#เจนไม่นก
เจนจะสู้
แม้ไม่ใช่ข้อสรุปที่ดี แต่แค่นี้ก็ยอมรับได้
เฉพาะตอนนี้เท่านั้น….
ความสัมพันธ์แบบนี้มันอาจจะดูน่าขัดใจไปบ้าง แต่ก็ไม่เลวร้ายเพราะหัวใจจำต้องใช้เวลา เขาพาเจนรักษ์กลับบ้านหลังจากที่เคลียร์ปัญหาทางความคิดและการกระทำได้แล้ว ตาของอีกฝ่ายยังไม่หายบวมหรอก แต่ทิ้งไว้ในห้องต่อไปคาดว่าอาจจะบวมหนักกว่าเดิมเพราะเจนอาจจะร้องไห้หาว่าเขาขังไว้จริงๆ ทว่าก่อนกลับ เจนรักษ์นั้นขอให้แวะที่โรงแรมเมื่อวานที่เขาไปเจออีกฝ่าย คาดว่าคงไปหาคู่กรณีที่ลอยแพกันอย่างเลือดเย็น
“คุณรบกลับไปเลยก็ได้นะครับ”
“แล้วนายล่ะ”
“ผมจะตามกลับไปนะ”
“ทำธุระนานเหรอ”
“ก็แค่จะเอามือถือครับ”
“งั้นผมรอได้ จะนั่งรอที่ล็อบบี้”
“อย่าเลยครับ มันดูไม่ดี”
“ยังไง?” นี่เขาไม่เข้าใจหรือแกล้งกันอยู่นี่ เจนรักษ์เม้มปาก จะให้พูดทุกอย่างออกมาให้ชัดเจนให้ได้เลยใช่ไหมว่าตรงไหนที่มันไม่ดี ก็ไม่ดีไปหมดนั่นแหละ เริ่มจากเจนมาเที่ยวกับน้องแบบข้างคืน อยู่ๆก็เมา แล้วเขาก็ไม่รู้มาจากไหน อยู่ๆก็หิ้วปีกพาไปนอนด้วย ก่อนเล่นกับหัวใจเจนตั้งแต่ตื่นมาจนถึงตอนนี้ แล้วจะมานั่งรอ พากลับบ้านไปด้วยกันทั้งๆที่ไม่มีตรงไหนที่ดูเหมือนจะมาด้วยกันด้วยซ้ำ เขาคิดว่าเจนจะตอบคำถามคนอื่นอย่างไร แล้วไม่คิดบ้างเลยหรือไงว่ามันไม่เหมาะสม
นิสัยไม่ดีเลยจริงๆ!
“ไปทางเดียวกัน และผมก็ไม่มีธุระอะไรด้วย ทำไมเราจะกลับทางเดียวกันไม่ได้” คิดน้อยไปสิ เจนเผลอเขวี้ยงค้อนใส่เข้าให้ ทำไมเป็นคนเข้าใจยากกกกกกกกกกกก
“ผม…เดี๋ยวคนอื่นงงว่ามาด้วยกันได้ไง”
“อ๋อ”
“มันดูไม่ดี” เอาจริงๆไม่ต้องในสายตาใครหรอก ไปคลุกด้วยกันทั้งวันทั้งคืนแบบนั้นในห้องเจ้านาย เจนว่ามันก็ดูไม่ดีจริงๆนั่นแหละ ถึงจะไม่มีอะไรก็ตามเถอะ แต่เจนก็อดจะคิดมากคนเดียวไม่ได้
“อะไรที่ดูไม่ดี”
“ก็…….”
“เราไปลอบทำอะไรแปลกๆกันหรือไงทำไมต้องคิดว่ามันจะดูไม่ดีด้วย” แล้วทำไมต้องทำเสียงเหมือนโกรธเจนด้วยล่ะ ไม่ดีก็คือไม่ดีสิ ตัวเองไม่แคร์เพราะไม่มีคนกล้ามาถามไง แล้วเจนล่ะ….คิดถึงความรู้สึกคนอื่นบ้างสิ
เออจะคิดทำไม….เป็นเจ้านายไม่ใช่ลูกน้องนี่
“งอนอะไรอีก” แน่ะ! รู้ทัน
“ไม่ได้งอนครับ” จะมาสนทำไม เป็นแค่ลูกน้อง จะไปงอนคุณรบได้ที่ไหนกัน
“กลัวอะไรนักหนา ไม่มีใครคิดเล็กคิดน้อยหรอก”
“งั้นก็ขอโทษที่คิดไปเองครับ”
“คิดจริงๆด้วยสินะ” เขาหัวเราะออกมา แต่นั่นยิ่งทำให้เจนหน้ามุ่ย รู้งี้บอกว่าจะไปเที่ยวกับตัวจุ้นต่อก็ดีหรอก
“ผมแค่ไม่อยากกวนคุณรบและไม่อยากให้คุณรบตกเป็นขี้ปาก” นี่เจนหวังดีนะ จะว่าไปที่พูดมาทั้งหมดมันก็เพื่อเขาทั้งนั้นแหละ เจนผู้มักน้อย ชอบเขาแต่ไม่คาดหวังอยากได้มาครอบครอง ที่บอกมาทั้งหมดนี่ก็เพื่อเขาทั้งนั้น ไม่ใช่เพื่อตัวเองเลย เพราะเจนไม่แคร์คำพูดใคร ไม่แคร์ความรู้สึกใคร เลยจริงๆ
และใครคนนั้นได้รวมตัวเองลงไปหรือยัง….
ที่เลี่ยงเขานี่ไม่ได้เพราะแคร์ความรู้สึกตัวเองเป็นที่สุดเหรอ นักรบเหมือนจะเผื่อใจไว้ครึ่งๆกับคำพูดนี้ของเจน แน่นอนว่าเขาก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าคนที่บ้านจะปล่อยผ่าน แม้ไม่มาถามแต่ก็คงคิดกันไปไกลแน่นอนถ้าเห็นว่ากลับไปด้วยกันทั้งๆที่ก็ไม่ได้มีวี่แววว่าจะมาเจอกัน เขาจะปล่อยเจนให้กลับไปเองก็ได้ เลี่ยงปัญหาได้ดีเช่นกัน แต่ก็ไม่ทำ ไม่ใช่เพราะสนุกกับการเห็นอีกคนเต้นผางแบบนี้หรอก แต่เพราะอะไรนะเหรอ
ก็บอกแล้วไงว่าชอบให้อยู่ใกล้ๆ
แต่ทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน!
“มันดูไม่ดีนะครับ ที่ผมจะเดินกับคุณรบแบบที่ไม่มีน้องวินอยู่ด้วย” สิ้นคำพูดของเจน นักรบก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก็จริงที่เจนจะมาเดินกับเขาไปมาทั้งๆที่ทำงานตำแหน่งพี่เลี้ยงของลูกแล้วมันดูไม่ดี แต่ยังไงเราก็ถือว่าเป็นคนทำงานด้วยกัน มันจะมาดูไม่ดีอะไรนักหนาเล่า ไม่ใช่ว่านักรบไม่ได้สนใจจะแคร์สายตาชาวบ้าน แต่เขาจะบอกว่าไม่แคร์เลยก็ไม่ใช่
แต่ค้นพบว่าเขาแคร์ความรู้สึกของตัวเองกับคนที่นั่งที่นั่งข้างๆในรถมากกว่า
“คิดอะไร
“ดูถูกตัวเองอยู่หรือเปล่า”
“เจนเปล่าครับ”
“แล้วทำไมถึงเดินคู่กับผมไม่ได้ แคร์ใคร เขาได้มาให้ข้าวผมกิน ให้ตังค์ผมใช้เหรอถึงต้องแคร์”
“ก็เจนบอกว่าเดินได้ถ้ามีน้องวิน” แล้ววันนี้น้องวินไม่มาด้วย
“เจน มันไม่เกี่ยวกับน้องวิน”
“คุณรบ แต่เจนก็ไม่ได้ดูถูกตัวเองนะ”
“……….”
“แต่เจนให้เกียรติคุณรบอยู่นะครับ”
“ยังไง”
“คุณรบกับเจนไม่ใช่เพื่อนกันใช่ไหมครับ ญาติกันก็ไม่ใช่ คุณรบขับรถมารอคุณเพชรกลับบ้านด้วยหรือเปล่าครับ”
คำตอบคือ…..ไม่
“………….”
“เพราะงั้นคุณรบกลับไปก่อนเถอะนะครับ อย่าให้ใครเห็นเลย”
“ผมเข้าใจว่าคุณหวังดีนะเจน”
“คุณรบ” และเจนก็เริ่มเข้าใจว่าเขาโกรธ….ทั้งๆที่เข้าใจว่าเจนก็หวังดี
“แต่ก็ยังไม่เห็นว่ามันจำเป็นอยู่ดี” นี่ไง….
เป็นคนดื้อและเข้าใจยากแบบนี้ไง!
“…………..”
“อืม แต่เอาเป็นว่าเข้าใจแล้วล่ะกัน” และก็เป็นคนที่ประชดประชันเก่งแบบนี้ด้วยไง มันทำให้เข้าถึงยากและยากที่จะกล้าเข้าถึง…..
เจนนั้นลงมาจากรถแล้ว เรื่องที่ผ่านมาตั้งแต่เช้าที่เราคุยกันได้ดีนั้นเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นจริง ทุกอย่างมันสวิงเสียจนเจนนั้นตั้งตัวไม่ทัน และเมื่อตนลงมาจากรถ เขาก็ขับออกไปในทันที ภาพ….ที่มองไปจนลับตานั้นทำให้ใจเหมือนจะสลาย เจนเหมือนจะไร้แรงเดินอยู่หน้าประตูทางเข้าของโรงแรม มันก็เป็นไปตามความต้องการของตนเองทั้งหมดไม่ใช่หรือไง แล้วจะมางุ้งงิ้งไม่พอใจเสียใจอะไรแบบนี้อีก เจนเองที่บอกว่าไม่เข้าใจเขา แต่สุดท้ายก็ไม่เข้าใจตัวเองที่สุดนั่นแหละ
ตั้งสติและเก็บความเสียใจเอาไว้ก่อนจะเดินขึ้นไปหาตัวจุ้นที่น่าจะอยู่ในห้อง เคาะประตูเรียก 2-3 ทีก็มีคนเดินมาเปิดประตูให้ และอย่างที่คิด ตัวจุ้นที่ไม่กล้าไปไหนเองยังคงนอนเล่นอยู่ในห้อง ดูจากสภาพแล้วก็คงนั่งทำงานนั่นนี่อยู่คนเดียว อย่าเรียกว่ามาเที่ยวพักผ่อนพักร้อนบ้าบออะไรเลย เรียกว่ามาเปลี่ยนที่นั่งทำงานจะดีซะกว่า
“อย่าเพิ่งด่าดิ”
“ไม่ได้จะด่า”
“อ้าว ไม่โกรธแล้วเหรอ” จริงๆมันสมควรโกรธตัวจุ้นที่ส่งเจนให้กับใครที่ไหนไม่รู้ แม้เป็นคุณรบที่ไว้ใจได้ แต่ต้องคิดบ้างว่าเจนที่เมาเป็นหมานั่นไว้ใจได้หรือเปล่า เสียหายแค่ไหนต้องลองถามคุณรบดูอีกสักครั้ง พอคิดถึงเรื่องเมื่อวานที่ตนจำอะไรไม่ได้เลย คำพูดของเขาเมื่อเช้าก็ทำให้หน้าร้อนฉ่า
เจน…แก้มคุณรบ….
“แล้วเป็นไรไปวะ ทำไมหน้าแดงๆ” เจนส่ายหัวจนแทบปลิวหลุดจากคอ เอาเป็นว่าจะไม่คาดโทษอะไรตัวจุ้นเรื่องความสันดารเลวของมันเมื่อวาน เพราะนอกจากตนจะเรียกร้องเอาอะไรกลับไม่ได้แล้ว ยังอาจจะโดนแซะถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนส่งมอบให้ ยันส่งมอบกลับมาในวันนี้
และเพราะคิดแล้วทำให้ใจมัน….รับไม่ไหวจริงๆ
“ตาบวมๆมานะ ไอ้คุณตัวสูงนั่นทำอะไรมาป่ะ” เขาไม่ได้ทำ เจนสิทำเขา
แล้วก็จบด้วยการทะเลาะกันก่อนจากมาเนี่ย….
“กู กู….”
“ไหน เข้ามาก่อนดิ” อีกนิดนึงเจนก็คงจะไม่ไหวเหมือนกัน ตัวจุ้นที่เข้าใจได้ดังนั้นจึงเปิดประตูห้องให้กว้างขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายได้เข้ามา เจนกำลังต้องการหลุมหลบภัย และโดยที่ไม่ต้องจับเจ้าพี่ชายง่าวๆของตนลงไปแช่แฟ้บแต่อย่างใด
เจนก็ปล่อยโฮร้องไห้ออกมาเป็นที่เรียบร้อย…..
จริงๆเจนอยากจะร้องไห้ตั้งแต่เห็นหน้าเขาตอนตื่นแล้ว ทว่าบรรยากาศตอนนั้นชวนให้เก็บกักเอาไว้ อั้นเหมือนฝนก่อนจะเทเป็นพายุลงแบบนี้ ตัวจุ้นนั่งลูบหัวลูบหางให้อย่างสงสาร ไม่รู้ว่าปล่อยลูกนกไปเข้าปากเสือหรือจระเข้หรือไง กลับมาถึงร้องไห้ขี้มูกโป่งน่าสงสารไปหมดแบบนี้ ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นวะ ตัวจุ้นนี่ชิงอวยเจนก่อนได้ไหม?
“มันเกิดอะไรขึ้น” หลังจากที่ปล่อยให้ร้องมาสักพักจนมาถึงระดับขั้นที่แค่สะอึกสะอื้น ตัวจุ้นก็เริ่มยิงคำถาม เจนที่เปราะบางแบบนี้ไม่ค่อยจะเล่นลิ้นหรอก มีแต่ความจริงเท่านั้นแหละที่จะออกจากปาก
ความจริงในแง่ของเจนเท่านั้นนะ….
เจนเล่าทุกเรื่องที่รู้ให้ตัวจุ้นฟัง แน่นอนว่าใส่สีตีไข่ไปเท่าที่ตนรู้สึก ฟังแล้วอาจจะดูจับใจความยาก แต่ก็พบว่ามีปัญหากับคู่กรณีมากเลยทีเดียว จากที่เล่ามามันก็ดูเหมือนจะไม่แย่มากมาย แต่ทั้งสองฝ่ายก็ดูจะไว้หน้ากันและเกรงใจกันในระดับนึงเลย จึงยอมๆความกันไป หารู้ไม่ว่าไอ้ที่ยอมๆนั่นน่ะไม่มีใครโอเคเลยสักนิด พอมันถึงที่สุดแล้วถึงระเบิดกระจุยคนละทิศคนละทางแบบนี้
“ขอกูสรุปนะ”
“งืม”
“คือมึงตื่นมาเจอเขาแต่จำอะไรไม่ได้”
“ใช่”
“เขาบอกว่ามึงพูดมากแต่ไม่บอกว่าพูดอะไรออกมาบ้าง งี้ถูกปะ”
“อืม กูถึงงงๆอยู่นี่ไง” จริงๆแล้วเจนก็งงกับทุกเรื่องนั่นแหละไม่ใช่แค่เรื่องนี้
“แต่เขาบอกว่ามึงไปลวนลามเขา”
“แค่หอมแก้ม”
“ต้องให้โทมัสกับพี่เคลไปขอคุณรบไหม โอ้ย อย่าฟาด!” ตัวจุ้นนั้นป้องกันตัวเอง พอกลับมามีสติก็จะเป็นคนรุนแรงประมาณนี้แหละ
ในส่วนเรื่องที่ตกลงว่าจะอยู่ร่วมกันนั้นเข้าใจได้ เพราะมันเป็นความต้องการของทั้งสองฝ่าย ตกลงว่าจะเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องของกันและกันเพราะได้ตกลงเช่นนี้มาตั้งแต่เริ่ม ก็เข้าใจได้ดีเพราะนี่คือความสัมพันธ์ที่ถูกต้องแล้ว แต่ที่ไม่โอเคก็น่าจะเป็นในส่วนของความต้องการที่แท้จริงมากกว่า ดูก็รู้ว่าเจนชอบเขา แต่ก็รู้สึกปลอดภัยกับสถานะแบบนี้มากกว่าขอขยับขึ้นไป ส่วนนักรบเองนั้นคิดอะไร ตัวจุ้นไม่รู้หรอก
รู้แค่ว่าเจ้านายปกติไม่พาลูกน้องไปนอนในห้องนอนที่คอนโดแบบนั้น…..
“แล้วมึงก็โกรธเขาเรื่องที่เขาจะพาไปส่งบ้าน”
“ไม่ได้โกรธ แค่บอกว่าไม่เหมาะสม”
“ดูถูกตัวเองไปปะวะ”
“อย่ามาพูดเหมือนคุณรบนะ!” จี้ใจดำไปอีก ขยี้แรงๆไปอีก!!!!
“กูจะไปรู้ไหมว่าเขาพูดน่ะ” ได้คำตอบมาเป็นการค้อนใส่กันอีกที เจนจะไม่พูดให้มากความเพราะแค่นี้ก็แทบจะไม่มีจุดยืนบนโลกแล้ว
จริงๆเรียกว่าต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจกันมากกว่า สำหรับตัวจุ้นแล้ว ที่เจนพูดก็ถูก คุณรบไม่ควรให้เจนไปไหนมาไหนด้วยโดยไม่มีลูก เพราะหน้าที่ของเจนคือการเลี้ยงลูกให้เขา หากเดินด้วยกัน 2 ต่อ 2 คนก็จะมองไม่ดีได้ แต่ในส่วนของคุณรบที่ไม่สนดินสนฟ้าอะไรก็ไม่ได้ผิด ก็มาด้วยกัน แม้จะมายังไงก็ช่างมันไม่ใช่เรื่องของคนอื่น ในเมื่อเขาไม่ลำบากจะให้กลับด้วย แล้วจะร้อนตัวไปทำไมในเมื่อไม่ได้ไปลอบเป็นชู้กันจริงๆเสียหน่อย ที่เขาคิดก็ไม่แย่… แต่อีตานั่นไม่รู้หรอกว่าคนที่ลอบเป็นชู้ทางใจอ่ะ มันเจ็บ!
แล้วคำพูดของคุณรบก็แปลกๆ จะมาชวนทะเลาะปัญญาอ่อนแบบนี้มันก็ดูไม่ได้เข้ากับบุคลิกเขาเลย บอกว่าใครจะคิดไงก็เรื่องของเขา อยู่ที่เราคิดอย่างไรมากกว่า แต่เขากับเจนก็เป็นแค่นายจ้างลูกจ้างไง จำเป็นต้องมาชวนทะเลาะงอนกันแบบนี้ด้วยเหรอ ตีลังกาดู ยังไงมันก็แปลกๆแบบหาดีไม่ได้เลยไอ้คู่นี่ แล้วนี่ไง คนหวังดี คนไม่คิดอะไร คนมักน้อย สุดท้ายก็ต้องมานั่งร้องไห้น้ำตาไหลให้ตาบวมติดต่อกันทั้งวันแบบไม่มีใครรับผิดชอบ
“งั้นนอนที่นี่เลยไหม”
“ไม่ได้ จะกลับไปดูน้อง” นี่ไง คนเรา! น้อยใจพ่อเขา แต่จะกลับไปเลี้ยงลูกเขานะ ไม่บอกกันว่าเป็นพี่เลี้ยง นี่ก็จะคิดว่าเป็นเมีย ให้ตายเหอะ
“บ่อน้ำตาตื้นแบบนี้อะนะ จะกลับไปเลี้ยงลูกเขา น้ำตานี่ไหลเผาะๆ”
“กูร้องหมดตัวแล้ว!” ไม่มีเหลือให้ร้องแล้วเว้ย
“จะว่าไป มึงก็ไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนี้มาหลายปีแล้วนะ”
“อืม ก็คงจะแบบกักไว้หลายปีเลยสลายเป็นฝายแตกแบบนี้” ตัวจุ้นส่ายหน้ารัวๆ จริงๆคือชื่นชมนักรบไม่น้อยที่ทำให้เจนร้องไห้หนักมากได้ ก็คนมันนกมาตลอดก็เลยชิน ชินไปบ่อยๆก็โนสนโนแคร์ ร้องห้งร้องไห้นี่มันเป็นเรื่องเด็กประถม แต่พอเจอพี่มัธยมเข้าหน่อยก็อ่อนปวกเปียก ให้ตายเหอะ ทำดีที่อเมริกามาตลอด แต่มาเหลวเป๋วเพราะแดดเมืองไทยสินะ ของเขาดีจริงๆ
เราพูดคุยกันอีกเล็กน้อยให้เจนได้ตั้งสติและวางแผนรองรับการปะทะกันในรอบต่อไป เดาได้ว่าป่านนี้คุณรบคงจะกลับถึงบ้านไปแล้ว และเจนก็จะกินข้าวอะไรให้เรียบร้อยจะได้ไม่ต้องมาเจอกันอีก เข้าไปก็จะตรงไปหาน้องวินเลย มีตัวประกันเป็นเจ้าลูกกบจะได้เลี่ยงไม่ต้องสนทนากันให้มาก ตั้งสติให้ดีเพราะต่อจากนี้เจนจะเป็นพี่เลี้ยงที่ดี หมดแล้วยุคที่จะปีนเกลียวตีซี้กับเจ้านาย
ตัวจุ้นกับเจนลงลิฟท์มาเพื่อออกไปนอกโรงแรมเพื่อไปหาอะไรกินกันตามแผนที่เจนวางไว้ หลังจากได้ระบาย ได้มือถือ และได้กระเป๋ากลับคืนเจนก็สบายใจ อย่างน้อยมีตัวจุ้นอยู่ที่ไทยก็ดีไปอย่าง ถ้าตีกันกับคุณรบอีกก็แค่หนีมาหาได้ แต่ให้คิดดูแล้วเจนก็ไม่ชอบตัวเองที่หนีเก่งแบบนั้นเท่าไหร่ ชนกันให้ตายก็ไม่ตายจริงๆหรอก เมื่อทำใจสู้เสือแล้ว เจนที่ไม่หวั่นก็เดินอย่างมาดมั่นมุ่งหน้าจะออกจากโรงแรม
ทว่า…..
“ไหนบอกแค่ไปเอามือถือ”
หืม……….
“…………”
“…………”
“สวัสดีครับ คุณนักรบ” เป็นตัวจุ้นที่เห็นคนสองคนซึ่งเจอะเจอกันแล้วไม่รู้จักทักทาย คนสมัยนี้ช่างไม่มีมารยาทเลยต้องแสดงมารยาทที่ดีออกไปให้ดูเสียหน่อย แต่มันใช่เวล่ำเวลาไหม เจนค้อนใส่ญาติผู้น้องตาแทบหลุด
“สวัสดีครับ คุณ….” นักรบไม่แน่ใจในชื่ออีกฝ่ายนัก เมื่อวานเราได้แนะนำไปหรือเปล่านะ
“ผมชื่อจุนครับ” ตัวจุ้นได้จัดการบอกชื่อในวงการไป ซึ่งแน่นอนนั่นทำให้เขาสับสนพอควรเลย เพราะเจนเรียกว่าตัวจุ้นแต่เจ้าตัวบอกว่าชื่อจุน อืม…ก็พอเข้าใจได้ ไม่สนิทจะไปเรียกว่าจุ้น มันก็เหมือนจะไปด่าเขาทั้งๆที่ยังไม่ได้รู้จักด้วยซ้ำ
“ผมนักรบ เจ้านายของเจน” มีการบอกสถานะยืนยันกันให้ทราบ ในตอนนี้เอง จุ้นเริ่มรู้สึกได้ว่าไอ้พี่ชายที่เตี้ยกว่า 2 เซ็นนั้นไปหลบอยู่ที่ข้างหลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จิตวิญญาณหึกเหิมระดับบางระจันเมื่อครู่ไปไหนแล้วฮึ? เจนรักษ์คงเก่ง
“ผมนึกว่าคุณกลับไปแล้ว” ตัวจุ้นเลยคุยแทน
“เจนบอกงั้นเหรอครับ”
“ครับ เขาบอกว่าคุณกลับไปแล้ว เลยจะไปกินข้าวกับผมก่อน”
“เพราะงี้เลยไม่ได้รีบลงมาสินะครับ” นักรบยิ้มออกมา แต่แววตาไม่ได้ยิ้มเลย มันทำให้คู่กรณีขนลุกอย่างไรไม่รู้
“ก็เห็นว่าไม่มีคนรอนะครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆคงจะมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น” เป็นตัวจุ้นที่ช่วยกู้สถานการณ์ เจนรักษ์ก็ควรกลับมาเฟี๊ยสได้แล้ว!
“แล้วนี่จะไปไหนกันครับ”
“อ๋อ เจนบอกจะพาไปทานข้าว”
“ทานข้าวเหรอ”
“ครับ เผอิญผมไม่ค่อยรู้จักร้าน”
“เจนก็ไม่ค่อยรู้จักร้านเหมือนกัน เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมพาไป”
“ละ….ลำบากคุณรบเปล่าๆครับ” เจนแย้งออกมา ในที่สุดก็หาลิ้นของตัวเองเจอ
“ไม่ได้ลำบากอะไรนี่” แต่ดวงตาของเขาก็ยังไม่ยิ้มเหมือนเดิม และมันยิ่งทำให้เจนเสียวสันหลังวูบ
“แต่…แต่ว่า”
“หลานแม่ไพมาเยี่ยม มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะพาไปกินข้าวด้วยไม่ใช่เหรอ” เขาไม่ได้พูดถึงการให้เกียรติเจน เขาพูดถึงตัวจุ้น และนั่นทำให้เจนเม้มริมฝีปากแน่น เลี่ยงที่จะตอบคำถามทุกอย่าง แม้คำถามนั้นๆจะไม่ได้ต้องการคำตอบอยู่แล้ว มือที่จับชายเสื้อตัวจุ้นนั้นกำแน่นจนญาติผู้น้องสังเกต เจนอาจจะบอกว่าน้ำตาหมดตัวแล้วไม่มีไหลออกมา แต่ความรู้สึก….มันไม่มีลิมิตที่แท้จริงหรอกนะ ตาคุณนักรบนี่ก็จริงๆเลย!
แผลของเจนถูกซ้ำๆกี่รอบแล้วนี่วันนี้!!!
“อีกอย่างให้คุณจุนเขาไปด้วยก็ดีไม่ใช่เหรอ….”
“…………”
“เจนจะได้ไม่คิดว่ามันไม่เหมาะสมอีกไง” เขาพูดเช่นนั้นออกมา ก่อนจะเดินนำเราสองคนมายังร้านอาหารชื่อดังที่อยู่ไม่ไกลกันนั้นของโรงแรม ตัวจุ้นไม่ได้เห็นแก่กินหรอก แต่คำพูดและท่าทางของเขามันทำให้ตัวจุ้นนึกอยากลองใจเจนอีกสักครั้ง เจนอาจจะยอมแพ้แล้ว แต่นั่นมันทางความคิด ในด้านความรู้สึก ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคนทั้งคู่….ที่ยังไม่รู้ใจตัวเอง
“ประชดเก่งเนาะ” จุ้นนั้นกระซิบบอกเจนเบาๆ
“เข้าใจกูหรือยัง” ไม่แปลกเลยที่จะน้ำตาไหล นี่ถ้าไม่ได้รู้สึกแคร์อะไรเขาหรือครอบครัว เจนรักษ์เสยหน้าไปแล้ว ไม่เก็บกดมาร้องไห้เป็นเผาเต่าแบบนี้หรอก
เราทั้ง 3 คนอยู่ในห้องอาหารที่นักรบเป็นผู้แนะนำมา เลือกดูอาหารที่ชอบก่อนจะสั่งกันคนละอย่างสองอย่าง และในระหว่างที่รอนั้น บนโต๊ะก็แทบจะเงียบงันเพราะคนสองคนที่สนิทสนมกันกว่าอีกคนไม่ยอมที่จะเปิดปากคุย นี่เรากะจะมากินข้าวกันแบบนี้จริงๆนะเหรอ อึดอัดแหะ ตัวจุ้นที่เรียกร้องอยากจะมีมื้ออาหารที่เป็นมิตรต่อสังคมและโลกจึงเป็นฝ่ายเปิดปากเพื่อชวนพูดคุยแทน
คุณนักรบเองก็ไม่ได้หยิ่งขนาดที่จะถามไม่ตอบ เขาชวนพูดคุยกลับเยี่ยงคนมีมารยาท แต่ไอเย็นที่ส่งผ่านออกมายังคงมีอยู่ และนั่นทำให้คนบนโต๊ะรู้ว่าเขายังไม่พอใจเจนอยู่หลายส่วน แต่นี่มันลูกน้องไง ไม่ใช่เมียเสียหน่อยถึงจะมาดัดนิสัยแบบนี้ได้ ตัวจุ้นเองก็ไม่ได้พอใจเขามากเท่าไหร่ แต่หลายอย่างมันก็ยังไม่ค่อยเคลียร์นัก จะให้ชิงเล่นงานเขาแทนเจนที่ไม่กล้าทำอะไรเลยมันก็ดูจะยังไม่มีจังหวะนัก ในใจภาวนาให้มันเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ที่พอจะเปิดช่องทาง และสวรรค์ก็เข้าข้างเพราะในตอนนั้นเองมือถือของเจนก็ขึ้นหน้าจอสว่าง ใครสักคนนึงที่ฟ้าประทานนั้นโทรหาเจนพอดี
“พี่เคลโทรมาเหรอ”
“อืม” เจนตอบรับตัวจุ้นเล็กน้อย ในใจนึกสงสัยว่าพี่เคลโทรหาทำไม
“โทรหาหลายรอบแล้วด้วยวันนี้” พอโทรหาตัวจุ้นไม่ติดก็โทรหาเจน โดยหารู้ไม่ว่ามือถือของเจนก็อยู่ที่จุ้น
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่านะ” ใบหน้าที่ติดจะเป็นห่วงนั้นอยู่ในสายตาของทุกคนบนโต๊ะ รวมถึงเหยื่อตัวใหญ่ที่ยังไม่ยอมกินเบ็ดสักที
“รับสิ” จุ้นบอก ส่วนเจนนั้นหยิบมือถือขึ้นมา มองหน้าเขาที่มองมาที่เจนเช่นกัน คนตัวเล็กกัดริมฝีปากช่างใจอยู่ครู่นึง แววตาของคุณรบนั้นชวนให้รู้สึกอึดอัดนักจึงเลือกที่จะรับสายนั้น
“งั้นขอตัวแป็ปนะครับ” เจนกล่าวขอสั้นๆก่อนจะรับสายที่โทรมาไม่หยุดและเดินออกไปจากร้านเพื่อพูดคุยให้สะดวก เพราะพี่เคลมักโทรมาเรื่องตัวจุ้น เลยไม่อยากให้อีกฝ่ายที่นั่งใกล้ๆได้ยินจึงเลือกจะเดินออกไปคุยเอง ทว่าการกระทำของเจนนั้นมันชวนคิดไปอีกแบบนัก ต้องเป็นคนสำคัญมากแค่ไหนถึงได้ดูห่วงใยขนาดนั้น
ต้องสำคัญกว่าคนที่ปฏิเสธจะกลับบ้านด้วยแบบเขาใช่ไหม….
“ต้องขอโทษแทนเจนจริงๆ หมอนั่นเองก็ชอบโทรมา ไม่รับก็ไม่ได้ด้วย” ตัวจุ้นที่เห็นทุกอย่างนั้นเริ่มที่จะใส่ไฟ และเมื่อรู้สึกตัว นักรบก็เปลี่ยนแววตาที่ใช้เมื่อครู่ให้ดูสงบนิ่งเหมือนเดิม
“ครับ ผมเข้าใจ” เข้าใจอะไรล่ะ ตัวจุ้นอยากจะถามแต่เลี่ยงที่จะถามอย่างอื่นแทน
“ถ้าเจนทำอะไรให้คุณรบไม่พอใจผมก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ รายนั้นมีวีรกรรมกับเจ้านายเก่ามาเยอะเลยไว้ตัวนิดนึง” นักรบนั้นหรี่ตามองอีกฝ่าย เป็นไปได้ว่าเจนจะเล่าให้ฟังทั้งหมด มิน่าละถึงใช้เวลาหายกันไปซะนาน
“ครับ” แล้วกับเจ้านายคนปัจจุบันนี่ต้องระวังให้หนัก
“ปกติสู้คนมาก แต่เพราะเป็นคุณรบเลยเกรงใจมากๆเช่นกัน”
“นี่ขนาดเกรงใจแล้วนะเนี่ย” เขาพูดให้ดูติดตลก แต่จริงๆไม่ตลกเลย
“เห็นคุณรบเป็นห่วง และปรารถนาดีกับเจนผมก็ดีใจครับ” คำป้อยอนี่เกินจริงไปเสียมากๆ
“ไม่เลยครับ เขาดูแลลูกให้ผมอย่างดี”
“เจนรักเด็กครับ”
“พอจะมองออกครับ”
“และก็อยากให้เด็กมีครอบครัวที่อบอุ่นด้วย เลยทุ่มเท เขาอาจจะพูดมากกับคุณรบซะหน่อย ช่วยเข้าใจหน่อยนะครับ”
“ครับ” เพราะเจนไม่เคยมีครอบครัวที่อบอุ่น จึงอยากจะช่วยสร้าง เขามองเจตนาของเจนออก แต่ก็ยังไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เหมือนกัน
“ถ้ายังไงก็รบกวนทางฝั่งคุณรบเข้าใจเจนบ้างนะครับ”
“ครับ?”
“คุณมีเรื่องกดดันในแบบของคุณ เจนก็มีในแบบของเขา”
“………..”
“อย่าโกรธเจนเลยนะครับ เพราะเขาก็แคร์คุณมากเหมือนกัน”
ก็เจนทำให้มันน่าโกรธ
“ผมไม่ได้บอกว่าเจนถูกหรอกนะครับ แต่ถูกผิดมันขึ้นอยู่กับแต่ละคน”
“………….” สถานการณ์ของแต่ละคน นำพาความกดดันคนละแบบมา เจนอาจจะไม่ได้ถูกต้องในสายตาของเขา แต่อาจจะถูกต้องในแง่ของความสบายใจของตนเอง คนเราบางทีก็ต้องใช้สมองนำความรู้สึกเช่นกัน
“และถ้าเจนแคร์คุณมากไป จนไม่แคร์ตัวเอง สุดท้ายแล้วใครเจ็บล่ะครับ”
เจนไง เจนเอง…..
“ให้เขาเหลืออะไรเป็นของตัวเองบ้างเถอะครับ….เขายกให้คุณทั้งหมดไม่ได้หรอก” เพราะสุดท้ายแล้วนักรบกับเจนที่เดินเคียงข้างกันในวันนี้
เมื่อเจอทางแยกก็ต้องจากกันอยู่ดี
แล้วเราจะทุ่มทุกอย่างให้หมดหน้าตัก ไปทำไม…..
talk: แว่บมาลง อนุญาตให้ด่าคุณรบว่ากากได้ ไม่เถียงแล้ว ฮืออออออออออออ
#เจนไม่นก twitter@reallyuri