ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ควันหลงในเดือนหนาว || บทที่ 19 - ของขวัญวันเกิด [10.01.2019] หน้า 3  (อ่าน 33667 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

ควันหลงในเดือนหนาว

twitter : @Dearblisss
Fanpage : https://www.facebook.com/Dearblisss/



สารบัญ


บทนำ : เจ้าชายกับเสือ
บทที่ 1 : เหมันต์อันหนาวเหน็บ
บทที่ 2 : ข้าวเหนียวหมูปิ้ง
บทที่ 3 : F4 แห่ง MD
บทที่ 4 : กฎของการเป็นเพื่อนสนิท
บทที่ 5 : เรื่องที่พยายามลืม
บทที่ 6 : เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้
บทที่ 7 : ดูแล
บทที่ 8 : ข้อตกลงระหว่างสองเรา (part 1) (part 2)
บทที่ 9 : สถานะที่ชัดเจน
บทที่ 10 : โกรธกันแล้วมีความสุขไหม
บทที่ 11 : ขอโทษ
บทที่ 12 : ที่ปรึกษา
บทที่ 13 : MY DRAGON
บทที่ 14 : จุดเปลี่ยน
บทที่ 15 : ทำไมต้องเป็นมัน
บทที่ 16 : ผิดแผน
บทที่ 17 : เดทแรก
บทที่ 18 : ความในใจจากเพื่อนสนิท
บทที่ 19 : ของขวัญวันเกิด



นิยายเรื่องอื่นของ dearbliss
ม่านหมอกสีฟ้า
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2019 20:55:09 โดย Dearbliss »

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทนำ
เจ้าชายกับเสือ


“พี่ควันคะ! ตกลงว่าจะเอายังไงคะ ลิลลี่จะไม่ทนแล้วนะคะพี่ควัน!!”

“ไม่ทนก็ไม่ต้องทนสิ ใครกอดขาแกไว้ล่ะ”

“กรี๊ดดดดด ฉันคบกับพี่ควันมาหกเดือนแล้ว แกนั้นแหละมาจากไหน”

“เหอะ! จะมาก่อนมาหลัง แต่ถ้าควันเลือกฉันแล้ว แกก็เตรียมตัวตกกระป๋องได้เลย...ใช่มั้ยคะควัน”

สองสาวกับหนึ่งหนุ่มที่กำลังยืนเถียงกันอยู่หน้าอาคารเรียนในช่วงพักกลางวันเรียกสายตาของนักเรียนในโรงเรียนให้หันมามองได้ไม่ยาก...เจนนี่ ดาวโรงเรียนที่เด็กหนุ่มทั้งโรงเรียนกำลังหมายปอง และลิลลี่...เน็ตไอดอลที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์แถมมีแฟนคลับในโรงเรียนอีกเพียบ...และสุดท้าย ชายหนุ่มที่มีสีหน้าเบื่อหน่ายอยู่ตรงกลาง หนึ่งในฝาแฝดที่ฮอตที่สุดของโรงเรียนแห่งนี้ เจ้าของใบหน้าคมคายและมีดวงตาคมเฉี่ยวพร้อมรอยแผลเป็นเล็กๆ บนใบหน้าอันเป็นเอกลักษณ์

“เฮ้อออออ เอาเถอะ เป่ายิ้งฉุบกันเลยแล้วกัน ใครชนะก็เลือกคนนั้นแหละ ขอตัวก่อนแล้วกันนะ”

เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหลังพรูลมหายใจออกมา เขาเจอกับเหตุการณ์รถไฟชนกันมาอย่างนี้มาจนนับไม่ถ้วน ชินเสียแล้วกับการที่ผู้หญิงสองคน(หรือมากกว่าสองคน) มายืนเถียงกันต่อหน้าอย่างนี้...จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็คนมันหล่อเกินไปอ่ะ

“ควัน!! จะไปไหนคะ ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ”

“เคลียร์กันเลย ผมไปนอนก่อนล่ะ ง่วง”

แผ่นหลังกว้างในชุดนักเรียนไม่แม้แต่จะหันกลับมาทั้งเจนนี่และลิลลี่เลย โบกมืออย่างขอไปทีแล้วเดินหายวับขึ้นอาคารเรียนไปเรียบร้อย เจนนี่กับลิลลี่จึงได้แต่มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะจัดการสถานการณ์ต่อไปอย่างไร จู่ๆ ควันมาเทกันกลางอากาศแบบนี้ สองสาวสุดป๊อบก็ต้องเกิดอาการหน้าแห้งขึ้นมาบ้าง ยิ่งนักเรียนคนอื่นที่แอบมองเหตุการณ์นี้แอบยิ้มขำที่ควันไม่สนใจพวกเธอแล้วยิ่งรู้สึกเสียหน้ามากกว่าเดิมอีก

แต่แล้วคนที่เดินขึ้นอาคารเรียนไปก็เดินกลับลงมา ทั้งลิลลี่และเจนนี่เบิกตาโพลงก่อนจะรีบสับเท้าไปเกาะแขนคนละข้างเพื่อเปิดศึกแย่งชิงชายกันต่อ

“ควันคะ เจนนี่ไม่มาเป่ายิ้งฉุบบ้าบอคอแตกนั้นหรอกนะคะ เคลียร์กันให้รู้เรื่องเลยว่าจะเลือกใคร”

“ใช่ค่ะ ลิลลี่ก็ไม่สนุกนะคะ พี่ควันจะเลือกลิลลี่ใช่มั้ย”

สองสาวต่างยื้อแย่งแขนของชายหนุ่มกันคนละข้างโดยที่ไม่มองหน้าของชายหนุ่มเลยสักนิด ดวงตาของหญิงสาวทั้งสองนั้นแทบจะฟาดฟันกันจนจะเกิดกระแสไฟฟ้าออกมาจากดวงตาอยู่แล้ว นั้นยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในวงล้อมของหญิงสาวสวยได้แต่ขมวดคิ้วแล้วค่อยๆ ดึงแขนตัวเองออกอย่างนิ่มนวล

“อะไรกันครับ ผมชื่อหมอก ไม่ได้ชื่อควัน ผิดคนแล้วครับ...ถ้าจะไปหาไอ้ควัน ตอนนี้มันหลับอยู่บนห้องเรียน ไปเคลียร์เองเลยนะ ผมขอตัวก่อน”

เจนนี่และลิลลี่ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อมองหน้าของชายหนุ่มที่กอดแขนเอาไว้ และก็ได้รู้ว่าหลงแฝดก็ตอนที่เห็นรอยยิ้มละมุนของหมอกก่อนจะขอตัวออกไปอย่างหล่อๆ นั้นแหละ

หมอกและควันคือฝาแฝดสุดฮอตของโรงเรียนก็จริง แต่ความแตกต่างของฝาแฝดคู่นี้ก็คงจะอยู่ที่นิสัยของพวกเขาที่เห็นได้อย่างชัดเจน...

หมอก...คนที่เงียบ และมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องสมุดของโรงเรียนหรือไม่ก็สนามบาสเกตบอล คนที่สนใจเพียงแค่กีฬาบาสเกตบอล และไม่เคยสนใจในเรื่องของความรักเลยแม้แต่สักนิด หมอกคือเจ้าของรอยยิ้มอบอุ่น ยิ้มที่ดูเหมือนเฉิดฉายราวกับพระอาทิตย์ยามเช้า อีกทั้งรูปร่างสูงสง่าพร้อมด้วยบุคลิกท่าทางที่สงบเสงี่ยมดูราวกับวจับต้องไม่ได้ นั้นทำให้ทุกคนในโรงเรียนมีโค้ดลับเรียกหมอกว่า ‘เจ้าชาย’

ต่างจาก ควัน ที่รักสนุก ชอบสังสรรค์ และสามารถใช้ใบหน้าและเสน่ห์อันเหลือล้นของตัวเองได้อย่างคุ้มค่า ไม่มีหญิงสาวคนไหนที่สวยและดังที่ไม่เคยผ่านมือของควัน ตั้งแต่ดาวโรงเรียนยันดาวมหาลัยลามไปถึงเน็ตไอดอล หรือแม้แต่ดาราวัยรุ่น เขาก็ควงมาหมดแล้ว พอเบื่อก็แค่โยนทิ้ง โดนด่านิดๆ หน่อยๆ ผ่านไปไม่ถึงสามวันก็ได้คนควงใหม่เรียบร้อย ด้วยกิตติศัพท์ที่ดังไปไกลนี้ก็ทำให้ควันได้รับฉายาจากทุกคนในโรงเรียนเช่นกัน ฉายาที่ว่านั้นก็คือ ‘เสือ’...เสือผู้หญิงนั้นแหละ


-------------------------------------
ฝากควันและไอติมไว้ในอ้อมอกของทุกๆคนด้วยนะคะ


ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ติดตามจ้า   :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 1
เหมันต์อันหนาวเหน็บ

เหมันต-, เหมันต์ (เหมันตะ-) น. - ฤดูหนาว

ในวันที่เด็กชายเหมันต์ลืมตาขึ้นมาดูโลก...วันนั้นเป็นวันที่หนาวที่สุดในปีนั้นเลยก็ว่าได้ คุณพ่อจึงตั้งชื่อให้ลูกชายคนเล็กของบ้านว่าเด็กชายเหมันต์ซึ่งหมายความว่าฤดูหนาว ส่วนชื่อเล่นนั้นเพื่อให้คล้องจองกับลูกชายคนโตซึ่งชื่อว่าไอซ์ คุณพ่อจึงตั้งชื่อให้ว่าน้องไอติม

ไอติมเป็นลูกคนเล็กที่ทั้งบ้านนั้นรักและเลี้ยงดูราวกับไข่ในหิน ตั้งแต่จำความได้ไอติมก็แทบจะมีทุกสิ่งทุกอย่างมากองอยู่ตรงหน้า เพียงแค่เอ่ยปากว่าอยากได้อะไร ทุกคนในบ้านก็พร้อมที่จะสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้...แต่สิ่งหนึ่งที่ไอติมไม่เคยได้รับจากในคนบ้านเลยก็คงจะเป็นอบอุ่น...

คุณพ่อของไอติมนั้นเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่งานยุ่งจนแทบจะไม่เคยเห็นหน้า คุณแม่ที่ลาออกจากการเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐมาเปิดคลินิกเสริมความงามเป็นของตัวเองก็ไม่ค่อยมีเวลาให้กับเขาเท่าไรนัก ส่วนพี่ชายอย่างพี่ไอซ์ที่พึ่งรับปริญญาไปหมาดๆ เมื่อปีที่แล้วก็กำลังเป็นแพทย์ใช้ทุนอยู่ที่ต่างจังหวัด ทุกคนรอบตัวเขานั้นเป็นแพทย์กันหมด และแน่นอนว่าไอติมก็ต้องเดินตามเส้นทางที่บ้านกำหนดไว้แล้ว ซึ่งก็คือ...

แพทย์

ชีวิตทุกวันของไอติมตั้งแต่ขึ้นมัธยมมาจึงมีแต่หนังสือ หนังสือ และหนังสือ ไอติมโดนกดดันจากสังคมที่อยู่โดยไม่รู้ตัวว่าเขาต้องประกอบอาชีพเพียงแค่แพทย์เท่านั้น หลายครั้งที่คุณครูในห้องเรียนมักจะถามคำถามว่า ‘อาชีพที่ใฝ่ฝัน’ คืออะไร...ไอติมไม่สามารถตอบได้เลยว่าเขาอยากจะเป็นอะไร เขาจึงต้องตอบคำถามพอให้ผ่านๆ ไปได้แค่คำว่าแพทย์เท่านั้น

การเรียนของไอติมถือว่าเป็นที่น่าพอใจของบ้าน เรียกได้ว่าเชื้อไม่ทิ้งแถวก็ว่าได้ ไอติมไม่เคยตกจากท็อปสามของโรงเรียนเลยสักครั้ง แต่พอขึ้นมัธยมปลายมาและย้ายไปโรงเรียนสหศึกษาที่มีแต่หัวกะทิของประเทศ จากท็อปสามก็ตกมาท็อปห้า เมื่อเกรดเฉลี่ยในระดับชั้นมัธยมสี่ออกมาแล้ว ทั้งพ่อและแม่ต่างก็เป็นกังวลกับผลการเรียนของไอติม และครั้งนั้นไอติมรู้สึกแย่มากจนแอบนอนร้องไห้อยู่ในห้องตัวเองถึงสามคืน...รู้สึกแย่ที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง...รู้สึกแย่ที่ไม่ได้ที่หนึ่งเหมือนพี่ไอซ์...รู้สึกแย่ที่ต้องพยายามปีนขึ้นไปบนยอดเขาที่พ่อแม่หวังเอาไว้เพียงลำพัง

ไอติมในตอนนี้ราวกับเด็กหลงทาง ท่ามกลางกองหนังสือในห้องนอน เขาเหมือนอยู่ในห้องที่หนาวชืดเหมือนกับชื่อของเขา ไร้อ้อมกอดอบอุ่นของพ่อแม่ ไร้คำปลอบโยน ไร้คำให้กำลังใจและบอกให้สู้ใหม่อีกครั้ง ไม่มีเลยสักครั้งที่ไอติมจะได้รับมันมา...นาทีนั้นไอติมคิดถึงพี่ไอซ์จับใจจนอยากจะเอาเงินเก็บที่มีทั้งหมดไปซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อไปหาพี่ไอซ์ซึ่งอยู่ไกลถึงจังหวัดเชียงราย

แต่ไอติมก็ทำไม่ได้จึงได้แต่นอนกอดตัวเองอยู่ในความมืดจนเผลอหลับไปพร้อมกับหนังสือชีววิทยาซึ่งยังวางอยู่ข้างตัวเหมือนดั่งทุกๆ วันที่ผ่านมา...



.



เช้าวันหนึ่งหลังจากปิดเทอมมาได้สักพัก ไอติมตื่นสายนิดหน่อยเพราะเมื่อคืนนั่งทำโจทย์แคลคูลัสจนเพลิน พอเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ปลายเท้าก็หยุดชะงักเมื่อเห็นชายแปลกหน้านั่งอยู่ที่โซฟาด้วยท่าทางเรียบร้อย ดูแล้วคงจะเป็นรุ่นพี่ของเขาไม่กี่ปีและคงจะเรียนอยู่ในระดับอุดมศึกษาแล้วเพราะทรงผมที่มันยาวเกินกว่าจะเป็นนักเรียนได้นั้นแหละ ไอติมถึงได้เดาอย่างนั้น

“ตื่นแล้วเหรอไอติม วันนี้ตื่นสายนะลูก”

เสียงของแม่ดังขึ้นที่ด้านหลังไอติมจึงหันไปมอง เมื่อเห็นว่าแม่เดินถือแก้วน้ำมาให้แขกปริศนาแล้วไอติมจึงเดินตามแม่ไปด้วย

“ขอโทษครับ พอดีเมื่อคืนทำโจทย์เพลินไปหน่อย เลยหลับซะดึกเชียว”

“อ่านหนังสือเยอะๆ น่ะดีแล้วจ๊ะ...ปิดเทอมอย่างนี้ก็อย่างทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์นะจ๊ะ”

“ครับ...แล้วนี่...” ไอติมรับคำของแม่ แล้วสายตาก็หันไปมองชายปริศนาซึ่งกำลังนั่งฟังบทสนทนาของเขากับแม่อีกครั้ง คุณแม่คนสวยซึ่งพึ่งนึกได้ว่าไม่ได้มีแค่เธอกับลูกอยู่ด้วยกันสองคนจึงรีบแนะนำชายปริศนาให้ลูกชายได้รู้จัก

“พี่เขาชื่อพี่กรจ๊ะ พึ่งสอบติดคณะแพทย์ฯ มหาลัย T...แม่ให้พี่ไอซ์ติดต่อให้น่ะ พี่เขาจะมาเป็นติวเตอร์ให้หนูตลอดปิดเทอมนี้...ถ้าลูกชอบแม่ก็จะจ้างพี่เขาให้สอนตลอดเลยก็ได้ พี่เขาโอเค”

ไอติมมองติวเตอร์ของตัวเองอย่างคาดไม่ถึง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาอ่านหนังสือและศึกษาด้วยตัวเองมาตลอด แต่เพราะการเรียนของเขาตกลงมาถึงท็อปห้าแม่ถึงกับต้องจ้างติวเตอร์มาให้เลยอย่างนั้นเหรอ

“ยังไงก็ลองคุยกันแล้วกันนะ เดี๋ยวแม่ต้องไปคลินิกแล้วนะลูก”

“ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ”

ไอติมกอดลาแม่ที่เดินออกไปแล้ว ทั้งบ้านจึงเหลือเพียงแค่ไอติมและกร ด้วยความที่พึ่งรู้จักติวเตอร์ส่วนตัวไม่ถึงสิบนาทีจึงทำให้ไอติมวางตัวไม่ถูกนัก ดวงตาเรียวนั้นหลุกหลิก และมือทั้งสองข้างเผลอบีบกันอย่างประหม่า

“เออ...พี่มีเรียนรึเปล่าครับ ถ้ามีก็ไปเรียนได้นะครับ”

“วันนี้วันเสาร์ครับ...แล้วตอนนี้พี่ก็ว่างมากด้วย เลยมาสอนพิเศษไง”  คำตอบของติวเตอร์ทำให้ไอติมถึงกับอึ้งกิมกี่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแห้งๆ ให้แทน

“งั้นพี่จะติวอะไรให้ผมเหรอ”

“ทุกวิชาที่น้องไม่เข้าใจ ถ้าสงสัยอะไรก็ถามพี่ได้ แต่พี่จะปูพื้นฐานวิชาต่างๆ และจะช่วยเก็งข้อสอบเข้าคณะแพทย์ฯ ให้”

“เอางั้นก็ได้ครับ เอาตามที่พี่ว่าดีนั้นแหละ”

ไอติมเออออไปตามคำของติวเตอร์ส่วนตัว ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มตัวแล้วเอ่ยปากชวนรุ่นพี่ด้วย

“ผมหิวข้าวแล้วอ่ะ พี่กรมาทานข้าวในครัวด้วยกันมั้ยครับ”

“ไม่ล่ะครับ พี่ทานมาจากบ้านแล้ว”

“ถ้างั้นก็รอสักหน่อยแล้วกัน ผมขอตัวไปทานข้าวก่อนนะแล้วค่อยเริ่มติว”



.



ตั้งแต่วันนั้นที่ไอติมได้รู้จักกับกร ไอติมก็ได้รู้จักถึงคำว่าเฝ้ารอเสียที...นอกจากการเฝ้ารอให้พี่ไอซ์กลับมาที่บ้านแล้ว พี่กรคงเป็นอีกคนที่ทำให้ไอติมเฝ้ารอให้มาสอนหนังสือเขามากที่สุด นอกจากการสอนหนังสือของพี่กรที่ค่อยเป็นค่อยไป และมักจะเอาโจทย์ต่างๆ มาให้ไอติมได้ฝึกและลับสมองแล้ว พี่กรยังมักจะพาไอติมออกไปเที่ยว ออกไปกินขนมอร่อยๆ เมื่อไอติมทำโจทย์ปัญหาได้ถูกทุกข้ออีกด้วย

“ทำเสร็จแล้ววววว ตรวจเร็วพี่กร ถ้าถูกหมดวันนี้เลี้ยงพิซซ่าผมด้วย”

ไอติมยื่นแผ่นกระดาษที่มีข้อสอบฟิสิกส์ซึ่งแสดงวิธีทำพร้อมคำตอบให้ติวเตอร์ได้ตรวจ กรซึ่งกำลังนั่งทบทวนวิชาเรียนของตัวเองจึงเงยหน้าขึ้นจากตำราเรียนแล้วรับกระดาษของนักเรียนตัวป่วนมาดู

“ตรวจเร็ว หิวแล้วววว”

“ตัวเล็กๆ นี่หิวบ่อยจริง แต่ทำไมกินเท่าไรก็ไม่อ้วนเลยหืมเด็กน้อย”

กรมองนักเรียนตัวเองที่เกาะแขนอย่างเอ็นดู อดจะแซวไม่ได้เพราะไอติมกินเก่งจริงๆ กินเก่งจนเขาต้องยอม แต่ถึงจะกินเก่งขนาดนั้นก็ไม่เห็นจะอ้วนเลยสักนิด นอกจากแก้มที่ย้วยหน่อยๆ เห็นแล้วน่าหยิกเป็นบ้า

“ไม่อ้วนง่ายๆ หรอก ผมกินพิซซ่าคนเดียวสามถาดก็ไม่อ้วน เชื่อสิ”

ไอติมยักคิ้วอย่างมั่นใจ จนกรหลุดหัวเราะขำกับท่าทางนั้น แล้วจึงหันมาดูกระดาษคำตอบของไอติม หยิบปากกาแดงขึ้นมาตรวจข้อสอบแต่ละข้ออย่างตั้งใจ โดยมีนักเรียนดีเด่นนั่งลุ้นคำตอบอยู่ข้างๆ เพราะกลัวว่าจะไม่ได้กินพิซซ่าน่ะสิ

“เย้! ถูกทุกข้อเลย โอ๊ยยย หิวทันที อยากกินฮาวายเอี้ยน”

ดวงตากลมส่องประกายอย่างสดใส แสร้งกุมท้องเหมือนว่าหิวหนักหนาแล้วรีบเก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนให้เข้าที่ จัดการเก็บกระเป๋าของพี่กรอย่างรวดเร็วจนรุ่นพี่ได้แต่นั่งนิ่งๆ ให้นักเรียนตัวป่วนจัดการทุกอย่าง

“เก็บของเสร็จแล้ว ไปกินพิซซ่ากันเถอะครับ”


.


เวลาผ่านไปนานวันเข้า จากแค่ติวช่วงปิดเทอมกลายเป็นว่ากรติวให้ไอติมจนกระทั่งไอติมขึ้นม.6 และกรขึ้นปี 2 มาถึงตอนนี้ไอติมพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเขามีเพียงแค่พี่กรเท่านั้น ในทุกๆ วันเขาเห็นพี่กรมากกว่าพ่อและแม่ของตัวเองเสียอีก พี่กรเป็นดั่งความอบอุ่นที่โอบล้อมไอติมในวันที่เงียบเหงา ไอติมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองยิ้มได้กว้างขนาดนี้มาก่อนจนเมื่อได้มาเจอกับพี่กร

“ปีนี้จะสอบแล้วใช่มั้ยเนี่ยตัวเล็ก”

เสียงของติวเตอร์ที่นั่งอ่านหนังสือรอในขณะที่ไอติมกำลังทำโจทย์คณิตศาสตร์ดังขึ้นมา ไอติมจึงวางดินสอในมือแล้วหันไปหาพี่กรที่จิ้มผลไม้ที่ป้าแม่บ้านเอามาให้ขึ้นกิน

“ใช่ครับ...เวลาผ่านไปเร็วดีเนอะ เหมือนพึ่งเจอพี่กรเมื่อวานเอง”

ไอติมพึมพำเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงช่วงปิดเทอมที่ได้เจอกับพี่กรครั้งแรก ไม่คิดเลยว่าเราจะสนิทกันขนาดนี้ สนิทกันจนไอติมยกให้พี่กรเปรียบเสมือนพี่ชายอีกคนหนึ่ง...และนอกจากความรักแบบพี่ชายและน้องชายที่ไอติมมีต่อพี่กรแล้ว เขายังมีอีกความรู้สึกหนึ่งที่เก็บซ่อนเอาไว้ในใจมาตลอด โดยที่กรไม่มีทางรู้เลย

“ข้อสอบที่พี่เอามาให้ทำก็ทำถูกทุกข้อขนาดนี้ ยังไงก็สอบติดอยู่แล้ว เชื่อพี่เถอะ”

“แล้วถ้าผมสอบติดมอเดียวกับพี่ พี่จะให้อะไรเป็นรางวัลผมอ่ะ”

ไอติมถามขึ้นเล่นๆ ไม่ได้หวังอะไรมากเพราะทุกวันนี้พี่กรก็ตามใจเขามากพอๆ กับพ่อแม่เขาอยู่แล้ว

“อยากได้อะไรล่ะ ถ้าเป็นไอติมพี่ก็ให้ได้หมดนั้นแหละ”
 
คำพูดของกรทำเอามือที่กำลังหยิบดินสอขึ้นมาทำโจทย์ต่อถึงกับชะงัก ไอติมแอบหันไปมองกรที่ยังคงมองมาที่เขาแล้วก็ยักคิ้วให้ทีหนึ่ง ไอติมจึงควานหาเสียงของตัวเองก่อนจะรีบตอบกร

“สัญญาแล้วนะว่าจะให้ทุกอย่าง”

“อืม”

“ถ้าถึงวันที่ประกาศผลแล้วพี่กรอย่าลืมสัญญานะว่าจะให้ทุกอย่าง”

“ไม่ลืมหรอกหน่าเด็กน้อย ตั้งใจอ่านหนังสือก็แล้วกัน พี่เป็นกำลังใจให้”


.


ไอติมไม่เคยลืมสัญญาในวันนั้น หลังจากนั้นเขายิ่งมีไฟในการอ่านหนังสือมากยิ่งขึ้น อย่างน้อยการเข้าไปเรียนในคณะแพทยศาสตร์ตามความต้องการของพ่อแม่ยังคงมีอะไรดีๆ รออยู่...อย่างน้อยที่นั่นก็ยังมีพี่กรรอเขาอยู่

วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งเมื่อวันที่ประกาศผลมาถึง ไอติมแทบจะนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน ในหัวนั้นคิดฟุ้งซ่านเต็มไปหมด ใจหนึ่งก็กลัวว่าจะสอบไม่ติด อีกใจก็กลัวว่าถ้าสอบติดขึ้นมาแล้วทวงสัญญาจากพี่กรจริงๆ พี่กรจะให้ทุกอย่างเหมือนที่พี่กรสัญญาไว้รึเปล่า...

และในที่สุด เวลาที่รอคอยก็มาถึง เสียงเพื่อนๆ ร้องดังขึ้นอย่างลนลาน พร้อมกับการหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเปิดเว็บประกาศผลที่ล่มทันทีที่เปิดเว็บขึ้นมา ไอติมพยายามใจเย็นทั้งๆ ที่มือสั่น ใจเต้นแรงอย่างตื่นเต้นจนต้องเอามือมากุมที่อกไว้ นั่งรีเฟรชเว็บประกาศผลอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเว็บกลับมาสู่สภาพปกติ และเมื่อพิมพ์รหัสของเขาเข้าไป ไอติมก็ต้องยิ้มกว้าง

เลขที่สมัคร 18457
รหัสนักเรียน 00132259
ชื่อ – นามสกุล นายเหมันต์  วัฒนาวุฒศกุล
ผลการคัดเลือก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย T

ความพยายามตลอดหกปีในรั้วมัธยมสุดท้ายมันก็สำเร็จผล ไอติมสามารถสอบเข้าคณะที่หวังได้แล้ว เขารู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอกได้ ไม่เหลือความกดดันใดๆ แล้ว อย่างน้อยเขาก็สามารถสอบติดในคณะเดียวกับครอบครัวได้ นั้นยังไม่ดีใจเท่าเขาจะได้เข้าไปเรียนที่เดียวกันกับพี่กรด้วยซ้ำ

ไอติมกลับมาถึงบ้านและเอาผลการคัดเลือกให้พ่อและแม่ดู จากนั้นก็รีบเฟสไทม์ไปหาพี่ไอซ์อย่างตื่นเต้น พ่อกับแม่แสดงความยินดีกับเขาได้ไม่นาน พ่อก็ต้องรีบไปโรงพยาบาล ส่วนแม่ก็ต้องรีบไปงานเลี้ยงการกุศลที่เพื่อนของแม่จัดขึ้น และสุดท้ายไอติมก็อยู่บ้านคนเดียวอีกครั้ง

เมื่อความเงียบโอบล้อมตัวเขาอีกครั้ง ไอติมที่ไม่เคยชินเสียทีกับความเงียบของบ้านหลังนี้จึงพยายามทำตัวให้สดใส ร่าเริงเอาไว้ วันนี้เขาควรจะมีความสุขให้มากๆ ที่สอบติดอย่างนี้ จะมานั่งเหงาอยู่คนเดียวทำไม คิดได้ดังนั้นก็รีบปาดน้ำตาที่มันไหลลงมาด้วยความน้อยใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

“โทรบอกพี่กรดีกว่า”

พึมพำอยู่คนเดียวในห้องนอนแล้วก็ต่อสายหาคนเพียงคนเดียวที่เป็นทุกๆ อย่างให้กับเขา รอสายอยู่ไม่นานพี่กรก็รับสาย

[ฮัลโหล]

“พี่กรว่างรึเปล่า”

[ยังอ่ะ เดี๋ยวพี่มีเรียนต่อถึงสองทุ่ม ไอติมมีอะไรเหรอ]

“ผมจะบอกข่าวดี”

[หืม? ข่าวดีอะไร]

“ไม่เล่าหรอก เอาเป็นว่าพี่กรเรียนเสร็จแล้วมาหาผมได้รึเปล่า เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังตอนนั้น...ผมจะทวงสัญญาด้วย”

[ทวงสัญญาด้วยเหรอ...พี่พอจะเดาได้ล่ะว่าไอติมจะบอกอะไร แสดงความยินดีไว้รอเลยดีมั้ยนะ] คำตอบของกรทำเอาไอติมอมยิ้มอยู่คนเดียว ไม่ทันบอกก็รู้ซะแล้ว เก่งจริงๆ เลย

“เอาไว้มาแสดงความยินดีต่อหน้าเลยดีกว่า พี่กรจะมาหาผมได้มั้ย รึจะให้ผมไปหาเอง”

[ไม่ต้องมาหรอก มันดึกแล้วจะอันตรายเอา เดี๋ยวพี่ไปหาที่บ้านดีกว่า]

“โอเคครับ แล้วผมจะรอนะ”

ระหว่างรอเวลาที่พี่กรจะมาหา ไอติมก็เริ่มลนลานทำตัวไม่ถูก ทำได้แต่เดินวนไปวนมาทั่วบ้าน และก็เดินไปหน้ากระจก พึมพำประโยคที่ติดอยู่ในใจเขามาเกือบจะสองปีอยู่อย่างนั้น วันนี้เขาจะได้พูดมันออกไปสักที ทั้งๆ ที่กลัวผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ไอติมก็อยากจะลองเสี่ยงดู

กริ๊ง!

จนกระทั่งเวลาเกือบสามทุ่ม เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นทำเอาไอติมแทบสะดุ้ง ปลายเท้ารีบวิ่งไปเปิดประตูบ้านให้พี่กรที่ยืนรออยู่ และเมื่อเปิดประตูออกมาไอติมก็ต้องตกใจกับดอกไม้ช่อโต

“ยินดีด้วยนะกับว่าที่คุณหมอ”

“อะไรกัน ผมยังไม่ได้บอกเลยนะ” ไอติมรับดอกไม้มาถือไว้ แล้วเปิดทางให้พี่กรเดินเข้ามาในบ้าน

“ก็รู้อยู่แล้วว่าวันนี้เป็นวันประกาศผล แล้วไอติมโทรมาทวงสัญญาขนาดนี้ทำไมพี่จะไม่รู้...แล้วนี่ไม่มีใครอยู่บ้านเลยเหรอ” กรถามพลางสอดสายตาไปทั่วบ้าน ดึกขนาดนี้แล้วไอติมอยู่บ้านคนเดียวอีกแล้วงั้นเหรอ

“พ่ออยู่โรงพยาบาล ส่วนแม่ไปออกอีเวนท์น่ะ...ช่างมันเถอะ ผมชินแล้วล่ะ”

ไอติมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ กรจึงรู้เลยว่าคำตอบของไอติมนั้นมันคงจะสวนทางกับความรู้สึกของน้องเหลือเกิน ทันใดนั้นคนเป็นพี่ก็อ้าแขนกว้างจนไอติมได้แต่ทำหน้างงว่ากรกำลังทำอะไรอยู่

“เหงามั้ย”

“...”

“พี่ให้ยืมกอดได้หนึ่งวัน”

รอยยิ้มอบอุ่นของพี่กรนั้นทำให้ไอติมไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกแล้ว ทั้งๆ ที่พยายามเข้มแข็งมาตลอด แต่พี่กรกลับอ่านใจเขาออกหมดว่าตอนนี้ไอติมกำลังรู้สึกยังไง และนั้นก็ไม่ทำให้ไอติมลังเลที่จะวิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของพี่กรเลย

“ผมไม่อยากขี้แงอย่างนี้เลย ฮึก...”

พูดไปก็สะอื้นไปในอ้อมกอดอันอบอุ่นพร้อมกับสัมผัสอ่อนโยนที่ลูบผมของเขาช้าๆ ไอติมปล่อยให้ตัวเองร้องไห้เงียบๆ อยู่ในอ้อมกอดของกรจนกระทั่งอารมณ์กลับมาเป็นปกติ คนตัวเล็กกว่าจึงผละออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกรทั้งๆ ที่ม่านน้ำตายังคงเกาะอยู่รอบเปลือกตา และไม่ทันระวังตัว กรก็ใช้นิ้วมือเกลี่ยขอบตาของไอติมอย่างช้าๆ

“ระบายจนพอใจแล้ว ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ มีพี่อยู่ทั้งคน ถ้าเหงาก็โทรหาพี่ก็ได้”

“ครับ”

“แล้วไหนว่าจะทวงสัญญาไง จะทวงอะไรล่ะหืมเด็กน้อย”

เมื่อกรพูดขึ้นมา ไอติมก็พึ่งนึกได้ว่าเหตุผลที่เรียกให้พี่กรมาในวันนี้มันคืออะไร เด็กน้อยของพี่กรจึงรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นจนกรแปลกใจกับท่าทางนั้น

“พี่กรสัญญาแล้วนะว่าจะให้ทุกอย่าง” ไอติมถามย้ำอีกครั้ง

“อืม ว่ามาสิ”

“ผมชอบพี่”

ไอติมสูดลมหายใจแล้วพูดมันออกไปแล้ว เขารวบรวมความกล้าทั้งชีวิตเพื่อที่จะใช้ในวันนี้จนหมด แต่พี่กรกลับไม่ได้มีท่าทีตกใจเลยแม้แต่นิด   

“ก็แน่นอนอยู่แล้ว พี่เป็นติวเตอร์ที่ดีล่ะสิ”

“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น ผมชอบพี่จริงๆ”

ไอติมย้ำอีกครั้ง ในน้ำเสียงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงจังจนกรเงียบลง และมองไอติมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ใจดวงน้อยของไอติมแทบจะหล่นลงไปกองอยู่แทบเท้า แต่เขาก็ยังพยายามพูดความรู้สึกที่มันล้นทะลักอยู่ในใจออกไปให้พี่กรได้รับรู้

“...”

“ผมชอบพี่...ชอบพี่แบบที่คนๆ หนึ่งมีความรู้สึกพิเศษต่ออีกคน พี่เป็นเหมือนโลกทั้งใบของผม พี่เป็นเหมือนที่พักพิง ไม่ใช่แค่ติวเตอร์กับศิษย์...แต่พี่เป็นมากกว่านั้น พี่ผมเลือกมหาวิทยาลัยนี้ก็เพราะพี่คนเดียว พี่เป็นทุกๆ อย่างสำหรับผมเลยนะ พี่รู้รึเปล่า”

“...”

“ถ้าผมจะขอความรักจากพี่ได้มั้ย...รักผมได้มั้ย...เหมือนที่ผมรักพี่”

ไอติมพูดมันออกไปในที่สุด สิ่งที่เก็บไว้ในใจอยู่คนเดียวตลอดมา เขาสบตากับกรที่นิ่งไปแล้วไอติมก็ใจแป้ว ใบหน้าน่ารักนั้นก้มลงเพราะตอนนี้เขากลัวคำตอบของพี่กรเหลือเกิน

“ถ้าไอติมจะขอความรักจากพี่ ยังไงพี่ก็มีให้ไอติมอยู่แล้ว พี่รักไอติมนะ...”

คำตอบของกรทำให้ไอติมใจชื้นขึ้น และก่อนที่ไอติมจะได้เงยหน้าขึ้นมองคนที่เขารักหมดหัวใจ คำพูดต่อมานั้นกลับทำให้ไอติมแทบจะหายใจไม่ออก ราวกับว่าหัวใจของเขาถูกพี่กรกระชากออกมาฉีกทิ้งอย่างไม่ใยดี

“แต่พี่รักไอติมแบบพี่น้อง...ถ้าไอติมจะขอให้พี่รักไอติมเหมือนคนรักพี่คงทำไม่ได้ เพราะพี่มีแฟนอยู่แล้ว ขอโทษด้วยนะที่ทำตามสัญญาของไอติมไม่ได้”

“แต่พี่กรบอกว่า...”

“พี่ให้ได้ทุกอย่าง...แต่ถ้าขอให้พี่รักไอติม พี่ทำไม่ได้จริงๆ”

และวินาทีนั้นไอติมรู้สึกเหมือนเขาถูกพรากความอบอุ่นออกไป และปล่อยให้ไอติมอยู่บนยอดเขาอันหนาวเหน็บเช่นเดิม ไม่มีอีกแล้วความอบอุ่นของเขา...ไม่มีอีกแล้วคนที่เป็นดั่งโลกทั้งใบของเขา...

ไม่เหลือใครเลย...นอกจากตัวเขาเพียงคนเดียว


-------------------------------------

พระเอกเราค่าตัวแพงค่ะ เดี๋ยวค่อยออกโรงตอนหน้านะคะ555555
 

ออฟไลน์ manneewan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 2
ข้าวเหนียวหมูปิ้ง


“แน่ใจนะลูกว่าจะอยู่ได้ อยู่ที่บ้านเราก็ดีอยู่แล้ว จะลำบากมาอยู่คนเดียวทำไม”

เสียงทิ้งท้ายของแม่ก่อนที่ประตูห้องพักจะปิดลงทำให้ไอติมชะงักมือที่จับลูกบิดไว้ ก่อนจะยิ้มให้ผู้เป็นแม่อีกครั้ง

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมบอกแล้วไงว่าผมอยู่ได้”

...อยู่บ้านคนเดียวมาก็หลายปีแล้ว ทำไมแค่นี้จะอยู่ไม่ได้ล่ะ...

ไอติมได้แต่คิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ตั้งแต่วันที่เขาตัดสินใจจะย้ายออกจากบ้านมาอยู่หอพักทั้งๆ ที่บ้านของเขาก็ไม่ได้ไกลจากมหาวิทยาลัยสักเท่าไร ถึงแม่จะค้านด้วยความเป็นห่วงแต่ไอติมก็ยังยืนยันว่าจะย้ายออกมาอยู่คนเดียวให้ได้ นั้นก็เพราะว่าไอติมไม่อยากโดนถูกทิ้งอยู่ในบ้านหลังใหญ่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว สุดท้ายพ่อก็ตัดสินใจซื้อคอนโดให้ห้องหนึ่งแทนที่จะไปเช่าหอพักเล็กๆ อยู่เหมือนนักศึกษาทั่วไป

“ถ้างั้นก็ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก ขาดเหลืออะไรก็โทรบอกแม่ เดี๋ยวให้น้าดาวเอามาให้”

“ครับ รักแม่นะครับ”

บอกรักแม่เป็นประจำอย่างที่ทำทุกวันแล้วก็โผเข้ากอดผู้เป็นแม่จนแน่น หลังจากที่ผู้เป็นมารดากลับไปแล้ว ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ แต่ในความเงียบนั้นไอติมกลับหายใจหายคอได้สะดวกมากว่าอยู่ในบ้านหลังใหญ่เพียงคนเดียวเสียอีก

ดวงตากลมๆ มองไปทั่วทั้งห้องที่กว้างพอๆ กับห้องนอนเดิมของเขา จากนั้นไอติมจึงเริ่มจัดของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ตั้งแต่หนังสือเรียน ของใช้ต่างๆ บนโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ในตะกร้าขึ้นแขวนบนราวแขวนผ้า

เมื่อจัดเสื้อผ้าจนมาถึงกองสุดท้ายก็หยิบชุดนักศึกษามาใส่ไม้แขวนเสื้อและกางเกงพร้อมทั้งเตรียมเนคไท และรองเท้าหนังสีดำให้พร้อม...พรุ่งนี้แล้วสินะที่เขาจะได้เป็นนักศึกษาแพทย์เต็มตัว...

แล้วยังเป็นรุ่นน้องของพี่กรอีกด้วย...

คิดไปถึงพี่กรแล้ว ไอติมก็ยังไม่ได้เห็นหน้าพี่กรอีกเลยตั้งแต่วันนั้นที่เอ่ยปากสารภาพความในใจออกไป...พี่กรไม่มาให้ไอติมเห็นหน้าอีกเลย แต่ถึงแม้ไม่ได้เห็นหน้า ไอติมก็ยังคงเห็นพี่กรวนเวียนอยู่ในโลกโซเชี่ยลให้ได้หายคิดถึงบ้าง

พรุ่งนี้จะได้เจอพี่กรมั้ยนะ

ไอติมได้แค่คิดและคาดหวังว่าเขาจะได้เจอกับคนที่ยังอยู่ในหัวใจตลอดเวลา ถึงแม้ว่าพี่กรจะไม่เคยแม้แต่จะคิดมากกว่าพี่น้องกับไอติมเลย แต่อย่างน้อยก็ขอแค่ให้เขาได้ชอบพี่กรต่อไปอย่างนี้ก็ยังดี...

แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกกับเราก็ไม่เป็นไร
อย่างน้อยก็ขอแค่ได้รักต่อไปก็พอแล้ว



.

และในที่สุดวันที่ไอติมจะได้ก้าวสู่โลกใบใหม่ที่มีใครอีกคนอยู่ในนั้นก็มาถึง...ไอติมตื่นเช้ากว่าปกติเพราะนับตั้งแต่วันนี้เขาต้องทำทุกอย่างเองทั้งหมด ไม่มีน้าดาวคอยเตรียมน้ำอุ่นๆ ไว้ให้อาบ ไม่มีป้ามะลิทำกับข้าวอร่อยๆ ไว้ให้ทานในยามเช้า ไม่มีลุงยอดพาไปส่งที่มหาวิทยาลัยเหมือนกับที่ไปส่งที่โรงเรียนอีกแล้ว

ไอติมยืนส่องกระจกอยู่ในชุดนักศึกษาสีขาวแล้วผูกเนคไทอย่างทุลักทุเล เปิดกูเกิ้ลดูก็แล้ว เปิดคลิปดูในยูทูปก็แล้ว แต่ไอติมก็ไม่สามารถผูกเนคไทให้สวยได้เลย สุดท้ายก็ยอมแพ้แล้วยัดเนคไทใส่กระเป๋าแล้วรีบปิดห้องเพื่อไปมหาวิทยาลัย

ไอติมเลือกที่จะเมินเจ้าแอคคอร์ดสีขาวที่แม่ซื้อมาให้ใช้ขับไปมหาวิทยาลัย แล้วเดินไปซื้อหมูปิ้งกับข้าวเหนียวที่ข้างคอนโดมายี่สิบบาท จากนั้นก็เดินไปยืนรอที่ป้ายรถเมล์ซึ่งมีนักศึกษาหลายคนกำลังยืนรออยู่เช่นกัน

ไอติมใช้ดวงตากลมๆ กวาดตามองพื้นที่รอบๆ อย่างสังเกต มองรถเมล์คันแล้วคันเล่าที่ผ่านมา และเมื่อสายที่จะผ่านหน้ามอมาถึง นักศึกษาทุกคนก็กรูกันขึ้นรถ ไอติมจึงรีบวิ่งขึ้นรถให้ทัน แล้วห้อยโตงเตงอยู่บนรถเมล์จนมาถึงที่หน้ามอ เมื่อมาถึงทุกคนก็รีบเดินลงจากรถเมล์ ไอติมก็ทำตามบ้างจนในที่สุดเขาก็มาถึงหน้ามหาวิทยาลัยได้อย่างปลอดภัย

ไอติมยิ้มกว้างให้กับตัวเองเมื่อสามารถทำภารกิจได้สำเร็จ

นั่งรถเมล์ครั้งแรกมันเป็นแบบนี้นี่เอง!


หลังจากพยายามเดินไปคณะแพทยศาสตร์อยู่นาน ไอติมก็ยอมแพ้แล้วขึ้นรถชัทเทิ้ลบัสแทนเพราะระยะทางจากหน้ามอจนถึงคณะแพทยศาสตร์นั้นไกลเหลือเกิน หน้าขาวๆ นั้นขึ้นสีแดงด้วยความเหนื่อย จนเมื่อรถจอดลงหน้าคณะ ไอติมก็กล่าวขอบคุณลุงคนขับแล้วเดินลงมาจากรถ ก็เห็นนักศึกษาหลายคนยืนออกันอยู่หน้าคณะ

“น้องใหม่รึเปล่าจ๊ะ” พี่คนหนึ่งเดินเข้ามาหาไอติมที่ยืนทำหน้างงอยู่อย่างไม่รู้จะไปทิศทางไหน ไอติมจึงรีบพยักหน้าตอบ

“ครับ”

“ไปลงทะเบียนที่โต๊ะนั้นเลยนะ แล้วเดี๋ยวพี่เขาจะพาเข้าห้องประชุม”

“ครับ”

และไอติมก็เดินไปที่โต๊ะลงทะเบียนเงียบๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาของหลายๆ คนที่มองมาที่เขาอย่างสนใจ ไอติมยืนต่อแถวอยู่หน้าผู้ชายตัวสูง(มากๆ) คนหนึ่ง ระหว่างนั้นก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ใส่เนคไทเลย ไอติมจึงรีบเปิดกระเป๋าแล้วเอาเนคไทที่มันขี้เหร่ๆ นั้นแหละมาสวมลงคอ พยายามจัดทรงเนคไทระหว่างรอไปด้วยจนเมื่อคนด้านหน้าลงชื่อเสร็จแล้ว ก็ถึงคิวของไอติม

“น้องชื่ออะไรคะ”

“เหมันต์ครับ” ไอติมขานตอบ และในระหว่างที่รอรุ่นพี่หาชื่อของเขาในแผ่นกระดาษ ไอติมก็เหลือบมองคนด้านหน้าที่กำลังยืนรอป้ายชื่อจากรุ่นพี่อีกคนอยู่

“น้องชื่อเท่มากเลยนะ พี่ชอบอ่ะ” พี่คนที่กำลังเขียนป้ายชื่อลงบนกระดาษสีเหลืองพูดไปก็ชมไป พยายามเขียนให้สวยงามแล้วส่งป้ายชื่อให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไอติม คนตัวสูงจึงรับป้ายชื่อมาคล้องคอแล้วพูดตอบ

“ผมชื่อควัน ไม่ได้ชื่อเท่ครับ”

พูดจบก็เดินเข้าหอประชุมไปเลย ทิ้งพี่คนสวยที่กำลังอ้าปากค้างกับวาจาของรุ่นน้อง ไอติมที่พึ่งเซ็นชื่อเสร็จและเดินไปหาพี่ที่ยังช็อคอยู่ก็ได้ยืนนิ่งเพราะไม่รู้จะเรียกสติพี่แกกลับมายังไง

“ไอ้มิ้นต์ หยุดเอ๋อแล้วเขียนชื่อให้น้องเขาได้แล้ว น้องยืนรอนานแล้วเนี่ย” พี่ที่พึ่งให้เขาเซ็นชื่อลงทะเบียนเมื่อครู่ สะกิดแขนพี่ที่ชื่อมิ้นต์ พอพี่มิ้นต์ได้สติเธอก็ยิ้มให้ไอติม แล้วดวงตาก็เป็นประกายต่อ

“น้องชื่อเล่นว่าอะไรคะ”

“ไอติมครับ”

“หูยยยย ชื่อไอติมเหรอ น่ารักจัง ดีกว่าคนชื่อควันเยอะเลย หล่อซะเปล่า แต่น่าจะปากร้ายไม่เบา น้องไอติมว่ามั้ย”

พี่มิ้นต์ชวนไอติมคุยในระหว่างที่รอเธอบรรจงเขียนป้ายชื่อให้ ไอติมได้แต่ยิ้มแต่ไม่ยอมออกความเห็น เมื่อได้ป้ายชื่อมาคล้องคอก็เดินเข้าไปในหอประชุมที่มีนักศึกษาใหม่นั่งกันอยู่เต็มไปหมด ไอติมมองหาที่ว่างซึ่งมีเหลืออยู่น้อยมากแล้ว และสุดท้ายก็ตัดสินใจไปนั่งแถวริมสุดซึ่งมีเก้าอี้ว่างอยู่หนึ่งที่พอดี

และระหว่างรอคนมาให้ครบ ไอติมก็สอดส่องไปรอบๆ อีกครั้ง มีหลายคนที่กำลังพูดคุยกัน พยายามหาเพื่อนเพราะต่างคนก็ต่างที่มา ไอติมจึงเริ่มที่จะอยากรู้จักเพื่อนใหม่แล้ว เลยมองรอบตัวของตัวเองก็พบว่าเพื่อนแถวหน้าและแถวด้านหลังต่างก็คุยกับเพื่อนในแถวอย่างออกรส ส่วนด้านซ้ายของไอติมคือกำแพง และด้านขวาคือเพื่อนใหม่ที่ไม่สนใจโลกภายนอกเลยนอกจากเกมที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเล่นในโทรศัพท์ พอมองป้ายชื่อที่ห้อยคออยู่ก็เห็นคำว่า ‘ควัน’ ตัวใหญ่ๆ ก็นึกออกทันทีว่าคืนคนๆ เดียวกันกับที่ทำให้พี่มิ้นต์อ้าปากค้างนั้นแหละ

ไอติมจึงไม่ได้ทักทายและปล่อยให้ควันอยู่ในโลกของตัวเองต่อไป จากนั้นก็เปิดกระเป๋าของตัวเองและพบว่ามีข้าวเหนียวหมูปิ้งนอนแอ้งแม้งอยู่ ไอติมจึงหยิบถุงข้าวออกมาแล้วเริ่มกินเพราะท้องเริ่มร้องประท้วงเสียแล้ว

.




ควันที่สร้างโลกส่วนตัวด้วยการเลือกที่นั่งริมๆ แถวที่ไม่เป็นที่สนใจของผู้คน เสียบหูฟังไว้เพราะจะได้ไม่มีใครมาชวนคุยแม้ว่าจะไม่ได้เปิดเพลงฟังก็ตาม แล้วก็เปิดเกมขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา และระหว่างนั้นรุ่นพี่ที่เดินผ่านไปผ่านมาก็บอกเขาเขยิบที่ไปอีกหนึ่งที่เพราะมีเพื่อนๆ ด้านนอกที่ยังไม่มีที่นั่งอีกเยอะ ควันทำตามที่รุ่นพี่บอกแล้วก็ก้มหน้าเล่นเกมเช่นเดิม จนเมื่อที่นั่งที่เคยเป็นของเขาที่จับจองด้วยใครบางคนที่เขาไม่คิดแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่ท้ายที่สุดควันก็ต้องยอมแพ้และละสายตาจากเกมเพื่อมองไอ้เจ้าที่กำลังส่งกลิ่นยั่วยวนเขาในตอนนี้

หมูปิ้งกลิ่นหอมๆ กับความเหนียวร้อนๆ ที่คนข้างกายกำลังก้มหน้าก้มตากินอยู่นั้นแทบทำน้ำลายสอ ควันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วทันใดนั้นเสียงท้องก็ร้องดังขึ้นมา...พึ่งนึกได้ว่าเมื่อเช้าหมอกไม่ได้ทำข้าวทิ้งไว้ให้ เขาเลยต้องกินนมประทังชีวิตแล้วมาที่คณะโดยไร้อาหารยามเช้าอย่างนี้

ควันละสายตาจากเกมในโทรศัพท์แล้วจ้องคนด้านข้างที่นั่งกินหมูปิ้งไม่สนใจเขาอยู่นานมาก จ้องจนตัวจะพรุนแล้วยังไม่รู้อีกว่าหิว! อยากกินด้วย ทำไมไม่เงยหน้าขึ้นมาจากหมูปิ้งในมือสักที เหลือไม้สุดท้ายแล้ว เงยหน้ามาสักทีเถอะโว้ย

คิดฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวแต่คนข้างๆ ก็ไม่สนใจเขาแล้วหยิบหมูปิ้งไม้สุดท้ายออกมาจากในถุง มืออีกข้างก็บีบถุงข้าวเหนียวเพื่อที่จะกิน และตอนนั้นที่ท้องควันมันร้องดังขึ้นมาอีกครั้ง และควันจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว!

“เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งกิน”

ควันรีบพูดห้ามไว้เมื่อคนข้างๆ กำลังจะงับหมูปิ้งชิ้นสุดท้าย และตอนนั้นเองที่เจ้าของหมูปิ้งเงยหน้าขึ้นมามองเขา ดวงตากลมนั้นกระพริบปริบๆ ด้วยความงง ถึงควันจะแอบสตั้นกับความขาว และใบหน้าจิ้มลิ้มนั้น แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจไปมากกว่าหมูปิ้งในมืออีกคนแล้ว

“ชื่ออะไร” ควันถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เจ้าของหมูปิ้งเผลอขมวดคิ้วนิดๆ และความคิดที่แวบขึ้นมาในหัวของควันนั้นก็มีคำว่า...

ทำไมน่ารัก...

“ไอติม”

“ชื่อไอติมเหรอ”

“อืม”

“เราชื่อควัน”

“อือ รู้แล้ว อ่านจากป้ายชื่อแล้ว” ไอติมตอบแล้วจะก้มหน้ากินหมูปิ้งในมืออีกครั้ง แต่เพราะเสียงทุ้มๆ รีบเบรกไว้ทำให้ไอติมต้องชะงักมือ

“เดี๋ยว เดี๋ยว อย่าพึ่งกิน”

“ทำไมเหรอ” ไอติมถามอย่างงงๆ เห็นนั่งเงียบมาตั้งนาน แล้วจะอยากมาคุยอะไรด้วยตอนนี้กัน

“อยากกินด้วย”

“หา?”

“อยากกินหมูปิ้ง แบ่งให้กินหน่อยดิ...เดี๋ยวปฐมนิเทศเสร็จเดี๋ยวซื้อคืนก็ได้ เมื่อเช้าไม่ได้กินอะไรมาเลย ตอนนี้ท้องร้องแล้วด้วยถ้าเกิดเป็นโรคกระเพาะขึ้นมาจะทำยังไง เพราะกลิ่นหมูปิ้งเลยถึงทำให้หิวอย่างนี้”

“สรุปคือเราผิดเพราะหมูปิ้ง?”

“ใช่ ขอกินด้วยหน่อยนะ ซื้อร้านไหนอ่ะ โคตรน่ากินเลย” ควันถามแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่อีกครั้ง ไอติมมองคนที่คงจะหิวจริงๆ เลยยอมยกหมูปิ้งให้เพื่อนใหม่หนึ่งไม้ ถือว่าสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่แล้วกัน

“ซื้อที่ร้านหน้าหอน่ะ เห็นคนยืนซื้อกันเยอะมา-”

“ขอข้าวเหนียวด้วย” ไอติมพูดไม่ทันจบ ควันก็พูดแทรกขึ้นแล้วฉกข้าวเหนียวในมือไปต่อหน้าต่อตา ไอติมได้แต่มองอย่างอึ้งๆ รู้จักกันครั้งแรกก็มาขอข้าวเขากินอย่างนี้เลย นี่ถ้าสนิทกันมากกว่านี้จะไม่ปล้นข้าวเขากินเลยเหรอ

“หมูปิ้งไม้เดียวไม่พอยาไส้จริงๆ แต่อร่อยสุดๆ เลยว่ะ...หออยู่ตรงไหนอ่ะ เผื่อกูจะไปซื้อกินบ้าง” ไอติมได้อึ้งอีกรอบ เมื่อคนที่ยังรู้จักกันไม่ถึงสิบนาทีมาพูดคำหยาบใส่เขาแล้ว พอควันเห็นก็หัวเราะร่วนกับท่าทางนั้น

“ตกใจอะไร ขึ้นมึงขึ้นกูนี่แหละ จะได้สนิทกันเร็วๆ จะให้มาพูดเรา พูดเธองี้ไม่ไหวว่ะ ขนลุก”

พูดไม่พอ ยังทำตัวสั่นให้รู้อีกว่าขนลุกจริงๆ ไอติมได้แต่ยิ้มแหย่ๆ เพราะไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ ทำไมถึงหยาบคายขนาดนี้กัน ถ้าแม่รู้ว่าเพื่อนใหม่ของเขาเป็นอย่างนี้ มีหวังคงเป็นลมตายแน่

“งั้นก็เอาที่สบายใจแล้วกัน เรายังไงก็ได้”

“โนๆๆๆ ไม่พูดเรา ไม่พูดเธอ แทนตัวเองว่ากู...” ชี้นิ้วมาที่ไอติม จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่ตัวเอง “...ส่วนตัวกูให้เรียกว่ามึง โอเค๊?”

“โอเคก็ได้”

ไอติมยิ้มแหย่ๆ อีกครั้งแล้วหันหน้าหนีควัน จากนั้นก็เก็บถุงหมูปิ้งใส่กระเป๋าเช่นเดิม แล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นฆ่าเวลาบ้างเพราะไม่อยากสนใจคนทรามด้านข้างอีกแล้ว ถึงแม้ว่าไอติมอยากจะหาเพื่อนใหม่มากแค่ไหน แต่เขาคิดว่าให้จบช่วงปฐมนิเทศแล้วไปหาใหม่ก็ยังไม่สายนักหรอก

“ทำไมมึงไม่สนใจกูเลยอ่ะ แปลกคนมาก ทำไมเมินกูแบบนี้” แล้วเสียงด้านข้างก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ไอติมไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็สไลด์โทรศัพท์ดูรูปในไอจีไปเรื่อยๆ แต่เสียงพูดของคนด้านข้างก็ยังดังไม่หยุด

“กูฮอตมากเลยนะ มึงไม่รู้เหรอ”

ใครอยากรู้กัน... ไอติมได้แต่คิด

“รู้จักพี่แนน ดาวบัญชี พี่พีชชี่ ดาวบริหาร แล้วก็พี่ผึ้ง ดาวเภสัชมั้ย”

“ไม่รู้จักหรอก”

“อะไรวะ...ใครๆ ก็รู้จักกันทั้งนั้น มึงไปอยู่โลกไหนมาเนี่ย” นั้น แล้วก็มาพาลหงุดหงิดใส่เขาอีก ไอติมมองคนที่พึ่งรู้จักทำตัวราวกับสนิทสนมกับเขามาเสียนานแล้วก็ได้แต่ปลงตกในใจ

“อยู่โลกไหนก็ช่างเถอะ แล้วพูดชื่อสามคนั้นมาทำไมล่ะ”

“เออ เกือบลืมเลยว่าจะอวด”

“อวด?”

“ก็กูได้มาหมดแล้วน่ะสิ”

“อ๋อ”

ไอติมพยักหน้ารับรู้แล้วหันมากลับมาจ้องหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองต่อ ควันที่เจอปฏิกิริยาตอบรับอย่างนั้นจากเพื่อนใหม่เข้าไปก็แทบจะปั้นสีหน้าไม่ถูก ทำไมมันไม่ตื่นเต้นเลยวะ คนสวยของมอนี่เขาสอยมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะพูดเรื่องนี้กับใครก็มีแต่คนอิจฉาเขาทั้งนั้น เห็นก็จะมีแต่ไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่แหละที่ไม่หือไม่อือเลยสักนิด

“นี่ไม่ตื่นเต้นหน่อยเหรอ ดาวสามคณะเลยนะเว้ย” ควันท้วงคนที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์ไม่หยุด ไอติมได้แต่เก็บความรำคาญใจเอาไว้แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วหันหน้าไปหาควันอีกครั้ง

“แล้วต้องตื่นเต้นตรงไหนเหรอ”

“ก็ตรงที่กูได้คนที่ผู้ชายชอบอันดับต้นๆ ของมอมาเป็นแฟนไง”

“เรา...เออ งั้นกูต้องตื่นเต้นด้วยเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ”

“ไม่ล่ะ จะไปคบดาวทั้งมหา’ลัยก็เชิญ ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นตรงไหนเลย”

พึมพำอยู่คนเดียวแล้วก็หันหน้าหนีควันเพื่อตัดบทสนทนา ทิ้งควันที่ทำหน้าหงิกอยู่ข้างๆ คนเดียว พอจะหาเรื่องไอ้ตัวเล็กหน้ามึนต่อ บนเวทีก็เริ่มการปฐมนิเทศพอดี ควันจึงหันมาสนใจคณบดีที่กำลังกล่าวต้อนรับนักศึกษาแทน

แต่สนใจเรื่องที่คณบดีพูดได้ไม่นานก็รู้สึกหนังตาเริ่มหย่อน คงจะเป็นเพราะแอร์มันตกลงที่หน้าแน่ๆ เลยทำให้ควันรู้สึกง่วงขนาดนี้ ถ้าจะหลับสักนิดคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง คิดได้ดังนั้นดวงตาเจ้าเสน่ห์ก็เริ่มปรือปรอย ก่อนจะปิดลงในที่สุด เสียงยานคางของคณบดีที่ลอยเข้าหูนั้นไม่สามารถเข้าสู่โสตประสาทของควันได้อีกต่อไป...



ไอติมที่นั่งฟังคณบดีให้โอวาทอย่างตั้งใจรู้สึกหนักๆ ที่ช่วงไหล่ด้านขวา พอหันไปมองก็พบกลุ่มผมสีดำและใบหน้าเนียนละเอียดซึ่งเห็นรอยแผลเป็นจางๆ อย่างชัดเจน ครั้นจะดันให้ควันกลับไปนั่งดังเดิมก็ทำได้ไม่ถนัดและจะที่เป็นที่สนใจของทุกคนจนเกินไป เลยได้แต่นั่งนิ่งๆ และหวังว่าควันจะรู้ตัวสักทีว่ามาระรานกันแบบนี้เนี่ย

นั่งเป็นหมอนให้ควันอยู่นานจนการปฐมนิเทศเสร็จสิ้น ควันจึงได้งัวเงียและยกหัวออกไปจากไหล่ของเขา ไอติมมองคนที่กำลังขยี้ตาและอ้าปากหาวอย่างเกียจคร้านแล้วยิ่งรับไม่ได้ คิดได้ดังนั้นไอติมจึงรีบลุกจากเก้าอี้

“เห้ย! จะรีบไปไหน” ควันรีบคว้าข้อมือของไอติมไว้ได้ทันก่อนที่ไอติมจะลุกเดินออกไปพร้อมกับนักศึกษาคนอื่น

“ก็จะกลับไง ปฐมนิเทศเสร็จแล้วจะให้นั่งเฝ้าหอประชุมรึไง”

“รอแป๊บ เดี๋ยวเก็บของก่อน”

ควันพูดอย่างนั้นแต่คิดเหรอว่าไอติมจะรอเพื่อนใหม่แบบนี้กัน รีบชิ่งดีกว่า ดีกว่าให้ควันมาติดสอยห้อยตามเขาแบบนี้ ขืนมีเพื่อนแบบนี้ไปอีกหกปี ไอติมคงจะขาดใจตายสักวันแน่

“เห้ยยยยย บอกให้รอไงงง กลัวบ้านมันหายรึไง รีบจังโว้ยยยยย”

ควันตะโกนไล่หลังไอติมที่ก้าวดุ่มๆ ออกไปแล้วอย่างหัวร้อน แล้วรีบเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะวิ่งตามไอ้ตัวเล็กที่หายออกไปจากห้องประชุมเสียแล้ว



ด้านไอติมที่พยายามวิ่งหนีควันสุดชีวิต แหวกนักศึกษาหลายร้อยคนที่ยืนออกันอยู่หน้าห้องประชุมแล้ววิ่งลงมาชั้นล่าง ไม่วายยังได้ยินเสียงวิ่งไล่หลังตามมาพร้อมเสียงตะโกนชื่อของเขาไม่หยุด ไอติมรีบมองหาทางหลบหนีควันที่กำลังวิ่งตามมาแล้ว ถ้ารู้ว่าจะเจออย่างนี้เขาจะเอารถมาขับแทนที่จะนั่งรถเมล์มาเรียนเองดีกว่า

“จะไปไหนไอติม คิดว่าจะหนีกันได้รึไง รู้จักไอ้ควันน้อยไปแล้ววววววว”

เสียงตะโกนจากด้านหลังไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร ไอติมไม่ยอมหันไปมองแล้วรีบโกยอ้าวไปทางด้านซ้ายอย่างไม่คิดชีวิต แต่จู่ๆ ก็มีผู้ชายที่โผล่ออกมาจากซอยด้านหน้าทำเอาไอติมเบรกขาไม่ทัน ขาทั้งสองข้างนั้นชะงักค้างและแทบจะล้มไปจูบกับพื้นคอนกรีตถ้าไม่ได้ท่อนแขนแข็งแรงคว้าเขาเอาไว้เสียก่อน

“เดินดีๆ สิ วิ่งเล่นเป็นเด็กไปได้ โตแล้วนะเรา”

น้ำเสียงทุ้มที่บอกเตือนทำเอาไอติมแข็งทื่อ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร...ไอติมรีบผละออกจากอ้อมแขนนั้นแล้วก็ได้พบกับคนที่คิดถึงมานานในชุดนักศึกษาเรียบร้อย

“พี่กร...”

“สบายดีใช่มั้ย”

“อยู่นี่เอง วิ่งตามหาแทบตาย”

ไอติมยังไม่ทันได้ตอบคำถามของพี่กร แต่เสียงที่ดังไล่หลังมาดันขัดขึ้นมาเสียก่อน ควันที่หอบแฮกๆ เดินมาจะเอาเรื่องกับไอติมให้ได้ที่รีบชิ่งหนีเขาอย่างนี้ แต่พอเห็นบุคคลที่สามแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

“สบายดีครับ...เออ ผมขอตัวก่อนแล้วกัน”

ไอติมตอบคำถามของกรแล้วหันหลังเดินกลับจากทางเดิมที่จากมาโดยไม่สนใจควันที่ยังไม่หายเหนื่อยจากการวิ่งเมื่อครู่เลย ควันที่ยืนงงได้ไม่นานก็ต้องโกยอ้าวอีกครั้งเพื่อจะได้ตามให้ทันไอติมที่รีบเดินจากไปแล้ว กรได้แต่ยืนมองทั้งควันและไอติมที่ห่างไกลออกไปแล้วก็ยิ้มออกมาเพียงคนเดียวกับภาพที่เห็นในตอนนี้

สักวันไอติมคงจะลืมเขาได้ ทุกอย่างมันต้องใช้เวลาทั้งนั้น
ถึงวันนั้นแล้วเขาจะเป็นพี่ชายของไอติมที่ดีที่สุดเลย...กรสัญญา









ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 3
F4 แห่ง MD



“จะเดินไปไหน ไม่มีรถรึไง”

เสียงที่ลอยตามหลังมาไม่หยุดแทบจะไม่ผ่านเข้าโสตประสาทของไอติมเลยสักนิด ถ้าข้อมือของเขาไม่ถูกดึงไว้จากใครบางคนที่เดินตามเขาออกมาจากห้องประชุมจนถึงตอนนี้...

ไอติมหันกลับไปมองเพื่อนใหม่ที่ตามติดเป็นปลิงทะเลอย่างหน่ายใจ มองใบหน้าของเจ้าของป้ายชื่อ ‘ควัน’ แล้วก็กรอกตาให้รู้ว่าเขารำคาญเต็มที

“จะกลับห้อง ปล่อยได้แล้ว”

“ไม่มีรถเหรอ”

“แล้วเห็นว่ามีมั้ยล่ะ”

ถามย้อนคนที่ยังไม่หยุดตื้อ ไอติมไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมควันต้องเดินตามติดเขาขนาดนี้ แถมไอติมยังแสดงออกว่ารำคาญขนาดนี้ ควันยังไม่ยอมเลิกยุ่งกับเขาอีก เชื่อเขาเลย

“งั้นเดี๋ยวไปส่ง”

“ไม่ต้อง กลับเองได้หน่า”

“อยากไปกินหมูปิ้ง ยังไม่อิ่มท้องเลย”

“หมูปิ้งกินที่ไหนก็เหมือนกันป่ะ ที่หอไม่มีหมูปิ้งขายรึไง” ไอติมย้อนอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ควันก็ดูจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน

“ไม่มี แล้วก็อยากกินหมูปิ้งหน้าหอมึงด้วย”

“เฮ้ย!! ไม่ไปด้วยโว้ยยยยยย”

ไอติมโวยวายไปก็เท่านั้น เมื่อคนตัวโตกว่าออกแรงเพียงนิดเดียวก็ลากเขาตัวปลิวจนไปถึงรถของเจ้าตัว รู้ตัวอีกทีไอติมก็โดนยัดเข้าไป BMW คันหรูเสียแล้ว

“หน้าบึ้งเป็นตูดลิงไปได้ นี่กูพามึงมาด้วยอย่างนี้มึงควรจะขอบคุณกูที่ไม่ต้องไปโหนรถเมล์เหมือนคนอื่นมากกว่ามั้ย”

“แล้วถามความสมัครใจกันบ้างยังว่าอยากจะมาด้วยรึเปล่า”

“หล่อขนาดนี้ยังจะลำบากใจอยู่เหรอ” พูดไปก็กดยิ้มมุมปากราวกับว่าหล่อหนักหนา ไอติมหลุดร้อง ‘เหอะ’ ออกมากับความหลงตัวเองที่ดูจะมีมหาศาลเกินไปของเพื่อนใหม่

ตลอดทางไอติมแค่นั่งกอดอกมองทางด้านนอก ระหว่างทางก็บอกทางควันไปเรื่อยๆ จนรถมาจอดถึงหน้าคอนโด เมื่อรถจอดสนิท ไอติมที่เตรียมจะเปิดประตูรถก็โดนคว้าข้อมือไว้อีกครั้ง เลยหันกลับไปมองเจ้าของรถอย่างช่วยไม่ได้

“อยู่คอนโดนี้ นี่มึงไม่มีรถใช้จริงๆ เหรอ”

ควันสอดสายตามองคอนโดที่พูดง่ายๆ ว่าหรูสุดแล้วในย่านนี้อย่างไม่แน่ใจ ถ้าไอติมจะอาศัยอยู่ในคอนโดแห่งนี้ได้ ทำไมถึงจะนั่งรถเมล์กลับกันนะ

“มี แต่ไม่อยากใช้ พอใจยัง ถ้าพอใจก็ปล่อยได้แล้ว”

“ยังไม่พอใจ เอาไลน์มึงมาก่อน”

“หา?”

ไอติมถึงกับร้องเสียงหลง ควันที่ไม่รอให้ไอติมหายเอ๋อก็คว้าโทรศัพท์ที่ไอติมถือไว้มาแล้วดึงมือไอติมมาแสกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องเสร็จสรรพ แล้วก็เข้าแอพลิเคชั่นไลน์ กดแอดเพื่อนเรียบร้อย ก็กดเบอร์โทรเขาเซฟใส่โทรศัพท์ไอติมเรียบร้อย ก่อนจะคืนโทรศัพท์ให้เจ้าของตัวจริงก็เอาเบอร์ของไอติมโทรหาตัวเองเป็นอันเรียบร้อย

“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ามารับ”

“ไม่ต้องมา เดี๋ยวจะไป-“
 
“เดี๋ยว! มา! รับ!”

“แต่...”

“พรุ่งนี้ซื้อหมูปิ้งไว้ให้ด้วย ลงไปได้ล่ะ”

ปฏิเสธไม่ทันเสร็จ ควันก็ผลักไอติมออกจากรถก่อนจะรีบบึ่งรถออกไปทันที ทิ้งไอติมที่ยืนงงอยู่หน้าคอนโด พร้อมกับลุงขายหมูปิ้งที่ยืนมองเขาอย่างสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไอติมจึงได้แต่ยิ้มให้ลุงไป แล้วก็เกาหัวอย่างงงๆ เดินเข้าคอนโดไปอย่างเลื่อนลอย

เดี๋ยวก็ตามติด เดี๋ยวก็ลากขึ้นรถ แล้วพรุ่งนี้จะมารับอีก
อะไรของมันวะ...




*




วันนี้ที่คณะแพทยศาสตร์ รุ่นพี่เรียกรวมนักศึกษาปีที่ 1 ให้ไปทำกิจกรรมร่วมกัน ไอติมจึงเลือกใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อยืดเรียบๆ ส่องกระจกเช็คความเรียบร้อยในขั้นตอนสุดท้าย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจนไอติมตกใจ และเมื่อมองว่าใครโทรเข้ามา ไอติมก็ต้องถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่


‘MY SMOKY’


พึ่งเห็นนี่แหละว่าควันเมมเบอร์ตัวเองไปแบบนั้น ถ้าไอติมเห็นตั้งแต่เมื่อวานไอติมจะรีบเปลี่ยนชื่อทันที เห็นแล้วขนลุกแปลกๆ ยังไงก็บอกไม่ถูก แต่ถึงจะรู้สึกขนลุกยังไงก็ช่างเถอะ ตอนนี้รีบรับสายก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนชื่อทีหลังก็ได้

“ฮัลโหล”

[เสร็จยัง กูมาถึงหน้าคอนโดมึงแล้วนะ]

“จะเสร็จแล้ว เก็บของก่อนแป๊บนึง”

[เออๆ แล้วอย่าลืมซื้อหมูปิ้งให้กูด้วยล่ะ]

“ระหว่างรอ ก็เดินไปซื้อเองสิ”

[ไม่เอาอ่ะ แดดร้อน นั่งรอในรถดีกว่า แค่นี้แหละ]

พูดจบก็ตัดสายไปเลย ไอติมได้แต่ขมวดคิ้วอย่างขัดใจ พอพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการเสร็จก็คิดจะตัดสายกันอย่างนี้เลยรึไง ไอติมได้แต่ฮึดฮัดแล้วคว้ากระเป๋ามา โยนทุกอย่างใส่กระเป๋าแล้วปิดห้อง เดินดุ่มๆ ลงจากคอนโดมาก็เห็นว่ารถ BMW คันเดิมกับเมื่อวานจอดรออยู่ด้านหน้า ข้างๆ ร้านหมูปิ้งนั้นแหละ

ไอติมซื้อหมูปิ้งเสร็จเรียบร้อยก็เดินมาขึ้นรถที่สารถีใส่แว่นดำพร้อมกับนั่งเท้าคางที่หน้าต่างรถ แล้วเคาะนิ้วที่พวงมาลัยไปตามจังหวะเพลงที่กำลังฟังอยู่ อารมณ์สุนทรีย์มากมั้ง

“ป้อนหน่อย หิว”

“อะไรนะ?”

ไอติมนึกว่าหูฝาด หันไปมองคนที่กำลังหมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวเข้าถนนใหญ่หันมาพยักพเยิดไปทางถุงหมูปิ้งที่เขาถืออยู่

“หมูปิ้งไง ป้อนเร็วๆ”

“ถึงมอก็ค่อยกินก็ได้มั้ง มันไม่หายไปไหนหรอก”

“ไม่ได้ เดี๋ยวมันจะเย็นก่อน ถ้าหมูปิ้งมันเย็นมันก็ไม่อร่อยดิ แล้วอีกอย่างที่กูมา— อึก!“

ไม่ทันได้สารธยายให้จบ หมูปิ้งร้อนๆ ก็ยัดเข้ามาในปากทันที ควันได้แต่ตาเหลือกหันมามองคนที่นั่งข้างๆ ทั้งๆ ที่หมูปิ้งยังคาอยู่ในปากทั้งไม้ แถมไอ้ตัวขาวๆ ยังยื่นถุงข้าวเหนียวมาจ่อปากเขาทั้งถุงอีก มันน่าจับตีจริงๆ

“กินเร็วๆ สิ เดี๋ยวข้าวเหนียวเย็นก่อน มันจะไม่อร่อยนะ”

ควันจะเถียงกลับก็ไม่ได้ เพราะมือก็ต้องจับพวงมาลัย ตาก็ต้องดูถนน แถมปากยังโดนยัดเยียดหมูปิ้งพร้อมข้าวเหนียวเข้ามาอีก 

ฝากไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่จะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลย หื้ม!



*



เมื่อมาถึงที่คณะ ทั้งไอติมและควันก็เป็นที่จับตามองของเพื่อนๆ ที่นั่งล้อมวงกันอยู่ที่พื้น แถมรุ่นพี่ก็ยังมองมาที่พวกเขาเป็นตาเดียว ไอติมไม่ได้คิดอะไรมากมาย ยกมือสวัสดีพี่ๆ แล้วก็เดินไปนั่งต่อแถวกับเพื่อนคนอื่นด้านหลัง โดยที่ควันก็ตามมานั่งติดๆ เช่นเดิม

“น้องๆ มากันครบรึยังคะ ไหนใครยังไม่มีป้ายชื่อบ้าง ยกมือขึ้นเร็ว”

พี่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าพูดเสียงดัง พอได้ยินอย่างนั้นไอติมก็รีบค้นในกระเป๋าตัวเองแล้วหยิบป้ายชื่อที่ได้มาตั้งแต่เมื่อวานมาห้อยคอเรียบร้อย แล้วแรงสะกิดจากคนข้างๆ ที่ทำตัวเหมือนแมลงหวี่แมลงวันกวนเขาอยู่ทั้งวันก็ถามขึ้น

“ทำไมมีป้ายชื่อ กูไม่เห็นจะมี”

“ก็ป้ายชื่อตั้งแต่เมื่อวาน ของมึงอยู่ไหนล่ะ”

“ทิ้งไปแล้ว”

“ทิ้งไปแล้วก็ขอใหม่ดิ มาบอกกูอย่างนี้ กูคงจะเสกป้ายชื่อให้ได้มั้ง”

ควันมองคนตัวเล็กที่พูดอย่างไม่แยแส แถมยักไหล่ให้เขาแล้วหันหน้าหนีอีก ให้มันได้อย่างนี้สิ เรียกร้องความสนใจขนาดนี้ยังไม่สนใจได้ยังไง หล่อขนาดนี้ คนมองขนาดนี้ แต่ไอติมไม่สนใจเขาเลยสักนิด ควันคิดว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ

“น้องควันยังไม่ได้ป้ายชื่อใช่มั้ยจ๊ะ”

“ครับ”

โชคดีที่รุ่นพี่ที่เดินผ่านมาด้านหลังเห็นว่าเขายังไม่มีป้ายชื่อ ควันเลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป แล้วรับป้ายชื่อที่รุ่นพี่เขียนให้ใหม่มาคล้องคอ แอบเหล่มองคนตัวเล็กที่เท้าคางนั่งเล่นเกมฆ่าเวลารอเพื่อนๆ อยู่ก็อดไม่ได้ที่จะชะโงกหน้าเข้าไปดู พอเห็นว่าเกมที่ไอติมเล่นอยู่คือเกมอะไรก็อดที่จะยิ้มขำไม่ได้

“เล่นเกมปลูกผักเหรอ เด็กน้อยจังวะ”

“ยุ่งหน่า”

ว่าแล้วก็ทำหน้ามุ่ย หันหลังหนีเขาแล้วก็นั่งรดน้ำ พรวนดินต่อในมุมของตัวเอง เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ กวนก็แล้ว เรียกร้องความสนใจก็แล้ว ไปรับไปส่งถึงคอนโดก็แล้ว ยังไม่สนใจกันอีก

Rrrrrrrrrr

ในขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ เกี่ยวกับคนข้างๆ เสียงโทรศัพท์ของควันก็ร้องดังขึ้น เมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นใคร ควันก็ไม่ลังเลที่จะรับสายทันที

“มีอะไรวะหมอก”

[มึงอยู่ไหน]

“กูอยู่ที่คณะ”

[แล้วจะกลับตอนไหน]

“ไม่รู้ว่ะ พึ่งมาถึง พวกพี่ๆ ยังไม่เริ่มกิจกรรมอะไรสักอย่าง รอเพื่อนมาให้ครบก่อน แล้วสรุปมีอะไรวะ”

[ไม่มีอะไรมากหรอก แค่บรรดาเมียมึงมายืนทะเลาะกันอยู่หน้าห้องเนี่ย กูเคลียร์เท่าไรก็ไม่ยอมกลับ บอกจะเจอมึงให้ได้ จะเอาไง งั้นกูบอกให้ไปเคลียร์กับมึงที่คณะมึงเลยแล้วกันนะ กูจะนอนแล้ว]

“เดี๋ยวๆๆๆ ไม่ต้องให้มาเลย มึงจะจัดการยังไงก็ได้ แต่ไม่ต้องให้มาเจอกู” ควันรีบพูดอย่างตื่นตระหนก เสียงลนๆ ของเจ้าตัวนั้นเรียกให้หลายสายตารวมถึงไอติมหันมามองกับท่าทีแปลกๆ ของควันในเวลานี้ได้ไม่ยาก

[มึงสร้างปัญหาไว้ แล้วต้องให้กูจัดการให้อีกแล้วใช่มั้ย]

“เออ จัดการเลย มึงอยากทำอะไรก็เชิญ”

[เบื่อแล้วเหรอ กูว่าก็สวยดีนะ]

“เออ กูเบื่อแล้ว มึงอยากสอยไปสักคนก็เชิญ กูไม่เอาแล้ว”

[กูไม่กินของเหลือจากมึงหรอกน้องรัก แค่นี้นะ แล้วที่เหลือเดี๋ยวพี่หมอกจะจัดการเอง]

สายตัดไปแล้ว ควันถึงได้หายใจหายคอได้สะดวก เรื่องจัดการปัญหาต่างๆ ที่เขาก่อต้องยกให้แฝดพี่สุดที่รักเท่านั้น หมอกนั้นเป็นทุกอย่างให้ควันแล้ว เป็นทั้งพี่ เป็นทั้งเพื่อน เป็นคนหาอาหารให้กิน เป็นคนเก็บศพเวลาเขาเมา เป็นกระทั่งคนบอกเลิกบรรดาผู้หญิงในสต็อกของควัน ชีวิตนี้ไม่มีหมอก ควันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะฝากชีวิตไว้กับใครได้อีก




“เอาล่ะค่ะ ในเมื่อน้องๆ มากันครบแล้ว ขอให้น้องๆ จับกลุ่มกลุ่มละ 4 คนตอนนี้เลยค่ะ”

เสียงของรุ่นพี่ดังขึ้นแล้วเพื่อนๆ ก็เริ่มจับกลุ่มตามคนที่นั่งใกล้ๆ กันอย่างรวดเร็ว ไอติมหันมามองหน้าควันอย่างงงๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขารู้จักกันเองเพียงแค่สองคน ทีนี้ก็หาเพื่อนอีกสองคนให้ครบ ควันจึงหันหน้าไปทางขวา เจอเพื่อนที่นั่งนิ่งๆ เสียบหูฟังราวกับไม่สนใจโลกอยู่ ควันเลยสะกิดที่ต้นขาเบาๆ คนๆ นั้นจึงเงยหน้าขึ้นมามอง

“มีกลุ่มยัง มาอยู่ด้วยกันมั้ย”

“หืม? กลุ่มอะไร” เหมือนว่าเพื่อนคนนี้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารุ่นพี่ให้ทำอะไร ก็แน่ล่ะสิ เสียบหูฟังตัดขาดจากโลกภายนอกขนาดนั้น

“พี่เขาให้จับกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน”

“เออๆ อยู่ด้วยก็ได้”

ด้านไอติมที่หันไปหาเพื่อนใหม่อีกคนเพื่อรวบรวมสมาชิกในกลุ่มให้ครบ 4 คน ก็เห็นคนที่กำลังนั่งอ้าปากหาวนอนไม่แคร์สายตาใครอยู่ด้านหลังสุด เลยรีบไปทักทันทีก่อนที่จะมีคนอื่นมาแย่งชิงตัวไป

“มาอยู่กลุ่มกับพวกเรามั้ย ขาดอีกหนึ่งคนพอดี”

“ได้ๆ อยู่ด้วยก็ได้”

หัวกลมๆ ของเพื่อนใหม่พยักเร็วๆ เหมือนเห็ดพองฟู พอได้สมาชิกครบแล้ว พวกเขาทั้งสี่คนก็นั่งหันหน้าเข้าหากันเป็นวงกลม รอฟังตามทำสั่งของรุ่นพี่ต่อไป และระหว่างรอให้เพื่อนๆ จับกลุ่มกันให้เรียบร้อย ไอติมเลยถือโอกาสนี้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ไปในตัว เผื่อจะได้หนีควันได้เสียที

“เราชื่อไอติมนะ ชื่ออะไรกันเหรอ”

“ชื่อควัน” แล้วเสียงแมลงหวี่แมลงวันก็ดังขึ้นอีกครั้ง ไอติมมองคนขี้แกล้งที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วก็ตีที่ต้นขาอย่างหมั่นไส้

“ไม่ได้ถาม”

“ก็อยากตอบ”

“เหอะ...ไม่คุยด้วยล่ะ...แล้วสรุปพวกนายชื่ออะไรกันล่ะ”

“เราชื่อพีช” เจ้าของทรงผมเห็ดกลมๆ ตอบพลางลูบผมเห็ดของตัวเองให้เรียบร้อย รอยยิ้มกว้างๆ นั้นดูจริงใจ และดูน่าคบหากว่าไอ้คนที่นั่งข้างๆ ไอติมเป็นไหนๆ

“ชื่อวินทร์”

คนที่นั่งเงียบมาตลอดเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก ไอติมพยักหน้าหงึกหงัก แล้วก็พยายามจะคุยกับเพื่อนใหม่ทั้งสองคน เผื่อจะได้ติดสอยห้อยตามไปได้เมื่อถึงวันที่เปิดเทอมจริงๆ ถึงเวลานั้นแหละ ไอติมจะหนีควันให้ได้เลยคอยดู

“เอาล่ะค่ะ น้องๆ ทำความรู้จักกับเพื่อนในกลุ่มแล้วใช่มั้ย ทีนี้เพื่อนทุกคนคงจะอยากรู้จักน้องๆ กันแล้ว พี่จะให้ยืนขึ้นทีละกลุ่ม แล้วแนะนำตัวให้เพื่อนๆ รู้จักนะคะ บอกชื่อจริง ชื่อเล่น ก็พอจ้า กลุ่มด้านหน้าเริ่มก่อนเลย”

ไอติมนั่งตบมือเปาะแปะให้กับกลุ่มแรกที่ยืนขึ้นแนะนำตัว กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าค่อยๆ ผ่านไป จนเมื่อมาถึงแถวท้ายๆ ที่พวกเขาทั้งสี่คนนั่งอยู่ด้วยกัน เมื่อคนสุดท้ายของกลุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาพูดเสร็จ เสียงปรบมือก็ดังอีกครั้ง

กลุ่มของไอติมยืนขึ้นพร้อมกันทั้งสี่คน และเรียกปรบมือและเสียงหวีดร้องขึ้นอย่างล้มหลาม ไอติมแอบตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มแนะนำตัว

“สวัสดีครับ ผมชื่อเหมันต์ วัฒนาวุฒศกุล ชื่อเล่นชื่อไอติมครับ”

“น้องไอติมมมมมมมม วู้ววววววววววววว”

เสียงรุ่นพี่ปรบมือแถมส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดดังไม่ขาดสาย ไอติมได้แต่ยิ้มเขินๆ แล้วก็เกาหัวแก้เก้อ หลังจากไอติมแนะนำตัวจบคนถัดมาก็แนะนำตัวต่อ

“ผมชื่อควัน ชื่อจริงชื่อกวิน วรกุลครับ”

“แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยสุดหล่อออออออออออ”

เสียงรุ่นพี่สาวประเภทสองกัดผ้าแถมกรี๊ดใส่ไมค์บ่งบอกว่าชอบนักชอบหนา ยังไม่นับรวมสาวๆ หลายคนที่เอามือกุมอก ทำหน้าเพ้อๆ เหมือนเมากาวอีกเป็นสิบ

“ผมชื่อชวินทร์ กรรณฑลักษณ์ ชื่อเล่นชื่อวินทร์ครับ”

อีกคนที่ได้รับเสียงกรี๊ดกร๊าดไม่แพ้ควันและไอติม และคนสุดท้ายก็ยิ้มกว้างก่อนจะแนะนำตัวเองบ้าง

“ผมชื่อพิชชากร ศเวตภัทร ชื่อเล่นชื่อพีชครับ”

เสียงปรบมือเกรียวกราวและเสียงกรี๊ดกร๊าดออกนอกหน้าดังขึ้นทันทีที่พีชพูดจบ เป็นการฟอร์มทีมที่เยี่ยมจนทุกคนแทบจะน้ำตาไหล ต้องเรียกกลุ่มนี้ว่า ‘ของดีแห่งคณะแพทยศาสตร์’ ของดีงานพรีเมี่ยมที่ไม่รู้ว่าอีก 5 ปีต่อจากนี้จะมีรุ่นไหนจับกลุ่มได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้อีก

ควันที่มีชื่อเสียงเรียงนามมาตั้งแต่ยังไม่เข้ามหาวิทยาลัย ความหล่อที่แพร่สะพัดไปทุกโซเชี่ยลนั้นเป็นหลักฐานชั้นดีว่างานดีแค่ไหน ส่วนไอติมที่ราวกับมีสปอร์ตไลท์ติดตัวเพราะความขาว บวกกับใบหน้าน่ารักๆ ที่ดูหวาน ดูนุ่มละมุนไปทุกส่วน ดูเหมือนก้อนมาร์ชเมลโล่นั้นก็น่ารักจนหลายคนต้องกุมใจ แล้วยิ่งมาเจอกับวินทร์ที่สูงชะลูด ใบหน้าหล่อแบบฉบับไทยๆ แถมมีไรหนวดขึ้นเล็กน้อย อีกทั้งยังดูขรึมๆ นั้นถูกใจเหล่าแม่ยกนัก ส่วนคนสุดท้ายอย่างพีชนั้นก็ไม่น้อยหน้าเพื่อนในกลุ่มเลยสักนิด ด้วยรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าขาวเนียนไร้ที่ติจนผู้หญิงยังอาย ทรงผมเห็ดพองๆ นั้นดูรับกับตากลมๆ ที่สดใสอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งรอยยิ้มของพีชนั้นยังสดใสจนใครที่มองก็รู้สึกสดชื่นไปตามๆ กันนั้นอีก

บอกเลยว่ากลุ่มนี้มีแต่ ปัง! ปัง! แล้วก็ปัง!

“กลุ่มนี้มีชื่อกลุ่มว่าอะไรจ๊ะ” รุ่นพี่สาวประเภทสองถามขึ้นขณะที่กลุ่มของไอติมกำลังจะนั่งลง ไอติมมองตาเพื่อนในกลุ่มอย่างเลิ่กลั่ก ไม่เห็นกลุ่มอื่นต้องมีชื่อกลุ่ม แล้วทำไมถึงมาถามหาชื่อกลุ่มจากพวกเขากันล่ะ

“เออ...ต้องมีชื่อกลุ่มด้วยเหรอครับ” พีชถามอย่างไม่แน่ใจ

“กลุ่มอื่นไม่มีไม่เป็นไร แต่กลุ่มนี้ต้องมี คิดออกมั้ยจ๊ะว่าจะชื่อกลุ่มอะไร ถ้าคิดไม่ออกเดี๋ยวพี่คิดให้” พี่สาวประเภทสองคนเดิมยังคงพยายามช่วยคิด แต่พวกเขาทั้งสี่คนก็ได้แต่ยืนยิ้มแหย่ๆ เพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไง

“งั้นพี่คิดให้พวกเราก็ได้ครับ” ไอติมบอกรุ่นพี่กลับไป แล้วเธอก็เดินดุ่มๆ มาหาพวกเขา ก่อนจะเข้ามายืนแทรกกลางระหว่างควันและวินทร์ ไม่พอยังคล้องแขนทั้งสองข้างอย่างถือวิสาสะอีกด้วย

“ชื่อกลุ่มว่า F4 ไงจ๊ะ หล่อขนาดนี้พี่คิดออกแค่ F4 เท่านั้น และคนที่จะเป็นซานไช่จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่เมญ่าคนนี้นี่เองค่า!!”




ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 4
กฎของการเป็นเพื่อนสนิท



นับตั้งแต่วันนั้นที่เกิดการรวมตัวของกลุ่ม F4 ของคณะแพทยศาสตร์โดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาทั้งสี่คนก็เกาะกลุ่มไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอมา เวลาเรียนก็จะจับกลุ่มนั่งด้วยกัน พอเลิกคลาสก็จะออกไปเที่ยวด้วยกันเป็นประจำจนทุกคนเริ่มจะสนิทใจกันแล้ว

“...สำหรับวันนี้เราจะหยุดไว้ที่สไลด์นี้นะคะนักศึกษา แล้วเจอกันใหม่คาบหน้า อย่าลืมส่งใบงานที่บ็อกซ์ของอาจารย์ด้วยล่ะ”

อาจารย์ปิดไมค์เสร็จ ทุกคนในห้องก็เริ่มเก็บของและรีบออกจากห้องสโลป ส่วนด้านบนสโลปที่ปรากฏกลุ่มที่ใคร ๆ ก็ต้องเหลี่ยวมองก่อนออกจากห้องเรียน...

พีชที่นั่งอยู่มุมด้านในสุดกำลังเริ่มเก็บชีทเรียนใส่กระเป๋า ถัดจากพีชก็เป็นวินทร์ที่ยังขมวดคิ้วกับสไลด์ล่าสุดที่อาจารย์ค้างไว้ ต่อจากวินทร์ก็เป็นควันที่พึ่งเงยหน้าขึ้นมาหลังจากฟุบหน้าหลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ส่วนไอติมก็ดึงเสื้อกันหนาวของตัวเองที่ควันพึ่งเอาไปทำเป็นหมอนมาสวมใส่คลายความหนาว

“ไปไหนกันต่อดี บาบิก้อนดีม่ะ”

พีชเสนอขึ้นเมื่อออกมาจากห้องเรียนแล้ว ควันหาวนอนไปหนึ่งครั้งก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก ส่วนวินทร์ก็เออออตามด้วย ติดแต่คนตัวเล็กสุดในกลุ่มที่ยังไม่ยอมตอบตกลง

“ไอติมล่ะ ไปกินเนื้อย่างกันรึเปล่า” พีชถามไอติมที่ยังไม่ตอบตกลง คนตัวเล็กที่สุดได้แต่กรอกตาไปมาอย่างไม่แน่ใจก่อนจะตอบ เพราะทุกคนกำลังรอคำตอบจากเขาอยู่

“เออ...วันนี้ไม่ไปด้วยได้ป่ะ ไม่ค่อยอยากกินเนื้อย่างเท่าไรอ่ะ”

“งั้นไปกินอย่างอื่นก็ได้ อยากกินอะไรล่ะ” ควันพูดขึ้นมาทันที

“ไม่อ่ะ กูว่าจะกลับห้องไปนอนสักหน่อย พวกมึงไปกินกันเลยเถอะ” ไอติมปฏิเสธอีกครั้ง

“แต่...”

“เออ ไปกินสามคนก็ได้เหอะ กูหิวจะตายแล้ว”

ควันที่จะกำลังจะแย้งไอติมได้แต่หุบปากฉับ เมื่อวินทร์พูดขึ้นมาแล้วยกมือลากคอควันให้เดินตามพวกเขาไป ไอติมได้แต่โบกมือไล่ควันที่ยังไม่หยุดวอแวจนเมื่อทั้งสามคนเดินออกไปแล้ว ไอติมจึงหันปลายเท้าไปอีกทางหนึ่ง

เป็นเพราะเมื่อคืนไอติมนอนดึกเกินไป เนื่องจากต้องนั่งทบทวนบทเรียนและอ่านหนังสือล่วงหน้าเพื่อจะได้ตามให้ทันเพื่อน ๆ ไม่เหมือนกับควันที่เข้ามานอนในห้องเรียน ตื่นมาก็เข้าใจทุกอย่าง ไอติมไม่ได้เก่งขนาดนั้น ที่เขามาถึงจุด ๆ นี้ได้ก็เพราะความขยันเสียมากกว่า ตอนนี้เขาเลยยิ่งต้องขยันกว่าตอนมัธยมอีกหลายร้อยเท่า เพื่อที่จะได้ตามคนอื่นให้ทัน

“แกว่าเดือนปีนี้เอาใครดีวะ”

ในขณะที่กำลังเดินไปยังลานจอดรถ เสียงด้านในห้องสโมสรนักศึกษาก็ลอยเข้าโสตประสาทเสียก่อน ไอติมจึงเผลอหันไปมองรุ่นพี่ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่ด้านในโดยไม่รู้ตัว

“ดาวอ่ะมีตัวเต็งแค่น้องน้ำหนึ่งคนเดียว แต่เดือนนี่เครียดจริง มีแต่คนหล่อ ๆ ฉันเลือกไม่ได้”

“ที่เตะตาสุดก็คงจะกลุ่ม F4 นั้นแหละ หล่อแบบสิ้นเปลืองมาก แถมถ้าใครในนี้ได้เป็นเดือน ยังไงมันก็มีกระแสอ่ะ เพราะทุกคนในมอแทบจะรู้จักกลุ่มนี้หมดแล้ว”

“ถ้าจะเลือกกลุ่ม F4 ก็ต้องตัดน้องควันออกไปเลย ถึงน้องควันจะหล่อลากขนาดไหน แค่ถ้าทางนิติฯ ส่งน้องหมอกมาเราจะทำยังไง”

“ก็จะมีเดือนหน้าเหมือนกันไง”

“แล้วทุกคนก็จะงงว่าต้องเชียร์แพทย์หรือนิติกันแน่ เพราะหน้าเหมือนกัน”

“ถ้าตัดน้องควันออกไป ฉันก็ขอโหวตน้องวินทร์แล้วกัน บอกเลยว่าถ้าได้ลงประกวดนะ แม่ยกเยอะแน่”

“ไม่อ่ะ ฉันว่าน้องวินทร์เงียบไป ไม่ผ่าน ๆ”

“ถ้าไม่เอาน้องวินทร์ งั้นก็เหลือแค่น้องไอติมกับน้องพีช”

ไอติมไม่รู้ว่าตัวเองแอบยืนฟังรุ่นพี่ในสโมสรคุยกันนานแค่ไหน จนกระทั่งสัมผัสเบามือที่วางอยู่บนกระหม่อมของเขาทำให้ไอติมสะดุ้ง แล้วต้องเงยหน้ามองว่าใครมาจับหัวเขาอย่างนี้ พอได้เห็นตัวการนั้นไอติมถึงกับพูดไม่ออกทันที

“ไง มาแอบทำอะไรแถวนี้”

“พะ...พี่กร”

ไอติมแทบจะพูดไม่ออก หัวใจเต้นเร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ และเพราะบทสนทนาของพวกเขาถึงทำให้ทุกคนในสโมสรนักศึกษาหันมามองเป็นตาเดียว เมื่อเห็นว่าเดือนรุ่นพี่กำลังคุยกับ(ว่าที่)เดือนปีล่าสุดอยู่ ทุกคนในห้องที่กำลังถกเถียงกันว่าจะเลือกไอติมหรือพีชกันแน่ จึงมีคำตอบในใจกันหมดทุกคนแล้ว

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้หืม? จะเข้าไปในห้องสโมฯ เหรอ” กรถามไอติมที่กำลังอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พอหันเข้าไปมองด้านในก็เห็นว่ารุ่นพี่เหล่านั้นก็มองมาที่ตนอยู่ พอหันมาหาพี่กรก็กำลังรอคำตอบจากเขาเช่นกัน

“เออ...ไม่ได้จะมาครับ แค่เดินผ่านเฉย ๆ...แล้วพี่กรล่ะ จะมาห้องสโมฯ เหรอครับ”

“อืม พวกรุ่นน้องเชิญพี่มาเลือกดาวเดือนปีนี้น่ะ”

“เอ๋? พี่กรก็เลือกด้วยเหรอครับ” ไอติมถามอย่างไม่เชื่อหู

“ก็ใช่น่ะสิ อยากเป็นเดือนรึเปล่าล่ะ พี่เส้นใหญ่นะ” กรพูดขำ ๆ เห็นหน้าน้องที่ยิ้มแหย ๆ แล้วน่ารักชะมัด คนอะไรทำไมถึงได้ดูน่าแกล้งได้ตลอดเวลาอย่างนี้ก็ไม่รู้

“ถ้าเส้นใหญ่จริงก็ลองทำให้ผมเป็นเดือนดูสิครับ เดี๋ยวผมจะรอดูเลย” ไอติมพูดทีเล่นทีจริง พอได้อยู่กับพี่กรอย่างนี้ ถึงไอติมจะรู้สึกเพียงแค่คนเดียวก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้ใกล้ชิดเหมือนเดิมก็ดีมากแค่ไหนแล้ว...

.

.

“อะไรนะ!! ไอติมได้เป็นเดือนปีนี้เหรอ”

พีชที่ตากลมโตอยู่แล้ว ยิ่งเบิกกว้างไปอีกด้วยความตกใจปนดีใจเมื่อได้รู้ข่าวจากปากไอติมเอง

“อย่าพึ่งไปบอกเรื่องนี้กับเพื่อนคนอื่นล่ะ นี่ก็พึ่งรู้เมื่อช่วงเย็นเมื่อกี้เอง”

ไอติมนึกไปถึงตอนที่ลงจากแลปไบโอแล้วกำลังจะกลับบ้าน แต่ว่าพี่เมญ่ากลับเดินมาทักเขาเสียก่อน



‘น้องไอติมว่างรึเปล่าจ๊ะ’

‘ครับ มีอะไรเหรอ’

‘พี่จะมาบอกว่าน้องไอติมได้รับโหวตจากทุกคนในสโมสรให้เป็นเดือนคณะเราอ่ะจ๊ะ น้องไอติมโอเครึเปล่าจ๊ะ’

ไอติมนึกถึงพี่กรทันที ที่บอกว่าเส้นใหญ่นักหนา ต้องเป็นพี่กรแน่ๆ เลย ทุกคนถึงได้โหวตให้เขาอย่างนี้

‘พี่ ๆ คิดดีแล้วเหรอครับ ถึงได้เลือกผม’ ไอติมถามอย่างไม่แน่ใจ และเมญ่าก็รีบโบกไม้โบกมือเป็นพัลวันไม่ให้ไอติมหนักใจ

‘คิดดีแล้วสิจ๊ะ แถมพี่กรก็มั่นใจสุด ๆ ว่ายังไงไอติมก็ต้องเป็นเดือนคณะเรา แล้วจะปั๊วสุด ๆ อดีตเดือนมหา’ลัย คอนเฟิร์มอย่างนี้ พี่จะปฏิเสธได้ไงล่ะจ๊ะ’

‘อะไรนะครับ อดีตเดือนมหา’ลัยงั้นเหรอ?’

‘ก็ใช่สิจ๊ะ น้องไอติมไม่รู้เหรอว่าพี่กรเป็นเดือนมหา’ลัยเมื่อสองปีก่อน วันนั้นเห็นยืนคุยกันอยู่หน้าห้องสโมฯ นึกว่าจะสนิทกันเสียอีก’



“เป็นเดือนคณะเรา แล้วต้องไปแข่งเดือนมหา’ลัยต่อน่ะเหรอ” วินทร์พูดขึ้นมา เรียกสติของไอติมให้กลับมา ณ ปัจจุบัน ซึ่งพวกเขากำลังนั่งอ่านหนังสือกันที่ห้องของพีช ไอติมจึงอมยิ้มแล้วตอบรับเสียงเรียบ

“อืม”

“ไม่เป็นไม่ได้เหรอวะ กูว่ามันหนักมากเลยนะ เรียนคณะเราก็หนักแล้ว ยังจะเอาเวลาไปทำกิจกรรมพวกนั้นอีก เสียเวลาชีวิตเปล่า ๆ” ควันบ่มพึมพำ ตั้งแต่ที่รู้ว่าไอติมได้เป็นเดือนคณะ จนตอนนี้ยังไม่หยุดหน้าบูดเลย

“มึงจะกีดกันไอติมทำไม หรือว่ามึงอยากจะเป็นเดือนเองวะ” พีชถามอย่างหมั่นไส้ ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาก็เห็นควันตามขัดไอติมมันเสียทุกครั้งไป ไอติมนี่ก็แปลก ยอมควันทุกครั้งจนบางทีพีชอยากจะด่าควันแทนไอติมสักครั้ง

“เป็นทำไมวะเดือน อยู่เฉย ๆ กูก็หล่อและดังกว่าเดือนอีกมั้ง”

“หลงตัวเองเป็นที่หนึ่งจริง ๆ” วินทร์หลุดขำกับคำพูดของควัน ส่วนพีชก็ได้แต่กรอกตามองบนแล้วหันมาสนใจหนังสือเรียนแทนที่จะสนใจควันเสียดีกว่า

“ทำไมพวกมึงทำหน้าอย่างนั้น กูพูดความจริงนะเว้ย”

“เอาที่มึงสบายใจแล้วกันควัน พวกกูขออ่านหนังสือต่อดีกว่า”

ไอติมพูดปิดท้ายแล้วยกหนังสือขึ้นมาอ่านทำเอาควันถึงกับไปต่อไม่ถูก บ่นงึมงำอยู่คนเดียวอีกครั้งและสุดท้ายก็หันมาอ่านหนังสือต่อเพราะเรื่องที่เรียนไปวันนี้ก็นั่งหลับตั้งแต่ต้นคาบยันท้ายคาบ ถ้ายังไม่อ่านอีก สงสัยจะได้โดนรีไทร์ตั้งแต่เทอมแรกแน่นอน



*



หลังจากประกาศตำแหน่งดาวและเดือนของคณะแพทยศาสตร์ ไอติมก็เริ่มทำกิจกรรมกับกองประกวดและต้องแบ่งเวลาสำหรับทำกิจกรรม เรียน และอ่านหนังสือไปพร้อม ๆ กัน ทุกวันไอติมจะได้นอนไม่ถึงสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าสภาพของเดือนคณะนั้นแทบจะโทรมไม่ต่างจากผีดิบเลยสักนิด

“ไอติม...ไอติม”

“หืม?”

ใบหน้าขาวยับยู่ งัวเงียขึ้นมาจากฝันหวาน แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเพื่อน ๆ ในห้องกำลังเก็บของแล้วเดินออกจากห้องเรียนกันไปหมดแล้ว

“นี่กูเผลอหลับไปเหรอ”

หันมามองหน้าควันที่ปลุกเขาตื่นเสร็จก็เก็บของเข้ากระเป๋า พอมองเลยไปก็ไม่เห็นเพื่อนคนอื่นนั่งอยู่แล้ว ไอติมจึงถามขึ้นมาอีกประโยค

“แล้ววินทร์กับพีชหายไปไหนอ่ะ”

“กลับไปแล้ว พีชรีบกลับบ้าน ส่วนไอ้วินทร์รีบไปขี้”

“อ๋อ วันนี้วันศุกร์นี่นา พีชเลยต้องกลับบ้าน” ไอติมพึมพำอยู่คนเดียวเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ เห้อออ พรุ่งนี้วันเสาร์ เขาจะนอนเอาแรงทั้งวันเลย คอยดูสิ

“แล้วนี่ต้องไปกองประกวดมั้ย กูจะได้ไปส่ง”

“อืม ไปสิ”

หลังจากเก็บของเสร็จ ทั้งสองคนก็เดินไปที่รถของควันอย่างคุ้นเคย ตั้งแต่เริ่มทำกิจกรรมกับกองประกวด ควันก็มักจะอาสามาส่งอย่างนี้ทุกวันจนไอติมเริ่มชินเสียแล้ว บางทีมีคนขับรถให้ก็ดีเหมือนกันเพราะเขาปวดหัวกับการจราจรในมอเหลือเกิน

“ถึงแล้ว...เลิกเวลาเดิมใช่มั้ย”

“อืม สี่ทุ่มเวลาเดิม กูไปล่ะ”

ไอติมโบกมือลาแล้วรีบลงจากรถเมื่อเห็นว่าตอนนี้เขาเลทมาเกือบห้านาทีแล้ว เมื่อมาถึงอาคารที่ใช้ทำกิจกรรมก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องทันที โชคดีที่พี่เจสสิก้า (ชื่อจริงชื่อว่าเจตน์) พึ่งเริ่มจับไมค์พูด ก็ถือว่าเขาทันเวลาหวุดหวิดแหละนะ

“ติม วันนี้ทำไมสายวะ” ไอติมหันไปทาง เคน เดือนคณะทันตแพทย์ ที่ถามเขาเมื่อไอติมนั่งลงข้างกัน

“อาจารย์ปล่อยช้าน่ะ แถมรถก็ติดอีก”
 
“เออ ๆ อย่างน้อยก็ยังมาทันก่อนจะเริ่มกิจกรรม วันนี้พี่กรกับพี่แจนจะมาด้วยนะ พี่เจตน์บอกก่อนที่มึงจะเข้ามาอ่ะ”

ชื่อของพี่กรทำเอาไอติมหัวใจเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง ดวงตากลม ๆ นั้นหันมองเคนเพื่อจะถามย้ำอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ถาม ประตูห้องก็เปิดออกมา ก่อนที่พี่กรและพี่แจน...อดีตดาวและเดือนมหาวิทยาลัยเมื่อสองปีก่อนจะเดินเข้ามา

ไอติมพึ่งรู้ตอนนี้ว่าติวเตอร์ของเขาเมื่อสองปีก่อนนั้นฮอตมากแค่ไหน ไอติมรู้อยู่แล้วว่าพี่กรหล่อมาก ๆ หล่อจนไอติมยังเคยอิจฉาความหล่อของพี่กรเลย แต่เขาไม่คิดเลยว่าพี่กรจะดังมากขนาดนี้ ยิ่งเดินมาคู่กับพี่แจนแล้วยิ่งดูเหมาะสมกับตำแหน่งที่ทั้งคู่ได้รับจริง ๆ

“กรี๊ดกันเสร็จรึยังคะหนู ๆ ถ้าเสร็จแล้วพี่เจสสิก้าคนสวยจะได้สัมภาษณ์พี่กร อดีตผัวเจ๊เอง”

“เดี๋ยวก่อนไอ้เจตน์ มึงว่าอะไรนะ” พี่กรรีบแย้ง ตาแทบถลนกับประโยคเมื่อครู่ของพี่เจตน์

“ก็บอกว่าอย่าเรียกชื่อนั้น ให้พ่อกูเรียกคนเดียวก็พอ...เห็นว่าเป็นผัวเก่าฉันหรอกนะ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยไปก่อน” เจตน์จิกตาใส่อดีตเดือนมหา’ลัยไปที แล้วทำท่าจะโผเข้ากอดเอวกรให้เด็ก ๆ อิจฉาเล่น

“ทำอะไรเกรงใจแฟนเขาที่ยืนอยู่ตรงนั้นหน่อยเหอะนังเจตน์”

เสียงของรุ่นพี่คนหนึ่งดังขึ้นมา พร้อมเสียงโห่ใส่พี่เจตน์ ปนกันไปกับเสียงแซวสองคนที่ยืนอยู่บนเวที และอาการของพี่กรและพี่แจนก็ทำให้ไอติมได้รู้เสียทีว่าคนที่อยู่ในใจพี่กรมาตลอดสองปีก็คือพี่แจนนั้นเอง

เดือนมหา’ลัยคบกับดาวมหา’ลัย...

จะมีอะไรเหมาะสมไปมากกว่านี้อีกงั้นเหรอ...



*



หลังจากออกมาจากอาคารที่ใช้ทำกิจกรรม ไอติมก็เดินไปตามทางเดินด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป หัวใจที่มันด้านชาอยู่แล้วเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นค่อย ๆ บีบรัดจนไอติมรู้สึกหายใจไม่ออก...จู่ ๆ ก็รู้สึกอยากร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมต้องเป็นเขาคนเดียวที่รู้สึกกับพี่กร ในขณะที่พี่กรนั้นก็มีความสุขกับพี่แจน...

“ไอติม! จะไปไหนวะ!”

เสียงตะโกนเรียกจากด้านหลังทำให้ไอติมหยุดชะงักแล้วหันกลับไปมอง เห็นควันที่วิ่งเหยาะ ๆ มาทางที่เขายืนอยู่ ก่อนจะหยุดหอบเล็กน้อยตรงหน้า ไอติมถึงนึกขึ้นได้ว่าเขานัดให้ควันมารับนี่นา

“มึงมารอนานแล้วเหรอ” ไอติมถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า รีบปรับสีหน้าในความมืดให้เป็นปกติก่อนที่ควันจะสังเกตเห็นเสียก่อน

“ก็มารอนานแล้วดิ เห็นมึงเดินเหมือนไม่มีสติมาทางนี้ กูเลยต้องรีบวิ่งมาตามมึงกลับไปที่รถไง”

“กูลืมน่ะว่าให้มึงมารับ ขอโทษที”

“เออ ช่างมันเถอะ มึงจะไปเที่ยวกับพวกกูมั้ย” ควันบอกปัดก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง ไอติมจึงเงยหน้ามองคนชวนอย่างแปลกใจ

“ไปไหน”

“ผับ XXX มีกู ไอ้วินทร์ แล้วก็ไอ้พีช”

ไอติมนิ่งคิดสักพัก ตั้งแต่จำความได้ เขาไม่เคยไปเที่ยวในที่อโคจรอย่างนี้เลย ถ้าไปครั้งนี้คงจะเป็นการเปิดประสบการณ์ครั้งแรกของไอติม แต่เพราะความเหนื่อยล้าจากการทำกิจกรรมดาว-เดือน ทำให้ไอติมลังเลใจอยู่ไม่น้อย

“เอาไง ถ้าไม่ไปเดี๋ยวกูแวะไปส่งมึงก่อนก็ได้ แต่ถ้าจะไปก็ไปกันเลย” ควันไม่ได้เร่งอะไร แต่เขาก็อยากให้ไอติมไปด้วยกัน เพราะไหน ๆ เพื่อน ๆ ก็ไปกันครบแกงค์แล้ว ถ้าขาดไอติมไปเหมือนวันที่ไปกินบาบิก้อน คงจะกร่อยน่าดู

“อืม ไปสิ”

สุดท้ายไอติมก็ตกลง เพราะความอยากรู้อยากลองชนะทุกอย่าง ถึงจะเหนื่อยยังไง พรุ่งนี้ค่อยพักผ่อนทั้งวันก็คงไม่สายหรอก อีกอย่างลองกินเหล้าสักครั้งก็คงจะดี เผื่อน้ำเมาจะทำให้เขาลืมความเจ็บปวดลงไปได้บ้างสักนิดก็ยังดี



ผับ XXX

เสียงเพลงจังหวะหนัก ๆ และเหล่านักเต้นที่ออกลวดลายกันอยู่ตรงหน้านั้นค่อนข้างเป็นภาพที่แปลกใหม่สำหรับไอติม คนตัวเล็กถูกควันโอบไหล่เพราะกลัวจะถูกเบียดจนหลงกันเข้ามาในร้านจนถึงโซนวีไอพีที่มีวินทร์และพีชนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“มา ๆ ไอติมมึงนั่งนี่เลย”

พีชตบเบาะข้างตัวเอง ซึ่งไอติมก็นั่งลงโดยไม่ขัดอะไร ส่วนวินทร์ก็ยกมือเรียกพนักงานเพื่อขอแก้วใหม่มาให้เขา

“เอาอะไร เหล้าหรือเบียร์” พีชชี้ไปที่ของมึนเมาบนโต๊ะ ซึ่งมีทุกอย่างให้ไอติมเลือกสรร แต่เพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ไอติมจึงเลือกไม่ถูก

“อันไหนเมาเร็วกว่ากันอ่ะ กูเลือกไม่ถูก” ไอติมถามอย่างไม่แน่ใจ และคำถามนั้นก็ทำเอาทุกคนในโต๊ะตกใจไม่น้อย

“อย่าบอกนะว่ามึงไม่เคยกินเหล้ามาก่อน” พีช

“หน้าใส ๆ แบ๊ว ๆ อย่างนี้ กูก็ไม่คิดว่าแม่งจะใสจริงจนไม่เคยแดกเหล้ามาก่อนอย่างนี้” วินทร์

“นี่กูพาเด็กที่ไหนมาหัดแดกเหล้าครั้งแรกวะเนี่ย” ควัน

ไอติมมองเพื่อนทั้งสามคนที่ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองโดยไม่ได้นัดหมาย ก็กระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ และสุดท้ายควันก็พูดขึ้นกลางวง

“งั้นเอาน้ำโค้กให้มันเลยดีกว่า”

“ไม่เอา กูอยากเมา” ไอติมเถียงกลับทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น

“โหยยยย ไม่เคยกินมาก่อน มึงก็เปรี้ยวอยากเมาคาร้านเลยรึไง เอ้า ๆ งั้นไม่ต้องขัดศรัทธามัน จัดพี่ช้างให้มันไปเลย”

วินทร์พูดขึ้นแล้วรับแก้วจากพนักงานมาคีบน้ำแข็ง แล้วเทเบียร์ช้างจนเต็มแก้ว ก่อนจะยื่นไปตรงหน้าไอติม คนตัวเล็กสุดในกลุ่มมองแก้วตรงหน้าแล้วรับมาถือไว้ ในขณะที่รอวินทร์เทเบียร์ให้กับทุกคน พอทุกคนได้เบียร์กันครบแล้ว ก็ยกขึ้นชนแก้วกันจนครบ ไอติมทำตามแล้วลอบมองทุกคนที่ยกเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว ก็ยกขึ้นจิบตาม แต่เมื่อสัมผัสแรกที่ได้รับ ก็ทำเอาไอติมแทบจะคายเบียร์ทิ้งทันที แต่พีชที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุดก็รีบปิดปากเขาไว้ได้ทัน

“อย่าคายทิ้งนะเว้ย เสียดายของ”

สุดท้ายเขาก็พยายามกลืนของมึนเมาเหล่านั้นลงคออย่างยากลำบาก พอหายขมแล้ววินทร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็พูดขึ้นบ้าง

“ไหนว่าอยากเมาไงวะ แค่จิบเบียร์ไปแค่นั้นมึงก็จะคายเบียร์ทิ้งอยู่แล้ว”

“ก็มันขมนี่นา” ไอติมพูดเสียงเบา ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด เป็นเหตุให้วินทร์ที่พูดแดกดันไปต้องรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

“เอามานี่เลย เดี๋ยวกูกินให้เอง” ควันคว้าแก้วเบียร์มาจากไอติมและยกเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะสั่งโค้กกับพนักงานมาให้ไอติมที่นั่งหน้าจ๋อยอยู่ข้าง ๆ พีช

“กินโค้กไปก็พอแล้วมึงอ่ะ เอ้า เอาไปกินซะ” ควันยื่นโค้กให้ไอติมรับไป ไอติมเลยเทโค้กลงในแล้วเบียร์แก้วเดิมที่ควันพึ่งดื่มเบียร์ของเขาจนหมด แล้วจิบโค้กกินอย่างเซ็ง ๆ...ในขณะที่คนอื่นกินเบียร์กันราวกับน้ำเปล่า แต่เขากลับกินได้แค่โค้ก เด็กชะมัดเลย

“อยากลองกินโค้กผสมเหล้าสักช็อตมั้ยไอติม อร่อยอยู่นะ กูเคยกินช่วงหัดกินเหล้าใหม่ ๆ เดี๋ยวทำให้กิน” พีชที่นั่งข้าง ๆ เสนอขึ้นมา ไอติมจึงได้แต่เออออตามแล้วส่งแก้วเหล้าให้พีชชงให้ดื่ม

ไอติมมองพีชที่เปิดเหล้ามาแล้วเทเหล้าใส่ฝาขวด ก่อนจะเทลงแก้วโค้กของเขา แล้วใช้ที่คีบน้ำแข็งคนกันจนเกิดเสียง แล้วส่งให้ไอติมได้ชิม ไอติมจึงรับมาก่อนจะลองจิบดู

“เป็นไง”

“ไม่เหมือนกินเหล้าเลย อร่อยดี” ไอติมพึมพำแล้วยกโค้กกินอึกใหญ่ พีชเห็นแล้วก็อมยิ้มก่อนจะกระซิบบอกมือใหม่หัดดื่มให้ได้รู้

“กินอย่างนี้เมาเร็วกว่าที่พวกกูกินกันอีกนะ อย่ากินเยอะล่ะ เดี๋ยวเมาหัวทิ่มคาร้านแน่มึง”
.

.

คำเตือนของพีชดูเหมือนจะไม่เป็นผล เมื่อไอติมที่เพลิดเพลินกับโค้กผสมเหล้ายกของมึนเมาขึ้นดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า จนดวงตากลมนั้นเริ่มพร่าเบลอ สติเริ่มไม่อยู่กับตัว และเริ่มพูดไม่รู้เรื่องเสียแล้ว

“พีชชชชชชชช...ไอ้สองคนนั้นมันหายไปไหนว๊า” เสียงยานคางของเดือนคณะแพทยศาสตร์ถามขึ้น ดวงตาเยิ้ม ๆ นั้นกวาดตามองไปทั่ว แต่ก็ไม่เห็นทั้งวินทร์และควันเลย

“สงสัยไปสูบบุหรี่มั้ง...มึงนั่งให้มันตรง ๆ หน่อยดิวะไอติม มึงจะอ่อยกูรึไง” พีชมองคนที่เมาไปแล้วเลื่อยเขาอยู่อย่างนี้ หัวทุย ๆ ของไอติมนั้นซบอยู่ที่ไหล่ของเขา แถมลมหายใจมันยังรดอยู่ที่ตรงคอเขาอีก ที่มันต้องยั่วเขาอยู่แน่ ๆ เลย

“หืมมมมม กูอ่อยมึงเหรอ...กูปวดฉี่ว่ะ” ไอติมพึมพำ แล้วโงนเงนขึ้นมา ร่างเล็กทำท่าจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องฟุบลงกับที่เดิมเพราะไม่มีแรงจะเดิน และได้จังหวะพอดีกับที่ควันเดินเข้ามาถึงโต๊ะ พีชจึงรีบกวักมือเรียก

“มีอะไรวะ”

“เอาเพื่อนมึงไปเข้าห้องน้ำดิ ก่อนมันเยี่ยวรดกูเนี่ย” พีชหิ้วปีกไอติมส่งให้ควันรับไปดูแล ควันที่รับไอติมมาอย่างงง ๆ มองดูคนที่ทำตาปรือปรอยก็รู้แล้วว่าสติไอติมหายไปหมดแล้ว คงจะเมาโดยสมบูรณ์แบบแล้วสินะ

“แล้วทำไมมึงไม่พามันไปเข้าห้องน้ำเองวะ”

“ถ้ากูพามันไปเข้าห้องน้ำเอง กูกลัวจะได้จับมันทำเมียดิวะ ไอ้เชี่ยแม่ง เมาแล้วโคตรอ่อย กูจะบ้าตาย”

พีชพูดอย่างหัวเสีย แล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ควันได้ยินอย่างนั้นแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะหิ้วปีกไอติมไปทางห้องน้ำที่เขาพึ่งจากมา

.

.

ร่างสูงใหญ่หอบหิ้วคนตัวเล็กกว่าที่ไม่ได้สติมายังห้องน้ำที่มีนักดื่มหลายคนต่อคิวรอเข้าห้องน้ำอยู่ ควันกอดคนตัวเล็กไว้หลวม ๆ เพราะถ้าให้พูดตามตรงแล้ว ไอติมตอนที่ไม่ได้เมาอย่างนี้มันก็น่ารักจนน่าจับกดเป็นเมียมากพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้ เวลานี้ที่คนตัวเล็กไม่ได้สติ และหอบหายใจแรงอยู่ข้าง ๆ เขานั้น ไอ้พวกที่ต่อคิวรอเข้าห้องน้ำนี่มันมองตาเป็นมัน จนควันที่ทำหน้าที่เหมือนพ่อไอติมในตอนนี้ต้องกอดมันเอาไว้ ไม่อย่างนั้นมันโดนฉุดแน่นอน

“ฮือออ ปวดฉี่จะตายแล้ววว”

เสียงเล็ก ๆ นั้นพึมพำอยู่ข้างหูไม่ขาดสาย ควันได้แต่มองดูแถวที่ค่อย ๆ สั้นขึ้น จนกระทั่งใกล้มาถึงคิวของไอติม ควันจึงรีบพาไอติมเข้าไปในห้องน้ำ แทนที่จะเป็นโถปัสสาวะเหมือนที่คนอื่น ๆ

“มึงไหวมั้ยวะไอติม” ควันตบหน้าไอติมเรียกสติเบา ๆ ดวงตากลมจึงปรือปรอยมองควัน แล้วพยักหน้ารับ

“ไหว ๆ ปวดฉี่” ไอติมยังคงพูดแต่คำเดิม ควันเลยปล่อยให้ไอติมมันจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จ โดยที่เขาก็หันหลังเข้าประตู จนเมื่อได้ยินเสียงกดชักโครกแล้ว และแรงสะกิดที่เอวของเขา ควันจึงหันกลับมามองร่างเล็กตรงหน้า

“เชี่ยแม่ง อย่าอ่อยกู”

ควันสบถเสียงเบา เมื่อไอติมที่ยืนยิ้มเผล่อยู่ตรงหน้านั้นซบลงที่อกเขา แขนก็กอดเอวของเขาไว้หลวม ๆ แล้วพึมพำเสียงเบาอยู่ข้างหู

“ปลอบกูหน่อย...กูเจ็บ”

“เป็นอะไรวะ”

“ไม่รู้...แต่เจ็บมากเลย”

“เจ็บตรงไหน” ควันถามทั้ง ๆ ที่ยังยืนนิ่งให้ไอติมกอดอยู่อย่างนั้น คนตัวเล็กเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพึมพำตอบ

“ตรงหัวใจ”

“...”

“เจ็บมาก ๆ เลย”

“...”

“มึงรักษาให้กูได้มั้ย” ไอติมช้อนตามองคนกอดเอาไว้แน่น ลมหายใจร้อนที่กระทบอยู่บริเวณต้นคอของควันนั้นอดทำให้ควันขนลุกขึ้นมาอย่างประหลาดไม่ได้

“ไอติม...มึงแม่งอ่อยกู”

“กูเจ็บ...”

“มึงแม่ง...”

ในตอนนี้เหมือนทุกอย่างในหัวของเขามันตีรวนจนเขาสับสนไปหมด ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกถูกกดเอาไว้ด้วยของมึนเมา จนเขาไม่อยากจะสนใจมันอีกต่อไปแล้ว

“ควัน...มึงรักษาให้กูได้มั้ย...มึงเป็นหมอนี่นา”

“จะให้กูรักษาหัวใจมึงงั้นเหรอ” เสียงทุ้มถามแผ่วเบา มือหนาเกลี่ยปอยผมที่ปกปิดใบหน้าขาวเนียนให้ออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะเผลอลากมันลงมาถึงปากอิ่มที่อยู่ตรงหน้า

“อืม”

สิ้นคำนั้น ริมฝีปากร้อนผ่าวก็ค่อย ๆ แตะลงบนกลีบปากอุ่นร้อน จูบอุ่น ๆ ที่ควันก็ไม่แน่ใจนักว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ และแรงกอดรัดจากคนตัวเล็กกว่าก็ทำให้เขามีสติมากขึ้นก่อนจะผละออกมา เมื่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันย้ำเตือนเขาว่าคนตรงหน้านี้คือเพื่อนของเขา

“มึงรู้มั้ยไอติมว่ากูมีกฎของกูว่าอะไร”

ควันถามเสียงแผ่ว ริมฝีปากยังคงชิดกับคนที่อยู่ในอ้อมกอด ไอติมเงยหน้ามองควันอีกครั้งทั้ง ๆ ที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวทุย ๆ นั้นส่ายไปมาอย่างปวดหัว

“...”

“เพื่อนก็คือเพื่อน...กูไม่เคยคิดจะเอาเพื่อนมาเป็นแฟน”

“...”

“แต่สำหรับมึง ทุกอย่างมันคือข้อยกเว้นจริง ๆ ว่ะไอติม”

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ไอติมทำเอาควันถึงกับละเว้นเลยติดตาม

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 5
เรื่องที่พยายามลืม


แสงแดดที่ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามานั้นรบกวนการนอนอยู่ไม่นอน ดวงตากลมที่อยู่ภายใต้แพขนตาหนาหยี่ตาอย่างนึกรำคาญ ก่อนจะพลิกตัวไปอีกฝั่งเพื่อหนีแสงแดด

และเมื่อเห็นแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงอยู่ตรงหน้า หัวคิ้วก็ขมวดกันเป็นปมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่อยู่ตรงหน้า และก็ได้พบกับใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงหลับสนิท ไอติมจึงขยับตัวออกห่าง แต่ก็ขยับออกไม่ได้เพราะวงแขนกว้างนั้นกอดเอวเขาเอาไว้หลวม ๆ

ไอติมพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน...เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้าผับ และเขาก็ลองดื่มเบียร์เป็นครั้งแรก รสชาติมันแย่กว่าที่เขาคิดมากพอสมควร สุดท้ายพีชก็ผสมเหล้าลงในโค้กให้เขากิน และหลังจากนั้น...อ่า...ปวดหัวจัง

ไอติมหลับตาลงอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าปวดหัวตุบ ๆ แต่หลับได้ไม่นาน อ้อมแขนที่กอดเขาไว้หลวม ๆ ก็คลายออก ไอติมจึงลืมตาตื่นขึ้นมา และพบว่าควันก็ตื่นแล้วเช่นกัน

“ตื่นนานแล้วเหรอ” ควันถามขึ้น และปล่อยให้เขาได้เป็นอิสระ ไอติมจึงลุกขึ้นนั่งอย่างมึน ๆ

“สักพักแล้ว...นี่มึงพากูมาที่ไหนกันเนี่ย”

ไอติมมองไปรอบห้องอย่างงง ๆ ห้องทั้งห้องนั้นตกแต่งด้วยโทนสีขาวดำเสียเป็นส่วนใหญ่ ห้องนี้นั้นเป็นระเบียบอยู่พอสมควร แต่ส่วนที่สกปรกที่สุดคงจะเป็นมุมห้องที่มีกองหนังสือวางเป็นตั้ง ๆ ชีทเรียนวางกระจัดกระจาย และแมคบุ๊คหนึ่งเครื่องตั้งอยู่บนโต๊ะ

“ห้องกูเอง เมื่อคืนมึงเมาจนพูดไม่รู้เรื่อง พอจะถามห้องมึง มึงก็ไม่ตอบ กูเลยพากลับมาห้องกู”

“ขอบใจที่ยังหาที่ซุกหัวนอนให้กูแล้วกัน” ไอติมพูดพึมพำ แล้วลูบผมตัวเองที่ยุ่งเหยิงให้เป็นทรง ควันที่แอบมองแผ่นหลังเล็กตรงหน้าก็อดคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมาไม่ได้ ร่างสูงจึงลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ ไอติม ก่อนที่มือใหญ่จะคว้าข้อมือของคนที่กำลังสางผมอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าน่ารักจึงหันมามองอย่างสงสัย

“มีอะไร?”

“เมื่อคืนมึงจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”

“...”

ไอติมไม่ได้ตอบ ดวงตากลมนั้นหลุบต่ำแล้วบิดข้อมือออกจากการเกาะกุม ควันที่รอคอยด้วยหัวใจที่เริ่มเต้นรัวเร็วนั้น ท้ายที่สุดหัวใจของเขาก็กลับมาเต้นด้วยอัตราเร็วปกติอย่างน่าประหลาด เมื่อไอติมเงยหน้าขึ้นมาตอบเขา

“กูจำไม่ได้สักอย่าง กูจำได้แค่ว่ากูนั่งกินโค้กอยู่ แล้วภาพก็ตัดไปเลย”

“จำได้แค่นั้นจริง ๆ เหรอ” ควันถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เกิดความเงียบขึ้นรอบกายพวกเขาอย่างน่าอึดอัด และไอติมก็ตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา

“อืม...กูจำได้แค่นั้นจริง ๆ”

.

.

ควันมาส่งไอติมที่คอนโดของคนตัวเล็กในเวลาต่อมา ไอติมกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินเข้าคอนโดด้วยจิตใจที่ไม่เป็นปกตินัก เมื่อขึ้นลิฟต์มาจนถึงห้องตัวเอง ร่างเล็กก็ทรุดลงบนพื้นห้องทันทีเมื่ออยู่คนเดียว

ใครว่าเขาจำไม่ได้กันล่ะ...

ถึงแม้จะเมาแค่ไหน แต่เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมันกลับฝั่งอยู่ในความทรงจำของไอติมเสียแล้ว เพราะความเมาเป็นเหตุให้เขาพูดอะไรออกไปโดยไม่ยั้งคิดนั้นแหละ ไปขอให้ควันปลอบเขา ไปขอให้ควันรักษาหัวใจให้อย่างนั้น...แล้วรสจูบที่ยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากนั้นอีก

หลังจากออกจากห้องน้ำมาแล้ว สติของไอติมนั้นเหลืออยู่เพียงน้อยนิด และเขาก็อายเกินกว่าจะรับรู้อะไรทั้งสิ้น เลยหลับไปทั้ง ๆ ที่ควันยังคงกอดเขาเอาไว้ และเมื่อได้สติอีกครั้งก็ตอนที่ควันวางเขาลงบนเตียงนอน ก่อนที่ควันจะทาบทับลงมาที่ตัวของเขา แล้วจูบอีกครั้ง...

จูบนั้นไอติมจำได้ว่ามันร้อนแรงกว่าจูบในห้องน้ำมากแค่ไหน ควันแทบจะดูดวิญญาณของเขาออกจากร่างให้ได้ และแม้อยากจะต่อต้านเพียงใด แต่เพราะฤทธิ์ของน้ำเมาที่ทำให้ไอติมไม่มีแรงแม้แต่จะขัดขืน สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้และปล่อยให้ควันจูบเขาอยู่อย่างนั้น จนเขาผล่อยหลับไปในที่สุด

เมื่อคิดได้อย่างนี้ ไอติมก็ต้องขยี้หัวตัวเองด้วยความสับสน ในหัวนั้นมีแต่ประโยคของควันที่ลอยวนไปวนมาไม่สามารถสลัดออกได้เลย


‘สำหรับมึง ทุกอย่างมันคือข้อยกเว้นจริง ๆ ว่ะไอติม’




*



ในที่สุด เช้าวันจันทร์มาถึง หลังจากนอนให้หายแฮงค์มาถึงสองวันเต็ม วันนี้ไอติมก็รีบตื่นมาอาบน้ำ และไปเรียนตั้งแต่เช้า ไอติมปฏิเสธควันที่อาสามารับแล้วบอกว่าจะขับรถไปเรียนเอง วันนี้เขาเลยได้ลองขับรถยนต์ไปเรียนเองเป็นครั้งแรก เมื่อมาถึงห้องเรียน ไอติมก็ไปนั่งประจำที่เดิมของตัวเอง

“เป็นไงบ้างวะไอติม” พีชที่มาถึงเป็นคนที่สองทักทาย แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง

“ก็ดี หายแฮงค์แล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะเลย”

“ฮ่ะฮ่ะ ที่กินไปเมื่อวันศุกร์นั่นคือการกินเหล้าครั้งแรกของมึงเลยเหรอวะ”

“อืม อยู่บ้านพ่อแม่ไม่พาไปกินเหล้าแบบนี้หรอก”

“อยู่กับพวกกู นี่พามึงเป็นเด็กใจแตกว่างั้นเหอะ” พีชถามยิ้ม ๆ ไอติมจึงรีบแก้ตัวจนวุ่นวาย

“ไม่ใช่สักหน่อย กูอยากไปเองต่างหาก ถือว่าหาประสบการณ์ไง”

“ค่อย ๆ เรียนรู้ไป ยังมีอีกหลายอย่างเลยล่ะที่มึงต้องหัดเรียนรู้ไว้บ้าง” พีชพูดพลางหันไปมองทางหน้าห้องเรียน ที่ควันและวินทร์เดินเข้ามาพร้อมกัน

“ไงไอติม หายแฮงค์แล้วเหรอวะ” วินทร์เดินเข้ามาก็ระบายยิ้ม ก่อนจะขยี้กลุ่มผมไอติมเบา ๆ อย่างนึกเอ็นดู ไอติมได้แต่ทำปากยู่ แล้วชกแขนคนที่นั่งลงข้างตัวเองอย่างงอน ๆ

“ไม่ต้องมาพูดเลย มึงมีแต่ว่ากูอ่อน”

“เอ้า ก็อ่อนจริงนี่หว่า...แล้ววันนั้นกลับถึงห้องมั้ยวะ เชี่ยควันมันส่งมึงถึงห้องรึเปล่า” วินทร์ชะโงกหน้ามาถามควันที่ยังคงเงียบ พอควันไม่ตอบ เลยหันมาทางไอติมแทน

“ไม่ถึง วันนั้นไปนอนห้องไอ้ควัน”

“มันไม่ได้ทำอะไรมึงใช่มั้ย...ใช่มั้ยไอ้ควัน” วินทร์ยังคงถามต่อ แถมชะโงกหน้ามาหาควันอีกครั้ง ควันจึงตอบกลับให้จบ ๆ ไป

“ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ ถามกูอยู่ได้นะมึง หวงไอติมมันมากรึไง”

“เออ กูหวงลูกกู” วินทร์พูดพร้อมกับโอบไหล่ไอติมไปด้วย ไอติมจึงได้แต่มองอย่างงง ๆ ไม่เข้าใจในสิ่งที่วินทร์กำลังพูดอยู่

“ลูกเลิกอะไรวะ ใครเป็นลูกมึง” ไอติมปัดแขนวินทร์ออก แล้วถามอย่างไม่เข้าใจ

“กูสถาปนาให้มึงเป็นลูกกูตั้งแต่ที่มึงอ้อแอ้อยู่ในผับแล้ว มึงไม่รู้เลยสินะว่าพวกที่อยู่ในผับมันจ้องมึงตาเป็นมัน ตอนที่มึงไปต่อแถวเข้าห้องน้ำกับไอ้ควัน กูยืนสูบบุหรี่อยู่แถวนั้นเห็นหมดแหละว่าใครมันมองมึงบ้าง สายตาแม่งจะแดกมึงให้ได้งั้นแหละ” วินทร์พูดไปก็นึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นที่เขาเห็นทุกอย่าง ดีนะที่ไอติมมันมีควันคุ้มกะลาหัวอยู่ ไม่งั้นมันได้โดนฉุดเข้าห้องน้ำแน่

ส่วนไอติมและควันที่ได้ยินวินทร์พูดอย่างนั้น ต่างก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดในห้องน้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ ไอติมแสร้งทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อน ส่วนควันก็เอาแต่เงียบแล้วเปิดชีทเรียนขึ้นมารออาจารย์ บทสนทนาของทุกคนจึงจบลงเพียงแค่นั้น เพราะอาจารย์เข้ามาสอนพอดี

.

.


วันนี้ไอติมมีทำกิจกรรมดาว-เดือนเช่นเดิม จึงขอตัวแยกออกมาในขณะที่เพื่อนอีกสามคนจะไปหาข้าวเย็นกินด้วยกัน ไอติมเดินมาถึงอาคารที่ใช้สำหรับทำกิจกรรมก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อเห็นป้ายประกาศด้านหน้า

‘งดซ้อม 1 วัน เพราะติดภารกิจประชุมด่วนจ้า เจอกันพรุ่งนี้เวลาเดิมนะจ๊ะเด็ก ๆ’

“อะไรเนี่ย งดซ้อมทำไมไม่แจ้งในกลุ่มไลน์วะ” เสียงของบุคคลที่อยู่ด้านหลังทำให้ไอติมต้องหันไปมอง และก็พบว่าเป็นเพลิง...เดือนคณะนิติศาสตร์ ที่บ่นเป็นหมีกินผึ้ง ข้าง ๆ กันนั้นคือบลู เดือนคณะวิทยาศาสตร์ที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง

“สงสัยเราจะมาเป็นกลุ่มแรกล่ะมั้ง เดี๋ยวถ่ายรูปบอกในไลน์แล้วกัน” บลูว่าแล้วก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายประกาศตรงหน้าไอติม ก่อนจะกดโทรศัพท์ตัวเองอยู่สักพัก และข้อความไลน์ในกลุ่มดาว-เดือนของไอติมก็แจ้งเตือนขึ้นมา

“งั้นกลับกันเถอะว่ะ” เพลิงพูดอย่างนั้น แต่บลูก็ทำท่าทางอิดออดเล็กน้อย

“มึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูกลับเอง”

“แหม พูดอย่างนี้คงจะมีคนมารับล่ะสิ” เพลิงทำท่าแซวบลู จนคนตรงหน้าไอติมเริ่มเขิน ก่อนจะยกมือโบกไล่เพลิงที่ยังแซวไม่หยุด

“จะไปไหนก็ไปเลยมึง ไม่คุยด้วยแล้ว”

“เออ ๆ งี้แหละคนมีความรัก มักจะไม่สนใจเพื่อนอย่างกู เชอะ!...ไปก็ได้วะ ไปแล้วนะไอติม” เพลิงแซวบลูเสร็จ ก็หันมาโบกมือลาเขาแล้วก็วิ่งกลับไปที่ลานจอดรถ ทิ้งเขาไว้กับบลูสองคน ไอติมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาเสียหน่อย

“บลูจะกลับตอนไหนเนี่ย รอใครอยู่เหรอ” ไอติมถามคนที่ยังยืนอยู่ข้างเขา เพราะว่าตอนนี้ไอติมก็จะกลับแล้วเหมือนกัน แต่เห็นบลูยืนอยู่อย่างนี้คนเดียว ไอติมเลยคิดว่ายืนอยู่เป็นเพื่อนบลูคงจะดีกว่า

“รอเพื่อนน่ะ ไอติมกลับก่อนเลยก็ได้นะ”

“เอางั้นเหรอ...งั้นกลับก่อนนะ”

“อืม แล้วเจอกันพรุ่งนี้”

บลูโบกมือแล้วยิ้มอย่างน่ารักให้เขา พอไอติมเดินออกมาจนถึงลานจอดรถ ก็ทันได้เห็นรถเบนซ์คันสวยขับผ่านเขาไปพอดี ดวงตากลมมองคนที่อยู่ในรถที่คุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน แล้วบลูก็ยิ้มกว้างก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ จากนั้นรถคันนั้นก็ขับออกไป

“ทำไมหน้าคุ้น ๆ นะ” ไอติมพึมพำอยู่คนเดียว และในขณะที่กำลังจะขับรถออกไปบ้าง ดวงตากลมก็หันไปเห็นใครบางคนที่เดินมาทางนี้เสียก่อน

“อ้าว ทำไมไม่ไปซ้อมล่ะไอติม” เสียงทุ้มของรุ่นพี่ทักขึ้น และยิ้มกว้างให้กับเขา

“วันนี้งดทำกิจกรรมน่ะครับพี่กร แล้วพี่กรมาที่นี่ อย่าบอกนะว่าไม่รู้เหมือนกันว่าเขางดซ้อม”

“อ้าว งดซ้อมเหรอ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วนี่ไอติมจะไปไหนล่ะ ไหน ๆ วันนี้ก็ได้เลิกเร็วแล้ว พี่เลี้ยงขนมดีมั้ย ตั้งแต่ไอติมสอบติดที่นี่ พี่ก็ยังไม่ได้เลี้ยงอะไรเราเลยสักอย่างเดียว”

“เอางั้นก็ได้ครับ จะได้กินทีเดียวแล้วกลับไปอ่านหนังสือเลย” ไอติมแอบดีใจที่จะได้ไปกินขนมกับพี่กรโดยที่พี่กรเป็นคนเอ่ยปากชวนเอง ร่างเล็กกำลังลิงโลดอยู่ในใจ และทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของพี่กรก็ดังขึ้นมา คนตรงหน้าจึงกดโทรศัพท์รับสาย คุยกับปลายสายไม่กี่คำก็วางสายลงก่อนจะยิ้มให้ไอติมเช่นเดิม

“ไอติม”

“ครับ?”

“ถ้าพาพี่แจนไปด้วยจะเป็นอะไรรึเปล่า”

“...”

คำถามของพี่กรทำเอาไอติมถึงกับไปต่อไม่ถูก ใบหน้าน่ารักไม่รู้จะปั้นหน้ายังไง เมื่อกรได้เห็นอย่างนั้นจึงรู้ได้ทันทีว่าน้องชายของเขาคงยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้เขาหลงเหลืออยู่ กรจึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที

“เดี๋ยวพี่บอกแจนก็ได้ว่า – “

“ก็ได้ครับ พาพี่แจนไปกินขนมด้วยกัน ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ดีซะอีก จะได้กินจนพุงแตกไปเลย”



ไอติมทิ้งรถไว้ที่หน้าตึก A ที่ใช้ทำกิจกรรมดาว-เดือน แล้วเดินมารอที่ข้างถนนกับพี่กร รอไม่นานรถยนต์ของพี่แจนก็มาจอดเทียบด้านข้าง พี่กรนั่งข้างพี่แจน ส่วนเขาก็นั่งเบาะหลังโดยปริยาย

“สวัสดีครับพี่แจน” ไอติมยกมือไหว้รุ่นพี่คนสวยทันทีที่ขึ้นรถมา

“หวัดดีจ๊ะน้องไอติม...จะไปที่ไหนล่ะกร” พี่แจนหันไปทางพี่กร ส่วนพี่กรก็หันกลับมาทางไอติมที่นั่งเงียบ ๆ อยู่เบาะหลังเพียงคนเดียว

“ไอติมอยากกินอะไร บิงซู โทสต์ คากิโกริ หรือจะกินบุฟเฟต์ดี ทำไมตอนนี้พี่เริ่มจะหิวแล้วก็ไม่รู้”

“เอาตามที่พี่กรอยากกินดีกว่าครับ ผมยังไงก็ได้” ไอติมพูดอย่างเกรงใจ ไม่เหมือนกับไอติมเมื่อสองปีก่อน เพราะตอนนี้มีใครอีกคนที่สำคัญกับพี่กรอยู่ด้วย เขาจึงไม่อยากทำตัวเป็นเด็ก ๆ อีกต่อไปแล้ว

“ได้ไงล่ะ นี่มาเลี้ยงโดยเฉพาะเลยนะ แจนช่วยคิดหน่อยดิว่าจะกินอะไร” กรหันมาหาแจนอย่างขอความช่วยเหลือ และแจนก็ทำท่านึกไปด้วยในขณะที่ขับรถอยู่

“กินบุฟเฟต์เลยดีมั้ย มีทั้งบุฟเฟต์ ทั้งของหวานเลย”

“โอเค ดีล เอาตามนั้นแล้วกัน”


ท้ายที่สุด ไอติมก็มายืนอยู่หน้าร้านชาบูชิ ที่ห้างแถว ๆ มหาวิทยาลัย คนตัวเล็กเดินตามที่กรและพี่แจนเข้าไปในร้านอย่างเงียบ ๆ และเริ่มทานอาหารโดยไม่พูดไม่จา จนรุ่นพี่ทั้งสองคนสังเกตเห็นความผิดปกติ กรและแจนจึงพยายามทำให้บรรยากาศโดยรอบดีขึ้น

“น้องไอติมกินกุ้งมั้ย เดี๋ยวพี่ลวกให้” พี่แจนหยิบจานกุ้งที่ผ่านมาตรงหน้ามาให้ ไอติมจึงต้องพยักหน้ารับอย่างเกรงใจ

“ไอติมเอาเส้นอูด้งป่ะ จำได้ว่าเคยชอบกินนี่นา” พี่กรก็ไม่ยอมแพ้ ยกเส้นอูด้งมาวางตรงหน้าเขา ไอติมจึงได้แต่กล่าวขอบคุณเบา ๆ จนเมื่อพี่กรลุกออกไปตักอาหาร ทั้งโต๊ะจึงเหลือแค่เขาและพี่แจน คนที่เป็นรุ่นพี่จึงตัดสินใจพูดขึ้น

“น้องไอติมเงียบจังเลย คุยกับพี่บ้างก็ได้นะ” พี่แจนบอกกับเขา ไอติมจึงเงยหน้าขึ้นมาจากจานแล้วยิ้มบาง ๆ เพราะไม่รู้จะพูดยังไง

“ผมขอโทษครับ ที่ทำให้พี่แจนไม่สบายใจ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นจ๊ะ พี่ไม่ได้ไม่สบายใจ แต่เห็นน้องไอติมเงียบแบบนี้ เหมือนอึดอัดเลยที่พี่มาด้วย”

“ไม่หรอกครับ พี่แจนอย่าคิดมากเลย”

ไอติมพูดปลอบสาวสวยเพียงหนึ่งเดียวบนโต๊ะอาหาร ถึงแม้เขาจะอึดอัดอย่างที่พี่แจนว่าจริง ๆ แต่ไอติมจะทำให้คนรักของพี่กรเสียใจไม่ได้หรอก ร่างเล็กจึงพยายามยิ้ม และพยายามคุยให้มากขึ้น แม้ว่าเขาจะกำลังฝืนใจมากแค่ไหนก็ตาม

“เห็นชอบกินบ่อย ๆ เลยหยิบมาให้”

พานาคอตต้าสองอันถูกวางลงข้างพี่แจน อดีตดาวมหา’ลัยจึงเงยหน้ามองพี่กรแล้วยิ้มอย่างดีใจ ในขณะที่พี่กรก็ยื่นถ้วยไอศกรีมมาตรงหน้าเขา

“พี่เห็นไอศกรีมรสช็อคโกแลตกับรสมะนาวอยู่ในตู้ ลังเลตั้งนานว่าไอติมชอบรสไหน แต่พี่จำได้ว่าแต่ก่อนไอติมชอบรสช็อคโกแลตใช่มั้ยล่ะ”

ไอติมมองถ้วยไอศกรีมรสช็อคโกแลตตรงหน้าก็ฉีกยิ้มบาง ๆ ให้พี่กร ก่อนจะเริ่มตักไอศกรีมในถ้วยเข้าปาก

“ครับ...ผมชอบช็อคโกแลต”

กรที่ได้ยินไอติมพูดอย่างนั้นก็ดีใจที่เดารสไอศกรีมที่ไอติมชอบได้ถูก...แต่อดีตเดือนมหา’ลัยไม่รู้เลยว่ารุ่นน้องตรงหน้ากำลังร่ำไห้อยู่ในใจเงียบ ๆ คนเดียวมากแค่ไหน

...ใครบอกล่ะว่าผมชอบรสช็อคโกแลต ผมโคตรเกลียดช็อคโกแลตเลยล่ะ...แต่เพราะเป็นพี่ ผมจะยอมชอบช็อคโกแลตก็ได้ครับ...



.

.



“เดี๋ยวผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

หลังจากพี่พยายามกินไอศกรีมช็อคโกแลตที่พี่กรตักมาให้จนหมดถ้วย ไอติมก็ขออนุญาตพี่ ๆ ทั้งสองคน ก่อนจะเดินออกมาจากร้านอาหาร

ใบหน้าน่ารักนั้นก้มหน้าจนชิดอก แค่ฝืนปั้นยิ้มอยู่ในร้านอาหารนั้นก็ลำบากพอแล้ว ยังต้องพยายามกินของที่ไม่ชอบเพื่อพี่กรอีก ถ้าอยู่ตรงนั้นต่ออีกสักพัก ไอติมคงจะเข้มแข็งต่อไม่ไหวแล้วแน่ ๆ


พลั่ก!


“ไอติม”

ร่างของเดือนคณะแพทยศาสตร์ที่เดินอย่างใจลอยถูกชนไหล่เข้าเต็ม ๆ จนแทบจะเสียหลัก แต่เพราะข้อมือใหญ่ที่คว้าแขนเขาไว้ได้ทัน พร้อมกับเสียงเรียกที่คุ้นหู ไอติมจึงเงยหน้ามองคนที่ชนเขาแล้วก็เหวอไปเล็กน้อย

“ไม่ได้ซ้อมเหรอ ทำไมมาอยู่ตรงนี้” เสียงทุ้มถามขึ้นอีกครั้ง ไอติมจึงรีบตอบทันที ก่อนจะดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของคนตรงหน้า

“วันนี้ยกเลิกน่ะ เลยมากินชาบูชิ”

“กับใคร”

“กับรุ่นพี่”

ไอติมตอบ พร้อมกับเหลือบตามองผู้หญิงที่ควงแขนคนตรงหน้าอยู่ ดวงตากลมเลยตวัดขึ้นมองก่อนจะถามกลับบ้าง

“แล้วมึงล่ะ มากับใคร”

“เพื่อน”

“ควันคะ! เพื่อนที่ไหนล่ะ จูนไม่ใช่เพื่อนควันนะ” เสียงเล็กนั้นพูดอย่างมีน้ำโห ควันแอบกรอกตาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะดึงแขนตัวเองออกจากมือเล็กที่เกาะแขนเขาอยู่

“จะเป็นเพื่อนดี ๆ หรือจะเป็นแค่คนรู้จัก เลือกเอานะจูน”

“ควัน!! ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ” เธอทำหน้าบูดบึ้ง ซึ่งขัดกับใบหน้าสวย ๆ ของเธอเสียเหลือเกิน ไอติมจึงถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง คิดว่าหนีออกไปจากตรงนี้คงจะดีกว่า

“งั้นกูไปแล้วนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้” ไอติมรีบพูดเร็ว ๆ แต่ควันก็คว้าแขนไอติมไว้ได้ทันก่อนที่ร่างเล็กจะเดินหนี

“เดี๋ยวสิ กูมีเรื่องอยากจะพูดด้วย”

“เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกัน” ไอติมบอกปัด และเตรียมจะเดินหนี เพราะจูนเริ่มทำตาเขียวใส่เขาเสียแล้ว

“ไม่เอา กูจะคุยวันนี้” ควันยังดึงดันไม่ยอมปล่อยไอติมไปง่าย ๆ

“แต่ – “

“ควันไม่ต้องคุยอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ เราต้องไปดูหนังกันแล้วนะคะ ไปได้แล้วค่ะควัน” พูดเสร็จ เธอก็ใช่แรงทั้งหมดลากแขนควันให้เดินไปทางโรงหนัง ส่วนไอติมก็พยายามแกะมือปลาหมึกที่ยังจับที่ต้นแขนของเขาอยู่นั้นแหละ

“กูต้องคุยกับมึงนะไอติม”

“พรุ่งนี้ค่อยคุย มึงไปดูหนังเหอะ”

“กูจะคุยวันนี้”

“เออ งั้นเดี๋ยวทักไลน์ไปแล้วกัน มึงไปดูหนังเถอะไป” ไอติมแกะมือปลาหมึกได้สำเร็จก็รีบหันหลังเดินกลับไปตามทางเดิมที่จากมาทันที ขืนอยู่ต่อนานกว่านี้ เขาคงโดนลูกหลงจากจูนแน่ ๆ เพราะควันดูเหมือนจะมีเรื่องคุยกับเขามากเหลือเกิน...

พอคิดถึงเรื่องที่ควันอยากจะคุยกับเขาแล้ว ไอติมก็ต้องสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดบ้า ๆ ออกจากตัวเอง

เรื่องอะไรที่ควันดูร้อนรนที่จะพูดกับเขาให้ได้งั้นเหรอ...

ไอติมได้แต่ภาวนาให้เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่ไอติมกำลังพยายามลืมอยู่ก็พอ...

เพราะถ้าควันพูดมันอีกครั้ง...เขาคงลืมมันไม่ได้แน่ ๆ



ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
คนที่บลูไปด้วยคงเป็นหมอกซินะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
หมอกดูเทวดาขึ้นไปอีกเยอะเลยค่ะพอเจอควัน  :hao7:

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 6
เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้


หลังจากแยกกับควัน ไอติมก็กลับมาหาพี่กรและพี่แจนที่ร้านอาหารเช่นเดิม นั่งกันอยู่ไม่นานทั้งสามคนก็กลับกัน โดยที่พี่แจนไปส่งไอติมที่หน้าตึก A ที่ใช้สำหรับทำกิจกรรมดาว-เดือน ไอติมกล่าวขอบคุณพี่ ๆ แล้วลงมาจากรถ เมื่อรถของพี่แจนขับออกไปแล้ว ไอติมถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

...เก่งมากเลยนะไอติม ที่ไม่ร้องไห้ออกมาต่อหน้าพวกพี่เขาน่ะ...

ไอติมได้แต่คิด แล้วก็กดรีโมตปลดล็อครถ จากนั้นจึงขับรถกลับคอนโดด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยปกตินัก เมื่อมาถึงคอนโดในเวลาสามทุ่มพอดิบพอดี ไอติมก็เก็บของทุกอย่างก่อนจะเดินเข้าคอนโด แต่ยังไม่ทันถึงลิฟต์ ปลายเท้าทั้งสองข้างก็หยุดชะงัก ก่อนจะมองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ

“ดูหนังจบแล้วเหรอ”

ไอติมถามควันที่ลุกขึ้นจากโซฟาหน้าล็อบบี้แล้วมายืนอยู่ตรงหน้าเขา ไอติมพึ่งเจอควันเมื่อชั่วโมงก่อนเอง ทำไมถึงได้ดูหนังจบเร็วจัง

“เข้าไปในโรงแป๊บเดียวแล้วก็ออกมาน่ะ มีเรื่องจะคุยด้วย”

“มันสำคัญขนาดที่ต้องหนีสาวของมึงมาเลยเหรอ”

“อืม สำคัญมาก กูว่ากูคงทนไม่ไหวแล้วว่ะ” เสียงทุ้มพึมพำแผ่วเบา แต่ไอติมก็ยังพอจับใจความได้

“งั้นก็ขึ้นไปคุยกันบนห้องเถอะ ตามมาสิ”

ไอติมว่าก่อนจะเดินนำไปที่ลิฟต์ โดยที่ร่างสูงก็เดินตามมาด้านหลัง เมื่อมาถึงชั้นที่ไอติมพักอยู่ เดือนคณะแพทยศาสตร์ก็เดินนำออกมา แล้วใช้คีย์การ์ดสแกนเข้าห้อง เมื่อประตูเปิดออก ควันก็แอบสำรวจมองห้องของไอติมเงียบ ๆ

ห้องของไอติมเป็นห้องชุด ที่แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน ห้องทั้งห้องนั้นแต่งด้วยโทนสีขาวสะอาดตา ของใช้ต่าง ๆ ก็จัดเป็นระเบียบดี ไอติมเปิดประตูอีกห้องเข้าไปเก็บของซึ่งควันเดาว่าน่าจะเป็นห้องนอน ก่อนจะเดินออกมาหาเขาที่ยังยืนอยู่ที่เดิม

“ว่าไง มีอะไรจะคุยงั้นเหรอ”

ไอติมถามขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงที่ยืนมองคนที่ทำตาใสแป๋ว แล้วอยากจะจ้องลึกลงไปถึงจิตใจของคนตรงหน้า ทั้ง ๆ ที่ไอติมเป็นคนเริ่มทุกอย่าง แต่คนตัวเล็กตรงหน้ากลับจำอะไรไม่ได้สักอย่างเดียว...ต่างจากเขาที่ไม่สามารถสลัดความทรงจำในวันนั้นออกไปได้แม้แต่วินาทีเดียว

ไม่ยุติธรรมเลย...

“มึงเป็นยังไงบ้าง” คำถามของควันที่ถามขึ้นทำให้ไอติมเผลอขมวดคิ้ว แต่ก็ตอบออกไปอย่างงง ๆ

“ก็สบายดี ถามอะไรแปลก ๆ”

“หายเจ็บแล้วงั้นเหรอ ไหนบอกว่าจะให้กูรักษาให้ไง”

คำถามย้อนกลับของควันทำเอาไอติมไปต่อไปไม่ถูก ดวงตากลมหลุบต่ำเพราะไม่กล้าสบตาควัน ก่อนจะบังคับให้น้ำเสียงตัวเองเป็นปกติ แล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“ระ...รักษาอะไร กูไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“ก็รักษาหัวใจมึงไง มึงเคยบอกกูไว้”

“ตอนไหนวะ...กะ...กูจำไม่ได้”

ไอติมถอยหลังหนีคนตรงหน้า แถมยังไม่สามารถห้ามเสียงสั่น ๆ ของตัวเองได้ อีกทั้งแววตาที่สั่นไหวอย่างรุนแรงเพราะกลัวควันจะจับได้ กิริยาอย่างนั้นอยู่ในสายตาของควันทั้งหมด และควันก็รู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่ไอติมพูดออกมานั้นคือคำโกหก

“จำไม่ได้จริง ๆ เหรอ”

“อะ...อืม” ไอติมตอบรับแต่ยังคงก้มหน้างุด และเมื่อควันจับข้อมือของเขาเบา ๆ ไอติมก็รีบสลัดออกราวกับโดนของร้อน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวสูง เพื่อไล่ให้ควันออกไปจากห้องก่อนที่หัวใจของเขาจะเต้นผิดจังหวะไปมากกว่านี้

“หมดเรื่องคุยแล้วใช่มั้ย งั้นก็กลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนเช้านะอย่าลืม”

“ยังไม่หมด กูยังไม่เคลียร์”

“แล้วยังต้อง...อื้อ!”

ไม่ทันได้พูดจบประโยค ร่างเล็กก็ลอยหวือเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวสูง ใบหน้าหล่อเหลาโฉบลงมาก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากสีแดงช่ำอย่างห้ามใจไม่อยู่...พอแล้ว ความอดทนที่เขามีมันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว

“คะ...ควัน...”

ไอติมได้แต่พึมพำชื่อของคนที่พึ่งจูบเขาไป หัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะไปจนน่ากลัว และเมื่อใบหน้าหล่อร้ายกาจนั้นผละออกมาเพียงนิด ดวงตาคมที่จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของไอติมนั้นก็ทำเอาไอติมแทบจะหายใจไม่ออก

“มึงจำไม่ได้จริง ๆ งั้นเหรอ”

เสียงทุ้มถามแผ่วเบา ก่อนที่ริมฝีปากของควันจะจูบซ้ำลงมาอีกครั้ง ไอติมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง จนเมื่อควันผละออกมาอีกครั้ง ไอติมก็ยังคงเบลอกับสิ่งที่ได้รับในตอนนี้

“มึงทำให้กูเอาแต่คิดถึงมึง แล้วมึงจะจำอะไรไม่ได้สักอย่างเลยรึไง ไม่ยุติธรรมกับกูเลยสักนิดเดียว”

สองวันที่ผ่านมา ไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่ควันหลับตาลงแล้วจะไม่นึกถึงไอติม ไม่นึกถึงรสจูบที่นุ่มนวลของคนตรงหน้า แม้จะลองเรียกจูนให้มาเจอกัน และจูบหญิงสาวดูสักครั้ง แต่ควันกลับพบว่าไม่มีใครสามารถลบไอติมออกจากสมองเขาได้เลย ยิ่งตอนที่เดินชนไอติมที่ห้าง ควันถึงได้รู้ในตอนนั้นว่าเขาควรจะพูดกับไอติมให้รู้เรื่อง ไม้งั้นเขาคงจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้แน่ ๆ

ควันอดใจไม่ไหวที่จะแตะแต้มลงที่กลีบปากตรงหน้าอีกครั้ง ยิ่งลำพองใจเมื่อไอติมไม่ได้ขัดขืนอย่างที่คิด และจูบในครั้งนี้ก็ทำเอาควันถึงกลับเตลิด เมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้าค่อย ๆ อ้าออกจนเขาสามารถแทรกแซงลิ้นของตัวเองเข้าไปในโพรงปากของอีกคนได้...แขนเล็กที่ควันโอบกอดไว้นั้นยกขึ้นคล้องคอเขาหลวม ๆ และเอียงใบหน้าเล็กน้อยเพื่อให้ควันจูบได้อย่างถนัดถนี่ยิ่งขึ้น


นี่เหรอคนที่บอกว่าจำอะไรไม่ได้...


ในห้องชุดนั้นมีเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศ และเสียงดูดดุนริมฝีปากของกันและกัน ควันจูบไอติมอย่างเอาแต่ใจจนคนตัวเล็กเริ่มหายใจไม่ทัน มือทั้งสองข้างจึงดันอกหนาให้ออกห่างจากตัว หยาดน้ำใสเลอะที่มุมปากแดงช้ำ จนควันอดใจไม่ไหวที่จะเลียรอบกลีบปากสวย ไอติมได้แต่หอบหายใจในอ้อมอกของอีกคน แม้แต่แรงจะยืนทรงตัวเขายังแทบจะไม่มี

“กูพยายามจะลืม...”

“...”

“แต่มึงก็ทำให้กูลืมไม่ลงจริง ๆ”

ไอติมตอบกลับเสียงเบา สุดท้ายก็ยอมรับกับตัวเองว่าเขาก็โหยหาสัมผัสแปลกใหม่อย่างนี้มากเช่นกัน และเมื่อปราศจากอาการเมา ในเวลาที่มีสติครบถ้วนอย่างนี้ พอกล้าที่จะลองจูบบ้าง ไอติมถึงได้รู้ว่าเขาก็ชอบมันมากแค่ไหน

“ลืมไม่ลง งั้นก็ไม่ต้องลืม”

เสียงทุ้มกระซิบอยู่ที่ข้างหู และปลายจมูกของควันก็กดลงที่แก้มของเขา ไอติมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของควัน ใบหน้าน่ารักนั้นขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะสัมผัสที่ควันมอบให้ และเพราะตัวเองจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว ควันจึงช้อนตัวคนเล็กขึ้นมาแนบอกก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา โดยที่ไอติมยังคงนั่งอยู่บนตักอย่างนั้น

ควันมองคนตรงหน้าที่ในเวลานี้นั้นน่ารักจนเขาเริ่มจะทนไม่ไหว ใบหน้าหล่อคมคายยื่นเข้าไปใกล้ หมายจะฉกชิงความหวานที่เขาติดใจอีกครั้ง แต่มือเล็ก ๆ ก็ดันไว้ได้ทันเสียก่อน

“เดี๋ยว...”

“อะไร”

“มึงจะจูบกูอย่างนี้ไม่ได้”

“ทำไม”

“เพื่อนกันเขาจูบกันได้ด้วยเหรอ”

“คงไม่ได้หรอกมั้ง”

“...”

“แต่สำหรับมึงมันคือข้อยกเว้น”

สิ้นคำนั้น ควันก็จับท้ายทอยสวยให้ก้มลงมาเพื่อที่เขาจะได้จูบคนตัวเล็กอีกครั้ง และด้วยการนำพาของคนที่เชี่ยวชาญกว่า ไอติมจึงได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ไอติมหลับตาลงและยอมให้ควันทำใจตัวเอง จนเมื่อฝ่ามือใหญ่สอดเข้าไปใต้เสื้อนักศึกษาของคนที่อยู่บนตัก เพียงแค่แตะโดนผิวเนื้อใต้ร่มผ้าที่นุ่มนิ่มแล้ว ควันก็ยิ่งห้ามใจตัวเองไม่ไหว เผลอบีบเนินเนื้อเล็ก ๆ บนหน้าอกไปทีจนไอติมสะดุ้ง ฝ่ามือใหญ่รีบผละออกมาก่อนจะปลดกระดุมเสื้อของคนตรงหน้าออกอย่างรวดเร็ว

“พะ...พอ...พอ...”

ไอติมร้องห้ามเสียงแผ่ว ร่างกายนั้นสั่นน้อย ๆ เพราะผิวเนื้อที่ปราศจากอาภรณ์ยามที่โดนลมของเครื่องปรับอากาศนั้นทำเอาไอติมถึงกับขนลุกชัน และสติของเขาก็กลับมาในที่สุด

“บอกให้พอไงควัน”

เสียงของไอติมแข็งขึ้นเล็กน้อย เมื่อควันยังไม่ยอมผละออกจากตัวเขา และเมื่อได้ยินอย่างนั้นควันจึงหยุดชะงัก ก่อนจะสบตาคนตรงหน้านิ่ง ๆ

“มึงจะมาหยุดกูตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ”

“แต่กูเป็นเพื่อนมึงนะ! เพื่อนกันเขาไม่ได้ทำแบบที่มึงกำลังทำกับกูหรอก”

ไอติมว่าพลางกอดอกด้วยความหนาวสั่น ควันได้แต่จ้องมองร่างขาวเนียนตรงหน้า แล้วเผลอแลบเลียริมฝีปากอย่างหัวเสีย ดวงตาคมตวัดมองคนตัวเล็กอีกครั้ง

“มึงจะมาอ่อยกูแล้วเทกูอีกครั้งไม่ได้แล้วนะไอติม”

“กูอ่อยมึงตอนไหน” ไอติมเถียงกลับ จะคว้าเสื้อที่ควันปลดออกขึ้นมาใส่อีกครั้ง แต่ควันก็โยนเสื้อของเขาทิ้งไปอีกทางก่อนจะขึ้นเสียงดังใส่คนตัวเล็กอย่างหมดความอดทน

“ทุกตอนเลย!”

“...”

“มึงแม่ง...” ควันได้แต่ทึ้งหัวตัวเองเพราะทำอะไรต่อไม่ได้ แล้วยิ่งตอนนี้เขายิ่งปวดหนึบกลางตัวเพราะคนตรงหน้าแท้ ๆ นี่เขาต้องช่วยตัวเองอีกครั้งเพราะไอ้เพื่อนหน้ามึนคนนี้นี่เหรอ

“กูขอโทษ” เสียงหง่อย ๆ ดังขึ้นด้านข้าง ควันจึงหันไปมองไอติมอย่างไม่เข้าใจ เห็นคนตัวเล็กก้มหน้าจนชิดอก มือขาว ๆ นั้นจับที่ปลายเสื้อของเขาเอาไว้แล้วดึงเบา ๆ...แม่งอ่อยกันอีกแล้ว

“มึงไม่ต้องขอโทษอะไรทั้งนั้นแหละ”

“แต่ว่า...!!” ไม่ทันได้แย้งให้จบ ไอติมก็โดนคนตัวโตกว่าดึงใบหน้าของเขาไปชิดก่อนจะจูบเพื่อปิดปากอีกครั้ง และตอนนี้ควันจะไม่ยอมให้ไอติมขัดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ฝ่ามือใหญ่ออกแรงผลักไหล่คนตรงหน้าให้นอนราบกับโซฟา แล้วเขาก็ทาบทับอย่างรวดเร็ว

ควันยังคงไม่ปล่อยให้ไอติมเป็นอิสระ ริมฝีปากร้อนผ่าวจูบซ้ำ ๆ จนกลีบปากของคนตัวเล็กแดงช้ำ เรียวลิ้นร้อนแทรกลงมาแล้วกวาดต้อนเอาความหวานอย่างเอาแต่ใจ จูบในคราวนี้นั้นยิ่งร้อนแรงจนไอติมอยู่ไม่สุข ความผิดชอบชั่วดีนั้นตีกันอยู่ในหัว ใจหนึ่งก็อยากจะลองไปต่อ แต่อีกใจก็บอกเขาว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้มันไม่ถูกต้อง

“เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตอนนี้เถอะนะ”

“...”

“ถามใจของมึงดูเถอะ ว่ามึงอยากจะไปต่อพร้อมกับกูมั้ย”

ควันพูดจบ ก็หยุดนิ่งทุกสิ่งอย่าง ดวงตาคมสบกับดวงตากลมใสที่สั่นไหวอย่างรุนแรงกับคำพูดนั้น ให้ไอติมได้คิดอีกครั้ง ถ้าไอติมปฏิเสธเขาอีกครั้ง คราวนี้ควันก็คงจะไม่เรียกร้องอะไรอีกแล้ว

ไอติมสบตาคนตรงหน้าอย่างลังเล ถ้าเขาเลือกที่จะไปต่อ ความสัมพันธ์ของเขาและควันจะยังเหมือนเดิมรึเปล่า...ถ้าเขาเลือกที่จะไปต่อ แล้วผลลัพธ์ที่จะตามมันจะเป็นยังไง...ไอติมไม่อาจจะคาดเดาอะไรได้ แต่ในตอนนี้ที่หัวสมองตีกันให้วุ่น เขากลับเลือกที่จะยกมือขึ้นคล้องคอคนตรงหน้าเอาไว้ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และดึงให้ควันโน้มตัวลงมาจูบเขาอีกครั้ง...

หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไปไอติมไม่อาจคาดเดาได้ แต่เขาจะขอลองเสี่ยงที่จะเดินต่อไปดูสักครั้งหนึ่ง...เพราะไอติมก็อยากจะรู้เช่นกันว่าปลายทางข้างหน้ามันคืออะไร

ควันไม่ปล่อยให้โอกาสในครั้งนี้หลุดลอยไปได้อีกครั้ง ร่างสูงใหญ่จึงช้อนตัวคนตัวเล็กขึ้นมาไว้แนบอกทั้ง ๆ ริมฝีปากยังคงเชื่อมติดกัน ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้องซึ่งเดาตั้งแต่แรกว่ามันคือห้องนอน เมื่อเปิดประตูและเดินเข้าไปด้านใน ควันก็วางไอติมลงบนเตียงหลังใหญ่ ก่อนจะทาบทับลงมาอีกครั้ง ฝ่ามือหนานั้นก็ทำหน้าที่ของตนเองได้ดีเสียเหลือเกิน เพียงชั่วพริบตาร่างของไอติมก็เปลือยเปล่าต่อหน้าเขา...

ควันเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาที่เป็นโรคแพ้ความขาวอยู่แล้ว มาเจออย่างนี้บอกเลยว่ายิ่งแพ้ และไม่รอช้า ควันก็รีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก เมื่อคนทั้งคู่ต่างก็ไร้อาภรณ์กันหมดแล้ว ควันจึงเริ่มจังหวะรักใหม่อีกครั้ง

ไอติมที่พร่าเบลอเพราะรสจูบได้แต่ปรือตามองคนตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ตอนนี้เขาและควันนั้นแทบจะใช้อากาศหายใจร่วมกันอยู่แล้ว ริมฝีปากของควันที่หยอกเอินอยู่ทั่วใบหน้าของเขานั้นนับว่าเป็นสัมผัสที่แปลกใหม่จนทำให้ขนอ่อนลุกชัน ก่อนที่จมูกโด่ง ๆ นั้นจะเลื่อนไปที่ลำคอ และไอติมก็สะดุ้งอีกครั้งเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวนั้นแตะลงที่ลำคอของเขา แถมยังขบเม้มซ้ำ ๆ ก่อนจะทำแบบนี้อีกครั้งที่ลำคออีกข้าง

จากนั้นริมฝีปากร้ายกาจนั้นก็ไล่ต่ำลงมาจนถึงหน้าอก ไอติมได้แต่หลับลงแล้วเชิดหน้าขึ้น จิกผ้าปูที่นอนระบายอารมณ์ที่มันปั่นป่วนอยู่ในช่องท้องยามที่ควันใช้ฝ่ามือหนาบีบเค้นที่หน้าอกเขาด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านก็ใช้ฟันครูดเบา ๆ พอให้ไอติมเสียว และไม่วายดูดติ่งไตสีชมพูอ่อนจนไอติมแทบจะร้องไห้ออกมาเพราะความเสียวอีก

“ฮึก...อ่ะ!”

ไอติมร้องไม่เป็นศัพท์ยามที่ด้านบนถูกปั่นป่วนด้วยเรียวลิ้นร้อน ส่วนกึ่งกลางตัวของเขานั้นถูกครอบครองด้วยฝ่ามือของคนด้านบน ไอติมมองคนที่อมยิ้มแล้วชักมือขึ้นลงนั้นแทบทำให้เขาทนไม่ไหว เพราะไม่เคยประสาในเรื่องอย่างนี้มาก่อน เพียงแค่ควันแตะเบา ๆ ที่กลางกาย ไอติมก็แทบจะทนไม่ไหวทันที

“เสียวเหรอ” เสียงทุ้มกระซิบถามอย่างนึกสนุก เห็นใบหน้าขาวเนียนนั้นขึ้นสีแดงแล้วยิ่งรู้สึกอยากจะแกล้งให้ไอติมครางดัง ๆ อีกครั้ง มือใหญ่จึงช่วยไอติมให้แรงขึ้นอีกจนร่างขาว ๆ ตรงหน้านั้นเปลี่ยนเป็นสีแดง เหงื่อกาฬแตกพลั่ก จนไม่นานน้ำขาวขุ่นก็พุ่งขึ้นจนเลอะมือเขาเต็มไปหมด

“เสร็จเร็วกว่าที่คิดอีกแฮะ...นี่มึงเคยช่วยตัวเองบ้างมั้ยเนี่ย” ควันถามคนที่นอนหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ดวงตากลม ๆ นั้นตวัดมองคนด้านบน ก่อนจะคว้าลำคอคนตรงหน้าให้เข้ามาจูบเสียเลย จะได้เลิกค่อนขอดเขาเสียที

“อืม...มึงนี่มันทั้งอ่อย ทั้งยั่วจริง ๆ” ควันผละริมฝีปากออกมาช้า ๆ มองคนน่ารักอย่างอดใจไม่ไหวแล้วจูบซ้ำ ๆ ก่อนจะถามเจ้าของห้องเสียงแผ่วเบา

“ในห้องมีถุงยางมั้ย” ควันพึ่งนึกได้ว่าถุงยางที่เขาพกติดตัวนั้น เขาใช้มันไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว และยังไม่ได้เอาอันใหม่ติดกระเป๋ามาด้วย ความหวังเดียวในตอนนี้ก็คงจะอยู่ที่คนตรงหน้าเท่านั้น

“ต้องใช้ด้วยเหรอ” เสียงที่ตอบกลับมา นั้นทำเอาควันแทบจะไปต่อไม่ถูก อย่าบอกนะว่ามันไม่มีถุงยางติดห้องไว้เลย เผื่อฉุกเฉินขึ้นมาแล้วมันจะทำยังไงวะเนี่ย แต่เรื่องนั้นเดี๋ยวค่อยถามไอติมทีหลังเถอะ ตอนนี้เขาต้องแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้เสียก่อน

“งั้นก็ไม่ต้องใช้ สดแม่งนี่แหละ”

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ฝ่ามือใหญ่ที่ยังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำรักของคนตัวเล็กก็ป้ายไปที่ช่องทางด้านหลังอย่างรีบร้อน ไอติมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อสัมผัสแปลก ๆ นั้นแตะลงที่บั้นท้าย ควันจับขาเรียวแยกออกจากกันแล้วยกขาทั้งสองข้างพาดบ่าของเขาไว้ ใบหน้าน่ารักนั้นเบือนหน้าหนีด้วยความอายเมื่อเห็นว่าตอนนี้ตัวเองทำกำลังอยู่ในท่าไหน ส่วนควันนั้นก็สาละวนอยู่แต่กลับกึ่งกลางตัวของคนตรงหน้า...เพราะนี่ก็เป็นครั้งแรกของควันเช่นกันที่มีอะไรกับเพศเดียวกัน และพอเห็นช่องทางที่คับแคบแล้ว ควันจึงลองส่งนิ้วมือเข้าไปในช่องทางนั้นช้า ๆ เพื่อเบิกทาง ร่างเล็กจึงสะดุ้งอีกครั้ง เผลอเกร็งตัวจนควันปวดหนึบไปด้วย

“อย่างเกร็ง...แค่นิ้วเอง”

“ก็มันเจ็บ”

ไอติมพูดเสียงแผ่ว คว้าผ้าห่มข้างตัวมากัดเอาไว้เพราะกลัวจะร้องออกมา แต่ควันก็ดึงผ้าห่มผืนนั้นลงข้างเตียง ก่อนจะโน้มหน้าลงไปจูบคนตรงหน้าอีกครั้ง ไอติมจึงยอมรับจูบนั้นอย่างเต็มใจ และในตอนที่ไอติมกำลังเผลอไผลไปกับรสจูบที่ควันปรนเปรอให้ มือใหญ่ก็ส่งนิ้วที่สองเข้าไปในช่องทาง แช่อยู่นานจนควันรู้สึกได้ว่าไอติมหายเกร็งแล้วจึงส่งนิ้วที่สามตามเข้าไปอีก

“อึก!”

ไอติมจุกจนร้องไม่ออก แต่ควันก็พยายามปลอบประโลมด้วยภาษากายทั้งหมดเท่าที่เขาจะทำได้ ริมฝีปากได้รูปนั้นจูบย้ำซ้ำ ๆ ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหู

“ไม่เป็นไรนะ...ไม่เป็นไร”

เมื่อได้ยินคำปลอบประโลมของควัน ไอติมจึงพยายามไม่เกร็ง และปล่อยใจให้สบายเพราะเชื่อใจควัน จนในที่สุดควันก็ถอนนิ้วทั้งสามออกจากช่องทางด้านหลัง ไอติมรู้สึกโล่งไปหมด และยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ความคับแน่นระลอกใหม่ก็จ่อเข้ามาที่ช่องทางอีกครั้ง ก่อนที่ควันจะดันเข้ามา เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นแต่ไอติมก็รัดควันเสียแน่นจนคนตัวใหญ่ได้แต่กัดฟันเพราะเขาก็เจ็บไม่แพ้กัน

“ไอติม...ทนหน่อยนะ” ควันว่าแล้วพยายามจะดันตัวเองเข้าไปอีกครั้ง แต่ฝ่ามือเล็ก ๆ ก็ดันแผ่นอกเขาไว้ ใบหน้าขาวใสนั้นแดงเพราะความจุก ก่อนจะละลักละล่ำพูด

“เจ็บ...ไม่ไหวแล้ว...พอเถอะ...ฮึก...พอ” ไอติมสั่นศีรษะไปมา เหงื่อกาฬท่วมตัว เขาไม่ไหวแล้ว แม้ว่าจะพยายามอดทนแค่ไหนแต่ไอติมก็เจ็บจนต้องร้องไห้ออกมา

ถึงจะเห็นภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกสงสารมากแค่ไหน แต่ควันที่มาถึงจุดนี้แล้ว เขาจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด ใบหน้าหล่อก้มแล้วจูบคนงอแงอีกครั้ง เรียวลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัด และดูดดุนจนไอติมเริ่มเงียบ และเมื่อสัมผัสได้ว่าช่องทางนั้นเริ่มหายเกร็ง ควันจึงดันตัวเองเข้าไปจนสุดแม้ว่าเขาจะยังจูบไอติมอยู่อย่างนี้

“อื้อ!!...ฮึก!!”

ไอติมร้องเสียงหลง พยายามดันแผ่นอกหนาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ควันไม่ยอมปล่อยเขาเลย จนไอติมได้แต่ยอมแพ้และอดทนต่อความเจ็บอยู่อย่างนั้น จนเมื่อควันผละริมฝีปากออกมา มือก็ยกขึ้นเกลี่ยปอยผมของคนตัวเล็ก ก่อนจะเช็ดน้ำตาที่ตกจากหางตาช้า ๆ ก่อนจะพูดปลอบประโลมซ้ำ ๆ

“เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้ว...อดทนหน่อยนะ”

“ฮึก...” ไอติมไม่ตอบ ได้แต่สะอื้นเงียบ ๆ จนในที่สุดความเจ็บที่ช่วงด้านล่างก็เริ่มหายไป เสียงร้องไห้นั้นเงียบลงไปแล้ว ควันจึงลองขยับสะโพกเล็กน้อย

“อ่ะ” และเสียงที่ครางเบา ๆ นั้นก็เป็นตัวยืนยันได้ดีว่าไอติมนั้นเริ่มมีอารมณ์ร่วมแล้ว

พอคิดได้ดังนั้น ควันจึงเริ่มถดกายออกมา ก่อนจะเสียบเข้าไปใหม่อีกครั้ง และเสียงหวาน ๆ นั้นก็ครางซ้ำอีกครั้งจนเขาอยากจะได้ยินเสียงครางซ้ำ ๆ นั้นตลอดคืน

“อา...อ่ะ...”

ควันรีบไสกายอย่างเร็วที่ตอนนี้ไอติมไม่เจ็บอีกต่อไปแล้ว เขาก็อดทนจนเขาก็ใจจะขาดเช่นกัน กว่าจะปลอบจนคนตัวเล็กหายเจ็บได้ ตอนนี้แหละ เขาจะได้ตักตวงอย่างเต็มที่เสียที

สะโพกสอบกระแทกกระทั้นเป็นจังหวะ สอดรับกับเสียงครางระงมของไอติมที่เริ่มจะกลับมามีอารมณ์อีกครั้ง ยิ่งเมื่อเห็นว่าแกนกายเล็กเริ่มจะชูชันขึ้นมา ควันจึงใช้มือกำเอาไว้ แล้วชักขึ้นชักลงเป็นจังหวะไปกับช่องทางด้านหลัง ไอติมยิ่งหวีดร้องเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิม และเสียงนั้นยิ่งเป็นตัวช่วยเร่งอารมณ์จนเริ่มจะไปถึงขีดสุด

“ฮึก...ไม่ไหวแล้วควัน..ไม่ไหว...”

ไอติมหวีดร้องยามที่ควันกระแทกเข้ามาจนสุด และประกอบกับด้านหน้าที่ควันทำให้เขาอีกครั้ง ร่างของเขาราวกับจะระเบิดให้ได้ จนเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน ควันยิ่งเพิ่มความเร็วมากขึ้นอีกจนในที่สุด ไอติมก็ปลดปล่อยเลอะหน้าท้องเป็นลอนของควันเป็นครั้งที่สอง เช่นเดียวกับกายแกร่งที่สอดคาอยู่ด้านในร่างกายของไอติมที่ก็ฉีดน้ำรักจนล้นช่องทาง น้ำคาวนั้นไหลซืมออกมาจากช่องทางด้านหลังผสมกับลิ่มเลือดที่เกิดจากการฉีดขาดของช่องทาง

ไอติมได้แต่หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ขาเรียวตกลงจากไหล่หนา ได้แต่นอนนิ่ง ๆ ให้ควันจูบเขาซ้ำ ๆ จนทั่วร่าง

“ครั้งแรกของมึงเลยสินะ” ควันพึมพำ ยามที่เห็นเลือดที่เลอะบนผ้าปูเตียง เขาจึงได้แต่ลูบกลุ่มผมที่ชื้นเหงื่อ ก่อนจะจูบขมับบางเบา ๆ

“...”

“นี่ก็เป็นครั้งแรกของกูเหมือนกัน ที่มีอะไรกับผู้ชายอย่างมึง”

“แล้วเป็นยังไง” ไอติมอดจะถามเพราะความอยากรู้ไม่ได้ ดวงตากลม มองคนที่อยู่ด้านบนซึ่งยังไม่ยอมถอนแกนกายออกจากร่างของเขา

“โคตรจะรู้สึกดี...แล้วมึงล่ะ”

“เหมือนกัน”

พอได้ยินอย่างนั้น ควันก็ห้ามให้ตัวเองยิ้มไม่ได้ เลยจูบกลีบปากแดงที่มันช้ำเพราะเขาดูดดุนอย่างเอาแต่ใจและไอติมก็ยอมให้เขาจูบง่าย ๆ แถมยังหัดจูบตอบบ้างแล้วด้วย นี่ทำอย่างนี้แล้วเขาจะไปไหนรอด

“มึงอ่อยกูเก่งจริง ๆ ว่ะ”

“...”

“ขออีกรอบได้มั้ยวะ”

“ควัน!! พอเลย!!”




--------------------------

ใครบังเอิญผ่านเข้ามาอ่าน
ก็แวะคอมเมนต์กันสักนิดให้ชื่นใจหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ ;-;

ออฟไลน์ Lexmix

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกอ่ะตัวเองสู้ๆนะคะ ตามอยู่ค่ะ

ออฟไลน์ Lexmix

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :pighaun:สนุกอ่ะตัวเองสู้ๆนะคะ ตามอยู่ค่ะ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Zeta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
สนุกมากเลย
เรื่องไม่ง่ายแน่ คนหนึ่งขาดความรัก
ควันก็เจ้าชู้ไปเรื่อย

ติดตาม :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เราว่าหลังจากนี้ดราม่าแน่เลย เจ้าชู้ตัวพ่อ ไข่ทิ้งไว้เรี่ยราดอีกกก  :hao7:

ช่วยแก้คำผิดค่าาา

ใบหน้าหล่อเหลาโฉบลงมาก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากสีแดงช่ำอย่างห้ามใจไม่อยู่ --> ตรงนี้เป็น ชุ่มฉ่ำ ค่ะ

เสียงหง่อย ๆ ดังขึ้นด้านข้าง ควันจึงหันไปมองไอติมอย่างไม่เข้าใจ --> หงอย ไม่มีไม้เอกค่ะ

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 7
ดูแล



ติ้ด ๆ

ภายในห้องที่มืดมิด นาฬิกาบ่งบอกเวลาว่าเป็นตีห้าของเช้าวันใหม่ เสียงนาฬิกาปลุกที่ยังไม่หยุดร้องกำลังรบกวนเวลานอนหลับของร่างสองร่างที่ยังคงกอดก่ายกันอยู่บนเตียง...

ติ้ด ๆ

“น่ารำคาญชะมัด”

เสียงทุ้มพึมพำทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลืมตา ท่อนแขนยาวคว้าที่หัวเตียงสะเปะสะปะ จนเจอกับเจ้าตัวการที่รบกวนเวลานอนของเขาในตอนนี้ ก่อนจะตบปุ่มหยุดเวลาปลุกและมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม พร้อมกับตวัดร่างน่าฟัดเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง

“อือออออ”

เสียงร้องครางดังขึ้นเบา ๆ เมื่อถูกรบกวน ควันจึงนิ่งจนไอติมเงียบไปแล้ว ใบหน้าหล่อถึงได้ยกยิ้มขึ้นมา ก่อนจะห้ามใจไม่ไหว กดปลายจมูกไปที่แก้มขาวเบา ๆ แล้วดึงไอติมเข้ามากอดอีกครั้ง



.

.

จนเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าและส่องแสงเข้ามาในห้องไอติม ดวงตากลมจึงเบิกโพลงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพยายามขยับตัวและพบว่าเขากำลังโดนกอดไว้อยู่

“ปล่อย...ตื่นได้แล้วควัน”

ไอติมขยับตัวให้พ้นจากอ้อมกอดของคนที่นอนหลับอยู่ ส่วนควันที่โดนเสียงงุ้งงิ้ง ๆ กวนอยู่ข้างหูก็ทนหลับต่อไม่ไหว ปล่อยท่อนแขนหนัก ๆ ออกจากร่างขาวเนียน เมื่อไอติมหลุดพ้นออกมาจากอ้อมกอดได้ก็คว้านาฬิกาขึ้นมาดูเวลา ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ

“เจ็ดโมงแล้ว!! ควันตื่นเดี๋ยวนี้ สายแล้ว จะไม่ทันเรียนไบโอนะ”

“อืออออ ก็ช่างมันสิ เดี๋ยวไปขอเลคเชอร์ไอ้พีช ไอ้วินทร์มันมาลอกเอาก็ได้ นอนต่อเถอะหน่า” เสียงทุ้มยังคงงึมงำ แล้วทำท่าจะดึงไอติมให้นอนต่อ แต่คนตัวเล็กกลับสั่นหัวพรืด แล้วดึงแขนหนัก ๆ นั้นให้ลุกขึ้นนั่ง

“ตื่นเลย ยังไงก็ต้องไปเรียน กูไม่อยากขาดเรียนหรอกนะ”

เพราะความดื้อดึงนั้น ควันจึงตื่นได้เต็มตา มองคนที่มีอาการร้อนรนแต่ไม่ยอมลุกไปอาบน้ำเสียที ควันจึงถามเนิบ ๆ แล้วมองใบหน้าซีดขาวตรงหน้า

“แล้วไปเรียนไหวเหรอ”

“หะ...ไหวสิ” ไอติมตอบอย่างไม่แน่ใจนัก แต่พอลุกจากเตียงนอน ร่างเล็ก ๆ นั้นก็ทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง

เมื่อควันเห็นอย่างนั้นก็รีบลุกออกจากเตียง แล้วไปดูคนที่นั่งจุมปุ๊กอยู่ข้างเตียงอย่างเป็นห่วง...ไอติมหน้าซีดเซียวมากยิ่งขึ้นเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดจากการที่ลุกโดยฉับพลันอย่างนั้น

“ไปอาบน้ำไหวรึเปล่า มึงดูท่าจะไม่รอดเลยว่ะติม”

“พากูไปอาบหน่อยดิ เดินเองไม่น่าจะไหว” เสียงเล็กขอร้องอย่างอาย ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาควันในตอนนี้

“อ่อยกูตั้งแต่เช้าเลยนะ”

ควันพึมพำเสียงเบา แต่ไอติมกลับได้ยินมันชัดเจน สุดท้ายแขนแข็งแรงก็ช้อนร่างของเขาขึ้นแนบอก ไอติมได้แต่ก้มหน้าซบกับอกแกร่งนั้นจนเข้ามายืนอยู่ใต้ฝักบัว ควันยังคงประคองร่างของไอติมเอาไว้เพราะรู้ว่าขาไอติมยังคงสั่นไม่หยุด จากนั้นก็เปิดฝักบัวให้ชะล้างร่างกายของพวกเขาทั้งสอง แล้วบีบครีมอาบน้ำลงมือก่อนจะถูให้เกิดฟอง แล้วชโลมลงบนร่างขาวเนียนตรงหน้าช้า ๆ

“ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ เดี๋ยวกูทำเอง”

ไอติมรีบพูดเมื่อมือใหญ่นั้นลากมาถึงหน้าท้อง และก่อนที่มันจะลากลงไปต่ำกว่านั้น ไอติมก็ปัดมือของควันออก และถูกสบู่ไปทั่วทั้งร่างของตัวเอง และพยายามกัดปากเอาไว้ไม่ให้ร้องออกมาเพราะยังแสบไม่หาย

ท่าทางอย่างนั้นอยู่ในสายตาของควันทั้งหมด และควันก็ดึงมือทั้งสองข้างของไอติมขึ้นมา แล้ววางบนอกของเขา ไอติมได้แต่มองอย่างไม่เข้าใจด้วยใบหน้าตื่น ๆ ก่อนที่หน้าจะแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อควันกระซิบที่ข้างหูเบา ๆ

“ถูสบู่ให้กูสิ...เดี๋ยวกูช่วยมึงอาบเอง”

สิ้นคำนั้น มือใหญ่ก็แตะลงที่บั้นท้ายงอนสวย ลากไล้เบา ๆ ก่อนจะใช้นิ้วชี้สอดเข้าไปในช่องทางคับแคบที่เขาเริ่มจะชื่นชอบมันขึ้นมาเสียแล้ว ส่วนไอติมที่ตกใจกับการกระทำนั้นก็สะดุ้งเบา ๆ แล้วเกาะไหล่ของควันเอาไว้ ดวงตาคู่สวยหลับตาลงเพราะทนมองหน้าควันต่อไปไม่ไหวเมื่อรู้สึกว่าควันกำลังใช้นิ้วกวาดอยู่ในช่องทางของเขา จนเมื่อนิ้วของคนตรงหน้าถอนออกมาแล้ว ไอติมถึงรู้สึกหายใจโล่งขึ้นมา พร้อมกับความอึดอัดที่หายเป็นปลิดทิ้งด้วย

“สบายตัวขึ้นรึยัง กูคิดว่าคงจะออกมาหมดแล้วมั้ง”

ควันพูดก่อนจะปล่อยให้น้ำจากฝักบัวชะเอาน้ำคาวนั้นออกไป จากนั้นจึงรีบถูสบู่ลงบนกายของตัวเองเร็ว ๆ เพราะไอติมไม่ยอมถูสบู่ให้เขาตามที่ขอ เสร็จแล้วจึงถือฝักบัวรดลงบนคนตัวเล็กจนสะอาดทั้งร่าง เมื่ออาบน้ำเสร็จพร้อมกันแล้ว ควันก็หยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่บนราวมาห่อหุ้มร่างขาว ๆ ไว้ แล้วประคองไอติมไปที่เคาน์เตอร์อ่างล่างหน้า แล้วยกร่างเล็กขึ้นนั่งบนนั้น

“มีผ้าเช็ดตัวอีกสักผืนให้กูมั้ย”

“มี อยู่ในตู้ด้านนอกอ่ะ หาเอานะ น่าจะอยู่ชั้นล่าง”

ไอติมบอก แล้วนั่งห้อยขาอยู่อย่างนั้นจนควันกลับเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้งพร้อมกับผ้าขนหนูม้วนอยู่ที่เอวแล้ว

“แล้วมีแปรงสีฟันอันใหม่บ้างมั้ย”

“น่าจะมีอยู่มั้ง น้าดาวซื้อแบบแพคมาไว้ให้อ่ะ ลองหาที่ชั้นบนดูดิ”

ไอติมชี้ไปที่ตู้เก็บของด้านบน ควันจึงเอื้อมมือเปิดตู้ออกมา และก็พบแปรงสีฟันอันใหม่ที่ยังเหลืออยู่สองอัน จึงหยิบออกมาใช้อันหนึ่ง แล้วบีบยาสีฟันใส่แปรงสีฟันของตน ส่วนไอติมก็ยื่นแปรงสีฟันในแก้วของตนเองให้ควันบีบยาสีฟันให้ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเริ่มแปรงฟันไปพร้อม ๆ กัน โดยที่ควันก็เปิดน้ำใส่แก้วให้ไอติมบ้วนปากเพราะอีกคนนั่งหันหลังให้อ่างล้างหน้า เมื่อแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย ควันก็ช้อนไอติมขึ้นมาแล้วพามานั่งลงที่ปลายเตียง จากนั้นก็เปิดตู้เสื้อผ้ามั่ว ๆ เพื่อหาชุดนักศึกษาให้ไอติม

“ควัน ปิดแอร์หน่อยดิ หนาว”

ไอติมพึมพำ แล้วกระชับผ้าขนหนูที่ห่อร่างของเขาเอาไว้ด้วย พอควันได้ยินอย่างนั้นก็รีบเดินไปปิดแอร์ให้เรียบร้อย แล้วเปิดผ้าม่านให้แสงสว่างด้านนอกส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่ และเมื่อหาชุดนักศึกษาให้ไอติมครบแล้ว ควันก็เทแป้งฝุ่นใส่ฝ่ามือจนเต็มแล้วทาจนทั่วร่างคนตัวขาวที่นั่งนิ่ง ๆ ให้เขาแต่งตัวให้โดยที่ละเลยครีมต่าง ๆ นานาที่วางอยู่เต็มโต๊ะ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นจากอะไร

“พอเหอะ เดี๋ยวที่เหลือกูทำเอง มึงไปแต่งตัวเถอะ จะได้รีบออกไป”

ไอติมบอกควันที่พยายามจะติดกระดุมเสื้อให้เขา ควันจึงพยักหน้าก่อนจะหายเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำ ไอติมจึงเริ่มติดกระดุมเสื้อของตัวเอง และยัดเสื้อนักศึกษาเข้าในกางเกง เอามือสางผมให้เรียบร้อยก็มองตัวเองในกระจก พอเห็นรอยแดง ๆ ที่มันโผล่พ้นคอเสื้อมา ริ้วแดง ๆ ก็เจือขึ้นมาบนแก้มทั้งสองข้าง ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะรีบติดกระดุมเม็ดสุดท้ายจนชิดคอ และค่อย ๆ ลุกจากเตียงไปหยิบเนคไทมาสวมที่คอเป็นอันเสร็จ


.

.

ควันและไอติมมาถึงห้องเรียนเลทไปถึงสามสิบนาที โดยที่ทั้งสองคนแอบเข้าห้องสโลบจากด้านบน และทำตัวลีบ ๆ มานั่งที่โต๊ะที่อยู่หลังสุด เพื่อไม่ให้สะดุดตาอาจารย์ที่จ้องอยู่แต่สไลด์ตรงหน้า และเพื่อน ๆ ที่กำลังตั้งใจจดเลคเชอร์บนไอแพดของตัวเองอย่างไม่สนใจสิ่งใด

ไอติมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอัดเสียงอาจารย์เอาไว้ หยิบไอแพดของตนขึ้นมาบ้างแล้วรีบเปิดสไลด์ที่กำลังฉายอยู่บนโปรเจคเตอร์ แล้วเริ่มจดตามอาจารย์สอน แม้ว่าเขาจะเริ่มรู้สึกปวดเมื่อยตามตัว และเริ่มหนักหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งโดนแอร์ในห้องเรียนแล้วไอติมยิ่งต้องกอดตัวเองเอาไว้เพราะความหนาว แต่ก็ยังกัดฟันทนฟังเสียงยานคางของอาจารย์ต่อไป

ฟุบ

จู่ ๆ เสื้อคลุมอีกตัวก็ห่มลงที่ไหล่ ไอติมเหลือบมองคนด้านข้างที่สายตายังคงจ้องอยู่บนจอโปรเจคเตอร์แล้วเขียนขยุกขยิกในสไลด์ของตัวเอง แล้วหันกลับมามองเสื้อคลุมของควันที่ห่มลงที่ไหล่ของเขาอีกชั้น จึงทำให้ไอติมรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย

“ขอบคุณ” ไอติมพึมพำ แล้วกระชับเสื้อคลุมของควันพลางสะบัดหัวเพื่อไล่ความง่วงของตัวเองออกไปด้วย

“ถ้าไม่ไหวก็นอนเถอะ เดี๋ยวเรียนให้ แล้วจะติวย้อนหลังให้แล้วกัน”

พอได้ยินอย่างนั้น ไอติมจึงวางปากกาในมือลง แล้วฟุบหลับทันทีเพราะเขาอดทนต่อไม่ไหวแล้ว ถึงจะเรียนไม่รู้เรื่องยังไง แต่ถ้าควันบอกว่าจะสอนให้ทีหลัง ไอติมก็ขอเลือกนอนเสียดีกว่า



.

.


เมื่อหมดคาบแล้ว ไอติมก็ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียเพราะควันปลุกให้ตื่น ดวงตากลม ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบพีชและวินทร์ที่เดินมาหา และทักทายพวกเขาทั้งสองคน

“ไงวะ ทำไมถึงได้มาสายพร้อมกันงี้วะพวกมึง”

พีชถาม และมองไอติมที่มีสีหน้าซีดเซียวก็เอามือขึ้นอังหน้าผากเพื่อนตัวเล็ก ก่อนจะชักออกอย่างรวดเร็ว

“ตัวร้อนจี๋เลย มึงไม่สบายเหรอวะ...แล้วไปหาหมอรึยัง”

“หือ? อะไรเหรอพีช” ไอติมถามงง ๆ ทั้ง ๆ ที่จะลืมตาไม่ขึ้นอยู่แล้ว ใบหน้าเนียนนั้นแนบอยู่กับโต๊ะเรียนแล้วกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้นอีกก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

“มันได้กินยารึยัง พามันกลับไปนอนดีมั้ยวะ วิชาอังกฤษเดี๋ยวค่อยทำใบงานส่งย้อนหลังก็ได้” วินทร์พูดขึ้น ซึ่งควันก็เห็นด้วย

“กูบอกมันแล้วว่าไม่น่าจะเรียนไหว แต่มันก็ฝืนจะมาเรียนให้ได้ งั้นกูพามันกลับไปนอนก่อนแล้วกัน ฝากพวกมึงเช็คชื่อให้หน่อยแล้วกันนะ”

“เออ เดี๋ยวเช็คชื่อให้ ทำใบงานส่งให้ด้วย แค่นี้จิ๊บ ๆ ‘จารย์แม่งจับไม่ได้หรอก” พีชว่า แล้วช่วยเก็บของของไอติมใส่กระเป๋าให้คนที่ยังนอนหลับไม่ได้สติ

ควันจึงประคองไอติมให้ลุกขึ้นโดยที่มีวินทร์ช่วยข้าง ๆ และพีชที่ถือกระเป๋าเดินตามออกมาจนถึงรถของควัน ไอติมที่สะลึมสะลือเพราะพิษไข้เลยไม่ได้ฝืนตัวเองที่จะเรียนต่อ แล้วหลับทันทีเมื่อเข้ามานั่งในรถ

“เดี๋ยวพวกกูเรียนเสร็จแล้วจะไปหาที่ห้องไอติมแล้วกันนะ” พีชบอกแล้วยื่นกระเป๋าของควันและไอติมให้ควันรับไป ควันพยักหน้ารับแล้วรีบขับรถออกมาอย่างรวดเร็ว และก่อนจะกลับคอนโดของไอติมก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อยาด้วย

เมื่อมาถึงที่คอนโดแล้ว ควันก็หยิบคีย์การ์ดจากกระเป๋าไอติมมาเปิดประตูคอนโด กดลิฟต์แล้วก็ลากคนตัวเล็กมาถึงห้องของเจ้าตัว ก็แตะคีย์การ์ดเข้าห้อง แล้วพาไอติมนอนลงบนที่นอน ก่อนจะจัดท่าทางไอติมให้เรียบร้อย แล้วห่มผ้าห่มจนถึงคอ จากนั้นก็เทน้ำใส่แก้วมาวางที่หัวเตียง และก็หยิบยาแก้ไข้และยาแก้อักเสบออกจากซองแล้วปลุกคนที่นอนซึมให้ตื่นขึ้นมา

“ไอติม...ไอติม”

“หือ?”

“กินยาก่อน แล้วค่อยนอน”

ไอติมไม่ได้งอแงสักนิด แม้ว่าจะเบลออยู่มากก็ตาม แต่ก็รับยาจากควันมากินแล้วดื่มน้ำตามอย่างว่าง่าย จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนทันที ควันมองคนที่หลับไปแล้ว ก็ลองยกมือขึ้นแตะหน้าผากไอติมเบา ๆ เพราะเขานั้นแหละ ไอติมถึงได้ไข้ขึ้นขนาดนี้

“ขอโทษนะ...เพราะกูเลยมึงถึงเป็นอย่างนี้”

“...”

มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา ควันจึงปลดเนคไทที่ยังอยู่บนเสื้อของไอติมออก แล้วแกะกระดุมสองเม็ดเพื่อที่คนนอนหลับจะได้ไม่อึดอัด แล้วก็ต้องสะดุดกับรอยแดงเต็มลำคอขาวที่เขาเผลอทำไปเมื่อคืนนี้ ควันยกมือแตะรอบลำคออย่างช้า ๆ และเพราะอะไรไม่รู้ถึงทำให้ควันก้มหน้าไปประทับริมฝีปากซีดเซียวเบา ๆ ก่อนจะผละออกมาเพราะไม่อยากรบกวนการนอนของคนป่วยอีกต่อไป



*



ดวงตากลมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหลังจากพักผ่อนไปหลายชั่วโมง...ไอติมพลิกตัวนอนหงายก่อนจะสะดุดกับร่างของคนที่นั่งอยู่บนเตียง พอมองแล้วก็เห็นว่าควันนั่งพิงหัวเตียงแล้วหลับตาอยู่ ทั้ง ๆ ที่ในมือยังคงถือไอแพดเอาไว้

ไอติมเลยสะกิดเบา ๆ ให้คนที่แอบงีบหลับตื่นขึ้นมา พอควันตื่นขึ้นมาก็พบดวงตาใสแป๋วมองเขาอยู่ จึงขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเอามืออังหน้าผากคนป่วย

“ตัวยังร้อนอยู่เลย มึงไปหาหมอดีมั้ย”

“ไม่อ่ะ...เดี๋ยวนอนพักสักคืน ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่หายแล้วค่อยไปหาดีกว่า”

“เอางั้นก็ได้” ควันว่าแล้วขยับผ้าห่มให้คนป่วย มองไอติมที่ยังไม่หยุดมองเขาสักที ควันจึงยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนิ่มเบา ๆ ก่อนจะถามสิ่งที่ตกค้างอยู่ในใจของเขามาตั้งแต่เช้า

“มึงโกรธกูรึเปล่า”

“โกรธเรื่องอะไร” ไอติมขมวดคิ้ว มองคนที่หยุดลูบผมเขาแล้ว แต่ฝ่ามืออุ่น ๆ ก็ยังแปะอยู่บนหัวของเขาเช่นเดิม

“ก็...เรื่องเมื่อคืนไง”

“ทำไมกูต้องโกรธด้วย” ไอติมตอบด้วยเสียงแผ่วเบา เพราะพิษไข้ถึงทำให้เขาหมดแรงได้ขนาดนี้

“...” ควันเงียบลงเพราะเขาไม่ได้เตรียมใจมาสำหรับคำตอบนี้เลย ในหัวของเขามีแต่ความคิดที่ว่าไอติมต้องโกรธแน่ ๆ ไอติมต้องเกลียดเขาแน่นอน จะง้อไอติมยังไงให้หายโกรธ หรือถ้าพวกเขาทั้งสองคนมองหน้ากันไม่ติดเลยจะทำยังไง

ในขณะที่ใจลอยอยู่นั้น ฝ่ามืออุ่นร้อนก็คว้ามือเขาไปบีบเอาไว้ ก่อนที่ดวงตากลม ๆ จะเงยหน้ามองเขาแล้วพูดคำปลอบประโลมคนตัวโตด้วยเสียงแหบแห้ง

“มึงไม่ได้ผิดอะไรสักนิด เรื่องที่เกิดขึ้นกูก็เลือกเองทั้งนั้น อย่าคิดมากเลย”

“ขอบคุณนะที่ไม่โกรธกู” ควันบอกอย่างจริงใจ มองคนป่วยแล้วก็รู้สึกโล่งอกที่ไอติมคิดอย่างนั้น ริมฝีปากได้รูปกระตุกมุมปากยิ้มแล้วลูบกลุ่มผมนิ่มอีกครั้ง ก่อนจะโชว์ไอแพดที่ถือไว้ให้ไอติมดู

“อะไร”

“สรุปเนื้อหาไบโอไว้ให้ไง”

“ขอบคุณนะ” ไอติมพึมพำขอบคุณจากใจ และไม่ทันได้ตั้งตัว ใบหน้าหล่อได้รูปก็พุ่งเข้ามาใกล้แล้วประทับจูบลงบนกลีบปากซีดเซียวอย่างรวดเร็วก่อนจะผละออกมา

“เวลาจะขอบคุณกูให้ทำแบบนี้”

“มึงเป็นอะไรกับปากกูมากมั้ยเนี่ย ทำไมชอบจูบดีนัก” ไอติมพูดเสียงเบา แล้วเผลอจับปากตัวเองก่อนจะหันหน้าหนีคนที่จ้องเขาไม่เลิก แต่ไอร้อนของคนตัวสูงกว่าก็เขยิบเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู

“แล้วมึงชอบมั้ยล่ะ”

“...” ไอติมไม่ได้ตอบ เพราะกระดากอายเกินกว่าจะตอบ จึงทำได้แค่ซ่อนแก้มแดง ๆ ไว้ใต้ผ้าห่มอย่างนั้น แต่ควันก็ไม่ยอมให้คนที่นอนอยู่เงียบได้นาน ริมฝีปากร้ายกาจกดจูบที่ขมับเบา ๆ ก่อนจะสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มแล้วดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเอาไว้

“ชอบมั้ย ตอบมาเร็ว”

“ปล่อยเลยควัน เดี๋ยวก็ติดไข้หรอก”

ไอติมไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดอีกประโยคแล้วดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของคนที่อยู่ด้านหลัง แต่เพราะตัวเล็กกว่าเลยทำได้แค่ดิ้นไปดิ้นมา สุดท้ายก็แพ้แรงของควันและนอนนิ่ง ๆ ให้ควันกอดเท่านั้น

“ชอบมั้ย”

ควันยังคงไม่ละความพยายามที่จะถามไอติมให้ได้ ทั้งห้องจึงเงียบขึ้นมาอีกครั้ง มีเพียงเสียงเต้นของหัวใจที่ดังขึ้นพร้อม ๆ กัน ก่อนที่ไอติมจะปริปากพูดออกมา และเรียกรอยยิ้มหล่อของเจ้าของอ้อมกอดได้ไม่ยาก

“ถ้าไม่ชอบก็คงไม่นอนให้กอดอย่างนี้หรอกมั้ง”

“แล้วชอบจูบของกูรึเปล่า” ควันยังคงถามต่อ และเรียกริ้วแดง ๆ ขึ้นมาบนปรางค์แก้มของคนตัวขาวได้ไม่ยาก

“...”

“ว่าไง อยากให้จูบทบทวนความจำอีกรอบมั้ย”

“พอเลย...มึงจูบกูแล้วเหมือนโดนดูดวิญญาณทุกที” ไอติมพึมพำเสียงเบา แต่คนที่นอนกอดอยู่นั้นได้ยินทุกประโยคอย่างชัดเจน จนอดไม่ไหวที่จะดึงให้คนตัวเล็กหันหน้ามาหาเขา แล้วยื่นหน้าเข้าไปประทับจูบแผ่วเบาก่อนจะผละออกมา

“แบบนี้เหมือนโดนดูดวิญญาณเลยเหรอ”

“ไม่ใช่สิ แบบนี้เร็วจนกูไม่รู้สึกอะไรสักนิด” ไอติมพูดด้วยตาใสแป๋ว ควันได้แต่คิดว่าทำไมเพื่อนของเขามันถึงได้ใสซื่อขนาดนี้กัน ทั้ง ๆ โดนเขาลวนลามมากขนาดนี้ ไอติมมันยังนอนนิ่ง ๆ ให้เขาจูบอยู่เฉย ๆ ได้อีก

“แล้วแบบไหนเรียกว่าดูดวิญญาณล่ะ”

“ก็แบบ...” ไอติมเงียบลงเพราะไม่กล้าพูดมันออกมา ใบหน้าน่ารักนั้นมุดลงที่อกของคนตรงหน้าเพราะไม่อยากคุยกับเขาต่อแล้ว เรียกเสียงหัวเราะของควันได้ไม่ยาก และท้ายที่สุดควันก็เชยคางของไอติมขึ้นมาก่อนจะสบตาคนป่วยนิ่ง ๆ

“แบบนี้รึเปล่าที่เรียกว่าดูดวิญญาณ”

สิ้นคำนั้นควันก็ประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง บีบที่คางไอติมเบา ๆ ให้ร่างเล็กเผยอปากออก ก่อนจะแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อน แล้วกวาดต้อนเอาความหวานจากร่างเล็กที่ยังป่วยไม่เลิก ริมฝีปากของคนทั้งสองดูดดุนกันและกันจนเกิดเสียงน่าเกลียดเบา ๆ เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันและกันภายในห้องเงียบ ๆ จนในที่สุดควันก็เป็นฝ่ายผละออกมาก่อน ไม่อย่างนั้นเขาคงจะได้รังแกคนป่วยอีกรอบแน่ ๆ

“อย่าไปทำแบบนี้กับคนอื่นนอกจากกูนะ”

“...”

“กูโคตรหวงมึงเลยว่ะติม”





-----------------------------------



ขอบคุณทุกคอมเมนต์เลยนะคะ
เป็นกำลังใจที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Zeta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เขินนนน  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เขิน แทนน้องติม คนอ่านจะเป็นเบาหวานแล้วจ้า

ออฟไลน์ Dearbliss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
บทที่ 8
ข้อตกลงระหว่างสองเรา



หลังจากนอนป่วยเพราะพิษไข้ถึงสามวัน ในที่สุดไอติมก็หายกลับมาเป็นปกติ แม้ว่าจะยังคงเจ็บปวดที่ช่วงล่างอยู่บ้าง แต่ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ส่วนรอยแดงตามตัวก็เริ่มจางลงเรื่อย ๆ แล้ว

“มากันครบทุกคนแล้วใช่มั้ยคะน้อง ๆ”

ไอติมนั่งมองพี่เจตน์ที่คอยเอนเตอร์เทนทุกคนอยู่บนเวทีเงียบ ๆ ตอนนี้เขากลับมาเข้ากิจกรรมดาว-เดือนแล้ว หลังจากที่หายไปสามวันถ้วน แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไรเพราะเขาไม่สบายจริง ๆ นี่นา

“หายป่วยแล้วเหรอไอติม”

ไอติมหันมองคนที่มานั่งยอง ๆ อยู่ด้านข้าง เป็นพี่กรที่ไอติมไม่ได้เห็นหน้าตั้งแต่วันนี้พี่กรเลี้ยงชาบูชิ และพี่กรก็ยื่นชาเขียวมาตรงหน้าเขา

“เห็นซื้อกินบ่อย ๆ พี่เลยซื้อมาฝาก”

“ขอบคุณนะครับ” ไอติมยิ้มบาง ๆ แล้วรับชาเขียวมาเปิดดื่ม คุยกันต่อสักพักพี่กรก็ลุกออกไปเพราะกิจกรรมกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ไอติมได้แต่มองขวดชาเขียวในมือก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าเป็นอย่างดีแล้วเผลอยิ้มออกมาคนเดียวอีกครั้ง...อย่างน้อยวันนี้พี่กรก็ซื้อชาเขียวรสที่เขาชอบมาถูกแล้ว...

มีความสุขจัง


.

.


วันนี้ไอติมรู้สึกเหนื่อยมากเป็นพิเศษเพราะกิจกรรมที่เริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ แล้วยิ่งเมื่อเวลาในการแข่งขันมันใกล้เข้ามา ไอติมยิ่งต้องทั้งซ้อมร่วมกับกองประกวด และแบ่งเวลาเพื่อซ้อมกับที่คณะอีกด้วย โชว์ที่จะใช้ในรอบแสดงความสามารถเขาก็ยังไม่ได้คิดการแสดงเลย แค่คิดว่าสัปดาห์นี้คงต้องเป็นสัปดาห์ที่ไม่ได้พักเลยสักวัน ไอติมก็หมดแรงจะสู้ต่อแล้ว

“วันนี้เลิกเลทหน่อยน๊า แต่ไม่เกินสี่ทุ่มแน่นอน ซ้อมอีกรอบหนึ่งก่อน รอบสุดท้ายของวันนี้แล้ว”

พี่เจตน์พูดขึ้นพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของดาว-เดือนแต่ละคณะ ไอติมมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็ต้องปาดเหงื่อ เหลืออีกสิบห้านาทีจะสี่ทุ่ม ทนเอาหน่อยแล้วกัน ไม่ไหวก็คงต้องไหวแหละงานนี้

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ในขณะที่นั่งพักอยู่นั้น เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นมา ไอติมมองประตูห้องที่ถูกเปิดออกก็ต้องตกใจ หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อเห็นร่างสูงที่ปรากฏกายนั้นคุ้นหน้าเหลือเกิน

“คะ...ควัน” ไอติมพึมพำอยู่เพียงคนเดียว แต่เสียงพี่เจตน์ที่พูดใส่ไมโครโฟนนั้นทำให้ไอติมต้องเงียบแล้วมองคนที่เป็นจุดเด่นของห้องนี้นิ่ง ๆ

“แอร๊ยยยยยยย สวัสดีค่าน้องหมอกกก เอ๊ะ! หรือน้องควัน?”

ไอติมมองคนที่เขาคุ้นหน้า แต่สายตาของเจ้าตัวนั้นกลับล็อกอยู่ที่อีกคนที่ไอติมก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ก่อนจะตอบพี่เจตน์ที่กำลังรอคำตอบอยู่

“หมอกครับ”

“อ่อออ น้องหมอกกก มาหาใครจ๊ะ มาหาน้องเพลิงรึเปล่า”

“มารอรับเพื่อนกลับครับ”

“อ่อ มารอรับเพื่อนนนนน งั้นน้องหมอกนั่งรอก่อนนะจ๊ะ เอ้า! ใครว่างก็หาน้ำหาท่ามาเสิร์ฟน้องหมอกกันหน่อย ส่วนดาว-เดือนทั้งหลาย อย่าพึ่งตกตะลึงกับความหล่อของน้องหมอกค่า รีบซ้อมกัน ไม่งั้นวันนี้พี่จะปล่อยกลับห้าทุ่มนะคะ”

พอได้ยินอย่างนั้น ไอติมก็รีบลุกขึ้นยืนเตรียมซ้อมทันที เพราะอยากกลับไปนอนพักไม่ไหวแล้ว เขาต้องรีบซ้อม ซ้อม และซ้อมเท่านั้น ถึงจะได้กลับไปพักสักที

.

.

และในที่สุดคำขอของไอติมก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อพี่เจตน์ประกาศว่ากิจกรรมของวันนี้จบลงแล้ว ไอติมจึงหอบร่างพัง ๆ ของตัวเองไปเก็บของ และเดินออกมาพร้อมกับเพื่อนคนอื่น ๆ แต่ก่อนจะออกไป สายตาเจ้ากรรมก็ดันมองคนที่หน้าคล้ายควันอย่างกับแกะเสียก่อน...ก็รู้ว่าควันมีฝาแฝดชื่อหมอก แต่ก็ไม่เคยได้เห็นตัวจริงสักที พอได้เห็นใกล้ ๆ อย่างนี้ ไอติมก็คิดว่าหมอกและควันนั้นคล้ายกันจริง ๆ นั้นแหละ แต่ไอติมคิดว่าความแตกต่างของสองคนนี้ที่สังเกตได้ชัดที่สุดคงจะเป็นดวงตาล่ะมั้ง

ดวงตาของหมอกนั้นเรียวรีกว่าควันเล็กน้อย แววตาของหมอกเวลามองบลู...เดือนคณะวิทยาศาสตร์นั้นมันอ่อนโยนชะมัด ต่างจากควันที่เขารู้จักเป็นอย่างดี รายนั้นน่ะเหรอ...นอกจากรอยยิ้มร้ายกาจที่หมั่นแจกให้สาว ๆ ทุกคนที่เดินผ่าน และดวงตาคมที่ดูลึกจนยากจะหยั่งใจได้นั้น ไอติมก็ไม่เห็นว่าควันจะมีอะไรดีเลยสักนิด

“ไอติมจะกลับแล้วเหรอ”

เสียงที่ดังเรียกสติของไอติมให้กลับมาดังอยู่ด้านหลัง คนตัวขาวจึงหันหลังกลับไปมองและพบว่าเป็นพี่กรที่ยืนอยู่ ไอติมจึงพยักหน้าตอบรุ่นพี่

“ครับ พี่กรมีอะไรเหรอ”

“จะกลับยังไงล่ะ ขับรถมาเองรึเปล่า” กรถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเมื่อตอนเย็นที่เขามาถึง เขาไม่เห็นรถของไอติมจอดอยู่ เลยอดจะเป็นห่วงน้องไม่ได้

“เออ...ไม่ได้เอามาครับ แต่ผมนัดให้เพื่อนมารับแล้วล่ะครับ”

ติ้ง!

พูดไม่ทันขาดคำ เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น ไอติมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและก็พบว่าเป็นคนที่เขานัดไว้นั้นแหละที่ทักเข้ามา

“งั้นผมไปก่อนนะครับพี่กร เพื่อนผมมารอแล้ว”

“อืม ถ้าอย่างนั้นก็กลับดี ๆ ล่ะ”

“ครับ ฝันดีนะครับพี่กร”

“ฝันดีครับน้องไอติม”

ไอติมโบกมือให้พี่กรแล้วก็หันหลังกลับไปตามทางเดิน เผลอยิ้มกับตัวเองในมุมมืด จนเมื่อมาถึงข้างรถ BMW ที่จอดรออยู่ ไอติมที่ยังมีรอยยิ้มเจืออยู่บนใบหน้าก็มองคนที่ยืนพิงประตูรถเล่นโทรศัพท์อยู่ ก่อนจะเงยหน้ามามองเขา

“เลิกดึกจังนะวันนี้”

“ก็ใกล้จะประกวดแล้ว มันก็ต้องดึกเป็นธรรมดาแหละ”

“แล้วที่ยืนคุยอยู่ตรงหน้าตึกนั่นคุยกับใคร คุยกันซะนานเลยนะ”

“มึงเป็นพ่อกูเหรอควัน...ถามเยอะจริง” ไอติมพึมพำ แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถโดยที่ไม่ตอบคำถามของควัน...คนตัวสูงที่กำลังเค้นเอาคำตอบอยู่ถึงกับกรอกตามองท้องฟ้าที่มืดมิด ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งที่คนขับแล้วถามไอติมอีกครั้ง

“แล้วสรุปว่าคุยกับใคร”

“พี่กร”

“พี่กร?”

“ก็รุ่นพี่ปีสามคณะเราไง ที่เป็นเดือนมหา’ลัยเมื่อสองปีก่อนอ่ะ” ไอติมขยายความต่อ เมื่อเห็นว่าควันทำหน้างง และเมื่อควันได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าเข้าใจ เขาพอจะจำได้ลาง ๆ ว่ารุ่นพี่ปีสามที่ชื่อว่ากรเป็นใครแล้วล่ะ ไม่คิดว่าไอติมจะสนิทด้วย ก็แค่ถามเท่านั้นแหละ

“ตอบแต่แรกก็จบล่ะ...หิวอ่ะ ไปหาอะไรกินก่อนกลับมั้ย”

“ก็ดี กินอะไรร้อน ๆ ท้องหน่อย จะได้นอนหลับสบาย อ้อ!...กูยังไม่ลอกเลคเชอร์ไบโอเลย เดี๋ยวขอยืมไอแพดหน่อยแล้วกันนะ” ไอติมพึ่งนึกออกว่าตั้งแต่วันที่เขาไข้จับ ไอติมก็ยังไม่ได้ตามวิชาที่ตนเองเรียนไม่ทันเลย ไหน ๆ พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้ว เห็นทีว่าวันนี้ไอติมคงต้องทบทวนวิชาเรียนจนโต้รุ่งแน่ ๆ

“งั้นเดี๋ยวติวให้ด้วยเลยแล้วกัน บอกแล้วนี่ว่าจะสอนให้”

“โอเค งั้นแวะกินบะหมี่หน้าปากซอยดีกว่า รีบกินจะได้รีบติว”

พอตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็แวะกินบะหมี่ตามที่ไอติมต้องการ หลังจากอิ่มจากข้าวมื้อดึกแล้ว ควันก็แวะกลับคอนโดของตัวเองเพื่อไปเอาไอแพดกับชีทเรียนที่ห้อง พอกลับมาถึงรถที่ไอติมนั่งรออยู่ก็เห็นควันแบกเป้สะพายกระเป๋ามา ดวงตากลม ๆ นั้นมองอยู่จนเมื่อควันเปิดประตูด้านหลังแล้วโยนกระเป๋าเป้เข้ามาในรถ ไอติมจึงถามขึ้น

“ไม่ได้เอาแค่หนังสือที่จะติวมาเหรอ ทำไมกระเป๋าดูใหญ่ ๆ”

“แล้วใครจะเอาแค่ชีทเรียนไปกันล่ะ นี่ก็ห้าทุ่มล่ะ ไหนจะติว ไหนจะอ่านหนังสือ นอนห้องมึงนั้นแหละดีที่สุด”

พอควันพูดอย่างนี้ ไอติมจะปฏิเสธก็คงไม่ได้ เลยได้แต่เลยตามเลยจนมาถึงที่คอนโดของไอติม ร่างเล็กก็เดินนำมาจนถึงห้องของตัวเอง เปิดไฟในห้องเสร็จก็โยนของลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า

“เหนื่อยชะมัดเลย...ขออาบน้ำก่อนแล้วกัน แล้วค่อยติวนะ”

ไอติมบอกกับติวเตอร์จำเป็น ก่อนจะบิดขี้เกียจแล้วเดินเข้าห้องนอนของตัวเองเพื่อไปอาบน้ำชำระร่างกาย ในระหว่างนั้นควันก็จัดวางกระเป๋าเป้ของตัวเองลงบนโต๊ะแล้วรื้อของออกมาเพื่อเตรียมอ่านหนังสือพร้อมกับไอติม

เวลาผ่านไปไม่นาน คนตัวเล็กก็ออกมาจากห้องนอนพร้อมชุดนอนลายทาง มีผ้าขนหนูผืนเล็กแปะอยู่บนหัวที่ยังคงมีน้ำหยดลงมาตามตัว

“อ่ะ ผ้าเช็ดตัวของมึงอ่ะ” ไอติมยื่นผ้าเช็ดตัวมาตรงหน้าควัน ซึ่งควันก็พอจะจำได้ว่ามันคือผ้าเช็ดตัวผืนที่เขาใช้ในวันที่ค้างที่ห้องไอติมเป็นคืนแรก

“ยังไม่ซักอีกเหรอ”

“ไม่อ่ะ ขี้เกียจซัก พอดีมึงมาก็เอาไปเช็ดตัวเลยดิ ไปอาบน้ำได้แล้วไป” พูดจบก็ดันหลังให้ควันเข้าไปอาบน้ำในห้องนอนของตน คนที่ไม่ทันตั้งตัวก็รีบคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นพาดไหล่ ก่อนจะยอมเดินตามที่คนตัวเล็กดุนหลังเข้าห้องนอน แต่พอควันเข้ามาในห้องนอนของไอติมแล้ว ไอติมกลับหยุดยืนอยู่หน้าประตูเสียอย่างนั้น ควันจึงยกคิ้วเป็นเชิงถาม

“อะไร”

“ทำไมไม่เข้ามาในห้องล่ะ”

“ไม่เอา เดี๋ยวจัดโต๊ะรออยู่ข้างนอกดีกว่า รีบ ๆ อาบได้แล้ว”

พูดจบไอติมก็ปิดประตูห้องนอนของตนทันที เพราะถ้าขืนยืนเถียงกันนานกว่านี้ เขากลัวว่าจะไม่ได้อ่านหนังสือเอาน่ะสิ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงแย่แน่เลย

.

.

หลังจากควันอาบน้ำเสร็จแล้ว คนตัวสูงก็ออกมาด้วยเสื้อบอลกางเกงบอลเข้าเซ็ตกันพอดี เดินมาถึงที่โต๊ะตัวยาวที่มีเจ้าของห้องนั่งเขียนอะไรขยุก ๆ ขยิก ๆ อยู่คนเดียวรอเขาอยู่ ควันก็ชะโงกหน้าดูก็เห็นว่าไอติมกำลังสรุปวิชาเคมีอยู่...ลายมือน่ารักเชียว

“อาบเสร็จแล้วเหรอ นั่งดิ” ไอติมตบเก้าอี้ข้างตัวเอง แล้วหอบกองหนังสือของตัวเองออกจากพื้นที่ของควัน ควันจึงนั่งลงและเริ่มหยิบชีทและสรุปของตัวเองขึ้นมาดู

“มึงป่วยไปตั้งแต่สไลด์ไหนนะ...อา...สไลด์ที่ 78 ใช่มั้ย”

“ใช่...แต่ความจริงกูเริ่มเรียนไม่รู้เรื่องตั้งแต่สไลด์ที่ 55 แล้ว เริ่มใหม่เลยก็ได้นะ”

“เอางั้นก็ได้ ยังไงพรุ่งนี้ก็วันเสาร์ กูติวให้มึงล่วงหน้ายังได้เลย”

“โห...อ่านจบทั้งชีทแล้วเหรอ” ไอติมเผลอเบิกตาโตอย่างตื่นเต้น เห็นทำตัวเหมือนไม่เอาอ่าวอย่างนี้ ใครจะไปคิดว่าควันจะอ่านสไลด์ล่วงหน้าจนจบหมดแล้วกัน

“ก็จบไปแล้วหนึ่งรอบ เดี๋ยวใกล้สอบคงจะเริ่มอ่านอีกสักรอบ แต่ติวให้มึงอย่างนี้ก็ถือว่าทบทวนไปในตัวด้วยนั้นแหละ เริ่มกันได้ยัง”

“เริ่มเลยดิ”

.

.

“...จบสักที”

ไอติมถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่หลังจากที่ควันพูดประโยคสุดท้ายจบ ใบหน้าขาวใสฟุบลงบนสมุดโน้ตของตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน

“มีอะไรไม่เข้าใจมั้ย” ติวเตอร์เฉพาะกิจถาม ในขณะที่ดูเนื้อหาที่ตัวเองพึ่งสอนไอติมจบไป และร่างของคนตัวเล็กก็เด้งขึ้นมาแล้วสั่นหัวปฏิเสธแทนคำตอบ

“มึงจะนอนก่อนเลยก็ได้นะ เดี๋ยวกูขออ่านเคมีต่อก่อน” ไอติมว่าแล้วหยิบสมุดโน้ตวิชาเคมีมาตรงหน้า มือก็เปิดสไลด์วิชาเคมีอินทรีย์ไปด้วย

“ตีสามแล้วนะ ไม่พักสักหน่อยเหรอ ยังไงมันก็ยังไม่สอบเร็ว ๆ นี้หรอก ตามึงคล้ำเป็นหมีแพนด้าหมดแล้วไอติม ไปนอน” ควันดึงข้อมือที่เริ่มจับปากกาให้หยุดก่อน เพราะควันรู้ว่าคนตัวเล็กล้าไม่ไหวแล้ว แต่ไอติมก็ยังดื้อดึงเช่นเดิม

“ไม่เอาหรอก กูตามคนอื่นไม่ทันแล้ว ยิ่งต้องทำกิจกรรมดาว-เดือนทุกวัน ต่อไปยิ่งจะหนักกว่านี้อีก ถ้าไม่อ่านเอาไว้ก่อนตอนสอบมาคงตายแน่ ๆ”

“แต่ตอนนี้มึงก็จะตายเหมือนกัน ไปนอนก่อน พรุ่งนี้ค่อยตื่นมาอ่าน เดี๋ยวกูช่วยติวให้ก็ได้”

ควันบอกเสียงเข้ม เพราะเขาสังเกตไอติมมาตั้งแต่ช่วงหลัง ๆ ของการติวที่ไอติมเริ่มไม่ไหวจนแสดงออกมาทางสีหน้าแล้ว ถึงจะฝืนอ่านต่อไปจนรุ่งสาง ควันก็เดาได้เลยว่าไอติมอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแน่นอน

“มึงบอกแล้วนะว่าจะติวให้”

“เออ ไปนอน”

“ก็ได้”

ไอติมพูดอุบอิบ แล้วยอมปิดหนังสือลง คนตัวเล็กอ้าปากหาวออกมาโดยไม่แคร์สิ่งใดทั้งสิ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ เดินเตาะแตะเข้าห้องนอนแล้วก็พุ่งลงบนเตียงทันที

“ง่วงชะมัดเลย” ไอติมพึมพำแล้วคว้าหมอนข้างมากอดไว้จนแน่น ควันที่เห็นภาพตรงหน้าก็เผลอยิ้มออกมากับคนที่ทำตัวเหมือนเป็นเด็ก ก็ดูสิ...แก้มน่ะ หกหมดแล้ว

“ให้กูนอนด้วยดิวะ” เสียงทุ้มบอกแล้วก็ล้มตัวลงบนเตียงกว้างบ้าง ไอติมจึงกลิ้งตัวไปทางขวาพร้อมกับหมอนข้างที่ยังคงกอดเอาไว้

“งั้นกูปิดไฟนะ...แต่ผ้าห่มมีผืนเดียวอ่ะ แบ่ง ๆ กันเอาแล้วกัน” ไอติมว่า แล้วก็คลี่ผ้าห่มให้คลุมทั้งตัวเขาและเพื่อนตัวสูง และเพราะผ้าห่มมันผืนเล็กเกินกว่าที่จะห่มคนทั้งสองให้หมดได้ ไอติมจึงได้ห่มแค่ครึ่งตัวเท่านั้น แต่เจ้าของห้องก็ไม่ได้ปริปากบ่น และกดรีโมตปิดไฟให้ห้องทั้งห้องนั้นมืดมิด และนอนเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้น

เวลาผ่านไปไม่นานนัก แต่เพราะความหนาวจากเครื่องปรับอากาศทำให้ไอติมเริ่มทนไม่ไหว มือทั้งสองข้างกอดตัวเองเอาไว้แน่น ปลายเท้าก็พยายามมุดเข้าไปอยู่ในผ้าห่ม คนตัวเล็กอยู่ไม่สุขเพราะความหนาว แต่แล้วจู่ ๆ ร่างของเขาก็ถูกดึงเข้าไปชิดแผ่นอกหนา ผ้าห่มนั้นห่มคลุมร่างเขาจนหมด พร้อมกับความอบอุ่นจากท่อนแขนแกร่งที่โอบรัดเขาเอาไว้

“กอดแบบนี้อุ่นขึ้นมั้ย”

เสียงทุ้มถามข้างหู ไอติมเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะแปลก ๆ...ไม่เคยมีใครถามคำถามอย่างนี้กับเขามาก่อนเลย

“อะ...อืม”

“งั้นกูกอดมึงอย่างนี้ทั้งคืนเลยแล้วกัน เผื่อมึงจะได้นอนฝันดี”


.
.

(part 2)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 20:33:53 โดย Dearbliss »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เจอกันไม่กี่วัน  ฟิเจอริ่งกันซะแระ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด