[^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [^._.^]ノ彡 Dear Mr.Lion #คุณสิงโตที่รัก Final Chapter [Update 18/10/61]  (อ่าน 57780 ครั้ง)

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โอ้ยยยย ตายแล้ว ขอให้ร็อบกับคีปลอดภัย

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
สงสารร็อบที่ถูกทำร้ายร่างกายแบบนั้น เรื่องควรจะจบตั้งแต่ข้างในแล้วนะเนี่ย

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ร็อบ เป็นคนดีมาก  :mew1:
ชอบคี พอคีไม่ชอบตอบก็ไม่เซ้าซี้
แถมเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจด้วย
ถูกลอบกัด ถูกทำร้ายร่างกาย ขออย่าเป็นอะไรร้ายแรงนะ  :mew2:

แมท  คี   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบๆ รอติดตามต่อไปจร้า  :katai2-1:

ออฟไลน์ naoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
บทที่ 27

สิ้นเสียงของผม ร็อบที่เซล้มลงมาตั้งหลักได้ เขาก้าวเท้าไปข้างหน้า มือคว้าตัวผมดึงเข้าไปหาเพื่อให้หลบไปด้านข้าง ฟึบ! ไม้ที่ฟาดลงมาเฉียดศีรษะผมไปนิดเดียว พวกเรารีบถอยห่างออกมายืนอยู่กลางถนนตรงที่มีแสงไฟส่อง คนสามคนเดินออกมาจากจุดอับตรงมุมตึก พวกมันใส่หมวกปิดหน้า แต่ผมพอจำเสื้อผ้าของคนหนึ่งในนั้นได้....เหมือนจะเป็นคนเมาที่มีเรื่องกับร็อบในผับเมื่อกี้

ร็อบรีบดันตัวผมไปหลบด้านหลัง ศีรษะเขาแตกเลือดไหลอาบลงมา แต่ยังคงไม่มีท่าทางหวาดกลัว ตะโกนถามคนที่จู่โจมพวกเราอย่างใจเย็น “เฮ้ พวก! ต้องการอะไร? ถ้าอยากได้เงินก็เอาไปเลย อย่าทำร้ายพวกเรา”

“หงอเลยโว้ย ไม่เห็นกร่างอย่างในผับเมื่อกี้”

คนพวกนั้นหัวเราะ ตอบเสียงกระด้าง “พวกกูแค่อยากถอนฟันมึงสัก 3-4 ซี่ แต่มาคิดดู ได้เงินด้วยก็ดีว่ะ”

สำเนียงภาษาอังกฤษแปร่งๆ แบบนี้ชัดเลย....ผู้ชายที่ลวนลามคุณลิซ่าแน่ๆ หมอนี่คงผูกใจเจ็บที่ถูกร็อบต่อยเลยตามมาเอาคืน ร็อบคงจำได้เหมือนกัน ผมเห็นเขากวาดตามองรอบตัวแล้วขมวดคิ้ว จุดที่พวกเรายืนอยู่เป็นจุดอับและตอนนี้ก็ดึกมาก จะตะโกนขอคนให้ช่วยอาจช้าเกินไป อีกฝั่งตั้งใจมาแก้แค้น คงไม่ยอมต่อรองด้วยแน่ พวกมันคงซ้อมเราให้หมอบแล้วค่อยหยิบของมีค่าไปมากกว่า

สามคนนั้นตีกรอบเข้ามา เจ้าคนที่ตีร็อบถือไม้ท่อนใหญ่มาด้วย ส่วนอีกสองคนไม่มีอาวุธ ร็อบดันผมให้หลบไปอีกทาง เขาล้วงหยิบกุญแจรถแอบส่งให้ กระซิบบอก “เดี๋ยวพอผมบอกให้วิ่ง คีวิ่งไปที่ที่จอดรถเลยนะ วิ่งให้เร็วที่สุด ไม่ต้องห่วงข้างหลัง ผมจะกันพวกมันไว้ คีขึ้นรถแล้วปิดล็อก รีบโทรแจ้งตำรวจ”

“แล้วคุณละครับ” ผมถามร้อนรน

“แค่ 3 คน ผมพอรับมือได้สักระยะ คีรีบตามตำรวจมา อย่าลงจากรถเด็ดขาด” ร็อบตอบรัวเร็ว

จังหวะนั้นคนร้ายที่ถือไม้ก็พุ่งเข้ามาก่อน ร็อบผลักผมให้ออกห่าง พร้อมกับเสยหมัดสวนเข้าดั้งจมูกหมอนั่น พลั่ก! คนที่ถูกต่อยส่งเสียงอึกอักอย่างผิดคาด ก่อนจะถอยไป ร็อบตะโกนบอกโดยไม่หันมามองผม “วิ่ง! ”

ผมออกวิ่งสุดฝีเท้า ได้ยินเสียงคนหนึ่งในพวกนั้นร้องบอกเป็นภาษาไม่คุ้นหู แต่ร็อบคงกันพวกนั้นไว้ได้เพราะไม่มีใครวิ่งตามผมมา ผมวิ่งเต็มความเร็วไปจนถึงลานจอดรถ โชคร้ายที่ตอนนี้ดึกเกินไป พวกพนักงานเลิกกะกลับหมด มีแต่เครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ

ผมกระหืดกระหอบ หัวใจเต้นกระหน่ำ รีบวิ่งเปิดประตูฝั่งคนขับเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย ล็อกรถ รีบหยิบโทรศัพท์มาโทรแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ปลายสายบอกว่าจะรีบแจ้งตำรวจให้ แต่ผมคิดว่าอาจจะไม่ทัน ผมตัดสินใจสตาร์ทรถขับออกมา

ถนนตรงหน้าว่างโล่ง ร็อบกับพวกคนร้ายยังอยู่บนถนนตรงนั้น หนุ่มอเมริกันผมบลอนด์อยู่กลางวงล้อม ถ้าตัวต่อตัวเขาคงรับมือได้ แต่นี่ร็อบโดนไม้ตีแถมพวกมันก็มีมากกว่า เขาเลยชักเสียเปรียบ

ผมเห็นแบบนั้นก็รีบกดไฟสูงใส่ บีบแตรดังลั่น คนทั้งกลุ่มสะดุ้งโหยง จังหวะนั้นผมรีบลดกระจกลงครึ่งหนึ่ง ตะโกนเป็นภาษาไทย “ร็อบ! หลบไป! ”

ร็อบฟังประโยคหลังไม่ออก แต่แค่ได้ยินเสียง เขาคงรู้ว่าเป็นผม ชายหนุ่มรีบเบี่ยงตัวหลบติดกำแพงโดยไม่ต้องรอให้บอกซ้ำ ผมเร่งเครื่องพุ่งเข้าใส่กลุ่มคนร้ายโดยไม่ลังเล พวกมันร้องตะโกนกระโดดหนี ดูเหมือนผมจะขับชนคนหนึ่งแบบเฉียดๆ ด้วย แต่ผมไม่สนใจ รีบหักเลี้ยว เบรกกึก กดปลดล็อก เรียกร็อบเสียงดัง

“Get in! ” (ขึ้นรถ)

ร็อบกัดฟันข่มความเจ็บ วิ่งตรงเข้ามาเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ พอปิดประตูปัง ผมก็รีบเหยียบคันเร่งพุ่งออกไป

ผมเหลือบมองกระจกข้าง เห็นคนร้าย 3 คนนั้นถูกทิ้งไว้ด้านหลัง มีคนหนึ่งเอามือกุมสะโพก แต่ยังยืนอยู่ได้ แสดงว่าที่ผมชนเมื่อกี้คงไม่ได้เจ็บหนัก ผมถอนใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่ได้ขับรถชนใครตายที่เมืองนอกละ

ผมรีบหันไปทางร็อบที่นั่งหอบหายใจอยู่ข้างๆ “คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ”

“พอไหวครับ” ร็อบตอบกลับ เขายกมือแตะแผลที่ศีรษะ สูดปากด้วยความเจ็บ “คีใจเด็ดชะมัด เมื่อกี้ถ้าไอ้พวกนั้นหลบไม่ทันมีได้ขับรถทับกันบ้าง แต่คีไม่น่าขับรถมาเลย ผมบอกให้เรียกตำรวจไม่ใช่เหรอ” เขาออกปากชมและดุผมไปพร้อมกันในประโยคต่อมา

“เรียกแล้วครับ แต่กลัวตำรวจมาไม่ทัน คุณจะถูกซ้อมหมอบเสียก่อน”

ผมตอบพลางหัวเราะสั่นๆ พอผ่านช่วงเครียดสุดขีดที่อดินารีนหลั่งไปถึงรู้ตัวว่า มือทั้งสองข้างที่กำพวงมาลัยเย็นเฉียบ ร็อบคงสังเกตเห็นท่าทางนั้น เสียงพูดเลยอ่อนลง “ขอบคุณครับ คีเก่งมาก” เขาเอนหลังพิงเบาะรถ แกล้งถอนใจ

“เฮ้อ นี่ถ้าคุณพ่อของคีที่ฮาร์นาสรู้ว่าผมพาคีมาเที่ยวแล้วเจอเรื่องเสี่ยงๆ แบบนี้ ผมโดนเขม่นตายเลย”

ผมฝืนยิ้ม รู้ว่าร็อบคงแกล้งแซวไปถึงแมทเพื่อให้ผมรู้สึกดีขึ้น แต่พอได้ยินชื่อคุณสิงโตก็ทำให้ใจโหวงๆ ไปเหมือนกัน

“แมทจะมาถึงวินดฮุกพรุ่งนี้ เขาไม่รู้หรอกครับ”



อาการบาดเจ็บภายนอกของร็อบไม่รุนแรงนัก มีแต่แผลฟกช้ำกับปากแตก ผมห่วงตรงที่เขาถูกตีศีรษะตอนแรกมากกว่า อยากพาไปตรวจโรงพยาบาล แต่ต้องไปรับพวกคุณลิซ่าก่อน

พวกเราจอดรถตรงริมถนนหน้าผับ ผมให้ร็อบรออยู่ในรถก่อนจะรีบวิ่งลงไปเรียกพวกคุณลิซ่า สามสาวยังยืนรออยู่ที่เดิม แต่มีใครอีกคนยืนอยู่ด้วย ตอนแรกผมคิดว่าเป็นการ์ดของผับ แต่พอมองชัดๆ เห็นผมยาวกับใบหน้ารกด้วยหนวดที่จำได้ขึ้นใจ หัวใจผมก็กระตุกวูบ

“แมท! ” ผมเรียกชื่อเขาพร้อมกับวิ่งเข้าไปหา

คุณสิงโตหันมา คว้าตัวผมเข้าไปในอ้อมแขนโดยอัตโนมัติ “คี! ไง...ฉันมาถึงเร็วก็เลยโทรหาลิซ่า...เกิดอะไรขึ้น! ” คำทักทายของเขาเปลี่ยนเป็นเสียงอุทานเมื่อเห็นว่าผมตัวสั่น ผมรีบเงยหน้าขึ้น บอกรัวเร็ว

“ร็อบถูกทำร้ายครับ เขาบาดเจ็บ ผมจะพาเขาไปโรงพยาบาล”

คุณลิซ่าที่กำลังทำท่ากลอกตาเบื่อหน่ายเปลี่ยนเป็นตกใจทันที “อะไรนะ! ถูกทำร้าย! ? แล้วเป็นอะไรรึเปล่า” เธอละล่ำละลักถาม แต่ผมไม่อยากเสียเวลาจึงรีบบอกสั้นๆ

“น่าไม่เป็นอะไรมากครับ ไม่ได้หมดสติ...แต่หัวแตก เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังนะ รีบพาร็อบไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ”

ผมรีบวิ่งนำทุกคนไปที่รถ พอเห็นสภาพโชกเลือดของร็อบ สามสาวก็หน้าซีด คุณลิซ่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แม้ว่าพี่ชายเธอจะปลอบว่าเขาโอเค แมทเห็นทุกคนคุมสติกันแทบไม่ได้จึงเสนอตัวเป็นคนขับรถไปโรงพยาบาลให้ ผมรีบต้อนพวกสาวๆ เข้าไปนั่งเบาะหลังก่อนจะตามขึ้นไป



ครึ่งชั่วโมงต่อมา ร็อบก็อยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง หมอทำแผลและตรวจร่างกายเพื่อเช็กอาการบาดเจ็บภายใน เบื้องต้นน่าจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่คุณหมออยากให้เฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดสัก 24 ชั่วโมง เลยแนะนำให้อยู่โรงพยาบาลสักคืน ร็อบไม่มีปัญหาอะไรเพราะทำประกันการเดินทางไว้เต็มแมค ครอบคลุมกรณีอุบัติเหตุพร้อม

ตอนที่ถูกซักประวัติ พวกผมบอกไปตามตรงว่าถูกคนทำร้ายเพราะมีเรื่องกันในผับ ทางโรงพยาบาลถามว่าจะแจ้งความไหม แต่พวกเราคิดว่า ถ้าถึงตำรวจคงเป็นเรื่องใหญ่ ดีไม่ดีจะกลายเป็นยุ่งกว่าเก่า ยังไงอีก 2 วันร็อบกับพวกคุณลิซ่าก็จะกลับอเมริกา จึงตัดสินใจปล่อยไป

“คีขับรถชนหมอนั่นสะโพกคราก ถือว่าหายกัน” ร็อบที่มีผ้าพันแผลพันรอบศีรษะพูดติดตลก

คุณลิซ่าอาสาจะอยู่เฝ้าพี่ชายเอง ส่วนเจนกับคลอเดียกำลังตกใจและหวาดกลัว ไม่อยากกลับไปพักที่โรงแรมกันตามลำพัง แมทจึงเสนอว่า เขาจองที่พักที่เกสเฮาส์ของเพื่อนเอาไว้ ยังมีห้องว่าง ให้พวกเธอไปพักได้ ที่นั่นปลอดภัยและมีคนคอยดูแลตลอดเวลา

พวกเราที่เหลือจึงตกลงว่าจะกลับไปเอาเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวที่โรงแรม ย้ายไปพักที่เกสเฮาส์เพื่อนคุณสิงโต ก่อนไปผมถามคุณลิซ่าว่าเธออยากได้อะไรไหม แต่หญิงสาวผมบลอนด์ส่ายหน้า เธอเข้ามากอดผม พึมพำเสียงสั่น

“ขอบคุณนะคี ที่ช่วยชีวิตร็อบ”

ผมตบหลังเธอเบาๆ รู้ว่าหญิงสาวคนรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้พี่ชายของเธอมีเรื่องกับคนอื่นจนถูกทำร้ายทีหลัง

“ไม่เป็นไรครับ คุณอย่าคิดมากนะ ร็อบปลอดภัยแล้ว”

.................................................................



กว่าจะออกจากโรงพยาบาลและจัดการเรื่องย้ายที่พักเรียบร้อยก็เกือบรุ่งสาง ผมหิ้วกระเป๋าเป้เข้าไปในห้องพักของแมท ทิ้งตัวนั่งบนเตียงพลางถอนใจเฮือกอย่างเหนื่อยอ่อน แมทหยิบผ้าขนหนูที่พาดอยู่ตรงราว เดินเข้าไปในห้องน้ำ พอออกมา เขาก็ยื่นผ้าชุบน้ำหมาดๆ ให้ผม

“คีเหนื่อยมากแล้ว เช็ดหน้าเช็ดตาเสียหน่อย นอนสักตื่น สายๆ ค่อยกลับไปดูอาการคุณร็อบที่โรงพยาบาลกัน”

“ขอบคุณครับ” ผมรับผ้าผืนนั้นมาเช็ดหน้าตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย พอเห็นเขายังก้มมองผมอย่างเป็นห่วง ผมก็ยิ้มถามเขาว่า “ทำไมคุณถึงมาเร็วละครับ ผมนึกว่าคุณจะออกจากฮาร์นาสพรุ่งนี้เช้าเสียอีก”

แมทยิ้มตอบ “ฉันอยากเจอคีเร็วๆ ก็เลยตัดสินใจขับรถมาตั้งแต่เมื่อตอนบ่าย มาถึงตอนดึก คิดว่าจะไปหาคีที่โรงแรมพรุ่งนี้ แต่ลองเสี่ยงแวะไปดูที่โรงแรมก่อน เห็นที่ฟรอนต์บอกว่า พวกคีออกไปข้างนอกกัน ฉันเลยโทรหาลิซ่าน่ะ”

เขาเอื้อมมือมาลูบศีรษะผม “เมื่อกี้คุณร็อบเล่าให้ฉันฟัง คีกล้าหาญมากนะ เก่งมาก”

เสียงทุ้มที่เอ่ยชม กับมือใหญ่ที่วางอยู่บนศีรษะทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและวางใจ หลังจากผ่านเหตุการณ์เสี่ยงๆ ผมรู้สึกเหมือนชีวิตมันไม่มั่นคงเลยสักนิด ตอนที่ถูกคนร้ายพวกนั้นล้อมไว้ วินาทีนั้นผมกลัวมาก ผมคิดถึงป๊าม้ากับเจ้เคธ กลัวว่าจะไม่ได้กลับไปหาพวกเขาอีก แล้วก็คิดถึงหน้าแมท คิดว่าอาจไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีก

ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา อ้าปากบอกเสียงอึกอัก “แมทครับ...ผม....” ผมพูดออกไปแค่นั้นก็หยุด

“หือ?” แมททรุดนั่งลงบนเตียงเพื่อให้ระดับสายตาเราใกล้กัน เขายื่นมือมากุมมือผม ถามอย่างเป็นห่วง “คีเป็นอะไรไป อยากได้อะไรหรือเปล่า”

ผมส่ายหน้า หัวใจเต้นรัว ทั้งที่มีอะไรจะบอกเขามากมาย แต่กลับพูดไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่อยู่ในมือเขา สุดท้ายจึงเป็นแมทที่เอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

“ฉันเองก็มีอะไรอยากบอกคีนะ ที่รีบขับรถมาวินดฮุกก็เพราะอยากจะบอกคีเร็วๆ นี่แหละ คีจำคืนนั้นได้ไหม คืนที่แฟนเก่าของคีโทรมา ก่อนหน้านั้นฉันบอกคีว่า ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว และคนนั้นคีก็รู้จัก...”

ผมพยักหน้าหงึกเมื่อเขาย้อนถาม แต่ไม่ได้บอกเขาว่า เพราะคำพูดประโยคนั้นของเขา ทำให้ผมคิดว่า คนคนนั้นน่าจะเป็นเจ้เคธ

แมทเห็นผมไม่ยอมพูดอะไรจึงเล่าต่อ “ฉันพบคนคนนั้นครั้งแรกเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัย จะเรียกว่า พบ ก็คงไม่ถูกนัก เพราะฉันแค่เห็นเขาผ่านรูปถ่ายบนโทรศัพท์ของเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันเท่านั้น”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนเล่า เบิกตากว้างอย่างแปลกใจ เมื่อกี้แมทใช้คำว่า เขา ไม่ใช่ เธอ ใช่ไหม? แถมยังบอกว่าเห็นจากรูปถ่ายในโทรศัพท์?

คุณสิงโตเห็นผมยอมเงยหน้าขึ้นมามองก็ยิ้มกว้าง

“เพื่อนฉันเปิดรูปให้ฉันดู แนะนำว่า คนนี้น้องชายสุดที่รักของเธอ ตอนนั้นเขายังเป็นเด็กไฮสคูล สวมเครื่องแบบนักเรียนที่เป็นเสื้อสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำ ยิ้มสดใสให้กล้อง ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองตกหลุมรักเข้าอย่างจังเลยละ น่าตลกไหม อายุยี่สิบกว่าเพิ่งจะมี love at first sight หลงรักคนในรูปถ่ายอย่างกับเด็กพรีทีนแน่ะ”

แมทเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ขณะที่ผมกะพริบตาปริบ รู้สึกเหมือนหัวใจในอกค่อยๆ พองโตขึ้น

“หลังจากนั้นฉันก็คอยแอบถามเรื่องของเด็กคนนั้นจากเพื่อน เธอเห่อน้องชายน่าดู เล่าให้ฉันฟังทุกเรื่อง ตอนน้องชายมาสารภาพกับครอบครัวว่าเป็นเกย์ เธอก็มาปรึกษาฉัน ฉันแนะนำว่า ปล่อยให้เขาได้เลือกอย่างอิสระเถอะ แต่ในใจฉันแอบดีใจอยู่เงียบๆ ได้แต่ด่าตัวเองว่า แล้วยังไง เขาชอบผู้ชาย แต่นายอยู่ไกลกันคนละซีกโลก เจอก็ไม่เคยได้เจอ โอกาสแทบจะเป็นศูนย์”

เขาถอนใจอีกเฮือกกก่อนจะเล่าต่อ “สุดท้ายเพื่อนฉันก็มาเล่าให้ฟังว่า น้องชายเธอมีแฟน เป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ฉันบอกตัวเองให้ว่าให้เลิกเพ้อได้แล้ว แต่ผ่านไปหลายปี คบกับใครมาหลายคน เด็กผู้ชายคนนั้นก็ยังวนเวียนอยู่ในความคิด แล้ววันหนึ่ง ระหว่างที่อยู่ฮาร์นาส เพื่อนฉันก็ติดต่อมา บอกว่า ช่วยดูแลน้องชายเธอสักระยะได้ไหม เขาอกหัก อยากหนีมาไกลๆ เพื่อลืม ฉันตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดซ้ำเลยละ”

คุณสิงโตกระชับมือที่กุมมือผมเอาไว้ ใบหน้ารกด้วยหนวดคลี่ยิ้มอ่อนโยน

“คืนแรกที่คมาถึง ฉันได้ยินเสียงคีนอนร้องไห้ ฉันรู้ว่าคียังเจ็บปวด เลยอยากรอให้คีค่อยๆ หายดีเสียก่อน ฉันวางใจไปหน่อย คิดตัวเองมีเวลาตั้งเกือบเดือนที่จะทำให้ความรู้จักและสนิทกับคีโดยไม่มีคนอื่นเข้ามาแทรก แต่ดูเหมือนฉันจะเข้าใจผิดนะ...ลูกแมวน้อยน่ารัก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนสนใจ”

แมททำหน้าเหนื่อยใจ ผมรู้ว่าเขาคงหมายถึงร็อบ จึงรีบแก้ไขความใจผิด

“ผมไม่ได้มองร็อบแบบนั้นนะครับ”

คุณสิงโตแตะนิ้วลงบนริมฝีปากของผม พร้อมกับคลี่ยิ้ม “ฉันรู้แล้วละ ความจริงไม่ใช่ความผิดของคุณร็อบหรือคนอื่นหรอก ผิดที่ฉันไม่ยอมทำอะไรให้เคลียร์สักที วันนี้ฉันจึงตั้งใจจะรีบมาบอกคี โดยไม่รั้งรออะไรอีก...” เขาประคองใบหน้าผมขึ้นมาด้วยสองมืออย่างทะนุถนอม ดวงตาเรียวสวยจ้องเข้าไปในตาผม บอกเสียงหนักแน่น

“ฉันชอบคี ชอบมาตั้งนานแล้ว คบกันฉันได้ไหม”

ผมกะพริบตาครั้งหนึ่งเพื่อไล่น้ำตาที่เอ่อขึ้นมาเพราะความดีใจ ก่อนจะรีบพยักหน้าตกลง

“ครับ ผมก็ชอบแมท ขอบคุณนะครับ”

แมทยิ้มกว้าง ดึงผมเข้าไปในอ้อมแขนแล้วกอดไว้แน่น ผมซบหน้าลงกับแผ่นอกแข็ง รับรู้ว่าเขาถอนใจเบาๆ อย่างโล่งอก ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหลังผม “พวกเรามัวรีรออยู่เสียนานเลยนะ”

เสียงทุ้มดังฮึมฮัมอยู่ข้างหู ผมส่ายหน้าประท้วงพร้อมกับสอดแขนกอดเขาตอบ

“ผมเพิ่งรู้ตัวเมื่อไม่กี่วันก่อนนะ คุณนั่นแหละ รอนานเกินไปแล้วครับ”

คุณสิงโตหัวเราะ ขยับห่างนิดหนึ่ง มือใหญ่เชยคางผมขึ้นแล้วก้มหน้าลงมาหา เขากระซิบบอกระหว่างที่ริมฝีปากของเราอยู่ห่างกันเพียงนิดเดียว “ต่อไปฉันจะบอกชอบเธอทุกวัน จนเธอเบื่อจะฟังเลยละ...เด็กดีของฉัน”

“ไม่มีทางเบื่อหรอกครับ”

ผมพึมพำรับคำแล้วหลับตา รอรับจูบแรกที่แตะแต้มลงบนริมฝีปากอย่างอ่อนโยน



...........................TBC..............................



เริ่มด้วยฉากบู๊ แล้วจบแบบหวานเจี๊ยบค่า ตอนแรกที่วางพล็อตฉากถูกทำร้าย ชั่งใจว่าจะให้คุณสิงโตตามมาช่วยดีไหม แต่สุดท้ายแล้ว กลับตัดสินใจว่า ปล่อยให้น้องคีรับมือกับสถานการณ์และแสดงมุมกล้าหาญออกมาบ้างดีกว่า (ถึงจะเป็นลูกแมวน้อย แต่ก็เป็นเด็กผุ้ชายนะ) เลยออกมาเป็นฉากขับรถพุ่งใส่นี่ละค่ะ

พูดถึงร็อบไปเมื่อตอนที่แล้ว ตอนนี้อยากเสริมอีกหน่อยว่า คุณจากัวร์เป็นตัวละครที่น่าสงสารจริงๆ นั่นแหละ อกหักแล้วยังต้องมาเจ็บตัวอีก โถ พ่อคนดี ไว้ถ้ามีโอกาสก็อยากเขียนเรื่องราวของร็อบบ้างนะคะ หนุ่มหล่อขวัญใจสาวไฮสคูลที่กลัวผีสุดหัวใจ 5555

มาถึงฉากสารภาพความในใจกันบ้าง ผู้อ่านหลายคนเดาถูกตั้งแต่ตอนกลางๆ เรื่องว่า แมทแอบชอบคีอยู่ก่อน ใช่แล้วค่ะ แต่คู่นี้เป็นพวกคิดถึงความรู้สึกคนอื่นก่อนตัวเองกันทั้งคู่ เลยรีๆ รอๆ กันไปมาจนบางทีก็น่าเหนื่อยใจ เดี๋ยวตอนหน้าจะเป็นตอนพิเศษ Lion's Eyes ที่จะเล่าจากมุมมองของคุณสิงโตบ้างนะคะ

เรื่องนี้น่าจะเหลืออีก 3 ตอนจบอย่างที่แจ้งไว้ในท้ายตอนที่แล้ว เราตั้งใจจะให้จบได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ละค่ะ เพราะเดือนพฤศจิกายนมีภารกิจใหญ่ต้องเขียนตอนพิเศษสำหรับ ดุจภาพฝัน วันหิมะโปรย ที่จะออกเป็นฉบับรวมเล่มกับสำนักพิมพ์ฟาไฉในต้นปีหน้า (กระซิบว่า ตอนพิเศษแบบยาวจุใจบู้มๆ ค่ะ ต้องหัวปั่นทั้งเดือนแน่เลย /ร้องไห้ก่อน)

ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามและขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์นะคะ หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ใจตรงกันเสียทีนะครับ ลุ้นมากเลย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :o8: :o8: :o8: กว่าจะสารภาพกัน

ออฟไลน์ Blizzard_

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ในที่สุดก็เข้าใจตรงกันเสียที
ปล แมวน้อยเก่งมากเลยลูกกกกก

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เฉียดเจ็บเฉียดตาย ก็จะตระหนักว่าชีวิดมันสั้น อย่ารีรอ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :-[


หวานเจี๊ยบบบบบ

ออฟไลน์ Kumamon_Kung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ในที่สุดก็บอกความในใจกันสักที เย่ๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: แต่อยากให้คุณสิงโตลองโกนหนวดดู ไม่ต้องโกนหมดแต่เอาให้มันดูไม่รก เชื่อว่าต้องออกมาดูเป็นแด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพอแน่นอนค่ะ  :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
งื้อ ชอบบบ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เย้ๆ...........เข้าใจแล้ว  :mew1:

แมท คี   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ naoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
บทที่ 28
Special Chapter: Lion’s Eyes


ทุกคนคงเคยมีของที่อยากได้ แล้วต้องพลาดหวังกันทั้งนั้นใช่ไหมครับ?

สมัยเด็กผมเคยอยากได้ของเล่นชิ้นหนึ่ง เป็นหุ่นยนต์ทรานสฟอร์มเมอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ในร้านของเล่นที่อยู่ระหว่างทางกลับบ้าน

ความจริงก่อนหน้านั้นผมไม่ได้ชอบหุ่นยนต์ ชอบพวกสัตว์ป่าไม่ก็ไดโนเสาร์มากกว่า ขนาดพ่อยังทักว่า โตขึ้นสงสัยผมจะเป็นสัตวแพทย์เหมือนดร.ดูลิตเติ้ล แต่ผมไม่ได้วางแผนระยะยาวอะไรหรอก ผมเพิ่งสิบขวบเอง อนาคตยังอีกไกล ดูอย่างพ่อสิ ตอนแรกมาเรียนปริญญาโทที่อเมริกาเพื่อกลับไปบริหารธุรกิจครอบครัว สุดท้ายพอเจอแม่ ก็แต่งงานตั้งรกรากอยู่ที่นี่ กลายเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเสียอย่างนั้น

กลับมาที่ของเล่นดีกว่า สาเหตุที่ผมเกิดชอบหุ่นยนต์ขึ้นมาก็เพราะช่วงปีนั้นมีการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องใหม่ฉายทางทีวี ชื่อ Beast Wars: Transformers เป็นเฟรนด์ไชส์จากซีรีส์ทรานสฟอร์มเมอร์ที่เคยโด่งดังช่วงปี 80s เอามาดีไซน์คาแรกเตอร์ใหม่ โดยใช้พวกสัตว์ต่างๆ มาผสมกับหุ่นยนต์...ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมครับว่า ทำไมผมถึงได้ติดการ์ตูนเรื่องนี้หนึบ

ตัวละครที่ผมชอบที่สุดก็คือ Cheetor เป็นเสือชีต้าที่แปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ได้ บุคลิกร่าเริงเหมือนเด็กผู้ชายวัยรุ่น (ถ้าเทียบกับทรานสฟอร์มเมอร์ออริจินอลที่คุ้นเคยกันก็คงเป็นบัมเบิ้ลบีละมั้ง) ร้านของเล่นร้านนั้นเอาหุ่นยนต์ทรานสฟอร์มเมอร์บีสวอร์มาวางขายครบเซต ชีเตอร์คนโปรดของผมยืนอยู่ในตู้โชว์ ถือปืนคู่ใจ แถมเปลี่ยนให้เป็นเสือชีต้าได้เหมือนในทีวี เท่สุดๆ

ผมเกาะตู้โชว์ตาวาวด้วยความอยากได้ แต่รู้ดีว่าคงยาก

ตอนนั้นบ้านผมไม่มีเงินมากนัก ถึงพ่อแม่จะทำงานทั้งคู่ แต่เงินเดือนไม่สูง ตอนพ่อตัดสินแต่งงานกับแม่และอยู่อเมริกาแทนที่จะกลับไต้หวัน ท่านก็สละสิทธิ์ในมรดกของคุณปู่ และตั้งใจจะสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเอง พ่อแม่มีภาระมากมาย ไหนจะผ่อนบ้าน แล้วก็จ่ายภาษีอีก ผมไม่คิดว่าจะรบกวนพวกท่านให้ซื้อของเล่นราคาแพงให้หรอก

ผมกลับมาบ้าน นอนคิดถึงเจ้าหุ่นชีเตอร์อยู่ค่อนคืน สุดท้ายก็ลุกจากเตียง เปิดไฟฉาย หยิบสมุดเล่มเก่าที่ไม่ใช้แล้วออกมานั่งคำนวณ ผมมีเงินเก็บจากเงินปีใหม่ตามประเพณีจีนซึ่งคุณอา น้องสาวของพ่อมอบให้ตอนเธอแวะมาเยี่ยมเราครั้งก่อน

ถ้าผมเก็บเงินค่าขนมทุกวัน สัก 2 เดือนผมก็น่าจะมีเงินพอซื้อหุ่นยนต์ตัวนั้น ผมคิดอย่างฮึกเหิมแล้วกลับไปนอนหลับอย่างสบายใจ

หลังจากวันนั้นผมก็เริ่มเก็บเงินค่าขนมใส่ไว้ในกล่องคุกกี้เก่า ในลิ้นชักโต๊ะทำการบ้าน พยายามอดใจไม่กินไอศกรีม โคล่า หรือขนมอื่นๆ มันลำบากอยู่เหมือนกันสำหรับเด็กอายุสิบขวบ ผมต้องแวะไปดูเจ้าหุ่นชีเตอร์ที่ร้านของเล่นเป็นกำลังใจ แต่ยิ่งดูก็ยิ่งใจหาย เพราะร้านทยอยขายเจ้าหุ่นตัวนั้นไปได้ทีละกล่องสองกล่อง

ผมเก็บเงินได้มากแล้ว เหลืออีกไม่กี่ดอลล่าห์ก็จะพอซื้อ ตอนนั้นเจ้าหุ่นชีเตอร์เหลือกล่องสุดท้าย ผมอยากขอร้องให้พี่พนักงานในร้านช่วยเก็บมาให้ แต่ก็เกรงใจ ไม่กล้าบอกเขา ได้แต่เร่งวันเร่งคืนให้เก็บเงินได้ครบไวๆ

วันที่ผมเก็บเงินได้ครบ ผมรีบตรงกลับบ้าน หยิบกล่องคุกกี้ที่เก็บเงินใส่กระเป๋าเป้ แล้ววิ่งกลับไปที่ร้านนั้น

...แต่เจ้าหุ่นชีเตอร์ตัวสุดท้ายเพิ่งถูกขายออกไปเมื่อสองวันก่อน

หน้าตาของผมคงช็อกสุดๆ พี่พนักงานในร้านพยายามเสนอขายหุ่นตัวอื่นให้ แต่ผมส่ายหน้าปฏิเสธ เขาจึงได้แต่ปลอบใจว่า จะลองติดต่อบริษัทของเล่นดูว่ายังพอมีสินค้าในสต๊อกอยู่รึเปล่า

ผมเดินคอตกกลับบ้านด้วยอาการสิ้นหวัง พอกลับมาถึงก็เดินขึ้นห้องนอน เอากล่องคุ้กกี้ไปเก็บในลิ้นชัก พยายามกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายมันก็ทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก ผมร้องไห้จนแสบจมูกไปหมด จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตู ตามด้วยเสียงของแม่


“แมตตี้ ลงมาข้างล่างเร็ว พ่อแม่มีเซอร์ไพรส์ละ”

ผมยกมือป้ายน้ำตาแล้วพยายามสูดน้ำมูก ก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง แล้วตรงนั้น ที่โต๊ะกินข้าว มีอาหารวางเต็มโต๊ะ เค้กก้อนหนึ่ง กับกล่องของขวัญ

“Happy Birthday! ”

พ่อกับแม่ร้องพร้อมกัน ผมกะพริบตาปริบ พลางอ้าปากหวอ ผมมัวแต่ตื่นเต้นเรื่องเก็บเงิน ลืมไปเลยว่า วันนี้เป็นวันเกิดของตนเอง ผมทรุดนั่งลงตรงเก้าอี้ แม่ยื่นกล่องของขวัญมาให้

“สุขสันต์วันเกิดนะ ลูกรัก ลองแกะดูซิว่าชอบไหม”

ท่านบอกเสียงตื่นเต้น ผมรับกล่องของขวัญมาแล้วแกะดู หัวใจเต้นแรงด้วยความยินดีเมื่อพบว่า มันคือ หุ่นยนต์ชีเตอร์ที่ผมอยากได้ที่สุด

“แต่...มันแพงมากไม่ใช่หรือครับ” ผมมองพ่อแม่อย่างเกรงใจ

“แม่เพิ่งได้โบนัสก้อนใหญ่มาจ้ะ ปีหน้าแม่จะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการ ต่อไปบ้านเราจะสบายขึ้นแล้วนะ” แม่ของผมยิ้มแล้วยื่นมือมาลูบศีรษะผม “พ่อแม่เห็นว่าลูกเป็นเด็กดี อดทน ไม่เคยขอของเล่นอะไร แม่เลยซื้อเจ้าหุ่นนี่ให้เป็นของขวัญไงจ๊ะ ลูกชอบเจ้าเสือตัวนี้ที่สุดเลยนี่ ถูกใจรึเปล่า”

“ถูกใจครับ” ผมกอดกล่องของเล่นนั้นไว้แล้วพยักหน้าหงึกหงัก

“ถ้าอย่างนั้นก็รักษาให้ดีนะ แม่ตามหาเสียแทบแย่ ตอนแรกว่าจะไปซื้อที่ร้านของเล่นใกล้บ้านเรา เขาดันขายหมดไปเสียก่อน ต้องนั่งรถไฟไปอีกฟากของเมืองโน่น กว่าจะหาเจออีกร้านหนึ่ง”

แม่บ่นเหมือนจะเหนื่อย แต่สีหน้าดีใจที่ผมชอบของขวัญคืนนั้นผมเข้านอนโดยมีเจ้าหุ่นชีเตอร์ตั้งวางอยู่บนชั้นหนังสือในจุดที่มองเห็นถนัด

ของที่เคยคิดว่าพลาดหวังไปแล้ว เมื่อได้รับกลับมาอีกครั้ง จะยิ่งรู้สึกว่ามีค่าขึ้น

ผมตั้งใจว่าจะรักษามันไว้ให้ดีที่สุด

.

.

ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ตอนเห็นเด็กผู้ชายคนนั้นครั้งแรกที่สนามบิน เขาเข็นรถเข็นกระเป๋าเดินเข้ามาหาเงยหน้ามองผมด้วยดวงตาสุกใส พร้อมกับเอ่ยทักว่า

“Hi, I am KITA, Kathie’ s brother. Are you Mr.Lee?”


ผมได้แต่พยักหน้ารับและพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา คนตรงหน้าดูโตขึ้นกว่ารูปถ่ายที่ผมเห็นครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปีก่อนอยู่พอสมควร แต่ก็ยังดูน่ารักเหมือนตอนครั้งแรกที่ผมเห็นเขาในภาพถ่ายไม่มีผิดเพี้ยน

คีไม่รู้ว่า ผมเคยรู้จักเขาผ่านพี่สาวของเขามานานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่พวกเรายังเรียนปริญญาโทอยู่ในมหาวิทยาลัย ผมเรียนด้านคอมพิวเตอร์ ส่วนเคธี่เรียนบริหารธุรกิจ เรารู้จักกันผ่านกลุ่มเพื่อนและสนิทกันอย่างรวดเร็วเพราะมีเชื้อสายเอเชียเหมือนกัน ผมพาเธอไปทัวร์ไชน่าทาวด์ หาร้านอาหารจีนอร่อยๆ ที่ไม่ใช่ร้านสำหรับทัวร์ริสต์

เคธี่ซี้กับผมเป็นพิเศษ แต่ระหว่างเราไม่เคยมีความรู้สึกอื่น เพราะผมแสดงตัวชัดตั้งแต่แรกว่า ผมชอบผู้ชาย ตอนนั้นผมกำลังควงกับหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่อยู่วิทยาลัยศิลปะ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เลิกรากันไปด้วยดี

หัวใจของผมกำลังว่าง ตอนที่เคธี่เปิดรูปในโทรศัพท์ให้ดู ระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งรถเมโทรไปที่ไหนสักแห่ง

“แมท ขอแนะนำให้รู้จัก น้องชายสุดที่รักของฉัน”

เธอยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้า เด็กผู้ชายในภาพส่งยิ้มสดใสมาให้ แล้วผมก็รู้สึกเหมือนใจกระตุกวูบ “น่ารักดีนี่ หน้าตาคล้ายๆ เธอเลย” ผมอ้อมแอ้มตอบกลับไป พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ ขณะที่เคธี่หัวเราะคิก

“คีน่ารักกว่าฉันอีก ขี้อ้อน แล้วก็อ่อนโยนด้วย รายนี้ชอบสัตว์เหมือนเธอเลย เวลาเจอหมาแมวถูกทิ้งชอบไปอุ้มกลับมาบ้าน พาไปหาสัตวแพทย์ หาบ้านใหม่ให้” เธออวดน้องชายตัวเองด้วยน้ำเสียงภูมิใจ

ผมแกล้งแซว “โฆษณาขนาดนี้ เดี๋ยวผมสนใจอยากจีบนะ”

“แหม...อยากจีบก็ยากหน่อยละจ้ะ น้องฉันอยู่ตั้งประเทศไทยโน่น” เคธี่ตอบแบบทีเล่นทีจริงกลับมา “แต่ถ้าสนจริง ไปเที่ยวเมืองไทยสักครั้งสิ เดี๋ยวฉันแนะนำให้รู้จัก”

ผมหัวเราะ ในใจคิดว่า ไปเที่ยวเมืองไทยสักครั้งก็ดีเหมือนกัน หลังจากนั้นผมก็คอยแอบถามเรื่องของคีตะจากพี่สาวของเขา เคธี่เห่อน้องชายอยู่แล้ว เลยเล่าให้ผมฟังทุกเรื่อง แบบลงรายละเอียดเสียด้วย ผมรู้สึกว่าตัวเองรู้จักเด็กผู้ชายคนนั้นมากขึ้น

ปีถัดมาผมแพลนว่าจะไปเที่ยวประเทศไทยช่วงคริสต์มาส แต่ยังไม่ทันได้บอกเคธี่ เธอก็มาบอกผมเสียก่อนว่า น้องชายเธอมีแฟนไปเสียแล้ว ทำเอาผมอกหัก เฟลจนยกเลิกทริปเมืองไทย เปลี่ยนไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าที่ไต้หวันแทน

พอกลับมาเรียน ผมก็บอกตัวเองว่า เลิกเพ้อได้แล้ว นายอยู่ไกลจากเขาเป็นพันๆ ไมล์ หมดโอกาสตั้งแต่ยังไม่ได้ลงสนาม

ผมกับเคธี่ยังติดต่อกันเป็นระยะ แม้ว่าต่างคนจะต่างเรียนจบแล้ว เธอกลับไปช่วยธุรกิจที่บ้านที่เมืองไทย บางครั้งก็เขียนอีเมลหรือส่งข้อความมาทักทายผมบ้าง จะกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่ผมพักร้อน เธอก็ส่งข้อความมาว่า อยากให้ผมช่วยดูแลน้องชายของเธอหน่อย

ผมรีบจัดการเรื่องลงโปรแกรมอาสาสมัครให้คีตะ ตอนนั้นห้องพักที่หมู่บ้านอาสาสมัครเต็มหมด ผมถามเคธี่ไปว่า น้องชายเธอจะสะดวกอยู่ร่วมห้องกับผมสักระยะหรือเปล่า เคธี่ตอบกลับมาว่า น้องชายเธอคงไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้เขาไม่มีกระจิตกระใจจะคิดเรื่องอื่น มัวแต่นอนร้องไห้ ผมฟังแล้วก็นึกเป็นห่วง

สภาพจิตใจของคียังไม่ดีเท่าไรอย่างที่พี่สาวของเขาว่า ผมได้ยินเสียงเขานอนร้องไห้ในคืนแรกที่มาถึงฮาร์นาส ผมคิดว่าเขาคงยังไม่ลืมคนรักเก่าและยังเจ็บปวดอยู่ ผมยังไม่อยากให้เขารู้ความรู้สึกของผมตอนนี้ จึงวางตัวเป็นเพื่อน เป็นพี่ชายคอยดูแลเขา แต่ไหงลูกแมวน้อยของผมถึงได้เรียกผมว่า คุณพ่อ ก็ไม่รู้ ทำเอาผมเหนื่อยใจไปนิดนึงเลยละ

หลังจากเขาเริ่มโปรแกรมอาสาสมัคร คีดูสดใสร่าเริงขึ้นมาก เขามีเพื่อนใหม่ ทำงานตั้งแต่เช้ายันเย็นจนไม่มีเวลาคิดถึงคนที่เมืองไทย ผมว่าก็ดีแล้ว จะไม่ดีก็ตรง...หนึ่งในคนที่เขาสนิทด้วย มีหนุ่มหล่อที่มองแวบเดียวก็รู้ว่าสนใจเขาเป็นพิเศษ แต่คีดันดูไม่ออกเสียนี่

สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจตามไปประกบเขา อ้างว่า เฮเลนกับสตีฟขอให้ผมไปช่วยเป็นพี่เลี้ยง ความจริงผมเสนอตัวเองนั่นแหละ พอผมไปบอกเควินเรื่องจะขอไปช่วยงานทางนั้นแทน สต๊าฟของฮาร์นาสที่สนิทกับผมเหมือนเป็นเพื่อนซี้ก็แซวว่า ไปช่วยงานหรืออยากไปตามเฝ้าใครกันแน่ ผมได้แต่หัวเราะหึหึ



คืนนั้น ผมเกือบจะบอกความในใจกับคี แต่แฟนเก่าของคีก็คอลมา เขาทำเด็กน้อยของผมร้องไห้อีก ผมอยากจะบินไปเมืองไทยเพื่อตั๊นหน้าไอ้หมอนั่น แต่สุดท้ายสิ่งที่ผมทำได้ก็มีแต่กอดคีที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นเอาไว้กับอกใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเขาทำให้ผมใจอ่อนยวบ เกือบจะจูบเขาอยู่แล้ว ถ้าเคธี่ไม่โทรมาเสียก่อน

ผมด่าตัวเองที่ฉวยโอกาสตอนคีกำลังเสียใจ หลังจากคืนนั้น คีก็ถอยห่างจากผม เขาถึงกับตอบรับคำชวนของลิซ่าที่จะไปเที่ยวทะเลทรายนามิบ ผมอยากจะห้าม แต่พอเห็นสีหน้าอัดอั้นของเขา ผมก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่หวังว่า เมื่อคีกลับมา เขาจะรู้สึกดีขึ้น

คีดูเหมือนจะไม่สบายใจที่จะอยู่กับผมแล้ว ผมไม่รู้ว่า ผมควรจะบอกความในใจของตัวเองกับเขาหรือเปล่า



ผมส่งคีขึ้นรถคุณร็อบ กำชับว่าจะไปรับเขาที่วินดฮุกในอีก 4 วันข้างหน้า หลังจากนั้นผมก็กลับไปทำงาน

โปรแกรม Exclusive จบแล้ว ผมไปทำงานกับเควินตามเดิม เลยไม่มีโอกาสเจอโซเฟียกับมาเรียนน่า เพื่อนของคีอีกจนกระทั่งสองวันต่อมา วันนั้นผมขอทำงานครึ่งวัน เพราะตอนเที่ยงมีนัดคุยเรื่องงานทางวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับออฟฟิศสาขาใหม่ที่ถูกย้ายไป ทางนั้นพร้อมแล้ว มีเรื่องที่ต้องพูดคุยวางระบบกันอยู่พอสมควร พอไปถึงผมจะได้เริ่มงานได้เลย

พักร้อนใกล้จบแล้ว...เวลาของผมกับคีที่ฮาร์นาสด้วย

ผมปิดแล็ปทอป ตอนที่โซเฟียกับมาเรียนน่าเดินเข้ามาตรงส่วนกลาง สองสาวเอ่ยทักผม แล้วโซเฟียก็ขอตัวไปห้องน้ำ ทิ้งมาเรียนน่าเอาไว้กับโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง สาวสวยที่เป็นคนหูหนวกมองผมอย่างสังเกตสังกา ผมยิ้ม แต่ไม่รู้จะคุยกับเธออย่างไร เพราะล่ามประจำตัวเธอไม่อยู่

สุดท้ายมาเรียนน่าก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาจิ้มข้อความ แล้วส่งมาให้ผมดู

[คิดถึงคีเหรอคะ? ]

ผมเลิกคิ้ว นึกขึ้นมาได้ว่า ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์แบบนี้ก็ได้ด้วยนี่นา จึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาพิมพ์ข้อความตอบ [Yes]

[ระหว่างพวกคุณมีอะไรเกิดขึ้นหรือ ทำไม 2-3 วันถึงดูห่างๆ กันไปทั้งคู่] มาเรียนน่าถามต่อ

ผมถอนใจก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป [ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนเขาไม่ค่อยโอเคที่จะอยู่ใกล้ผม]

[คุณยังไม่ได้บอกชอบคีอีกหรือคะ]

ผมเลิกคิ้ว [นี่คุณดูออก? ]

มาเรียนน่าหัวเราะโดยไม่มีเสียง [ฉันว่า ใครๆ ก็ดูออกละมั้ง คุณตามเฝ้าเขาขนาดนั้น ทำไมไม่สารภาพรักสักที อีกไม่กี่วันคีก็จะกลับไทยแล้วนะ]

[ผมไม่แน่ใจว่าควรบอกดีไหม คีกำลังเจ็บฝังใจกับคนรักเก่า เขาอาจจะไม่พร้อมเริ่มต้นใหม่กับใคร]

หญิงสาวสเปนส่ายหน้าไปมาพร้อมยิ้มอ่อนใจ

[ไม่เกี่ยวกับแฟนเก่าห่วยๆ คนนั้นสักหน่อย ฉันว่าคีลืมหมอนั่นไปหมดเรียบร้อยแล้วละ เพียงแต่คนเคยอกหัก...ยังเจ็บกับความรัก กำแพงใจก็จะหนากว่าคนทั่วไปหน่อยเท่านั้น คุณต้องแสดงออกให้ชัดเจนว่า คุณคิดอย่างไรกับเขา ไม่อย่างนั้นเขาไม่กล้าก้าวออกมาจาก comfort zone หรอก]

[คุณพูดเหมือนมีประสบการณ์ตรงเลย] ผมแกล้งแซวมาเรียนน่า

หญิงสาวตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มกว้าง [แหงละสิ ฉันเคยจีบคนอกหักมาก่อนนี่] เธอพิมพ์ข้อความส่งมาแล้วพยักพเยิดไปอีกทาง ผมหันตามสายตาเธอ แล้วก็เห็นว่า โซเฟียกำลังเดินมาแต่ไกล

[คุณเป็นฝ่ายเริ่มจีบ? ]

ผมถามกลับไปอย่างแปลกใจ มาเรียนน่าพยักหน้ายิ้มๆ ไม่ตอบคำถามผม แต่กลับพิมพ์ว่า

[ฉันว่าคีรอให้คุณแสดงออกให้ชัดเจนอยู่นะ เด็กคนนั้นดูจะเป็นคนคิดมาก ดีไม่ดีจะเข้าใจอะไรไปเองผิดๆ ถูกๆ ด้วย คุณรีบไปเคลียร์กับเขาเถอะ]

ผมนิ่งคิดตัดสินใจก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู นี่เพิ่งจะบ่ายสี่โมง ถ้าขับรถออกไปตอนนี้ น่าจะถึงวินฮดฮุกตอนดึกๆ หน่อย แต่ผมคิดว่าผมอยากเจอคีให้เร็วๆ จึงพิมพ์บอกมาเรียนน่าไปว่า [ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะ ผมว่าจะออกไปหาคีวันนี้เลย]

มาเรียนยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาชูทั้งสองมือ

[ต้องให้ได้อย่างนี้สิ คุณสิงโต กล้าๆ เข้าไว้ พวกฉันอยู่ทีมคุณนะ]

ผมนึกแปลกใจคำเรียกของหญิงสาว แต่ไม่ได้ถามเธอ กลับลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากส่วนกลาง แวะบอกโซเฟียที่เดินสวนมาแค่ 2-3 คำ เธอทำท่าตื่นเต้น บอกว่าให้รีบไปรับคีกลับมาเร็วๆ เลย แล้วอย่าปล่อยมือจากเขาอีกละ

...นี่สองสาวรู้เรื่องผมกับคีดีกว่าพวกผมเองอีกละมั้งเนี่ย

ผมวิ่งกลับไปที่ลอด์จ เก็บเสื้อผ้าสำหรับค้าง 1 คืนใส่เป้ แล้ววิ่งกลับไปที่ลานจอดรถ ขับรถของตัวเองออกมา มุ่งตรงสู่วินดฮุกเพื่อไปหาคีตะ ผมตั้งใจว่าจะบอกความรู้สึกของตัวเองให้เด็กคนนั้นรับรู้ โดยไม่รีรออะไรอีก

อุตส่าห์ได้โอกาสครั้งที่สองแล้ว ผมควรเลิกลังเล แล้วคว้ามันไว้ให้ได้เสียที



...........................TBC..............................



ตอนพิเศษจากมุมมองของคุณสิงโต ตามที่ได้สัญญาไว้ค่ะ

คิดพล็อตตอนพิเศษช่วงคุณสิงโตเด็กๆ ไว้ตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งจะหาข้อมูลตอนเริ่มเขียนนี่เอง แล้วก็มาเจอะว่า ช่วงที่คุณสิงโตอายุสิบขวบ (ตีว่าปัจจุบันแมทอายุ 30) มีอนิเมชั่นเรื่อง ชื่อ Beast Wars: Transformers เป็นเฟรนด์ไชส์จากซีรีส์ทรานสฟอร์มเมอร์ ฉายระหว่างปี 1996-1998 พอดิบพอดีเลย พอเห็นว่าเป็นหุ่นยนต์ผสมสัตว์ป่านี่เรากรี๊ดว่า เดสตินี่! เลยละค่ะ ต้องเขียนใส่ลงไปให้ได้

เรื่องนี้เป็นการ์ตูนทีวีที่ได้รับความนิยมและได้รางวัลเอมมี่อวอร์ดด้วยค่ะ ใครสนใจลองเอาชื่อไปหาคลิปดูนะคะ

#คุณสิงโตที่รัก น่าจะจบได้ในอีก 2 ตอนข้างหน้าตามที่ได้แจ้งไว้นะคะ น่าจะจบได้ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ มารอลุ้นความรักของคุณสิงโตกับน้องเหมียวกันเนอะ ^^

ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามและขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์นะคะ หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2018 19:56:04 โดย naoto »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
คุณสิงโตชอบทำไรชักช้า  :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
หวังว่าออฟฟิศใหม่ของคุณสิงโตจะอยู่ที่ไทยนะ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เอาใจช่วยคุณสิงโตด้วย ไม่ต้องรออะไรแล้วเนอะ สู้ๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
โอ้ยยยน่ารัก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ _tosssalad

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่าร๊ากกกก แมตตี้ พ่อสิงโตของน้องง

ออฟไลน์ naoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
บทที่ 29


สายวันต่อมา ผมกับแมทไปเยี่ยมร็อบที่โรงพยาบาล เจนกับคลอเดียโทรหาคุณลิซ่าตั้งแต่เช้า ถามว่าให้ไปช่วยผลัดเฝ้าร็อบไหม เธอจะได้กลับมาพักสักหน่อย แต่คุณลิซ่าบอกเพื่อนๆ ว่าไม่เป็นไร เตียงเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาลพอนอนได้ ช่วยเอาเสื้อผ้าของเธอมาให้เปลี่ยนก็พอ ตอนเย็นหมอน่าจะอนุญาตให้ร็อบออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

ผมอาสาเอาเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวของสองพี่น้องไปให้ เจนกับคลอเดียจึงตัดสินใจว่าวันนี้จะพักผ่อนอยู่ในเกสเฮาส์เงียบๆ ไม่ออกไปเที่ยวที่ไหน ท่าทางสองสาวยังตกใจจากเรื่องเมื่อคืนอยู่ ผมจึงขับรถของร็อบไปทิ้งไว้ให้เขาที่โรงพยาบาล ส่วนแมทขับรถของเขาตามหลังมาอีกที

พวกเราเคาะประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องคนไข้ ร็อบกำลังนั่งดูโทรทัศน์ท่าทางเบื่อๆ พอเห็นพวกผมเดินเข้ามา เขาก็ทักทันที “คุยกันเข้าใจเรียบร้อย แฮปปี้เอนดิ้งแล้วสินะครับ เห็นแบบนี้ ผมเจ็บหัวใจจี๊ดเลยนะเนี่ย” ร็อบแซวพลางแกล้งยกมือขึ้นมากุมอกข้างซ้าย

“เอ๋?” ผมอุทานอย่างแปลกใจ กำลังถามว่า เขารู้ได้ยังไง แต่นึกขึ้นมาได้ว่า ตอนนี้ผมกับแมทจับมือกันอยู่ ความจริงคุณสิงโตดึงมือผมไปจับตั้งแต่ที่ลานจอดรถ แล้วก็เดินจูงมือผมมาถึงนี่ พอรู้ตัวผมก็ทำท่าจะปล่อยมือ แต่คุณลิซ่าซึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงโซฟาคนเฝ้าไข้บ่นออกมาดังๆ เสียก่อน

“ไม่ต้องปล่อยก็ได้ย่ะ ออร่าความรักแผ่กระจายขนาดนี้ ไม่จับมือกันก็ดูออก”


เธอกลอกตาทำหน้าเหม็นเบื่อสุดๆ แมทหัวเราะแล้วละมือ ยกแขนขึ้นมาโอบบ่าผมแทน “ขอบคุณคุณสองคนนะ ที่ช่วยดูแลคีระหว่างที่ไปเที่ยวนามิบ แล้วก็ขอบคุณมากๆ ที่เมื่อคืนคุณปกป้องเขา”

ประโยคหลังแมทหันไปเอ่ยขอบคุณร็อบอย่างจริงจัง ชายหนุ่มผมบลอนด์ยิ้มเนือย ตอบกลับมาว่า “เป็นเรื่องที่ผมต้องทำอยู่แล้วนี่ครับ คีเป็นเพื่อนผม” เขาหันมายิ้มให้ผม ดวงตายังมีแววเสียดายอยู่นิดหน่อย

“ส่วนของฉัน เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นช่วยแนะนำเพื่อนหล่อๆ รวยๆ ให้สัก 2-3 คนดีกว่าค่ะ” คุณลิซ่าเอ่ยแทรกบรรยากาศหม่นซึมของพี่ชาย แล้วเปลี่ยนประเด็น “นี่พวกคุณจะกลับฮาร์นาสกันวันนี้แล้วสินะ”

“ครับ เดี๋ยวเที่ยงก็คงต้องออกจากวินดฮุกแล้ว ไม่อย่างนั้นจะถึงที่โน่นดึกเกินไป”

แมทตอบ ส่วนผมเดินไปใกล้เตียงคนเจ็บ ถามร็อบว่า “เป็นยังไงบ้างครับ มีปวดหัวหรือเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

ร็อบส่ายหน้า “ไม่ปวดหัวครับ มีตึงๆ แผลนิดหน่อย เมื่อเช้าคุณหมอเข้ามาตรวจบอกว่าคงไม่มีอะไรผิดปกติ เย็นนี้น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ แต่พอกลับอเมริกาแล้ว ผมควรจะไปเช็กให้ละเอียดอีกที”

“ดีแล้วครับ” ผมยิ้มโล่งอก

พวกเรานั่งคุยสัพเพเหระกันอยู่ครู่ใหญ่ แลกเบอร์โทรศัพท์ อีเมลและ SNS เอาไว้ติดต่อกันให้เรียบร้อย “ถ้าพวกคุณไปกรุงเทพต้องโทรหาผมนะ ผมจะพาทัวร์เอง ตอบแทนที่พวกคุณพาผมไปเที่ยวนามิบ” ผมย้ำร็อบและคุณลิซ่า

สองพี่น้องรับคำ แต่คนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะไปเที่ยวเมืองไทยมากกว่าคงเป็นคุณร็อบ เพราะคุณลิซ่าออกตัวว่าเธอกำลังจะสอบเข้าเรียนปริญญาโทสาขาสิ่งแวดล้อม กลับไปคงต้องวุ่นอยู่กับตำราไปอีกหลายเดือน ผมพยักหน้ารับรู้พร้อมกับนึกแปลกใจ สาวสวยเปรี้ยวจัดคนนี้เป็นนักวิชาการแฮะ คนเราดูกันแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ

หลังจากนั้นก็ถึงเวลาล่ำลา ผมเข้าไปกอดร็อบก่อน แมทไม่ได้ว่าอะไร แต่มองพวกเราไม่ยอมละจนร็อบกลอกตาอย่างอ่อนใจปนขำ หลังจากนั้นผมก็ไปกอดลาคุณลิซ่า เธอกอดผมแล้วกระซิบเตือนหน้าตาเฉย

“ก่อนกลับอย่าลืมซื้อคอนดอมกับ lube (เจลหล่อลื่น) ไปด้วยนะ ที่ฮาร์นาสไม่มีขาย”

ผมอ้าปากหวอ ผละจากหญิงสาวแล้วดุเธอเบาๆ “คุณลิซ่า แนะนำอะไรครับเนี่ย! ” ผมเหลือบมองแมทกับร็อบ เห็นสองหนุ่มกำลังจับมือเชคแฮนด์กันไม่ทันได้สนใจพวกเรา ดีนะที่พวกนั้นไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไร ไม่งั้นผมคงทำหน้าไม่ถูกยิ่งกว่านี้

“อ้าว ก็ของจำเป็นนี่นา หรือนายจะไม่ใช้? จะไม่...ลำบากแย่เหรอ?”

คุณลิซ่าลากเสียง แกล้งเหล่มองแมทด้วยสายตามีเลศนัย ผมได้แต่แยกเขี้ยวใส่เธอ ไม่ต่อประเด็นเพราะคุณสิงโตเดินเข้ามาหาพอดี เขาแตะบ่าผมแล้วบอกว่า “ไปเถอะ เดี๋ยวเราต้องกลับไปเช็กเอาท์ที่โรงแรม” ผมพยักหน้ารับ บอกลาสองพี่น้องแล้วออกจากห้องคนไข้

คุณลิซ่าเดินมาส่งพวกเราตรงหน้าประตู ไม่วายทำปากขมุบขมิบเตือนผมว่า อย่าลืมล่ะ ผมย่นจมูกใส่เธอไปอีกรอบแล้วเดินตามแมทออกไป

.........................................................



“คี!!! ”

โซเฟียร้องเรียกผมเสียงดังลั่น เธอกับมาเรียนน่าผุดลุกจากโต๊ะในโรงอาหารส่วนกลาง วิ่งเข้ามากอดผม “โอ๊ย! คิดถึงๆ ๆ ๆ เป็นไงบ้าง เที่ยวทะเลทรายสนุกไหม” โซเฟียถามรัวเร็ว แล้วไม่รอฟังคำตอบ รีบประคองใบหน้าผมขึ้นมาพิจารณาซ้ายขวา

“หน้าตาสดใส ตาเป็นประกายแบบนี้ กลับมาเป็นลูกแมวน้อยตัวเดิมแล้วนี่นา อากาศแถวนามิบสดชื่น หรือที่วินดฮุกมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกันแน่น้า....” หญิงสาวคาดเดาแล้วเหล่มองไปทางแมท ส่วนมาเรียนน่ายกนิ้วหัวแม่มือให้คุณสิงโตทั้งสองข้าง เพื่อบอกว่า Good Job

“ก็มีนิดหน่อย” ผมยอมรับ ยิ้มเขิน แล้วดึงมือเธอออกจากแก้ม ท่าทางของสองสาวบอกชัดว่าคงรู้เรื่องผมกับแมทแล้ว ทุกคนดูออกกันหมดเลยสินะ

“ดีแล้วๆ” โซเฟียพยักหน้าหงึกหงัก แซวพวกผมต่อ “แบบนี้เวลาที่เหลืออีกหนึ่งสัปดาห์ก็เป็นฮันนีมูนเลยสิ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า” ผมรีบออกตัว รอยยิ้มจางลงไปเมื่อนึกว่าเวลาที่ผมกับแมทจะอยู่ด้วยกันที่ฮาร์นาสเหลืออีกแค่ 7 วันเท่านั้น พอคิดแบบนี้แล้วก็รู้สึกหงอยขึ้นมานิดหนึ่ง

ระหว่างที่ขับรถกลับจากวินดฮุก ผมกับแมทคุยเรื่องเก่าๆ เขาเล่าให้ผมฟังว่า เกือบจะมาเที่ยวเมืองไทยเพราะอยากเจอผมสักครั้ง แต่ผมชิงมีแฟนไปเสียก่อน เขาเฟลก็เลยยกเลิกทริปไป ผมฟังแล้วนึกเสียดาย แต่มาคิดอีกที ถ้าเขาไปเมืองไทยแล้วได้เจอผมตั้งแต่ตอนนั้นจริงๆ พวกเราอาจจะไม่ได้ลงเอยกันแบบนี้ก็ได้ แมทคงไปเที่ยวแค่ไม่กี่วันแล้วก็ต้องกลับอเมริกาไปเรียนปริญาโทต่อ ส่วนผมเพิ่งเรียนปีหนึ่ง ยังตื่นเต้นกับชีวิตในมหาวิทยาลัย ไม่น่าจะสนใจเพื่อนพี่สาวซึ่งอยู่ห่างกันคนละซีกโลก

สำหรับพวกเราตอนนั้น ความรักทางไกลคงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก

...แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายหรอก

ผมระบายลมหายใจออกมาเบาๆ แมทบอกว่า พอกลับไปเขาต้องเตรียมตัวย้ายไปประจำที่สาขาย่อยของบริษัท กว่าจะลงตัวก็น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน ช่วงแรกเขาคงยุ่งมากจนขยับตัวทำอะไรไม่ได้ “ถ้าขอวันลาได้เมื่อไหร่ ฉันจะรีบไปหาเธอที่เมืองไทยทันทีเลย” แมทละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัย เอื้อมมาจับมือผมแล้วบีบแน่นแทนคำสัญญา

ผมบีบมือเขาตอบพร้อมกับรับคำหนักแน่น “ครับ ผมจะรอคุณ”



พวกเรากินอาหารเย็นกับโซเฟียและมาเรียนน่า ก่อนจะแยกย้ายกลับที่พัก สองสาวนัดแนะกับผมว่า พรุ่งนี้จะมาเจอกันตรงส่วนกลางตอนประชุมแบ่งงานช่วงเช้า ผมตอบรับอย่างกระตือรือร้น ไปเที่ยวทะเลทรายเสียหลายวัน คิดถึงพวกสัตว์ป่าทั้งหลายอยู่เหมือนกัน

ผมกับแมทเดินจูงมือกันกลับมาที่ลอด์จ ผมเงยหน้ามองท้องฟ้ายามราตรีซึ่งประดับด้วยดวงดาวพร่างพราว แล้วก็นึกถึงเรื่องที่เคยสงสัยระหว่างพักอยู่ที่นามิบ เลยหันไปถามคนที่เดินอยู่ข้างๆ “ตอนผมไม่อยู่ คุณออกมานอนดูดาวบ้างไหมครับ”

คุณสิงโตส่ายหน้า “ไม่เลย พอเคยมีคีอยู่ดูดาวด้วยแล้ว ให้ฉันออกมาดูดาวคนเดียวก็เหงาเกินไปน่ะ” เขาบอกเสียงหงอยๆ

ผมฟังแล้วก็ยิ้ม ชวนว่า “ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ลากที่นอนปิกนิกออกมาดูดาวกันไหมครับ”

“เอาไว้คืนพรุ่งนี้ดีกว่า วันนี้คีนั่งรถมาทั้งวัน คงเหนื่อยแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ”

แมทเตือนตามประสาคนรอบคอบ พวกเราจึงกลับเข้าห้องพัก แมทให้ผมใช้ห้องน้ำก่อนเหมือนทุกที แต่ผมบอกว่า อยากจัดข้าวของสักหน่อย ให้เขาอาบน้ำไปก่อนได้เลย อีกฝ่ายรับคำแล้วจึงหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไป

ผมรอจนเขาปิดประตูห้องน้ำแล้วจึงรูดซิปเปิดกระเป๋าเป้ มองของที่แอบซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตตรงปั๊มน้ำมันในตัวเมืองระหว่างแมทเติมน้ำมันรถ

ไม่ได้ซื้อมาเพราะถูกคุณลิซ่ายุหรอกนะ...แต่คิดดูแล้วมันก็จำเป็นจริงๆ

ผมนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นพลางคิดชั่งใจ จะเร็วไปหรือเปล่านะ? ตอนคบกับพี่เมธ กว่าผมจะยอมไปค้างที่คอนโดเขาก็หลังจากเราคบกันไปได้หลายเดือนแล้ว นี่ผมกับแมทเพิ่งตกลงคบกันเมื่อวานนี้เอง แต่แมทเป็นอเมริกันคงไม่ถือเรื่องเวลาหรอก อีกอย่าง...พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกแค่ 7 วัน แล้วก็จะไม่ได้เจอกันอีกนานเลย

ผมคิดกลับไปกลับมาอยู่หลายตลบ

เมื่อคืนหลังจากแมทสารภาพรักและจูบผม เราสองคนก็นอนกอดกันแล้วผล็อยหลับไป เพราะทั้งเหนื่อยทั้งเพลียจากการเดินทางและเหตุการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจนไม่มีอารมณ์จะคิดเรื่องอื่น ส่วนวันนี้แมทก็ไม่ได้มีท่าทางอะไรมากกว่าแค่จับมือกับโอบไหล่ผม

ถ้าผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขาจะโอเคไหมนะ

เสียงประตูห้องน้ำเปิดทำให้ผมรีบปิดกระเป๋าเป้ แมทสวมเสื้อยืดกับกางเกงขายาวตัวนุ่มซึ่งเป็นชุดนอนประจำ ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมยาวๆ ของตนพลางเอ่ยเตือนว่า “คีรีบอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวดึกแล้วจะไม่สบาย”

“ครับ” ผมอ้อมแอ้มตอบแล้วรีบหยิบชุดนอนเดินเข้าห้องน้ำ

ผมใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าปกติเพื่อชำระร่างกายให้สะอาดทุกส่วน ก่อนจะมองตัวเองในกระจกเงา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินออกมา แมทนั่งอยู่บนเตียงฝั่งเขา คุณสิงโตเช็ดผมจนแห้งดีแล้วจึงกวักมือเรียกผมเข้าไปใกล้ “คีสระผมจริงๆ ด้วย มานี่สิ เดี๋ยวฉันเช็ดผมให้”

ผมพยักหน้ารับ เดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าคุณสิงโต ก้มหน้าลงเรียกเขาเสียงแผ่วๆ “แมทครับ”

“หืม?”

ผมกัดริมฝีปากแล้วตัดสินใจถามออกไปตรงๆ ว่า “คุณ...อยากกอดผมไหมครับ”

แมทชะงักไปนิดหนึ่ง เขาเงยหน้ามองผม พอเห็นว่าผมเสหลบสายตาเพราะความขัดเขิน คุณสิงโตก็เอื้อมมือมาดึงผมลงไปนั่งตักแล้วกอดไว้แน่น ก่อนจะระบายลมหายใจยาว “ฉันต้องการสุดหัวใจเลยละ เด็กน้อย แต่ตอนนี้ฉันทำไม่ได้”

ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา กะพริบตาปริบอย่างงุนงง “ทำไมละครับ”

แมทยิ้มอ่อนใจก่อนจะอธิบายเหตุผล “ฉันสัญญากับเคธี่เอาไว้น่ะ”

“สัญญา? คุณสัญญาอะไรไว้กับเจ้เคธครับ” ผมยิ่งงงขึ้นไปอีก

แมทถอนใจอีกรอบ ขยับให้ผมนั่งตักเขาให้ถนัดขึ้น แล้วจึงเริ่มเล่าว่า “ก่อนคีจะบินมาฮาร์นาส เคธี่ให้ฉันรับปากเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามฉันมีเซ็กกับคีเด็ดขาด แล้วถ้าทำได้...ก็ต้องช่วยเธอป้องกัน ไม่ให้คีเผลอไปมีอะไรกับใครที่นี่ด้วย”

ผมเบิกตากว้าง อ้าปากพะงาบๆ “ทะ...ทำไมเจ้เคธให้คุณสัญญาแบบนี้ครับเนี่ย” นี่เจ้ไม่ไว้ใจน้องชายตัวเองเลยเหรอ ถึงขนาดให้แมทสัญญากันไว้ก่อนผมจะเจอหน้าเขา แค่นอนห้องเดียวกันก็ไม่ใช่ว่าจะขึ้นเตียงด้วยง่ายๆ ไม่เลือกนะ ผมนึกบ่นน้อยใจพี่สาวตัวเอง

“อย่างอนเคธี่เลย เธอห่วงคีเพราะตัวเองเคยมีประสบการณ์ตรงน่ะ เคธี่เคยอกหัก รู้ดีว่าช่วงเวลาแบบนี้จิตใจคนเราจะอ่อนไหวเป็นพิเศษ อาจจะเผลอทำให้อะไรที่ต้องมาเสียใจภายหลัง” แมทโอบกอดผมเอาไว้หลอมๆ “เรื่องนี้ฉันขออนุญาตจากเคธี่แล้ว เธอโอเคที่จะให้ฉันเล่าให้คีฟัง คีจำได้ใช่ไหมว่า ตอนไปเรียนโทที่อเมริกา เคธี่เคยมีแฟนเป็นคนไทยด้วยกัน”

“จำได้ครับ เจ้เคธเคยส่งรูปมาให้ดู อวดใหญ่ว่า แฟนเก่งมาก เรียนด๊อกเตอร์อยู่” ผมขมวดคิ้ว นึกทบทวนความทรงจำ “ตอนหลังพอผู้ชายคนนั้นกลับเมืองไทยก็ค่อยๆ ห่างกันไป แต่เจ้เคธไม่ได้เล่ารายละเอียดนะครับ บอกแค่ว่าเลิกกันแล้วเฉยๆ ท่าทางไม่เสียใจอะไรมาก”

“เคธี่คงไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วงน่ะ ความจริงคู่นั้นไม่ได้เลิกกันด้วยดี แต่ผู้ชายคนนั้นหลอกเธอ”

ผมชะงักกึก “หลอกหรือครับ?”

“อืม เคธี่รักผู้ชายคนนั้นมาก คอยช่วยเหลือเขาทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเงิน เรื่องเรียน คบกันจริงจังถึงขั้นคุยกันว่า พอเธอกลับเมืองไทยแล้วจะแต่งงานกันเลยละ แต่หลังจากหมอนั่นกลับเมืองไทยไปก่อน เขาก็ค่อยๆ ขาดการติดต่อ สุดท้ายก็เงียบหายเสียเฉยๆ

เคธี่เป็นห่วงมาก วานให้เพื่อนที่อยู่เมืองไทยช่วยตามหา จนกระทั่งรู้ความจริงว่า ผู้ชายคนนั้นมีภรรยาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ที่ผ่านมาเขาโกหกเธอทุกอย่างเพราะแค่หวังประโยชน์จากเธอเท่านั้น เคธี่เสียศูนย์ไปพักหนึ่ง เกือบต้องดร็อปเรียนเลยละ”

ผมกัดฟันกรอด “ไอ้เลว! โธ่เอ๊ย...แล้วตอนนั้นเจ้เคธทำยังไงครับ ทำไมเจ้ไม่บอกผม ไม่บอกป๊ากับม้าล่ะ” ผมนึกถึงพี่สาวตัวเองที่ต้องร้องไห้อยู่คนเดียวในต่างบ้านต่างเมืองแล้วก็ใจหาย

แมทถอนใจอีกเฮือก “ฉันเคยถามเธอเหมือนกันว่า ทำไมถึงไม่ยอมบอกที่บ้าน เธอบอกว่าไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง นิสัยแบบนี้เหมือนคีเปี๊ยบเลยใช่ไหมล่ะ? แล้วดูเหมือนตอนนั้นบริษัทคุณพ่อคุณแม่คีกำลังวุ่นด้วยนี่นา ตอนใกล้ซัมเมอร์ ปี...น่ะ”

พอเขาบอกช่วงเวลามา ผมก็ทบทวนความทรงจำ แล้วพยักหน้า “ใช่ครับ ช่วงนั้นป๊าเพิ่งพิชโปรเจคใหญ่มาได้เงินลงทุนก้อนโต ป๊ากับม้ายุ่งมากกลับบ้านดึกทุกวันอยู่เป็นเดือน” ส่วนผมกำลังสนุกกับการทำกิจกรรมที่คณะ แถมมีพี่เมธคอยประกบอยู่ข้างตัวตลอด เลยแทบไม่รู้สึกเหงา

“ทำไมเจ้เคธถึงไม่ยอมพูดอะไรเลยนะ ถ้าพวกเรารู้ ไม่ยอมให้เธอต้องร้องไห้อยู่คนเดียวแบบนั้นแน่” ผมออกปากอย่างเจ็บใจ...เจ็บใจตัวเองที่ไม่เคยรู้ ไม่ได้ปลอบใจพี่สาวที่ผมรักที่สุดในวันที่เธอเศร้า

แมทจับมือผมไปกุมไว้เป็นเชิงปลอบใจแล้วจึงเล่าต่อ

“พวกเพื่อนๆ ก็เป็นห่วงเคธี่มากเหมือนกัน ต่อหน้าทุกคน เธอพยายามทำตัวร่าเริง แต่พวกเรารู้ดีว่า เธอแค่แกล้งทำเพราะไม่อยากให้คนอื่นเป็นกังวล พวกเราก็เลยผลัดกันมาอยู่เป็นเพื่อนเธอที่อพาร์ตเมนท์ แต่ก็ยังไม่วายเกิดเรื่อง” คุณสิงโตถอนใจหนักๆ “คืนนั้นเคธี่โทรหาฉันตอนกลางดึก บอกว่ามีคนอยู่ในอพาร์ตเมนท์ของเธอ ขอให้ฉันรีบไปช่วยหน่อย”

“คนร้ายหรือครับ?” ผมอุทานอย่างตกใจ

“ไม่ใช่มิจฉาชีพหรอก แค่กุ๊ยธรรมดา เคธี่ไปผับคนเดียว เธอคงเหงา พอมีผู้ชายเข้ามาจีบก็กินเหล้ากับเขาจนเมา แล้วก็ชวนหมอนั่นกลับมาที่อพาร์ตเมนท์ แต่ระหว่างกำลังนัวเนียกัน เธอนึกถึงครอบครัวที่บ้าน เลยเปลี่ยนใจปฏิเสธ แต่หมอนั่นนึกว่าเธอเล่นตัวเลยรุกหนัก สุดท้ายเคธี่ต้องเอาของใกล้มือฟาดหัวหมอนั่นจนหัวแตก มันถึงได้เลือดขึ้นหน้า จะเข้ามาทำร้ายเธอ”

“แล้วเจ้เคธเป็นอะไรหรือเปล่า” หัวใจผมกระตุกวูบ นึกกลัวแทนพี่สาว แม้ว่าเรื่องจะผ่านมาหลายปีแล้ว

“ไม่เป็นอะไรนอกจากตกใจ เธอสติดีมาก อาศัยจังหวะที่หมอนั่นกำลังมึน รีบคว้าโทรศัพท์มือถือ วิ่งหลบเข้าห้องน้ำแล้วล็อกกลอน แต่อพาร์ตเมนท์ก็เละไปครึ่งหนึ่ง จนฉันไปถึงทำท่าจะแจ้งความ หมอนั่นถึงได้ยอมออกไป”

“ค่อยยังชั่ว” ผมถอนใจเบาๆ

“หลังจากเรื่องคืนนั้น เคธี่ก็รู้ตัวว่า เธอจะจมปลักอยู่กับความเศร้าแบบนี้ไม่ได้แล้ว เธอกลับไปมุเรียน พอมีเวลาว่างก็หากิจกรรมอาสาสมัครหรืออะไรที่มีประโยชน์ทำ เคธี่นี่แหละที่เป็นตัวตั้งตัวตี ชวนเพื่อนๆ บินมาทำงานอาสาสมัครที่ฮาร์นาสตอนปิดเทอม หลังจากทำงานกลางแจ้งสมบุกสมบันได้สักเดือน เธอก็บอกฉันพร้อมกับรอยยิ้มสดใสว่า เธอลืมความเศร้าได้หมดแล้ว”

“มิน่า...ตอนผมอกหัก เจ้เคธถึงแนะนำให้ผมมาที่นี่” ผมเปรยขึ้นมา

“ทีนี้คีเข้าใจแล้วสินะว่าทำไมเคธี่ถึงให้ฉันสัญญาแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเธอไม่ไว้ใจฉันกับคี แต่เธอไม่อยากให้คีพลาดพลั้งทำอะไรลงไปเพราะความเสียใจ เหมือนที่เธอเคยเกือบจะทำมาแล้ว ใช้เซ็กเพื่อเยียวยาความเจ็บปวดน่ะ มันไม่เวิร์คหรอก คืนนั้นที่เราเกือบจะจูบกัน ฉันถึงได้หงุดหงิดตัวเองมาที่ฉวยโอกาสตอนคีร้องไห้”

“เข้าใจแล้วครับ” ผมพยักหน้าหงึก แต่ก็อดงึมงำค้านขึ้นมาไม่ได้ว่า “แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันสักหน่อยนะครับ ผมลืมเรื่องพี่เมธไปหมดเกลี้ยงแล้ว และเราก็ใจตรงกัน...”

แมทยกมือเชยคางผมขึ้น “ฉันรู้ แต่ฉันอยากทำตามสัญญานี้ให้ลุล่วงน่ะ เป็นคำสัญญากับเพื่อนสนิทที่วางใจให้ฉันดูแลน้องชายคนสำคัญของเธอ เด็กผู้ชายที่ฉันเฝ้ารอและตั้งใจจะทะนุถนอมเขาให้ดีที่สุด”

คุณสิงโตก้มลงมาแตะริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเริ่มหนักหน่วงขึ้น ผมเอื้อมแขนขึ้นไปคล้องคอเขา เงยหน้ารับสัมผัสรุกเร้าอ่อนหวานนั้นอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดแมทก็ละริมฝีปากออก ใบหน้ารกด้วยหนวดก้มลงมองผมที่กำลังหอบหายใจด้วยสายตาเอ็นดู

“อดใจรอหน่อยนะ” เขาเย้าเสียงนุ่ม

ผมเบือนหน้าหลบสายตาคมวาวนั้น จูบแบบนี้...แล้วบอกให้ผมอดใจหรือ? แกล้งกันนี่นา ผมนึกอยากแกล้งเขากลับบ้าง จึงพึมพำตอบว่า “โอเคครับ” ก่อนจะขยับยืดตัวขึ้น กดจูบลงบนสันกรามสากตรงส่วนที่ใกล้กับต้นคอของเขา ใช้ฟันขบเม้มเบาๆ ก่อนจะกระซิบว่า “คุณเองก็อดใจไปก่อนนะครับ”

แมทสะดุ้งนิดหนึ่ง เขาคำรามในคอแล้วกดผมลงกับที่นอน ซุกหน้าลงกับซอกคอผมพลางงึมงำว่า

“Baby, you ganna kill me”

ผมหัวเราะออกมาบ้างพร้อมกับเอื้อมแขนไปกอดตอบเขา พวกเรานอนกอดกันพลางคุยกันอยู่อีกพักใหญ่ ผมหลับไปในอ้อมแขนคุณสิงโตอย่างสบายใจ อีกหนึ่งสัปดาห์ พวกเราต้องไปจากฮาร์นาส แต่เมื่อถึงตอนนั้น มันก็แค่การเริ่มนับเวลาถอยหลังเพื่อจะได้เจอกันอีกครั้งเท่านั้นเอง

ความรู้สึกชัดเจนของพวกเราชัดเจนแล้ว...ระยะทางหรือเวลาไม่เป็นอุปสรรคเท่าไหร่หรอกน่า



...........................TBC..............................



ตอนนี้มีฉากให้ใจเต้นด้วยนะคะ แต่เราตั้งใจไว้แต่แรกเริ่มเขียนแล้วว่า ระหว่างที่อยู่ฮาร์นาส จะไม่ขยับความสัมพันธ์ของคุณสิงโตกับน้องเหมียวไปอีกขั้น เพราะอยากจะให้ทั้งคู่ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เรียนรู้กันค่ะ คนอ่านช่วยอดใจรอไปพร้อมๆ กับคุณสิงโตนะคะ

น้องคีนี่ถึงจะซื่อๆ ก็มีแอบยั่วเหมือนกันน้า (FYI แต่น้องก็ไม่เวอร์จิ้นแล้วนะคะ คบกับพี่เมธมา 3 ปีก็พัฒนาความสัมพันธ์ไปขึ้นหนึ่งนั่นแหละ) ฉากในตอนนี้เลยอยากให้เห็นมุมอื่นๆ ของน้องด้วยน่ะค่ะ

ตอนหน้าคงเป็นตอนจบแล้ว เราจะกลับเมืองไทยไปสะสางเรื่องที่ค้างคาใจทั้งหมด และรอดูว่า คุณสิงโตจะได้มาหาลูกแมวน้อยของเขาเมื่อไร อย่างไร ขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามและขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคอมเมนท์นะคะ หากท่านผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร คอมเมนท์ได้ท้ายตอน หรือในทวิตเตอร์ #คุณสิงโตที่รัก ก็ได้ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่า /โค้ง

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Kumamon_Kung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องไฟแรงอยู่นะลูกกกกกกก อดทนอีกหน่อยนะลูก  :hao5: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เยี่ยมเลยน้องลุกก่อนอ่ะ :hao6: :hao6: :hao6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด