O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug  (อ่าน 21556 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สายซึนหรือ

ออฟไลน์ polkadot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
เอาแล้วไง กูลคิดอะไรกับจุนหรือเปล่า

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
คิดไว้แล้วคนน้อง(ไม่แท้)ต้องคิดไม่ซื่อกับคนพี่(ไม่แท้)ท่าทางกูลจะขี้หวงหนักมาก

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
กูลค่อยๅเต๊าะพี่จุนเค้าทีละน้อยไปเรื่อยๆใช่ม้า

ออฟไลน์ orloftin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบๆ คิสมีววววววว  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เห็นชื่อเรื่ิงก็คิดว่าแนวดราม่า แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นแววเลยเห็นแต่ความขี้หวงของกูลอะ

ออฟไลน์ gungchan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กูล kiss จุนอ่อออออออ :จุ๊บๆ:

ออฟไลน์ Tak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบบบบบบบบ อยากอ่านอี๊กกกกกกกกก ดราม่าจงมา

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เอาล่ะเหวย อะไร ยังไงคะน้องกูล

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มารอค่ะ สนุกดี ติดตามอ่านนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ liner

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-4
ตอนที่ห้า
ปฏิเสธไม่เป็น



     เมื่อยตัวชะมัด หน้าผากแดงเลยอะ ภาพจำของผมดับวูบไปตั้งแต่ไฟแดง จำได้แค่ตอนถึงบ้านผมเดินหลับตางมทางอย่างชำนาญ นี่แหละ บ้านตัวเองหลับตาเดินยังจำได้ ผมได้ทำอะไรเด๋อๆ ใส่ กูล มันป่าววะ คิดไม่ออกเลย เงียบและนิ่ง ไว้เป็นการดีที่สุด โจวชิงฉือ นักแสดงจีนกล่าวไว้ว่า “นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว” คิดถึงฝีไม้ลายมือ คนเล็กหมัดเทวดา มากๆ คิดแล้ว ลิสต์ไว้ดูเวลาว่างย้อนความคิดถึงสักหน่อย

“แฮ่!! พี่จันทำอะไร”

“ตาเถรตกบันไดใส่หม้อข้าวต้ม”

“โอ้ว มื้อเช้านี้ข้าวต้มเนื้อตาเถร สยอง”

“เดี๋ยวเหอะ น้องจุน อารมณ์ดีอะไรแต่เช้านี่คะ”

“อ้อ!! จะมาบอกว่า วันนี้ไม่อยู่บ้านนะ บอกเตี่ยไว้แล้ว เตี่ยออกมารดน้ำต้นไม้พอดี”

“จะไปไหนหรอจ๊ะ”

“ไม่บอกหรอก แต่จะกลับค่ำๆ ไม่ต้องรอนะครับ” ผมโบกมือลาพี่จันทรา สะพายเป้คู่ใจกับรองเท้าผ้าใบโทรมๆ เท่ชะมัด

     เดินออกมาหน้าหมู่บ้าน ยืนรอรถเมล์ วันอาทิตย์ นานๆจะมาสักคัน ดีหน่อยถนนโล่งๆ คนน้อยหน่อย จุดหมายปลายทางคือสวนรถไฟครับ แนะนำเลยครับสวนโมกข์ กรุงเทพฯ (หอจดหมายเหตุ ท่าน พุทธทาส อินทปัญโญ) มีกิจกรรมให้ทำเพียบเลยละครับ วันนี้ผมจะมาทำกิจกรรม ฝึกอาณาปานสติ นัดกับพี่รหัสผมไว้ชื่อพี่พลอยครับ พี่พลอยเป็นเจ้าแม่กิจกรรม ขนาดทำกิจกรรมเกือบทุกสิ่งเกรดนี่ไม่เคยตก ว่าที่เกียรตินิยมเหรียญทอง คนเราจะสมบูรณ์แบบอะไรขนาดนั้น ว่างก็หันหน้าเข้าธรรมะ เขาเป็นคนแนะนำผมเลยละครับมาเป็นประจำ กิจกรรมผมเริ่มตอนบ่ายโมง แต่ผมรีบออกมาก่อนไม่อยากเจอ กูล มัน วันนี้ต้องเป็นวันของผม มาสั่งสมแต้มบุญ ผมชอบที่นี่นะ มันสะดวก สงบ ร่มเย็น คนไม่เยอะ ไม่วุ่นวาย ทุกคนรู้หน้าที่ หน้าตาดูเป็นมิตร ในสวนอากาศดีมากจริงๆ เป็นวันครอบครัว เด็กๆ วิ่งเล่นสนุกสนาน ตามเดียงสาของเด็ก
 

“จุน”

“ครับ” ผมขานรับเสียงไม่ดังนัก หันไปตามเสียงเรียกคุ้นหู

“หาตั้งนาน เหนื่อยอะ” พี่ปลื้มครับ ไม่คิดว่าจะเจอพี่ปลื้มที่นี่ได้

“พี่ปลื้ม” คนถูกเรียกชื่อยิ้มตาปิด คนอะไร ดาเมจแรงมาก
           
 “ครับ”

“มาทำอะไรที่นี่หรอครับ”

“เอาหมวกมาคืน”

“ถามจริง”

“มีเสียงเรียกจากธรรมะ อยากมาทำบุญกับจุน”

“รู้ได้ไงว่าผมจะมา”

“พลอยไง พลอยเป็นญาติพี่ นัดกันไว้ไม่ใช่หรอ”

“ไม่เห็นพี่พลอยบอก”

“ไม่อยากให้พี่มาหรอครับ”

“ป่าวครับ คนเท่ๆแบบพี่ มาที่แบบนี้ยิ่งเท่ไปกันใหญ่ ผมก็สู้ไม่ได้อะดิ”

“ฮ่าๆ รู้ไหมบางคนอยู่เฉยๆก็ชนะ”

“ไม่จริงหรอกครับ ไม่มีการชนะไหนได้มาโดยไม่ต้องพยายาม”

“นั่นสินะ”   “แต่พี่เป็นคนพยายามนะ มากด้วย”

“เชื่อครับ พี่ปลื้มเก่ง” พี่ปลื้มย้ำกลัวผมไม่เชื่อ เก่งขนาดนั้น คนกลางๆแบบผมก็แย่สิ

     พี่ปลื้มเป็นอีกคนที่ทำให้ผมสบายใจที่จะอยู่ด้วย เด็กวิศวกรรมมันต้องห่ามๆในความคิด แต่พี่ปลื้มกลับสุภาพแบบดูน่าเกรงขาม ดูเป็นผู้ใหญ่ มีความคิด มีความรับผิดชอบ อย่างที่ผมเคยบอก เขาเป็นต้นแบบความเท่ทั้งหมด ผมพกเสื่อมาด้วย ปูไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศตอนเช้า สายลมเย็นๆปะทะผิวกาย หลับตานอนฟังเพลง ไปเรื่อยๆ มันเป็นกิจกรรมยามว่าง

     ผมสะดุ้งหันหน้าไปทางพี่ปลื้ม ผมรู้สึกถึง สัมผัสบางอย่างมันแล่นลิ่วส่งผ่านประสาทที่มีผลต่อการควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ทำงานหนักขึ้น เพียง... นิ้วก้อยของผมโดนเกี่ยว ผมนอนเล่นอยู่กับพี่ปลื้ม หรือว่า...

“มีอะไรหรือครับ”

“ขอจับมือได้ไหม”

     ในหัวของผมมันสับสนไปหมด ต้องตอบยังไงดี มันขัดแย้ง มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่ควรรู้สึกแบบนี้ เป็นแบบนี้ไม่ดีเลย แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป มันจึงกลายเป็นคำอนุญาตจากผม พี่ปลื้มจึงสอดมือประสานมือผม มือพี่ปลื้มชื้นเหงื่อ มืออีกข้างเขาถอดหูฟังผมออกไปหนึ่งข้างใส่หูฟังของเขาให้ผม สายตาพี่ปลื้มบ่งบอกว่า อยากให้ผมฟังเพลงนี้ ก่อนผมจะหลบสายตาคู่นั้น เพลงก็ค่อยๆเริ่ม มันไพเราะ ไพเราะจนไม่อยากแปลความหมายของมัน แต่ผมดันจดจำเนื้อเพลงบางท่อนได้ดีแล้วรู้สึกหน้าร้อนๆแปลกๆ โดยเฉพาะท่อน All the pretty girls in the world, But I’m in this space with you   

ผมคงต้องเพิ่มลิสต์เพลงที่ชอบไว้อีกเพลงแล้วละ เพลง Honey ของ Kehlani 


I like my girls just like I like my honey; sweet
A little selfish
I like my women like I like my money; green
A little jealous
‘Cause I’m a beautiful wreck
A colorful mess, but I’m funny
Oh, I’m a heartbreak vet
With a stone-cold neck, yeah, I’m charming
All the pretty girls in the world
But I’m in this space with you
Colored out the line
I came to find, my fire was fate with you
Heartache would stay with you
Fly great escapes with you
I countdown to the clock, saw you awake
Don’t walk away, or would you wait for me?
I go out to the bar, fuck hangin’ with the stars
Don’t even have a car, but you would wait for me
All, all, all, all the pretty girls in the world
But I’m in this space with you
Colored out the lines
I came to find, my fire was fate with you
My heartache would stay with you
Escape with you
I like my girls just like I like my honey; sweet
A little selfish, huh
I like my women like I like my money; green
A little jealous
Oh, I’m a beautiful wreck
A colorful mess, but I’m funny
Oh, I’m a heartbreak vet
With a stone-cold neck, I’m so charming, oh, oh



     ผมฟังเพลงนั้นจนจบ ผมลุกขึ้นดึงมือออก เกิดเดตแอร์ระหว่างเรา พี่ปลื้มหน้าเจื่อนลงนิดหน่อย ผมจึงยิ้มปลอบเพื่อสื่อบอกพี่ปลื้มว่า ไม่เป็นไร สมองผมสั่งการว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ไม่ได้ ผมต้องสร้างความภาคภูมิใจให้กับแม่และเตี่ย ผมเป็นคนสร้างกรอบพวกนี้ขึ้นมาเอง ผมคิดว่าภาระทางกายผมเยอะมากพออยู่แล้วผมจะไม่สร้างภาระทางใจให้เตี่ยกับแม่เด็ดขาด

“พี่ปลื้มว่าเด็กน่ารักไหมครับ”


“ครับ”

“ผมชอบความสดใสน่ารักของวัยเด็กมากเลย ตอนเด็กเราสามารถอยู่กับโลกจินตนาการ ที่ทำให้เราหลับง่ายขึ้น ยิ้ม หัวเราะง่ายขึ้น มีความสุขไปกับมันได้”

“....”

“ผมคิดว่าลูกของพี่ปลื้มต้องน่ารัก หรือ ไม่ก็เท่แบบพี่ปลื้มแน่เลย”

“เป็นการปฏิเสธที่พี่ไปไม่ถูกเลยวะ”

“....”

“นิยาม “ความสุข” ของพี่มันกว้างมากเลยนะจุน จุนอย่าตัดสินใจแทนพี่สิ ทำไมใจร้ายแบบนี้วะ เคยบอกไปแล้วว่าพี่โคตรพยายาม อย่าปฏิเสธพี่ก่อนได้ไหม”

“ขอโทษครับ” ทำไมผมถึงแพ้ เกิดมาคนรอบข้างก็ชนะผมไปเสียหมดทุกคน

“อย่าคิดมาก มาทำบุญ เจริญภาวนา ต้องได้ความอิ่มอกอิ่มใจ เหมือนพี่ตอนนี้สิ เดินไปรอในอาคารกันดีกว่า” ใช่สิ ผมบอกปฏิเสธไปแล้วโดนบอกปัดเฉย เหมือนผมไม่ได้พูดประโยคขอร้องนะ  รู้สึกว่าการสื่อสารผมแย่มากเลยจริงๆ


 “สวัสดีครับคุณป้า พี่พลอย” ผมยกมือไหว้ ช่วยหิ้วปิ่นโต อาหารมื้อเที่ยงของผม ข้าวก้นปิ่นโต (คล้ายๆ ข้าวก้นบาตรแหละ ได้บุญมากนะ) ผมมาหลายครั้งแล้วครับ มาทันทานมื้อเที่ยงตลอด

“ตาปลื้ม มาได้ไง ป้าเคยแล้วชวนไม่เห็นมาสักที” ผมหันไปมองหน้าพี่ปลื้มเกาท้ายทอย

“ไปทานข้าวกัน ทั้ง จุน แล้วก็ตัวแถมด้วย”

“มีของแลกเปลี่ยนเหอะ” ผมรีบหันไปมองอีกครั้ง นี่หรือความพยายามของพี่ปลื้ม

“จุ๊ๆๆๆ” ไม่ทันแล้วครับ อยู่ด้วยกันตรงนี้ได้ยินหมด

     ทานข้าวเสร็จ นั่งคุยกันไปเรื่อยๆครับ รอเวลา ที่นี่มีกิจกรรมเพียบเลยครับ มีดูดวงด้วยนะ แต่ผมไม่เคยดู เลยไม่รู้ว่าแม่นหรือไม่แม่น  ในความคิดของผม ผมคิดว่าศาสตร์การดูดวงหลักๆ คือศาสตร์ทางจิตวิทยา และคณิตศาสตร์ความน่าจะเป็น ส่วนเรื่องเหนือธรรมชาตินั้นผมก็ไม่ทราบได้ อันนี้แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล

     อาณาปานสติ เป็น กรรมฐานที่ง่าย เหมาะแก่ทุกเพศทุกวัย มีความหลากหลายมีความลึกซึ้ง เข้มข้นต่างระดับออกไป เป็นการฝึกสติให้อยู่กับลมหายใจ และอยู่กับปัจจุบันมากที่สุด ขั้นตอนแรกในการเข้าฐานนี้คือการสวดมนต์ ต่อด้วยนั่งสมาธิ เดินจงกรม และตอบปัญหาธรรมข้อสงสัยกับพระกรรมฐาน เคยไหมครับแรกๆที่นั่งสมาธิ เจ็บหลัง ปวดเท้า ปวดเข่า คันหยิบๆ หายใจไม่ค่อยเป็นพุทธ เป็นโท เท่าไหร่ แม้แต่หลับตายังเจ็บ ขยุกขยิกอยู่ไม่เป็นสุข มันจึงเป็นการฝึกไงครับ ฝึกฝนไม่มีใครเป็นตั้งแต่ครั้งแรก   

    เสร็จกิจกรรมผมลาคุณป้า พี่พลอย แต่พี่ปลื้มยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าจะมาส่งผมให้ได้ บอกคุณป้าว่า อันตรายถ้ากลับรถเมล์คนเดียว คุณป้ายิ่งเห็นดีเห็นงามด้วย ส่วนพี่พลอยหัวเราะร่า ไม่เห็นน่าขำตรงไหน ไปกลับเองมาทั้งชีวิตยังอยู่รอดปลอดภัยดี ไม่เคยนึกเลยว่าพี่ปลื้มจะเป็นคนดื้อตาใส ต้องแวะทานข้าวก่อน ทานข้าวเสร็จต่อด้วยของหวานอีก อยู่บนรถเขาผมก็เกรงใจ นั่งรถเมล์กลับบ้านป่านนี้ถึงแล้ว

สามทุ่มพี่ปลื้มมาส่งถึงหน้าบ้านพอดี ผมไหว้ขอบคุณ ลงจากรถไขประตูเล็กเข้าบ้าน     

“มาส่งกันดึกๆกี่ครั้งแล้ว ดึกขนาดนี้ไม่ค้างคืนเลยละ” ผมสะดุ้งครับ ตกใจนึกว่าผี

“เป็นบ้าหรอ สามทุ่มนี่นะ”

“วันก่อนเที่ยงคืน”

“โอ้ย รำคาญ เป็นเตี่ยหรอ”

“ทำตัวแย่ ขนาดนี้ เตี่ยรู้บ้างไหมนะ”

“เป็นอะไร เหงาหรอ หาเรื่องคนอื่นอยู่ได้”

“ไปหาแม่ก่อน แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”

     ผมลืมกรวดน้ำหรือเปล่าวะ เจ้ากรรมนายเวรยังไม่พ้นไปเสียที ถึงขนาดมาดักรอผมริมรั้วหน้าบ้านนี่นะ

“กลับมาแล้วครับแม่ เตี่ย ดูละครเหรอครับ”

“จ๊ะ มานี่หน่อยสิ จุน”

“ครับ” ผมนั่งลงโชฟาหันหน้าเข้าหาแม่

“จุน รู้ใช่ไหมว่าน้องเพิ่งกลับมา น้องยังไม่เคยชินกับเมืองไทยเท่าไหร่ เพื่อนก็ยังไม่ค่อยมี ช่วงนี้ แม่จึงอยากให้จุนอยู่เป็นเพื่อนน้องไปก่อนได้ไหม”

“ได้.... ครับ”

“แม่หมายถึงตลอดเวลา ได้ไหม”

“ครับ”

     จะปฏิเสธยังไงละครับ แม่ออกปากเสียขนาดนั้น นี่ผมไม่อยู่บ้านแค่วันเดียว ปกติ ไปไหนมาไหนผมจะบอกตลอดจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ผมไว้แม่กับเตี่ย เดินกลับเข้าห้องของตัวเอง

“ได้ยินแล้วใช่ไหม ทำตามที่พูดด้วยละ”

เกลียดครับ บอกได้คำเดียว กูล มันไปพูดอะไรกับแม่วะ โคตรอยากรู้เลย     



Guide Line Thanks.
ปล. ย้ำอีกครั้งเป็นแนวดราม่านะ มีเจ้ากรรมนายเวรเกาะติดมาด้วย เห็นไหมดราม่าชัดๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-07-2018 21:18:24 โดย liner »

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เตรียมต้มน้ำร้้้้้้อนรอ มาม่า

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
5555​ เจ้ากรรมนายเวรขี้หวง​ เกาะติดไม่ยอมให้ไปไหนกับใครด้วย

ออฟไลน์ polkadot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ขอยาวๆๆๆๆๆได้ไหม พลีส :ling1:

ออฟไลน์ Tak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบๆๆๆๆๆๆ แอบเชียร์กุล ดราม่าต้องไหนนนนนยังมองไม่ออกน่ารักกกกก

ออฟไลน์ orloftin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กลิ่นดราม่ากำลังลอยมาาาา  :o12:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
กูล นายร้ายนะยืมมือแม่มาจับมัดจุนมาไว้กับตัวเองน่ะ :m26:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
กูล นายไปคิดพี่จุนตอนไหนฮะ
ได้ข่าวไป ตปท ตั้งแต่ช่วงประถมไม่ใช่รึ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เราชอบพี่ปลื้มนะไม่อยากให้พี่ปลื้มอกหักเลย กูลนิสัยเหมือนจะไม่ดีเลยอะแบบอยากได้อะไรก็ต้องได้ ทำเป็นเอาเรื่องกลับมาจากนอกมาอ้างจริงๆคืออยากยึดจุนไว้คนเดียวมากกว่า

ออฟไลน์ liner

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-4
ตอนที่หก
รู้สึกเจ็บเพราะรู้สึกห่วง



     วันนี้วันจันทร์ แม่กับเตี่ยกลับโรงงานไปเรียบร้อยแล้วครับ บ้านทั้งบ้านก็จะเหลือผม พี่จันทรา เพิ่มเติมคือ คนต่างบ้านต่างแดน ที่ไม่ค่อยรู้จักประเทศไทย คนที่กลัวหลงทาง ต้องมีไกด์ ไกด์คนนั้นก็คือผม โว้ย มีแต่เรื่องน่าหงุดหงิด ก็ตั้งแต่กูลมันกลับมาอยู่ยาวคราวนี้ ระบบจัดการกับอารมณ์ของผมมันแปรปรวนไปเสียหมด คนปกติที่เคยใช้ชีวิตธรรมดา เรื่อยๆไม่หวือหวา ชีวิตมีเรื่องเล่าให้ฟังไม่มาก ทุกอย่างเคยวนซ้ำแบบอยู่ที่เดิม นับเวลาได้สองสามวันมานี้ ชีวิตผมกลับเหมือนแม่เหล็กดึงดูดสิ่งต่างๆประเดประดังเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน พี่ปลื้มที่ดูปกติกับผมในก่อนหน้านั้น ใครจะคิดว่าเขาจะมายุ่งเกี่ยวกับผม คนจืดๆ คนที่ชอบทำอะไรเดิมๆ คนที่ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร ถ้าจะถามหาคนน่าเบื่อ โปรดมองมาที่ผม แล้วคุณจะเจอคำตอบ

“พี่จัน แม่กับเตี่ยได้ทานข้าวก่อนไปไหมครับ”

“ไม่ได้ทานเหมือนเคย บอกว่ารีบออกหนีรถติด”

“ถ้า กูล มันถามหาผม ให้พี่จันบอกว่าผมยังไม่ตื่นนะ บอกว่าปกติผมตื่นเกือบเที่ยงนะครับ ผมช่วยพี่จันแค่นี้นะครับ กลับไปอ่านหนังสือที่ห้องก่อน”

“ไม่ทานข้าวหรอ น้องจุน”

“นี่ไงครับ ตักไปทานที่ห้อง ไปละนะ”

“เดินดีดีค่ะ ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวหก”

     ผมรีบสาวเท้าเก้าเดินอย่างเร่งรีบ กลัวเจอกูลมันเสียก่อน แค่อิสระครึ่งวันนั้นเป็นของผมก็ยังดี ผมเก่งเรื่องแบ่งเวลาเอามากๆ ห้องคือหลุมหลบภัยที่ดี มันครบครัน ผมแน่ใจว่ามนุษย์ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับห้องๆนี้ นอกจากการฟังเพลงผมเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือ หนังสือที่ผมอ่านส่วนใหญ่เป็นหนังสือแนวเล่าเรื่องจากประสบการณ์ มากกว่า ชอบความเรียลของการประสบพบเจอ สิ่งแปลกใหม่ บนโลกอันกว้างใหญ่ หนังสือเป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่เด็กจนโต หนังสือมันพูดกับผมไม่ได้แต่ผมพูดกับหนังสือได้



Line Message

10:00 บ่ายนี้ว่างไหมครับจุน

 ว่างครับ แต่ไปไหนไม่ได้   10:01 read

 10:01 อ้าว ทำไมหรอครับ

ต้องอยู่บ้านเป็นเพื่อนจุนครับ ไม่มีใครอยู่บ้าน 10:02 read

10:02 ถ้าพี่ไปหาเราที่บ้านได้ไหม

ได้สิครับ ว่าแต่พี่จะมาทำอะไรอะ 10:03 read

10:03 อยากเจอหน้า

หูยยยย แบบนี้ไม่ต้องมาได้ไหม ผมทำหน้าไม่ถูก 10:04 read

10:04 ทำหน้าปกติเลยครับ มากกว่านี้พี่เก็บอาการไม่อยู่

ไม่ได้จีบผมอยู่ใช่ไหม 10:06 read

10:06 จีบครับ

เดี๋ยวพี่ ผมพูดเล่น ใจเย็นๆ คิดให้เยอะๆก่อนตอบได้ไหมครับ 10:07 read

10:07 คิดเยอะมาก หมายถึง คิดถึงนะ เยอะมาก อยากเจอแล้ว

งั้นอย่ามาเลยครับ ผมไม่อยากเจอ 10:08 read

10:09 ใจร้ายอีกแล้ว

จะมาถึงกี่โมงครับ 10:10 read

10:10 ประมาณเที่ยง อย่าเพิ่งทานอะไรก่อนนะ

ครับ  10:11 read



     พี่ปลื้มจะมาที่บ้านครับ ตั้งแต่เมื่อวานผมก็ไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไรกับพี่ปลื้ม คิดหนัก ยังไม่เคยโดนจีบจริงจังแบบนี้สักที อยู่มาทั้งชีวิตยี่สิบปี มีคนเข้าหาทั้งทีดันเป็นผู้ชาย ทำยังไงดีวะ เรื่องเพศข้อจำกัดมันเยอะเกินไป ถ้าเกิดผมตกลงไปกับพี่ปลื้ม ผมต้องตัวยังไง คนรอบข้าง สังคม นิสัยส่วนตัวของผม มันจะฝืนกันเกินไปหรือเปล่า ในเมื่อกรอบของผมมีคนให้แคร์เยอะมากเกินไป ความสุขในกรอบของผมต้องมีแม่กับเตี่ย พี่จันทราอยู่ด้วย ผมคิดว่ามันคือความรับผิดชอบของผม สิ่งที่ผมควรดูแลแม้กระทั่งความรู้สึก


     ได้ยินเสียงแตรรถดังทางประตูรั้วหน้าบ้าน ผมมองนาฬิกา 12:00 เที่ยงตรง โคตรตรงเวลาเลยครับ ผมรีบใส่รองเท้าวิ่งไปเปิดประตูให้ฟอร์จูนเนอร์คันสีดำสนิทเข้ามาจอด พี่ปลื้มมาส่งบ้านผมหลายครั้งแล้วครับ ตั้งแต่ผมเรียนปีหนึ่ง ไม่แปลกที่พี่ปลื้มจะมาถูกทางและไวมาก

“สวัสดีครับ” ผมรีบปิดประตู เดินมาไหว้พี่ปลื้ม

“ไงเรา ยังไม่ทานข้าวใช่ไหม”

“ทานแล้วครับ”

“ทำไมไม่รอ” สีหน้าพี่ปลื้มเปลี่ยน

“ผมหมายถึง ตอนเช้า นี่เที่ยงแล้ว หิวด้วย”

“แกล้งพี่หรอครับ จุน” มือใหญ่ขยี้หัวผม พร้อมยิ้มกว้าง โห้ว ลักยิ้มนั้น อยากมีบ้าง



“นี่มันที่แจ้ง ไม่กอดกันไปเลยละ” บ้านไม่ได้เลี้ยงหมา แต่เหมือนได้ยินเสียงหมาเห่าแฮะ

“นี่น้องจุน ใช่ไหม”

“ครับ”

“จุ้นนนนนนนน หิวแล้ว ทำอะไรให้กินหน่อย”
 
“ไม่บอกพี่จันละ”

คือมันไม่ฟังเสียงอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นหัวใครด้วย ใครจะมาใครจะไป ไม่สน สนแต่ฉุดกระชากลากแขนผม เดินดุ่มๆเข้าไปในบ้าน



“มันมาบ้านเราทำไม”

“คนไทยเขาสอนว่า คนที่อายุเยอะกว่าอย่างน้อยๆให้เรียกพี่”
 
“พอดีที่โน่นไม่มีครูคนไทย”

“โว้ย เปรียบเทียบไหมละ”

“เตี่ยจะรู้ไหมว่า ลูกริอาจชวนผู้ชายเข้าบ้าน?”

“แล้วมันแปลกตรงไหน”

“ปล่อยเนื้อปล่อยตัว”

“เป็นผู้ชายโว้ย เอาบัตรประชาชนมาดูเลยไหม”

“แล้วไง เป็นผู้ชายแล้วทำตัวแบบนี้ได้เหรอ แย่วะ”

“....”

     ยอมครับ ยอมแพ้แล้วครับ เพิ่งจะเคยเจอ คำโบราณ ๑เถียงคำไม่ตกฟาก เพิ่งประสบในสถานการณ์จริงก็วันนี้  ทำไมผมต้องอธิบายอะไรเยอะแยะมากมายขนาดนี้ ปวดประสาทชะมัด


 “ทำอะไรกันอยู่ครับ” พี่ปลื้มเข้ามาได้จังหวะพอดี ผมเดินปรี่เข้าไปช่วยพี่ปลื้มถือกับข้าว
 
“ป่าวครับ” การบอกปัดแบบนี้ถือเป็นการโกหกไหมครับ กลัวผิดศีลแล้วแต้มบุญของผมจะลดลง หรือ จะให้บอกว่ากำลังเถียงกันอยู่ว่าทำไมผมถึงชวนพี่ปลื้มเข้าบ้าน ไม่ควรทำ อย่างนี้เหรอ

“พี่ยังติดใจฝีมือปลื้มที่ค่ายอยู่เลย อยากทานอีก”

“ที่บ้านไม่มีข้าวกินรึไง” คนไม่มีมารยาทเอาอีกแล้ว

“อยู่คอนโดครับ” ผมหัวเราะครับ มีคนชนะเด็กไร้มารยาทแล้ว

“ไม่ตลก” กูลมันสบถใส่ผมแล้วเดินกระทืบเท้าขึ้นชั้นบนไป



“เด็กมันเอาแต่ใจอะครับพี่ ขอโทษพี่แทนกูลมันด้วยแล้วกัน เด็กมันไม่ค่อยรู้วัฒนธรรมของไทยเท่าไหร่ โดนส่งไปเรียนตั้งแต่เด็กๆ เด็กมันห่างบ้านห่างเมืองก็แบบนี้แหละครับ อย่าไปใส่ใจมันเลย”

“สงสัยจะหวงพี่ คนพี่ก็น่าหวงขนาดนี้”

“ห้ามพูดอะไรแบบนี้นะครับ” ผมสะดุ้ง กลัวใครจะเข้ามาได้ยิน ไปตีความอะไรแปลกๆ

“แล้วเมื่อไหร่จะจีบติด”

“พี่ปลื้ม!!” ผมตาโต ตกใจหนักกว่าเดิม คำพูดพี่ปลื้ม ใครได้ยิน ไม่ต้องตีความหมายให้ยาก เดาเป็นอื่นไม่ได้

“เข้าครัวกัน” พี่ปลื้มนำผมเข้าไปในครัว ไม่เจอพี่จันทราครับ โล่งใจลงหน่อย อย่างน้อยก็ได้อยู่บนเส้นทางการสนทนาระหว่างผมกับพี่ปลื้มเมื่อสักครู่

“พี่อยากทานอะไรครับ”

“คิดถึงตอนอยู่ที่ค่าย ต้มจืดผักกาดขาว ไข่เจียว หมูทอดกระเทียม ทำได้ไหมครับจุน”

“โหย นึกว่าอยากกินอะไรพิสดารกว่านี้ ช่วยล้างผักหั่นผักเลยครับ”

“นอกเหนือจากนี้ คงช่วยไม่ได้”

     ผมหั่นหมูไปต้มในน้ำร้อนผสมเกลือให้พอสุกก่อน ช้อนหมูพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ น้ำต้มที่เหลือเป็นซุปทำต้มจืด ใส่เมล็ดพริกไทยดำและกระเทียมทุบพอแหลกในหม้อ ปั้นก้อนหมูสับที่ผสมไว้กับเกลือรากผักชีพริกไทยโขลกรวมกัน เพิ่มรสเค็มด้วยเกลือลงในซุป คอยช้อนฟองออกน้ำจะได้ใส....

“จุ้นนนนนน หอมจัง”

     มาโหมดเด็กอ้อนตีนอีกแล้วครับท่าน อยู่ๆไม่รู้มาจากไหน เดินมาซ้อนหลัง เอาคางมาเกยตรงไหล่ เอามือมาวางตรงสะโพก หน้านี่แนบกับคอของผมเลยครับ ขนคอผมนี่ตั้งชัน มือยังคงเนียนนัวเนียขอบเอวไม่เลิก จนกระทั่งผมหมดความอดทน เพราะ ติ่งหูผมชื้นๆ มันเลียติ่งหูผม ใช่ครับ มันเลียติ่งหูผมแน่ๆ มือไม้อ่อน จวักหล่นจากมือลงหม้อ น้ำร้อนในหม้อกระเด็นโดนมือผมจึงผงะตัวไปตามสัญชาตญาณ จนกูลมันหงายหลังกระแทกเคาน์เตอร์บาร์ในครัว พี่ปลื้มปรี่เข้ามาดู ผมรีบหันไปช่วยยกกูลมันครับ แต่กลับเหมือนมีแรงดึงผมจนล้มลงคว่ำหน้าไปหามัน เพราะมันตัวใหญ่เกินไปรึป่าว คนตัวเล็กแบบผมจึงช่วยอะไรไม่ได้ซ้ำยังล้มไปทับมันอีก เหมือนไม้ซีกงัดไม้ซุง กูลมันคงเจ็บน่าดู ร้องโอย หลายครั้ง กอดรัดตัวผมไว้แน่น จนผมลุกจากตัวมันไปไหนไม่ได้เลย อยู่กันแบบนี้ไปจะยิ่งทำให้มันเจ็บ มันรู้ตัวบ้างหรือเปล่า

     โชคยังดีพี่ปลื้มอยู่ในสถานการณ์นี้ด้วย จึงช่วยแกะมือกูลมันออกจากตัวผม พี่ปลื้มรีบจูงมือผมไปทางห้องน้ำ เอายาสีฟันที่มีฤทธิ์เย็นทาให้บริเวณโดนน้ำร้อนลวก ค่อยๆเป่าลมเย็นลงบนมือของผม ผมมองปากจู๋ๆของพี่ปลื้ม พ่นลมเย็นๆออกจากปาก แต่ทำไมใบหน้าผมกลับร้อนๆ ดีนะเป็นแค่รอยแดงๆ ไม่ถึงขนาดพุพอง ไม่อย่างนั้นคงจะแสบน่าดู

แต่เดี๋ยว.... ผมลืมกูลมันไปเลยนี่หว่า ผมชักมือกลับ รีบเดินไปดูคนที่น่าจะเจ็บกว่าผม


“ไหนดูหน่อย เจ็บตรงไหน” มันลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ตรงตำแหน่งพี่ปลื้มนั่ง แสดงว่าคงไม่ได้เป็นอะไรมาก ลุกเองได้

“เจ็บหลัง เจ็บตัว ไปหมด คืนนี้คงระบม” ผมเดินไปเลิกเสื้อด้านหลังของมัน ไม่ได้มีรอยอะไร หรือมันจะช้ำอยู่ข้างใน ภายนอกอาจดูไม่เห็นก็ได้ กูลรีบดึงเสื้อของมันลงมา คงรู้สึกแปลกไม่ชินที่จู่ๆ ผมไปเลิกเสื้อมันเข้า
 
“ขอโทษ” ผมพูดขอโทษ รู้สึกผิดที่เป็นตัวต้นเรื่องให้เกิดอุบัติเหตุทั้งหมด แล้วก็ ถือวิสาสะเลิกเสื้อมันขึ้นดูรอยฟกช้ำ

 


“เอ่อ... จุน เอาผักใส่เลยไหม”

“เดี๋ยวผมทำเองดีกว่าครับ” ผมเข้าไปทำหน้าที่ของผมต่อ บอกให้พี่ปลื้มกลับไปนั่งรอ

     ใส่ผักกาดขาวปิดฝา รอสักครู่ ระหว่างรอผมเจียวกระเทียมที่สับเอาไว้ลงไปเจียว หันไปในหม้อต้มจืด ใส่ต้นหอม แล้วช้อนเอาแต่กระเทียมเจียว ใส่ลงไปในต้มจืดแล้วปิดเตา น้ำมันที่เหลือจากเจียวกระเทียมจะมีกลิ่นหอมไว้ทอดไข่เจียว ทอดไข่เจียวแล้ว เจียวกระเทียมอีกครั้งทุบพริกไทยดำให้แหลกหน่อยใส่หมูที่ตั้งไว้เมื่อครู่ ปรุงรสด้วยผงปรุงรสกับน้ำมันหอย ทานกับข้าวได้แล้วครับ

     กว่าพวกเราจะได้ทานข้าวอีกห้านาทีก็จะบ่ายโมง คนเจ็บผิวปากอย่างอารมณ์ดี ไม่ช่วยยกอะไรสักอย่าง ผมเข้าใจคงเจ็บอยู่ พี่ปลื้มนั่งก่อน ผมนั่งลงข้างพี่ปลื้ม มันก็ถือจานข้าวจากฝั่งเดิมที่มันนั่งมาเบียดผม เป็นบ้าอะไรอีกวะ

“กูล ขยับไปนั่งดีดี”

“ตักหมูไม่ถึง”

“เดี๋ยวขยับไปให้ หรือจะให้เอาจานมาแบ่ง”

“เอ่อ... พี่ไปนั่งฝั่งข้างโน่นก็ได้ครับ”

“ผมไปเองดีกว่าครับพี่ปลื้ม”

“จะย้ายกันทำไม วุ่นวาย นั่งแบบนี้แหละ” คุณกูล คุณนั่นแหละตัววุ่นวายเลย สรุปคือนั่งฝั่งเดียวกันสามคนผมอยู่ตรงกลาง เป็นการนั่งกินข้าวที่ตลกที่สุดแล้วครับ

“จุ้นนนนน ตักข้าวให้หน่อย เจ็บแขน”

“อะ เอาไป”

“อยากกินต้มจืด”

“เอาถ้วยเล็กมาสิ” มันใช้สายตาบอกว่าอยู่ข้างมือผม ให้ผมหยิบเอา ก็ได้ครับ

“หมูทอดด้วย”

 “อะ” ผมจะทานก็ทานไม่ได้ ตกลงเจ็บแขนหรือกระดูกแขนหัก ชักสงสัย ถ้าแขนหักทานข้าวเสร็จมันคงจะเริ่มบวมแล้ว ต้องขอดูแขนสักหน่อย         

“ยังไม่ได้ไข่เจียวเลย” เจ็บจนยืดแขนไปตักเองไม่ได้เลยหรอวะ อย่างนั้นต้องไปหาหมอแล้วละ ผมรู้สึกไม่ดีเลย ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมไม่เคยทำอันตรายใครเลย ผมระมัดระวังตลอด ผมรู้จักหลบรู้จักหลีก เป็นแบบนี้โคตรรู้สึกแย่

     เมื่อทานข้าวเสร็จ ผมจึงบอกพี่ปลื้มว่าจะพากูลมันไปหาหมอ ตรวจดูสักหน่อย พี่ปลื้มยังอาสาจะขับรถไปส่งโรงพยาบาลให้ แต่เด็กโข่งมันไม่ยอม บอกไม่อยากไปไหนมาไหนกับคนแปลกหน้า ไปแท็กซี่ดีกว่า ปลอดภัย เด็กคนนี้ไร้มารยาทสิ้นดี ผมไหว้ลาพี่ปลื้ม รีบวิ่งไปเปิดประตูรั้ว แล้วรีบเข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหมายจะไปโรงพยาบาล ให้หมอตรวจดูอาการ เอ็กซเรย์ด้วยยิ่งดี



“ไปกัน พร้อมแล้ว”

“ไม่ไปดีกว่า วันนี้วันจันทร์ โรงเรียนกำลังเลิก ไปติดเง็กบนท้องถนน น่าเบื่อ”

“ไปให้หมอดูหน่อยเถอะนะ บอกตรงๆ ไม่สบายใจเลย”

“ดูนี่ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย คิดมากไปเองรึป่าว” กูลมันสะบัดแขน ให้ผมดู ไม่ต้องดูแขนมันแล้วละ ไม่บวมแน่ๆ แล้วบนโต๊ะอาหารทั้งหมดคืออะไร แกล้งปั่นประสาทผม ไม่อยากให้ผมทานข้าว หรือ อะไร เหมือนรู้สึกตัวเองโง่เลยวะ




     ผมหันหลังเดินกลับห้อง คอมฟอร์ทโซนของผม ไม่มีคำพูดใดๆ ความรู้สึกเก่าๆตีรวนกลับขึ้นมาอีกครั้ง จนทำให้น้ำตาไหล ควบคุมไม่อยู่ ความรู้สึกเหมือนโดนกระชากลงเหว มันทำเพื่อความสะใจของตัวเองล้วนๆ ได้แกล้งให้ผมอายต่อหน้าพี่ปลื้ม ทำตัวไร้มารยาท แบบนั้นไปทำไม ถ้าไม่ใช่การกลั่นแกล้งแบบเด็กต่างชาติเขาเล่นกัน สนุกมากนักหรือ?  ผมยอมรับเลยว่าเป็นห่วงกูลมันเอามากๆ นี่สินะความทุกข์ที่เกิดจากการเอาความรู้สึกของตัวเองไปผูกกับความรู้สึกของคนอื่น ผมโง่เอง ทั้งหมดเป็นเพราะผมจัดการมันไม่ดีเอง   
 

Status IG : รู้สึกเจ็บเพราะรู้สึกห่วง



Guide Line Thanks.


๑.   “เถียงคำไม่ตกฟาก” หมายถึงคนที่พูดโต้เถียงไม่ยอมหยุดปาก “คำ” ในที่นี้หมายถึงคำหมาก คนสมัยก่อนเคี้ยวหมาก ถ้ายังไม่อยากคายทิ้งก็จะอมคำหมากไว้ข้างแก้ม คนที่เถียงไม่หยุดปาก แต่คำหมากก็ยังคงอยู่ในปาก ไม่ยอมให้ร่วงหลุดตกลงพื้น( พื้นสมัยก่อนทำด้วยไม้ไผ่สับให้แตกเรียกว่า “ฟาก” ) จึงเป็นสำนวนว่า "เถียงคำไม่ตกฟาก – ที่มาจากเพจ คนไทยรุ่นใหม่ใช้ภาษาไทยถูกต้อง
๒.   สูตรต้มจืดผักกาดขาว หมูกระเทียมทอด ของที่บ้าน ปริมาณตามรสมือรสปากของแต่ละครัว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2018 17:52:32 โดย liner »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่หก 07-Jul
« ตอบ #49 เมื่อ: 07-07-2018 17:48:10 »





ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 o13 :กอด1:

ออฟไลน์ Tak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จุนขี้งอน นังน้องก็ขี้แกล้ง นี่คือดราม่าแล้วใช่มั้ย :hao3:

ออฟไลน์ orloftin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แกล้งบ่อย จุนเสียใจแล้วเห็นไหม   :z6:

ออฟไลน์ polkadot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ต้มน้ำรอไว้ก่อน เผื่อมีมาม่าตามมา

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
น้องนี่ชอบพี่ใช่มั้ย แกล้งพี่จังเลย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ลองตามดู

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
กูลเหมือนเด็กไม่รู้จักโตนะไม่มีมารยาทอยากจะทำอะไรก็ทำ เอาความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้ง

ออฟไลน์ liner

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-4
ตอนที่เจ็ด
เรื่องส่วนตัว



     กลับมาในคอมฟอร์ตโซน คิดทบทวนไปสักครู่ใหญ่ สาเหตุของการเกิดทุกข์ การอยู่กับทุกข์ และการดับความทุกข์นั้น วิธีของผมได้ผลดีเสมอมา นั่นคือการไม่ใส่ใจ ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ สองสามวันมานี้ต้องทำอะไรมากมายจนเหนื่อย คนๆหนึ่งจะมีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสิ่งแวดล้อมได้มากและนานขนาดไหน ผมเลือกรูปเก่าในอัลบั้มไอโฟน เป็นรูปลูกโป่งสีแดง ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า กับเด็กผู้หญิงยืนหันหลัง ผมถ่ายเอาไว้ตอนไปชะอำ เด็กผู้หญิงจ้ำม่ำ คนหนึ่งปล่อยมือจากลูกโป่ง น้องยืนมองลูกโป่งที่ลอยหลุดมือ ผมรีบคว้าไอโฟนขึ้นมาถ่าย ไม่มีเสียงสะอื้นจากเด็กหญิง มีเพียงใบหน้าที่แหงนมองลูกโป่งสีแดง ผมจึงรู้ว่า บางสิ่งที่หายไปมันกลับคืนมาไม่ได้


Status IG :  รู้สึกเจ็บเพราะรู้สึกห่วง



     เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมมองลอดตาแมว เห็นเป็นพี่จันทรา จึงรีบเปิดประตู พี่จันทราเรียกผมไปทานข้าว ผมจึงได้รู้ว่า เวลานี้มันทุ่มหนึ่งแล้ว ยังไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด ไม่อยากเข้าไปใกล้บริเวณนั้นเลย แต่ผมคิดทบทวนดีแล้ว การเฉยไม่สนใจเหมือนเคยทำ ทำทุกอย่างให้เป็นปกติ ผมเดินเข้าไปในครัว กะจะไปช่วยพี่จันทราตั้งโต๊ะใหญ่ในบ้านอย่างเคย แต่มีคนนั่งรออยู่แล้ว อาหารถูกตั้งไว้บนโต๊ะเล็กในครัว มีเก้าอี้สี่ตัว ผมเลือกนั่งข้างพี่จันทรา ในสายตาผมกลับเห็น กูล ใช้มือข้างไม่ถนัดจับช้อนทานข้าว ผมใช้ความพยายามไม่มอง เฉยกับสิ่งที่เห็น ไม่มีบทสนทนาระหว่างกันบนโต๊ะอาหาร ทานเสร็จก็ลุกขึ้นเก็บ ผมนำถ้วยชามไปล้างยังซิงค์ ช่วยปิดฟื้นไฟในบ้าน ก่อนจะเดินกลับห้องนอนตัวเอง

     เดินมาถึงห้องรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย อยากจะมองไม่เห็นเอามากๆ ถ้าตัวมันไม่ใหญ่ลุกขึ้นขวางประตูแบบนี้ ผมตั้งท่าจะหันหลัง เดินกลับไปอีกทาง กูลกลับดึงมือกระชากเข้าไปจมกับอก ก้มหน้าลงมาพูดกับผม

“ทายาให้หน่อย ปวดหลัง”

“....” ผมยืนนิ่ง จึงถูกรวบตัวเข้าไปในห้อง กูล ยื่นยาในมือมาให้ เจ้าตัวนั่งลงบนเตียง มือข้างขวามีผ้าพันข้อมือสีครีมไว้หลวมๆ ผมจำเป็นต้องแกะออกมา ผมป้ายยาบนข้อแขนพร้อมนวด ปากก็พ่นลมหวังให้ยาแห้งไวไว กูล จ้องหน้าผมนิ่ง ค่อยๆเอามือมาเสยผมที่ปิดบังหน้าออก ผมสะดุ้ง จึงถอยหน้าออกมา เงยหน้าขึ้นไปมอง เจอกับสายตาคู่นั้นจ้องมองมา จึงรีบหลุบตาลงในตำแหน่งแขนดังเดิม ความรู้สึกเหมือนตอนพี่ปลื้มจับมือผมไม่มีผิด กูล มันเป็นน้อง น้องที่มีสถานะดีกว่าผม ผมต้องทบทวนคำพวกนี้ย้ำๆ ซ้ำๆ เพื่อเตือนสติ เมื่อได้สติจึงดึงผ้าพันข้อมือดึงรัดให้แน่น จะได้ไม่หลุดง่าย

“ทายาที่หลังจะไม่เจ็บใช่ไหม” น้ำเสียงออดอ้อนพร้อมสีหน้าเด็กกลัวการหยอดวัคซีนแบบนี้ แปลกพิกล

“ไปเอาความเชื่อนี้มาจากไหน” อดหน่ายไม่ได้จริงๆ

“พูดได้แล้วหนิ” 

“เออ” โว้ย นี่กำลังยั่วประสาทผมอีกแล้วใช่ไหม

      กูล ถอดเสื้อคว่ำหน้าลงกับเตียง ผมจึงค่อยๆป้ายยานวดไปบริเวณที่คาดว่าน่าจะเคล็ดขัดยอก นวดไปมาช้าๆ ไม่มีเสียงเจ็บหรือเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา มีเพียงลมหายใจสม่ำเสมอ เด็กหลับแล้ว หลับง่ายชะมัด แต่นี่มันเตียงนอนผม มันไม่ควรมาอยู่ที่นี่ ผมจึงเอื้อมมือเขย่าตัวปลุก

“กูล ตื่น”

“กูล ตื่นได้แล้ว”

“กูล ตื่นได้แล้ว เสร็จแล้ว”

“กูล นอนที่นี่ไม่ได้”

“กูลลลลลล” ผมเขย่าตัวแรงขนาดไหนคนหลับลึกก็ไม่มีทีท่าจะตื่น ผมมองซ้ายมองขวา ห้องไม่มีพื้นที่ที่สามารถนอนบริเวณพื้นได้เลย เพราะเตียงหลังนี้ใหญ่จนกินพื้นที่ส่วนใหญ่ในห้อง ก้าวลงจากเตียงผมก้าวเดียวก็ห้องน้ำแล้ว นอนตรงนั้นไม่ได้แน่ๆ ผมจึงขยับพลิกตัว กูล ให้ชิดขอบเตียงติดผนัง จึงพอจะเหลือพื้นที่ว่างมากพอให้ผมได้นอนอย่างสบาย

     หลังจากผมอาบน้ำ เช็ดผมให้แห้ง สวดมนต์ แล้วล้มตัวลงนอน ความจริงเตียงผมนอนสามคนยังสบาย แต่มันรู้สึกแปลก ที่ต้องนอนกับคนอื่นเท่านั้น คนตัวโตนอนหลับ ขยับเปลี่ยนท่า ให้นอนสบาย ผมค่อยๆหลับตาลง และหลับไป


Line Message: P.PLUEM

Today

00:01 พี่นอนไม่หลับเพราะคิดถึงแต่...จุน

00:02 ยังไม่นอนใช่ไหม

00:02 UHU

00:03 อ่านแล้วตอบพี่หน่อยได้ไหมครับ

ไปนอนสะ น่ารำคานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน 00:04 read

00:05 สายๆเจอกันนะครับ



     ตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นคนตัวโตในห้องนี้แล้ว อยู่ๆภาพฝันเมื่อคืนก็ลอยขึ้นมาในหัว เมฆหวานก้อนเดิมลอยเข้ามาให้ผมได้ชิมอีกแล้ว ลักษณะคลับคล้ายสายไหมสีขาวขุ่นตามงานวัด ปุยก้อนฟูนุ่มน่าสัมผัส และเมฆก้อนนี้ยังคงมีความชื้นหนาแน่นเหมือนเดิม ความหวานบางเบาเหมือนน้ำหวานในดอกเข็มในวัยเด็กไม่ผิดเพี้ยน ผิดแต่ครั้งนี้เมื่อผมได้ลองชิม เมฆค่อยๆดูดปากแรงขึ้น แรงขึ้นจนเจ็บ เจ็บจนไม่อยากชิมเมฆก้อนนี้อีกแล้ว ซ้ำยังดูดลมหายใจแทบสิ้น หายใจไม่ออก น้ำตาเอ่อไหล เมฆจึงค่อยๆจางหายไป ทำไมเจ้าเมฆใจร้ายแบบนี้  ไม่เอาแล้ว จะไม่ชิมอีกแล้ว มันเป็นฝันร้าย   
 

“ตื่นแล้วหรอค่ะ น้องจุน” เสียงทักทายจากพี่จันทรา

“ครับ” ผมเดินไปหยุดหน้าเขียงซอยต้นหอมต่อจากพี่จันทรา

“น้องจุน มาหาพี่หน่อยได้ไหมค่ะ”

“มีอะไรเหรอครับ” ผมก้าวเดินเข้าไปหา

“ที่ห้องมีแมลงใช่ไหมค่ะ กัดคอเป็นจ้ำใหญ่ขนาดนี้” พี่จันทรายื่นสำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดลงบริเวณแมลงต่อย แอลกอฮอล์แห้ง จึงค่อยป้ายแซมบัคเนื้อเขียวๆทาวนรอบบริเวณแผลแมลงต่อย ปิดพลาสเตอร์ลายเสือปิดทับแผลไว้
 
“ขอบคุณครับ” ผมพนมมือไหว้ขอบคุณ

“ต่อไปนี้จะเข้าจะออกจากห้อง น้องจุนต้องล็อกห้องให้ดีทุกครั้ง ช่วงนี้หน้าฝน แมลงคงเยอะ ถ้าเราป้องกันแมลงไม่ได้ เราต้องดูแลตัวเอง ทำอะไรต้องระวังให้มากๆนะคะ พี่เป็นห่วงน้องจุน น้องจุนรู้ใช่ไหม”

“ครับ”

     โดยปกติแล้วผมไม่ค่อยจะล็อกห้อง ถ้าผมอยู่บริเวณบ้าน ไม่ได้ออกไปไหนไกลๆ ลองคิดดูเล่นๆนะครับ ใครบ้างอยู่บ้านตัวเองแท้ๆ ต้องถือกุญแจไป ถือกุญแจมา ดีไม่ดีกางเกงบางตัวไม่มีกระเป๋าให้ใส่กุญแจ เกิดหล่นหายขึ้นมา คงไม่ได้เข้าห้องกันพอดี แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ผมไม่เคยเปิดประตูอ้าหรือค้างเอาไว้ นานจนแมลงเข้าไปได้ ผมจะระวังให้มากขึ้นครับ ต้องไปซื้อยาฆ่าแมลง

เสียงกระดิ่งหน้าบ้านดังขึ้น ผมรีบอาสาไปเปิด เจอพี่ปลื้มยืนยิ้มแป้นแล้น ส่งลักยิ้มอยู่รั้วหน้าบ้าน

“มาบ่อยนะครับ ช่วงนี้” ทักพี่ปลื้มเสร็จแล้วจึงเปิดประตูบานเล็กให้พี่ปลื้มเข้ามา

“รีบทำคะแนน”

“ไม่มีคะแนนครับ ไม่มีแบบทดสอบด้วย”

“ทำไมใจร้าย เมื่อคืนก็ไล่พี่ไปนอน”

“ตอนไหนครับ”

“เที่ยงคืน”

“บ้าแล้ว นอนนานละเหอะ”

“นี่ครับ จุน พี่ส่งสติกเกอร์ไป จุนยังไม่ได้อ่านเลย” มองดูข้อความบนไอโฟนพี่ปลื้ม จึงล้วงไอโฟนของผมขึ้นมาสไลด์ดู ผมจึงทำการปลดบล็อกพี่ปลื้ม คุณหนูกูลอีกแล้วครับ ต้องเป็นเมื่อคืนแน่

“ขอโทษครับ ผมคงละเมอเผลอไป” ผมเชิญพี่ปลื้มเข้าบ้าน เจอตัวการนั่งสบายใจดูข่าวเศรษฐกิจภาษาต่างประเทศช่องเคเบิ้ลทีวี



“กูล ขอคุยด้วยหน่อย” ผมนั่งลงข้างกูล พูดเสียงเบา

“เรื่องอะไรครับจุ้น” ใช้เสียงกวนประสาทความดังระดับสามคนได้ยิน สายตามองไปทางพี่ปลื้ม แขนซ้ายวาดข้ามหลังวางไว้บนไหล่

“ทำอะไรไว้ละ” ผมพูดเบาลง พอให้ได้ยินแค่สองคน

“อะไรนะ! อ๋อ! เรื่องของเรา” กูลเอียงหูต่ำลงมาใกล้ปากผม ตะแบงเสียงดัง แต่งรูปวลีสองแง่สองง่าม แกล้งผม ผมจึงลุกเดินนำออกไป กูลจึงเดินไล่หลังตามมา


“รู้จักคำว่า Private ไหมกูล ความหมายมันสากลมากเลยนะ มนุษย์ที่มีจิตสำนึกเขาจะรู้ว่าไม่ควรไปเข้ายุ่งทุกกรณี” พยายามจะไม่โวยวาย อาจารย์จิตวิทยาพื้นฐานที่เรียนตอนปีหนึ่ง สอนว่า การด่าแบบสุภาพชนคนฉลาด ผลของมันจะออกมาดีกว่าเสมอ ผมมองสีหน้าของกูล ที่เจื่อนลงเล็กน้อย คิดว่าคงได้ผล แต่ได้ไม่นาน สีหน้ายียวน วกกลับเข้าประทับร่างพ่อคุณดังเดิม

“มันหนวกหู คนจะหลับจะนอน”

“มันมีหลายวิธีไหมวะกูล ทำไมต้องทำแบบนี้  เรื่องส่วนตัวมันควรจะเป็นส่วนตัวป่าววะ”

“เออผิด!! พอใจแล้วรึยัง” สิ่งที่ผมสื่อไป มันไม่ได้ช่วยให้กูลสำนึกเลยใช่ไหม ผมเริ่มมีอารมณ์โกรธ

“ก่อนจะทำอะไร กรุณาช่วยคิดให้มากๆได้ไหม” พูดไปกัดฟันไป ผมจะพยายามควบคุมทุกอารมณ์ให้ได้

“ โกรธขนาดนี้ ชอบมันมากใช่ไหม” เสียงกูลอ่อนลง สลดลงเห็นได้ชัด เดินหันหลังจากไป ทิ้งความขมุกขมัวไว้ในใจของผม


“จุน ครับ จุน”

“คะ....ครับพี่” ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิมในครัว ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ พี่ปลื้มจึงตามมาเขย่าตัว

“จุน ติดพลาสเตอร์ที่คอเป็นอะไรครับ”

“แมลงมันต่อย พี่จันบอกว่าห้อเลือดเลยครับ”

“เป็นห่วงจัง” มือพี่ปลื้มลูบหัวช้าๆ ชโลมจิตใจที่ขมุกขมัวตื่นฟื้นขึ้นได้บ้าง ผมยิ้มอ่อนๆให้พี่ปลื้ม




Guide Line Thanks.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2018 05:33:38 โดย liner »

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
โอ้ยแล้วจะเข้าใจกันได้มั้ยนะ​ ติดไปคนละทางเลย​ กูลต้องแสดงออกชัดเจนกว่านี้​ ส่วนจุนนี่เป็นคนใสใสที่ติดมากจังติดกังวลในทุกเรื่องเลย

ออฟไลน์ polkadot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
พี่จันรู้อะไร? ทำไมถึงอยากให้จุนล็อกห้องให้ดี

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด