บทที่ 17
คืนนั้นแมทกลับห้องตอนดึกมาก ผมเข้านอนไปแล้วพักหนึ่งจึงได้ยินเสียงไขกุญแจ ตามด้วยเสียงประตูเปิด ผมรีบดึงผ้าห่มมาปิดหน้าแล้วพลิกตัวหันไปอีกด้าน อีกฝ่ายจรดปลายเท้าเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าเตียงฝั่งผม ผมหลับตานอนนิ่ง เขาจึงผละเดินเข้าห้องน้ำไปโดยระวังให้เกิดเสียงน้อยที่สุด
ผมหลับตาฟังเสียงน้ำฝักบัวไปสักพักก็ผล็อยหลับไปจริงๆ ตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด ก็ไม่เจอแมทแล้ว เห็นแต่โน๊ตทิ้งไว้บนโต๊ะ เขียนว่า
[เมื่อคืนเห็นคีหลับแล้ว เลยไม่อยากปลุก
วันนี้ฉันต้องไปช่วยเควินรับตัวลูกสิงโตที่จะส่งมาจากแอฟริกาใต้ ต้องออกไปตั้งแต่ตีสี่ คงกลับมาค่ำๆ
คีเทคแคร์นะ ไว้เจอกัน, L.M.]
ผมอ่านโน้ตแผ่นนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะเพิ่งเคยเห็นลายมือแมทเป็นครั้งแรก ลายมือภาษาอังกฤษของเขาอ่านง่ายและเป็นระเบียบ ลงเส้นหนักนิดหนึ่ง ให้ความรู้สึกมั่นคงเหมือนเจ้าตัวคนเขียนนั่นแหละ
จะว่าไป ผมก็ยังไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับแมทเท่าไหร่เลยนี่นะ
ผมเดินไปเปิดกระเป๋าเดินทาง หยิบหนังสือเล่มบางที่ติดมาเผื่อจะอ่านฆ่าเวลาออกมา สอดกระดาษแผ่นนั้นเก็บไว้อย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา แล้วออกไปช่วยตรวจรั้วกั้นเขตซึ่งเป็นภารกิจยามเช้า
พอเปิดประตูห้อง ก็เห็นร็อบกำลังวิ่งเหยาะๆ เข้ามาพอดี “อ้าว ร็อบ ต้องไปทำภารกิจแต่เช้า ยังมาวิ่งจ็อกกิ้งอีก ไม่เหนื่อยเหรอครับเนี่ย” ผมถามเขาอย่างแปลกใจ พอจะดูออกว่าหนุ่มอเมริกันคนนี้เป็นสปอร์ตแมน แต่นี่ก็ออกจะฟิตเกินไปหน่อย
“ไม่ได้จ็อกกิ้งหรอก ผมมารับคีนั่นแหละ”
ร็อบตอบพลางยิ้มกว้าง สีหน้าของเขาสดชื่นพอๆ กับอากาศยามเช้า มองแล้วรู้สึกสบายใจดีเหมือนกัน
“เมื่อคืนผมแวะไปดูลิซ่า ยัยนั่นบอกว่า วันนี้แมทต้องออกไปช่วยเควินรับลูกสิงโตใหม่ตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง ผมคิดว่า คีคงไม่มีคนเดินไปเป็นเพื่อน ก็เลยวิ่งมารับน่ะ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณนะครับ”
ผมยิ้มตอบ อดนึกในใจไม่ได้ว่า
แมทบอกคุณลิซ่าเรื่องไปรับลูกสิงโตด้วยเหมือนกันสินะผมเดินไปด้วยกับร็อบ โซเฟียกับมาเรียนน่ารออยู่ที่ลานจอดรถแล้ว พอออกไปตรวจรั้วกั้นเขตเสร็จ พวกเราก็กลับมากินอาหารเช้า หลังจากนั้นก็ฟังบรีฟเรื่องคาราคัล สัตว์ที่เป็นเมนหลักของวันนี้
สตีฟกับเฮเลนอธิบายประวัติของคาราคัลว่า พวกมันเป็นแมวป่าที่มีจุดเด่นตรงใบหูใหญ่เรียวและมีขนปลายยาวชี้ออกมา หลังหูเป็นสีดำ เป็นที่มาของชื่อของพวกมันซึ่งมาจากภาษาตุรกี karakulak แปลว่า หูดำ* คาราคัลพบในพื้นที่แห้งแล้ง ตั้งแต่เขตซาวันน่าและป่าละเมาะในแอฟริกา ไปจนถึงใกล้ชายฝั่งเหนือทะเลทรายซาฮารา และยังพบในทะเลทรายของอินเดียด้วย
เฮเลนสรุปตอนท้ายว่า “ตอนนี้วิกฤติที่คุกคามพวกคาราคัล คือ ปัญหาการถูกมนุษย์รุกล้ำเข้าไปแย่งพื้นที่อยู่อาศัยเพื่อทำการเกษตร พอพวกมันไม่มีพื้นที่หากิน ก็ต้องเข้ามาฆ่าสัตว์เลี้ยงในฟาร์มกินเป็นอาหาร แล้วก็ถูกมนุษย์ล่าอีกทอด วนเป็นลูกโซ่แบบนี้ จำนวนคาราคัลในธรรมชาติจึงลดลงมากในช่วงหลัง”
ผมฟังแล้วก็ถอนใจออกมาอีกเฮือก โซเฟียที่นั่งอยู่ด้านหลังถึงกับยืดตัวมา เคาะไหล่ผมแล้วแซวว่า
“วันนี้คีถอนหายใจบ่อยจริง ลมจะหมดตัวหรือยัง”
ผมย่นจมูกใส่เธอ “ผมไม่ใช่ลูกโป่งนะ ลมจะได้หมดตัวเพราะถอนหายใจเยอะน่ะ”
ร็อบที่นั่งอยู่ข้างผมหาวแล้วเอ่ยเสียงยานคาง “สงสัยคีจะเบื่อนั่งเลคเชอร์เหมือนผมแน่ๆ เลย เดี๋ยวตอนบ่ายเราออกไปดูคาราคัลกัน คียังไม่เคยเห็นนี่นะ” เขาหันมาถาม ผมยิ้มแล้วพยักหน้า
............................................................................
ช่วงบ่ายพวกเราออกไปดูคาราคัลที่อยู่ในพื้นที่กั้นเขตตามธรรมชาติ แต่ไม่ได้ลงมือทำงานอะไรมากนักเพราะส่วนอนุบาลคาราคัลไม่ได้มีพื้นที่มากเท่าส่วนของชีต้าที่เราไปทำความสะอาดเมื่อวาน มีแค่กรงกั้นสำหรับตัวที่ป่วยหรือลูกคาราคัลที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานเท่านั้น
พวกสต๊าฟคงกลัวว่าอาสาสมัครอาจจะเบื่อที่ไม่ได้ขยับแข้งขยับขา เลยจัดกิจกรรมตอนเย็นให้เป็นช่วงสันทนาการ เปิดสนามเล่นเกมกันที่ลานตรงส่วนกลาง พวกรักบี้หรือแข่งโยนลูกลงตะกร้าอะไรแบบนี้ แบ่งอาสาสมัครออกเป็น 2 ทีม ร็อบเป็นมือหนึ่งของทีมเรา ส่วนผมโดนโซเฟียลากไปนั่งเชียร์ข้างสนามเพราะห่วงว่า ข้อเท้ายังไม่หายดี
พอกินอาหารเย็นเสร็จ ตกค่ำก็ถึงเวลาแยกย้าย ผมโบกมือลาพวกเพื่อนๆ แล้วเดินกลับที่พัก ความจริงร็อบอาสาจะเดินมาเป็นเพื่อนเหมือนเมื่อเช้า แต่ผมบอกว่า ใกล้แค่นี้ผมเดินกลับเองได้ เขากลับไปพักเถอะ
ระหว่างที่เดินอยู่คนเดียว ผมอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไปพักที่หมู่บ้านอาสาเหมือนกันน่าจะสะดวกกว่า ตอนเช้าก็เดินออกมาพร้อมเพื่อนๆ ตอนเย็นก็กลับไปกับพวกเขา หมู่บ้านอาสาบรรยากาศเหมือนเข้าค่าย ถึงจะต้องเดินจากส่วนกลางไปไกลหน่อย และไม่สะดวกสบายเท่าที่ลอจ์ด แต่ก็คงสนุกดี
ผมเดินคิดไปเรื่อยๆ จนมาถึงที่ลอจ์ด กำลังจะหยิบกุญแจห้องแล้วก็ต้องชะงัก ร่างสูงหนาของใครอีกคนยืนอยู่ด้านหน้าที่พักของเรา แสงไฟจากตะเกียงส่องให้เห็นแค่เงาสลัว แต่ผมรู้ดีว่าเจ้าของเงานั้นเป็นใคร
พอเห็นผม เจ้าตัวก็รีบเดินเข้ามาหา ใบหน้ารกด้วยหนวดยิ้มทักทาย ก่อนจะเอ่ยถามว่า “กลับมาแล้วหรือ ฉันช่วยเควินพาลูกสิงโตใหม่เข้าส่วนอนุบาลสิงโตเพิ่งจะเสร็จ ขากลับเลยเดินอ้อมมาอีกทาง ไม่เห็นคีอยู่ในห้อง ยังคิดว่าจะเดินย้อนไปรับ”
ผมยิ้มให้ แปลกใจที่รู้สึกเหมือนไม่ได้เห็นแมทมานาน ทั้งที่ความจริงเราไม่เจอกันแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
“ผมกินอาหารเย็นเสร็จแล้วก็เดินกลับมา นี่คุณกินอาหารเย็นหรือยังครับ”
ผมถามพลางเงยหน้ามองเขาให้ชัดๆ ใบหน้าของคุณสิงโตดูเหนื่อยนิดหน่อย เขาพยักหน้า “กินมาจากข้างนอกแล้ว เควินให้เตรียมทางครัวอาหารใส่กล่องไปเพราะวันนี้ต้องออกเอาท์ดอร์ทั้งวันน่ะ”
“กินแล้วก็ดีครับ เมื่อคืนคุณนอนน้อย รีบเข้าห้องไปพักผ่อนเถอะ”
ผมบอกแล้วทำท่าจะหยิบกุญแจห้อง แต่แมทกลับเอื้อมมือมาแตะข้อศอก เรียกผมไว้ก่อน “ฉันเหนื่อยแต่ยังไม่อยากนอน คีง่วงหรือยัง ถ้ายังไม่ง่วง ออกไปนอนดูดาวด้วยกันไหม”
ผมกะพริบตาปริบ “นอนดูดาวหรือครับ?”
ใบหน้ารกด้วยหนวดนั้นยิ้มกว้าง “อืม ปกติเวลาเหนื่อยๆ ฉันชอบลากที่นอนปิกนิกออกไปนอนดูดาวข้างนอกน่ะ ตั้งแต่คีมาฮาร์นาส ยังไม่เคยได้ดูดาวจริงจังสักที ถ้าไม่เหนื่อย ก็ไม่สบาย ไม่งั้นก็เมาจนต้องเข้านอนเร็วทุกคืน แอฟริกาเป็นพื้นที่ที่ท้องฟ้าเคลียร์ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ไม่มีมลพิษบดบัง เห็นดาวชัด ถ้าไม่ได้ดูดาวก็น่าเสียดายแย่”
“ผมเหนื่อยกับไม่สบายนั่นจริง แต่ที่เมา...แค่คืนเดียวเองนะครับ แมทเล่นเหมารวมแบบนี้ ฟังแล้วผมเป็นพวกขี้เหล้าเลย” ผมแกล้งบ่นแต่ก็ยอมตกลงออกไปดูดาวกับเขาโดยดี
แมทเข้าห้องพักไปหยิบแผ่นรองนอนสนามแบบพับได้ออกมาปูตรงพื้นระเบียงด้านหน้า ไม่ลืมเตือนให้ผมหยิบแจ็กเก็ตแบบมีฮู้ดมาสวมกันน้ำค้างด้วย แล้วพวกเราก็ลงไปนอนหงายเอาแขนรองศีรษะ มองท้องฟ้าด้วยกัน
ท้องฟ้าที่ฮาร์นาสเป็นสีดำสนิท ดวงดาวดารดาษเต็มท้องฟ้าราวกับเม็ดทรายบนชายหาด แข่งกันส่องแสงระยิบระยับ ทางช้างเผือกสีขาวพาดผ่านจากขอบฟ้าด้านหนึ่งไปอีกด้าน วิวสวยจับใจไม่ต่างจากที่ผมยืนมองท้องฟ้าตอนเดินกลับมาห้องพัก แต่วันนี้เห็นชัดกว่าแล้วก็ดูดาวสบายกว่านิดหน่อย คงเพราะได้นอนหงายมองฟ้า ไม่ต้องยืนแหงนคอตั้งบ่าเหมือนเมื่อคืนวาน
“สวยไหม”
“สวยมากครับ”
แมทถามออกมาลอยๆ แล้วผมก็ตอบโดยไม่ได้หันไปมองเขาเหมือนกัน พวกเราเงียบกันไปอีกครู่หนึ่ง แมทจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่ได้เจอหน้าคีตั้ง 2 วัน เหงาเหมือนกันนะ”
“เอ๋?” ผมกะพริบตาปริบ คราวนี้ผมต้องหันศีรษะไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ให้ชัด “เหงาหรือครับ?”
“อืม” พี่ยักษ์ตอบแล้วหันมาสบตา “มาอยู่ที่นี่ 2 เดือนกว่า ฉันไม่ค่อยได้คุยกับใครเท่าไรน่ะ ตอนกลางวันเจอพวกสต๊าฟกับอาสาสมัครคนอื่นบ้าง แต่พอกลับมาห้องตอนเย็นก็อยู่คนเดียว ตอนแรกยังคิดว่าสบายดี แต่พอคีมาอยู่ด้วย แล้วไม่ได้เจอกัน กลับรู้สึกเหงา...แปลกดีนะ”
“คงเพราะอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมตามติดแมทเหมือนลูกเป็ดตามแม่ละมั้งครับ พอไม่มีผมเดินตาม แมทเลยไม่ชิน ผมก็...ไม่ค่อยชินเหมือนกัน”
ความจริงพอเขาพูดคำว่า เหงา ออกมา ผมก็เข้าใจอะไรยุ่งๆ ที่วนอยู่ในหัวมาตลอด 2 วัน ที่ผมรู้สึกเหมือนจะคิดถึงบ้านเมื่อคืน ก็คงเพราะเหงาเหมือนกัน ตอนอยู่เมืองไทย ผมมีป๊าม้ากับเจ้เคธ แล้วก็เคยมีพี่เมธ แทบจะไม่เคยอยู่คนเดียว พอมาอยู่ที่นี่ ผมเลยยึดแมทไว้แทนคนในครอบครัวโดยอัตโนมัติ
ถึงแม้ตอนกลางวันพวกเราจะแยกกันไปทำงาน แต่ตอนเช้ากับตอนเย็นผมก็ยังเจอเขา เมื่อวานตอนกลับมาห้องแล้วเห็นไฟปิดมืด ผมถึงได้รู้สึกใจหาย เหมือนเวลากลับบ้านแล้วไม่มีใครอยู่
คุณสิงโตยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบของผม เขาพลิกตัวนอนตะแคง เท้าแขนเอามือรองศีรษะ “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เรา 2 คน คงไม่เหงาแล้วละ เมื่อตอนกลับมากับเควิน ฉันเจอสตีฟ เขาบอกว่าอาสาสมัครกลุ่มนี้มีหลายคน เขากับเฮเลนกลัวว่าจะดูแลไม่ทั่วถึง เห็นฉันกับคีสนิทกันอยู่แล้ว ก็เลยชวนฉันไปช่วยเป็นพี่เลี้ยงดูแลกลุ่มของคี”
“แมทจะมาเป็นพี่เลี้ยงให้กลุ่มผมหรือครับ” ผมเบิกตากว้าง
“อืม ฉันตอบตกลงไปเรียบร้อยแล้วด้วย” แมทพยักหน้า แกล้งเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “ทีนี้ฉันก็ไม่ต้องเป็นผู้ปกครองไปส่งเด็กขึ้นรถโรงเรียนแล้วนะ จะไปเป็นคุณครูบ้าง”
“ดีจังเลยครับ ถ้าอย่างนั้นก็ฝากตัวด้วยนะครับ คุณครู” ผมตอบกลับไปแบบขำๆ ในใจรู้สึกโล่งโปร่งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากนั้นพวกเราจึงนอนดูดาวด้วยกันต่อ แมทชี้กลุ่มดาวต่างๆ แล้วอธิบายให้ผมฟัง สลับกับผมเล่านิทานเกี่ยวกับดวงดาวของไทยให้เขาฟังบ้าง
ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ท้องฟ้าคืนนี้ดูสวยกว่าท้องฟ้าเมื่อคืนหลายเท่าเลย ............................TBC....................................
ตอนนี้มายาวเป็นพิเศษ เพราะอยากเปิดพื้นที่ให้คุณสิงโตทำคะแนนบ้างค่ะ หลังจากตอนที่แล้วมัวไปใจดีจนทำน้องคีกับคุณผู้อ่านแทบจะเปลี่ยนใจย้ายไปทีมจากัวร์กันหมด (ฮา)
รอบนี้ไม่มีภาพสัตว์ป่า ขอแปะปกใหม่ที่เพิ่งไปคอมมิชชั่นมานะคะ
Cover Commission โดยคุณ Movideae ค่ะ
https://www.facebook.com/movideae(กดลิ้งเข้าไปชมผลงานนักวาดได้ทางแฟนเพจนะคะ)
ตั้งใจไว้ว่าอยากได้ปกนิยายที่เป้นแนวนิทาน ออกมาน่ารักสมใจมากๆ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์ค่า
*Note : ขอบคุณข้อมูลคาราคัล จากเวบไซต์โลกสีเขียว
http://www.verdantplanet.org/