Photo(6)
"มึงจะตามกูมาทำไมเนี่ย" สองขาหยุดก้าวหันกลับไปเผชิญหน้ารูมเมทจอมกวนประสาทที่เดินตามหลังเขามาตั้งแต่ออกจากหอ เพ้นท์ว่าด้วยเสียงติดหงุดหงิด อีกทั้งหน้าตายังไม่รับแขก
"กูจะไปเรียน"
"มึงมีเรียนบ่าย"
"งั้นไปหอสมุด"
"ไอ้ทัพ!"
"โอเค กูตามมาง้อมึง" ขี้เกียจหาคำแก้ตัวอีกทัพเลยยกมือยอมแพ้และยอมรับแบบดื้อๆ
"ง้ออะไรอีก ไม่ต้อง!"
"เป็นอะไรอีกวะ เมื่อคืนยังนอนให้กอดอยู่เลย"
"หยุดพูด"
"หรือเป็นเมน"
"ไอ้ทัพ!"
"มึงก็เรียกชื่อกูอยู่นั่นแหละ"
"ไอ้เหี้ย!"
"โอเคๆ ยอม"
เห็นเพ้นท์ทำท่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทัพเลยต้องเลิกกวนประสาทยอมแพ้อีกรอบ เดี๋ยวนี้ด่าเอาๆ ไม่เห็นเก็บอารมณ์ทำหน้าตายเหมือนทุกที
"กูเห็นมึงหงุดหงิดตั้งแต่อยู่ในห้องเลยตามมา โกรธอะไรกูอีก"
"เปล่า"
"คิดว่าจะเชื่อ"
เพ้นท์ถอนหายใจแล้วเบือนหน้าหนี เขาไม่ได้หงุดหงิดทัพ แต่หงุดหงิดตัวเองที่อารมณ์แปรปรวนจนเหมือนจะเป็นบ้า เมื่อคืนก็ใจอ่อนยอมให้มันนอนกอดด้วยความเคยชิน ทั้งที่ก่อนนอนจะเรียกว่าทะเลาะกันยังได้ ตื่นมาเลยมึนๆ งงๆ ไม่รู้จะทำตัวยังไง สุดท้ายเลยพาลหงุดหงิดใส่ทุกสิ่งทุกอย่าง
"กูไม่ได้โกรธมึง"
"แล้วเป็นบ้าอะไร"
"ก็เป็นบ้านี่แหละ กูจะบ้าแล้วเนี่ย แม่งเอ้ย!" เพ้นท์ยกมือขึ้นขยี้หัวอย่างแรงจนผมเผ้ายุ่งเหยิง แต่กลับเป็นภาพที่ดูน่ารักปนน่าขำในสายตาของคนที่ยืนมองอยู่
"ก็บอกว่าไม่ต้องคิดมากไง"
"มันจะไปทำได้ยังไงวะ เอาจริงเมื่อคืนยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ"
"มึงเป็นคนบอกให้พอเองนะ"
"ก็มึงพาเปลี่ยนประเด็น" พูดถึงแล้วก็ชักรู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหู อยู่ๆ โดนบอกชอบแบบนั้นใครมันจะไปทำใจตั้งรับทัน
"โทษกูอีก"
"เออ ก็เพราะมึงนั่นแหละ"
"โอเค ยอมรับก็ได้" เป็นการยอมรับที่สีหน้าท่าทางกวนอวัยวะเบื้องล่างที่สุดที่เพ้นท์เคยเห็นมา
"มึงไม่ต้องตามกูมาแล้วนะ มีอะไรค่อยกลับไปคุยต่อที่ห้อง กูไม่อยากเป็นบ้าในที่สาธารณะ แล้วก็อย่า..."
"อย่าบอกใครเรื่องถ่ายแบบ" ทัพขัดขึ้นอย่างรู้ทัน
"ขัดกู"
"เออ ไม่บอกใครหรอก บอกแล้วว่ากูหวง"
"สัด! ไม่ต้องตามมาแล้วนะ" ด่ากลบเกลื่อนอาการเขินก่อนเพ้นท์จะหมุนตัวก้าวไวๆ เพื่อเดินหนี
ทัพส่ายหน้าน้อยๆ กับอาการของรูมเมทที่ทำอย่างกับว่าเพิ่งเคยโดนบอกชอบครั้งแรก เขายืนรอทิ้งระยะห่างสักพักก่อนจะก้าวไปข้างหน้า
ไหนๆ ก็ตามออกมาแล้ว ก็ตามให้ถึงที่สุดไปเลยจะเป็นไรไป
เพ้นท์นัดกับเอฟไว้ที่โถงใต้อาคารก่อนถึงเวลาเรียนราวครึ่งชั่วโมง เพราะเขามีเรื่องด่วนที่ต้องเล่าให้เพื่อนรักฟัง จะเล่าตั้งแต่เมื่อคืนสติสตังก็ยังไม่กลับเข้าที่ดี คิดเยอะจนหมดแรงแค่ล้มตัวนอนได้ไม่กี่นาทีก็หลับสนิท เลยต้องยกยอดทั้งหมดมาวันนี้แทน อีกอย่างเล่าต่อหน้าน่าจะดีกว่า
เอฟนั่งรออยู่แล้วที่โต๊ะตัวเดิมริมสุดด้านขวา เพ้นท์รีบเดินเข้าไปหานั่งลงฝั่งตรงข้ามได้ก็ตั้งท่าจะเปิดประเด็นทันที ถ้าไม่ติดว่าเอฟสังเกตเห็นใครบางคนที่ไม่ควรอยู่ที่นี่เสียก่อน
"ทำไมไอ้ทัพมาอยู่แถวนี้วะ"
เพ้นท์หันขวับไปยังทางที่เขาเพิ่งเดินมาคอแทบเคล็ด อยากจะยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองแรงๆ สักที บอกว่าอย่าตามมาก็ไม่เชื่อ เขาล่ะปวดหัว ไม่รู้จะทำยังไงกับไอ้รูมเมทคนนี้แล้ว
"ไงคุณตากล้อง" ทัพทักทายก่อนนั่งลงข้างเพ้นท์ด้วยสีหน้าระรื่น
คุณตากล้องที่ว่าก็พยักหน้ารับแล้วยิ้มให้แบบงงๆ คนหนึ่งหน้าตาดูอารมณ์ดีจนแปลกไปจากทุกที ผิดกับอีกคนที่ทำหน้าตาน่ากลัวพร้อมจะฆ่าคนได้ ซึ่งไอ้คนที่เพื่อนสนิทเขาอยากฆ่าคงเป็นรูมเมทที่นั่งข้างๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล
"ยังไงเนี่ยมึงสองคน" เอฟถาม มองทัพสลับกับเพ้นท์ เขาอยากได้คำอธิบายถึงเหตุการณ์ประหลาดนี้โดยด่วน
เพ้นท์มองหน้าทัพแล้วถอนหายใจ ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้เขาถอนหายใจทิ้งจนนับครั้งไม่ได้ ซึ่งตัวต้นเหตุก็นั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ข้างๆ นี้เอง ฉะนั้นรีบๆ พูดให้มันจบๆ ไปเลยน่าจะดีกว่า
"เรื่องด่วนที่กูบอกก็เกี่ยวกับมันนี่แหละ"
"ทัพมันทำไมวะ"
"มันรู้เรื่องที่กูถ่ายแบบแล้ว"
"อ้าวววว" เอฟลากเสียงยาวพูดอะไรต่อไม่ออก ได้แต่มองหน้าทั้งสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสลับกันไปมา ทำไมความถึงแตกเร็วกว่าที่คิดไว้ขนาดนี้
"กูจะไม่เล่ารายละเอียดตอนมันนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้นะ เพราะฉะนั้นอย่าถามว่าความแตกได้ไง" เพ้นท์ดักไว้ก่อน ทั้งที่เขาตั้งใจจะมาระบายทุกอย่างให้ฟัง แต่ใครจะไปพูดออกถ้าตัวต้นเหตุอีกคนนั่งระรื่นฟังอยู่ด้วย
"แล้วมึงตามมันมาทำไมวะทัพ" ในเมื่อโดนดักทางเอฟเลยต้องเปลี่ยนคำถาม
"กูมาดูหน้าตากล้อง"
"ดูหน้ากูเนี่ยนะ"
"เออ มึงทนถ่ายรูปพวกนั้นได้ไง"
"หมายความว่าไงวะ"
"พวกมึงหยุดพูดเรื่องนี้เลยนะ" เพ้นท์ต้องรีบเบรกก่อนเรื่องมันจะติดเรทสิบแปดบวก แค่อ้าปากถามประโยคแรกเขาก็รู้แล้วว่าทัพอยากพูดอะไร
"มึงนี่ก็ห้ามกูไปหมดทุกเรื่องเลยนะ"
"ถ้าเห็นใจกูก็หยุด"
"เออๆ" เอฟรับคำแบบขอไปที ต้องเก็บความอยากรู้เอาไว้อีกหนึ่งเรื่องจนความจุเต็มเกินจะรับไหวแล้ว
"แล้วไงต่อ ห้ามพูดหมดทุกอย่างจะให้นั่งกันเงียบๆ เหรอ" ทัพถามขึ้นมาบ้าง แล้วเพ้นท์ก็อดว่าไม่ได้
"ถามเหมือนไม่รู้ตัวว่ามึงน่ะส่วนเกิน"
"ยอมรับ แต่พวกมึงจะคุยอะไรกันก็ตามสบายเลยนะ กูจะอยู่เงียบๆ"
"แบบนี้ก็ได้เหรอ" เอฟหัวเราะแห้งๆ รู้อยู่แล้วว่าทัพเป็นคนกวนประสาท แต่ยังไม่เคยโดนกวนหนักขนาดนี้ ไม่อยากจะนึกเลยว่านอกจากโดนลวนลามแล้ว เพื่อนสนิทเขาต้องใช้ความอดทนในการรับมือความกวนตีนนี้ขนาดไหน
เจอทัพออกตัวมาแบบนี้เพ้นท์ก็หมดคำจะพูด ถ้าให้เลือกคงนั่งเงียบไปเรื่อยๆ หรือไม่ก็หนีขึ้นห้องเรียนไปเลย แต่ไม่ใช่กับเอฟที่ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง และถ้าให้เขาเดา...อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องนั้น
"ลองถามมันดีมั้ยวะ"
"ไม่" เพ้นท์ตอบปฏิเสธคำเพื่อนทันทีแบบไม่ต้องคิด มองตาก็รู้แล้วว่าเอฟอยากพูดเรื่องถ่ายแบบคู่ ซึ่งเขาไม่มีทางเห็นด้วยแน่นอน
"มันอาจจะโอเคจะก็ได้นะมึง"
เพ้นท์ส่ายหน้ารัว เขาไม่มีทางยอมให้ทัพมาถ่ายแบบคู่ด้วยเด็ดขาด ไม่ต้องถึงขั้นชวนทัพก็ได้ เพราะเขาจะไม่มีทางยอมถ่ายแบบคู่กับใครหน้าไหนทั้งนั้น
"พวกมึงมีอะไรจะถามกูหรือเปล่า"
"ไม่"
"มี"
"สรุปมีหรือไม่มี" ทัพมองเพ้นท์กับเอฟสลับกัน คนหนึ่งส่ายหน้ารัวๆ ส่วนอีกคนก็ทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ใครจะไปห้ามไม่ให้เอฟพูดได้ถ้าไม่ปิดปากเอาไว้
"มี กูอยากชวนมึงมาถ่ายแบบคู่กับไอ้เพ้นท์ เงินดีนะ สนใจมั้ย"
"ไอ้เอฟ!"
"ถ่ายแบบโป๊อ่ะนะ"
"โหยมึง อย่าพูดแบบนั้น"
"พวกมึงหยุด!"
"แล้วมันต้องถอดหมดมั้ยวะ"
"ก็แล้วแต่คอนเซ็ปต์ ถ้ามึงตกลงจะได้เริ่มคิดว่าจะเอายังไง"
"พวกเหี้ยเอ้ย! ฟังกูก่อน!"
"น่าสน"
"ถ่ายคู่กับไอ้เพ้นท์นี่แหละ ธีมคู่รัก อาจจะมีนัวเนียกันนิดหน่อย"
"โว้ยยยย!"
"โอเค กูตกลง"
"เอาจริงดิ!"
"หยุด!"
"จริง"
"ดีมากเพื่อน"
ทัพกับเอฟลุกขึ้นยืนจับมือกันโดยไม่สนใจคำคัดค้านของเพ้นท์แต่อย่างใด คนเสียงข้างน้อยเลยได้แต่อ้าปากพะงาบๆ อยากทุบหัวไอ้เพื่อนสองคนนี้ให้เบะ แต่ตอนนี้เขาอยากร้องไห้มากกว่า
ทำอะไรช่วยถามความเห็นจากเพื่อนหน่อย
"ตกลงตามนี้นะมึง" สรุปไปแล้วเอฟถึงได้หันมาถามเพ้นท์แบบมัดมือชก แล้วก็ได้ความเงียบกับสีหน้าถมึงทึงเป็นคำตอบกลับมา
"ถ่ายกับกูไม่เป็นอะไรหรอก" คำปลอบใจจากทัพเหมือนคำทำร้ายจิตใจมากกว่า เพ้นท์รู้สึกหมดแรงอีกครั้ง อยากละลายหายไปจากตรงนี้
"กูอยากร้องไห้"
"ร้องเลย เดี๋ยวกูกอดปลอบเอง"
"มึงไปไกลๆ ตีนกูเลยทัพ"
"แค่นี้ไล่"
"ไล่แล้วมึงเคยไปมั้ยล่ะ"
"ไปตอนนี้เดี๋ยวก็กลับไปเจอที่ห้องอยู่ดี"
เพ้นท์หมดปัญญาจะเถียง อยากจะทำอะไรก็เรื่องของพวกมันเลยแล้วกัน
"เออทัพ เดี๋ยวพวกกูต้องไปเรียนแล้ว ยังไงจะติดต่อไปคุยรายละเอียดอีกที" เอฟบอก
"กูอ่ะยังไงก็ได้ คุยกับเพื่อนมึงให้ยินยอมก่อนแล้วกัน กูพร้อมเสมอ"
"โอเค ไปมึง" ตอบรับทัพแล้วเอฟก็กวักมือเรียกเพ้นท์ที่ยังเอาแต่ปั้นหน้าบึ้งไม่หาย ก่อนทั้งคู่จะเดินขึ้นตึกไปด้วยกัน
เอฟรู้ว่าคนอย่างเพ้นท์นั้นคุยไม่ยาก ไม่อย่างนั้นไอ้การถ่ายรูปเพื่อนแก้ผ้าเล่นๆ จะเกินเลยมาถึงขั้นนี้ได้ยังไง เพื่อนเขามันก็แค่เล่นตัวให้พอเป็นพิธี ยิ่งคนที่ถ่ายคู่เป็นทัพด้วยแล้ว ร้อยทั้งร้อยยังไงมันก็ยอมถ่าย
อาจารย์เอฟฟันธง
มิ้มเป็นคนติดห้อง ไม่ชอบการสังสรรค์ ไม่ชอบเที่ยว แต่ก็ไม่ถึงกับสันโดษจนไม่ยอมออกไปไหนกับใคร ทุกวันหลังเลิกเรียนหากไม่มีธุระต้องไปไหนต่อเขาจะกลับมาที่คอนโด ใช้เวลาอยู่ในห้องทั้งวัน ดูหนัง เล่นเกม หรือไม่ก็ทำอาหารกินเอง เป็นคนที่มีนิสัยต่างกันสุดขั้วกับไอทีที่ติดเที่ยวเล่นมากกว่า แต่มันไม่ได้ส่งผลกับการใช้ชีวิตของเขาสองคนนักเมื่อต่างฝ่ายต่างปรับตัวเข้าหากันได้
ทุกอย่างอยู่ที่ความเข้าใจ
กระเป๋าถูกโยนทิ้งไว้ข้างโซฟาก่อนเจ้าของห้องตัวเล็กจะทิ้งตัวลงนอน มิ้มหยิบมือถือขึ้นมากดเล่น แชตที่แฟนหนุ่มส่งมายังค้างอยู่หน้าจอเพราะเขาไม่ชอบเล่นโทรศัพท์ระหว่างเดินทาง เลยเก็บไว้รอตอบตอนถึงห้องทีเดียว
รูปเซลฟี่ของแฟนหนุ่มถูกส่งมาให้อีกตามเคย เป็นวิธีรายงานตัวแบบที่มิ้มไม่ได้ขอแต่อีกฝ่ายเต็มใจทำให้ มีหลายครั้งที่โดนขอให้ถ่ายรูปตัวเองส่งไปบ้าง แต่เพราะเป็นคนขี้อายแถมยังไม่ชอบถ่ายรูปเลยมักปฏิเสธเสมอ จนสุดท้ายไอทีเลิกขอไปเอง
Mim : ถึงห้องแล้วนะ ว่าจะดูหนัง ขอยืมคอมฯ หน่อย
หลังจากมิ้มตอบกลับไปข้อความก็ขึ้นว่าถูกอ่านแทบจะทันที พร้อมกับการตอบกลับที่ยังรวดเร็วเหมือนเดิม
IT : โอเคครับ เลิกเรียนแล้วจะทักไปหานะ
สติ๊กเกอร์น่ารักๆ ถูกส่งไปแทนประโยคตอบรับ มิ้มรู้ว่าตอนนี้ไอทีกำลังเรียนอยู่เลยไม่อยากกวน แม้อีกคนจะละความสนใจจากอาจารย์เพื่อตอบเขาด้วยความเร็วสูงก็ตาม
โทรศัพท์มือถือถูกวางทิ้งไว้บนโซฟาเมื่อเจ้าของห้องตัวเล็กลุกเดินไปที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ มิ้มเห็นว่าเครื่องเปิดทิ้งไว้เลยลองขยับเม้าส์แล้วกดเข้าใช้งาน คาดว่าไอทีคงลืมปิดก่อนออกจากห้อง
เมื่อเข้าสู่หน้าจอโฟลเดอร์ที่เปิดค้างไว้ก็โชว์ให้เห็น ในนั้นมีภาพของใครบางคนที่ถูกถ่ายโดยไม่เห็นหน้าตา เป็นภาพโคลสอัพเห็นเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายกับฉากหลังที่น่าจะเป็นเตียงนอน มิ้มไม่รู้และเดาไม่ออกว่าคนในภาพเหล่านี้คือใครและมันถูกถ่ายที่ไหน แต่ในเมื่อมันอยู่ในคอมพิวเตอร์ของไอที แล้วใครจะเป็นเจ้าของไปได้อีกถ้าไม่ใช่แฟนเขา
ความอยากดูหนังหายไปจนหมดสิ้นเมื่อความสงสัยเข้ามาแทนที่ มิ้มไล่ดูทุกรูปในอัลบั้มที่มีที่ชื่อว่า Morning Babe ทุกรูปมีรูปแบบคล้ายกันคือเห็นแค่อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งที่โผล่พ้นร่มผ้าออกมา สีรูปเป็นโทนสว่าง มองแล้วให้ความรู้สึกคุ้นเคยและหงุดหงิดขึ้นมาพร้อมๆ กัน เขาเองเพิ่งจะรู้ว่าไอทีรับงานถ่ายรูปแบบนี้ด้วย
เพราะไม่อยากดูต่อให้ขุ่นเคืองใจไปมากกว่านี้มิ้มเลยกดปิดหน้าจอ ลุกเดินเข้าห้องนอนแล้วทิ้งตัวลงคว้าผ้าห่มมากอด อยากหลับตานอนแล้วลืมทุกอย่างที่บังเอิญไปเห็นจนทำให้วุ่นวายใจอยู่แบบนี้
ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงโกหก มิ้มไม่ได้โกรธ แต่พอรู้ว่าไอทีต้องไปถ่ายรูปใครก็ไม่รู้โดยไม่บอกเขามันก็อดหงุดหงิดไม่ได้อยู่ดี
TBC
คนกวนประสาท บอกชอบแล้วเค้าไม่เชื่อก็ยังจะกวนต่ออ่ะเนอะ
แล้วจะได้ถ่ายคู่มั้ย จะได้ถ่ายหรือเปล่า~
ดีใจมากๆ เลย เป็นเรื่องแรกที่คนอ่านเยอะขนาดนี้
อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้า เราก็จะไม่ทิ้งทุกคนเหมือนกัน
เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า