โทษทีครับพี่ ผมไม่ได้ง่าย (End)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: โทษทีครับพี่ ผมไม่ได้ง่าย (End)  (อ่าน 14453 ครั้ง)

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
โทษทีครับพี่ ผมไม่ได้ง่าย

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม


6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

-------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆทุกคน writerbeer กลับมาแล้วคร้าบ หลังจากลงนิยายเรื่องแรกจบไป ชีวิตผมก็ยุ่งมาก ทั้งเรียนปีสุดท้าย รับปริญญา จนตอนนี้กลายเป็นมนุษย์เงินเดือนไปเรียบร้อย ห่างหายจากบอร์ดไปนานพอสมควร แต่ยังไม่ทิ้งสิ่งที่ตัวเองรักครับ

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของรุ่นพี่กับรุ่นน้องในรั้วมหาวิทยาลัยครับ บอกเลยว่าตัวเอกฟาดฟันกันทั้งเรื่อง5555 ไม่ขอพูดอะไรมากไปกว่านี้ อยากให้ทุกคนเลื่อนลงไปอ่านและทำความรู้จักกับพฤกษ์เพชรข้างล่างได้เลยคร้าบ

อ่านแล้วติชมได้ครับ comment เป็นกำลังใจให้กันด้วยน้า

ปล. ใครที่ยังไม่เคยอ่านนิยายเรื่องแรกของผม ฝากด้วยครับ หรือใครเคยอ่านแล้ว ก็เข้าไปอ่านซ้ำได้ครับ5555
ชื่อเรื่อง: My Close Friend เปลี่ยนคู่จิ้นให้เป็นคู่รัก
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53277.0

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2020 14:13:11 โดย writerbeer »

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP1 “ทำตามคำสั่งพี่พฤกษ์ ปี3”

อากาศร้อนอบอ้าว การจราจรติดขัด ให้ตายเถอะ วันนี้มันจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นบ้างมั้ยเนี่ย
หันไปมองค่าโดยสารบนมิเตอร์ก็ปาเข้าไปเกือบหนึ่งร้อยบาท ทั้งๆที่ผมควรจะจ่ายแค่ห้าสิบบาทเท่านั้นถ้าเป็นปกติ ตอนนี้รถบนถนนนิ่งไม่ขยับมาหลายนาทีแล้ว ไทยแลนด์โอนลี่จริงๆ
"เชี่ยเอ๊ย จะทันมั้ยเนี่ย" ผมพึมพำอย่างร้อนใจ
"ใจเย็นๆน้อง เดี๋ยวก็ถึง" พี่โชเฟอร์ผิวปากร้องเพลง ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนอะไรทั้งสิ้น
"โหพี่ รถติดขนาดนี้จะใจเย็นได้ไง"
"เอาน่าไอ้น้อง รออีกแปบเดียว...ที่มหาลัยเค้ามีอะไรล่ะ ทำไมต้องรีบขนาดนั้น"
"งานรับน้องน่ะพี่"
"อ้อ พึ่งเข้าเรียนปีหนึ่งสินะ"
"ใช่"
ผมถอนใจเฮือกใหญ่ เมื่อเช้าผมตื่นสาย หลับเป็นตายไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเลยครับ วิ่งผ่านน้ำเสร็จก็แต่งตัวอย่างพิถีพิถัน ถึงจะรีบแต่ก็ต้องดูดีครับ จะออกมาข้างนอกแล้วสภาพไม่เนี๊ยบนี่ไม่ใช่ผมแน่ๆ
และก็เพราะไอ้ผมที่บรรจงเซ็ตให้เรียบนั่นแหละที่ทำให้ผมใช้บริการวินมอเตอร์ไซด์จากคอนโดมามหาวิทยาลัยไม่ได้ ผมจึงต้องโบกแท็กซี่ ป่านนี้พึ่งจะผ่านมาได้ครึ่งทาง แต่เลยกำหนดเวลาที่คณะนัดมาครึ่งชั่วโมงแล้ว
ชิบหายตั้งแต่วันแรกมั้ยล่ะกู
"พี่ มีทางลัดหรืออะไรที่จะทำให้มันไปถึงได้เร็วขึ้นมั้ย" ผมถามอย่างอับจนหนทาง
"ไม่มีหรอกน้อง ต้องตรงไปเท่านั้น เอาน่า" คือพี่จะใจเย็นไปมั้ยครับ
"ฮัลโหล" ผมกดรับสายไอ้เจมส์
(ไอ้เพชรมึงอยู่ไหนเนี่ย) ปลายสายกรอกเสียงถามทันที
"กูอยู่บนแท็กซี่ กำลังไป"
(สายประจำเลยนะมึงอะ ตอนนี้ทั้งคณะเค้ามากันครบแล้ว เหลือมึงคนเดียว)
โอ้โหโอริโอปั่น ข่าวนั่นปลอบขวัญผมให้รู้สึกดีขึ้นไปอีก
"มึงเว่อร์ละ รู้ได้ไงว่าขาดกูคนเดียว"
(รุ่นพี่เค้าคุยกันโว้ย)
"เชี่ย...แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่วะ"
(กิจกรรมเริ่มมาพักนึงละ มึงให้ไวเลยสัส)
"สัสเอ๊ย เออ กูรีบอยู่เนี่ย"
เข้าร่วมกิจกรรมครั้งแรกสายแล้วแถมยังเป็นคนเดียวอีก ไปถึงผมมีหวังโดนรุ่นพี่เล่นงานเละแน่

ยี่สิบนาทีหลังจากนั้นรถแท็กซี่ก็เลี้ยวเข้ามาในบริเวณมหาวิทยาลัย ผมจ่ายเงินแล้วใส่เกียร์หมาตรงมายังสนามหญ้าหน้าคณะ สถานที่นัดพบของกิจกรรมรับน้องวันนี้ครับ<br>
ผมมองหาไอ้เจมส์เพื่อนผมเป็นอย่างแรก แต่หาไม่เจอหรอกครับ ในเมื่อมีเด็กปีหนึ่งอีกสี่ร้อยชีวิตนั่งรวมอยู่ด้วยกัน
สายตาของรุ่นพี่หลายสิบคู่มองมาที่ผม ผมก้มหน้าลง ไม่กล้ามองหน้าใคร แล้วเดินไปนั่งที่ปลายแถวด้านหนึ่ง
นั่งลงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไลน์ถามพิกัดไอ้เจมส์ แต่แม่งไม่ตอบครับ สงสัยกำลังตั้งใจฟังรุ่นพี่ที่กล่าวอะไรอยู่ด้านหน้า
"น้องคะ ใช่น้องวชิระปะคะ" ผมมัวแต่กดโทรศัพท์เลยไม่ได้สังเกตว่ามีรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินลงมานั่งข้างๆ
"ใช่ครับ" ผมเงยหน้าตอบ อื้อหือ สวยโคตร ตัวเล็กๆขาวๆ ที่สำคัญ หน้าอกใหญ่ด้วยอะครับ-.-
"เขียนชื่อให้พี่หน่อย" พี่คนสวยยื่นใบรายชื่อมาให้ ผมรับมาพร้อมแจกยิ้มหวานไปหนึ่งที ก่อนจะเขียนข้อมูลตามที่กระดาษแผ่นนั้นบอกรายละเอียดให้ใส่
"น้องชื่อเล่นอะไรเหรอ"
"เพชรครับ พี่ล่ะครับ"
"พี่เอ๋ยจ้ะ" ยิ้มทีใจผมจะละลายแล้วคร้าบพี่เอ๋ย
ผมเขียนเสร็จก็ส่งแผ่นกระดาษคืนให้ พี่เอ๋ยรับไปแล้วลุกขึ้นยืน
"ไว้เจอกันนะจ๊ะเพชร"
"ครับพี่เอ๋ย"
ผมไม่ลืมที่จะส่งยิ้มมัดใจสาวไปอีก พี่เอ๋ยกลับไปยืนล้อมพวกปีหนึ่งไว้เหมือนเดิม เพื่อนๆพี่เอ๋ยมองมาที่ผมแล้วก็คุยกันยิ้มๆ
นั่นแน่ ผมหล่อใช่มั้ยล่ะ
ตอนนั้นเองปีหนึ่งทุกคนก็ลุกขึ้นยืนแล้วแบ่งกลุ่ม เอ้า ทำอะไรกันวะ ผมไม่เห็นจะรู้เรื่อง
จะถามไอ้เจมส์ก็ยังไม่เจอตัวมันเลย ผมต้องถามใครสักคนแล้ว
"นายๆ" ผมสะกิดไอ้คนที่นั่งอยู่หน้าผมซึ่งกำลังจะลุกขึ้นบ้าง "ทำอะไรกันวะ"
"พี่เค้าให้แบ่งกลุ่มตามเลข"
"เอ่อ...เลขไรวะ" ผมเกาหัวแก้เก้อ เมื่อกี้ไม่ได้ฟังที่รุ่นพี่คนหน้าสุดพูดเลยสักนิด
"แบ่งตามเลขรหัสนิสิตอะ ลงท้ายด้วยเลข1ก็อยู่กลุ่ม1"
"อ่อ ขอบใจมากเว้ย" ผมตบไหล่เพื่อนคนนั้น แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าจำรหัสนิสิตตัวเองไม่ได้
ปีหนึ่งหลายคนเดินไปเข้ากลุ่มของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ทำไงดีวะกู มาสายแล้วยังเสือกลืมรหัสอีก
จริงสิ รุ่นพี่น่าจะต้องรู้
ผมเดินเข้าไปหาพี่เอ๋ยคนสวยทันที ไม่ได้ตั้งใจจะทำยังงั้นเลยครับ แหะๆ
"พี่เอ๋ยครับ"
"คะ"
"คือเพชรจำรหัสนิสิตไม่ได้อะครับ" ผมบอกเขินๆ
"แปบนึงนะ..." พี่เอ๋ยกลับไปหาใบรายชื่อที่ให้ผมเขียนเมื่อสักครู่นี้ "วชิระ...เพชร 02104...อยู่กรุ๊ป4จ่ะ กรุ๊ปเดียวกับพี่เลย" พี่เอ๋ยยิ้มให้อีกแล้ว
"โอ้ ขอบคุณครับ" โชคดีล่ะครับ ได้อยู่กลุ่มเดียวกับพี่เอ๋ยด้วย
ผมเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับปีหนึ่งคนอื่นๆที่อยู่กลุ่ม4ด้วยกัน ตรงกลางวงมีรุ่นพี่ถือกระดาษเขียนตัวเลข4
แล้วผมก็เห็นไอ้เจมส์
"เชี่ยเจมส์" ผมเดินเข้าไปโบกหัวมันทันที
"ไอ้เพชร กูกำลังจะโทรหามึงพอดีเลย มึงอยู่กรุ๊ปนี้ด้วยอ่อ"
"เออ รหัสกูลงท้ายด้วย"
"เห้ย ดีๆ กูก็อยู่ นึกว่าจะไม่มีเพื่อนละสัส...ว่าแต่ทำไมมึงมาสายวะ"
"กูไม่ตื่น"
"ดีครับ" ผมโบกไอ้เจมส์ไปอีกทีโทษฐานที่ประชด
"มึงคุยกับเพื่อนคนอื่นมั่งยังวะ"
"ยัง นั่งเหงาเป็นหมาหงอยตั้งแต่มาละ"
"โถไอ้เจมส์"
ผมสังเกตเห็นว่ามีเพื่อนผู้หญิงหลายคนมองมาที่พวกเรา
"สาวๆมองกูเต็มเลยว่ะ" ผมกระซิบกับไอ้เจมส์
"ใครว่า เค้ามองกูกันต่างหาก"
"ถุย มึงอะนะ"
"กรุ๊ป4ตามพี่มาทางนี้" เสียงรุ่นพี่คนที่ยืนตรงกลางวงดังขึ้น พวกผมหยุดคุยโอ้อวดกันแล้วเดินตามไป
ไอ้เจมส์มาจากโรงเรียนเดียวกับผมครับ ซี้กับผมมาตั้งแต่ม.1 รู้ไส้รู้พุงกันหมด
เพื่อนม.ปลายคนอื่นๆก็มีสอบเข้ามาเรียนที่นี่ได้หลายคนนะครับ แต่คณะผมเนี่ย มีแค่ผมกับไอ้เจมส์สองหน่อ ผมคิดว่าต้องไปทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ให้มากขึ้นซะแล้วครับ

รุ่นพี่พาพวกกรุ๊ป4ไปยังลานข้างหลังอาคารเรียนหลังหนึ่ง ผมเห็นว่ามีกรุ๊ปอื่นอีก2-3กรุ๊ปเดินมาด้วย แต่ก็แยกกันไปอยู่ในพื้นที่คนละส่วน ดูเหมือนเตรียมกันไว้ก่อนหน้า
กรุ๊ป4ของผมเป็นซุ้มซึ่งทุกอย่างตกแต่งเป็นสีดำ-ขาว เออ คลาสสิคดีแฮะ ผมชอบ
ยังไม่เดินเข้าไปข้างในก็ได้ยินเสียงร้องเพลงรับน้องจากรุ่นพี่ดังมา
"อยู่บ้านดีดีไม่ชอบ อยู่บ้านดีดีไม่ชอบ เสือกมารับน้อง เสร็จล่ะมึง เสร็จล่ะมึง..."
เพลงไรวะ ผมนึกขันเนื้อเพลง พวกพี่ๆเค้าก็ร้องท่อนนี้ซ้ำไปซ้ำมาเป็นร้อยรอบได้ หลอนหูโคตร
ปีหนึ่งถูกจัดให้เดินเป็นแถวเรียงหนึ่งเข้าไปข้างในซุ้มโดยทุกคนต้องเกาะไหล่กันเข้าไป (นึกถึงแถวรถไฟตอนอนุบาลเลยครับ น่ารักชิบหาย) ไอ้เจมส์อยู่หน้าผม
เมื่อปีหนึ่งเข้ามาในซุ้มจนครบ พี่ๆก็เปลี่ยนเพลงที่ร้อง<br>
"ฮิป ฮิป ฮิปฮิปโป โอ้โหตัวมันใหญ่ มันเดินอุ้ยอ้าย มันเดินอุ้ยอ้าย ลัลลัลล้า ลั้ลลัลลา ลัลลัลล้า ลั้ลลัลลา.."
ไอ้เพลงอยู่บ้านดีดีไม่ชอบนี่ผมว่าแปลกแล้วนะ เจอไอ้เพลงฮิปโปแล้วออกนอกโลกไปเลย เพลงบ้าไรฟะ ต้องการจะสื่ออะไรกับคนฟัง ฮิปโปบ้านพี่ร้องลัลลัลล้าเหรอครับ (ไอ้เพชรได้แต่คิดในใจ)
พวกรุ่นพี่ไม่ได้ร้องอย่างเดียวนะครับ เต้นด้วย ท่าเต้นนี่แบบอย่าให้พูดถึงเลย หนักกว่าเนื้อเพลง และทุกอย่างยิ่งแย่เข้าไปอีก เมื่อพี่ๆมีการชักชวนปีหนึ่งให้มาเต้นด้วยกัน
ผมถูกพี่เรียก5คนแล้ว แต่ผมแค่ยิ้มแหยๆแล้วทำท่าเหนียมอาย ยืนนิ่งไม่ยอมออกไปแจม
ใครมันจะเต้นวะ ไม่เอาเด็ดขาด
กำลังจะหันไปหาไอ้เจมส์ เห้ย มันไปเต้นเพลงฮิปโปกับรุ่นพี่แล้วครับ
เชี่ยยย กล้าสาด มองๆไปนี่มีปีหนึ่งแค่ไม่กี่คนเองนะที่ไปเต้นกับพี่ๆเค้าอะ
ไอ้เจมส์นี่สายตลก ใจกล้าหน้าด้านมากเพื่อนผม
เออ เอาที่มึงสบายใจเลย
เพลงฮิปโปรอบหลังๆมีการเร่งจังหวะขึ้นอีกแน่ะ พี่ๆร้องกระแทกเสียงกันมากขึ้น อย่างกับเป็นเพลงร็อคยังไงยังงั้น
ผมยืนเอ๋อแดกไปเลย
"มัดหมี่ มัดหมี่ มัดหมี่ขูดมะพร้าว ทำกับข้าวอยู่ในครัว มัดหมี่ไม่รู้ตัวถูกคนชั่วลากเอาไป เอาไม้แหย่รู ถูๆไถๆ แสบๆคันๆ มันๆปนกันไป เอาออกก็ไม่ได้ ใครก็ได้ช่วยเอาออกที..."
รู้ตัวอีกทีเพลงฮิปโปก็กลายเป็นเพลงมัดหมี่ ผมรู้จักครับ แต่ไม่มีวันยอมเต้นเพลงนี้แน่ๆ ให้พันนึงผมยังไม่เต้นเลย (ถ้าสองพันก็ขอคิดดูก่อน เย้ย)
ไอ้เจมส์มึงงง มึงจะเต้นเพลงนี้เกินหน้าเกินตาไปแล้วนะ มันเล่นท่าตรงคำว่า "เอาไม้แหย่รู ถูๆไถๆ" ได้โหดสัสลัตเวีย ทุกคนกรี๊ดกร๊าดแล้วพากันชี้มือมาที่มัน
โอย ผมที่ยืนนิ่งเป็นเสาไฟฟ้าอยู่ข้างมันได้แต่ตบมือเปาะแปะและปฏิเสธพี่อีกหลายคนที่พยายามจะดึงผมออกไปเต้นให้ได้ ในใจก็ภาวนากับพระเจ้าว่าให้ผมมีชีวิตรอดออกไปจากซุ้มนี้ด้วยเถิด
ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกว่ากำลังถูกใครมองอยู่ ผมหันไปก็เห็นรุ่นพี่คนหนึ่งมองมาจริงๆด้วย
เป็นผู้ชายร่างสูงชะลูด หน้าตี๋ พี่แกยกยิ้มมุมปากขึ้นเมื่อผมสบตา
หน้าตากับท่าทางที่พี่แกมองผมมันกวนตีนชะมัด เหมือนจ้องจะหาเรื่องกันยังไงยังงั้น
ไอ้ผมก็เป็นคนนิสัยเสียแบบนี้ด้วยสิ ชอบรู้สึกไม่ถูกชะตากับคนแค่เจอหน้ากันครั้งแรก

ผมหันกลับไปทางไอ้เจมส์ มันเต้นได้ฮาร์ดคอร์ขึ้นเรื่อยๆ เพลงสันเปลี่ยนไปแล้วครับ
"มีตารอบตัว รอบตั๊วรอบตัว...มีตัวลายตา ลายต๊าลายตา...ฮูลาฮูลา ฮูลาฮูลา...สับปะรดๆ เปรี้ยวมั้ยๆ(เปรี้ยว) เปรี้ยวมั้ยๆ(เปรี้ยว)...เปรี้ยวก็จิ้มเกลือ หวานก็จิ้มเกลือ เปรี้ยวก็จิ้มเกลือ หวานก็จิ้มเกลือ...ถ้าไม่มีเกลือ ก็ไม่ต้องจิ้ม แดกไปเลยๆ..."
เอ่อ สาบานว่าผมลืมเพลงก่อนหน้าไปเลย ใครเป็นคนแต่งไอ้เพลงนี้ แหม่ สัปปะรดสมชื่อจริงๆ ให้ตายเถอะโรบิ้น เพลงอัลไลเนี่ย
แล้วผมก็ต้องทนยืนเต้นง่อยๆไปอีกกี่เพลงก็ไม่รู้ ปีหนึ่งหลายคนเริ่มออกลีลาร่วมกับพวกรุ่นพี่แล้ว ไม่มีใครอายมั่งเลยรึไงวะ ห่า แทบจะเหลือผมอยู่คนเดียวแล้วที่ยังขยับเล็กน้อยอย่างเคอะเขิน
ในที่สุดช่วงเวลาเต้นสันทนาการอันแสนทรมานของผมก็จบลงจนได้ ทั้งรุ่นพี่และปีหนึ่งตบมือเสียงดังและส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด
"เชี่ยยย มันสัสๆอะ มึงไม่มาเต้นด้วยกันไอ้เพชร" ไอ้เพื่อนตัวดีหันมาถามผมพร้อมหอบหายใจ ก็แหงล่ะ เต้นใหญ่ซะขนาดนั้น
"กูไม่เอาด้วยหรอก" ผมกระซิบตอบ
แล้วรุ่นพี่ก็ให้ปีหนึ่งนั่งลง
"เหนื่อยมั้ยคะน้องๆ เต้นดีมากเลย เย่" มีเสียงกลองรัวรับคำพูดของรุ่นพี่ผู้หญิงที่น่าจะเป็นโฆษกของกรุ๊ป "ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่กรุ๊ป4ของพวกเราอย่างเป็นทางการค่าาาา" ตามด้วยเสียงโห่ร้องของพี่ๆทุกคน
จากนั้นพี่โฆษกก็เล่าคร่าวๆว่าคณะนี้มีนิสิตจำนวนมาก จึงได้แบ่งนิสิตออกเป็นกลุ่มหรือที่เรียกว่ากรุ๊ปทั้งหมด10กรุ๊ป กรุ๊ป1-0 โดยแบ่งตามเลขตัวสุดท้ายของรหัสนิสิต ไม่มีการจำแนกสาขา
เหตุผลที่แบ่งก็เพื่อให้มีรุ่นพี่สามารถดูแลรุ่นน้องได้ใกล้ชิดและทั่วถึง และกระจายเด็กที่มาจากโรงเรียนเดียวกันให้มีโอกาสทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆบ้าง
โชคดีสุดๆที่ผมกับไอ้เจมส์มีเลขรหัสนิสิตตัวสุดท้ายเหมือนกัน
ผมสอดส่ายสายตามองหาพี่เอ๋ย แล้วก็เห็นแกกำลังคุยกับเพื่อนอยู่ที่มุมหนึ่ง
"เออ เชี่ยเจมส์ กูเจอหญิงเด็ดๆแล้วนะเว้ย"
"ไหนๆ" ไอ้เจมส์ตาโต หันคอมาหาผมในวินาทีนั้น ไอ้เรื่องแบบนี้น่ะเร็วเชียวนะเพื่อน
"กูไม่บอกหรอก ของกู" ผมยักคิ้วยียวน
"ไอ้สัส คนไหนบอกมา"
"ไม่บอกเว้ย"
ไอ้เจมส์อ้าปากจะด่าผมต่อ แต่เห็นรุ่นพี่คนหนึ่งมองมาที่เราพอดีจึงหุบปากเงียบ
พี่โฆษกพูดต่อไปว่าจะเล่นเกม เฮ้อ น่าเบื่อชะมัด แต่ไอ้คนข้างๆผมนี่ดูกระตือรือร้นอยากเล่น บางทีกูก็สงสัยว่ามาสนิทกับมึงได้ไงวะเจมส์
"อะ เกมแรก เดี๋ยวพี่จะแจกตุ๊กตาหมี3ตัวแล้วก็เปิดเพลง ให้น้องส่งต่อไปให้เพื่อนที่นั่งข้างๆไปเรื่อยๆ ห้ามโยน ห้ามส่งข้ามคนนะคะ พอเพลงจบ ตุ๊กตาอยู่ที่ใคร 3คนจะต้องถูกทำโทษจ้าา"
อื้อหือ แค่ฟังกติกาก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมา ไอ้ตุ๊กตาเสียกบาล เอ้ย ตุ๊กตาหมีนั่นคงไม่ได้อยู่ในมือผมตอนเพลงจบหรอกนะ
ตุ๊กตาหมีที่ว่าเป็นหมีพูห์ซะด้วยนะ แหม่ น่ารักเชียว
"พอพี่เปิดเพลงแล้ว น้องเริ่มส่งตุ๊กตาต่อได้เลยนะ...เอ้า เตรียมพร้อม 1 2 3..."
แล้วเพลงขอใจเธอแลกเบอร์โทรแบบ remix version ก็ถูกเปิด ตุ๊กตาหมีพูห์น่ารักที่ใครๆก็อยากเล่น ตอนนี้เหมือนเป็นของน่ารังเกียจและส่งผ่านมือกันอย่างรวดเร็ว
มี2ตัวที่ผ่านมือผมไป เสียวชิบหาย
เพลงยังเล่นต่อไป ไม่รู้ว่าจะหยุดตอนไหน
ไอ้เจมส์ส่งหมีพูห์น้อยใส่มือผมเป็นครั้งที่3 แล้วจู่ๆเพลงก็หยุด
พ่องงงง มาหยุดอะไรที่กูวะ
ผมกลืนน้ำลาย ซวยเหี้ยๆเลยไอ้เพชร
ไอ้เจมส์หัวเราะก๊าก ผมโบกหัวมันไป
"ไอ้เหี้ยเจมส์ มึงนะมึง"
"แบร่" แน่ะ ยังมีหน้ามาหัวเราะผมต่ออีก<br>
"ตุ๊กตาอยู่ที่ใครบ้างเอ่ยยย ออกมาข้างหน้าซะดีๆ..." พี่โฆษกพูดเสียงกลั้วหัวเราะ หายนะ มหันตภัย ชะตากรรมมั้ยล่ะกู
รุ่นพี่จะทำโทษอะไรผมเหรอครับ สั่งลุกนั่ง วิดพื้น หรือกระโดดตบดี
ผมสังหรณ์ใจว่าต้องเป็นอะไรที่อุบาทว์ๆหรือไม่ก็น่าอายมากแน่ๆ
เพื่อนอีกสองคนที่มีหมีพูห์เป็นผู้หญิงครับ คนหนึ่งหน้าตาดูเหมือนจะร้องไห้เต็มแก่ อีกคนดูตื่นเต้นอยากถูกทำโทษ- - ส่วนผมน่ะเหรอครับ เมื่อเดินออกไป ก็ได้รับเสียงกรี๊ดจากพี่ๆผู้หญิงดังลั่น พวกผู้หญิงปีหนึ่งก็ด้วย หันไปซุบซิบกัน
คนหล่อบางครั้งชีวิตก็ลำบากนะครับ (มันใช่เวลามาหลงตัวเองมั้ยเนี่ยไอ้เพชร)
"เดี๋ยวให้ผู้โชคร้ายแนะนำตัวหน่อยดีกว่าเนอะ เอาชื่อ สาขา แล้วก็สถานะละกัน"
สถานะด้วยหรอวะ เออ คิดในแง่ดี ก็ถือโอกาสบอกสาวๆไปเลยว่าผมโสด
"เอ่อ...ชื่อเพชร major finance โสดครับ"
พอถึงคิวผมพูด สาวๆก็กรี๊ดขึ้นมาอีกรอบ และยิ่งหลังจากบอกว่าโสด เสียงนี่ดังไปอีกเท่าตัว
"โอเค มาถึงบทลงโทษนะคะ น้อง3คนพลิกดูในเสื้อของตุ๊กตาจะมีกระดาษเสียบอยู่ ให้หยิบกระดาษออกมาค่ะ"
ผมหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆที่อยู่ด้านในเสื้อสีแดงตัวน้อยของหมีพูห์ออกมา
"อย่าพึ่งเปิดนะคะ เดี๋ยวเราจะมาเปิดทีละคน..."
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าในกระดาษนั่นคงเขียนบทลงโทษไว้ ผมจะโดนอะไรนะ อยากรู้จัง ถุ้ย
เพื่อนคนแรกโดนให้เอาแป้งทาหน้าแล้วเอาสีมาเขียน อีกคนโดนปั่นจิ้งหรีดแล้วให้เต้นต่อ ผมทึ่งมากที่เพื่อนเค้าเต้นได้ชิวๆไม่มึนงง ให้ผมทำก็ทำไม่ได้
"ตบมือให้น้องมิ้งหน่อยยย...โอเค มาถึงคนสุดท้าย น้องเพชรสุดหล่อออ" มีฉายาต่อท้ายชื่อแล้วซะด้วย
ผมแกะกระดาษออกอ่าน
"ทำตามคำสั่งพี่พฤกษ์ ปี3"
เสียงโห่ฮาดังขึ้นมารอบซุ้ม พี่พฤกษ์ ปี3แม่งทำไมวะ
แล้วไอ้รุ่นพี่หน้าตี๋ที่มองผมตอนเต้นสันก็ก้าวออกมาพร้อมคลี่ยิ้มอย่างชั่วร้าย
"พี่พฤกษ์ครับน้องเพชร"

TBC

จะว่าไปแล้ว การรับน้องมหา'ลัยก็เป็นช่วงหนึ่งในชีวิตที่น่าจดจำเลยนะครับ แล้วพี่พฤกษ์จะสั่งให้เพชรทำอะไร ติดตามต่อตอนหน้าครับ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP2 “พี่พฤกษ์ครับน้องเพชร”


“พี่พฤกษ์ครับน้องเพชร”
เสียงพูดไอ้พี่พฤกษ์ทุ้มนุ่มน่ากลัวพอๆกับรอยยิ้มนั่น แม่งจะสั่งให้ผมทำอะไรวะ
“น้องเพชรนี่ถือว่าพิเศษมากเลยนะคะ ได้รับเกียรติจากพี่พฤกษ์เลยนะเนี่ย” พี่โฆษกบอก เออ ขอบคุณที่ให้เกียรติมาลงโทษผมครับคุณพี่ “พี่พฤกษ์จะให้น้องทำอะไรดีคะ”
“อืมม…”
มึงอย่าคิดนานไอ้พี่พฤกษ์ กูลุ้นเยี่ยวเหนียว
“ให้น้องเพชรเต้นละกันครับ ตอนเต้นสันเมื่อกี้พี่ไม่เห็นเราเต้นเลย”
นั่นไง สั่งให้กูทำงานถนัดซะด้วย แหม่
ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มเยาะ พี่ๆหลายคนส่งเสียงเห็นด้วย
กูไม่เต้นได้มั้ยวะสาด
“อ้อ อีกอย่างนึง” ผมหันกลับไปที่ไอ้พี่พฤกษ์อีกครั้ง มันเสริมเหมือนพึ่งนึกออก “เมื่อเช้าน้องเค้ามาสายนี่นะ พี่ขอทำโทษเพิ่มอีกอย่างได้มั้ยครับ”
ถามงี้ให้สิทธิผมปฏิเสธหรอครับ
ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองตอนนี้ต้องกำลังไม่สบอารมณ์อยู่แน่ๆ ส่วนไอ้พี่พฤกษ์ก็ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มีความสุขมากมั้ยพี่
“ก่อนเต้นมาแปลงโฉมซะหน่อย มา เดี๋ยวพี่ทำให้” หลังประโยคตามมาด้วยเสียงโห่ร้องเซ็งแซ่ของทุกคนในกรุ๊ป
แล้วพี่พฤกษ์ก็หยิบกระป๋องแป้งกับลิปสติกสีแดงสดก่อนเดินเข้ามาหาผม
“เห้ย” ผมร้อง
“ไม่ต้องตกใจนะครับ รับรองว่าหล่อกว่าเดิมแน่นอน”
ทุกคนหัวเราะร่า หล่อกว่าเดิมพ่อมึงสิครับพี่ โอย นี่ผมต้องทำจริงๆเหรอเนี่ย
“ขออนุญาตนะครับน้องเพชร” ไอ้พี่พฤกษ์พูดเมื่อถึงตัวผม ฉีกยิ้มปากจะถึงหู หน้าพี่แกแม่งตัวร้ายในละครหลังข่าวชัดๆ แล้วพี่แกก็เทแป้งใส่มือก่อนจะปะหน้าผม ปะเน้นๆ ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าขาวโบ๊ะ สัสเอ๊ย
เสียงหัวเราะของคนในกรุ๊ปยืนยันความคิดของผม
“เติมปากกับแก้มหน่อยนะครับ” เอาจริงๆนะ ผมเกลียดขี้หน้าไอ้พี่พฤกษ์ไปแล้ว แม้พี่แกจะพูดเพราะทุกคำ แต่การกระทำมันตรงกันข้าม
อย่าให้ผมมีโอกาสได้เอาคืนมันนะ ผมจะจัดหนักให้ยิ่งใหญ่กว่ารัชดาลัยเธียเตอร์เลยคอยดู
ไอ้พี่พฤกษ์ทาลิปสติกสีแดงสดลงบนปากผม ตามด้วยเขียนเป็นรูปอะไรก็ไม่รู้บนแก้ม ไอ้เหี้ยยยย
ไม่อยากเห็นสภาพตัวเองเลยครับ
ไอ้พี่พฤกษ์หัวเราะหนักมาก และเมื่อพี่แกถอยจากตัวผมให้ทุกคนได้เห็น ผมก็ถูกเสียงหัวเราะจากทุกทิศสาดใส่ ไอ้ชิบหายยยยย
เกิดมาไม่เคยอายขนาดนี้มาก่อน สาบานเลยครับ
เพราะมึงคนเดียวไอ้พี่พฤกษ์ กูเกลียดมึงงงง
“พี่ขอเก็บภาพประทับใจไว้หน่อยนะ”
โดยไม่ทันตั้งตัว ไอ้พี่พฤกษ์ดึงผมเข้ามาโอบไหล่แล้วถ่ายรูปเซลฟี่
“เห้ยพี่”
“เดี๋ยวพี่ส่งรูปให้นะครับน้องเพชร”
ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มกริ่ม เก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง
ถามผมยังว่าอยากเก็บภาพประทับใจร่วมกับพี่มั้ย
“เอาล่ะค่ะ พี่พฤกษ์แปลงโฉมน้องเพชรเสร็จเรียบร้อยแล้ว คราวนี้น้องเพชรพร้อมเต้นรึยังงง”
“ใจเย็นนะพี่” ผมร้องห้าม คนทั้งซุ้มหัวเราะกันระงม
“เดี๋ยวพี่จะเปิดเพลง น้องเพชรจัดเต็มเลยนะคะ…” พี่โฆษกไม่ได้ฟังที่ผมพูดใช่มั้ย
แล้วเพลงขอใจเธอแลกเบอร์โทรก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ทุกคนตะโกนเชียร์ให้ผมเต้น
ผมจำใจต้องโยกตัวตามจังหวะเพลง สัส ไอ้พี่พฤกษ์ตั้งใจแกล้งกันชัดๆ
“เต้นแรงหน่อยๆ” รุ่นพี่สักคนตะโกนมาจากข้างหลัง พี่มาเต้นแทนผมมั้ยล่ะ
หมดกัน ภาพไอ้เพชรสุดหล่อ
เออ ไหนๆภาพพจน์ผมก็มลายหายไปหมดแล้ว ไม่ต้องแคร์อะไรอีกแล้ว
ผมตัดสินใจเต้นเต็มที่ตรงท่อนฮุคพอดี ยักไหล่แรงกว่าหญิงลีเจ้าของเพลงอีกมั้ง ห่า
กรุ๊ป4ทุกคนหัวเราะดังกว่าตอนที่ผมพึ่งแต่งหน้าทาปากเสร็จเสียอีก ไอ้เจมส์ตาโต อ้าปากค้างก่อนจะส่งเสียงลั่น
เมื่อเพลงจบ ผมได้รับเสียงปรบมือและโห่ร้องอย่างกับเป็นผู้ชนะในสงคราม
“ขอบคุณน้องเพชรมากค่ะ เด็ดมากกกก”
ผมหันไปมองตัวต้นเรื่อง ไอ้พี่พฤกษ์ยืนพิงเสาขำตัวงออยู่
สาดดดดดดด

หลังเกมตุ๊กตาพาซวย ผมขอรุ่นพี่ไปล้างหน้าแต่ไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ผมต้องร่วมกิจกรรมอื่นๆต่อไปในสภาพนั้น นี่เห็นผมเป็นตัวตลกเรอะ
ไอ้เจมส์มองผมแล้วแม่งก็ขำอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้ตลกอะไรนักหนา ไอ้เพื่อนบ้า
กิจกรรมสุดท้ายคือการพบกับสายรหัส ซึ่งก็คือรุ่นพี่ปีสูงที่มีรหัสนิสิตเหมือนกับผมนั่นเอง 02104
ปรากฏว่าพี่รหัสปี2ก็คือพี่โฆษกนั่นเองครับ
“เอ้า น้องเพชรเป็นน้องรหัสพี่เหรอเนี่ย ว้าย” ผมยิ้มรับ “พี่ชื่อแนทนะ อยู่ account ดีใจอะได้เพชรเป็นน้อง...ดูดิ มีแต่คนอิจฉาพี่ทั้งนั้นเลย” พี่ผู้หญิงปี2หลายคนมองมาที่พี่แนทกับผม
“ดีใจที่ได้พี่แนทเป็นพี่รหัสเหมือนกันครับ”
“น่ารักมาก เดี๋ยวอย่าพึ่งรีบกลับนะ เสร็จนี่แล้วพวกพี่จะพาไปเลี้ยงข้าว”
“ได้ครับ ของฟรีเพชรไม่พลาดอยู่แล้ว”
“จ้ะ เออ วันนี้พี่ปี3กับ4สายเราไม่มานะ พี่ปี3ติดฝึกงาน ส่วนพี่ปี4ตอนนี้อยู่ญี่ปุ่น นางเที่ยวอยู่จ้า เดี๋ยวได้เจอทั้งสองคนตอนเปิดเทอม”
“อ่อครับ”
“เพชรมีไรให้พี่ช่วยหรืออยากถามก็บอกได้เลยนะ เรื่องชีทเรียนไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่ไปขอเพื่อน finance มาให้”
“โอ้ ขอบคุณครับพี่ พี่แนทนี่ใจดีจัง”
“เค้าก็เป็นแบบนี้กันทุกคน” พี่แนทหัวเราะเบาๆ
ผมกับพี่แนทแลก contact และถ่ายรูปกันก่อนผมจะไปรวมกับพวกปีหนึ่งอีกครั้ง เตรียมเดินไปร้านที่รุ่นพี่บอก
“ไอ้เพชร พี่รหัสกูสวยสัส” ไอ้เจมส์พูดกับผมทันที
“ใครวะ ปีไร”
“ชื่อเอ๋ย อยู่ปี2 คนนั้นไง”
ผมแทบสะดุด หันไปตามนิ้วชี้ไอ้เพชรก็คือพี่เอ๋ยคนสวยของผมนั่นเอง
“ไอ้เหี้ยเจมส์ พี่เอ๋ยนี่แหละที่กูบอกมึงเมื่อกี้ว่าเจอหญิงเด็ด”
ไอ้เจมส์ยักคิ้วหลิ่วตาน่าถีบเป็นที่สุด
“เค้าเป็นพี่รหัสกูเว้ย มึงหมดสิทธิ์ละสัส”
“พ่อง ไม่เกี่ยวเว้ย ของกู”
“อดแดกแน่มึง”
“สัส&quot; ผมล่ะอิจฉาดวงไอ้เจมส์ชิบ
“พวกมึงคุยไรกันอยู่วะ” ไอ้นิวที่ไปเข้าห้องน้ำเดินกลับมา มันเป็นเพื่อนที่เล่นเกมอยู่กลุ่มเดียวกับผม ไอ้เจมส์เมื่อกี้ เลยชวนมันมาอยู่ด้วยกันครับ
“พี่รหัสไอ้เชี่ยเจมส์สวยสัส นั่นอะ” ผมชี้ให้ไอ้นิวดูพี่เอ๋ยบ้าง
“เออ สวยจริงว่ะ กูจีบนะ”
“มึงพอเลยไอ้นิว พี่รหัสกูนะเว้ย ไอ้เพชรก็จะจีบคนนึงละ”
“โห่ ยังงี้กูก็แพ้ละถ้าไอ้เพชรจีบ”
“ทำไมวะ” ผมถาม
“ถามได้ ก็มึงหล่อขนาดนี้ วันนี้กูเห็นมีแต่สาวๆมองมึงตลอด”
“แน่นอน”
“เออๆ กูยอมรับก็ได้ว่ามึงหล่อไอ้เพชร แต่ไม่คิดจะถ่อมตัวมั่งเลยรึไงวะสาด” ไอ้เจมส์ด่า
ผมยักไหล่ ทำเอาไอ้เจมส์ส่ายหัวเอือมระอา

เดินเท้าจากคณะมาร้านปิ้งย่างลุงโป้ใช้เวลาไม่ถึง15นาที พี่แนทเล่าให้ฟังว่าหลังจบงานรับน้องวันแรกแต่ละกรุ๊ปก็จะพาปีหนึ่งไปเลี้ยงข้าว จะร้านไหนก็แล้วแต่กรุ๊ป สำหรับกรุ๊ป4ต้องเป็นปิ้งย่างลุงโป้เท่านั้น มาที่นี่ทุกปี
“เออ ดีๆ กูไม่ได้กินบุฟเฟต์มานานแล้ว” ไอ้นิวบอก
“พวกพี่เค้าใจปล้ำว่ะ ต้องแพงแน่ๆ มีกันตั้งเกือบร้อยคน” ไอ้เจมส์ออกความเห็น
“โห่ ระดับคนคณะเรา เลี้ยงแค่นี้ชิวๆเว้ย” ผมพูด คณะผมเนี่ยมีแต่คนรวยๆมาเรียนทั้งนั้น ไม่ที่บ้านมีกิจการใหญ่โตก็เป็นลูกคนดัง
“น้องๆครับ แบ่งนั่งโต๊ะละ4คนนะ อยากนั่งไหนก็ได้ หรือจะมานั่งกับพวกพี่ก็ได้คร้าบ” รุ่นพี่คนหนึ่งส่งเสียงบอก
ผม ไอ้เจมส์ ไอ้นิวเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวที่อยู่เกือบในสุด
ที่นี่ไม่ได้มีแต่หมูกับเนื้อเท่านั้นนะครับ ยังมีอาหารทะเลกับอาหารญี่ปุ่นอีกเล็กน้อยบริการแบบไม่อั้น
ผมกับเพื่อนผลัดกันเดินไปตักอาหาร ระหว่างที่ผมเดินเลือก มีหลายคนมองมาแล้วก็ยิ้มขำ
เป็นเพราะไอ้วีรกรรมตอนเช้าแน่ๆ มันต้องเป็นภาพติดตาของทุกคน น่าประทับใจจริงๆ ถุ้ย
“ไงน้องเพชร เต้นเก่งเหมือนกันนะเราเนี่ย” พี่เอ๋ยทัก เค้ามายืนต่อแถวรอตักเนื้อหลังผม
“โหพี่ ลืมมันไปเถอะ น่าอายโคตร”
“ไม่เห็นน่าอายเลย น่ารักจะตาย พี่กับเพื่อนขำจนปวดท้อง”
“พี่เอ๋ยอะ เพชรไม่คุยด้วยแล้ว” ผมทำปากยื่น แกล้งงอน
“โอ๋ พี่ไม่แซวละๆ” พี่เอ๋ยหัวเราะเบาๆ
“พี่เอ๋ยนั่งตรงไหนหรอครับ”
“ตรงนู้นจ่ะ” พี่เอ๋ยชี้มือไปที่โต๊ะคนละฝั่งกับโต๊ะผมเลย
เมื่อถึงคิว ผมเลือกเนื้อหลายแบบใส่จาน พี่เอ๋ยขยับตัวเข้ามาแนะนำ
“เพชรต้องลองเนื้อน่องลายนี่จ้ะ อร่อยมาก ถ้าหมูก็ต้องสันนอก สันนอกร้านนี้ที่สุดละ”
“ขอบคุณครับ” ผมตอบพร้อมรอยยิ้มหวาน
ผมกลับไปที่โต๊ะอีกครั้งก็โดนไอ้เจมส์สวด
“ไอ้สัส ไปตักเนื้อหรือซื้อเนื้อวะ นานชิบ”
“โทษที กูเลือกนานไปหน่อย”
“ไม่ใช่แจ๊ะพี่รหัสกูนานอ่อวะ” ไอ้เจมส์ยิ้มมุมปาก
“เสือกเห็นอีกนะมึง” ผมหัวเราะ “พี่เค้ามาทักกูก่อนเว้ย”
“จ้า พ่อคนหล่อ เสน่ห์แรง”
แล้วก็มีพี่ๆมานั่งลงที่โต๊ะข้างๆพวกเรา
“เห้ยมึง ไอ้พฤกษ์มันไลน์มาบอกให้ย่างเนื้อสไลด์ไว้ให้มันเยอะๆ”
“เออ แล้วแม่งไปไหนวะ”
“ไม่รู้มัน”
ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินว่าไอ้พี่พฤกษ์จะมานั่งโต๊ะข้างๆ ได้ยินชื่อก็เหม็นขี้หน้ามันขึ้นมา
พี่ๆหันมามองเราสามคน พวกผมก็เลยยกมือไหว้ทักทายและยิ้มให้อย่างมารยาทดี พอเห็นผม พวกเค้าก็หลุดหัวเราะออกมา
“นี่น้องที่ไอ้พฤกษ์แกล้งนิ”
“ฮาว่ะ ไว้เต้นให้พวกพี่ดูอีกดิ”
“เนี่ย เดี๋ยวไอ้พฤกษ์มันมานั่งด้วย น้องอย่าพึ่งหนีไปไหนนะ”
ผมทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม แม่ง ไอ้ห่าพี่พฤกษ์
“พวกมึงก็หยุดขำได้ละสาด เห็นแก่หน้ากูมั่ง” ผมหันไปเล่นงานไอ้เจมส์กับไอ้นิวหลังรุ่นพี่ลุกไปตักอาหาร
“กูหยุดขำไม่ได้ว่ะ แม่งฮาเหี้ยๆ” ไอ้นิวขำจนตัวสั่น
“กูอยู่กับมันมา6ปีไม่เคยเห็นมันเต้นเลย” ไอ้เจมส์พูด
“สัส พอ ไม่งั้นกูจะเอาตะเกียบจิ้มตาพวกมึง” ไอ้สองตัวนั่นก็ยังหัวเราะต่อไปอยู่ดี
ผมกินไปพลางมอบไปรอบๆร้าน ทุกโต๊ะเป็นนิสิตคณะนี้ทั้งหมด สงสัยรุ่นพี่ติดต่อจองเวลาไว้ แล้วสายตาก็พลันเห็นไอ้พี่พฤกษ์เดินเข้ามาในร้าน
ยกเว้นปีหนึ่ง แทบทุกคนทักทายไอ้พี่พฤกษ์ ท่าทางมันจะเป็นคนดังในกรุ๊ป
น่าหมั่นไส้แม่ง
ไอ้พี่พฤกษ์เดินตรงมาที่โต๊ะพร้อมเพื่อน เมื่อมันเห็นผม ปากมันก็ฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา อย่างกับไจแอนท์เวลาเห็นโนบิตะ ขนลุกเลยกู
ผมเลิกสนใจมันแล้วหันมาคุยกับไอ้เจมส์ ไอ้นิวแทน
“หูยย เนื้อน่องลายอร่อยสัส” ไอ้เจมส์จุ่มเนื้อลงกับน้ำจิ้มรสเด็ดแล้วเอาเข้าปากอีกหลายชิ้น
“เออ ต้องขอบคุณไอ้เพชรมัน เอามาซะเยอะเลย” ไอ้นิวพูด
“พี่เอ๋ยแนะนำมาเว้ย ไหนมากินมั่งดิ๊” ผมแกล้งไอ้เจมส์ แย่งคีบชิ้นที่มันกำลังจะเลือกจากเตามาใส่จานตัวเอง
“สัส ย่างเองดิวะเชี่ยเพชร” มันโวยวาย
“กูขโมยมาสองชิ้นเองน่า มึงย่างใหม่ดิ กูได้ขโมยต่อ”
“พ่อง กูย่างใหม่ก็ได้วะ...เซตนี้ของกูนะเว้ย ห้ามยุ่ง” ไอ้เจมส์หยิบชิ้นใหม่วางบนเตาก่อนจะเอาตะเกียบจัดวางให้มันอยู่ฝั่งตัวเอง ผมกับไอ้นิวหัวเราะ
“เออไอ้นิว มึงมาจากโรงเรียนอะไรวะ” ผมหันไปถามไอ้เพื่อนใหม่
“กูมาจากต่างจังหวัด พวกมึงไม่น่าเคยได้ยินชื่อโรงเรียนกูหรอก”
“จังหวัดไรวะ”
“อุดรฯ”
“มาเรียนนี่มึงพักที่ไหนอะ” ไอ้เจมส์ถามบ้าง
“กูอยู่หอใน”
“อ่อ”
“แล้วพวกมึงอะ มาจากไหน”
“กูกับไอ้เจมส์มาจากโรงเรียนเดียวกัน อยู่กรุงเทพเนี่ยแหละ” ผมตอบ
“ไว้พาพวกกูไปเที่ยวบ้านมึงมั่งดิ กูยังไม่เคยไปอุดรฯเลย มีไรแนะนำมั่งวะ”
“เอาดิ มีเด็ดๆหลายอย่างเลยนะ ไว้จะพาไป”
“ตอนอยู่โรงเรียนนะ ไอ้เชี่ยเพชรแม่งไม่ทำห่าอะไรเลย วันๆเอาแต่หม้อหญิง”
ไอ้นิวหัวเราะ
“เอ้า ก็กูหล่อ มึงจะให้กูทำไรวะ” ไอ้เจมส์ทำท่าโก่งคอจะอ้วกกับคำพูดผม
“กูนี่ วงโยฯโรงเรียนนะคร้าบ” ไอ้เจมส์คุย
“เหยด มึงเล่นอะไรวะ”
“แซ็กโซโฟน”
“เท่สาด”
“มึงก็เล่นเพื่อหม้อหญิงเหมือนกันละน่า บอกไอ้นิวไปดิ” ผมกัด
“อย่างน้อยกูก็ใช้ดนตรีเป็นชั้นเชิงเว้ย ไม่ได้ใช้คารมปลอมๆแบบมึงเป็นเครื่องมือ”
“สาด เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้กูอีกละ” ว่าแล้วผมก็คีบเนื้อส่วนของไอ้เจมส์ตอนมันเผลอเข้าปากอีก มันร้องโวยวายใหญ่
“แล้วมึงอะนิว ทำไรที่โรงเรียนปะ” ไอ้เจมส์ถามไอ้นิวต่อ
“กูเล่นบอล”
“แทงบอลอะนะ คู่ไหนมั่ง” ผมหยอก
“ไม่ใช่การพนันโว้ย กูเป็นนักกีฬาฟุตบอล”
“เชดโด้โคอะล่ามาร์ช ยังงี้มึงต้องมีทีมในดวงใจดิ”
“กูแมนยู” ไอ้นิวตอบช้าๆ
“มา จับมือ” ผมดึงมือไอ้นิวจับแล้วเขย่า
“โด่ แมนยูกาก สู้หงส์กูไม่ได้หรอก” ไอ้เจมส์เผยทีมฟุตบอลที่มันรักออกมา
“โว้ะ ลิเวอร์พูลกาก อย่ามาเทียบกะทีมกู” ผมด่า
“ไอ้สัส มึงอย่ามาดูถูกทีมกูนะเว้ย แมนยูฯแหละกาก” ไอ้เจมส์เป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที ผมหัวเราะ
“ใจเย็นพวกมึง เชียร์คนละทีมก็ไม่ต้องเถียงกันก็ได้” ไอ้นิวห้ามศึก
“เออ มึงดูนิวดิ๊เพชร ควาย” ไอ้เจมส์แย่งเนื้อจากตะเกียบของผมไปบ้าง
“ขโมยกูคืนอีก” ผมยิ้ม
ผมพึ่งสังเกตว่าพี่ปี3โต๊ะข้างๆมานั่งกันครบองค์ประชุมแล้ว ไอ้พี่พฤกษ์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกำลังมองหน้าผมอยู่
ผมล่ะเกลียดรอยยิ้มของแม่งจริงๆ
“ไงครับน้องเพชร” นั่น กูกำลังจะหันไปทางอื่นมึงก็ทักขึ้นมาเลย
“ครับ” ผมตอบเสียงไม่สนใจ
“ไม่ทักทายกันเลยนะ ลืมชื่อพี่ไปแล้วอ่อ”
“จะลืมได้ไงครับ พี่พุทธไง”
พี่คนอื่นๆในโต๊ะหัวเราะพรืด
“มึงโดนน้องเล่นละเชี่ยพฤกษ์”
ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มกว้างขึ้นไปอีก
“ร้ายนะเนี่ยน้องเพชร สงสัยพี่ต้องสั่งลงโทษอีกมั้ง”
“อ้าว พี่ชื่อพฤกษ์หรอครับ ขอโทษครับพี่” ผมก้มหัวประชดประชัน
“พี่พฤกษ์ครับน้องเพชร...ไม่เป็นไรครับ แต่จำชื่อพี่ไว้ให้ดีนะ เราต้องได้เจอกันบ่อยแน่ๆ” ท้ายประโยคฟังดูน่าเสียวไส้ กูไม่อยากเจอมึงอีกแล้วไอ้พี่พฤกษ์ อย่ามาจองล้างจองผลาญกันอีกเลย
“ว่าแต่น้องอีกสองคนชื่ออะไรกันมั่งเนี่ย” ไอ้พี่พฤกษ์หันไปถามเพื่อนผม
“เจมส์ครับ”
“นิวครับ”
“ยินดีที่รู้จักครับน้องเจมส์ น้องนิว พี่พฤกษ์ ปี3นะ ส่วนนี่เพื่อนพี่…”
แล้วเพื่อนไอ้พี่พฤกษ์อีก3คนก็แนะนำตัว ชื่ออะไรบ้างผมก็จำไม่ได้หรอกครับ กำลังจะฟังแต่พอเห็นสายตาชั่วร้ายของมันเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดู facebook แทน
อื้อหือ มีคำขอเป็นเพื่อนส่งมาเต็มเลยครับ ผมกดรับไอ้นิวกับคนอื่นๆอีกไม่กี่คนเฉพาะที่รู้จักเท่านั้น
เลื่อนลงไปอีกหลายชื่อก็เห็น facebook ไอ้พี่พฤกษ์ add มาเหมือนกัน
เออ กูไม่รับ
ผมยิ้มอยู่คนเดียวแล้วกดล็อคหน้าจอก่อนกลับมากินต่อ
แม่งคงไม่สังเกตหรอกมั้ง
“กูไปเยี่ยวแปบ” ผมบอกเพื่อน ลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำ
ระหว่างเดินไป มีหลายคนมองผมแล้วก็ยิ้มๆอีกแล้ว เฮ้อ กูคิดผิดมหันต์เลยที่ยอมเต้น ง่ะ
ทำธุระส่วนตัวเสร็จ กำลังส่องกระจกสำรวจความหล่อของตัวเอง ก็เห็นไอ้พี่พฤกษ์มายืนเกาะประตู
“น้องเพชร” มันยิ้มกริ่ม

TBC

อื้อหือ พี่พฤกษ์แกล้งหนักขนาดนี้ สงสารเพชรจริงๆครับ555
ดูเหมือนเฮียแกจะไม่ยอมจบง่ายๆด้วยสิ มาดักรอที่ห้องน้ำทำไมน้า รอติดตามตอนต่อไปฮะ

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP3 “ผมไม่กล้ากับรุ่นพี่หรอกครับ”

“น้องเพชร” ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มกริ่ม
นี่ไอ้พี่พฤกษ์มาเข้าห้องน้ำของมันหรือตามมากวนตีนผมถึงในนี้เนี่ย
“ครับ” ผมรับคำเสียงเบื่อๆ
“ทำไมเวลาพูดกับพี่ เราต้องทำท่าไม่พอใจด้วย”
“เปล่านี่ครับ ทำไมพี่ถึงคิดว่าผมไม่พอใจล่ะ” ผมยกยิ้มขึ้นมาบ้าง ตั้งใจกวนตีนมันเต็มที่
“น้ำเสียง สีหน้า ทุกอย่างมันบอกชัดว่าไม่พอใจพี่”
“ผมจะไม่พอใจพี่ได้ไงครับ พี่เป็นรุ่นพี่ ผมเป็นรุ่นน้อง ผมไม่กล้าหรอกครับ” ประชดประชันเข้าไปให้สุด กูไม่ยอมแพ้มึงหรอกไอ้พี่พฤกษ์ มึงชอบพูดจาภาษาดอกไม้แต่แฝงเจตนาร้ายใช่มั้ย ได้
“ที่เราทำอยู่เนี่ย เค้าเรียกว่าไม่กล้าเหรอครับ” มันยังยิ้มหน้าบานแม้ผมจะพูดไม่ดีใส่ ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะไม่ชอบหน้าและกวนตีนรุ่นพี่คนไหนตั้งแต่วันแรกแบบนี้
มันยังยืนเกาะประตูและมองผมอยู่ตรงนั้น
“พี่มาเพราะจะถามแค่นี้เหรอครับ”
“จริงๆแล้วพี่จะมาถามว่า กลับบ้านยังไง”
ฮะ ถามวิธีที่ผมกลับบ้านเนี่ยนะ
“พี่จะไปส่ง” พี่แกตอบพร้อมยิ้มมุมปาก ถ้าหญิงมองคงคิดว่ามีเสน่ห์ แต่ผมมองว่ามันชั่วร้ายมากกว่า
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมกลับเองได้”
“น้องเพชรกล้าปฏิเสธน้ำใจรุ่นพี่หรอครับ”
เดี๋ยวนะ มันกำลังย้อนผมใช่มั้ย
“ไหนเมื่อกี้บอกว่าไม่กล้ากับพี่ไงครับ แล้วปฏิเสธได้ไง”
เชี่ย มันมาไม้นี่เหรอ ยกคำพูดผมมาเป็นข้ออ้างเฉย
“ใช่ ไม่กล้าครับ” ผมตอบเสียงเย็น
“หึหึ” มันหัวเราะในลำคอ “ถ้างั้นก็กลับกับพี่ ตกลงนะ”
นี่ผมพลาดแล้วใช่มั้ย สัส มันจะไปส่งผมทำไมวะ
ผมไม่ตอบแต่เดินไปที่ประตู มันขวางทางไม่ยอมขยับ
“ตกลงนะน้องเพชร” มันย้ำ
“ครับ”
มันเบี่ยงตัวให้ผมออกมาก่อนแล้วค่อยเดินตามมา
ไม่น่าพลาดเลยกู ไอ้โง่เพชรเอ๊ย
กลับมาที่โต๊ะอีกครั้งไอ้นิวก็นั่งนิ่ง เลื่อนโทรศัพท์ขึ้นลง ส่วนไอ้เจมส์ยังตั้งหน้าตั้งตาย่างเนื้อกับหมูต่อ มันเงยหน้าขึ้นมาถาม
“มึงไปห้องน้ำโคตรนานเลย แล้วทำไมกลับมาพร้อมพี่พฤกษ์อะ”
“คุยกันนิดหน่อย”
“โดนพี่เค้าแกล้งอะไรมาป่าววะ หน้าบึ้งเชียว” ไอ้เจมส์ลดเสียงลง แต่ผมตอบเสียงดัง
“เออ เบื่อแม่งชิบหาย”
หันไปมองไอ้พี่พฤกษ์ก็เห็นมันยิ้มพอใจ นี่วันๆจะยิ้มอย่างเดียวเลยใช่มั้ย
“เชี่ยเพชร” ไอ้เจมส์ร้อง
ผมนั่งลงและกินต่ออย่างหงุดหงิด
“ไอ้นิวมึงอิ่มแล้วอ่อวะ”
“เออ รีบแดกไปหน่อย อิ่มละเนี่ย”
“กากว่ะ กูแดกได้อีกยาวๆ”ไอ้เจมส์ว่า คีบหมูชิ้นใหญ่เข้าปาก “พี่พฤกษ์ทำอะไรมึงวะ”
“เปล่าหรอก กูแค่เห็นหน้าพี่มันแล้วคันตีน” ผมขี้เกียจเล่าเรื่องที่คุยกันในห้องน้ำเมื่อกี้ครับ
“ระวังนะมึง ไปกวนตีนพี่เค้า เดี๋ยวจะอยู่ไม่สุข”
“เออ” ไอ้นิวพึมพำเห็นด้วย
ผมยักไหล่
พี่ปี3เริ่มหันมาชวนพวกผมคุย ไอ้เจมส์ที่มนุษยสัมพันธ์ดีกว่าผมหลายขุมคุยกับพี่ๆจนสนิทกันอย่างรวดเร็ว ไอ้นิวตอบเท่าที่ถูกถาม ผมมองว่ามันน่าจะเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง
ส่วนผมน่ะเหรอ เงียบไม่พูดอะไรเลย ไม่ใช่ไม่อยากทำความรู้จักกับรุ่นพี่หรือหยิ่งอะไรหรอกนะ แต่พอเห็นหน้าไอ้พี่พฤกษ์แล้วมันเสียอารมณ์
ถ้าผมเป็นปลากัดคงท้องไปแล้ว เพราะมันยังจ้องหน้าผมลูกเดียว มีปัญหาอะไรกับหน้ากูฟะ
สองทุ่มเศษ พี่แนทกับปี2คนอื่นๆก็เริ่มเดินไปตามโต๊ะปี1 แจ้งกำหนดการเปิดเรียน สิ่งที่ต้องทำ และชวนให้น้องมาเข้ากิจกรรมรับน้องที่กรุ๊ปทุกวันเป็นเวลา1เดือน
ได้เวลาสนุกแล้วสิ ถุย ได้เวลาโดดต่างหาก
จากนั้นพี่ๆก็ปล่อยปีหนึ่งกลับบ้าน
“มึงกลับไงไอ้นิว”
“เดิน จากนี่ข้ามฝั่งไปก็ถึงหอกูละ มึงอะเพชร”
“เอ่อ” ผมอึกอัก เห็นจากหางตาว่าไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มเยาะ มันฟังอยู่สินะ มารยาทดีมากพี่ “แท็กซี่”
“แล้วมึงอะเจมส์” ไอ้นิวหันไปถามไอ้เจมส์ต่อ
“เดี๋ยวพ่อกูมารับที่นี่เลย”
“ลูกแหง่” ผมกัด ไอ้เจมส์โบกหัวผม “ไอ้ห่านี่ไปไหนมีคนที่บ้านมารับทุกวันแหละ”
“อิจฉากูก็บอกเพชร” เออ กูอิจฉามึงจริงๆนั่นแหละ อยากมีคนมารับส่งทุกวัน
“น้องเพชรครับ” ไอ้พี่พฤกษ์เดินมาหาหลังไปร่ำลาคนเกือบทั้งกรุ๊ปมา กูกำลังจะชิ่งมึงไปเรียกแท็กซี่แล้วเชียว
“ว่าไงครับ”
ไอ้พี่พฤกษ์เลิกคิ้วเหมือนกับจะถามว่าลืมที่คุยกันไว้แล้วหรือ
“กลับกันครับ”
ไอ้เจมส์กับไอ้นิวหันมามองอย่างสงสัย
“เดี๋ยวผมกลับเองก็ได้”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ทางเดียวกัน เดี๋ยวพี่ไปส่ง” มึงรู้เหรอว่าบ้านกูอยู่ไหน ยังไม่ได้บอกเลยไอ้พี่พฤกษ์ โกหก
“เนี่ย มึงก็กลับกับพี่เค้าไง” ไอ้เชี่ยเจมส์ เสือกละ
“เห้ย ไม่เป็นไร”
“พี่เค้าอุตส่าห์จะไปส่งนะเว้ย”
“ให้พี่ไปส่งนะครับ” ฟังเสียงมันแล้วขนลุกชิบ
แล้วผมจะทำไงได้
“ก็ได้ครับ...ขอบคุณครับ” ผมกัดฟันพูดคำสุดท้ายออกไป ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มเหี้ยม
“ไปที่รถกัน”
“กูไปละไอ้เจมส์ ไอ้นิว อีกสองวันเจอกันเว้ย”
“เจอกันมึง”

ผมเดินตามไอ้พี่พฤกษ์ไปที่จอดรถด้านข้างร้าน
มันทำแบบนี้เพราะต้องการอะไรวะ เพื่อจะแกล้งผมเหรอ
รถไอ้พี่พฤกษ์คือ volvo สีเงินคันหรูครับ
“นี่รถพี่จริงอ่อ” ผมถามเยาะๆ ตั้งใจกวนประสาทมัน
“ครับ น้องคิดว่าพี่ไปขโมยรถใครมางั้นสิ”
“เปล่าซะหน่อย” ตอบเสียงสูงแม่งเลย
มันกดปลดล็อครถที่กุญแจ
“เชิญครับน้องเพชร”
ถ้ายอมขึ้นรถดีๆก็ไม่ใช่ไอ้เพชรน่ะสิ ผมเดินไปเปิดประตูที่นั่งด้านหลังแล้วขึ้นไปนั่ง
เจ้าของ volvo สตั๊นไป2วินาทีก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“น้องเพชรมานั่งข้างหน้าสิครับ”
“ผมไม่ชอบนั่งข้างหน้าอะ ขอนั่งข้างหลังได้มั้ยครับ”
ผมคิดว่าไอ้พี่พฤกษ์มันต้องอดทนน่าดูที่ไม่ตะบันหน้าผมไปแล้ว
“มานั่งข้างหน้าครับ พี่ไม่ใช่คนขับรถของเรานะ”
“เฮ้อ ก็ได้ครับ”
ผมแกล้งถอนใจ เสียงมันเมื่อกี้ฟังดูหงุดหงิดเล็กน้อย สะใจชะมัด
“คาดเข็มขัดด้วย” มันสั่งต่อเมื่อผมเข้ามานั่งในที่นั่งข้างคนขับแล้ว “บ้านเราอยู่ไหนครับ”
“ผมอยู่คอนโด วิลล่า ราชเทว”ี
“อ้อ”
“พี่รู้จักใช่มั้ย”
“รู้จักครับ แล้วเราอยู่กับใคร”
“คนเดียว”
“เป็นคนต่างจังหวัดเหรอ”
“กรุงเทพ แต่บ้านไกล”
“บ้านอยู่ไหน”
นี่พี่เป็นนิสิตหรือนักข่าววะ ซักฟอกอะไรเยอะแยะ
“พี่จะไปปล้นหรือไง”
“ไม่จำเป็น บ้านมีตังครับ”
ตอบซะกูอยากอาเจียนเลย
“สรุปว่าบ้านอยู่ไหน”
“หนองแขม”
“ก็แค่นั้น”
“พี่ถามไปทำไม”
“อยากรู้”
ไอ้พี่พฤกษ์แสยะยิ้ม ผมตัดสินใจถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยตั้งแต่ก่อนขึ้นรถมา
“ผมถามอะไรอย่างนึงดิครับ”
“ครับ”
“ทำไมพี่ถึงมาส่งผม”
มันไม่ตอบในทันที หน้าตาเหมือนกำลังครุ่นคิดหาคำตอบให้ผมโมโห
ตอนนี้รถติดโคตรๆ ทำให้ผมพึ่งขยับออกมาจากร้านได้ไม่ไกล แม่งเอ๊ย ยิ่งรถติดก็ยิ่งต้องอยู่ในรถไอ้พี่พฤกษ์นานขึ้น
“พี่อยากขอโทษที่แกล้งเราวันนี้ไง”
แต่หน้ามึงไม่ได้แสดงความรู้สึกผิดว่าแกล้งกูเลยนะนั่น โกหกคำโต ไอ้เด็กเลี้ยงแกะ
“น้องเพชรโกรธพี่ พี่เลยอยากไถ่โทษ”
“ใครบอกว่าผมโกรธ”
กูไม่ได้โกรธ แต่กูเกลียดมึงเลยเถอะ
“มองหน้าเราก็รู้แล้ว พี่สั่งให้เต้นทั้งที่เราไม่ชอบ แถมยังแต่งหน้าอีก หรือเราไม่ได้โกรธพี่” มันถามเสียงเริงร่า
“บอกแล้วไงว่าผมไม่กล้าโกรธรุ่นพี่หรอกครับ”
“หึหึ” ไอ้เสียงหัวเราะนั่นอีกแล้ว แม่งโรคจิตดีๆนี่เอง “เอาเถอะ จะโกรธหรือไม่โกรธก็ถือซะว่าพี่ขอโทษแล้วกัน”
ผมไม่ตอบ ไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าพี่มันหมายความตามที่พูดจริงๆ
“ไม่เชื่อล่ะสิ...พี่ไม่แปลกใจหรอก”
ครึ่งทางแล้ว นี่ผม countdown เวลาที่จะอยู่บนรถมันเลยนะเนี่ย แล้วเมื่อกี้แม่งอ่านใจได้เปล่าว่ะ
“แล้วรับ facebook พี่ด้วย พี่เห็นนะว่าเรากดรับเพื่อนที่ร้านลุงโป้”
เชี่ย มึงแม่งโรคจิตตัวจริง เห็นทุกอย่าง ถ้าไม่มีจิตสัมผัสก็ต้องขี้เสือกแน่ๆระดับนี้
“หยิบมือถือขึ้นมาสิครับ”
ผมมองหน้าไอ้พี่พฤกษ์
“พี่สั่งอะไรเราต้องทำนะ นี่เป็นช่วงเวลารับน้องนะครับ”
“แต่ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในเวลากิจกรรมนี่ครับ”
“ตอนนี้ถือว่าอยู่ครับ เพราะงั้นเราต้องทำทุกอย่างที่พี่บอก”
เหตุผลอะไรของมึงเนี่ย แถวบ้านกูเรียกข้ออ้าง
“น้องเพชร” ไอ้พี่พฤกษ์เรียกเสียงดังขึ้นเล็กน้อย เมื่อผมยังนิ่ง
ผมยอมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดรับเพื่อนมันจนได้ และหันหน้าจอให้มันดู
“พอใจยังครับ”
“ดีมาก” ยิ้มหวานเชียวนะมึง
ในที่สุด volvo สีเงินก็มาจอดเทียบหน้าคอนโดผม
ผมสะพายกระเป๋ากับไหล่แล้วเปิดประตูรถ
“ไม่คิดจะขอบคุณกันหน่อยเหรอครับ”
ผมจงใจจะลงจากรถไปเฉยๆแบบนั้น อยากดูปฏิกิริยาไอ้พี่พฤกษ์ ว่าแล้วว่ามันต้องทัก
ผมยกมือขึ้นไหว้มัน แต่ยกขึ้นสูงเหนือหัวเป็นการล้อเลียน
ไอ้พี่พฤกษ์ฉีกยิ้ม
กำลังจะเดินเข้าคอนโดไป เสียงไอ้พี่พฤกษ์ก็ลอยมา
“มาเข้ารับน้องด้วย พี่มีอะไรสนุกๆรอน้องเพชรอยู่เยอะเลย”
ฝันไปเถอะ ผมจะโดดตั้งแต่วันแรกเลยคอยดู
ขึ้นมาถึงห้องผมก็ทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่ม กดรีโมทเปิดทีวีพร้อมหยิบมือถือขึ้นมาเล่น
Notificationจากหลายแอพฯเด้งขึ้นมารัวๆ ผมเลือกอ่านไลน์ไอ้เจมส์ก่อน
‘มึงเห็นรูปตัวเองในfacebookยัง แม่งฮาสัส555555555’
รูปอะไรวะ อย่าบอกนะว่า...
‘รูปเชี่ยไรวะ’ ผมรีบพิมพ์ถามกลับไป
ไอ้เจมส์อ่านทันทีเลยครับ
‘ก็รูปมึงกับพี่พฤกษ์อะ พี่เค้าลง’
ไอ้เหี้ยยยยยยยยย
ผมร้อนรนเปิดwallตัวเองแต่ไม่พบอะไร ไม่มีรูปที่tagมา เอ้า แล้วรูปอยู่ไหน
หรือไอ้พี่พฤกษ์ลงในwallมันเอง
พอผมกดเข้าไปในfacebookมันเท่านั้นแหละ...
พ่องงงงงงงง
มันลงจริงๆด้วย รูปผมกับมันที่มันบอกว่าเก็บภาพประทับใจ สัสเอ๊ย
จะว่าไปผมไม่เห็นหน้าตัวเองตอนนั้นเลย แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วยว่ามันเป็นยังไง แต่นี่เห็นชัดๆเต็มๆเลยครับ
ไอ้พี่พฤกษ์แม่งแต่งหน้าผมเป็นผีจีน มีวงกลมเป็นจุดสีแดงที่แก้มทั้งสองข้าง มึงทำงี้กับกูได้ไง
ผมอยากกระโดดออกจากหน้าต่างห้องลงไปเดี๋ยวนั้น
ตั้งแต่ใช้facebookมา ไม่สิ ตั้งแต่เกิดเลย ผมไม่เคยมีรูปถ่ายบัดซบแบบนี้ แล้วนี่กูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนนนน
‘เห็นยังวะ’ มึงไม่ต้องถามแล้วไอ้เจมส์ กูเห็นแล้วโว้ย
‘เห็นละสัส แม่งแกล้งกูชัดๆ เหี้ย’
‘รูปน่ารักออก55555555’
‘น่ารักบ้านพ่อมึงดิ’
‘โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ แค่คนทั้งคณะเค้าเห็นกันหมดแล้ว’
‘เหี้ยเจมส์ มึงอยากโดนตีนกูอ่อ’
‘55555555’
หงุดหงิดชิบหาย
คือคนกดไลค์รูปไป300กว่าแล้วอะครับ ทั้งที่ไอ้พี่พฤกษ์โพสต์ไปเมื่อ20นาทีก่อน คอมเมนต์จัดไปอีกเกือบ100 ยังงี้ฆ่ากูเลยเหอะ
แม่ง ผมทำอะไรไม่ได้ด้วย เพราะมันลงในwallมันเอง ถ้าสมมติขอให้ลบ คุณคิดว่ามันจะลบให้ผมมั้ย
แน่นอนไม่
หมายความว่าผมต้องอยู่เฉยๆทนดูรูปอุบาทว์ๆของตัวเองอยู่ในsocialต่อไปงั้นเหรอ
ไอ้พี่พฤกษ์ กูจะฆ่าหั่นศพมึง

ผมไปอาบน้ำออกมาก็มีข้อความจาก facebook messenger
‘น้องเพชรเห็นรูปรึยังครับ’
ไม่ต้องสืบเลยว่ามาจากใคร ทักมาจนได้นะไอ้ตัวต้นเหตุ
‘รูปอะไรครับ’
ไม่อยากให้แม่งรู้ว่าผมกำลังดิ้น
‘445555’ รีบพิมพ์ขนาดติดเลข4มาด้วย สัส ‘รูปนี้ไงครับ’
แล้วพี่แกก็ capture ภาพที่ลงแล้วส่งมาให้ดู กูเห็นแล้วโว้ย มึงจะส่งมาอีกเพื่อ
‘ครับ ทำไมหรอครับ’
strongซะอย่าง รูปแค่นี้ทำอะไรกูไม่ได้หรอก (ตัดภาพมาที่ความจริง)
“รูปน่ารักเนอะ น้องเพชรชอบมั้ยครับ’
ชอบก็เหี้ยแล้ว น่ารักกับผีดิ ถามงี้มึงกวนตีนกูอ่อวะไอ้พี่พฤกษ์
‘ชอบครับ น่ารักมาก’
‘ลั่น555555555555555555’
ฟาย กูประชด กูด่ามึงอยู่นะสาด มาลั่นอะไร
‘ชอบก็ดีแล้วครับ ถ้างั้นพี่ขอtagเรานะ’
นั่น กูกำลังจะเสียรู้มึงอีกรอบแล้วใช่มั้ย
‘ไม่ต้องtagมาหรอกพี่ คนดูwallพี่ก็เห็นเหมือนกัน’
คิดว่ามันจะทำตามที่ผมบอกมั้ยล่ะ
‘ไม่ได้ดิ ในรูปมีเพชรด้วย ต้องtagไม่งั้นเสียมารยาทแย่’
มึงจะtagมานั่นแหละเรียกเสียมารยาท ไอ้สัส
‘เอาที่พี่พฤกษ์สบายใจเลยครับ’
‘55555555555’
ชีวิตมึงชักจะมีความสุขมากไปละนะ
‘ตอนแรกไม่กล้า เลยมาขออนุญาตน้องเพชรก่อน แต่เราชอบรูป ให้tagได้พี่ก็สบายใจ’
ผมไม่รู้จะด่าอะไรมันดีแล้ว ผมแพ้มันอีกแล้ว แม่งเอ๊ย
รับ tag ด้วยนะครับ
มันคงเห็นแล้วว่าโพสต์นั่นไม่ได้ขึ้นมาบนwallผมเมื่อมันtag ติดตามกูแบบreal-timeจริงๆ เชดโด้
‘ถ้าผมไม่รับอะ’
‘รับสิครับ น้องเพชรจะกล้าขัดคำสั่งรุ่นพี่ได้ไง เดี๋ยวพี่พฤกษ์ไม่พอใจนะ’
น้ำตาจะไหล วันนี้กูขอฝากไว้ก่อนเหอะ

TBC

โอ๊ย ถ้าจะแกล้งกันขนาดนี้5555 มาดูกันว่าพี่พฤกษ์จะแกล้งอะไรน้องเพชรต่อไปนะ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP4 “พี่หวังดีนะ”

“ไอ้เจมส์มึงจดครบปะวะ”
“ครบดิ ระดับกู โด่”
“เออ เดี๋ยวใกล้สอบกูยืมซีรอก”
“ทำไมมึงไม่หัดจดเองมั่งวะ” เป็นงี้มาตั้งแต่อยู่โรงเรียน”
“กูเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายไง”
“เสมอพ่อมึงอะ ยังมีหน้ามาพูดอีก” ไอ้เจมส์ด่าผมยับ ไอ้นิวที่นั่งฟังเราสองคนเถียงกันก็ได้แต่ขำ
“มึงด่าแล้วเดี๋ยวก็ให้กูยืมอยู่ดี แล้วจะด่าเพื่อ”
“ก็มึงแม่งขี้เกียจไงไอ้เพชร”
“มึงไม่เห็นหรือไงว่าคาบเมื่อกี้กูหลับ เรียนเช้า ง่วงจะตาย”
“มึงไม่ต้องอ้าง จะเช้าหรือบ่ายมึงก็หลับแทบทุกคาบ ควาย”
วิชาแคลคูลัส คาบเรียนแรกในชีวิตมหาวิทยาลัยของผมพึ่งผ่านไปสดๆร้อนๆนี่เองครับ เริ่มเรียนแปดโมงเช้า กว่าผมจะมาถึงห้องเรียนก็แปดโมงสี่สิบเข้าไปแล้ว แถมนั่งไปยังไม่ทันไรก็ฟุบหลับ ตื่นมาอีกทีเห็นไอ้เจมส์กับไอ้นิวจดอะไรใส่สมุดได้หลายหน้า
“เออ กูยอมมึงไอ้เจมส์ กูไม่เถียง” ผมยกมือขึ้นยอมแพ้
“สัส ขอด่าหน่อย” แล้วมันกับผมก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ไอ้เจมส์มันก็เป็นแบบนี้แหละครับ ขอให้ได้ด่าก่อน สุดท้ายมันก็ช่วยผมอยู่ดี
“วิชาต่อไปเรียนไรวะ” ผมถาม
“พื้นฐานธุรกิจ” ไอ้นิวตอบ
“ฟังชื่อวิชาก็น่าเบื่อละ โดดไปเดินเล่นกันมั้ย”
“โดดก็เหี้ย เข้าไปดูทรงก่อนมั้ย” ไอ้เจมส์สวนทันที
“เออ แล้วเย็นนี้เลิกเรียนก็ต้องเข้ากิจกรรมที่กรุ๊ปต่ออีก พวกมึงจะเข้ากันปะ” ไอ้นิวถาม
“เข้าดิ”
“ไม่เข้าว่ะ”
“มึงนี่จะโดดทุกอย่างเลยอ่อวะเพชร” ไอ้นิวถามกลั้วหัวเราะ
“รับน้องน่าเบื่อจะตาย กูกลับคอนโดไปนอนยังดีกว่า”
“อย่าไปชวนมันเลยไอ้นิว เชี่ยนี่ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมอะไรกับใครเค้าอยู่ละ เดี๋ยวมึงไปกับกูก็ได้ หรือมึงจะโดดอีกคน”
“ถ้ามึงเข้ากูก็เข้า กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรบ้าง...ไม่เข้าด้วยกันหรอวะเพชร อาจจะสนุกก็ได้นะเว้ย”
“ไม่อะ กูขอบาย”
“อย่าไปสนแม่งเลย อินดี้ชิบหาย...กูหิวแล้วว่ะ แดกข้าวกัน”
“นี่ยังไม่เที่ยงเลยนะ” ผมบอก
“แดกเหอะน่า กูหิวละ” แล้วไอ้เจมส์ก็ลากคอผมกับไอ้นิวลุกจากโต๊ะม้าหินหน้าอาคารเรียนของคณะ เดินไปยังโรงอาหาร
“มึงไม่ได้กินข้าวเช้าแล้วไม่หิวหรอวะ” ไอ้นิวถามผม
“ไม่อะ กูตื่นสายจนชินแล้ว แดกมื้อแรกตอนเที่ยงบ่อยๆ”
มีร้านอาหารอยู่หลายร้าน และแทบจะครบทุกประเภทของอาหารเลย พวกผมตัดสินใจไปยืนต่อแถวร้านก๋วยเตี๋ยวครับ
“เธอๆ”
อยู่ๆก็มีคนมาสะกิดไหล่ ผมหันไปหา
นี่มันปีหนึ่งเหมือนกันนี่นา ผมจำหน้าได้จากคาบเรียนเมื่อสักครู่
“ว่าไง”
“เพชรใช่ปะ”
“ครับ”
“คือ...เพื่อนเราอยากขอไลน์ ได้มั้ย” ผมยิ้มออกมา
“คนไหนเหรอ”
ผู้หญิงคนนั้นชี้ไปที่เพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ไกลจากร้านก๋วยเตี๋ยวนัก ผมมองตาม สวยใช้ได้นะครับ หุ่นก็เอ็กซ์อยู่ เธอส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มมาให้
“เอาดิ”
ผมตอบอย่างใจง่าย รับโทรศัพท์มือถือของแม่สื่อมาพิมพ์ไลน์ไอดี แม่สื่อเดินกลับไปที่โต๊ะของเธออย่างรวดเร็ว
“เอาอีกแล้วนะพ่อคาสโนว่า” ไอ้เจมส์ล้อ
“คนมันหล่อว่ะ ทำไงได้”
“หญิงโออยู่นิ”
“ตาไวพอกับกูเลยนะไอ้เจมส์”
“เออดิ ไม่งั้นกูไม่ให้หรอก”
เพื่อนผมสองคนหัวเราะ
“ไม่เห็นมีหญิงมาขอไลน์กูมั่งเลย น่าอิจฉาไอ้เพชรว่ะ” ไอ้นิวบอก
“สงสัยเราสองคนต้องกอดคอกันไปขอไลน์หญิงเองแล้วว่ะไอ้นิว” ไอ้เจมส์ทำท่าเดินกอดคอไอ้นิวนำไปที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง
“เว่อร์ไปสัส มึงก็เคยมีผู้หญิงมาขอเบอร์ตั้งหลายคน”
“น้อยกว่ามึงแน่ๆ”
ไอ้เจมส์มันเป็นคู่หูสายหล่อกับผมที่โรงเรียนเลยนะครับ แต่หล่อน้อยกว่าผมนิดนึง อิอิ มีไอ้นิวมาเพิ่มอีกคน ผมอยากจะตั้งชื่อกลุ่มว่าสามหล่อเสียจริงๆ เพราะไอ้นิวมันก็อปป้าของติ่งเกาหลีดีๆนี่เอง
“พี่ชายมึงมาละเชี่ยเพชร”
ไอ้รุ่นพี่ที่ผมเคารพรักและนับถือที่สุด(ถุย)เดินมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนที่นั่งโต๊ะเดียวกันที่ร้านลุงโป้เมื่อสามวันก่อน พวกพี่แกไปหยุดยืนต่อแถวร้านข้าวมันไก่
ทั้งๆที่พึ่งเจอกันแค่ครั้งเดียว ไอ้พี่พฤกษ์มันก็ทำให้ผมเหม็นขี้หน้าด้วยการกลั่นแกล้งระดับสิบ ผมไม่เคยอับอายในที่สาธารณะมาก่อน ทั้งในโลกความเป็นจริงและโลกออกไลน์ แหม่ คนดีที่โลกรอจริงๆมัน
“กูไม่นับญาติกับพี่มันโว้ย” ผมหน้าบูด
“รูปมึงกับพี่พฤกษ์ห้าพันไลค์แล้วนะเว้ย แชร์อีกพันกว่า นี่ไง” ไอ้เจมส์หยิบมือถือขึ้นมาเปิดรูปนั้นให้ผมดู น่าอายชิบหาย
“สัส กูไม่ดู มึงเอารูปไปไกลๆลูกตากูเลย”
ไอ้เจมส์กับไอ้นิวหัวเราะก๊าก
“แม่งโคตรฮาเลย ป่านนี้คนทั้งมหาลัยเค้ารู้จักมึงกันหมดแล้วมั้ง”
“เหี้ยเอ๊ย”
“จริงๆกูอยากให้พี่เค้าแกล้งมึงอีกว่ะเพชร น่าจะสนุก”
“มึงหนุกไปคนเดียวนะไอ้เจมส์...พอละพวกมึง หยุดขำได้ละ” ผมโบกหัวทั้งสองคน แม่งดูรูปผมแล้วฮากันไม่ยอมหยุดสักที
ผมเงยหน้าจากชามก๋วยเตี๋ยวต้มยำของตัวเองขึ้นมาก็สบตาเข้ากับไอ้พี่พฤกษ์พอดี พอมันเห็นผมก็ยิ้มแย้มอย่างน่าถีบ ผมเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างหงุดหงิด
อย่ามายุ่งกับกูเลยครับ
ไอ้ห่าพี่พฤกษ์เดินตรงมาที่โต๊ะพวกผมจนได้ ไอ้เจมส์ไอ้นิวกลั้นหัวเราะสุดชีวิตแล้วยกมือไหว้พี่มัน ส่วนผมทำเป็นไม่เห็น
“หวัดดีครับน้องๆ เป็นไง เริ่มเรียนไปยัง”
“เรียนแคลไปเมื่อเช้าพี่ จารย์สอนโคตรเร็วเลย จดแทบไม่ทัน” ไอ้เจมส์ตอบ
“แคลอ่อ ยาก พี่ก็ไม่ชอบเหมือนกัน”
“แล้วพี่พฤกษ์ล่ะ เรียนรึยัง”
“เรียนละ มาสายด้วย” ไอ้พี่พฤกษ์พูดขำๆ “งั้นเดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ เย็นนี้อย่าลืมมาเข้ากรุ๊ปล่ะ” พี่มันชำเลืองมาที่ผม
“คร้าบ” ไอ้เจมส์ ไอ้นิวตอบ
“น้องเพชรก็มาด้วยนะครับ” พูดพร้อมยิ้มมุมปาก ห่า กูอุตส่าห์ทำเป็นไม่สนใจมึงแล้วนะ ยังทักกูจนได้
ไอ้พี่พฤกษ์เดินกลับไปหาเพื่อนๆมัน
“มึงนี่นะ ไม่คุยกับพี่เค้าเลย” ไอ้เจมส์ต่อว่าผมทันที
“มึงดูที่มันแกล้งกูดิ น่าคุยด้วยอ่อวะ”
“ยิ่งมึงเป็นงี้ พี่เค้ายิ่งแกล้งมึงหนักขึ้นแน่ๆ”
“มันจะทำอะไรกูได้ ถ้ากูไม่เข้ากิจกรรมซะอย่าง”
ไอ้เจมส์ส่ายหัวเหนื่อยใจ

คาบพื้นฐานธุรกิจหลังพักเที่ยงสนุกดีครับ ตอนแรกผมคิดว่าเลกเชอร์จะน่าเบื่อ ทำนองอาจารย์พูดตามหนังสือไป นิสิตก็มีหน้าที่จดตาม แต่กลายเป็นว่าอาจารย์ยก case study มาสอนแล้วสอดแทรกเนื้อหาวิชาลงไป แถมตัวอาจารย์ยังปล่อยมุกมาทุกๆห้านาที เรียนเพลินจนหมดเวลาเลยครับ
เมื่ออาจารย์ประกาศเลิกชั้นเรียน ผมบอกลาเพื่อน
“กูไปละนะพวกมึง เจอกันพรุ่งนี้เว้ย”
“มึงจะโดดจริงๆใช่มั้ยเนี่ย”
“เออ บอกแล้วว่ากูเสมอต้นเสมอปลายเว้ยเจมส์”
“เออๆ เรื่องของมึง”
“ไม่เข้ากรุ๊ปกับพวกกูจริงอ่อว้า” ไอ้นิวเซ้าซี้ผมอีก
“ไม่เอาอะ กูไปละ บายมึง”
ผมสำรวจหน้าตาตัวเองกับโทรศัพท์มือถือก่อนจะแบกเป้เดินออกจากห้องเรียนไป
จากคณะผมเดินไม่ไกลก็ไปถึงรถไฟฟ้า จริงๆมีรถโดยสารภายในมหาวิทยาลัยและบริเวณโดยรอบให้ใช้บริการฟรี แต่ผมตัดสินใจเดิน จะได้ออกกำลังกายด้วย
แต่ไปได้ยังไม่ทันพ้นบริเวณคณะตัวเองก็เจอคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้
ไอ้พี่พฤกษ์
โอ๊ย ทำไมผมต้องมาเจอมันด้วยนะ
ผมเบี่ยงตัวแล้วจ้ำออกไปอีกทางอย่างรวดเร็ว แต่มันปราดเข้ามาหาผมแล้วยืนขวางไว้ เมื่อกี้มันไม่ได้วิ่งไม่ใช่อ่อวะ ทำไมเร็วชิบหาย นี่คนหรือเสือชีต้า
“น้องเพชรจะไปไหน”
เสียงนุ่มๆกับยิ้มชั่วร้ายถาม
“กลับบ้านไงครับ” ผมตอบตามจริงอย่างไม่เกรงกลัว
“แล้วเราไม่เข้ากรุ๊ปหรอครับ”
“ผมก็บอกอยู่นี่ไงครับว่าจะกลับบ้าน”
“พี่ไม่ได้บอกเราเมื่อตอนเที่ยงให้เข้ากิจกรรมเหรอ”
“บอกครับ...แล้วไง”
ผมไม่สะทกท้าน จ้องหน้าไอ้พี่พฤกษ์ แต่มันกลับยิ้มกว้างขึ้น
“จะให้พี่พูดอีกกี่รอบว่ารุ่นน้องต้องทำตามรุ่นพี่ ไม่ขัดคำสั่ง”
“ถ้าผมไม่ทำตามล่ะ พี่จะทำอะไร”
ครั้งนี้กูไม่มีทางยอมมึงแน่ๆไอ้พี่พฤกษ์
“น้องเพชร พี่พูดกับเราดีๆนะครับ ไปเข้ากรุ๊ปกับพี่” ผมเดาว่ามันหัวเสียขึ้นมาบ้างแล้วแต่ยังรักษาสีหน้ากับน้ำเสียงให้ยิ้มแย้มได้เป็นปกติ เรื่องอะไรผมจะเสียโอกาสยั่วโมโหมันล่ะ
“ไม่ ทำไมผมต้องเชื่อพี่ด้วย...วันนั้นที่ยอมก็เพราะเห็นว่าเป็นวันแรก ผมไม่อยากให้เป็นเรื่อง”
“พูดงี้หมายความว่าวันนี้อยากให้มีเรื่องสินะครับ”
“พี่ก็น่าจะเข้าใจนะว่าผมหมายความว่าไง” หน้ามันกระตุกเล็กน้อย เหยด สะใจดีนัก
“น้องเพชร”
“ครับพี่พฤกษ์” เอาดิ กูกับมึงต้องตายกันไปข้างหนึ่ง
“เราคิดมั้ยว่าทำไมเพื่อนๆเค้าถึงไปเข้ากิจกรรมได้ แล้วทำไมเราไม่เข้า”
“คิดให้เสียเวลาทำไม ผมไม่อยากเข้าก็ไม่เข้า” ผมไม่ได้คิดอย่างที่พูดจริงๆหรอกนะครับ แค่อยากเอาชนะมันเฉยๆ
“แบบนี้เค้าเรียกว่าเอาเปรียบเพื่อนรู้มั้ย”
“เอาเปรียบยังไง ขาดผมไปแล้วเพื่อนลำบากอ่อ แค่กิจกรรมรับน้องไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย...แบบที่พี่ทำอยู่เค้าเรียกว่าบังคับขืนใจรู้มั้ย” ผมย้อน เห็นแววตาพี่มันแข็งกร้าวขึ้น
“ไปกับพี่” มันไม่มีเหตุผลมาเถียงผมอีกแล้ว
“ไม่” ถ้ามันตั๊นหน้าผมตอนนี้จะไม่แปลกใจเลยสักนิด
“ได้” แล้วไอ้พี่พฤกษ์ก็จับข้อมือผมแน่นก่อนจะลากไปทั้งอย่างนั้น
“เห้ย ปล่อย” ผมโวยวาย พยายามสะบัดข้อมือให้หลุดแต่ไม่สำเร็จ มันแรงเยอะมากครับ นี่กินกระทิงแดงมารึไง
“พี่พูดกับเราดีๆแล้วไม่เชื่อนะ”
“พี่ไม่มีเหตุผลเลย ถ้าน้องปีหนึ่งมีธุระสำคัญหรือเรื่องที่ต้องรีบไปพี่ก็ยังจะบังคับให้เข้ากรุ๊ปแบบนี้หรอครับ”
“เรามีธุระอะไร ไหนบอกว่าจะกลับบ้าน”
“ธุระที่บ้านไงครับ”
“เราอยู่คอนโดคนเดียวไม่ใช่รึไง ธุระอะไร”
“ธุระส่วนตัวครับ ไม่จำเป็นต้องบอกพี่” ผมยังยั่วอารมณ์มันไปตลอดทาง
“อย่ามาโกหกเลย พี่ไม่เชื่อ”
“ปล่อยดิพี่” ผมตะคอก
มันยังเดินไปเรื่อยๆ
“น้องเพชร พี่อยากให้เรารู้จักกับเพื่อนๆพี่ๆ อยู่มหาลัยแล้วสังคมมันกว้างนะครับ มันไม่เหมือนอยู่โรงเรียนที่เรียนเสร็จแล้วก็กลับบ้าน...ไม่ลองมาเข้ากิจกรรมแล้วจะพลาดอะไรหลายอย่างเลยนะ” เสียงไอ้พี่พฤกษ์คราวนี้ฟังดูอ่อนโยนลง เฮอะ แกล้งทำแน่ๆ จริงๆมึงแค่อยากแกล้งกูเท่านั้นแหละ ไม่ต้องมาสั่งสอน
“พี่หวังดีนะ”
เดินมาใกล้ถึงกรุ๊ป ไอ้พี่พฤกษ์ก็ดึงผมมากอดคอ นี่มึงสนิทกับกูอ่อวะ
“อ้าวพี่พฤกษ์ น้องเพชร” พี่แนท พี่รหัสผมและโฆษกประจำกรุ๊ป4 เห็นพวกเราเป็นคนแรก พี่แกกำลังถือโทรโข่งเตรียมจะพูด “มาด้วยกันได้ไงเนี่ย มาเร็วเพชร เพื่อนๆรออยู่ กำลังจะเริ่มกิจกรรมกันละ”
ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มตาหยีให้ก่อนจะปล่อยผมไปรวมกับปีหนึ่งคนอื่นๆ ผมเดินไปนั่งข้างไอ้เจมส์ไอ้นิวอย่างเซ็งๆ
“เป็นไงมาไงถึงมาได้วะ” ไอ้เจมส์ยิงคำถาม
“เจอไอ้พี่พฤกษ์หน้าคณะ แม่งลากกูมา”
“สม” ผมโบกหัวไอ้เจมส์อย่างหมั่นไส้
“ดีแล้ว มาอยู่ด้วยกัน เดี๋ยวกูเหงา” ไอ้นิวตบไหล่ผม ผมส่ายหัวเอือมระอา
“เอาล่ะค่ะ วันนี้เราจะให้น้องปีหนึ่งรู้จักเพื่อนๆและรุ่นพี่ให้มากขึ้นด้วยเกม เกมนี้ก็คือ เกมจำชื่อค่าาา”
น่าสนุกจังเลย ว้าว(เฮ้อ)
อย่าว่าแต่จำชื่อเลย หน้าคนผมยังจำไม่ค่อยจะได้ ถ้ามีบทลงโทษคนแพ้มีหวังผมโดนอีกแหงๆ
“เดี๋ยวก่อนเล่นให้ปีหนึ่งทุกคนมองหน้ากัน หันป้ายชื่อให้เพื่อนเห็นด้วยนะ ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีมากที่จะขอcontactกันนะคะ ถูกใจใครก็ขอมันซะตอนนี้เลย” หลายคนส่งเสียงโห่ฮา ผมมองไปรอบๆ จำหน้าเพื่อนคนอื่นในกรุ๊ปนอกจากไอ้เจมส์กับไอ้นิวได้แค่ห้าหกคน ที่เหลือผมรู้สึกว่าไม่คุ้นเลยสักนิด ผมพยายามมองหน้า ดูป้ายชื่อ แล้วจำในเวลาอันสั้น
“โอเค ต่อไปน้องๆก็ต้องจำรุ่นพี่ให้ได้ด้วย ไล่มาจากพี่ช้างเลยค่ะ เอ้า รุ่นพี่ทุกคนเชิญแนะนำตัว...”
หลังจากพี่ช้าง พี่จ๊ะจ๋า พี่ทรายที่ยืนต่อกัน ผมก็จำใครไม่ได้อีกเลย เชี่ย ใครมันจะไปจำได้หมดวะ
“ทีนี้มาถึงเกมแล้วนะคะ เดี๋ยวพี่จะสุ่มหยิบชื่อน้องขึ้นมา” พี่แนทหยิบกล่องใส่ลูกปิงปองที่เขียนชื่อเด็กปีหนึ่งกรุ๊ป4มาถือ “แล้วพี่จะชี้เพื่อนหรือรุ่นพี่รวม5คน ต้องตอบให้ได้ เอาแค่ชื่อพอ สาขายังไม่ต้องตอบ พี่ใจดีลดให้เลยนะเนี่ย...คนที่ตอบถูกทั้ง5คนจะได้รางวัล ส่วนคนที่ตอบผิดมากที่สุดจะถูกลงโทษนา”
สาบานว่ากติกานั่นใจดีแล้วหรอพี่แนท ผมยังจำไม่ได้โว้ย
ภาวนาแค่อย่าให้พี่แนทหยิบลูกปิงปองได้ชื่อผมก็แล้วกัน
ศพแรกผ่านไป ศพสอง ศพสามค่อยๆผ่านไป...เอ้อ เพลงนี้มันเข้ามาในหัวผมจริงๆนะ โคตรลุ้นว่าใครจะถูกพี่แนทเรียก ไอ้เกมนี้มันตั้งใจแกล้งปีหนึ่งแน่นอน ผู้โชคดีสามคนแรกไม่มีใครตอบถูกครบ5คนเลย แย่สุดคือตอบชื่อถูกแค่สองคนเท่านั้น
คนที่สี่โดนไอ้นิวเข้าให้ครับ ผมกับไอ้เจมส์หัวเราะชุดใหญ่ มันลุกขึ้นยืนนิ่งๆเหมือนคิดว่าเกมนี้ง่ายๆ
แล้วมันก็ทำให้คนทั้งกรุ๊ปอึ้ง เพราะมันตอบชื่อแถมชั้นปีและสาขาของรุ่นพี่ที่พี่แนทสุ่มได้ถูกต้องทั้งห้าคน (พี่เค้าให้ตอบแค่ชื่อโว้ย)
“เชี่ยยย” ผมอุทาน
“มึงจำได้ไงวะนั่น” ไอ้เจมส์พึมพำ
ไอ้นิวหันมายิ้มน้อยๆ สมองมึงแม่งแรมคอมพิวเตอร์ชัดๆ
ทุกคนหน้าเหวอกันหมด พอพี่แนทหายอึ้งก็พูดต่อ
“เก่งมากน้องนิว น้องกินอะไรเป็นอาหารเนี่ย พี่จะได้กินมั่ง...เดี๋ยวก่อนกลับมารับของรางวัลนะคะ”
หลังไอ้นิวพี่แนทก็เรียกอีกสองคน ไม่ได้เรื่องอีกตามเคย
“อะ คนสุดท้ายของวันนี้แล้วค่ะ...ว้าย น้องเพชร น้องรหัสพี่เอง ลุกเลยๆ”
ชิบหาย กูอีกแล้วอ่อ ทำไมต้องกูวะ เหี้ยยย
ไอ้เจมส์ขำจนเสียสติไปแล้ว
ผมลุกขึ้นอย่างยอมรับในชะตากรรม
“เริ่มถามคนหล่อด้วยคนสวยดีกว่า คนนี้ชื่ออะไรเอ่ย” พี่แนทชี้ไปที่พี่เอ๋ย เห้ย ให้มันได้ยังงี้สิ ผมค่อยยิ้มออกหน่อย
“พี่เอ๋ยครับ” เจ้าของชื่อส่งยิ้มมาให้ผม
“ถูกกก เก่งมาก คนต่อไป…”
“เอ่อ...พี่มิวครับ”
“ม่ายช่าย พี่มิวอยู่นู่น พี่ชื่อเชอร์รี่ต่างหาก”
แล้วผมก็ตอบไม่ถูกเลยสักคนหลังจากพี่เอ๋ย ห่าเอ๊ยยย
“สรุปคะแนน ผู้ชนะคือน้องนิว ส่วนผู้แพ้คือน้องเพชรค่าาา”
ผมหน้าบูด ไอ้นิวหันมายักคิ้วหลิ่วตากวนส้นตีนใส่
“ก่อนจะบอกบทลงโทษของน้องเพชร พี่มีการบ้านให้ปีหนึ่งทุกคนเพื่อให้จำเพื่อนๆพี่ๆได้มากขึ้นค่ะ อะ ทุกคนช่วยกันแจกสมุดให้น้องๆหน่อย…”
ผมรับสมุดสีแดงเล่มเล็กจากพี่ปี2 หน้าปกเขียนว่ากรุ๊ป4และมีช่องว่างให้ใส่ชื่อ
“ให้น้องๆไปล่ารายเซ็นจากรุ่นพี่ปี2-4กรุ๊ปเรา ปีละ10คน ก่อนรุ่นพี่จะเซ็นให้ก็จะมีmissionให้น้องๆทำ แต่ละคนสั่งไม่เหมือนกันนะจ๊ะ”
เอ่อ ผมต้องไปตามหารุ่นพี่30คนมาเขียนสมุดให้เนี่ยนะ
“นอกจากรุ่นพี่แล้ว เพื่อนรุ่นเดียวกันด้วย น้องต้องให้เพื่อนปีหนึ่งเซ็นสมุดให้ครบทุกคนในกรุ๊ปนะคะ”
ให้ปีหนึ่งด้วยกันเซ็น โด่ เย็นนี้ก็เสร็จแล้ว (ประชด)
“อีกสามสัปดาห์เอามาส่งนะคะ ใครไม่ส่งเจอดีแน่ หึหึ”
ผมส่งพรุ่งนี้เช้าเลยได้มั้ยพี่แนท ถุ้ย
“อ้อ พี่เกือบลืมบทลงโทษของน้องเพชรไป...สมุดของเราต้องมีลายเซ็นพี่ปี2-4ปีละ20คนนะจ๊ะ”
ห่า ลำพังปีละ10คนผมยังไม่รู้จะทำเสร็จหรือเปล่า จำนวนที่เพิ่มมานี่ไม่ต้องพูดถึงเล้ย
“เออ พี่ปี3กับ4กรุ๊ปเราเนี่ยหาตัวยากหน่อย น้องๆต้องสู้นะ”
ไอ้พี่พฤกษ์มองผมอย่างมีความหมาย
ถึงกูต้องหารุ่นพี่มากกว่าคนอื่นสองเท่าก็เถอะ แต่ให้ตายยังไงก็ไม่เอาสมุดไปให้มึงเซ็นแน่

TBC

แหม่ ไม่ปล่อยให้เพชรหนีไปไหนได้เลยนะพี่พฤกษ์ คิดอะไรกับน้องรึเปล่าเนี่ย

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP5 “เวลาเราไม่ดื้อนี่ก็น่ารักดีนะครับ”

จากวันเปิดเทอม ผมก็ถูกลากเข้ากรุ๊ปหลังเลิกเรียนติดต่อกันมา3วันแล้ว ไม่ใช่ไอ้เจมส์หรือไอ้นิวหรอกนะครับ แต่เป็นไอ้พี่พฤกษ์ผู้ประกาศตนว่าหวังดีที่เป็นคนลากผม
มันมายืนอยู่หน้าประตูห้องเรียนคาบบ่ายของเด็กปีหนึ่งพร้อมเชิญชวน(บังคับ)ให้น้องๆกรุ๊ป4ไปเข้ากิจกรรมรับน้อง แล้วผมจะทำไงได้ ได้แต่เดินตามเพื่อนอีกสองคนไปอย่างเซ็งๆ
และเมื่อผมบังเอิญสบตากับไอ้พี่พฤกษ์ ผมจะเห็นรอยยิ้มและแววตาแสดงความสะใจของมันทุกครั้ง
มึงมีความสุขบนความทุกข์ของรุ่นน้องเนี่ยนะ เจริญเถอะ
วันพฤหัสบดีที่ผมรอคอยมาถึง วันนี้มีเรียนแค่ช่วงเช้า หมายความว่าผมจะหายตัวไปจากคณะได้ตั้งแต่เลิกคลาส ไม่มีโอกาสถูกเรียกไปเข้ากรุ๊ปตอนเย็น
“บ่ายนี้ไปตีดอทกันมั้ยพวกมึง” ผมชวนเพื่อน
“เออ เอาดิ เล่นไหนวะ” ไอ้เจมส์ถามกลับ
“ร้านเกมส์หลังม.ไง มีตั้งเยอะแยะ”
“ไปหอกูหรือคอนโดมึงมั้ยเพชร เราก็มีคอม จะเสียเงินทำไมวะ” ไอ้นิวทำท่าฉงน
“โด่ มึงไม่รู้อะไร เล่นที่ร้านกับที่บ้านมันคนละฟีลโว้ย” ผมบอก
“เออ เรื่องนี้กูเห็นด้วยกับเชี่ยเพชร เล่นที่ร้านแม่งมันกว่าเยอะ” ไอ้เจมส์พยักหน้าสนับสนุน
“เออ ก็ได้”
“เล่นถึงสี่โมงนะ เดี๋ยวต้องกลับมาเข้ากรุ๊ปต่อ”
“เออๆ”
“เชิญพวกมึงสองคนกลับมาเลยครับ กูกลับบ้านดีกว่า เข้าทุกวัน เบื่อชิบหาย”
“สนุกจะตาย” ไอ้เจมส์แย้ง
“นั่นดิ มึงยังไม่ชินอีกอ่อ กูนึกว่ามึงจะเลิกโดดกรุ๊ปมาเข้าทุกวันแล้วนะเนี่ย” ไอ้นิวพูด
หลังเลิกเรียนคาบเช้า สามหล่อเดินออกจากคณะมุ่งตรงไปยังซอยเล็กๆหลังมหาวิทยาลัย ไอ้เจมส์เลือกร้านที่ใหญ่ที่สุดและมีคนมาเล่นเยอะที่สุด เพื่อให้ได้บรรยากาศอย่างแท้จริงครับ โอ้โหโรบินสัน
“ไอ้เพชรมึงไปหาคนมาดิ๊ ยังไม่ครบทีมเลย” ไอ้เจมส์สั่ง
“เออว่ะ...แต่จะมีใครมาเล่นคนเดียววะ เค้าก็มากันเป็นกลุ่มทั้งนั้น”
“มันต้องมีคนเป็นเศษบ้างแหละน่า” ไอ้เจมส์ตอบอย่างรำคาญ นั่งลงหน้าคอมไม่สนใจผม ไอ้กัลยาณมิตรเอ๊ย
“เดี๋ยวๆ มึงหมายถึงหาคนในร้านมาจอยทีมเราอะนะ” ไอ้นิวขัด
“ก็เออดิ”
“หาในเกมก็ได้นิ”
“ไม่ได้เว้ย ต้องเจอตัวเป็นๆ จะได้นัดแนะกัน”
“ขนาดนั้นเลยอ่อวะ” ไอ้นิวหัวเราะ
“มึงนี่ไม่รู้เรื่องเลยนะไอ้นิว” ผมส่ายหัว ตบไหล่มันด้วยท่าทางเหมือนคนรู้อะไรมากกว่า
“พวกมึงเข้าเกมเร็วๆเลย อย่ามัวแต่คุยกัน เวลาเป็นเงินเป็นทองโว้ย” ไอ้เจมส์ร้องบอก
“หาทีมอยู่อ่อน้อง”
ผมยังไม่ทันตามหาสมาชิกมาร่วมทีมดอทเอ รุ่นพี่ปี3กรุ๊ปผมก็ปรากฏตัวขึ้น นั่นมันเพื่อนไอ้พี่พฤกษ์นี่หว่า
“อ้าวเห้ย หวัดดีครับพี่เกี้ยง” ไอ้เจมส์ทัก
“หวัดดีครับ” ผมกับไอ้นิวยกมือไหว้ตาม พี่แกชื่อเกี้ยงเหรอวะ ทำไมผมไม่เห็นจะจำได้เลย ดีนะตอนนี้ไม่ได้กำลังเล่นเกมจำชื่ออยู่
“หวัดดีน้อง มาเล่นเกมเหมือนกันเหรอ”
“ครับ พี่เกี้ยงมีทีมยัง จอยมั้ย”
“ยัง ขอเล่นด้วยดิ”
“โห ดีเลยพี่ พวกผมขาดคนนึงพอดี นั่งเลยครับ…” ไอ้เจมส์ตบที่นั่งข้างมัน เจอรุ่นพี่แล้วมึงดูดีใจเนอะ ผมมองไปรอบๆร้าน หวังว่าจะไม่เจอไอ้พี่พฤกษ์ อุตส่าห์หลบออกมาซะขนาดนี้ ไม่งั้นมันต้องเรียกผมไปกรุ๊ปตอนเย็นแน่
“พี่เกี้ยงมาคนเดียวหรอครับ” ไอ้นิวถามบ้าง
“พี่มากับเพื่อนวิศวะ แต่พวกมันคนเต็มแล้วเลยผลัดกันเล่น...เออ เดี๋ยวพี่เดินไปบอกพวกมันแปบนึงว่ามาเล่นกับน้อง”
ดีไป ไอ้พี่พฤกษ์ไม่ได้มาด้วย
พี่เกี้ยงเดินกลับไปทางนิสิตที่สวมเสื้อช้อปกลุ่มใหญ่ที่กำลังโหวกเหวกเสียงดังอยู่กลางร้าน
“ไอ้นิวปกติมึงเล่นอะไร” ผมถาม
“ซัพพอร์ต”
“เออดี กูกับไอ้เพชรถนัดบวกอย่างเดียวทั้งคู่ เพื่อนพวกกูที่โรงเรียนก็ไม่ค่อยมีใครสายซัพพอร์ต” ไอ้เจมส์พูด ทำท่าลิงโลด
“มาๆ…” พี่เกี้ยงกลับมานั่งประจำที่ข้างไอ้เจมส์ สามหล่อและพี่เกี้ยงเริ่มปฏิบัติการแล้วครับ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผม ไอ้เจมส์ และพี่เกี้ยงตะโกนใส่กันลั่นร้าน ช่วยกันให้ทีมชนะ ไอ้นิวแม้จะไม่ได้แหกปากอย่างพวกเรา แต่ก็ตื่นตัวกับเกมไม่แพ้กัน
ปรากฏว่าจตุรเทพดอทเอแห่งกรุ๊ป4ชนะทุกตาที่เล่นเลยครับ
“โหหห พี่แม่งโคตรเทพอะ” ไอ้เจมส์ลากเสียงยาว มองพี่เกี้ยงอย่างเลื่อมใส
“จริง พี่แม่งสุดว่ะ” ผมพึมพำเห็นด้วย ไม่คิดว่าจะเจอเซียนเป็นรุ่นพี่ในคณะแสนเนิร์ดแบบนี้
“ต่ออีกตาๆ” พี่เกี้ยงยิ้มหน้าบาน ชักชวนให้เล่นต่อ ไอ้เจมส์กับไอ้นิวพยักหน้าแข็งขัน
“เดี๋ยวผมต้องไปแล้วอะ ไว้เล่นกันใหม่คราวหน้านะพี่” ผมบอก
“ไรว้า กำลังสนุกเลย รีบไปไหนวะเพชร เดี๋ยวเล่นอีกแปบเดียวก็ต้องไปเข้ากรุ๊ปละ”
“วันนี้ผมไปไม่ได้พี่ ติดธุระน่ะครับ ไปก่อนนะครับ...กูไปก่อนพวกมึง” คำหลังผมหันไปบอกเพื่อนสองคน ทิ้งมันให้ไปเข้ากรุ๊ปกับพี่เกี้ยงแล้วกัน
“เออๆ”
“เออมึง เจอกันพรุ่งนี้เว้ย”
ผมสะพายกระเป๋า หันไปไหว้พี่เกี้ยงและเดินออกจากร้าน
จริงๆผมไม่มีธุระอะไรหรอกครับ แต่ขืนอยู่เล่นต่อถึงสี่โมงมีหวังโดนพี่เกี้ยงพาไปเข้ากรุ๊ปแน่
ผมเดินผ่านซอยหลังมหาวิทยาลัยทะลุออกไปอีกซอยหนึ่งที่จะผ่านไปสยามได้ วันนี้ได้โดดสมใจแล้ว ไปเดินเล่นดีกว่า อิอิ
ผมเดินมาถึงห้าง square one ไอ้เพื่อนซื้ก็โทรมา
“ฮัลโหล”
(ไอ้เพชร มึงอยู่ไหน)
“square one มีไรวะ”
(square one...มึงกลับมาเข้ากรุ๊ปด่วนๆเลย)
“ทำไม”
(เออน่า มึงกลับมาเหอะ เดี๋ยวก็รู้)
“ไม่กลับโว้ย มึงบอกกูมาก่อนว่ามีอะไร”
(เอ่อ...)
ไอ้เจมส์เงียบไป
“มีไรก็พูดมาดิวะ อย่าลีลา”
(คือ...กูบอกได้แค่ว่า ถ้ามึงไม่กลับมามึงจะเสียใจ)
“พี่เกี้ยงบอกให้เรียกกูกลับไปอะดิ หรือพี่คนอื่นที่กรุ๊ป” ผมดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ก็ได้เวลาเข้ากรุ๊ปแล้ว
(ไม่ใช่พี่เกี้ยง แต่พี่...)
“มึงบอกรุ่นพี่ไปว่ากูติดธุระจริงๆ เคปะ”
(เห้ย เพชรมึงกลับมาเหอะ เชื่อกู)
“ไม่ แค่นี้นะ”
(เดี๋ยว...)
อุตส่าห์โดดมาได้แล้ว ใครจะกลับไปให้โง่ล่ะครับ
ผมเดินเล่นดูนั่นนี่เรื่อยเปื่อยอย่างสบายอารมณ์ ชีวิตเด็กมหาลัยมันต้องแบบนี้สิครับ ใช้เวลาว่างอย่างอิสระ ไม่ใช่มาโดนบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรม รออีกไม่นานผมจะหาหญิงมาควงแล้วเดินให้ทั่วเลย
ที่อยู่ในสต็อกล่าสุดก็เกล คนที่ฝากเพื่อนมาขอไลน์ผมตอนต่อแถวซื้อข้าวเมื่อไม่กี่วันก่อน เค้าทักมาคุยกับผมทุกวันหลังจากนั้น หุ่นเอ็กซ์ๆแบบนั้น คุยไปอีกสักพักต้องหาทางรวบรัดให้ได้ครับ
พวกผู้หญิงที่ผมเคยคุยด้วยตอนม.ปลายตอนนี้ก็เลิกคุยไปหลายคนแล้วครับ แต่ไม่เป็นไร สต็อกใหม่ได้ที่นี่แหละ
หกโมงสี่สิบแล้วเมื่อผมเข้าไปนั่งในร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง สั่งอาหารเสร็จก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่นรอ เห็นไอ้เจมส์อัพรูปกิจกรรมที่กรุ๊ป ไม่ได้พิเศษอะไรหรอกครับ ก็เล่นเกมตามเคย แต่กับมันที่ enjoy ทุกอย่างก็คงบอกว่าสนุก
“ขอนั่งด้วยคนนะครับ”
เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นหูเอ่ย ผมเงยหน้าขึ้นมองก็ตกใจราวสายฟ้าฟาด
ไอ้พี่พฤกษ์
แม่งมาได้ไงวะ
“ตกใจอะไรขนาดนั้นครับน้องเพชร” มันยกยิ้มมุมปากขึ้น ในหัวมันต้องมีแต่ความคิดชั่วร้ายที่จะแกล้งผมเต็มไปหมดแน่ๆ
“มาได้ไง”
“ขับรถมาไงครับ”
กูไม่ได้หมายถึงวิธีการมาของมึงโว้ย
หรือว่ารุ่นพี่ที่ไอ้เจมส์หมายถึงเมื่อกี้คือมัน
“ตกลงให้พี่นั่งด้วยมั้ยครับ”
“เดี๋ยวมีเพื่อนผมจะมานั่ง ต้องรบกวนให้พี่ไปนั่งที่โต๊ะอื่นแล้วล่ะครับ” ผมฉีกยิ้มกว้าง แต่งเรื่องโกหกสดๆ
“น้องเพชรนัดเพื่อนไว้หรอ พี่เห็นเดินอยู่คนเดียวมาตั้งนานแล้ว”
เชี่ย นี่สะกดรอยตามกูมาตั้งแต่ตอนไหนวะไอ้พี่พฤกษ์ มึงจบมาจากโรงเรียนนักสืบหรือไง นี่มันเหนือกว่าคินดะอิจิไปแล้ว
“ก็เดินเล่นรอเพื่อนไงครับ”
“อ้ออ” เสียงมันบอกชัดว่าไม่เชื่อที่ผมพูดแม้แต่น้อย
“เดี๋ยวเพื่อนผมจะมาแล้วครับ”
“ถ้างั้นก็บอกเพื่อนว่ารุ่นพี่ขอมานั่งด้วยนะ อุตส่าห์มาเจอรุ่นน้องน่ารักๆทั้งที จะให้กินข้าวคนเดียวคงเหงาแย่”
ว่าแล้วก็นั่งลงตรงข้ามผมอย่างถือวิสาสะ ไอ้ห่าพี่พฤกษ์ จะมีซักวันมั้ยที่กูไม่เห็นหน้ามึงเนี่ย
“น้องเพชรสั่งอาหารรึยังครับ”
ผมพยักหน้าอย่างหงุดหงิด ทำมาเป็นถาม ไม่ใช่ว่าสังเกตการณ์ผมมาตั้งนานแล้วหรือไง ผิดกับมันที่ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียม
พี่แกยกมือเรียกบริกร
“ผมขอทงคัตสึสันนอก ชุดเล็กครับ”
สั่งเหมือนกูอีก
“แล้วพี่ไม่ไปเข้ากรุ๊ปรึไงครับ”
“ก็จะไปแหละ แต่พอดีรู้มาว่ามีคนจะโดด เลยต้องมารับน้องนอกสถานที่”
ไอ้สัส มึงจะจองล้างจองผลาญกูไปถึงไหน
“ใครหรอครับ กล้าโดดได้ลง” ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“คนแถวนี้แหละ ชอบอ้างว่าติดธุระตลอด แต่จริงๆก็ไม่เห็นมีอะไรทำเลย”
หน้าผมบึ้งตึง ด่ากันชัดๆ สัสเอ๊ย
“ทำแบบนี้ดีแล้วเหรอ มาไล่จับผมคนเดียว แล้วน้องคนอื่นๆที่กรุ๊ปล่ะ”
ผมตัดสินใจยอมรับตรงๆว่าโดดกิจกรรม
“ปีหนึ่งที่กรุ๊ปก็มีพี่ๆคนอื่นดูแลแล้วไง ส่วนไอ้พวกที่ชอบโดดเนี่ย พี่จะดูแลเอง”
ผมแยกเขี้ยว
“ทำไมพี่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับผมด้วยวะ”
ถามแม่งไปแบบนั้นแหละ ผมก็อยากจะรู้เหตุผลจริงๆเหมือนกัน
ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มอ่อน มองหน้าผมเหมือนต้องการจะพินิจใจ
“บอกแล้วไงว่าพี่ชอบดูแลเด็กที่โดดกิจกรรม”
“คนที่โดดไม่ได้มีผมคนเดียวซะหน่อย”
“เราเป็นน้องกรุ๊ปพี่นี่ครับ”
“ก็มีปีหนึ่งกรุ๊ปเราอีกหลายคนที่ไม่เข้า ผมไม่เห็นพี่ไปยุ่งกับคนอื่นเลย”
“ก็เพราะไม่ใช่น้องเพชรไง”
หมายความว่าไงวะ
ในตอนนั้น ทงคัตสึสันนอก ชุดเล็กถูกยกมาเสิร์ฟ
“เร็วดีจัง” ไอ้พี่พฤกษ์ว่า กำลังจะวางถาดอาหารที่รับมาลงตรงหน้าตัวเอง
“นั่นของผม”
มันเลิกคิ้ว
“พี่สั่งเหมือนผม ผมต้องได้ก่อน”
“อ่อ...ครับๆ” พี่แกเลื่อนถาดมาทางผมแทน พร้อมรอยยิ้มที่ชวนให้ซัดปากสักหมัด
ผมเริ่มต้นกินทันที เพื่อจะได้ไม่ต้องสนทนากับมัน
อีกไม่นานนัก จานของไอ้พี่พฤกษ์ก็ตามมา
“เพื่อนน้องเพชรยังไม่มาอีกเหรอเนี่ย”
“มันไลน์มาบอกผมเมื่อกี้ว่าไม่มาแล้ว ติดธุระ” ผมตอบทันที
“หึหึ” รู้แล้วสินะว่ากูโกหก “มุกติดธุระอีกแล้ว...อย่าพึ่งกินหมดเร็วนะ รอพี่ด้วย”
ผมไม่สนใจที่มันบอก แถมเพิ่มความเร็วในการกิน
ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มเหี้ยมเหมือนคนโรคจิต
“จะรีบไปไหน ที่นัดกับเพื่อนก็โดนเทแล้ว นั่งกินเป็นเพื่อนพี่ไปนะครับ”
“ผมจะรีบกลับบ้าน”
“พี่ไม่อนุญาต”
ผมจ้องหน้ามันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“น้องเพชรกำลังอยู่ในเวลากิจกรรมกับพี่นะครับ อย่าลืมสิว่าพี่รับน้องนอกสถานที่อยู่”
แม่งโคตรสมเหตุสมผลว่ะ กูมอบถ้วยรางวัลแถดีเด่นให้มึงเลยไอ้พี่พฤกษ์
ผมกินเสร็จก็กลับไปสนใจหน้าจอมือถืออีกครั้ง ในขณะที่คนนั่งฝั่งตรงกันข้ามเอาแต่จ้องหน้าผมไปพร้อมกับกิน
ผมพึ่งสังเกตรูปร่างหน้าตาของไอ้พี่พฤกษ์ชัดๆก็วันนี้ มันสูงกว่าผม ประมาณ4-5เซนติเมตรได้ ทรงผมแบบ curly hair ดูจะเป็นสิ่งที่โดดเด่นออกมามากที่สุด ท่อนแขนเห็นเส้นเลือดขึ้นชัด ใบหน้าคมที่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่ามีเชื้อจีนแฝงอยู่ นัยน์ตามันเป็นสีน้ำตาลเหมือนกันกับผม จมูกเล็กแต่เป็นสันชัดเจน และริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน
ไม่ค่อยอยากยอมรับเท่าไรว่ามันหล่อ
“ทำไมน้องเพชรถึงเลือกเรียนคณะนี้ล่ะครับ”
อยู่ๆไอ้พี่พฤกษ์ก็ถามขึ้นมา ตอนนี้มันกำลังจ้องผมเหมือนต้องการจะอ่านใจอีกแล้ว
“ถามทำไมครับ” ขอให้ได้กวนตีนมันก่อนตอบ
“ก็อยากรู้” มันตอบง่ายๆ
“ผมอยากเรียน finance ตั้งแต่ม.ปลาย”
“แล้วทำไมอยากเรียน finance”
จะสัมภาษณ์เรื่องกูไปเขียนหนังสือชีวประวัติรึไงฟะ
“ผมสนใจเรื่องหุ้น การลงทุน แล้วก็จะได้เอาความรู้ด้านธุรกิจที่คณะสอนไปสร้างกิจการของตัวเอง”
มันเงียบไป ผมตอบไปตามความจริง ถึงผมจะไม่ใช่คนขยันอะไรมากมายแต่ก็มีเป้าหมายในชีวิตนะจะบอกให้ ไง ตะลึงเลยดิไอ้พี่พฤกษ์
“อืม ชัดเจนดี ไม่ค่อยเจอคนแบบเราเลยนะเนี่ย…”
ผมเดาว่ามันกำลังประทับใจ
“พี่ล่ะ majorอะไร”
แล้วผมก็เผลอถามมันกลับไป ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มกริ่มก่อนตอบ ไม่น่าไปถามแม่งเล้ย
“marketingครับ”
ผมก้มหน้าลงเล่นโซเชียลต่อ คิดแล้วว่าบุคลิกอย่างมันต้องเรียนmarketing
“เดี๋ยวเราจะกลับบ้านเลยใช่มั้ย”
“อือ”
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไร ผมกลับเองได้”
“ไม่เป็นไร ทางผ่านบ้านพี่อยู่แล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ไม่...อีกอย่าง รุ่นพี่ต้องเทคแคร์ปีหนึ่งหลังรับน้องดิ”
เฮ้อ ผมขี้เกียจเถียงแล้วครับ ยังไงมันก็คงไม่ยอมอยู่ดี


“ถ้าอยากได้ชีทหรือหนังสือเรียนก็บอกนะ ปีหนึ่งทุกmajorเรียนวิชาพื้นฐานเหมือนๆกัน...หรืออยากให้ติวก็บอกได้”
ไอ้พี่พฤกษ์ยักคิ้ว มึงเซียนอ่อจะมาติวให้กู
“เดี๋ยวพี่แนทเอามาให้ผมครับ”
“แนทเค้าเรียนaccountไม่ใช่รึไง ปี3สายน้องเพชรก็account ปี4ก็logis มายืมจากพี่ก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจ”
เชี่ย ไอ้พี่พฤกษ์มันรู้ทุกเรื่องจนน่ากลัวไปแล้วนะครับ
“พี่ไม่ต้องเก็บไว้ให้สายรหัสอ่อครับ”
“สายพี่ พี่คนอื่นเค้าส่งมอบให้ปีหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว”
รถvolvoสีเงินเลี้ยวเข้ามาในคอนโดของผมในที่สุด
“ขอบคุณครับ” ผมพึมพำเบาๆแต่ไม่ยกมือไหว้
เจ้าของรถยิ้มกว้าง
“ยินดีครับ”
ผมปิดประตูรถ หันหลังเตรียมจะเดินไป
“เดี๋ยว”
ไอ้พี่พฤกษ์ลดกระจกแล้วเรียก
“เวลาเราไม่ดื้อนี่ก็น่ารักดีนะครับ”

TBC

พี่พฤกษ์นี่สายตื๊อจริงๆ มีแอบหยอดเบาๆด้วย น้องก็ดื้อมาก ติดตามตอนต่อไปด้วยคร้าบ

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP6 “หึ อ่อนกว่ากูอีกไอ้พี่พฤกษ์”

“เวลาเราไม่ดื้อนี่ก็น่ารักดีนะครับ”
ไอ้พี่พฤกษ์ขับรถออกไป เออ เจอกันคราวหน้าผมสัญญาว่าจะดื้อให้สุด
“ไอ้เหี้ยเจมส์ ทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่ตอนนั้นว่าไอ้พี่พฤกษ์มันไปหาพี่เกี้ยงที่ร้าน”
“ก็พี่พฤกษ์เค้าสั่งกูไม่ให้พูดชื่อ เค้าให้บอกแค่ว่าให้มึงกลับมา”
“แล้วมึงก็ทำตามพี่มันเนี่ยนะ”
“เออดิ ก็กูอยากให้มึงกลับมาเข้ากรุ๊ปนี่หว่า ไอ้นิวก็เห็นด้วย”
ผมโทรไปเล่นงานไอ้เจมส์ทันทีที่ขึ้นมาถึงห้อง มันเล่าให้ฟังว่าไอ้พี่พฤกษ์ขับรถมารับพี่เกี้ยงที่ร้านเกม ไปถึงแล้วเห็นมันแต่ไม่เห็นผม ไอ้รุ่นพี่ตัวดีก็สั่งไอ้เจมส์ให้โทรตาม พอผมไม่ยอมกลับ มันก็ขับรถไปส่งทุกคนที่กรุ๊ปก่อนขับมาsquare one แล้วเดินตามหาผม
โอ้โห กูให้คะแนนเต็มความพยายามมึงเลยไอ้พี่พฤกษ์
“เชี่ย กูไม่รู้จะด่ามึงว่าไงดีเพื่อนรัก”
“ก็ไม่ต้องด่า แล้วมาเข้ากรุ๊ปด้วย พรุ่งนี้พวกพี่เค้าจะพาไปเลี้ยงข้าว มึงไม่น่าพลาดของฟรีนะเพชร”
“กูไม่ใช่คนเห็นแก่กินเหมือนมึงไอ้เจมส์ แค่นี้นะสัส”
ให้ตายเถอะ โดนรุ่นพี่บังคับเข้ากิจกรรมแล้วยังมาโดนเพื่อนอีก
คืนนั้น ไอ้พี่พฤกษ์ส่งข้อความมาทาง facebook messenger อีก
‘น้องเพชรครับ พี่ลืมบอกไป’ ‘พรุ่งนี้อย่าลืมมาเข้ากรุ๊ปนะ วันต่อๆไปก็ด้วย’
‘ถ้าไม่มาอีกพี่ไม่ใจดีแบบวันนี้แล้วนะครับ’
พร้อมอีโมติคอนหน้ายิ้ม
ยิ้มมากมั้ยมึง
ผมไม่ตอบ
แค่คิดว่าไอ้พี่พฤกษ์จะติดตามผมไปทุกที่ก็น่ากลัวจะแย่แล้ว และผมก็เชื่อว่ามันทำจริงๆ ทั้งจากเหตุการณ์วันนี้ วันก่อนที่มันไปดักประตูห้องเรียนปีหนึ่งแล้วเรียกน้องทุกคน กับเมื่อวันเปิดเทอมที่มันลากผมกลับเข้ากรุ๊ปหน้าตาเฉย
ทำไมมันต้องมาวุ่นวายกับชีวิตผมด้วยนะ
ผมแค่สงสัยว่าปีหนึ่งคนอื่นมันโดนแบบนี้กันรึเปล่า
เซ็งชิบหาย
ผมถามเหตุผลมันเมื่อกี้ก็ตอบมาอย่างไม่เข้าใจ

“สรุปมึงไปปะเย็นนี้” ไอ้เจมส์ถามขึ้นระหว่างพักเที่ยง สามหล่อมาทานอาหารที่คณะอักษรฯครับ วันนี้มีเรียนแค่ช่วงเช้า เลยมาเถลไถลที่อื่นได้ จุดประสงค์ไม่ใช่เรื่องกินหรอกครับ แต่เป็นอาหารตาต่างหาก
“แค่กินข้าวหรอวะ”
“มึงสนก็แค่เหล้าใช่มั้ยเชี่ยเพชร”
“เออ มึงก็รู้นิ”
“เสร็จจากร้านอาหารก็มีไปต่อแหละ พี่เกี้ยงบอกกูว่าศุกร์แรกเป็นธรรมเนียมที่รุ่นพี่กรุ๊ปเราจะชวนน้องไปแดกเหล้า”
“งั้นกูไปตอนดริ้งค์เลย”
สาวอักษรได้ชื่อว่าสวยเป็นอันดับต้นๆของมหาวิทยาลัย ผมคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องได้ contact สักคนไปสานสัมพันธ์ต่อ
อย่าหาว่าผมหลงตัวเองเลยครับ เมื่อย่างเท้าเข้าไปในโรงอาหาร นิสิตหญิงหลายคนต่างมองมาที่พวกเรา สะกิดเพื่อน หันไปซุบซิบกัน เหลียวหลังกลับมามอง
หล่อลากเลยไอ้เพชรเอ๊ย
“มึงนี่นะไอ้เพชร มึงล่ะไอ้นิว ไปปะ”
“ไปดิ ไปตั้งแต่ตอนแดกข้าวเลย ของฟรีนะเว้ย” ไอ้นิวที่พึ่งวางหูโทรศัพท์กับคนที่บ้านหันมาตอบไอ้เจมส์
“ต้องยังงี้สิ”
“มึงแดกเหล้าด้วยอ่อนิว” ผมถาม ไม่คิดว่าเจี๋ยมเจี้ยมอย่างมันจะเอากับเขาด้วย
“แดกดิ เยอะด้วย” ไอ้นิวบอกหน้าระรื่น
“โด่ ของยังงี้ต้องรอพิสูจน์ อย่าให้กูเห็นว่าคืนนี้เมาก่อนเพื่อน” ไอ้เจมส์เข้าไปกอดคอไอ้นิว
“ว่าแต่กินที่ไหนวะ” ผมถามต่อ
“brick bar”
สามหล่อเดินไปต่อแถวร้านข้าวเหนียวไก่ทอด ของขึ้นชื่อของคณะนี้ สายตาผมสอดส่ายหาหญิงเด็ดๆไปเรื่อยๆ อืม มีอยู่หลายคนเลย ผมจะเข้าหาคนไหนดีล่ะ
ป้าบ
“เชี่ยเจมส์ มึงตบหัวกูทำไมวะ” ผมสะดุ้ง
“ตาละห้อยเชียวนะมึง”
“จริงว่ะ” ไอ้นิวหัวเราะ
“นี่กูออกนอกหน้าขนาดนั้นเลยรึไง”
“เออ” ประสานเสียงตอบกันเชียวนะไอ้สองตัว
“ไอ้เจมส์ มีคนสนใจมึงอะ” ผมยิ้มออกมา ชี้ให้ไอ้เจมส์หันไปทางข้างขวาของมัน
มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมองไอ้เจมส์อย่างเปิดเผย พอมันหันไป สาวเจ้าก็ส่งยิ้มหวานให้ทันที
“เชดดด” ไอ้นิวร้อง
“ไปสานต่อซะไป” ผมผลักไหล่เพื่อน
พักหนึ่งไอ้เจมส์กลับมาพร้อมยิ้มมุมปาก มันหันหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้เห็นว่าได้ทั้งเบอร์ line และfacebookมาเรียบร้อย
“งานเร็วนะสัส เข้าคณะเค้ามาสิบห้านาทีได้หญิงละ”
ไอ้เจมส์ไม่ตอบแต่ยักไหล่อย่างน่าถีบ
“มึงสายบุกใช่มั้ย ได้ กูจะอยู่เฉยๆให้หญิงเข้ามาหาเอง” ผมลั่นวาจาออกไป
“โห่ ยังไงก็มีคนเข้าหามึงอยู่แล้วไอ้เพชร”
“กูก็ว่างั้น” ไอ้นิวเห็นด้วย
“แน่นอน”
และก็เป็นไปอย่างที่พวกเราคิด มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาขอทำความรู้จักกับผม เธอชื่อแนน เป็นรุ่นพี่ ที่สำคัญสวยเซ็กซี่ตรงสเปคผม เห็นเรียวขาขาวๆจากกระโปรงสอบสั้นแล้วใจไม่ดีเลยครับ
“ถ้างั้นไว้เจอกันนะครับ” ผมโบกมือทิ้งทายให้พี่แนนก่อนเธอจะเดินไปกับกลุ่มเพื่อน
“สาด มึงแม่งร้าย” ไอ้เจมส์ว่า ส่วนไอ้นิวยิ้มน้อยๆ
ก่อนออกจากโรงอาหาร เป็นทีของไอ้นิวบ้าง เพราะมีสาวหมวยคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยกับมัน มันเขินจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เกาหัวแก้เก้อ แต่สุดท้ายก็แลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กันจนได้
ผมกับไอ้เจมส์หัวเราะและล้อมันยกใหญ่
“หยุดเลยพวกมึง” ไอ้นิวห้าม หน้ายังเป็นสีแดงเข้ม
สรุปว่าวันนี้สามหล่อไม่มีใครแห้วเลยครับ
ผมกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดก่อนจะออกมา brick barตอน2ทุ่มครึ่ง มาถึงไอ้เจมส์กับไอ้นิวก็ควักมือเรียกใหญ่
แค่ผมเดินผ่านจากประตูทางเข้าไปยังโต๊ะเพื่อน สาวๆก็หันมามองเป็นตาเดียวแล้วครับ หึหึ
“อ้าวเพชร นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” พี่เกี้ยงเอ่ยทักผมเป็นคนแรก
“มันโดดแดกข้าวไงพี่ รอมาแดกเหล้าอย่างเดียวเลย”
ผมหันไปมองไอ้เจมส์ตาเขียว ปากไวเชียวนะมึง
“หวัดดีครับพี่ๆ” ผมยกมือไหว้รุ่นพี่พร้อมกันทีเดียว กวาดสายตาไล่ตั้งแต่พี่เกี้ยงไป มองผ่านคนที่นั่งอยู่ข้างขวาพี่เกี้ยงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น
แม้กระนั้นก็ยังทันเห็นรอยยิ้มกวนที่มันส่งมา
เบื่อหน้ามันชิบ
ผมทั้งดีใจแล้วก็ประหลาดใจที่เห็นพี่เอ๋ยมา ไม่คิดว่าจะดื่มด้วย เข้ากรุ๊ปมาตั้ง3วันได้คุยกับพี่แกนิดๆหน่อยๆเอง นั่งอยู่ระหว่างพี่ผู้หญิงอีกสองคนที่ผมจำชื่อไม่ได้ นอกจากนั้นก็แก๊งไอ้พี่พฤกษ์ พี่ผู้ชายอีก2คนที่ผมก็จำชื่อไม่ได้อีกเหมือนกัน ไอ้เจมส์ ไอ้นิว แล้วก็เพื่อนปีหนึ่งอีกคน
“มากันแค่นี้หรอครับ” ไหนบอกว่ารุ่นพี่เลี้ยงไง ทำไมมีปีผมมาแค่4คนเอง
“เค้ามากันตั้งเยอะไอ้เพชร แค่แยกโต๊ะกันนั่งตามสายเว้ย” ไอ้เจมส์ตอบ
“วันนี้พวกพี่จองไว้หลายโต๊ะให้กรุ๊ปเรา” พี่ผู้หญิงข้างซ้ายพี่เอ๋ยตอบ พลางมองไปตามโต๊ะต่างๆ
ผมมองตาม เออ จริงด้วย โต๊ะข้างๆนี่คนกรุ๊ป4ทั้งนั้น เชดโด้
“น้องรหัสกูไม่มาว่ะ มันบอกว่าที่บ้านไม่ให้กินเหล้า” พี่เกี้ยงบอก หลายคนหัวเราะ
“อย่าขำดิพี่ บางคนที่บ้านซีเรียสมากนะ” พี่เอ๋ยพูด
“นี่มันโตแล้วนะเว้ย ห้ามกินเหล้าเนี่ยนะ” พี่ผู้หญิงข้างซ้ายพี่เอ๋ยแย้ง
“มึงกำลังงงใช่มั้ยว่าใครชื่ออะไรบ้าง” ไอ้เจมส์กระซิบ
“เออ มึงไล่มาดิ๊”
“ข้างซ้ายพี่เอ๋ยชื่อพี่แจน ข้างขวาชื่อพี่พริม ข้างพี่พฤกษ์ชื่อพี่ริว สองคนนั้นชื่อพี่แบงค์กับพี่โต้ง ข้างไอ้นิวชื่อไอ้ซัน”
“มึงแดกทะเบียนราษฎร์เข้าไปรึไงวะ” ผมกัด นั่นทำให้ไอ้เจมส์ตบหัวผมแทบคว่ำ
“เอ้า ใจเย็นน้อง มีอะไรค่อยๆคุยกัน” พี่ริวหัวเราะ
“น้องเพชรจำชื่อพวกเราไม่ได้อะดิ” พี่แจนรู้ทัน
“เอ่อ...ครับ” ผมลูบหลังคอ
“ไอ้นี่ที่เล่นเกมจำชื่อแล้วจำได้แต่เอ๋ยคนเดียวไง” พี่โต้งว่า คนในโต๊ะส่งเสียงแซว
“พี่เอ๋ยมาให้ผมเซ็นชื่อตอนที่มาสายวันแรกน่ะครับ ผมเลยจำได้” ผมตอบ
“ไม่ต้องเลย น้องแม่งเลือกจำแต่คนสวย” พี่โต้งขัด
“เออ ร้ายสัส” พี่แบงค์สนับสนุน
ทุกคนโห่ขึ้นมาอีก ผมแอบมองไปทางพี่เอ๋ย เค้ากำลังยิ้มน้อยๆ
“แกอย่าไปแกล้งน้องดิ” พี่เอ๋ยว่า
“ถ้างั้นน้องต้องจำชื่อกูได้ เพราะกูสวย” พี่แจนพูดเสียงดังกลบเสียงโห่แซว “พี่ชื่ออะไรคะ”
ผมจำพี่แจนได้แล้ว แต่แกล้งตอบผิดว่า
“พี่จูนปะครับ”
นั่นเรียกเสียงฮารอบโต๊ะ แต่พี่แจนกรี๊ดใส่ผม
“อีเด็กเวร...น้องเจมส์พึ่งบอกแกเมื่อกี้ แกแกล้งจำชื่อชั้นไม่ได้ใช่มั้ยยะ”
“เพชรแม่งแสบว่ะ”
“ฮาเหี้ยๆ”
พี่ริวเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาขอจับมือผมเขย่าแรงๆ
“พี่ว่าเลิกเล่นเกมจำชื่อก่อนมั้ย ที่นี่ไม่ใช่กรุ๊ปนะเว้ย” พี่เกี้ยงพูดกลั้วหัวเราะ “งั้นพวกรุ่นพี่ก็แนะนำตัวพร้อมบอกสายรหัสไปเลยดีมั้ย น้องมันจะได้ไม่งง”
“ดีๆพี่เกี้ยง ผมเห็นด้วย” พี่แบงค์ผงกหัว
“แจนนะคะ ไม่ใช่จูน...ดูปากพี่นะคะ แจนค่ะ” ประโยคนี้พี่แจนหันมาพูดกับผม ผมยิ้มขำ “พี่รหัสน้องนิว ปี3ก็พี่ริวนี่แหล่ะค่ะ”
“เอ๋ยค่ะ พี่รหัสน้องเจมส์” พี่เอ๋ยหันมาสบตากับผมแวบหนึ่งตอนพูด ผมเลยส่งยิ้มหวานไปให้
“พริมค่ะ สายโคโต้ง น้องปี1ไม่มาค่ะ”
“เออ ตั้งแต่มานี่พี่พึ่งได้ยินเสียงพริมนี่แหล่ะ ไม่พูดเลย” พี่ริวแทรกขึ้นมา
“พี่ริวอย่าแกล้งพริม” พี่เอ๋ยขัด
“ริวครับ”
“พฤกษ์ครับ พี่รหัสซัน”
ผมล่ะสงสารไอ้ซัน มาได้ไอ้พี่พฤกษ์เป็นสาย
“เกี้ยงครับ พี่รหัสไอ้แบงค์ ส่วนปี1ไม่มา ที่บ้านไม่ให้กินเหล้า”
“แบงค์ครับ”
“โต้งครับ”
“เพชรครับ น้องพี่แนท...เอ้อ ทำไมพี่แนทไม่มาอ่อครับ”
“แนทติดงานmc มาไม่ได้จ้ะ” พี่เอ๋ยตอบ
“เป็นน้องรหัสแนทแล้วไม่รู้ได้ไงเนี่ย”
ไอ้ห่าพี่พฤกษ์ เผือกร้อนละ
ผมทำเป็นไม่สนใจ
“เจมส์ครับ”
“นิวครับ”
“ซันครับ”
ผมหันไปมองหน้าไอ้ซัน ไม่เคยสังเกตเห็นมันที่กรุ๊ปเลยครับ(น่าจะเพราะจำไม่ได้เองมากกว่า- -) ท่าทางดูเกเรไม่น้อยทีเดียว เออ ช่วยตั๊นหน้าพี่รหัสมึงให้กูทีดิ
“เจมส์มึงชงให้กูที” ผมหันไปสั่งเพื่อน
“mixer”
“เหมือนเดิม” ผมหันไปมองเครื่องดื่มอื่นๆที่พี่ในโต๊ะสั่งมาไว้ ยิ้มกริ่มเมื่อเห็นของโปรด ไอ้เจมส์จัดเหล้าผสมชเวปส์มาให้หนึ่งแก้ว
“มึงชอบผสมชเวปส์หรอวะเพชร” ไอ้นิวหันมาถาม
“เออ อร่อยนะ ลองดิ” ผมยื่นแก้วให้มันชิม ไอ้นิวดื่มปั๊บก็ฉีกยิ้มออกมา
“ไง”
“เออ ได้อยู่ๆ”
ผมเห็นว่าไอ้พี่พฤกษ์กำลังจับตามองผมอยู่ พร้อมด้วยรอยยิ้มมุมปาก มึงกำลังคิดจะแกล้งอะไรกูอยู่ใช่มั้ย
บทสนทนาในโต๊ะเริ่มด้วยการที่พวกพี่ๆถามถึงกิจกรรมรับน้องที่กรุ๊ปในสัปดาห์แรก แน่นอนว่าไอ้เจมส์ตอบว่าสนุกมาก อยากไปเข้ากรุ๊ปทุกวัน(ผมนี่อยากจะอ้วก)
“เพชรอะ ชอบกรุ๊ปรึเปล่า” พี่ริวหันมาหา
“เอ่อ ก็ดีนะครับ” จะให้ผมบอกว่าน่าเบื่อ อยากโดดคงไม่ใช่ที่
“ดีแล้วทำไมเมื่อวานน้องเพชรถึงโดดล่ะครับ”
ไม่ต้องสืบเลยว่าใครถามประโยคนี้
“ไม่ได้โดดครับ เมื่อวานผมมีธุระ” ผมตอบทันที
ไอ้พี่พฤกษ์ไม่ได้โต้เถียงต่อ แค่ยิ้มกรุ้มกริ่มแน่นอนว่าไอ้เจมส์ ไอ้นิว พี่เกี้ยงรู้แล้วว่าไอ้พี่พฤกษ์ไปตามล่าผมเมื่อวาน ดีที่ไม่มีใครพูดเรื่องนี้ต่อ
“ไอ้แบงค์ไอ้โต้ง ไอ้พวกเนี้ยเล่นdotaด้วยนา เก่งกว่าพวกมึงอีก” พี่เกี้ยงเปลี่ยนเรื่อง ชี้มาทางพวกผม
“เห้ย จริงอ่อพี่ ไว้ต้องมาเจอกันหน่อยแล้วปีหนึ่ง” พี่แบงค์ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“จริงดิ เล่นทีมเดียวกัน รู้งานสัส” พี่เกี้ยงยืนยัน
“วันไหนบอกมาเลยดีกว่าน้อง” พี่โต้งว่า ยิ้มน้อยๆ
“พี่นัดมาเลย ผมอะได้ทุกวัน อยากเจอ” ไอ้เจมส์ทำท่าตื่นเต้น
“พี่ๆน้องๆคะ โต๊ะนี้ไม่ได้มีแต่ผู้ชายนะคะ ยังมีสาวสวยอีกสามคนนั่งอยู่ เห็นมั้ยเนี่ย” พี่แจนแหวขึ้นมา เรียกเสียงโห่จากพวกผู้ชายในโต๊ะ พี่แบงค์ทำท่าโก่งคออ้วก
“อย่าคุยกันแต่เรื่องเกมสิคะ สาวๆเข้าไม่ถึง”
“ผมก็ไม่ชอบเล่นเกมครับ ไร้สาระ”
ทุกคนหันขวับไปที่ไอ้ซัน ที่พูดขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมทิ้งระเบิดลูกใหญ่ซะด้วย
มึงกล้าหาญมากไอ้ซัน
“เล่นแล้วไม่เห็นจะได้อะไรเลย ไม่มีประโยชน์ เสียเวลา” นั่น ยังไม่จบ ถ้ามึงโดนตีนกูจะไม่แปลกใจเลย
ไอ้เจมส์หันมาสบตากับผม สื่อความหมายว่า ‘แม่งกล้าว่ะ’
“ไม่ชอบเล่นก็ไม่เห็นต้องพูดแบบนั้นเลยนี่” ไอ้พี่พฤกษ์พูดเสียงเย็น ไอ้ซันเบ้หน้า บรรยากาศในวงเปลี่ยนไปทันที
“น้องระวังนิดนึงนะครับ” พี่ริวพูดขึ้นมาอีกคน มองไอ้ซันตาขวาง
“เห้ย ช่างมันเหอะน่า น้องมันคงไม่ได้ตั้งใจ” พี่เกี้ยงที่ดูไม่ได้ติดใจสงสัยคำพูดหมาๆรีบห้ามศึก
ผมมองไปที่ไอ้ซัน แทนที่มันจะมีท่าทีสลด แต่ไม่เลย มันกลับมองไปรอบโต๊ะด้วยสีหน้าท้าทาย
พี่แบงค์ส่ายหัวเบาๆ
มึงแม่งคนจริงว่ะซัน
“นี่ๆ เพลงกำลังโดนเลย มาแหกปากร้องเพลงกันดีกว่ามา” พี่เกี้ยงยังคงพยายามชักชวนคนอื่นให้เลิกสนใจเรื่องนี้พี่แกกอดคอไอ้พี่พฤกษ์ที่ขยับแขนกอดคอพี่ริวต่อแล้วก็ร้องเพลงตามดนตรีสดในร้าน
สักพัก ทุกคนยกเว้นไอ้ซันก็อ้าปากร้องเพลงพร้อมขยับตัวไปตามจังหวะ แล้วแต่ว่าเพลงช้าหรือเร็ว ผมเองร้องตามได้แทบจะทุกเพลง และยกเหล้าขึ้นซดเอาๆจนมึนหัวหน่อยๆ ไอ้ความรู้สึกแบบนี้แหละครับ โคตรชอบเลย กำลังได้ที่
พี่เอ๋ยหน้าแดงขึ้นมาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ นั่นทำให้พี่เค้าดูมีเสน่ห์โคตรๆ ทรวดทรงองค์เอวทุกอย่างกำลังลงตัว วันนี้พี่เอ๋ยใส่กางเกงขาสั้น ผมลอบส่งยิ้มให้และได้รับยิ้มหวานกลับมา แม่งเอ๊ย อยากได้...
หันกลับมาจะยกแก้วขึ้นดื่มต่อก็ดันสบเข้ากับสายตาไอ้พี่พฤกษ์ ดูท่ามันเหมือนจะรู้ทันผม ผมเบนหน้าไปทางอื่นทันที
“ไอ้เจมส์ เติมให้กูหน่อย” ผมส่งแก้วเปล่าไม่รู้ครั้งที่เท่าไรให้เพื่อนซี้
“เพชรแม่งกินเก่งนี่หว่า พี่เห็นหลายแก้วละ” พี่แบงค์พูด
“กูก็เห็น เติมเอาๆ หัดกินมาตั้งแต่ที่โรงเรียนอะดิ” พี่ริวยิ้ม
“นิดหน่อยพี่”
ส่วนไอ้คนเติมเหล้าให้ผมน่ะเหรอ เริ่มเมาแล้วครับ เพราะมันพูดไม่รู้เรื่องแล้ว
“มึงดูเชี่ยเจมส์นะ กากสัส เป็นงี้ทุกที” ผมหันไปพูดกับไอ้นิว มองไอ้เจมส์ที่แดงไปทั้งตัวแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว
“กูก็นึกว่ามันคอแข็งซะอีก” ไอ้นิวพูดยิ้มๆ ท่าทางดูปกติดี ทั้งๆที่บริโภคแอลกอฮอลล์ไปพอๆกับไอ้เจมส์ เออ กูเชื่อแล้วว่ามึงแดกเหล้าเก่ง
“เดี๋ยวตอนกลับช่วยกูดูแลมันด้วยนะ” ผมหัวเราะเบาๆ
“คุยอะไรกันวะ” ไอ้เจมส์พูดเสียงยานคาง มองหน้าผมกับไอ้นิวงงๆ
“กูบอกว่าวันนี้มึงหล่อมากเลยเพื่อน” ผมตบบ่ามัน
“เออ พูดดี” ตาเยิ้มเชียวไอ้เจมส์เอ๊ย
พวกพี่ๆหัวเราะไอ้เจมส์
ไอ้พี่พฤกษ์มันกำลังมองผมอีกแล้ว นี่หน้าผมไปเหมือนพ่อมันรึไงวะ มองอยู่นั่นแหละ
มีอะไรกับผมนักวะ
เดี๋ยวเดียวพี่แจนเริ่มเมาบ้าง โวยวายเสียงดังจนโต๊ะข้างๆหันมามอง พี่เอ๋ยก็พยายามห้ามไม่ให้เจ๊แกดื่มอีกแต่ไม่สำเร็จ ตัวพี่เอ๋ยเองก็ดูมึนๆอยู่เหมือนกัน ส่วนพี่พริมนี่แทบไม่ได้แตะของมึนเมาเลย
ถ้าผมอาสาดูแลหรือขอไปส่งพี่เอ๋ยตอนกลับแม่งต้องดูออกตัวเร็วเกินไปแน่ๆ แต่อย่างน้อยก็อยากจะทำอะไรสักอย่าง ทำไงดีวะ
“กูปวดฉี่ว่ะ” ไอ้เจมส์พูดขึ้น เอามือวางบนเป้ากางเกงแล้วทำหน้าบ่งบอกอาการ ทุกคนในโต๊ะฮาก๊าก
“เดี๋ยวกูพาไป” ไอ้นิวสบตากับผม กลั้นขำแทบตายก่อนจะฉุดแขนไอ้เจมส์ขึ้นพาดบ่าแล้วประคองมันเดินไป
“มีคนตามเจมส์กับแจนไปละ” พี่แบงค์ว่า กอดคอพี่โต้งที่สัปหงกลงไป เออ พี่แกนี่เงียบทั้งเวลาปกติทั้งตอนเมาเลยว่ะ
เวลาผ่านไป ไอ้นิวกับไอ้เจมส์กลับมา ผมเติมเหล้าเข้าปากไปอีก3แก้วแต่ตัวยังตั้งตรงพร้อมสติสัมปชัญญะที่ครบถ้วน บทสนทนาในโต๊ะก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แล้วผมก็เห็นอะไรบางอย่าง
ไอ้พี่พฤกษ์หน้าเป็นสีแดงเรื่อ หัวมันวางอยู่บนไหล่พี่ริวที่กำลังคุยจ้อ
ผมยิ้มเยาะ
หึ อ่อนกว่ากูอีกไอ้พี่พฤกษ์
“เห้ย เหี้ยพฤกษ์ มึงไหวปะเนี่ย...ปกติก็นานกว่านี้นี่หว่า ทำไมวันนี้เมาเร็ว” พี่ริวขมวดคิ้ว ก้มลงมองเพื่อนที่คอพับคออ่อนอยู่ข้างตัว
“โดนหญิงเทมารึไง ไม่น่าใช่ หน้าอย่างแม่งน่าจะเป็นฝ่ายเทคนอื่นมากกว่า” พี่เกี้ยงพูดติดตลก
“เป็นไรจ๊ะน้องพฤกษ์” พี่ริวถามต่อ น้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ไม่เมา”
“โอ้โห มึงเมาแล้วพฤกษ์ สาดด” พี่ริวว่า
“กูไม่เมา” ไอ้พี่พฤกษ์กระชากเสียงเถียง
“หราาา” พี่เกี้ยงดูนาฬิกา “เชี่ย ห้าทุ่มกว่าแล้ว กูว่าเริ่มกลับกันเหอะ เดี๋ยวจะดึกเกิน”
แล้วพี่เกี้ยงก็ลุกขึ้นไปคุยกับโต๊ะของคนกรุ๊ป4โต๊ะหนึ่ง ผมเดาว่าพี่แกคงบอกให้พวกปี2ปล่อยน้องกลับ ผมมองไปรอบๆ บางโต๊ะก็มีคนกลับไปแล้ว บางโต๊ะก็เห็นว่ามีคนถูกโอบไหล่แล้วพาออกไปจากร้าน บางโต๊ะก็มีคนนั่งกรึ้บต่อทั้งสภาพเมาๆอย่างนั้น
“เชี่ยนิว มึงรู้ปะว่าไอ้เจมส์มันบอกที่บ้านไว้ว่าไง ปกติมันต้องมีคนมารับ” ผมพึ่งนึกขึ้นได้แล้วถามไอ้นิวหน้าตาตื่น
“อ่อ มันโทรบอกที่บ้านตั้งแต่เมื่อเย็นแล้วว่าขอนอนบ้านเพื่อน…”
“เชี่ย แล้วไป ถ้าแม่มันมาเห็นล่ะกูไม่อยากจะนึกภาพ”
“ให้มันนอนหอกูก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร ให้มันนอนคอนโดกู เดี๋ยวกูดูมันเอง”
“เออๆ”
“ไอ้เกี้ยงมานี่ มาคุยเรื่องส่งน้องแปบ…” พี่ริวตะโกนเรียกข้ามโต๊ะ พี่เกี้ยงเดินกลับมา
“เอาไงดีวะ”
“อืมม” พี่ริวใช้ความคิด “มึงไปส่งแบงค์ พริม แจน วนไปส่งแจนก่อน ให้พริมคอยดูแล กูจำได้ว่าบ้านแบงค์กับพริมอยู่ใกล้กัน” พี่แบงค์กับพี่พริมพยักหน้า พี่แจนยังคงเต้นไม่หยุด
“เออ แล้วไงต่อ”
“ปีหนึ่งบ้านอยู่ไหนกันบ้าง”
ผม ไอ้นิว ไอ้ซันตอบ
“ซันมาคันพี่ เอ๋ยกับโต้งก็ด้วย ทางเดียวกันหมด เดี๋ยวส่งถึงที่ทุกคนเลย แล้วก็เพชร ช่วยพี่หน่อย พี่ฝากไอ้พฤกษ์ได้มั้ย”
อะไรนะพี่ริว
“ให้เจมส์มันนอนหอนิว แล้วให้ไอ้พฤกษ์นอนกับเพชร ไอ้พฤกษ์เคยบอกว่าบ้านน้องกับมันอยู่ทางเดียวกันนิ”
“เอ่อ”
“วันนี้มันไม่ได้ขับรถมา บ้านมันอยู่ไกลสุดละ จะส่งขึ้นแท็กซี่คนเดียวก็เป็นห่วง ห่าเอ๊ย เสือกมาเละวันนี้”
ไม่เอา ผมไม่ให้มันนอนคอนโดผมเด็ดขาด
“เออ ครบละ...ครั้งนี้ต้องรบกวนเพชรแล้วล่ะ” พี่เกี้ยงเห็นด้วย
“น้องน่าจะดูแลคนเมาได้ ฝากไอ้พฤกษ์ด้วยล่ะ”
เหี้ย
นี่ผมต้องดูแลไอ้พี่พฤกษ์จริงๆหรอเนี่ย

TBC

เอาแล้ว พี่พฤกษ์เมาแล้ว เพชรจะทำยังไงกับพี่พฤกษ์ต่อละเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP7 “ฝากไอ้พฤกษ์ด้วยล่ะ”

พี่ริวกับพี่เกี้ยงแม่งไม่เปิดโอกาสให้ผมปฏิเสธเลย ฝากฝังกันลูกเดียว ทำไมพวกพี่ไม่ดูแลเพื่อนเองอะคร้าบ
แม่งเอ๊ย แล้วผมจะทำไงได้
“ได้ใช่ปะเพชร” พี่เกี้ยงถามซ้ำ
“เอ่อ ครับ”
“ขอบใจมากเว้ยน้อง” พี่แกตบไหล่ผมเบาๆพร้อมทำท่าโล่งอก
“นึกว่าเพชรจะเกลียดขี้หน้าไอ้พฤกษ์ซะอีก เห็นมันชอบแกล้งน้อง”
พี่ริวคิดถูกแล้วล่ะ แต่ทำไมยังฝากไอ้ตัวร้ายไว้ให้เป็นภาระผม
“พี่ว่าน้องท่าทางไว้ใจได้ ขอบใจอีกครั้งนะเว้ย” พี่ริวยิ้มให้
แล้วโต๊ะเราก็ลุกขึ้นพร้อมกัน คนไม่เมาประคองคนเมาเดินตรงไปยังประตูหน้า ผมช่วยไอ้นิวแบกปีกไอ้เจมส์คนละข้าง มันกำลังพูดเรื่องพ่อกับแม่บ่นมันอยู่
“มึงต้องมาดูแลพี่พฤกษ์เฉยเลย” ไอ้นิวกระซิบกับผม
“เออดิ ซวยชิบหาย ทำไมต้องเป็นกูวะ”
“เอาน่า พี่เค้าคงไม่หาเรื่องแกล้งอะไรมึงหรอก เมายังงั้นไม่น่าจะทำอะไรมึงได้”
“โถ่ คอนโดกู กูยังพาหญิงขึ้นไม่กี่คนเองนะเว้ย”
ไอ้นิวหัวเราะเบาๆ
“มึงจะพาใครไปคอนโดวะเพชร...นั่นแน่ ได้หญิงละไม่เห็นแบ่งกูมั่งเลยนะ ไหนๆ…”
“หญิงบ้านพ่อมึงดิเจมส์”
พี่ๆมาส่งพวกผมก่อนจะไปขึ้นรถตัวเอง ผมให้เพื่อนสองคนขึ้นแท็กซี่คันแรกไปก่อน ฝากฝังไอ้เจมส์กับไอ้นิวดิบดี มองตามรถที่เคลื่อนออกไปจนลับตา ไอ้นิวไว้ใจได้แน่ๆครับ
เมื่อแท็กซี่คันที่2ผ่านมา พี่ริวกับพี่เกี้ยงค่อยๆยัดไอ้พี่พฤกษ์เข้าไปข้างในเบาะหลัง ผมตามเข้าไปก่อนจะหันไปบอกลาคนอื่นๆ
“ฝากไอ้พฤกษ์มันด้วยนะน้อง”
“แต๊งกิ้วมากเว้ย”
ผมพยักหน้ารับ ยอมรับในชะตากรรมตัวเองว่าคืนนี้ต้องให้รุ่นพี่ที่ผมแสนเกลียดมานอนค้างด้วย ตอนแรกตั้งใจจะไปส่งพี่เอ๋ยให้ได้ ไหงกลับต้องมาพร้อมไอ้พี่พฤกษ์ซะงั้น
“ไปไหนครับน้อง” พี่โชเฟอร์ถาม
“คอนโด วิลล่า ราชเทวีครับ”
ผมหันไปมองสภาพไอ้คนเมาข้างๆ ทำไมกูต้องมารับผิดชอบมึงด้วยวะไอ้ห่า
ไอ้พี่พฤกษ์นั่งสะลึมสะลือเป็นหมาหงอย ไม่เหลือมาดเก๊กหล่อแบบที่มันชอบทำ
ถ่ายรูปแบล็คเมล์เอาคืนมันมั่งดีมั้ยนะ แม่งกำลังไม่รู้ตัวอยู่เลย
แต่พอผมกำลังจะหยิบมือถือขึ้นมา ไอ้ตัวยุ่งก็ดันพูดขึ้น
“ไอ้ริว”
มันมองผมเหมือนเห็นหน้าไม่ชัด หึ อาการหนักแล้วมึงอะ
“ไปไหนวะ”
นี่มันถามเพราะคิดว่าผมเป็นพี่ริว หรือถามหาตัวพี่ริวกันแน่
“ไอ้ริว กูถามทำไมตอบ”
ชัดเลย
“ผมไม่ใช่พี่ริว”
“ไม่ใช่ได้ไงว้าา...กวนตีนกูอ่อสาดด”
ไอ้พี่พฤกษ์ขยับเข้ามาใกล้หน้าผม ไอ้สัส มึงเขยิบออกไปเลย
“ไอ้ริว กูถามว่าเราไปไหน”
“กลับบ้าน แล้วมึงเขยิบไปไกลๆกูด้วย” ผมเลยเนียนพูดกับมันเหมือนเป็นพี่ริวไปเลย ผลักมันออกห่างแต่แม่งขืนตัวไว้ ไม่ยอมขยับ ขนาดเวลาเมายังแรงเยอะชิบหาย
“มานี่ มาให้กูกอดซะดีๆ…”
“พ่อมึงเหอะ ไม่ให้กอดเว้ย” ผมโวยวายเสียงดังเมื่อไอ้พี่พฤกษ์เข้ามากอด มันรัดแขนรอบตัวผมไว้แน่นแถมวางหัวซบไหล่ผม ผมพยายามทั้งแกะมือทั้งผลักหัวมันออกแต่ไม่สำเร็จสักอย่าง
ไอ้เชี่ยพี่พฤกษ์
“เมื่อกี้มึงยังให้กูซบเลยเพื่อน”
“มึงเป็นเกย์ปะวะ”
“อะไรวะ กูก็กอดมึงบ่อยๆ มาหาว่ากูเป็นเกย์ได้ไง”
“เชี่ยพฤกษ์”
มึงเป็นคนหรือปลาหมึกวะ เหนียวสัส
“ปล่อยกู”
“ม่าย กูม่ายปล่อยย” กูเกลียดเสียงเมาๆของมึงเข้าไส้ไอ้พี่พฤกษ์
ในที่สุดผมก็หยุดขัดขืน เหนื่อยกับแม่ง
แล้วมันก็อยู่ในท่านั้นไปจนรถแท็กซี่มาจอดหน้าคอนโดผม โว้ยยยย
“พี่ เอ้ย ไอ้พฤกษ์ ถึงบ้านแล้ว”
“อืออ กูจะนอน”
ป้าบ
ผมเบิร์ดกะโหลกมันดังสนั่น
“โอ๊ย”
“ลง ไม่งั้นกูจะทิ้งมึงนอนข้างถนน”
“เจ็บนะเว้ยไอ้ริว” มันลูบหัวป้อยๆเหมือนเด็ก แม่งดูปัญญาอ่อนโคตรๆ
ผมจ่ายเงินค่าแท็กซี่ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดที่มีฉุดกระชากหมีควาย เอ้ย ไอ้พี่พฤกษ์เดินเข้าไปในตึก ตัวล่ำๆของมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยเมื่อขาดสติ
“ทำไมบ้านมึงใหญ่จังวะ”
“เออ รวยมั้ยล่ะ”
“มึงย้ายบ้านเหรอ”
“บ้านพ่อมึง แหกตาดูดิ๊ว่านี่มันคอนโด”
“โอ้โหหห”
จะว่าไป ผมพบข้อดีที่ต้องรับผิดชอบดูแลไอ้รุ่นพี่ติ๊งต๊องนี่แล้ว ไหนๆมันก็เข้าใจผิดว่าผมเป็นพี่ริวแล้ว ผมขอเอาคืนทั้งด่าทั้งทำร้ายร่างกายแม่งให้สมใจซะเลยคืนนี้
ผมลากไอ้พี่พฤกษ์ขึ้นมาถึงห้องจนได้ เหนื่อยฝุดๆ ตั้งใจโยนมันให้นอนบนโซฟาหน้าทีวี
พอผมปล่อยมือจากตัวมัน กำลังจะเก็บคีย์การ์ดใส่ช่องเสียบ ไอ้พี่พฤกษ์มันผลักประตูห้องนอนผมแล้วเดินเข้าไป
ไอ้เหี้ยยยย
“อย่านะเว้ย”
ผมร้อง วิ่งตามเข้าไป แต่ไม่ทันซะแล้ว มันล้มตัวลงนอนคว่ำหน้าบนเตียงผมเรียบร้อย
“ไอ้พี่พฤกษ์ มึงนอนบนเตียงกูไม่ได้”
“อืออ จะนอน ง่วงแล้ว”
“กูไม่ให้มึงนอนเตียงกู ไปนอนที่อื่น” ผมกระโจนเข้าไปเขย่าตัวมัน ดึงแขนมันให้ลุกแต่ไม่ขยับ ณ วินาทีนั้นไม่เล่นบทพี่ริวแล้วครับ จะเอามันลงจากเตียงผมให้ได้
“แม่สอนว่าสามทุ่มต้องเข้านอนแล้วคร้าบบ”
โอ๊ย กูปวดหัวแทนแม่มึงชิบหายที่มีลูกไม่เต็มเต็งแบบนี้
“มึงลุกเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้พี่พฤกษ์ ไม่ให้นอนเว้ย”
“ไอ้ริวใจร้าย กูจะฟ้องไอ้เกี้ยงว่ามึงไม่ให้กูนอนด้วย”
“เชี่ยเอ๊ย…”
รู้งี้กูน่าจะทิ้งมึงให้นอนหน้าคอนโดไปซะ
ผมต้องให้มันนอนร่วมเตียงด้วยสินะ
ผมส่ายหัวอย่างหงุดหงิด เดินไปหยิบผ้าขนหนูกับอ่างพลาสติกใบเล็ก เติมน้ำใส่อ่างแล้วเอาผ้าชุบน้ำ
ที่ผมจะเช็ดตัวให้มันเนี่ย ไม่ใช่เพราะจะดูแลมันให้ดีเหมือนดูแลไอ้เจมส์เวลาเมาหรอกนะครับ แต่เพราะตัวมันเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า ผมไม่ยอมให้มันติดเตียงเด็ดขาด
ผมใช้เวลาหนึ่งนาทีเต็มๆพลิกตัวไอ้พี่พฤกษ์ให้นอนหงาย แล้วก็สังเกตเห็นว่าสีหน้ากับลำตัวมันก็ดูปกติดี ไม่ได้เป็นสีแดงหรือดูอาการหนักอะไร จะว่าสร่างแล้วก็คงเร็วเกินไป น่าแปลก
เมาอะไรของมึงวะ
“อือออ จะทำไร”
ผมถอดเสื้อยืดไอ้พี่พฤกษ์ออกทางหัว กว่าจะดึงออกได้นี่เสียเหงื่อไปอีกหลายเม็ด ตัวแม่งมีขนเต็มไปหมดเลยครับ มีตั้งแต่ขนหน้าอกไล่ลงมาจนถึงขนที่สะดือแล้วก็ยาวต่อลงไปอีก ยิ่งมันขาวยิ่งเห็นขนพวกนี้ดกดำ นี่คนหรือลิงกันแน่
ผมค่อยๆเช็ดไปตามลำตัว มือไอ้พี่พฤกษ์เริ่มอยู่ไม่สุกแล้วครับ
“ไอ้ริว ทำไมมึงมือหนักจังวะ...ห๊ะ ตอบดิ วันนี้มึงไม่ค่อยพูดกับกูเลยนาา”
“มึงมันปัญญาอ่อน สัสเอ๊ย” มันยกมือข้างหนึ่งมาจับข้อมือผม อีกข้างก็มาลูบไหล่ผมไปมา ผมเลยกระแทกเสียงระบายอารมณ์
“มึงไม่รักเพื่อนแล้วอ่อว้า เบาๆสิจ๊ะ” ยัง ยังไม่หยุดเอามือมาปัดป่ายแถวตัวกูอีก อีกทีกูจะบ้องหัวมึงให้หลุดเลยนะ
“เชี่ยพฤกษ์”
“ว่าไงจ๊ะน้องริว”
ป้าบ
“โอยยยยย”
ผมตบจริงๆครับ ที่หัวมันเลย แรงแน่นอนเพราะหัวมันกระตุกพร้อมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว กูบอกแล้วนะว่าอย่าเซ้าซี้(บอกในใจ)
มันปล่อยมือจากตัวผมไปคลำหัวตัวเอง ผมเช็ดตัวให้มันจนเสร็จ
“แล้วอย่าอ้วกนะมึง ถ้าอ้วกมากูเอาตีนยัดปากแน่”
ตอนนี้ความกังวลผมขึ้นสูงทะลุปรอทแตก ถ้าเกิดมันแฮงค์จนอ้วกออกมา ผมต้องเป็นคนเช็ด โอ้ซาร่า เตียงกู ห้องกู

“ไอ้ริว มึงอยู่ไหน ไอ้ริว”
ผมอาบน้ำเสร็จ เดินกลับเข้ามาในห้องนอน ไอ้พี่พฤกษ์แม่งกำลังเห่าเสียงดังแข่งกับหมาหน้าคอนโดอยู่
“มึงจะเรียกทำไมวะ” ผมพึมพำอย่างหัวเสีย ไอ้พี่พฤกษ์นอนบิดตัวไปมา ตาปิด แต่ส่งเสียงเรียกชื่อพี่ริวไม่หยุดหย่อน ผมล่ะสงสารพี่ริวจริงๆที่มีเพื่อนแบบมัน ไม่ดิ ตอนนี้ผมสงสารตัวเองมากกว่าที่ต้องมาอยู่กับมันเนี่ย
ผมใส่แค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวแล้วปีนขึ้นเตียง ดีนะเตียงผมกว้าง สี่คนก็ยังนอนได้สบาย ไอ้พี่พฤกษ์เลยดิ้นของมันไปไม่มาเบียดกับผม
“ไอ้ริวววว”
ผมไม่ตอบ
“อาบน้ำให้กูหน่อยจิ”
“จิพ่อมึงดิ”
พูดจาแอ๊บแบ๊วซะกูขนลุกเชียว
“เค้าร้อนนน อาบให้หน่อยย”
“อะไรของมึงนักหนาเนี่ย” ผมโอดครวญ เวลาแม่งเมาแล้วเรื้อนใส่เพื่อนแบบนี้ พี่ริวพี่เกี้ยงทนได้ไงวะ
“ควาย กูพึ่งเช็ดตัวให้มึงเมื่อกี้เลย”
“ริววว”
“มานี่”
ผมขยับตัวไปถอดกางเกงยีนส์ไอ้พี่พฤกษ์ออกแล้วโยนไปที่พื้น พอจะหันกลับไปนอนต่อ แม่งเสือกมากอดผม
“ไอ้สัส ปล่อย”
“ม่าย คืนนี้มึงต้องให้กูกอดดด”
“เชี่ยเอ๊ย”
อย่างที่มันกอดผมแน่นบนรถแท็กซี่ แต่คราวนี้แม่งยื่นหน้ามานัวเนียผมด้วย แถมเอาขาพาดทับตัวผมอีก ไอ้ห่าพี่พฤกษ์
ในที่สุดผมก็รวบรวมกำลังถีบใส่สุดแรงจนตัวมันกระเด็นกลับไปเตียงอีกฝั่ง(เกือบตก) ถ้าตัวไอ้พี่พฤกษ์บางกว่านี้สักหน่อยคงตกเตียงไปแล้ว
“โอย…”
มันนอนโอดโอยพลางเอามือกุมท้อง สมน้ำหน้า
“ถ้ามึงไม่หยุดกวน กูสาบานว่าจะโยนมึงออกทางหน้าต่าง นอนเฉยๆได้มั้ยวะ” ผมตะคอก ทั้งๆที่รู้ว่าคุยกับคนเมาไปก็ไม่รู้เรื่อง อารมณ์เสียสัสๆ อีกนิดเดียวผมทำจริงๆนะ
“ทำไมต้องดุขนาดนั้นด้วยไอ้ริว” ไอ้พี่พฤกษ์ครางเสียงอ่อย หลับตา หน้าเหยเก สภาพแม่งน่าทุเรศชิบ
เออ กูไปนอนโซฟาข้างนอกก็ได้วะ ยอมแพ้มึงละไอ้พี่พฤกษ์ คนเมา2018 แต่พอกำลังจะเดินออกไป ผมเห็นแม่งนอนนิ่งๆเหมือนกำลังจะหลับ(สลบ)แล้ว ผมเลยยืนมองอยู่สักพัก
เห้ย มันหลับไปแล้วว่ะ
ผมตัดสินใจกลับมานอนบนเตียงอีกครั้ง เกือบเช้าแล้วมั้งตอนนั้น สุดท้ายไอ้พี่พฤกษ์ก็หลับไปจนได้ แล้วผมก็ตามไปติดๆเพราะทั้งง่วงทั้งเหนื่อย(ไอ้ความรู้สึกเมากรึ่มๆที่ร้านเหล้าหายไปเป็นปลิดทิ้งเพราะไอ้ตัวปัญหาข้างๆ- -)

“เหี้ยยย”
ผมสะดุ้งตื่นแล้วถีบไอ้พี่พฤกษ์สุดแรง มันกระเด็นไปถึงขอบเตียงอีกฝั่งแต่ไม่ตก(อีกแล้ว)
“โอ๊ย...เห้ย น้องเพชร”
มันทำหน้าตาตื่น หึ ตกใจอะไรขนาดนั้น หน้าน้องเพชรเหมือนป๊ะป๋าพี่พฤกษ์รึไงจ๊ะ
“เพชรมาอยู่นี่ได้ไง”
“หึ ผมควรจะเป็นคนถามพี่มากกว่ามั้ง”
“เดี๋ยวๆ พี่งงไปหมดแล้วครับ”
ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยกู
“แล้วน้องถีบมาได้ไง โคตรจุกเลย” ไอ้พี่พฤกษ์ลูบท้องตัวเอง หน้ามุ่ย
“พี่มากอดผมทำไมล่ะ”
“ก็พี่ไม่รู้นี่ครับ นึกว่าหมอนข้าง”
ขณะที่ตอบว่าหมอนข้างมันก็ยังทำหน้ากวนส้นตีนใส่ผมอีกแน่ะ
“สรุปว่าพี่มานอนกับเพชรได้ไง”
“เมื่อคืนพี่เมาหนัก พี่ริวพี่เกี้ยงเลยฝากพี่มานอนห้องผม”
“อ้อ…” ยิ้มไรของมึง “งั้นพี่ไม่ลงโทษที่เราถีบพี่ละ เมื่อคืนอุตส่าห์ดูแลพี่เป็นอย่างดี”
ไม่ต้องซาบซึ้งบุญคุณผมมากนะ ผมไม่ได้อยากทำ แถมถ้ารู้สิ่งที่ผมทำกับพี่เมื่อคืน พี่อาจจะอยากถีบกลับ
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ไปกอดน้องตอนไหนยังไม่รู้ตัวเลย”
คำพูดฟังดูดีใช่มั้ยล่ะ แต่หน้าตาแม่งยียวนสื่อความหมายคนละเรื่องเลย
“เราจะไปไหนอะ”
“อาบน้ำครับ”
“เอ่อ ที่ห้องเรามีอะไรกินบ้างมั้ยอะ พี่หิวมากเลย” มันเกาหัว
แหม่ ตื่นมาก็ถามหาของแดกเลยนะ
“ตอนนี้มีแต่มาม่ากับขนมปังครับ อย่างอื่นหมด”
“คือ...พี่อยากกินข้าวอะครับ”
เรื่องมากชิบหาย
“งั้นก็รอผมอาบน้ำ เดี๋ยวออกไปกินข้างนอก”
“ครับ”
ผมพูดเสียงเบื่อๆแต่มันกลับรับคำเสียงใส
ไอ้พี่พฤกษ์บ่นทันทีที่ผมกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
“ทำไมเพชรอาบน้ำนานจังครับ พี่หิวแล้ว”
“อาบนานๆจะได้สะอาดไงครับ” จริงๆแล้วผมตั้งใจอาบนานเป็นพิเศษ เห็นมีคนแถวนี้หิวน่ะครับ
“ครับๆ” ไอ้พี่พฤกษ์เด้งตัวขึ้นจากเตียง กูล่ะเกลียดท่านอนสบายใจเหมือนเตียงเป็นของมึงเองชิบหาย
“เพชรนี่หุ่นดีเหมือนกันนะเนี่ย”
เนื่องจากผมมีผ้าขนหนูผืนสั้นพันรอบเอวปิดส่วนล่างอยู่ผืนเดียว ไอ้พี่พฤกษ์คงสังเกตเห็นรูปร่างชัด โด่ ไม่ต้องมากระแนะกระแหนกูหรอก หุ่นมึงอะเข้าฟิตเนสทุกวันแน่ๆ
ผมกำลังจะหยิบกางเกงในขึ้นมาใส่ ก็พอดีเห็นว่าไอ้พี่พฤกษ์มันยังยืนมองอยู่ที่เดิม ไม่ได้เดินไปเข้าห้องน้ำ
“มองไรพี่”
“ป่าวคร้าบ” มันตอบก่อนจะรีบเดินออกไป
ผมไม่ได้เขินอะไรหรอกนะ ผู้ชายด้วยกัน แต่มันมาหยุดนิ่งยืนมองผมแต่งตัวนี่ จะเล่นอะไรพิเรนทร์ๆรึป่าวฟะ

TBC

ถ้าพี่พฤกษ์จะเมาแล้วเรื้อนขนาดนี้5555 ถ้าคุณผู้อ่านเป็นเพชรจะทำยังไงนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 19:23:56 โดย writerbeer »

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP8 “เอาไว้ที่ห้องเพชรเนี่ยแหละ”

“เมื่อคืนพี่ทำอะไรยุ่งๆมั่งปะ”
ไอ้พี่พฤกษ์นั่งจ้องหน้าผมอยู่นานเหมือนชั่งใจอะไรบางอย่าง จนในที่สุดก็ถามออกมา เอิ่ม ผมจะบอกมันยังไงดีว่าทุกเรื่อง
“พี่ไม่วุ่นวาย ไม่ก่อกวนอะไรเพชรสักนิดเลย น่ารักมากครับ”
“55555555555”
มันหัวเราะพรืด เออ ก็รู้นิว่ากูประชด
“น้องเพชรบอกพี่มาตรงๆเถอะ อย่าโกหกเลย”
“เหนื่อย เรื่องยาว”
ผมบอกปัดสั้นๆแล้วเริ่มกินข้าวไข่เจียวหมูสับที่ถูกยกมาเสิร์ฟ เมนูง่ายๆนี้อร่อยที่สุดของร้านอาหารตามสั่งแถวคอนโดผมเลยนะเห้ย
“ไม่เล่าจริงๆอ่อ...อืม ไม่เป็นไร พี่พอรู้อยู่ว่าเวลาตัวเองเมาแล้วทำอะไรบ้าง”
ภูมิใจมากมั้ยที่รู้ว่าตัวเองทำอะไรตอนเมา เฮ้อ คุยกับมันแล้วปวดประสาทชิบ
“ว่าแต่เพชรไม่ได้โกรธอะไรใช่มั้ย”
ผมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวแล้วมองมันอย่างหงุดหงิด ก่อนพูดด้วยเสียงหวานนุ่ม จงใจเลียนแบบมัน
“ป่าวครับรุ่นพี่”
“หึหึ ชอบโกหกตลอดเลยนะเรา”
ตอนนี้สิบเอ็ดโมงเกือบเที่ยง โว้ย ผมว่าวันนี้จะโทรหาหญิงสักคนแล้วชวนออกไปเดินเที่ยว ต้องมาติดแหง็กอยู่กับไอ้บ้านี่ หวังว่าเสร็จมื้อนี้แล้วมันจะไปๆจากผมสักทีนะ
“ว่าไงมึง...เออ กูฟื้นแล้ว...ไอ้สัส กูยังไม่ตาย...อยู่กับน้องมันเนี่ย...เออ ถ้าไม่ได้เพชรนี่กูแย่เลย…”
ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มเล็กๆตอนพูดถึงผม สำนึกบุญคุณกันสินะ สงสัยไม่พี่ริวก็พี่เกี้ยงที่โทรมาครับ ผมอยากตะโกนใส่โทรศัพท์ว่าเพื่อนพี่แม่งสร้างปัญหาโคตรๆ
“ไอ้เกี้ยงโทรมาน่ะ มันฝากบอกขอบคุณน้องเพชรอีกครั้งที่ช่วยดูแลพี่”
ผมไม่ตอบ เบี่ยงหน้าไปทางอื่น มันกำลังจ้องผมอีกแล้ว
ตอนนั้นเองก็ถึงทีเพื่อนรักผมโทรมาหาบ้าง
“ว่าไงไอ้ขี้เมา”
(สาด มึงฟื้นละเรอะ)
“เออ ตื่นนานละ กูไม่ได้เมาจนดูแลตัวเองไม่ได้แบบมึงโว้ยไอ้เจมส์”
(เหี้ย)
“ไอ้นิวล่ะ”
(มันกำลังเดินมาส่งกูเรียกแท็กซี่กลับบ้านเนี่ย ไอ้นิว เชี่ยเพชรถามหา)
(เมื่อคืนไอ้เจมส์แม่งโคตรเรื้อนเลยเพชร มัน...) ไอ้นิวส่งเสียงเข้ามา
(พอเลยสัส ไม่ต้องเผากู)
ผมหัวเราะ ว่าแต่ไอ้นิวชะตากรรมเดียวกับผมเลยนี่นา
“เออ งั้นกลับดีๆมึง อย่าให้แม่รู้ละ...บาย”
“น้องเจมส์กับน้องนิวหรอครับ”
“ครับ”
“เพื่อนๆเป็นไงมั่ง เมาหนักมั้ย”
“น้อยกว่าพี่แน่ๆ”
“55555555”
ยังจะมาขำอีก กูกัดมึงอยู่รู้มั้ย
“วันนี้เพชรว่างปะครับ”
ผมจะตอบว่าไม่ แต่นึกสาเหตุโกหกไม่ทัน
“งี้แสดงว่าว่างสินะ”
“มะ ไม่”
“ไม่ใช่ละ ถ้าไม่ว่างจริงเพชรคงตอบพี่ทันทีเลย อย่ามาโกหกน่า”
ผมจิ๊ปาก แม่งเสือกรู้ทัน ไปไม่เป็นเลย
“แล้วพี่ถามทำไม”
มันยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนตอบ
“จะชวนไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อย”
“ทำไมเพชรต้องไปด้วย”
“เมื่อวานก่อนไปร้านเหล้า ปีหนึ่งทุกคนต้องจับฉลากทำmission เพชรเป็นคนเดียวในกรุ๊ปที่โดด ก็ถือว่านี่เป็นmissionของเพชรแล้วกัน”
ข้ออ้าง จะหาเรื่องแกล้งกูอีกสิท่า
ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มทะเล้นกับหน้าบึ้งๆของผม
“นี่ง่ายกว่าที่เพื่อนๆเราจับฉลากกันอีกนะ บางคนต้องไปจีบรูปคนในป้ายcut out บางคนไปทะเลาะกับถังขยะ มีให้ไปเต้นที่หน้าคณะอื่นด้วย”
“ครับ ยังไงผมก็ไม่มีสิทธิปฏิเสธอยู่แล้วนี่”
หมดช่วงเวลารับน้องบ้าบอนี่เมื่อไร ผมจะไม่มีวันมายุ่งกับไอ้พี่พฤกษ์อีกเลย คอยดูดิ
ผมกับไอ้พี่พฤกษ์เดินจากคอนโดมาขึ้นรถไฟฟ้าไปลงสยาม คนเยอะเป็นปกติของวันเสาร์อยู่แล้ว
“พี่จะซื้ออะไร”
มันไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มอยู่นั่น
พอออกจากสถานีสยามก็เดินเข้าไปในparagon มันนำผมลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่าง
“gourmet?”
“เป็นหมอดูอ่อ”
ไอ้พี่พฤกษ์มาgourmetจริงๆ
“เข็นรถให้พี่หน่อยนะ”
ใช้กูอีก อ่อ สงสัยขาดเบ๊ รู้งี้กูไม่โดดเข้ากรุ๊ปเมื่อวานแล้วยอมไปทะเลาะกับถังขยะซะยังจะดีกว่า
“เราว่าซื้อไข่ไก่กี่ใบดี”
“พี่จะใช้เท่าไรล่ะ”
“อืมม เราว่าเท่าไร”
“มาถามเพชรทำไม”
“งั้นสองโหลไปเลยแล้วกัน”
ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจพี่แก
“ตามมานี่ครับ”
ไอ้พี่พฤกษ์เรียกให้ผมลากรถเข็นตามไปอีกมุมหนึ่ง
“ปกติเราทำอาหารกินเองมั่งปะ”
“พี่ถามทำไม”
“ตอบมาเหอะน่ะ เจ้าหนูจำไม” แน่ะ เคาะหัวอีก เพื่อนเล่นอ่อ
“ไม่ค่อย”
“อ่าฮะ”
ไอ้พี่พฤกษ์ละจากโซนเนื้อไปหาเครื่องดื่มแทน
“บ้านพี่นะ พวกผู้ใหญ่สั่งให้เด็กๆในบ้านกินนมทุกวัน ตอนเด็กพี่โดนบังคับกินนมจืดให้ได้วันละ1ลิตรแน่ะ”
ไม่พูดเปล่า ทำท่าอวดว่าตัวมันเองสูงกว่าผม ถุ้ย สูงกว่าไม่เกิน5เซ็นติเมตรแน่ๆ
“แล้วไงครับ” กวนตีนแม่งซะเลย
“เปล่าครับ เล่าให้ฟังเฉยๆ...พี่โตขนาดนี้ยังกินนมอยู่เลย เพชรก็ควรกินนมเยอะๆนะครับ”
“กินนมเยอะระวังเมาไม่รู้เรื่องแบบเมื่อคืนนะครับ”
หมาในปากผมเริ่มทำงาน ไอ้พี่พฤกษ์ตีหน้าซื่อ ทำเป็นไม่รู้ว่าผมกัด มันหยิบนมจืดกับนมช็อคโกแลตหลายขวดใส่รถเข็น
จากนั้นมันก็หยิบของกินอีกหลายอย่าง มีขนมขบเคี้ยวหลายยี่ห้อ โดยเฉพาะเลย์ หยิบเป็นสิบถุงแถมไม่ซ้ำรสด้วยนะ
“พี่จะซื้อไปเปิดร้านขายของชำรึไง”
มันหัวเราะเบาๆ
“เปล่าครับ เคยบอกแล้วไงว่าบ้านพี่รวยแล้ว ไม่ต้องขายของหรอก”
ไม่น่าถามแม่ง
เมื่อคุณพ่อบ้านพฤกษ์สุดน่ารัก(แหวะ)ได้ทุกอย่างที่พอใจแล้วก็ตรงไปจ่ายเงิน ผมก็ทำหน้าที่เดิมคือลากรถเข็นตามมันไปต้อยๆ
แคชเชียร์สาวกำลังมองไอ้พี่พฤกษ์ตาละห้อย มันเก๊กใหญ่เลยครับ หึ
พอผมตามเข้าไปยืนหลังมัน แคชเชียร์คนนั้นหันมาหาผมแทนพร้อมกระพือขนตาแวววาว ผมหันไปยักคิ้วให้มัน โคตรสะใจ
สุดท้ายหญิงก็ชอบผมมากกว่ามัน
“เพชรไปได้ยังครับ”
ผมถามทันทีที่เดินออกจากgourmet ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มกริ่ม
“ยังครับ”
มันสั่งให้ผมช่วยถือของไปเรียกแท็กซี่ ของแม่งเยอะชิบหาย กำลังเข้าไปนั่งในรถพอดีมันก็พูดขึ้นมา
“เอ้อ พี่ลืมของไว้ที่ห้องเราอะ กลับไปคอนโดก่อนได้มั้ย”
ผมหันขวับไปที่มัน
“ลืมอะไรครับ”
“คอนแทคเลนส์”
นอนห้องกูอีกสักคืนเลยมั้ย ไม่ต้องกลับบ้านหรอก
“ไปวิลล่า ราชเทวีพี่”
ผมบอกพี่โชเฟอร์อย่างหงุดหงิด


“เดี๋ยวพี่พฤกษ”์
“ครับ?”
ลงจากแท็กซี่ ไอ้พี่พฤกษ์ทำท่าจะเดินเข้าไปในคอนโดผมพร้อมของอีกแปดถุง
“เดี๋ยวเพชรขึ้นไปเอาคอนแทคเลนส์ให้ พี่รออยู่ตรงนี้แหละ จะแบกของขึ้นไปให้หนักอีกทำไม”
“เอ่อ พี่จำไม่ได้อะดิว่าวางไว้ตรงไหน เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหาเองดีกว่า เกรงใจเพชรแย่”
โอว มาถึงตอนนี้ก็ไม่ต้องเกรงใจผมแล้วมั้งครับพี่ ได้ข่าวว่าสร้างความลำบากเดือดร้อนตั้งแต่เมื่อคืน
“งั้นพี่ก็ขึ้นไปด้วย แล้วฝากของไว้ตรงล็อบบี้เนี่ยแหละ”
“ไม่เอา พี่กลัวหาย”
ไอ้บ้าเอ๊ย ใครจะมาขโมยไปฟะ
“ไม่หายหรอกน่า”
“หายดิ ของกินตั้งเยอะแยะ ช่วยพี่ถือขึ้นไปข้างบนอีกครั้งนะครับ นะๆ”
เฮ้อ มันเคยฟังที่ผมพูดมั้ยล่ะ
ไอ้พี่พฤกษ์ดูอารมณ์ดียังไงก็ไม่รู้ มึงช่วยดูหน้ากูด้วยว่าพร้อมต้อนรับมึงเข้าห้องกูอีกครั้งมั้ย ที่จริงหันไปทีไรก็เจอพี่แกกำลังยิ้มทุกที สุขใจมากดิ
“อยู่ในห้องน้ำรึเปล่านะ”
มันพึมพำกับตัวเอง วางถุงใส่ของลงบนโต๊ะอาหารแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำเป็นที่แรก
“อยู่ไหนหว่า”
มันเดินเข้าไปในห้องนอนผมต่อ แหม่ เดินเข้า-ออกสบายใจอย่างกับบ้านตัวเองเลยนะ
“เจอละ”
“จะให้ถือของลงไปส่งข้างล่างอีกรอบมั้ยครับ” ผมถามด้วยเสียงประชดประชัน
“ไม่ต้องหรอกครับ” ไอ้พี่พฤกษ์หัวเราะเบาๆ “เอาไว้ที่ห้องเพชรเนี่ยแหละ”
ผมเลิกคิ้วขึ้น
“หมายความว่าไงครับ”
“ไว้ที่ห้องเพชรไง เมื่อเช้าบอกว่าของหมดไม่ใช่อ่อ”
ผมอึ้ง ไอ้พี่พฤกษ์ซื้อของทั้งหมดนี่ให้ผมเนี่ยนะ
“อย่ามาล้อเล่นน่า ถ้างั้นพี่ถือลงไปข้างล่างเองแล้วกัน เพชรจะนอน”
“พี่ไม่ได้พูดเล่นครับ พี่ซื้อให้เราจริงๆ...ถือซะว่าตอบแทนเรื่องยุ่งๆเมื่อคืนนะ”
“ไม่ต้องก็ได้ พะ พี่เอากลับไปเหอะ” ผมตะกุกตะกักขึ้นมา
มันยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าผมทำตัวไม่ถูก
“ปีหนึ่งอย่าขัดคำสั่งรุ่นพี่สิครับ”
ผมกับมันยืนจ้องหน้ากันอยู่เดี๋ยวหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร
สุดท้ายมันก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ
“ถ้างั้นพี่กลับก่อนนะครับ อย่าลืมกินนมเยอะๆล่ะ”
ผมมองตามมันด้วยความงุนงง คนอย่างไอ้พี่พฤกษ์เนี่ยนะจะคิดดีทำดีได้ขนาดนี้
“อ้อ เกือบลืมแน่ะ”
“หือ?”
“ชอบที่เราแทนตัวเองว่าเพชรจัง มันดูสนิทมากกว่าคำว่าผมอะ”
ไอ้พี่พฤกษ์ส่งยิ้มให้เป็นครั้งที่ร้อยและครั้งสุดท้ายของวันก่อนจะเดินเข้ามาตบไหล่ผมเบาๆและออกจากห้องไปกับกระเป๋าคาดอกหนึ่งใบ

ผมปีนขึ้นเตียงเตรียมนอนยามบ่าย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
แม่
ผมคิดอยู่เดี๋ยวหนึ่งว่าจะรับดีมั้ย สุดท้ายก็กดรับ
(เพชร)
“ครับ”
(แม่ว่าจะโทรหาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เผื่อว่าเพชรน่าจะตื่นสาย)
“แม่มีอะไร”
(เสาร์อาทิตย์ไม่กลับบ้านเหรอลูก)
“ไม่อะ...เพชรเหนื่อย อยากนอนพัก”
(งั้นเหรอ...แล้วเป็นไงบ้าง เรียนอาทิตย์แรก สนุกมั้ย)
“ก็เบื่อๆอะ”
(แม่กับพ่อเป็นห่วงเพชรมากนะลูก นี่พ่อเค้าบ่นถึงเพชรทุกวันเลย)
ผมอยากถามว่าจริงหรือเปล่า แต่ก็กลืนคำพูดโต้ตอบลงไป
(ถ้าว่างหรือหายเหนื่อยแล้วกลับมาบ้านบ้างนะลูก เพชรไม่ได้กลับมาตั้งแต่ก่อนเปิด...)
“แม่” ผมตัดบท “เพชรไม่อยากกลับครับ แม่มีอะไรอีกมั้ย”
(เดี๋ยวจ้ะ เอ่อ แม่กับพ่อรักเพชรนะ) แม่รีบพูด
“แค่นี้นะครับ”
นี่คือบทสนทนาสั้นๆระหว่างผมกับพ่อแม่ และมันเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว พอผมเข้ามหาวิทยาลัย ผมขอย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียว และตั้งใจกับตัวเองว่าจะไม่กลับไปที่บ้านอีกแล้ว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง
อะไรกันนักหนาฟะ คนจะนอน
“มีไรเชี่ยเจมส์”
(อ้าว หงุดหงิดไรมาวะไอ้เวร)
ไอ้เจมส์คงจับน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ได้ทันที
“โทษทีว่ะ...มึงมีไร”
(แค่จะบอกว่ากูโอเคละ ตอบไลน์มึงเมื่อกี้แต่มึงไม่อ่าน)
“อ้อ ดีละ ว่าแต่แม่มึงไม่รู้ใช่มั้ย”
(ไม่ กูถึงออกจากหอไอ้นิวตอนเที่ยงๆไง เช้าตื่นมายังไม่หายแฮงค์เลยสาด)
ผมหัวเราะ
(แล้วพี่พฤกษ์เป็นไงมั่ง)
“สัส แม่งป่วนกูชิบหาย เมาแล้วเรื้อนเหี้ยๆ”
ทีไอ้เจมส์หัวเราะบ้าง
“มันหนักกว่ามึงอีกมั้ง ถ้าพวกเพื่อนไอ้พี่พฤกษ์ไม่ขอร้อง กูไม่มีทางรับดูแลแน่”
(พี่เค้ากลับไปแล้วรึไง มึงมาด่าปาวๆอยู่เนี่ย)
“พึ่งกลับไป”
(มึงกับพี่พฤกษ์นี่เจอกันแล้วมีเรื่องทุกทีเลยนะ เมื่อไรจะญาติดีกับเค้าสักทีวะ)
“น่าจะชาติหน้าตอนดึกๆ...เมื่อกี้แม่งลากกูไปช่วยซื้อของ ชดเชยที่กูไม่ได้ทำmissionเมื่อวานเย็น”
(หือ missionไรวะ)
“พวกมึงต้องทำmissionก่อนพี่เค้าเลี้ยงข้าวไม่ใช่รึไง”
(ไม่นะ หลังเลิกคลาสก็มารวมที่กรุ๊ปแล้วไปแดกเลยนะ ไม่มีกิจกรรมอะไรนิ)
....
ห่าาา ผมโดนไอ้พี่พฤกษ์ต้มอีกแล้วอ่อ

TBC

แหม มีซื้อของกินมาให้ด้วย น่ารักจริงๆเลยพี่พฤกษ์เนี่ย

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP9 “ทำไมต้องเป็นเพชร”

ผมมาถึง Central World ตอนเที่ยงกว่าๆได้ เมื่อคืนพี่โก้ สายรหัสปี4 ถามมาในไลน์กรุ๊ปว่าว่างวันไหนกันบ้าง แกอยากเลี้ยง พอดีทุกคนว่างวันนี้ตรงกัน พี่โก้จึงนัดเลย ลาภปากดิงี้
ผมยังไม่เคยเจอพี่มาย(สายรหัสปี3)กับพี่โก้ แต่พี่แนทเล่าให้ฟังว่าสองคนนี้โคตรฮ็อต ผมเลยส่องรูปไลน์โปรไฟล์ของพี่มาย งานดีอยู่ครับ ชักอยากเห็นตัวจริงเร็วๆแล้วสิ
พี่มายพึ่งฝึกงานเสร็จ ส่วนพี่โก้ก็กลับจากต่างประเทศมาไม่กี่วันหลังเปิดเทอม
เรานัดกันเที่ยงตรง แต่ผมพึ่งลุกจากเตียงเมื่อชั่วโมงก่อน จะโดนด่ามั้ยเนี่ยไอ้เพชร
“นั่นไง มาแล้ว” พี่แนทหันมาเห็นผมที่เดินมาใกล้จะถึงหน้าร้านพอดี
“หวัดดีครับพี่ๆ ขอโทษที่มาสายครับ” ผมเอ่ยขอโทษเป็นอย่างแรกเลย
“น้องรู้มั้ยว่าพี่รอโคตรนานเลย เมื่อกี้จะให้แนทเค้าโทรไปตามอยู่แล้ว กะว่าถ้ายังไม่มาพวกพี่จะกินกันแค่3คน” พี่โก้พูดเสียงดัง เล่นงานผมทันที
“เอ่อ ขอโทษจริงๆพี่” ผมตกใจเล็กน้อย รู้สึกว่าตัวเองหน้าบึ้งตึงขึ้นมาเหมือนกัน ผมไม่ชอบให้ใครมาพูดแบบนี้ถึงตัวเองจะทำผิดก็เถอะ
“ไม่เป็นไรน่าพี่โก้ น้องเค้าก็เลทแปบเดียวเอง เข้าร้านกันเถอะค่ะ” พี่มายรีบขัดขึ้น เออ ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกครับ(มันใช่เวลามั้ยเนี่ยเพชร)
“ไม่ได้ดิ สายก็คือสาย ผิดก็ต้องสอน พี่ไม่อยากให้น้องเป็นคนไม่ตรงต่อเวลา”
พี่โก้จ้องผมถมึงทึง ผมที่ตอนนี้ชักหงุดหงิดกับคำพูดพี่เค้า จ้องหน้ากลับ ในขณะที่พี่แนทกับพี่มายสบตากันอย่างไม่สบายใจ
“ผมยอมรับครับว่าผิด แต่พี่ต้องตวาดด้วยอ่อ”
ทุกคนอึ้งไปพร้อมกัน ก่อนพี่โก้จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
“เห้ย เดี๋ยวครับน้อง พี่แค่ล้อเล่น”
คราวนี้เป็นผมที่อึ้งบ้าง
“คือเราคุยกันไว้ว่าจะแกล้งให้พี่โก้ว่าที่เพชรมาสาย แต่ไม่คิดว่าเพชรจะโกรธ…” พี่แนทอธิบาย
“ขอโทษครับ เพชร...ไม่ได้ตั้งใจ” ผมรู้สึกผิดมากกว่าเรื่องมาสายแล้วล่ะตอนนี้
“ไม่เป็นไรๆ พี่ดิต้องขอโทษ ไม่น่าอำน้องเลย” พี่โก้ยิ้มให้ผม
“ขอโทษอีกครั้งนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ มาๆ เข้าร้านกันดีกว่า” พี่โก้ผายมือให้คนที่เหลือเดินเข้าไปในร้านก่อนจะตามเข้ามา

ปรากฏว่าพี่โก้เป็นคนอารมณ์ดี คุยสนุก คนละเรื่องกับที่แกล้งอำผมก่อนเข้าร้านเลย
“น้องๆกินเต็มที่เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
หมูกับเนื้อของ momo paradise มีให้เลือกไม่กี่ประเภท แต่อร่อยทุกอย่างครับ ผมชอบหมูดำที่พี่โก้แนะนำ
“ใช่ๆ ไม่ต้องไปเกรงใจพี่โก้นะเพชร พี่โก้ใจดี นัดเลี้ยงสายแทบทุกเดือน” พี่แนทบอก
“ดีจังเลยครับ”
“พี่ไม่เห็นเพชรค่อยกินอะไรเลย...หรือว่ายังโกรธพี่อยู่” พี่โก้ถามหน้าเจื่อน
“เห้ย ไม่ใช่นะพี่ ผมดิต้องกลัวพี่โกรธ” ผมรีบบอก
“ไม่ๆ พี่ต่างหากที่แกล้งเราก่อน” พี่โก้ส่ายหัวปฏิเสธ
“จริงๆถึงพี่ไม่แกล้ง เพชรก็ยังผิดที่มาสา…”
“เลิกขอโทษกันไปมาได้แล้วค่ะ เพชรเค้าไม่ได้โกรธพี่โก้ซะหน่อย พี่โก้ก็ไม่ได้คิดอะไรเรื่องสายเลยนะ”
พี่แนทบอกยิ้มๆ
“จริงด้วย เพชรกินเยอะๆเลยนะจ๊ะ” พี่มายเสริม
ผมยิ้มตอบพี่โก้ หลังจากนั้นก็กินแบบไม่เกรงใจแล้วครับ
“แต่เพชรไม่ชอบให้ใครตะคอกใส่ใช่มั้ย” พี่แนทถามต่อ
“เอ่อ ใช่ครับ” ผมเกาหัวแก้เก้อ
“แหม พี่ก็ไม่ชอบโดนตะคอกเหมือนกันนะ” พี่มายว่า
“พี่ว่าไม่มีใครชอบทั้งนั้นแหละ” พี่โก้ปิดท้าย
“เออนี่ ทำไมเพชรถึงเลือกเรียน finance ล่ะ” พี่มายเปลี่ยนเรื่องคุย
ผมนึกถึงหน้าไอ้พี่พฤกษ์ที่เคยถามคำถามนี้ขึ้นมา
“ผมสนใจด้านนี้มาตั้งแต่มัธยมแล้วครับ แล้วก็อยากมีความรู้ธุรกิจที่คณะสอนด้วย”
พี่ๆพยักหน้าอย่างชื่นชม
“ต๊าย น้องรหัสเรานี่ทั้งหล่อทั้งความคิดดี ปลื้ม” พี่แนททำท่าดี๊ด๊า
“พี่แนทก็ชมเกินไป”
“เออ พี่กำลังจะพูดอยู่พอดี เพชรนี่หล่อนะเนี่ย เป็น cute boy ได้เลย” พี่โก้พูด
“ใช่ๆ มายไปส่องfacebookน้องมา ฮ็อตมากๆ”
พี่ๆเล่นชมกันทั้งโต๊ะงี้ ผมก็เขินตัวบิดไปมาน่ะสิครับ แหม เมื่อกี้พี่มายบอกว่าไปส่องผมมาด้วย
“พี่เห็นรูปที่เจ้าพฤกษ์ถ่ายกับเพชรตอนรับน้องวันแรกอะ โคตรฮาเลย” แล้วทุกคนยกเว้นผมก็หัวเราะกับคำพูดพี่โก้
“พี่มายกับพี่โก้พลาดมาก แนทอยู่ในเหตุการณ์ ขำจนปวดท้อง”
“พี่โก้รู้จักพี่พฤกษ์ด้วยอ่อ” ผมถาม
“รู้ดิ พี่รับน้องรุ่นนั้นมากับมือ แถมเจ้าพฤกษ์มันก็โด่งดังซะขนาดนั้น”
“มายว่าพฤกษ์กับเพชรนี่คล้ายๆกันเลยนะคะ เข้าม.มาก็เป็นที่รู้จักไปทั่วขนาดนี้”
ม่ายอาว ผมไม่อยากเหมือนไอ้เบื๊อกนั่น
“พี่พฤกษ์อะดูเหมือนจะถูกชะตาเพชรนะ เห็นชอบแกล้งตลอดเลย” พี่แนทบอก
“เพชรคงเบื่อขี้หน้าเจ้าพฤกษ์มันแน่ๆ ดูสิ พูดถึงพี่เค้าแล้วหน้าบึ้งเชียว” พี่โก้พูดกลั้วหัวเราะ
ผมไม่พูดอะไร ได้แต่ลูบหลังคอ จะให้ตอบไปได้ไงล่ะว่าโคตรเหม็นขี้หน้าแม่ง
หัวข้อสนทนาถูกเปลี่ยนไปถึงเรื่องของคนอื่นบ้าง

“เดี๋ยวเพชรไปเข้าห้องน้ำแปบนึงนะ” ผมบอกพี่ๆในโต๊ะก่อนเดินออกมา ยังไปไม่ถึงห้องน้ำก็ดันเห็นคนที่พึ่งถูกพูดถึงที่โต๊ะอาหารเมื่อกี้
ไอ้พี่พฤกษ์
โว้ย ทำไมผมต้องมาเจอมันทุกวันเลยวะ
โชคดีที่ไอ้พี่พฤกษ์ยังไม่เห็นผม มันเดินอยู่คนเดียว ถือของเต็มไม้เต็มมือ ผมรีบเบี่ยงตัวออกไปเดินอีกฝั่งทันที
รอดแล้วกู
ที่หลบเนี่ยไม่ใช่เพราะกลัวนะครับ แค่ไม่อยากเจอหน้า เพราะเดี๋ยวมันก็หาอะไรมาแกล้งผมอีก
แต่เชื่อมั้ยว่าตั้งแต่ผมรู้จักกับไอ้ห่านี่ ดวงผมพุ่งตกยิ่งกว่าดาวหาง หรือเป็นเพราะปีนี้เป็นปีชงราศีผมก็ไม่รู้ พอผมทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วจะเดินกลับไปที่ร้าน ดันเจอไอ้พี่พฤกษ์จังๆเลย
“อ้าว น้องเพชร” มันยกยิ้มมุมปากขึ้นทันทีที่เห็นผม ดีใจได้เจอคนหน้าเหมือนบุพการีรึไงพี่
“ครับ” ผมรับคำเสียงเบื่อหน่าย ไอ้พี่พฤกษ์เดินตรงเข้ามาหา
“แหม ทำหน้าแบบนั้น ดีใจที่เจอพี่อ่อครับ” นี่พี่โง่หรือโง่วะ เห็นๆอยู่ว่าหน้าผมกำลังหงุดหงิด “เพชรมาทำอะไร”
“เรื่องของผม” ด่ามันว่าเสือกแบบสุภาพไปเลยแล้วกัน
“หึหึ” แค่นเสียงหัวเราะอีกแล้ว น่ากลัวตายห่าแหละ
“พี่มีไร ถ้าไม่มีเพชรขอตัวครับ” ผมขี้เกียจคุยกับแม่ง เห็นหน้าแล้วไมเกรนขึ้น จะเดินกลับเข้าร้าน
“เดี๋ยวสิ” มันกางแขนออกขวาง “อะไรเนี่ย เมื่อวานเรายังคุยกันดีๆอยู่เลย หรือว่าไม่ถูกใจของที่พี่ซื้อให้” ไอ้พี่พฤกษ์อมยิ้ม
“เพชรไปคุยดีๆกับพี่ตอนไหน”
“ทำเป็นจำไม่ได้ ก็ตอนที่รู้ว่าพี่ซื้อของให้ หน้าเหวอ เสียงอ่อนลงเลย พี่ถือว่าเพชรพูดดีกว่าปกติแล้วตอนนั้น”
หนอย จับสังเกตได้ทุกอิริยาบถเลยนะ ว่าแต่สำคัญตัวผิดไปรึป่าว แค่ของกินซื้อผมไม่ได้หรอก และยิ่งเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่มันแกล้งผมต่างๆนานา
“หึ เพชรก็แค่แปลกใจเท่านั้นแหละว่าพี่ทำอะไรดีๆบ้างก็เป็น” น่าน เจอกูหลอกด่าอีกประโยค ยังจะขวางทางเดินแล้วโดนด่าฟรีอีกมั้ย
“อคติกับพี่ตลอดนะเรา แต่เราก็ยังแทนตัวเองว่าเพชรอยู่เลย ยังถือว่าพูดดีกับพี่อยู่นะ”
นั่นทำให้ผมเปลี่ยนสรรพนามทันที
“ผมจะไปกินข้าวต่อแล้ว ขอทางด้วยครับ”
ไอ้พี่พฤกษ์ไม่ขยับ
“กินร้านไหน แล้วจะกลับเมื่อไร”
“เรื่องของผม” เออ เอาดิ กูจะกวนตีนมึงแบบนี้ มีไรมะ
“momo paradise สินะ พี่เห็นสายรหัสเราละ”
นี่คนหรือสับปะรด หูตาไวชิบหาย
“จะหลบทางผมได้ยัง พี่ๆเค้ารออยู่”
“พี่จะรออยู่แถวนี้ กินเสร็จแล้วเพชรต้องกลับกับพี่”
“ทำไมผมต้องไปกับพี่ด้วย”
“เพชรก็น่าจะรู้นะว่าขัดใจพี่ไม่สำเร็จหรอก...กินเสร็จแล้วเจอกัน”
ไอ้พี่พฤกษ์หลีกทางให้ผมเดินจนได้ ผมมองมันอย่างไม่พอใจ แต่แม่งมองกลับมาด้วยยิ้มหวาน
ชาติที่แล้วกูไปทำเวรทำกรรมอะไรกับมึงไว้ป่าววะพี่

“ขอบคุณพี่โก้มากๆนะคะ วันนี้อร่อยมากเลย” พี่มายเอ่ยขอบคุณเป็นคนแรกหลังพี่โก้เช็คบิล
“ขอบคุณค่า”
“ขอบคุณคร้าบ”
“เห้ย สบายมากน้องๆ คราวหน้าให้เพชรเป็นคนเลือกร้านมั่งดีกว่า อยากกินอะไรคิดไว้เลยนะ”
“ได้ครับพี่” oishi grand เลยได้มั้ย คือให้เข้าไปกินเองก็ได้นะ แต่กินฟรีก็ดี5555
“ว่าแต่พวกน้องๆไปไหนกันต่อเนี่ย”
“แนทว่างค่ะ เป็นweekendแรกในรอบหลายเดือนเลย”
ผมกับพี่มายไม่ตอบทันที อึกอักทั้งคู่
“พี่มายกับเพชรล่ะ” พี่แนทถาม
“พี่นัดแฟนไว้อะ เดี๋ยวต้องไปหมอชิตต่อ”
พี่โก้กับพี่แนทมองพี่มายแบบกรุ้มกริ่ม คนจะไปหาแฟนหน้ามีสีแดงเรื่อขึ้นมา โห่ย พี่มายมีแฟนแล้วงั้นเหรอ เสียดายยยย
“ว้า ว่าจะชวนไปเล่นโบว์ลิ่งไม่ก็ร้องคาราโอเกะต่อซะหน่อย แต่ไม่เป็นไร ไว้คราวหน้า” พี่โก้บอก
“พวกพี่ไปกันเถอะค่ะ ไม่ต้องรอมายหรอก”
“ไม่ได้ดิ เดี๋ยวไม่ครบคน”
ตอนนั้นเองไอ้ตัวยุ่งก็โผล่มาหน้าร้านจนได้
“หวัดดีครับพี่โก้ หวัดดีมาย หวัดดีน้องแนท” แหม่ะ ทักทายครบเชียวนะ มึงลงเลือกตั้งป่าววะ ใส่ใจประชาชนดีจริงๆ
“อ้าว เจ้าพฤกษ์...ไม่ได้เจอกันนานแน่ะ เป็นไง”
“หวัดดีแก มาทำไรเนี่ย”
“เรามาซื้อของให้ที่บ้านน่ะ พอดีเมื่อกี้เจอน้องเพชร น้องมาขอติดรถกลับบ้านด้วย เลยรออยู่แถวนี้”
โอ้โหหหห พูดซะมึงดูเป็นคนดีไปเลยนะไอ้พี่พฤกษ์ กูไปขอติดรถมึงกลับตอนไหนวะ มีแต่มึงนั่นแหละมาบังคับกูให้ไปด้วย
ผมสังเกตสีหน้าท่าทางพี่ๆ ไม่มีใครดูติดใจสงสัยอะไรเลย เมื่อกี้พวกพี่ก็เห็นผมหน้าบูดตอนพูดถึงไอ้พี่พฤกษ์แล้วนี่ ทำไมยังเชื่อเรื่องโกหกที่มันแต่ง
“ดูแลน้องพี่ดีๆละกัน” พี่โก้ว่า
“แล้วคนอื่นไปไหนกันต่อครับเนี่ย” ไอ้พี่พฤกษ์ถาม
“ตอนแรกพี่จะชวนไปเล่นต่อ แต่มายก็ไม่อยู่ นี่เพชรก็จะกลับไปอีกคน เดี๋ยวพี่คงกลับเลย”
“แกอะอย่าแกล้งน้องชั้นนะ ไปส่งให้ถึงบ้านด้วย”
“เออ เมื่อกี้เพชรฟ้องว่าพฤกษ์ชอบแกล้ง”
เอ้า พี่มายกับพี่โก้ฝากฝังผมกับมันเฉย ไอ้พี่พฤกษ์หันมายิ้มยิงฟันให้แล้วกอดคอผม
“เราสนิทกันน่ะ ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวไปส่งน้องเองครับ”
ห่า ตอแหล สนิทกันที่ไหน
“งั้นแยกย้ายกันตรงนี้ละกัน ไว้นัดกันอีกนะน้องๆ”
ผมยกมือไหว้พี่ๆทุกคนก่อนจะถูกไอ้พี่พฤกษ์พาเดินออกมาทั้งที่กอดคออยู่
“นี่พี่จะลากผมไปไหนอีกเนี่ย” ผมละทิ้งท่าทีสุภาพทันทีที่อยู่กับไอ้พี่พฤกษ์สองคน
“ป่าวคร้าบ” มันตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี “เพชรอะ จะไปไหนรึป่าว”
“ไม่ ผมจะกลับห้อง”
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
งง อยู่กับไอ้พี่พฤกษ์แล้วมีแต่ความไม่เข้าใจ ทำไมมันจะต้องอยากไปส่งผมนักหนา เจอกันทีไรก็ไปส่งโดยที่ไม่ได้ขอสักครั้ง
“จะปล่อยคอผมได้ยัง”
“ปล่อยไมอะ ก็เราสนิทกันนี่นา” นอกจากจะไม่ทำตามที่ผมบอกแล้วยังตอบกวนตีนด้วย
“เมื่อย”
“กลับมาแทนตัวเองว่าเพชรก่อน”
“ไม่”
“ถ้างั้นพี่ก็ไม่ปล่อย”
ผมเงียบแสดงการต่อต้าน ไอ้พี่พฤกษ์แม่งก็ยังกอดคอผมเดินไปเรื่อยๆ ไอ้สัส นี่มึงเอาจริงเหรอวะ มึงไม่อายคนมองรึไง
เออ กูยอม
“พี่ปล่อยดิ เพชรเมื่อย”
“ก็แค่นั้นแหละ” มันยิ้มกว้างก่อนจะยกแขนออกจากคอผม
เราสองคนเดินมาถึงรถ volvo สีเงินที่ลานจอด ไอ้พี่พฤกษ์เอาถุงของที่ซื้อมาใส่หลังรถก่อนจะขับออกมาจากห้าง
“เพชรยังไม่ตอบคำถามพี่เลยนะ”
“เรื่องไร”
“กลับมาไม่พอใจพี่เพราะอะไร”
“ไม่พอใจอยู่ตลอดเลยต่างหาก”
ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มกับคำตอบ
“ถ้างั้น ที่ไม่พอใจพี่มาตั้งแต่แรกเนี่ย เพราะอะไร”
“โห ยังจะถามอีกอ่อ” แล้วผมก็ใส่มันเป็นชุด “พี่เคยทำอะไรให้น่าพอใจมั้ยล่ะ แกล้งเพชรวันรับน้อง พอโดดกิจกรรมก็ไปลากกลับเข้ามา คืนก่อนนั่นก็เมาเป็นหมา กวนทั้งคืน มีแต่สิ่งดีๆทั้งนั้นเลยนิ”
แทนที่จะสลด ไอ้พี่พฤกษ์กลับยิ้มน้อยๆเหมือนประทับใจตัวเองที่ทำผมหัวเสียได้
“แล้วยังเรื่องที่พี่โกหกว่ามีกิจกรรมเมื่อวันศุกร์ แล้วหลอกให้ไปซื้อของด้วย นี่ไง แต่ละอย่างดีๆทั้งนั้น”
“หึหึ...ยังงี้นี่เอง เพชรไม่ชอบให้พี่โกหกใช่มั้ย”
“ถ้ามีคนโกหกพี่มั่ง พี่ชอบมั้ยล่ะ” ผมถามกลับแทนคำตอบ
“ทีเพชรยังชอบโกหกเลย เดี๋ยวก็อ้างว่ามีธุระแล้วจะไม่เข้ากรุ๊ป”
ย้อนกูอีก
ผมตัดสินใจไม่ต่อล้อต่อเถียงและเริ่มเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง
“พี่พฤกษ์”
“คร้าบ”
ไม่ต้องมาทำเสียงหวานใส่ กูขนลุก
“เพชรถามอีกครั้งนะพี่”
“ว่า”
“ทำไมต้องมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเพชรด้วย”
เรื่องนี้คาใจผมมานานที่สุดแล้วตั้งแต่เจอกับไอ้พี่พฤกษ์ เคยถามไปก่อนหน้านี้แล้วแต่ได้คำตอบอะไรก็ไม่รู้กลับมา ผมหวังว่าครั้งนี้มันจะให้คำตอบดีๆ และช่วยตอบคำถามข้ออื่นๆที่ยังอยู่ในใจผมได้ด้วย
เพราะมันก็ไม่ได้ดูจะเข้ามาเพื่อหาเรื่อง ทำให้ผมทุกข์ใจอย่างเดียว บางเวลาผมก็รู้สึกว่ามันมีเจตนาดี
พี่แกเงียบไป ไม่ได้ยิ้มเหมือนครั้งที่แล้ว ดูเหมือนกำลังคิดคำตอบอย่างจริงจัง
ผมเองไม่รอให้โอกาสหายไปง่ายๆ รีบกระตุ้นไอ้พี่พฤกษ์ต่อ
“เพชรอยากรู้ว่าทำไมจงใจแกล้งเพชรคนเดียว พี่ทำไปเพื่ออะไร...ทำไมต้องเป็นเพชร”
ผมพูดแต่ละประโยคช้าๆแต่หนักแน่น รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“เอ่อ…”
ไอ้พี่พฤกษ์ละสายตาจากถนนแล้วมองมาที่ผม เมื่อเห็นท่าทีจริงจัง มันอึกอัก
“ไม่...ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นแหละ”
ผมเลิกคิ้ว เห็นได้ชัดเจนว่ามันโกหก
“อย่าโกหกเลย บอกมาตรงๆเหอะ”
“ก็บอกแล้วไงครับว่าไม่มีเหตุผล...พี่แค่แกล้งสนุกๆ”
ผมผิดหวังที่ไอ้พี่พฤกษ์ไม่ยอมคายความจริงออกมา
“หึ แกล้งสนุกๆอ่อ เพชรไม่เชื่อ”
มันหันมามองผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผมเองหมดอารมณ์จะถามต่อเลยนั่งเงียบตลอดทางจนถึงหน้าคอนโด
“เดี๋ยวครับ”
ไอ้พี่พฤกษ์จับข้อมือผมไว้ไม่ให้เปิดประตูรถ
“อะไรพี่”
จะทวงคำขอบคุณรึไง กูไม่ให้หรอกนะ เพราะมึงยังไม่ให้คำตอบกูเลย
“พี่ก็แค่…”
นี่มันจะยอมบอกผมแล้วใช่มั้ย
“พี่แค่อยากรู้จักเพชร...อยากคุยกับเพชรเท่านั้นแหละ”

TBC

แค่อยากรู้จักน้องเองเหรอพี่พฤกษ์ comment เป็นกำลังใจให้นักเขียนหน่อยน้า

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP10 “พี่แค่อยากคุยกับเพชรเท่านั้นแหละ”
พี่พฤกษ์

“พี่แค่อยากรู้จักเพชร...อยากคุยกับเพชรเท่านั้นแหละ”

บนถนนสายที่ผมกำลังตรงกลับบ้านแน่นขนัด ยิ่งเป็นช่วงบ่ายของวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้แล้วด้วย ถ้าวันนี้ไม่มีความจำเป็นต้องออกมาล่ะก็ ผมจะไม่เลือกเดินทางในเวลาแบบนี้เลย
ผมยอมวนรถไปยังถนนเส้นพญาไทซึ่งอยู่คนละฝั่งกับบ้านผมมาหลายครั้งแล้ว เหตุผลน่ะเหรอ ผมก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
‘ทำไมต้องเป็นเพชร’
คำถามของคนที่ทำให้ผมสับสนที่สุดในตอนนี้ดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว นั่นน่ะสิ ทำไมผมต้องเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตเค้าขนาดนี้ด้วยนะ
ก็แค่อยากรู้จัก
บ้าเอ๊ย ผมตอบน้องได้โง่เง่า
ที่ทำให้รู้สึกแย่ขึ้นไปอีกก็คือเพชรไม่ได้พูดอะไรกลับมาสักคำเดียวหลังจากได้ยินคำตอบของผม ผมมองตาน้อง พยายามจะอ่านความคิดหรือความรู้สึกให้ได้ แต่ผมอ่านไม่ออกเลย และน้องก็ลงจากรถไป
หรือว่าผมควรปรึกษาเรื่องนี้กับใครสักคนดู

เมื่อกลับถึงบ้านและเอาของมากมายที่ซื้อมาให้พ่อแม่และพี่ชายเรียบร้อยแล้ว ผมขับรถออกมาข้างนอกอีกครั้ง ตอนนี้ก็หกโมงเย็นแล้ว
การจราจรคล่องตัวขึ้นกว่าเมื่อตอนผมขับออกมาจาก central world ราวฟ้ากับเหว ผมมาถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว
“ไอ้พฤกษ์ ไหงมาเร็วจังวะ กูกำลังจะชวนไอ้เกี้ยงไปเดินเล่นรอมึงเลย” ไอ้ริวส่งเสียงประหลาดใจนำมาก่อน
“เออ ธุระด่วนขนาดนั้นเลยรึไง” ไอ้เกี้ยงขมวดคิ้ว
“รถไม่ติดว่ะ...แล้วก็ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไร กูแค่อยากปรึกษาพวกมึงหน่อย”
“เข้าร้านก่อน กูหิวแล้วเนี่ยตอนนี้” ไอ้ริวรีบห้ามก่อนใครจะพูดอะไรขึ้นอีก มันดันหลังผมกับไอ้เกี้ยงเข้าไปข้างในร้าน
นี่เป็นร้านอาหารที่พวกผมสามคนชอบมากิน และโดยเฉพาะทุกครั้งที่ใครมีปัญหาหรือเรื่องไม่สบายใจ เราจะนัดเจอและคุยกันที่นี่เสมอ
“ตกลงมีเรื่องไรจ๊ะน้องพฤกษ์” ไอ้ริวเปิดประเด็นทันทีหลังเข้ามานั่งและสั่งอาหารเรียบร้อย
“กู…” ผมเริ่มต้นไม่ถูก ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเกี่ยวกับน้องเพชร
“อย่าบอกว่าจะมาขายตรงพวกกูนะ หรือชวนไปทำธุรกิจเครือข่าย ไม่เอานะเว้ย”
“ห่า ไม่ใช่โว้ย” ผมถึงกับเขวเพราะคำพูดไอ้ริวไปทีเดียว
“มึงดูซีเรียสนะพฤกษ์ กูชักอยากรู้แล้วว่ามึงกำลังคิดเรื่องอะไร” ไอ้เกี้ยงเอ่ย
“เออ หน้ามึงจริงจังสัส” ไอ้ริวเสริม
อย่างแรกเลยคือผมกลัวเพื่อนตกใจถ้าบอกว่าตอนนี้กำลังสนใจเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
“คือ…”
“อย่าลีลาดิวะ กูลุ้นนะสัส” ไอ้ริวเร่ง
“กู...กำลังไม่แน่ใจ”
“ไม่แน่ใจอะไร”
“มึงอย่าพึ่งเร่งมันดิว้า”
“ว่ากูรู้สึกยังไงกับคนๆนึง”
reaction ของเพื่อนสองคนเป็นไปอย่างที่ผมคาดไว้ ไอ้ริวตาโต รูจมูกบาน ปากอ้ากว้าง ส่วนไอ้เกี้ยงยิ้มมุมปากราวกับรู้และเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว
“เหยดดดด เพื่อนกู ไปตกหลุมสาวที่ไหนมาวะ”
“คือ…” ที่จริงก็ไม่ใช่สาวนะไอ้ริว
“ใครวะ กูรู้จักรึป่าว”
“มึงหุบปากดิริว ให้ไอ้พฤกษ์มันเล่าเอง จะตื่นเต้นอะไรนักหนา”
“ไอ้สัส มึงไม่อยากรู้รึไง”
“อยาก แต่เดี๋ยวมึงก็จะรู้แล้วมั้ย”
“เชี่ยเกี้ยงแม่งคนหรือรูปปั้นวะ นิ่งชิบหาย”
“เห้ยพวกมึง อย่าพึ่งทะเลาะกัน กูเล่าไม่ถูกละเนี่ย” ผมรีบห้ามศึกเพื่อนรักเสียก่อน ไม่งั้นวันนี้คงไม่จบ ไอ้ริวมันเป็นคนใจร้อนครับ energy เยอะด้วย พูดก็มาก ปากก็เสีย ในขณะที่ไอ้เกี้ยงก็ใจเย็นเกิน แถม sense ดี เข้าใจคนอื่นไปซะหมด ผมเองอยู่ตรงกลาง ต้องคอยปรับสมดุลให้เราสามคนบ่อยๆ
ผมเงียบไปเดี๋ยวหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง ตัดสินใจใช้สรรพนามแทนชื่อน้องเพื่อเล่า
“กูพึ่งรู้จักเค้าได้ไม่นาน แต่กูไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลยนะเว้ย”
“ยังไงวะ”
“ปกติถ้ากูสนใจใคร กูจะเข้าไปคุยดีๆเลย แต่นี่…”
“มึงไม่กล้าเข้าหาว่างั้น” ไอ้ริวเข้าใจผิด
“ไม่ใช่”
“อ้าว”
“กูเข้าหา...แต่ไม่ได้เข้าไปดีๆ”
“พวกมึงได้กันแล้วมองหน้ากันไม่ติดงี้อ่อ”
“พ่อมึงดิ” ผมร้อง
“ไอ้ริวมึงหยุดเดา กูว่าไม่ใช่คนหรือลักษณะที่มึงคิดอยู่เลยว่ะ” ไอ้เกี้ยงยิ้มกว้างอย่างมีเลศนัย เห้ย หรือว่ามันจะรู้แล้ววะ
“กูยังไม่ได้น้องเค้า ไม่มีอะไรแบบนั้นเลย”
“นั่นแน่ กินเด็กซะด้วยพ่อหนุ่ม”
เรื่องแบบนี้นี่ช่างสังเกตจังนะไอ้ริว ผมหลุดคำว่าน้องครั้งเดียวจับได้เลย
“กูแกล้งเค้าตลอดเลย...ไม่รู้ดิ เห็นแล้วมันอยากแกล้ง…”
“อรั๊ยยยย” เสียงไอ้ริวนี่เสี่ยงโดนตีนโต๊ะข้างๆมากครับ
“ตอนแรกไม่ได้รู้สึกอะไรเลยนะ แค่อยากแกล้งเฉยๆ...ไปๆมาๆกูว่ากูรู้สึกมากกว่านั้น”
“อยากตั้ม?”
“เหี้ย กูไม่ได้คิดอกุศลตลอดเวลาเหมือนมึงนะริว” ผมโวย
“มึงแม่งฮาว่ะริว” ไอ้เกี้ยงกลั้นหัวเราะ ฟุบหน้าลงกับแขน มันคงกลัวเสียมารยาทในร้านอาหาร
“กูอยากเจอเค้า อยากคุยกันนานๆ อยากเอาชนะเพราะเค้าดื้อ อยากดูแล ไปรับส่งเค้าทุกวัน”
“เชี่ยยยยยย ใครมันทำเพื่อนกูเพ้อได้ขนาดนี้วะ”
ไอ้ริวยังคงร้องอย่างตื่นเต้นและหันไปสบตากับไอ้เกี้ยง
“แต่น้องเค้าไม่ชอบขี้หน้ากู เพราะกูไปแกล้งบ่อยๆ...เมื่อตอนบ่าย เค้าถามกูว่าทำไมชอบมายุ่ง กูดันตอบไปว่า…”
“ว่าอะไรๆๆ”
“...กูอยากรู้จัก อยากคุยกับเค้า”
“โอ้โหหห ขนาดนี้แล้วมึงบอกชื่อน้องเค้ามาเหอะ กูอยากรู้จนเยี่ยวเหนียวแล้ว”
ตอนนี้อาหารที่สั่งถูกยกมาเสิร์ฟจนครบแล้ว แต่พวกเรากินกันไปเล็กน้อยเท่านั้น ดูไอ้ริวไอ้เกี้ยงจะสนใจ topic วันนี้มากทีเดียว
“มีปัญหาอีกอย่าง”
“เค้ามีแฟนแล้วอ่อวะ”
“ไม่ใช่”
ผมกลืนน้ำลาย ถึงจะคิดว่าไอ้ริวไอ้เกี้ยงน่าจะรับได้ แต่พอต้องบอกจริงๆผมกลับไม่กล้าพูด
“แล้วปัญหาอะไรวะ”
“น้องคนนั้นเป็นผู้ชาย ใช่มั้ย”
ประโยคล่าสุดมาจากปากไอ้เกี้ยง ไอ้ริวหันคอไปหาไอ้เกี้ยงอย่างรวดเร็ว
“มึงว่าไงนะ”
“อะ เออ...ไอ้เกี้ยงพูดถูก น้องเค้าเป็นผู้ชาย”
ผมพูดช้าๆ ราวกับว่าทำอย่างนั้นแล้วจะทำให้เพื่อนตกใจน้อยลง
“ใครวะไอ้พฤกษ์” ไอ้ริวรีบถามต่อ
“ถึงตอนนี้มึงรู้แล้วใช่มั้ยเกี้ยง” ผมไม่ตอบแต่หันไปถามไอ้เกี้ยงแทน
“น้องเพชร” ไอ้เกี้ยงยิ้มแป้นแล้วตอบ
“เห้ยย”
“เชี่ยริว มึงเบาๆหน่อยดิ คนอื่นหันมามองหมดแล้ว” ไอ้เกี้ยงหันไปดุไอ้ริว
ผมคิดแล้วว่าไอ้เกี้ยงต้องเดาถูก
“จริงอ่อวะไอ้พฤกษ์”
“เออ...กูสับสนว่าตัวเองชอบเพชรรึป่าว” ในที่สุดผมก็พูดออกไปจนได้
“เชี่ยยยย ที่มึงชอบแกล้งน้องเค้าเพราะมึงปิ๊งเค้าเนี่ยนะ”
“บอกแล้วไงว่าตอนแรกไม่ แค่เห็นหน้าเด็กมันกวนตีนเลยอยากแกล้ง...แต่หลังๆกูเริ่มอยากให้น้องสนใจ…”
ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองกำลังร้อนผ่าว
“ที่อาสาไปส่งบ้านน้องมัน แล้วก็ตอนแกล้งเมาที่ brick bar ด้วยใช่มั้ย”
ผมตกใจราวสายฟ้าฟาด มองหน้าไอ้เกี้ยงด้วยความทึ่ง มันพูดถูกทุกอย่าง
ไอ้ริวเองดูเหมือนจะช็อคไปแล้ว
“มะ มึงรู้ได้ไงวะเกี้ยง” ผมถามเสียงเบา
“กูเดาเอา แต่ถูกใช่มั้ยล่ะ” ผมพยักหน้า มันยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “เพราะกูเห็นมึงเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับน้องมันตลอดเลยนี่...แต่จริงอย่างที่มึงบอกนะ อยู่กับมึงมาตั้งแต่ปี1 กูไม่เห็นมึงทำแบบนี้กับผู้หญิงที่ชอบสักคนเลยว่ะ”
“เออดิ กูเลยคิดหนักอยู่นี่ไง...ว่าแต่พวกมึงโอเคใช่มั้ย”
“โอเคเรื่องที่มึงชอบน้องเพชรอะนะ” ไอ้เกี้ยงถามกลับ
“เออ”
“โอเคดิ มึงจะชอบใครก็สิทธิของมึง จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงพวกกูก็ต้องแล้วแต่มึงปะวะ” ไอ้ริวตอบทันที
“ใช่ กูคิดเหมือนไอ้ริว นี่มึงกังวลว่าพวกกูจะไม่โอเคเรื่องชอบผู้ชายใช่มั้ย”
ผมพยักหน้าเป็นรอบที่สิบได้
“โห่ โลกมันไปถึงไหนแล้ว กูอะไม่เหยียดเพศเว้ย” ไอ้ริวตบบ่าผมหนักๆ
“ขอบใจพวกมึงมากนะเว้ย” ผมยิ้มกว้าง
“แต่เดี๋ยวนะ กูขอเคลียร์เรื่องที่มึงแกล้งเมาก่อน วันนั้นมึงแกล้งจริงๆอ่อ” ไอ้ริวถาม
ไม่อยากยอมรับเลยให้ตายเถอะ
“เออ”
ไอ้ริวหัวเราะเสียงดัง(ผมเห็นว่าโต๊ะอื่นๆมองมาอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก) ส่วนไอ้เกี้ยงนั่งยิ้มอย่างผู้หยั่งรู้อยู่ท่านั้นตั้งแต่มันตอบถูกว่าเป็นน้องเพชร
“ลงทุนสาดดด แต่กูเชื่อจริงๆนะว่ามึงเมาอะ มึงดูออกอยู่คนเดียวได้ไงวะเกี้ยง”
“ปกติไอ้พฤกษ์มันไม่ได้เมาเร็วนะเว้ย แล้วเหล้าวันนั้นก็ไม่ได้แรงด้วย”
“เจ้าแผนการนักนะไอ้พฤกษ์ ร้ายว่ะ”
ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองคนยิ้มล้อผม
“โชคดีที่วันนั้นแบ่งโต๊ะกันกินเป็นกลุ่มเพื่อนกับสายรหัส กูเลยกล้าเสี่ยงให้มึงสองคนจัดคันรถ” ผมยอมรับ
“ที่กูอยากรู้คือ...มึงแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่ามึงชอบน้องจริงๆ”
ไอ้เกี้ยงยิงคำถาม
“อ้าวไอ้ห่า ก็มันพึ่งบอกพวกเราอยู่นี่ไงว่ามันอยากเจอ อยากคุย อยากเอาชนะ อยากดูแล ยังงี้ก็ต้องชอบดิ” สัส ล้อเลียนคำพูดผมซะเสียเลยไอ้ริว
“ไม่ดิ ไอ้ความรู้สึกที่ไอ้พฤกษ์พูดมาทั้งหมดอะ บางทีมันอาจจะไม่ใช่คำว่าชอบหรือรักนะเว้ย บางทีมันอาจจะแค่หลงหรืออยากได้ตัวน้อง แต่ไม่ได้ผูกพันทางใจเลยก็ได้”
ผมอ้าปากค้าง ไอ้เกี้ยงมันคิดอะไรได้ลึกซึ้งโคตร
“เชี่ยยย มึงไปเปิดรายการแข่งกับพี่อ้อยพี่ฉอดไป ถ้าจะเชี่ยวขนาดนี้” ไอ้ริวว่า
“ว่าไงไอ้พฤกษ์ มึงชอบน้องมันจริงๆใช่มั้ย”
“เอ่อ กูคิดว่า...กำลังเริ่มชอบ”
“มึงต้องตอบตัวเองให้ได้แน่ๆว่าชอบจริงหรือเปล่า เพราะถ้ามึงแค่เล่นๆ กูก็ไม่อยากให้มึงไปทำให้น้องสับสน น้องแม่งดูแมนทั้งแท่ง...แล้วตัวมึงเองก็จะสับสนด้วย”
“เออ อันนี้กูเห็นด้วย น้องไม่ใช่เกย์ ท่าจะงานยากว่ะเพื่อน” ไอ้ริวเสริม
“และถ้ามึงคิดว่าชอบ ถึงโอกาสจะดูน้อย กูก็เอาใจช่วยให้มึงจีบน้องมันติด” ไอ้เกี้ยงทิ้งท้าย
หลังอาหารเย็นมื้อนั้น ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเพราะได้ระบายสิ่งที่เก็บไว้ในใจคนเดียวตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาให้คนอื่นฟัง แต่ก็เกิดความกังวลกับคำถามที่ไอ้เกี้ยงฝากให้กลับมาคิดด้วย
‘มึงแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่ามึงชอบน้องจริงๆ’
ถ้ายอมรับกับตัวเองอย่างจริงใจ ความรู้สึกครั้งนี้เริ่มต้นจากการที่ผมอยากแกล้งน้อง อย่างที่บอกเพื่อนสองคนไปว่าแค่มองหน้าน้อง ในหัวก็เริ่มคิดหาเรื่องมาแกล้งแล้ว ผมยิ่งชอบมากถ้าเห็นน้องมันขัดใจหรือพยศใส่
และที่ผมตอบเพชรไปว่าอยากรู้จัก อยากคุย ก็คือสิ่งที่ผมรู้สึกอยู่จริงๆ
เพียงแต่ผมยังไม่มั่นใจเท่านั้นเองว่ามันมากพอที่จะเรียกว่าชอบได้หรือยัง

ผมเร่งไอ้เกี้ยงกับไอ้ริวให้รีบเก็บสัมภาระเมื่ออาจารย์เลิกคลาสในบ่ายวันพุธ
“พวกมึงเร็วๆดิวะ”
“แหม จะรีบไปหาใครจ๊ะน้องพฤกษ์” อยากจะถีบไอ้ริวทุกครั้งที่เรียกผมขึ้นต้นว่าน้อง ยิ่งมันกำลังกระแนะกระแหนผมอยู่ด้วย
“ป่าว กูแค่หิว อยากไปซื้ออะไรกินหน่อย”
“ซื้อเสร็จแล้วไปไหนต่อล่ะ”
“กรุ๊ปไง”
“วันนี้ไอ้เพชรมันไม่มาหรอก”
ผมหันขวับ
“มึงรู้ได้ไง”
“แน่ะ หลอกนิดหน่อยเชื่อเลยน้า...กูจะไปรู้ได้ไงเล่าว่าน้องมันจะเข้าหรือไม่เข้า”
“ห่าริว”
ไอ้ริวกับไอ้เกี้ยงหัวเราะผม
“ดีนะที่มึงแวะไปกรุ๊ปบ่อยๆอยู่แล้ว เลยดูไม่น่าสงสัยเท่าไร ถ้าเป็นไอ้ห่าริวเข้าก็รู้เลยว่าไปส่องหญิง” ไอ่เกี้ยงว่า
“สัส กูก็ไปบ่อยเหอะ”
“หราาา” ผมกับไอ้เกี้ยงพูดพร้อมกัน
ผมกับไอ้เกี้ยงเนี่ยไปเข้ากรุ๊ปช่วงรับน้องแทบทุกวันอยู่แล้วครับ ส่วนไอ้ริวเนี่ยแล้วแต่อารมณ์มันเลย ถ้าไม่ได้นัดหญิงที่อื่นหรือโดดเรียนมันก็มากับผมแหละครับ
“มึงไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ไอ้พฤกษ์ ยังไงน้องมึงก็คงมาเข้าแหละ เมื่อวานกับวันก่อนก็มานิ” ไอ้เกี้ยงตั้งข้อสังเกต
“ไม่แน่ว่ะ เอาอะไรกับเพชรไม่ได้หรอก กูยังงงอยู่เลยว่าสองวันก่อนมากรุ๊ปได้ไง อาทิตย์ที่แล้วหาเรื่องโดดตลอด”
“ไอ้เพชรไม่เข้ามึงก็ออกไปหามันข้างนอกอยู่ดี” ไอ้ริวยิ้มกริ่ม
“ก็กูไม่อยากให้น้องๆโดดกิจกรรมนี่หว่า”
“หราาา” คราวนี้เพื่อนผมสองตัวพร้อมใจกันพูดบ้าง
สองวันที่ผ่านมาผมไม่ได้แกล้งอะไรน้องเลยครับ เพราะเรื่องเมื่อวันอาทิตย์ด้วยที่ทำให้ยังไม่กล้าคุยอะไรกับน้อง ไอ้จะขับรถไปส่งที่คอนโดยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เพชรเองก็ไม่ได้มาคุยกับผม อย่าว่าแต่คุย พอน้องมันหันมาเห็นว่าผมมองอยู่ก็หันหน้าไปทางอื่นแทบจะทันที ไม่สนใจโดยสมบูรณ์ ทำให้ผมรู้สึกแย่ลงอีก
16.10น.แล้วเมื่อพวกผมลงมาจากอาคารเรียน ผมแวะซื้อช็อคโกแลตเย็นมาดื่มให้ชื่นใจก่อนจะตรงไปที่กรุ๊ป ระหว่างทางผมเห็นน้องเจมส์กับน้องนิวเดินอยู่ข้างหน้า กำลังไปที่กรุ๊ปเหมือนกัน
ไอ้เกี้ยงกำลังจะส่งเสียงทักแต่ผมรีบห้ามทันที เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องมันคุยกัน
“อยากรู้ว่ะว่าวันนี้ไอ้เพชรไปกับใคร” น้องนิวพูดขึ้นก่อน
“เออ มันคุยกับหญิงเงียบๆแบบนี้แหละ เดี๋ยวพอควงก็รู้เองว่าคนไหน” น้องเจมส์พูดกลั้วหัวเราะ
ไอ้เกี้ยงกับไอ้ริวหันมามองหน้าผม
ผมเปลี่ยนใจไม่เข้ากรุ๊ปแล้วครับวันนี้

TBC

คราวนี้ส่งพี่พฤกษ์มาเจอกับคุณผู้อ่านบ้างครับ ที่แท้ก็เริ่มชอบน้องขึ้นมานั่นเอง ต่อไปพี่พฤกษืจะทำยังไงนะ ติดตามกันด้วยครับ

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP11 “พี่ขอโทษ ทั้งหมดพี่เป็นคนผิดเอง”

“แนนอยู่ไหนอะคะ”
(ตอนนี้แนนอยู่ Innisfree ค่ะ เพชรมาถึงสยามแล้วเหรอ)
“ใช่ค่ะ เดี๋ยวเพชรเดินไปหานะ”
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปร้านเครื่องสำอางที่สาวเจ้าอยู่ นัดเดทวันนี้มีอะไรต้องทำอีกเยอะครับ และถ้าโชคดีผมอาจได้กินเหยื่อเลย เพราะอีกฝ่ายก็ดูเหมือนทอดสะพานมาให้ตั้งนานแล้ว
ยังเซ็งไม่หายที่ไอ้พี่พฤกษ์มันเอาเวลาวันเสาร์ผมไปเกือบทั้งวัน ไม่งั้นผมคงนัดเจอแนนได้เร็วกว่านี้
จริงๆอยากจะเรียกมาตั้งแต่เย็นวันจันทร์แล้วแหละ แต่ติดที่แนนเค้าไม่ว่าง มาว่างเอาก็วันนี้ แต่ผมไม่เป็นไรครับ ว่างเสมอสำหรับหญิง อิอิ
ผมยอมรับว่าไม่ได้คุยกับแนนอยู่คนเดียว คือมันก็ต้องคุยเผื่อไงครับ แต่คนนี้ดูจะคืบหน้าที่สุดแล้ว เข้าทางคนใจเร็วด่วนได้อย่างไอ้เพชรพอดี
ผมเดินเข้ามาข้างในร้านแล้วแต่หาแนนไม่เจอ กำลังจะโทรหาก็พอดีเค้าเรียกผมซะก่อน
“เพชร ทางนี้ค่า”
ผมหันไปตามเสียงเรียก ส่งยิ้มหวานไปให้1ทีเมื่อมองเห็นรุ่นพี่คนสวย จะว่าไปเค้าบอกไม่ให้ผมเรียกพี่ ผมจึงเรียกชื่อเฉยๆ
คืนนี้เราสองคนคงได้เรียกชื่อกันทั้งคืนแน่ๆ
“รอนานเลยดิ ขอโทษนะ เพชรพึ่งเลิกเรียนแล้วก็รีบออกมาเลย” วันนี้แนนมีเรียนแค่ช่วงเช้า ออกมาเดินเล่นกับเพื่อนตั้งแต่เที่ยงๆแล้ว เค้าบอกว่ารอได้ เลยคิดว่าอยากให้เค้าประทับใจที่ผมไม่โดดเรียนและก็รีบออกมาหา
“ไม่เป็นไร แนนก็พึ่งแยกกับเพื่อนเอง มาดูของเพลินๆ...ไปกันเลยมั้ย”
“เอาสิคะ”
ผมอาสาช่วยแนนถือแฟ้มที่บรรจุเครื่องเขียนกับชีทเรียน ไอ้ที่นิสิตหญิงนิยมใช้กันน่ะครับ แววตากับรอยยิ้มที่ส่งให้ผมเมื่อกี้แสดงให้เห็นว่าประทับใจ ในใจแนนคงกำลังประเมินผมอยู่ ผมเองก็ส่งยิ้มเพิ่มคะแนนไปโดยว่องไว
ผมไม่ได้เชี่ยวนักหรอกครับ แต่นี่ก็ไม่ใช่เดทครั้งแรกนี่นา
“เพชรจองตั๋วในแอพมาแล้วใช่ปะ” แนนถามถึงหนังรอบห้าโมงกว่าที่เรากำลังจะไปดูกัน
“ใช่ค่ะ แนนอยากทำอะไรก่อนเข้าโรงรึป่าว”
“อืมม ตอนนี้หิวนิดๆอะ ขอไปกินอะไรรองท้องได้มั้ย”
ผมพยักหน้า ยกมือข้างที่ว่างขึ้นแตะเบาๆที่หลังแนนแล้วเดินเข้าไปใน siam paragon ด้วยกัน
เค้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คอิน
“แนนอยากดูเรื่องนี้ตั้งแต่มันเข้าอาทิตย์ที่แล้วอะ แต่ไม่ว่างเลย ขอเช็คอินอวดเพื่อนหน่อย” เค้ายิ้มเขินๆเมื่อเห็นว่าผมมองอยู่
“เพชรก็อยาก แต่อดใจรอไว้ดูกับแนนเลยนะคะ” ผมหยอด จริงๆก็คิดไว้ว่าจะหว่านชวนหญิงเกือบทุกคนที่คุยอยู่ตอนนี้ให้มาดูเรื่องนี้นี่แหละ แล้วแนนก็เป็นคนแรก
แนนพาผมเข้าร้านไอศกรีมเล็กๆร้านหนึ่ง ผมก็ไม่ขัดข้องอะไรครับ ต้องตามใจเค้าหน่อย เราสั่งกันคนละ1scoop
“เพชรชอบกินรสมะนาวหรอคะ”
“ค่ะ เพชรไม่ค่อยชอบรสหวานๆเท่าไร”
“แนนอะชอบกินทุกรสเลย แต่วันนี้อยากกินช็อคโกแลตชิพ” เค้าบอกผมพร้อมส่งยิ้มให้อย่างร่าเริง ผมมองแนนอย่างย่ามใจ เธอเป็นคนตัวเล็ก หน้าสวยคม และวันนี้เธอก็ใส่เสื้อนิสิตรัดๆและกระโปรงสอบสั้นเหมือนวันที่เจอกันครั้งแรกที่คณะอักษรฯ ทำให้ขับขนาดของหน้าอกที่ใหญ่อยู่แล้วให้เห็นชัดเจนโคตรๆ ส่วนล่างก็เห็นเรียวขาขาวๆเนียนๆ รอยแยกของกระโปรงอีกนิดเดียวที่จะถึงชั้นใน
ของผมขึ้น...
เราคุยเรื่องสัพเพเหระกันต่อ ผมรู้สึกว่าเราเข้ากันได้ดีอยู่นะ จนใกล้เวลาฉาย ผมกับแนนจึงเดินขึ้นไปชั้นโรงหนัง
“เดี๋ยวแนนไปเข้าห้องน้ำแปบนึงนะ”
“ค่ะ เพชรรออยู่ตรงนี้นะ”
ใจผมไม่ได้คิดถึงหนังที่กำลังจะดูเลยสักนิด คิดแต่วิธีที่จะทำให้แนนไปคอนโดคืนนี้อย่างตื่นเต้น
ผมทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาหน้าโรง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่ยังไม่ทันปลดล็อคหน้าจอก็มีเสียงเรียกขึ้น
“ขอดูหนังด้วยคนดิครับ”
“เห้ย”
ผมเหวอหนักมาก ไอ้พี่พฤกษ์นั่งยิ้มกว้างอยู่ข้างๆ
“พะ พี่มาได้ไง”
“หึหึ พอดีมีคนเช็คอินว่าอยู่แถวนี้น่ะ จะโดดทั้งทีไม่เนียนเลยนะไอ้น้อง”
หรือว่าแนน tag ผมใน facebook ด้วยวะ แม่งเอ๊ยย
“พี่จะทำอะไร” ผมถามเสียงดัง อย่าบอกนะว่ามันจะลากผมกลับไปคณะ
“เพชรน่าจะรู้อยู่แล้วนะ”
“ไปกันค่ะเพ…”
แนนเดินกลับมา ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นผมกำลังจ้องหน้าไอ้พี่พฤกษ์เขม็ง
“มาดูหนังกับเพชรใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ เอ่อ...พี่ใช่พี่พฤกษ์ บริหารฯปะคะ”
“ครับผม”
หึ ไอ้นี่มันมีชื่อเสียงพอตัวแหละนะ cute boy นิ
“พอดีว่าน้องเพชรเค้าโดดออกมา พี่เลยมารับกลับไปทำกิจกรรมที่กรุ๊ปน่ะครับ”
“แนน ไม่ต้องไปสนใจ” ผมลุกขึ้นยืน ชักเดือดแล้ว
“เมื่อกี้เรียกพี่ใช่มั้ย แนนอยู่ปีไหน คณะอะไรล่ะ”
“ปี2 อักษรค่ะ”
“แล้วแนนไม่ต้องไปช่วยเพื่อนๆทำรับน้องหรอครับ”
“คะ คือ…”
“แนนคะ เราเข้าไปดูหนังกันดีกว่า” ผมตรงเข้าไปจับมือแนน กำลังจะลากเดินไป แต่ไอ้พี่พฤกษ์ก็ดึงแขนผมไว้อย่างรวดเร็ว
“เพชรเค้าต้องกลับไปเข้ากิจกรรมครับ” ไอ้พี่พฤกษ์พูดทุกประโยคที่ผ่านมานิ่งๆ ไม่กระโชกโฮกฮาก แต่ผมสัมผัสได้ว่ามันเอาจริง “แนนเองก็ไม่ควรมากับน้องในเวลาที่ควรทำกิจกรรมแบบนี้นะครับ”
“ปล่อย” ผมหันไปหาไอ้พี่พฤกษ์
มันอมยิ้ม ไม่สนใจผมอีกครั้ง แต่ไปเล่นงานแนน
“พี่ขอตัวเพชรนะครับแนน”
“กะ ก็ได้ค่ะ” ผมหันกลับไปที่แนนอีกครั้ง เธอปล่อยมือผม ดูเหมือนใกล้จะร้องไห้เต็มแก่แล้ว
“แนน” ผมร้อง
“ไว้คราวหน้าก็ได้นะเพชร แนนไปก็ได้ค่ะ...ขอโทษค่ะพี่พฤกษ์” แนนมองไอ้พี่พฤกษ์อย่างเกรงกลัว ก่อนจะหยิบแฟ้มของเธอที่ผมวางไว้บนโซฟาเมื่อกี้แล้วเดินจ้ำออกไป
“พี่ทำอะไรวะ”
ผมหันไปตะคอกใส่ไอ้ตัวสร้างเรื่อง
“ทำไมครับ พี่ทำผิดหรอ” มันยังไม่ปล่อยมือผมและตอบกลับมาด้วยหน้าอ้อนตีนสุดๆ
“ครั้งนี้ทนไม่ไหวแล้วนะ…” ผมกัดฟันกรอด
ผมทันเห็นแววตาวูบไหวของไอ้พี่พฤกษ์ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวพร้อมเผชิญหน้า
“หรอครับ ถ้างั้นเพชรจะทำอะไรพี่ล่ะ”
ผมเหวี่ยงแขนอีกข้างที่ไม่ถูกจับ หมายจะต่อยหน้า แต่มันเอี้ยวตัวหลบแล้วใช้อีกมือจับแขนผมไปรวมกับแขนอีกข้าง
“โอ๊ย”
กลายเป็นว่าแขนผมสองข้างถูกมันยึดไว้ด้วยมือเดียว แม่งแรงเยอะกว่าผมขนาดนี้เลยเหรอ
“ปล่อย”
พี่รปภ.ชั้นโรงหนังวิ่งเข้ามาหาเรา
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“ป่าวครับ นี่น้องผม มันโดดเรียนมา เราไม่ได้ก่อเรื่องครับ”
“ไม่ใช่เว้ย” ผมตะโกน แต่พี่รปภ.เสือกเชื่อไอ้พี่พฤกษ์แล้วหยุดยืนนิ่ง ตอนนี้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างจ้องมาที่พวกเรา
“ปล่อยนะเว้ย”
“มานี่”

ผมโดนไอ้พี่พฤกษ์ลากมาทั้งสภาพอย่างนั้นจนถึงลานจอดรถ ทั้งอายคนทั้งห้างที่มองและโกรธจนควันออกหู
ไอ้พี่พฤกษ์เองก็ไม่ได้ปั้นหน้ายิ้มแย้มแล้ว มันเองก็กำลังโกรธเช่นกัน
“ขึ้นรถ” มันสั่ง
ผมไม่ขยับ
“พี่บอกให้ขึ้นรถ”
“ผมไม่ขึ้น”
มันถอนหายใจยาวเหมือนควบคุมอารมณ์ตัวเองก่อนจะเปิดประตูรถแล้วจับผมใส่เข้าไปในเบาะข้างคนขับ ผมพยายามใช้โอกาสนั้นดิ้นขัดขืนสุดแรงแต่สู้แรงมันไม่ได้เลย
“อย่าคิดหนีล่ะ ยังไงพี่ไม่ปล่อยเราไปแน่”
มันปิดประตูตามมาอย่างรวดเร็วและกดล็อครถด้วยกุญแจ
มันเดินอ้อมมายังฝั่งคนขับ กดกุญแจปลดล็อคแล้วปีนขึ้นรถมาอย่างรวดเร็วก่อนกดล็อครถอีกครั้งเพื่อกันผมหนี
แต่ผมไม่ได้คิดจะใช้จังหวะนี้วิ่งหนีมันหรอก เพราะคิดว่ายังไงแม่งก็คงจะตามจับผมกลับมาจนได้
ไหนๆแนนก็กลับไปแล้ว ผมตั้งสติ หายใจเข้าออกช้าๆเพื่อระงับความโกรธ และตัดสินใจจะคุยกับมันให้รู้เรื่อง
“พี่จะพาผมไปไหน” ผมกระชากเสียงถาม
“กลับ”
ผมพยายามไม่มองหน้าไอ้พี่พฤกษ์เพราะมีโอกาสทำร้ายร่างกายมันได้มากในขณะที่มือมันจับพวงมาลัยอยู่ ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเคลียร์ด้วยคำพูด อีกอย่างผมคงไม่เสี่ยงทำอะไรมันในขณะที่ตัวเองอยู่บนรถด้วยหรอก ผมยังรักชีวิตอยู่
“เอาตรงๆนะ ครั้งนี้มันเกินไปว่ะพี่...พี่ทำงี้ได้ไง” ผมเริ่ม
ไอ้พี่พฤกษ์หน้าเครียดเขม็ง
“พี่เคยบอกแล้วนี่ ถ้าเพชรโดดกรุ๊ป พี่จะตามเพชรกลับทุกครั้ง”
“ผมพึ่งโดดวันนี้นะ เมื่อวานกับวันจันทร์ก็เข้าแล้วไงครับ”
“แล้วไง วันที่เพชรเข้าพี่ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่วันนี้เพชรโดดพี่ก็ทำอย่างที่บอก”
รถเลี้ยวออกมาจากตัวห้างเรียบร้อย แต่มันกำลังเคลื่อนไปทางที่ผมไม่คุ้น
“พี่จะไปไหน” ผมถามซ้ำ
“กลับไง”
“นี่ไม่ใช่ทางไปคณะหรือคอนโดผม พี่จะไปไหน” ผมเสียงดังขึ้น
“บ้านพี่ แล้วอย่าพูดเสียงแบบนั้นกับพี่”
บ้านไอ้พี่พฤกษ์งั้นเหรอ
“เดี๋ยวนะ...ทั้งหมดที่พี่ทำแม่งโคตรไม่มีเหตุผลเลย”
ผมทนไม่ไหวต้องหันไปพูดใส่หน้ามัน แต่มันไม่ตอบและไม่มองผม ตามองไปข้างหน้าเท่านั้น
“พี่จะพาผมไปบ้านพี่ทำไม”
“คุย เราจะคุยกันให้รู้เรื่อง”
“ผมไม่ไป เคลียร์กันในรถให้มันจบนี่แหละ”
“ไม่ เพชรไม่มีสิทธิปฏิเสธ”
“ไม่มีสิทธิบ้าอะไร พี่อะมีสิทธิอะไรมาสั่งผม”
ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยพูดหยาบคายกับไอ้พี่พฤกษ์เลย มันหันมามองผมแล้ว
“นี่ยังไม่ได้เคลียร์เรื่องที่เพชรจะต่อยพี่เลยนะ”
ยังงี้นี่เอง มันโกรธผมเพราะเรื่องนี้
“หึ ก็ดูที่พี่ทำดิว่ามันน่าต่อยมั้ย” ผมพูดนิ่มๆ ตั้งใจยั่วโมโหเจ้าของ volvo
“เพชร พี่เป็นรุ่นพี่เรานะ” เสียงมันตอนนี้ดูโกรธมากเลยทีเดียว
“ผมว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องหรอก...ถ้าผมไปลากตัวพี่มาตอนกำลังเดทอยู่ พี่อยากต่อยผมมั้ยล่ะ”
มันเงียบ และผมรู้ว่ามันไม่มีเหตุผลมาเถียง ผมโจมตีต่อ
“จะบอกให้ฟังนะ ที่สองวันก่อนผมไปเข้ากรุ๊ปก็เพราะแนนเค้าไม่ว่างมาดูหนัง ไม่ได้อยากไปเลยสักนิด...พี่ก็เห็นนิว่าผมไม่ได้สนุกกับกิจกรรมเลย ผมอยากอยู่เฉยๆ เรียนเสร็จแล้วจะไปไหนก็ได้ที่อยากไป…”
ไอ้พี่พฤกษ์ยังนิ่งเฉย ไม่รู้เลยว่ามันคิดยังไงกับสิ่งที่ผมพูด
“คนที่มาเข้ากิจกรรมก็ครึ่งๆ ไม่ได้มีผมคนเดียวที่ไม่เต็มใจ ยังไงพี่ก็ไม่มีทางบังคับให้น้องมาได้ทุกคนหรอก...พี่ชอบโดนบังคับงั้นอ่อ พี่เห็นคนที่เค้าไม่อยากมาแต่ต้องมาแล้วมีความสุขอ่อ”
ผมใส่เป็นชุด ตั้งใจจะให้มันยอมแพ้ให้ได้
ใจจริงผมก็ไม่ได้ไม่ชอบกิจกรรมรับน้องอะไรขนาดนั้นหรอกครับ ยังไงก็คงไม่ถึงขั้นไม่เข้าร่วมสังคมเลย ผมแค่ไม่ชอบถูกบังคับ
และผมก็ไม่ได้เกลียดขี้หน้าไอ้พี่พฤกษ์ถึงขั้นไม่อยากยุ่งด้วย แต่อยากให้มันเข้าใจผมบ้าง และรู้ว่าสิ่งที่มันทำกับผมก็ผิดเหมือนกัน
“ถ้าพี่ไม่ได้โกหกเรื่องที่บอกว่าอยากรู้จักผม พี่ก็เข้ามาคุยกันดีๆดิ ทำไมต้องมาแกล้งมาบังคับกันยังงี้”
ประโยคหลังผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดเลย แต่ไม่รู้ตัวเองว่าพูดออกไปได้ยังไงเมื่อมองหน้าไอ้พี่พฤกษ์
ในที่สุด มันยูเทิร์นรถตรงจุดที่ใกล้ที่สุดที่อนุญาตให้ทำได้แล้วข้ามมายังถนนฝั่งตรงข้าม
“พี่ยูเทิร์นทำไม”
“พี่จะกลับไปส่งเราที่คอนโด”
“เดี๋ยว ไหนบอกจะไปคุยกันที่บ้านพี่ไง ผมยังเคลียร์กับพี่ไม่จบ”
“พี่เข้าใจทุกอย่างแล้ว...เราเคลียร์กันจบแล้ว”
“เดี๋ยวดิ”
ผมประท้วง ไม่เข้าใจมันเลย
“พี่ขอโทษ ทั้งหมดพี่เป็นคนผิดเอง”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ไอ้พี่พฤกษ์พูดจนมาถึงหน้าคอนโด ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วเช่นกันทั้งๆที่ตั้งใจจะพูดอีกหลายเรื่อง
ผมมองเห็นแววตาเสียใจสะท้อนอยู่ในดวงตาไอ้พี่พฤกษ์ ซึ่งมันทำให้ผมพูดไม่ลง

TBC

เอ้า พี่พฤกษ์โกรธแล้ว ทำไงดีครับเนี่ย

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP12 “I wish I could ignore you like you ignore me.”

“เมื่อวานมึงไปกับใครมาวะ ไม่เห็นบอกพวกกูเลย” ไอ้เจมส์เซ้าซี้ตั้งแต่ผมโผล่หัวเข้ามาในห้องเรียนเช้าวันต่อมา
“ป๊าว” ผมตอบเลี่ยงๆ ไม่ได้จะปิดบังอะไรหรอกครับ แค่ไม่มีอารมณ์จะเล่าเรื่องเมื่อวาน
“แหม่ ปิดข่าวเงียบเลยนะ แต่กูเห็นละโว้ย พี่แนน อักษรที่เจอเมื่ออาทิตย์ที่แล้วไง ร้ายสาดดด”
“ห่า รู้แล้วยังถามอีก” ผมโบกหัวไอ้เพื่อนรักไปทีหนึ่ง
“แล้วเป็นไง ดูหนังเสร็จแล้วได้ไปต่อรึป่าวจ๊ะ”
“ป่าวโว้ย กูคนดี”
“ถุย”
“ไอ้เพชร เมื่อวานเป็นไงมั่งวะ” ไอ้นิวที่พึ่งมาถึงห้องเรียนถามผมเป็นสิ่งแรก วันนี้แปลกครับเพราะมันมาสายกว่าผม
“มันยังไม่ได้ทำอะไรกับพี่เค้า เซ็งเลย” ไอ้เจมส์ตอบแทนผม
“ไรว้า” ไอ้นิวร้องเสียดาย
“พวกมึงนี่ก็นะ ใจเย็นดิ...ว่าแต่มึงทำไมมาสายไอ้นิว”
“เมื่อคืนหลังกรุ๊ปกูไปกินเหล้ากับเพื่อนมัธยมมา กลับถึงหอตีสอง” มิน่าล่ะ
“แล้วพี่พฤกษ์ก็ไม่ได้มากรุ๊ป เค้าไม่ไปตามตัวมึงถึงที่หรือไงวะ” ไอ้เจมส์ถาม
“มาดิ น่าเบื่อแม่ง”
ไอ้เจมส์กับไอ้นิวหัวเราะและถามรายละเอียดต่อ แต่ผมไม่เล่า พวกมันก็เลยเลิกถามไป
ผมยังจำสีหน้า แววตา และน้ำเสียงที่แสดงถึงความเสียใจของไอ้พี่พฤกษ์เมื่อวานได้ดี พยายามจะสลัดมันให้หลุดออกไปจากหัวยังไงก็ทำไม่ได้
และที่น่าแปลกก็คือ ทำไมผมกลับรู้สึกผิดที่ทำให้พี่มันเสียใจ
นี่คือสิ่งที่ผมต้องการตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอ

ความรู้สึกผมถูกทดสอบอีกครั้งตอนพักเที่ยง เมื่อลงไปกินข้าวที่โรงอาหารพร้อมไอ้เจมส์กับไอ้นิว พอไอ้เจมส์เห็นพวกพี่เกี้ยงก็รีบตรงไปนั่งที่โต๊ะเดียวกันทันที
“มาๆน้อง นั่งกินข้าวด้วยกัน” พี่เกี้ยงขยับตัวให้พวกผมอย่างอัธยาศัยดี ทั้งๆที่ที่นั่งก็เหลือสบายๆเพราะเป็นโต๊ะตัวยาว
“ขอบคุณครับพี่” ไอ้เจมส์กับไอ้นิวตอบ
“หวัดดีน้อง...ไอ้พฤกษ์มึงไม่ทักทายน้องรักหน่อยอ่อ” พี่ริวพูดยิ้มๆ แล้วพยักเพยิดมาทางผม
ไอ้พี่พฤกษ์กับผมมองหน้ากันอย่างกระอักกระอ่วน ก่อนที่ต่างฝ่ายจะหันไปคนละทาง
“อ่าว” พี่ริวร้อง ทุกคนยกเว้นผมกับไอ้พี่พฤกษ์มองอย่างงงๆ
“กูไปซื้อข้าวก่อนนะ” ผมบอกเพื่อนก่อนจะเดินไปจากโต๊ะ
“อ้าวไอ้เพชร รอด้วยดิ รีบไปไหนของมึงวะ...เดี๋ยวมานะพี่” ไอ้เจมส์บอกพี่ๆแล้วตามผมมาพร้อมกับไอ้นิว
ผมเห็นหน้าไอ้พี่พฤกษ์ก็รู้สึกผิดอีกแล้ว
กลับมาที่โต๊ะอีกครั้งผมดันต้องไปนั่งตรงข้ามกับไอ้พี่พฤกษ์ เพราะมีนิสิตคนอื่นมานั่งข้างๆไอ้นิวแล้ว แต่เราไม่ได้คุยกันสักประโยคเดียว ไม่แม้แต่มองหน้ากัน เพราะพอผมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวแล้วเห็นไอ้พี่พฤกษ์มองอยู่ เราทั้งคู่ก็หันไปทางอื่นทันที
แม่งเอ๊ย อึดอัดชะมัด
ผมจึงรีบกินให้หมดโดยเร็วที่สุดแล้วลุกออกไปจากโต๊ะ
“อ้าวเห้ย ไปไหนวะมึง” ไอ้เจมส์ตะโกนถาม
เสียมารยาทก็ต้องยอมแล้วล่ะ ณ จุดนี้
ผมกำลังจะเรียกพี่วินหน้าม.ไปสยาม ไอ้เจมส์ก็โทรมา
(มึงอยู่ไหนไอ้เพชร)
“กูกำลังจะไปสยาม มึงมีไร”
(พี่เกี้ยงชวนพวกเราไปเล่นเกมร้านเดิม ทุกคนไปกันหมดเลยนะเว้ย ไปมะ)
ผมไม่รู้สึกอยากเล่นเลยสักนิด
“ไม่อะ กูเบื่อ อยากไปเดินเล่น”
(เออๆ แล้วแต่...แล้วเย็นนี้กลับมาเข้ากรุ๊ปด้วย)
“เดี๋ยวดูก่อน”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต่อไปไอ้เจมส์กับไอ้นิวต้องคุยกันเรื่องท่าทีของผมแน่ เผลอๆอาจกำลังคุยกันอยู่ด้วยซ้ำ
ปกติเวลาผมหงุดหงิดหรือไม่สบายใจ อย่างน้อยผมก็รู้สาเหตุ แต่นี่ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมไม่รู้สึกโกรธไอ้พี่พฤกษ์แล้ว แถมยังเก็บเอาเรื่องมันมาคิดอีก

ผมตัดสินใจกลับมาที่คณะอีกครั้งตอนสี่โมงเย็น
“ไอ้เพชร” ไอ้นิวที่นั่งอยู่ในกรุ๊ปแล้วหันมาเห็นผมคนแรก
“ไงมึง”
“เมื่อตอนเที่ยงมึงมีอะไรป่าววะ เล่าให้กูฟังได้นะ” มันบอก ท่าทางเป็นห่วง ไอ้เจมส์ก็หันมาหาผม นั่งเงียบรอฟังคำตอบ
“ป่าวหรอก ขอบใจนะมึง” ผมตบบ่ามันเบาๆ
ผมกวาดตามองไปรอบๆเพื่อหาตัวไอ้พี่พฤกษ์ แต่ไม่เห็นมันเลย เห็นก็แต่พี่เกี้ยงกับพี่ริว อย่างมันเนี่ยนะจะไม่มาเข้า
ใจผมไม่ได้โฟกัสกับกิจกรรมที่พี่ๆให้ทำเลย จนห้าโมงครึ่งพี่ๆก็ปล่อย ผมเดินเข้าไปหาพี่ริวทันที
“พี่ริว”
“ว่าไงเพชร”
“พี่พฤกษ์ไปไหนอะครับ”
“มันบอกว่าปวดหัว กลับบ้านไปตั้งแต่บ่ายแล้ว”
โกหกชัดๆ
“พี่ไม่รู้ว่ามันกับน้องมีปัญหาอะไรกัน...แต่อยากให้เพชรดีกับมันนะ” พี่ริวพูดพร้อมจับไหล่ผม
“พี่เห็นด้วย” พี่เกี้ยงเสริม เดินเข้ามายืนข้างพี่ริว
“เอ่อ...ผมขอเบอร์พี่พฤกษ์หน่อยดิ”
หลังกินข้าวกับไอ้เจมส์ไอ้นิวเสร็จ พวกเราก็แยกย้ายกันกลับ เพื่อนสองคนดูจะรู้ว่าผมกำลังเซ็งๆอยู่ พวกมันเลยไม่ได้คุยเฮฮาอะไรกันเลย
ระหว่างนั่งแท็กซี่กลับ ในหัวก็ดันนึกถึงรถ volvo สีเงินขึ้นมา ถ้าเรื่องไม่เกิดขึ้น ตอนนี้ผมอาจกำลังนั่งอยู่ในรถไอ้พี่พฤกษ์ก็ได้
ทำไมผมคิดฟุ้งซ่านขนาดนี้วะ
ได้เบอร์ไอ้พี่พฤกษ์มาแล้ว แต่ผมยังสองจิตสองใจว่าจะโทรไปหรือไม่ พี่มันจะคุยกับผมมั้ย โทรไปแล้วจะพูดอะไร
จนมาถึงห้องแล้วนั่นแหละ ผมเปิด facebook เลื่อน feed ดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วเห็นโพสต์ล่าสุดของไอ้พี่พฤกษ์
‘I wish I could ignore you like you ignore me.’
ผมอึ้ง นี่มันหมายถึงผมงั้นเหรอ
มีคนแห่กัน comment สอบถามและให้กำลังใจเพียบ แต่มันยังไม่ได้ reply สักคน
หรือมันอาจจะไม่ได้หมายถึงผมก็ได้ ไอ้พี่พฤกษ์อาจกำลังอกหัก
ไม่ว่า status นั่นจะเกี่ยวกับผมหรือไม่ ยังไงก็ไม่อยากให้ผมกับมันต้องค้างคากันแบบนี้ ในที่สุด ผมตัดสินใจโทรไปหาไอ้พี่พฤกษ์
มันกดรับเร็วจนผมตกใจ
(ฮัลโหลครับ)
เชี่ย เริ่มไงดีวะ
“อะ เอ่อ…”
(ใครครับ)
“ผม...เพชร”
ปลายสายเงียบไปนานก่อนตอบ
(ครับ ว่าไง)
ผมใจแป้ว น้ำเสียงไอ้พี่พฤกษ์ฟังดูห่างเหิน
“เพชร เอ่อ...ขอโทษ…”
(...)
แล้วคำว่าขอโทษก็หลุดออกจากปากผมไปเป็นอย่างแรก
ที่ทำให้รู้สึกไม่ดีคือพี่มันเงียบใส่
“พี่พฤกษ์”
(คะ ครับ)
มึงจะตะกุกตะกักอีกคนไม่ได้นะเห้ย
“เพชรรู้ว่าเมื่อวานพูดแรงไปหน่อย แล้วก็...ที่จะต่อยพี่ด้วย”
(...)
อย่าเงียบดิวะพี่
“เพชรผิดเอง ขอโทษนะครับ”
สาบานเลยว่าไม่เคยคิดดีพูดดีขนาดนี้ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่อยากปฏิเสธตัวเองว่ารู้สึกผิดจริงๆ
(น้องเพชร...พี่ผิดเองแหละที่บังคับเรา แกล้งเราสารพัด...อย่าโทษตัวเองเล...)
“จริงๆเพชรไม่ได้เกลียดกิจกรรมกรุ๊ปนะครับ เพชรแค่ไม่ชอบโดนบังคับให้ไปเข้าทุกครั้งเท่านั้นเอง” ผมรีบแทรกขึ้นมา เหมือนเด็กที่กำลังสารภาพผิดกับผู้ใหญ่
(ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร...ไม่ต้องฝืนตัวเองหรอก)
“ไม่ได้ฝืน จริงๆนะพี่”
ทำไมผมต้องร้อนรนอธิบายมันด้วยนะ
(ถ้าเพชรไม่อยากก็ไม่ต้องแล้วนะครับ พี่สัญญาว่าจะไม่บังคับอะไรน้องอีกแล้ว) ไอ้พี่พฤกษ์พูดเสียงอู้อี้
มันเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ
ผมนึกว่าโทรศัพท์คุยกับไอ้พี่พฤกษ์แล้วจะรู้สึกดีขึ้น แต่เปล่าเลย ผมกลับรู้สึกแย่ลงกว่าเดิม ที่ไอ้พี่พฤกษ์บอกว่าจะไม่บังคับอะไรอีก ฟังเหมือนมันจะไม่มายุ่งกับผมอีกแล้ว
และผมสงสัยเป็นที่สุดว่าทำไมผมต้องรู้สึกผิดขนาดนี้ ทำไมผมไม่ดีใจเลยที่พี่มันไม่ยุ่งกับผมแล้ว ทำไมผมไม่ได้เกลียดไอ้พี่พฤกษ์ทั้งที่ควรเกลียด
โคตรงี่เง่า

วันสุดท้ายของการเรียนในสัปดาห์มาถึง ผมมาเข้าห้องเรียนหลังคลาสเริ่มไปแล้วเกือบหนึ่งชั่วโมง
“ไอ้เพชร เย็นนี้กรุ๊ปเรามีเลี้ยงข้าวอีกแล้วนะเว้ย ไปปะ” ไอ้เจมส์รายงานผมเรื่องของแดกเป็นอันดับแรกเลย
“ที่ไหนวะ”
“สเต็ก Jeffer พี่เค้าจองทั้งร้านเพื่อเลี้ยงเลยนะเว้ย”
“ก็...ไปดิ” ผมคิดนิดหนึ่งก่อนตอบ ไม่ใช่เหตุผลเรื่องของฟรีแน่ๆที่ผมไป แต่เพราะอยากเจอไอ้คนที่ทำผมคิดมากเนี่ยแหละ ถึงยังไม่รู้ว่าพี่มันจะมาวันนี้รึป่าว
“แต่พี่เค้าบอกว่าไม่มีเลี้ยงเหล้าต่อนะเว้ย แดกเสร็จก็แยกย้ายเลย” ไอ้นิวว่า
“ยังงี้มึงเปลี่ยนใจไม่ไปแน่” ไอ้เจมส์ถาม
“สัส มึงนึกว่ากูไปเพราะแดกฟรีอย่างเดียวรึไง ไม่เปลี่ยนใจโว้ย”
ไอ้เจมส์กับไอ้นิวหัวเราะ
“แล้ว…” ไอ้เจมส์ดูเหมือนไม่แน่ใจว่าจะพูดเรื่องต่อไปดีมั้ย
“มึง...โทรไปคุยกับพี่พฤกษ์ยัง”
“คุยละ แต่ไม่เคลียร์”
อะไรบางอย่างบนใบหน้าผมบ่งบอกว่าไม่อยากให้ถามต่อ ไอ้เจมส์ที่สนิทกับผมมานานเลยหยุด ผมเห็นมันส่งซิกห้ามไอ้นิวที่ทำท่าเหมือนจะถามต่อด้วย
ไอ้เจมส์มันเข้าใจผมว่าไม่ชอบให้ใครมาซักไซ้มากเกินไป หลายครั้งที่มันเป็นห่วงแต่คอยช่วยเหลือผมในรูปแบบอื่นมากกว่าจะให้ผมเปิดปากเล่าปัญหา ผมรักมันก็ตรงนี้
วันนี้ไม่มีการเล่นเกมที่กรุ๊ปแต่พี่ๆนัดปีหนึ่งให้ไปเจอกันที่ร้าน Jeffer ในห้างข้างๆคณะผมตอนห้าโมงเย็นเลย พอใกล้เวลานัด สามหล่อก็เดินไปรอหน้าร้าน
“พวกมึง หลังนี่เราไปแดกเหล้าต่อกันเองปะ” ไอ้ต่อ เพื่อนในกรุ๊ปคนนึงหันมาชวนพวกผม
“กูสนนะ” ไอ้นิวตอบ หันมามองผมกับไอ้เจมส์
“ได้นะ แต่มึงต้องดูแลกูนะนิว และวันนี้กูต้องกลับก่อนสี่ทุ่ม”
ไอ้นิวกับไอ้ต่อหัวเราะพรืด
“ห่า กลับก่อนสี่ทุ่มก็ไม่ต้องไปแล้วล่ะไอ้เจมส์” ไอ้ต่อพูด
“สัส กูอยากแดกนิ แต่วันนี้แม่บอกห้ามกลับเกินสี่ทุ่ม”
“เออๆ เดี๋ยวกูดูมึงเอง คอยควบคุมเวลากลับบ้านมึงด้วย” ไอ้นิวตอบ
“ดีมาก...มึงอะ ไปปะเพชร” ไอ้เจมส์หันมาถามผม
“ไม่ว่ะ คืนนี้กูอยากนอน” ผมนอนหลับไม่เต็มที่มาสองคืนติดแล้ว อีกอย่างคือผมไม่ชอบใช้เหล้าบรรเทาความเซ็งหรือเรื่องทุกข์ใจ ผมชอบกินเพราะอยากสนุกมากกว่า
“โด่ ไรวะ ไม่ไปอ่อไอ้เพชร” ไอ้ต่อเซ้าซี้
“ไม่อะ” ผมปฏิเสธอีกครั้ง
“เคๆ”
ไอ้เจมส์กับไอ้นิวไม่ได้ชวนต่อ คงรู้ดีว่าผมไม่อยู่ในอารมณ์จะสังสรรค์เลย
เข้าร้านไปแล้ว เหล่าบริกรก็ยกสเต็กมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ พวกพี่ๆประกาศว่าถ้าใครอยากสั่งอะไรเพิ่มก็ได้เต็มที่ไม่มีอั้น ดีโคตร
“เชี่ยยยย กูจะสั่งเพิ่มทุกอย่างเลย” ไอ้เจมส์ว่า ตะกละซะความหล่อมึงลดไปหลายlevelเลยนะ
“กูว่ามึงแดกที่พี่เค้าสั่งให้หมดก่อนเหอะ แค่นี้ก็เยอะชิบ” ผมบอก
“พี่บอสครับ ผมอยากได้หอมทอดเพิ่ม แล้วก็ผักโขมอบชีสด้วย ได้มั้ยครับ” นั่น มันฟังผมเมื่อไรล่ะ หันไปถามรุ่นพี่ที่ผมไม่รู้จัก พี่แกพยักหน้าตอบกลับมายิ้มๆ
“ไอ้ตะกละเอ๊ย”
ไอ้นิวหัวเราะ แต่จู่ๆมันก็หยุด
“อะไรวะ” ผมถาม
ไม่ต้องรอคำตอบเมื่อผมหันไปตามสายตาไอ้นิว พี่เกี้ยง พี่ริว และไอ้พี่พฤกษ์กำลังเดินเข้ามาในร้าน ไอ้พี่พฤกษ์ชะงักไปเมื่อเห็นผม
แล้วมันก็หันหน้าไปอีกทางอย่างรวดเร็ว
ไอ้เจมส์ก็สังเกตเห็นแล้วเช่นกัน มันหยุดเพลิดเพลินกับอาหารตรงหน้าแล้วมองมาที่ผมอย่างไม่สบายใจ
พี่ทั้งสามคนเดินไปนั่งโต๊ะที่ไกลจากที่พวกผมนั่ง ผมสบตากับพี่ริวแวบหนึ่งด้วย

ผมไม่ enjoy กับอาหารมื้อนั้นเลย ไม่ใช่ว่าอาหารไม่อร่อย แต่เพราะเมื่อกี้ไอ้พี่พฤกษ์ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน ผมหงุดหงิดและแปลกใจตัวเองอีกครั้งว่าทำไมต้องหงุดหงิดเพราะมันไม่สนใจด้วย
ผมกำลังคิดว่าจะเข้าไปคุยกับไอ้พี่พฤกษ์ยังไงก็พอดีพี่แกลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินออกไป จะไปไหนนะ
“ไปไหนไอ้เพชร” ไอ้เจมส์น่าจะรู้ว่าผมกำลังจะตามไอ้พี่พฤกษ์ไป มันเห็นว่าผมลุกขึ้นทันทีที่พี่มันออกจากร้าน
“เดี๋ยวกูมา”
ผมตามไปโดยไม่ให้รู้ตัว ปรากฎว่าไอ้พี่พฤกษ์ไปเข้าห้องน้ำครับ ผมเลยรอมันอยู่ด้านหน้าสักเดี๋ยว
“พี่พฤกษ์”
คนถูกเรียกสะดุ้งเล็กน้อยตอนเดินออกมา เพราะไม่ทันสังเกตเห็นว่าผมมาดักรอ
“ครับ”
มันไม่ได้ยิ้มเหมือนปกติที่เจอผม
“ผมขอคุยด้วยหน่อย”
“เอ่อ เพชรจะคุยอะไร”
ผมไม่พอใจท่าทีที่ดูไม่อยากยุ่งกับผมนั่นเลย
“ที่เรายังเคลียร์กันไม่จบไง”
“เราเคลียร์กันจบแล้วนี่ครับ”
“พี่โกรธอะไร ทำไมต้องเมินผมด้วย”
ผมโพล่งออกไปก่อนจะคิดและห้ามตัวเองได้ทันอีกแล้ว
มันดูประหลาดใจมากที่เห็นว่าผมรู้สึกแย่
“พี่ไม่ได้โกรธ”
“หรอครับ เมื่อวานพี่บอกว่าจะไม่บังคับอะไรอีก ยังงี้ไม่โกรธแล้วเรียกว่าอะไร”
ผมกะจะพูดดีๆ แต่อารมณ์ก็นำคำพูดอีกแล้ว
“ไม่ได้โกรธจริงๆ พี่แค่ไม่อยากบังคับเพชรอีก...พี่ก็รู้สึกไม่ดีที่ทำแบบนั้นกับเรานะ…”
ดวงตา ท่าทางไอ้พี่พฤกษ์แสดงความเสียใจอย่างจริงใจ
“ผม…” ผมเขวไป
“เอาเป็นว่าพี่ขอโทษทุกเรื่องนะ...ต่อไป…”
ไอ้พี่พฤกษ์ก้มมองพื้น พูดประโยคต่อมาอย่างลำบาก
“พี่จะไม่ทำให้เพชรไม่พอใจแล้ว”
พักใหญ่ผมถึงรู้ตัวว่าไอ้พี่พฤกษ์เงยหน้าขึ้นมองผมแล้ว เราสบตากันด้วยความว่างเปล่า และจังหวะที่มันกำลังจะก้าวเท้าผ่านผมไป ผมอดใจไม่ไหวจึงพูดออกมาว่า
“ผมเชื่อละว่าพี่ไม่โกรธ แต่ไม่ต้องเลิกยุ่งกับผมก็ได้นี่”

TBC

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP13 “ผมเชื่อละว่าพี่ไม่โกรธ แต่ไม่ต้องเลิกยุ่งกับผมก็ได้นี่”

วันเสาร์หมดไปอย่างไร้ประโยชน์ ผมหมกตัวอยู่แต่ในคอนโด ไม่รู้สึกอยากออกไปไหนหรือทำอะไรทั้งสิ้น
ไม่ต้องสืบหาสาเหตุเลย เพราะไอ้พี่พฤกษ์นั่นแหละ

“ผมเชื่อละว่าพี่ไม่โกรธ แต่ไม่ต้องเลิกยุ่งกับผมก็ได้นี่”
ผมพูดแบบนั้นออกไปได้ไงวะ ฟังดูตุ๊ดชิบหาย
แต่สิ่งที่ทำให้ผมคิดหนักกว่าคำพูดของตัวเองก็คือท่าทางไอ้พี่พฤกษ์หลังได้ยิน

มันหันกลับมามองผม ผมพูดไม่ออก
“เมื่อกี้เพชรว่าไงนะ”
“ปะ เปล่า”
ไอ้พี่พฤกษ์ดูเหมือนพยายามจะซ่อนรอยยิ้ม แต่ซ่อนไม่อยู่ แถมตางี้เป็นประกายเชียว ได้ข่าวว่าเมื่อกี้มึงรู้สึกผิดกับกูไม่ใช่อ่อพี่ ไอ้ความเศร้าโศกนั่นมันหายไปไหนหมด
ตอนนี้ผมเองเป็นฝ่ายที่จะเดินกลับเข้าไปในร้าน แต่มันฉุดแขนผมไว้
ห่า กูยิ่งดูตุ๊ดเข้าไปอีก
“เดี๋ยวสิครับ จะไปไหน”
อีกนิดเดียวปากมึงจะฉีกถึงหูแล้วนะครับ
“พี่ไม่เลิกยุ่งกับเพชรแล้วก็ได้”
นั่นไง แสดงว่าทีแรกมึงตั้งใจจะเลิกยุ่งกับกูจริงๆ
“พี่ขอโทษนะครับ ทุกเรื่องเลย”
“อะ อือ พี่ขอโทษผมเยอะไปละ...ผมเองก็ขอโทษ...กับทุกเรื่อง” ผมบอกเสียงเบา
ผมไม่ยอมมองสบตาไอ้พี่พฤกษ์เพราะทนเห็นยิ้มมันไม่ได้ แล้วมันก็ยกมืออีกข้างขึ้นมายีหัวผมเบาๆ

เช้าวันอาทิตย์ ผมตื่นขึ้นมาเจออากาศเย็นสบายผิดฤดู ไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือสนใจข้อความใน social media ทั้งหมดที่ใครส่งมาหา
แล้วผมก็นึกถึงหน้าไอ้พี่พฤกษ์ขึ้นมาเป็นคนแรก
ผมนอนแช่ในอ่างอาบน้ำเกือบชั่วโมง ครุ่นคิดเกี่ยวกับความรู้สึกของผมที่มีต่อมัน จริงๆแล้วผมรู้สึกยังไงกันแน่นะ
แปลก
ผมเลิกหลอกตัวเองไปแล้วว่าเกลียด เพราะผมไม่ได้เกลียดพี่มันเลย แล้วผมก็ไม่อยากให้มันเมินใส่หรือรู้สึกผิด เพราะเหตุการณ์ครั้งล่าสุด คนที่ควรจะรู้สึกผิดคือผม
อาบน้ำเสร็จออกมาก็เจอ missed call ของไอ้คนที่ทำให้ผมคิดไม่ตกเนี่ยแหละครับ
โทรมาทำไมวะ
(ฮัลโหลคร้าบ) ไม่ต้องรับสายกูเสียงหวานปานน้ำผึ้งขนาดนั้นก็ได้- -
“ว่าไงพี่พฤกษ์”
(พึ่งตื่นอะดิ เมื่อกี้พี่โทรไปไม่รับ)
“อาบน้ำอยู่”
(อ่ออ)
“แล้วโทรมามีไรครับ”
(พอดีเย็นนี้พี่ผ่านไปแถวคอนโดเพชรอะ จะชวนกินข้าวเย็นด้วยกัน)
“ก็ได้นะ”
(งั้นเดี๋ยวพี่ถึงแล้วโทรหานะครับ)
“อ่าฮะ”
(วันนี้น่ารักจัง ไม่ดื้อ)
พ่อง น่ารักอะไร กูขนลุก
“อะไรของพี่เนี่ย”
มันหัวเราะ
(เดี๋ยวเจอกัน)
ชวนกินข้าวงั้นเหรอ ผมนี่ง่ายเนอะ แต่ก็ไม่ได้อยากปฏิเสธนี่นา
จะคิดมากทำไมไอ้เพชร มึงอยากไปก็ไป ไม่อยากก็ไม่ต้อง ง่ายๆ

ไอ้พี่พฤกษ์โทรมาอีกครั้งตอนเกือบหกโมงเย็น เราตกลงกันว่าจะกินร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่อยู่ถัดไป1สถานีรถไฟฟ้านับจากคอนโดผม
“เพชร” ไอ้พี่พฤกษ์เรียกเมื่อผมเดินเข้าไปในร้านและกำลังมองหาพี่แกอยู่ มาเร็วกว่าผมอีกว่ะ
“พี่มานานยัง”
“สิบนาที พี่หิวมากเลย” มันทำท่าลูบท้องประกอบ
“สั่งรึยังครับ”
“เรียบร้อย สั่งให้เพชรแล้วด้วย”
มันจ้องผม ยิ้มร่า
“อะไรพี่”
“ป่าวครับ”
กูเห็นนะว่ามึงยังไม่หยุดมองแล้วยิ้มอะ มีความสุขมากปะพี่
“เมื่อวันศุกร์ทำไมเราไม่ไป brick bar ล่ะ”
“ผมเซ็งๆอะ”
อ่าวเห้ย หลุดพูดไปเสียแล้ว
“เซ็งเรื่องไร เล่าให้พี่ฟังได้นะครับ”
เรื่องมึงนั่นแหละไอ้พี่พฤกษ์ กูเล่าให้ฟังได้มั้ย
“เรื่องที่บ้านน่ะ”
มันเงียบรอฟัง แต่พอเห็นว่าผมไม่เล่าต่อ มันก็ไม่ได้ซักอะไร
“แล้วเป็นไง เมากลับมาอีกอะดิ” ผมยิ้มแซวมัน
“ป่าวซะหน่อย ครั้งนี้มีสติครบถ้วน”
“หราาา”
“ไม่เชื่อถามพวกน้องเจมส์ก็ได้”
“ดีแล้วครับ ไม่งั้นพี่ริวพี่เกี้ยงลำบากแน่”
“55555555”
ไอ้เจมส์ ไอ้นิว ไอ้ต่อ ไปชวนพวกพี่เค้านี่แหละไปก๊งกันต่อหลังสเต็ก Jeffer ทีแรกไอ้พี่พฤกษ์ไม่รู้ว่าผมไม่ได้ไป
“ถ้าเพชรไปด้วยพี่คงฝากให้ช่วยดูแลแหละ”
“ไม่เอาอะ”
ยังจะหัวเราะอีกแน่ะ
ผมคลางแคลงใจว่าความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างเราสองคนมันหายไปไหนหมด ถ้าย้อนไปสัปดาห์แรกที่ผมรู้จักกับไอ้พี่พฤกษ์นะ ไม่มีทางที่ผมจะมานั่งกินข้าวกับมันแล้วคุยกันดีๆแบบนี้หรอก
ว่าแต่พี้ยามาอ่อ ยิ้มอยู่นั่น
ก๋วยเตี๋ยวเนื้อพิเศษ2ชามถูกยกมาวางบนโต๊ะ
“พี่สั่งเหมือนผมอ่อ”
“ครับ ก็พี่ไม่เคยกินเจ้านี้นี่นา เห็นเราสั่งแบบนี้เลยตาม”
“ก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตกพร้อมเครื่องในครบชุดเนี่ย signature ของร้านนี้เลยนะ”
“ถ้าไม่อร่อยทำไง” ไอ้พี่พฤกษ์หยั่งเสียงถาม
“โห ถ้าไม่อร่อยผมเลี้ยงพี่เลยมื้อนี้”
“ไม่เอา ถ้าไม่อร่อยพี่ก็ไม่อยากกินต่อ รับผิดชอบเป็นอย่างอื่นดิ”
เรื่องมันหนักหนาสาหัสขนาดกูต้องรับผิดชอบเลยรึไงฟะ
“อะ พี่อยากให้ทำไร”
“อืมม ตอนนี้คิดไม่ออกแฮะ ไว้เดี๋ยวบอกละกัน”
“ไม่ได้บอกแน่ ใครกินก็อร่อย พี่ลองกินก่อนเหอะ”
“ครับๆ” มันยิ้มหวาน นี่ตั้งแต่ผมมาถึงมันยังไม่หุบยิ้มเลย
มันเริ่มจากตักน้ำซุปชิมก่อน หึ ดูหน้าพี่มันก็รู้แล้วว่าทึ่ง ถึงเครื่องถึงรสเลยดิ ต่อด้วยเส้นเล็กและเนื้อในคำเดียวกัน
“ไงพี่”
“อือ อร่อยอะ” ตาโต จือปากเชียวนะ เชื่อรึยังล่ะ
“ผมบอกแล้ว อย่าท้า”
มันหัวเราะเบาๆและกลับไปกินต่อ
“เออพี่ เมื่อวันศุกร์เห็นไอ้ต่อพูดถึงเรื่องทริปรับน้อง มันจัดวันไหนอ่อ”
“ของกรุ๊ปเราวันศุกร์หน้าครับ”
ผมพยักหน้า
“ไปปะ ไปเที่ยวกัน”
“ได้ครับ”
ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มแฉ่ง
ผมอยากรู้ว่ารับน้องนอกสถานที่จะเป็นยังไงน่ะครับ เค้าทำอะไรกันบ้าง จะได้มีประสบการณ์สักครั้งในชีวิต ถ้าไม่ชอบก็จะได้รู้ว่าไม่ชอบเพราะอะไร
“แล้วเรื่องเรียนเรามีปัญหาอะไรมั้ย”
“ไม่รู้ดิ”
“หืม ไม่รู้ได้ไง”
“ผมไม่รู้ว่าปัญหาคืออะไรอะดิ”
“แบบว่าเรียนไหวมั้ย ต้องปรับตัวเยอะมั้ย”
“ไม่นะ เพราะผมไม่ตั้งใจเรียนด้วยมั้ง คาบเช้านี่เข้าสายตลอด บ่ายก็หลับหลายครั้ง” ผมพูดกลั้วหัวเราะ ตอนนี้อาจจะยังรู้สึกชิวๆอยู่ เดี๋ยวพอใกล้สอบไฟก็มาเองแหละ
“ไม่ได้นะ เพชรต้องตั้งใจเรียนดิ ปีแรกเนี่ยง่ายสุดแล้ว ปีสูงๆยิ่งยากกว่านี้นะครับ รู้มั้ย” ความรู้สึกตอนนี้เหมือนมีพี่ชายมาอบรมยังไงก็ไม่รู้
“คร้าบ” ผมลากเสียงยาวอย่างเบื่อๆ
เราทั้งกินทั้งคุยกันเพลินจนถึงสองทุ่ม ไอ้พี่พฤกษ์เสนอจะขับไปส่งที่คอนโด
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไร ใกล้แค่นี้เอง เดี๋ยวผมเดินกลับได้”
“ไม่เป็นไร มันมืดแล้ว เดินกลับคนเดียวอันตราย”
ผมหัวเราะ
“ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะพี่”
“ไม่เอาน่า ให้พี่ไปส่งเถอะ”
ผมน่าจะรู้นิสัยไอ้พี่พฤกษ์ดีนะว่ามันดื้อขนาดไหน
“ครับๆ”
“พี่เป็นห่วงเรานะ”
มันพูดเสียงฟังดูอ่อนโยนจังวะ
ผมเดินตามมันไปขึ้นรถสีเงินที่ดูเหมือนจะเป็นรถประจำตัวผมไปแล้วด้วยซ้ำ อยากถามไอ้พี่พฤกษ์เหมือนกันว่ามีใครได้ขึ้นบ่อยเท่ากับผมมั้ย
“บ้านพี่อยู่ไหนอะ”
มันยิ้มก่อนตอบ
“อยากไปเที่ยวอ่อ ไปคืนนี้เลยปะล่ะ”
“ไม่ใช่ละ ถามเฉยๆ”
“แถวบางซื่อครับ”
“ไหนบอกว่าทางเดียวกับคอนโดผมไง” ขี้โม้ที่หนึ่งเลยพ่อคนนี้
“พี่บอกตอนไหนเหรอ” แน่ะ ไม่เนียน
“ไกลนะเนี่ย ทำไมพี่ไม่นั่งรถไฟฟ้ามาเรียนอะ ไม่เบื่อรถติดอ่อ”
“พี่ชอบขับรถมากกว่ายืนโหนรถไฟฟ้ามาเฉยๆ”
ผมหันไปมองไอ้พี่พฤกษ์ มันก็กำลังมองผมอยู่พอดี ผมเลยหันหน้ากลับมามองถนน
เมื่อรถมาจอดหน้าคอนโด ผมพูดขึ้นอีกครั้ง
“ขอบคุณครับ”
“ยินดีครับ”
ผมยังไม่ลงจากรถ ไอ้พี่พฤกษ์เลิกคิ้ว
“พรุ่งนี้...เจอกันที่กรุ๊ปนะครับ”
มันยิ้มกว้างออกมา
“ผมไม่ได้ไปเพราะถูกบังคับนะ ครั้งนี้ผมอยากไปจริงๆ”
“ขอบคุณที่เปิดใจนะครับ...แต่ถ้าวันไหนเพชรไม่รู้สึกอยากไปกรุ๊ปก็ไม่ต้องไปนะ...พี่ไม่ว่าอะไรแล้ว” มันเสริมเสียงอ่อย”
“ครับ”
“เดี๋ยวเพชร”
ผมที่กำลังจะเปิดประตูหยุดชะงัก
“พี่ขออะไรหน่อยดิ”
“ขอได้ไง ก๋วยเตี๋ยวเนื้ออร่อยนิ” ผมยิ้มมุมปาก เตือนความจำไอ้พี่พฤกษ์เรื่องเดิมพันมื้อเย็น
“เอ่อ อันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องก๋วยเตี๋ยว”
“แบบนี้ก็ได้เหรอ”
มันหัวเราะ
“คือ...กลับมาแทนตัวเองว่าเพชรได้ปะ”
หือ ผมจะเรียกแทนตัวเองว่า ‘ผม’ หรือ ‘เพชร’ นี่มันสำคัญขนาดนั้นเลยรึไง
“อย่างที่บอก พี่แค่คิดว่ามันดูสนิทกันแล้วน่ะ” ไอ้พี่พฤกษ์พูดพลางเกาหัว
ผมนิ่ง มันเงยหน้ามองผมอย่างรอคำตอบ
“เพชรไปละ”
ผมผลักประตูแล้วหันกลับมามองที่ volvo เจ้าของรถยิ้มกว้างมากกว่าเมื่อกี้เสียอีก

เย็นวันต่อมา สามหล่อเดินกอดคอกันไปเข้าร่วมกิจกรรมตอนเย็นที่กรุ๊ป4 ผมกับไอ้เจมส์กำลังแหย่ไอ้นิวเรื่องสาวอักษรที่มาขอเบอร์มัน คือไอ้นิวกำลังจะไปออกล่า เอ้ย ออกเดทกับเค้าเย็นนี้อะครับ
ไอ้นิวหน้าแดงมาจะได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว
“มึงก็รีบรวบรัดนะเว้ย อย่ามัวชักช้าเหมือนเชี่ยเพชรอยู่” ไอ้เจมส์ว่ากระทบผม
“ห่า กูค่อยเป็นค่อยไปโว้ย มึงไม่รู้อะไร”
“จะเปลี่ยนกลยุทธ์รึไง เห็นตอนม.ปลายนี่รีบเอาๆ” แฉกูอีกไอ้เจมส์
“สัส ตอนนั้นฮอร์โมนกำลังพลุ่งพล่านมั้ยล่ะ”
“กูไม่ทำอะไรเค้าหรอกน่า แค่ดูหนัง กินข้าว ละก็ไปส่งเค้ากลับบ้าน” นี่ไอ้นิวมันไปเป็นพระเอกตั้งแต่เมื่อไร อย่าลืมว่าตอนแนน ผมไม่ได้คิดแบบมันนะ แต่โดนไอ้พี่พฤกษ์ทำเสียแผน- -
“ถุย” ไอ้เจมส์ว่า
เข้าไปนั่งรอในกรุ๊ปได้เดี๋ยวเดียว พี่ๆก็เริ่มกิจกรรม ตอนนั้นเองพวกไอ้พี่พฤกษ์ก็มาถึง
พอพี่แกเห็นผมก็โบกมือมาให้ ผมเลยยักคิ้วตอบกลับไป
แล้วพี่แนทก็ออกมายืนข้างหน้า ประกาศว่ากิจกรรมในวันนี้มี2อย่าง คือจะสอนร้องเพลงของคณะและมหาวิทยาลัย กับให้รีบเคลียร์สมุดล่ารายเซ็นรุ่นพี่ หึหึ ของผมที่ต้องทำมากกว่าเพื่อนคนอื่นยังไปไม่ถึงไหนเลย
“ว้า งั้นวันนี้กูก็สบายละ เพราะของกูครบแล้ว” ไอ้เจมส์ว่า
“เชี่ยย มึงครบแล้วจริงดิ” ผมคว้าสมุดที่มันพึ่งหยิบจากกระเป๋ามาดู เออ ลายมือรุ่นพี่ไม่รู้กี่คนเต็มแน่นทุกหน้าเลย มึงเอาเวลาที่ไหนไปทำวะ
“ของกูเหลืออีก5-6คน” ไอ้นิวหยิบสมุดตัวเองออกมานับดูบ้าง
“แล้วมึงอะเพชร” ไอ้เจมส์หันมาถาม
“ยังไม่ถึงครึ่งเลยสัส” ผมหน้าบูด เพื่อนสองคนหัวเราะทันที
เกือบหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ปี1ได้เรียนรู้เพลงสำคัญๆและประวัติความเป็นมาของเพลงประจำคณะและมหาวิทยาลัย จะบอกว่าผมจำเนื้อไม่ได้สักเพลง555 แต่ก็รู้สึกอินอยู่ครับ
“เอาล่ะค่ะ ต่อไปนี้ทุกเย็น ก่อนจะเล่นเกมหรือเริ่มกิจกรรมอะไรก็ตามที่กรุ๊ป พี่จะให้น้องๆร้องเพลงอย่างน้อยวันละ2เพลงนะคะ รับทราบเนอะ”
พี่แนทพูดพร้อมส่งยิ้มให้ปีหนึ่งทุกคน
“ก่อนกลับบ้านวันนี้ พี่ให้เวลาน้องๆล่ารายชื่อลงสมุดนะจ๊ะ รีบกันหน่อยนะ อาทิตย์หน้าก่อนไปทริปจะมีการตรวจเด้อออ”
ชิบหายแล้วไอ้เพชร
ไอ้เจมส์กับไอ้นิวพร้อมใจกันตบไหล่ผม
“โชคดีนะจ๊ะ” ไอ้เจมส์บอก แดกดันกันอีกแน่ะ
“สัส”
ผมหันไปเห็นไอ้พี่พฤกษ์ส่งยิ้มมุมปากมา
จะว่าไปผมเคยคิดว่ายังไงก็คงไม่ให้มันเซ็นสมุดให้แน่ๆ แต่เราสนิทกันแล้วนี่ครับตอนนี้ แถมผมก็รู้จักรุ่นพี่อยู่ไม่กี่คนด้วย ถ้าไม่ให้พี่แกเซ็นก็แทบไม่กล้าขอคนอื่นแล้ว
ผมลุกขึ้นตรงไปหาไอ้พี่พฤกษ์ทันที
“พี่เขียนให้เพชรหน่อยดิ”
“ก่อนเซ็นต้องมีภารกิจนะครับ” นั่นไง สนิทกันแล้วไม่ได้หมายความว่ามันจะให้ผมง่ายๆ
“โห่ พี่บางคนเค้าเขียนให้เลยนะ ทำไมต้องมีภารกิจด้วย”
“พี่ไม่ใจดีนี่นา แล้วพี่ก็ให้น้องที่มาขอให้เขียนทำภารกิจทุกคนนะ”
“นี่เพชรนะ” ผมส่งสายตาปิ๊งๆ
“เป็นเรายิ่งต้องทำเลยเด็กดื้อ” ไอ้พี่พฤกษ์หัวเราะ แม่ง
“เออๆ พี่จะให้ทำอะไร”
มันยิ้มเหี้ยมก่อนตอบ
“เต้นแบบที่เพชรชอบละกัน”
ชอบหน้ามึงอะ โว้ย กูกลับมาเกลียดมึงอีกทีดีมั้ย
“เดี๋ยวพี่เลือกเพลงให้นะ อืมม เพลงไรดี”
ไอ้ห่าาาาา
“เอาเพลงง่ายๆเนอะ ถ้าไม่ใช่เพชรพี่ให้เพลงยากกว่านี้นะเนี่ย” ไม่ต้องมากอดคอกูเลยไอ้พี่พฤกษ์
“เพลงไรพี่”
“ไก่ย่างถูกเผา” มันพูดกลั้วหัวเราะ
โว้ย กูจะเผามึงก่อนไก่อะไอ้พี่พฤกษ์
“แต่เต้นตรงนี้มันธรรมดาไปหน่อย ขึ้นไปเต้นบนม้าหินตัวนั้นละกัน”
ผมโคตรรักพี่เลย เอาที่มึงสบายใจ ไม่ต้องห่วงยางอายกูเลยนะ
“อะ เร็วสิครับ เดี๋ยวพี่ไม่เซ็นสมุดให้นะ”
“ได้ คอยดูให้ดีนะพี่”
ผมไม่อยากยอมแพ้มัน เป็นไงเป็นกันเว้ย
ผมเดินขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ม้าหินที่อยู่หน้ากรุ๊ป4แล้วไอ้พี่พฤกษ์ก็ส่งเสียงร้องมาให้
“ไก่ย่างพร้อม... 3 4 ไก่ย่างถูกเผาๆ...มันจะถูกไม้เสียบๆ เอ้า เสียบตูดซ้าย...เสียบตูดขวา...เสียบตูดซ้าย...เสียบตูดขวา…”
ที่ผมเคยได้ยินมันเสียบตูดซ้ายขวาแค่รอบเดียวไม่ใช่อ่อวะ นี่มึงให้กูเสียบกี่รอบ
“เสียบตูดซ้าย...เสียบตูดขวา…” มึงดูชอบเสียบเนอะไอ้พี่พฤกษ์ ฮือ แล้วผมก็ต้องเต้นท่าเสียบทุเรศๆนั่นไม่หยุด
ผมเลี่ยงไม่หันไปมองหน้าไอ้เจมส์กับไอ้นิวเพื่อนรักที่ยืนชี้มือมาที่ผมแล้วหัวเราะท้องคัดท้องท้องแข็ง พอหันไปมองตรงไอ้คนออกคำสั่งก็เห็นพี่เกี้ยงกับพี่ริวเดินมายืนข้างๆมันและกำลังถ่ายคลิป
ผมมีแววดังบน social อีกแล้วสินะเย็นนี้
“ร้อนจริงๆๆ...ร้อนจริงๆๆ...ส่ายมากกว่านี้หน่อยคร้าบบบบ” พี่ชายสุดที่รักกล้าขอน้องก็กล้าให้ครับ อะ ส่ายยยย
เสียงกรี๊ดและเสียงโห่ฮาเชียร์ผมดังลั่นมากกว่าท่อนเสียบตูดซ้ายขวาอีก คราวนี้ไม่ใช่แค่คนในกรุ๊ป4หันมาดูแล้ว แต่กรุ๊ปข้างๆก็ออกมาดูด้วยเช่นกัน
เอาเข้าไป
พอเพลงจบ ผมกำลังจะลงจากม้าหิน แต่ไอ้พี่พฤกษ์แม่งเสือกร้องต่อ แถมเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น ไก่ย่าง version อะไรของมึ๊งงงง
ที่แย่คือมีหลายคนมาช่วยมันร้องให้ผมเต้นต่อน่ะสิ
แล้วผมจะทำไงได้ ก็เต้นต่อไปดิครับ

TBC

กลับมาดีกันแล้ววว มีไปกินข้าวกันด้วย แถมพี่พฤกษ์ยังสั่งให้น้องเต้นอีกแน่ะ

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP14 “ใครสั่งใครสอนให้พูดกับรุ่นพี่แบบนี้”

“เก่งมากครับ” ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มแป้นเมื่อผมเดินมารับสมุดล่าลายเซ็น มันเขียนให้เรียบร้อย
“เพชรเต้นขนาดนี้ น่าได้มากกว่าหนึ่งลายเซ็นอีก” ผมหน้าบึ้ง
“โอ๋ ได้ครับๆ” มันยกมือขึ้นลูบหัวผมแล้วส่งสมุดต่อให้พวกเพื่อนๆ “ไอ้เกี้ยงมึงเซ็นให้น้องเพชรหน่อย มึงด้วยไอ้ริว แล้วส่งต่อไปให้ครบรุ่นเรา...คุ้มเลยนะเนี่ย เต้นครั้งเดียว” ประโยคหลังมันหามาพูดกับผม
“ขออีกอย่างดิพี่”
“ครับ?”
เสี่ยงขอไปก่อน ไม่รู้มันจะให้มั้ย
“อย่าเอาคลิปลง social นะ”
“ลั่น555555555555”
ลั่นพ่อมึงอะสัส กูอายจนจะไม่มีที่ยืนในคณะแล้วเนี่ย
“ก็ได้ๆ แต่พี่ไม่ลบนะ จะเก็บไว้ดูทุกวันก่อนนอนเลย”
ผมกัดกราม ไม่รู้จะด่าด้วยคำว่าอะไรดี
“เพชรแม่งสุดว่ะ55555” พี่ริวเดินมาตบไหล่ผมพร้อมเสียงหัวเราะ
หลังจากได้ลายเซ็นพี่ปี3ทุกคนที่มาเข้ากรุ๊ปในวันนั้นแล้ว ไอ้ตัวการที่ทำให้ผมต้องอับอายก็ขออาสาไถ่โทษ
“มาครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“อือ” ผมตอบรับ หันไปบอกลาไอ้นิวที่จะไปเดทและไอ้เจมส์ที่แม่ขับรถมารออยู่หน้าคณะแล้ว
ก่อนเดินออกมาจากกรุ๊ปผมเห็นพี่ริว พี่เกี้ยงกระซิบกระซาบอะไรกับไอ้พี่พฤกษ์ด้วย แถมมองมาทางผมอีกแน่ะ
จะแกล้งอะไรกูปะวะ
“เพชรหิวปะ ไปหาอะไรกินก่อนกลับกันมั้ย”
“พี่เลี้ยงดิ ถ้าเลี้ยงเพชรก็ไป”
“ได้คร้าบบบบ”
อ้าวเห้ย พูดเล่นเสือกฟลุคได้ว่ะ อิ่มจังตังอยู่ครบแล้วมือนี้ อิอิ
แล้วมันก็กอดคอผมเดินไปที่รถด้วยกัน
หลังจากนั้นผมก็ไปร่วมกิจกรรมที่กรุ๊ปหลังเลิกเรียนทุกเย็น พวกรุ่นพี่ก็จัดอะไรให้ปีหนึ่งทำไม่ซ้ำแต่ละวันเลย เริ่มจากการฝึกร้องเพลงสถาบันก่อน ตามด้วยเกม ถ้าให้พูดจริงๆ ผมว่าก็สนุกดีครับ
แต่มีคนสนุกกว่าเพราะได้แกล้งผม ก็คือไอ้พี่พฤกษ์ พี่แกสรรหาบทลงโทษมาเล่นงานผมเวลาที่เล่นเกมแพ้ได้ตลอด มองหน้ากับยิ้มโรคจิตๆของมันแล้วก็คิดทุกครั้งว่าผมไปสนิทกับมันได้ไง
แต่แล้วก็มีเซอร์ไพร้ส์จนได้ เมื่อพี่แนทประกาศตอนเย็นวันศุกร์ว่าจะมีการทดสอบร้องเพลงเชียร์ในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า ให้ปีหนึ่งทุกคนตามเพื่อนมาเข้ากรุ๊ปให้ครบและไปพร้อมกันที่สนามบาสเกตบอลสนามที่2
“ครั้งนี้จริงจังนะคะ โทรตามเพื่อนให้ครบ ถ้าไม่ครบก็เอาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ตามได้ แล้วอีกครึ่งชั่วโมงต้องนั่งเป็นแถวให้เรียบร้อยแล้วที่สนาม” พี่แนทไม่ได้ยิ้มสดใสต้อนรับน้องๆเหมือนอย่างทุกวัน
“วันนี้จะมีอะไรวะ ทำไมพี่แนทต้องซีเรียสขนาดนั้น” ไอ้เจมส์หันมาถามผมกับไอ้นิว
“ไม่รู้ว่ะ” ผมตอบ
“หรือว่าจะมีว้ากวะ” ไอ้นิวทำหน้าสยอง
“เห้ย ไม่มั้ง ม.เราไม่สนับสนุนว้ากนิ” ไอ้เจมส์บอก
“พวกพี่ๆกรุ๊ปเราอาจจะทำก็ได้ แค่ไม่สนับสนุน ไม่ได้ห้ามซะหน่อย”
“กูว่าไม่ว่ะ พวกเราโดนรับชิวมา3วีคแล้วนะเว้ย ถ้าจะว้ากคงทำไปตั้งนานแล้ว” ผมเสนอความเห็นบ้าง
“เอ้าน้อง ทำอะไรกันอยู่ พี่แนทบอกไม่ได้ยินรึไง รีบตามเพื่อนดิ” รุ่นพี่ผู้ชายปี2คนหนึ่งตะโกนขึ้นมาท่ามกลางเสียงคุยจ้อกแจ้กของปีหนึ่ง หลายคนสะดุ้งเพราะไม่เคยเจอพี่ๆทำแบบนี้มาก่อน
หรือจะว้ากอย่างที่ไอ้นิวบอกจริงๆนะ
20นาทีต่อมา มีปีหนึ่งมาเพิ่มอีก5-6คน แต่จำนวนคนก็ยังไม่ถึงครึ่งของปีหนึ่งทั้งหมดอยู่ดี
“พี่แนทให้น้องตามเพื่อนไม่ใช่หรอครับ แล้วทำไมยังมากันแค่นี้” พี่ปี2อีกคนลั่นออกมา
“เร็วครับน้อง เดี๋ยวพี่จะให้จัดแถวเดินไปที่สนามแล้ว”
อยู่ๆบรรยากาศในกรุ๊ป4ก็มาคุขึ้นซะงั้น
“แล้วคนที่ไม่เคยเข้ากรุ๊ปเลยนี่ยังไงวะ” ไอ้นิวถาม
“ทำไงได้ ก็ไม่มาอะดิ” ผมบอก
“พี่ๆเค้าเอาจริงว่ะ กูว่าวันนี้มีดราม่าแหงๆ”
สักพักพี่ๆปี2ก็ให้พวกเราจัดแถวตอน กำชับว่าห้ามคุยกันตลอดทางตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงกิจกรรมที่สนามและต้องเชื่อฟังคำสั่งของพี่ปี3และ4ทุกอย่าง
ผมเรียกถามพี่แนทตอนที่เดินผ่านผม
“พี่แนท นี่มันอะไรครับเนี่ย”
“เดี๋ยวก็รู้ พี่ยังบอกไม่ได้” พี่แนททำหน้าอย่างกับจะส่งพวกปีหนึ่งไปรบแน่ะ
รุ่นพี่ปี3และ4กรุ๊ปผมเกือบทุกคนยืนรออยู่แล้วในสนาม ไอ้เจมส์กับหลายๆคนอ้าปากค้าง
“เชี่ย พี่ๆมากันโคตรเยอะเลยว่ะ” ไอ้เจมส์กระซิบ
“มากกว่าปีเรากี่เท่าก็ไม่รู้สัส” ผมประเมินคร่าวๆ
ในบรรดารุ่นพี่กรุ๊ป4ทุกคน ไอ้พี่พฤกษ์กำลังยืนเด่นอยู่ตรงกลางแถวหน้าสุด สีหน้านิ่งเฉยแต่ตาวาวเป็นประกาย ผมสังเกตว่าพี่คนอื่นๆก็เก๊กหน้านิ่งเช่นกัน
“น้องครับ ตอนนี้สี่โมงห้าสิบสองนาที พี่ปี2ได้บอกหรือเปล่าว่าพี่นัดน้องกี่โมง”
ไอ้พี่พฤกษ์พูดเสียงดังลั่นไปทั่วสนามโดยไม่ได้ใช้อุปกรณ์ขยายเสียงใดๆ ผมประหลาดใจมากเพราะไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้จากเจ้าตัวเลย
ไม่มีเสียงตอบกลับจากใครทั้งสิ้น และปีหนึ่งหลายคนก้มหน้ามองพื้น ผิดกับผมที่ตามองตรงไปที่ไอ้พี่พฤกษ์ ตอนนี้สรุปได้แล้วว่าเป็นการว้ากแน่นอน
“พี่ถามทำไมไม่ตอบ ไม่ได้ยินรึไง” อื้อหือ เสียงไอ้พี่ริวนี่หนักกว่าเพื่อนอีก อีกนิดเดียวน้องๆหูแตกได้เลยนะเนี่ย
ยังไม่มีใครตอบ
“หึหึ” ไอ้พี่พฤกษ์หัวเราะในลำคอ “สงสัยปีหนึ่งไม่รู้จักพวกเราล่ะมั้ง ถึงไม่ยอมพูดด้วย”
ไอ้ผมก็พอได้ยินมาบ้างนะครับว่าการว้ากคือรุ่นพี่จะต้องพูดจากดดันรุ่นน้องและเน้นระเบียบงี่เง่า แต่พอได้เจอของจริงก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน
“ได้ข่าวว่าเข้ากรุ๊ปมา3อาทิตย์แล้ว น้องยังไม่รู้จักรุ่นพี่ครบอีกหรอคะ” พี่ที่ผมไม่รู้จักชื่อคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“แล้วไอ้สมุดล่าลายเซ็นจะมีไปทำไม” ไอ้พี่ริวตะโกนเสียงก้อง
“เชี่ย โหดสัส” ไอ้เจมส์กระซิบ
“มึงยิ้มอะไรวะเพชร” ไอ้นิวถาม
“มึงว่าพวกพี่เค้าจะเก๊กอีกนานมั้ยวะ ว้ากปลอมๆงี้กูไม่กลัวหรอก”
ผมนึกขัน เห็นความติ๊งต๊องปัญญาอ่อนของไอ้พี่พฤกษ์มาจะเดือนนึงแล้วมาเห็นโหมด(แอ๊บ)โหดของมัน ใครจะไปกลัวล่ะครับ พี่ริวก็อีกคน ผมเชื่อไม่ลงแน่ๆว่าแกจะโหดได้แบบนั้น
“คุยอะไรกัน” พี่ผู้ชายที่ผมก็ไม่รู้จักชื่ออีกคนตวาดออกมา
“ไม่มีมารยาท” พี่ริวเสริม
“ตอนพวกพี่ถาม น้องไม่ตอบ แต่น้องคุยกันเองหรอครับ” ไอ้พี่พฤกษ์ฉีกยิ้มมุมปากอย่างอันตราย “ปีสองไม่ได้สอนมารยาทสินะ ว่าไม่ควรคุยกันในระหว่างที่พี่กำลังพูดอยู่แบบนี้”
ไอ้นิวถอนหายใจช้าๆ ผมรู้ว่ามันกำลังกลัวว่าจะถูกพี่เรียกที่เราคุยกันหรือเปล่า เพื่อนเอ๊ย จริงจังไปได้ กูกลั้นขำจะไม่ไหวแล้วนะ
“ปีสองนี่แย่มากเลยนะ ไม่สอนน้องทั้งเรื่องตรงต่อเวลากับมารยาทเลย” ไอ้พี่พฤกษ์หันหน้าไปหารุ่นพี่ปีสองที่ยืน
พี่ปีสองก็เนียนพอๆกันครับ ทุกคนปั้นหน้าละอายใจ เสียใจที่ถูกด่าได้เป็นอย่างดี
“ผมว่าไม่ใช่ความผิดของปีสองอย่างเดียวหรอก น้องปีหนึ่งเองก็ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร” พี่ริวพูดต่อไป
“ถ้างั้น ก็ต้องลงโทษน้องปีหนึ่งด้วยสินะ” ไอ้พี่พฤกษ์หันไปถามพี่ริว
“ผมคิดว่ายังงั้น”
ผมหัวเราะพรืดกับคำตอบของพี่ริว ก็มันดูปลอมมากๆน่ะสิครับ ปกติพี่สองคนเค้าพูดแทนตัวเองกันว่า ‘ผม’ ที่ไหนล่ะ
“ปีสอง กอดคอกัน” ไอ้พี่พฤกษ์กลับมาตะโกนอีกครั้ง “ลุกนั่ง100ครั้ง ปฏิบัติ”
โอ้โห นี่รับน้องหรือฝึกรด.ครับพี่ 100ครั้งกับผู้ชายเนี่ยสบายๆ แต่ให้ผู้หญิงทำด้วยเนี่ยนะ
ผมกับปีหนึ่งเกือบทั้งหมดหันหลังไปดูพี่ปีสองรับบทลงโทษ ทุกคนกอดคอลุกนั่งแทบจะพร้อมเพรียงกันและนับจำนวนครั้งเสียงลั่น
นี่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ต้องมีในการว้ากสินะ ให้ปีหนึ่งรู้สึกสงสารปีสองที่ถูกด่าและทำโทษแทน
ผมกำลังอ่านใจไอ้พี่พฤกษ์ว่าบททดสอบนี้ต้องการอะไรจากพวกน้องๆ
หรือว่าจะต้องการให้มีปีหนึ่งขออาสารับโทษแทน?
หึหึ ลูกไม้ตื้นๆนะไอ้พี่พฤกษ์ ถ้ามีใครในรุ่นผมเกิดไม่รู้ว่าทั้งหมดนี่มันแค่ละครและรู้สึกสงสารปีสองจริงๆก็จะเข้าทางพวกพี่ๆเลย ผมภาวนาให้อย่ามีใครคิดแบบนั้น
ไม่นานนัก ปีสองก็นับถึง100และกลับมายืนเก๊กหน้านิ่งเหมือนเดิม มีบางคนหอบหายใจ
“ต่อไปจะเป็นบทลงโทษของปีหนึ่ง ปีหนึ่งลุกขึ้น” ไอ้พี่พฤกษ์สั่ง “กอดคอ”
ผมยิ้ม เหนื่อยมั้ยเนี่ยพี่ชาย
“น้องลองคิดเองซิว่าสมควรลุกนั่งกี่ครั้ง”
ไม่มีเสียงตอบกลับอีกครั้ง
“ตอบเด้” พี่ริวตะคอก
“100ครับ”
ไอ้ต่อ ผู้กล้าคนแรกตอบ
“100เหรอ เหตุผล” ไอ้พี่พฤกษ์ถาม
“ผมคิดว่าที่มาสายกันครั้งนี้เป็นความผิดพวกเราครับ พวกเราควรโดนเท่ากับปีสองครับ”
“หึหึ...ทำไมไม่คิดว่าน้องควรโดนมากกว่าปีสองล่ะ”
ไอ้ต่อหุบปากเงียบ ไปไม่เป็นเลย
ร้ายจริงๆนะไอ้พี่พฤกษ์
“มีใครจะเสนออีกมั้ย” พี่ริวถาม
“สัก200เลยมั้ยพี่ เอาให้มากกว่าพี่เค้า2เท่าเป็นไง”
ไอ้ซัน น้องรหัสปากดีของไอ้พี่พฤกษ์ตอบ พี่รหัสมันยิ้มชั่วร้ายกับคำตอบ
“แต่พี่ว่ามันก็ยังน้อยไปอยู่ดี ไหนมีใครรู้มั้ยครับ ว่าปีหนึ่งที่ไม่มาเข้ากิจกรรมวันนี้มีกี่คน”
ไอ้ซันเงิบไปที่คำประชดของมันกลับทำให้เรื่องแย่ลงไปอีก
“ไม่มีใครรู้เลยเหรอ พวกน้องเคยรู้อะไรบ้างมั้ยครับ” ไอ้พี่พฤกษ์ยังเสียงดังได้อย่างต่อเนื่องไม่มีเหนื่อย
“ผมจะไปรู้ได้ไง เข้ามาก็ไม่เห็นมีวันไหนปีผมจะเข้ากันครบทุกคน” ไอ้ซันโพล่งออกมาอีก ยอมใจความกล้าจริงๆว่ะ
“แสดงว่าน้องไม่เคยสนใจเลยสินะว่าเพื่อนในรุ่นมีทั้งหมดกี่คน ถ้างั้น…” ไอ้พี่พฤกษ์เว้นเสียง ช่วงนี้แหละที่ผมรู้ทันทีว่าอะไรร้ายแรงกำลังจะเกิดขึ้น “ความผิดเรื่องนี้สมควรเพิ่มอีกสัก100ครั้งเนอะ...ปีหนึ่งทั้งหมด ลุกนั่ง300ครั้ง ปฏิบัติ”
หลายคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ดูว่าเล่นๆ แต่พี่แกก็โหดเหมือนกันนะเนี่ย
จากนั้นการกอดคอลุกนั่ง300ครั้งก็เริ่มขึ้น พวกเราไม่พร้อมเพรียงเท่าปีสองและนับเสียงเบากว่าด้วย เมื่อทำไปยังไม่ถึงครั้งที่10 ไอ้พี่พฤกษ์ก็สั่งแทรก
“ไม่มีความสามัคคี เริ่มใหม่”
แล้วมันก็สั่งให้เราหยุดและเริ่มใหม่อีก4หนก่อนจะมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งทรุดตัวลงไปกองกับพื้น เหมือนจะเป็นลม
“พาน้องออกไป” พี่หลายคนหน้าไม่ดีแล้ว ในขณะที่ไอ้พี่พฤกษ์ยังรักษาสีหน้าเครียดเขม็งไว้ได้ ตะโกนสั่งพี่ปีสองให้มาพาผู้หญิงคนนั้นไป
“ใครสั่งให้หยุด ทำต่อไป”
ทำต่อไปอีกไม่ถึง30ครั้ง พี่ริวตะเบ็งเสียงขึ้นมา
“หยุด...แค่กอดคอลุกนั่งแล้วนับให้พร้อมกันยังทำไม่ได้ น่าทุเรศ”
“แล้วใครสั่งให้น้องนั่ง ยืนขึ้น” ไอ้พี่พฤกษ์ขัด ปีหนึ่งสองสามคนที่นั่งลงไปกับพื้นรีบเด้งตัวกลับขึ้นมายืนทันที
“พี่จะให้โอกาสน้องแก้ตัว...อย่างที่พี่ปีสองคงบอกน้องแล้ว จุดประสงค์ของกิจกรรมวันนี้ คือสอบร้องเพลงเชียร์”
เข้าเรื่องได้ซะทีนะพี่
“น้องจะผ่านกิจกรรมนี้ไปได้ก็ต่อเมื่อร้องเพลงเชียร์ให้พี่พอใจ”
เพลงแรกที่ไอ้พี่พฤกษ์สั่งคือเพลงประจำมหาวิทยาลัย ร้องไปได้ไม่ถึงไหนก็โดนสั่งให้หยุด
“เสียงมีแค่นี้รึไง หลายสิบคนดังได้แค่นี้งั้นเหรอ ผมคนเดียวยังร้องดังกว่าพวกคุณทั้งหมดเลย” ไอ้พี่ริวว่า
ผมกะจะถามพี่แกว่าไหนลองร้องให้ฟังหน่อย
“ร้องใหม่” ไอ้พี่พฤกษ์สั่ง
พวกผมเริ่มร้องเพลงกันอีกครั้ง คราวนี้เสียงดังขึ้นกว่าครั้งก่อน แต่ยังไม่ค่อยพร้อมเพรียงกันเท่าไรนัก
“ใช้ไม่ได้ เพลงง่ายๆเพลงเดียวยังร้องให้พร้อมกันไม่ได้เลย” ไอ้พี่พฤกษ์พูด “ร้องใหม่”
ตอนนี้หลายคนเริ่มเหนื่อยแล้ว จากการลุกนั่งที่ผ่านมาและจากการแหกปากร้องเพลง
ผมคิดว่ารอบที่สามของเพลงมหาวิทยาลัยทำได้ดีกว่าสองครั้งก่อนมาก พอร้องจบ ไม่มีรุ่นพี่คนไหนส่งเสียงก่นด่า ไอ้พี่พฤกษ์เลยสั่งเพลงต่อไป
แย่ล่ะสิ เพลงนี้ผมแทบจะจำเนื้อหรือทำนองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว เพราะเมื่อร้องไปยังไม่ทันจบ verse แรก ไอ้พี่พฤกษ์ก็ตะโกนก้อง
“หยุด”
“ห่วย แย่ ไหนบอกว่าซ้อมเพลงเชียร์กันทุกเย็นไง” พี่ริวเสริม
“แค่เพลงที่2ก็ร้องไม่ได้แล้ว” มันกวาดสายตาอำมหิตไปทั่วปีหนึ่ง
แล้วก็เรียกชื่อผมจนได้
“ทุกคนนั่งลง ยกเว้นเพชร”
ไอ้เจมส์กับไอ้นิวมีสีหน้าสยดสยอง สองคนมองหน้าผมสลับกับไอ้พี่พฤกษ์
นี่พี่มันจะทำอะไรผม
“ทำไมน้องไม่ช่วยเพื่อนร้องเพลงเมื่อกี้”
มันจะว้ากใส่ผมสินะ
“เพ...ผมจำเนื้อเพลงไม่ได้” ผมตอบตามความจริง ตกใจนิดหน่อยที่ถูกหาเรื่อง และไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้คุยกับไอ้พี่พฤกษ์
“จำไม่ได้?” มันทวนคำพร้อมทำหน้าตาเหยียดหยามผมสุดๆ “แค่นี้จำไม่ได้ พี่สงสัยจังว่าน้องสอบเข้ามาเรียนที่นี่ได้ยังไง” ไอ้พี่พฤกษ์ทำแบบนี้กับผมเนี่ยนะ
“แล้วก็เลยเอาเปรียบเพื่อน ไม่ร้องออกมาด้วยใช่มั้ย”
“ก็ผมพูดอยู่นี่ไงครับว่าจำเนื้อไม่ได้ แล้วจะให้ร้องได้ยังไง”
ตอนนี้ทั้งรุ่นพี่รุ่งน้องเกือบทุกคนหันมามองผมกับไอ้พี่พฤกษ์
“ใครสั่งใครสอนให้พูดกับรุ่นพี่แบบนี้”
“แล้วใครสั่งใครสอนให้พี่พูดกับน้องแบบนี้ล่ะครับ”
ดวงตามันไม่ได้แข็งกร้าวอีกต่อไป แต่สั่นไหวจนเห็นได้ชัดเจน ถึงอย่างนั้นไอ้พี่พฤกษ์ก็ยังทำเหมือนว่าจะกินเลือดกินเนื้อผม

TBC

อ้ากกก ว้ากใส่กันอีกแล้ว พี่พฤกษ์น้องเพชรเดือดอีกแล้วว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :3123: :L1:

ทำไมมมมมมเราเพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ 55 อ่านรวดเดียวตอนปัจจุบันละ รอตอนต่อไปนะ
คิดถึงน้องหมกับอั๋น เราย้อนกลับไปอ่านอีกรอบ


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เทศกาลรับน้องนี่ยาวนานจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
ปล.ฝากใส่วันที่ที่อัพล่าสุดบนหัวเรื่องให้ด้วยทุกครั้งนะครับ จะได้เข้ามาอ่านได้ถูกครับ :hao5:

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP15 “พี่อยากอธิบาย ฟังพี่ก่อนนะครับ”

ไอ้พี่พฤกษ์จ้องผมแบบเอาเรื่อง คงไม่คิดว่าผมจะทำอย่างนี้ มันเงียบไปประเดี๋ยวหนึ่งก่อนจะโต้กลับมา
“น้องพูดแบบนี้รู้มั้ยว่าจะโดนอะไร”
“จะให้ผมลุกนั่งคนเดียว500ครั้งก็ได้นะครับ ผมจะได้ออกกำลังกาย” ผมยิ้มทั้งที่ในใจโมโหจนอยากจะพุ่งตัวเข้าไปหามัน ผมโกรธที่มันหาเรื่องผม เลือกผมเป็นเหยื่อในการว้าก
“น้องจะไม่ได้ทำคนเดียวหรอกครับ เพราะปีหนึ่งทุกคนจะต้องทำ”
มีเสียงหึ่งๆท่ามกลางกลุ่มปีหนึ่ง ผมหน้าเสีย ไม่ได้ต้องการให้คนอื่นมาซวยไปด้วย
“เดี๋ยว พี่จะลงโทษก็สั่งผมคนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยว” ผมกระชากเสียง
“ไม่ได้ พี่ถือว่าความผิดของน้องเป็นของปีหนึ่งทุกคน...ปีหนึ่งกอดคอ ลุกนั่ง500 ปฏิบัติ”
“ไม่”
ผมตะโกนเสียงดังกว่าไอ้พี่พฤกษ์
พวกปีหนึ่งหลายคนที่กำลังจะกอดคอกันหยุดชะงัก พี่ๆทุกชั้นปีหันมามองผมเป็นตาเดียว
“ผมจะรับผิดชอบคำพูดของตัวเองคนเดียว เพื่อนไม่ได้ผิด พี่จะสั่งลงโทษอะไรผมก็เชิญ”
“น้องไม่มีสิทธิมาสั่งพี่ ปีหนึ่งทั้งหม…”
“ไม่” ผมตะเบ็งสุดเสียงอีกครั้ง ไอ้พี่พฤกษ์พ่นลมหายใจแรงก่อนเลิกคิ้วถาม
“ถ้างั้นน้องจะรับผิดชอบยังไง”
“พี่ก็สั่งดิ แล้วให้ผมทำคนเดียว”
เกิดความเงียบเป็นเวลานาน แล้วผมก็ต้องช็อคเมื่อไอ้พี่พฤกษ์ออกคำสั่ง
“งั้นน้องออกไป จะ...จะไปไหนก็ไป”
ผมมองเห็นสีหน้าที่ขัดแย้งกับท่าทีขึงขังของไอ้พี่พฤกษ์
ได้ ถ้ามันไล่ผม ผมก็จะไป เพื่อไม่ให้เพื่อนต้องมาลุกนั่งเพราะผม
ผมแบกกระเป๋าขึ้นพาดบ่า หันหลังให้ไอ้พี่พฤกษ์
“ไอ้เพชร…” ไอ้เจมส์เรียกเสียงเบา
ผมหันไปพยักหน้าให้มันนิดหนึ่งก่อนจะเดินออกมาจากกลุ่มเด็กปีหนึ่ง

ผมไม่ได้กลับคอนโด ไม่รู้สึกอยากกลับบ้าน จริงๆคือไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องการไปที่ไหนตอนนี้ ผมจึงยังอยู่ในเขตของมหาวิทยาลัย แต่เดินมาไกลจนถึงสระน้ำใหญ่ใจกลางพื้นที่ทั้งหมด
มันทำแบบนี้กับผมได้ไง ผมเกลียดมัน
ตอนนั้นเองเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
(น้องเพชร)
“นั่นใคร”
(พี่เกี้ยงเองครับ อย่าพึ่งวางสายนะ...) พี่เกี้ยงรีบพูด
“พี่มีไร” สายนี้ต้องเกี่ยวกับเรื่องระหว่างผมกับไอ้พี่พฤกษ์แน่
(เพชรอยู่ไหน)
“ทำไมหรอครับ”
พี่เกี้ยงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบ
(เมื่อกี้มันละครทั้งนั้น พวกพี่ไม่ได้จะด่าจะลงโทษน้องจริงๆนะ อย่าโมโหเลยนะครับ)
“เหอะ”
(ไอ้พฤกษ์มันทำไปตามที่เตี๊ยมกัน ตอนนี้พวกพี่ๆเค้ากำลังเฉลยแล้วนะครับว่าเป็นว้ากปลอม น้องกลับมาเถอะนะ)
“ไม่ครับ”
(เพชร) พี่เกี้ยงร้องอย่างตกใจ
“ขอโทษครับ แค่นี้นะพี่”
(เดี๋ย...)
ผมกดวางสาย
ในสคริปต์มันระบุไว้สินะว่าต้องใช้ผมเป็นเครื่องมือตบตา ให้เอาอะไรๆมาลงที่ผม
สิบนาทีหลังสายพี่เกี้ยง ไอ้พี่พฤกษ์ก็โทรมา
ผมตัดสายแล้วปิดเสียง ปิดสั่นที่มือถือทันที
แต่พี่มันก็โทรหาผมอีกหลายครั้งไม่ยอมหยุด

ผมกลับมาถึงที่คอนโดเกือบสองทุ่ม ใจเย็นลงมากแล้ว แต่ก็ต้องเดือดขึ้นมาอีกเมื่อเห็นว่าใครนั่งรออยู่ที่ประตูหน้าห้อง
“น้องเพชร”
มันผุดลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว ทำท่าจะตรงเข้ามาหาผม
“อย่า”
ผมสั่งเสียงเข้ม ไอ้พี่พฤกษ์หยุดอยู่กับที่
“เพชรฟังพี่ก่อน”
“ไม่ แล้วถอยออกไปจากหน้าห้อ…”
“ขอร้อง ฟังพี่พูดก่อนนะครับ แล้วพี่จะกลับ”
“กูไม่ฟัง” ผมตะโกนลั่น
“เมื่อเย็นพี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับเพชรจริงๆนะ”
“มึงกลับไปเหอะ” พูดจบแล้วผมก็พุ่งสุดแรงเข้าไปเหวี่ยงไอ้พี่พฤกษ์จนล้ม แล้วรีบเข้าห้องปิดประตูทันที
“เพชร ฟังพี่ เปิดประตูให้พี่ก่อน” มันทุบประตูรัวๆและร้องเรียก แต่ผมไม่สนใจ
กว่าครึ่งชั่วโมงจนเสียงทุบประตูและเสียงเรียกจะเงียบไป

ผมไม่ได้รับโทรศัพท์จำนวนเกือบร้อยสาย ไม่ได้ตอบกลับข้อความในแชท Line ไม่ได้อ่านกระดาษโน้ตที่แนบมากับขนมนมเนยถุงใหญ่ที่ไม่ได้กินเลยสักนิดเดียวตลอดสุดสัปดาห์
ทั้งหมดจากไอ้พี่พฤกษ์
เช้าวันจันทร์ ผมตั้งใจไว้ว่าจะไปเข้ากรุ๊ปตามปกติ ไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่แล้วจะกระทบผม แต่จะไม่สนใจอะไรที่เกี่ยวกับไอ้พี่พฤกษ์อีกแล้ว
ผมไปถึงคณะเกือบสิบโมง คลาสแรกเริ่มไปนานแล้ว เดี๋ยวค่อยไปยืมเลคเชอร์ไอ้เจมส์กับไอ้นิวตรงที่มาไม่ทันเอา
มีคนร่างสูงยืนอยู่หน้าห้องเรียนของผม
ผมหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“น้องเพชร”
ผมไม่ได้เดินหนี แต่เดินเข้าไปเผชิญหน้า
“พี่อยากอธิบาย ฟังพี่ก่อนนะครับ”
“พี่จะอธิบายอะไร เรื่องที่เลือกด่าผมกลางคนเป็นร้อยอะนะ”
ไอ้พี่พฤกษ์หน้าเสีย แววตากระตุกวูบ แต่ก็รีบพูดต่อ
“พี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เรื่องนั้นมันมีเหตุผลนะครับ”
“ผมรู้ครับ เหตุผลก็คือพี่อยากด่าผมไง”
“ไม่ใช่นะเพชร พี่จะอยากด่าเราทำไม”
“แล้วพี่ก็ไล่ผมออกไปจากกิจกรรมด้วยนิ...ถ้าไม่อยากเจอแล้วมาหาผมทำไม” ผมใส่ไม่ยั้ง
“ตอนนั้นพี่ไม่อยากให้เรารู้สึกไม่ดีกับพี่ เพราะเราไม่เข้าใจจุดประสงค์ของกิจกรรม”
“เข้าใจดิ...เป็นกิจกรรมที่ดีมากนะครับ เรียกรุ่นน้องไปรวมแล้วด่า สั่งลงโทษเพื่อความสะใจ ดีมากเลย”
“ไม่ใช่ยังงั้นเลย เพชรไม่เข้าใจ”
“พี่เลิกพูดเหอะ นี่หรอเหตุผล ฟังแล้วแม่งเป็นข้อแก้ตัวชัดๆ”
“พี่ขอร้อง ฟังพี่ให้จบก่อน แล้วเพชรจะเข้าใจทุกอย่าง” ไอ้พี่พฤกษ์ขยับเข้ามาจับแขนผม
“ผมไม่ฟัง ปล่อย”
เรายื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่เดี๋ยวหนึ่ง ไอ้พี่พฤกษ์อาศัยแรงที่เยอะกว่ายึดผมไว้ ไม่ว่าผมจะขัดขืนยังไงก็ไม่หลุด
“พี่กำลังทำให้ผมเข้าเรียนสายอยู่นะครับ”
“เพชร” มันพูดเสียงอ่อย
“ไหนพี่เคยบอกว่าหวังดีกับผมไง...ถ้าหวังดีจริงพี่คงไม่อยากทำให้รุ่นน้องสายใช่มั้ยครับ”
“...”
ไอ้พี่พฤกษ์มีสีหน้ายอมแพ้ ยอมปล่อยแขนผม
ผมเดินเข้าห้องเรียนไปโดยไม่หันกลับมามองมันอีก

“พวกมึง วันนี้ไปแดกข้าวคณะอื่นกัน” ผมชวนไอ้เจมส์กับไอ้นิวเมื่อถึงเวลาพักเที่ยง
“เดี๋ยวกลับมาเรียนคาบบ่ายไม่ทันนะเว้ย มีเช็คชื่อด้วย” ไอ้เจมส์เตือน
“ก็รีบไปรีบกินดิวะ”
“ไม่ทันหรอก นี่เที่ยงสิบนาที กว่าจะเดินไปก็หมดเวลากินละสาด”
“กูเบื่อข้าวคณะเรานี่หว่า”
“ถ้ามึงเบื่อ งั้น...food court ห้างข้างๆมั้ยล่ะ” ไอ้นิวเสนอ
“เออ ก็ได้นะ” ไอ้เจมส์เออออ
“เออๆ รีบไปกัน กูหิวละ” ผมรีบสรุป ใจจริงไม่ได้เบื่ออาหารที่คณะหรอกครับ ผมแค่ไม่อยากเจอใครบางคนที่โรงอาหาร ไม่รู้ทำไมเจอกันที่นั่นโคตรบ่อย
ผมอาสาเฝ้าโต๊ะให้ แล้วให้เพื่อนทั้งสองคนไปซื้อข้าวกันก่อน ระหว่างที่นั่งรอนั้น พี่เกี้ยงก็เดินมาหา
ชิบหาย
“หวัดดีเพชร”
“หวัดดีครับพี่” ผมยกมือไหว้พี่เกี้ยง ยิ้มแหยเพราะครั้งล่าสุดพูดไม่ดีกับพี่เค้าไว้ทางโทรศัพท์
“มากินนี่คนเดียวหรอ”
“มากับไอ้เจมส์ไอ้นิวครับ ผมให้พวกมันไปซื้อก่อน พี่มาทำไร”
“มาจ่ายค่าโทรศัพท์แล้วแวะมาซื้อของกินนิดหน่อย” พี่เกี้ยงตอบพร้อมชูแก้วกาแฟและถุงขนมคบเคี้ยว “พี่ขอคุยด้วยหน่อยดิ”
“เอ่อ...ได้ครับ”
เรื่องไอ้พี่พฤกษ์พันล้านเปอร์เซนต์
“เพชรคุยกับไอ้พฤกษ์มันรึยัง”
“คุยแล้วครับ”
“น้องยังโกรธมันอยู่ใช่มั้ย” พี่เกี้ยงมีท่าทางเหมือนกำลังสำรวจผมและดูว่าจะมองเรื่องออกเสียด้วยสิ ผมไม่ชอบเลย
“ครับ” ผมตอบตามจริง ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องปิดบัง
“พี่ยอมรับนะว่าอยากให้เพชรหายโกรธมัน แต่พี่คงไปบังคับน้องไม่ได้...เอาเป็นว่า พี่ขอร้องให้ช่วยฟังพี่อธิบายหน่อยแล้วกัน”
ผมไม่อยากฟังอะไรเลย แต่ความรู้สึกผิดที่พูดไม่ดีใส่พี่เกี้ยงก็รั้งผมไว้ให้นั่งเงียบๆอยู่ตรงนั้น
“กิจกรรมเมื่อวันศุกร์ที่แล้วมันคือการจัดฉาก พวกเราไม่มีใครตั้งใจจะด่าหรือแกล้งลงโทษน้องปีหนึ่งเพื่อความสนุกเลย...จะเรียกว่าว้ากปลอมก็ได้ แล้วพวกพี่ก็เฉลยไปแล้วในวันนั้น”
พี่เกี้ยงค่อยๆอธิบาย พูดแต่ละคำอย่างชัดเจน
“ทุกๆปีจะให้ผู้นำกลุ่มปี3เป็นคนนำว้าก แล้วไอ้พฤกษ์ก็เป็นผู้นำกลุ่มของรุ่น มันเลยต้องทำ ถ้าให้พูดตรงๆ มันต้องทำให้น้องเกลียดในช่วงเวลานั้น…
ในกิจกรรม พวกเราคาดว่าจะต้องมีน้องต่อต้านบ้าง แต่...ไอ้พฤกษ์ไม่คิดว่าจะเป็นเพชร มันคิดว่าน้องจะเข้าใจกิจกรรมและไม่ได้รู้สึกไม่ดี”
ถ้าเป็นอย่างที่พี่เกี้ยงว่าจริงๆ ไอ้พี่พฤกษ์ก็คิดผิดมหันต์ ผมรอให้พี่เกี้ยงพูดให้ถึงส่วนที่ตรงจุดว่าทำไมต้องเป็นผม
“ไอ้พฤกษ์มันเลยเลือกจะหาเรื่องเพชร แทนที่จะเป็นคนอื่น เพราะมันคิดว่าเพชรคงไม่โกรธและปีหนึ่งก็จะเข้าใจได้โดยเร็วว่าให้เล่นไปตามเกมของพวกพี่ เพราะมันเห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าเพชรกับไอ้พฤกษ์สนิทกัน ไม่น่าจะมาด่ากันแบบนี้”
ผมกำลังนั่งคิดตามทุกสิ่งที่พี่เกี้ยงพูด
“แล้วพี่ก็ไม่โทษเพชรที่โกรธด้วย เพราะพี่เข้าใจว่าถ้าถูกต่อว่าแบบนั้น แถมต่อหน้าคนเยอะๆด้วย...พอพฤกษ์มันเห็นว่าผิดแผน ไม่อยากให้เรื่องบานปลายไปกว่านี้ มันเลยให้น้องออกไปจากสนามก่อน รู้มั้ยว่ามันทำเพื่อเพชร มันไม่อยากลงโทษเพชรจริงๆหรอก”
ไอ้เจมส์กับไอ้นิวกลับมาแล้ว พอเห็นว่าผมกับพี่เกี้ยงคุยกันเรื่องอะไรก็นั่งกันเงียบๆ
“ตอนที่เฉลยว่าเป็นว้ากปลอม พี่โทรหาเพชร พอประกาศจบกิจกรรมปุ๊บ พวกพี่ก็พาปีหนึ่งไปเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ แต่ไอ้พฤกษ์ไม่ได้ไปด้วย…
สิ่งแรกที่มันทำคือวิ่งมาถามพี่ว่าเห็นเพชรมั้ย รู้มั้ยว่าอยู่ที่ไหน แต่ไม่มีใครรู้ มันก็เลยรีบไปหาเพชรที่คอนโด เพราะยังไงเดี๋ยวน้องก็คงกลับห้อง”
ขนาดนั้นเลยหรอวะ
“ไอ้พฤกษ์แคร์น้องมากรู้มั้ย มันไม่อยากให้น้องเข้าใจผิด ตามง้อจะคุยกับเพชรให้ได้ เมื่อเช้าพี่เจอมัน มันบอกว่าจะไปรอเพชรหน้าห้องเรียน”
สีหน้าพี่เกี้ยงตอนนี้ดูเสียใจมาก
“ถ้าเป็นไปได้ หายโกรธไอ้พฤกษ์เถอะนะ ทุกอย่างที่พี่เล่าเป็นเรื่องจริง”
เมื่อพี้เกี้ยงลุกไปจากโต๊ะ ผมชักไม่แน่ใจความรู้สึกตัวเองเสียแล้ว

สี่โมงเย็น ผม ไอ้เจมส์และไอ้นิวเดินจากอาคารเรียนลงมาเข้าร่วมกิจกรรมกรุ๊ปอย่างเช่นทุกวัน สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการรับน้องแล้ว พวกปีหนึ่งเริ่มสนิทกันมากขึ้นและได้รู้จักรุ่นพี่ทุกชั้นปี รวมถึงพี่บัณฑิตที่จบการศึกษาไปแล้วหลายคนก็แวะเวียนมาที่กรุ๊ปด้วย
ทันทีที่ผมเข้าไปในบริเวณกรุ๊ป ก็เห็นสายตาเศร้าหมองของคนที่กำลังทำให้หัวปั่นที่สุดในตอนนี้มองมา
ผมทำเป็นไม่สนใจ
ระหว่างกิจกรรม ผมอึดอัดมากเพราะรู้สึกได้ว่าถูกมองอยู่ตลอด พอจบเกมของวันนี้ พี่แนทก็ประกาศว่าจะเริ่มเล่นบัดดี้
“น้องๆคะ ทุกคนต้องจับฉลากว่าจะได้พี่คนไหนในกรุ๊ปเรามาเป็นบัดดี้ ซึ่งจะเป็นใครก็ได้จากทุกชั้นปี แล้วน้องก็ต้องเทคของให้บัดดี้ เดี๋ยวพี่จะเอากล่องเทคของมาวางไว้ที่กรุ๊ปนะคะ...หรือถ้าไม่อยากให้ของเนี่ย จะให้พี่ๆเป็นบทลงโทษก็ได้ค่า…” ถึงตรงนี้ปีหนึ่งหลายคนส่งเสียงดีใจ “จะสั่งให้พี่บัดดี้ของน้องทำอะไรก็ได้ วิ่งรอบสนาม ปีนต้นไม้ ยืนเต้นหน้าคณะ หรือจะให้พี่บัดดี้เป็นฝ่ายซื้อขนมมาให้น้องแทนก็ได้ แล้วพี่ๆก็ห้ามปฏิเสธด้วยนะ น้องสั่งอะไรก็ต้องทำ...คราวนี้ถึงเวลาที่น้องจะได้เอาคืนพวกพี่ๆบ้างแล้วล่ะ”
“กูอยากจับได้พี่ริวว่ะ จะสั่งให้เดินเข้าไปขอเบอร์ผู้ชายสักสิบคนแบบที่พี่แกสั่งกูตอนขอเซ็นสมุด” ไอ้เจมส์ว่า ผมกับไอ้นิวหัวเราะ
“เราจะเฉลยบัดดี้คืนวันเสาร์นี้ที่ทริปรับน้องนะค่ะ มีกติกาข้อหนึ่งคือ น้องห้ามให้พี่บัดดี้จับได้ว่าน้องคือใคร ไม่งั้นน้องจะเป็นคนถูกลงโทษเองนะคะ…”
หึหึ มีข้อแม้จนได้ ไอ้ผมก็นึกว่าจะได้แกล้งพี่สบายๆ ต้องเนียนไม่ให้รู้ตัวอีก
ปีหนึ่งลุกขึ้นยืนต่อแถวไปจับฉลากที่พี่แนท แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นชื่อบัดดี้ที่เขียนอยู่ในกระดาษใบที่จับได้
พี่พฤกษ์

TBC

โถ่ น่าสงสารพี่พฤกษ์จริงๆ เพชรยังไม่หายโกรธอีก แถมต้องมาเป็นบัดดี้กัน แล้วเรื่องจะเป็นยังไงต่อล่ะทีนี้

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP16 “...เป็นแฟนกับพี่นะครับ”


“วันนี้แยกย้ายนะ กูมีนัด” ไอ้เจมส์บอกผมกับไอ้นิวเมื่อพี่ๆปล่อยปีหนึ่งกลับบ้าน
“แน่ะ นัดใครไว้จ๊ะ” ไอ้นิวถามยิ้มๆ
“แม่กู” ไอ้เจมส์ตอบ ตามด้วยเสียงหัวเราะของผมกับไอ้นิว “จอดรถรออยู่หน้าคณะแล้วเนี่ย เดี๋ยวไปกินข้าวกับญาติ”
“เออ...งั้นกูกลับไปปั่นการบ้านดีกว่า” ไอ้นิวพูด
“การบ้านไรวะ” ผมถามทันที
“พื้นฐานธุรกิจ ที่สั่งเมื่อบ่ายนี้ไง”
“โอ้โห มึงจะขยันไปไหนสาดดด” ผมคราง
“ว่างกูก็ทำสิวะ จะดองไว้ทำไม อีกเดือนนึงจะมิดเทอมแล้วด้วย”
จะสอบแล้วเหรอ ผมยังไม่รู้เลยว่าเรียนอะไรไปบ้าง
“เดี๋ยวกูว่าจะเริ่มทำภายในวีคนี้เหมือนกัน มึงก็หัดขยันๆอย่างพวกกูบ้างนะเพชร” ไอ้เจมส์หันมาเล่นงานผม
“เหี้ย อยู่กับพวกมึงแล้วเหมือนกูขี้เกียจไปเลย”
“เออดิ” ประสานเสียงใส่หน้ากูเชียวนะเพื่อน
ผมร่ำลาไอ้เจมส์ ไอ้นิว ตั้งใจจะเดินไปเรียกแท็กซี่หน้าคณะ แต่เดินยังไม่ทันพ้นช่วงตึกก็มีเสียงเรียกเสียก่อน
“เพชร”
ผมหยุดเดิน แต่ไม่ได้หันหลังกลับไปหาทันที จนถูกเรียกครั้งที่สองนั่นแหละ
“เพชร”
ยืนใกล้กันอย่างนี้ยิ่งเห็นว่าไอ้พี่พฤกษ์หน้าหม่นกว่าตอนที่มองผมในกรุ๊ปเสียอีก
“จะกลับคอนโดใช่มั้ย”
“อืม” เสียงที่ผมตอบออกไปไม่เหมือนเสียงของตัวเองเท่าไร เหมือนไม่ได้พูดกับพี่มันมานาน ทั้งที่ความจริงคือแค่ไม่กี่วัน
“...ให้พี่ไปส่งนะ”
ผมมองสบตาไอ้พี่พฤกษ์ตรงๆ ต้องการจะรู้ว่าทำไมถึงไม่ละความพยายามที่จะง้อ ทำไมถึงแคร์ผมขนาดนี้ แต่มันหลบตาผม
และผมก็คิดอยู่ด้วยว่าทำไมไม่ปฏิเสธไปตั้งแต่ที่มันเอ่ยปาก
ไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิด
“อือ”
ผมเห็นสีหน้าประหลาดใจแวบหนึ่งตามด้วยรอยยิ้มกว้างของไอ้พี่พฤกษ์ก่อนจะเดินตามมันไปที่ลานจอดรถ

ผมยังโกรธอยู่ และใจหนึ่งก็อยากจะฟังเรื่องจากปากไอ้พี่พฤกษ์เอง ทั้งๆที่รู้เรื่องบางส่วนจากพี่เกี้ยงแล้ว อีกใจก็ไม่อยากฟังอะไรแล้ว แต่อย่างหลังก็ดูขัดกับการที่ยอมมาขึ้นรถมันแบบนี้
“เราหิวข้าวมั้ย”
“ไม่ เดี๋ยวไปกินที่ห้อง”
“คะ ครับ”
ผมสงสัยเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่องว่าทำไมต้องคิดว่าคำถามของไอ้พี่พฤกษ์เป็นการชวนกินข้าวแล้วรีบบอกปัด
“เพชร...อยากฟังพี่อธิบายมั้ย”
ผมไม่ตอบ และมั่นใจเต็มร้อยว่าไอ้พี่พฤกษ์รู้คำตอบจากสีหน้าผม
“พี่ว่า...เราคงไม่อยากฟังเหตุผลเรื่องวันนั้นแล้วแหละ ถ้างั้น...จะให้พี่ทำไงให้เราหายโกรธ”
ผมเงียบไปนานก่อนตอบ
“ไม่รู้”
ไอ้พี่พฤกษ์เองก็นิ่งไปเดี๋ยวหนึ่งถึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นจริงๆ พี่ยอมรับผิดทุกอย่…”
“พี่ไม่ต้องขอโทษแล้ว”
ผมไม่อยากได้ยินเสียงแบบนั้นจากมันอีก
“มะ หมายความว่าไงครับ”
“ช่างมันเหอะ”
“ทำไมล่ะ”
ผมจิ๊ปาก ขี้เกียจอธิบายโว้ย
“เพชรยังโกรธพี่อยู่ใช่มั้ย”
“เอาตรงๆ ใครจะไม่โกรธวะ”
แต่ผมก็กำลังรู้สึกใจอ่อนอยู่ด้วย
พอพูดอย่างนั้น หน้าไอ้พี่พฤกษ์นี่หดเล็กลงเลย
“พี่จะให้รู้สึกดีอ่อ”
มันเงียบ ซึ่งผมเห็นแล้วหงุดหงิดและยั้งปากตัวเองไว้ไม่อยู่
“ทำไมต้องเป็นผมวะ” ผมหันไปมองหน้าไอ้พี่พฤกษ์
“พี่...พี่คิดว่าเพชรรู้ว่ามันเป็นว้ากปลอมแล้วจะไม่โกรธ...และที่ไล่เราออกไป เพราะพี่ไม่อยากสั่งลงโทษ…”
ตรงกับที่พี่เกี้ยงพูดเลย
“เออ ผมมันโง่เองแหละ ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง”
“ไม่ใช่ยังงั้น…”
“พี่ไม่รู้หรอกว่ามันรู้สึกยังไง” ผมเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
“พี่ขอโทษที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกเรา พี่ผิดเอง” ไอ้พี่พฤกษ์พูดแทรกผมบ้าง
วันนี้ถนนแม่งก็รถติดจังวะ เมื่อไรจะได้ลงจากรถ
“ยกโทษให้พี่นะครับ...พี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
ผมพึ่งสังเกตว่ามันพูดเพราะด้วยทุกคำ ห่า มึงง้อผู้หญิงอ่อวะ
“พี่อย่าพึ่งสัญญาอะไรเลย ถ้าไม่แน่ใจว่าจะทำได้...ผมไม่เชื่อแค่คำพูดง่ายๆหรอกนะ”
“งั้นพี่จะทำให้ดู เพชรให้โอกาสพี่มั้ยล่ะ”
คราวนี้เป็นผมบ้างที่หลบสายตาเศร้าแต่แฝงความมุ่งมั่นว่าจะพิสูจน์ให้เห็น
“เลิกพูดเรื่องนี้เหอะ”
ไอ้พี่พฤกษ์ดูไม่เข้าใจแต่ก็ยอมตาม
“ก็ได้ครับ”
จากนั้นจนถึงคอนโดผม เราก็ไม่ได้พูดกันอีก แต่ผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนลงจากรถ
“พี่พฤกษ์”
“ครับ”
“ขอโทษด้วยแล้วกัน...ที่ผลักพี่วันนั้น ที่ด่าด้วย แล้วก็ไม่ยอมฟังอะไรตั้งแต่แรก”
ผมตะกุกตะกัก ถึงเวลาที่ต้องยอมรับความผิดของตัวเองบ้าง ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ไอ้พี่พฤกษ์จะผิดคนเดียว
“เอ่อ ครับ”
ผมหวังว่ามันจะเข้าใจว่านั่นคือคำยกโทษของผม
“เดี๋ยวเพชร”
มันคว้าแขนผมไว้ตอนที่เปิดประตูรถ
“ขอบคุณนะครับ”
ไอ้พี่พฤกษ์ยิ้มหวาน ท่าทางดูทั้งโล่งอกทั้งใจชื้น
ผมไม่ตอบอะไร ลงรถแล้วเดินเข้าคอนโด แต่เมื่อหันมามองก็ยังเห็นคนในรถนั่งยิ้มอยู่ที่เดิม

ผมคิดว่าจะให้บทลงโทษบัดดี้ซะหน่อย จะได้เอาคืนรุ่นพี่อย่างที่พี่แนทบอกจริงๆ ยิ่งผมได้ไอ้พี่พฤกษ์เป็นบัดดี้แล้วด้วย
ก่อนเข้าห้องเรียนคาบเช้าของวันรุ่งขึ้น ผมเขียนโน้ตแล้วแวะเอาไปใส่ในกล่องเทคของที่กรุ๊ป
“ไอ้เจมส์ พวกรุ่นพี่เค้าจะแวะมาดูกล่องเทคกันตอนไหนวะ” ผมถามไอ้เจมส์ทันทีที่เจอหน้า
“พี่แนทบอกว่าให้พี่ที่เล่นบัดดี้ต้องไปรับของหรือคำสั่งอย่างน้อยวันละ2ครั้ง คือพักเที่ยงกับเวลากิจกรรมตอนเย็น”
นั่นทำให้ผมตั้งตารอเลยว่าไอ้พี่พฤกษ์จะปฏิบัติตามบทลงโทษเมื่อไร
แล้วผมก็ต้องสมหวังอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าบัดดี้ตัวเองปฏิบัติตามคำสั่งตอนเวลาพักเที่ยงทันที
ไอ้พี่พฤกษ์เขียนชื่อมันใส่กระดาษแล้วหาเชือกมาคล้องเป็นป้ายแขวนรอบคอ พี่แกแยกตัวออกมาจากพี่ริวกับพี่เกี้ยงแล้วตรงไปที่สนามหญ้าด้านข้างโรงอาหารและเริ่มต้นวิ่งพร้อมตะโกนไปด้วย
“ผมชื่อพฤกษ์ marketing ปี3 ใส่กางเกงในสีชมพู ชอบแอบดูผู้ชายอาบน้ำครับ”
เกิดเสียงหัวเราะโห่ฮาดังลั่นขึ้นแถวนั้น
“เชี่ยยย ใครเป็นบัดดี้พี่พฤกษ์วะ โหดสาด” ไอ้เจมส์ว่า
“แม่งร้ายจริงๆ” ไอ้นิวกำลังหัวเราะตัวงอ
“สมน้ำหน้าไอ้พี่พฤกษ์มัน” ผมทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่ก็มองไอ้พี่พฤกษ์ที่ทำตามคำสั่งผมครบถ้วนไม่บกพร่องอยู่ตลอด
หึหึ อย่างมึงต้องเจอกู
ผมสั่งให้มันวิ่งรอบสนาม20รอบตอนพักเที่ยงและพูดสคริปต์อุบาทว์ๆนั่นระหว่างที่วิ่งอยู่ด้วย
อายแทบแทรกแผ่นดินหนีแน่ๆมึง
กินข้าวไป มองบัดดี้ไป พี่แกอึดจริงๆครับ วิ่งไปหลายรอบแล้วยังคงรักษาความเร็วได้คงที่และเสียงก็ไม่มีตกเลย
รู้ตัวอีกทีไอ้พี่พฤกษ์ก็วิ่งครบ มันหายใจเร็วขึ้นกว่าปกติก็จริง แต่ไม่หอบเลย แม่ง นี่คนหรือคนเหล็ก
มันเดินกลับเข้ามาในโรงอาหาร พี่ริวกับพี่เกี้ยงเข้าไปกอดคอ ตบบ่า ยื่นน้ำดื่มให้ และพูดอะไรกับมันก็ไม่รู้ ผมเดาว่าน่าจะเป็นคำชม
“เมื่อเช้ากูเอาขนมไปหย่อนกล่องละ ไม่อยากแกล้งบัดดี้ตัวเองว่ะ” ไอ้เจมส์พูดกลั้วหัวเราะ
“กูยังไม่รู้จะทำไงกับบัดดี้เลย” ไอ้นิวบอก
“กูก็ยังไม่ได้ทำอะไรกับบัดดี้ว่ะ” ผมทำเนียนไปด้วย
“พวกมึงก็รีบๆเข้าล่ะ เดี๋ยวเฉลยแล้ว ไม่เทคของหรือให้คำสั่งก็เหมือนไม่ได้เล่นนะเว้ย”
ตอนนี้ในหัวผมกำลังคิดคำสั่งต่อไปให้บัดดี้สุดที่รักอยู่

ผมแวบจากห้องเรียนออกมาระหว่างคาบบ่าย ส่งคำสั่งที่สองใส่กล่องให้บัดดี้ คราวนี้ไอ้พี่พฤกษ์มันจะกล้าทำมั้ยนะ
“มึงซื้อขนมให้บัดดี้หรอวะเจมส์”
ผมถาม เมื่อเห็นว่าไอ้เจมส์ซื้อขนมขบเคี้ยวหลายถุง แถมยังมีกระดาษทิชชู่ น้ำเปล่าด้วย สงสัยได้รุ่นพี่ผู้หญิงเป็นบัดดี้ชัวร์ ดูแลดีขนาดนี้
“เออดิ”
“เทคดีจังวะ กูเป็นบัดดี้มึงได้มั้ย”
“ไม่ได้โว้ย ถ้ามึงเป็นบัดดี้กู กูจะสั่งให้วิ่งแก้ผ้ารอบคณะ”
ผมตบหัวไอ้เจมส์แทบพุ่ง ไอ้นิวหัวเราะแล้วเดินตรงไปที่ร้านขนมใกล้บริเวณกรุ๊ป
“เดี๋ยวกูขอแวะซื้อของให้บัดดี้มั่งดิ”
“มึงล่ะไอ้เพชร ไม่เห็นให้อะไรบัดดี้มั่งเลย” ไอ้เจมส์ว่า
“กูให้ของไปแล้ว”
“ตอนไหนวะ”
“ที่กูมาเข้าห้องน้ำคาบเมื่อกี้ไง”
“แหม กลัวคนเห็นรึไง”
“เออ ถ้าบัดดี้จับได้ก็โดนลงโทษดิ”
“เชี่ย”
ไอ้นิวร้อง
“อะไรมึง”
“กูพึ่งซื้อตอนนี้ แล้วถ้าเดินไปที่กรุ๊ป พี่เค้าก็เห็น…”
“มึงก็รีบๆดิ ช้ากว่านี้พวกพี่ๆมากันเต็มกรุ๊ปพอดี” ไอ้เจมส์กับผมขำกับความเอ๋อของไอ้นิว
สามหล่อช่วยกันบังถุงของที่ไอ้นิวซื้อแล้วรีบเอาไปใส่กล่องได้ทันก่อนที่จะมีใครเห็น เราเป็นพวกแรกๆที่มาถึงวันนี้ครับ ผมอดใจรอดูไอ้พี่พฤกษ์ไม่ไหวแล้ว
“หวัดดีครับน้องๆ”
ตายยากจริงๆนะมัน ไอ้พี่พฤกษ์มาถึงกรุ๊ปแล้วเข้ามากอดคอผม
“เพื่อนเล่นอ่อ” ผมถามกวน
“อย่าให้รู้นะว่าใครเป็นบัดดี้พี่ จะเอาคืนให้หนักๆเลย” มันพูดพร้อมส่งยิ้มไปให้ปีหนึ่งทุกคนที่มาถึงแล้ว
เหอะ ก็คนที่มึงยืนกอดคออยู่นี่ไง
“พี่แม่งใจว่ะ กล้าทำได้ไงวะ” ผมแกล้งถามกลั้วหัวเราะ เหมือนไม่รู้เรื่องเลยสักนิด
“จะไม่ทำได้ไงล่ะคร้าบ กฎคือต้องทำตามที่บัดดี้สั่งทุกอย่าง”
“ถ้าบัดดี้สั่งให้กระโดดลงมาจากดาดฟ้าตึก พี่จะทำปะ”
“นั่นก็เกินปายยย” แน่ะ ดีดเหม่งกูอีก สนิทกันอ่อวะ “เราอะได้ใครเป็นบัดดี้”
“เรื่องไรจะบอก”
“บอกมาเหอะน่า พี่ไม่เอาไปบอกพี่คนนั้นหรอก”
“ไม่ เพชรไม่ไว้ใจ”
“ก็ได้ๆ” มันอมยิ้ม
จะบอกได้ไง ก็มึงนั่นแหละสาด
“แล้วนี่จะกอดคออีกนานมั้ย”
ไอ้พี่พฤกษ์ทำเป็นไม่ได้ยิน แถมยังเอามืออีกข้างมายีผมผมเล่นอีก
“หนุกปะ”
“หนุกกกกก” ไอ้สัส มึงอย่ามาลากเสียงแอ๊บแบ๊วแบบนั้น ขนลุกเว้ย
“มึงจะจีบน้องมันอีกนานมั้ยไอ้พฤกษ์ ปล่อยน้องไปนั่งได้แล้ว กิจกรรมจะเริ่มละ”
พี่ริวพูดยิ้มๆ ไอ้พี่พฤกษ์ยอมปล่อยผมแล้วกลับไปรวมกับเพื่อน
เกมที่ได้เล่นวันนี้เป็นเกมใบ้คำครับ ผมโดนแยกไปอยู่คนละกลุ่มกับไอ้เจมส์ไอ้นิว ไม่อยากแพ้พวกมันเลยเล่นเต็มที่ครับ ถึงตาผมเป็นคนใบ้ ผมได้คำว่า ‘คันหู’
ผมเกาที่หูพร้อมทั้งเต้นส่าย นึกภาพเอาจาก mv ที่เคยดูครับ เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดได้ทั่วกรุ๊ป
และทีมผมก็ชนะจนได้
“เสียดาย กูหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายไม่ทันว่ะ” ไอ้เจมส์บ่น
“ไม่ต้องเลยสัส”
“เดี๋ยวนี้มึงท็อปฟอร์มขึ้นทุกวันเลยนะเพชร” ไอ้นิวเข้ามากอดคอผม ผมเลยตอบกลับไปด้วยการชูนิ้วกลางให้
หลังเกมจบ ผมเห็นไอ้พี่พฤกษ์เดินไปที่กล่องบัดดี้
ผมแอบยิ้ม
มันมีสีหน้าตกตะลึงเมื่ออ่านกระดาษคำสั่ง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างแทบจะทันที
มันเดินช้าๆ มองหาอะไรบางอย่าง
จนมันสบสายตาเข้ากับผม และเดินตรงมา
ไอ้พี่พฤกษ์หยุดตรงหน้า คุกเข่าลง ฉีกยิ้มร้ายๆแบบที่พี่แกชอบทำ
เห้ย อย่าบอกนะว่า...
“เพชรครับ...พี่ชอบเพชรมานานแล้ว เป็นแฟนกับพี่นะครับ”

TBC

หูยยย เพชรเอาคืนพี่พฤกษ์ได้แสบจริงๆ
ว่าแต่เฮียแกขอเป็นแฟนต่อหน้าคนเกือบร้อยเลยรึ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่พฤกษ์นี่ขอไปตามน้ำตามเกม  หรือขอจริง ๆ อิอิ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :hao7: :-[

เนียนๆไปเลยพี่ เราต้องฉวยโอกาสจากเกมส์
 :L2: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2018 13:49:41 โดย Billie »

ออฟไลน์ writerbeer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
EP17 “พฤกษ์กับเพชร”

“เพชรครับ...พี่ชอบเพชรมานานแล้ว เป็นแฟนกับพี่นะครับ”

เหี้ยยยยยย
“พี่ทำบ้าไรเนี่ย”
ผมโวยวาย ผงะถอยหลัง แต่ไอ้พี่พฤกษ์ไม่หยุด มันขยับเข้ามาจับมือผม
คนทั้งกรุ๊ปหันมามองเราสองคน
“รับรักพี่นะครับเพชร”
“รับพ่อ...บ้าอะไรล่ะ”
ผมตกใจจนเกือบหลุดคำว่าพ่องออกมาแล้ว แน่ะ มีทำสายตาปริบๆซึ้งๆใส่กูอีก โอ๊ย
“เล่นไรของพี่เนี่ย”
“ตกลงว่าเราเป็นแฟนกันแล้วนะครับ”
“ฟะ แฟนเฟินไร” นี่มึงเล่นใหญ่รัชดาลัยไปละไอ้พี่พฤกษ์
“ไม่เขินสิครับ”
ไม่ให้เขินได้ไง เอ้ย เขินพ่องงงง
“คำสั่งบัดดี้ใช่มั้ย พอเลยๆ” ผมพยายามสะบัดมือออกจากมือมัน
ไอ้พี่พฤกษ์ลุกขึ้น ยิ้มกว้างแบบโคตรอารมณ์ดี ก่อนจะมองไปยังทุกๆคนในกรุ๊ป4
“พี่ขอผู้ชายเป็นแฟนแล้วนะครับน้องบัดดี้”
ตามด้วยเสียงปรบมือและโห่ร้องของทุกคน ชื่นชมสปิริตความหน้าด้านหน้าทนของไอ้พี่พฤกษ์
ผมพลาดเองแหละ เสือกไปบอกให้มันทำอย่างนั้น
‘บอกรักผู้ชาย1คน’

“ฮั่นแน่ บอกรักแล้วพาขึ้นรถเลยอ่อ ไวไฟจริงๆนะไอ้พฤกษ์”
“ไม่ใช่ละพี่”
พี่ริวแซวผมกับไอ้พี่พฤกษ์ทันทีที่เห็นมันเดินมาชวนผมกลับบ้านหลังกิจกรรมกรุ๊ปจบ
“กูไปส่งน้องที่คอนโดเฉยๆโว้ย”
ตอบปฏิเสธแต่ทำไมต้องยิ้มด้วยล่ะ
“หราาาา”
ไอ้พี่พฤกษ์เลิกต่อล้อต่อเถียง ได้แต่ชูนิ้วกลางใส่หน้าพี่ริว
“กูไปละนะพวกมึง” ผมหันไปบอกไอ้เจมส์กับไอ้นิวที่ก็กวนตีนไม่แพ้เพื่อนไอ้พี่พฤกษ์ พวกมันกำลังทำท่าทางล้อเลียนผม- -
“ไปกันเถอะครับ”
พอพ้นเขตกรุ๊ป มันก็ยกแขนขึ้นโอบผมแล้วพาเดินไปที่รถด้วยกัน
“เพื่อนเล่นอ่อ”
“หวงตัว?”
มันย้อนถาม หน้ายิ้มกวนชวนให้ชกสักหมัด
“หรือว่าเขิน เขินพี่อ่อ”
“เขินพ่อง”
ป้าบ
“โอ๊ย ไอ้…”
“พูดไม่ดีเดี๋ยวโดนอีกทีนะครับ”
“คิดว่ากลัวไง”
โบกหัวกูมาได้ มือมึงไม่ใช่เล็กๆนะสัส
“ลามปามพ่อพี่ได้ไง”
ผมสะบัดแขนมันออกจากไหล่แล้วเดินนำหน้าไปโดยไม่รอ
“อ้าว งอนพี่เหรอ รอด้วยดิน้องเพชร”
ตอนนี้ผมเกลียดเสียงกลั้วหัวเราะของไอ้พี่พฤกษ์มาก
“ไม่ได้งอน”
“ไม่งอนแล้วเดินหนีไมอะ”
“รำคาญ”
มันทำตาโตก่อนจะรวบคอผม
“ปล่อยยย”
“รำคาญอ่อ...มานี่เลยไอ้ตัวแสบ”
ด้วยแรงที่มากกว่า ผมถูกมันลากไปที่รถทั้งสภาพนั้น
“เจ็บนะเว้ย”
ผมขึงตาใส่มันเมื่อถูกปล่อยและนั่งในเบาะหน้าเรียบร้อยแล้ว
“ง้องแง้งเป็นผู้หญิงไปได้” ยัง ยังไม่หยุดกวนตีน
“ใครกันแน่ง้องแง้ง ปัญญาอ่อน” คำหลังผมพึมพำเสียงเบา
“อะไรนะ” เสือกได้ยินอีกแน่ะ
“ป๊าวว”
“หึหึ”
ไอ้พี่พฤกษ์ยีหัวผมก่อนจะหมุนพวงมาลัย บังคับรถให้เคลื่อน
“เรานี่ดื้อยังไงก็ยังงั้นเลยนะ”
ผมทำเป็นไม่สนใจ มองออกไปทางกระจกรถ
“แน่ะ ทำเมินด้วย”
“รำคาญไง ขี้เกียจคุย”
“เดี๋ยวนี้ปากคอเราะร้ายนะน้อง”
“ผมด่าพี่ตั้งแต่วันแรกที่เจออยู่แล้วนะ”
“เออ ก็จริง แค่ไม่ใช่คำหยาบ...เอ๊ะ ยอมรับอ่อว่าด่าพี่”
“พึ่งรู้รึไง” ผมขำ
“นึกถึงตอนที่พี่สั่งให้เราขึ้นรถครั้งแรกเนอะ”
“พูดรำลึกความหลังเหมือนคนแก่ไปได้”
“อ้าว ก็มันสนุกนิครับ ได้แกล้งเพชร”
“ถามผมยังว่าสนุกด้วยมั้ย”
“สนุกไม่สนุกไม่รู้...รู้แต่เดี๋ยวนี้เรายอมกลับกับพี่ทุกวัน” ไม่ต้องมาทำหน้ากรุ้มกริ่มเลยมึง
“โด่ เห็นว่าได้กลับฟรีเหอะ”
“งั้นจ่ายค่าน้ำมันมา”
“ถ้าจะทวง คราวหน้าก็ไม่ต้องชวนกลับ” เอาดิ กูไม่ยอมมึงหรอก
ไอ้พี่พฤกษ์หัวเราะลั่น
“โอเค ยอมแล้วครับ”
ผมเพิ่มเสียงจากวิทยุเองอย่างถือวิสาสะเมื่อเพลงที่ชอบขึ้นมา
“แน่ะ ซนรถพี่อ่อ”
ผมไม่ตอบ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ชอบเพลงนี้สินะ”
“เงียบๆดิ จะฟังเพลง”
“ครับๆ” มันยิ้มก่อนจะหันไปโฟกัสกับถนนต่อ
พอเพลงโปรดผมจบ ไอ้พี่พฤกษ์ก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“วันนี้ว่างปะ”
“ก็ว่าง”
“งั้น...ไปบ้านพี่มั้ย”
“ไปทำไรอะ”
“เอ่อ…”
ผมสงสัยว่าทำไมมันต้องตะกุกตะกัก
“ชวนไปนอนด้วยเฉยๆอะ”
“ที่บ้านไม่มีคนอยู่รึไง”
“ก็มี แต่ชวนไปเที่ยวไงครับ ไปมั้ย”
“อืม...เอาดิ”
ยังไงผมกลับคอนโดไปก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว ไปเล่นบ้านไอ้พี่พฤกษ์ก็ได้
“แล้วพรุ่งนี้ใส่ชุดนิสิตพี่ออกมาเรียนก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่มาส่ง”
“ก็ต้องเป็นงั้นอยู่แล้ว” ผมแกล้งตอบกวนตีน มันยิ้ม ชอบให้กูกวนรึไง “พูดเหมือนพี่ไม่ต้องออกมาเรียน”
“พี่มีเรียนบ่ายไงครับ แต่เราเรียนเช้า”
“แล้วรู้ได้ไงว่าพรุ่งนี้ผมเรียนเช้า”
“รู้ดิ” อ้าว กวนตีนคืนอ่อ
เมื่อถึงสี่แยกข้างหน้า แทนที่จะขับตรงต่อไปยังคอนโดผม ไอ้พี่พฤกษ์ก็ยูเทิร์นรถมาอีกฝั่ง มุ่งหน้าไปบ้านมัน
ผมเลิกถามไปนานแล้วว่าทำไมไปส่งแทบทุกวัน ทั้งๆที่บ้านเราสองคนไม่ได้ใกล้กันเลย
“พี่พฤกษ์”
“คร้าบ”
“หิว”
“โอ๋ แปบนึงนะครับ เดี๋ยวกลับไปกินที่บ้านพี่ วันนี้ป้าแม่บ้านทำกับข้าวไว้เยอะเลย”
ไม่พูดเปล่า เอื้อมมือมาลูบหัวผมอีกแน่ะ ทำอย่างกับกูเป็นเด็ก
“รอไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวจะแวะกินก่อนก็ได้นะ”
“รอได้”
“โอเคครับ...แต่จะกินข้าวที่บ้าน ทำอะไรให้พี่อย่างนึงก่อน”
“ทำไร”
“เลิกแทนตัวเองว่าผม แล้วกลับมาเป็นเพชร”
อีกละ มันสำคัญตรงไหนฟะ
“ทำไมผมต้องทำด้วย” ถ้าไม่ก่อกวนก็ไม่ใช่ไอ้เพชรอะดิ เน้นเสียงตรงคำว่าผมด้วย
“ไม่งั้นก็ไม่ต้องกิน”
“งั้นก็จอด ผมจะกลับคอนโด” มึงก็น่าจะรู้นะว่ากูชอบเอาชนะ
“โห่ แค่แทนตัวเองว่าเพชรเอง นะครับ” เสียงอ่อนเสียงหวานเชียว ไอ้สัส ขนลุก
“ตอบก่อนดิว่าทำไม”
“ขี้สงสัยจังวะ” ไอ้พี่พฤกษ์พึมพำ
“ผมได้ยินนะ”
“ก็เคยบอกแล้วไง...มันดูสนิทกันดีอะ”
“แต่ผมไม่อยากสนิทกับพี่นิ”
มันจิ๊ปาก ผมยิ้ม
"ไอ้เด็กนี่”
"แบร่”
ผมก็ไม่ได้ติดขัดอะไรหรอกนะครับ แค่อยากแกล้งพี่มันเฉยๆ
"เพชรก็ได้”
เท่านั้นแหละไอ้พี่พฤกษ์ก็ยิ้มไม่หุบเลย

“ป้าหวานนนน พฤกษ์หิวแล้วคร้าบบบ”
ไอ้พี่พฤกษ์แหกปากตั้งแต่ตอนที่พึ่งจอดรถในโรงจอดเสร็จ ซึ่งนอกจากvolvoก็ยังมีรถอีก4คันจอดอยู่
เออ กูเชื่อแล้วว่าบ้านมึงรวยจริง
ผมคงไม่ต้องพูดถึงบ้าน(คฤหาสน์น้อยๆ)ของมันอีกนะครับ
“ค่าาา ป้าทำเสร็จแล้วค่ะ”
ผมเดินตามไอ้พี่พฤกษ์เข้าไปแล้วก็เห็นป้าหวานยืนยิ้มอยู่หน้าห้องโถง ผมยกมือไหว้อย่างคนมารยาทดี
“หวัดดีครับ”
“หวัดดีค่ะ เพื่อนน้องพฤกษ์หรอคะ”
“แฟนพฤกษ์น่ะครับ”
ป้าหวานเลิกคิ้ว ท่าทางตกใจเล็กน้อย
แฟนพ่อมึงดิสัส
“หืมม น้องพฤกษ์มีแฟนแล้วไม่เห็นบอกป้าเลย”
“ล้อเล่นนะคร้าบ นี่รุ่นน้องที่คณะ สนิทที่สุดแล้วคนเนี้ย” ไอ้พี่พฤกษ์พูดพร้อมกับโอบไหล่ผม
“ป้าเกือบเชื่อน้องพฤกษ์แล้วนะเนี่ย”
“เอ้า แนะนำตัวสิ” ไอ้ตัวยุ่งบอกผม
“ผมเพชรครับ”
“ค่ะ น้องเพชรหล่อมากเลยนะคะ ป้าเห็นตั้งแต่ลงจากรถมา”
“แล้วพฤกษ์อะ ไม่หล่อรึไง”
ผมล่ะเกลียดเวลาที่มันแอ๊บแบ๊วจริงๆ- -
“หล่อสิคะ หล่อทั้งคู่นั่นแหละ ไม่ต้องน้อยใจนะ” ป้าหวานบอกกลั้วเสียงหัวเราะ “กินข้าวกันเถอะน้องพฤกษ์ น้องเพชร ป้าเตรียมให้พร้อมแล้วจ้ะ...เอ จะว่าไปสองคนนี้นี่ชื่อเข้ากันเลยนะ พฤกษ์กับเพชร”
ไอ้พี่พฤกษ์ที่ยังโอบผมอยู่หันมายิ้มแฉ่งให้ แต่ผมไม่ได้ยิ้มกลับไปให้มันหรอกนะ
“ชื่อเราเข้ากับพี่แหละ”
มันกระซิบที่หูผม ผมทำท่าอาเจียนใส่
ปรากฏว่ากับข้าวทุกอย่างที่ป้าหวานทำอร่อยมากเลยครับ ผมเติมข้าวเพิ่มอีก2จาน คนที่ยิ้มกริ่มไม่แพ้ป้าหวานก็คือไอ้พี่พฤกษ์
“อยู่คอนโดคนเดียวไม่ได้กินของอร่อยแบบนี้อะดิ”
“เออดิ” ผมตอบสั้นๆแล้วหันไปกิน(ยัด)ต่อ
“จะมากินกับข้าวฝีมือป้าหวานบ่อยๆก็ได้นะ”
“อยากอยู่ แต่ไม่อยากเจอพี่อะดิ”
“อ้าว ไอ้เด็กเวร”
ผมแลบลิ้นใส่ไอ้พี่พฤกษ์ที่ตีหน้าเข้ม โด่ น่ากลัวตายแหละ
“วันนี้น้องชลจะกลับมากินมั้ยคะเนี่ย ยังไม่โทรมาบอกป้าเลย” ป้าหวานเดินเข้ามาพร้อมถาดใส่ผลไม้หลายชนิดที่ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
“ไม่รู้มันดิครับ ไม่ได้บอกอะไรพฤกษ์ไว้ด้วย”
“ยังดีที่น้องพฤกษ์บอกให้ป้าทำไว้เยอะนะเนี่ย”
“นั่นสิครับ ไม่งั้นกับข้าวเหลือไม่ถึงพี่ชลแน่ๆ แขกกินเยอะขนาดนี้” ไอ้พี่พฤกษ์แซะผม ผมทำเป็นไม่สนใจ
“ถ้าจะเอาอะไรเพิ่ม เรียกป้านะคะ ป้าเข้าไปในครัวก่อน”
“คร้าบ” ไอ้พี่พฤกษ์ตอบ ป้าหวานหันมายิ้มกว้างกับความมูมมามของผมอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินไป
“ทำไมบอกให้ป้าเค้าทำกับข้าวไว้เยอะๆอะ”
“ก็พี่กะจะชวนเรามานอนบ้านตั้งแต่แรกแล้ว”
“แน่ใจได้ไงว่าเพชรจะมานอน”
“แน่ใจดิ” มันเว้นจังหวะแบบที่ผมรู้ว่ากำลังจะกวนตีน “เราใจง่ายจะตาย”
“ไอ้พี่พฤกษ์”
“แน่ะๆ ด่าผู้ใหญ่อีกแล้วอ่อ เดี๋ยวโดน”
“ว่าแต่ชลนี่ใคร”
“พี่ชายพี่เอง”
“แล้วพ่อแม่ล่ะ”
“ไปฮ่องกง ทริปพักผ่อนกับลูกน้องที่บริษัท...ทำไมวันนี้ถามเยอะจังเรา”
“ไม่ถามแล้วก็ได้”
ไอ้พี่พฤกษ์ยีหัวผมอย่างเอ็นดู

“นอนได้ป่าว”
“โห่ ได้ดิ เตียงพี่เพิ่มอีกคนยังนอนได้สบายๆเลย”
ไอ้พี่พฤกษ์พาผมขึ้นห้องนอนมันหลังอาหารเย็น มันบอกว่าทำตัวให้สบายเหมือนอยู่บ้านตัวเอง แน่นอนอยู่แล้ว ระดับผมไม่มีเกรงใจหรอก5555
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อน จะเปิดทีวี คอม หรือทำอะไรก็เอาเลย”
ผมพยักหน้ารับ มันส่งยิ้มให้ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูขึ้นพาดบ่าแล้วออกจากห้องไป
ผมเดินสำรวจรอบห้อง นอกจากเตียงกับตู้เสื้อผ้าแล้ว ที่กินพื้นที่ห้องไปส่วนใหญ่อีกอย่างก็คือของสะสมของไอ้พี่พฤกษ์ น่าขโมยกลับไปเล่นหลายชิ้น
แต่ผมสะดุดตากับรูปถ่ายครอบครัวของพี่มันมากกว่า พี่ชลหน้าตาคล้ายไอ้พี่พฤกษ์ เพียงแต่ผิวแทนและดูเนี้ยบ ขรึมกว่า ส่วนพ่อแม่ก็ดูท่าทางใจดีทั้งคู่ ครอบครัวนี้น่าจะมีความสุขมากเลยทีเดียว
อิจฉาชะมัด
ไอ้พี่พฤกษ์ตอนยังเป็นเด็กน้อย หน้าตาน่ารักมากครับ ขาวเผือก ปากแดง แก้มยุ้ยน่าเล่น ไว้ผมทรงกะลาครอบ ผมเห็นรูปเด็กชายพฤกษ์หลายรูปแล้วก็ต้องหัวเราะออกมา
ดูเพลินๆจนเจ้าตัวกลับมาจากอาบน้ำเสร็จนั่นแหละครับ
“แน่ะ ซนอะไรเนี่ย”
“ป่าว”
“พี่เห็นนะว่าหยิบกรอบรูปขึ้นมาดู”
“หยิบตอนไหน ไม่มี”
“ไม่เชื่อหรอก” ไอ้พี่พฤกษ์หัวเราะ “พี่ทันเห็นตอนเราวางคืนที่พอดี”
“เออๆ ดู มีปัญหาอ่อ” ผมเลิกฟอร์มแล้วหันไปหาเรื่องเจ้าของห้อง
“ป่าวคร้าบ อยากดูก็ดูดิ”
“ทำไมพี่ตอนเด็กน่ารักวะ”
“แล้วตอนนี้ไม่น่ารักรึไง”
“ไม่”
“แบบนี้ยังไม่น่ารักอีกอ่อ”
“น่าเกลียด พี่แม่งไม่น่าโตเลย” ผมยังกวนตีนไม่หยุด
“น้องเพชร”
“คร้าบบบพี่พฤกษ์”
“กวนตีน”
“พอๆกับพี่อะ”
ผมยักคิ้วใส่ไอ้พี่พฤกษ์
“อะๆ ตอนนี้ไม่น่ารักแล้วก็ได้ แต่หล่อ”
“ไม่อะ”
“ใครๆก็บอกว่าพี่หล่อ”
“เพชรว่าไม่”
“อิจฉาอะดิ”
“ทำไมต้องอิจฉา ก็เพชรหล่อกว่า”
“จ้าาา พ่อคนหล่อ หล่อไม่มีใครเท่า”
ไอ้พี่พฤกษ์หยิบชุดนอนที่เสื้อกับกางเกงเป็นลายและสีเดียวกันมาใส่ ผมหัวเราะพรืด
“ขำไร”
“โตขนาดนี้ยังใส่ชุดนอนแบบนี้อีกอ่อ”
“เออ มีปัญหารึไง” มันหลบสายตาผม เหมือนจะเขินหน่อยๆ ผมเลยรุกต่อ
“เหมือนเด็กโข่งเลยว่ะ”
“ไอ้เด็กเวร”
“ว่าไงคร้าบ” ผมลากเสียงยาว เลียนแบบมันเวลาที่จะกวนตีน พร้อมเดินเข้าไปใกล้
“น้องพฤกษ์ปีนี้กี่ขวบแล้วอะคร้าบ”
“ล้อเลียนใช่มั้ย”
โดยไม่ทันตั้งตัว ไอ้พี่พฤกษ์ก็พุ่งเข้ามารัดผมแล้วจับทุ่มลงบนเตียง ก่อนจะขึ้นคร่อมไว้
“เห้ย อะไรของมึงเนี่ย ปล่อย” ผมร้องตะโกนเสียงดังลั่น ดิ้นสุดแรงแต่ขยับออกจากตัวไอ้พี่พฤกษ์ไม่ได้
“หึหึ อยากแซวพี่ดีนัก” มันแสยะยิ้มก่อนจะโน้มตัวลงมา
ห่า มึงจะทำอะไรกู

TBC

ก็ดันไปสั่งให้เขาบอกรักผู้ชายนี่เนอะ555
พี่พฤกษ์นี่ร้ายจริงๆ มีชวนไปบ้าน จะทำอะไรเพชรน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 09:20:15 โดย writerbeer »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

น้องมันใจง่ายจริง ๆ อ่ะแหละ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด