย”

“พี่เกลียดมัน มาขโมยเมียพี่ไปถึงทิเบต”

“ได้แค่ปักกิ่งเหอะ มันไปต่อไม่ถูก ตองเลยลักพาตัวเองไปกันจนถึงทิเบต”

พี่ซันส่ายหัวแล้วเราก็มองหน้ากันขำๆ

“อยากขโมยพี่บ้างไหม? รู้สึกอยากโดนขโมย ไม่อยากไปนอนกับชิวซี ขโมยพี่ไปนอนในห้องด้วยหน่อย”

พี่ซันก้มหน้าลงมาจุ้บปากผม กลิ่นไวน์หอมๆ คลึงเคล้าไปบนกลีบปากผมเมื่อเขาเริ่มทำให้มันเปลี่ยนจากจุ้บไปเป็นจูบ เราจูบกันอยู่สักพักก็กลับมานั่งกันเหมือนเดิม ผมเอนตังพิงไหล่เขากอดแขนเขาไว้

“รอลูกโตก่อนเนอะ”

“พี่ต้องขยันออกกำลังกายเยอะๆ ละ กว่าเจ้าลูกกระต่ายจะโต เดี๋ยวถึงวันนั้นตองจะหาว่าพี่ทำไม่ไหว ต้องเข้าวัดทำสมาธิ หักห้ามใจด้วย”

“พี่ซัน...ตองทำให้พี่ซันอึดอัดหรือเปล่า...ถ้าพี่ซันอยากมีคนอื่นบ้างตองไม่ว่านะ...นี่พูดจริงๆ นะครับ”

พี่ซันหันมาหรี่ตามองผมก่อนจะบีบหูผมอย่างแรง นี่นับเป็นการลงไม้ลุงมือครั้งแรกของเขาเลย

“พี่ไม่ได้บ้ากามนะตอง”

“แค่กินตองตั้งแต่ตองอายุสิบห้า”

“ก็ตองอ่อยพี่ อ่อยตั้งแต่สองขวบแล้ว เด็กอะไรมาร้องอ้อแอ้ๆ โชว์เหงือกอยู่นั่นแหละ ไม่รู้หรอว่าเห็นเหงือกแล้วใจเต้นแรง”

ผมขำกับท่าทางฮึดฮัดของเขา คนบ้าอะไรเห็นเหงือกแล้วหวั่นไหว

“สองขวบนั่นโรคจิตแล้วนะครับ”

“ไม่รู้ละ พี่ตั้งใจของพี่ไว้แล้ว...รอมาทั้งชีวิตยังรอได้ รออีกหน่อยก็ไม่เป็นไร ตองเถอะ ออกกำลังกายไว้บ้างนะ ถึงเวลาพี่บอกเลยว่าจะจับมัดไว้กับตัว ไม่ปล่อยไปไหน ไม่ให้ใครเห็น ซ่อนไว้ในแจกันบ้านพี่นั่นแหละ”

“อยากโดนมัดเร็วๆ จัง”

“ช่วยให้ความร่วมมือในการอดทน ถือศีลของผมหน่อยครับคุณกันติชา คุณกำลังทำให้ผมตบะแตกนะครับ เขยิบออกไปด้วย อย่ามาแตะ ผมหวงตัว”

“ตองกอดนิดเดียวเอง”

“นิดเดียวก็ไม่ได้ กลับขึ้นไปหาลูกคุณเดี๋ยวนี้”

“ลูกหลับแล้วนะ ขอจูบอีกทีนะครับ”

“ตองกำลังจะลวนลามพี่อีกแล้วนะ”

“ไม่ได้หรอ? อยากลวนลามพี่ซันจัง”

“เฮ้อ...ให้จูบทีเดียวนะ ห้ามทำพี่ใจแตก”

ใจแตกอะไรกัน! ผมถูกจูบจนปากบวมเดินตัวลอยขึ้นมานอนเหอะ ผมว่าผมไม่ควรไปแหย่พี่ซันจริงๆ ต้องปล่อยเขาถือศีลกินเจไปไม่งั้นความรักอันนุ่มนวลที่เราพยายามเก็บอาการกันไว้จะได้ฟูลคอร์สก่อนเวลาอันควร



ผมกับลูกตื่นเช้ามาเดินเล่นกัน ปกติเจ้าจันทร์ต้องไปโรงเรียนก็จะตื่นเช้าอยู่แล้ว ผมก็ไม่อยากจะให้ลูกตื่นสายวันปิดเทอมเท่าไหร่ ไม่งั้นเปิดเทอมมาไม่ยอมตื่นเช้าแน่ๆ

“ลุง! ลุง! ”

เจ้าจันทร์ชี้ไปที่อาเฟยกับพี่ซัน ทั้งคู่จ็อกกิ้งกันอยู่ริมหาด พี่ซันออกกำลังกายทุกเช้าแม้แต่ตอนมาหาผมเขาก็จะไปวิ่งกับอาเฟยรอบหมู่บ้าน นานๆ ทีชิวซีก็ไปวิ่งด้วย แต่ชิวซีจะชอบเล่นโยคะหรือพวกศิลปะการต่อสู้ที่ใช้ความอ่อนตัวของร่างกายมากกว่า

“ลุงวิ่งอยู่ครับ ให้ลุงวิ่งก่อนนะ”

“จั๋นวิ่งงง”

“จันทร์ไม่วิ่งครับ เดี๋ยวล้ม เดินกับพ่อก่อน”

เจ้าจันทร์จูงมือผมเดินไปตามหาด แต่พอเริ่มเป็นทรายเปียกน้ำทะเลก็ต้องอุ้มไว้แทนเพราะเจ้าตัวเล็กเริ่มกลัว ผมเลยยืนตรงที่ทรายเปียกๆ นี่แหละให้ลูกปรับตัวกับเสียงคลื่น

แล้วเช้าวันหยุดพักผ่อนของผมก็จบลงเร็วกว่าที่คิด เมื่อผมหันไปชี้ไปลูกดูพี่ซันกับอาเฟยที่กำลังวิ่งกลับมา...ห่างออกไปประมาณสามร้อยเมตร...สุริยะ หยางล้มลงตรงหน้าผม

เสียงตะโกนของอาเฟยดังลั่นหาด เท้าของผมออกวิ่งไปที่ตรงที่พี่ซันล้มลง มือหนากุมอยู่ที่แผ่นอกซ้าย เจ้าจันทร์เริ่มร้องไห้ ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด

ชิวซีปรากฏตัวในเวลาอันรวดเร็วพร้อมยาดม ทุกคนโดนกันออกไปรวมถึงผมด้วย ชิวซีตรวจเช็คพี่ซันอยู่สักพักก็หันไปคุยเสียงเครียดกับอาเฟย แต่ผมฟังภาษาจีนของพวกเขาออก ยังไม่ต้องทำ CPR แต่ต้องรีบส่งโรงพยาบาล

ฝ่ายพยาบาลของรีสอร์ทพาพี่ซันส่งโรงพยายบาลที่ใกล้ที่สุด ผมกับลูกตามมารอหน้าห้องฉุกเฉินด้วยกัน อาเฟยยืนหน้าเครียดอยู่ข้างๆ เขาโทรติดต่อใครไม่รู้เยอะแยะไปหมด ชิวซีเองก็ด้วย

“เราจะย้ายหยางหวางไปที่กรุงเทพฯ ครับ ฮอลล์กำลังมา ผมกับอาเฟยจะไปกับหยางหวางก่อน คนรถจะพาหยางอวิ๋นกับเสี่ยวเยว่ตามไป”

“ครับ”

ชิวซีอธิบายขั้นตอนต่อไปให้ผมเข้าใจ ด้วยข้อจำกัดของฮอล์ที่รับรองคนได้ไม่หมด แล้วเจ้าจันทร์คงไม่พร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ที่เสียงดัง

ผมกับลูกเริ่มออกเดินทางในตอนที่ฮอล์มาพอดี หมอบอกว่าพี่ซันเป็นความดันโลหิตสูง แต่มีอาการเจ็บหน้าอกด้วยอาจจะเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ ให้โรงพยาบาลทางกรุงเทพฯ ที่อุปกรณ์พร้อมกว่าตรวจให้ละเอียดอีกที

ที่พี่ซันติดยาดม ที่เขาบ่นว่าเหนื่อย...ไม่ใช่เพราะว่าเขารีบแก่แบบที่ผมชอบแซวเขา แต่อาจจะเพราะพี่ซันไม่สบาย พี่ซันไม่เคยป่วยต่อหน้าผม เขาไม่เคยต้องนอนโรงพยาบาล เขาดูแลสุขภาพตัวเองจะตาย ทั้งเรื่องอาหารการกิน เขาก็ออกกำลังกาย คนร่างกายแข็งแรงมาตลอดล้มลงต่อหน้าผม...

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วไปหมด ผมตั้งตัวไม่ทันเลยสักนิด...

ผมกลัว...กลัวว่าจะเสียพี่ซันไป

ผมเสียพี่ซันไปไม่ได้...อย่าเป็นอะไรนะ...อย่าทิ้งผมไป



====================

ที่ลุงมียาดม ไม่ใช่เพราะลุงแก่นะคะ T___T ทั้งตอนเหนื่อย ตอนที่อาเฟยทักให้ไปตรวจสุขภาพตอนปีนรั้ว คือแอบๆ กระซิบว่าลุงป่วยนะ แต่ป่วยหนักไม่หนักยังไง เราไปลุ้นกันตอนหน้าจ้า

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
สงสารตอง มีแต่เรื่องที่ทำร้ายจิตใจ
แต่จวนแล้วนะ อีกแปร๊บเดียว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ตองจิตตกอีกแล้ว

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
อ้างถึง
“ลุงอยู่อันนี้ กับนี่”

“ทำไมต้องอยู่ในหอยกับกะทะด้วย?”

ผมมองเจ้าจันทร์ส่งกะทะจากชุดของเช่นเชฟรุ่นจิ๋วให้พี่ซันถือ

“จั๋นอยู่นี่กับนี่”

“คนปกติเขาไม่อยู่ในหลุมนะ”

“จั๋นขายนี่ให้ลุง”

“ไม่ซื้อได้ไหม ฉันจะเอาตะหลิวไปทำอะไร อ๋อ ฉันมีกะทะ เอามาก็ได้ ขายเท่าไหร่”

“สองบาท”

“แพงมาก บาทเดียวได้ไหม?”

“ได้! ”

จันทร์ส่งตะหลิวพลาสติกอันเล็กให้พี่ซัน สักพักเจ้าตัวเล็กก็มาแย่งตะหลิวกลับ

“ขายแล้วมาแย่งคืนได้ไง”

“ลุงเก่ง ลุงแบ่ง จั๋นแบ่งลุง จั๋นเก่ง”

“ทีเมื่อกี๊มาขาย พอจะเอาคืนมาบอกให้แบ่ง ตัวแค่นี้รู้จักโกงกับเขาแล้วหรอ? หัดไว้ๆ นะไว้ไปโกงพวกเยว่ ยึดเงินมาให้หมด เอามาซื้อตะหลิวอีกสิบอัน”

“จั๋นซื้อตุลิ้ว”

“ตะหลิว ตุลิ้วไม่มี”

ปวดขมับกับสองลุงหลานนี่จังเลยอะ  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ลุ๊งงงงง ไหนบอกจะมัดจับเมียเด็กซ่อนในแจกัน นี่อัลไลผ่านไปคืนเดียวเป็นลมล้มพับไปซะงั้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ้าว...........ลุง อย่าวูบนะ
อย่าทิ้งอวิ๋นกับลูกกระต่ายไปนะ  :mew2:

พี่ซัน อวิ๋น   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fahdekkom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ลุงข้างบ้านของจั๋น อย่าเจ็บป่วยหนักเลยนะ

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
อาจเป็นจุดที่ต้องรักษาตัวแล้วกลายเป็นคนแซ่บ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ชอบเวลาที่ลุงกับหลานเขาคุยกันน่ารัก :man1:

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
เคลียดแทนตอง ลุ้นพี่ซัน

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ลุงงงงงงงง ฮื้ออออออ ไม่เคยเจอเรื่องไหนที่พระเอกเป็นลุงได้สมบทบาทขนาดนี้มาก่อน ฮ้อออ

ออฟไลน์ btoey

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แบ่งตุลิ้ว กันเนอะจั๋นเนอะ  :sad4:

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ลุงอย่าเป็นอะไรหนักนะ
ด้วยความเครียดและอะไรหลายๆอย่าง อาจทำให้ลุงเป็นโรคหัวใจได้เลยเนาะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
หรือเหตุการณ์นี้ทำให้ตองย้ายไปนู่น
แล้วเพราะอะไรเจ้าจันทร์ถึงอยู่นี่ล่ะ  :z10:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
โอวว !!! ลุงล้มต่อหน้าเมีย เห็นทีตองจะวิตกกว่าเดิมทั้งลูกทั้งสามี ไม่แข็งแรงกันเลย  :ling3:

ออฟไลน์ snoopy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
บางทีก็ไม่ได้คิดว่าสุริยะ หยาง จะเป็นคนหื่นอะไร
ตัวตองเองนี่แหละ ยิ่งกว่าหลายเท่านัก  :-[

ออฟไลน์ mu_mam555

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เป็นกำลังใจให้ลุงซันของจั๋นค่ะ

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
สงสารตอง​ จากที่ถูกดูแลมาตลอดต้องกลายเป็นคนที่ต้องคอยดูแลคนอื่น​ ๆ​ บ้าง​ แต่การมองดูคนที่เรารักเจ็บ​ หรือป่วยเป็นเรื่องที่ว่ายากแล้ว​ การที่ต้องเผชิญกับผลที่จะตามมาย่อมยากกว่า​สู้​ ๆ​ นะกันติชา​ เป็นกำลังใจให้ทั้งจั๋น​ และลุง​ ให้แข็งแรงเพื่อพ่อตองกันนะจ๊ะ​  :3123:


รอ​ตอน​ต่อไป​นะคะ​


 :katai3:

ออฟไลน์ himoru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ทำไมยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าจันทร์เหมือนลุงหยางมากอ่า
ลบภาพลักษณ์ในเรื่องเจิ้นจันทร์ไปหมดเลยท่านหยางหวาง

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
พี่ซันอยู่ดีๆก็ล้มไปคว่ำไปเมียใจหายหมด

สงสารตอง นี่คงเป็นส่วนนึงของจุดเปลี่ยนของครอบครัวพ่อ ลูก ลุง ก่อนจะเป็นเจิ้นกับเจ้าจันทร์ สินะ

 


ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ไหงงั้นล่ะซัน ไม่อยากป่วย คิดว่าตัวเองแข็งแรงงี้หรอ
ล้มลงไปแบบนั้น จะไม่ตกใจได้ไง อย่าเป็นไรมากนะ

เอ็นดู มีความสุขตอนพี่มาหา มายุบยิบด้วย
สงสารตอนเครียด กังวลไปหมด คิดมากไปอีก
ก็เข้าใจเนาะ อยู่ดีๆ มีคนเอาปืนมาจ่อยิง ใครไม่กลัวบ้าง

แม่จันทร์นี่ยังไง กลัวแต่เลือกเองไง ลืมแล้วหรอ

เจ้าจันทร์น่ารัก ฉลาดมากลูก มีต่อรอง มีแบ่งกัน
เจ้าจันทร์เก่งทุกเวลาจ้า เข้าใจได้ 55555

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อย่เป็นอะไรนะลุงงงงงงง

 :man1: :man1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ bambooiihallo

  • ยู้ฮู >w<
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1503/-19
Last Chapter : The new beginning

“กระดูกซี่โครงอ่อนอักเสบครับ ซี่โครงอ่อนอยู่ประมาณช่วงอกด้านซ้ายพอดี เกิดจากการปะทะอย่างรุนแรง อาการที่มิสเตอร์หยางเป็นคือหายใจแล้วเจ็บใช่ไหมครับ? ทำให้ตอนวิ่งชะงักแล้วล้มลง น่าจะเป็นมาสักพักใหญ่ๆ แล้วด้วยครับ พอออกกำลังกายมันก็เลยแสดงอาการออกมา”

“แต่โชคดีมากที่มิสเตอร์หยางมีอาการนี้ออกมา เพราะหมอพบอาการเส้นเลือดหัวใจตีบด้วยครับ จากประวัติการรักษาที่แจ้งโรงพยาบาลมา มิสเตอร์หยางเป็นความดันโลหิตสูงมาสามสี่ปีแล้วใช่ไหมครับ แต่เส้นเลือดหัวใจตีบแค่ประมาณ 20% ยังไม่ต้องทำบอลลูน แต่หมอจะให้ยาไปก่อน มันจะไม่ได้หายร้อยเปอร์เซ็นต์แต่จะไปช่วยลดไขมันที่เกาะอยู่ตรงเส้นเลือด ต่อไปนี้ต้องระวังเรื่องอาหารการกินนะครับ ลดพวกชา กาแฟไม่อย่างนั้นถ้ามันเป็นเพิ่มขึ้นคงต้องทำบอลลูน”

ผมฟังคุณหมออย่างตั้งใจ พี่ซันเองก็คิ้วขมวดมุ่น มือของเรากุมกันไว้ ผมบีบกระชับเบาๆ ให้พี่ซันรู้ว่าผมอยู่ตรงนี้ มันไม่ได้แย่นะ แค่กินยาเอง...

“อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้สิ พี่ไม่ได้เป็นหนักสักหน่อย”

พี่ซันดันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เขาเพิ่งจะได้มาพักในห้องพิเศษหลังจากชิวซีให้ตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียด ทั้งสแกนสมอง เรียกว่าครบทุกอย่าง ปกติพี่ซันตรวจร่างกายประจำปีอยู่แล้ว แต่เพราะมันยังเป็นไม่หนักมันเลยไม่ค่อยออกอาการ หมอบอกว่าบางทีกว่าคนป่วยจะรู้ว่าตัวเองป่วยหลอดเลือดก็ตันหมดแล้ว เหลือแต่เส้นเลือดฝอยทำงานแทน พี่ซันยังไกลจุดนั้นเยอะ

แต่ผมกลัว...ผมไม่เคยเห็นพี่ซันป่วย ตอนที่รอพี่ซันทำ MRI ผมกลัวมาก อุปกรณ์ทางการแพทย์เยอะแยะมันยิ่งทำให้ผมจิตตก

“พี่ซันอย่าตายนะ...ห้ามนะ”

“อวิ๋น...พี่ไม่ได้เป็นอะไร ชู่ว...ไม่ร้องไห้”

“อวิ๋นกลัว...กลัวไม่ได้เจอพี่ซันอีก...”

มือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาให้ผม ผมพูดย้ำไปย้ำมาว่าห้ามเขาตาย ห้ามเขาจากไป ห้ามทิ้งผมไป ห้ามทุกอย่าง ห้าม ห้ามและห้าม

“ผมขาดพี่ซันไม่ได้...พี่ซันต้องดูแลตัวเองดีๆ ต้องรักตัวเองเผื่อผม ต้อง...ฮือออ”

“พี่รู้ พี่จะดูแลตัวเองดีๆ”

ผมร้องไห้เหมือนคนเป็นบ้า ร้องนานมากจนหมดแรง ร้องจนเจ้าจันทร์ที่หลับอยู่ห้องข้างๆ ตื่นมาทำตาแป๋วใส่ผม ชิวซีอุ้มเจ้าตัวเล็กเข้ามาหา

“เสี่ยเยว่ตื่นแล้วครับ”

“พ่อแงแงเหยอ”

“พ่อไม่เป็นไรครับลูก”

ผมรับเจ้าตัวเล็กมานั่งตัก ลูกมองผมสลับกับพี่ซันไปมา ผมพยายามเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเองแล้วยิ้มให้ลูก ทีนี้เจ้าตัวเล็กทำหน้ามุ่ยแล้วหันไปมองพี่ซัน

“ลุงแกล้งพ่อ! ”

“ฉันเปล่า”

“พ่อแงแง พ่อไม่เล่นกับลุงนะ โป้งงี้เยย”

เจ้าจันทร์ชูนิ้วโป้งใส่พี่ซันแล้วกอดผมแน่น กลายเป็นว่าผมหัวเราะออกมาเพราะพี่ซันถลึงตาใส่ลูกที่ไปปรักปรำว่าเขาแกล้งผม

“ลุงไม่ได้แกล้งพ่อครับ ไม่ดุคุณลุงนะลูก”

“จริงนะ”

“จริงสิครับ หิวข้าวยัง? กินข้าวกัน”

ผมอุ้มเจ้าตัวเล็กไปนั่งกินข้าวที่ห้องรับรอง ทางโรงพยาบาลจัดเก้าอี้เด็กมาให้ด้วยเพราะเราพัก VIP การบริการเหมือนกับโรงแรมห้าดาวเลยทีเดียว มีทั้งมื้ออาหารสำหรับคนมาเยี่ยมไข้ด้วย เจ้าตัวเล็กเลยได้ชุดคุณหนูมากิน

นั่งป้อนข้าวลูกสักพักจับอาบน้ำก็พามานั่งเล่นกับพี่ซันอีกรอบ คราวนี้ลืมไปแล้วว่าเคยโป้งลุง ชวนกันเล่านิทานกระต่ายกันต่อ ที่พี่ซันต้องนอนโรงพยาบาลไม่ใช่เพราะโรคหัวใจ หรือที่ซี่โครงเขาอักเสบ แต่ต้องรอผลตรวจบางตัวและการตรวจบางอย่างต้องงดน้ำงดอาหาร ชิวซีไม่ยอมให้เขาก้าวออกจากโรงพยาบาล และผมก็เห็นด้วยเขาเลยต้องมาเป็นคนป่วยเล่านิทานให้หลานฟัง

“ชิวซีชงชามาหน่อย”

“ไม่ได้ครับ ต้องงดนะ หมอสั่ง”

“แต่พี่...”

“ไม่อนุญาตครับ”

พี่ซันทำปากเบะใส่ผม ผมทำเสียงดุแบบดุลุกเลย ทีนี้เจ้าตัวเล็กก็เบะปากตาม ผมแยกไม่ออกละว่าลุงเลียนแบบหลานหรือลานเลียนแบบลุง แต่ท่าทางบุ้ยเบะนี่เหมือนกันอย่างกับแกะ

“พ่อดุเนอะ”

“พ่อรักจั๋น”

“พ่อเธอก็รักฉัน”

“รักจั๋นเยอะกว่า”

“รู้แล้ว ไม่งั้นเขาจะทิ้งฉันมาหาเธอหรอ อ้วนก็อ้วน พูดก็ไม่ชัด”

“ลุงไม่ชัด”

“อะไรไม่ชัด”

“จั๋นไม่ยู้ คิกคิก”

พี่ซันหัวเราะตามเจ้าตัวเล็ก ส่วนผมทำได้แค่กำชายผ้าห่มของพี่ซันไว้...ผมไม่เคยเลือกพี่ซันเลย ผมพาลูกกลับมาไทย ผมไม่อยู่กับเขา ไม่ได้อยู่ด้วยกันในวันที่เขาต้องเผชิญปัญหาสารพัด...ผมเป็นคู่ชีวิตที่แย่ ทำไมนะ...ทำไมพี่ซันไม่ไปรักคนอื่น คนที่ดีกว่านี้ คนที่อยู่เคียงข้างพี่ซันในวันที่เขาลำบากไม่ใช่แค่วันที่เขามีความสุขแบบผม

“หยางหวาง ทานข้าวครับ”

“มานี่มาลูก ให้ลุงทานข้าวก่อน มาดูการ์ตูนก่อนมา”

ผมอุ้มลูกมานั่งดูทีวีด้วยกัน ให้ชิวซีดูแลเรื่องอาหารการกินของพี่ซันไป ผมว่าชิวซียังอยู่เคียงข้างพี่ซันมากกว่าผมอีก เขาอยู่ตอนที่พี่ซันลำบาก ตอนที่พี่ซันผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมา ชิวซีเป็นทุกอย่าง...ถ้าพี่ซันรักชิวซีแทนที่จะเป็นผม ชีวิตเขาคงดีกว่านี้



“อย่าคิดแบบนั้นเลยครับหยางอวิ๋น ผมกับหยางหวางไม่ได้คิดอะไรกันแบบนั้น ผมเป็นคนที่เขาระแวง จนทุกวันนี้ก็ยังระแวง...อย่าลืมสิครับ ผมมีหน้าที่ฆ่าคนที่จะมาฆ่าเขา ผมช่วยเขาแต่ผมไม่ใช่คนของเขา”

“คุณหมดหน้าที่นั้นแล้ว แต่คุณก็ยังอยู่”

“ผมไม่มีที่ให้ไป แล้วอาเฟยก็ยังอยู่ที่นี่”

“คุณกับอาเฟย?”

ชิวซีไม่ได้ตอบ เขาแค่ยกยิ้มน้อยๆ แล้วพยักหน้าก่อนจะถือกาน้ำชาจักรพรรดิออกไป พี่ซันหงุดหงิดที่ไม่ได้ดื่มชาเราเลยอนุญาตให้ดื่มแค่ถ้วยเดียว

ผมดูออกว่าชิวซีกับอาเฟยอาจจะสนิทกันแม้เขาจะไม่ได้พูดคุยกันนัก แต่ผมไม่ได้คิดว่าเขาจะสนิทกันในลักษณะแบบนั้น ผมจินตนาการคนทั้งคู่อยู่ด้วยกันไม่ออกเลย

พี่ซันออกจากโรงพยาบาลช่วงบ่ายวันต่อมา เขาได้ยามากินหลายตัว แล้วสุริยะ หยางก็กลายร่างเป็นเด็กชายสุริยะ กินยายากมาก ยิ่งกว่าเจ้าจันทร์อีก ต้องลูกล่อลูกชนอยู่นานกว่าเขาจะยอมกินยา

“ทำไมพี่ซันดื้อจังครับ”

“โธ่ตอง มันไม่อร่อยนะ พี่หายเจ็บซี่โครงแล้วมั้ง หายใจคล่องมากไม่เจ็บเลยสักนิด”

เขาดึงผมเข้าไปกอดทำเสียงงุ้งงิ้งซุกหน้าลงกับไหล่ผม เวลาพี่ซันอ้อนผมอยากจะใจอ่อนทุกครั้งแหละ เขาอ้อนน่ารักจะตายแต่ฝันไปเถอะ

“กินยาก่อนครับ กินแล้วให้จูบหนึ่งที”

“สองทีได้ไหม...ยาเม็ดใหญ่ ทีเดียวพี่ไม่ค่อยได้กำลังใจ”

“ถ้ายังงอแงไม่กิน สักจูบก็ไม่ได้นะบอกเลย”

เขายอมกินยาในที่สุด คิ้วขมวดมุ่นเชียว ต่อจากนั้นผมก็ถูกเขาจูบ...จูบไม่รู้กี่จูบ จูบจนถูกอุ้มไปที่เตียงแต่มันก็ไม่ได้ไปไกลเกินกว่านั้นเพราะเจ้าจันทร์หลับอยู่ในคอกเด็กหน้าเตียงนี่เอง

เรานอนกอดกันฟังเพลงผีผาที่พี่ซันเอามาเปิด ขาดไปก็แค่กลิ่นชาเพราะตอนนี้ให้เขาดื่มแค่วันละไม่กี่ครั้งเท่านั้น พี่ซันติดจะดื่มชาแทนน้ำเปล่ามาหลายปี ต้องให้เขาค่อยๆ ปรับตัว

“พี่ซัน...ตองกับลูกย้ายไปอยู่กับพี่ซันอีกครั้งได้ไหม...ตองเป็นห่วงพี่ซัน”

“พี่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ตองอย่าย้ายไปย้ายมาเลย มันกระทบลูก เวลาเรียนก็ไม่ตรงกัน พี่ไม่อยากให้ลูกเรียนช้ากว่าเพื่อนเหมือนตองนะ กว่าจะจบ...เมียพี่ควรได้ปริญญาเอกแล้วด้วย อย่าทำให้ลูกเสียโอกาสเพราะพี่เลย พี่มาหาแบบนี้ก็สะดวกดี ลูกจะได้ไม่สับสนเรื่องเราด้วย”

“ตองกลัว...”

“พี่ไม่เป็นไร ตอง...อย่ากังวล ที่นั่นหมอก็มี พี่ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก ชิวซีอาเฟยก็อยู่ พี่อยู่ยันร้อยปีแน่นอน แก่แข่งกับแจกันนั่นแหละ”

“ครับ...”

ผมพยายามเชื่อแบบที่เขาบอก แต่พอเขากลับไปผมยิ่งจิตตกกว่าเดิม ตอนพี่ซันอยู่ด้วยผมคิดว่าตัวเองไหว ผมปกติดี แต่มันไม่ใช่เลย ผมยิ่งนอนไม่หลับกว่าเก่า

วันไหนที่พี่ซันไม่โทรหาผมกลายเป็นเหมือนคนย้ำคิดย้ำทำ ผมกลัวไปต่างๆ นาๆ ว่าเขาจะเป็นอะไรไหม เขาจะต้องเข้าโรงพยาบาลไหม เขาจะป่วยแล้วไม่บอกผมไหม

“ตอง ร้องไห้อีกแล้วนะ”

“ตองกลัว...พี่ซันไม่โทรหาตองเลย...ตองกลัวพี่เป็นอะไร”

“พี่ขอโทษ พี่ติดประชุม...พี่ไม่ได้เป็นอะไรครับคนดี”

ผมกลัวพี่ซันจะรำคาญที่ผมเป็นแบบนี้ ผมกลายเป็นคนโทรจิกเขา โมโหใส่เขาเวลาเขาหายไปทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเราก็อยู่กันได้ แต่ตอนนี้มันชักจะไม่ได้...ผมเริ่มกัดเล็บ ผมร่วง...หมอบอกว่าผมเครียดเกินไป

“หมอคงต้องปรับตัวยานะครับ ตัวนี้จะแรงกว่าตัวเก่า อาจจะมีอาการมึนๆ คิดอะไรไม่ออกบ้างนะ วันแรกๆ อาจจะมีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียน”

กลายเป็นว่าผมไม่กล้าคุยกับพี่ซันมาอาทิตย์กว่าแล้ว กลัวว่าถ้าเราคุยกันผมจะต่อว่าเขา ทำตัวงี่เง่าที่เขาไม่ว่างโทรมาหาผม งอแงที่เขางานเยอะ

การปรับยาตัวใหม่ทำให้ผมคลื่นไส้จนอ้วก เจ้าจันทร์วิ่งจากหน้าทีวีมาดูผมแล้วลูกก็ร้องไห้ ลูกตกใจที่ผมอ่อนล้าและหมดแรง

“พ่อไม่เป็นไรครับ”

“จั๋นยักพ่อ ฮือออ”

“พ่อก็รักจันทร์นะ ฮึก...พ่อไม่สบาย...เดี๋ยวพ่อก็หาย”

“โอ๋ๆ ๆ นะ”

เจ้าตัวเล็กเข้ามากอดผมไว้ ตอนนี้ลูกยังเข้มแข็งกว่าผมอีก

“ขอบคุณครับลูก”

ผมฝืนยิ้มให้ลูกวางใจขึ้นบอกให้เขาไปดูการ์ตูนรอก่อน ส่วนผมก็ลุกขึ้นจากพื้นห้องน้ำมาล้างหน้าล้างตา...บนกระจกสะท้อนภาพผู้ชายที่แววตาแห้งผาก หน้าซีด...ผมเหมือนกับศพเดินได้เลย



การป่วยทำให้ผมหมดแรงไม่อยากออกไปไหน มันยากขึ้นทุกวัน แม้แต่พาลูกไปเที่ยว ผมพาลูกไปเล่นแค่สนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน แล้วเราก็กลับบ้านกัน

“พ่อไม่สบาย”

เจ้าตัวเล็กนั่งเล่นอยู่ข้างๆ ผมที่นอนอยู่บนเตียง ผมเหนื่อย...แค่หายใจยังเหนื่อย

“เดี๋ยวก็หายแล้วครับ”

ผมหลอกลูก...ผมหลอกตัวเอง

สิ่งที่ผมเป็นมันไม่ใช่แค่กลัวว่าแฟนลูกปลาจะมาทำร้าย มันไม่ใช่แค่กลัวว่าพี่ซันจะหายไป มันไปไกลเกินกว่านั้นและ...ผมไม่ไหวแล้ว

ผมรู้ว่าตัวเองกำลังจะไม่ไหวและคนที่ต้องมาทนกับผมคือเจ้าจันทร์

วันหนึ่งผมก็ตื่นมาแล้วรู้สึกได้ว่าลูกไม่สดใสเหมือนเดิม ลูกไม่ออกไปเล่นกระบะทรายที่เขาชอบ ไม่ร้องจะดูการ์ตูน ไม่กินขนม แต่ลูกจะเล่นอยู่ใกล้ๆ ผม หลายครั้งที่ลูกจะพูดว่า ‘พ่อไม่สบาย’ แล้วผมก็ตอบไปแค่ว่า ‘เดี๋ยวก็หาย’

ผมกำลังทำให้ลูกแย่ไปกับผม...คุณครูโทรมาเล่าว่าระยะหลังเจ้าจันทร์ไม่สดใสเหมือนเก่า เขาซึมและร้องไห้ ผมก็ร้องไห้...ร้องไห้ที่ตัวเองทำให้ลูกเป็นแบบนี้

“พี่ซัน...ตองไม่ไหวแล้ว ตองอยากตาย”

โรคซึมเศร้ากันกิดผมจนเหวอะหวะ ผมกลัวมันจะฆ่าลูกไปด้วย ผมต้องช่วยเจ้าจันทร์ก่อน ตอนนี้ผมไม่ปลอดภัย พี่ซันน้ำเสียงร้อนรอนบอกว่าจะมาหาผม

“...พี่ซันช่วยเจ้าจันทร์ด้วย ตอง...ตองทำร้ายลูก”



“ตอง...ยกลูกให้พี่เถอะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงให้นะ...ตองไม่จำเป็นต้องสู้กับเรื่องนี้คนเดียวนะ”

ผมร้องไห้ ผมทำทุกคนกังวล เจ้าจันทร์เห็นผมร้องไห้ก็ร้องไห้ตาม เราพ่อลูกกอดกันไว้ ผมรู้ว่าที่พี่จินพูดมันถูกทุกอย่าง ผมอยู่กับลูกสองคนไม่ได้แล้ว

ทำไมชีวิตผมมันยากแบบนี้ ทำไมไม่มีความสุขแบบคนอื่นสักที ผมคิดแต่เรื่องพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนผมเริ่มเกลียดตัวเอง เกลียดที่ยังมีชีวิตอยู่

ความคิดของผมมันน่ากลัว ผมเคยเป็นมาก่อนในตอนที่เจ้าจันทร์ยังอยู่ในท้องลูกปลา ระยะเวลาหกปีที่ผ่านมาผมเดินวนเวียนเข้าลูปเดิมอีกครั้ง

“ตองไม่ต้องคิดอะไรแล้ว พี่ตัดสินใจเอง”

พี่ซันคุยกับพี่จินให้ผมกลับไปอยู่กับเขา ส่วนเจ้าจันทร์ให้อยู่กับเยว่ อารมณ์ช่วงนี้ผมจะแปรปรวนมากมันจะกระทบกับเจ้าจันทร์ ผมอาจจะแสดงอาการแย่ๆ ให้ลูกเห็นอีก ลูกก็จะกังวล เขายังไม่เข้าใจ กลายเป็นว่าลูกจะเครียด

พี่จินเห็นด้วย พี่จินบอกว่าที่บ้านเยว่มีแต่คนถนัดเลี้ยงเด็ก ทั้งตอนเจิ้นเกิด จันทร์เกิดทุกคนมีฝีไม้ลายมือกันหมดผมกับพี่ซันไม่ต้องกังวล...ผมรู้...พี่จินเก่งมาก...พี่จินช่วยผมไว้อีกแล้ว

“ตองคิดถึงลูก”

ลูกกำลังน่ารัก เราอยู่ด้วยกันทุกวันผมกำลังจะเสียช่วงเวลาที่ได้เห็นเขาเติบโต เราจะไม่ได้จูงมือกันไปโรงเรียน ไม่ได้ดูการ์ตูน ไม่ได้ไปสวนสัตว์

“เราอดทนแค่ช่วงเดียว...ตองดีขึ้นอีกนิด เราค่อยมาหาเจ้าจันทร์กันดีไหม? หรือตองโทรหาลูกทุกวันก็ได้”



ทุกคนให้เวลาผมอยู่กับลูกช่วงสุดท้าย ช่วงนี้เป็นช่วงให้เจ้าจันทร์ย้ายโรงเรียน ผมก็เตรียมไปอยู่จีนกับพี่ซัน การมีพี่ซันอยู่ในบ้านทุกอย่างมันดีขึ้น เขาอ่านนิทานให้ลูกฟัง นิทานเรื่องใหม่ที่ชิวซีไปเหมามาจากร้านหนังสือ

“แม่มดจะผมยาวๆ นะ ตัวสูงๆ หน่อยนะ แม่มดชอบต้มเด็กกิน เห็นไหมนิทานเรื่องนี้ก็จะต้ม ถ้าเราไม่อยากถูกแม่มดกิน เราต้องกินแม่มดก่อน”

ผมว่าพี่ซันกำลังวางกับดักให้เจิ้นแน่ๆ แต่เจ้าตัวเล็กก็พยักหน้าขันแข็ง ช่วงนี้ลูกเริ่มออกเสียงชื่อตัวเองได้แล้ว บางทีก็เป็นจั๋น บางทีก็เป็นจันทร์

“เจ้าจันทร์...ลุงจะพาพ่อไปหาหมอนะ”

“ไปด้วย”

“หมออยู่ไกลมาก ลุงต้องพาพ่อไปคนเดียว เจ้าจันทร์รู้ใช่ไหมว่าพ่อไม่สบาย”

เจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึกๆ เราคุยกันว่าต้องอธิบายให้ลูกเข้าใจ ให้ลูกรู้ว่าผมจะไม่อยู่กับเขาสักพักใหญ่ๆ เราไม่เคยห่างกัน ลูกต้องปรับตัว ผมก็ต้องปรับตัว แต่ผมเริ่มคุยกับลูกไม่ถูก พี่ซันเลยเริ่มให้ก่อน

ผมอุ้มลูกมานั่งตักค่อยๆ พูดกับเขาด้วยตัวเอง

“เจ้าจันทร์ต้องไปอยู่กับคุณปู่ก่อน กับคุณแม่จิน ที่บ้านหลังใหญ่”

“พ่อไปอยู่กับจันทร์”

“พ่อไปไม่ได้ครับ พ่อต้องไปหาหมอก่อนนะ ไม่อย่างนั้นทุกคนจะไม่สบายเหมือนพ่อ ลุงก็จะไม่สบาย จันทร์ก็จะไม่สบาย ลุงชิวซี ลุงอาเฟย คุณปู่ แม่จิน เจิ้นทุกคนก็จะไม่สบาย”

“จันทร์อยากอยู่กับพ่อ ฮืออออ”

“ให้พ่อไปหาหมอไม่นานนะลูก พ่อโทรหาทุกวัน แค่เราไม่เจอกัน จันทร์คิดถึงก็โทรหาพ่อ”

ผมพยายามไม่ร้องไห้ จะร้องไม่ได้ ถ้าร้องแล้วลูกจะไม่ยอมให้ผมไป ผมต้องทำให้เขารู้สึกว่าการที่เราจากกันมันก็เหมือนเรื่องธรรมดา เหมือนที่พี่ซันไม่ได้อยู่ด้วยตลอด เหมือนที่แม่ก็มาแค่บางครั้ง

“ให้ลุงพาพ่อไปหาหมอนะ ไม่งั้นพ่อเจ็บ เจ้าจันทร์อดทนไม่กี่วันให้พ่อหายเจ็บก่อน ไม่เจอกันแปปเดียว แล้วก็จะได้อยู่กับพ่อตลอดไป”

เจ้าตัวเล็กหันมามองผมสลับกับพี่ซัน เรากำลังหลอกลูก ครั้งนี้ผมคงหายไปนาน ผมป่วยหนัก...ผมกำลังจะไม่ไหว มันต้องใช้เวลา ผมคงไม่รอจนตัวเองหายสนิท แค่ให้มันดีขึ้นกว่านี้แล้วค่อยมาดูอีกทีว่าจะเอายังไง

“จันทร์โทรหาพ่อ พ่อโทรหาจันทร์”

“ครับลูก เราคุยกันทุกวันเลยพ่อสัญญา”

“จันทร์โอ๋พ่อ โอ๋ๆ ๆ”

“พ่อจะรีบหายนะลูก พอพ่อหายเราไปเที่ยวกันนะครับ”

ลูกอาจจะยังไม่เข้าใจนัก วันต่อมาลูกก็ถามว่าผมจะไปกี่วัน พี่ซันรับมือกับคำถามของเจ้าจันทร์ได้ดีกว่า พี่ซันบอกว่าอย่าไปหลอกลูก พยายามอธิบายด้วยเหตุผลว่าป่วยก็ต้องไปรักษา ถึงลูกจะยังเด็กแต่เขาเข้าใจได้

“พ่อก็ไม่รู้คุณหมอจะให้พ่อรักษากี่วัน ถ้าพ่อรู้พ่อรีบโทรบอกจันทร์คนแรกเลยครับ”

เจ้าจันทร์ชินกับการไปโรงพยาบาล ลูกรู้ว่าถ้าป่วยเยอะก็ต้องนอนหลายวัน ถ้าป่วยน้อยก็กลับบ้านได้เลย ผมเริ่มเล่าเรื่องบ้านใหญ่ให้ลูกฟัง จันทร์เจอแม่บ้านของเยว่บ่อยๆ อยู่แล้วลูกเลยมีท่าทีที่ผมวางใจ

มันเป็นแบบพี่จินพูดจริงๆ บ้านเยว่ชินกับการเลี้ยงจันทร์ แม่บ้านก็มาช่วยผมดูแลบ่อยๆ ว่าที่จันทร์ไม่สบาย หรือเวลาลูกปลามาหาส่วนใหญ่แม่บ้านเยว่ก็มาด้วย

ช่วงสองอาทิตย์สุดท้ายแม่บ้านเยว่มาใช้ชีวิตอยู่กับผมกับลูกที่บ้าน พี่จินกับเจ้าบ้านเยว่ก็มา ผมลองออกจากบ้านไปนานๆ ให้ลูกอยู่กับแม่บ้านสองคนเจ้าจันทร์ก็ไม่งอแง มีแค่ถามว่าผมไปไหนมา

เราไม่ได้ปิดบังลูกว่าผมจะไปวันไหน หรือวันไหนที่เขาจะไปอยู่กับเยว่ แค่ยิ่งมันใกล้เข้ามาลูกก็กอดผมบ่อยขึ้น

“พ่อหายนะ”

“ครับ เดี๋ยวพ่อก็หายนะ...จันทร์เป็นกำลังใจให้พ่อนะ อดทนนิดเดียว”

“อื้อ! ”

แล้ววันที่ผมต้องส่งลูกไปบ้านเยว่ก็มาถึง เจ้าจันทร์ซึมลงแต่ลูกก็เข้มแข็งยอมสะพายกระเป๋าของตัวเองแล้วรับกระต่ายจากพี่ซันไปกอด

“พ่อรักจันทร์นะลูก”

“จันทร์รักพ่อ”

เรากอดกันครั้งสุดท้ายแล้วผมก็ส่งลูกให้พี่จิน...ยืนมองลูกขึ้นรถไปกับพี่จินกับเจ้าบ้านเยว่ อดทนอยู่สักพักผมก็ร้องไห้ พี่ซันไม่ได้พูดอะไรเขาแค่ดึงผมไปกอดไว้...เป็นนานกว่าผมจะหยุดร้องไห้มาล้างหน้าล้างตา

บ้านที่ผมอยู่มาหกปี พี่จินบอกว่าจะให้แม่บ้านมาทำความสะอาดให้ พอผมพร้อมค่อยมารับจันทร์กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง



ผมเงียบมาตลอดทางที่มาสนามบิน นั่งรออยู่ในห้องรับรองของผู้โดยสารเฟิร์สคลาส รอไม่นานพนักงานต้อนรับก็พาเข้าไปด้านในผ่านขั้นตอนของสนามบินไปนั่งพักผ่อนที่เลาจน์ด้านใน

ผมกินอะไรไม่ลงสักอย่าง อยากจะโทรหาลูกแต่ว่าทำไม่ได้ ช่วงอาทิตย์แรกผมไม่ควรโทรหาลูกบ่อยเพราะเราจะโฮมซิกกันทั้งคู่

พี่จินบอกว่าไม่ต้องห่วง ถึงพี่จินจะงานยุ่งแต่เจิ้นอยู่บ้านแล้วเจ้าจันทร์ก็กำลังจะเปิดเทอมพอดี คงมีอะไรหลายอย่างดึงความสนใจของลูกได้ ส่วนผมก็ต้องพายามรักษาตัวเอง

“ตองกินอะไรหน่อย เมื่อเช้าก็กินนิดเดียว”

“ตองกินไม่ลงเลยครับ ตองคิดถึงลูก”

พี่ซันหยิบปั้นชามาให้ผมกอด ผมไม่ได้สนใจปั้นชามานานมากแต่ตอนนี้ต้องกอดมันแทนลูก

“คิดถึงก็ต้องพยายามรักษาตัวเอง เป็นเด็กดี อย่างแรกคือกินข้าวแล้วจะได้กินยา ไหนว่าพี่ดื้อแต่ทำไมตัวเองดื้อกว่า หืม?”

“ไม่เหมือนกันนี่ครับ”

“ไม่รู้ล่ะ กินหน่อยนะ”

พี่ซันสั่งของกินมาหลายอย่าง ผมก็พยายามกินให้ได้เยอะที่สุด แล้วเราก็กินยาพร้อมกัน ทีนี้พี่ซันดื้อไม่ได้เพราะถ้าเขาดื้อผมก็จะดื้อด้วย อย่างน้อยผมก็กินยาง่ายกว่าพี่ซันเยอะแหละ

ถึงเวลาเราก็เดินกันไปที่เทอมินอล ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงเทศกาลแล้วมันก็เป็นไฟลท์ดึก คนในสนามบินค่อนข้างน้อย พี่ซันสอดมือเข้ามาประสานกุมมือผมเดินไปด้วยกัน เราแทบไม่ได้เดินจับมือกันเลย...รู้สึกดีจัง

“มือพี่ซันอุ่น”

“พี่เป็นคนอบอุ่น”

ชมตัวเองก็เป็น...แต่พี่ซันเป็นคนอบอุ่นจริงๆ

“ขอบคุณนะครับ...ที่ยังอยู่กับผม”

“ขอบคุณตองเหมือนกันที่ยังให้พี่อยู่ตรงนี้...ให้โอกาสพี่ดูแลตองอีกครั้งนะ ให้โอกาสตัวเองด้วย ได้ไหม? มันอาจจะเหนื่อยหน่อยแต่พี่สัญญาว่าตองจะกลับมายิ้มได้อีกครั้ง อย่าเพิ่งรีบไปไหนเลย...อยู่ให้พี่รักก่อน”

พี่ซันไม่ได้พูดตรงๆ แต่เขาหมายถึงการที่ผมอยากตาย...ให้ผมอดทน ให้ผมสู้ก่อน อย่าเพิ่งถอดใจ ผมก็อยากพยายาม ผมไม่อยากเหนื่อยอีกแล้ว อยากจะดีขึ้น อยากจะอยู่กับพี่ซัน อยากกลับไปหาเจ้าจันทร์

“พี่ซันก็ต้องดูแลตัวเอง ถ้าตองสู้แล้วพี่ซันก็ต้องสู้ด้วย อย่าไปไหนนะครับ”

“พี่สัญญา...คราวนี้พี่ว่าจะพาตองไปเที่ยวบ่อยๆ พาไปกินของอร่อยๆ ประเทศจีนกว้างมาก เราจะไปเที่ยวด้วยกันทุกที่เลย...ไปด้วยกันนะ...ไปเดทกับพี่นะครับ”

“อื้อ...ตองอยากไปเดทกับพี่ซัน”

“หลายปีมานี้เซี่ยงไฮ้เปลี่ยนไปเยอะ แต่บ้านเรายังเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนตอนที่เราอยู่ด้วยกัน...พี่ก็ยังเหมือนเดิม เป็นคนเดิมของตอง”

“ขอบคุณครับ”

ความสุขของผมมันช่างเล็กน้อย แค่เราได้จูงมือกันในสนามบินผมก็มีความสุขแล้ว ผมกับพี่ซันขี้เกียจนั่งรออยู่ในเลาจน์เลยเดินกันมาที่เกตเรื่อยๆ เสียงทุ้มของพี่ซันที่ชวนผมคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ทำให้ผมยิ้มได้ ทุกครั้งที่อยู่กับพี่ซันผมรู้สึกว่าตัวเองถูกรัก เป็นที่รักของพระอาทิตย์ เราคุยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องดังขึ้น

“กลับอาณาจักรพระอาทิตย์กันนะ...กลับบ้านเรา”

“ครับ”

ในที่สุด...ผมก็ได้กลับบ้านสักที กลับมาอยู่กับพี่ซัน กลับมาเป็นคนของพระอาทิตย์ ผมกำลังจะมีความสุข เช้าวันใหม่ของผมจะมีแสงอาทิตย์อบอุ่นโอบกอดผมไว้











“พี่เตรียมกองทัพกระต่ายไว้ต้อนรับตองด้วย ตองจะได้ไม่เหงา บ้านเราจะมีกระต่ายเต็มไปหมด”

เฮ้อ...ผู้ชายคนนี้นี่ แพคเก็จแสดงอาทิตย์แห่งความสุขของผมมีกระต่ายรวมอยู่ด้วยแถมมาเป็นกองทัพ ผมคงต้องกลับมาแกล้งชอบกระต่ายอีกครั้ง แต่มันไม่ได้แย่อะไรเพราะกระต่ายเป็นตัวแทนความรักของพี่ซัน และเป็นตัวแทนของเจ้าจันทร์

ตอนนี้ผมอาจจะยังไม่รักพวกมันมาก แต่ผมว่าผมคงหาทางอยู่ร่วมกับกระต่ายอย่างสันติได้ หรืออาจจะรักกระต่ายมากแบบที่พี่ซันกับลูกรักได้ในสักวัน แค่ยังไม่ใช่วันนี้ ผมไม่ได้เกลียดอะไรหรอกแค่หมั่นไส้เฉยๆ

“หรอครับ ตื่นเต้นจัง”

“พี่รู้ตองชอบกระต่าย”

“ครับ”

ครับ...พี่ไม่ได้รู้อะไรเลย

The End .



ตอนจบแล้วขอพูดยาวนิดนึงนะคะ อ่านหน่อยน้า



ในที่สุดก็เดินทางมาถึงตอนจบ <3 เรื่องนี้คงไม่ได้จบแบบแฮปปื้เอนดิ้งอะไรมากนัก แบมก็ไม่อยากจะดึงเรื่องให้มันยาวเกินไปจนโทนเรื่องเปลี่ยน มันก็จะไปแบบกระชับๆ จบในแบบของสุริยะ หยางกับกันติชาค่ะ เป็นการจบแบบชีวิตต้องไปต่อนะ 555+ ใช่ค่ะจะไปต่อในรูปเล่มค่ะ!!!



นิยายเรื่องนี้แบมพยายามนำเสนอความรักบนพื้นฐานของความจริง คือทุกคนมีปัญหาของตัวเอง เงินไม่ได้เป็นคำตอบทุกอย่าง พระเอกถึงจะรวยก็มีหลายอย่างที่เงินซื้อไม่ได้ นายเอกเก่งแต่เขาก็ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในโลก เขามีมุมอ่อนแอ พระเอกก็ไม่ใช่มนุษย์เพอเฟค แล้วความรักของทั้งคู่ก็ไม่ใช่แค่รักแล้วจะอยู่ด้วยกันได้ แต่บริบทรอบข้างก็มีส่วนในการตัดสินใจ



เหมือนกับเวลาเรามีแฟน แต่เราเข้ากับบ้านเขาไม่ได้ หรือเขาเข้ากับบ้านเราไม่ได้เลย ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง การใช้ชีวิต เราจะปรับตัวกันยังไงได้บ้าง อย่างสุริยะ หยางกับกันติชาก็เลือกจะคบกันแบบ มีเวลาของเธอ มีเวลาของฉัน มีเวลาของเรา ซึ่งเป็นความรักของคนหลายคนที่แบมรู้จักค่ะ ยุคสมัยนี้คนทำงานแต่งงานกันน้อยลง แบมได้ไอเดียมาจากคนรอบข้างที่มีแฟน แต่ไม่คิดจะแต่งงานกัน ไม่คิดจะอยู่ด้วยกัน ทั้งๆ ที่พร้อมทุกอย่างทั้งหน้าที่การงาน เงินเดือน อายุ คือคุยกับพี่ๆ กลุ่มนี้นานมากกกก ถามไอเดีย ถามความเห็นแล้วเราก็พบว่ามันก็เป็นอีกแง่มุมของความรักที่เกิดขึ้นจริง



อาณาจักรพระอาทิตย์ คือนิยายที่นำเสนอว่า รักมันไม่มีสูตรสำเร็จที่ตอนจบจะได้อยู่ด้วยกัน แต่งงานกัน ถ้าใครอ่านในปกครองก็จะรู้ว่าพ่อตองก็ไปๆ มาๆ มาๆ ไปๆ เขาก็จะเป็นรักแบบนี้ไปตลอดค่ะ



รักเป็นเรื่องของคนสองคนตกลงกัน ไม่ว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน มันก็คือความรัก <3



ส่วนฉากของเรื่องที่นำตีมการเมืองจีนมาใส่ กับบทบาทของพี่ซันในฐานะหยางหวาง ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากการอ่านนิยายอิงประวัติศาสตร์ แต่ก็ไม่ได้ใส่ลงไปเยอะ เพราะมันเป็นนิยายรักเนอะ 55555+ เอาแค่มาเป็นตีมเฉยๆ ค่ะ



แล้วโครงเรื่องนี้มันเครียดมาก เลยเลือกเล่าผ่านมุมมองของกันติชาที่เป็นเด็ก จับต้นชนปลายไม่ถูก ถ้าเล่าผ่านมุมพี่ซันมันจะเครียดเกินไป แล้วเราก็ใส่มุกตลกอวดรวยเรี่ยราดของพี่ซันไปดึงอารมณ์คนอ่านบ้าง ตั้งแต่ตอนแรกๆ เลย ไม่งั้นเครียดกันก่อน 5555+ ลุงก็จะมานำเสนอมุมมองอีกมุม มันก็เหมือนกับเราเจอปัญหาแล้วเราไปขอคำแนะนำคนรอบข้าง เราก็จะพบว่ามันอาจจะมีทางออกที่เราคิดไม่ถึง ลุงกับน้องตองก็เช่นกัน ลุงตลกแต่ลุงก็มีวิธีคิดอีกแบบที่ทำให้น้องตองหายเครียด ก็หวังว่ามันจะทำให้คนอ่านให้เครียดด้วย 5555555+ รึเปล่า?



เรื่องราวต่อจากตอนนี้ไปขออนุญาตยกไปเป็นตอนพิเศษในเล่ม ที่แบมตั้งใจว่าจะมีเรื่องราวประมาณนี้ค่ะ

- พ่อตองหลังจากกลับไปอยู่กับลุง

- พ่อตองวัยทำงาน

- ลุงที่ไม่ลุงอีกต่อไป ดุและดุ

- ลุงเลี้ยงจั๋น และสาเหตุที่จั๋นจำลุงไม่ได้

- พ่อตองในวัย 40+ กับ มูนนี่



รวมๆ กันจะพยายามให้ถึงสิบตอนค่ะ ความยาวแต่ละตอนก็จะเท่าๆ กับตอนปกติเลยค่ะ เป็นอีกสิบตอนที่จะเล่าต่อจากในเรื่องหลัก แต่ไม่มีตอนเจิ้นกับจันทร์อยู่ด้วยกันแรกๆ นะคะ เพราะว่าได้ใส่ไปเป็นตอนพิเศษในเล่มนิยาย #ในปกครอง ไปแล้ว



ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ตามอ่านกันมาจนถึงตอนจบ ช่วงก่อนงานหนังสือเดือนมีนาคมแบมจะขอปิดตอนนิยายค่ะ รีบอ่านกันน้า <3



ปล. คำผิดทั้งหมดฝ่ายพิสูจน์อักษรของสำนักพิมพ์จะเป็นคนรีไรท์ใหม่ทั้งหมดค่ะ นิยายเรื่องนี้จะตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ Deep และมีอีบุ๊คจ้า












 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด