บทที่ 17
เดทแรก
ไม่ว่าเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปมากแค่ไหน แต่ไอติมก็ยังไม่ชินเสียทีกับวิธีการจีบของควัน...
เริ่มต้นจากการมารับที่คอนโดตั้งแต่เช้า...เช้าชนิดที่ว่าไอติมยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ แต่ไอ้คนที่ตั้งหน้าตั้งตาจีบก็มากดกริ่งก่อกวนเขาจนไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุกเลย พออาบน้ำเสร็จแล้วแต่งตัวออกมาจากห้องนอนก็จะเจอถ้วยโจ๊กและปาท่องโก๋รอเขาอยู่แล้ว ข้าง ๆ กันนั้นเป็นแก้วโอวัลตินร้อนพร้อมกับไอ้คนที่ยิ้มหน้าแป้นแล้นข้าง ๆ หลังจากทานมื้อเช้าด้วยกันเสร็จ เขาและควันถึงจะไปเรียนด้วยกันอย่างนี้ทุกวัน
พอมาถึงที่คณะ ก็เดินเข้าไปประจำที่นั่งของตัวเองเหมือนอย่างเคย ไม่มีใครสังเกตความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาทั้งสอง เพราะทุกคนต่างเคยชินกับภาพของเพื่อนสนิทต่างไซส์คู่นี้อยู่แล้ว
“สวัสดีตอนเช้าค่ะนักศึกษา มาต่อกันที่สไลด์ล่าสุดที่เมื่อวานอาจารย์ค้างไว้เลยแล้วกัน...”
“วินทร์กับพีชไม่มาเหรอ” ไอติมหันไปถามควันที่เริ่มเปิดสไลด์ในไอแพดของตัวเอง ควันจึงหันไปมองรอบกายตนก่อนจะหันมาส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เห็นพวกมันบอกเลยว่าจะโดดกัน”
“งั้นเดี๋ยวลองทักไลน์ดู” ไอติมพึมพำแล้วรีบถามในแชทกลุ่มของพวกเขาทั้งสี่คน โชคดีที่พวกเขานั่งอยู่บนสโลปชั้นบนสุด แถมอาจารย์ก็ยังมองแต่สไลด์ในจอ เลยไม่ต้องกลัวอาจารย์จะดุที่เล่นโทรศัพท์ในห้องเรียนอย่างนี้
I-tim :
@win @Peach. หายไปไหนกัน ทำไมไม่มาเรียน
ทันทีที่ส่งข้อความไป ข้อความก็ถูกอ่านโดยทันที แต่ก็ยังไม่มีการตอบกลับ ไอติมนั่งรออยู่เกือบนาที ข้อความจากเพื่อนทั้งสองคนถึงส่งเข้ามา
Peach. : กูลืมบอกว่าจะไปรับเฮียกูที่สนามบินอ่ะ แกพึ่งกลับมาจากอเมริกา ฝากเช็คชื่อหน่อยแล้วกัน
I-tim : โอเค เดี๋ยวเซ็นชื่อให้
Peach. : แต้งค์ครับเพื่อนร๊ากกกกกกกกกก
win : เช็คชื่อให้กูด้วย พึ่งนอนตอนตี 5 ไม่มีแรงจะไปเรียนล่ะ
I-tim : เค
“พวกมันไม่มา เดี๋ยวเซ็นชื่อให้พวกมันด้วย”
“อืม งั้นเราก็เรียนกันเถอะ”
.
.
“ก่อนเลิกคลาสวันนี้ อาจารย์จะให้นักศึกษาไปศึกษาหัวข้อนี้มา เรื่องนี้อาจารย์จะไม่สอน แต่ให้ไปทำรายงานค้นคว้ามา จับคู่กับแล้วทำสไลด์นำเสนอให้เพื่อน ๆ ได้เรียนรู้ไปด้วยกัน ถ้ามีอะไรสงสัยมาถามอาจารย์เพิ่มเติมได้ วันนี้พอแค่นี้ค่ะ”
อาจารย์ปิดสไลด์ลงแล้ว นักศึกษาหลายคนก็รีบเก็บของแล้วลุกออกจากห้องเรียนเพราะมีเรียนวิชาเสรีต่อ บางกลุ่มก็วิ่งไปถามรายละเอียดของงานที่อาจารย์สั่ง และบางคนก็ยังคงมองหาเพื่อนจับคู่กันทำรายงานอยู่
“เอาไงดีเรา จับคู่กันเหมือนเดิมเหรอ” ควันถามไอติมที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าอย่างไม่รีบร้อน
“ไปคุยกับสองคนนั้นก่อนดีมั้ย กูว่าพวกมันอาจจะงงก็ได้เพราะมันไม่ได้เรียนคาบนี้”
“ก็จริง...แต่ปล่อยมันไปก่อนเถอะ วันนี้เราไปเที่ยวกันดีมั้ย”
“เที่ยวที่ไหน” ไอติมขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้นยืนตามควันที่ดึงมือเขาไปกุมไว้แล้วลากออกมาจากห้องเรียนด้วยกัน เมื่อมาถึงลานจอดรถแล้วควันถึงปล่อยมือไอติมให้เป็นอิสระ
“อยากไปเที่ยวที่ไหนล่ะ กูพามึงไปได้ทุกที่เลย วันนี้เราว่างแล้วนี่”
“ไม่อ่ะ กูอยากนอน” ไม่พูดเปล่า ยังหาวโชว์ให้ควันต้องหลุดยิ้มด้วย ก็เพราะอ่านหนังสือจนดึกดื่น นอกจากจะนอนไม่พอแล้ว ไอ้รอยคล้ำใต้ตายังฉายชัดขึ้นมาจนไอติมจะได้นับญาติกับหมีแพนด้าแล้ว
“งั้นกูมีสถานที่หนึ่งที่อยากพามึงไป มั่นใจว่ามึงจะต้องนอนหลับฝันดีแน่”
“ที่ไหนวะ”
“เดี๋ยวไปถึงก็รู้”
*
ไอติมเงยหน้ามองป้ายชื่ออาคารที่เด่นหราอยู่ตรงหน้า ได้คำตอบแล้วหลังจากที่ควันปล่อยให้สงสัยแล้วเดินตามควันขึ้นรถไฟฟ้ามาอย่างงง ๆ ดวงตากลมหันไปมองรถทัวร์ที่ปล่อยนักเรียนตัวเล็ก ๆ วิ่งลงมาจากรถเพื่อเข้าไปในอาคาร ก่อนจะหันมาถามควันอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“จะพากูมานอนที่ท้องฟ้าจำลองงั้นเหรอ”
“อืม แอร์เย็นจะตาย มึงหลับสบายแน่” ได้คำตอบพร้อมรอยยิ้ม แถมยังยักคิ้วให้อีกหนึ่งทีด้วย
“ไม่รู้ว่าจะได้นอนมั้ย แต่ได้มาแล้วก็ขอย้อนวัยหน่อยแล้วกัน”
ไอติมเดินนำหน้าไปก่อน แต่เพียงไม่กี่ก้าว คนตัวสูงก็เดินมาข้างกันก่อนจะดึงมือขาวไปกุมเอาไว้แล้วเดินไปพร้อมกัน ไอติมเหลือบมองฝ่ามือใหญ่ที่กุมมือเขาไว้ในตอนนี้แล้วรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทั้ง ๆ ที่การกระทำอย่างนี้เขาได้รับจากควันจนคิดว่าเคยชินแล้ว แต่แปลก...ที่หัวใจกลับเต้นแรงกว่าที่ควรจะเป็น
หรือบางที...นี่อาจจะเรียกว่าเดทแรกระหว่างพวกเขาอย่างนั้นเหรอ?
“เอาตั๋วผู้ใหญ่สองใบครับ”
“รอบการแสดงไหนดีคะ”
“รอบบ่ายสามครับ”
หลังจากซื้อบัตรเข้าชมท้องฟ้าจำลองแล้ว ควันยังซื้อบัตรเข้าชมนิทรรศการมาเพื่อเดินเล่นระหว่างรอรอบการแสดงอีกด้วย ไอติมที่ง่วงงุนเพราะนอนไม่พอกลับตื่นตาตื่นใจที่ได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง คนตัวเล็กเดินนำหน้าควันไปอ่านป้ายนิทรรศการ แล้วมองเด็กประถมที่กำลังเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนาน
รอยยิ้มหวาน ๆ เริ่มปรากฏบนใบหน้า ไอติมยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพเหล่านั้นเอาไว้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเขานั้นก็ถูกใครบางคนยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพเหล่านั้นเก็บไว้เช่นกัน
“ไอติม”
“หืม?”
แชะ!
ควันอมยิ้มเพียงเล็กน้อย เมื่อได้ภาพเผลอ ๆ นั้นมาเก็บไว้ แล้วยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว
“แอบถ่ายภาพกูเหรอ”
“อืม”
“เห้ย เอามาดูหน่อยดิ หน้ากูตอนเผลอหน้าเกลียดรึเปล่า ถ้าจะถ่ายก็บอกดี ๆ ก็ได้นะ”
“ไม่บอกหรอก กูชอบถ่ายตอนมึงเผลอ...น่ารักดี : )”หลังจากเดินชมนิทรรศการอยู่ได้พักใหญ่ ก็ถึงเวลาเข้าชมการแสดงแล้ว ควันพาไอติมไปนั่งเบาะหลังสุด ซึ่งมีแค่พวกเขาสองคน รอบการแสดงนี้คนไม่เยอะเท่าไร ได้ความเป็นส่วนตัวราวกับว่าพวกเขาเหมารอบการแสดงนี้เป็นแค่ของตัวเองเท่านั้น
“คิดถึงตอนเด็ก ๆ เนอะ”
“...”
“ไม่คิดเลยว่าจะมีใครพามานั่งดูดาวแบบนี้อีก”
ไอติมพึมพำในขณะที่มองการแสดงท้องฟ้าจำลองจากระบบดิจิตัล หลายปีก่อนในตอนที่เขายังเด็ก พ่อแม่ก็พาเขากับพี่ไอซ์มาเที่ยวท้องฟ้าจำลองอย่างนี้ เด็กชายไอติมในตอนนั้นตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่าง ในตอนนั้นที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา เขาคิดว่าเขามีความสุขมากกว่านี้ เมื่อโตขึ้นมา ต่างคนต่างยุ่งกับงานของตัวเอง ถ้าจะให้เขาร้องไห้งอแงเหมือนเด็กเพื่อให้พ่อแม่สนใจเขาบ้างก็คงทำไม่ได้ ไอติมจึงต้องพยายามมีความสุขกับทุก ๆ วันด้วยตัวเอง แม้ว่าการใช้ชีวิตเพียงคนเดียวในโลกใบใหญ่อย่างนี้จะไม่สนุกเอาเสียเลย แต่เขาก็ต้องหัดที่จะเรียนรู้และอยู่กับมันให้ได้
“คิดอะไรอยู่”
เสียงทุ้มกระซิบถาม ฝ่ามือบางถูกดึงเข้าไปกุมอีกครั้ง และคราวนี้มันถูกบีบเบา ๆ ราวกับว่ากำลังปลอบประโลมกันอยู่
“เปล่า”
“กูอยู่ตรงนี้”
“...”
“อยู่ข้าง ๆ มึง”
“...”
“ให้กูเป็นความสบายใจของมึงได้มั้ย”
ไอติมหันไปมองหน้าคนที่นั่งข้าง ๆ แม้ว่ารอบกายจะมืดมิด แต่กระนั้นเขากลับเห็นแววตาของควันได้อย่างชัดเจน มันทั้งหนักแน่น และมั่นคง...
อย่างน้อยในโลกที่เงียบเหงาของเขา ก็ยังมีใครบางคนที่เข้ามาแต่งแต้มสีสันให้กับชีวิตของเขาได้สดใสกว่าที่เคยเป็นอยู่
“ขอเวลากูหน่อยนะควัน”
“...”
“แล้วสักวันกูจะให้มึงเป็นทุกอย่างสำหรับกูเลย”*
หลังจากดูการแสดงท้องฟ้าจำลองเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็เดินออกมารอขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อกลับไปยังจุดมุ่งหมายเดิม
“หายง่วงรึยัง”
“หืม”
ไอติมเอียงคอมองควันที่ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ใบหน้าหล่อเพียงแค่อมยิ้ม อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นหยิกแก้มนิ่มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะอากาศร้อนตรงหน้า
“โอ๊ย หยิกแก้มกูทำไมเนี่ย”
“หมั่นเขี้ยว”
“ตลกล่ะ”
“แล้วสรุปว่าหายง่วงยัง เมื่อกี้เห็นนั่งดูดาวตาแป๋วเลย อยากไปเที่ยวไหนต่อมั้ย”
ควันนึกไปถึงตอนที่ชวนไอติมไปเที่ยวแล้วเจ้าตัวอิดออดอยากกลับไปนอน แต่พอพามาถึงท้องฟ้าจำลองกลับตื่นเต้นราวกับเด็ก ๆ ยิ่งตอนที่ไอติมตั้งใจดูการแสดงนั้น เขาไม่สามารถละสายตาไปจากคนที่นั่งข้าง ๆ ได้เลย เพียงแค่คิดว่าเมื่อการแสดงจบแล้วทริปของเราในวันนี้ก็จบลงไปด้วย ควันรู้สึกว่ามันไม่คุ้มเอาเสียเลย ควันจึงอยากพาไอติมไปเที่ยวต่ออีกสักนิด
“เที่ยวไหนอ่ะ สยามเหรอ” ไอติมก็คิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน ที่เที่ยวในกรุงเทพมันจะมีสักกี่ทีกัน
“ถ้างั้นก็ไปสยามกัน แล้วหลังจากนั้นเราก็ไปเดินเล่นที่หอศิลป์ดีมั้ย”
“วันนี้จะเอาให้ครบทั้งวิทยาศาสตร์ ทั้งศิลปะเลยสินะ” ไอติมเอ่ยขึ้น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธความคิดของเขา สุดท้ายก็ซื้อตั๋วรถไฟฟ้าไปสยามด้วยกัน ใช้เวลาไม่นาน นักศึกษาคณะแพทย์ทั้งสองคนก็มาถึงจุดหมาย
หลังจากออกจากรถไฟฟ้าที่อัดกันเป็นปลากระป๋อง ไอติมก็รีบเดินตามร่างสูงตรงหน้าที่ก้าวฉับ ๆ รีบหนีจากฝูงคนที่ทยอยออกมาจากรถไฟฟ้า แต่เพราะขาสั้นกว่าเป็นคืบ ไอติมจึงต้องพยายามวิ่งตามให้ทัน แต่กลุ่มชาวต่างชาติที่เดินผ่านหน้าเขาไปแล้วขวางเขาเอาไว้ก็ทำให้ไอติมเสียจังหวะในการเดิน คนตัวเล็กมองหาควันที่เดินนำไปก่อนแล้ว จนเดินออกมาจากสถานีก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของคนตัวสูง ไอติมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาควัน แต่ยังไม่ทันได้โทรออก ข้อมือก็ถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน
“หาตั้งนาน กูตกใจแทบแย่ตอนที่หลงกับมึง”
เสียงตื่น ๆ ของควันพร้อมกับเหงื่อที่เกาะรอบกรอบหน้าบ่งบอกให้รู้ว่าอีกคนก็ร้อนใจไม่แพ้กันที่พลัดหลงกันแบบนี้ ไอติมโล่งใจที่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่ได้พลัดหลงกันนาน ดวงตากลมเหลือบมองมือที่ถูกกุมเอาไว้แล้วเดินไปพร้อม ๆ กันกับเขา ไอติมจึงบีบมือควันเบา ๆ เพื่อเป็นการขอบคุณ
“ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณทำไม มันเป็นหน้าที่กูอยู่แล้วที่ต้องดูแลมึง”
“แต่ก็ขอบคุณ”
“ถ้าซึ้งใจมากก็มาเป็นแฟนกูเลยดีกว่า”
“จีบให้ติดก่อนแล้วค่อยว่ากันนะ”
“นี่ยังไม่ติดอีกเหรอ”
“ยังเว้ย”
“ใจแข็งจังวะ แบบนี้แหละกูชอบ”
“เลอะเทอะจริง”
ไอติมส่ายหัวให้กับคนที่เดินอยู่เคียงข้าง บทสนทนาไร้สาระที่ควันขยันหยอดเขาทุกวันนั้นไอติมได้ยินมันจนเริ่มชินเสียแล้ว แต่ที่ไม่ชินเสียทีก็ไอ้อาการหัวใจเต้นแรงผิดปกตินี่แหละ ไอติมรู้ว่ามันอันตรายแต่ก็ยังยอมปล่อยให้มันเต้นแรงอยู่อย่างนั้น
“เลอะเทอะแล้วชอบมั้ยล่ะ”
“...”
“มึงชอบมั้ยกูก็ไม่รู้ แต่ที่รู้อ่ะ...คือ
กูชอบมึง”
หัวใจคนเราจะเข้มแข็งได้มากสักเท่าไรไอติมไม่รู้...
แต่ที่รู้ตอนนี้คือหัวใจไอติมมันจะระเบิดอยู่แล้วว้อยยยยยยยยยย
.
.
สยามสแควร์...ย่านการค้าที่มักมีเหล่านิสิต นักศึกษา และวัยรุ่นเดินเที่ยวกันอยู่หนาแน่น...ควันและไอติมก็เป็นหนึ่งในหลายพันคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ดวงตากลมใสมองไปทั่วบริเวณ เดินเข้าเดินออกร้านรวงต่าง ๆ โดยมีร่างสูงเดินตามไม่ห่าง
“ควัน...กูอยากได้เสื้อยืดตัวนั้นอ่ะ”
“ก็ลองเข้าไปดูสิ”
“อย่าพึ่งเบื่อกูก่อนล่ะ นาน ๆ จะได้มาเที่ยวแบบนี้ ขอเที่ยวหน่อยแล้วกัน”
“ตามใจเลยครับ”
พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มไม่พอ ทำไมต้องเอาฝ่ามือใหญ่ ๆ มาขยี้ผมด้วยก็ไม่รู้ ไม่รู้เลยรึไงว่าทำแบบนี้มันไม่ดีต่อหัวใจกันเลยสักนิด
“เหนื่อยยัง กินสตาร์บัคป่ะ”
“เอาดิ มึงอยากกินไรล่ะควัน”
“คาปูมั้ง มึงล่ะ ชาเขียวปั่นเหมือนเดิม?”
“อืม รู้ใจกูจริง ๆ เลยแหะ”
“ถ้าเป็นเรื่องของมึง ไม่มีอะไรที่กูจำไม่ได้หรอก”
อ่า...โดนไปอีกหนึ่งดอกเน้น ๆ
หลังจากใช้เวลาอยู่ในศูนย์การค้านานเกือบสองชั่วโมง คนทั้งคู่ก็เลือกที่จะไปหอศิลปฯ กันต่อโดยเดินผ่าน Skywalk เพื่อไปยังจุดมุ่งหมาย เมื่อมาถึงหอศิลปฯ แล้วควันก็ฝากของไว้ที่ล็อกเกอร์ แล้วเดินไปพร้อมกับไอติมที่ยืนรออยู่ด้านหลัง
“คิดยังไงถึงพามาเที่ยวที่นี่กันนะ”
ไอติมพึมพำเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน เพราะไม่อยากรบกวนคนอื่นที่กำลังเดินดูนิทรรศการอยู่
“ซึมซับอารมณ์แอ็บสแตร๊กส์ไง หรือมึงไม่มี?”
“มันก็มีอยู่...แต่บางทีก็อาจจะเข้าไม่ถึง”
ไอติมมองดูรูปภาพชวนงงตรงหน้า ที่ดูอย่างไรก็ตีความไม่ออก ได้แต่เดินเกาหัวแล้วเข้าไปอ่านรายละเอียดของภาพเพื่อจะได้เข้าใจความหมายของภาพที่ศิลปินต้องการจะสื่อ
ควันได้แต่อมยิ้มกับภาพตรงหน้า ไอติมในตอนนี้ราวกับเด็กน้อยที่กำลังเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยรู้มาก่อน คนตัวเล็กเดินดูงานศิลปะพร้อมอ่านคำอธิบายทุกภาพอย่างตั้งใจ รู้ตัวอีกที ควันก็ไม่ได้สนใจในงานศิลปะตรงหน้าเสียแล้ว
เพราะสายตาของเขาในตอนนี้มันตรึงอยู่แค่คนตัวเล็กตรงหน้าเท่านั้น...
“ควัน”
“...”
“ควัน!”
“ห๊ะ ว่าอะไร”
“เรียกตั้งนานแล้วก็ไม่หัน ใจลอยไปถึงไหนแล้วเนี่ย”
“ก็ใจลอยไปถึงมึงนั้นแหละ”
“พอเลย หยอดเก่งเกินไปแล้วนะ”
“แล้วชอบมั้ยล่ะ”
“ไม่บอกเว้ย”
ไอติมพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้ง วันนี้ทั้งวันหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะไปเสียหมด ต้องโทษควันเลยที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้
“ไม่แกล้งล่ะ แล้วมีอะไรวะ”
“จะถามว่าเราจะกลับกันตอนไหน”
“อยากกลับแล้วเหรอ”
“เปล่า ก็แค่ถามเฉย ๆ”
“เรากลับกันตอนนี้ก็ได้ กว่าจะเดินทางอีกก็เป็นชั่วโมง”
และแล้วทริปในวันนี้ก็จบลง ควันเดินไปเอาของที่ล็อกเกอร์ แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินขึ้น BTS เพื่อไปยังสถานีเดิม กว่าจะมาถึงคอนโดของไอติมได้ก็สามทุ่มพอดิบพอดี
“ขบคุณนะสำหรับวันนี้” ไอติมอมยิ้ม ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความสุขจากสิ่งที่ได้รับในวันนี้
“ขอแค่มึงชอบ กูก็ดีใจแล้ว”
“ชอบมาก ๆ ขอบคุณที่พากูไปเที่ยว...”
“...”
“ไว้วันหลังเราไปด้วยกันอีกนะ”แค่ได้ยินประโยคนั้นของไอติม ควันก็แทบจะเก็บรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ ความพยายามและความดันทุรังของเขามันไม่เสียเปล่าจริง ๆ แค่ไอติมชอบในสิ่งที่เขาทำให้มันก็ดีมากแล้ว
“ขึ้นห้องได้แล้ว กูก็ต้องกลับแล้วเหมือนกัน”
“อืม ไปแล้ว พรุ่งนี้เจอกันใหม่”
“ครับ ฝันดีนะ”
“มึงก็...ฝันดีเหมือนกัน”
ไอติมโบกมือหยอย ๆ ให้ควันจนกระทั่งรถยนต์คันสวยเคลื่อนผ่านไป ใบหน้าเนียนยังคงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม แล้วหอบเอาถุงเสื้อผ้าที่พึ่งซื้อมาใหม่ขึ้นห้องอย่างสบายอารมณ์
นานแล้วที่ไอติมไม่ได้รู้สึกมีความสุขแบบที่ไม่ต้องกังวลอะไรอย่างนี้ ไม่ได้รู้สึกสบายใจเพียงเพราะอยู่ใกล้กับใครคนหนึ่ง ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตของเขามีสีสันมากขนาดนี้
เป็นครั้งแรกที่ไอติมรู้สึกว่าโลกสีเทาของเขามันสดใสมากขึ้นกว่าทุกครั้ง
การที่เปิดใจรับใครสักคนหนึ่ง มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
Rrrrrrrrrrrrr
คิดอะไรเพลิน ๆ อยู่เพียงคนเดียว เสียงร้องของโทรศัพท์ก็กระชากความคิดจมจ่อมของไอติมออกมาสู่โลกของความจริง เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ไอติมก็ไม่ลังเลที่จะรับเลย
“สวัสดีครับ...อะไรดลใจให้พี่ชายสุดที่รักโทรมาหากันน๊า”
[พึ่งออกเวรครับน้องรัก ไม่คิดถึงพี่ชายคนนี้เลยรึไง]
“คิดถึงสิครับ อยากเจอพี่ไอซ์จังเลย”
[มาหาพี่ที่เชียงรายสิ อากาศช่วงนี้กำลังดีด้วย]
“เดี๋ยวปิดเทอมแล้วจะไปอยู่ด้วยสักเดือนดีมั้ย”
[มาเลย พร้อมต้อนรับน้องชายเสมอ]
“เตรียมตัวเอาไว้เลย ผมไปถล่มถึงเชียงรายแน่”
[จะรอแล้วกัน...ว่าแต่ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ พี่ไม่ค่อยมีเวลาโทรมาหาเลย]
“ก็โอเคครับ ช่วงแรกก็เหงานิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่เหงาแล้วครับ ผมมีเพื่อนเยอะแยะเลยนะ นี่ก็พึ่งไปเที่ยวกับเพื่อนมา”
[ได้ยินอย่างนี้พี่ก็ดีใจ ถ้ามีอะไรอยากปรึกษาก็โทรมาหาได้เสมอ ยังไงพี่ก็เคยผ่านจุดนั้นมาก่อน เข้าใจมั้ย อย่าเก็บเรื่องต่าง ๆ เอาไว้กับตัวเองคนเดียว มีอะไรไม่สบายใจ อย่าลืมว่ายังมีพี่อยู่ตรงนี้]
พอได้ยินอย่างนั้น ไอติมก็เผลอกัดปากตัวเองอย่างลืมตัว...ราวกับพี่ไอซ์กำลังใจอ่านเขาอยู่แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ตรงหน้า สมแล้วที่เป็นพี่แท้ ๆ ของเขา เพียงแค่ได้คุยด้วยก็รู้แล้วว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไรอยู่
“พี่ไอซ์...งั้นผมขอปรึกษาสักเรื่องได้มั้ย”
[มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังล่ะเจ้าตัวเล็ก]
“ผม...ผมไม่แน่ใจว่าผมควรจะพูดดีมั้ย”
[พี่มีเวลารอฟังไอติมทั้งคืนเลย]
“ผมกำลังไม่แน่ใจว่าตอนนี้ผมกำลังรู้สึกยังไงอยู่...ผมแอบชอบคน ๆ นึง...ชอบมานานแล้ว และไม่เคยคิดว่าจะเปลี่ยนใจไปง่าย ๆ...แต่แล้ววันหนึ่ง คนอีกคนก็เข้ามาบอกว่าชอบผม เขาทำให้ผมรู้สึกดี ทำให้ผมรู้สึกมีค่า...แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าผมสมควรจะได้รับความรักเหล่านั้นมั้ย”
[ทำไมล่ะ]
“ผมไม่รู้...ตอนนี้ผมสับสนไปหมดเลย ถ้าจะให้ผมตัดใจจากคนที่ผมชอบมันก็ยาก แต่กับอีกคนผมก็ไม่อยากเสียเขาไป”
[น้องเราทำไมฮอตจัง...สมัยพี่เรียนอยู่ไม่เห็นจะมีใครมาจีบเลย]
“พี่ไอซ์! ไหนบอกว่าจะเป็นที่ปรึกษาให้ไง” ไอติมแหวเสียงหลง อุตส่าห์จริงจังแล้ว แต่น้ำเสียงปลายสายยังคงแซวเขาไม่เลิก คิดผิดหรือคิดถูกก็ไม่รู้ที่ปรึกษาเรื่องนี้กับพี่ไอซ์เนี่ย
[ไม่แกล้งล่ะ...พี่ไอซ์คลับฟรายเดย์จะให้คำปรึกษาแล้วน๊า]
“ผมก็รอฟังอยู่เนี่ย”
[พี่ว่าไอติมควรลองเปิดใจดูนะ]
“หมายความว่าไงครับ”
[จากที่พี่ฟังมา ไอติมเหมือนยังไม่กล้าที่จะยอมรับอีกคน ทั้ง ๆ ที่เขาก็ทำให้ไอติมรู้สึกดี แล้วไอติมก็เอาแต่ไปสนใจคนที่ไอติมชอบ แล้วพี่ถามหน่อยว่าคน ๆ นั้น ได้ทำอะไรให้ไอติมรู้สึกดีบ้างรึเปล่า...]
“...” ไอติมไม่ได้ตอบ แต่เขารู้แน่ชัดว่าพี่กรไม่เคยให้ความหวังเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
[...อย่าไปกลัว อย่าคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับความรักเหล่านั้น เราลองดูก่อนก็ไม่ได้เสียหายนี่นา...ถ้าน้องชายของพี่ตัดสินใจเลือกทางที่ถูก น้องชายของพี่ก็จะมีความสุข แต่ถ้าไอติมเลือกทางเดินผิดไป ก็แค่ถอยหลังกลับมา อย่าลืมว่าด้านหลังยังมีพี่ ยังมีครอบครัวของเราคอยรอกอดปลอบอยู่ตรงนี้เสมอ]
“พี่ไอซ์ว่าผมควรจะเลือกเดินทางไหนดีครับ”
[เรื่องอย่างนี้พี่ตัดสินใจแทนไอติมไม่ได้หรอก เพราะพี่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นกับไอติม ไม่ได้รู้จักว่าคนที่ไอติมชอบและคนที่ชอบไอติมเป็นใคร]
“...”
[พี่อยากให้ไอติมลองคิดดี ๆ ถามหัวใจตัวเองดูไอติมจะรู้คำตอบเองนั้นแหละ]
“ผม...ผมคิดว่าผมพอมีคำตอบแล้ว”
[อ่าฮะ...ถ้ามันทำให้น้องชายพี่มีความสุขก็ทำไปเถอะ ถ้าไม่ลองเสี่ยงดู แล้วเราจะรู้จักกับคำว่ารักได้ไงล่ะ จริงมั้ย]
ใช่ ไอติมควรต้องเสี่ยงดู ไม่ว่าทางที่เขาจะเลือกหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เขาก็อยากจะลองเดินไปให้สุดทางดู ถึงปลายทางมันจะดีหรือร้ายยังไง เขาก็ควรจะลองกล้าเผชิญกับมันดูสักครั้ง
-----------------------------
ช็อคมากที่มาเช็คดูแล้วพบว่าตอนนี้กับตอนที่แล้วห่างกัน1เดือนพอดี
นักอ่านคงหายไปหมดแล้วแน่เลยฮืออออออออออ