พิมพ์หน้านี้ - O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: liner ที่ 01-07-2018 07:49:41

หัวข้อ: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 01-07-2018 07:49:41
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O

   
เคยได้ยิน เรื่องลูกอิจฉากันรึเปล่า เขาเล่าว่า... ถ้ามีลูกยากให้หาเด็กมาเลี้ยงสักคน ต่อไป จะมีลูกเป็นเชื้อเป็นสายของตัวเอง ความเชื่อ ซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนริเริ่มความเชื่อบ้าๆ อะไรเทือกนี้  หึ! ยังไงดีละครับ ผมดันเป็นลูกอิจฉาจริงๆเสียนี่ ผมถูกครอบครัวหนึ่งเก็บมาเลี้ยงเพียงเพราะเขาอยากมีลูกมีหลานไว้สืบสกุล แต่ด้วยสุขภาพของภรรยาเขา หรือบุญไม่พาวาสนาไม่ส่งให้ครอบครัวนี้มีลูกดังหวังเสียที และด้วยบุญนำกรรมซัดให้ครอบครัวนี้ รับผมไปอุปการะ หรือเรียกตามภาษาชาวบ้านละแวกนี้ ว่า "เด็กเก็บมาเลี้ยง"
     ผมไม่รู้หรอกว่าผมมาจากที่ไหน ใครเป็นผู้ให้กำเนิด และ คงไม่มีเวลาว่างมากพอ ที่จะไปสืบเสาะว่าเขาเอาผมมาจาก ที่ไหน เอามาอย่างไร “อยู่แบบนี้ก็สบายอยู่ดีแล้ว จะดิ้นรนไปเพื่ออะไร ถ้าพ่อแม่แกเขาอยากเลี้ยงดูแกจริงคงไม่ยกให้คนอื่นง่ายๆแบบนี้หร๊อก” ป้าบ้านซ้ายมือเขาเตือนผมไว้ว่าอย่างนั้นเสมอ ก็จริงของป้าแกอยู่

     เมื่อพอเริ่มเดียงสา ผมก็มีน้องซึ่งไม่รู้มาจากไหน แน่นอน ผมไม่ชอบเด็กคนนั้นเลย ในเมื่อเขาคือลูกจริงส่วนผมนั้นคือ “ลูกอิจฉา”


Guide Line Thanks.
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทนำเรื่อง 01-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-07-2018 09:47:12
จิ้มๆๆๆๆๆ
ตามอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทนำเรื่อง 01-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 01-07-2018 09:58:23
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทนำเรื่อง 01-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 01-07-2018 17:19:05
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทนำเรื่อง 01-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: orloftin ที่ 01-07-2018 17:34:00
น่าติดตาม รอตอนต่อไปง้าบบ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทนำเรื่อง 01-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-07-2018 19:11:46
มีน้องตอนกี่ขวบอ่ะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O ตอนที่หนึ่ง 02-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 02-07-2018 00:55:36
ตอนที่หนึ่ง

ทุกสิ่งมีชีวิตไม่ชินกับการเปลี่ยนแปลง



     จากที่เคยได้รับความรัก ความเอ็นดูเพียงคนเดียว มันกลับถูกแบ่งเป็นสอง เชื่อเถอะว่าสิ่งใดใดที่ได้รับการถูกแบ่ง มักจะไม่เท่ากัน ไม่มีหรอก เสมอภาค หรือ ภารดรภาพ ที่แท้จริง....

     ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มือหนาๆของเตี่ย มือนุ่มๆของแม่ ค่อยๆห่างไปจากศีรษะของผม  ความจำอันแสนเลือนรางย้อนบอกผมว่า ต้องเป็นเพราะ เด็กคนนั้น แม่บอกว่าเป็นน้องของผม เด็กวัยสามขวบ ความคิดยังไม่ซับซ้อน มีความคิดเป็นสองมิติ คือ "ชอบ" กับ "ไม่ชอบ" และผม ไม่ชอบเด็กคนนั้น แม่กับเตี่ยก็คงไม่ชอบผมแล้วเหมือนกัน

   อย่าเพิ่งดราม่าไปเสียก่อน ผมไม่ได้โดดเดี่ยว น่าเศร้า ขนาดนั้น เตี่ยกับแม่ยังเอ็นดูผมอยู่มากโข ส่งมือบางๆของพี่จันทรามาลูบหัวผมแทนทุกคืน  อ้อ! ผมนั้นชื่อ จุน ครับ แม่บอกว่าย่อมาจากคำว่า "จุนเจือ" ซึ่งแปลว่า "เกื้อกูล" แม่อยากให้ผมเป็นคนดี มีน้ำใจ เป็นคนใจกว้าง อ่อนน้อม ถ่มตน เชื่อฟัง และมีเหตุผล ต่อไปต้องเป็นที่พึ่งแก่น้องได้  หากแต่พี่จันทราบอกผมว่า "จุนเจือ" คือ การแบ่งปัน เช่น การเสียสละ มันแค่คำเดียวสั้นๆง่ายๆ และผมจดจำมันได้ขึ้นใจ พี่จันทราคอยตามใจผม มอบความรักให้ผม เปรียบเหมือนแม่ผมอีกคนหนึ่ง ทั้งที่ผมกับพี่จันทราอายุห่างกันเพียงรอบเดียวเท่านั้น ผมจึงไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไรไป มีความสุขดี

“ทุกสิ่งมีชีวิตไม่ชินกับการเปลี่ยนแปลง”

     จนกระทั่ง ผมหกขวบ แม่ต้องไปช่วยกิจการเตี่ย จึงไม่มีเวลาว่างมากพอ มือบางๆของพี่จันทรา จึงค่อยๆถูกแบ่งไปให้เด็กคนนั้น แน่นอน ทุกๆการแบ่ง มันมักไม่เท่ากันเสมอ เวลาส่วนใหญ่ของพี่จันทราจึงตกไปอยู่กับ “กูล” น้องชายของผม ทั้งที่ผมเป็นเด็กดี เชื่อฟัง ตั้งใจเรียน ปฏิบัติตามทุกอย่าง ไม่ได้แปลว่าผมจะไม่รู้สึก เหตุผลที่แม่บอกตอนนั้นผมไม่รู้ความหมายของมันเลย ผมต้องอยู่กับคำว่าเข้าใจ ทั้งที่จริงแล้ว ผมไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่อยากเข้าใจด้วย

     ผม กับ กูล เราเป็นพี่น้องที่มีลักษณะการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนกันเลย ช่วงเวลาของชีวิตไม่ค่อยคาบเกี่ยวกันสักเท่าไหร่ ผมเรียนโรงเรียนเตรียมอนุบาลละแวกบ้าน เพราะสะดวกต่อพี่จันทรามารับไปส่ง โตขึ้นมาหน่อย ผมช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว โรงเรียนประถมจึงเป็นโรงเรียนข้างๆโรงเรียนเตรียมอนุบาลนั้นแหละ ต่างกันตรงที่ ผมต้องเดินไปกลับโรงเรียนด้วยตัวเอง ไม่ไกลหรอกครับ แค่ หน้าทางเข้าหมู่บ้าน ปลอดภัยดี หายห่วง
 
   ส่วน กูล เรียนโรงเรียนเตรียมอนุบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งใกล้กับบริษัทของเตี่ย แม่สะดวกในการไปรับไปส่ง กูล มากกว่า เราไม่ค่อยเจอกันสักเท่าไหร่ เพราะ กูล จะกลับค่ำพร้อมแม่และเตี่ย ผมมักจะเข้าห้องนอนของตัวเองก่อนเสมอ ผมไม่ได้มีหน้าที่ดูแลเลี้ยงดู กูล มันเป็นหน้าที่ของพี่จันทรา ผมมักหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่อยากยุ่งเกี่ยว ไม่อยากเข้าใกล้ หรือ สนใจในสิ่งที่ตนเองไม่ชอบ ทุกวันพี่จันทราจะรับเอา กูล ไปอาบน้ำ เข้านอน และ นอนกับ "กูล"

   เมื่อผมเริ่มชินกับการใช้ชีวิตมากขึ้น จิตใจผมแข็งแกร่งขึ้น ผมโตเพียงพอ พอจนสามารถแยกแยะ คำพูด คำล้อเลียน คำเตือน คำแนะนำ คำสั่งสอน คำเยินยอ คำเปรียบเทียบ จาก แม่ เตี่ย พี่จันทรา ครู เพื่อนที่โรงเรียน หรือแม้กระทั่งป้าข้างบ้าน ได้แล้ว  วันพ่อหรือวันแม่ วันไหนๆ จึงไม่อาจกระทำอะไรผมได้อีกต่อไป ผมมีพี่จันทราเป็นตัวแทนผู้ปกครอง เป็นพ่อ เป็นแม่ เสมอมา

เพราะแม่และเตี่ยคงต้องเป็นของ “กูล”  คนเดียว




“ลูกจริงของแม่กับเตี่ย ส่วนลูกสมมติอย่างผมต้องยอมรับเศษส่วนแบ่งนั้น และจงพอใจในสิ่งที่ตนได้รับ”

   


Line Thanks.
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่หนึ่ง 02-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 03-07-2018 21:36:11
ตอนที่สอง
ความแตกต่างที่ชัดเจน



     เมื่อความเปลี่ยนแปลงมันเริ่มทิ้งระยะออกห่างมากขึ้น ระดับชั้นมันค่อยๆ แปรเปลี่ยน “เด็กในบ้าน” กลายเป็นคำเรียกติดปากของคนในหมู่บ้านแทนตัวของผม ผมลืมบอกว่าผมมีห้องเป็นของตัวเองแล้วนะ มันเป็นห้องรีโนเวทใหม่ข้างๆห้องพี่จันทรา ซึ่งมันก็ดีครับ มันทั้งใกล้ห้องน้ำ ใกล้ห้องครัว ซึ่งครัวเป็นพื้นที่ที่ผมมีความสุขที่สุด ผมชอบขลุกตัวอยู่ที่นั่นได้ทั้งวัน ไม่เคยเบื่อ ผมชอบตู้เย็นในห้องครัวมากกว่าตู้ฉายภาพที่ตั้งอยู่กลางห้องรับแขก ผมชอบกะละมังซักผ้ามากกว่าสระน้ำเป่าลมที่กลางสวน ผมชอบอุปกรณ์ครัวมากกว่าของเล่นในห้องนั่งเล่น และชอบเหตุผลของแม่ที่มาพร้อมมือนุ่มๆ นั้นบอกผมว่า “ผมโตแล้วสามารถมีห้องที่เป็นความรับผิดชอบของตัวเองได้แล้ว แม่ยกห้องนี้ให้ผมเป็นรางวัลของความเป็นเด็กดีของผม” ผมจึงคิดว่าพื้นที่ห้องนี้จึงเหมาะกับผมเสียจริงๆ ส่วนห้องเดิมชั้นบนของผมนั้นเป็นของกูล พี่จันทราไม่ค่อยได้กลับมานอนห้องข้างผมเท่าไหร่นักหรอกเพราะต้องนอนอยู่กับกูล บางครั้งผมก็รู้สึกโดดเดี่ยวชะมัด อาจจะเหงา อาจจะเศร้าบ้าง แต่เพราะแม่บอกว่าผมโตแล้ว ผมเลยต้องอยู่ให้ได้ ผมจำเป็นต้องเข้มแข็ง พวกเราจึงค่อยๆห่างกันออกไป 

     ยังไม่ค่อยชินกับช่องว่างระหว่าง เตี่ย แม่ กูล หรือ พี่จันทรา แม่มีความจำเป็นต้องไปเรียนต่อปริญญาโทยังต่างประเทศ เพื่อกลับมาพัฒนาบริษัทที่เติบโตไปรวดเร็วค่อนข้างมาก และด้วยความที่แม่รักกูลมาก แม่จึงต้องเอากูลไปเรียนที่นั่นตั้งแต่ตอนนั้นด้วย ตอนผมอายุประมาณเก้าหรือสิบขวบนี่แหละครับ แม่มีญาติอยู่ที่นั่น คอยจัดการเป็นธุระให้ ทั้งเรื่องมหาวิทยาลัยของแม่ โรงเรียนศึกษาต่อของกูล บ้านพักที่อยู่ที่อาศัย ส่วนเตี่ยก็ได้รับสมัครเลขาใหม่แทนแม่ ผมแอบได้ยินแม่คุยกับเพื่อนของแม่ว่าตั้งแต่มี กูล บริษัทของเตี่ยเจริญเติบโตขยับขยายใหญ่โตขึ้น กูล เป็นของขวัญของแม่ที่ประเสริฐที่สุด กูล นำโชค และ นำอะไรอีกหลายอย่างเข้ามาในครอบครัวของเรา ผมเข้าใจดีว่าพวกมนุษย์แม่ เรื่องลูก น่าจะเป็นหัวข้อบทสนทนาและเข้าใจกันง่ายที่สุด

     ตอนนั้นจำได้ดีว่า ผมยืนร้องไห้อย่างน่าอายกลางสนามบิน มีเพียงเสียงสะอื้นกับน้ำตามากมายไหลไม่หยุด มีเตี่ยอยู่กุมมือผมอยู่ข้างๆ แม่ไม่ได้เข้ามาลูบหัวผมอย่างเก่า เพราะมือแม่กุมมือกูล ที่ค่อยๆก้าวห่างออกไปช้าๆ ตอนนั้นผมทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ และผมไม่ชอบกูลมันมากขึ้น มันหยิบฉวยเอามือนุ่มๆของแม่ไปคนเดียวอีกแล้ว เอาไปอย่างเคย เอาไปให้ไกลห่างออกไป ห่างไปจากตัวผม แต่อย่างน้อยๆมือหนาๆที่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก ยังคงกุมมือผมออกเดินเพื่อกลับบ้าน เตี่ยไม่มีคำพูดใดๆ นอกจาก “เดี๋ยวก็กลับมา” ซ้ำๆ เตี่ยไม่เคยห้ามว่าอย่าร้อง ตอนนั้นยังแอบคิดเลยว่าเตี่ยก็มีส่วนทำให้ทั้งหมดเป็นไปในรูปแบบนี้ เตี่ยเป็นคนดึงมือผมออกจากคนอื่นไม่ได้กุมมือเพื่อปลอบประโลมผมอะไรทั้งนั้น  ผมพาล ผมรู้ตัว

    ตอนนี้ผมสิบสองแล้วความคิดความอ่านค่อนข้างเป็นตัวเอง ผมดีใจมาก แม่เรียนจบและกลับมาแล้ว และดีใจไปมากกว่านั้นคือ กูล มันยังไม่ได้กลับมา แม่อยากให้มันเรียนอยู่ที่นั่นต่อ เพราะระบบการศึกษาดีกว่า สภาวะแวดล้อมดีกว่า แม่ต้องกลับมาช่วยงานเตี่ย พัฒนาผลิตภัณฑ์ หาช่องทางการค้าการลงทุนใหม่ๆ กูล มันคงร้องไห้ขี้มูกโป่ง ตามแม่กลับมาเป็นแน่ ไม่อยากนึกสภาพเลย แค่คิดก็อดมีความสุขไม่ได้ ผมได้แม่กลับคืนมา ส่วนมันต้องอยู่คนเดียว

     ผมถามแม่ว่า “แม่กลับมาเสียก่อนแบบนี้แล้ว กูล มันจะอยู่ยังไง” แม่ตอบผมพร้อมกลั้วหัวเราะ สายตาแม่มองผมอย่างเอ็นดู ไม่ได้คิดอยู่ใช่ไหมว่าผมเป็นห่วงน้องมัน

“ไม่ต้องห่วงน้องหรอก” นั่นไงคิดไว้แล้วไม่มีผิด

“น้องมันติดเพื่อนมากกว่าแม่เสียอีก แม่ถามเจ้าตัวแล้วว่าจะกลับพร้อมแม่ไหมกูล กูลรีบตอบกลับว่า แม่กลับไปคนเดียวเถอะ กูลจะอยู่กับก่อ ไม่มีเยื่อใยให้แม่สักนิด สงสัยจะกลัวแม่เปลี่ยนใจ”

    อ้อ ก่อ คือลูกของญาติแม่นะครับ รุ่นราวคราวเดียวกับ กูล เรียนที่เดียวกันห้องเดียวกัน มันคงจะติดเพื่อนคนนั้นน่าดู แม่เล่าว่า “กูล ไม่ค่อยติดแม่หรอก กูล ใช้ชีวิตกับ ก่อ เป็นส่วนใหญ่ ส่วนแม่เรียนอย่างเดียว เวลาเข้านอน กูล ยังไปนอนกับ ก่อ กอดยังไม่ให้แม่กอดเลย หวงตัวชะมัด สองคนนั้นสนิทกันมากเลยนะ”  ญาติแม่รับภาระดูแล กูล ตั้งแต่นั้นมา แม่จึงไม่ความกังวลใดมากวนใจ

    แม่กลับมาบุกงานอย่างหนัก เวลาส่วนใหญ่ของแม่กับเตี่ยจะหมดไปกับงานที่โรงงาน ผมสามารถเจอแม่กับเตี่ยได้ในทุกๆวันอาทิตย์ ไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรระหว่างกันเท่าไหร่ เรื่องปรึกษาหารือ หรือ ปัญหาที่เกิดขึ้นมักไม่ได้ยินถึงหูแม่กับเตี่ยเท่าไหร่นัก เพราะท่านทั้งสองคงจะเหนื่อยกับการทำงานมากพออยู่แล้ว ที่ผมมีกินมีใช้อยู่ได้ทุกวันนี้นับว่าเป็นโชคดีของผมมาก พี่จันทราจึงเป็นที่ปรึกษาของผมแทน แม้จะช่วยเรื่องการเรียนของผมไม่ได้มากมาย แต่พี่จันทราจะคอยนั่งเป็นเพื่อนผมจนกว่าผมจะทำการบ้านเสร็จ ผมจึงตอบแทนทุกคนด้วยการตั้งใจเรียน ทำงานบ้านทุกอย่าง มือไม้ไม่แข็งกระด้างหยิบจับอะไรไม่เป็น อย่างป้าข้างบ้านชอบตำหนิผมต่อหน้าแม่หรือเตี่ยเป็นประจำ จริงอยู่ เมื่อแม่กับเตี่ยกลับมาผมมักจะไม่ทำอะไรจริงจังเลยสักครั้ง เพราะแม่กับเตี่ยไม่ให้ผมทำไง ป้าข้างบ้านนั้นแหละ อยู่บ้านนี้หรอ ถึงรู้ดีนัก ดีหน่อยแม่กับเตี่ยไม่ได้ถือสา คล้อยไปตามบทสนทนา ไม่งั้นผมคงแย่

     “ความสุขมักจะอยู่กับเราไม่นาน ผ่านมาแล้วก็อยู่ไม่นาน แต่นานแสนนานกว่าจะผ่านมาอีกสักหน” เป็นความรู้สึกของคนไม่รู้พออย่างผม เปิดเทอมนี้ผมก็ขึ้นปีสามแล้วละครับ ผมเรียนคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ทำไมถึงเลือกเรียนสาขาวิชานี้หรอครับ เพราะ จบไปจะสามารถช่วยเป็นมือเป็นแรงให้กับบริษัทของเตี่ยได้ไงละครับ แม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แม่ภูมิใจในตัวผม ผมก็ภูมิใจในตัวเอง

    วันนี้ผมกลับจากค่ายอาสาพัฒนา กว่าจะถึงบ้านก็คงต้องดึกผมโทรไปบอกพี่จันทราไว้แล้วละครับ ให้พี่จันทรานอนก่อนเลย ผมคงกลับดึกแน่ๆ สองทุ่มยังอยู่สระบุรีอยู่เลย พี่จันทราเขาไม่ค่อยสบายอยู่ด้วย

“ฮะ... เฮ้ย!! ใครวะ .....อ๋อยอูเอี๋ยวอี้อะ....”





Line Thanks
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สอง 03-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 03-07-2018 21:55:08
ดูจุนจะไม่ชอบกูลจริงๆนะ ไม่ค่อยอยากพูดถึงเลย จะรักกันยังไงหว่า
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สอง 03-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-07-2018 22:33:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สอง 03-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: orloftin ที่ 04-07-2018 00:09:52
เหมือนจะหน่วงๆ เง้อออ
รอตอนต่ิอไปปปปงับ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สอง 03-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 04-07-2018 06:54:59
กูล รึเปล่า??? ที่เข้ามาปิดปาก เตรียมทิชชู่ซับความหน่วงงงงงง
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สอง 03-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 04-07-2018 10:10:51
ติดตามตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ มาเร็วๆนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สอง 03-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-07-2018 11:41:58
อ้าว ใครจับจุนอ่ะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 04-07-2018 21:46:12
ตอนที่สาม
ความประทับใจแรก


     เที่ยงคืนกว่า กว่าผมจะถึงบ้าน ... รถในเมืองหลวงนี่ติดดุจริงๆ ติดหนักไม่รู้จักดูนาฬิกากี่โมงกี่ยามละนี่ ขณะผมกำลังไขประตูรั้วเล็กเข้าบ้านนั้น....

“ฮะ... เฮ้ย!! ใครวะ .....อ๋อยอูเอี๋ยวอี้อะ....” ผมสะบัดตัวออกอย่างทุลักทุเล หมายจะสวนกลับคนที่เอามือมาปิดปากผม ก่อนเขาคนนั้นจะยกมือแสดงกิริยาเชิงว่า ยอมแพ้ เกือบลงไปนอนกองบนคอนกรีตแล้วไหมละ (หมายถึงผม เพราะเด็กคนนั้นตัวสูงเกินไป เมื่อเทียบกับ เอ่อ... เออ เทียบกับผมนี่แหละ)
 
“เดี๋ยวๆ หยุดโวยวาย!!     แค่นี้ หวงตัวหรอวะ”  ผมทำหน้างง

“คุณเป็นใครวะ ประทุษร้ายคนอื่นหน้าบ้านเขาดึกดื่นขนาดนี้ นี่หวังอะไร เงินทองไม่มีให้หรอกนะ” 

“เฮ้! ยู ตื่น นี่มันบ้านผม ผมแค่...เข้าบ้านไม่ได้”

“จำผิดแล้วมั้งคุณ   หรือ ถ้าว่างมากก็ไปเล่นที่อื่นเหอะ ผมง่วง จะรีบเข้าบ้าน    หลีก!!”

“ผม เกื้อกูล   ตันตั้งสกุล พอดีนามสกุลเดียวกับป้ายหน้าบ้านเลยเนอะ ว่าไหม”

ผมรีบหันกลับไปมองเห็นมันยืนกอดอกยกยิ้มมุมปาก จึงรีบหันกลับไปไขประตูต่ออย่างเร่งรีบ เกลียดหน้าหยิ่งๆ นั่นชะมัด

“เข้ามาดิ รอให้ผีบ้านผีเรือนมาเปิดให้หรอ”  เสียงหัวเราะเยาะ ไล่หลัง ผมรีบสาวเท้าไปยังห้องของผมเอง บ้าชะมัด กลับมานี่ไม่คิดจะบอกให้ใครรู้ล่วงหน้ากันบ้างหรืออย่างไร ถ้าเขาไม่กลับดึกขนาดนี้คงไม่ต้องเข้าบ้านกันพอดี แต่คิดๆไปให้ยุงประเทศไทยกัดตายไปเลยก็ดี สงสัยอยู่ต่างประเทศนานคงไม่เคยเจอยุงบ้านนี้เมืองนี้ ตายห่าคราวนี้แหละ กูล เอ้ย

“เมื่อกี้กลับมากลับใคร”

“หะ”

“มีปัญหากับระบบการฟังหรอ”

“บ้านคุณสิ ผมหมายถึง คุณจะเอาคำตอบไปทำหอกอะไร”

“แค่ไม่รู้จะคุยอะไร แล้วจะตอบไหม หรือ มีปัญหากับระบบสมองด้วย”

“....”   โอ้ย!! ปากคอเราะร้ายเป็นบ้า แน่ใจว่าไปเรียนต่างประเทศมาจริงๆ

“Boyfriend” 

“รุ่นพี่!! พอใจรึยัง ความจริงบอกไปคุณก็ไม่รู้จัก จะถามเพื่อ รำคาญวะ แยกกันตรงนี้เถอะ”

“เดี๋ยว...”

“โอ้ย!! อะไรนักหนาวะ เป็นเด็กสามขวบรึไง”

“ผม...หิวข้าว”

“บอกเพื่อ!!”

“ทำไม่เป็น”

     จุดจบของบทสนทนาคือผมต้องมาใส่ผ้ากันเปื้อนเคาะตะหลิวอยู่หน้าเตา โยนกระเทียม ในน้ำมัน โยนหมูสับ ตอกไข่ ใส่ข้าวเย็น โรยเครื่องปรุงสำเร็จรูป โรยพริกไทยป่น ตักเสิร์ฟให้เด็กโข่ง หลงเมืองหลงเวลากันตายไปพลางๆก่อน

“อ่ะ เอาไป เสร็จแล้วก็โยนไว้ในซิงค์ พรุ่งนี้เดี๋ยวมาล้างเอง  ไปนอนละ”

“อือ nice dream”

“หะ อะไรนะ”

“จะไปไหนก็ไป”

     พอใช้งานเสร็จก็ไล่เป็นหมูเป็นหมา รู้อย่างนี้ใส่เกลือสักช้อนสองช้อน ผมรีบเข้าห้อง อาบน้ำ เพื่อจะได้เข้านอนสักที ใกล้จะตีสองละ เหนื่อยล้ามาทั้งวัน นั่งรถทางไกลนี่ดูดพลังงานไปมากเหลือเกิน เห้อ!! มันกลับมาทวงคืนพ่อแม่ของมันแล้วสินะ ไม่เป็นไรผมเริ่มชินแล้วละ

   เหลือเพียงไม่กี่วันจะเปิดเทอมละครับ ตื่นเต้นทุกทีที่ได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ รู้สึกประหม่า ทั้งๆที่เพื่อนก็พวกเดิมๆ มหาวิทยาลัยก็ที่เดิม อาจจะเพราะต้องเจอวิชาใหม่ๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยเก่ง ทำความเข้าใจค่อนข้างนานกว่าคนอื่น แต่ผมขยันทำ ขยันทบทวน เกรดเฉลี่ยผมจึงไม่เคยต่ำกว่าสาม เกียรตินิยมนี่เลิกหวังมานานละครับ

“อรุณสวัสดิ์ครับพี่จัน ผมช่วยล้างจานนะ”

“เมื่อคืน น้องจุนหิวมากเลยละสิ ปกติไม่เคยกินดึกนิ”

“ป่าวครับ มื้อดึกเมื่อคืนเป็นของ กูล”

“คุณกูล” พี่จันทราวางมือจากการซ้อนฟองในหม้อข้าวต้ม ทำสายตาสงสัยส่งมาทางผม

“ใช่ครับ กูล กลับมาแล้ว เมื่อคืน เดี๋ยวพี่จันก็คงได้เจอแล้วละครับ” ผมรีบช่วยงานในครัวให้เสร็จ ก่อนจะรีบออกจากบ้านไป ไม่อยากพบอยากเจอมันสักเท่าไร่

     ผมเป็นพวกถ้าไม่ชอบใคร ไม่ชอบอะไร สิ่งไหน ผมก็จะไม่เอาตัวผม ไปเกี่ยวข้องเกี่ยวพันให้เกิดความวุ่นวาย เป็นคนชอบหลบหลีกมากกว่าเผชิญหน้า เชื่อไหม บ้างคนไม่ชอบขี้หน้ากัน แต่มักจะคอยติดตามเฝ้าดู เหยียบย่ำ ซ้ำเติม  ชนะแล้วไงละ โกรธ ครั้นแพ้ก็โกรธขึ้นไปอีก ไม่มีสิ้นสุด ในเมื่อเราเอาตัวเราไปผูกติดกับเขาอยู่ หาจุดจบไม่ได้ ไม่ชอบก็ไม่ต้องยุ่งสิ จะได้ไม่เป็นทุกข์ ผมว่าผมเป็นคนมีเหตุผลนะ แม้มันจะเข้าข้างตัวเองไปบ้างก็เถอะ

“อ๊า!! อากาศดีชะมัดเลย” ผมเอาเสื่อมานอนเล่นในสวนสาธารณะ ในหมู่บ้านครับ ผมนอนหลับตาฟังเพลงใต้ต้นไม้ใหญ่ ผมว่าเพลงที่ดีคือเพลงที่อารมณ์ ณ ขณะนั้นเลือกแล้วว่า ใช่ เพลงนี้แหละ เหมาะกับอารมณ์ตอนนี้ที่สุด หลายคนฟังเพลงเดียวกัน แต่ความรู้สึกร่วมในเพลง แตกต่างกัน การตีความไม่เหมือนกัน เราจึงไม่อาจไปตัดสินแทนคนอื่น ว่าเพลงนี้เพราะเพลงนั้นไม่เพราะ

“ฝนตกเหรอ” ผมลืมตาพร้อมยกตัวขึ้น

“โป๊ก!”

“โอ้ย!”

“ก้มมาหาหอกอะไร” นึกว่าฝนตก อี๋! เหงื่อมัน ซวยชะมัดอุตส่าห์หลบมาจากบ้านแล้วนะ เสือกมาออกกำลังกายที่นี่อีก ไม่หลับไม่นอนรึไง บ้าพลัง
   
“จุ้น ทำไมไม่ไปนอนดีดีที่บ้าน”
 
“หะ เรียกว่าอะไรนะ”

“จุ้น” เกลียดหน้าทำไมหรอ มันมากเลยครับ

“ชื่อ จุน ห่างกัน สามปี เป็นพี่”

“คิดอย่างนั้นหรอ”

“เออ” ผมรีบม้วนเสื่อกลับบ้านก็ได้วะเสียบรรยากาศ ไปไหนดีนะ ร้านกาแฟ เปลืองตังค์น่าดู ถ้ารู้อย่างนี้น่าจะมีเพื่อนสนิทสักคน จะไปมีที่ไป ถึงต้องแลกกับความวุ่นวาย แต่คุ้มอยู่นะ เมื่อเทียบกับมัน เอาวะ หามันเอาตอนปีสามนี่แหละ ใครจะมาคบผมตอนนี้วะ คิดละกลุ้ม

“แล้วจะไปไหน”

“ยุ่ง”

“ห้ามไปไหน วันนี้วันเสาร์ เตี่ยกับแม่จะกลับมา”

“รู้แล้ว”

     เกือบลืมไปแล้ว ถ้ากูลมันไม่ทักเสียก่อนป่านนี้คงเดินเลาะห้างในเมืองแอร์ฉ่ำๆ แล้วละ น่าจะฆ่าเวลาได้ดี หรือไม่ก็ไปมหาลัย ที่อื่นไปไม่ค่อยเป็น เบื่อความโง่งมของตัวเองเหมือนกัน สุดท้ายก็ต้องมานั่งจุมปุ๊ก บนโต๊ะอาหาร อ้อ! ผ่านพิธีการเซอร์ไพร์ส ของเด็กต่างชาติต่างเมืองไปแล้วละ ผมได้แต่ทำหน้าเซ็งๆ ยังไงดีละครับรู้สึก เกินๆ ยังไงไม่รู้ แม้กระทั่งตอนนี้ บนโต๊ะอาหารนี้


“อะกุ้ง จุนจุ้น” หืม แอดว้านซ์ไปไกลกว่าเดิมอีก หึ! เข้ากับหน้านิ่งๆนั้นมากเลย ดูหน้าเตี่ยกับแม่แปลกใจ กับ วลีแรกที่หลุดออกมาบนโต๊ะอาหาร

“อ้อ! จะได้สนิทกันไวไวไงแม่” ใครอยากสนิทกับคุ๊ณ ผมเขี่ยกุ้งไปไว้ริมจาน ปฏิเสธเสียงดังเดี๋ยวผู้ใหญ่มองไม่ดี

“ดีแล้ว พี่น้องกันสนิทกันไว้” เตี่ยพูดสายตาภูมิใจ กูล อย่างเห็นได้ชัด

“นี่กุ้งของมัมฮ่ะ” หืม เสียงตอแหลนั้น เมืองฝรั่งสอนมาหรอวะ

“เอกสารเป็นไงบ้าง กูล เตรียมครบแล้วใช่ไหม”

“เพื่อนกูล จัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ เปิดเทอมพร้อมเรียน”

“อุปกรณ์ เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ละ มีครบรึยัง”

“ยังเลยครับ จุ้นจะไปช่วยเลือกให้ครับ”

“หะ ยัง..” ยังไม่ได้ไปตกลงอะไรเลย พูดคุยนับคำได้เลยเอา

“ดีมากจุน แม่ฝากน้องด้วยนะ อยู่มหาลัยเดียวกัน”

“คะ ...ครับ”

“เดี๋ยวออกไปกันเลย”

“งั้น จุน ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”


    หมดอารมณ์กินข้าวละครับ ต้องรับมือกับคนประเภทนี้ยังไง เดาทางไม่ถูกเลยครับ ทำไม อยู่ต่อหน้าเตี่ยกับแม่ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ความคนหยิ่งนั้นหายไปไหนวะ เป็นคนแบบไหนกันแน่นะ ต้องสร้างหลุมหลบภัยไว้เยอะๆแล้วละ         



Guide Line Thanks
.
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 04-07-2018 21:57:11
กูลดูไม่มีพิษมีภัย รึเปล่า??
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-07-2018 21:57:59
เอาอีกๆ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 04-07-2018 22:46:58
อยากอ่านต่อเยอะๆๆ ยาวๆๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 04-07-2018 23:27:36
 :hao7: กูลลลลล น่ารักจังลูก กวนจุ้นบ่อยๆ น้า
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Navadara Suriyo ที่ 04-07-2018 23:28:56
รักกันๆ  :katai3:
/ชอบแนวนี้มาต่อเร็วๆนะคะเป็นกำลังใจให้คนเขียน  :mew1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 04-07-2018 23:59:43
ติดตามค่า
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: orloftin ที่ 05-07-2018 00:11:54
กูลลลลต้องมีอะไรแน่ๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 05-07-2018 01:15:53
สนุกติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 05-07-2018 01:45:48
สนุกมากค่ะ​อ่านเพลินมากอยากอ่านต่อเลย​  เจอกูลป่วนทั้งชีวิตแน่เลยจุน
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: gungchan ที่ 05-07-2018 09:25:37
จุนคิดดีอ่า กูลอย่าแกล้งพี่เขานะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 05-07-2018 11:40:51
เด็กกูลดูไม่มีพิษมีภัย ดูกวนเฉยๆ(?) น้องจุนเปิดใจหน่อย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 05-07-2018 14:20:12
สนุกค่ะ กูลดูเป็นคนกวนๆๆ ไม่รู้แอบคิดไรกับจุนหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 05-07-2018 17:20:42
 :o8: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สี่ 05-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 05-07-2018 21:14:55
ตอนที่สี่
ทุกสิ่งมีแรงดึงดูด


     มีคนบอกหรือยังว่าผมเป็นคนขี้หงุดหงิด หงุดหงิดมากด้วย โดยเฉพาะคนหน้านิ่ง ยืนพิงรถญี่ปุ่นสี่ประตูสีดำ เท่มาก ใส่สูทใส่แว่นดำ กางเกงยีนส์ เท่มากเลยคุณกูล คุณมองผมนี่ เสื้อยืดสีขาวกางเกงสามส่วนสีครีม รองเท้าแตะเทวิน (เทวิน ผมชอบรองเท้ายี่ห้อนี้มากเลยครับ ถ้าใครเป็นสาวก ทราส์ฟอเมอร์ ผมแนะนำครับ มันเท่มาก)

“ยืนอึ้ง จบรึยัง”

“หะ” ไม่ได้อึ้งโว้ย แค่คิดว่าแต่งตัวแบบนี้ไปงานแต่งหรอ

“ต้องเปิดประตูให้ด้วยไหม”

“.ปัง.” ขอโทษครับประตู อยู่ใกล้มันแล้วควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ แอม ซอรี่นะ

“คาดเข็มขัดด้วย ไม่เคยนั่งรถ?”


“นี่ อยู่เมืองนอกนาน เก็บกดมากหรอ รีบๆด่าให้จบทีเดียว ไม่อยากได้ยินเสียง หนวกหู” นี่ผมกำลังด่า ยิ้มทำพระแสงของ้าวอะไรของมันวะ


“หึหึ”


     กว่าจะถึงห้างสรรพสินค้า ไอโฟนของผมแบตเตอรี่แทบหมด ไม่น่าลืมพกเอาพาวเวอร์แบงค์มาด้วยเลย วนหาที่จอดรถเสียนาน วันเสาร์ วันนี้วันเสาร์ ต้องมาเผชิญมวลมหาประชาชนในวันหยุด พักหลังๆแต้มบุญของผมคงใกล้หมดเต็มที ไม่มีสัญญาณเตือน ยิ่งไม่ชอบอะไร หลีกหนี หลบเลี่ยงอะไร ได้เจอหมดเลยจ้า หนีไม่พ้น เหมือนเจ้ากรรมนายเวรจะตามมาทัน พูดแล้วขนลุก ลูบแขนรัวๆ

“หนาว?” สงสัยท่าทางผมคงจะแปลกจน กูล มันจับสังเกตุได้

“ป่าว คนเยอะไม่ชอบ แล้วก็เดินออกห่างๆ หน่อย”

“คิดว่าต้องการความอบอุ่น”

“โตแล้ว ไม่ใช่เด็กมีปัญหา ไม่ได้ขาดความอบอุ่น” โว้ย!! 
 
“หึหึ”  เพิ่งรู้ว่าตัวเองไม่ชอบเสียง หึ เอามากๆ คูล มากนักรึไง


 “อ้าว จุน”

“สวัสดีครับพี่ปลื้ม” พี่ปลื้มเป็นพี่ที่ชมรมค่ายอาสาพัฒนาครับ พี่ปลื้มเรียนวิศวกรรมการโยธาปีสาม ปีนี้ก็จะเป็นพี่ใหญ่ปีสี่แล้วละครับ ผมรู้จักพี่ปลื้มมาสองปี ออกค่ายด้วยกันสองครั้งแล้ว พี่ปลื้มดูแลเพื่อนๆน้องๆดีมาก เป็นคนเด็ดขาด กระจายงานดี นี่คือคนเท่ของจริง มันต้องวัดกันที่ผลงาน ตัวเต็งประธานชมรมค่ายอาสาพัฒนารุ่นต่อไป ผมเชียร์คนนี้ครับ

“เราลืมหมวกไว้บนรถพี่ ไปเอาไหมครับ”

“เอ่อ... จุนมากับน้องอะครับพี่”

“จุ้นนนนนน หิวข้าวแล้วอ่า” เดี๋ยวนะ ก่อนออกมาเพิ่งกินไปไม่ใช่หรอวะ แล้วจะลากแขนผมทำไม

“นี่กูล น้องผม ส่วน นี่พี่ปลื้มพี่ที่ชมรมค่ายอาสาพัฒนา”

“ไม่ใช่น้อง แล้วก็ไม่อยากรู้จัก” พี่ปลื้มยิ้มเจื่อน ผมนี้อยากตบกะโหลกมันจริงๆครับ นี่มันเมืองไทยโว้ย มารยาทสังคมสำคัญมากไม่มีคนสอนรึไง
 
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับจุน อย่าคิดมากนะครับ คิ้วเป็นปมแล้ว” พี่ปลื้มเอานิ้วมานวดระหว่างคิ้วให้ พี่ปลื้มเป็นคนใจดีแบบนี้นี่แหละ ขวัญใจพี่ๆน้องๆในชมรม

“จุ้น มานี่” กูลมันก็กระชากผมไป แทบล้ม เกือบอับอายกลางห้างดังแล้วไหมละ

“ไว้ว่างๆ นะพี่” โบกมือลาอย่างทุลักทุเล




“เดี๋ยวกูล หยุดก่อน เป็นบ้าอะไรหะ”

“พูดดีดีไม่เป็นรึไง” หะ ผมต้องเป็นคนโกรธ ต้องเป็นคนโมโห ไม่ใช่หรอ ทำไมสถานการณ์มันพลิกแปลกๆวะ หรือที่เขาว่ากันว่า อย่าไปยุ่งกับคนโมโหหิว มันฆ่าคนได้เลย กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ไง สงสัยจะจริง

“เอ่อ... หิวขนาดนั้นเลยหรอ”

“....” เงียบครับ มันเงียบ โมโหหิวจริงๆหรือนี่

“งั้นกินไก่ทอดกัน เจ้านี้เด็ดสุด ดังสุด อร่อยสุดในประเทศไทยเลยละ” เคแอฟซีครับ พามันมากินเคแอฟซี ตัวมันขนาดนี้ หิวโซ ขนาดนี้ต้องกินเยอะแน่ๆ ปริมาณคับคั่ง คอมโบเซ็ต น้ำรีฟิลด้วย คุ้ม!!



      พวกเราเดินหาโซนเสื้อผ้านักศึกษา อุปกรณ์จิปาถะ ส่วนใหญ่ผมเป็นคนเลือกครับ เพราะกูลมันให้เหตุผลว่ามันไม่เคยต้องแต่งเครื่องแบบนักเรียนนักศึกษา เลือกไม่เป็นหรอก ทำไมต้องมีเครื่องแบบเยอะแยะวุ่นวายด้วย ไม่เห็นมีผลต่อการศึกษาเล่าเรียนสักหน่อย ผมเป็นคนหนึ่งที่เคารพชุดเครื่องแบบมากๆ เพราะผมเชื่อว่า “เครื่องแบบ” เป็นสัญลักษณ์ภายนอกพื้นฐานในการจำแนกคนแต่ละประเภทเบื้องต้น ทั้งยังทำให้เรามีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ควรประพฤติปฏิบัติตัวอย่างไร เป็นตัวช่วยในการระบุตัวตน สิ่งแรกที่คนภายนอกมองคือภาพลักษณ์ เช่น ตำรวจแต่งเครื่องแบบ เราจึงอนุมานได้ว่าบุคคลนี้สามารถช่วยเราได้แน่นอนเมื่อเราเกิดปัญหา กูล มันเลยพยักหน้าเข้าใจ หยิบเสื้อนักศึกษา แขนยาว แขนสั้น กางเกงอย่างละห้าตัว

“เดี๋ยว ซื้อไปบริจาคหรอ ป้าครับ ไม่เอาครับ เอาแค่ แขนสั้นหนึ่งตัว เอาแขนยาวสามตัว กางเกงเอาแค่สี่ตัวก็พอครับ ค่อยวนซักเอาได้ ส่วนแขนสั้นไม่ต้องเอาเยอะหรอก แขนยาวสามารถพับแขนได้” แค่นี้ก็หลายสตางค์แล้ว ใช้เงินเหมือนหาเงินเองเลยเนอะ สงสารแม่กับเตี่ยชะมัด

“เปิดเทอมค่อยไปซื้ออุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่สหกรณ์มหาวิทยาลัยแล้วกัน”

“ขอบใจ”

“อือ กลับบ้านเหอะ”

“ไปมหาลัยก่อนได้ไหม เปิดเทอมจะได้กะเวลาถูก”

“เอาดิ”

     ผมแนะนำทางเข้ามหาวิทยาลัย ที่จอดรถ อาคารเรียน ปีหนึ่งคงเรียนอาคารเรียนรวมไปก่อนมั้งครับ แนะนำตึกคณะต่างๆ โรงอาหาร ห้องสมุด หอประชุม อื่นๆ ที่สำคัญๆก็คงจะครบแล้วละ

“ไหนตึกบัญชี” อยู่ๆ กูล ก็พูดขึ้นมา ให้ผมพูดคนเดียวเสียนาน

“บอกไปแล้ว ทำไมไม่ฟังวะ”

“หมายถึงปีสามเรียนอาคารไหน”

“รู้ไปทำไม เรียนบัญชีหรอ”

“เผื่อมารับ”

“ไม่ต้องเสือกครับ กลับเองได้”

“เอาอย่างนั้นก็ดี”

“กลับได้ยัง”

“รีบกลับไปทำอะไร”

“เรื่องของผม”

     เอาจริงๆง่วงมากเลยครับ ได้นอนแค่ สาม ชั่วโมง ไอเสาไฟนี้มันไม่ง่วงบ้างรึยังไง อ้อ! มันอัดกาแฟยี่ห้อนางเงือกเขียว แพงฉิบ ส่วนผมง่วงมากเป็นธรรมดา กาแฟนี่กินไม่ได้เลยครับ กินแล้วใจมันซ่าแบบสั่นๆ วิงเวียนจนอ้วก เคยเห็นคนเมากาแฟจนชนประตูห้องน้ำไหมครับ อยู่นี่เลยครับ ผมเอง และ ต้องรีบกลับบ้านครับ เวลาผมง่วงมากๆนี่จะเบลอ ความสามารถในการควบคุมตัวเองจะลดลงเหลือแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ต้องรีบครับ ต้องรีบ ก่อนจะทำอะไรโง่ๆให้กูล มันเห็นเป็นจำอวด

     คุณเคยง่วงมากๆไหมครับ ง่วงจนระบบในร่างกายมันควบคุมไม่อยู่ ระบบประมวลผลในร่างกายมันช้าไปหมด ง่ายต่อการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เขามา ผมคิดว่าผมต้องเป็น phobia  ชนิดหนึ่งแน่ๆ วันนี้แถวนี้มีงานอะไรนะวันเสาร์แท้ๆ รถจะติดหนักไปไหน จะมากลับบ้านอะไรพร้อมกัน อุปกรณ์คลายง่วงตอนนี้หมดแบตเตอรี่นอนตายอย่างอนาถในกระเป๋าเรียบร้อยแล้วละครับ สัญญาณจราจรตัวผมเริ่มติดขัดเหมือนจราจรบนท้องถนนไม่ผิดเพี้ยน ไม่ไหวแล้วครับ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หัวผมโขกกับคอนโซลรถหลายต่อหลายครั้ง กระจกข้างต้องมีผีสิงแน่ๆ มันมีเวทมนต์ มันกำลังสะกดจิตผม ในไม่ช้าหัวผมก็จะถูกขอบประตูข้างดูด มีเสียงกระซิบบอกผมว่า ซบลงมาสิจุน ซบเลย มันพอดีกับหัวของนายเลยนะ

“ง่วงหรอ นอนดีดี” เหมือนเบาะกำลังดูดผมลงช้าๆ

“อืมมมมมม”

“Kiss me” ผมค่อยๆดูดปุยเมฆอันหนานุ่ม น่าจะเป็นก้อนเมฆฝน ความชื้นค่อนข้างเยอะ แต่หวานอ่อนๆเหมือนน้ำในดอกเข็มที่ชอบดูดเป็นประจำในวัยเด็ก แต่ครู่หนึ่งมันกลับหายไป เหลือแต่สายลมแรงๆปะทะเส้นผมไม่ขาดระยะ มันอุ่นดีแปลกๆ   



Guide Line Thanks.
ปล. เรื่องนี้เป็นแนวดราม่านะ อย่าหัวเราะสิ คนเขียน เขียนไปน้ำตาไหลไป (รับบริจาคทิชชู่)
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สี่ 05-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 05-07-2018 21:26:53
อย่าบอกนะ ดราม่าแนวตบจูบ ปลุกปล้ำ เหนี่ยวรั้ง กักขัง ม่ายยยยย กูลดูมุ้งมิ้งขนาดนี้ แอบหวงขนาดนี้ แอบจูบขนาดนี้ นึกดราม่าไม่ออกเลย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สี่ 05-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-07-2018 22:15:31
สายซึนหรือ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สี่ 05-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 05-07-2018 22:25:30
เอาแล้วไง กูลคิดอะไรกับจุนหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สี่ 05-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 05-07-2018 22:45:45
คิดไว้แล้วคนน้อง(ไม่แท้)ต้องคิดไม่ซื่อกับคนพี่(ไม่แท้)ท่าทางกูลจะขี้หวงหนักมาก
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สี่ 05-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 05-07-2018 23:09:30
กูลค่อยๅเต๊าะพี่จุนเค้าทีละน้อยไปเรื่อยๆใช่ม้า
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สี่ 05-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: orloftin ที่ 05-07-2018 23:13:02
ชอบๆ คิสมีววววววว  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สี่ 05-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 06-07-2018 00:16:07
เห็นชื่อเรื่ิงก็คิดว่าแนวดราม่า แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นแววเลยเห็นแต่ความขี้หวงของกูลอะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สี่ 05-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: gungchan ที่ 06-07-2018 00:25:41
กูล kiss จุนอ่อออออออ :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สี่ 05-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Tak ที่ 06-07-2018 09:08:14
ชอบบบบบบบบ อยากอ่านอี๊กกกกกกกกก ดราม่าจงมา
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สี่ 05-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-07-2018 09:34:35
เอาล่ะเหวย อะไร ยังไงคะน้องกูล
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สี่ 05-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 06-07-2018 10:27:26
มารอค่ะ สนุกดี ติดตามอ่านนะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่ห้า 06-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 06-07-2018 21:03:08
ตอนที่ห้า
ปฏิเสธไม่เป็น



     เมื่อยตัวชะมัด หน้าผากแดงเลยอะ ภาพจำของผมดับวูบไปตั้งแต่ไฟแดง จำได้แค่ตอนถึงบ้านผมเดินหลับตางมทางอย่างชำนาญ นี่แหละ บ้านตัวเองหลับตาเดินยังจำได้ ผมได้ทำอะไรเด๋อๆ ใส่ กูล มันป่าววะ คิดไม่ออกเลย เงียบและนิ่ง ไว้เป็นการดีที่สุด โจวชิงฉือ นักแสดงจีนกล่าวไว้ว่า “นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว” คิดถึงฝีไม้ลายมือ คนเล็กหมัดเทวดา มากๆ คิดแล้ว ลิสต์ไว้ดูเวลาว่างย้อนความคิดถึงสักหน่อย

“แฮ่!! พี่จันทำอะไร”

“ตาเถรตกบันไดใส่หม้อข้าวต้ม”

“โอ้ว มื้อเช้านี้ข้าวต้มเนื้อตาเถร สยอง”

“เดี๋ยวเหอะ น้องจุน อารมณ์ดีอะไรแต่เช้านี่คะ”

“อ้อ!! จะมาบอกว่า วันนี้ไม่อยู่บ้านนะ บอกเตี่ยไว้แล้ว เตี่ยออกมารดน้ำต้นไม้พอดี”

“จะไปไหนหรอจ๊ะ”

“ไม่บอกหรอก แต่จะกลับค่ำๆ ไม่ต้องรอนะครับ” ผมโบกมือลาพี่จันทรา สะพายเป้คู่ใจกับรองเท้าผ้าใบโทรมๆ เท่ชะมัด

     เดินออกมาหน้าหมู่บ้าน ยืนรอรถเมล์ วันอาทิตย์ นานๆจะมาสักคัน ดีหน่อยถนนโล่งๆ คนน้อยหน่อย จุดหมายปลายทางคือสวนรถไฟครับ แนะนำเลยครับสวนโมกข์ กรุงเทพฯ (หอจดหมายเหตุ ท่าน พุทธทาส อินทปัญโญ) มีกิจกรรมให้ทำเพียบเลยละครับ วันนี้ผมจะมาทำกิจกรรม ฝึกอาณาปานสติ นัดกับพี่รหัสผมไว้ชื่อพี่พลอยครับ พี่พลอยเป็นเจ้าแม่กิจกรรม ขนาดทำกิจกรรมเกือบทุกสิ่งเกรดนี่ไม่เคยตก ว่าที่เกียรตินิยมเหรียญทอง คนเราจะสมบูรณ์แบบอะไรขนาดนั้น ว่างก็หันหน้าเข้าธรรมะ เขาเป็นคนแนะนำผมเลยละครับมาเป็นประจำ กิจกรรมผมเริ่มตอนบ่ายโมง แต่ผมรีบออกมาก่อนไม่อยากเจอ กูล มัน วันนี้ต้องเป็นวันของผม มาสั่งสมแต้มบุญ ผมชอบที่นี่นะ มันสะดวก สงบ ร่มเย็น คนไม่เยอะ ไม่วุ่นวาย ทุกคนรู้หน้าที่ หน้าตาดูเป็นมิตร ในสวนอากาศดีมากจริงๆ เป็นวันครอบครัว เด็กๆ วิ่งเล่นสนุกสนาน ตามเดียงสาของเด็ก
 

“จุน”

“ครับ” ผมขานรับเสียงไม่ดังนัก หันไปตามเสียงเรียกคุ้นหู

“หาตั้งนาน เหนื่อยอะ” พี่ปลื้มครับ ไม่คิดว่าจะเจอพี่ปลื้มที่นี่ได้

“พี่ปลื้ม” คนถูกเรียกชื่อยิ้มตาปิด คนอะไร ดาเมจแรงมาก
           
 “ครับ”

“มาทำอะไรที่นี่หรอครับ”

“เอาหมวกมาคืน”

“ถามจริง”

“มีเสียงเรียกจากธรรมะ อยากมาทำบุญกับจุน”

“รู้ได้ไงว่าผมจะมา”

“พลอยไง พลอยเป็นญาติพี่ นัดกันไว้ไม่ใช่หรอ”

“ไม่เห็นพี่พลอยบอก”

“ไม่อยากให้พี่มาหรอครับ”

“ป่าวครับ คนเท่ๆแบบพี่ มาที่แบบนี้ยิ่งเท่ไปกันใหญ่ ผมก็สู้ไม่ได้อะดิ”

“ฮ่าๆ รู้ไหมบางคนอยู่เฉยๆก็ชนะ”

“ไม่จริงหรอกครับ ไม่มีการชนะไหนได้มาโดยไม่ต้องพยายาม”

“นั่นสินะ”   “แต่พี่เป็นคนพยายามนะ มากด้วย”

“เชื่อครับ พี่ปลื้มเก่ง” พี่ปลื้มย้ำกลัวผมไม่เชื่อ เก่งขนาดนั้น คนกลางๆแบบผมก็แย่สิ

     พี่ปลื้มเป็นอีกคนที่ทำให้ผมสบายใจที่จะอยู่ด้วย เด็กวิศวกรรมมันต้องห่ามๆในความคิด แต่พี่ปลื้มกลับสุภาพแบบดูน่าเกรงขาม ดูเป็นผู้ใหญ่ มีความคิด มีความรับผิดชอบ อย่างที่ผมเคยบอก เขาเป็นต้นแบบความเท่ทั้งหมด ผมพกเสื่อมาด้วย ปูไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศตอนเช้า สายลมเย็นๆปะทะผิวกาย หลับตานอนฟังเพลง ไปเรื่อยๆ มันเป็นกิจกรรมยามว่าง

     ผมสะดุ้งหันหน้าไปทางพี่ปลื้ม ผมรู้สึกถึง สัมผัสบางอย่างมันแล่นลิ่วส่งผ่านประสาทที่มีผลต่อการควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ทำงานหนักขึ้น เพียง... นิ้วก้อยของผมโดนเกี่ยว ผมนอนเล่นอยู่กับพี่ปลื้ม หรือว่า...

“มีอะไรหรือครับ”

“ขอจับมือได้ไหม”

     ในหัวของผมมันสับสนไปหมด ต้องตอบยังไงดี มันขัดแย้ง มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่ควรรู้สึกแบบนี้ เป็นแบบนี้ไม่ดีเลย แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป มันจึงกลายเป็นคำอนุญาตจากผม พี่ปลื้มจึงสอดมือประสานมือผม มือพี่ปลื้มชื้นเหงื่อ มืออีกข้างเขาถอดหูฟังผมออกไปหนึ่งข้างใส่หูฟังของเขาให้ผม สายตาพี่ปลื้มบ่งบอกว่า อยากให้ผมฟังเพลงนี้ ก่อนผมจะหลบสายตาคู่นั้น เพลงก็ค่อยๆเริ่ม มันไพเราะ ไพเราะจนไม่อยากแปลความหมายของมัน แต่ผมดันจดจำเนื้อเพลงบางท่อนได้ดีแล้วรู้สึกหน้าร้อนๆแปลกๆ โดยเฉพาะท่อน All the pretty girls in the world, But I’m in this space with you   

ผมคงต้องเพิ่มลิสต์เพลงที่ชอบไว้อีกเพลงแล้วละ เพลง Honey ของ Kehlani 


I like my girls just like I like my honey; sweet
A little selfish
I like my women like I like my money; green
A little jealous
‘Cause I’m a beautiful wreck
A colorful mess, but I’m funny
Oh, I’m a heartbreak vet
With a stone-cold neck, yeah, I’m charming
All the pretty girls in the world
But I’m in this space with you
Colored out the line
I came to find, my fire was fate with you
Heartache would stay with you
Fly great escapes with you
I countdown to the clock, saw you awake
Don’t walk away, or would you wait for me?
I go out to the bar, fuck hangin’ with the stars
Don’t even have a car, but you would wait for me
All, all, all, all the pretty girls in the world
But I’m in this space with you
Colored out the lines
I came to find, my fire was fate with you
My heartache would stay with you
Escape with you
I like my girls just like I like my honey; sweet
A little selfish, huh
I like my women like I like my money; green
A little jealous
Oh, I’m a beautiful wreck
A colorful mess, but I’m funny
Oh, I’m a heartbreak vet
With a stone-cold neck, I’m so charming, oh, oh



     ผมฟังเพลงนั้นจนจบ ผมลุกขึ้นดึงมือออก เกิดเดตแอร์ระหว่างเรา พี่ปลื้มหน้าเจื่อนลงนิดหน่อย ผมจึงยิ้มปลอบเพื่อสื่อบอกพี่ปลื้มว่า ไม่เป็นไร สมองผมสั่งการว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ไม่ได้ ผมต้องสร้างความภาคภูมิใจให้กับแม่และเตี่ย ผมเป็นคนสร้างกรอบพวกนี้ขึ้นมาเอง ผมคิดว่าภาระทางกายผมเยอะมากพออยู่แล้วผมจะไม่สร้างภาระทางใจให้เตี่ยกับแม่เด็ดขาด

“พี่ปลื้มว่าเด็กน่ารักไหมครับ”


“ครับ”

“ผมชอบความสดใสน่ารักของวัยเด็กมากเลย ตอนเด็กเราสามารถอยู่กับโลกจินตนาการ ที่ทำให้เราหลับง่ายขึ้น ยิ้ม หัวเราะง่ายขึ้น มีความสุขไปกับมันได้”

“....”

“ผมคิดว่าลูกของพี่ปลื้มต้องน่ารัก หรือ ไม่ก็เท่แบบพี่ปลื้มแน่เลย”

“เป็นการปฏิเสธที่พี่ไปไม่ถูกเลยวะ”

“....”

“นิยาม “ความสุข” ของพี่มันกว้างมากเลยนะจุน จุนอย่าตัดสินใจแทนพี่สิ ทำไมใจร้ายแบบนี้วะ เคยบอกไปแล้วว่าพี่โคตรพยายาม อย่าปฏิเสธพี่ก่อนได้ไหม”

“ขอโทษครับ” ทำไมผมถึงแพ้ เกิดมาคนรอบข้างก็ชนะผมไปเสียหมดทุกคน

“อย่าคิดมาก มาทำบุญ เจริญภาวนา ต้องได้ความอิ่มอกอิ่มใจ เหมือนพี่ตอนนี้สิ เดินไปรอในอาคารกันดีกว่า” ใช่สิ ผมบอกปฏิเสธไปแล้วโดนบอกปัดเฉย เหมือนผมไม่ได้พูดประโยคขอร้องนะ  รู้สึกว่าการสื่อสารผมแย่มากเลยจริงๆ


 “สวัสดีครับคุณป้า พี่พลอย” ผมยกมือไหว้ ช่วยหิ้วปิ่นโต อาหารมื้อเที่ยงของผม ข้าวก้นปิ่นโต (คล้ายๆ ข้าวก้นบาตรแหละ ได้บุญมากนะ) ผมมาหลายครั้งแล้วครับ มาทันทานมื้อเที่ยงตลอด

“ตาปลื้ม มาได้ไง ป้าเคยแล้วชวนไม่เห็นมาสักที” ผมหันไปมองหน้าพี่ปลื้มเกาท้ายทอย

“ไปทานข้าวกัน ทั้ง จุน แล้วก็ตัวแถมด้วย”

“มีของแลกเปลี่ยนเหอะ” ผมรีบหันไปมองอีกครั้ง นี่หรือความพยายามของพี่ปลื้ม

“จุ๊ๆๆๆ” ไม่ทันแล้วครับ อยู่ด้วยกันตรงนี้ได้ยินหมด

     ทานข้าวเสร็จ นั่งคุยกันไปเรื่อยๆครับ รอเวลา ที่นี่มีกิจกรรมเพียบเลยครับ มีดูดวงด้วยนะ แต่ผมไม่เคยดู เลยไม่รู้ว่าแม่นหรือไม่แม่น  ในความคิดของผม ผมคิดว่าศาสตร์การดูดวงหลักๆ คือศาสตร์ทางจิตวิทยา และคณิตศาสตร์ความน่าจะเป็น ส่วนเรื่องเหนือธรรมชาตินั้นผมก็ไม่ทราบได้ อันนี้แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล

     อาณาปานสติ เป็น กรรมฐานที่ง่าย เหมาะแก่ทุกเพศทุกวัย มีความหลากหลายมีความลึกซึ้ง เข้มข้นต่างระดับออกไป เป็นการฝึกสติให้อยู่กับลมหายใจ และอยู่กับปัจจุบันมากที่สุด ขั้นตอนแรกในการเข้าฐานนี้คือการสวดมนต์ ต่อด้วยนั่งสมาธิ เดินจงกรม และตอบปัญหาธรรมข้อสงสัยกับพระกรรมฐาน เคยไหมครับแรกๆที่นั่งสมาธิ เจ็บหลัง ปวดเท้า ปวดเข่า คันหยิบๆ หายใจไม่ค่อยเป็นพุทธ เป็นโท เท่าไหร่ แม้แต่หลับตายังเจ็บ ขยุกขยิกอยู่ไม่เป็นสุข มันจึงเป็นการฝึกไงครับ ฝึกฝนไม่มีใครเป็นตั้งแต่ครั้งแรก   

    เสร็จกิจกรรมผมลาคุณป้า พี่พลอย แต่พี่ปลื้มยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าจะมาส่งผมให้ได้ บอกคุณป้าว่า อันตรายถ้ากลับรถเมล์คนเดียว คุณป้ายิ่งเห็นดีเห็นงามด้วย ส่วนพี่พลอยหัวเราะร่า ไม่เห็นน่าขำตรงไหน ไปกลับเองมาทั้งชีวิตยังอยู่รอดปลอดภัยดี ไม่เคยนึกเลยว่าพี่ปลื้มจะเป็นคนดื้อตาใส ต้องแวะทานข้าวก่อน ทานข้าวเสร็จต่อด้วยของหวานอีก อยู่บนรถเขาผมก็เกรงใจ นั่งรถเมล์กลับบ้านป่านนี้ถึงแล้ว

สามทุ่มพี่ปลื้มมาส่งถึงหน้าบ้านพอดี ผมไหว้ขอบคุณ ลงจากรถไขประตูเล็กเข้าบ้าน     

“มาส่งกันดึกๆกี่ครั้งแล้ว ดึกขนาดนี้ไม่ค้างคืนเลยละ” ผมสะดุ้งครับ ตกใจนึกว่าผี

“เป็นบ้าหรอ สามทุ่มนี่นะ”

“วันก่อนเที่ยงคืน”

“โอ้ย รำคาญ เป็นเตี่ยหรอ”

“ทำตัวแย่ ขนาดนี้ เตี่ยรู้บ้างไหมนะ”

“เป็นอะไร เหงาหรอ หาเรื่องคนอื่นอยู่ได้”

“ไปหาแม่ก่อน แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”

     ผมลืมกรวดน้ำหรือเปล่าวะ เจ้ากรรมนายเวรยังไม่พ้นไปเสียที ถึงขนาดมาดักรอผมริมรั้วหน้าบ้านนี่นะ

“กลับมาแล้วครับแม่ เตี่ย ดูละครเหรอครับ”

“จ๊ะ มานี่หน่อยสิ จุน”

“ครับ” ผมนั่งลงโชฟาหันหน้าเข้าหาแม่

“จุน รู้ใช่ไหมว่าน้องเพิ่งกลับมา น้องยังไม่เคยชินกับเมืองไทยเท่าไหร่ เพื่อนก็ยังไม่ค่อยมี ช่วงนี้ แม่จึงอยากให้จุนอยู่เป็นเพื่อนน้องไปก่อนได้ไหม”

“ได้.... ครับ”

“แม่หมายถึงตลอดเวลา ได้ไหม”

“ครับ”

     จะปฏิเสธยังไงละครับ แม่ออกปากเสียขนาดนั้น นี่ผมไม่อยู่บ้านแค่วันเดียว ปกติ ไปไหนมาไหนผมจะบอกตลอดจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ผมไว้แม่กับเตี่ย เดินกลับเข้าห้องของตัวเอง

“ได้ยินแล้วใช่ไหม ทำตามที่พูดด้วยละ”

เกลียดครับ บอกได้คำเดียว กูล มันไปพูดอะไรกับแม่วะ โคตรอยากรู้เลย     



Guide Line Thanks.
ปล. ย้ำอีกครั้งเป็นแนวดราม่านะ มีเจ้ากรรมนายเวรเกาะติดมาด้วย เห็นไหมดราม่าชัดๆ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่ห้า 06-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 06-07-2018 21:09:48
เตรียมต้มน้ำร้้้้้้อนรอ มาม่า
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่ห้า 06-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 06-07-2018 22:02:20
5555​ เจ้ากรรมนายเวรขี้หวง​ เกาะติดไม่ยอมให้ไปไหนกับใครด้วย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่ห้า 06-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 06-07-2018 22:41:47
ขอยาวๆๆๆๆๆได้ไหม พลีส :ling1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่ห้า 06-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Tak ที่ 06-07-2018 23:14:14
ชอบๆๆๆๆๆๆ แอบเชียร์กุล ดราม่าต้องไหนนนนนยังมองไม่ออกน่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่ห้า 06-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: orloftin ที่ 06-07-2018 23:57:11
กลิ่นดราม่ากำลังลอยมาาาา  :o12:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่ห้า 06-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 07-07-2018 01:21:14
กูล นายร้ายนะยืมมือแม่มาจับมัดจุนมาไว้กับตัวเองน่ะ :m26:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่ห้า 06-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-07-2018 08:28:43
กูล นายไปคิดพี่จุนตอนไหนฮะ
ได้ข่าวไป ตปท ตั้งแต่ช่วงประถมไม่ใช่รึ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่ห้า 06-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-07-2018 13:49:56
เราชอบพี่ปลื้มนะไม่อยากให้พี่ปลื้มอกหักเลย กูลนิสัยเหมือนจะไม่ดีเลยอะแบบอยากได้อะไรก็ต้องได้ ทำเป็นเอาเรื่องกลับมาจากนอกมาอ้างจริงๆคืออยากยึดจุนไว้คนเดียวมากกว่า
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่หก 07-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 07-07-2018 17:48:10
ตอนที่หก
รู้สึกเจ็บเพราะรู้สึกห่วง



     วันนี้วันจันทร์ แม่กับเตี่ยกลับโรงงานไปเรียบร้อยแล้วครับ บ้านทั้งบ้านก็จะเหลือผม พี่จันทรา เพิ่มเติมคือ คนต่างบ้านต่างแดน ที่ไม่ค่อยรู้จักประเทศไทย คนที่กลัวหลงทาง ต้องมีไกด์ ไกด์คนนั้นก็คือผม โว้ย มีแต่เรื่องน่าหงุดหงิด ก็ตั้งแต่กูลมันกลับมาอยู่ยาวคราวนี้ ระบบจัดการกับอารมณ์ของผมมันแปรปรวนไปเสียหมด คนปกติที่เคยใช้ชีวิตธรรมดา เรื่อยๆไม่หวือหวา ชีวิตมีเรื่องเล่าให้ฟังไม่มาก ทุกอย่างเคยวนซ้ำแบบอยู่ที่เดิม นับเวลาได้สองสามวันมานี้ ชีวิตผมกลับเหมือนแม่เหล็กดึงดูดสิ่งต่างๆประเดประดังเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน พี่ปลื้มที่ดูปกติกับผมในก่อนหน้านั้น ใครจะคิดว่าเขาจะมายุ่งเกี่ยวกับผม คนจืดๆ คนที่ชอบทำอะไรเดิมๆ คนที่ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร ถ้าจะถามหาคนน่าเบื่อ โปรดมองมาที่ผม แล้วคุณจะเจอคำตอบ

“พี่จัน แม่กับเตี่ยได้ทานข้าวก่อนไปไหมครับ”

“ไม่ได้ทานเหมือนเคย บอกว่ารีบออกหนีรถติด”

“ถ้า กูล มันถามหาผม ให้พี่จันบอกว่าผมยังไม่ตื่นนะ บอกว่าปกติผมตื่นเกือบเที่ยงนะครับ ผมช่วยพี่จันแค่นี้นะครับ กลับไปอ่านหนังสือที่ห้องก่อน”

“ไม่ทานข้าวหรอ น้องจุน”

“นี่ไงครับ ตักไปทานที่ห้อง ไปละนะ”

“เดินดีดีค่ะ ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวหก”

     ผมรีบสาวเท้าเก้าเดินอย่างเร่งรีบ กลัวเจอกูลมันเสียก่อน แค่อิสระครึ่งวันนั้นเป็นของผมก็ยังดี ผมเก่งเรื่องแบ่งเวลาเอามากๆ ห้องคือหลุมหลบภัยที่ดี มันครบครัน ผมแน่ใจว่ามนุษย์ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับห้องๆนี้ นอกจากการฟังเพลงผมเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือ หนังสือที่ผมอ่านส่วนใหญ่เป็นหนังสือแนวเล่าเรื่องจากประสบการณ์ มากกว่า ชอบความเรียลของการประสบพบเจอ สิ่งแปลกใหม่ บนโลกอันกว้างใหญ่ หนังสือเป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่เด็กจนโต หนังสือมันพูดกับผมไม่ได้แต่ผมพูดกับหนังสือได้



Line Message

10:00 บ่ายนี้ว่างไหมครับจุน

 ว่างครับ แต่ไปไหนไม่ได้   10:01 read

 10:01 อ้าว ทำไมหรอครับ

ต้องอยู่บ้านเป็นเพื่อนจุนครับ ไม่มีใครอยู่บ้าน 10:02 read

10:02 ถ้าพี่ไปหาเราที่บ้านได้ไหม

ได้สิครับ ว่าแต่พี่จะมาทำอะไรอะ 10:03 read

10:03 อยากเจอหน้า

หูยยยย แบบนี้ไม่ต้องมาได้ไหม ผมทำหน้าไม่ถูก 10:04 read

10:04 ทำหน้าปกติเลยครับ มากกว่านี้พี่เก็บอาการไม่อยู่

ไม่ได้จีบผมอยู่ใช่ไหม 10:06 read

10:06 จีบครับ

เดี๋ยวพี่ ผมพูดเล่น ใจเย็นๆ คิดให้เยอะๆก่อนตอบได้ไหมครับ 10:07 read

10:07 คิดเยอะมาก หมายถึง คิดถึงนะ เยอะมาก อยากเจอแล้ว

งั้นอย่ามาเลยครับ ผมไม่อยากเจอ 10:08 read

10:09 ใจร้ายอีกแล้ว

จะมาถึงกี่โมงครับ 10:10 read

10:10 ประมาณเที่ยง อย่าเพิ่งทานอะไรก่อนนะ

ครับ  10:11 read



     พี่ปลื้มจะมาที่บ้านครับ ตั้งแต่เมื่อวานผมก็ไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไรกับพี่ปลื้ม คิดหนัก ยังไม่เคยโดนจีบจริงจังแบบนี้สักที อยู่มาทั้งชีวิตยี่สิบปี มีคนเข้าหาทั้งทีดันเป็นผู้ชาย ทำยังไงดีวะ เรื่องเพศข้อจำกัดมันเยอะเกินไป ถ้าเกิดผมตกลงไปกับพี่ปลื้ม ผมต้องตัวยังไง คนรอบข้าง สังคม นิสัยส่วนตัวของผม มันจะฝืนกันเกินไปหรือเปล่า ในเมื่อกรอบของผมมีคนให้แคร์เยอะมากเกินไป ความสุขในกรอบของผมต้องมีแม่กับเตี่ย พี่จันทราอยู่ด้วย ผมคิดว่ามันคือความรับผิดชอบของผม สิ่งที่ผมควรดูแลแม้กระทั่งความรู้สึก


     ได้ยินเสียงแตรรถดังทางประตูรั้วหน้าบ้าน ผมมองนาฬิกา 12:00 เที่ยงตรง โคตรตรงเวลาเลยครับ ผมรีบใส่รองเท้าวิ่งไปเปิดประตูให้ฟอร์จูนเนอร์คันสีดำสนิทเข้ามาจอด พี่ปลื้มมาส่งบ้านผมหลายครั้งแล้วครับ ตั้งแต่ผมเรียนปีหนึ่ง ไม่แปลกที่พี่ปลื้มจะมาถูกทางและไวมาก

“สวัสดีครับ” ผมรีบปิดประตู เดินมาไหว้พี่ปลื้ม

“ไงเรา ยังไม่ทานข้าวใช่ไหม”

“ทานแล้วครับ”

“ทำไมไม่รอ” สีหน้าพี่ปลื้มเปลี่ยน

“ผมหมายถึง ตอนเช้า นี่เที่ยงแล้ว หิวด้วย”

“แกล้งพี่หรอครับ จุน” มือใหญ่ขยี้หัวผม พร้อมยิ้มกว้าง โห้ว ลักยิ้มนั้น อยากมีบ้าง



“นี่มันที่แจ้ง ไม่กอดกันไปเลยละ” บ้านไม่ได้เลี้ยงหมา แต่เหมือนได้ยินเสียงหมาเห่าแฮะ

“นี่น้องจุน ใช่ไหม”

“ครับ”

“จุ้นนนนนนนน หิวแล้ว ทำอะไรให้กินหน่อย”
 
“ไม่บอกพี่จันละ”

คือมันไม่ฟังเสียงอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นหัวใครด้วย ใครจะมาใครจะไป ไม่สน สนแต่ฉุดกระชากลากแขนผม เดินดุ่มๆเข้าไปในบ้าน



“มันมาบ้านเราทำไม”

“คนไทยเขาสอนว่า คนที่อายุเยอะกว่าอย่างน้อยๆให้เรียกพี่”
 
“พอดีที่โน่นไม่มีครูคนไทย”

“โว้ย เปรียบเทียบไหมละ”

“เตี่ยจะรู้ไหมว่า ลูกริอาจชวนผู้ชายเข้าบ้าน?”

“แล้วมันแปลกตรงไหน”

“ปล่อยเนื้อปล่อยตัว”

“เป็นผู้ชายโว้ย เอาบัตรประชาชนมาดูเลยไหม”

“แล้วไง เป็นผู้ชายแล้วทำตัวแบบนี้ได้เหรอ แย่วะ”

“....”

     ยอมครับ ยอมแพ้แล้วครับ เพิ่งจะเคยเจอ คำโบราณ ๑เถียงคำไม่ตกฟาก เพิ่งประสบในสถานการณ์จริงก็วันนี้  ทำไมผมต้องอธิบายอะไรเยอะแยะมากมายขนาดนี้ ปวดประสาทชะมัด


 “ทำอะไรกันอยู่ครับ” พี่ปลื้มเข้ามาได้จังหวะพอดี ผมเดินปรี่เข้าไปช่วยพี่ปลื้มถือกับข้าว
 
“ป่าวครับ” การบอกปัดแบบนี้ถือเป็นการโกหกไหมครับ กลัวผิดศีลแล้วแต้มบุญของผมจะลดลง หรือ จะให้บอกว่ากำลังเถียงกันอยู่ว่าทำไมผมถึงชวนพี่ปลื้มเข้าบ้าน ไม่ควรทำ อย่างนี้เหรอ

“พี่ยังติดใจฝีมือปลื้มที่ค่ายอยู่เลย อยากทานอีก”

“ที่บ้านไม่มีข้าวกินรึไง” คนไม่มีมารยาทเอาอีกแล้ว

“อยู่คอนโดครับ” ผมหัวเราะครับ มีคนชนะเด็กไร้มารยาทแล้ว

“ไม่ตลก” กูลมันสบถใส่ผมแล้วเดินกระทืบเท้าขึ้นชั้นบนไป



“เด็กมันเอาแต่ใจอะครับพี่ ขอโทษพี่แทนกูลมันด้วยแล้วกัน เด็กมันไม่ค่อยรู้วัฒนธรรมของไทยเท่าไหร่ โดนส่งไปเรียนตั้งแต่เด็กๆ เด็กมันห่างบ้านห่างเมืองก็แบบนี้แหละครับ อย่าไปใส่ใจมันเลย”

“สงสัยจะหวงพี่ คนพี่ก็น่าหวงขนาดนี้”

“ห้ามพูดอะไรแบบนี้นะครับ” ผมสะดุ้ง กลัวใครจะเข้ามาได้ยิน ไปตีความอะไรแปลกๆ

“แล้วเมื่อไหร่จะจีบติด”

“พี่ปลื้ม!!” ผมตาโต ตกใจหนักกว่าเดิม คำพูดพี่ปลื้ม ใครได้ยิน ไม่ต้องตีความหมายให้ยาก เดาเป็นอื่นไม่ได้

“เข้าครัวกัน” พี่ปลื้มนำผมเข้าไปในครัว ไม่เจอพี่จันทราครับ โล่งใจลงหน่อย อย่างน้อยก็ได้อยู่บนเส้นทางการสนทนาระหว่างผมกับพี่ปลื้มเมื่อสักครู่

“พี่อยากทานอะไรครับ”

“คิดถึงตอนอยู่ที่ค่าย ต้มจืดผักกาดขาว ไข่เจียว หมูทอดกระเทียม ทำได้ไหมครับจุน”

“โหย นึกว่าอยากกินอะไรพิสดารกว่านี้ ช่วยล้างผักหั่นผักเลยครับ”

“นอกเหนือจากนี้ คงช่วยไม่ได้”

     ผมหั่นหมูไปต้มในน้ำร้อนผสมเกลือให้พอสุกก่อน ช้อนหมูพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ น้ำต้มที่เหลือเป็นซุปทำต้มจืด ใส่เมล็ดพริกไทยดำและกระเทียมทุบพอแหลกในหม้อ ปั้นก้อนหมูสับที่ผสมไว้กับเกลือรากผักชีพริกไทยโขลกรวมกัน เพิ่มรสเค็มด้วยเกลือลงในซุป คอยช้อนฟองออกน้ำจะได้ใส....

“จุ้นนนนนน หอมจัง”

     มาโหมดเด็กอ้อนตีนอีกแล้วครับท่าน อยู่ๆไม่รู้มาจากไหน เดินมาซ้อนหลัง เอาคางมาเกยตรงไหล่ เอามือมาวางตรงสะโพก หน้านี่แนบกับคอของผมเลยครับ ขนคอผมนี่ตั้งชัน มือยังคงเนียนนัวเนียขอบเอวไม่เลิก จนกระทั่งผมหมดความอดทน เพราะ ติ่งหูผมชื้นๆ มันเลียติ่งหูผม ใช่ครับ มันเลียติ่งหูผมแน่ๆ มือไม้อ่อน จวักหล่นจากมือลงหม้อ น้ำร้อนในหม้อกระเด็นโดนมือผมจึงผงะตัวไปตามสัญชาตญาณ จนกูลมันหงายหลังกระแทกเคาน์เตอร์บาร์ในครัว พี่ปลื้มปรี่เข้ามาดู ผมรีบหันไปช่วยยกกูลมันครับ แต่กลับเหมือนมีแรงดึงผมจนล้มลงคว่ำหน้าไปหามัน เพราะมันตัวใหญ่เกินไปรึป่าว คนตัวเล็กแบบผมจึงช่วยอะไรไม่ได้ซ้ำยังล้มไปทับมันอีก เหมือนไม้ซีกงัดไม้ซุง กูลมันคงเจ็บน่าดู ร้องโอย หลายครั้ง กอดรัดตัวผมไว้แน่น จนผมลุกจากตัวมันไปไหนไม่ได้เลย อยู่กันแบบนี้ไปจะยิ่งทำให้มันเจ็บ มันรู้ตัวบ้างหรือเปล่า

     โชคยังดีพี่ปลื้มอยู่ในสถานการณ์นี้ด้วย จึงช่วยแกะมือกูลมันออกจากตัวผม พี่ปลื้มรีบจูงมือผมไปทางห้องน้ำ เอายาสีฟันที่มีฤทธิ์เย็นทาให้บริเวณโดนน้ำร้อนลวก ค่อยๆเป่าลมเย็นลงบนมือของผม ผมมองปากจู๋ๆของพี่ปลื้ม พ่นลมเย็นๆออกจากปาก แต่ทำไมใบหน้าผมกลับร้อนๆ ดีนะเป็นแค่รอยแดงๆ ไม่ถึงขนาดพุพอง ไม่อย่างนั้นคงจะแสบน่าดู

แต่เดี๋ยว.... ผมลืมกูลมันไปเลยนี่หว่า ผมชักมือกลับ รีบเดินไปดูคนที่น่าจะเจ็บกว่าผม


“ไหนดูหน่อย เจ็บตรงไหน” มันลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ตรงตำแหน่งพี่ปลื้มนั่ง แสดงว่าคงไม่ได้เป็นอะไรมาก ลุกเองได้

“เจ็บหลัง เจ็บตัว ไปหมด คืนนี้คงระบม” ผมเดินไปเลิกเสื้อด้านหลังของมัน ไม่ได้มีรอยอะไร หรือมันจะช้ำอยู่ข้างใน ภายนอกอาจดูไม่เห็นก็ได้ กูลรีบดึงเสื้อของมันลงมา คงรู้สึกแปลกไม่ชินที่จู่ๆ ผมไปเลิกเสื้อมันเข้า
 
“ขอโทษ” ผมพูดขอโทษ รู้สึกผิดที่เป็นตัวต้นเรื่องให้เกิดอุบัติเหตุทั้งหมด แล้วก็ ถือวิสาสะเลิกเสื้อมันขึ้นดูรอยฟกช้ำ

 


“เอ่อ... จุน เอาผักใส่เลยไหม”

“เดี๋ยวผมทำเองดีกว่าครับ” ผมเข้าไปทำหน้าที่ของผมต่อ บอกให้พี่ปลื้มกลับไปนั่งรอ

     ใส่ผักกาดขาวปิดฝา รอสักครู่ ระหว่างรอผมเจียวกระเทียมที่สับเอาไว้ลงไปเจียว หันไปในหม้อต้มจืด ใส่ต้นหอม แล้วช้อนเอาแต่กระเทียมเจียว ใส่ลงไปในต้มจืดแล้วปิดเตา น้ำมันที่เหลือจากเจียวกระเทียมจะมีกลิ่นหอมไว้ทอดไข่เจียว ทอดไข่เจียวแล้ว เจียวกระเทียมอีกครั้งทุบพริกไทยดำให้แหลกหน่อยใส่หมูที่ตั้งไว้เมื่อครู่ ปรุงรสด้วยผงปรุงรสกับน้ำมันหอย ทานกับข้าวได้แล้วครับ

     กว่าพวกเราจะได้ทานข้าวอีกห้านาทีก็จะบ่ายโมง คนเจ็บผิวปากอย่างอารมณ์ดี ไม่ช่วยยกอะไรสักอย่าง ผมเข้าใจคงเจ็บอยู่ พี่ปลื้มนั่งก่อน ผมนั่งลงข้างพี่ปลื้ม มันก็ถือจานข้าวจากฝั่งเดิมที่มันนั่งมาเบียดผม เป็นบ้าอะไรอีกวะ

“กูล ขยับไปนั่งดีดี”

“ตักหมูไม่ถึง”

“เดี๋ยวขยับไปให้ หรือจะให้เอาจานมาแบ่ง”

“เอ่อ... พี่ไปนั่งฝั่งข้างโน่นก็ได้ครับ”

“ผมไปเองดีกว่าครับพี่ปลื้ม”

“จะย้ายกันทำไม วุ่นวาย นั่งแบบนี้แหละ” คุณกูล คุณนั่นแหละตัววุ่นวายเลย สรุปคือนั่งฝั่งเดียวกันสามคนผมอยู่ตรงกลาง เป็นการนั่งกินข้าวที่ตลกที่สุดแล้วครับ

“จุ้นนนนน ตักข้าวให้หน่อย เจ็บแขน”

“อะ เอาไป”

“อยากกินต้มจืด”

“เอาถ้วยเล็กมาสิ” มันใช้สายตาบอกว่าอยู่ข้างมือผม ให้ผมหยิบเอา ก็ได้ครับ

“หมูทอดด้วย”

 “อะ” ผมจะทานก็ทานไม่ได้ ตกลงเจ็บแขนหรือกระดูกแขนหัก ชักสงสัย ถ้าแขนหักทานข้าวเสร็จมันคงจะเริ่มบวมแล้ว ต้องขอดูแขนสักหน่อย         

“ยังไม่ได้ไข่เจียวเลย” เจ็บจนยืดแขนไปตักเองไม่ได้เลยหรอวะ อย่างนั้นต้องไปหาหมอแล้วละ ผมรู้สึกไม่ดีเลย ตั้งแต่ผมจำความได้ ผมไม่เคยทำอันตรายใครเลย ผมระมัดระวังตลอด ผมรู้จักหลบรู้จักหลีก เป็นแบบนี้โคตรรู้สึกแย่

     เมื่อทานข้าวเสร็จ ผมจึงบอกพี่ปลื้มว่าจะพากูลมันไปหาหมอ ตรวจดูสักหน่อย พี่ปลื้มยังอาสาจะขับรถไปส่งโรงพยาบาลให้ แต่เด็กโข่งมันไม่ยอม บอกไม่อยากไปไหนมาไหนกับคนแปลกหน้า ไปแท็กซี่ดีกว่า ปลอดภัย เด็กคนนี้ไร้มารยาทสิ้นดี ผมไหว้ลาพี่ปลื้ม รีบวิ่งไปเปิดประตูรั้ว แล้วรีบเข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหมายจะไปโรงพยาบาล ให้หมอตรวจดูอาการ เอ็กซเรย์ด้วยยิ่งดี



“ไปกัน พร้อมแล้ว”

“ไม่ไปดีกว่า วันนี้วันจันทร์ โรงเรียนกำลังเลิก ไปติดเง็กบนท้องถนน น่าเบื่อ”

“ไปให้หมอดูหน่อยเถอะนะ บอกตรงๆ ไม่สบายใจเลย”

“ดูนี่ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย คิดมากไปเองรึป่าว” กูลมันสะบัดแขน ให้ผมดู ไม่ต้องดูแขนมันแล้วละ ไม่บวมแน่ๆ แล้วบนโต๊ะอาหารทั้งหมดคืออะไร แกล้งปั่นประสาทผม ไม่อยากให้ผมทานข้าว หรือ อะไร เหมือนรู้สึกตัวเองโง่เลยวะ




     ผมหันหลังเดินกลับห้อง คอมฟอร์ทโซนของผม ไม่มีคำพูดใดๆ ความรู้สึกเก่าๆตีรวนกลับขึ้นมาอีกครั้ง จนทำให้น้ำตาไหล ควบคุมไม่อยู่ ความรู้สึกเหมือนโดนกระชากลงเหว มันทำเพื่อความสะใจของตัวเองล้วนๆ ได้แกล้งให้ผมอายต่อหน้าพี่ปลื้ม ทำตัวไร้มารยาท แบบนั้นไปทำไม ถ้าไม่ใช่การกลั่นแกล้งแบบเด็กต่างชาติเขาเล่นกัน สนุกมากนักหรือ?  ผมยอมรับเลยว่าเป็นห่วงกูลมันเอามากๆ นี่สินะความทุกข์ที่เกิดจากการเอาความรู้สึกของตัวเองไปผูกกับความรู้สึกของคนอื่น ผมโง่เอง ทั้งหมดเป็นเพราะผมจัดการมันไม่ดีเอง   
 

Status IG : รู้สึกเจ็บเพราะรู้สึกห่วง



Guide Line Thanks.


๑.   “เถียงคำไม่ตกฟาก” หมายถึงคนที่พูดโต้เถียงไม่ยอมหยุดปาก “คำ” ในที่นี้หมายถึงคำหมาก คนสมัยก่อนเคี้ยวหมาก ถ้ายังไม่อยากคายทิ้งก็จะอมคำหมากไว้ข้างแก้ม คนที่เถียงไม่หยุดปาก แต่คำหมากก็ยังคงอยู่ในปาก ไม่ยอมให้ร่วงหลุดตกลงพื้น( พื้นสมัยก่อนทำด้วยไม้ไผ่สับให้แตกเรียกว่า “ฟาก” ) จึงเป็นสำนวนว่า "เถียงคำไม่ตกฟาก – ที่มาจากเพจ คนไทยรุ่นใหม่ใช้ภาษาไทยถูกต้อง
๒.   สูตรต้มจืดผักกาดขาว หมูกระเทียมทอด ของที่บ้าน ปริมาณตามรสมือรสปากของแต่ละครัว
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่หก 07-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-07-2018 18:11:18
 o13 :กอด1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่หก 07-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Tak ที่ 07-07-2018 19:01:12
จุนขี้งอน นังน้องก็ขี้แกล้ง นี่คือดราม่าแล้วใช่มั้ย :hao3:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่หก 07-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: orloftin ที่ 07-07-2018 21:13:39
แกล้งบ่อย จุนเสียใจแล้วเห็นไหม   :z6:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่หก 07-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 08-07-2018 15:37:42
ต้มน้ำรอไว้ก่อน เผื่อมีมาม่าตามมา
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่หก 07-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 08-07-2018 16:54:56
น้องนี่ชอบพี่ใช่มั้ย แกล้งพี่จังเลย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่หก 07-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-07-2018 00:44:15
ลองตามดู
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่หก 07-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-07-2018 00:59:39
กูลเหมือนเด็กไม่รู้จักโตนะไม่มีมารยาทอยากจะทำอะไรก็ทำ เอาความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้ง
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เจ็ด 09-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 09-07-2018 05:29:37
ตอนที่เจ็ด
เรื่องส่วนตัว



     กลับมาในคอมฟอร์ตโซน คิดทบทวนไปสักครู่ใหญ่ สาเหตุของการเกิดทุกข์ การอยู่กับทุกข์ และการดับความทุกข์นั้น วิธีของผมได้ผลดีเสมอมา นั่นคือการไม่ใส่ใจ ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ สองสามวันมานี้ต้องทำอะไรมากมายจนเหนื่อย คนๆหนึ่งจะมีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสิ่งแวดล้อมได้มากและนานขนาดไหน ผมเลือกรูปเก่าในอัลบั้มไอโฟน เป็นรูปลูกโป่งสีแดง ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า กับเด็กผู้หญิงยืนหันหลัง ผมถ่ายเอาไว้ตอนไปชะอำ เด็กผู้หญิงจ้ำม่ำ คนหนึ่งปล่อยมือจากลูกโป่ง น้องยืนมองลูกโป่งที่ลอยหลุดมือ ผมรีบคว้าไอโฟนขึ้นมาถ่าย ไม่มีเสียงสะอื้นจากเด็กหญิง มีเพียงใบหน้าที่แหงนมองลูกโป่งสีแดง ผมจึงรู้ว่า บางสิ่งที่หายไปมันกลับคืนมาไม่ได้


Status IG :  รู้สึกเจ็บเพราะรู้สึกห่วง



     เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมมองลอดตาแมว เห็นเป็นพี่จันทรา จึงรีบเปิดประตู พี่จันทราเรียกผมไปทานข้าว ผมจึงได้รู้ว่า เวลานี้มันทุ่มหนึ่งแล้ว ยังไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด ไม่อยากเข้าไปใกล้บริเวณนั้นเลย แต่ผมคิดทบทวนดีแล้ว การเฉยไม่สนใจเหมือนเคยทำ ทำทุกอย่างให้เป็นปกติ ผมเดินเข้าไปในครัว กะจะไปช่วยพี่จันทราตั้งโต๊ะใหญ่ในบ้านอย่างเคย แต่มีคนนั่งรออยู่แล้ว อาหารถูกตั้งไว้บนโต๊ะเล็กในครัว มีเก้าอี้สี่ตัว ผมเลือกนั่งข้างพี่จันทรา ในสายตาผมกลับเห็น กูล ใช้มือข้างไม่ถนัดจับช้อนทานข้าว ผมใช้ความพยายามไม่มอง เฉยกับสิ่งที่เห็น ไม่มีบทสนทนาระหว่างกันบนโต๊ะอาหาร ทานเสร็จก็ลุกขึ้นเก็บ ผมนำถ้วยชามไปล้างยังซิงค์ ช่วยปิดฟื้นไฟในบ้าน ก่อนจะเดินกลับห้องนอนตัวเอง

     เดินมาถึงห้องรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย อยากจะมองไม่เห็นเอามากๆ ถ้าตัวมันไม่ใหญ่ลุกขึ้นขวางประตูแบบนี้ ผมตั้งท่าจะหันหลัง เดินกลับไปอีกทาง กูลกลับดึงมือกระชากเข้าไปจมกับอก ก้มหน้าลงมาพูดกับผม

“ทายาให้หน่อย ปวดหลัง”

“....” ผมยืนนิ่ง จึงถูกรวบตัวเข้าไปในห้อง กูล ยื่นยาในมือมาให้ เจ้าตัวนั่งลงบนเตียง มือข้างขวามีผ้าพันข้อมือสีครีมไว้หลวมๆ ผมจำเป็นต้องแกะออกมา ผมป้ายยาบนข้อแขนพร้อมนวด ปากก็พ่นลมหวังให้ยาแห้งไวไว กูล จ้องหน้าผมนิ่ง ค่อยๆเอามือมาเสยผมที่ปิดบังหน้าออก ผมสะดุ้ง จึงถอยหน้าออกมา เงยหน้าขึ้นไปมอง เจอกับสายตาคู่นั้นจ้องมองมา จึงรีบหลุบตาลงในตำแหน่งแขนดังเดิม ความรู้สึกเหมือนตอนพี่ปลื้มจับมือผมไม่มีผิด กูล มันเป็นน้อง น้องที่มีสถานะดีกว่าผม ผมต้องทบทวนคำพวกนี้ย้ำๆ ซ้ำๆ เพื่อเตือนสติ เมื่อได้สติจึงดึงผ้าพันข้อมือดึงรัดให้แน่น จะได้ไม่หลุดง่าย

“ทายาที่หลังจะไม่เจ็บใช่ไหม” น้ำเสียงออดอ้อนพร้อมสีหน้าเด็กกลัวการหยอดวัคซีนแบบนี้ แปลกพิกล

“ไปเอาความเชื่อนี้มาจากไหน” อดหน่ายไม่ได้จริงๆ

“พูดได้แล้วหนิ” 

“เออ” โว้ย นี่กำลังยั่วประสาทผมอีกแล้วใช่ไหม

      กูล ถอดเสื้อคว่ำหน้าลงกับเตียง ผมจึงค่อยๆป้ายยานวดไปบริเวณที่คาดว่าน่าจะเคล็ดขัดยอก นวดไปมาช้าๆ ไม่มีเสียงเจ็บหรือเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา มีเพียงลมหายใจสม่ำเสมอ เด็กหลับแล้ว หลับง่ายชะมัด แต่นี่มันเตียงนอนผม มันไม่ควรมาอยู่ที่นี่ ผมจึงเอื้อมมือเขย่าตัวปลุก

“กูล ตื่น”

“กูล ตื่นได้แล้ว”

“กูล ตื่นได้แล้ว เสร็จแล้ว”

“กูล นอนที่นี่ไม่ได้”

“กูลลลลลล” ผมเขย่าตัวแรงขนาดไหนคนหลับลึกก็ไม่มีทีท่าจะตื่น ผมมองซ้ายมองขวา ห้องไม่มีพื้นที่ที่สามารถนอนบริเวณพื้นได้เลย เพราะเตียงหลังนี้ใหญ่จนกินพื้นที่ส่วนใหญ่ในห้อง ก้าวลงจากเตียงผมก้าวเดียวก็ห้องน้ำแล้ว นอนตรงนั้นไม่ได้แน่ๆ ผมจึงขยับพลิกตัว กูล ให้ชิดขอบเตียงติดผนัง จึงพอจะเหลือพื้นที่ว่างมากพอให้ผมได้นอนอย่างสบาย

     หลังจากผมอาบน้ำ เช็ดผมให้แห้ง สวดมนต์ แล้วล้มตัวลงนอน ความจริงเตียงผมนอนสามคนยังสบาย แต่มันรู้สึกแปลก ที่ต้องนอนกับคนอื่นเท่านั้น คนตัวโตนอนหลับ ขยับเปลี่ยนท่า ให้นอนสบาย ผมค่อยๆหลับตาลง และหลับไป


Line Message: P.PLUEM

Today

00:01 พี่นอนไม่หลับเพราะคิดถึงแต่...จุน

00:02 ยังไม่นอนใช่ไหม

00:02 UHU

00:03 อ่านแล้วตอบพี่หน่อยได้ไหมครับ

ไปนอนสะ น่ารำคานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน 00:04 read

00:05 สายๆเจอกันนะครับ



     ตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นคนตัวโตในห้องนี้แล้ว อยู่ๆภาพฝันเมื่อคืนก็ลอยขึ้นมาในหัว เมฆหวานก้อนเดิมลอยเข้ามาให้ผมได้ชิมอีกแล้ว ลักษณะคลับคล้ายสายไหมสีขาวขุ่นตามงานวัด ปุยก้อนฟูนุ่มน่าสัมผัส และเมฆก้อนนี้ยังคงมีความชื้นหนาแน่นเหมือนเดิม ความหวานบางเบาเหมือนน้ำหวานในดอกเข็มในวัยเด็กไม่ผิดเพี้ยน ผิดแต่ครั้งนี้เมื่อผมได้ลองชิม เมฆค่อยๆดูดปากแรงขึ้น แรงขึ้นจนเจ็บ เจ็บจนไม่อยากชิมเมฆก้อนนี้อีกแล้ว ซ้ำยังดูดลมหายใจแทบสิ้น หายใจไม่ออก น้ำตาเอ่อไหล เมฆจึงค่อยๆจางหายไป ทำไมเจ้าเมฆใจร้ายแบบนี้  ไม่เอาแล้ว จะไม่ชิมอีกแล้ว มันเป็นฝันร้าย   
 

“ตื่นแล้วหรอค่ะ น้องจุน” เสียงทักทายจากพี่จันทรา

“ครับ” ผมเดินไปหยุดหน้าเขียงซอยต้นหอมต่อจากพี่จันทรา

“น้องจุน มาหาพี่หน่อยได้ไหมค่ะ”

“มีอะไรเหรอครับ” ผมก้าวเดินเข้าไปหา

“ที่ห้องมีแมลงใช่ไหมค่ะ กัดคอเป็นจ้ำใหญ่ขนาดนี้” พี่จันทรายื่นสำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดลงบริเวณแมลงต่อย แอลกอฮอล์แห้ง จึงค่อยป้ายแซมบัคเนื้อเขียวๆทาวนรอบบริเวณแผลแมลงต่อย ปิดพลาสเตอร์ลายเสือปิดทับแผลไว้
 
“ขอบคุณครับ” ผมพนมมือไหว้ขอบคุณ

“ต่อไปนี้จะเข้าจะออกจากห้อง น้องจุนต้องล็อกห้องให้ดีทุกครั้ง ช่วงนี้หน้าฝน แมลงคงเยอะ ถ้าเราป้องกันแมลงไม่ได้ เราต้องดูแลตัวเอง ทำอะไรต้องระวังให้มากๆนะคะ พี่เป็นห่วงน้องจุน น้องจุนรู้ใช่ไหม”

“ครับ”

     โดยปกติแล้วผมไม่ค่อยจะล็อกห้อง ถ้าผมอยู่บริเวณบ้าน ไม่ได้ออกไปไหนไกลๆ ลองคิดดูเล่นๆนะครับ ใครบ้างอยู่บ้านตัวเองแท้ๆ ต้องถือกุญแจไป ถือกุญแจมา ดีไม่ดีกางเกงบางตัวไม่มีกระเป๋าให้ใส่กุญแจ เกิดหล่นหายขึ้นมา คงไม่ได้เข้าห้องกันพอดี แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ผมไม่เคยเปิดประตูอ้าหรือค้างเอาไว้ นานจนแมลงเข้าไปได้ ผมจะระวังให้มากขึ้นครับ ต้องไปซื้อยาฆ่าแมลง

เสียงกระดิ่งหน้าบ้านดังขึ้น ผมรีบอาสาไปเปิด เจอพี่ปลื้มยืนยิ้มแป้นแล้น ส่งลักยิ้มอยู่รั้วหน้าบ้าน

“มาบ่อยนะครับ ช่วงนี้” ทักพี่ปลื้มเสร็จแล้วจึงเปิดประตูบานเล็กให้พี่ปลื้มเข้ามา

“รีบทำคะแนน”

“ไม่มีคะแนนครับ ไม่มีแบบทดสอบด้วย”

“ทำไมใจร้าย เมื่อคืนก็ไล่พี่ไปนอน”

“ตอนไหนครับ”

“เที่ยงคืน”

“บ้าแล้ว นอนนานละเหอะ”

“นี่ครับ จุน พี่ส่งสติกเกอร์ไป จุนยังไม่ได้อ่านเลย” มองดูข้อความบนไอโฟนพี่ปลื้ม จึงล้วงไอโฟนของผมขึ้นมาสไลด์ดู ผมจึงทำการปลดบล็อกพี่ปลื้ม คุณหนูกูลอีกแล้วครับ ต้องเป็นเมื่อคืนแน่

“ขอโทษครับ ผมคงละเมอเผลอไป” ผมเชิญพี่ปลื้มเข้าบ้าน เจอตัวการนั่งสบายใจดูข่าวเศรษฐกิจภาษาต่างประเทศช่องเคเบิ้ลทีวี



“กูล ขอคุยด้วยหน่อย” ผมนั่งลงข้างกูล พูดเสียงเบา

“เรื่องอะไรครับจุ้น” ใช้เสียงกวนประสาทความดังระดับสามคนได้ยิน สายตามองไปทางพี่ปลื้ม แขนซ้ายวาดข้ามหลังวางไว้บนไหล่

“ทำอะไรไว้ละ” ผมพูดเบาลง พอให้ได้ยินแค่สองคน

“อะไรนะ! อ๋อ! เรื่องของเรา” กูลเอียงหูต่ำลงมาใกล้ปากผม ตะแบงเสียงดัง แต่งรูปวลีสองแง่สองง่าม แกล้งผม ผมจึงลุกเดินนำออกไป กูลจึงเดินไล่หลังตามมา


“รู้จักคำว่า Private ไหมกูล ความหมายมันสากลมากเลยนะ มนุษย์ที่มีจิตสำนึกเขาจะรู้ว่าไม่ควรไปเข้ายุ่งทุกกรณี” พยายามจะไม่โวยวาย อาจารย์จิตวิทยาพื้นฐานที่เรียนตอนปีหนึ่ง สอนว่า การด่าแบบสุภาพชนคนฉลาด ผลของมันจะออกมาดีกว่าเสมอ ผมมองสีหน้าของกูล ที่เจื่อนลงเล็กน้อย คิดว่าคงได้ผล แต่ได้ไม่นาน สีหน้ายียวน วกกลับเข้าประทับร่างพ่อคุณดังเดิม

“มันหนวกหู คนจะหลับจะนอน”

“มันมีหลายวิธีไหมวะกูล ทำไมต้องทำแบบนี้  เรื่องส่วนตัวมันควรจะเป็นส่วนตัวป่าววะ”

“เออผิด!! พอใจแล้วรึยัง” สิ่งที่ผมสื่อไป มันไม่ได้ช่วยให้กูลสำนึกเลยใช่ไหม ผมเริ่มมีอารมณ์โกรธ

“ก่อนจะทำอะไร กรุณาช่วยคิดให้มากๆได้ไหม” พูดไปกัดฟันไป ผมจะพยายามควบคุมทุกอารมณ์ให้ได้

“ โกรธขนาดนี้ ชอบมันมากใช่ไหม” เสียงกูลอ่อนลง สลดลงเห็นได้ชัด เดินหันหลังจากไป ทิ้งความขมุกขมัวไว้ในใจของผม


“จุน ครับ จุน”

“คะ....ครับพี่” ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิมในครัว ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ พี่ปลื้มจึงตามมาเขย่าตัว

“จุน ติดพลาสเตอร์ที่คอเป็นอะไรครับ”

“แมลงมันต่อย พี่จันบอกว่าห้อเลือดเลยครับ”

“เป็นห่วงจัง” มือพี่ปลื้มลูบหัวช้าๆ ชโลมจิตใจที่ขมุกขมัวตื่นฟื้นขึ้นได้บ้าง ผมยิ้มอ่อนๆให้พี่ปลื้ม




Guide Line Thanks.
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เจ็ด 09-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 09-07-2018 05:43:16
โอ้ยแล้วจะเข้าใจกันได้มั้ยนะ​ ติดไปคนละทางเลย​ กูลต้องแสดงออกชัดเจนกว่านี้​ ส่วนจุนนี่เป็นคนใสใสที่ติดมากจังติดกังวลในทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เจ็ด 09-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 09-07-2018 06:18:36
พี่จันรู้อะไร? ทำไมถึงอยากให้จุนล็อกห้องให้ดี
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่หก 07-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 09-07-2018 09:32:27
ไม่ชอบนิสัยกูลเลย แต่เหมือนนายเอกจะไม่คิดงั้น
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เจ็ด 09-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 09-07-2018 10:05:12
อืมมมมมมมมมมมม  กูลก็เด็กนะ แต่จุนก็ปล่อยให้ปลื้มเข้ามาใกล้้้้้อ่ะ ทั้งๆที่ไม่ชอบ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เจ็ด 09-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Tak ที่ 09-07-2018 11:03:45
 ชอบบบบบ พี่จันทรารู้แล้วแน่ๆ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เจ็ด 09-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-07-2018 11:45:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เจ็ด 09-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 09-07-2018 11:46:17
แมลงตัวใหญ่
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เจ็ด 09-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: orloftin ที่ 09-07-2018 14:14:00
พี่จันต้องมีความหมายแอบแฝงแน่ๆเบยยย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เจ็ด 09-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 09-07-2018 21:07:26
โอ้ยโดนลักหลับแน่ๆๆอะ พี่จันจะรู้ไหม รออ่านต่อค้าบ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เจ็ด 09-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 09-07-2018 21:29:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เจ็ด 09-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-07-2018 23:29:30
ยิ่งอ่านก็ยิ่งคิดว่าจุนนี่ไซ้ใสเนอะ พี่จันบอกว่าแมลงกัดก็แมลงไม่เอะใจอะไรเลยซึ่งเราเชื่อว่าพี่แกต้องรู้อะไรแน่ๆ เพราะคงมองรอยออกอะ ส่วนกูลก็ฉวยโอกาส พี่ปลื้มนี่ก็พอบอกจะจีบก็รุกหนักเลย แล้วจุนก็เหมือนจะรู้สึกดีด้วย จะดราม่าอะไรเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เจ็ด 09-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-07-2018 00:33:07
แมลงต้องตีแบบเนี่ย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เจ็ด 09-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 10-07-2018 01:16:39
จุนเอ๊ยยยยย ใสเหลือเกินลู๊กกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่แปด 10-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 10-07-2018 07:56:50
ตอนที่แปด
รู้จักกันแล้ว



     หลายวันที่ผ่านมา สถานการณ์คลายความอึดอัดใจของผมลงไปได้บ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดเรียงในที่ที่ควรจะเป็น คล้ายแบบเดิม แบบปกติ อย่างที่ผ่านมา แม้บางสิ่งที่ควบคุมไม่ได้จะเปลี่ยนไป แต่ผมค่อนข้างจะโอเคกับการเป็นอยู่ ณ ขณะนี้
 
     ผมขอให้พี่ปลื้มไม่มาหาผมที่บ้านเกินความจำเป็น ขอแลกเปลี่ยนเป็นการคุยโทรศัพท์ทดแทน พี่ปลื้มเห็นด้วยในข้อเสนอของผม ทำให้ช่วงนี้ผมเหมือนเป็นคนติดโทรศัพท์เป็นพิเศษ ทั้งที่ปกติผมไม่ชอบการสื่อสารประเภทนี้สักเท่าไหร่ แต่ยังคงจัดการง่ายกว่าการพูดคุยต่อหน้า หลายครั้งที่ผมไม่กดรับสาย เพราะความถี่ในการโทรเกินปริมาณความจำเป็น ซึ่งในบทสนทนาระหว่างกันผมมักจะพูดย้ำเชิงลักษณะให้พี่ปลื้มยอมรามือ ผมเคยคุยกับพี่ปลื้มแบบจริงจังแต่คงไม่หนักแน่นพอ พี่ปลื้มจึงแทรกด้วยการขอโอกาสหรือตำหนิ ที่ผมตัดสินใจแทนเขาทุกครั้ง บางครั้งกลับเป็นผมเองที่หลงใหลความใจดีของพี่ปลื้ม จนคิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า คล้ายกำลังรั้งพี่ปลื้มไว้ให้อยู่กับตัว ไม่เด็ดขาด ผมสับสนไปหมด มันค่อนข้างจะบิดเบี้ยว

     ส่วนกูล น้องมันมึนตึงกับผมตั้งแต่วันนั้น ลักษณะของกูลควรจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ไม่ต้องคุยกับผม ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับผม เราควรมีความสัมพันธ์แบบห่างๆ ไม่ต้องสนิทมากอย่างหลายวันที่ผ่านมา ผมมักจะเห็นสายตาเว้าวอนอะไรสักอย่างของกูล ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ใส่ใจ ซึ่งทำให้กูลหงุดหงิด บางครั้งก็ลุกเดินหนีไปจากโต๊ะกินข้าวไปดื้อๆ อาการคุ้มดีคุ้มร้าย จนกระทั่งวันพรุ่งนี้จะเป็นวันเปิดเทอม บนโต๊ะทานข้าวจึงมีการสนทนากันมากเป็นพิเศษ

“พรุ่งนี้แม่อยากไปมหาลัยฯ ของกูลด้วยจัง”

“จะไปทำไมละคุณ ลูกไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ” เตี่ยพูดขัดแม่

“ฉันอยากเห็น วินาทีที่กูลได้เจอสภาพแวดล้อมใหม่ๆ คุณไม่เป็นแม่คุณไม่รู้หรอก” บางคำพูดของแม่ มันทำให้ผมอิจฉาความรักของแม่ที่มีให้กูล อย่างเช่นครั้งนี้

“แต่พรุ่งนี้คุณติดประชุม”

“ก็ใช่นะสิ งั้น จุน ช่วยแม่หน่อยได้ไหมค่ะ ช่วยถ่ายรูป กูล ในชุดนักศึกษาคู่กับสิ่งแวดล้อมในมหาลัย เพื่อนใหม่กูล อาคารเรียน ถ่ายส่งมาทางไลน์ให้แม่เยอะๆหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะจุน”

“ครับ” กลายเป็นผมเองที่ไม่ได้พูดขัดความต้องการของคุณแม่

“ต้องซื้ออุปกรณ์อะไรเพิ่มบ้างนะ จุนช่วยน้องเลือกให้ครบด้วยนะคะ”

“ครับ”

“พรุ่งนี้ผมต้องออกเช้าขนาดไหน รายงานตัวเก้าโมง” กูลพูดกับคุณแม่ แม่จึงหันสายตามาถามความคิดเห็นผม

“สักเจ็ดโมงครึ่ง เผื่อเวลาก็ดีนะครับ”

“ใครถาม” กูลหันมาเสียงดังใส่

“กูลค่ะ” คุณแม่จึงเอ็ดกูลกลับ

“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบปัด

“งั้น แม่ฝากน้องด้วยนะ จุน”

“ครับ ผมจะพยายาม” นึกไปแล้วผมจะพยายามได้นานขนาดไหน ยังกังวลอยู่ไม่น้อย



     วันแรกในรั้วมหาวิทยาลัยของนักศึกษาชั้นที่หนึ่ง สภาพโดยทั่วไปดูวุ่นวาย รถเรียงรายเป็นแถวเป็นแนวตามสองข้างถนนทางเข้ามหาวิทยาลัย ผู้ปกครองของเด็ก มาให้กำลังใจ มาส่งตัวบุตรหลาน นักศึกษาบางคนก็เตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าสัมภาระ มาพร้อมจะย้ายเข้ามาอยู่ในหอในมหาวิทยาลัย เสียงรัวกลองดังอึกทึกครึกโครมในหลายจุด หลายบริเวณ รุ่นพี่มีกิจกรรม สร้างบรรยากาศ ดูสนุกสนานครื้นเครง มีทีมคอยแนะนำ มีทีมคอยช่วยเหลือ มีทีมบริการ และอีกหลายๆทีมที่พร้อมใจกันอาสา เข้ามาต้อนรับขับสู้ พวกเขาเหล่านั้น นักศึกษาใหม่ชั้นปีที่หนึ่ง

“กูล ไปรายงานตัวอาคารตรงนี้ ส่วนผมจะไปซื้ออุปกรณ์ที่สหกรณ์มาให้ เจอกันที่ลานกิจกรรมด้านนี้นะ” เมื่อลงรถเรียบร้อยผมเดินมาส่งกูลหน้าอาคาร แนะนำการเข้าไปรายงานตัว และขอแยกตัวออกมา จะได้ไม่เสียเวลาเดินเทียวไปเทียวมาหลายรอบหลายหน


Line Message: P’PLUEM

10:24 จุน อยู่ตรงไหนครับ

ลานกิจกรรมครับนัดกูลไว้ว่าจะรอที่นี่ 10:26 read

10:27   ห้านาทีเจอกันครับ เดี๋ยวพี่ไปหา

ครับ 10:27 read



สักครู่พี่ปลื้มก็มาถึง มาเร็วเหมือนอยู่ใกล้แถวนี้ ผมเห็น พี่ปลื้มเดินยิ้มแปล่งออร่ามาแต่ไกล เด็กปีหนึ่งหันมองตามกันอย่างสนใจ เดินเฉยๆยังโปรยเสน่ห์ใส่คนเรี่ยราดอีก

“สวัสดีครับ มาช่วยกิจกรรมชมรมหรอครับ”
 
“ใช่ มีคนบางคนชวนแล้วแต่ไม่มา”

“ผมติดธุระนี่ครับ”

“เอาเถอะ แต่เที่ยงต้องไปทานข้าวกัน”

“ได้ครับ” ตอบรับพี่ปลื้มแล้ว จึงยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายบรรยากาศโดยรอบส่งให้คุณแม่ตามคำขอร้อง กลับมานั่งคุยนั่งเล่นกับพี่ปลื้ม ไม่นานเท่าไหร่กูลมัน เดินเข้ามาหา พร้อมเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกัน ตัวสูงชะลูด หน้าตาดีพิมพ์นิยม

“ยู คนนี้หรอวะ น่ารักกว่าในรูปนี่หว่า แนะนำเร็วดิ ไออยากรู้จัก” เด็กตัวสูงรบเร้าเพื่อนตัวเอง

“กำลังหงุดหงิด” กูลมันหันไปบอกเพื่อน เชิดหน้าใส่ผม

“เอ่อ... ผมชื่อ ก่อ นะพี่ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคนขี้หงุดหงิดคนนี้”  เด็กตัวสูงแนะนำตัว ผมคิดว่าเด็กคนนี้คงทะเล้นน่าดู ออร่าความสุขแปร่งประกายออกมาเห็นได้ชัด แต่เมื่อผมมองตามสายตาของเด็กก่อ เขาไม่ได้มองผมจุดพักสายตาของเขา อยู่ที่พี่ปลื้ม เหมือนเขาจะรู้จักกัน เพราะพี่ปลื้ม ท่าทางดูชะงักไป และมีท่าทีแปลกๆ

“ครับ พี่ชื่อจุนครับ” ผมเรียกสายตาเด็กก่อ ให้หันกลับมา

“อ้อ รู้จักแล้วละครับ พี่จุ้นของ....#@&*#!” เด็กก่อโดนมือหนาคนหน้านิ่งปิดปาก ล็อคคอถอยร่นออกไป

“เดี๋ยว กูล ยังไม่มีรูปเลย แม่ทวงถาม” รีบท้วงก่อนจะเดินหนีไปไหน เด็กก่อ ลากเพื่อนของเขากลับมา

“ถ่ายเลยพี่” ก่อ ยิ้มกว้างกอดคอ กูล หน้านิ่งเอาไว้

“เสร็จแล้ว ไปทานข้าวกัน”

“คนนี้ เขาเป็นใครหรอพี่” ก่อ ถามอย่างสงสัย ทำไมลุกเดินไปด้วยกัน แต่นำเดินห่างออกไป หรือ ไม่รู้จักกันวะ เริ่มงง

“โทษที ลืมแนะนำ คนนั้นพี่ปลื้ม เรียนวิศวกรรมศาสตร์ปีสี่”

“Oh! Nice to meet you” ก่อ รีบวิ่งไปตัดหน้า ยื่นมือออกมาอย่างธรรมเนียมฝรั่ง

“อือ หวัดดี” พี่ปลื้มไม่ได้แตะมือเด็กก่อแต่อย่างใด พูดทักทายอย่างเดียว

“โอ้ว แก้มยู มีรอยบุ๋มด้วยอะ ไม่เคยเห็นของจริงมาก่อนเลย” ว่าแล้วก่อเอานิ้วไปจิ้มรอยบุ๋ม บนแก้มของพี่ปลื้ม เด็กต่างชาติ เขาถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้เป็นปกติใช่ไหม

“เฮ้! คุณไม่ควรสัมผัสคนเพิ่งรู้จักมั่วซั่วแบบนี้นะ” พี่ปลื้มพูดพร้อมถลึงตาใส่

“งั้นต่อไป ก็ทำได้” สีหน้าพี่ปลื้มดูหงุดหงิดไม่น้อย ผมเพิ่งเคยเห็นอารมณ์แบบนี้ของพี่ปลื้ม แปลกตาดี

“เอ่อ เราเข้าไปทานข้าวกันเถอะ”  ผมนำทุกคนไปยังด้านในโรงอาหารกลาง แนะนำร้านให้สองเด็ก ส่วนพี่ปลื้มไปจองโต๊ะเมื่อผมได้อาหารจึงสลับสับเปลี่ยนพี่ปลื้มไปซื้อบ้าง พวกเราได้อาหารมาครบจึงเริ่มทาน

“อะ แตงกวา ฟอร์ยู นะพี่ปลื้ม ไอไม่ชอบมันเอาเสียเลย”

“คุณไม่ควรเอาของเหลือ ตักใส่จานคนอื่น ที่นี่ประเทศไทย” พี่ปลื้มพูดเสียงข่ม

“ไอโนว ไอโนว ไออยากสนิทกับยูไง พี่ปลื้ม”  พี่ปลื้มเขี่ยแตงกวาไว้ข้างจาน

“จุน ทอดมันครับ อร่อย” พี่ปลื้ม ตักทอดมันใส่จานผม ผมหันไปยิ้มขอบคุณ

เสียงกระแทกขวดน้ำ ดังลั่นโต๊ะผมหันกลับไปมอง เด็กไร้มารยาทมันกลับมาอีกแล้ว มันไม่ค่อยถูกชะตากับพี่ปลื้มเท่าไหร่ ผมสังเกตมาสักพักแล้ว ต่อไปผมจะพยายามกันสองคนนี้ออกห่างจากกัน

“พี่จุ้น ไอ ขอทอดมัน พีซซซซ”

“เอาดิ ชอบทอดมันหรอ”

“ไอ อยากลองชิม” เด็กก่อส่งสายตาเง้างอน ร้องขอทอดมัน

“เอาไป อย่าไปยุ่งของ จุน”  พี่ปลื้มใช้ส้อมจิ้มทอดมัน ส่งให้ก่อ

“งั่ม! อร่อย” เด็กก่อคว้ามือพี่ปลื้มที่ถือส้อม ป้อนทอดมันเข้าปาก พี่ปลื้มชักส้อมเปล่ากลับมาวางข้างจาน แล้วนิ่งไปสักพัก ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานข้าวในจานไม่พูดไม่จา

“กินข้าวสิ มองมันอยู่ได้” ผมเผลอมองพี่ปลื้มนานจนกูลทักขึ้น ผมจึงหันกลับมาทานข้าวในจานต่อ

     ทานข้าวเสร็จเรียบเราแยกย้ายกัน พี่ปลื้มขอตัวไปก่อนตั้งแต่ทานข้าวเสร็จที่โรงอาหาร แยกกับก่อที่ลานจอดรถ เรากำลังกลับบ้าน บนรถไม่มีบทสนทนา กูล ดูหงุดหงิด ผมก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไร เป็นแบบนี้ดีแล้ว รถถูกขับมาเรื่อยๆ ไม่ใช่ทางกลับบ้าน เริ่มจะออกชานเมือง เส้นทางไม่คุ้นตา กูล ไม่น่าจะชินทางที่ขับมา ไม่ได้เปิดจีพีเอส แล้วมันจะไปไหน

“กูล ไม่ใช่ทางกลับบ้านนิ”

“.....”

“ถ้าผมทำอะไรผิด ผมขอโทษแล้ว กลับบ้านเถอะ”

“ชอบมันจริงๆแล้วใช่ไหม”

“หะ”

“เริ่มชอบตั้งแต่ตอนไหน”

“หมายถึงพี่ปลื้ม?” ผมย้ำคำว่า “มัน” ในคำถามของกูล

“อืม”

“ถามไปทำไมวะ”

“แค่อยากรู้ ว่าคบกันหรือยัง”

“ยัง” ผมเพิ่งจะเคยเห็นกูลมันยิ้มอย่างเต็มปาก

“แสดงว่าคนอื่นก็ยังพอมีโอกาส”

“คนไหน” อยากรู้จริงๆว่าใครจะเข้าหาผมอีก กูล มันต้องรู้อะไรแน่ๆ แค่พี่ปลื้มผมก็จัดการความรู้สึกได้ยากมากพอแล้ว

“ถามจริง กินข้าว หรือ กินฟางข้าว”

     มันด่าผมแล้วอารมณ์ดี กดเปิดจีพีเอสนำทางกลับบ้าน คนโดนด่าแบบผมก็เซ็ง คิดๆไปผมยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันคนรักกับใครสักที ไม่เคยมีโมเมนต์โดนจีบหนักๆแบบพี่ปลื้ม มีคนมาดีด้วยความหลงใหลได้ปลื้มมันเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ที่ผ่านเข้ามาให้หงุดหงิดใจมากสุดก็แค่แซวเล่น ตามประสา ตามวัย ขืนมีใครเข้ามาอีกมีหวัง เส้นเลือดในสมองคงแตก คิดอะไรเพลินๆ ก็ผล็อยหลับไป อากาศร้อนในตอนกลางวันก็ทำให้เราง่วงได้




“คุณกูล!!” คล้ายได้ยินเสียงพี่จันทราแว่วเข้ามา





Guide Line Thanks.
ปล. อยากเขียนพาร์ทพี่จันทรามากๆ แต่เป็นแค่ตัวประกอบค่าตัวน้อย
***แรงบันดาลใจมากจากละครที่ คนใช้ คนข้างบ้าน จะรู้เรื่องเจ้านายหรือคนบ้านอื่น เกือบทุกเรื่อง
ปล. ขอลากลับบ้านรับบุพการีไปพักผ่อน 15 วัน แต่จะพยายามแอบมาอัพให้นะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่แปด 10-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 10-07-2018 08:22:28
ก่อมีความกวนประสาทพี่ปลื้ม :katai5:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่แปด 10-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 10-07-2018 08:59:08
จัดไปสองคู่ น่ารักน่ารัก
รออ่านนะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่แปด 10-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: orloftin ที่ 10-07-2018 10:47:55
พี่จันทราต้องเห็นแล้วแน่ๆ พี่จันต้องอยู่ทีมจุ้น  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่แปด 10-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-07-2018 12:40:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่แปด 10-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-07-2018 06:35:13
จ้ะ ปวดตับ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่แปด 10-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 11-07-2018 07:14:10
รอค่ะ​ น้องจุนซึนมากอ่ะ​
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่แปด 10-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: jpjiraporn ที่ 11-07-2018 12:15:30
ทำไมเราไม่ได้อ่านบทที่เจ็ดล่ะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่แปด 10-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-07-2018 18:20:23
หวงเป็นจงอางหวงไข่เลย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สอง 03-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-07-2018 14:06:47
o22 เห~ เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรจุน แล้วสรุปใครเป็นพระเอก

นายเอก แต่ก็นะสงสารจุนอ่ะ อย่างว่าแหละ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สาม 04-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-07-2018 14:19:14
หรือกูลจะชอบจุนนะ  :m28:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่แปด 10-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-07-2018 14:25:36
เดี๋ยววว กรี๊ดดดด  :serius2: กักขัง หน่วงเหนี่ยวแน่ๆเลย

กูลลลลล อย่าใจร้ายกับจุนมากนะ เพราะดูแล้วแบบกูลดูเป็นคน

กวนๆ อารมณ์ดี ขี้แกล้งแบบนี้ เราว่ารักแรง หึงแรงอ่ะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่ห้า 06-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-07-2018 14:32:01
 :z3: รักแรง โกรธแรงแน่ๆ หึงโหดมาแน่ ฮืออ นี่ขนาดแค่กลับดึก

สามทุ่มเอง เสียงโหดมาเลย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เจ็ด 09-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-07-2018 14:42:40
เหยยย  :a5: นังกูลลลลล แกทำอะไรจุน แค่จูบไม่พอรึ!

เหมือนพี่จันจะรู้อะไรอ่ะ แง้ กลัวแม่กับเตี่ยเข้าใจจุนผิดอ่ะ  :o12:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่แปด 10-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-07-2018 14:58:02
เอาแล้วๆ  :katai1: ก่อกับปลื้มนี่มันต้องมีซัมติง โฮ่ยยย  :z3:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่แปด 10-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 15-07-2018 06:43:59
เรืีองน่าติดตามค่ะ
ดราม่าคงไม่หนักเกินไปใช่ไหม?
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่แปด 10-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-07-2018 09:17:58
โหยยย อย่าอ่านพาร์ทพี่จันทราเหมือนกันนะ
อยากรู้ว่าว่าเป็นชิปเปอร์รึป่าว 5555
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่แปด 10-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: MiaHiaKris ที่ 15-07-2018 11:10:20
อีกูลทำอะไร พี่จันทราจัดการมันเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เก้า 15-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 15-07-2018 23:43:07
ตอนที่เก้า

ความเคยชินเป็นข้ออ้าง



“คุณกูล!!” ได้ยินเสียงพี่จันทราแว่วเข้ามาตามสายลมเย็นเสมือนลมฝนพัดผ่านหน้าผากพอให้เย็นชื้น

“มีอะไรหรือ พี่จัน” ได้ยินเสียงกูลพูดโต้ตอบพี่จันทรา ฉุดสติให้ผมคืนกลับมา ลืมตาตื่นขึ้น เห็นประตูฝั่งผมเปิดอ้าอยู่ก่อนแล้ว มีกูลยืนขวางประตูอยู่

“น้องจุน เป็นอย่างไรบ้างค่ะ” พี่จันทราแทรกตัวเข้ามาพยุง ผมเพิ่งตื่นขึ้นมาเกิดอาการงัวเงียนิดหน่อยไม่ได้เป็นอะไร พี่จันทรากังวลเกินไปแล้ว คงจะคิดว่าผมไม่สบาย

“ป่าวครับ ปกติดี เผลอหลับไป คงเพลียแดด” พี่จันทราเปลี่ยนเป็นจูงมือผมเข้าไปในบ้านแทน
 
“ก่อนหน้านี้ ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นใช่ไหมคะ”

“ครับ?” ผมฉงน  ไม่เข้าใจการสื่อสารของพี่จันทราสักเท่าไหร่
 
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ” ผมยังไม่ได้ตอบกลับข้อซักถาม พี่จันทราแค่สำรวจร่างกายผมไปมา โดยเน้นบริเวณลำคอว่าแผลหายดีแล้วหรือยัง

“ขอบคุณครับ จุนไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” ผมพนมยกขึ้นมือไหว้แสดงความขอบคุณ และความห่วงใยที่มีให้ผมมาตลอด จึงขอตัวกลับห้อง

     ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมมีความรู้สึกว่า กูล มันตามติดผมแจ จนผมเริ่มสูญเสียความเป็นตัวเองไปทีละนิด ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร ในระยะสายตาของผม มักจะเจอกูลมันได้ง่ายๆ เหมือนมันวนเวียนอยู่รอบๆตัวผม แปลกมาก หรือผมสร้างภาพหลอนไปเองก็ไม่รู้ เพราะทุกๆคลาสเรียนสุดท้ายของตารางเรียนผม กูล มันจะรออยู่ใต้ตึกที่ผมเรียน หรือไม่ก็ บริเวณโดยรอบอาคารเรียนนั้นๆ เมื่อผมลงมาก็จะเจอพวกมันสองคนเสมอ มันโดดเด่นจนไม่ต้องมองหา อาจเพราะ จุดรวมสายตาของผู้คนบริเวณนั้นคือพวกมันสองคน พูดไปก็น้อยใจความต่ำเตี้ยของตัวเอง และ ตกใจทุกที เมื่อสายตาคู่นั้นเลื่อนมาหยุดที่ผม หน้านิ่งๆนั้นจะรีบปรี่ตรงมาทางผม ผมตะกุกตะกักคิดไม่ทันสักทีว่าจะเดินหลบเดินหลีกไปทางไหน แย่จริง โดนจับได้โดนไล่ทันเสียทุกครั้ง แล้วมันมักพูดคำเดิมสั้นๆ

“กลับบ้าน” พูดเสียงดังลั่นโถง แล้วเดินนำออกไป  ผมจำเป็นต้องบอกลาเพื่อนร่วมคลาสแล้วเดินตามมันไป ความรู้สึกเหมือนภรรยามาตามกลับบ้านยังไงไม่รู้ และที่สำคัญ มันก็จะทิ้ง เด็กก่อ ให้เผชิญสายตารุ่นพี่พาณิชย์ฯ แทะโลม ไปคนเดียว ไม่ใช่แค่สายตาสิ เด็กก่อ ทั้งหน้าตาทั้งนิสัยของมันดึงดูดคนเข้าหาสูงมาก ผิดกับเพื่อนของมัน หน้าตาไม่รับแขกยังไง นิสัยก็ไม่เอาใครอย่างนั้น มารยาททางสังคมติดลบสุดๆ
 
“เดี๋ยว ยังจะหลงทางอยู่อีกเหรอ น่าจะจำทางได้แล้วนะ จะครบอาทิตย์แล้ว”

“แม่บอกว่าให้กลับพร้อมกัน” บางครั้งผมก็เกิดข้อสงสัย ขัดแย้งขึ้นในใจ เมื่อก่อนผมไปกลับเองก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร อ้อ! คุณแม่คงห่วงกูลมากเกินไป เช่นเคย

“แล้วถ้าวันหนึ่ง มีธุระหรืองานกลุ่มต้องทำ แล้วคุณจะทำยังไง จำทางไม่ได้ยาก มันก็จะซ้ำๆเดิมๆนั่นแหละ”

“ก็รอได้ ทำไมหะ!! หรือ นัดเดทกับใครไว้รึไง ถึงอยากกลับเองนัก”

“นั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัวไหมละ”

“แสดงว่าเป็นเรื่องจริง...... นอกจากไอปลื้มยังจะมีคนอื่นอีกเหรอวะ” กูล พูดงึมงำเบาจนไม่ได้ยิน

“ว่าอะไรนะ”

“ประสาทหูไม่ทำงานเหรอ”

“เออ!! ไม่อยากรู้ก็ได้วะ เรื่องของคุณเลย” ผมได้แต่ ฟึดฟัด อึดอัดอยู่ในใจ หงุดหงิดที่ไม่รู้ว่ามันด่าอะไร จะด่าสวนกลับก็ไม่ได้

“จะไปไหน ธุระอะไรก็บอก จะพาไป”

“ทำไมต้องทำให้วุ่นวายไปเสียหมด ไปคนเดียวได้ ปีสามแล้ว”

“แม่บอกไว้ว่ายังไงนะ”

“โว้ย เลิกเอาคุณแม่มาอ้างได้ไหม เป็นไรมากป่ะ”

“เป็นห่วง”

“หะ” เสียงงุบงิบคนเดียวอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ได้ยิน รู้สึกแปลกใจไม่น้อยจึงต้องถามย้ำ

“ไงช่วงนี้ ไอปลื้มหายไปไหนแล้วละ”

“เขาเป็นพี่คุณตั้งสี่ปี พูดจาให้มันดีดีหน่อย”

“ทำไม แตะไม่ได้เลยนะคนนี้”

“ผมกำลังสอนมารยาททางสังคมให้คุณอยู่ อยู่บ้านนี้เมืองนี้เป็นเรื่องที่ควรรู้ และควรปฏิบัติตาม เพราะถ้าคุณพูดแบบนี้บ่อยๆ คุณจะเคยชินคำพวกนี้ จนติดปาก สุดท้ายจะกลายเป็นนิสัย”

“แค่พูดกับจุ้นสองคน เสียมารยาทตรงไหน”

“สอนยาก เอาแต่ใจ อีโก้สูง ไร้มารยาทสิ้นดี โคตรเกลียดเลยคนพวกนี้เลย”

“หมายถึงใคร”

“ยกตัวอย่างสิ่งที่ไม่ชอบ”

“ทุกฎทุกทฤษฎีมันมีข้อยกเว้นทั้งนั้น”

“แต่ไม่ใช่สำหรับผม”

“คอยดูก็แล้วกัน”


     “เคยชิน” คำนี้เป็นคำที่น่ากลัวคำหนึ่ง เมื่อคุณเคยชินกับอะไรบางสิ่งหรือบางอย่าง คุณจะเผอเรอ ไร้สติยั้งคิด มันเป็นความขาดของหลายๆอย่าง ก่อตัวเป็นกิเลสชนิดหนึ่งที่เกาะกินความรู้สึกอย่างช้าๆ จนกว่าจะรู้สึกตัว เร็ว ก็อาจจะเจ็บน้อยหน่อย ช้า ก็อาจจะเจ็บมากหน่อย บางครั้งบางทีมีตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้เกิดพันธะที่เรียกว่า “ความผูกพัน” ความหลงใหลได้ปลื้มจะสร้างพันธะผูกพันพวกนี้ กลายเป็น  ความรัก ความโลภ ความหลง ทุกสิ่งมีเหตุ มีที่มาทั้งสิ้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือการกระทำสิ่งผิดจนเคยชิน กลายเป็นเรื่องปกติ 

     เกือบอาทิตย์แล้วเช่นกันพี่ปลื้ม ขาดการติดต่อไปเลย มันแปลกมากๆ ความถี่ในการโทรเข้ามาในแต่ละวันกับการขาดหายไปเลยเสียดื้อๆ มันน่าแปลก แปลกมากๆ จนคิดว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับพี่ปลื้มแน่ ผมลองโทรเข้าไปยังสมาร์ทโฟนพี่ปลื้ม ไม่มีสัญญาณตอบกลับ ผมฝากข้อความทิ้งไว้

“พี่ปลื้มผมเป็นห่วง ติดต่อกลับมาหาผมหน่อยนะครับ”

    และช่วงเย็นวันศุกร์ เรารีบกลับบ้านไม่ได้แวะไปที่ไหน ฝนฟ้าคะนองไปทั่ว ฟ้าร้องฟ้าผ่าค่อนข้างน่ากลัว การจราจรติดขัด อากาศแย่มาก ทั้งลมทั้งฝน ป้ายโฆษณาหลุดลอยไปโดนรถจนเกิดอุบัติเหตุ ผมจึงตัดสินใจใช้ทางเลี่ยงเข้าซอย ขับยากหน่อย กูล มันบ่นแล้วบ่นอีกกลัวรถของมันเป็นรอยขีดข่วน สุดท้ายก็กลับถึงบ้าน

“พี่ปลื้ม” ตกใจมาก เห็นเงาตะคุ่มริมรั้วหน้าบ้าน ใกล้ประตูรั้วเล็ก พี่ปลื้มยืนตากฝน ตัวเปียกม่อล่อกม่อแลก ผมเปิดประตูลงจากรถไปเปิดประตูรั้วให้กูลเอารถเข้าข้างใน แล้วจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหาพี่ปลื้ม
 
“เข้าบ้านก่อนครับ”  ผมเดินนำพี่ปลื้มเข้าบ้าน ไปยังห้องผม   

“อืม” พี่ปลื้มขานรับเพียงเท่านั้น สีหน้าไม่สู้ดีเลย

“พี่ปลื้มอาบน้ำก่อนนะครับ สระผมด้วย เดี๋ยวไม่สบาย นี่ครับ ผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ ส่วนเสื้อตัวนี้ไซส์แอล พี่น่าจะใส่ได้” พี่ปลื้มรับผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ผมจึงปลีกตัวไปต้มน้ำขิงร้อนมาให้ดื่ม (ผมใช้ขิงแก่เพราะรสของขิงจะแรงสดชื่นกว่า ใส่เกลือต้มรวมกัน กรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่น้ำผึ้งก้นถ้วยรินน้ำขิงลงไป ยกเสิร์ฟ)

“พี่ปลื้มครับ น้ำขิง”

“ขอบคุณครับจุน”

“ข้อมือโดนอะไรมาครับ” ข้อมือข้างขวาของพี่ปลื้มออกเขียวค่อนไปทางม่วงช้ำ คงเจ็บน่าดู

“อุบัติเหตุนิดหน่อย พี่ไม่ทันระวัง ประมาทไปหน่อย”

“ทำไมพี่ยืนตากฝนตรงนั้นละครับ ผมถามได้ไหม”

“พี่คิดถึงจุน พี่รู้สึกผิด พอดีโทรศัพท์ของพี่ตกน้ำ ไม่มีโอกาสโทรหาจุนเหมือนเคย ไม่มีโอกาสเลย”

“นั่นสินะ ผมเป็นห่วงแทบแย่ โทรไม่ติดเลยครับ ติดต่อไม่ได้”

“โทรมาหรอครับจุน รู้ไหม ตอนนี้พี่โคตรรู้สึกดีเลย” พี่ปลื้มยิ้มสว่างเหมือนเคยแล้ว ผมชอบที่พี่ปลื้มยิ้มแบบนี้มากกว่าหน้านิ่งไม่พูดเป็นไหนๆ ดูเศร้าๆชอบกล

“ดื่มน้ำขิงไปครับ ถ้าไม่อยากกลับบ้าน ไม่สบายใจนอนกับผมที่นี่ได้”

“รู้ได้ไงว่าพี่ไม่สบายใจ”

“โถ่ พี่ปลื้ม ปกติเคยเห็นพี่ซึมแบบนี้ที่ไหนกัน พี่ปลื้มคนเท่ แข็งแกร่งจะตาย เป็นผู้นำที่คูลสุดๆ โคตรไอดอลเลย ผมชอบ”

“เขินวะ บอกชอบพี่หรอเรา”

“หมายถึงชอบแบบไอดอล วู้! โยงเก่ง”

“ฮ่าๆ จุนนี่น่ารักชะมัด”


Knock! Knock!


“จีบกันเสร็จรึยัง เข้าไปได้แล้วใช่ไหม” เด็กยักษ์มันมารบกวนผมอีกแล้ว

“เข้ามาสิ ใครห้าม ประตูก็เปิดอยู่”

“มีมารยาท ตามคุณสมบัติข้อสี่”

“เหอะ! แล้วนั่นถือหมอนมาทำไม”

“ฝ้าที่ห้องรั่ว มานอนด้วย”

“โซฟาในบ้านมี ไม่ไปนอน?”

“ปวดหลัง”

“กลางวันยังนอนเล่นจนหลับ ยังนอนมาแล้วเลย”

“พูดมากน่า เคยนอนด้วยกันแล้วหวงทำไม”
 
“เอ่อ... พี่คิดว่าพี่กลับบ้านดีกว่าครับ”

“ได้กลับแน่นอน ไม่ต้องห่วงหรอก” กูลยกยิ้มมุมปากหันไปทางพี่ปลื้ม พี่ปลื้มสีหน้าตระหนก หันซ้ายทีขวาที



เสียงแตรหน้าบ้านดัง เป็น ก่อ ที่เดินดุ่มๆเข้ามา ประตูรั้วหน้าบ้านเปิดไว้ก่อนอยู่แล้ว ก่อ เดินตรงมายังพวกเราสามคนที่ออกมาดู

“หนีเก่ง” ก่อเดินเข้ามาฉุดกระชากลากข้อมือข้างเจ็บพี่ปลื้ม ไม่ทักไม่ทายใครสักคน หืม เด็กพวกนี้คิดจะทำอะไรกันก็ได้หรอ ผมค่อนข้างฉุนสาวเท้าตามไปหมายจะถามว่า ทำแบบนี้ทำไม ไม่สนหรอกว่าตัวมันจะใหญ่กว่า ต่อให้จะสวนผมกลับมาด้วยกำลังผมก็ไม่กลัว พี่ปลื้มสู้เด็กก่อไม่ได้ สีหน้าบ่งบอกอาการเจ็บอย่างเห็นได้ชัด คงไม่ได้เจ็บเฉพาะข้อมือเป็นแน่ พี่ปลื้มพยายามขัดขืน แต่ไม่มีคำเอะอะโวยวายสักคำ จนพี่ปลื้มเกือบจะล้มลง ก่อ จึงคว้าตัวพี่ปลื้มประกบปากลงไป เอ่อ... จูบ นั่นแหละครับ

     การก้าวเดินของผมต้องหยุดชะงักลง เพราะภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า ท่ามกลางสายฝน พี่ปลื้มอ่อนตัวลง สติของเขาขาดหาย โดนเด็กก่อคว้าตัวยัดเข้าไปในตัวรถ ปิดประตูแล้วเร่งเครื่องออกไป เรื่องราวเมื่อสักครู่มันเกิดขึ้นและจบลงเร็วมาก ผมยังยืนนิ่งอยู่กับที่ เป็นกูลที่เอาหมวกมาสวมให้ จูงมือผมเข้าไปนั่งในห้อง ปิดประตู เอาผ้ามาเช็ดหัวให้จนเพลิน

“ชัดเจนขนาดนี้แล้ว  เลิกชอบมันได้ละ”

“.....” ผมยังคงไร้สติ ในหัวมันผุดข้อสงสัยมากมายไปเสียหมด พี่ปลื้มกับก่อ เกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน พี่ปลื้มดูไม่ดีเลย ผมควรจะทำยังไงดี ผมเป็นห่วงเขามาก พี่ปลื้มจะเป็นยังไง คิดวนซ้ำไปซ้ำมา จนรู้สึกว่าหนังตามันคงต้องการพักผ่อนเต็มที

“จูบได้ไหม”

“อื้อ.......”




Guide Line Thanks.
ปล. ว่างก็จะพยายามแวะมาอัพ แล้วจะเที่ยวน่านเผื่อแล้วกันฮว๊าฟ
ปล. กำลังดูบอลอยู่ โครเอเชีย เล่นดีมาก แต่ฝรั่งเศสต้องชนะ [ ชอบปลาวาฬ(Pavard) กับ บุพเฟ่ต์ (Mbappe) ]
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เก้า 15-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-07-2018 00:08:03
พี่ปลื้มเสร็จก่อจนได้
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เก้า 15-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-07-2018 00:28:15
ไม่รอดแน่ๆงานนี้
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เก้า 15-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Tak ที่ 16-07-2018 01:14:20
 ดราม่ามากกกก เดี๋ยวจูบเดี๋ยวหวง หืมมมมมม
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เก้า 15-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-07-2018 01:50:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เก้า 15-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Misakiiz ที่ 16-07-2018 02:47:06
นังเด็กฉวยโอกาส 5555555555 รอดราม่าเลยค่ะ
ปล. นี่อยากรู้มากว่าเด็กกูลนางชอบจุนได้ยังไง ตอนเจอกันก่อนไปเรียนก็เด็กมากๆอยู่นา
ปล2. เป็นเราก็น้อยใจค่ะ พ่อแม่ดูเหมือนรักไม่เท่ากัน ไอ้เรารอต้มน้ำมาม่ารอแล้ว 5555
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เก้า 15-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: orloftin ที่ 16-07-2018 11:47:33
 กูลชอบเอาแต่ใจตอนจุนเผลออะ งื้อออ จุนของเราาาาาาาาน้า
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เก้า 15-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-07-2018 22:14:06
อ้าวๆ นิสัยเสียแล้วเด็กๆ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เก้า 15-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 17-07-2018 01:12:20
แลจะวุ่นวายน่าดู
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เก้า 15-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-07-2018 07:13:47
เห้อออออ!!
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เก้า 15-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 17-07-2018 15:45:08
พี่ปลื้มเสร็จก่อไปแล้ว
กูลหนูเอาตอนไหนไปชอบพี่เค้าลูก
รอพาร์ทกูลอยู่นะคะ อยากอ่านมุมมองกูลที่มีกับจุนกับที่บ้าน
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เก้า 15-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 17-07-2018 16:45:28
 :a5: เดี๋ยวนะ.... พี่ปลื้มโดนก่อรุกหรอ อมก  o22
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่เก้า 15-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-07-2018 17:35:10
ก่อโหดต่างจากมุมที่จุนคิดเลย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 18-07-2018 00:50:33
ตอนที่ สิบ
เชื่อในความพยายาม



Side :: เกื้อกูล

     ตั้งแต่ผมจำความได้ ชีวิตโดยส่วนใหญ่ของผมจะอยู่กับคุณแม่ ผมเป็นเด็กติดแม่ อย่างที่ใครคนอื่นๆพูดแซว ความเป็นจริงแล้วคุณแม่ต่างหากที่ติดผม โรงเรียนกับออฟฟิศของเตี่ยอยู่ตรงข้ามกัน คุณแม่จึงสะดวกไปรับไปส่งผมเข้าโรงเรียน กลับจากโรงเรียนก็ตรงเข้าไปเล่นในออฟฟิศรอจนกว่าคุณแม่กับเตี่ยเลิกงานกลับบ้านพร้อมกัน  พี่จันทราจะเป็นคนมารับช่วงต่อจากคุณแม่พาผมเข้านอน คุณแม่เคยบอกว่าผมมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน ผมไม่ค่อยได้เห็นเด็กคนนั้นสักเท่าไหร่ พี่ชาย คนที่แม่พูดถึง ผมเพียงรับรู้ด้วยความรู้สึกว่าเขามีตัวตน เพราะ ความรู้สึกลึกๆคอยบอกผมว่า มักจะมีสายตาเศร้าๆ คู่หนึ่งแอบมองผมอยู่ แต่เมื่อผมจ้องมองหา กลับไม่เจอแม้แต่เงาของใครคนนั้น หลายครั้งที่ผมเจอตัวเด็กคนนั้น เขามักจะก้มหน้า ไม่มีแม้แต่จะมองสบตา

    จนกระทั่งวันที่ผมต้องไปต่างประเทศผมไปพร้อมกับคุณแม่ วันที่ผมจำสายตาคู่นั้นได้ดี มันติดอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ พี่ชายตัวเล็กคนนั้นร้องไห้ สะอึกสะอื้น สายตาเขาจ้องมองไปยังคุณแม่ ผมมองอย่างสงสัย เขาเจ็บปวดอะไรกันนะ ร้องไห้ขนาดนั้น แต่เมื่อสายตาคู่นั้นเสมองมาทางผม กลับเป็นแววตาเศร้าๆ เชิงตัดพ้อ จนผมรู้สึกผิด เป็นความรู้สึกแรกที่รับรู้ได้ด้วยสายตาของพี่ชายคนนั้น

     แล้วเวลาก็พัดผ่านพ้นไปแม่กลับเมืองไทยไปนานแล้ว ผมยังคงอยู่ที่ต่างประเทศต่อ ผมติดก่อ ก่อ เป็นลูกพี่ลูกน้องและเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว อุปนิสัยเรามีส่วนคล้ายกันหลายอย่าง อาจเพราะเราโตมาด้วยกัน แต่ก่อมักจะกลับประเทศไทยทุกๆปิดเทอม แต่ผมไม่ ผมไม่อยากกลับ ไม่มีแรงบันดาลใจใดใดให้ผมกลับ ไม่รู้จะทำอะไรที่นั่น บวกกับไม่ค่อยชอบคุณแม่มาวุ่นวายชีวิตของผมเท่าไหร่นัก อาจเพราะวัยของผมย่างเข้าวัยรุ่นแล้ว ผมมีเฟรนด์ที่นี่เยอะ จึงสะดวกแบบนี้ คุณแม่ก็บ่นบ้างตามประสา ผมมักจะปฏิเสธด้วยการบอกคุณแม่ว่า วิดิโอคอลเอาก็ได้ คุณแม่จึงยอม อาจเพราะงานของพวกเขาสองคนค่อนข้างหนักเลยไม่เซ้าซี้ผมมากนัก
       
      หลายคนเคยคิดชอบใครสักคนผ่านสื่อสังคมออนไลน์  ได้คุย ได้สนทนา ได้มีปฏิสันถารระหว่างกัน ส่วนผมนั้นผมชอบคนๆหนึ่ง ผ่านทางสื่อออนไลน์ที่เรียกแอพลิเคชั่นนี้ว่า อินสตราแกรม การสื่อสารผ่านทางภาพถ่ายพร้อมประโยคบรรยายใต้ภาพเพียงไม่กี่คำ ทำให้ผมสัมผัสความเป็นตัวตนของเขาคนนั้นได้  ดีหน่อย ในระยะหลังมีฟิลเตอร์ใหม่ที่เป็น short video สั้นๆ ทำให้ผมรับสารของเขาได้มากขึ้น สมจริงขึ้น จนเสพติดการเข้าไปส่องดูความเป็นไปของเขา จากสารที่ได้รับที่ผ่านมา ผมรับรู้ได้ว่า คนๆนี้ช่างเหงาเหลือเกิน แววตาเศร้าๆที่เขาลงเอาไว้ไม่มีคำบรรยาย เป็นรูปดวงตาคู่หนึ่ง ยิ่งมองลึกลงไป ยิ่งจำได้ สายตาคู่นั้น มันยังติดอยู่ในใจผมมาเนิ่นนาน แววตาตัดพ้อ สายตาที่ทำให้ผมมีความรู้สึกผิดแบบไร้สาเหตุ และผมพร้อมที่จะทดแทนช่วงเวลาความเหงานั้น ความสุขที่ขาดหาย ผมจะพยายามทำให้เขานั้นหายหมองเศร้า แววตาตัดพ้อต้องแปรเปลี่ยนเป็นไมตรีแก่ผมให้ได้ ผมตั้งใจแล้ว และ ผมชอบจุน

     ถ้าจะถามว่า ผมเริ่มกดติดตามอินสตราแกรมของจุนตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนั้นจำได้ว่า ในวันเกิดครบสิบห้าปีของผม ผมได้รับการแท็กชื่อผ่านทางอินสตราแกรมของคุณแม่ เป็นกล่องของขวัญธรรมดา ที่เขียนบรรยาย ใต้ภาพว่า “Family” ตอนนั้นผมกดติดตามเพราะเขาคือ พี่ชายผม แต่เมื่อผมเลื่อนเข้าไปดูความเป็นไป มันเพลินจดหลงใหลไปเสียทุกรูป ทั้งๆที่ไม่มีใบหน้าเต็มๆของเขา เป็นฝ่ามือบ้าง ข้อเท้าบ้าง ส่วนใหญ่เป็นรูปสิ่งรอบตัวที่เป็นรูปเดี่ยวๆ เศร้าๆ แต่คนติดตามเขาไม่น้อยเลย 12.6 K ดูจะเป็นที่รักของใครหลายคน ชักตะหงิดใจกับบางคอมเม้นท์ที่ไม่น่ารักนักแต่จุนเขาก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร เป็นคนที่น่าค้นหาชะมัด  ผมยิ้มและมีความสุขไปกับรูปภาพแบบไม่มีเหตุผล จนกินระยะเวลาไปกว่าสองปี เขาคือคนที่ทำให้ผมมีแรงบันดาลใจในการกลับบ้าน

     ผมอาจจะโตมาในประเทศที่ค่อนข้างมีเสรีภาพทางความคิด  มีความเป็นเอกภาพค่อนข้างสูง ผมจึงมีอิสนะในการเลือกในรูปแบบต่างๆ และผมเลือกแล้ว เลือกจะมีชีวิตอยู่กับคนนี้นี่แหละ เขาชื่อ “จุน” ผมไม่เคยขอพรพระเจ้า แต่ผมจะขอให้พระเจ้าเชื่อในความพยายามของผม โปรดช่วยให้เขาคนนั้นใจตรงกับผมด้วย ผมจะภาวนา 

     “จุน” เขาเป็นพี่ชายของผม แต่ผมก็รู้มาโดยตลอดว่ามันเป็นเพียงสถานะทางนิตินัย หลายคนอาจจะคิดว่าผมเป็นเด็กเอาแต่ใจคนหนึ่ง เห็นแก่ตัว ผมไม่ขอปฏิเสธ เพราะผมมองจุนเป็นจุดศูนย์กลาง แม้จุดศูนย์กลางมันจะมีแรงดึงดูดค่อนข้างมาก ผมก็จะเป็นตัวเบี่ยงให้วัตถุนั้น ไกลออกไปจากจุน ถ้ามันจะทำให้จุนอยู่กับผมตลอดไป ผมไม่แคร์ อะไรทั้งนั้น บางคนเกิดคำถามว่า ทำไมเด็กสิบห้า คิดเรื่องสัมพันธ์ในลักษณะนี้ได้ขนาดนี้เลยหรือ ผมก็จะตอบคำถามนี้ให้ว่า ปกติเด็กที่นี่มีแฟนกันจริงๆจังๆกันตั้งแต่อายุสิบสองสิบสาม เป็นธรรมดาของเด็กย่างเข้าวัยรุ่น วัยอยากรู้อยากลอง first relationship ของผมยังมีตอนอายุสิบสามเลย มันหวือหวา ตามวัย ตั้งแต่ที่ผมเริ่มมีความรู้สึกว่าชอบ จุน ผมก็ไม่สามารถมองใคร ในความสัมพันธ์ลักษณะนั้นได้เลย ยิ่งระยะหลังเรียนจบ ก่อนกลับบ้านเมืองไทย ผมโหยหาจุนเยอะขึ้น ผมสไลด์อินสตราแกรมซ้ำๆ หงุดหงิดที่จุนไม่อัพเดตอินสตราแกรมเลยอะไรเลย มันมีความต้องการมากขึ้น ย้อนกลับไปรูปในช่วงเวลาเก่าๆ มันก็ไม่พอ อยู่กับหน้าจอนานเป็นพิเศษ เมื่อใกล้กลับเมืองไทยผมก็มีความหวังมากขึ้น จนกลายเป็นแรงผลักดัน เป็นแรงบันดาลใจ ผมต้องการดูแลเขา จะทำทุกอย่างเพื่อเขา เพราะนั่น จะส่งผลต่อความสุขของผมในระยะยาวและตลอดไป 

     ก่อ มันชอบบอกผมว่า “ยูมันบ้า นั่นพี่ยูนะเว้ย” ตอนแรกๆ ผมก็ไม่อยากบอกไอ้ก่อมัน แต่ด้วยความเสือกสูงของก่อ มันจับสังเกตคนโคตรจะเก่ง ฉลาดเป็นกรด ก่อมันเป็นพวกให้คำปรึกษาไม่ค่อยเก่งหรือไม่เป็นเลย เก่งเรื่องซับพอร์ตมากกว่า ฉะนั้นพฤติกรรมการแสดงออกจึงออกมาในลักษณะนี้ ลักษณะที่ใครๆก็ไม่ชอบ บางครั้งมันออกจะแปลกๆสักหน่อย อาจเป็นเพราะข้อจำกัดทางสังคม ขนบธรรมเนียมประเพณี แปลกๆอะไรนั่น ล้าหลังทางความคิด เพราะพื้นฐานความเชื่อมีการปลูกฝังให้มีการเปรียบเทียบเปรียบเปรยมากเกินไปในสังคม จนบางคนไม่สามารถแยกแยะอะไรจริงไม่จริงออกจากกันได้ นำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะเราแคร์คนรอบข้างมากเกินพอดี จนความเป็นตัวตนเราถูกกลืนหายไป   


     ผมเลื่อนเที่ยวบินกลับเมืองไทย อยากกลับให้ไวที่สุด แต่โคตรแย่ ไอก่อมันส่งผมทิ้งไว้หน้าบ้าน มันรีบกลับไปดักเจอพี่ชายข้างบ้านของมัน ข่าวว่าจะกลับจากค่ายอาสาวันนี้พอดี มันออกไปไม่นานผมหาช่องทางปีนเข้าบ้าน แหง๋ละ ผมไม่มีกุญแจบ้านนี่สิ ไม่รู้จะเข้าทางไหน พอดีมีรถมาจอดเทียบประตูรั้วหน้าบ้าน ผมยืนที่มืดมองลอดเข้าไปเห็นก็เห็น จุน ผมจำหน้าได้ดีจากไอจีสตอรี่ จุนยอมให้ไอ้นั่นลูบหัว จุนยังไปยิ้มให้หมอนั่นอีก ส่งสายตายกันขนาดนั้นท้องได้คงท้องไปนานแล้ว ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด โว้ย ไม่น่ากลับช้าเลย มันมีแฟนแล้วหรอวะ


“ฮะ... เฮ้ย!! ใครวะ .....อ๋อยอูเอี๋ยวอี้อะ....” เมื่อรถออกไปไกลแล้วจุนมัววุ่นอยู่กับหากุญแจในกระเป๋า ผมอ้อมหลังเข้าไปปิดปากจุน เผลอหอมศีรษะมันไปนิดหน่อย หอมวะ จุนดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอด ตัวเล็กกอดง่ายจริง พอเหมาะพอดีเกินไปแล้ว จุนดิ้นไม่นาน ผมจึงยกมือแสดงกิริยาเชิงว่า ยอมแพ้ เพื่อได้เห็นหน้าชัดๆ
 
“เดี๋ยวๆ หยุดโวยวาย!!     แค่นี้ หวงตัวหรอวะ” 

“คุณเป็นใครวะ ประทุษร้ายคนอื่นหน้าบ้านเขาดึกดื่นขนาดนี้ นี่หวังอะไร เงินทองไม่มีให้หรอกนะ” 

“เฮ้! ยู ตื่น นี่มันบ้านผม ผมแค่...เข้าบ้านไม่ได้” จุนคงจำผมไม่ได้ น้อยใจวะ

“จำผิดแล้วมั้งคุณ   หรือ ถ้าว่างมากก็ไปเล่นที่อื่นเหอะ ผมง่วง จะรีบเข้าบ้าน    หลีก!!” ชอบวะ ผิดกับจินตนาการลิบลับเลย เป็นคนโมโหร้ายนี่เอง ไหนคนเหงา ไหนคนเศร้า ไม่มี

“ผม ชื่อ เกื้อกูล   ตันตั้งสกุล พอดีนามสกุลเดียวกับป้ายหน้าบ้านเลยเนอะ ว่าไหม” จุนถลึงตามอง  ผมยืนกอดอกยกยิ้มมุมปาก เขาจึงรีบหันกลับไปไขประตูอย่างเร่งรีบ ดูเคอะเขิน 

“เข้ามาดิ รอให้ผีบ้านผีเรือนมาเปิดให้หรอ”  ผมหัวเราะ ไล่หลัง รีบสาวเท้าตาม ต้องไล่เค้นว่าไอ้นั่นเป็นใครให้ได้ 

“เมื่อกี้กลับมากลับใคร”

“หะ”

“มีปัญหากับระบบการฟังหรอ”

“บ้านคุณสิ ผมหมายถึง คุณจะเอาคำตอบไปทำหอกอะไร”

“แค่ไม่รู้จะคุยอะไร แล้วจะตอบไหม หรือ มีปัญหากับระบบสมองด้วย” ผมจ้องหน้าคาดเอาคำตอบ

“....” 

“Boyfriend”  ผมจึงต้องหว่านคำตอบนำทาง

“รุ่นพี่!! พอใจรึยัง ความจริงบอกไปคุณก็ไม่รู้จัก จะถามเพื่อ รำคาญวะ แยกกันตรงนี้เถอะ”

“เดี๋ยว...”

“โอ้ย!! อะไรนักหนาวะ เป็นเด็กสามขวบรึไง”

“ผม...หิวข้าว”

“บอกเพื่อ!!”

“ทำไม่เป็น” น่าจะเป็นวิธีที่ทำให้เวลาการเจอกันครั้งแรกยืดได้นานออกไปสักหน่อย



     ผมมองพี่ชายตัวเล็กในชุดผ้ากันเปื้อนสีดำคาดเอว จินตนาการผมเหมือนจุนสวมชุดแม่บ้านคอสเพลย์ ดูจากด้านหลังยังยั่วยวนขนาดนี้ ผมสะบัดหัวก่อนเตลิดไปไกล ผมพอใจในคำตอบเมื่อสักครู่ จนเผลอยิ้มไปคนเดียว ทุกท่วงท่าในการทำอาหารมันเพลินไปหมด จนเกือบเสียลุค ปั้นหน้ากลับแทบไม่ทัน เมื่อจุนทำอาหารเสร็จแล้วหันมาทางผม


“อ่ะ เอาไป เสร็จแล้วก็โยนไว้ในซิงค์ พรุ่งนี้เดี๋ยวมาล้างเอง  ไปนอนละ”

“อือ nice dream” ผมก้มหน้ากลั้นยิ้ม บอกฝันดีคนตัวเล็ก

“หะ อะไรนะ” ทำไมต้องให้พูดย้ำวะ โว้ย

“จะไปไหนก็ไป” ได้แต่ฉุนเฉียวกลบเกลื่อน


     มองข้าวผัดในจานแล้วมองอีก โคตรรู้สึกดี ตอนนี้อะไรก็ดีไปเสียหมด ต้องขอบคุณ ก่อ ไอขอให้ยูได้เจอพี่ชายข้างบ้านของยู แล้วมีความสุขล้นเหลือเหมือนไอนะยู




Guide Line Thanks.
ปล.รีบเอาพระเอกมาป้อน นิสัยพวกเขาเป็นแบบนี้เพราะความเป็นตัวเองค่อนข้างสูง ต้องให้พี่จุนพี่ปลื้มสั่งสอนกันบ้างสักหน่อย นิสัยไม่ดีเลยเด็กพวกนี้ แย่ๆ 
ปล. เจอกันอีกทีสักวันหนึ่งในอาทิตย์ข้างหน้า ครานี้นานสักหน่อย 
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-07-2018 00:57:47
อ้อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง แต่ว่านะ ผู้แต่งบอกว่าแนวดราม่า กักขัง

ไรงี้ใช่ปะ แต่พอมาอ่านพาทกูลนี่มันจะเป็นไปยังไงอ่ะ แต่ถ้าเป็น

คู่ก่อกับปลื้มอันนั้นว่าไป หรือจะดราม่าตรงแม่กับเตี่ย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-07-2018 01:16:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-07-2018 01:54:10
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 18-07-2018 02:13:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 18-07-2018 02:19:29
แอบอยากอ่านคู่พี่ปลื้มน่าจะแสบ เอ้ย แซ่บ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-07-2018 07:52:06
ขอเรียกกูลกับก่อว่าสองแสบบบ
รอให้พี่ ๆ ปราบให้อยู่หมัดเลย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-07-2018 08:59:16
ออ หลงรักมาตั้งนานแล้ว
ก่อกลับทุกปิดเทอมเพราะพี่ชายข้างบ้าน(พี่ปลื้ม)ซินะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: orloftin ที่ 18-07-2018 10:03:14
น่ารักกกกกกกก ความหลงจุนของกูล  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-07-2018 13:08:47
Crazyจุนขนาดนี้เลยหรอ อิอิ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 22-07-2018 00:02:23
เด็กแสบ แต่ก็น่าเอ็นดู ^^
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 22-07-2018 07:55:14
กูลลตั้งแต่เด็กเลยนะ เราก็ไม่ใช่ย่อย
แต่ไม่เป็นไรเรามีพี่จัน พี่จันรู้ พี่จันเห็น
นี่กลัวแม่กับเตี่ยรับไม่ได้อะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: hellfire ที่ 22-07-2018 16:24:15
งื้อมันดีต่อใจมากๆเลยค่ะคุณพี่ขา ติดตามนะคะขอบคุณนักเขียนที่เขียนงานดีดีแบบนี้ออกมานะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิมะลิ ที่ 22-07-2018 17:38:17
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 22-07-2018 22:48:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
รอ ตอน ต่อ ไป นะคะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบ 18-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 24-07-2018 01:18:28
พี่ชายข้างบ้านของก่อก็คือพี่ปลื้มสินะแต่ทำไมถึงได้รุนแรงกันจังเลยล่ะ ค่อยๆพูดค่อยๆจากันก็ได้มั้ง ส่วนคู่หลักสรุปแล้วพี่จันทรารู้อะไรๆเกี่ยวกับกูลใช่มั้ยว่าคิดกับจุนยังไงอะ ถึงได้ดูตกใจและกีดกัน
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเอ็ด 26-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 26-07-2018 23:53:06
ตอนที่สิบเอ็ด
คนข้างๆ

     ผมเคลิ้มหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ช่วงนี้เหนื่อยๆ มีเรื่องมีราวให้คิดจนปวดหัว ทำให้ขี้เซาเป็นพิเศษ ลืมตาขึ้นมาพบกับกูล นอนอยู่ตรงข้าม เงยหน้ามองขึ้นเจอใบหน้าค่อนข้างดี ใครหลายคนอาจจะชอบหน้าตาแบบนี้ ลับตาพริ้ม ดูท่าทางมีความสุขกับการนอนเสียจริง เวลาหลับน่ามองกว่าเวลาตื่นเป็นไหนๆ ผมจองมองกูลอยู่นาน ไม่กล้าขยับตัวไปไหนกลัวทำลายความสุขของคนนอน ผมที่ปลิวไปกับแรงพัดลม พลิ้วไหวไปมา เผยน่าผากเนียนมน จนอยากสัมผัส ผมเคลื่อนหน้าเข้าไปหา เฮ้ย!นี่ผมคิดบ้าอะไรอยู่ บ้าไปแล้วแน่ๆ ความคิดที่ผุดขึ้นมาในใจ นั้นทำให้เขินไปเอง ใจเต้นแรงได้ขนาดนี้เชียวหรอ หรือนี่คือข้อเสียของการจ้องมองระยะใกล้ และมากเกินไป ไม่ได้! เป็นแบบนี้ไม่ดีเลย ผมขมวดคิ้วอยู่นาน จัดการกับความรู้สึกแปรปรวนให้มันสงบลง

“morning kiss” ผมผละตัวออกตามสัญชาตญาณ กูล มัน เอ่อ.... มันจูบผม ผมได้สติ ถลึงตาโต ผลักอกมันให้ออกจากตัว กระเด้งตัวขึ้น

“คุณ!! นี่เมืองไทย ทำแบบนี้ทำไมวะ ผมไม่รู้ว่าเมืองนอกจะคิสกันแบบนี้เป็นเรื่องปกติหรือเปล่า กูล มัน จะคิสกับก่อแบบนี้หรือไม่ แต่เมืองไทยเขาไม่ทำแบบนี้กัน แบบนี้มันไม่ถูกต้อง คุณควรระวังและเรียนรู้นำไปปฏิบัติตาม อย่างน้อยที่นี่ก็บ้านเกิดของคุณ” ผมร่ายยาวด้วยความตกใจ 

“เอ่อ... โถ่ เว้ย!! ทำไมโตมาแล้วโง่อย่างนี้วะ” กูล ฉุนเฉียว เดินตึงตังออกจากห้องไป ตื่นมาอารมณ์แปรปรวนเสียจริง หลับยังจะดีเสียกว่า

     ผมเอามือทาบอก นึกถึงเรื่องเมื่อสักครู่ ออกไปก็ดีเหมือนกัน อาการผมไม่ดีเลย เกือบหัวใจวายไปแน่แล้ว ใจมันเต้นไม่เป็นระส่ำ หน้ามันมืดๆ คล้ายจะเป็นลม นับวันอาการยิ่งแย่ลงทุกวัน การอยู่ใกล้ใครมากๆทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด อาจเพราะผมไม่ค่อยสนิทหรือเข้าใกล้ใครแบบจริงๆจังๆ ช่วงนี้ทั้งพี่ปลื้ม ทั้งกูล มีผลต่อจิตใจของผมมากเกินไปแล้ว ปล่อยไว้แบบนี้คงแย่แน่ๆ ต้องหาเวลาว่างไปหาหมอบ้างแล้วละ   
       
     ผมมาถึงมหาวิทยาลัยพร้อมกูล เช่นเคย ผมมีเรียนสิบโมงเช้า ส่วนกูลมีเรียนบ่าย มันดื้อดึงจะมาพร้อมกันบอกว่าหิวข้าว เถียงกันอยู่นานกว่าจะลงจากรถ ในเรื่องเดิมๆ คือการรอผมกลับบ้าน อยู่ใต้ตึกเรียนวิชาสุดท้ายของผม ยอมรับเลยว่าค่อนข้างหัวเสียกับการกระทำเอาแต่ใจแบบนี้มาก


“จะรอที่เดิม ห้ามหนี”

“อื้อ!!  ปลดล็อกประตูได้รึยัง” ถ้าผมไม่ตอบตกลงคงไม่ได้ไปเรียนแน่ๆ ใกล้เริ่มคลาสแล้วด้วย


Line Message :: P’Ploy


11:02 จุน

 ครับ พี่พลอย   11:03 read

11:03 ตอนนี้ว่างหรือเปล่า มาที่บ้านปลื้มตอนนี้ได้ไหม

เกิดอะไรขึ้นหรือครับ 11:04 read

11:05 ปลื้มไม่สบาย อาการไม่ค่อยจะดี พี่ต้องการความช่วยเหลือ

ครับผมจะรีบไป 11:06 read


      ผมนึกถึงเรื่องเมื่อวาน เรื่องพี่ปลื้มกับก่อ มันต้องเป็นเรื่องเดียวกันแน่ๆ ที่ทำให้พี่ปลื้มอาการไม่ดีแบบนี้ ผมรีบขออนุญาตอาจารย์ไปเข้าห้องน้ำ ตั้งใจจะโดดคาบนี้ และคาบบ่ายทั้งหมด เป็นห่วงพี่ปลื้ม ผมรีบออกจากมหาวิทยาลัย เรียกแท็กซี่ มุ่งตรงไปตามโลเคชั่นที่พี่พลอยส่งมา เป็นโลเคชั่นบ้านพี่ปลื้ม ผมมาถึงบ้านพี่ปลื้ม โทรไลน์เข้าไปหาพี่พลอยให้ลงมาเปิดประตู 
 
“สวัสดีครับ พี่พลอย พี่ปลื้มเป็นยังไงบ้างครับ”

“เข้ามาก่อนจุน พี่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป ปลื้มโทรมาหาพี่ บอกให้พี่ช่วย น้ำเสียงดูไม่ดี พี่ตัดสายแล้วจึงรีบมาที่นี่ก่อน เมื่อพี่เห็นปลื้มในสภาพแบบนี้ พี่จึงทำอะไรไม่ถูก จึงต้องไลน์ไปหาเรา”

     พี่พลอยเดินนำทางขึ้นมาห้องพี่ปลื้ม เล่าเหตุการณ์คร่าวๆ จนเปิดประตูมาเจอสภาพพี่ปลื้ม หน้าพี่ปลื้มซีดเซียวข้อมือด้านขวาโดนล็อกไว้ด้วยกุญแจมือ ร่องรอยช้ำเป็นจ้ำ ผมรู้แล้วครับว่าร่องรอยเยอะแยะพวกนี้คือรอยจูบแน่ๆ เอาจริงๆผมก็ยังแยกไม่ออกหรอกระหว่างรอยจูบกับรอยแมลงกัดต่อย แต่พี่พลอยเป็นคนย้ำว่ารอยบนตัวพี่ปลื้ม เกิดจากการร่วมรัก เอ่อ..... นั่นแหละ เวลาพูดคำพวกนี้มันเขินแปลกๆ มันใช่เวลาไหมนี่ 

      ผมหากะละมังกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก ใส่น้ำอุณหภูมิห้อง เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พี่ปลื้ม กุญแจมือก็ไขไม่ได้ ลำบากนิดหน่อยจำเป็นต้องตัดเสื้อทิ้งไป เพราะค่อนข้างชื้นเหงื่อ ขืนปล่อยใส่ไปอาจเป็นปอดบวมได้ ผมไล่เช็ดหน้าเช็ดตาพี่ปลื้ม ปากแห้งแตกเลือดกรัง ที่ริมฝีปากบวมช้ำ ผมเผลอน้ำตาไหลไปกับสภาพพี่ปลื้ม สงสารจับใจ ต้องเป็นไอ้เด็กก่อแน่ๆ พี่พลอยต้มข้าวต้ม เสร็จยกขึ้นมา ผมจึงพยายามปลุก พี่ปลื้มก็ไม่มีท่าทีจะตื่นขึ้นมา คงเพลีย ผมกับพี่พลอยจึงตัดสินใจรอจนกว่าพี่ปลื้มจะตื่นขึ้นมาเอง


     พวกเรารอกันนานจนหนึ่งทุ่มพี่พลอยขอตัวกลับไปก่อนกลัวที่บ้านเป็นห่วง พวกเราคุยกันไว้แล้วว่าผมจะเป็นคนเฝ้าไข้พี่ปลื้มคืนนี้ ถ้าพี่ปลื้มไม่ดีขึ้น พี่พลอยบอกให้โทรหาทันที ใจจริงผมอยากจะเอาตัวพี่ปลื้มไปโรงพยาบาลตั้งแต่แรก แต่ติดกุญแจมือ น่าจะของเจ้าเด็กบ้านั่น น่าโมโหชะมัด พี่ปลื้มตื่นขึ้นมาอีกที สองทุ่มผมจัดการให้ทานข้าวต้มที่เย็นชืดแล้ว ให้พี่ปลื้มทานได้ไม่กี่คำ ทานยา แล้วก็ล้มตัวนอนอีกครั้ง ไม่นานเสียงก๊อกแก๊ก ดังมาจากด้านล่างของบ้าน ผมลงบันไดไปดู

“ผมคิดไว้แล้วต้องเป็นฝีมือคุณ” ผมพูดเสียงเรียบ ก่อมีท่าทีตกใจ

“แล้วไง” สีหน้ายียวนเหมือนเพื่อนของเขาไม่มีผิด ผมกำมือแน่น อารมณ์เริ่มคุกรุ่น

“คุณรู้ไหมว่าการกระทำแบบนี้มันผิดกฎหมาย ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน *การละเมิดสิทธิมนุษยชนของคนอื่นต่อให้คุณอยู่ที่ใดบนโลกใบนี้มันก็ไม่มีคำว่าถูกต้อง”     

“แล้วเกี่ยวอะไรด้วย” พูดจบเด็กก่อ ก็เดินขึ้นไปข้างบนห้องพี่ปลื้ม ผมเดินตามขึ้นไป

“คุณคิดจะทำอะไร” เด็กก่อเดินตรงไปที่เตียงพี่ปลื้มที่นอนหลับอยู่ เขาลูบหัวพี่ปลื้มแล้วจึงไขกุญแจมือออก

“อย่ามายุ่งน่า” เขาพูดเสียงรำคาญ

“คุณทำแบบนี้กับพี่ปลื้มทำไม” ผมถามอย่างสงสัย และค่อนข้างแน่ใจว่าเขาจะไม่ทำร้ายพี่ปลื้มแน่ๆ เอ่อ....เพราะอะไรนะเหรอ ก็ภาพที่ผมเห็นตอนนี้ เจ้าเด็กบ้ามันขึ้นไปนอนข้างพี่ปลื้ม พรมจูบขมับไปมาไม่หยุด  สายตาคู่นั้นเขามองแต่พี่ปลื้ม ไม่มีสายตาร้ายร้ายเฉกเช่นเมื่อเย็นวาน

“วันไหนยูมีความรัก ยูจะรู้เอง” ก่อพูดเสียงเบาลง

“เหอะ!แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจข้ออ้างพวกนี้ น่าตลกชะมัด พวกคนที่ใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหา แล้วอ้างว่าเป็นเพราะรัก เพราะหึง เพราะหวง เป็นเรื่องของคนสองคน คนในครอบครัว คนอื่นห้ามยุ่ง ผมทนไม่ได้หรอกนะ นิสัยเด็กไร้การอบรม ถือตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล ถ้ามันเป็นความรักจริงๆ คุณคงไม่ทำร้ายคนที่คุณรักหรอก คนแบบนี้เขาเรียกว่า “เห็นแก่ตัว” ที่ผมพูดก็เพื่อให้คุณคิดว่ามันสมควรแล้วใช่ไหมที่กระทำสิ่งพวกนี้ขึ้น” ผมร่ายยาวน่าโมโหจริงๆ พวกตรรกะป่วยๆพวกนี้

“อืม.... ” เสียงพี่ปลื้มขยับรู้สึกตัว ก่อ ผุดตัวลุกขึ้นเผยยิ้ม รีบหาน้ำหาหลอดป้อนพี่ปลื้ม เขาเอามืออังหน้าผากเช็คอุณหภูมิ แล้วจึงรีบหาผ้ามาซับหน้าซับเหงื่อที่ปะทุ อย่างถะนุถนอม เห็นแบบนี้ผมค่อยเบาใจลงหน่อย แต่ยังไม่วางใจ

“ยูไม่ต้องกังวลหรอก สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรปลื้ม”

“ผมจะแน่ใจได้ยังไง”

“ยูดื้อ อย่างที่กูลบอกไว้จริงๆ”

“ก็เพราะพวกคุณมันเป็นแบบนี้ไงละ”

“I’m promises” ก่อพูดขึ้นเสียงหนักแน่น แววตาดูมุ่งมั่น ครั้งนี้ผมจะเชื่อสายตาคู่นี้

“ผมชอบพี่ปลื้มนะ แต่ในฐานะพี่ชาย ผมจะบอกคุณแค่นี้”

“ขอบใจ....” สีหน้าเด็กก่อดีขึ้น ความสดใสในแววตาของเขากำลังกลับมา ที่แท้เขาก็กังวลเรื่องนี้จนเป็นบ้า เด็กหนอเด็ก กลัวคนมาแย่งของเล่น

     เราเงียบกันอยู่สักพัก สองทุ่มกว่าแล้วข้างนอกฝนก็ตกลงมาท่าทางจะหนักเสียด้วย สงสัยพายุจะเข้าอีกแล้วอากาศแปรปรวนเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝน ดีที่ยังแข็งแรงปรับสภาพได้ค่อนข้างดี อ่อนแอหน่อยคงเป็นหวัดไปนานแล้ว เอ๋! ผมรู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่าง นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก สงสัยคงลืมร่ม จริงด้วยอากาศแบบนี้คงลืมร่มไว้ในคลาสเรียนอีกแล้ว สับเพร่าจริงเลยเรา

“เฮ้! ยู ถึงกูลมันจะเป็นเด็กเอาแต่ใจ นิสัยบางอย่างมันจะเสียไปบ้าง เพราะอาจจะอยู่กับไอมากไป แต่มันเป็นคนซื่อสัตย์ต่อหัวใจตัวเองมาก ยูลองเปิดใจ ลองมองการกระทำมันบ้าง มันโคตรจะชัดเจน” ผมไม่ได้จับใจความคำพูดของก่อสักเท่าไหร่ ผมนึกออกแล้ว ผมลืมมัน ลืมกูลไว้ที่มหาวิทยาลัย

“ร่ม เอ่อ... มีร่มสักคันไหม”

“ด้านล่าง หน้าประตูยูเอาไปก่อนได้เลย”

“อื้ม” ผมรีบวิ่งลงบันได โบกแท็กซี่กลับบ้าน ป่านนี้กูลมันคงกลับบ้านแล้วละ ผมต้องการกลับบ้านไปดูให้แน่ใจ มันคงไม่บ้าระห่ำนั่งรอผมที่มหาวิทยาลัยหรอกนะ แบบนั้นก็บ้าเกินไปแล้ว ผมมาถึงบ้านประมาณสามทุ่มครึ่ง บ้านปิดไฟไปแล้ว รีบไปดูที่โรงจอดรถ ยังไม่มีรถของกูลเข้ามาจอด ภาวนาให้มันไปไหนสักที่ ที่ไม่ใช่การนั่งรอผมที่มหาวิทยาลัย ผมเดินมาปากซอยโบกแท็กซี่เพื่อไปมหาวิทยาลัย ถึงมหาลัยสี่ทุ่มนิดๆ ฝนเจ้ากรรมก็ยังไม่หยุดขาดเม็ดเสียที

     ใช่แน่แล้ว รถญี่ปุ่นคันดำจอดไว้อย่างโดดเดี่ยวกลางลานจอดรถ ไม่ได้ติดเครื่องยนต์ไว้แสดงว่าคงไม่ได้อยู่บนรถ บ้ามากจริงๆ โตแล้ว ทำไมต้องทำให้คนอื่นเป็นห่วงด้วยวะ ผมรีบสาวเท้าเข้าไปใต้ตึกคณะที่ผมมีคลาสเรียนคาบสุดท้ายของวัน สี่โมงเย็น มันรอผมตั้งแต่สี่โมงเย็นหรือมากกว่านั้น เพราะคาบสุดท้ายของมันคือบ่ายสามโมง ผมเดินมาถึงก็เห็นสุนัขหลายตัวจับจองโต๊ะเพื่อเป็นที่นอนที่หลบฝน และมีสุนัขเปียกปอนตัวหนึ่งในชุดนักศึกษาสีขาว ตัวโย่งๆนั่นฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เสื้อสีขาวเปียกจนแนบเนื้อ พื้นที่ไม่เปียกตั้งมากมายทำไมต้องทำให้ตัวเองเปียกขนาดนี้ ผมคงไม่รู้เหตุผลเลยถ้าเจ้าตัวดี ไม่เขียนข้อความติดเสาอาคารทุกเสา


“จุ้น ผมไปเข้าห้องน้ำ นั่งรอตรงนี้นะ ห้ามไปไหน” 



ตึกเรียนที่นี่ถ้าปิดแล้วห้องน้ำอยู่ไกลออกไป นอกตัวอาคาร ส่วนไอโฟนของผมมันหมดแบตเตอรี่ไปนานแล้ว ทำให้กูลติดต่อผมไม่ได้ ผมเลื่อนสายตาไปมอง ก้มดูกระดาษที่กูลนอนทับอยู่



“จุ้น คุณอยู่ที่ไหน มืดแล้ว กลับบ้านกันนะ”




Guide Line Thanks.

   ๑ สิทธิมนุษยชน (Human Rights) หมายความถึง สิทธิความเป็นมนุษย์หรือสิทธิในความเป็นคน อันเป็นสิทธิตามธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนที่เกิดมา สิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิที่ไม่สามารถโอนให้แก่กันได้และไม่มี บุคคล องค์กร หรือแม้แต่รัฐ สามารถล่วงละเมิดความเป็นมนุษย์นี้ได้สิทธิในความเป็นมนุษย์นี้เป็นของคนทุกคน ไม่เลือกว่าจะมีเชื้อชาติแหล่งกําเนิดเพศอายุสีผิว ที่แตกต่างกัน หรือจะยากดีมีจน หรือเป็นคนพิการสิทธิมนุษยชนนั้น ไม่มีพรมแดน การกระทําใดที่มนุษย์กระทําต่อกันอย่างหยามเกียรติและละเมิดศักดิ์ศรีของความเป็นคน ไม่ว่าจะ เกิดแก่มนุษย์ที่ประเทศใด และไม่ว่าผู้กระทําการละเมิดจะเป็นบุคคล กลุ่มบุคคล หรือรัฐใดรัฐหนึ่งก็ตาม ถือเป็น การละเมิดสิทธิมนุษยชน
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเอ็ด 26-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-07-2018 00:00:40
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเอ็ด 26-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 27-07-2018 00:33:30
ก่อทำพี่ปลื้มแรงไปนะ สงสารอ่ะ :ling2:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเอ็ด 26-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-07-2018 00:42:13
ก่อรุนแรงกับพี่ปลื้มจังเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเอ็ด 26-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 27-07-2018 03:41:05
หึหึ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเอ็ด 26-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: hellfire ที่ 27-07-2018 08:05:08
โอ้ยดีต่อใจ สงสารกูงเหมือนกันน้า จุน สนใจกูงหน่อยลูกน้องน่าเอ็นดูออก
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเอ็ด 26-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 27-07-2018 11:06:45
เอาใจช่วยค่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเอ็ด 26-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 27-07-2018 12:28:14
สงสารคนนั่งรอ555
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเอ็ด 26-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: orloftin ที่ 27-07-2018 12:33:57
ค่อยๆเรียนรู้กันไปทั้งสองคน
รอติดตามตอนต่อไปปป :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเอ็ด 26-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-07-2018 12:48:01
ไม่รู้จะสงสารหรือดีใจแทนกูลดี
สงสารที่ต้องรอ แต่ก็ดีใจที่รอแล้วจุ้นมา
ถึงจะช้าไปหลายๆชั่วโมงก็เถอะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสอง 27-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 27-07-2018 22:27:53
ตอนที่สิบสอง
เตรียมตัวเตรียมใจ


“จุ้น คุณอยู่ที่ไหน มืดแล้ว กลับบ้านกันนะ”



     ผมรีบเช็ดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนไปกับความรู้สึกผิด ใครใช้ให้มารอแบบนี้วะ คนดีดีที่ไหนเขาทำกัน ว่าแต่คนอื่นโง่ ตัวเองก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ควรคิดได้แล้วไหมว่า เวลาแบบนี้ใครเขาจะอยู่กัน มันเงียบ มันหนาว อากาศแบบนี้ด้วย ไม่กลัวบ้างหรือไง ทำแบบนี้ไม่เห็นจะเท่ตรงไหนเลย เขาบ่นยาวในใจ

“กูล กลับบ้าน” ผมนั่งลงเขย่าตัว กูลขยับตัวนิดหน่อยแต่ไม่ยอมตื่นขึ้นมา ผมจึงถือวิสาสะ เอามือสอดไปซอกคอ ตัวร้อนจี๋ กูลมันไม่สบายทำให้ในใจของผมรู้สึกผิดขึ้นไปอีก
 
“กูล ลุกขึ้นไหวไหม” ผมพยายามอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นมามองเห็นเป็นผมซุกหน้าเข้ามากอดเอวผมแน่น

“ทำไมมาช้า” เสียงเขาแหบลงเพราะพิษไข้

“ผมขอโทษ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก” เขายังบ่นงึมงำฟังไม่เป็นภาษา ผมได้แต่เอามือลูบหัว
 
“.....” พวกเราอยู่แบบนี้ไปสักพัก บางครั้งผมก็เผลอคิดไม่ใช่ผมคนเดียวที่ต้องการความอบอุ่นจากใครสักคนเวลาอ่อนล้า หรือ อ่อนแอ เด็กคนหนึ่งที่ต้องอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคงจะเหงาไม่ใช่น้อย มีเพื่อนยังไงก็ไม่เหมือนคนในครอบครัว สถาบันครอบครัวมีความละเอียดอ่อนแต่มันอัดแน่นในความสัมพันธ์ทุกการกระทำระหว่างกันมันมีความรู้สึกร่วม ละเอียดอ่อนจนไม่รู้เลยว่า บางคำพูด บางการกระทำ สามารถทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนไปได้ง่ายๆ

“ไปโรงพยาบาลกันนะ” ผมเอาแขนปลื้มผมคล้องไหล่ พยุงตัวไปที่รถ เขาซบลงไหล่ ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงมามากนัก ทำให้ไม่ทุลักทุเล เจ้าตัวยังมีสติอยู่มาก

     เมื่อถึงรถผมยัดกูลลงไปนั่งปรับเบาะให้ลงสุด ให้เขาได้นอน แล้วจึงขับรถตรงไปโรงพยาบาล แผนกฉุกเฉิน เมื่อถึงโรงพยาบาลเวรแปลปรี่เข้ามาช่วยเอาตัวกูลขึ้นนั่งรถเข็น โรงพยาบาลเอกชนมันดีอย่างนี้นี่เอง แพทย์เวรตรวจดูอาการสักพัก ตัดสินใจให้กูลนอนให้น้ำเกลือ รอประเมินอาการจนกว่าน้ำเกลือหมดขวด พยาบาลออกมาตามผมที่นั่งรออยู่ด้านนอก บอกว่าคนไข้ต้องการพบ ผมถามพยาบาลว่าเข้าไปได้หรือครับ พยาบาลยิ้มตอบ ผมจึงเข้าไปพบกับแพทย์ที่ดูแลกูล ถอดหน้ากากอนามัยแล้วจึงทราบว่านี่คือ พี่หมอพล พี่ชายแท้ๆพี่พลอยพี่รหัสของผม ผมจึงยกมือขึ้นไหว้ทักทาย

“สวัสดีครับ พี่หมอพล”

“ว่าไง ช่วงนี้เราไม่ไปที่บ้านเลยนะ คุณแม่บ่นแล้วบ่นอีกให้ยัยพลอยชวนมาเที่ยวบ้าง ประเด็นหลักๆคือคุณแม่ท่านอยากอบคุ้กกี้ แต่ไม่มีใครลองชิม ยัยพลอยก็กลัวอ้วน ส่วนพี่ก็ไม่มีเวลาว่างเลยหมอจบใหม่ก็อย่างนี้ ต้องขยัน”

“หมอหนุ่มไฟแรง มีคนเคยพูดหรือยังครับ” ผมยิ้มตอบ สนิทกับคนบ้านนี้ทั้งบ้าน ไปเล่นบ้านเขาบ่อยจนเหมือนบ้านตัวเองแล้วละ

“เฮ้!! คนไข้อยู่นี่ ยืนจีบข้ามหัวกันไปมาอยู่ได้” เสียงทุบเตียง หน้างอง้ำ พออาการเริ่มดีขึ้นนิสัยเสียพวกนี้ก็กลับมาอีกแล้ว

“เอ่อ... นี่เกื้อกูล น้องชายผมครับพี่หมอ” เด็กโข่งมันพลิกตัวมาทางผมหันหลังให้พี่หมอพลเมื่อผมแนะนำตัวจบลง หยาบคาย มารยาทแย่ตามเคย

“ท่าทางหวงพี่” พี่หมอพลทอดสายตามอง

“เออ รู้แล้วก็ห้ามจีบ” กูลสะบัดหน้าขึ้นไปมองพี่หมอพลส่งสายตาอาฆาต 

“กูล!!” ผมละอับอายจริงๆ ไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหนแล้ว

“เอาละ พี่ฉีดยาให้แล้ว เดี๋ยวนอนพักดูอาการ น่าจะไข้หวัดธรรมดา”

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ พี่หมอพลเดินออกไปแล้ว

“ง่วงแล้ว” เด็กยักษ์มันดึงมือผมเข้าไปหนุนเอาไว้ ผมพยายามดึงออกจนเขาพูดขึ้นมาว่า “กลัวตื่นมาแล้วไม่เจอ” ผมจึงปล่อยเลยตามเลย ถือเสียว่าชดเชยที่ทำให้มันรอนานๆแล้วเป็นไข้แบบนี้ แม้จะยืนเมื่อยขาเมื่อยแขนก็ไม่เป็นไร ถ้ามันจะลดทอนความรู้สึกผิดในใจของผมได้บ้าง

     สุดท้ายแล้วพี่หมอพลก็ให้กลับบ้าน หลังจากน้ำเกลือหมดขวด แขนผมล้าไปหมดง่วงก็ง่วง จึงบอกกูลให้กลับแท็กซี่ กูลมันก็เห็นด้วย ถึงบ้านแล้วผมยังสะลึมสะลือ เจอพี่จันทราหน้าบ้านรดน้ำต้นไม้อยู่ผมยกมือขึ้นไหว้ แล้วมุ่งตรงไปยังห้องของตัวเอง ขอนอนสักสองสามชั่วโมงพอให้ร่างกายได้พักบ้าง

Knock!! Knock!!

“น้องจุนค่ะ เปิดประตูให้พี่จันได้ไหมค่ะ” ผมล้มตัวลงนอนได้ไม่นาน พี่จันทราเคาะประตูอยู่หน้าห้อง ทำไมไม่เข้ามานะ ผมจำเป็นต้องเดินงัวเงียไปเปิดประตู ตาก็ลืมไม่ขึ้น แต่เหมือนพี่จันทราจะเปิดเข้ามาก่อนผมจะเดินไปถึงประตู

“ขอบคุณนะคะคุณกูล เดี๋ยวพี่จันดูแลน้องจุนเอง เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ คุณนายให้โทรหาด้วยนะคะ” ผมลืมตาขึ้น แต่ก็จับต้นชนปลายบทสนทนาระหว่างพี่จันทรากับกูล ไม่ได้จริงๆ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า

“ขอโทษที่พี่มารบกวนนะคะน้องจุน ตอบคำถามพี่จันก่อนได้ไหม ว่าเมื่อคืนหายไปไหนมาทั้งคืน แล้วตอนเช้าทำไมถึงกลับมาพร้อมกันได้ ไปไหนกันมา ไปทำอะไร”

“เอ่อ......” ผมไม่รู้ว่าจะบอกพี่จันทราว่าอย่างไร จะบอกว่าผมเป็นสาเหตุทำให้ลูกชายคุณแม่เป็นไข้ไม่สบาย เพราะตากฝนรอผมอยู่ที่มหาวิทยาลัย ส่วนตัวผมไปที่อื่น มันน่าพูดน่าบอกไปแบบนั้นไหมเล่า ความรู้สึกผิดดีรวนเข้าไปอีก

“ รู้ไหมน้องจุนไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ระยะหลังมานี่เหมือนน้องจุนกำลังปิดบังอะไรหลายอย่าง”

“พี่จัน คือ จุน ไปบ้านพี่ปลื้ม พี่ปลื้มไม่สบาย เอ่อ.... กูล ก็รู้จัก พี่ปลื้มคนที่มาส่งผมบ่อยๆ พี่จันจำได้ใช่ไหม” ผมขอโทษครับพี่จันทรา ผมไม่ได้โกหกนะ ผมแค่.....พูดความจริงไม่หมด ขอโทษนะครับพี่ปลื้ม ที่ขอยืมชื่อเป็นข้อแก้ตัว

“ค่ะ พี่เชื่อน้องจุน แต่คราวหน้าคราวหลังช่วยโทรมาบอกพี่สักนิดนะคะ รู้ไหมพี่เป็นห่วง หรือ น้องจุนคิดว่าไม่มีพี่จันคนนี้แล้ว”

“ผมขอโทษครับ ผมผิดเอง”

“เรื่องบางเรื่องนะคะน้องจุน มันควบคุมไม่ได้ แต่เพื่อความถูกต้อง เราจึงควรระมัดระวังไว้ให้มาก อย่าเผลอไผลไปกับสิ่งยั่วยุรอบข้าง เข้าใจไหมค่ะ”

“ขอบคุณครับ ผมจะจำเอาไว้” ผมยกมือไหว้พี่จันทรา เขาเป็นคนหวังดี คนที่คอยเตือนสติผม คนที่คอยฉุดดึงผมเข้ามาอยู่ในร่องในรอย

      วันหยุดติดต่อกันหลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเราใช้เวลาหมดไปกับการพักผ่อน ผมออกไปดูหนังสือที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านบ้าง ไม่มีกูลมาคอยกวนใจ อาจเพราะไม่ค่อยสบาย หรือ ต้องอยู่บ้านทำตัวเป็นเด็กดีของเตี่ยกับคุณแม่ที่กลับมา คุณแม่เขาเข้าครัวตระเตรียมอาหารด้วยตัวเอง บางทีความอิจฉาความน้อยใจมันก่อตัวขึ้นในใจอย่างไม่ทันตั้งตัว อย่างที่เขาว่ากันว่าความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะรู้สึกในลักษณะรูปแบบไหน เพราะน้อยครั้งที่คุณแม่จะลงมือทำกับข้าว มากสุดคือการสั่งพิซซ่า หรืออาหารจากภัตตาคาร มาทานกัน ผมจึงขอปลีกตัวออกไปดูหนังสือดีกว่า เดี๋ยวเดียวความรู้สึกนี้มันจะจางหายไป



“จุน”

“ครับพี่พลอย” ผมหันไปเจอพี่พลอยเดินมาทางผมกับกลุ่มเพื่อนๆ ผมพนมมือขึ้นไหว้พวกเขา

“เย็นวันศุกร์ พี่ขอนัดเลี้ยงสายรหัสนะ ยังไม่เลี้ยงต้อนรับน้องปีหนึ่งเลย”

“ที่ไหนหรอครับพี่”

“ร้านใหญ่หลังมหาวิทยาลัยเรานี่แหละ”

“เอ่อ .... ปกติสายเราไม่เคยไปที่อโคจรพวกนี้นี่ครับ ทำไมคราวนี้ถึง......”

“พอดีสายรหัสบี เขานัดเลี้ยงสายที่นี่ ทุกอย่างฟรี บีเป็นคนออกทั้งหมด ไปที่นี่นะ พี่จะได้ไม่ต้องเสียเงิน พวกเราก็...อิ่มจังตังค์อยู่ครบ” งกจริงๆเลยผู้หญิงคนนี้ พี่บีเป็นแฟนพี่พลอย บ้านรวยเอามากๆ มาตกหลุมรักผู้หญิงสวยแต่ขี้งก อย่างพี่พลอย เหมาะสมกันดีแปลกๆ ผมยังได้อานิสงส์ อิ่มฟรีพี่บีเลี้ยง อยู่บ่อยๆ

“แต่ผมไม่ถนัดเลย.....” ใช่ครับ ปีสามแล้วยังไม่เคยเข้าผับเลยสักครั้ง เพราะผมเรียนสายบริหาร มีแต่ผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ความจริงแล้วผมไม่ได้คบค้าสมาคมกับใครต่างหาก แต่ถึงชวนผมไปจริงๆผมก็ไม่ไปหรอก สถานที่เสียงดังแบบนั้น ครั้งนี้เห็นเป็นพี่พลอยและของฟรี ทำใจไปให้ก็ได้ ถึงจะไม่ถนัดสถานที่พวกนั้นก็เถอะ

“ไม่ต้องห่วง น้องปีหนึ่งก็ผู้ชาย จุนมีเพื่อนอยู่แล้ว ส่วนหวานปีสอง ไปไม่ได้ แต่จุนต้องไป เข้าใจนะ”

“ครับ พี่คนสวย”

“ดีมาก พูดง่ายๆอย่างนี้สิคนน่ารักของพี่” พี่พลอยขยี้ผมจนยุ่งเหยิง เกลียดนักเป็นผู้หญิงประสาอะไรตัวสูงกว่าผู้ชาย แขนขายาวขนาดนี้ ไม่ไปประกวดนางแบบเลยละ

“เหอะ อย่าเล่นหัวน่า ผมยุ่งหมด”

“ไปละ เจอกันสองทุ่มนะ”

“ดึกไปไหม”

“เวลาผับค่ะ เด็กน้อย” พี่พลอยโบกมือลาแล้วเดินจากไป

     กูล รอผมกลับบ้านพร้อมกันเช่นเคย ผมเริ่มจะชินเสียแล้ว ชินต่อการกระทำ ชินต่อคำพูดคำนินทา ชินต่อสายตาที่จ้องมองมา แต่ผมก็ไม่ได้อธิบายใดๆให้ใครเข้าใจ เพราะไม่ได้มีผลต่อการดำเนินชีวิตของผมมากนัก ส่วนใหญ่ว่ากันไปในทางเชิงชู้สาว พวกเขาเหล่านี้ไม่รู้ความจริงไง ว่าเราเป็นพี่น้องกัน เราห้ามความคิดใครไม่ได้ แต่ห้ามความคิดตัวเองได้ 

“วันศุกร์ ผมมีนัดเลี้ยงสาย ไม่ต้องรอนะ”

“ที่ไหน” กูลถามเสียงแข็ง

“ร้านใหญ่หลังมหาวิทยาลัย”

“ไม่ให้ไป”

“นี่! ผมแค่บอกเล่าไม่ได้มาขออนุญาต”

“งั้น....ไปด้วย” โว้ย! เด็กยักษ์นี่มันบ้าไปแล้ว

“เพ้อเจ้ออะไรของคุณ นี่มันสายรหัสผม”

“งั้น.... สี่ทุ่มจะไปรับกลับ แล้วห้ามเล่นโทรศัพท์จนแบตเตอรี่หมด เพราะข้างในนั้นไม่มีปลั๊กให้ชาร์ตเหมือนในคาเฟ่นะจุ้น มืดด้วย”

“เหรอ!” ผมคิดตาม มุนปากไปมา มืด ไม่เป็นไรสมาร์ทโฟนมีไฟฉาย ฟังชั่นนี้จำเป็นจริงๆด้วย ผมยังทำหน้าสงสัย กูล กลั้นหัวเราะ ผมเอามือลูบหน้าเผื่อมีอะไรติด เจ้าเด็กยักษ์นี่ขำผมแน่ๆ

“เอ่อ.... ข้างในนั้นเปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นมากๆ เพราะพวกที่ดื่มแอลกอฮอล์มันจะร้อน จุ้นไม่ดื่มของพวกนั้นใช่ไหม ดังนั้นควรใส่เสื้อผ้าหนาๆ มิดชิด จะได้ไม่หนาว เข้าใจไหม”

“อื้ม ....”

“ยืมโค้ทของผมก็ได้ อากาศน่าจะใกล้เคียงกันกับเมืองที่ผมเคยอยู่”

“มันหนาวขนาดนั้นเลยหรอ”

“นี่จุ้นยังไม่เคยเข้าไปเหรอ ไม่เป็นไร ผมบอกอยู่นี่ไง” ติดไฟแดงพอดี กูล จึงโชว์รูปที่เขาเข้าผับที่ต่างประเทศ ทุกคนในนั้นก็ใส่โค้ทกันทั้งนั้น ว่าแต่ บ้านเมืองที่นั่นให้เด็กเข้าผับกันได้แล้วเหรอ หรือ แอบเข้าไป บางทีประเทศพวกนี้ก็เสรีเกินไป

“งั้น.... ขอยืมหน่อยแล้วกัน”

“อืม เดี๋ยวแต่งตัวให้ เสร็จแล้วจะไปส่งหน้าร้านให้เลย โอเคไหมครับ”

    ผมขมวดคิ้วคิดอยู่นานการเข้าผับเข้าบาร์มันเข้ายากขนาดนี้เลยเหรอ เห็นตามสื่อก็นุ่งน้อยห่มน้อย เข้ากันไปทั้งนั้น แต่ผมไม่ทานแอลกอฮอล์นี่เนอะ คงไม่เหมือนกันจริงๆ ผมแพ้แอลกอฮอล์ เคยลองดื่มแล้วแพ้ผื่นขึ้นเต็มตัว ปวดหัวไปหลายวัน จำได้ สัมผัสแรกที่เข้าปากนั้นมันร้อนปากไปหมด ร้อนคอ ตอนนั้นรู้เลยว่า หลอดลำเลียงอาหารกระเพราะอยู่ส่วนไหน มันร้อนท้องร้อนไส้ไปหมด กินกันเข้าไปกันได้ยังไงของร้อนๆพวกนี้ 




Guide Line Thanks.
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสอง 27-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 27-07-2018 22:59:53
ไม่โอเคกับก่อทำไมต้องทำรุนแรงกับปลื้มกันขนาดนั้น เหมือนที่จุนบอกอะว่าอย่าเอาคำว่ารักมาอ้างเลยที่ทำไปมันคือความเห็นแก่ตัว สงสารปลื้มมากจริงๆ ส่วนจุนกับกูลนี่พี่จันรู้จริงๆสินะว่ากูลคิดอะไรและกูลก็เข้าไปนอนในห้องจุนพี่จันเลยต้องมาขวางแบบนี้
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสอง 27-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-07-2018 23:35:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสอง 27-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-07-2018 07:19:34
กูล ไอ้เด็กขี้หวง นายจะทำให้จุ้นเด๋อนะ
แล้วคราวหน้าจะหลอกจุ้นยากขึ้นด้วยนะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสอง 27-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 28-07-2018 08:49:47
จะจับจุ้นแต่งตัวแบบมิดชิดเลยสินะ 555 :really2:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสอง 27-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: orloftin ที่ 28-07-2018 10:28:48
จุ้นนนนนนน น้องงงงงงงง
รู้สึกได้ถึงความน้องงง  กอดๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสอง 27-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 28-07-2018 10:30:23
อิน้องกูลๆๆๆๆๆๆ จะใส่ชุดไหนให้จุ้นเนี่ยะ เห็นแต่ลูกตาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสอง 27-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-07-2018 10:34:28
กูลห่วงหรือแกล้งเฉย ๆ เนี่ย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเอ็ด 26-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-07-2018 14:46:38
ว่าแล้ว! ว่าจุนต้องลืมที่กูลบอกว่าจะมารับ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสอง 27-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 28-07-2018 15:00:04
กูลลลล แกจะทำให้จุนเด๋อไปเลยนะถ้าแต่งแบบนั้นอ่ะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสอง 27-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 28-07-2018 15:34:06
เราชอบความรู้สึกนี้นะ
ความรู้สึกของการรอคอย
คอยที่จะเห็นพัฒนาการของตัวละคร
อยากรู้ว่าคนเขียนจะปั้นให้เป็นไปทางไหน
รอตอนต่อไปจ้าาา ^^
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสอง 27-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: hellfire ที่ 28-07-2018 17:54:45
พี่จันอย่าขวางทางรักกูลลลลล 55555555
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสอง 27-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-07-2018 12:24:10
น้องงงง  ให้ใส่โค้ทเข้าผับหรอ  นี่ประเทศไทยเด้อ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสาม 29-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 29-07-2018 20:30:40
ตอนที่สิบสาม
คนเจ้าแผนการ


     เอ่อ..... นี่คือการแต่งตัวไปสถานบันเทิงจริงๆหรือ มองตัวเองในกระจกแล้วน่าจะไปไม่รอด เห็นแค่เพียงใบหน้าดีหน่อยศีรษะโดนจัดทรงจนเรียบแปล้ ไม่ต้องใส่หมวก ไม่อย่างนั้นคงจะเหลือแต่ลูกกะตาเป็นแน่ เพียงเท่านี้ก็แปลกประหลาดชอบกล โค้ทสีครีมเข้มยาวจนเกือบคลุมเข่า แผงคอเป็นเฟอร์กูลบอกว่าเป็นขนมิ้ง ลักษณะมันคลายแผงคอของสิงโต กางเกงเป็นยีนส์เดฟดำค่อนข้างอึดอัด ตัวนี้เป็นของผมเองใส่ได้ครั้งเดียวเท่านั้นมันไม่เหมาะกับผมเลยไม่คิดจะใส่ แต่ต้องกลับเอามาใส่เพราะไม่อย่างนั้นต้องซื้อใหม่เป็นสีครีมเข้มให้เข้าสีของโค้ทตามที่กูลเซ็ตไว้ตั้งแต่แรก เสื้อด้านในเป็นเชิ้ตขาวแขนยาว เป็นเสื้อนักศึกษานี่และครับ ไม่ซื้อหรอกเปลืองมากเกินไปแล้ว ติดกระดุมทุเม็ดจนถึงลำคอ ถ้าใส่เน็กไทด้วย ผมคิดว่าไม่น่าจะไปสถานบันเทิงแล้วละ ก้มมองรองเท้าหนังหุ้มข้อสีดำ ยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมมันใหม่จัง พอดีกับเท้าของผมเลย ทำหน้าสงสัยอยู่นาน กูลเลยบอกว่า ซื้อไว้นานแล้ว ตอนนั้นสวยดี อยากได้ จึงตัดสินใจซื้อเลย สรุป ผิดไซส์ แต่เสียดายไม่อยากทิ้ง เลยเก็บเอาไว้ กูลมันดูแลของของมันดีเลยทีเดียว มันจึงยกให้ผม เพราะเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

“ไม่มั่นใจเลยวะ” กูลขับรถมาส่งผมหน้าร้าน แต่ไม่กล้าลงไป ใครจะกล้าละครับ มองไปรอบๆไม่เห็นจะมีใครแต่งตัวแบบผมสักคน ถึงข้างในมันจะหนาวมาก แต่ไม่น่าจะหนาวถึงขนาดต้องแต่งตัวแบบนี้หรือเปล่า เกิดข้อโต้แย้งในใจ แย่จัง เกิดมาดันแพ้แอลกอฮอล์อยู่คนเดียว

“เอาอย่างนี้ไหม เดี๋ยวผมเข้าไปเป็นเพื่อนจุ้นด้วย เอ่อ....จะนั่งคนละโต๊ะกับจุ้น” กูลเลื่อนมือเข้ามากุมมือให้กำลังใจ ความประหม่าค่อยๆหายไปทีละนิด

“คุณยังไม่บรรลุนิติภาวะ”

“เห็นไหม มันมีโซน restaurant คิดว่ารุ่นพี่จุ้นเขาต้องเลือกจัดโซนนี้มากกว่า มีปีหนึ่งด้วยนิ คงเข้าโซนผับไม่ได้เช่นผม”

“อย่างนั้น ผมก็ไม่เข้าโซนผับก็ได้นี่”

“ใช่ จุ้นไม่ต้องเข้าไปโซนนั้นหรอก ถอดโค้ทแล้วฝากไว้ที่ผม โซน restaurant ไม่หนาวหรอก” เป็นความคิดที่ดี ผมรีบถอดโค้ทตัวหนาส่งให้กูล เขาเดินเข้าไปข้างในร้าน หามุมนั่งค่อนข้างไกลออกไป มองตามไปจดจำตำแหน่งที่นั่งของกูลไว้ แล้วจึงเข้าไปในร้าน เห็นพี่พลอย พี่บี มาก่อนแล้ว จึงไม่เคอะเขินมากนัก ที่จะเดินเข้าไปยังโต๊ะที่นั่งกันเกือบครบแล้ว

“สวัสดีครับพี่พลอบ พี่บี” พนมมือขึ้นไหว้รุ่นพี่ทั้งสอง พี่บีเรียนวิศวกรรมศาสตร์ สายพี่บีเป็นผู้ชายทั้งหมด พวกเขามองมาทางผมเป็นตาเดียว

“เอ่อ.... ผมจุนบัญชีปีสามครับ” ผมยกมือเกาท้ายทอย  มองแบบนี้รู้สึกประหม่าไม่น้อยเหมือนกัน

“หว่า!! นึกว่าเฟรชชี่ แต่งตัวอย่างกับปีหนึ่ง” หนึ่งในสายตาพวกนั้นพูดขึ้น น่าจะหมายถึงผม

“เออ!! นี่จุน คนนี้ปีสามชื่อดิน ปีสองชื่อก้อง นั่นปีหนึ่งชื่อเทป ส่วนปากหมาเมื่อครู่ มันชื่อบีมปีสาม น้องชายพี่เอง” พี่บีขัดขึ้น แนะนำตัวพวกเขาให้ผมรู้จัก

“สวัสดีอีกครั้งครับ”

“โห!! มารยาทงาม ฝึกไปประกวดนางสาวไทยป่ะ” คนพูดคือคนเดิมที่วิจารณ์ผมในครั้งแรก เป็นอะไรกับผมมากป่าววะ ผมคิดในใจ

“พี่พลอย เจ้าน้ำมัน ยังไม่มาอีกหรอครับ” ผมไม่สนใจคำพูดนั้น หันไปถามพี่พลอย

“พี่ไลน์ไปตามแล้วนะ เดี๋ยงคงมา”

     น้ำมัน เป็นเด็กที่มีความเป็นศิลปินสูงมาก ไม่น่าจะมาเรียนสายบริหารบัญชี น่าจะไปเรียนทางด้านศิลปกรรมมากกว่า ผมเคยถามน้องนะว่า ทำไมเลือกเรียนบัญชี ตอนเผลอไปเห็นน้องมันนั่งวาดรูป ลายเส้นอย่างสวย น้องมันหันมาตอบว่า คนเราชอบหลายอย่างไม่ได้หรือ ทำไมคนวาดรูปได้จำเป็นต้องเรียนจิตรกรรมอย่างเดียว เรียนบัญชีไม่ได้หรืออย่างไร ผมแทบกราบขอโทษมัน ที่พูดไม่ทันคิด คนแค่สงสัย ผมไม่ค่อยเจอมันเท่าไหร่หรอกหลานรหัสคนนี้ กิจกรรมก็ไม่ค่อยเข้าร่วม แต่บริหารเราไม่ได้กะเกณฑ์เรื่องกิจกรรมอยู่แล้ว แบบผ่านไปผ่านมาบริเวณมหาวิทยาลัยแล้วบังเอิญเจอ อันนี้ยากมาก เด็กคนนี้ ไม่มีทางได้เจอ ต้องนัดเป็นพิธีรีตองอะไรทำนองนี้ ถึงจะเจอหน้ามันสักครั้ง แต่น้องมันไม่เคยผิดนัดสักครั้ง



Line Message :: Kool

20:26 กระเถิบออกไปนั่งที่อื่นดิ ไอ้หัวล้านนั่นมองตามตาแทบถลนแล้ว

ผมยกสมาร์ทโฟนขึ้นดู ใครไลน์เข้ามา ผมเปิดเข้าไปดูไม่เคยมีประวัติการคุยคงเพิ่มเพื่อนผิดคน

ทักผิดคนแล้วครับ 20:28 read

20:28 โว้ย!! จำไม่ได้ก็หัดบันทึกชื่อเฉพาะไว้บ้างสิ

ใครจะไปจำโปรไฟล์รูปชินจังได้ละวะ  20:29 read (อ๋อ!! Kool กูล เอาจริงๆผมไม่เคยคุยไลน์กับกูล ใช้วิธีการโทรหากันเป็นส่วนใหญ่ ผมไม่ค่อยอยากจะคุยกับมันสักเท่าไหร่)

20:30 ทำไมยังไม่ขยับ

ไหนใครหัวล้าน ไม่เห็นมี 20:31read

20:32 โง่ แล้วยังตาถั่วอีก นั่งตรงข้ามนั่นไง (อ๋อ! บีม มันหัวล้านที่ไหนกันเล่า นั่นเขาเรียกว่าทรงสกิลเฮด)



“มองอะไร” ผมละสายตาจากสมาร์ทโฟน รู้สึกจริงๆว่ามีคนจ้องอยู่
 
“ป่าว!! แค่สงสัยว่าไม่ร้อนหรือไง ติดกระดุมถึงคอ”

“ยุ่งน่า เรื่องส่วนตัว” ผมก็อยากจะตอกกลับให้แสบกว่านี้ แต่คิดคำไม่ออก

“คนเรา เมื่อเจออะไรที่น่าสนใจ มันมักจะสงสัยอยู่ตลอดเวลา”

“ไอ้ดิน!!” บีมหันไปถลึงตาใส่เพื่อนของมัน

“ครับ เพื่อนบีม” คนตอบกลับก็ยียวนเสียจริง

“สวัสดีครับ ขอโทษครับที่มาช้า” เด็กน้ำมัน มาแล้วครับ มันใส่กางเกงนอนขายาว เสื้อแขนยาว รองเท้าแตะ ผมขยับให้มันนั่งลงข้างผม

“ทำไมแต่งตัวแบบนี้วะ” เพลงค่อนข้างดังผมเลยกระซิบถาม

“ผมอาบน้ำแล้ว เดี๋ยว คุยเสร็จ กินเสร็จ ตอนกลับจะได้เข้านอนเลย ขี้เกียจอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลายรอบ”

“ล้ำ!!” ยกย่องความคิดน้องมันจริงๆครับ

“ว่าแต่ผม พี่เหอะ ไปงานกาล่าที่ไหน ไม่ร้อนหรือไง”

“เออ!! ร้อน” ตอนนี้เริ่มร้อนละ ผมจึงปลดกระดุมคอลงสองเม็ด พับแขนเสื้อขึ้นทั้งสองข้าง พอสบายขึ้นหน่อย



Line Message :: Kool

20:54 ปลดกระดุมคอทำไม ไอ้หัวล้านมองจุ้นอีกแล้ว

เขาจะมองก็เรื่องของเขา 20:55 read (น่ารำคาญเสียจริง จะคุยกับใครยังไม่ทันจะรู้ความก็ไลน์เข้ามาขัดจังหวะ)

20:56 ชอบให้มันมองหรือไง

แล้วมันจะทำไม 20:56 read (เด็กยักษ์ชวนทะเลาะอีกแล้ว)

20:57 ถ้าไม่ขยับออกจะเดินเข้าไป

โว้ย!! อะไรหนักหนาวะ 20:58 read



“น้ำมัน เปลี่ยนที่กับพี่หน่อยได้ไหม”

“ทำไมหรอพี่” น้ำมันถามอย่างสงสัย

“เอาน่า” น้ำมันก็สลับที่กับผมโดยดี องศามันเปลี่ยนแค่นิดเดียว บีมมันขมวดคิ้วคงสงสัยว่าเปลี่ยนทำไม

“ร้อนแล้วละสิ กว่าจะทำตัวเหมือนคนปกติได้” บีมพูดขึ้นลอยๆ

“บีมคะ นี่น้องพี่ค่ะ เราจะไปสวดมนต์กันต่อ” พี่พลอยดูกลั้วหัวเราะ

“อ๋อครับ คนแปลกเหมือนกัน” บีมแซวพี่พลอย

“น่าจะแปลกทั้งสายมากกว่า” ดินพูดขึ้นบ้าง

“ขอโทษครับพี่บี วิศวะนี่ขี้เสือกเหมือนกันหมดไหมครับ” น้ำมันพูดขึ้น เสียงอูยยยยยย ดังขึ้นพร้อมกัน ผมขอติดแฮทแท็กทีมน้ำมัน เจ้าได้พูดแทนใจพี่ไปหมดแล้ว นี่แหละครับสายบู้ที่แท้จริง

“น้องๆ แต่งชุดแบบนี้ไปจะตามไปนอนห้องพี่หรอครับ” ก้องพูดขึ้นบ้าง ฝ่ายเสนอจากวิศวกรรมศาสตร์

“พ่อ!! พี่อนุญาตหรือยังครับ” น้ำมันฝ่ายค้านจากบริหารธุรกิจ เน้น พ่อ เสียงดังฟังชัดเลยละขอรับ


    พวกเรานั่งกินนั่งดื่มและผลัดกันโต้วาทีกันไปเรื่อยฝั่งผมก็ส่งน้ำมันไปตอบโต้เกือบทั้งหมด ฝั่งนั้นก็สลับกันบ้างเป็นทีมทำงานที่เข้าขากันดี แต่ฝ่ายผมก็ไม่เพลี่ยงพล้ำให้หรอก น้ำมันมันชอบยกเหตุผลที่เหนือความคาดหมาย แต่บีมมันก็กัดแต่ผมแปลกๆ ทั้งสายตาที่จ้องมองมา ขนาดผมไม่เถียงไม่อยากจะยุ่งด้วยสักเท่าไหร่ รำคาญไลน์ที่เด้งมาตลอด แบตเตอรี่ของผมจะหมดก็เพราะมันนี่แหละ หลังๆผมไม่อ่าน ไม่ตอบก็รัวส่งมา ผมต้องรีบเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง ชะเง้อมองมันดูบ้าง ท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่าน คงหัวเสียไม่น้อย ผมละสะใจปนสงสารที่ต้องนั่งคนเดียว จากนั้นพวกเราก็ส่งน้องปีหนึ่งกลับ พวกพี่ปีสูงก็จะเข้าไปโซนผับด้านใน ผมกำลังจะเอ่ยปฏิเสธแต่พี่พลอยขอไว้ก่อน ให้เหตุผลว่าบัญชีมีพี่คนเดียวไม่เหมาะ แต่ผมค้านแล้วนะว่าผมไม่ดื่มแอลกอฮอล์ พี่พลอยรู้แต่ขอผมไปเป็นเพื่อนจะได้ไหม ผมจึงอ่อนใจ ตอบตกลง


     ผมไลน์ไปหากูล บอกว่าจะเข้าไปด้านในแล้ว ไม่ต้องรอกลับก่อนได้เลย กูลจึงตอบกลับมาให้ไปเอาโค้ทที่เจ้าตัวก่อนเข้าไป ผมจึงขอตัวเดินไปหากูล


“กลับก่อนได้เลยนะ” ผมบอกกูลเมื่อมาถึงโต๊ะที่เขานั่ง

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวนอนรอที่รถ” กูลยื่นโค้ท จัดแจงใส่ให้ผมจนเข้าที่ สายตาคนในร้านหลายโต๊ะมองมาแปลกๆ ไม่ให้แปลกได้อย่างไรเล่า โคตรจะเด่น

“อืม เอาอย่างนั้นก็ได้”

“มีอะไรโทรมาเลย ให้นึกถึงผมเป็นคนแรก ตกลงไหม”

“อือ”

“อ้อ! ใครส่งอะไรให้ดื่ม ห้ามรับจากเขา ห้ามถอดโค้ท ห้ามทำความรู้จักกับใครอื่นใดทั้งสิ้น”

“รู้แล้วน่า โตแล้วเข้าผับได้” ผมตอบเสียงรำคาญ นับวันจะยิ่งทำตัวเหมือนพ่อขึ้นทุกที

     บรรยากาศข้างในเสียงดังอึกทึก ปวดหูมาก แออัด หายใจไม่สะดวก ไม่รู้ว่าเพราะโค้ทหรือเพราะคน ไม่เห็นมีใครใส่โค้ทมาเลย สายตาหลายคู่จ้องมองมาทางผม อย่างใคร่รู้ เสียงขำของบีมดังไม่ขาดระยะตั้งแต่ประตูทางเข้า พี่พลอยหยุดไปแล้ว เขาชมว่าผมน่ารักดี แต่ไม่ได้ช่วยให้ผมโล่งใจขึ้นเลย เหมือนเอาผ้านวมคลุมเดินยังไงไม่รู้ จังหวะเพลงเป็นอีดีเอ็ม เหมาะกับสายเต้นเสียมากกว่า ซึ่งตรงข้ามกับผมลิบลับ

“นี่!! หยุดหัวเราะได้ไหม” ผมเหว คนข้างๆ บีมมันก็ยังไม่หยุดขำผมเสียที

“ใส่โค้ทแล้วดุจัง คนเรา”

“แล้ว ออกไปไกลๆหน่อย”

“หะ! ไม่ได้ยิน” เสียงเพลงมันดังมากจนผมต้องเขย่งเข้าไปใกล้หูของบีม

“ออกไปหน่อย อึดอัด” มันไม่ขยับออก ยิ่งเบียดกว่าเก่าจนผมต้องขยับเบียดพี่พลอยไปด้วย

“พี่ครับ โต๊ะตรงโน่นฝากมาครับ” ผมมองไปตามมือของบริกรชี้ไป เห็นชายหนุ่มแต่งตัวดียกแก้วเบียร์ยิ้มตอบทักทายกลับมา สิ่งที่ได้มาเป็นนามบัตร พร้อมค็อกเทลแก้วหนึ่ง บีมเอามือมาพาดบ่าแล้วคว้าแก้วค็อกเทลดื่มรวดเดียวจนหมด

“วู้วววววววว” เสียงโห่ เสียงแซว จากสายวิศวะดังผสมปนเปกับเสียงดนตรี ผมจึงสลัดมือบีมออกจากไหล่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

     พูดถึงเรื่องห้องน้ำ ผมเป็นคนชอบเข้าห้องน้ำเสียมากกว่ายืนที่โถฉี่ เพราะเป็นคนชอบถอดกางเกงลงเกือบถึงเข่า จะได้ไม่กระเด็นโดนเข็มขัดหรือกางเกง อีกอย่างจังหวะความห่างระยะโถมันได้องศามากกว่า ไม่กระเด็นไกล แล้วจะได้แต่งตัวใหม่ให้ดีในห้องน้ำด้วยมันส่วนตัว เสร็จแล้วผมก็จะเช็ดโถให้ทุกครั้งเพื่อสะดวกต่อคนที่จะใช้ครั้งต่อไป  เสร็จแล้วผมจึงออกมาล้างมือ เห็นบีมยืนอยู่ก่อนแล้ว

“ทำไม ไม่เคยเห็นหน้า” บีมขึ้นพูดขณะล้างมือ

“เรียนบัญชีหรือไง” ผมก็ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร คำถามประเภทบ่นเสียมากกว่า

“ก็....น่าสนใจดี”

“อะไรนะ” เสียงเขางึมงำ ผมจึงถามย้ำอีกครั้ง

“ขอยืมโทรศัพท์หน่อย”

“จะเอาไปทำไม แบตเตอรี่หมด?” ผมถามอย่างสงสัย ล้วงสมาร์ทโฟนขึ้นมา ไม่ทันจะยื่นให้ บีมคว้าเอาไปเสียก่อน กดหยุกหยิกอยู่เสียนาน

“ไม่เคยโดนจีบหรือไง”

“หะ! จีบ” ผมตกใจ กับคำพูดที่ชัดเจนค่อนข้างสวนทางกับหน้าตา

“เอ๋อ แบบนี้ไง ถึงไม่รู้อะไร แล้วอย่าไปให้โทรศัพท์ใครง่ายๆ เข้าใจไหม” เขาส่งคืนสมาร์ทโฟน แล้วจะเดินออกไป ผมจึงคว้าไหล่ไว้ก่อน

“เดี๋ยว! จีบไม่ได้”

“มีแฟนแล้ว” บีมทำหน้าสงสัย

“เอ่อ..... ยัง”

“แล้วทำไมถึงจีบไม่ได้ ขอเหตุผลดีดีสักข้อสิ”

“ผมไม่ได้ชอบคุณ คือผมเป็นผู้ชายคุณก็เป็นผู้ชาย อีกอย่างผมยังเรียนไม่จบ”

“เหตุผลยังไม่ผ่าน”

“....” สีหน้าผมกังวล ขมวดคิ้วย่น ยังคิดหาเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำให้เรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้ ทำไมถึงต้องสนใจผมด้วย คนอื่นตั้งเยอะตั้งแยะ ผมไม่อยากแบกหน้าเอาความผิดหวังไปให้เตี่ยกับคุณแม่

“อย่างนั้นผมขอทดสอบคุณได้ไหม”

“ทดสอบอะไร”

    ผมพูดจบคำบีมก้มลงมาจูบผม ละเมียดดูดริมฝีปาก ขบเม้ม ให้ความรู้สึกวาบหวามในช่วงท้องน้อย กลิ่นเหล้าคละคลุ้งเล็กน้อย จนเคลิ้ม ตัวผมอ่อนลงจนผิงผนังช่วย ผมรู้ว่ามันคือสิ่งผิดปกติที่ผมไม่ได้ผลักบีมออกไป จนบีมเป็นฝ่ายถอนจูบออกไปเอง

      เสียงทุบประตูอย่างดังผมจึงหันไปมอง เป็น กูล ที่ยืนมองผมกับบีมจูบกัน ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน ถ้าไม่ได้ยินเสียงดังผมก็ยังคงไม่รู้สึกตัว สายตาเขามองมาที่ผมอย่างตำหนิ ติเตียน ผิดหวังในตัวของผม ไม่ได้แสดงถึงความโกรธเกรี้ยว โมโห แล้วเขาก็เดินหนีออกไปจากตรงนั้น ไม่เอะอะโวยวาย ไม่ทำลายข้าวของ ไม่เข้ามาต่อยบีม หรือ ทำร้ายร่างกายใคร ไม่มีแม้แต่เสียงตะโกนหรือพูดให้เจ็บช้ำน้ำใจ อย่างเคยเป็น

สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นได้จากดวงตาคู่นั้น คือ “น้ำตา” น้ำตาที่เคลือบดวงตาจนใส มันเอ่อจนเกือบล้นออกมา....




Guide Line Thanks.
ปล. แผนการของคนอยากไปเฝ้า เอ้ย! เอาใหม่ อยากไปด้วย
ปล. เด็กน้อยร้องไห้แล้วง่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสาม 29-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 29-07-2018 20:45:26
หวายยย สงสารเลยอะเขาหวงของเขาเนาะ จุนก็ไม่ระวังตัวเลยยอมให้จูบอีกตะหากแบบนี้คงโดนบีมรุกจีบแน่ๆ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสาม 29-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 29-07-2018 21:13:26
จุนขี้สงสารคนนี่เป็นจุดอ่อน​ ที่น้องกูลจะได้คะแนน​ แต่ตอนนี้น้องกูลร้องไห้แล้ว​ รีบตามน้องไปเลย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสาม 29-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 29-07-2018 22:28:42
บอกเลยโกรธจุ้น กลูงอนให้จุ้นรู้สึกผิดไปเลย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสาม 29-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 29-07-2018 22:43:03
แง๊ๆๆๆๆๆ สงสารนัองกูล  T_T
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสาม 29-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-07-2018 22:44:38
โอ๋กูล ก็นะ จุ้นเอ๋อ ๆ แบบนี้ ไม่ทันใครเค้าหรอก
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสาม 29-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsang ที่ 29-07-2018 23:47:49
สงสารน้อง แงแง   :sad4:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสาม 29-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: orloftin ที่ 30-07-2018 00:08:04
เราจะไม่โกรธจุ้น เพราะจุ้นน้องงงงงสำหรับเรา 555555
แต่กูลต้องเข้าใจจุ้นด้วยนะ ว่าจุ้นนิสัยเป็นยังไง  :hao5:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสาม 29-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 30-07-2018 00:11:34
งืออออ สั้นจังยังไม่อิ่มเลย :monkeysad:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสาม 29-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-07-2018 04:18:38
สงสารน้อง :hao5:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสาม 29-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 30-07-2018 04:27:05
จุ้น ทำไมยอมให้เขาจูบง่ายๆ ละ ผิดหวังมาก :angry2:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสี่ 30-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 30-07-2018 22:56:06
ตอนที่สิบสี่
แมวของเกื้อกูลชื่อจุ้นจ้าน

Past :: เกื้อกูล

      การวิ่งคือกิจกรรมยามว่างของผม ไม่ใช่เพราะผมรักในการวิ่งหรอกครับ แต่ชอบบรรยากาศในเวลาเช้ามากกว่า มันเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งต่างๆ ในการดำเนินชีวิตหลังจากต้องเผชิญอยู่กับความมืดมิดมาเสียนาน ผมชอบเวลาที่ความมืดนั้นเจือจางด้วยความสว่าง มันค่อยๆลดบทบาทความมืดลง เปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานให้กับทุกสิ่ง เป็นความหวัง เป็นกำลังใจ ให้ต่อสู้ และก้าวเดินต่อไป ความสว่างสื่อสารผ่านสายลมเอื่อยๆในยามเช้าว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเราเสมอ และผมจะเป็นเช่นดั่งแสงสว่างของเขา

     แล้วแสงสว่างก็ได้นำทางเขาก้าวเข้ามาวนเวียนใกล้ๆผมเสมอ ผมจะไม่เรียกสิ่งนั้นว่าความบังเอิญแต่ผมจะเรียกสิ่งนั้นว่าโอกาส กลยุทธ์ต่อไปของผมไม่ใช่ความโชคดีแต่มันคือความพยายาม และตัวเร่งปฏิกิริยาคือสถานการณ์

     ผมหยุดยืนมองคนตัวเล็กเขามองซ้ายแลขวาอยู่ครู่หนึ่ง จึงปูเสื่อ เอาหนังสือมาตั้งสามสี่เล่ม แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ เสียบหูฟัง ไม่ได้หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เพียงแต่ยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายรูป สักพักก็มีแจ้งเตือนในอินสตราแกรมที่ผมกดติดตาม ผมเปิดขึ้นมองภาพที่ถูกโพส เป็นภาพครึ่งหน้าที่ติดเพียงดวงตา ใบหู หูฟัง และส่วนของหนังสือ อดขำไม่ได้หนังสือพวกนั้นเป็นเพียงเครื่องประกอบฉากในรูปอย่างนั้นหรอกเหรอ ผมนั่งมองเขานอนอย่างนั้นอยู่นาน จนรู้สึกอยากแกล้งปะทุขึ้นมา จึงเอาน้ำราดหัวเดินไปหาเขา ก้มมองหน้าที่หลับตาพริ้มฟังเพลง ใบหน้านวลใส ขนตาเป็นแพยาวงอนอย่างกับดัดมา จมูกเล็กๆรับกับใบหน้า ริมฝีปากบางเสียจนน่าจุมพิต ถ้าน้ำบนหัวผมไม่หยดจนเขารู้สึกตัว มีหวังผมได้สัมผัสเจ้าปากสีคาราเมลอ่อนนั่นแน่ๆ   

 “ฝนตก” เขาเอ่ยขึ้น ไม่ยอมลืมตา แต่ดันลุกขึ้นพรวดพราด

“โป๊ก!” “โอ้ย!”

“ก้มมาหาหอกอะไร” เสียงเหวขึ้น เมื่อรู้ว่าหน้าผากที่ชนกันนั้นคือหน้าผากผม เสียดายน่าจะได้สักจูบเหมือนในภาพยนตร์

“จุ้น ทำไมไม่ไปนอนดีดีที่บ้าน”  ผมพูเสียงเข้ม มานอนที่นี่ได้ยังไง คนเยอะแยะ เกิดมาถูกใจเขา ผมก็แย่สิ ยังไม่ได้ทำคะแนนเลย

“หะ เรียกว่าอะไรนะ”

“จุ้น” ผมคิดว่า จุ้นจ้าน น่าจะเหมาะกับเขามากกว่า ผมชอบหน้าหงุดหงิดหงุ่นง่าน ของเขามากกว่าหน้าเศร้าๆในอินสตราแกรม

“ชื่อ จุน ห่างกัน สามปี เป็นพี่” ลูกแมวกำลังขู่ฟ่อ ไม่สบอารมณ์

“คิดอย่างนั้นหรอ”

“เออ”

“แล้วจะไปไหน” เขารีบม้วนเสื่อ ท่าทางเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

“ยุ่ง”

“ห้ามไปไหน วันนี้วันเสาร์ เตี่ยกับคุณแม่จะกลับมา” ผมพูดดักไว้ก่อน เขาต้องมีแผนจะไปไหนแน่ๆ เหมือนเขาจะหลบหน้าผมกลายๆ

“รู้แล้ว” เสียงฟึดฟัดตอบกลับมา

     เที่ยงนี้ ไม่ใช่สิ บ่ายโมงกว่าแล้ว พี่จันทราตั้งโต๊ะ เราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เตี่ยคุณแม่ลูกชายและลูกสะใภ้ คิดไปก็อดยิ้มไปไม่ได้ เขาทำผมอารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง การกลับบ้านมาดีอย่างนี้นี่เอง ผมหยอกล้อเขาบ้างสนทนากับคุณแม่บ้าง เมื่อกิจกรรมจบลง มองคนทำหน้าคว่ำอยู่ข้างๆ น่าฟัดชะมัด เหมือนลูกแมวโดนขัดใจเสียมากกว่า เพราะเขาต้องไปซื้ออุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ให้กับผม เราจะไปกันสองคน เรียกเดทดีไหมนะ ความจริงผมซื้อเองได้ แต่อยากให้เขาเลือกให้มากกว่า อยากมีโมเมนต์เลือกของด้วยกันเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ขอบพระคุณครับคุณแม่

     ขับรถพาลูกแมวขี้หงุดหงิดมายังห้างสรรพสินค้า ลูกแมวขู่ฟ่อตลอดทาง เกือบโดนกัดเข้าให้เสียแล้ว วนหาที่จอดรถเสียนาน คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องปกติของวันหยุด เมื่อหาที่จอดได้แล้ว กำลังเข้าตัวห้าง เห็นเขาทำปากขมุบขมิบ ลูบแขนไปมา ท่าทีดูตลกชอบกล   

 “หนาว?” ผมถามอย่างสงสัยในท่าที เดินชิดเข้าไปใกล้ๆ

“ป่าว คนเยอะไม่ชอบ เดินออกห่างๆ หน่อย”

“คิดว่าต้องการความอบอุ่น” ผมพูดเสียงแซว

“โตแล้ว ไม่ใช่เด็กมีปัญหา ไม่ได้ขาดความอบอุ่น” เขาโวยวาย ท่าทางน่ารักเสียมากกว่า   

 “อ้าว จุน”

“สวัสดีครับพี่ปลื้ม”  ใครวะ ผมขมวดคิ้วสงสัย ชื่อปลื้ม ดูเท่ดี อาจจะเป็นเพราะชอปที่ใส่อยู่แต่เตี้ยไปหน่อยสูงกว่าจุ้นของผมไม่มาก ดวงตาดูใสๆ ยิ้มมีลักยิ้ม ก็น่ารักดี

“เราลืมหมวกไว้บนรถพี่ ไปเอาไหมครับ”

“เอ่อ... จุนมากับน้องอะครับพี่” สายตาที่มองแมวของผมนั้น เอาคำว่าน่ารักคืนมา ไอ้ลักยิ้มมหาประลัย

“จุ้นนนนนน หิวข้าวแล้วอ่า” ผมใช้เสียงอ้อนแสดงความเป็นเจ้านายของแมว

“นี่กูล น้องผม ส่วน นี่พี่ปลื้มพี่ที่ชมรมค่ายอาสาพัฒนา”

“ไม่ใช่น้อง แล้วก็ไม่อยากรู้จัก” ถ้าแยกเขี้ยวได้คงทำไปแล้ว 

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับจุน อย่าคิดมากนะครับ คิ้วเป็นปมแล้ว”

“จุ้น มานี่” ผมกระชากแมวออกจากไอ้ลักยิ้มเอามือลูบหน้าจุ้น คงสนิทกันมากขนาดถึงเนื้อถึงตัว หงุดหงิดชะมัด

“เดี๋ยวกูล หยุดก่อน เป็นบ้าอะไรหะ”

“พูดดีดีไม่เป็นรึไง” ผมพูดเสียงหงุดหงิด ก็มันน่าหงุดหงิดไหมละ แมวของผมถูกไอ้บ้าที่ไหนรู้มาแสดงความสนิทสนม แมวผมก็คุ้นเคยกับเจ้านั้นน้อยเสียเมื่อไหร่ รอยยิ้มแมว สายตาแมว ดูยังไงก็รู้ว่าปลื้มเขาชัดๆ   

“เอ่อ... หิวขนาดนั้นเลยหรอ”

“....” เกือบหลุดหัวเราะไปแล้วครับ แมวคิดว่าผมโมโหหิวสินะ เพิ่มอีกหนึ่ง situation กินข้าวนอกบ้าน  ก็ดีไม่น้อย


      พวกเราเดินหาโซนเสื้อผ้านักศึกษา อุปกรณ์จิปาถะ ส่วนใหญ่จุ้นเป็นคนเลือกผมเป็นเพียงหุ่น เหมือนแม่บ้านเลือกของให้สามีไปทำงาน มีข้อถกเถียงกันเล็กน้อย และผมก็ได้แง่มุมดีดีจากเขา เพราะเขาเชื่อว่า “เครื่องแบบ” เป็นสัญลักษณ์ภายนอกพื้นฐานในการจำแนกคนแต่ละประเภทเบื้องต้น ทั้งยังทำให้เรามีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ควรประพฤติปฏิบัติตัวอย่างไร เป็นตัวช่วยในการระบุตัวตน สิ่งแรกที่คนภายนอกมองคือภาพลักษณ์ เช่น ตำรวจแต่งเครื่องแบบ เราจึงอนุมานได้ว่าบุคคลนี้สามารถช่วยเราได้แน่นอนเมื่อเราเกิดปัญหา ผมจึงหยิบเสื้อนักศึกษา แขนยาว แขนสั้น กางเกงอย่างละห้าตัว ห้าวันพอดี โดนเทศนาไปยกหนึ่ง เป็นแม่บ้านที่ขี้บ่นชะมัด ผมยิ้ม ตอบ แม่ค้า ที่สายตาแวววาว มองทางผมทีมองทางเขาที อยากตอบเป็นคำพูดเหลือเกินว่า คิดถูกแล้วครับ คนนี้ภรรยาผม

 “เปิดเทอมค่อยไปซื้ออุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่สหกรณ์มหาวิทยาลัยแล้วกัน”

“ขอบใจ”

    หลังจากที่เราตระเวนสำรวจเส้นทางอยู่เสียดึกดื่น คนข้างกายสัปหงกชนคอนโซลรถไปแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ยอมนอนลงไปเสียที เขาตีกับความคิดอยู่อย่างนั้น เดี๋ยวส่ายหน้าบ้างทำท่าทางแปลกๆบ้าง น่าขำเป็นบ้า เจ้าแมวเด๋อเอ้ย จนกระทั่งรถติดไฟแดง ผมจึงค่อยๆปรับเบาะลงให้เขาได้นอนลงอย่างสบาย

 “ง่วงหรอ นอนดีดี”

“อืมมมมมม”

     ผมขับรถเทียบฟุตบาทบริเวณหน้าบ้าน ลูกแมวตัวน้อยเวลานอนแล้วน่าเอ็นดูเสียจนผมห้ามใจไหว เขาจะรู้ตัวบ้างไหมว่าตัวเองเป็นแม่เหล็ก ดึงดูดได้ทุกทีเมื่ออยู่ใกล้ๆ

“Kiss me” ผมบอกแล้วว่าเขาคือแม่เหล็กเพราะหลักจากที่ผมยื่นหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆเขา เขาใช้ปากยกขึ้นมาดูดปากผมให้จมลงไปกับปากของเขา ผมจึงค่อยๆดูดลิ้มชิมรสริมฝีปากสีคาราเมลอ่อน ให้รสชาติหวานหอม น่าหลงไหล ละเลียดชิมอยู่นาน จนเขาหายใจไม่ทัน  ครั้งแรกที่จูบหรอกหรือนี่ ไม่ประสาเช่นนี้ ผมถอนจูบออกมา ลูบหน้าเจ้าแมวอย่างทะนุถนอม สางแนวผมสีดำปนน้ำตาล มันนุ่มนิ่มอย่างกับขนแมวเสียจริง เจ้าแมวคงชอบให้ลูบแบบนี้ ผมสังเกตได้จากรอยยิ้มพริ้มเพราอย่างมีความสุขจนล้นออกมา

    เมื่อคืนผมยังมีความสุขดีแท้ๆ หลังจากกลับจากวิ่งในตอนเช้า เมื่อถึงบ้าน ผมได้ถามหาจุ้นจากพี่จันทรา ได้ความว่า เขาไม่อยู่ออกไปข้างนอก วันอาทิตย์นี่นะ ควรอยู่บ้านกับครอบครัว ไม่ควรออกไปไหน อารมณ์ขุ่นมัวอยู่แบบนั้นทั้งวัน อินสตราแกรมก็ไร้ความเคลื่อนไหว ไปไหนของเขานะ ผมรอเขาจนถึงค่ำ มืดแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แวว ผมเดินไปเดินมาริมรั้วหลายรอบ พี่จันทราออกมาถามว่าผมทำอะไรมืดๆ ผมตอบกลับไปว่า ฝึกความอดทน ต้องอดทนสิ รอนานขนาดนี้ต้องใช้ความอดทนเยอะมาก ยุงจะหามผมได้อยู่แล้วนี่ และสิ่งที่ผมรอก็มาถึง สามทุ่ม กับไอ้ลักยิ้มนั่นอีกแล้ว คงไปไหนมาไหนกันทั้งวัน สติเริ่มขาด ปล่อยให้ความโกรธเข้าครองงำ   

 “มาส่งกันดึกๆกี่ครั้งแล้ว ดึกขนาดนี้ไม่ค้างคืนเลยละ”

“เป็นบ้าหรอ สามทุ่มนี่นะ”

“วันก่อนเที่ยงคืน”

“โอ้ย รำคาญ เป็นเตี่ยหรอ”

“ทำตัวแย่ ขนาดนี้ เตี่ยรู้บ้างไหมนะ”

“เป็นอะไร เหงาหรอ หาเรื่องคนอื่นอยู่ได้”

“ไปหาคุณแม่ก่อน แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”

     ผมต้องควบคุมสติอยู่นาน แต่ผมสำรองแผนไว้แล้วละครับ ปิดหนทาง ไม่ให้เหตุการณ์เกิดซ้ำ แผนผมมีความรัดกุมและคิดทบทวนรอบคอบดีแล้ว ด้วยการยืมมือคุณแม่  ใครจะหาว่าผมร้ายกาจอย่างไร ก็ช่างเขา เจตจำนงของผมมีเขาคนเดียว
 
 “มานี่หน่อยสิ จุน”

“ครับ” เขานั่งลงโชฟาหันหน้าเข้าหาคุณแม่ ผมยืนมองหน้าใสๆของเขา

“จุน รู้ใช่ไหมว่าน้องเพิ่งกลับมา น้องยังไม่เคยชินกับเมืองไทยเท่าไหร่ เพื่อนก็ยังไม่ค่อยมี ช่วงนี้ แม่จึงอยากให้จุนอยู่เป็นเพื่อนน้องไปก่อนได้ไหม” ผมยิ้มกริ่มอย่างผู้ชนะ

“ได้.... ครับ”

“แม่หมายถึงตลอดเวลา ได้ไหม” ขอบคุณครับแม่เหมือนที่เราคุยกันไว้เลยครับ

“ครับ”

“ได้ยินแล้วใช่ไหม ทำตามที่พูดด้วยละ”  ผมเข้าไปดักหน้าเขาระหว่างกลับห้องนอน ย้ำเตือนเจ้าแมวอีกครั้งเขาจะได้จำได้อย่างแม่นยำ ฝันดีนะเจ้าแมวของผม



Guide Line Thanks.
ปล. เอาความ crazy แมวจุ้น ของกูลมาฝาก พระเอกเราน่ารัก ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสี่ 30-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-07-2018 00:35:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสี่ 30-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-07-2018 01:28:32
ไอ้เด็กเอาแต่ใจ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสี่ 30-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 31-07-2018 20:47:21
อ่านในมุมของกูล แล้วน่ารักจัง ^^
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสี่ 30-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 31-07-2018 22:06:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสี่ 30-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 01-08-2018 07:38:29
ไม่อยากให้จุ้นยอมให้คนอื่นจูบง่ายๆ แบบนี้เลย จุ้นควรต่อยเมื่อได้สตินะจุ้นของพี่.. :serius2: :serius2: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบสี่ 30-Jul
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 01-08-2018 10:38:18
นี่มันโครตเด็กเอาแต่ใจเลยอะ5555555555 ทำอะไรไม่ได้เนี่ย
ต้องบอกแม่ ต้องอ้างแม่ ใช้แม่เป็นข้ออ้างตลอดดดดก
โถวเด็กน้อย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบห้า 01-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 01-08-2018 18:19:36
ตอนที่ สิบห้า
เพราะเหมือนกันจึงรู้ว่าจริง


     เคยรู้มาว่าการหลั่งของ*น้ำตาถูกควบคุมโดยต่อมน้ำตา รองรับภาวการณ์เปลี่ยนแปลงของร่างกาย ช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา ป้องกันอันตรายจากสิ่งสกปรกเข้าดวงตา แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่า แท้จริงแล้วน้ำตาควบคุมด้วยความรู้สึก รองรับภาวการณ์เปลี่ยนแปลงของจิตใจด้วยเช่นกัน และไม่เคยรู้เลยว่าการหลั่งของน้ำตานั้นต้องหลั่งให้กับความรู้สึกลักษณะรูปแบบไหน จะหลั่งปริมาณเท่าไหร่ ความรู้สึกสับสนมันหลั่งน้ำตาได้ไหม ความไม่ชัดเจนของความรู้สึกควรหลั่งน้ำตาหรือไม่
 
     ผมเดินออกมาจากสถานบันเทิงแห่งนั้น เพียงลำพัง ไม่มีใครตามผมมา และผมไม่ได้ตามใครไป ขอใช้เวลาขอความคิด ขอใช้หัวใจ พิจารณาเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามา สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมมันคืออะไรกัน ผมเตะฝุ่น มันก็ฟุ้งเข้าตาเข้าจมูก เตะหินก้อนใหญ่ ก็เจ็บชาไปทั้งเท้า แต่ก็ยังไกลหัวใจ ความเจ็บแปลบทำให้ใจนั้นชาไม่หาย ผมไม่ได้ชอบบีม แต่ผมก็หาความหมายความรู้สึกระหว่างผมกับกูลไม่ได้ ผมกลัว กลัวเหลือเกินว่ามันจะพัฒนาไปในรูปแบบนั้น ซึ่งความเป็นได้ควรเป็นศูนย์ เราเป็นพี่น้องกัน กูล คือความหวัง คือความภาคภูมิใจของครอบครัว ส่วนผมก็แค่อยากให้ครอบครัวภาคภูมิใจ จุดหมายท้ายสุดของเราบรรจบลงที่เดียวกัน ดังนั้นผมจะไม่เป็นเช่นอุปสรรค ที่แล้วมาระบบป้องกันน้อยเกินไป ผมจะสร้างแนวป้องกันขึ้นมาใหม่เสริมแนวป้องกันเดิม เพื่อผลประโยชน์แก่ทุกคน และเพื่อตัวเอง

    เดินเอามือซุกโค้ทไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน น่าขำสิ้นดี แม้แต่ในความจริงยังหาความชัดเจนไม่ได้ สายลมโบกพัดในยามค่ำคืน เย็นยวบไปในความรู้สึก จนต้องเอามือลูบถูกันไปมาให้พอบรรเทา อากาศหนาวท่ามกลางหมู่ดาวพราวระยับ ความมืดมิดสรรสร้างความเหงาได้ดีเหลือเกิน ไฟฟ้ารายทางสีส้มแสดตัดกับสีดำมิดกับท้องฟ้า หันไปมองเห็นเงาตะคุ่มตรงถังขยะใกล้เสาไฟฟ้า ผมไม่ได้สนใจสถานการณ์นั้นแค่เพียงหันมอง ให้พออุ่นใจอยู่บ้างว่าเงาตะคุ่มนั้นคงเป็นคน แต่ความอุ่นใจไม่ได้อยู่กับเรานาน รถยนต์ยี่ห้องดังสีดำมันแววขับผ่านไปจอดด้านหน้า มีผู้ชายสูงใหญ่ในชุดหนังทั้งตัวสวมแว่นกันแดดสีดำ ปรี่ตรงมาทางผม สัญชาตญาณบอกผมตอนนั้นว่า พวกเขาคือคนไม่ดี ผมก้าวเท้าถอยหลัง ดูท่าที แน่ใจแล้วว่าเขาตั้งใจมาทำอันตราย จึงหมุนตัวหันหลังวิ่งกลับไปทางเดิมที่จากมา เสียงฝีเท้าวิ่งไล่ตามจนทัน เขาผลักผมลงพงหญ้าข้างทาง ผมกลิ้งหลุนๆ ตามแรงผลัก เขาเข้ามาถึงตัว ผมตะโกนร้องขอความช่วยเหลือเผื่อใครผ่านมาได้ยิน เขารีบเอามืออุดปากไว้ พูดคำแสนแปลกจนต้องหยุดฟัง

“ไปกับผมดีดีเถอะครับคุณ”



“จุ้น!!”

     เสียงปืนดังกัมปนาท แต่ผมกลับได้เย็นเสียงกูลชัดเจน เขาเรียกชื่อผม สายตาเขาดีใจที่เจอผม แต่แล้วร่าง ร่างนั้นทิ้งตัวลงบนขอบถนน ต่อหน้าต่อตา ชายชุดดำรีบเข้าไปคว้าปืนจากชายอีกคนที่ลั่นไก แล้วจึงพากันหนีออกไป ผมมองร่างกูลที่ล้มลง เลือดอาบนองบนพื้นถนนเต็มไปหมด ตะโกนไปร้องไห้ไปจนเสียงแห้ง แต่ไม่มีใครได้ยิน เหมือนหัวใจมันจะขาดอยู่ตรงนั้น มือไม้สั่นไปหมด ไม่เคยเห็นเลือดมากมายขนาดนี้มาก่อน พยายามแบกเจ้าเด็กยักษ์ให้ลุกขึ้น แต่เรี่ยวแรงกลับไม่มี ผมอ่อนแอเกินไป พร่ำขอโทษที่ผมเป็นสาเหตุ ไม่นานมีพลเมืองดีมาช่วยพวกเรา เขาช่วยพยุงกูลขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล

    ผมก้มหน้าร้องไห้หน้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลเวรพยายามเข้ามาซักประวัติ ผมไม่สามารถให้คำตอบเขาได้เลย ผมเหม่อลอย เหม่อจนสติดับวูบ จนได้กลิ่นแอมโมเนีย จึงฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง พยาบาลบอกว่าติดต่อญาติได้แล้ว ผมถามหากูลจากพยาบาล ขอลุกออกไปห้องฉุกเฉินอีกครั้งได้ไหม เมื่อเขาอนุญาต ผมจึงค่อยๆลุก เดินไปรอหน้าห้องฉุกเฉินตามเดิม ผมทั้งภาวนา ทั้งขอพรหวังว่ากูลจะไม่เป็นอะไร แอบมองผ่านช่องเล็กๆนั้น อยู่หลายครั้ง เดินวนอยู่อย่างนั้น ช่วยอะไรไม่ได้เลย



“เพี๊ยะ” คุณแม่ตบผม จนหน้าหันไปตามแรงมือ เขาร้องไห้ไม่มีแม้เสียง แววตาตัดพ้อ ผิดหวัง 

“แกเอาน้องไปที่แบบนั้นได้ยังไง” คุณแม่หมายจะทุบตีผมอีกครั้ง เตี่ยเข้ามาห้ามไว้ได้เสียก่อน นี่คงเป็นอีกสาเหตุที่ผมต้องเสียใจ ผมทำความภาคภูมิใจคุณแม่จบลง ครั้งนี้ก็สมควรแล้ว ผมทำอย่างท่านว่าจริงๆ มันก็เป็นเพราะผมโง่เขลา ไปสถานที่อโคจรแห่งนั้น เอาตัวเองไปอยู่ในที่เสี่ยงๆแบบนั้น ด้วยรนหาที่ของผมเองทั้งหมด

    และเป็นอีกครั้งที่ความน้อยเนื้อต่ำใจเข้ามาแทรก คุณแม่ไม่เคยลงไม้ลงมือกับผมเลยสักครั้ง หรือเพราะครั้งนี้เป็นลูกชายคนโปรด ไม่สิ เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว ที่ได้รับอันตราย คุณแม่ถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ คุณแม่มีท่าทีจะพูดจะต่อว่าผมอีกครั้งด้วยอารมณ์โทสะ แต่เตี่ยได้ห้ามคุณแม่ไว้เสียก่อน ทำให้ท่านหงุดหงิดที่โดนขัดขวาง ผมจึงก้าวเดินออกมาจากสถานการณ์ตรงหน้า ไม่ให้เขาเห็นหน้าดีกว่า พาลอารมณ์ไม่ดีเสียเปล่าๆ อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจเบื้องต้นของพวกเขา   


“บรรลุนิติภาวะแล้ว ทำไมไม่ให้ฉันพูดกับเขา”

“มันยังไม่ถึงเวลา”

“ต้องให้กูลตายก่อนอย่างนั้นหรือ”

     คล้ายผมได้ยินเสียงบทสนทนาระหว่างเตี่ยกับคุณแม่ดังขึ้นในห้องพักฟื้น กูลปลอดภัยแล้วครับกระสุนไม่ได้โดนจุดสำคัญอะไร กระสุนทะลุช่วงหลังระหว่างซี่โครงพอดิบพอดี แต่กระสุนฝังตัวในช่องท้อง ทำให้ลำไส้เสียหายบางส่วน หมอผ่ากระสุนออกและเย็บปิดบาดแผลเรียบร้อยแล้ว ช่วงนี้ให้ทานอาหารอ่อนไปก่อน ผมจดจำได้เกือบทุกรายละเอียดที่คุณหมอแจ้งไว้ ผมจะชดเชยสิ่งที่ได้ทำลงไป


Knock knock


“ขอเข้าไปนะครับ” ผมเคาะประตูเข้าไป แม้จะขัดบทสนทนาซึ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวกับตัวผมหรือไม่เพราะผมบรรลุนิติภาวะได้ไม่นาน อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ ก็เป็นได้ เมื่อผมเข้าไปบทสนทนาก็ตัดจบ คุณแม่ยังโกรธผมอยู่เพราะท่านเดินไปนั่งลงบนโชฟา แหงนหน้าไปทางอื่น แม้หน้าผมท่านก็คงไม่อยากมอง การทำเช่นนั้นทำให้ใจกระตุกไม่น้อย น้ำตาแทบจะไหลออกมา เป็นเตี่ยที่เดิน เข้ามาคว้าไหล่ผมแล้วบีบเบาๆ ทำให้จิตใจได้รับความอบอุ่นขึ้นมาบ้าง เราสองคนยืนมองคนเจ็บที่ยังไม่ฟื้นจากการหลับไปนานจวนจะครบวัน ไม่นาน คุณแม่ลุกเดินออกไปท่านไม่ได้พูดอะไรทิ้งท้าย ไม่มีแม้ปรายตามามองกลับมา เตี่ยไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่เดินตามออกไป เขาทราบดีว่าผมอาสาจะเป็นคนเฝ้าไข้กูล จนกว่าเขาจะหายดีออกจากโรงพยาบาล มันเป็นสิ่งที่ควรทำมากกว่า

“นะ...น้ำ” ผมรีบหยิบแก้วรินน้ำเปล่า ปักหลอดลงไป ส่งป้อนให้กับเขา

“แค่จิบก่อนนะ คุณหลับไปนาน” เป็นคุณหมอที่บอกให้ผมทำเช่นนั้น ยื่นน้ำให้กูลจิบแล้วผมจึงเรียกพยาบาล เข้ามาดูอาการ พยาบาลเข้ามา จับชีพจร ตรวจนั้น ดูนี่ ตามกระบวนการ จดบันทึก ปรับน้ำเกลือแล้วจึงค่อยออกไป ให้คนไข้ได้พักผ่อนเพราะนี่ก็เกือบสามทุ่มเข้าไปแล้ว

“คิดถึงจัง”

“อะไรนะครับ” ผมเลือกใช้สรรพนามแบบนี้เป็นการดีกว่า มันคือสิ่งที่ถูกต้องมาตั้งแต่แรก

“อยากลืมตาขึ้นมาชะมัด แต่เตี่ยกับคุณแม่ไม่ออกไปเสียที อยากเจอหน้าจุ้นเป็นคนแรก” บางที่นี่คือสิ่งที่ชัดเจนของกูล ผมไม่อาจรับมันได้เพราะยังไงเราก็คือพี่น้องกันในทางนิตินัย เขาคือทุกสิ่งของครอบครัว

“ถ้าจะเข้าห้องน้ำก็บอกนะครับ เรียกได้ตลอดเวลา” ผมเลือกที่จะเปลี่ยนบทสนทนาดีกว่า

“จุ้นนนนนน” กูลคว้าท่อนแขนผมไปลูบๆคลำๆ จับมือซ้ำๆอยู่อย่างนั้น พยายามชักมือกลับแล้วแต่ไม่สามารถทำแรงได้ ประเดี๋ยวสายน้ำเกลือจะหลุด ได้แต่ส่ายหน้า เพราะความป่วยทำให้เขาค่อนข้างเป็นเด็กขี้อ้อน เอาแต่ใจ

“ปล่อยมือก่อนครับ ผมเมื่อย”
หลังจากเขาจับมืออยู่อย่างนั้นได้สักพัก จึงขอถอนมือออก ให้ระบบป้องกันท่ผมสร้างขึ้นได้ทำงานบ้าง

“ทำไมเย็นชา ผมทำอะไรผิดเหรอ” ไม่ผิด กูล ไม่เคยทำอะไรผิดเลย มีแต่ผมทั้งนั้นที่ผิด ผิดตั้งแต่รู้ตัวเองว่ามียังลมหายใจ บางทีผมเองน่าจะเป็นคนที่ถูกยิงตายอยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำ ไม่น่า ร้องตะโกนให้คนช่วย เพราะกูลได้ยินเสียงผมใช่ไหม ถึงได้เกิดเรื่องราวแบบนี้ ผมรีบหันไปปาดน้ำตา ก่อนมันจะหยดลง แสดงความโง่เขลาให้เขาได้เห็น

“ผมขอโทษนะ ที่ทำให้เรื่องราวทั้งหมดเป็นแบบนี้ คุณไม่น่าไปส่งผมที่นั่น คุณไม่น่ารอผม คุณไม่น่าเข้ามาช่วยผมเลยด้วยซ้ำ”

“จุ้น!! ทำไมเป็นแบบนี้วะ หรือ ผมไม่ควรฟื้นขึ้นมา”
เขาคว้าตัวผมเข้าไปกอด เสียงเขาอู้อี้ อยู่กับอกของผม น้ำตาดันไหลเป็นทาง หัวใจเจ้ากรรมอ่อนยวบเมื่อได้ยินประโยคตัดพ้อนั้น กับสัมผัสกอดรัดเอวไว้แนบแน่น

“ไม่ใช่อย่างนั้น”

“แล้วมันอย่างไหนวะ” น้ำเสียงของเขายังคงเศร้าไม่เปลี่ยนจากเมื่อครู่

“.....” ผมไม่สามารถอธิบายคำตอบเหล่านั้นให้เขาฟังได้ มันกระทบกระเทือนไปเสียทุกเรื่องคนโง่อย่างผมคงเอามายำรวมปนเปเทผสมกันจนมั่ว ต่อให้กลั่นกลายเป็นเหตุผลยังไงมันก็ฟังไม่ขึ้น

“ที่ผมทำทั้งหมดก็เพราะ ผมรักจุ้น”

“ดีแล้วละ พี่น้องกันก็ต้องรักกันไว้”

"โธ่เว้ย !!" เขาโวยวายจนสายน้ำเกลือหลุด เลือดแดงไหลหยดลงบนชุดโรงพยาบาล ผมตกใจ หมายจะคว้ามืดให้ยกขึ้นสูงกันเลือดไหล แต่เขากลับทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิด ในขณะที่สติเรายังอยู่ครบสมบูรณ์ดี

“อื้อ..........”


     ใจกระตุกวูบโหวงไปครู่ใหญ่ เขาคว้าคอผมก้มต่ำลงไปจนได้องศา บดจูบอย่างเอาแต่ใจ ทั้งสายตา ทั้งการกระทำ มันแฝงได้ด้วยความเสน่หา เขารักผมจริงๆอย่างนั้นหรือ การกระทำที่ผ่านมาทั้งหมดมันเกิดจากเขาสนใจผมใช่ไหม มันเกิดเรื่องผิดแผกเช่นนี้ได้อย่างไร ผมไม่รู้เลย เสียงดูดริมฝีปากอย่างหยาบโลน ย้ำเตือนความจริงทุกขณะว่ามันเป็นความรัก และความรู้สึกของผมตอนนี้ก็หาคำตอบให้กับความรู้สึกเหล่านั้นได้แล้วเช่นกัน มันตรงกันอย่างน่าประหลาด เพราะเรารู้สึกเหมือนกันจึงรับรู้ว่ามันคือความจริง เราต่างก็ชอบกัน





“น้องจุน”

"พี่จัน”   



Guide Line Thanks.
ปล. อาจจะน้อยหน่อย แต่จะอัพบ่อยๆชดเชย
ปล. เอาผลงานวิจัยที่อ่านแล้วชอบมาฝาก

นักชีวเคมีแห่งศูนย์วิจัยน้ำตา ชื่อ วิลเลี่ยม เฟรย์ ได้ให้ความสนใจและทำการศึกษาวิจัย เรื่องของน้ำตา มาเป็นเวลานานกว่า 15 ปี ได้เขียนผลการวิจัยไว้น่าสนใจคือ

            การหลั่งน้ำตาของคนเรานั้นถูกควบคุมโดยต่อมน้ำตา ซึ่งจะเป็นผู้กำหนดความเข้มของน้ำตาและควบคุมปริมาณการขับถ่ายธาตุแมงกานีส รวมทั้งแร่ธาตุอื่นๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นขณะที่อารมณ์เปลี่ยนแปลงออกไปจากร่างกาย และพบว่า ปริมาณของแร่ธาตุต่างๆ ที่มีในน้ำตานั้น มากกว่าที่มีในกระแสเลือดถึง 30 เท่า และได้อธิบายว่า การที่ผู้ร้องไห้จะสบายขึ้น เป็นเพราะว่าร่างกายได้ขจัดเอาสารเคมีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะที่มีความทุกข์ออกไปจากร่างกายพร้อมน้ำตานั่นเอง ในการศึกษาของเฟรย์พบว่าผู้ชาย 73% และผู้หญิง 75% ที่กล่าวว่ารู้สึกสบายขึ้นหลังการร้องไห้

หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบห้า 01-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-08-2018 19:10:20
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบห้า 01-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-08-2018 19:11:06
เห้อออ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบห้า 01-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 01-08-2018 19:41:41
พี่จันทร์​เข้ามาเจอเต็มตาเลย​ น้องจุ้นโดนใครตามรึป่าวคะ​ คุณแม่​จะบอกไรกะน้องอ่ะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบห้า 01-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 01-08-2018 20:34:13
 :laugh: ขุ่นแม่ทำไมใจร้ายกับจุ้นแบบเน้คะ !!!
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบห้า 01-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 01-08-2018 21:06:20
หรือคนที่มาตามจุนจะเป็นคำสั่งจากครอบครัวจริงๆของจุนกันอะ เพราะที่พ่อแม่กูลเถียงกันมันเหมือนมีเค้าว่าพ่อแม่กูลต้องรู้อะไรแน่ๆ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบห้า 01-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 01-08-2018 21:20:41
 :hao5:สงสารจุ้น ทำไมแม่ทำแบบนี้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบห้า 01-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-08-2018 23:38:44
น้องจุ้นเป็นลูกมาเฟียหรอลูกกกก
พี่จันล่ะ เป็นคนของบ้านเดิมมาคอยดูแลลับ ๆ งี้หรอ งื้ออออ งง
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบห้า 01-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-08-2018 00:06:01
ใครจะทำร้ายจุ้นอ่ะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบห้า 01-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 02-08-2018 06:46:25
คุณแม่อย่าว่าจุนเลยน๊าาาาา
ตอนนี้ดราม่าจริงๆ พี่จันคงไม่เติมดราม่าอะไรอีกนะ
กระซิกๆ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบหก 03-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 03-08-2018 21:40:57
ตอนที่ สิบหก
ความรู้สึกกับประสบการณ์


“น้องจุน”


“พี่จัน”


     เวลาเกือบสี่ทุ่ม พี่จันทราเอาข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้ามาให้ผลัด มีขนม นม เนย สิ่งที่ผมชอบ หอบหิ้วเอามาฝาก พี่จันทรากลัวว่าคนเฝ้าจะไม่สบายเอาเสียก่อน ความหวังดีนี้กลับตอกย้ำคำเตือนคำสอนที่สอนผมอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่ระยะหลังที่กูลกลับมา เธอคอยเฝ้าคอยห่วงเป็นพิเศษ เธอคอยเอานมอุ่นๆมาให้ดื่ม ห่มผ้า ปิดประตูลงกลอนให้อย่างดี เป็นเพราะเธอกลัว กลัวว่าเรื่องราวจะลงเอยแบบนี้ แล้วก็ไม่ผิดไปจากที่เขาคาดการณ์ไว้ พวกเรากำลังทำสิ่งต้องห้าม 

“มีอะไรจะอธิบายพี่หรือไม่คะ หรือ พี่ไม่สมควรได้รับคำอธิบายใดใด” น้ำตาเอ่อไหลไม่ขาดสาย แววตาผิดหวังของคนที่เลี้ยงผมมา คนที่คอยอยู่ข้างๆผมอย่างแท้จริง ผมทำให้เธอร้องไห้ ผมทำให้เธอเสียใจ ผมทำให้เธอผิดหวัง และผมทำอะไรอีกหลายอย่างที่ผิดพลาด มันเกินจะให้อภัย

“ผม คือ ผมขอโทษ” พนมมือก้มกราบแนบอก ได้แต่สะอึกสะอื้น ตัวสั่นเทิ้ม มือบางๆของเธอคอยลูบหัวปลอบประโลมอย่างทุกที
 
“พี่ควรจะทำอย่างไรต่อไปดี บอกพี่หน่อยได้ไหมน้องจุน” พี่จันทราเอ่ยถามเสียงเรียบ มือยังคงสาละวนลูบหลังไปมา 

“ผมควรจะตัดไฟตั้งแต่ต้นลมใช่ไหม” สิ่งที่ผมคิด เห็นจะมีแต่ทางนี้ทางเดียว มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย ตัดใจเสียตั้งแต่ตอนนี้ มันยังไม่เจ็บมาก เพราะถ้ายังฝืนทนกันต่อไป คุณแม่ เตี่ย หรือ สังคมรอบข้าง มันจะบังคับให้เราทั้งคู่จบลงแบบนี้อยู่ดี

“ไม่ได้ครับ ผมไม่ยอม” เสียงเขาพูดดังขึ้น กูลผุดลุก ทั้งที่ยังเจ็บ เขาพยายามลงจากเตียง ผมต้องรีบเข้าไปพยุงแต่เขากลับทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด กูลก้มลง นั่งคุกเข่าต่อหน้าพี่จันทรา

“คุณกูล”

“ผมขอโอกาส สำหรับเราสองคนได้ไหมครับ” เสียงเขาจริงจัง สายตาเว้าวอนขอโอกาส เขาเริ่มพนมมือขึ้น ยอมทิ้งความทะนงในศักดิ์ศรีที่มีอยู่ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ของเรา แม้มันเพิ่งจะเริ่มต้น ทำไมถึงกล้าทำแบบนี้  เขากำลังจะก้มลงกราบ แต่พี่จันทรารับมือคู่นั้นไว้เสียก่อน เลือดที่มือเขาเริ่มแห้งกรัง แต่เลือดที่แผลบริเวณแผ่นหลังซึมออกมาเป็นดวงใหญ่ติดชายเสื้อของโรงพยาบาล

“ขึ้นบนเตียงก่อนนะคะคุณ เดี๋ยวพี่เรียกพยาบาลมาให้”


     หลังจากพยาบาลเข้ามาทำแผล เจาะสายน้ำเกลือเรียบร้อยแล้ว พยาบาลได้ออกไปแล้วสักพัก แต่บรรยากาศยังคงอึมครึม เราสามคนนั่งจ้องกันเงียบไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรสิ่งใดขึ้นมาทำลายบรรยากาศขมุกขมัวนี้


“ตอนนั้นผมสิบห้า ในวันเกิดของผม ผมได้รู้จักคน คนๆหนึ่งผ่านทางรูปภาพ ผ่านทางข้อความบรรยายความรู้สึก เพียงแค่นั้นผมก็รู้ว่าคนนี้ทำไมช่างเหงาเหลือเกิน ตอนแรกเพียงคิดว่ามันคือการหลงใหล คลั่งใคร่ ในงานศิลปะอย่างทั่วไป แต่มันไม่ใช่ ผมกลับหลงเสน่ห์เขาอย่างต้องมนต์สะกด หลงเสน่ห์ดวงตาที่ไม่ว่ารูปจะถ่ายออกมาต่างสถานที่ ต่างสถานการณ์อย่างไร แววตากลับสะท้อนความรู้สึกในแบบเดิมๆ รู้ตัวอีกทีก็ละสายตาจากคนนี้ไม่ได้แล้ว เป็นเวลายาวนานถึงสองปี ความรู้สึกที่ผมบ่มเพาะ จนมากขึ้นเข้าไปทุกที ผมหวง ผมห่วง ผมอยากดูแลเขาคนนี้ จุ้น คือจุดรวมความรู้สึกของผม เขาคือขุมพลังคือแรงบันดาลใจคือสิ่งที่จะทำให้ผมก้าวเดินต่อไป”

     นิทานของกูลเรื่องนี้ มันตลกดี ใครจะรักคนในรูปภาพ คนที่อยู่ในคำบรรยายได้มากขนาดนั้น  ไม่ใช่พระอภัยมณี ที่ หลงรักนางละเวง เพียงเพราะเห็นรูปภาพแล้วเกิดความปรารถนา มันเป็นเพียงจินตนาการที่คนเขียนขึ้น เขาแต่งขึ้น และกูลอาจจะเขียนเรื่องราวพวกนี้ขึ้นมาก็ได้ ถ้าไม่ใช่ตลอดการพูด เขามองมาที่ผม สายตาที่จริงใจกำลังเล่า กำลังบอกให้ผมฟัง สายตาเขาบอกว่า ไม่มีใครเชื่อไม่เป็นไร ขอแค่ผมเชื่อ ให้ผมเชื่อความรู้สึกของเขา แค่นั้นก็พอ

 
“แล้วคิดว่าผลกระทบที่เกิดตามมาทีหลัง พวกคุณจะมีพลังพอที่จะต่อสู้กับผลกระทบนั้นรึป่าว”

“ขอสารภาพตามตรงว่าผมก็กังวล แต่เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่ผมอดทนมาตลอดสองปี ผมจะไม่ทิ้งมัน เพราะอุปสรรคข้างหน้าไม่ว่าปัญหาจะเล็กหรือใหญ่ ความเชื่อผม บอกผมว่า จะข้ามผ่านมันไปได้” อีกครั้งที่ความจริงใจของกูลสื่อสารออกมา ผมรับรู้ได้จากน้ำเสียง สำเนียงที่หนักแน่นจริงจัง ไม่เหมือนเด็กที่เอาแต่ใจอย่างที่แล้วมาเลยสักนิด แต่....ผมไม่สามารถรับมันไว้ได้จริงๆ
 
    เพราะผมนั้นไม่มีความมั่นใจเลย ว่าจะสามารถสู้กับสถานการณ์ข้างหน้าที่จะเกิดขึ้นได้ดีพอ ที่เป็นอยู่ตอนนี้เหมือนหลักปักเลน ผมไม่มีกำลัง หรือแรงพอที่จะต่อสู้ ผมเป็นคนขี้ขลาด ผมเป็นคนขี้กลัว ผมเป็นคนไม่ชอบอยู่กับความวุ่นวาย และถ้าอนาคตข้างหน้ามันจะเกิดอะไรขึ้น ผมคงรับมันไม่ไหวจริงๆ สิ่งที่ผมทำได้คือการหลีกหนีความจริง นี่คือวิธีการของคนขี้ขลาดแต่มันปลอดภัยสำหรับทุกคน       
   
“แต่ผมขอยอมแพ้ ผมไม่เห็นหนทางที่จะสู้ได้เลย ทั้งครอบครัวของเรา ทั้งสังคมรอบข้าง ทั้งอนาคตข้างหน้าที่เราจะต้องเติบโตขึ้น เราสองคนยังอ่อนต่อประสบการณ์ในทุกๆด้าน กับผมที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะ หรือ กูลที่ยังไม่แม้แต่บรรลุนิติภาวะ เราไม่สามารถเดาเส้นทางในอนาคตได้เลยว่ามันจะดี ความเชื่ออย่างเดียวมันไม่พอหรอก พวกเราหยุดกันแค่นี้เถอะกูล”

“ไม่!! ผมออกเดินมานาน เห็นเพียงหลังคุณไกลลิบๆเป็นเป้าหมายแรก จนวันหนึ่งผมตามทัน ผมพยายามทุกอย่างทุกวิถีทาง เพื่อให้คุณหันมามอง แล้วคุณก็มองมาที่ผม ผมรับรู้ได้ว่าไม่ได้รู้สึกไปคนเดียวอีกแล้ว เราเดินมาอยู่ในจุดเริ่มต้นแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่ทันไรคุณจะสะบัดมือผมออกแล้วสละสิทธิ์อย่างนั้นเหรอ จุ้น มองตาผมแล้วตอบหน่อยได้ไหม ว่าคุณไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ไม่รู้สึกกับผมเลยสักนิด” เสียงกูลหนักแน่นในช่วงแรกแล้วค่อยๆลดลงอย่างไม่มั่นใจในคำถามที่ส่งมา

     สับสน คือ อาการที่แก้ไม่หายไปสักที ความพยายามของเขาที่บอกเล่ามา รับรู้ได้ด้วยความรู้สึก แต่ก็มีปัจจัยอีกมากมายที่แทรกเข้ามาในความคิดเหมือนกัน ผมตัดสินใจไม่ได้ เลือกไม่ได้จริงๆว่าควรไปทางไหน ควรทำอย่างไร เห็นได้ชัดว่าประสบการณ์มันสำคัญใน แต่ถ้าผมไม่คิดที่จะเรียนรู้ ผมก็คงจะไม่มีประสบการณ์


“คุณควรบอกเรื่องนี้กับคุณท่าน” พี่จันทราพูดขึ้น เธอพูดกับกูล

“พี่จัน ไม่ได้นะครับ ไม่ได้” ผมส่ายหน้าปฏิเสธทั้งน้ำตา เข้าไปกุมมือพี่จันทราเพื่อขอร้อง เขย่าเบาๆเพื่อให้เธอรับรู้ว่าผมทำใจยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้

“ครับ หลังจากออกจากโรงพยาบาล หรือ โทรไปบอกตอนนี้ก็ได้นะครับ”

“กูล” ผมครางเสียงเบา ทำไมเด็กยักษ์มันบ้าขนาดนี้ ผมเดินเข้าไปหาเขา จะขอให้เขาล้มเลิกความตั้งใจบ้าๆนั้นเสีย แต่เขากลับดึงเข้าไปกอด นี่มันต่อหน้าพี่จันทรา ยังบ้าดีเดือดไม่หาย อาการปางตายไม่ได้ช่วยให้เขาสำนึกได้เลย  เขายังกอดรัดอย่างกลัวว่าผมจะดิ้นหนีไป

“เพราะตั้งแต่ผมฟื้นขึ้นมา จุ้น คุณทำร้ายความรู้สึกผมมากเกินไป ผมจะสร้างความมั่นใจให้ตัวเองผมผิดตรงไหน ต่อให้คุณปฏิเสธอีกเป็นพันครั้ง ยังไงผมก็จะดื้อเหมือนเดิม”


“พี่ยังนั่งอยู่ตรงนี้นะคะ” พี่จันทราพูดทำลายสถานการณ์ตรงหน้า เพราะกูลเริ่มซุกไซร้ ผมมากเกินควร คือผมมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ ปล่อยให้เด็กยักษ์มันทำตามอำเภอใจ ทั้งที่เรื่องยังคุกรุ่นไม่จางหาย แต่ผมก็ทำได้เพียงก้มหน้าที่เห่อร้อนแดงซ่านไปทั้งตัว ใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อับอายก็อับอาย จะดิ้นออกก็กลัวเขาจะเจ็บ

“ผมแค่อยากแสดงความรักให้พี่เห็น แต่ความจริงพี่ก็เห็นมาตลอดใช่ไหม” หะ! หมายความว่าอย่างไร ที่กูลพูดหมายถึงพี่จันทรารู้มาตลอดอย่างนั้นหรือ ตั้งแต่ตอนไหน ผมทำหน้าสงสัยถามพี่จันทรา

“ใช่ค่ะ พี่ไม่เคยห้ามตรงๆได้เลย แต่พี่ก็ไม่โอเคกับเรื่องพวกนี้ แม้กระทั่งตอนนี้ พี่พยายามป้องกันทุกอย่างทุกทางแล้ว แต่มันก็ยังไม่พอ กับความรู้สึก ต่อสู้ยากจริงๆ ตอนนี้พี่จะดูอยู่ห่างๆ พี่จะปล่อยไปก่อน พี่กลับนะคะ”

“ขอบคุณครับ” ผมผละตัวออกจากกูล พนมมือไหว้ลาพี่จันทรา เธอโอบกอดลูบหัวอยู่ซ้ำๆ จนน้ำตาเกือบแตกอีกรอบ

“เพื่อความเป็นเด็กดีมาตลอดของน้องจุน เด็กสายตาเศร้าของพี่ ไม่ต้องร้องนะคะ” พี่จันซากระซิบข้างหูขณะปลอบ เราได้ยินกันเพียงแค่สองคน เหตุผลหลักๆของเธอ

“ผมลงไปส่งนะครับ”

“ไม่ต้องค่ะ ดูแลคนป่วยเถอะ อ้อ! เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีนะคะ” พี่จันทราพูดเสียงดัง ปรายสายตาไปมองกูลกับผมสลับกัน เธอหมายถึงเราทั้งสองคน เธอพูดไว้แค่นั้นแล้วกลับออกไป


       บรรยากาศที่เราอยู่กันสองคน ไม่ได้กระอักกระอวน แต่มันเคอะเขินไปเสียหมด เขาจ้องมองมาที่ผมไม่วางตา ความรู้สึกบอกอย่างนั้น ผมเองก็ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปจ้องมองสบตาเขา ตอนนี้เข้าใจแลวว่าอาการอายม้วนเป็นยังไง เหนือสิ่งอื่นใดคือความรู้สึกดีอบอวลไปทั่วทั้งหัวใจ โล่งอกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก  ถ้าโลกนี้มีเพียงเราสองคนคงจะดี

“จุ้นครับ อยากเข้าห้องน้ำ”

“เข้าสิ”

“ป่วยอยู่ มาช่วยหน่อย” เสียงเขาออดอ้อน จึงเผลอหันไปสบสายตาคู่นั้น โอ้ย! หัวใจจะพัง ทำไมต้องรู้สึกรุนแรงแบบนี้ หลบสายตาแทบไม่ทัน ผมอาจจะเข้าขั้นหลงสายตาเขาให้แล้ว ตบหน้าผากเรียกสติอยู่หลายที เดินไปหาเขาทั้งๆที่ก้มหน้าอยู่แบบนั้น สะดุดขาตัวเองไปทับเขาอีก

“ขอ....ขอโทษ เจ็บมากไหม” พูดไปลนลานไป มือไม้สะเปะสะปะ อยากดูอาการ กลัวเขาเจ็บก็กลัว อาการเขินก็ยังไม่หาย จนเผลอไปสบตาอีกครั้งจนได้

“จุ๊บ.....................” เขาพรมจูบซ้ำๆที่หน้าผาก จูบอยู่อย่างนั้น หน้าผากผมคงเปื่อยยุ่ยแล้วแน่ๆ แต่คงไม่มากเท่าหัวใจอ่อนเหลว เต้นเร็วแรงจนจะหลุดออกจากขั้ว ทับกันขนาดนี้เขาต้องรู้แน่ ว่าใจผมเต้นแรงขนาดไหน

“นี่ พอก่อนได้ไหม ไม่เข้าห้องน้ำแล้วเหรอ” ทุบไหล่เบาๆให้เขาปล่อยผมแล้วเลิกจุ๊บหน้าผากเสียที หน้าร้อนหูร้อนแทบลุกเป็นไฟ

“ก็จุ้นน่ารักนี่   ใครจะไปทนไหว อย่าทำตัวแบบนี้ให้ใครเห็นเด็ดขาด ผมหวง”

“ใครจะไปห้ามได้วะ” ใช่ ใครจะไปห้ามตัวเองได้เมื่ออยู่กับเขาความเป็นตัวเองมันขาดหายไปหมด ควบคุมไม่ได้อย่างไรไม่รู้ ทั้งอารมณ์ ทั้งความรู้สึก ทั้งหัวใจ มันรวนไปหมด

“พาไปห้องน้ำหน่อยนะ” ผมพยุงกูลเข้าห้องน้ำ ถือสายน้ำเกลือไว้ด้านนอกปิดประตูแง้มๆไว้

“คุณโอเคไหม”

“I’m not sure, ผมจับของผมไม่ถนัดจุ้นช่วยหน่อยสิ”

“ได้สิ แต่ต้องตัดมือคุณทิ้งก่อน” โว้ย! ใจดีด้วยแล้วทะลึ่ง ไม่น่าชอบคนแบบนี้เลย เจ็บมือก็ไม่ใช่ น่าจับตัดแขนให้ขาด

“ทำไมใจร้าย” เขาทำธุระเรียบร้อย ออกมายังไม่ทันประตูห้องน้ำก็คว้าผมไปหอมแก้ม ฟอดใหญ่ พร่ำเพรื่อเกินไปแล้ว จะไม่ให้ได้หายใจหายคอบ้างเลยหรืออย่างไร 

“กูล!! ถ้ามันบ่อยไป ผมอาจจะตายได้”

“จุ้น คุณ........” สีหน้าเขาตกใจ คงกลัวผมตายจริงๆ



“ผมเขิน”





Guide Line Thanks.
ปล. ดำเนินเรื่องมาเกินครึ่งแล้ว อยากเขียนไปเรื่อยๆ แต่มันยากมากเลย
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบหก 03-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 03-08-2018 23:14:23
อยากให้จุ้นสมหวัง..
แต่ความรักครั้งนี้อุปสรรคมันใหญ่หลวงเหลือเกิน..จุ้นจะรับมือกับพ่อแม่ไหวมั้ยหนอ..  :m15: :m15: :m15:
.
..
นี่ไม่ห่วงกูลเลยนะ ขานั้นเข้มแข็ง แถมเป็นลูกที่แม่รักมากอีกตางหาก..เผลอๆ รู้เรื่องเข้า แม่จะไล่จุ้นออกจากบ้านรึเปล่าก็ไม่รู้  :katai1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบหก 03-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-08-2018 23:52:36
จ้าาาา
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบหก 03-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-08-2018 00:14:03
เด็ก
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบหก 03-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-08-2018 00:21:19
มันแปลก ๆ แหะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบหก 03-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 04-08-2018 11:01:01
นึกถึงดราม่าข้างหน้าแล้วก็ปวดตับ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบหก 03-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-08-2018 17:34:23
เฮ้ออ หนทางอีกยาวไกล
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเจ็ด 05-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 05-08-2018 21:47:48
ตอนที่สิบเจ็ด
เพราะสายตาบอกว่าเหงา


      เป็นเวลาเกือบเดือนแล้วหลังจากเหตุการณ์เลือดตกยางออก ความสัมพันธ์ของเราเป็นไปในทิศทางที่ดี เขาเข้ามาเติมเต็มความเป็นเด็กที่ผมขาดหายไป เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกันสองคน ทำอะไรด้วยกันมากมายหลายอย่าง อย่างที่ผมไม่เคยทำมาก่อน ความรู้สึกดีดีเพิ่มมากขึ้น พวกเราเพลินและเผลอหลงลืมสิ่งรอบข้าง ความเคยชินเป็นภัยเงียบที่คอยกัดกินความสัมพันธ์อย่างช้าๆ ความประมาท ไม่ระมัดระวังทำให้เราพลั้งพลาด

     สุดสัปดาห์นี้เราอยู่กันที่ปราณบุรี เป็นวันพักผ่อนแรกที่ครอบครัวของเราออกต่างจังหวัด เรามากันพร้อมหน้าพร้อมตา ครอบครัวเรามากันหมดทั้งบ้าน ไม่เว้นแม่แต่พี่จันทรา ยังมีเจ้าก่อที่หนีบพี่ปลื้มมาด้วย ท่าทางพี่ปลื้มคล้ายจะโดนบังคับมา ผมยังไม่รู้คำตอบระหว่างพวกเขาสองคน อยากรู้นะ แต่ไม่อยากถาม กลัวเสียมารยาทละลาบละล้วงเรื่องคนอื่น เรามาด้วยรถตู้ของบริษัท เตี่ยบอกว่าประหยัดดี ส่วนเรื่องของที่พัก ก็ตามประสาคนมีอันจะกินมักซื้อบ้านพักตากอากาศเอาไว้ใช้พักผ่อนส่วนตัวหลายๆที่ แต่เตี่ยก็คือเตี่ย ทุกการลงทุนย่อมต้องมีผลกำไร เพราะบ้านพักหลายๆ หลังที่เตี่ยสร้างไว้ จะปล่อยให้เช่าแบบชั่วคราว เซอร์วิซแบบโรงแรมมีแม่บ้านประจำมีพนักงานในการรับจอง ผมตามพี่ปลื้มขึ้นไปนั่งเบาะหลังสุด เจ้าก่อตามหลังผมขึ้นมา ขอสลับที่กันกับผม สุดท้ายเด็กยักษ์ก็ลากผมไปนั่งด้วย ใช้เวลาไม่นานก็ถึงปราณบุรี

“กูล ผมนอนกับพี่ปลื้มนะ” ผมไม่ได้คุยกับพี่ปลื้มนานพอควร ไลน์ หรือ สื่อช่องทางอื่นก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย เด็กยักษ์มันไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ ผมก็ค่อนข้างแคร์เขามากขึ้นกว่าแต่ก่อน เขามักจะเช็คข้อความในสมาร์ทโฟนของผมอยู่บ่อยครั้ง คล้ายแม่บ้านจับผิดสามียังไงไม่รู้ เด็ดสุดคงจะเป็น ไล่ด่าคนที่อินบ็อกเข้ามาจีบผม ซึ่งปกติผมจะปล่อยผ่าน ไม่ได้ตอบกลับอย่างเด็กยักษ์มันทำให้ผมได้หงุดหงิดบ่อยๆ

“ไม่ได้ ถึงจะเป็นพี่ข้างบ้านไอ้ก่อ ผมก็ยังไม่ไว้ใจคนที่เคยมาจีบคุณ”

“ผมไม่ได้ชอบพี่ปลื้มแล้ว”

“นี่ แสดงว่าเมื่อก่อนคุณ...... โว้ย!! ทำไมต้องทำให้ผมเป็นบ้าด้วยวะ” เด็กเอาแต่ใจลากผมขึ้นมาชั้นบนของบ้าน ผลักดันผมเข้าไปด้านใน โยนกระเป๋าเสื้อผ้า สัมภาระ ทิ้งไป ไล่ตะบี้ตะบันจูบผมอย่างเอาแต่ใจ หายใจหายคอแทบไม่ทัน พักหลังๆยิ่งหนักข้อขึ้นทุกวัน ยังดีหน่อยเพียงแค่จูบไม่ได้เกินเลยไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นผมคงแย่ จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้กับเด็กยักษ์อย่างกูล

“อื้อ.... ปล่อยก่อน” ผมทุบไหล่รัวๆ เพื่อให้เขาปล่อยจากพันธนาการ มือที่อยู่ไม่สุกกำลังจะเกี่ยวขอบกางเกงผมลง แล้วจะให้ไว้ใจนอนกับเขาได้อย่างไร จอมฉวยโอกาส

“จุ้นนนนนนน ขออีกหน่อยได้ไหม”

“ไม่เอาแล้ว ไม่งั้นผมจะหนีไปนอนกับพี่จันด้านล่าง ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยปลอดภัย ผมจะเอาอะไรไปสู้เด็กเอาแต่ใจอย่างคุณ”

“ผมควบคุมตัวเองได้น่า อีกหน่อยนะ” ผมหันไปคว้ากระเป๋าผมขึ้นมา ตั้งใจจะไปนอนกับพี่จันทราจริงๆ ถ้าเด็กมันจะยังพูดไม่รู้ความ ไม่น่าสงสารเลยสักนิด

“ก็ได้ ก็ได้ ผมยอมแล้ว” เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นยอมแพ้ สีหน้าเหมือนเด็กถูกขัดใจ ผมจึงเอากระเป๋าไปเก็บ นำเสื้อผ้าแขวนไว้ในตู้ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกค่อนข้างครบครัน อย่างกับโรงแรมห้าดาว เลื่อนม่านออกไปก็เห็นวิวทะเลเลยละ เลื่อนประตูออกไปลมหอบอายทะเลพัดเข้ามากระทบกับใบหน้า รู้สึกดีชะมัด เห็นพี่ปลื้ม เดินชายหาดคนเดียวไกลๆ ทำไมถึงได้เดินออกไปคนเดียวนะ ผมคิด


“กูล ไปเดินสำรวจชายหาดนะ”

“อื้อ ผมไม่ไปนะขอพักสายตาสักครู่ แดดร้อนเอาหมวกไปด้วยละ”

     ผมรีบเดินออกมาเพื่อจะตามพี่ปลื้มให้ทัน ดูเขาไม่สบายใจอย่างไรไม่รู้ ทั้งท่าทีตั้งแต่แรกก็รู้ว่าไม่ได้ตั้งใจมาด้วยกัน เขาเงียบไปมากกว่าเมื่อก่อน รอยยิ้มที่มีให้ผม หรือสายตาที่อ่อนโยนนั่น ไม่ได้มองมาทางผมเลยด้วยซ้ำ รู้สึกลึกๆว่าเขาคงไม่อยากเจอหน้าผมสักเท่าไหร่ ไม่รู้ทำไม ยังไงผมก็ยังเหมือนเดิม ผมอยากคุยกับเขา พี่ปลื้มเป็นคนดีถ้าผมช่วยอะไรเขาได้บ้างผมก็จะทำ จะใช้คำว่าตอบแทนที่เขาเคยทำอะไรดีดีให้กับผมก็ได้


“พี่ปลื้ม”
     ผมตะโกนเรียก ให้เขาหยุดเดินเพราะผมเริ่มเหนื่อยแล้วที่จะวิ่งตามให้ทัน คนอะไรเดินเร็วชะมัด แล้วเขาก็หยุดหันมามองตามเสียงเรียก เขาถอนหายใจเมื่อรู้ว่าเป็นผมที่ตามมา

“เดินเร็วมาก วิ่งตามแทบไม่ทัน ยิ่งขาสั้นๆอยู่ด้วย”
“เย่!  ยิ้มแล้ว น่าจะเป็นสิ่งดีดีในรอบวัน”

“เวอร์ไป” พี่ปลื้มขยี้หัวผมเบาๆ ชอบสัมผัสนี้จัง ความรู้สึกเดิมๆเริ่มกลับมา

“พี่พักก่อนได้ไหม เหนื่อยมาก” พี่น่าจะรู้ว่าผมวิ่งตามมา เสียงลมหายใจแรงขนาดนี้ยังใจร้ายจะเดินต่ออีก

“ฮ่าๆ ทำไมเราตลกขึ้น”

“โท่ ก็ว่าไป”

“เหมือนจะดูมีความสุขมากกว่า หรือ เพราะพี่ไม่ได้จีบแล้วเลยดูสบายใจขึ้น”

“เอาจริงๆก็มีส่วน เพราะพี่ปลื้มเป็นคนดีมาก ผมเลยคิดว่าผมคงไม่เหมาะ”

“ชอบคนอื่นอยู่แล้วก็บอก”

“ใช่ที่ไหนกันเล่า” 

“กับกูลเป็นยังไง”

“พี่รู้?”

“ก่อบอกพี่หนะ”

“แล้ว...เอ่อ ผมถามพี่ได้ไหม”

“เรื่องไหน เรื่องพี่กับก่อเหรอ”

“ครับ” ผมพูดเสียงอ่อนลง อยากจะขอโทษ ผมไม่น่าถามเลยเพราะสายตาพี่ปลื้มเศร้าลงไป เหมือนว่าเขาไม่อยากจะเอ่ยถึงเรื่องนี้


“ผมขอโทษครับ ที่ทำให้ไม่สบายใจ เอาอย่างนี้ขากลับผมให้พี่ขี่หลังเลย” ผมอยากเห็นคนๆนี้ยิ้มมากกว่า เขาเป็นคนยิ้มแล้วโลกทั้งโลกสว่างสดใสขึ้นมาทันตา ไม่คู่ควรกับความเศร้าเลยสักนิด แต่ตอนนี้ เขาเอาแต่ถอนหายใจอยู่หลายครั้ง มองออกไปทางท้องทะเลกว้างใหญ่ ไม่ได้หันมาให้คำตอบผม จนคิดว่าเอาอย่างไรดี ผมทำเสียบรรยากาศไปเสียแล้ว


“ก่อเป็นเด็กที่บ้านอยู่ติดกัน พี่จะเจอก่อทุกๆปิดเทอมของเขา เขาเป็นเด็กร่าเริง ชอบเอาใจ จนติดตลก เขาเหมือนน้องชาย ตอนนั้นก่อเป็นเด็กน่าสงสารที่เข้มแข็งมากๆ พ่อแม่เขาแยกทางกัน ก่อต้องไปอยู่กับแม่ที่ต่างประเทศ แล้วจะกลับมาอยู่กับพ่อทุกๆปิดเทอม เฉลี่ยกัน ก่อ ไม่เคยแสดงด้านแย่ หรือแสดงความอ่อนแอให้เห็นเลยสักครั้ง ทั้งๆที่ พ่อของเขาไม่ได้มีเวลาให้มากนัก ก่อเลยติดพี่แจ อยู่กับพี่ทั้งวันหรือบางคืนก็นอนด้วยกันที่บ้านของพี่ เราสนิทกันมาก จนกระทั่งปีหนึ่งเขากลับมา แล้วรู้ว่าพี่ไม่ชอบผู้หญิง ก่อรับไม่ได้ และต่อต้านอย่างหนัก เรามึงตึงต่อกัน เราไม่ได้คุยกันเหมือนเก่า เขาจะพูดจาร้ายๆใส่พี่หลายสิ่งหลายอย่าง แต่พี่ก็ไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของเขา เพราะตอนนั้นพี่มีแฟน พี่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับแฟนของพี่ พี่จึงไม่มีเวลาให้เขา พี่มักจะเจอเขาอยู่ที่บ้านทุกครั้งเวลาพี่กลับ เขาจะพูดด่าพี่เสียๆหายๆ เป็นอังกฤษบ้างไทยบ้าง จนบ้างครั้งพี่ก็ตลก ขำหน้าดำหน้าแดง สุดท้ายเป็นก่อเองที่โมโหแล้วเดินตึงตังกลับไปนอนบ้านของเขา จนวันที่เขากลับประเทศ พี่ไม่ได้ไปส่งเขาเช่นเดิมอย่างที่เคยทำ พี่คิดแค่ว่ามันก็เรื่องปกติจะไปจะกลับ ยังไงปิดเทอมหน้าเขาก็กลับมาอยู่ดี คุณแม่ของพี่เล่าให้ฟังว่า ก่อชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่บ้านเพื่อรอพี่กลับมา นั่งๆนอนๆของเขาอยู่คนเดียว ขอแค่ได้เจอหน้าพี่แล้วเขาถึงจะยอมกลับ คุณแม่หัวเราะในความติดพี่ของก่อ แต่พี่ไม่ได้หัวเราะไปกับคุณแม่ พี่กลับรู้สึกว่าในตอนนั้นก่อคงเหงามากแค่ไหนนะ เขารอพี่ทุกวัน ทำอย่างนั้นไปทำไม เราไม่ได้บังเอิญเจอกันตอนพี่กลับบ้าน เขารอเจอหน้าพี่ต่างหาก รอทุกวันจนกลับต่างประเทศ ไม่รู้ว่าตอนที่อยู่สนามบินเขาจะรอพี่ด้วยหรือเปล่า พี่นะโคตรรู้สึกผิดเลยที่ทิ้งเขาให้อยู่คนเดียว พี่แค่อยากขอโทษ”


“พี่ปลื้ม พอก่อนก็ได้ครับ พี่อย่าร้องสิ” โอ้ย!! ผมทำอะไรลงไป เป็นผมเองที่รู้สึกผิดเหมือนผมบังคับให้เขาเล่า พี่ปลื้มกลับส่ายบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล เขาเช็ดน้ำตาลวกๆ แล้วเล่าต่อ


“จนปิดเทอมที่ผ่านมา เขาก็กลับมาเมืองไทยเช่นเคย คุณแม่บอกกับพี่ว่าก่อกลับมาแล้วนะ มาได้สองสามวันแล้ว เขาไม่มาเจอพี่ เขาคงโกรธมากจริงๆ ตอนนั้นพี่เลิกรากับแฟนไปแล้ว พี่ไม่มีใครเลย จึงมีเวลาให้คิด คิดว่าจะชดเชยให้เขา จะขอโทษเขา แล้วเราจะกลับมาเป็นพี่น้องที่สนิทกันเหมือนเคย พี่เลยไปหาเขาที่บ้านเพื่อจะขอโทษ
“มาทำไม”
ก่อพูดเสียงแข็งใส่ ตอนนั้นเขานั่งดูรายการกีฬาอยู่ที่บ้านคนเดียว ไร้พ่อของเขาเหมือนเดิม เขาเป็นเด็กที่ไม่เรียกร้องหรือโหยหาความรักจากผู้เป็นพ่อเลยสักนิด เป็นเด็กที่เข้าใจผู้ใหญ่ที่ต้องทำงาน เพื่อเลี้ยงดูส่งเสียครอบครัวใหม่ของพ่อซึ่งอยู่อีกบ้าน เขาเข้าใจในความสำคัญของสถาบันครอบครัว ถ้าพ่อของเขามาดูแลเขาครอบครัวใหม่ของพ่อคงมีปัญหาเหมือนกัน เขาเคยพูดให้พี่ฟังแบบนี้ แต่แววตากลับไม่ใช่อย่างที่พูดเลย แล้วเด็กอย่างก่อก็ไม่เคยกลับไปบอกแม่เขาเลยว่าอยู่ที่เมืองไทย เขาต้องอยู่คนเดียว 
“เอ่อ... พี่อยากจะมาขอโทษ” เพราะเสียงแบบนั้นพี่เลยประหม่า ไม่กล้าเข้าใกล้เขา จนก่อเริ่มหมดความอดทน สิ่งที่อยู่ในใจเลยปะทุออกมา
“พี่รู้ไหม ทั้งๆที่พี่เป็นคนเดียวที่เข้าใจความรู้สึกของผม ผมคงคิดผิด ผิดที่สำคัญตัวเองผิดไป พี่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย พี่ไม่เข้าใจผมเลย” เขาพูดประโยคนี้แล้วเขาร้องไห้ พี่ไม่เคยเห็นความอ่อนแอของเขาเลยสักครั้ง แต่เป็นเรื่องของพี่เขาจึงอ่อนแอ อ่อนแอจนหลั่งน้ำตา ตอนนั้นนะพี่อยากจะเข้าไปปลอบเขา เด็กตัวสูงที่ยืนร้องไห้
“ต้องให้ผมชอบผู้ชายเหมือนพี่ใช่ไหม พี่ถึงจะอยู่กับผม พี่ถึงจะไม่ไปไหน พี่ถึงจะไม่ทิ้งให้ผมรอ” เขาเขย่าตัวพี่จนสั่นไปหมด จะเข้าไปกอดก็กลัวก่อรังเกียจที่พี่เป็นแบบนี้ พี่จึงทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่เฉยๆ
“พี่รู้ไหมผมสับสนขนาดไหน ผมต้องอยู่กับความสับสนนั้นคนเดียว คิดคนเดียว ตัดสินใจคนเดียว ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้วละ พี่ไปเสียเถอะ ไปอยู่กับแฟนของพี่ ส่วนผม อยู่ตรงนี้คนเดียวได้ สบายมาก” ก่อปาดน้ำตาแล้วยิ้มเฝื่อนมาให้ ดันหลังให้พี่ออกจากบ้านของเขา แล้วปิดประตู พี่จึงต้องถอยออกมา พรุ่งนี้ก่อคงดีขึ้น
     แต่พี่คิดผิด เพราะหลังจากพี่กลับบ้านไป ก่อก็บินกลับประเทศ ตอนเช้าประตูหน้าบ้านใส่กุญแจดังเดิม ดั่งเช่นตอนที่ก่อเปิดเทอมอยู่ที่โน่น ก็ไม่แปลกอะไรเพราะคนที่รู้จักที่นี่ ก็คงมีเพียงพ่อของเขากับครอบครัวของพี่ นอกนั้นเขาก็ไม่มีใคร เมื่อเขาไม่มีใครเขาก็ต้องกลับ แต่คนที่แปลกคือพี่ พี่คงชอบก่อที่ไม่ใช่พี่น้องคนสนิทกันเหมือนเมื่อก่อน แล้วถ้าไม่ผิดก่อก็คงชอบพี่เหมือนกัน พี่จึงตัดสินใจบินตามก่อไป เราจะต้องพูดกันให้รู้เรื่องดีกว่าการหนีปัญหาอะไรพวกนี้ สามวันพี่ซื้อตั๋วทำเรื่องลาหยุดเรียนพร้อมหาข้อมูลที่อยู่จากพ่อของเขา ให้เหตุผลที่บ้านว่าอยากไปเที่ยวประเทศนี้นานแล้ว จะไปพักอยู่กับก่อ ติดต่อกันไว้แล้ว ความจริงไม่เลย ไปตายเอาดาบหน้าล้วนๆ ตอนนั้นนึกไปแล้วยังขำ ทำไมทุ่มเทขนาดนั้นวะ
      แต่สุดท้ายสิ่งพี่ก็ต้องบินกลับมา เพราะ พี่ไปดักรอเขาที่ไฮสคูล หลังเลิกเรียน แล้วพี่ก็ได้เจอเขาจริงๆ เด็กเอเชียตัวสูงโย่งหัวดำหน้าตาหล่อเหลา ดูโดดเด่น กำลังเดินออกมา เขาดูเป็นธรรมชาติมาก ความสดใสกลับมาเหมือนเมื่อก่อน ตอนที่เราอยู่ด้วยกัน แต่เขาไม่ได้ออกมาคนเดียว มีผู้หญิงแหม่มผมทอง ควงเขาออกมาด้วยกัน ตอนนั้นนะคิดว่าคงต้องเป็นเพื่อนกันแน่ๆ เลยเดินตามพวกเขาไปเรื่อยๆ ลัดสวนสาธารณะ แล้วพวกเขาก็จูบกัน ก่อจูบกับผู้หญิงคนนั้น ต่อหน้าต่อตา สิ่งที่คิดไว้มันพังไปหมด พี่ยืนตัวแข็งทื่อก้าวขาไม่ออก จนก่อค่อยๆหัน มาแล้วเจอพี่ เขาชะงักไปเล็กน้อย
     ตอนนั้นน้ำตาพี่ดันไหลไม่หยุด คิดได้แต่เพียงว่าต้องออกไปจากที่นี่ ทำบ้าอะไรอยู่วะ พี่จึงวิ่งออกมาเลย วิ่งไปเรื่อยๆกลัวเขาตามมา สุดท้ายเหนื่อยจึงหยุด หันไปเผื่อว่าเขาจะตามมา แต่ไม่เลย ไม่มีแม้แต่เงาของเขา คนบ้าที่วิ่งพล่านไปเอง เขาไม่ได้ชอบเรา เขาไม่ได้หลอกเรา เราต่างหากที่หลอกตัวเอง คิดไปเอง รู้สึกไปเองว่าเขาคิดเหมือนกัน การตีความหมายแย่มาก ต้องกลับไปเรียนใหม่เสียแล้ว ประโยคที่ว่า “ต้องให้ผมชอบผู้ชายเหมือนพี่ใช่ไหม พี่ถึงจะอยู่กับผม” ตีแสกหน้าอย่างจัง เขาไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเขาชอบพี่ ห้าวันพี่นอนทำใจที่โรงแรมไม่ได้ออกไปไหน คิดๆไปก็ตลกดีเที่ยวต่างประเทศแต่กลับขลุกตัวอยู่แต่ในโรงแรม บินกลับพร้อมความช้ำ อกหักที่เจ็บโคตรๆ ดันไปชอบผู้ชายแท้ๆเข้าให้ เขาไม่ชอบเราในแบบนั้น กลับมาก็เรียนอย่างหนัก ทำกิจกรรมอย่างคนบ้าคลั่ง แต่ก็ยังไม่เลิกคิดถึงเขาสักที ภาพเก่าๆที่เราอยู่ด้วยกัน ย้อนเข้ามาทำให้พี่เจ็บทุกที คงเป็นไปในแบบเดิมไม่ได้แม้แต่คำว่าพี่น้อง จนคิดว่า พี่ต้องมีแฟนสักคนเพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้ แล้วจุนก็คือคนนั้น”


“คิดจะเอาผมไปเป็นตัวแทนเหรอ ผมขออนุญาตโกรธพี่นะ” ผมกอดอกทำท่าทีขึงขัง ไม่ได้โกรธพี่ปลื้มจริงหรอก แค่ไม่อยากให้บรรยากาศตึงเครียดไปมากกว่านี้


 “ไม่ใช่อย่างนั้น พี่ชอบจุนเพราะ รอยยิ้ม ความสดใส ความร่าเริง แต่พี่เห็นแววตาเศร้าของจุนนะ แววตาที่โดดเดี่ยว เหมือนโดนทิ้งให้อยู่คนเดียว แต่จุนก็เข้มแข็ง เหมือนเขา คงเหงามากใช่ไหม พี่เลยอยากดูแลจุน”


“เพราะพี่อยากดูแลก่อ มากกว่า”


“ก็คงใช่ แต่ตอนนี้ไม่แล้วละ เขาเข้มแข็งมากเกินไป จนตอนนี้พี่รู้สึกเหมือนไม่รู้จักเขาเลย ก่อคนนั้นหายไป”


“พี่ปลื้ม หนีมาอีกแล้ว” ไม่ทันที่พี่ปลื้มจะพูดต่อ ก่อ ก็เดินเข้ามาลากแขนพี่ปลื้มออกไป ทำให้ผมก็ต้องลุกขึ้นเดินตามพี่ปลื้มไปด้วย เดินเรียบหาดที่ไม่ค่อยมีผู้คน พี่ปลื้มก็ได้สะบัดมือ ผลักเด็กก่ออย่างแรงลงไปนอนจมกองทราย ผมพยายามจะช่วยก่อเพราะเหมือนทรายจะเข้าตา ผมมองหาร้านขายน้ำเพื่อมาล้างตา แต่พี่ปลื้มวิ่งลงไปในทะเล ลงไปเรื่อยๆ เผลอพริบตาเดียวพี่ปลื้มก็หายไป

“ก่อ พี่ปลื้มหายไปในทะเลแล้ว”

“ปลื้ม”

     เด็กก่อตะโกนเสียงดังลั่น อย่างตกใจ เขากระโดดดำลงไปในน้ำ ผมตั้งสติโทรหากูล บอกว่าพี่ปลื้มจมน้ำ ออกมาช่วยหน่อยได้ไหม ผมว่ายน้ำไม่เป็นได้แต่ตะโกนหาให้คนช่วย

ขอให้พี่ปลื้มไม่เป็นอะไร




Guide Line Thanks.
ปล. บางตอนเป็นบทเล่าโดยพี่ปลื้ม เล่าเรื่องราวให้จุนฟังอย่างตั้งใจ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเจ็ด 05-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: Phaakram ที่ 05-08-2018 22:04:06
น้องกูล งอนแล้ว
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเจ็ด 05-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-08-2018 22:09:19
สงสารพี่ปลื้ม
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเจ็ด 05-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 05-08-2018 22:57:05
ก่อเอ็งทำไรพี่ปลื้มเนี่ย :ling3:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเจ็ด 05-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-08-2018 23:15:56
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเจ็ด 05-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-08-2018 00:37:29
เห้อออ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเจ็ด 05-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 06-08-2018 07:18:55
งืัออ... คู่นี้ก็เศร้า
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบแปด 06-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 06-08-2018 22:50:48
บทที่สิบแปด
ไม่ใช่ไม่รัก



     ก่อดำผุดดำว่ายจนเจอพี่ปลื้ม เขาแบกตัวพี่ปลื้มขึ้นมายังชายฝั่ง พี่ปลื้มดิ้นจนหลุดจากบ่าของก่อ พี่ปลื้มฟุบหน้าชันเข่าขึ้น ก้มหน้าร้องไห้ตัวโยน ผมสงสารพี่ปลื้มจับใจ ทั้งโล่งใจที่เขาไม่ได้เป็นอะไร มีแต่ก่อเท่านั้นที่ดูหัวเสีย เขาไล่เตะดินเตะทรายไปมาอย่างระงับอารมณ์ของตัวเอง

“เกิดอะไรขึ้นวะ” กูลมาถึง ปรี่ตรงไปถามก่อ

“เป็นบ้าอะไรไม่รู้”     

“ยูก็หัดใจเย็นบ้างสิวะ”

“จะให้ไอเย็นได้ไงวะ อยู่ๆก็หายไปไหนไม่รู้ ไม่บอกสักคำ”

“แต่คุณก็ไม่ควรกระชากแขนเขาแบบนั้น มันเสียมารยาท” ผมอดไม่ได้ที่จะพูด

“เพราะคนของยูเลยกูล ทำให้ไอเป็นแบบนี้”

“อ๋อ ตัวต้นเหตุเหรอเรา” กูลพูดส่งตาเล็กตาน้อยมาทางผม แต่ผมไม่สนใจเขาหรอก กำลังโมโหอยู่

“คุณจะเป็นแบบนี้กับทุกคนที่อยู่กับพี่ปลื้มไม่ได้”

“แล้วจะให้ทำยังไง ในเมื่อไอเองก็ไม่คิดจะมีคนอื่น”

“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าพี่ปลื้มจะไปมีคนอื่น อย่า....”

“Because, I love him”

“Don’t be selfish!!”
     โมโหมาก จึงตะโกนใส่หน้า คนเห็นแก่ตัว อดไว้ไม่อยู่จริงๆ ใช้ความรักเป็นข้ออ้างในการทำสิ่งแย่ๆกับคนที่ตัวเองรัก คนที่กระทำการรุนแรง ทุบตี ด้วยอารมณ์หึงหวง ด่าว่าหยาบคายเสียๆหายๆ ไม่สนสถานที่ ไม่สนสถานการณ์ ไม่สนอะไรทั้งสิ้น เขาเรียกพฤติกรรมเหล่านี้ว่าความรักได้อย่างไรกัน จากที่พี่ปลื้มเล่าให้ผมฟัง ไม่มีตรงไหนเลยที่เขาจะว่าร้ายให้ก่อ ทั้งๆที่เขาจะพูดมันอย่างไรก็ได้ โกหก แต่งเติมอย่างไรก็ได้ เพื่อให้ก่อเสียหาย แต่พี่ปลื้มไม่ทำ ผมว่าพี่ปลื้มน่าจะเจออะไรมาอีกหลายอย่าง แต่เขาก็เลือกที่จะเล่าแต่แง่มุมดีดี มุมที่เขาผิดพลาดเองทั้งหมด พี่ปลื้มยังคงรักเด็กบ้านั่นอยู่ แต่เด็กบ้านั่นเอาแต่หึงหวงหน้ามืดตามัว อยากกระโดดถีบเรียกสติสักที น่าหมั่นไส้นัก

“เจ็บคอรึป่าว” กูลก้มลงมากระซิบ ผมกำลงโมโหอยู่ ไม่ใช่เรื่องตลกเสียหน่อย โว้ย!!

“Ouch!!” ผมเลยเตะแข้งไปทีหนึ่ง ลงไปนั่งโอดโอยเรียกร้องความสนใจ แต่ไม่น่าสนใจเลยสักนิด

“พี่ปลื้ม เข้าบ้านกันนะครับ เปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวไม่สบาย” ผมจูงมือพี่ปลื้มให้ลุกขึ้นกลับเข้าไปในบ้าน ก่อ กูล เดินตามหลังมาไกลๆ


“ความจริงพี่ไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายหรอก พี่แค่อยากดำลงไปใต้น้ำให้สมองมันโล่ง”

“ผมตกใจแทบแย่ แต่ก่อห่วงพี่มากเลยนะครับ”

“เขากลัวพี่หนีต่างหาก จำได้ไหม พี่เคยทิ้งเขา เขาเลยกลัวว่าพี่จะทิ้งเขาอีก พี่ก็อยากเข้าใจเขานะ แต่แบบนี้มันเป็นวิธีที่ผิด เขาไม่ฟังใครเลย แต่ให้เขาเข้าใจแบบนี้ก็ดีแล้วละ เพราะขืนอธิบายไปมันก็เท่านั้น ไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนแปลง เปล่าประโยชน์”

“คืนนี้มีปาร์ตี้นะ พี่ขึ้นไปอาบน้ำแล้วพักเอาแรงก่อนนะครับ ทุ่มหนึ่งเจอกันที่สระว่ายน้ำหลังบ้านนะครับ”


     เมื่อถึงบ้านผมจึงไปช่วยพี่จันทรากับแม่บ้านของที่นี่เตรียมอาหาร เขาไปซื้อกันมาไว้แล้ว อาหารทะเลสดมากๆ กุ้งนี่ยังเป็นอยู่เลย นี่แหละหนามนุษย์ช่างใจร้ายนัก ชอบกินเนื้อเถือหนังของสิ่งมีชีวิตอื่น โหดเหี้ยมสุดๆ ออกตัวขนาดนี้ถามว่า ผมจะไม่กินกุ้งใช่ไหม ตอบเลยว่า ไม่!! ไม่ให้เหลือสักตัว กลัวกุ้งเสียความตั้งใจที่จะสละชีวิตตัวเองแล้วแท้ๆ ผมจะแผ่เมตตาให้แล้วกันนะเจ้ากุ้ง

     ไม่นานการเตรียมอุปกรณ์ถ้วย จาน ชาม ข้าว ปลา อาหาร จนเพียงพอสำหรัคืนนี้ ผมจองหน้าที่ปิ้งย่าง มันต้องสนุกแน่ๆ ได้เวลาหนึ่งทุ่มตามนัดหมาย ผมจุดเตาก่อไฟอย่างชำนาญ วิชาลูกเสือผมนี่ถนัดสุดๆ หัวหน้าหมู่กระทิงก่อไฟทุกปี เตี่ยก็ใจดีมากๆ ซื้อเบียร์มาเป็นลังๆ ผมแอบเอาเบียร์มาซ่อนไว้สองกระป๋อง เดี๋ยวหมดเสียก่อน

“พี่ช่วยไหมครับ” พี่ปลื้มเข้ามายืน หน้าตาสดใสขึ้นกว่าตอนบ่าย

“ดูเฉยๆได้ครับ ห้ามแย่ง” ผมพูดพร้อมเอาที่คีบอีกอันโยนไว้ในถังหมัก

“ทำไมเป็นคนขี้หวง”

“เอาจานมาใส่ดีกว่าครับ แล้วเอาไปให้ตรงโน่น ตรงสายตาคนขี้หวงกว่าจ้องมองมา” โอ้ย! จะละสายตาไม่ได้เลยหรือไงเด็กบ้านั่น น่าจะฟังความรู้เรื่องตั้งแต่ผมด่าไว้ตอนบ่าย จ้องเขม็งมาทางผมอยู่ได้ ผมคิดว่า กูล อาการหนักแล้วนะ เจ้าก่อนี้ต้องยกให้เลย ชนะขาดลอย

“อื้อ ไปก็ได้วะ คนข้างหลังจุน คนนั้นก็ขี้หวงใช่ย่อย” เป็นกูลที่มายืนซ้อนหลัง ผมสะดุ้งตกใจ เพราะดันเอาปากมาเฉียดแก้ม ผมต้องหันดูซ้ายดูขวา ว่ามีใครอยู่แถวนี้บ้างไหม ไอ้เด็กยักษ์ เอาอีกแล้วนะ เกิดเรื่องแดงขึ้นมาจะทำยังไง

“ออกไปเลยนะ ห้ามมายุ่มย่ามแถวนี้”

“Whoa! Whoa!” ผมเอาที่คีบบาร์บีคิวไล่ตีกูล ให้ออกไปไกลๆ เด็กคนนี้รุ่มร่ามเสียจริง

“ไปนั่งกับเพื่อนคุณโน่น เดี๋ยวทำอะไรไม่ดีกับพี่ปลื้มอีก ปรามๆเพื่อนคุณหน่อยนะ”

“Aha, my wife” ถ้าเอาที่คีบบาร์บีคิวปาได้ จะปาให้หลังหัก กะล่อนนัก แล้วทำไมต้องมาเขินอะไรแบบนี้ด้วย วู้!! เบื่อตัวเอง ได้แต่เดินฟึดฟัดกลับหน้าเตาย่าง


     เสียงเพลงคลอเบาๆเคล้ากับบรรยากาศริมทะเล เตี่ย แม่ กูล ก่อ พี่ปลื้ม นั่งคุยกันอย่างออกรส ใบหน้าล้วนแต่งแต้มด้วยความสุข ผมยืนมองไกลๆยังรู้สึกสุขตามเลย พนักงานของที่นี่เลิกงานกลับบ้านไปหมดแล้ว เหลือแต่พี่จันทราคอยเติมน้ำเติมขนม ทั้งๆที่คุณแม่บอกไม่ต้องทำ ให้ไปพักผ่อน แต่พี่จันทราก็ยังจะทำ

“น้องจุน”

“ครับพี่จัน”

“ตั้งแต่วันนั้น ดูมีความสุขขึ้นเยอะเลยนะคะ พี่คิดถูกแล้วละที่ปล่อยให้เป็นแบบนี้ แต่อย่าลืมว่าทุกสิ่งไม่ได้อยู่กับเรามั่นคงถาวร มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์ เป็นของธรรมดาคู่กัน”

“สาธุ” ผมพนมไหม้เหนือหัว อยู่ๆก็สอนธรรมะผมเฉย 

“เดี๋ยวเถอะ น่าตีนัก พี่จริงจังค่ะ”

“โท่ ก็แค่อยากให้พี่ยิ้ม ผมเศร้าได้แต่พี่อย่าเศร้าตามผมเลยนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมยอมรับในสิ่งที่ผมเลือกแล้ว ตัดสินใจแล้ว เห็นแบบนี้ ผมนะโคตรจะเข้มแข็งเลย”

“พี่เชื่อค่ะ เชื่อในความเป็นเด็กดีของน้องจุน”

“ขอบคุณครับ ทั้งที่ตอนนั้นผมขัดใจพี่จันไป ผมอยากขอโทษ”

“ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่าค่ะ อากาศดีแบบนี้ รู้สึกโชคดีจังที่ได้มาด้วย”

“ผมเรียนจบทำงานได้ ผมจะพาพี่ไปเที่ยวทุกที่ที่พี่จันอยากไปเลยครับ แต่ต้องให้ผมมีเงินด้วยนะ แฮ่ๆ”

“พูดแล้วนะคะ”

“สัญญาครับ” พี่จันเดินจากไปพร้อมอาหารทะเลที่ย่างจนสุกแล้ว ใส่จาน นำไปเสิร์ฟแทนที่ ของเก่าที่พร่องไปมากแล้ว



     คนหนึ่งคนจะมีสักกี่บุคลิก จะมีไหมคนที่มีแต่ด้านดีดี หรือ ด้านร้ายร้ายถูกด้านดีดีเก็บไว้อย่างมิดชิด ด้านดีจะดีที่สุดแค่ไหน ด้านร้ายจะร้ายอย่างไร ผมคิดว่าน่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านอารมณ์ สถานการณ์ หรือความจำเป็นในการแสดงออก เพื่อปกป้องตัวเอง เพื่อปกป้องคนอื่น เพื่อปกปิดตัวตน มันยากมากเลยที่จะมองคนหนึ่งคนให้ออกว่าเขาจะคิดอย่างไร แสดงแบบนั้นแบบนี้ไปเพื่ออะไร เป้าหมายแท้จริงของเขาต้องการอะไร ทุกสิ่งรับรู้ได้ด้วยจิตใจจริงหรือ ช่างซับซ้อนยิ่งนัก เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที ยากลำบากเหลือแสน


 “ว่าไงจุน”

“ครับ”

     เตี่ยเดินเข้ามายื่นเบียร์เย็นๆให้ผมหนึ่งกระป๋อง ผมรับไว้อย่างแปลกใจ อยู่ๆเตี่ยก็เข้ามาคุยกับผม น้อยครั้งนักที่เตี่ยตั้งใจมาคุยกับผม ครั้งที่จำได้ดีคือมาปลอบผม ที่นอนร้องไห้ ในห้องนอนตอนที่คุณแม่กับกูลไปต่างประเทศ เตี่ยเข้ามานอนกับผม ลูบหัวกล่อมจนนอนหลับไป อีกครั้งก็คงจะเป็นตอนผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เป็นมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง แล้วยังเป็นคณะที่สามารถช่วยเหลือบริษัทได้ด้วย ตอนนั้น เตี่ยเข้ามาในที่ที่ผมชอบขลุกตัวอยู่ นั่นคือห้องของผม เตี่ยบอกเตี่ยดีใจด้วยนะ จุนเก่งมาก เตี่ยไม่ผิดหวังเลย แล้วน้ำตาก็ไหลไม่หยุด เตี่ยต้องเข้ามาปลอบอยู่นาน ยื่นนาฬิกาข้อมือ ค่อนข้างมีราคามาให้ เป็นของขวัญที่ผมรักมาก ติดตัวเกือบตลอดเวลา ยังมีเครื่องคิดเลขอีกเครื่องที่เตี่ยให้มา ไม่ได้เอาถุงห่อหุ้มออกเพราะกลัวมันจะเก่าใช้จากถุงใสๆจนเหลืองยับยู่ยี่ เชื่อไหมสิ่งที่มันมาจากใจมันมีค่ามาก จนไม่สามารถวัดค่าได้

“เตี่ยเห็นจุนย่างอยู่นานแล้ว ไม่ไปนั่งพักกับพวก ก่อ กูล หรือ”

“ไม่ครับ ตรงนี้เหมาะกับผมสุดๆเลยครับ”

“เราก็เป็นเสียอย่างนี้ตลอด”

“เตี่ยเมารึยังนี่”

“ฮ่าๆ เบียร์แค่นี้ทำอะไรเตี่ยไม่ได้หรอก เตี่ยนะคอแข็งกว่าทองแดงอีก” ผมรับรู้ความเป็นกันเองของเตี่ย คนที่น่าเกรงขาม ติดน่ากลัว แอลกอฮอล์ทำให้กลายร่างเป็นลุงแก่ใจดีไปแล้ว

“แบบนี้เมาแล้วแน่ๆ”

“จุน คิดไปเองต่างหาก”

“ผมเห็นนะ เบียร์กระป๋องหมดไปหลายถาดแล้ว น้ำเปล่านี่ยังเหลือตรึม”

“เตี่ยเสียดาย ซื้อมาแล้วก็ต้องกินให้หมด”

“งกนี่เอง”

“ฮ่าๆ”

      รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ของคนนี้ ทำให้ผมมีความสุขมากๆเลยครับวันนี้ มันอิ่มเอมใจบอกไม่ถุก ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ และขอให้มันดีแบบนี้ขึ้นเรื่อยๆนะครับ แต่ถ้าเตี่ยรู้ความจริงเรื่องผมกับกูล ผมอาจจะไม่เห็นรอยยิ้ม อาจจะไม่ได้ยินเสียงหัวเราะแบบนี้แล้วก็ได้ นี่ใช่ไหม ธรรมะที่พี่จันทราได้บอกไว้ เหมือนรู้สถานการณ์ล่วงหน้า น่ากลัวเกินไปแล้วคนนี้ ผมยิ้มหัวเราะตาม ตอนนี้ช่างดีเหลือเกิน


“จุน จำไว้นะว่าอนาคตคือสิ่งไม่แน่นอนยังไง จุน ก็คือลูกของเตี่ย ไม่ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ขอให้จำคำของเตี่ยไว้ว่า เตี่ย รัก จุน นะ ลูก สิ่งที่มนุษย์เราควรมีให้กันคือคำว่า "อภัย" ต่อให้เรื่องมันผิดพลาดจนเกินไป จงปล่อยวาง และให้อภัยแก่เขา แล้วเราจะไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ทุกคนบนโลกนี้ก็จะอยู่อย่างมีความสุข รวมทั้งจุนด้วย จุนจะเป็นคนที่มีความสุขอย่างแท้จริง”


    เตี่ยเอามือลูบหัวเบาๆแล้วเดินจากไป รับรู้ได้ถึงความรักของพ่อ ความรักของเตี่ยแผ่ซ่านถึงหัวใจ มันอบอุ่น เด็กคนหนึ่งที่โดดเดี่ยวเรียกร้องหาความรักแต่ไม่แสดงออกสักครั้ง วันนี้รู้แล้วว่า เตี่ยไม่ได้เฉยเมยต่อเราเลย น้ำตาปริ่มจนต้องเช็ดออก ใจที่ฟูฟ่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง ความรักของพ่อเป็นแบบนี้นี่เอง

    สี่ทุ่มกว่าพวกผู้ใหญ่ก็กลับเข้าไปนอน ผมรีบจัดแจงเก็บรวมๆอุปกรณ์ถ้วยชามไว้ที่เดียวกัน พรุ่งนี้แม่บ้านจะได้ไม่ลำบากเท่าไหร่นักในการเก็บกวาด ใจเขาใจเรา ช่วยๆกัน เสร็จแล้วพี่ปลื้มกับก่อก็ไปนอน ส่วนเจ้าเด็กยักษ์ลากผมไปเดินหาด ห้าทุ่มแล้วนะ เริ่มง่วงแล้วด้วย ลมชายทะเลดีชะมัด ดีเสียจนน่านอน แต่กูลก็ยังลากไม่ยอมหยุด

“เดี๋ยวๆ จะไปไหน”

“ตรงนั้นมีโขดหิน เราไปนั่งกันตรงนั้นไหม”

“มันมืดเห็นไหม”

“เห็นสิ มีไฟฉาย”

“โว้ย!! คือมันดึกแล้ว อีกอย่างหัวผมเหม็นควันอยากอาบน้ำแล้ว”

“ไหนๆ หอมออก” กูลก้มลงมาจูบแก้ม

“อี๋น้ำลาย เป็นพิษสุนัขบ้าไหมนี่”

“ต้องพิสูจน์”

“อื้ม......” นึกอยู่แล้วว่าต้องออกมาในรูปแบบนี้ เด็กหื่น แต่มืดๆแบบนี้ก็ดีเหมือนไม่มีใครเห็นหน้าใคร ความกล้าของผมมีมากขึ้นหน่อย ผมจูบคืนบ้างทำให้จังหวะกูลชะงัก เขาดูตกใจไม่น้อย จนนั่งทรุดลงไปกับพื้นทราย ผมได้ใจขึ้นคร่อมไปจูบกลีบปากนั้นอีกครั้ง เด็กยักษ์ดูจะชอบใจ จูบกันไปมาอย่างหนักหน่วง ดูดดื่ม บางครั้งข้อดีของความมืดคือให้ความกล้า


“Hey!! You, what’s happen?”

“โว้ะ!! ที่อื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่ไปวะ” เจ้าก่อส่องไฟฉายเข้ามาที่เรา โคตรอายเลย ได้แต่เอาหน้าซุกอกเด็กยักษ์ ทำอะไรไม่ถูก ซ้ำยังนั่งกวมขาเขาไว้อีกไม่ไปไหน มันลุกขึ้นไม่ได้แล้ว อายโคตรๆ พี่ปลื้มมาด้วยไหมนะ ถ้ามาด้วยละก็ คงอายเพิ่มไปอีกสองเท่า

“ไปตรงไหนดีนะ..... ตรงนี้มีคนจูบกันอยู่....” แล้วจะพูดดังทำไมวะไอ้เด็กผี กลัวคนไม่แหกันมารึไง

“จุนพี่ไปก่อนนะ”  นั่นๆ พี่ปลื้มก็มาด้วย ทำไมซื้อหวยไม่ถูก โอ้ย ตายแน่จุน ระเบิดตัวเองตายตรงนี้ได้ไหม น่าขายหน้าที่สุด คนอยู่บนดันเป็นผม ใครเห็นแบบนี้ไม่น่าตีความอย่างอื่นได้เลย

“ลุกไปสิ” ผมทุบอกเจ้าเด็กให้ลุกออก ทุบแรงๆเผื่อความอายจะบรรเทาได้บ้าง

“จุ้น ทับผมอยู่ไปไหนไม่ได้”

“ทำไมไม่บอกเล่า”

      เป็นผมเองที่รีบลุกรีบวิ่งเข้าบ้านเลยดีกว่า รีบอาบน้ำนอนก่อนได้เปรียบ แต่จะให้หลับลงได้อย่างไร เต้นเต้นเร็วและแรงชะมัด สมองก็คิดว่าพรุ่งนี้จะคุยกับคนอื่นยังไง   
     

    วันนี้เรามีแผนจะแวะเที่ยวเรื่อยๆ ถึงบ้านค่ำๆ อาหารเช้าจึงเป็นแบบธรรมดาพอได้รองท้องไปก่อน ขนมปัง ไข่ดาว ไส้กรอก กาแฟ แม่บ้านที่นี่ก็มากันแต่เช้า ทำความสะอาดปัดกวาดกันรวดเร็ว หรือคงเห็นว่าเจ้าของบ้านมาเอง อันนี้ช่างเขาเถอะ อาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมต้องลงไปเรียกเตี่ยกับคุณแม่ที่เดินเล่นอยู่ที่ชายหาดขึ้นมาทานอาหาร ก่อนจะกลับกรุงเทพฯด้วยกัน

“เตี่ย แม่ ขึ้นมาทานอาหารได้แล้วครับ” ผมเดินลงไปเห็นหลังไกลๆ จึงตะโกนเรียกไว้ก่อน ผมรีบวิ่งไปเพื่อจะเรียกอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันนั้น



“ปัง”



     กระสุนปริศนายิงเข้าตรงกลางระหว่างอก เตี่ยล้มลงไปต่อหน้าต่อตา เพียงก้าวเดียวจริงๆ ผมจะถึงเตี่ยอยู่แล้ว เป็นผมได้ไหม เป็นผมที่รับกระสุนนัดนั้นไว้ได้ไหม ทำไมยิงไม่โดนผม แลกกันได้ไหม ผมเข้าไปพยุงเตี่ยเลือดเปรอะเต็มมือไปหมด พูดอะไรไม่ออก ไม่เอาแล้วความสุขแบบนั้น ไม่เอาแล้วคนใจดีหัวเราะร่าแบบเมื่อคืน เอาคนขรึมๆนิ่งๆ แบบเมื่อก่อนก็ได้  เมื่อคืนคือคำบอกลาใช่ไหม คำว่า อภัย คืออะไรกัน คือแบบนี้เหรอครับเตี่ย เสียงกระอักตามมาด้วยเลือด กับลมหายใจที่โรยริน สายตาเตี่ยมองที่ผม สายตาอบอุ่นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เฮือกสุดท้ายในอ้อมกอดผม

 

“คุณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณ”
เสียงกรีดร้องของคุณแม่ ดังลั่นไปทั่วหาด  เคล้าไปกับเสียงปืนยิงโต้กันไปมาหลายนัด





Guide Line Thanks.
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบแปด 06-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 06-08-2018 23:20:01
จะมีคนมาเอาตัวน้องจุ้นคืนรึป่าวนะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบแปด 06-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-08-2018 23:23:01
เอ่อมม ยิงกันเลยเหรออ จุนมีเบื้องหลังอะไรรึป่าวหว่า
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบแปด 06-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 07-08-2018 00:33:41
อะไรกันอ่าาาาาาา :ling3:
จุ้นระวังตัวด้วย :serius2:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบแปด 06-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 07-08-2018 01:20:01
เฮ้ยยย แรงไปไหม ถึงตายเลยรึ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบแปด 06-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 07-08-2018 01:33:54
เห้อออ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบแปด 06-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-08-2018 02:13:12
อ้าวววทำไมเป็นแบบนี้ละ ถึงกับต้องฆ่ากันเลยเหรอจะบอกว่าต้องการเอาตัวจุนคืนมันก็ไม่ตำเป็นต้องทำกันขนาดนี้รึเปล่า นี่มันเหมือนพวกมาเฟียตามเก็บคนมากกว่าอีก
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบแปด 06-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 07-08-2018 10:06:45
โง้ยยยยยยยย เดาเรื่องไม่ถูกเลยค่ะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: liner ที่ 09-08-2018 01:27:23
ตอนที่ สิบเก้า

ถึงเวลาแล้ว



           คนเราต้องทำความดีกันไปทำไม ทำไปเพื่ออะไร ทั้งที่คิดว่าทำดีมาตลอด ความดีน่าจะส่งผลบ้างในเวลาที่ร้องขอ แต่ไม่เลย   ต่อให้ตะโกนเสียงดัง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความว่างเปล่า เหมือนโยนหินลงมหาสมุทร โยนไปเท่าไหร่ มันก็จมหายลงไป แตกกระจายเป็นวงกว้างได้เพียงชั่วครู่ สักพักก็หายไป กลายเป็นแผ่นน้ำที่นิ่งสงบ ราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน กลับกันกับความชั่ว แม้พลั้งเพียงครั้งเดียว ความเข้มข้นดังหยดหมึกตกลงไปยังผ้าขาว ซักเท่าไหร่ ขยี้ลงไป รังแต่มันจะทำให้เปื้อนไปทั้งผืน ดีไม่ดียังละลายไปติดไปโดนผ้าผืนอื่นโดยรอบ

        ผมไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัว ไม่รู้ปัญหาขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น ไม่รู้ระบบการทำงาน ทรัพย์สินของครอบครัวมีอะไรบ้าง สถานะทางการเงินของครอบครัว เตี่ย กับ คุณแม่ทำงานกันอย่างไร ลักษณะการบริหาร ผมไม่เคยสนใจเลยสักครั้ง ท่านไม่เคยเล่าเรื่องการทำงานให้ฟัง ผมก็ไม่เคยแม้แต่จะคิดถาม เป็นความบกพร่องทางหน้าที่ของคนเป็นลูก คิดแต่จะเปรียบเทียบ เปรียบเปรย เรียกร้องหาความรัก ความห่วงใย แบบไร้เหตุผล


     เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุพร้อมกู้ภัย เก็บหลักฐานทำสำนวนคดีกันผมกับคุณแม่ไว้เป็นพยานรู้เห็น ณ ที่เกิดเหตุ พวกเราไปโรงพยาบาลที่ปราณบุรีก่อน คุณแม่กับผมยังไม่สามารถให้การอย่างละเอียดกับเจ้าพนักงานสอบสวนได้ จึงขอเลื่อนการทำสำนวนออก เราทำเรื่องขอย้ายศพเตี่ยไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อชันสูตรพลิกศพ ที่กรุงเทพฯ คดีนี้เป็นคดีอาชญากรรม ต้องมีผู้รับโทษ ตำรวจกำลังสืบเสาะหาคนร้าย เขาพูดคร่าวๆว่า มือปืนมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก ทำกันเป็นขบวนการ เพราะระยะที่ซุ่มทำร้าย ทางหนีทีไล่ เวลา สถานที่ค่อนข้างเอื้ออำนวย คนร้ายค่อนข้างชำนาญทางเส้นทางการหลบหนี


“ทำไมวะกูล ทำไมไม่เป็นผมที่โดนยิง ผมอยู่ตรงนั้น อยู่ใกล้ท่านมาก เพียงแค่ก้าวเดียวผมก็สามารถรับกระสุนนัดนั้นไว้ได้ ถ้าโดนจากข้างหลังผมอาจจะไม่ตายก็ได้ หรือถ้าตายก็ไม่เป็นไร ถ้าโดนผมนะ มันคงจะดีกว่านี้ ฮึก..ฮึก...” กูล เป็นเด็กเข้มแข็งเอามากๆ ผมยังไม่เห็นเขาร้องไห้เลย เขาเอาแต่นั่งปลอบคุณแม่ หรือแอบมาปลอบผมที่มันอ่อนแอ และไร้คุณค่าเหลือเกิน

“ถ้าคิดอย่างนั้น เป็นผมต่างหากที่ผิดยิ่งกว่าคุณ อยู่ไกลเกินไปจนช่วยอะไรใครไม่ได้เลย”

“แต่ผมคิดว่าผมเป็นตัวโชคร้าย”

“ยังไงครับ”

“คราวก่อนเป็นคุณที่เกือบตาย เพราะผม แต่คราวนี้คนโชคร้ายต้องเป็นเตี่ย ผมว่าเขาต้องการจะฆ่าผมมากกว่า เขายิงพลาด ยิงผิดตัว มันต้องเป็นผมต่างหาก ผมจะบอกตำรวจเรื่องนี้ว่าก่อนนี้เคยเกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้น” กูลกอดกระชับผมเน้นขึ้น พรมจูบขมับอย่างปลอบโยน ผมโชคดีที่มีเขาเป็นที่พิงพักยามอ่อนล้ายามอ่อนแอ ผมยังกอดเขา ร้องไห้ สะอื้นอยู่ข้างนั้น น้ำตาไหลเปรอะเสื้อกูลเป็นคราบเป็นรอย

“ไม่ได้ค่ะ!! ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับน้องจุนทั้งนั้น”

“พี่จัน” เราผละออกจากกันอัตโนมัติ พี่จันทราออกมาจากมุมตึกเหมือนเขาแอบฟังอยู่นานแล้ว ยังดีที่เป็นพี่จันทรา ถ้าเป็นคุณแม่เรื่องคงไม่จบแค่นี้เป็นแน่ 

“พี่หมายถึง น้องจุนอย่าคิดแบบนั้นเลยค่ะ ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมเก่าเขามาทวงคืน พระท่านว่าคนเราเมื่อถึงวัน มันก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น อย่างพี่เองอาจจะตายเย็นนี้ พรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า หรือสิบปีข้างหน้า เราไม่สามารถกะเกณฑ์อะไรกับความตายได้”

“พี่จัน อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมใจไม่ดีเลย”

“คุณกูลไปดูคุณนายเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่จะอยู่กับน้องจุนเอง”

“ครับ” กูลถอนหายใจอย่างโล่งอก

“คราวหน้าพี่ขอนะคะ อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อนัก ตั้งสติให้มาก และคิดอยู่เสมอว่ากำลังทำอะไร ถ้าเกิดคนที่เข้ามาไม่ใช่พี่ แต่เป็นคุณนาย พวกคุณจะเป็นยังไง”

“ขอโทษครับ” เขาพนมมือขึ้นเพื่อขอโทษ แล้วเดินจากไป


“ไม่เอาไม่ร้องนะคนเก่งของพี่ จำไว้นะคะไม่มีใครสามารถตายแทนกันได้ ถ้าตายแทนกันได้ มันก็ไม่ยุติธรรมกับชีวิตเราเหมือนกัน คนที่เสียใจอาจจะมีเพิ่มขึ้นก็ได้”

“แต่ชีวิตที่ไร้ค่าแบบผม จากไปก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ ขนาดพ่อแม่แท้ๆยังไม่ต้องการผมเลย”

“แล้วน้องจุนรู้ได้อย่างไรว่าท่านไม่ต้องการเรา เขาอาจจะมีเหตุผลบางอย่าง ผู้ใหญ่เขามีเหตุผลของเขา ทางเดินนี้อาจจะเป็นทางเดินเดียว หรือ อาจจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดแล้วก็ได้”

“ทำไมยากจังครับ เป็นผู้ใหญ่ต้องคิดซับซ้อนกันขนาดนี้เลยหรือครับ”

“ประสบการณ์จะสอนเราเอง อย่างตอนนี้น้องจุนได้รู้จัก การจากลา ว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน จำความรู้สึกนี้ไว้นะคะ มันจะสอนให้เราเข้มแข็งค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

“ร้องได้นะคะ แต่ต้องเข้มแข็งด้วย” พี่จันทราลูบหัวผมอย่างเอ็นดู เธอเข้มแข็งกว่าผมหลายเท่านัก
     แล้วเธอก็เล่าเรื่องการจากไปของคุณพ่อคุณแม่ของเธอให้ผมฟัง เธอผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาหมดแล้ว ทำให้เธอเข้มแข็งและแข็งแกร่งขึ้น พ่อของเธอตายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นการจากลาที่ไม่คาดคิดเช่นกัน เธอเล่าให้ฟังว่ามันกะทันหันไปหมด คุณแม่ต้องมารับเธอจากโรงเรียนประจำ ตอนเกือบเที่ยงวันยังไม่ทานข้าวเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นเธอไม่รู้เลยว่าพ่อของเธอเสียชีวิตแล้ว ดีใจเสียด้วยซ้ำตามประสาเด็กที่แม่มารับก่อนปิดเรียนเสาร์อาทิตย์ ไม่ต้องอยู่โรงเรียนต่อแล้ว ด้วยความห้าวของเด็กผู้หญิงวัยสิบสอง ได้แต่ชูคอเย้ยเพื่อนร่วมชั้น หารู้ไม่ว่า ที่แม่มารับนั้นคือการหลบหนี ตอนนั้นเธอตื่นเต้นมาก แม่พาเธอไปที่แปลกตา ที่ใหม่ๆที่ไม่เคยไปมาก่อน แม่พาเธอมาฝากไว้ที่บ้านเพื่อนของคุณแม่ของเธอ เป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน คำพูดสุดท้ายที่เธอได้ยินจากแม่คือ “รอแม่ที่นี่นะจัน แม่จะไปเอาน้องมาอยู่ด้วย จันต้องรักน้องมากๆนะ” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของแม่เธอ จากนั้นเธอก็ไม่ได้พบเจอพ่อแม่ของเธออีกเลย เด็กหญิงเฝ้าถามน้าคนนั้น ว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะมา วันที่เท่าไหร่นะ เด็กหญิงเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ ร้องไห้มองไปทางถนนทุกเย็น เดือนกว่าแล้ว เด็กหญิงยังเฝ้ารออยู่อย่างนั้น ร่างกายซูบผอม จนเพื่อนของแม่เธอสงสารยื่นกระดาษที่มีลายมือของแม่เธอ เด็กหญิงร้องไห้จดหมดน้ำตา เมื่อรู้ว่าเป็นจดหมายลาจากพ่อและแม่ของเธอ เด็กหญิงอายุสิบสองย่างสิบสามบอกตัวเองว่าต้องเข้มแข็ง และต้องเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว ในตอนนั้นจึงหนีมาหางานเลี้ยงตัวเองในกรุงเทพมหานคร ไม่มีความรู้ ไม่มีญาติที่ไหน แต่จุดหมายว่ามาเมืองกรุงทำไม โชคดีที่สมัครแม่บ้านที่แรกก็ได้งานทำเลย ครอบครัวตันตั้งสกุล รับเลี้ยงเธอไว้ เธอจึงได้รู้จักกับเด็กน้อยที่ชื่อ จุนเจือ ตันตั้งสกุล

 
     จากที่ได้ฟังพี่จันทราเล่ามาผมกลับหดหู่ และเศร้าหนักขึ้นกว่าเดิม การจากลานั้นยังน่ากลัวมากอยู่ดี ไม่มีใครชินและรับได้จริงๆหรอก


     งานฌาปนกิจจบลง เป็นสัปดาห์ที่วุ่นวาย ทั้งเรื่องเอกสาร เรื่องคดี เรื่องงานสวดอภิธรรม เราปั้นหน้าอย่างเหมาะสมเพื่อรับแขก กูลถูกแนะนำทายาท เพื่อปูทางในธุรกิจ ส่วนผมก็จะถูกเลี่ยงในการตอบทุกครั้งว่าเป็นใคร ผมเข้าใจในสถานะตัวเองเป็นอย่างดี ช่วยจัดการงานครัว งานพิธี ทุกอย่าง ไม่ถือโทษโกรธคุณแม่ แต่มันยากเหลือเกินที่จะแอบน้อยเนื้อต่ำใจ คำว่าลูกอีกคนยังไม่เคยได้เอื้อนเอ่ยออกมาจากปากสักนิด วันพรุ่งนี้จะไปลอยอังคารที่ทะเลปราณบุรี บ้านพักที่เตี่ยจากไป คุณแม่ตัดสินใจแบบนั้น หลังจากนำผลชันสูตรยื่นส่งเจ้าพนักงาน สำเนาให้ทนายประจำครอบครัว แล้วยังต้องไปให้ปากคำเพิ่มที่โรงพักท้องที่ปราณบุรี หลังจากร้องไห้ในวันนั้นคุณแม่ท่านก็ไม่ร้องไห้อีกเลย ท่านต้องรักษามาดประธานผู้บริหารคนใหม่ ให้น่าเคารพยำเกรง งานที่ผ่านไปจัดขึ้นอย่างสมเกียรติประธานผู้บริหารคนเก่า แต่ที่ผมสังเกตเห็นอย่างง่ายดายคือกลุ่มชายชุดดำที่เพิ่มขึ้นและใกล้ชิดขึ้น คุณแม่ท่านต้องการความแน่ใจในความปลอดภัยของท่าน
 
     ตั้งแต่กูลเจ็บคราวนั้น ผมก็สังเกตเห็นอยู่บ้างแล้ว พวกเขาจะคอยอยู่ห่างๆรอบๆตัว ไม่เข้ามาวุ่นวาย ยังใช้ชีวิตแบบปกติได้ และตั้งแต่วันนั้น กูลต้องเรียนหนักขึ้น  เขาต้องเรียนเพิ่มเติมทางด้านการบริหาร เศรษฐกิจ และอีกสารพัด เวลาของเราที่จะต้องเจอกันจึงน้อยลงทุกที คุณแม่ท่านก็นิ่งขึ้น ความห่างของเราชัดเจนขึ้น หัวเรือใหญ่ของบริษัท ไหนจะตำแหน่งหน้าที่การงาน ไหนจะแบ่งเวลาเร่งความคืบหน้าของคดี รวบรวมหลักฐานพยานเพิ่มเติม คงจะยุ่งยากน่าดู   
           


“แม่มีอะไรอยากจะขอจุน”

“ครับ” ผมรับคำอย่างสงสัย คุณแม่จะเอ่ยขออะไรกัน เธอมีความอ่อนไหวในสายตา ผมดูออก เธอต้องเข้มแข็งขนาดไหนกัน ความอ่อนหล้าหลังเครื่องสำอางนั้นจะมากมายเพียงไหน สุดท้ายความอดทนของเธอก็กลั่นเป็นหยาดน้ำตา จนใจผมอ่อนยวบลงตาม

“ตอนแม่แต่งงานกับเตี่ยใหม่ๆ ความฝันของผู้หญิงคนหนึ่ง อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แม่อยากมีลูกมาก แต่เตี่ยยังไม่อยากมี เพราะฐานะการเงินของเรายังไม่มั่นคง จนวันหนึ่ง เตี่ยได้นำของขวัญชิ้นพิเศษมาให้แม่นั่นคือจุน จุนรู้ไหมตอนนั้นจุนน่าเอ็นดูมาก แม่หลงจุนจนพักความตั้งใจในการที่จะมีลูกของตัวเอง จุนเป็นเด็กเลี้ยงง่าย น่ารัก ไม่ร้อง ไม่ดื้อ ไม่ซน จนแม่คิดว่าเด็กคนนี้สมองปกติหรือเปล่านะ พอจุนเริ่มโตขึ้น รู้เดียงสาขึ้น แม่จึงคิดโครงการจะมีน้องขึ้นมาอีกครั้งเอาไว้เล่นกับจุน จุนจะได้ไม่เหงา และหวังว่าจะเลี้ยงง่ายเหมือนจุน แต่ไม่ใช่เลย แม่คิดผิด ตอนกูลเกิด กูลต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆเพราะเกิดก่อนกำหนด  หัวใจน้องไม่แข็งแรง แม่จึงให้เวลากับกูลมากเป็นพิเศษ แม่ต้องคอยประคบประงมกูลเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง โตพอที่และพร้อมผ่าตัดรักษาอาการให้เป็นปกติ”

“ทำไมผมไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยครับ” ผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย ที่ผ่านมาผมกำลังคิดบ้าอะไรอยู่

“แม่หาข้อมูลการรักษา หาโรงพยาบาลดีดี ติดต่อหมอเก่งที่สุดในด้านหัวใจ จนหกขวบน้องโตพอ ที่จะได้รับการรักษา แม่จึงไปที่นั่นญาติของแม่อยู่ที่นั่นด้วยพอดี จึงไม่มีปัญหาเรื่องที่พัก และเรื่องการเรียนญาติของแม่ก็ดำเนินการไว้ให้แล้วทั้งหมด แม่เลี้ยงกูลด้วยความยากลำบาก แม่จึงรักกูลมาก แน่นอนมากกว่าจุน จุนเข้าใจแม่ใช่ไหม”

“เข้าใจครับ”

“แล้วที่ผ่านมา แม่ได้รวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับคดีการลอบสังหารของเตี่ย หลักฐานต้องหนาแน่นพอสมควรถึงจะเอาผิดคนบงการได้ แต่สืบไป ค้นไป แม่ต้องเจอกับภาพพวกนี้ในกล้องวงจรปิด มันหมายความว่าอย่างไรจุน ตอบแม่หน่อยได้ไหม ไม่ใช่จุนกับกูลใช่ไหม”

  “........” ผมมือไม้สั่นรับภาพที่สำเนามาจากกล้องวงจรปิดที่บ้าน หลายตำแหน่งของตัวบ้าน หลายเวลา เป็นสีขาวดำธรรมดา แต่มันชัดเจนพอที่จะระบุตัวบุคคลว่าคนในภาพนั้นเป็นใคร กำลังทำอะไรอยู่ ความลับไม่มีอยู่ในโลกใบนี้จริงๆ ผมเชื่อแล้วครับ เงยหน้าขึ้นมองคุณแม่ เธอน้ำตาปาดหายไปหมดแล้ว แววตาเปลี่ยนไปจากเดิม

“ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงขั้นไหนแล้ว” เสียงแข็งที่ถามมา กับอาการสะบัดหน้าหนีอย่างไม่อยากรู้คำตอบ

“ยังครับ ยังไม่มีอะไร” ผมตอบเสียงแผ่ว

“แล้วภาพบนที่นอนในมือถือกูลมันหมายความว่ายังไง” สมาร์ทโฟนของกูลถูกคุณแม่ยื่นมาให้
 
มัน หมาย ความ ว่า ยัง ไง หะ!! ” เสียงตวาด ทั้งเขย่าตัวผมแรงๆ ทุบอก ทุบตัว คาดคั้นเอาคำตอบ     


“.......” เห็นภาพแล้วก็พูดอะไรไม่ออก ตอนไหน เมื่อไหร่กัน ที่กูลถ่ายภาพพวกนี้เอาไว้ เก็บเอาไว้ทำไม เป็นภาพผมกับกูลที่เปลือยท่อนบนทั้งคู่นอนหลับซุกกันบ้าง ซบอกบ้าง หลายรูปหลายภาพที่มองยังไงก็เดาได้ในทิศทางเดียว เถียงให้ตายยังไงก็ฟังไม่ขึ้น ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว มันได้เกิดอะไรขึ้นเลย ผมจะบอกอย่างไรดีเธอถึงจะเชื่อ


“จุนไปจากที่นี่เสียเถอะ”


“......” คำตอบของผมยังไม่มีในหัว ความรู้สึกมันซ้อนทับกันไปมาจนยุ่งเหยิง ไม่รู้จะแก้ยังไงดี


“ถ้าความเป็นเด็กดีของจุนยังมี จุนจะทำตามที่แม่ขอ”







Guide Line Thanks.
ปล.เราก็อยากขอ ขอให้คนอ่านมีความสุข นะครัช
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-08-2018 02:37:04
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:  โอ๊ยย สงสารจุน
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-08-2018 12:25:32
จุน น่าสงสารอะไรขนาดนี้
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-08-2018 17:34:02
โธ่ แม่คุณเธอเลี้ยงจุนมากับมือก็เข้าใจว่ากูลก็ลูกแท้ๆ แต่กับจุนล่ะไม่ผูกพันธ์ก็น่าจะเห็นใจบ้าง
ไล่ให้ไปที่อื่นแล้วจะให้จุนไปอยู่ไหนล่ะ แต่เล็กจนโตจุนไม่เคยออกนอกลู่นอกทางเลยนะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 09-08-2018 18:49:25
อยากได้ก็เลี้ยง พอไม่ชอบก็ไล่กัน
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบห้า 01-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-08-2018 19:35:27
 :a5:  คืออะไรยังไง ใครจะมาจับตัวจุน จับไปทำไม

หรือทางครอบครัว แม่ทำไม หรือพอครบบรรลุนิติภาวะแล้วจะให้

จุนออกจากบ้านไป ไม่รับเลี้ยงแล้วอย่างนี้หรอ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบหก 03-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-08-2018 19:41:25
มันจะงงๆ หน่อย ทำไมจันต้องคอยปกป้องจุนขนาดนี้

เกี่ยวข้องอะไรกันหรือแค่รักและเอ็นดู หรือสงสาร

หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบแปด 06-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-08-2018 19:49:17
เดี๋ยวววววววววว คืออะไรทำไมเหมือนมีเบื้องหลัง คำบอกรักของ

เตี่ย ไฟนจะเตี่ยโดนยิง คืออะไรอ่ะ เกี่ยวกับจุนทั้งหมดใช่ไหม
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-08-2018 19:54:04
เอ้า อะไรอ่ะ พอจะให้ไปก็ไล่ไปงี้เลย เออดี  :katai1:

จันทราเกี่ยวอะไรกับจุนใช่มะ เป็นพี่สาวเหรอ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 09-08-2018 20:37:16
แล้วจุนจะไปอยู่ที่ไหน แม่สงสารจุนเถอะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-08-2018 21:17:26
ถ้าเหตุผลจริงๆ ที่ให้จุนไปคือเรื่องจุนกับกูล คุณแม่ก็ใจร้ายไปหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 09-08-2018 21:35:33
เข้าใจความรู้สึกคุณแม่ที่รับไม่ได้แต่ก็อย่าถึงกับไล่จุนออกไปเลยสงสารจุนไม่ได้เริ่มก่อนนะทำไมไม่ถามกูลบ้างล่ะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: enjoy0189 ที่ 09-08-2018 22:39:33
ทำไมเรื่องร้ายๆต้องเกิดขึ้นกับจุนด้วย มีความรักมันผิดตรงไหนเหรอคะ ฮือ

ถ้าคุณแม่ไล่แบบนี้แล้วจุนจะไปอยู่ที่ไหน นอนที่ไหน
แล้วความรู้สึกของกูลด้วย ไม่ได้นะไม่ได้ๆ จุนอย่าไปป :katai1: :katai1: :ling3:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 09-08-2018 23:17:09
ทำไมแม่ร้ายยยยยยย
น้องจุนจะไปอยู่ที่ไหนนนนนน
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-08-2018 01:00:25
....!
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 10-08-2018 20:30:25
ไม่มีความรักความผูกพันให้จุ้นบ้างเลยหรือคะคุณแม่ !!!!  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 16-10-2018 15:21:44
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-10-2018 17:22:36
คิดถึงแล้ว รีบมาต่อนะ
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 25-10-2018 23:19:51
สงสารจุน

ที่แม่ของจันบอกจะไปรับน้องคือจุนรึเปล่า จันจุน
หัวข้อ: Re: O o ๐ . . ลู ก อิ จ ฉ า . . ๐ o O บทที่สิบเก้า 09-Aug
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 31-07-2021 21:58:25
 :call: :call: