=END= ღ นิติผูกพัน ღ -นิติผูกพัน- 25/03/2562 UP!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: =END= ღ นิติผูกพัน ღ -นิติผูกพัน- 25/03/2562 UP!!  (อ่าน 20658 ครั้ง)

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




ღ นิติผูกพัน ღ

เมื่อผมต้องมาเป็นพี่ติวให้กับไอ้เด็กปีหนึ่งทั้งที่ตัวเองยังเอาตัวไม่ค่อยรอด แล้วนี่พวกมึงคิดว่ากูจะพาไอ้เด็กนี่มันรอดหรือไงวะ ฉิบหาย!!




เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่ยีนส์เพื่อนพี่คินที่มาจากเรื่อง เขาว่ากันว่า...
ถึงไม่เคยอ่านเรื่องนี้ก็อ่านรู้เรื่องแน่นอนค่ะ





ติดแท็ก #นิติผูกพัน ได้นะค้าา
ฝากติดตามด้วยค่าา
ช่องทางติดต่อข่าวสารนิยายติดตามได้ทาง
Twitter

:teach:


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-03-2019 16:43:01 โดย ฟองดูว์ »

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
Re: ღ นิติผูกพัน ღ 03/06/2561 UP!
«ตอบ #1 เมื่อ03-06-2018 21:29:23 »


จุดเริ่มต้นของความผูกพัน



“ไอ้ห่าคิน ถ้ามึงจะมานั่งสวีทกับไอ้ทาวน์ให้พวกกูอิจฉาเล่นคราวหลังก็ไม่ต้อง จรัมม!” ผมบ่นไอ้เพื่อนสารเลวที่แม่งมีแฟนเด็กเข้าหน่อยก็เอามาอวดแม่งทุกวันอ่ะ จะอวดอะไรขนาดนั้นวะนี่ก็ขึ้นปีสามแล้วมันก็ยังไม่เลิกเอาแฟนมันมาอวดที่คณะสักที



“ไม่มีก็หุบปากไป”



ดูมันครับดูมันพูดกับเพื่อนผู้แสนจะอ่อนไหวและอ่อนโยนอย่างผม เลี้ยงเสียโซดาฟรีจริงๆโว้ยย!



“อย่าให้กูมีบ้างนะมึง!” ผมพูดอย่างหมายมั่น ถ้ามีบ้างผมนี่จะเอามาอวดเช้าสายบ่ายเย็น จะอวดจนพวกมึงเบื่อแล้วกูก็จะอวดจนกว่าพวกมึงจะร้องขอชีวิตอ่ะกูพูดเลยครับ



“ไอ้ยีนส์มึงก็อิจฉาอะไรเพื่อนขนาดนั้นวะ?”



ผมหันไปมองไอ้เป๋าคนพูดที่ตอนนี้นั่งแทะเมล็ดทานตะวันอยู่ข้างๆไอ้ไฟที่ทำหน้านิ่งแทบตลอดเวลา บางทีก็อยากถามมันว่าเมื่อยหน้าบ้างหรือเปล่าเพื่อนรักแต่ถ้าถามไปก็รู้ดีว่าจะโดนมันตวัดสายตาเชือดเฉือนมามองเลยเลือกที่จะหุบปากแล้วเก็บความสงสัยไว้ในใจคนเดียวดีกว่า



“กูไม่ได้อิจฉา กูแค่หมั่นไส้ไอ้ห่าเอ๊ย! มึงก็อีกคนว่างนักหรือไงวะถึงได้มานั่งออเซาะไอ้คินมันถึงคณะเนี่ย” หันไปว่าแฟนเด็กของไอ้คินมันบ้าง ไอ้ห่านี่ก็อีกคน ทำเป็นโวยวายเวลาไอ้คินมันหยอด โถ่เอ๊ย! กูนี่เห็นหรอกว่าหน้ามึงแดงฉิบหายเลยไอ้ทาวน์



“อะไรวะพี่ยีนส์ ก็เพื่อนพี่แม่งลากผมมาเองนี่หว่า”



“แล้วมึงก็ยอม?”



“ถึงไม่ยอมก็โดนบังคับมาอยู่ดีอ่ะ” มันว่าหน้าบึ้งซึ่งแม่งไอ้ทาวน์นี่พอได้กับไอ้คินปุ๊บความน่ารักก็แผ่กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ จนบางทีผมก็แอบเคลิ้มอยู่เหมือนกัน อย่างเช่นตอนนี้เป็นต้น...



ผั่วะ!



“ห้ามมอง!” แล้วพ่อมันก็โคตรหวงฉิบหายเลยครับ



“เออๆ แรงควายฉิบ!” ทำได้เพียงเยียวยาอาการบาดเจ็บของตัวเองโดยการลูบหัวตัวเองป้อยๆ



“แล้วนี่เฮียเตอร์กับพี่หมอกไปไหนอ่ะครับ” ไอ้ทาวน์มันถามพวกผม ตั้งแต่มันมาถึงมันคงยังไม่เห็นไอ้เฮียเตอร์ของมันเลยน่ะครับ



“ไปขี้กับไอ้หมอก” ไอ้เป๋าที่ทดลองเป็นหนูแฮมเตอร์เป็นคนตอบไอ้ทาวน์



เด็กมันก็พยักหน้ารับรู้จากนั้นก็หันไปงุ้งงิ้งกับไอ้คินต่อ แล้วนี่คือทำไมผมต้องมานั่งมองพวกมันด้วยครับ ห่า!



หันหน้าหนีจากไอ้คู่รักแล้วก็ต้องมาเจอไอ้เป๋าแทะเมล็ดทานตะวันและไอ้ไฟที่นั่งหน้านิ่งไม่หือไม่อือ คือจะหันไปทางไหนก็เหมือนเจอแต่ทางตันไปหมดเลยอ่ะครับ โทษที...



“พวกมึงรู้หรือยังว่าวันนี้ทำไมไอ้ประธานคณะถึงได้นัดพวกเรามา” ก็ตัดสินใจถามคำถามพวกมันจะได้หันกลับมาสนใจคุยกับผมต่อ



“อยากรู้ก็ไปถามมันสิวะ กูจะไปรู้กับมันเรอะ!”



“ไอ้สัดเป๋า กูก็ถามเผื่อพวกมึงรู้ไง”



“มึงดูด้วยครับ ว่าเพื่อนมึงแต่ละคนสนใจโลกซะที่ไหน”



เออใช่...ผมลืมไปเลยว่าเพื่อนของผมและรวมไปถึงผมด้วยแม่งไม่เคยสนใจห่าเหวอะไรกันเลยสักคน...



“ถึงเวลาก็รู้เอง”



นี่ก็คือคำพูดปิดท้ายของไอ้คินที่ทำเอาผมไม่เปิดปากพูดหรือถามอะไรพวกมันอีกเลย



เวร…



เหมือนอย่างที่ไอ้คินมันได้พูดไว้ว่าถึงเวลาก็รู้เอง ตอนที่ไอ้ประธานคณะมันเดินเข้ามาแล้วพูดว่า



“วันนี้ที่นัดมาก็ไม่มีอะไรมากแค่จะให้จับฉลากเอาชื่อน้องติว”



อ่า...พวกคุณคงสงสัยว่าน้องติวคืออะไร



น้องติวก็คือน้องปีหนึ่งหน้าใสที่พวกเราชาวปีสามต้องคอยติวเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเรียนที่น้องปีหนึ่งไม่เข้าใจและช่วยดูแลน้องเวลาสอบซึ่งผมอยากจะคัดค้านระบบนี้ฉิบหาย คือกูก็แทบจะเอาตัวไม่รอดแล้วป่ะครับ อะไรคือต้องมีน้องติวมาเป็นภาระของตัวเองอีกวะ



“และจะมีสิบคนที่ไม่ได้น้องไปนะ เพราะปีนี้น้องน้อยกว่าปีพวกเรา ฉะนั้นคนที่หยิบได้กระดาษเปล่าก็คือไม่ได้น้องนะ”



พอไอ้ประธานคณะมันพูดจบผมก็ได้แต่ภาวนาให้ตัวเองหยิบได้กระดาษที่ไม่มีรายชื่อจะได้ไม่ต้องมีน้องตงน้องติวให้มาเป็นภาระอะไรให้กับตัวเองอีก



“มึงเห็นน้องปีนี้กันหรือยังวะ?” ไอ้เป๋าหันมาถามผมที่ยืนรอหยิบกระดาษรายชื่อน้องอยู่ข้างหลังมัน



“เห็นแล้ว”



“เป็นไง?”



“ก็ดี”



ก็ดีในที่นี้ก็คือจำนวนมันน้อยก็ดี กูจะได้มีความเสี่ยงน้อยลงในการเป็นพี่ติวให้กับเด็กปีหนึ่งมัน



“หรอวะ?”



“เออ”



พอถึงคิวไอ้เป๋าหยิบมันก็สวดท่องอะไรของมันไป เป่ามนตร์อีกสามรอบและกว่าจะไปได้คือเพื่อนแทบยกตัวมันออกจากตรงนั้น เป็นห่าอะไรพอได้ชื่อมาแล้วอึ้งอย่างกับเปิดประตูไปเจอไอ้เตอร์ขี้อะไรอย่างนั้น



“ขอให้ไม่ได้ๆๆ” ผมพึมพำเหมือนลุ้นจับใบดำใบแดงแต่นี่จับรายชื่อน้องติว ภาวนาว่ากระดาษเปล่าๆ จนไอ้คนถือกล่องมันมองตาขวางแต่ผมก็ไม่สนใจ สุดท้ายก็ได้กระดาษติดมือมาอันหนึ่ง คิดว่านี่ล่ะใบนำโชคของกู ก็จะคล้ายสิงโต นำโชคหน่อยๆ



อ่ะโทษที...



หยิบมาได้ก็ต้องเปิดเลยเพราะต้องเขียนชื่อตัวเองใส่ในใบรายชื่อของน้องอีกทีจะได้รู้ว่านี่นะคือพี่ติวและน้องติวเวลาให้คำใบ้กับน้องจะได้เอาไปให้ถูกชื่อ



ผมแง้มๆกระดาษออก ไอ้คนเขียนใบรายชื่อนี่ก็กดดันกูจัง จะจ้องอะไรขนาดนั้นครับ รู้ตัวครับว่าตัวเองหล่อแต่ไม่ต้องมองขนาดนั้นก็ได้เนอะ



แง้มๆดูก็ยังมีแต่พื้นที่สีขาว เกือบจะโล่งใจแล้วว่าจะได้กระดาษเปล่าถ้าไม่เห็นหมึกสีดำโผล่ออกมา



ไอ้ฉิบหาย!



อยากจะปากระดาษทิ้งลงบนพื้นแล้วบดขยี้ให้แหลกสลายลงไปกับรองเท้าราคาห้าพันของตัวเองแต่ก็ข่มใจไว้มาลุ้นต่อถ้าหากได้ผู้หญิงก็คือยังดีไปแต่ถ้าผู้ชา..ย



“เจ้าจอม!”



เหี้ยเอ๊ย! มีผู้หญิงที่ไหนบ้างวะครับที่ชื่อเจ้าจอม ใครก็ได้ช่วยบอกผมที ฮรึก!



โทษที...



TBC....

ติดแท็ก #นิติผูกพัน ได้นะค้าา

ฝากติดตามด้วยค่าา


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอการปะหน้ากัน  :katai3:

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
เปิดมาน่าติดตามผุดๆ

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3

ไอ้เด็กนั่นชื่อเจ้าจอม



อกหักรักคุดยังไม่เจ็บเท่ากับการที่ต้องรู้ว่าตัวเองได้น้องติว ใช่ครับผมได้น้องติวแถมยังได้น้องติวเป็นผู้ชาย โอ๊ย! นี่คือจะภาวนาขอพรอะไรก็ดวงไม่ขึ้นจริงๆใช่มั้ยวะ



“ไอ้เชี่ยยีนส์แค่ได้น้องติวทำท่าจะเป็นจะตายไปได้”



แหมไอ้เตอร์ มึงไม่ได้น้องติวนี่มึงก็พูดได้ไง ไอ้สลัด! แล้วคือที่เจ็บใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือกลุ่มของผมทุกคนไม่มีใครได้น้องติวกันเลยสักคน ยกเว้นผมนี่ เป็นกูนี่ต้องมารับกรรมอยู่คนเดียว โธ่เว้ย!



ไอ้เป๋าพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้เตอร์มันแรงๆแล้วพูดเสริม “เออจริง เผลอๆได้น้องน่ารักเหมือนไอ้ทาวน์เนี่ยแจ๊คพ็อตไปอีก”



“อันนี้กูเห็นด้วยอีกเสียง” ไอ้คุณชายหมอกก็พยักหน้าหงึกหงักตามไปด้วย



“สัดไม่ต้องมายุ่งกับคนของกู” ไอ้คินนี่มันใช่เวลามาหวงมั้ย ถามจริง?



“หวงจริงเลยสัด” ผมบ่นมุบมิบไม่ให้มันได้ยินเดี๋ยวจะโดนมันด่าอีก คือพูดก็พูดเลยว่าผมยังไม่หายหมั่นไส้มันถึงแม้วันนี้มันจะไม่ได้เอาไอ้ทาวน์มานั่งทำตาแป๋วอยู่ด้วยก็ตาม



ถ้าถามว่าใครยังไม่ได้พูด ก็นั่นแหละครับไอ้ไฟคนเดิมเพิ่มเติมคือตอนนี้มันฟุบหลับอยู่เลยไม่ได้มาพูดโต้เถียงกับพวกผมแต่เอาจริงๆมั้ย ถึงมันจะไม่หลับมันก็นั่งนิ่งๆเฉยๆของมันอยู่ดีอ่ะครับ



“แล้วคืออะไรที่กูต้องมาได้น้องติวคนเดียววะ พวกมึงแม่งดวงดีฉิบหาย!”



พอได้ยินประโยคของผม พวกมันก็ทำหน้าทำตาแตกต่างกันไป ไอ้ห่าเป๋านี่พูดขึ้นมาคนแรกเลย



“คนดีก็เงี้ย” คือมึงด่ากูว่าชั่วไปเลยก็ได้ป่ะเป๋า ไม่ต้องมาพูดว่ามึงเป็นคนดงคนดีอะไร ไม่ใช่ความจริงเลยห่า!



“เวรกรรมมึงเยอะไง” ไอ้เตอร์นี่แม่งกูจะไปลอบวางเพลิงร้านสเต็กมึงคอยดู



“ทำใจเถอะ” มานิ่งๆสไตล์ไอ้หมอกแต่ถ้าจะดีกว่านี้ขอร้องเถอะว่ามึงอย่าแสยะยิ้มให้กูแบบนั้น สาดด!



“สม!” สั้นสุดและเจ็บสุดไม่ใช่ใครที่ไหนไอ้ห่าคินนั่นเองครับ



ส่วนไอ้ไฟคนสุดท้าย อย่างที่รู้กันว่าตอนนี้มันหลับอยู่ ก็...ปล่อยมันไปเถอะครับ



“กูว่ากูต้องไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ล้างซวยบ้างแล้วจริงๆ” ผมบ่นให้พวกมันฟังอย่างหัวเสีย



“มันก็ไม่เห็นจะร้ายแรงอะไรขนาดนั้นนี่หว่า แค่มีน้องติวเอง มึงก็ถือซะว่าเป็นการติวและได้ทบทวนบทเรียนกับน้องด้วยไง ดีออก”



มึงก็พูดได้สิเป๋า ฮรุก!



“กูก็ว่าดีนะ น้องๆปีนี้ก็ดูโอเคกว่าปีก่อนๆด้วย พวกปีสองสามสี่ก็ชมกันเยอะอยู่ว่าปีนี้น้องน่ารักว่าง่ายซะอีก มึงอย่าพึ่งคิดมากดิวะ ยังไม่ได้เจอน้องเลยด้วยซ้ำ” ไอ้หมอกพูดกล่อมประสาทผม



คือไอ้หมอกนี่เป็นคนที่พูดกับใคร คนๆนั้นก็จะคล้อยตามมันไปหมด และผมก็เป็นอีกคนที่คล้อยตามคำพูดของมันทุกที....



“เออเอาวะ แม่ง! ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตก็แล้วกัน”



ถึงจะดูเหมือนยอมรับชะตากรรมของตัวเองได้แล้วแต่เมื่อถึงเวลาต้องแอบมาซุ่มดูตอนน้องได้คำใบ้พี่ติว ผม...ก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้เลย



“นี่กูลุ้นยิ่งกว่าผลบอลซะอีก” หันไปพูดกับไอ้เป๋าที่ผมชวนมันมาเป็นเพื่อนเพราะคนอื่นๆได้ทำการหนีหายตายจากผมตั้งแต่เลิกเรียนแล้ว ส่วนไอ้ห่าเป๋านี่มันหนีไม่ทันก็เลยต้องโดนผมลากมาด้วยความไม่สมยอม




“น้องๆปีนี้น่ารักทั้งนั้นเลยว่ะ” มันพูดประโยคนี้กับผมเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้



ตอนนี้พวกเราอยู่กันที่ลานกิจกรรม มีเด็กปีสามอย่างพวกผมยืนออกันอยู่ข้างหลังแถวของน้องๆโดยมีเด็กปีสองยืนอยู่ข้างหน้าแถวน้องเพื่อจะแจกคำใบ้ให้กับพวกเด็กๆปีหนึ่ง



“เอาล่ะครับ น้องๆก็ได้รู้กันไปแล้วนะครับว่าทำไมเราถึงต้องมีพี่ติว ตอนนี้ยังมีใครสงสัยอะไรอีกมั้ย?” ไอ้เก๋าหัวหน้าฝ่ายกิจกรรมของปีสองบอกกับน้องๆที่นั่งทำหน้าสลอนไม่มีใครหือใครอือกับมันสักคน เหมือนพวกมันเป็นหุ่นยนตร์อ่ะครับ โทษที...



“ถ้าน้องๆสงสัยก็ถามได้เลยนะคะ” สาลี่สาวลูกครึ่งหรือก็คือพี่สันของปีสองบอกเสริมไอ้เก๋ามันอีก



ผมมองไอ้พวกเด็กๆปีหนึ่งจากข้างหลังก็ยังรู้เลยครับว่าพวกมันอยากกลับห้องไปนอนกันฉิบหายแล้วแต่ติดที่พวกแม่งไม่ยอมปล่อยพวกมันสักที ก็เลยได้แต่นั่งทำตาแป๋วมองพวกปีสองที่ยืนอยู่ข้างหน้านั่นแหละ



“งั้นถ้าไม่ใครสงสั..ย”



“ขออนุญาตครับ!”




ขวับ!



ทุกคนแทบจะหันไปมองเจ้าของเสียงขออนุญาตนั่นพร้อมกัน ผมกับไอ้เป๋าก็เป็นบุคคลเหล่านั้นเช่นกัน เมื่อกี้หันแรงจนคอผมแทบเคล็ดแล้วก็ต้องมาอึ้งกับไอ้หน้าหล่อที่ฉีกยิ้มกว้างส่งมอบให้กับทุกคนอย่างทั่วถึงอีก เหมือนมันนึกว่าตัวเองเป็นดาราดังอ่ะครับ โทษที...



มาสายยังจะมีหน้ามายิ้มอีกไอ้เด็กห่า!



“ขอโทษที่มาสายครับพี่” แล้วมันก็ยกมือไหว้ไปทั่วทุกสารทิศ คิดว่ามึงมาหาเสียงเลือกตั้งหรือไงวะไอ้เด็กนี่



“อ่า...ไม่เป็นไรครับ มาๆนั่งต่อแถวเพื่อนรอรับคำใบ้เลยครับ” ไอ้เก๋ามันก็กวักมือเรียกน้องยิกๆ ไอ้เด็กนั่นก็ทำตามอย่างว่าง่ายแต่ไม่วายโปรยยิ้มใส่ทุกคนอีก  พอเด็กนั่นมันนั่งลงเรียบร้อยแล้วไอ้เก๋าที่เหมือนจะเลิกสนใจไอ้เด็กนี่ก็พูดเสียงดังเหมือนพึ่งนึกได้ว่าต้องบอกอะไรกับไอ้เด็กนี่ก่อน “อ้อ! น้องอาจจะงงว่าทำไมต้องมารับคำใบ้ และมันคือคำใบ้ของอะไร พี่จะอธิบายให้ฟังครับคือพวกพี่จะให้น้องๆรับคำใบ้ของพี่ติวไป พี่ติวก็จะคล้ายๆติวเตอร์มาช่วยสอนช่วยเสริมในส่วนที่น้องไม่เข้าใจอะไรประมาณนั้นนั่นแหละครับ น้องเข้าใจมั้ยเอ่ย?”



“เข้าใจครับ” โอ้โห! ไอ้เด็กนี่ดูท่ามันจะยิ้มเก่งนะครับ ยิ้มแบบที่ยิ้มจริงๆนะไม่ใช่ยิ้มที่หมายถึงอย่างอื่น



“ครับ ในเมื่อทุกคนเข้าใจตรงกันแล้ว พี่ก็จะเรียกชื่อให้น้องๆมารับคำใบ้พี่ติวไปนะครับ”



“คร้าบบบ/ค่าาาา”



เสียงตอบรับยานขนาดนี้สงสัยพวกเด็กปีหนึ่งมันจะเริ่มง่วงกันแล้วมั้งครับ



“คนแรกครับ น้อง...น้องปลายคลื่นครับ”



เด็กคนแรกมันก็เดินเท่ห์ๆออกไป เป็นเด็กผู้ชายตัดผมทรงสกินเฮดแถมไถข้างเป็นรูปอะไรสักอย่างนี่แหละซึ่งผมงงมากว่ามันผ่านด่านไอ้พวกพี่ระเบียบไปได้ยังไง นอกจากมันจะไม่เข้ากิจกรรมอ่ะนะ



ผมมองเด็กสกินเฮดมันรับคำใบ้แล้วก็ยกมือขึ้นมาเกาหัวที่มีผมน้อยๆของมันอยู่นานสองนาน แล้วคือหน้าแม่งดูจะงงฉิบหายเลยครับ ขนาดมันกลับมานั่งที่ของตัวเองแล้วยังจ้องกระดาษด้วยหน้างงๆของมันอยู่เลย



พอไอ้เด็กคนแรกมันไปนั่งที่ ไอ้เก๋าก็เริ่มเรียกคนที่สองสามสี่และเรียกมาเรื่อยๆจนตอนนี้น้องที่ได้รับคำใบ้มาก็เริ่มนั่งเล่นโทรศัพท์ นั่งคุยกันไปแล้วครับและบางคนคือหลับไปแล้วด้วย เนี่ยตรงหน้าผมเลยไอ้เด็กแว่นเนี่ยหลับน้ำลายไหลพิงหลังเพื่อนมันไปแล้วล่ะครับ



“คนต่อไป...น้องเข็มทิศครับ” เจ้าของชื่อเข็มทิศลุกขึ้นเงียบๆไม่หือไม่อืออะไร มันเดินหน้านิ่งๆเข้าไปหาไอ้เก๋าคือหน้าแม่งพร้อมบวกได้ตลอดเวลาอ่ะครับ ท่าทางมันคุ้นๆว่าจะเหมือนเพื่อนในกลุ่มของผมอย่างไอ้คินกับไอ้ไฟเลย หรือนี่อาจจะเป็นทายาทหน้านิ่งคนต่อไปของพวกมันวะ โทษที...



แล้วคือรอมานานชาติเศษผมก็ยังคงไม่ได้ยินชื่อน้องติวของตัวเองอย่างไอ้ชื่อ...



“น้องเจ้าจอมครับ”



ใช่ครับไอ้เจ้าจอม ไอ้เหี้ย! น้องติวกูนี่หว่า!



“มึงๆนั่นชื่อน้องติวมึงป่ะวะ?” ไอ้เป๋าที่ยืนอยู่ข้างๆมันสะกิดผมยิกๆตอนที่ไอ้หัวหน้าฝ่ายกิจกรรมปีสองอย่างไอ้เก๋ามันพูดชื่อขึ้น



“เออ ไอ้เหี้ยกูตื่นเต้น”



คือก็ไม่รู้ว่าตัวเองตื่นเต้นอะไรแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นฉิบหายตอนได้ยินชื่อเด็กนั่น ถึงจะไม่ใช่ผู้หญิงแต่ก็ขอให้น่ารักเหมือนอย่างไอ้ทาวน์ก็ได้วะ!



ผมก็ว่าไอ้เก๋ามันเรียกชื่อเสียงดังฟังชัดมากแล้วนะครับแต่ไอ้เจ้าของชื่อที่ชื่อเจ้าจอมก็ยังไม่โผล่หัวของมันมาให้ทุกคนยลโฉมสักทีหรือว่ามันจะไม่มาวะ



โธ่! แล้วที่กูเสียเวลามารอดูหน้ามึงคือไร๊? เสียเวลาเปล่างี้หรอวะ




“เฮลโหลวๆ น้องเจ้าจอมอยู่มั้ยครับ” มันเรียกเป็นครั้งที่สองไอ้เด็กที่ชื่อเจ้าจอมก็ยังไม่แสดงตัวออกมาสักที “ใครชื่อเจ้าจอมเอ่ยย...ถ้าไม่มีงั้นพี่....”



“เดี๋ยวพี่ๆไอ้นี่มันชื่อเจ้าจอมครับ”แล้วไอ้เด็กหัวสกินเฮดก็สะกิดเจ้าของชื่อเจ้าจอมมันยิกๆ



ผมหันไปมองก็ต้องตะลึง ไอ้ห่าเจ้าจอม ไอ้เหี้ย! กูขอลาออกจากการเป็นกูหน่อยครับ โทษที...



“ไอ้สัดเจ้าจอมมึงลุกขึ้นได้ละ ใช่เวลามาเต๊าะหญิงมั้ยสาดดดด” แล้วน้องหัวทรงสกินเฮดมันก็ลากเสียงยาวใส่ไอ้เด็กชื่อเจ้าจอมที่นั่งข้างมันและมันสองคนก็คงจะเป็นเพื่อนกัน



“ขอโทษทีครับพี่ ผมชื่อเจ้าจอมเองครับ”



ไอ้เหี้ยเจ้าจอมมึงควรสำนึกมั้ยว่าเวลานี้มึงไม่ควรจะหันไปยิ้มให้หญิงที่มึงพึ่งเต๊าะไป คือมึงต้องลุกขึ้นแล้วเดินไปรับคำใบ้ของกูต่างหากล่ะสัด!



“อ่า...นั่นสินะน้องติวของมึง”



เป๋าเพื่อนรัก ได้โปรดอย่าพูดย้ำเพื่อซ้ำเติมกู แค่ตอนที่กูหันไปเห็นเจ้าของชื่อเจ้าจอมก็แทบอยากจะร้องไห้กระซิกไปซบบ่าแม่กูที่บ้านแล้ว ฮรึก..



“หนะ...ไหนมึงบอกว่ามันจะน่ารักเหมือนไอ้ทาวน์วะ?” ผมพูดตะกุกตะกัก มองดูไอ้เด็กที่ชื่อเจ้าจอมเดินกลับมานั่งที่เดิมในแถวด้วยความช็อค



ไหนพวกเพื่อนเวรมันบอกว่าจะได้แบบน่ารักๆเหมือนไอ้ทาวน์วะ แล้วนี่อะไรมันคืออะไรที่ไอ้เด็กเจ้าจอมนี่มันแม่ง..



“ก็หล่อเกาหลีดีนะมึง”



ใช่ครับมันหล่อ แถมเวลายิ้มแล้วก็ยิ่งหล่อไปอีก ดูท่าทางแล้วไอ้เด็กนี่จะเฟรนลี่เข้าได้กับทุกเพศทุกวัยจริงๆ แค่ผมเห็นหน้ามันตอนนี้ก็เตรียมเหนื่อยไว้รอแล้วครับ



“ทำไมชีวิตกูมันถึงซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้วะ”



ผมยืนมองแผ่นหลังของไอ้เด็กที่ชื่อเจ้าจอม ไอ้เด็กที่มาสายและขอโทษด้วยการโปรยยิ้มให้ทุกคน ไอ้เด็กนั่นน่ะนะคือน้องติวของผม ว็อท!! น้องติวที่ผมต้องดูแลมันไปจนกว่าผมจะเรียนจบ น้องที่แม่งผมหวังให้เป็นยังไงก็ไม่เคยได้เป็นอย่างที่หวัง หวังให้เป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่ หวังจะให้เป็นผู้ชายน่ารักใสๆก็ไม่เชิงเพราะไอ้เด็กนี่ดันหน้าตาดีสไตล์เกาหลีพิมพ์นิยมแบบที่หลายคนชมชอบแล้วยิ่งไปกว่านั้นคือมันตัวพอๆกับผม ไอ้ที่หวังว่าจะได้ตัวเล็กน่ารักเวลาเดินก็ดุ๊กดิ๊กๆก็คือต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า



วงวาร!



แล้วผมก็ต้องมานั่งผิดหวังน้ำตาตกในกับไอ้เจ้าจอมเด็กยิ้มเก่งนี่อีก ยิ้มไปเลยมึงยิ้มจนทุกคนต้องร้องขอชีวิตมึงไปเลยไอ้น้องเต็มที่!



“น้องๆก็ได้รับคำใบ้ของตัวเองไปแล้วนะครับ เพื่อที่จะให้น้องๆหาพี่ติวได้ง่ายขึ้นพี่จะบอกใบ้ให้อีกอย่างหนึ่งคือพี่ติวที่ทุกคนได้ก็คือพี่ๆปีสามซึ่งตอนนี้พี่ๆเขาก็ยืนกันอยู่ข้างหลังของน้องครับ” ไอ้เก๋าพูดจบพวกเด็กปีหนึ่งมันก็หันขวับมามองพวกปีสามอย่างพวกผมที่ยืนกันอยู่



ผมสังเกตเด็กเจ้าจอมนั่นไอ้น้องติวของผม ไอ้ห่า! มึงช่วยสนใจหากูด้วยไม่ใช่ไปนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เต๊าะหญิงอยู่นั่นและเหมือนมันจะได้ยินคำที่ผมด่ามันในใจ ไอ้เด็กที่ชื่อเจ้าจอมมันก็หันหน้ามามองตามเพื่อนๆมัน ส่วนปากมันก็ยังคงทำหน้าที่ยิ้มได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง



มันไล่สายตาของมันไปเรื่อยและสุดท้ายสายตามันก็มาปะทะเข้ากับผม ผมทำเป็นเก๊กมองมันนิ่งๆไม่แสดงพิรุธอะไรให้มันได้รู้ว่าผมคือพี่ติวของมัน ไอ้เด็กนั่นมันก็ส่งยิ้มให้ผมแล้วละสายตาไปมองคนอื่นต่อ




“เอาล่ะครับ วันนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ สำหรับวันนี้ก็ขอบคุณน้องๆมากที่ให้ความร่วมมือและพี่ก็ขอให้น้องโชคดีในการหาพี่ติวของตัวเองนะครับ อ้อ พี่ให้เวลาแค่เพียงอาทิตย์เดียวนะครับ แล้วพี่จะนัดวันให้มาเจอกันที่นี่อีกที”



“ขอบคุณครับ/ค่ะ”



“ปีสองไม่มีอะไรแล้วนะครับ พี่ปีสามมีอะไรอยากจะพูดกับน้องมั้ยครับ” ไอ้เก๋ามันตะโกนจากข้างหน้ามาถามไอ้ประธานคณะปีสาม ไอ้นั่นมันก็ส่ายหัวตอบไปเป็นอันว่าไม่มีก็แยกย้ายกันได้ “โอเคครับ งั้นพี่ปล่อยน้องๆไปพักผ่อนกันตามอัธยาศัยได้เลยครับ”



แล้วพวกเด็กปีหนึ่งก็ลุกขึ้นพรึบพรับเหมือนพวกแม่งรีบอ่ะครับเพราะตอนนี้ลานกิจกรรมก็ไม่หลงเหลือเด็กปีหนึ่งมันสักคน



พวกเวรมึงจะรีบไปไหนกันวะ!






“ไงมึง เมื่อวานไปดูตัวน้องติวมาเป็นไงบ้างวะ?” ไอ้เตอร์มันถามพร้อมตักข้าวเข้าปากคำใหญ่



ตอนนี้พวกเราก็นั่งกันอยู่ที่โรงอาหารคณะไอ้ทาวน์มันครับเหตุผลเพราะไอ้คินมันกินข้าวไม่ลงเพราะคิดถึงแฟนเด็กของมัน พวกเราก็เลยต้องยกโขยงจากคณะตัวเองมาที่คณะของไอ้ทาวน์กัน



ผมยังยืนยันคำเดิมนะครับว่าผมนี่มันหมั่นไส้พวกมันฉิบหาย!



“ให้หน้ากูเป็นคำตอบ” ผมกรอกตาทำหน้าเอือมใส่ไอ้เตอร์ที่ถามคำถามที่นึกถึงทีไรก็ช้ำใจทุกที



“แสดงว่าดี”



“ดีพ่อง!



ถ้าไม่เกรงใจว่านี่โรงอาหารคณะอื่น ผมคงจับหัวไอ้เตอร์มาทุ่มลงจานข้าวมันแล้วล่ะครับ อะไรคือการที่กูทำหน้าอีกอย่างแล้วมันตีความไปอีกอย่างวะ



“มาๆถ้าอยากรู้กันนักเดี๋ยวกูจะเล่าให้พวกมึงฟังเอง” ไอ้เป๋าเป็นคนอาสาซึ่งก็ดีเพราะผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่



“เล่าเลยพี่เป๋านี่ผมรอฟังตั้งนานแล้วเนี่ย” ไอ้ทิมเพื่อนรักของไอ้ทาวน์มันเสร่อยื่นหน้าตัวเองเข้ามากลางวง ทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็นชัดเจนไม่มีการปิดบัง



นี่มึงขี้เสือกเหมือนที่ไอ้ทาวน์มันเคยเอามานินทาไว้จริงๆเลยไอ้ทิม



“ก็คืองี้อย่างที่พวกมึงรู้ว่าไอ้ห่านี่มันได้น้องติวใช่ม้ะแล้วทีนี้มันก็อยากได้ผู้หญิงแน่นอนว่าต้องไม่ได้อยู่แล้วเพราะมันดันหยิบได้กระดาษที่มีชื่อเขียนว่าเจ้าจอม”



“ชื่อเจ้าจอมก็อาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ป่าวพี่?” ไอ้ทาวน์ที่ถูกไอ้คินมันแอบหอมแก้มเมื่อกี้ก็ยื่นหน้ามาถาม



“ก็ได้แหละแต่คือมึงเจ้าจอมอ่ะใครๆเห็นก็ต้องไม่คิดว่าแป็นผู้หญิงแล้วป่ะ?”



“ก็จริงของพี่ งั้นพี่เป๋าเล่าต่อเลยครับ โอ๊ย! ไอ้พี่คินอย่ามาทำรุ่มร่ามได้มั้ยวะเดี๋ยวต่อยแม่ง!” ประโยคหลังมันก็หันไปด่าไอ้คินที่ลวมลามผิดเวล่ำเวลา ไม่สนใจอะไรนอกจากการได้ดมๆหอมๆแฟนเด็กของมัน



“เออแล้วเมื่อวานก็เป็นวันที่ต้องแจกคำใบ้เด็กปีหนึ่งมัน ไอ้ห่านี่มันก็เลยไปดูหน้าน้องติวของตัวเอง พอมันเห็นมันก็ทำท่าจะเป็นจะตายอีกรอบเลย”



“ทำไมวะ?” ไอ้คุณชายหมอกมันถามอย่างไม่เข้าใจ



“ก็ไอ้น้องเจ้าจอมนั่นมันดันหล่อฉิบหายไม่ตรงกับที่มันหวังไว้ว่าจะน่ารักเหมือนไอ้ทาวน์มันไง” แล้วไอ้เป๋าก็โดนท่านคินมองแรงใส่เมื่อมันดันไปพูดถึงแฟนเด็กของไอ้คินมัน



“ผมเนี่ยนะน่ารัก? โว้ย! พวกพี่เอาอะไรมองว่าผมน่ารักวะ?” ไอ้คนที่โดนชมว่าน่ารักมันก็โวยวายใหญ่



“มึงน่ารักก็ถูกแล้ว”



“ไม่ต้องเลยไอ้พี่คิน นี่พี่ไปพูดกรอกหูเพื่อนมาใช่มั้ยว่าผมน่ารักอ่ะ”



“กูไม่ได้พูด”



“ผมไม่เชื่อหรอก”



อ่า....ปล่อยไอ้คู่รักมันทะเลาะกันไปเถะครับ ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก เรากลับมาเข้าเรื่องของผมกันต่อดีกว่านะครับ



“นี่มึงจะหาน้องติวหรือจะหาเมียไอ้สัด” ไอ้เตอร์ได้ทีก็ด่าผมเลย



มึงไม่เข้าใจกูอ่ะเตอร์



“มึงเข้าใจป่ะ ถ้ากูได้น้องน่ารักๆตัวเล็กๆถึงจะเป็นผู้ชายมันก็พอทำให้กูกระชุ่มกระชวยได้บ้าง แล้วมึงดูไอ้เด็กเจ้าจอมที่กูได้แม่ง! ตรงข้ามแทบจะทุกอย่างเลย” พอได้พูดผมก็บ่นยาวเหยียด พูดเสร็จก็หยิบน้ำขึ้นมากรอกปากเพราะคอแห้งอีก



“เหตุผลมึงนี่นะ” ไอ้หมอกมันพูดโดยมีไอ้ไฟส่ายหัวอยู่ข้างๆกัน



เออ นี่แหละเหตุผลกูพวกมึงจะทำไม!?



“แล้วนี่มึงให้คำใบ้อะไรน้องมันไปวะ?” ไอ้เป๋าพอมันเล่าเรื่องเสร็จก็เงียบไปนานและพอไม่มีใครถามอะไรผมอีกมันก็เลยเป็นคนคำถามคำถามผมต่อ



พอได้ยินคำถามของมัน ผมก็ยิ้มชั่วออกมา นึกถึงสิ่งที่ตัวเองเขียนในกระดาษคำใบ้แผ่นนั้นแล้วก็อยากจะหัวเราะดังๆให้คนทั้งมหา’ลัยได้ยิน ผมรับรองเลยว่าหากใครได้อ่านแล้วก็ต้องหาผมไม่เจอแน่ๆแม้กระทั่งไอ้เด็กเจ้าจอมนั่นก็ด้วย หึๆ



TBC....

ติดแท็ก #นิติผูกพัน ได้นะค้าา

ฝากติดตามด้วยค่าา
ติดตามข่าวสารได้ที่
Twitter


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ถามว่าอะไร อยากรู้ๆ  :mew2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คำใบ้ น่าจะไม่ตรงกับความจริง ก๊ากกกกกก   :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
รอยแดงปริศนา



ตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนๆและอาการปวดหัวก็เล่นงานอย่างรุนแรง พอจะลุกขึ้นก็ล้มตึงลงไปบนที่นอน พยายามอยู่นานสุดท้ายก็ล้มเลิกความตั้งใจของตัวเองไป นอนแช่อยู่บนเตียงไปเรื่อยๆเพราะจริงๆก็ยังไม่ถึงเวลาไปเรียน



เมื่อคืนจำได้ว่าเป็นวันเกิดของใครสักคนในคณะและสถานที่ที่นัดกันไปเลี้ยงก็ไม่พ้นร้านเหล้า ผมดื่มค่อนข้างหนัก...ไม่ล่ะ ผมว่าตัวเองดื่มหนักมากๆ ยิ่งมีเกมให้ต้องดวลกันอีกก็ยิ่งสนุก โดยมีกติกาว่าใครแพ้ต้องดื่มและไอ้คนที่แพ้บ่อยที่สุดก็มีแต่ผมคนเดียว



ไอ้ฉิบหาย!ผมว่าปีนี้ปีชงของผมแน่ๆเลยว่ะ



ไม่รู้ว่ากลับมานอนที่ห้องตัวเองได้ยังไงเพราะตอนสุดท้ายที่จำได้ก็ตอนที่ไอ้เป๋ามันยื่นแก้วมาให้ผมแล้วผมก็กระดกดื่มรวดเดียวจากนั้นภาพก็ตัดไปเลย ก็คงเป็นเพื่อนสักคนในกลุ่มผมนี่แหละมั้งที่มันเอาผมมาหย่อนไว้ที่คอนโดของผมเอง



จริงๆผมคอแข็งนะบอกไว้ก่อนแต่เมื่อคืนบอกแล้วว่าดื่มหนักสภาพก็เลยเป็นเหมือนอย่างตอนนี้นี่แหละ



“ตื่นแล้วหรอครับ?”



เสียงนุ่มๆทุ้มๆที่ลอยมาจากฝั่งห้องน้ำในห้องนอนของผมทำให้ผมต้องหันไปมองและก็พบว่า...



“ไอ้...”



“เจ้าจอมครับ”



ผมได้แต่อ้าปากมองมันด้วยความตะลึงและโคตรตกใจเมื่อเห็นไอ้เจ้าจอมมันยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำด้วยสภาพชุดคลุมอาบน้ำตัวเดียว



ไอ้เด็กนี่มันมาอยู่ห้องผมได้ไงวะเฮ้ย! นี่คือผมไม่เคยรู้จักมันจริงๆนะครับ



“มึง...มึงเข้ามาในห้องกูได้ยังไง!?”



ผมถามมันแต่มันกลับไม่ตอบ ไอ้เด็กนั่นมันส่งยิ้มให้ผมแล้วก้าวเดินช้าๆมายังเตียงที่ผมนอนอยู่ มันนั่งลงขอบเตียงข้างๆผมแล้วเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง



“พี่จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้จริงๆหรอครับ?” มันยังคงยิ้มและเป็นยิ้มที่แม่งผมดูยังไงก็กวนตีนฉิบหาย



“เรื่องเมื่อคืน?” ผมทวนคำถามมันซ้ำ



“ใช่ครับเรื่องเมื่อคืน” มันยังคงนั่งมองหน้าผมและส่งยิ้มให้ผมอยู่อย่างนั้น



“อะไรของมึง?” ผมจำไม่ได้จริงๆว่าเรื่องเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็บอกแล้วไงครับว่าภาพมันตัดไปเลย



“พี่จำไม่ได้จริงๆสินะ” มันยังคงยียวนผมไม่เลิก “ว่าแต่พี่ชื่ออะไรครับ?”



มันไม่ยอมบอกว่าเมื่อคืนมันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทำไมมันถึงมาอยู่ห้องผมได้แต่มันกลับเปลี่ยนเรื่องมาถามชื่อผมแทน



“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?” ผมไม่ตอบมันและเลือกจะถามสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ออกไปแทน



“จะไม่บอกชื่อผมก่อนหรอครับพี่?” มันทำเสียงสองใส่ผมและผมบอกเลยว่าไม่ได้ผลเพราะผมไม่นิยมผู้ชายที่ตัวแม่งพอๆกันกับผมเลย



“กูถามว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น” ผมกดเสียงต่ำ ยิ่งปวดหัวก็ยิ่งหงุดหงิด พอโดนไอ้เด็กนี่มันกวนประสาทก็โคตรๆหงุดหงิดขึ้นไปอีก



“เฮ้อ...พี่นี่น้า” มันถอนหายใจพร้อมส่ายหน้าไปมาใส่ผม



อะไรวะไอ้เด็กนี่ทำไมมันถึงกล้าทำท่าทางแบบนี้ใส่ผมได้วะ!



มันคงเห็นผมทำหน้าตึงและจ้องมันอย่างกับจะจับมันฆ่า มันเลยยอมเปิดปากอธิบายถึงเรื่องเมื่อคืน



“ก็เมื่อคืนเพื่อนพี่เอาพี่มาส่งที่คอนโด ตอนนั้นผมเห็นพี่เขาแล้วก็จำได้ว่าเป็นพี่คณะก็เลยเข้าไปถามว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย พี่เขาก็บอกว่าฝากเอาพี่ขึ้นห้องหน่อยบอกเลขห้องเสร็จสรรพแค่นั้นเขาก็ไปเลย ผมก็งงๆเหมือนกันแต่ก็เอาพี่มาส่งที่ห้อง จริงๆจะกลับแล้วถ้าไม่โดนพี่....”



มันเว้นจังหวะเหมือนอยากจะให้ผมลุ้นตาม ไอ้ฉิบหายมึงดูหน้ากูด้วยว่าอยากลุ้นไปกับมึงมั้ย



“กูทำอะไร?”



มันไม่ตอบแต่โน้มหน้าเข้ามาใกล้ผม ผมตั้งใจจะผลักแต่ไอ้เด็กนั่นมันกลับเบี่ยงหลบได้และก้มลงกระซิบที่ข้างหูของผม “โดนพี่อ้วกใส่น่ะสิครับ”



จบประโยคนั้นผมก็ผลักหน้ามันออกห่างจากตัวเอง ไอ้เด็กนั่นมันก็ไม่ได้อะไรทำเพียงหัวเราะขำกับท่าทางของผม



“เออขอโทษแล้วก็ขอบคุณด้วยที่เอากูมาส่งที่ห้อง”



“ไม่เป็นไรครับพี่”



“ว่าแต่มึงอยู่คอนโดนี้ด้วย?” ผมถามด้วยความแปลกใจเพราะจะเข้ามาในคอนโดได้ต้องเป็นคนที่มีคีย์การ์ดเพื่อแตะผ่านประตูข้างล่างเข้ามา



“ก็ใช่ครับ...ห้องข้างๆพี่นี่แหละ”



“เดี๋ยว! อยู่ห้องข้างๆกูแล้วทำไมมึงไม่กลับห้องตัวเองวะ?” ผมถามมันงงๆ ไม่เขาใจมันจริงๆว่าห้องก็อยู่แค่นี้ทำไมถึงไม่ยอมกลับห้องตัวเอง จะมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่ห้องผมทำไม



“ผมก็รอให้พี่ตื่นมารับผิดชอบผมนี่ไง...พี่อ้วกใส่ผมเลยนะ เสื้อนี่เหม็นคลุ้งไปหมดเลย” มันว่ายิ้มๆ



“จะให้กูซักให้มั้ยล่ะ กูจะได้รับผิดชอบแล้วมึงก็จะได้รีบๆกลับห้องของตัวเอง”



“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมล้อเล่น จริงๆผมลืมคีย์การ์ดไว้ในรถแต่ขี้เกียจลงไปเอาเลยอาศัยนอนห้องพี่ก่อน เห็นว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้วด้วยแต่ผมนอนที่โซฟานะครับ ไม่ได้วุ่นวายกับห้องพี่ด้วย”



ผมพยักหน้าเออออไป ก็ถือว่าตอบแทนที่มันช่วยพาผมเอามาส่งที่ห้องและถือว่าเป็นการไถ่โทษที่ผมอ้วกใส่มันก็แล้วกัน จะได้หายกันไม่ติดหนี้บุญคุณกันอีก



“มึงคือน้องพี่ภูมิใจงั้นสิ?” ผมถามถึงรุ่นพี่ข้างห้องที่เรียนจบไปแล้ว เคยได้ยินพี่ภูมิใจมันเปรยๆไว้ว่าน้องชายจะมาอยู่ห้องพี่มันต่อเพราะพี่มันต้องไปทำงานอีกจังหวัดหนึ่ง ส่วนน้องชายแท้ๆก็สอบติดมหา’ลัยตามรอยพี่มันมา พี่ภูมิใจมันก็เลยยกห้องนี้ให้น้องชายตัวเอง



ไม่นึกว่าน้องชายพี่ภูมิใจก็คือไอ้เด็กเจ้าจอม...



“ใช่ครับ” มันยืนยันสิ่งที่ผมสงสัย



“อืม”



ผมว่าโลกนี่แม่งโคตรกลมเลยที่จู่ๆก็ส่งไอ้เด็กนี่มาให้ผมได้เจอ มันเป็นทั้งน้องติวและไอ้เด็กข้างห้องของผม ถึงแม้ว่าผมจะอยู่กันคนละโลกกับมันแค่ไหนแต่โลกก็ชอบเล่นตลก จับมันเหวี่ยงมาเจอกับผมจนได้สินะ



“พี่จะไม่บอกผมจริงๆเหรอครับว่าพี่ชื่ออะไร?” มันก็ยังคงอยากรู้ชื่อผม แต่ว่านะ...



“พี่ภูมิใจไม่ได้บอกหรือไง?” ใช่ครับ จริงๆพี่ภูมิใจน่าจะเล่าหรือบอกอะไรเกี่ยวกับผมบ้างป่ะวะ ซี้กันขนาดนั้นอ่ะ



“บอกครับแต่ผมอยากได้ยินจากปากพี่มากกว่า” มันก็ยกยิ้มกว้างส่งให้ผมอีก “แล้วตกลงพี่ชื่ออะไรล่ะครับ?”



ผมถอนหายใจ ไอ้เด็กนี่โคตรกวนประสาทเลยบอกตามตรง



“ยีนส์” ผมตอบสั้นๆห้วนๆมองไอ้เด็กเจ้าจอมที่ตาเป็นประกายเมื่อได้ยินชื่อของผม



“ผมเจ้าจอมนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่ยีนส์”



“เออ!”






“กูขอถามว่าเมื่อคืนใครเอากูไปส่งที่คอนโด?”



เมื่อหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าตัวประจำหรือก็คือแหล่งนัดพบกันก่อนเข้าเรียนของพวกผม ผมก็เริ่มเปิดประเด็นคำถามขึ้นทันที



“กูเองครับเพื่อน” มองไอ้คนที่ตอบซึ่งก็เดาไม่ผิดเมื่อไอ้คนๆนั้นก็คือไอ้เป๋า



“แล้วทำไมไม่เอากูไปส่งที่ห้องวะ?”



“โทษทีเพื่อน พอดีกูรีบที่บ้านโทรตามว่ะ”



“ห่า! แล้วมึงก็เอากูไปฝากกับเด็กที่ไหนก็ไม่รู้น่ะนะ!”



“เด็กที่ไหนอะไรล่ะ นั่นก็น้องติวมึง”



“สัด!”



ด่ามันจบก็หยิบน้ำที่ฝากไอ้เตอร์ซื้อมาขึ้นดื่มอึกๆ พูดกับไอ้เป๋ามันทีไร รู้สึกจะคอแห้งมันทุกที



“แล้วเป็นไงบ้างวะเมื่อคืน?” ไอ้เป๋ามันยังคงไม่หยุด ผมเกลียดคำถามและหน้ามันตอนถามจริงๆ



“จะอะไรล่ะวะ กูก็อ้วกใส่น้องมันไง”



กว่าเด็กนั่นจะออกไปจากห้องผมได้ก็แทบจะทำให้ผมปวดหัวหนักกว่าเดิม ก็มันเล่นเดินป้วนเปี้ยนดูนู่นดูนี่แถมยังอาสาทำข้าวต้มให้ผมกิน ผมก็ไม่ได้ไล่หรือปฏิเสธอะไรมันจริงจังหรอกเพราะยังไงๆมันก็คือน้องติวของผมถึงแม้มันจะยังไม่รู้ก็เถอะว่าผมเป็นพี่ติวของมันแล้วอีกอย่างมันก็เป็นน้องชายของพี่ภูมิใจ พี่ชายที่ผมให้ความเคารพนับถือและเขาก็เคยฝากผมดูมันด้วย ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้มันที่ว่าก็คือไอ้เด็กเจ้าจอม



นี่ผมอยู่ยังไงวะถึงไม่รู้ว่าไอ้เด็กนี่มันมาอยู่ข้างห้องของตัวเอง...



“น้องเจ้าจอมมันก็ดูไม่ได้เลวร้ายอะไรดีนะมึง ดูอย่างเมื่อคืนดิเดินดุ่มๆมาถามว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย พอกูฝากเอามึงไปส่งที่ห้องน้องมันก็ไม่ได้ปฏิเสธแถมยังบอกให้กูขับรถกลับดีๆอีก มึงดู๊! น้องแม่งเด็กดี”



โธ่ๆไอ้เป๋า ที่มึงชมไอ้เด็กนั่นนี่เพราะว่ามันทำประโยชน์ให้กับมึงไงล่ะสาดดดด



“เดี๋ยวๆพวกมึงหยุดก่อนนะ คือพวกกูสามคนก็นั่งฟังกันมานานแล้วก็คือไม่เข้าใจ ช่วยอธิบายพวกกูที” ไอ้เตอร์มันพูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับทำหน้างงๆ



ผมหันไปมองไอ้ไฟก็นั่งเงียบไม่เห็นจะสนใจอยากรู้เรื่องผมเหมือนอย่างไอ้เตอร์ว่าเลย ส่วนไอ้หมอกก็นั่งกดโทรศัพท์เล่นเกมลับสมองของมันก็ไม่เห็นจะสนใจอะไรผมอีก ส่วนถ้าถามว่าไอ้คินหายไปไหน เหอะ! ก็คงจะอยู่กับแฟนมันที่ไหนสักที่น่ะสิครับจะไปไหนได้



สรุปแล้วคนที่อยากรู้จริงๆก็มีแค่ไอ้เตอร์เพียงคนเดียว



ไอ้เป๋ามันก็เลยจัดการเล่าให้ผมเลยครับ โดยที่ผมก็ได้แต่ฟังมันเล่าย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืนอีกที จนมันเล่าจบไอ้เตอร์ก็หันมาถามสิ่งที่มันสงสัยต่อ



“มึงอ้วกใส่น้องเขาแล้วไงต่อวะ?”



“ก็ไม่ไงอ่ะ กูไม่รู้นี่หว่า พอตื่นเช้ามาก็เจอเด็กนั่นอยู่ในห้องมาบอกว่ากูอ้วกใส่ กูก็ขอโทษมันแค่นั้นแหละ”



ผมไม่ได้เล่ารายละเอียดต่างๆอีกมากมายเพราะแม่งขี้เกียจฉิบหายที่ต้องมานั่งอธิบายอะไรเยอะแยะทั้งที่ยังคงปวดหัวอยู่



“แค่นั้น?” ไอ้เตอร์มันเลิกคิ้วถามแต่มันจะไม่แปลกอะไรเลยถ้ามันไม่ยิ้มกรุ้มกริ่มส่งมาให้ผมแบบนั้น



“แล้วมึงจะให้มันมีอะไรอีก?”



ไอ้เตอร์ไม่ตอบ มันหันไปกระซิบกระซาบกับไอ้เป๋า ผมมองไอ้เป๋าที่ทำตาโตยกมือขึ้นปิดปากและมองหน้าผม ส่วนไอ้เตอร์มันก็หัวเราะหึๆจากนั้นมันสองคนก็หันหน้ามองกันแล้วพยักหน้าใส่กันหงึกๆสองที



“แล้วรอยแดงที่คอมึงคืออะไรวะ?”



สิ้นเสียงไอ้เป๋าและไอ้เตอร์ที่พูดพร้อมกัน ผมก็ขมวดคิ้วและยกมือขึ้นมาลูบคอตัวเองทันที



รอยแดง?



รอยแดงอะไรวะ?



“มึงไม่ได้ส่องกระจกก่อนออกจากห้องหรือไงวะ?” ไอ้หมอกที่ตอนแรกไม่ได้สนใจผม มันก็ถามขึ้นพร้อมกับที่มันก้มๆเงยๆมามองคอของผม



“ไม่ว่ะ กูรีบเลยไม่ได้ดูอะไร”



“มึงแน่ใจนะว่ามึงกับน้องติวไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ?”



ผมอยากตอบว่าโคตรแน่ใจ แต่พอเพื่อนมันยืนยันว่าผมมีรอยแดงที่คอจริงๆผมก็ชักจะไม่มั่นใจแล้วจริงๆว่าเมื่อคืนมันเป็นยังไงและเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับผมบ้าง



คนที่สามารถจะให้คำตอบกับเรื่องนี้ได้ก็คงมีเพียงไอ้เด็กเจ้าจอมนั่นเท่านั้นแหละ...






ผมยืนเคาะห้องไอ้เด็กเจ้าจอมนั่นนานหลายนาทีก็ไม่มีคนเปิด เลยตัดสินใจสอดกระดาษไว้ใต้ประตูมัน เขียนบอกมันว่ามีเรื่องจะคุยด้วยแค่นั้นก็กลับเข้าห้องไป



เข้าห้องมาได้สิ่งที่ทำอย่างแรกคือส่องกระจก ผมเอียงคอมองรอยแดงที่ไอ้เพื่อนทั้งหลายมัยยิ้มล้อทั้งวัน ไอ้รอยแดงเจ้าปัญหาที่ทำให้ผมแทบเรียนไม่รู้เรื่อง



ไอ้ห่า! เมาจนไม่รู้ว่าตัวเองไปโดนใครดูดคอมาขนาดนี้เลยหรอวะ?



จริงๆรอยอะไรแบบนี้ผมก็เคยได้ตอนมีอะไรกับคนอื่นแต่ตอนนั้นผมรู้และมีสติว่าใครเป็นคนทำ แตกต่างจากรอยนี้ที่ผมได้มาและผมไม่รู้ว่าใครมันดูดไว้จนแดงเป็นปื้นขนาดนี้ แล้วคือไม่รู้ว่าตัวเองตาบอดหรือยังไงเมื่อเช้าเลยไม่ได้สังเกตเห็นไอ้รอยแดงใหญ่ๆนี่เลยสักนิด



ผู้ต้องสงสัยคนแรกที่ผมพอจะคิดได้ก็มีแต่ไอ้เจ้าจอมและผมสงสัยแค่มันเพียงคนเดียวเพราะนอกจากไอ้เด็กนั่นแล้วผมก็คิดไม่ออกเลยว่าใครมันจะเป็นคนทำรอยนี่ไว้ ยิ่งสภาพเมื่อเช้าของไอ้เด็กนั่นมันก็ยิ่งส่อไปถึงอะไรต่อมิอะไร ผมไม่รู้ว่าตัวเองโดนมันลักหลับหรือเปล่าแต่ถ้าโดนจริงๆคนที่ถูกเสียบต้องไม่ใช่ผมแน่ๆเพราะผมไม่มีอาการเจ็บหรืออะไรทั้งนั้นเลย




ก็อกๆ



ไม่ต้องคิดไตร่ตรองอะไรให้มากมายผมก็รู้ว่าไอ้คนที่มาเคาะประตูห้องของผมก็คงเป็นไอ้เด็กนั่น



“พี่มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ?”



ผมเดาไม่ผิดว่าไอ้เด็กนั่นมันต้องเป็นมาเคาะประตูห้องผมแน่ๆ มือของมันชูกระดาษที่ผมเขียนเอาไว้แล้วสอดเข้าใต้ประตูห้องมันขึ้นมาให้ผมดู ดวงตาของมันก็สบจ้องกับดวงตาผมด้วยความสงสัยอยากรู้ว่าทำไมผมถึงอยากคุยกับมัน



“เข้ามาก่อนสิ”



ผมเดินนำมันเข้ามาในห้องแล้วพามันไปนั่งยังส่วนที่เป็นโซฟา มันก็เดินตามหลังผมมาแต่ก็ไม่ลืมจะปิดประตูให้ผมก่อน ผมหย่อนตัวลงนั่งโซฟาตัวกลางโดยมีเด็กนั่นนั่งลงโซฟาที่อยู่ข้างกันกับผม



“พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ?” มันมองหน้าผม เอียงคอถามด้วยความสงสัย



ผมถอนหายใจ ถ้ามันลักหลับผมจริงๆขึ้นมาก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงต่อไปดี



“กูจะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ” ผมเกริ่นก่อน



“ครับพี่” มันก็พยักหน้า ตั้งใจฟังสิ่งที่ผมจะพูด



“กูอยากรู้ว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” จบประโยคของผม เด็กนั่นมันก็ยังนั่งนิ่ง ไม่มีพิรุธหรือแสดงอาการใดๆออกมาให้ผมเห็น



“ผมบอกพี่ไปแล้วนี่ครับเมื่อเช้า” มันตอบพาซื่อซึ่งผมแม่งคิดว่าหน้าอย่างมันคงไม่ได้ใส่ซื่อเหมือนที่มันกำลังแสดงอยู่ตอนนี้แน่ๆ



“เหรอ?”



“ครับ ถ้าพี่ไม่มีอะ...”



“แล้วรอยแดงที่คอกูล่ะ?” ผมขัดมันที่กำลังจะพูดขอตัวออกจากห้องผมพร้อมกับเอียงคอและชี้ให้มันดูรอยแดงเป็นปื้นตรงลำคอของผม รอยแดงปริศนาที่ผมก็ไม่รู้เลยว่าใครเป็นเจ้าของของมัน



“ครับ?” มันก็ยังคงทำหน้าซื่อ ยิ้มงงๆกับสิ่งที่ผมพูด



“รอยแดงที่คอกู มึงรู้หรือเปล่าว่าใครเป็นคนทำ?” ผมถามย้ำ ขยับเข้าไปใกล้มันที่นั่งอยู่ที่โซฟาอีกตัว จนตอนนี้มีเพียงพนักโซฟาที่กั้นผมกับมันไว้เท่านั้น



“ผมไม่รู้หรอกครับพี่”



“มึงแน่ใจ?”



“แน่ใจสิครับ” มันตอบอย่างมั่นใจ ผมที่จ้องตากับมันก็ไม่เห็นแววตาอะไรที่จะแสดงถึงพิรุธของมันเลยสักนิด “หรือพี่คิดว่า...”



มันเว้นจังหวะคำพูดของตัวเองแล้วค่อยๆยื่นใบหน้าของมันเข้ามาใกล้ใบหน้าของผมจนจมูกของเราแทบชนกันแต่ผมก็ไม่ได้ผละหนีอะไร อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครมันจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้วผละออกไปก่อนกัน



“อะไร?” ผมถามมันเสียงนิ่ง จริงๆพอได้มองไอ้เด็กนี่มันใกล้ๆแล้วก็คิดว่าผิวแม่งก็ดีฉิบหาย



“พี่คิดว่าผมเป็นคนทำงั้นหรอครับ?” มันกระตุกยิ้มและผมก็ไม่ยอมแพ้กระตุกยิ้มตามมันไปพร้อมกับยื่นหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้มันจนปลายจมูกของเราชนกัน



“ใช่มั้ยล่ะ?” รู้สึกถึงลมหายใจที่รดรินบนปลายจมูกของผม ลมหายใจแผ่วๆแต่กลับรู้สึกไม่อยากผละห่าง ผมคิดว่าเล่นกับไอ้เด็กนี่ก็สนุกดีเหมือนกัน



“ถ้าพี่อยากให้เป็นผมจริงๆ ก็คงเป็นผมนั่นแหละครับ” มันยิ้มและเป็นยิ้มที่ผมเห็นได้ชัดกว่าทุกครั้งเพราะตอนนี้หน้าเราใกล้กันจนสามารถมองเห็นรูขุมขนของอีกฝ่ายได้เลย



“หึ!” ผมหัวเราะในลำคอ คิดในใจว่าไอ้เด็กนี่มันก็ร้ายไม่เบาเหมือนกัน



“ผมไปได้หรือยังครับ?” มันเลิกคิ้วถามแล้วเป็นฝ่ายที่ผละออกจากผม



“ถ้ามึงบอกว่ามึงเป็นคนทำจริงๆ” ผมมองหน้ามันที่กำลังมองผมตอบและมุมปากของเราทั้งสองยังคงยกยิ้ม “กูก็ขอทำมึงกลับ เป็นการเอาคืนได้มั้ยล่ะ?”



มันไม่ได้ตอบโต้ผมแต่มันกลับยิ้มและมองหน้าผมอยู่แบบนั้น พอเห็นมันทำท่าจะลุกผมก็กระชากแขนมันไว้ให้มันนั่งลงกับโซฟาตามเดิม



“สิ่งที่พี่ควรรู้คือผมไม่ใช่คนทำ”



“แต่กูคิดว่ามึงเป็นคนทำและตอนแรกมึงก็ไม่ได้ปฏิเสธ” ไอ้เด็กนั่นมันหลุดหน้ายุ่ง หน้าที่ผมไม่เคยเห็นเพราะมันเอาแต่ยิ้ม พอได้เห็นก็รู้สึกพอใจขึ้นมาเมื่อทำให้มันหลุดมาดตัวเองได้



“ผมแค่พูดเล่น” มันปรับสีหน้าของตัวเองให้กลับมายิ้มเหมือนเดิม



“หรอ?” ผมเลิกคิ้วมองหน้ามัน  “แต่กูมีความเชื่อว่าสิ่งแรกที่คนเราพูดก็คือเรื่องจริงเสมอ”



เสียงมันจิ๊ปากอย่างไม่พอใจดังขึ้นเบาๆแต่ผมกลับได้ยินเพราะในห้องนี้มีกันเพียงแค่สองคน




“แค่ได้ทำรอยบนคอผมก็พอใช่มั้ยครับ?”



“ก็คงใช่” ผมยักไหล่ตอบ ปล่อยแขนมันที่เผลอจับอยู่นานออก



“งั้นก็เชิญครับ” มันว่าพร้อมเอียงคอเพื่อเปิดให้ผมได้ทำรอยไว้ที่คอของมัน



ผมยังคงนั่งนิ่งจ้องลำคอของมันอย่างสำรวจ ผิวมันขาวและดูเนียนละเอียด นั่นเป็นสิ่งที่ดึงดูดผมเขาไปใกล้ลำคอของมันมากขึ้นเรื่อยๆ



ผมเหลือบตามองหน้าของมัน คิดว่าอาจจะได้สบตากับไอ้เด็กนี่แต่ก็ไม่เลยมันกลับหลับตาลงและเม้มปากแน่นจนผมต้องยิ้มขำ ไอ้เด็กที่เคยแกล้งผมเมื่อเช้าไม่รู้มันหายไปไหน ไอ้เด็กที่ก้มลงกระซิบข้างๆหูผมมันอยู่ไหนแล้วล่ะแล้วไอ้เด็กใจกล้าที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆผมมันกลับบ้านไปแล้วหรือไงนะ



เด็กก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำนั่นแหละครับ



ผมเปลี่ยนเป้าหมายจากซอกคอของมัน เลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าไปชิดกับใบหูของไอ้เด็กเจ้าจอม ดูมันจะตกใจนิดหน่อยที่ผมเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่ตรงนั้นแต่มันก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรผม



ผมยิ้มและเลือกที่จะพูดบางสิ่งออกไปให้มันได้รับรู้



“ขอโทษที พอดีกูทำไม่ลง”






TBC....

ติดแท็ก #นิติผูกพัน ได้นะค้าา

ฝากติดตามด้วยค่าา
ติดตามข่าวสารได้ที่
Twitter


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2018 17:00:53 โดย ฟองดูว์ »

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
กรี๊ด เรื่องใหม่ น้องเป็นคนทำรอยแน่ๆเลย  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใช่รอยจูบแน่หรอ ไม่ใช่ขึ้นมาหน้าแตกนะยีนส์  :hao3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สนุกละ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พี่ติว น้องติว   :mew1:
ทั้งที่น้องจอม ผิวเนียน ผิวดี
พี่ยีนส์ กลับบอกว่า ทำรอยไม่ลง 
ยังไงๆ  ให้จอมเสียเซลฟ์หรอ  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ พระจันทร์ยิ้ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
ตอนที่3

ความบังเอิญของโลกใบนี้


ผมอยากจะขำหน้าไอ้เด็กเจ้าจอมนั่นจริงๆ ยิ่งนึกถึงทีไรก็อยากลงไปขำกลิ้งกับพื้น ตอนที่ผมพูดประโยคนั้นหน้ามันนี่เหวอไปเลยครับ ไม่พอนะยังตวัดสายตามามองผมแบบไม่พอใจอีก



เอ้...ไอ้เด็กที่ยิ้มเก่งๆนี่มันหายไปไหนน้า



ผมโคตรรู้สึกพออกพอใจเลยที่สามารถทำให้มันหลุดมาดได้ แต่รู้อะไรมั้ยครับพอมันตั้งสติได้มันก็กลับมายิ้มให้ผมเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นแล้วมันก็ขอตัวกลับห้องมันไปเลย



ไอ้ผมก็ไม่ได้รั้งให้มันอยู่ต่ออะไรหรอกเพราะจริงๆก็หมดธุระของตัวเองแล้วด้วยถึงแม้ตอนนี้จะยังสงสัยว่าใครมาดูดคอของผมแล้วฝากรอยแดงไว้เป็นปื้นใหญ่ขนาดนี้ก็เถอะ



ก็ช่างมันเถอะครับผมก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมายจากการตรวจดูส่วนอื่นๆในร่างกายของตัวเองแล้ว ผมจะปล่อยเรื่องนี้ให้มันผ่านๆไปไม่สนใจมันแล้วล่ะ



นั่งคิดอะไรนานๆก็ชักจะหิว ผมที่พอทำอาหารกินเองได้ก็ไม่อยากทำตอนนี้หรอกนะครับ หิวจนจะแดกโซฟาได้แล้วด้วยคงต้องไปหาอะไรกินแถวๆคอนโดสักหน่อย



ย่านคอนโดของผมก็ใกล้ๆกับตลาดของกินนี่แหละครับ ฝั่งตรงข้ามก็เป็นเซเว่น บอกได้เลยว่าสบายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว จริงๆกว่าคอนโดนี้จะมีห้องว่างก็นานอยู่พอสมควร ผมก็ได้ห้องต่อมาจากทวดรหัสที่จบไปแล้วเขาอยากปล่อยขายห้องพอดี ผมเลยรีบซื้อเก็บเอาไว้แล้วก็มาอยู่จนถึงปัจจุบันนี่แหละ



ผมเดินซื้อของในตลาดและเลือกซื้อของกินจนเต็มไม้เต็มมือก็เดินกลับคอนโดของตัวเอง ใกล้ๆแค่นี้รถราอะไรไม่จำเป็นสำหรับผมหรอกครับเพราะตลาดนี้ก็ห่างกับคอนโดผมแค่เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง



ผมเดินฮึมฮัมเพลงไปเรื่อย ตาก็กวาดมองไปรอบๆบริเวณนั้นก่อนจะเห็นรูปร่างสูงของใครบางคนกำลังจะเดินข้ามถนนทั้งทีมีรถขับมุ่งตรงมายังทางที่มันกำลังจะเดินข้ามอยู่ 



โธ่...คงจะต้องเป็นเวลาที่ฮีโร่อย่างผมต้องออกโรงปกป้องประชาชนแล้วล่ะครับ



“เฮ้ย!”



เสียงของคนที่ถูกดึงรั้งกลับเข้ามาตรงริมทางเท้าทำให้คนแถวนั้นหันมามอง ผมเห็นหน้าของคนที่ผมช่วยไว้แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว



โลกแม่งคงแคบจริงๆนั่นแหละครับที่ทำให้ผมได้มาเจอไอ้เด็กเจ้าจอมมันอีกครั้งหลังจากแยกย้ายกันไปไม่กี่นาทีก่อน



“อ้าวพี่?” ไอ้เด็กนั่นมันทำหน้างงเมื่อหันมาแล้วเจอผมขมวดคิ้วมองมันอยู่



“เออ ข้ามถนนก็หัดดูรถซะบ้าง ตายมามันไม่คุ้ม” ว่าจบก็ก้าวขึ้นไปยืนข้างๆไอ้เด็กนั่นแต่ยืนให้ห่างพอประมาณเพื่อรอให้รถหมดจะได้ข้ามถนนสักที



ผมเหลือบไปมองทางไอ้เจ้าจอมก็เห็นมันกำลังมองผมอยู่เหมือนกัน ท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ยอมพูดสักที ผมเลยไม่ได้สนใจทำท่าจะข้ามถนนเมื่อรถหมดแต่ก่อนที่จะได้ก้าวเดินออกไปกลับได้ยินเสียงนุ่มๆของใครบางคนพูดออกมาให้ผมได้ยิน



“ขอบคุณนะครับพี่”



มองแผ่นหลังของเจ้าของเสียงนั่นเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วผมก็ต้องก้าวเดินตามมันไปด้วยอีกคน จะให้ยืนซึ้งใจอะไรนานเป็นชั่วโมงล่ะครับ กว่ารถจะหมดให้ข้ามถนนกลับคอนโดก็อีกนานเลย ค่อยมาซึ้งใจกับคำขอบคุณของไอ้เด็กนั่นตอนข้ามถนนเสร็จก็แล้วกัน






ครืดดด~~ ครืดดดด~



ผมลุกขึ้นจากโซฟาและวิ่งวุ่นหาโทรศัพท์ของตัวเองทั่วทั้งห้องเพราะจำไม่ได้ว่าเอามันไปวางไว้ที่ไหน อยากจะตบหัวตัวเองให้กระทบกับสมองจะได้นึกได้แต่แม่งก็กลัวเจ็บไงครับเลยต้องวิ่งวุ่นหาแบบนี้แทน



และผมก็ได้พบว่าโทรศัพท์ที่เดินหามาตั้งนานมันตั้งอยู่บนโซฟาซึ่งมีหมอนทับอยู่อีกที อยากจะกราบความขี้ลืมและความตาเซ่อของตัวเองจริงๆ



‘พี่ภูมิใจ’



พอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อของคนที่โทรมาหาผมก็ต้องทำหน้าแปลกใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะโทรหาแต่นี่ที่โทรมาคงไม่พ้นเรื่องของไอ้เด็กนั่นแน่ๆ



“ครับพี่ภูมิใจ”



(เป็นไง สบายดีนะ?)



“ก็เรื่อยๆพี่ ดีบ้างไม่ดีบ้าง”



(อืม)



“แล้วพี่ล่ะ ทำงานที่นั่นโอเคป่ะ?”



(ก็ดี)



“เสียงพี่ดูเหนื่อยๆว่ะ งานหนักหรอวะพี่”



(นิดหน่อยว่ะ)



“อ่า..แล้วที่พี่โทรมานี่ไม่ใช่แค่จะโทรมาถามว่าผมสบายดีแค่นั้นใช่มั้ย?”



(อืม)



“พี่มีอะไรหรือเปล่า?” ถึงจะพอเดาออกว่าพี่ภูมิใจโทรมาเพื่อคุยเรื่องอะไรแต่ผมก็ต้องถามออกไปก่อนเพื่อจะเดาผิดไป



เขาเงียบไปสักพักก็ถอนหายใจแล้วเอ่ยถามออกมา



(มึงเจอน้องกูแล้วใช่มั้ย)



ผมถอนหายใจทำหน้าเซ็งเมื่อนึกถึงไอ้เด็กเจ้าจอมน้องชายของพี่ภูมิใจที่ผมเคารพ ไอ้เด็กที่หน้าตากวนตีนและชอบยิ้มเหมือนคนบ้าตลอดเวลา นึกไม่ถึงว่าจะเป็นน้องชายของพี่ภูมิใจได้เพราะไอ้พี่ภูมิใจมันแม่งหน้านิ่งหน้าเดียวตลอดเวลาที่ได้เจอกันเลย



“ครับพี่” ผมตอบไปด้วยเสียงเนือยๆ ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาสายตาจดจ้องกับโทรทัศน์ที่มีแมวกับหนูวิ่งไล่กันส่วนหูก็ฟังสิ่งที่คนปลายสายกำลังจะพูด



(อืม กูรบกวนฝากมึงดูมันหน่อยแล้วกัน)



ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ โตเป็นควายขนาดนั้นแล้วทำไมต้องให้คนอื่นมาคอยดูแลด้วยวะ



“แต่น้องพี่มันก็โตแล้วนะ คงไม่อยากให้ใครมาดูแลหรอกมั้งพี่”



(เฮ้อ...ถึงกูพูดไปมึงคงไม่เข้าใจ เอาเป็นว่ายังไงกูก็รบกวนมึงช่วยๆดูมันหน่อย ถ้ามีอะไรก็โทรมาบอกกูได้ตลอด)



พี่ภูมิใจมันก็คงจะลำบากใจไม่น้อยแต่เพราะคงห่วงไอ้เด็กเจ้าจอมนั่นจริงๆถึงขนาดโทรมาบอกให้ผมช่วยดูมันให้ ผมรู้จักนิสัยพี่ภูมิใจเขาพอสมควร เขาเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย เป็นคนที่ใจดีแต่หน้าตาออกจะดุไปหน่อย ขอให้ช่วยอะไรพี่ภูมิใจก็จะพยายามช่วยตลอดและเขาจะเป็นคนที่ไม่เคยขอหรือรบกวนอะไรคนอื่นเลยสักนิดแม้กระทั่งผม แต่ตอนนี้พี่ภูมิใจกลับขอให้ผมดูไอ้เด็กเจ้าจอมให้ มันก็เลยยากที่จะปฏิเสธเพราะคนที่ขอคือพี่ภูมิใจ



ผมนิ่งคิดและทบทวนอะไรหลายๆอย่าง ถึงยังไงตัวผมเองก็ได้เป็นพี่ติวมันแล้วด้วยถ้าจะให้แค่ดูมันแค่นิดหน่อยมันก็คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงของผมสักเท่าไหร่หรอก...มั้ง



“ได้ครับพี่” แม้เสียงตอบจะเบาหวิวแต่มันก็เป็นการตกลงสิ่งที่พี่ภูมิใจขอมาและสิ่งที่เขาขอมันยังน้อยกว่าสิ่งที่เขาเคยทำให้ผมตอนเขาอยู่ที่นี่ซะอีก



ถือว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจของพี่ภูมิใจเข้าก็แล้วกัน...



(ขอบใจมึงมาก)



“ไม่เป็นไรพี่”



(อืม กูมีเรื่องจะรบกวนมึงแค่นี้ ถ้ามีอะไรก็โทรมาหากูได้ตลอด)



“ครับพี่ภูมิใจ”



วางสายจากพี่ภูมิใจไปก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟาพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผากของตัวเองไว้ เคยคิดว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับไอ้เด็กเจ้าจอมนั้นแม้มันจะเป็นน้องติวผมก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งกับมัน แล้วดูตอนนี้สิผมต้องมาคอยดูมันให้พี่ภูมิใจอีก ไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าพี่ภูมิใจจะห่วงอะไรมันนักหนาโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงขนาดนั้นแล้ว



“เฮ้อ...”



แต่ก็ช่างเถอะ ไอ้เด็กนั่นมันก็ดูไม่ได้เลวร้ายอะไรเท่าไหร่ ถ้าได้ทำความรู้จักกันมากกว่าที่เป็นอยู่ผมอาจจะซี้กับมันเหมือนซี้กับพี่ภูมิใจก็ได้ล่ะมั้ง





เสียงอาจารย์ในห้องไม่ได้ทำให้ผมสนใจมากไปกว่าตารางหนังที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือของตัวเองสักเท่าไหร่ วันนี้มีนัดไปดูหนังกับน้องอิงค์สาวอักษรที่คุยกันมาเดือนกว่าๆ เรียกได้ว่าคุยนานที่สุดแล้วก็ได้



ผมรู้จักน้องอิงค์ตอนที่ไปวันเกิดของรุ่นน้อง เราเจอกันที่นั่นและทำความรู้จักกันตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้ก็เดือนกว่าแล้ว น้องเขาก็เป็นคนน่ารักดีครับ ไม่โวยวายหรือวีนเหมือนคนอื่นๆที่ผมเคยคุยด้วย จะเป็นคนนิ่งๆหน่อย เข้าใจและไม่จู้จี้จุกจิกผมเลยสักนิดเดียว เป็นคนที่พูดตรงมากๆจนบางทีผมก็ตกใจแต่เอาจริงๆก็ชอบนะครับ น้องดูไม่ได้แสแสร้งหรือแกล้งทำอะไรดี



“ทำอะไรวะไอ้ยีนส์” ไอ้เตอร์ยื่นหน้าของมันเข้ามาดูโทรศัพท์ของผมที่กำลังจะกดเลือกรอบหนัง



“ซักผ้ามั้ง” ผมตอบมันกวนๆ กดจองที่นั่งและชำระเงินเรียบร้อยก็กดออกและล็อคหน้าจอโทรศัพท์



“ห่า! กวนตีนนะมึง”



“มึงก็เห็นๆอยู่ยังจะมาถามกูอีก”



“เออสัด กูขอโทษ” มันทำท่ายกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวเพื่อขอโทษผมอย่างประชดประชัน



ผมปัดมือพยักหน้าเข้าใจ “ไม่เป็นไรกูไม่ถือ”



“ห่า! กูประชดมั้ยล่ะ”



“อ้าวหรอ โทษทีวะพอดีกูเป็นคนซื่อๆเลยไม่รู้”



“ตอแหลที่หนึ่ง”



“ขอบคุณคร้าบบ” ผมยิ้มขำ เอ่ยขอบคุณคำชมของมัน



เอาเป๋ายื่นหน้ามาอีกคนแล้วมองผมกับไอ้เตอร์สลับกัน “พวกมึงสองตัวทะเลาะอะไรกันวะ ไม่เกรงใจอาจารย์ที่สอนอยู่เลยห่า”



“อ่ะ...โทษที”



“เออว่าแต่เมื่อกี้มึงทำอะไรยุกยิกๆกับโทรศัพท์วะ”



“ใส่ใจเก่งจริงๆพวกมึง”



ไอ้เพื่อนสองตัวมันยิ้มรับคำพูดของผม ผมก็ได้แต่ถอนหายใจใส่ไอ้สองตัวที่ทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรว่าสิ่งที่ผมพูดไปคือกำลังด่ามันว่าเสือกอยู่ หรือมันอาจจะรู้แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เพื่อกวนตีนผม



“ก็เพื่อนทั้งคนนี่หว่า ไม่ให้ใส่ใจเพื่อนแล้วจะไปใส่ใจหมาที่ไหนล่ะวะ เนอะไอ้เตอร์” มันหันไปพยักพเยิดกับไอ้เตอร์



ไอ้เตอร์มันก็พยักหน้ารับทำหน้าเห็นด้วยอย่างออกหน้าออกตา เห็นแล้วก็อยากเอานิ้วไปจิ้มเบ้าตามันสองตัวจริงๆเลย



“ใช่ กูเห็นด้วยที่สุด”



“ถ้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องกูก็คือจะนอนไม่หลับกันว่างั้น?”



“ใช่ครับเพื่อน ดังนั้นมึงควรรีบๆบอกให้พวกกูรู้สักที” ไอ้เป๋ามันตอบหน้าซื่อส่วนไอ้เตอร์ก็เป็นลูกคู่ทำเพียงพยักหน้ารับ



“เออๆ กูนัดดูหนังกับน้องอิงค์ไว้ พอใจยัง?” ผมตอบๆมันไปเพื่อตัดรำคาญพวกมันจะได้เลิกเซ้าซี้ผมแล้วหันกลับไปเรียนกันสักที นั่งคุยกันแบบนี้ก็เกรงว่าอาจารย์จะหยิบอะไรใกล้ๆมือมาปาใส่พวกผมจริงๆ



“อิงค์?” มันสองตัวหันหน้าไปมองกัน เหมือนจะกำลังปรึกษาและถามกันทางสายตาว่าอิงค์ที่ผมพูดถึงหมายถึงใครและมีความสัมพันธ์แบบไหนกับผมอยู่



“อิงค์เด็กอักษรหรอวะ” ไอ้เตอร์มันหันมาถาม มีไอ้เป๋าทำหน้าอยากรู้อยากเห็นข้างๆกัน



“เออ” ผมตอบมันไป



“เหยดดดด...คนนี้จริงจังหรอวะ คุยกันโคตรนาน” ไอ้เป๋ามันทำหน้าตาเหลือเชื่อใส่ผม



ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรที่ผมจะเริ่มคิดที่จะจริงจังกับใครสักคนนี่หว่า ไอ้พวกห่านี่ก็ทำเป็นเว่อร์ไปได้อย่างกับผมเจ้าชู้ประตูดินขนาดนั้นเลย ไม่อยากจะบอกว่าผมนี่เป็นคนที่ดีที่สุดในกลุ่มแล้วครับ พูดจริงๆถ้าไม่นับไอ้คินมันตอนนี้น่ะนะ รายนั้นตั้งแต่มีแฟนก็อยู่ในศีลในธรรมสุดๆ



“ก็คงงั้น” ผมยักไหล่ใส่พวกมัน ตอบคำถามไปแบบสบายๆไม่ต้องคิดนานหรือลังเลอะไรเลย



“นี่เพื่อนกูเตรียมจะสละโสดอีกคนแล้วหรอวะเนี่ย เชี่ยๆ แล้วต่อจากนี้ไปใครจะไปคอยเหล่สาวกับกูล่ะวะ” ผมผลักหน้าผากไอ้เป๋าจนมันหน้าหงาย พูดจงพูดจาเว่อร์ตลอดเลยไอ้ห่านี่



“สัด กูแค่คิดแต่อนาคตมันก็ไม่แน่หรอก”



ใช่...อนาคตมันก็ไม่แน่นอนหรอกว่าผมจะคบกับน้องเขาจริงๆหรือบางทีอาจจะเลิกคุยกันไปแล้วก็ได้ มันไม่แน่นอนหรอก



“เออพวกกูจะคอยดู” ไอ้เตอร์มันว่า



ผมยักไหล่เลิกสนใจไอ้สองตัวที่ไม่รู้นั่งซุบซิบอะไรกันต่อหลังจากที่คุยกันเสร็จ ถ้าให้ผมเดาคงจะเป็นเรื่องของผมนี่แหละมั้งครับ แต่ก็ช่างมันเถอะเป็นเรื่องปกติของไอ้เป๋ากับไอ้เตอร์มันล่ะเรื่องใส่ใจคนอื่นเก่งเนี่ยหรือจะเรียกว่าความสามารถพิเศษของมันก็คงไม่ผิดหรอก



หลายๆคนคงไม่เคยเห็นพวกเรามุมนี้กันสักเท่าไหร่ แต่มันก็แน่ล่ะครับเพราะพออยู่ข้างนอกก็ต้องคีพลุคคูลๆให้สาวกรี๊ดสักหน่อยให้สมกับเป็นแก๊งหล่อที่ใครต่อใครขนานนามให้พวกเรา



แต่ก็ยอมรับแหละครับว่าตัวเองหล่อจริงๆ จะปฏิเสธก็ยากเหมือนกันก็เลยต้องยอมรับความจริงให้จบๆไปว่าตัวเองหล่อ






พอเลิกเรียนผมก็โบกมือลาไอ้เพื่อนทั้งหลายที่ไม่ค่อยจะสนใจผมสักเท่าไหร่ก็เลยต้องเรียกร้องความสนใจอยู่นานให้พวกมันโบกมือลาผมกลับ นั่นล่ะครับผมถึงได้แยกย้ายกับพวกมันแล้วขับรถมารับน้องอิงค์ที่ตึกเรียนรวม



ผมจอดรถไว้ฝั่งตรงข้ามของตึกก็เดินข้ามถนนเพื่อมานั่งรอน้องที่ใต้อาคารเรียน มีโต๊ะว่างให้นั่งเยอะแยะคงเพราะตอนนี้ไม่มีคน เห็นบ้างสองสามโต๊ะแต่ก็เห็นนั่งฟุบหลับกันหมด ผมเลยเลือกเดินนั่งห่างๆโต๊ะพวกนั้นหน่อยเวลาเสียงดังจะได้ไม่รบกวนพวกมัน ถ้าตื่นมาแล้วเกิดมากระทืบผมเพราะผมเสียงดังปลุกมันตื่นนี่บ้าฉิบหายเลยนะครับ ไม่เอาด้วยหรอก



หยิบโทรศัพท์มาส่งข้อความบอกน้องว่าผมมาถึงแล้วและกำลังรออยู่ข้างล่าง น้องก็อ่านแล้วตอบทันทีว่าอาจารย์ยังไม่ปล่อยให้ผมรอก่อน ผมก้ตอบโอเคไปให้น้องจากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ลงแล้วนั่งมองสิ่งแวดล้อมภายนอกแทน



ตึกเรียนรวมนี่ตอนปีหนึ่งผมาเรียนบ่อยมากเลยนะเพราะตอนนั้นต้องเรียนวิชาทั่วไปกับวิชาเสรีที่ต้องมาเรียนเฉพาะตึกนี้ ตอนนั้นวิชาหลักได้เรียนแค่ไม่กี่ตัว บางครั้งอาจารย์ก็งดคลาสบ่อยๆเลยทำให้พวกผมได้มาเรียนที่นี่มากกว่าเรียนที่ตึกคณะตัวเอง



พอขึ้นปีสองก็เริ่มห่างหายจากตึกเรียนรวม มีมาเรียนบ้างแต่ก็ไม่บ่อยเท่าปีหนึ่งแล้วยิ่งขึ้นปีสามเหมือนตอนนี้คือผมแทบจะไม่ได้เข้ามาเฉียดเลยถ้าหากว่าไม่ได้มาคอยรับคอยส่งน้องอิงค์เขา



นึกๆแล้วก็คิดถึงช่วงสมัยปีหนึ่งเหมือนกันนะ เป็นช่วงที่กำลังเริ่มปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ เข้ากับเพื่อนใหม่และยังต้องทำกิจกรรมอะไรเยอะแยะมากมายที่ไม่เคยได้ทำในตอนมัธยมอีก



คือตอนนั้นก็เข้าบ้างไม่เข้าบ้างแล้วแต่อารมณ์ ทุกวันนี้ผมก็ยังเป็นแบบนั้นนั่นแหละ คือคนไม่ชอบทำกิจกรรมจะมาให้ทำกิจกรรมมันก็ไม่ใช่อะครับ ผมก็เลยไม่ค่อยได้เข้าร่วมอะไรแบบนั้นสักเท่าไหร่ อืม...คงไม่ใช่แค่ผมหรอก ทั้งกลุ่มผมนี่แหละตัวดีเลย มีกิจกรรมเมื่อไหร่ก็พากันโดดแทบจะทุกที



และถึงแม้กลุ่มผมจะหน้าตาดีกันสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่มีใครเลยสักคนที่จะสนใจไปประกวดเดือนคณะ คณะก็ดีครับไม่ได้บังคับอะไร เขาก็เลือกคนที่สมัครใจไป ได้ไม่ได้ตำแหน่งก็ค่อยว่ากันอีกที ผมว่ายังไงกองประกวดเขาก็ต้องดูแลเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้วและปีนั้นก็ผิดคาดจริงๆที่ไอ้เดือนนิตินั่นมันได้รองเดือนมหา’ลัยมา ก็ดีใจกับมันด้วยล่ะครับ



“สวัสดีครับพี่ยีนส์”



ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงก็เจอเข้ากับไอ้เด็กเจ้าจอมที่ยืนส่งยิ้มมาให้ผมฝั่งตรงข้าม ตอนแรกกะว่าจะไล่มันไปแล้วแต่พอนึกถึงคำพูดพี่ภูมิใจก็ต้องพยักหน้าแกนๆรับคำสวัสดีมัน



“เออๆ”



“ผมขอนั่งด้วยได้มั้ยครับ?” มันถามแบบนั้นแต่มันก็เอาตัวมันนั่งลงตรงข้ามผมเรียบร้อยแล้ว ดูมันครับไอ้ห่าเจ้าจอมนี่กวนตีนฉิบหาย



“ถ้ามึงจะนั่งแล้วค่อยมาถามกูทีหลังก็ไม่ต้องถาม”



“ขอโทษครับพี่”



“เออกูก็ไม่ได้ว่าอะไร”



จากนั้นเราก็เงียบไปเหมือนไม่เรื่องจะคุยกัน ไอ้เด็กนั่นก็เอาแต่นั่งยิ้มแล้วหันไปมองรอบๆส่วนผมก็ได้แต่นั่งทำหน้าเซ็งๆรอน้องอิงค์อย่างคนไม่มีอะไรทำ ขนาดมีไอ้เด็กเจ้าจอมมันนั่งฝั่งตรงข้ามยังไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับมันเลยครับ



“พี่มานั่งรอใครเหรอครับ?” ไอ้เด็กนั่นมันถามตอนที่ผมกำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา



“มึงรู้ได้ยังไงว่ากูมานั่งรอใคร บางทีกูอาจจะมานั่งเล่นแถวนี้ก็ได้”



“หรอครับ? ผมก็แค่เดาว่าพี่มานั่งรอคน ไม่คิดว่าจะมานั่งเล่นที่นี่เฉยๆ” ผมพูดไปยิ้มไปตามปกติของมัน



อยากจะถามไอ้เด็กนี่จริงๆว่ามันเมื่อยปากบ้างหรือเปล่าทำไมถึงยิ้มได้มันได้ทั้งวี่ทั้งวันขนาดนั้นวะ ขนาดผมที่ต้องยิ้มให้สาวๆบางทีก็ยังเมื่อยเลย



“ทำไม ถ้ากูจะมานั่งเฉยก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรไม่ใช่เหรอ?”



“ก็คงไม่แปลกหรอกมั้งครับ”



“เออ แล้วมึงล่ะ ไม่มีเรียนแล้ว?” ผมถามมันกลับบ้าง



“ไม่มีครับ ผมมานั่งรอเพื่อน”



“อืม” ผมพยักหน้าเข้าใจ ไม่รู้จะชวนมันคุยอะไรต่อก็เลยเงียบแทน



“เมื่อคืนพี่ภูมิใจบอกว่าโทรหาพี่”



“ก็ตามนั้น”



“อ่า...ครับ” มันตอบรับพร้อมกับพยักหน้าขึ้นลง เหมือนอยากจะชวนพูดแต่มันก็ไม่มีเรื่องจะพูดอะไรประมาณนั้น ดูแล้วก็ตลกมันดีครับ



“แล้วมึงเป็นไงบ้าง?” ผมก็เลยตัดสินใจถามมันแทน



“พี่หมายถึง?” มันเอียงคอมองทำท่าทางงงกับคำถามของผมไม่น้อยเลย



“ก็เรื่องเพื่อนเรื่องเรียนอะไรแบบนี้ โอเคหรือเปล่า?”



มันนั่งนึกสักพักก็คลี่ยิ้มออกมา ตามันเป็นประกายและปากมันก็มีรอยยิ้มน่ามองจนทำให้ผมเผลอมองมันยิ้มอยู่นาน กระทั่งมันพูดขึ้นผมถึงได้รู้ตัวแล้วกระแอมไอนิดหน่อยที่จู่ๆก็เผลอเคลิ้มไปกับรอยยิ้มของมัน



“ก็ดีครับ ไม่มีปัญหาอะไร”



“อืม...ดีแล้ว”



มันยกแขนทั้งสองขึ้นมาตั้งไว้บนโต๊ะจากนั้นก็เท้าคางมองผมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มและดวงตาเป็นประกาย



“ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”



ทำไมบรรยากาศมันเหมือนคนกำลังจีบกันเลยวะ



“อะ...เออ กูจะได้ไปบอกพี่ภูมิใจได้ว่าไม่ต้องเป็นห่วงมึงมาก” ก็ที่ถามไปแบบนั้นจริงๆก็ถามให้พี่ภูมิใจเขานั่นแหละ ก็เห็นพี่มันเป็นห่วงน้องขนาดนั้น



“อิงค์!”



ไอ้เด็กเจ้าจอมมันส่งเสียงเรียกชื่อที่ผมคุ้นเคยจากนั้นก็ลุกขึ้นไปหาน้องอิงค์ที่ผมนั่งรอมานานสองนานด้วยรอยยิ้ม



ไม่รู้ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกันแต่ก็ดูจะคุยกันอย่างออกรสออกชาติและสนุกสนานอยู่ไม่น้อยเลยถึงได้พากันหัวเราะเสียงดังไม่เกรงใจผู้คนแถวนี้



จนกระทั่งสองคนนั้นเดินกลับมาที่โต๊ะที่ผมนั่งอยู่นั่นแหละจึงหยุดหัวเระกันแล้วหันมาสนใจผมที่กำลังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้สักที



“พี่ยีนส์สวัสดีค่ะ” น้องอิงค์ยกมือไหว้ผมที่ยิ้มรับไหว้ด้วยความเต็มใจ



“เราจะไปกันเลยมั้ย?” ผมถามน้อง



“ขออีกแป๊บนึงนะคะอิงค์ขอคุยกับเพื่อนหน่อย” เธอหันไปหาไอ้เด็กเจ้าจอม “อ่า...อิงค์ลืมแนะนำให้พี่ยีนส์รู้จักเลยค่ะ นี่....”



“ไม่ต้องหรอก พี่รู้จักแล้ว” ผมพูดขัดน้องอิงค์ขึ้นก่อน



อิงค์เลยมองหน้าผมจากนั้นก็หันไปมองหน้าเจ้าจอมมันต่อเพื่อต้องการคำยืนยัน



“อือ...เรากับพี่เขารู้จักกันแล้ว”



“อ๋อ...งั้นอิงค์ขอตัวคุยกับเจ้าจอมหน่อยนะคะพี่ยีนส์”



ผมมองทั้งสองคนสลับกันแม้จะงงนิดหน่อยที่เห็นไอ้เด็กเจ้าจอมกับอิงค์เป็นเพื่อนกันแต่ผมกพยักหน้ายอมให้อิงค์ไปคุยกับมัน



“ครับ พี่รออยู่นี่แหละ”



“งั้นเดี๋ยวอิงค์มานะคะ”



มองสองคนนั้นเดินออกไปคุยกันผมก็เลยต้องล้มตัวลงนั่งที่เดิมต่อ เด็กสองคนนั่นคงคุยกันไม่นานหรอกมั้งเดี๋ยวก็คงจะคุยกันเสร็จ



 แต่ผมก็สงสัยอยู่อย่างว่าทำไมไอ้เด็กเจ้าจอมที่อยู่ปีหนึ่งถึงได้มารู้จักอิงค์รุ่นพี่ที่อยู่ปีสองได้ มันน่าแปลกใจจริงๆแต่ก็คงไม่มีอะไรหรอก ถ้าให้เดาจากนิสัยไอ้เจ้าจอมมันก็คงรู้จักคนไปทั่วนั่นแหละ



จะว่าไม่นานก็ไม่ใช่จะว่านานก็ไม่ใช่อีกแต่ก็นั่นแหละหลัวงจากที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียวอิงค์ก็เดินกลับมาหาผมที่นั่งรออยู่โดยปราศจากไอ้เด็กเจ้าจอม สงสัยมันจะกลับไปแล้วมั้งครับ



“อิงค์ขอโทษนะคะที่ทำให้พี่รอนานเลย” เธอว่าอย่างรู้สึกผิด



ผมก็พยักหน้าเข้าใจ “ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ไปกันเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันดูหนัง”



ผมกับอิงค์พากันขึ้นรถเพื่อจะไปยังห้างสรรพสินค้าที่ได้จองตั๋วหนังไว้เรียบร้อยแต่ระหว่างขับรถสิ่งที่ค้างคาใจผมมันก็ไม่หายไปสักที ผมก็เลยตัดสินใจเลียบๆเคียงถามอิงค์เผื่อจะทำให้ผมคลายสงสัยได้บ้าง



“เอ่อ...พี่ถามอะไรนิดหน่อยได้มั้ยครับ?”



อิงค์หันมายิ้มให้ “ได้ค่ะ พี่ยีนส์มีอะไรหรือเปล่าคะ?”



“คือพี่สงสัยว่าอิงค์กับเจ้าจอมรู้จักกันได้ยังไง อ่า...คือไม่ใช่ว่าพี่คิดว่าอิงค์กับมันมีอะไรกันนะครับคือพี่แค่แปลกใจเฉยๆน่ะ”



“ฮ่าๆ อิงค์กับเจ้าจอมรู้จักกันมานานแล้วน่ะค่ะ พอดีเราเคยเรียนมัธยมที่เดียวกันค่ะ”



“อ๋ออย่างนี้นี่เอง” คือผมก็สงสัยอยู่ดีอ่ะเอาจริงๆแต่ก็ไม่อยากละลาบละล้วงอะไรให้น้องรำคาญผมเลยได้แต่นั่งเงียบ



ก็คิดว่าจะไม่มีใครพูดอะไรแล้วแต่หลังจากนั้นเสียงของอิงค์ก็ดังขึ้นทำให้ผมตั้งใจฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูด



“จริงๆแล้วเราสองคนเคยคบกันน่ะค่ะ” ผมเหลือบไปมองอิงค์น้อยๆก็เห็นเธอยังคงยิ้มอยู่



ถ้าเคยคบกันงั้นก็แสดงว่าตอนนี้ไอ้เด็กเจ้าจอมนั่นมันก็เป็นแฟนเก่าอิงค์สินะ...



อ่า...ช่วงนี้ทำไมถึงมีแต่เรื่องบังเอิญเกิดขึ้นกับผมบ่อยจริงๆเลยตั้งแต่ได้เจอกับไอ้เด็กเจ้าจอม



นี่ล่ะน้าาาา...ที่เขาบอกกันว่าความบังเอิญของโลกใบนี้มีอยู่จริงๆ






TBC...

เรากลับมาแล้วแต่มานิดนึงแต่ก็มานะ
#นิติผูกพัน
ฝากติดตามด้วยค่าา
ช่องทางติดต่อข่าวสารนิยายติดตามได้ทาง
Twitter







ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จอมเป็นคนแบบไหนนะ ถึงทำให้พี่เป็นห่วงต้องฝากให้ยีนส์ดูแล  :hao4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
น่าสงสัย......... :m16:
ทำไมต้องฝากน้องกับยีนส์
เจ้าจอมต้องมีอะไรที่น่ากังวลหรือ    :mew2: :really2: :hao3:

ยังสงสัยรอยแดงที่คอยีนส์ มันยังไง ที่มา มาได้ไง
หรือนี่คือเหตุที่พี่ภูมิใจฝากกับยีนส์
จอม ชอบไปทำรอยที่คอหนุ่มใช่หรือเปล่า   :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
ตอนที่4

รับหรือไม่รับ


วันนี้ผมต้องตื่นตั้งแต่เช้าเพราะมีเรียนแปดโมงครึ่ง วิชานี้สายไม่ได้เพราะอาจารย์ท่านนี้โหดเกินไปหากใครสายแม้แต่นาทีเดียวอาจารย์จะล็อคห้องและไม่ให้เข้าห้องเลย ฉะนั้นเมื่อถึงวันที่ต้องเรียนวิชาของอาจารย์คนนี้ผมก็ต้องตั้งนาฬิกาปลุกเสียงดังๆให้มันร้องปลุกผมตั้งแต่ตีห้า เอาสินี่ถ้าไม่ตื่นก็ได้หูแตกกันไปข้างอ่ะ



ดีที่เมื่อคืนผมนอนเร็วเพราะเพลียจากการไปเล่นบอลกับเพื่อนวันนี้ก็เลยตื่นตั้งแต่หกโมงแต่นาฬิกาก็ร้องปลุกผมตั้งสี่รอบแน่ะ นี่ไม่เขวี้ยงโทรศัพท์ตัวเองทิ้งก็บุญเท่าไหร่แล้ว



ผมลงมาหาอะไรกินที่ตลาดเช้าใกล้คอนโด ได้ข้าวต้มมาหนึ่งถุง ปาท่องโก๋สิบบาทและน้ำเต้าหู้ไม่หวานอีกหนึ่งถุง พอซื้อเสร็จก็เอากลับมากินที่ห้อง กะเวลาไว้แล้วว่าผมจะออกจากห้องตอนเจ็ดโมงครึ่งเผื่อรถติดต่างๆนาๆ



ตอนเดินกลับมาห้องตัวเองก็บังเอิญเห็นไอ้เด็กเจ้าจอมกำลังเดินออกมาจากห้องของมันด้วยชุดออกกำลังกายพอดี สงสัยมันคงจะไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสข้างล่างนี้ล่ะมั้ง ผมจะเดินผ่านและทำเป็นมองไม่เห็นมันแล้วแต่ไอ้เด็กบ้านั่นมันดันมาเห็นผมพอดีแล้วเรียกทักผมไว้ก่อน



“อรุณสวัสดิ์ครับพี่” มันโบกมือทักทายพร้อมกับยิ้มให้ผมตามฉบับของมัน เห็นหน้ามันแล้วก็เบื่อขี้หน้ามันฉิบหายทำไมผมต้องมาบังเอิญเจอมันทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกด้วยวะ



“เออ หวัดดี”



“ไปซื้ออะไรมาแต่เช้าครับ”



อยากจะตอบมันว่ามึงก็แหกตาดูสิไอ้ห่า ตาก็ไม่ได้บอดก็มองเอาเองไม่ต้องมาถามเพราะขี้เกียจตอบและขี้เกียจสนทนากับไอ้เด็กนี่ฉิบหาย



“ของกิน” ผมตอบสั้นๆทำท่าจะเดินหนีมันเข้าห้องแต่มันก็ยังจะถามผมต่ออีก เออถามให้จบเลยไอ้เด็กบ้า



“พี่มีเรียนเช้าเหรอครับ”



โว๊ะ! ใส่ชุดนักศึกษาตั้งแต่เช้าขนาดนี้นี่กูคงเรียนบ่ายมั้ง ช่วยใช้สมองมึงคิดด้วยไอ้เจ้าจอม



“อืม”



“ผมได้ยินมาว่าวันนี้เป็นวันเฉลยพี่ติว ไว้เจอกันนะครับ” มันโบกมือลาผมโดยที่ผมยังไม่ทันได้ตอบหรือได้ตั้งตัวอะไร



ไอ้เด็กห่าไปไวมาไวยิ่งกว่าสัญญาณโทรศัพท์ผมซะอีก



แต่ว่าผมพึ่งรู้เมื่อกี้จากไอ้เจ้าจอมมันนั่นแหละว่าวันนี้เป็นวันเฉลยพี่ติว แล้วไอ้คำที่มันบอกว่าไว้เจอกันนี่มันหมายความว่ายังไง มันรู้แล้วเหรอว่าผมเป็นพี่ติวของมัน ผมว่าผมก็ไม่ได้แสดงพิรุธอะไรให้มันเห็นด้วยซ้ำนะแถมคำใบ้ที่ผมให้มันไปก็แสนจะยากขนาดนั้นมันคงไม่มีทางรู้หรอกเพราะดูมันก็ไม่ใส่ใจที่จะหาพี่ติวของมันเหมือนกัน



ช่างเถอะผมคงคิดมากไปเอง...






กว่าผมจะเดินทางฝ่าการจราจรที่ติดขัดมาถึงมหา’ลัยได้ก็เกือบแปดโมงสิบนาที ผมรีบวิ่งติดสปีดขึ้นอาคารเรียนไปอย่างรวดเร็วเพราะกลัวจะสายและไม่ทันเข้าเรียนของอาจารย์คนนี้



เอาจริงๆถ้าข้อสอบอาจารย์ไม่ยากและอาจารย์ไม่ออกตรงตามเนื้อหาที่สอนผมก็ไม่เข้าหรอกในเมื่อวิชานี้อาจารย์เขาก็ไม่ค่อยเช็คชื่อเท่าไหร่แต่จะซวยมหาประลัยก็ตอนสอบนี่แหละถ้าไม่เข้าเรียนคลาสอาจารย์ท่านนี้



“โอ้โห นี้มึงวิ่งมาจากคอนโดหรือยังไงถึงได้หอบแดกขนาดนี้” ไอ้เป๋ามันร้องทักตอนที่ผมเข้ามาในห้องเรียนแล้วหย่อนก้นลงนั่งข้างๆมัน



“ไม่ใช่ก็เหมือนใช่แหละวะ” ผมบ่นให้มันฟัง หายใจหอบแฮ่กๆเสมือนหมาที่อยู่หน้าเซเว่นมหา’ลัยเวลามันเหนื่อยหรือมันร้อน



แต่เอ๊ะ! ผมจะเอาตัวเองไปเทียบกับหมาทำไมวะ งง...



“แล้วนี่อะไรมึงพกปาท่องโก๋มากินในห้องด้วยเหรอวะ ระวังอาจารย์เห็นแล้วจะไล่ออกจากห้องนะเว้ย” ไอ้เป๋ามันว่าแล้วชี้ไปที่ถุงปาท่องโก๋ที่ผมหยิบติดมือมาด้วยเพราะกินไม่ทัน



ก็เพราะไอ้เด็กเจ้าจอมมันนั่นแหละที่มัวแต่ถามนู่นถามนี่ผมจนผมกินของที่ซื้อมาไม่ทัน นี่กินข้าวต้มกับน้ำเต้าหู้หมดก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว



“กูกลัวมาเรียนสายนี่หว่า” ตอบพร้อมกับยัดปาท่องโก๋เข้าปากตัวเองแล้วเคี้ยวหงับๆ



เจ้านี้อร่อยที่สุดในย่านนั้นแล้ว ถ้าวันไหนผมตื่นเร็วผมก็จะลงไปซื้อปาท่องโก๋กับเจ้านี้ตลอดแต่บางครั้งเขาก็เปิดขายถึงตอนเย็นผมที่ชอบตื่นสายและตื่นไม่ทันเขาตอนเช้าก็ยังพอได้กินอยู่



“อ่าว นี่มึงไม่รู้หรอว่าอาจารย์จะเลทไปสอนเก้าโมงครึ่ง”



ผมหันขวับไปมองไอ้เป๋าก่อนจะอุทานทั้งที่ปาท่องโก๋ที่พึ่งเอาเข้าปากยังคงคาปากอยู่แบบนั้น



“ห้ะ!? มึงพูดใหม่ซิ” ผมถามมันอีกรอบเพราะอาจจะหูแว่วหรือหูเพี้ยนไปเองที่ได้ยินอย่างนั้น



“ก็อาจารย์ขอเลทไปสอนตอนเก้าโมงครึ่งเห็นว่าติดธุระอะไรสักอย่างนี่แหละ”



ถึงว่าล่ะทำไมตอนนี้ผมไม่เห็นเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มเลยนอกจากไอ้เป๋า ซึ่งไอ้เป๋าเพื่อนผมเนี่ยเป็นขาประจำที่มาเรียนเช้า มาเรียนก่อนเวลาและมานั่งหน้าสลอนก่อนอาจารย์เขาสอน



แล้วเมื่อกี้ตอนเข้ามาทำไมผมถึงไม่ได้เอะใจอะไรเลยวะ สงสัยตอนนั้นคงรีบเลยไม่ทันได้สังเกตว่าเพื่อนในคณะนั่งอยู่ในห้องนี้ไม่ถึงยี่สิบคนด้วยซ้ำ ไอ้กะละมังถังหม้อเอ๊ย!!



“ทำไมมึงรู้แล้วทำไมกูไม่รู้”



“มึงถามตัวเองก่อนว่าเคยเปิดแจ้งเตือนแชทกลุ่มหรือเปล่า?” มันย้อนถามผมกลับซึ่งเป็นคำถามที่ผมไม่สามารถพูดอะไรกับมันได้อีก



อืม...ผมผิดก็ได้ที่ชอบปิดแจ้งเตือนแชทกลุ่มของคณะ ถือว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน ถามว่าต่อไปจะเปิดแจ้งเตือนแชทกลุ่มมั้ย ก็ไม่แหละครับเพราะเวลาพวกคนในคณะคุยกันแจ้งเตือนแม่งรัวจนเครื่องค้างเลย ถึงแม้อาจจะพลาดเวลาอาจารย์แจ้งงดคลาสหรือแจ้งสอนเลทไปบ้างผมก็คิดว่าตัวเองไม่เป็นไรหรอก วันหลังก็ค่อยโทรถามเพื่อนมันเอาก็ได้ผมไม่ซีเรียส



“เออช่างแม่ง คิดว่าเผื่อเวลากินปาท่องโก๋ก็แล้วกัน” ผมตอบไอ้เป๋ามันไปแล้วหันมาสนใจกินปาท่องโก๋ของตัวเองต่อไม่ได้ชวนไอ้เป๋ามันคุยอะไรอีกเพราะมันกำลังเล่นเกมอยู่



พอคิดแบบนี้ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย






หลังจากเรียนวิชามหาโหดกันเสร็จพวกผมกลุ่มหล่อก็มาหาอะไรกินที่โรงอาหารของคณะ เที่ยงๆแบบนี้คนก็เยอะปกติและเป็นที่ชินหูชินตากับสภาพแวดล้อมแบบนี้แล้ว



วันนี้ไอ้หมอกไม่มาเรียนเห็นว่าไม่สบายแต่มันไม่เป็นไรหรอกครับเรื่องเรียนในเมื่อไอ้ห่าหมอกนั่นฉลาดโดยที่ไม่ต้องเข้าฟังทุกคาบก็ยังได้ ไอ้หมอกมันหัวดีแถมขยันอีกทั้งยังมีพ่อเป็นถึงอัยการ อาจารย์หลายๆท่านจึงชื่นชมมันและมักจะเรียกมันทุกครั้งเมื่อมีกิจกรรมเกี่ยวกับพวกกฎหมาย



“คนเยอะไปหรือโต๊ะมันน้อยไปวะ?” ไอ้เตอร์ถามขึ้นตอนที่พวกเราหยุดยืนหาโต๊ะในโรงอาหาร



“นั่นดิแต่ก็ยังดีที่มีโต๊ะเหลือให้พวกเรานั่ง” ผมว่าแล้วชี้ไปที่โต๊ะว่างเพียงหนึ่งเดียว



ตอนนี้คงชักช้าและทำเพียงยืนมองไม่ได้ พวกผมเลยต้องรีบเดินเร็วๆไปจองโต๊ะแต่ก็ไม่ทันเมื่อมีใครบางคนมันมาตัดหน้าโต๊ะที่พวกผมหมายตาไว้ก่อน



โธ่เว้ย! อีกแค่ปลายนิ้วก้อยก็จะถึงโต๊ะแล้วเชียว



“อ้าวพี่ๆ สวัสดีครับ” ยังมีหน้ามาไหว้พวกผมอีก ดูพวกมันครับแต่พวกผมก็รับไหว้มันด้วยการพยักหน้าตอบรับไป



ผมมองหน้าไอ้เด็กเจ้าจอมที่ส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตรและมีเพื่อนมันอีกสองคนนั่งหน้าสลอนมองพวกผมที่ยืนค้ำหัวพวกมันอยู่



“ไม่มีโต๊ะแล้วว่ะ” ไอ้เป๋าว่าขึ้นอย่างเสียดายและทำหน้าสิ้นหวังสุดๆ



“ไปกินข้างนอกกันดีป่ะพวกมึง” ไอ้เตอร์มันถามและมองพวกผมเพื่อขอคำตอบ



“ไม่ทันหรอก อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เรียนแล้ว” ไอ้คินมันว่าอีกทำให้พวกผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย



จริงๆทุกครั้งก่อนเรียนวิชาถัดไปในวันนี้ก็เหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงแหละถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ปล่อยเลทเนื่องจากอาจารย์บอกว่าเพื่อชดเชยให้เวลาที่อาจารย์มาสายและกลัวสอนเนื้อหาไม่ทัน พวกเราชาวคณะก็เลยต้องเลิกช้ากันไปเกือบสามสิบนาที



“เอ่อ...ถ้าพี่ไม่ถือก็นั่งกับพวกผมได้นะครับ” เสียงไอ้เจ้าจอมมันเสนอขึ้นทำเอาพวกผมหันไปมองและคิดว่าข้อเสนอที่มันบอกก็น่าสนใจดีเหมือนกัน



“เอาไง?” ไอ้ไฟถามด้วยหน้าง่วงๆ



“เออตามน้องมันว่าแหละ พวกพี่ขอนั่งด้วยแล้วกัน ขอบใจมาก” ไอ้เตอร์มันบอก พวกเราก็เลยเออออไปกับมันเพราะหากช้ากว่านี้ก็คงจะเข้าเรียนสาย



“ยินดีครับพี่” เจ้าจอมมันว่าแล้วยิ้มให้พร้อมกับที่มันย้ายที่ไปนั่งกับเพื่อนตัวเองอีกฝั่งและเว้นที่ไว้อีกฝั่งเพื่อให้พวกผมนั่ง



ทั้งกลุ่มผมและกลุ่มไอ้เจ้าจอมแยกย้ายกันไปซื้อข้าวโดยมีไอ้เป๋าเป็นคนเฝ้าโต๊ะไว้ให้และผมจะซื้อข้าวไปให้มันแทน



ผมแยกเดินมาซื้อข้าวมันไก่ร้านที่คนน้อยที่สุดเพราะขี้เกียจรอและหิวจนกระเพาะร้องดังแข่งกับเสียงคนได้เลยมั้ง ระหว่างรอก็ก้มนับเศษเหรียญที่ไอ้เป๋ามันเอาให้มาซื้อข้าว อยากจะด่ามันเหมือนกันที่ไม่ยอมชักแบงค์ยี่สิบในกระเป๋าออกมาให้ผมแต่ก็ช่างเถอะกับคนอย่างมันด่าไปก็เสียเปล่าอีกอย่างคุณป้าร้านขายข้าวก็คงต้องการเหรียญเหมือนกัน



“โอ๊ะ!”



ผมทำเหรียญสองบาทที่ทั้งเล็กทั้งบางหล่นลงพื้น มองมันกลิ้งหลุนๆแล้วไปหยุดอยู่ที่ปลายเท้าของใครคนหนึ่ง ผมกำลังจะก้มลงเก็บแต่ไม่ทันใครคนนั้นที่ก้มลงมาแล้วหยิบเหรียญสองบาทนั่นแต่หัวเราสองคนดันชนกันดังโป๊กจนร้องโอดโอยออกมาทั้งคู่



“ขอโทษครับๆ” เสียงอันคุ้นเคยทำให้ผมที่กำลังลูบหัวตัวเองเงยหน้ามองแล้วก็พบว่าเป็นไอ้เจ้าจอมที่กำลังขอโทษขอโพยผมอยู่



มึงอีกแล้วเหรอ!?



ผมมองมันอย่างเซ็งๆไม่ว่าจะไปที่ไหนหรืออยู่ในเหตุการณ์ไหนไอ้เด็กนี่ก็มักจะโผล่มาถูกที่ถูกเวลาเสมอเลย นี่โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับผมหรือเปล่าวะ ทำไมต้องให้ผมกับมันมาเจอกันบ่อยๆด้วย



“เออ ขอเงินคืนด้วย” ผมแบมือเพื่อขอเงินสองบาทที่หล่นลงพื้นเมื่อกี้คืน



“ครับ” มันยื่นมาวางไว้บนมือผมและยิ้มให้ผมเหมือนอย่างเคย



อยากจะขอซื้อหน้ายิ้มของมันไปทิ้งเหลือเกิน....



“ขอบใจ”



“ไม่เป็นไรครับ”



จากนั้นเจ้าจอมมันก็เดินแยกไปทางอื่นส่วนผมก็เข้าต่อคิวร้านข้าวมันไก่เหมือนเดิม เหลือคิวอีกสองคนผมกับไอ้เป๋าก็จะได้กินข้าวกันแล้ว






ตอนเลิกเรียนก่อนออกจากห้องประธานปีสามก็ย้ำกับพวกผมว่าให้ไปเจอกันที่ลานกิจกรรมเพราะวันนี้เป็นวันเฉลยพี่ติว ไอ้ผมก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่แต่ให้ทำไงอีกใจก็อยากไปเห็นหน้างงๆของไอ้เจ้าจอมเหมือนกันที่ตอนนี้มันก็คงยังแกะคำใบ้ของผมไม่ออกและมันคงไม่รู้ว่าผมเป็นพี่ติวของมัน



ครั้งนี้ผมต้องไปคนเดียวเพราะไอ้พวกเพื่อนๆสุดแสนที่จะรักผมทั้งหลายมันได้หนีผมไปไม่กี่วินาทีก่อนหน้าเห็นแล้วก็รู้เลยว่าพวกมันรักผมมากจริงๆ



ซึ้งใจว่ะ...ถุย!



พวกปีสามรวมไปถึงผมยกโขยงกันมาที่ลานกิจกรรมซึ่งตอนนี้มีเด็กปีหนึ่งนั่งหน้าสลอนกันอยู่ ส่วนปีสองก็ชวนน้องพูดคุยแก้เบื่อระหว่างรอพวกปีสามมา



“อ่า...พี่ปีสามมาแล้วครับ น้องๆสวัสดีพี่เขาหน่อย” ไอ้เก๋าประธานกิจกรรมประกาศใส่โทรโข่งที่มันคงเตรียมมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ



พวกเด็กปีหนึ่งและปีสองที่อยู่บริเวณนั้นก็หันมาสวัสดีตามที่ไอ้เก๋าบอกอย่างพร้อมเพรียงกันจากนั้นไอ้เก๋ามันจึงเริ่มพูดเข้าเรื่องที่นัดมาในวันนี้สักที



“มีใครรู้มั้ยครับว่าวันนี้ทำไมพวกพี่ถึงนั้นพวกเรามาที่ลานกิจกรรมแห่งนี้” ไอ้เก๋ามันถามพร้อมกับยกมือขึ้นเพื่อเป็นการแสดงว่าถ้าใครอยากตอบก็ยกมือขึ้นตอบพี่ได้เลย



เอาจริงๆถ้าเป็นผมผมก็คงจะบอกมันว่าถ้ามึงรู้มึงก็รีบๆพูดมา เสียเวลาฉิบหาย



“พี่นัดมาเฉลยพี่ติวค่า” น้องผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งข้างหน้าตอบเสียงดังฟังชัดด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว



ไอ้เก๋าก็พยักหน้าให้น้องแล้วส่งยิ้มให้ “ใช่ครับ วันนี้พวกพี่จะมาเฉลยพี่ติวของน้องๆกัน เดี๋ยวพี่จะมอบหน้าที่นี้ให้พี่สาลี่เป็นคนบอกน้องๆนะครับ”



สาลี่สาวลูกครึ่งเดินมาแทนที่ไอ้เก๋าพร้อมกับรับโทรโข่งไปถือไว้กับตัวเองก่อนจะเริ่มทักทายน้องด้วยความสดใสร่าเริงตามประสาพี่สันฯ



“สวัสดีค่าน้องๆที่น่ารักของพี่ วันนี้ก็รู้กันแล้วใช่มั้ยเอ่ยว่าพวกพี่นัดน้องๆมาทำอะไรกัน ก่อนอื่นเลยทุกคนเอาคำใบ้ที่พี่ให้เมื่ออาทิตย์ก่อนมากันครบใช่มั้ยจ๊ะหรือมีใครลืมเอามามั้ยเอ่ย...?”



“ครบค่า/ครบครับ”



“ดีมากจ้า ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาพี่จะเริ่มให้น้องๆไปหาพี่ติวของตัวเองแล้วยืนคู่กับพี่ไว้น้า ทุกคนเข้าใจมั้ยค้า”



“เข้าใจค่า/ครับ” เด็กปีหนึ่งตอบอย่างเสียงดังฟังชัด



“ถ้าเข้าใจแล้วก็ลุกไปหาพี่ติวของตัวเองแล้วอย่าลืมยื่นคำใบ้ให้พี่ติวดูด้วยนะจ๊ะ ส่วนใครที่ยังหาพี่ติวไม่ได้พวกพี่ก็จะมีรางวัลเล็กๆน้อยๆให้กับน้องน้า สู้ๆจ้าพี่ให้เวลาสิบนาทีนะคะ”



หลังจากนั้นเด็กปีหนึ่งมันก็พากันลุกขึ้นแตกฮือเดินหาพี่ติวของตัวเองไปทั่วลานกิจกรรม ตั้งแต่ผมมาผมยังไม่เห็นไอ้เด็กเจ้าจอมนั่นเลยคงเพราะไม่ได้สังเกตอีกอย่างผมก็ยืนอยู่ข้างหลังแถวเด็กปีหนึ่งมันก็เลยไม่สามารถมองเห็นหน้าและหามันเจอได้



เอาเถอะถึงมันจะมาแต่มันคงไม่รู้ว่าผมเป็นพี่ติวของมันแน่นอนเชื่อผมสิ!



ผมยืนกอดอกกระดิกนิ้วเท้าเล่นอย่างเพลิดเพลินและสบายอารมณ์เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไอ้เด็กนั่นมันคงจะหาผมไม่เจอและมันอาจจะได้รางวัลเล็กๆน้อยๆที่ผมเตรียมไว้แล้วฝากเด็กปีสองไปมอบให้แค่คิดก็อยากจะขำดังๆแล้วถ้าหากไม่กลัวว่าคนอื่นจะหาว่าบ้าที่ผมยืนหัวเราะคนเดียว



มองเด็กปีหนึ่งที่ทยอยจับคู่กับพี่ติวของตัวเองไปได้หลายคู่ บางคู่ไอ้พี่ติวมันก็ให้น้องแปลคำใบ้ของมันที่ให้น้องไปสงสัยมันจำไม่ได้แต่น้องๆก็เก่งดีครับที่แค่เห็นคำใบ้ก็สามารถรู้ได้เลยว่าใครเป็นเจ้าของ



เห้อม...ยืนนานๆก็ชักจะเมื่อยงั้นหนีกลับเลยดีกว่าเพราะยังไงผมก็คิดว่าไอ้เจ้าจอมมันคงไม่รู้ว่าผมเป็นพี่ติวของมันซึ่งข้อนี้จะให้ย้ำกี่ล้านรอบผมก็โคตรของโคตรมั่นใจเล...ย



ยังไม่ทันคิดจบก็มีเด็กหนุ่มท่าทางและหน้าตาที่ผมคุ้นเคยยืนหอบแฮ่กๆอยู่ตรงหน้าเห็นแล้วก็อยากจะอุทานคำหยาบที่มีบนโลกใบนี้ออกมาแต่ติดที่ว่าตอนนี้สมองว่างเปล่าเหลือเกิน



ไอ้เจ้าจอม!!



“พี่ยีนส์ผมหาตั้งนานมายืนอยู่ตรงนี้นี่เอง” มันก้มลงแล้วเอามือยันเข่าตัวเองไว้แล้วหอบแฮ่กๆอยู่ตรงหน้าผม



“หาทำไม?” ผมทำมึนไม่รู้เรื่องว่ามันจะหาผมทำไมทั้งที่ในใจก็หวั่นเหลือเกินว่ามันจะรู้แล้วว่าผมเป็นพี่ติวของมัน



เฮ้ย! แต่มันจะรู้ได้ไงในเมื่อคำใบ้ผมก็ยากขนาดนั้น



“นี่ครับ” มันยื่นกระดาษที่แสนคุ้นตามาให้ผมทำเอาผมเหงื่อตก



ในนั้นมีคำใบ้ที่ผมจำได้แม่นเพราะเป็นคนคิดเอง



“...”



คือคำใบ้ของผมล่ะ



“อะไร?” ผมยังทำรวนไม่ยอมรับกระดาษที่มันยื่นให้



มันยืดตัวขึ้นมาพูดกับผมดีๆหลังจากหอบเสร็จ นี่มึงไปวิ่งมาราธอนมาหรือไงอะไรมันจะเหนื่อยขนาดนั้นวะ



“ก็กระดาษคำใบ้ของพี่ไงครับ” เด็กตรงหน้ามันกลับมายิ้มให้ผมเหมือนเดิม



“รู้ได้ไง?”



“ก็...ผมคิดว่าคงมีพี่นี่แหละที่ใบ้อะไรแบบนี้ใส่กระดาษมา”



ถ้าไม่ติดว่ากระโดดถีบมันแล้วจะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายผมจะทำไปนานแล้ว นี่มันเหมือนว่าผมเลยอ่ะว่าไม่มีใครในคณะนี้กวนประสาทโดยการใบ้คำอะไรแบบนี้ลงไปแล้ว



แหม...อยากให้มันไปดูไอ้พวกที่เหลือจริงๆว่ามันใบ้ยากและใบ้บ้าบอกว่าผมซะอีก



“เหตุผลอะไรของมึง” ผมเท้าเอวถาม อีกไม่นานจะพามันนั่งลงใต้ต้นไม้ที่ยืนอยู่ตอนนี้แล้วนะ เมื่อยขงเมื่อยขาไปหมดแล้ว



“จริงๆผมรู้มาจากคนรู้จักของพี่น่ะครับ” ถึงจะอยู่ในสถานการณ์ไหนไอ้เด็กเจ้าจอมนี่ก็สามารถโปรยยิ้มสวยๆได้ตลอดเวลาเหงือกแห้งขึ้นมาผมจะขำให้



“ใคร?” ผมถามอย่างสงสัย



คนที่รู้ว่าผมได้เจ้าจอมเป็นน้องติวก็มีเพียงกลุ่มผมและไอ้ทาวน์กับไอ้ทิมเท่านั้น ถ้ามันบอกว่ารู้มาจากคนรู้จักผมแสดงว่าคนๆนั้นต้องอยู่ในกลุ่มที่ผมคิดแน่ๆ



ฮึ่ม!...ไอ้ฉิบหายใครมันเป็นหนอนบ่อนไส้ทำข้อมูลสำคัญรั่วไหลไปได้วะ



“คือ...พี่เขาไม่ให้บอกครับ”



อ่ะ...คีย์เวิร์ดคือพี่แต่แล้วยังไงไอ้พวกน่าสงสัยมันก็อยู่ในกลุ่มที่เป็นรุ่นพี่ไอ้เจ้าจอมกันหมด



“ถ้ามึงไม่บอกงั้นกูไปละ” ผมทำท่าโบกมือลาแต่เจ้าจอมมันก็เรียกไว้ก่อน



“เดี๋ยวสิครับพี่ยีนส์”



“อะไรอีก?” ผมทำหน้าทำตาไม่เข้าใจทั้งที่ในใจยิ้มกริ่มไปแล้ว เอาซี่เล่นกับคนอย่างยีนส์ก็ต้องเจอแบบนี้แหละ



“เฮ้อ...ครับๆผมยอมบอกแล้วแต่พี่ต้องรับปากก่อนว่าพี่จะไม่ทำอะไรพี่เขา” มันว่าอย่างยอมแพ้ไม่วายยังมีข้อแม้ในประโยคหลังอีก



“เออๆ” ผมรับปากไปงั้นอ่ะแต่ในใจเตรียมแผนจัดการไอ้ตัวทำข้อมูลรั่วไหลเรียบร้อยแล้ว



เดี๋ยวก่อนมึงเดี๋ยวมึงเจอกู!



“พี่เป๋าครับ...พี่เป๋าบอกผม”



ผมตบเข่าฉาดเดาไว้ไม่มีผิดเลยว่าต้องเป็นมัน แล้วถ้าจะให้ผมเดาต่อมันคงบอกตอนวันที่ฝากให้ไอ้เจ้าจอมมันพาผมขึ้นห้องตอนผมเมาแน่ๆ



“มันบอกตอนไหน?” ผมถามต่อ



“ผมว่าพี่รู้แค่ใครบอกก็พอแล้วครับ”



“บอกมาถ้าไม่บอกกูไม่รับเป็นน้องติวจริงๆด้วย” ผมขู่มันทั้งที่ไม่รู้ว่ามันสนใจอยากได้ผมเป็นพี่ติวหรือเปล่าแต่ช่างเถอะถ้ามันไม่อยากได้มันจะมาตามหาผมทำไมแถมยังมายืนบอกถึงไอ้ตัวหนอนบ่อนไส้กับผมอีก



“ก็ได้ครับ พี่เป๋าบอกผมตอนที่ฝากพี่ให้ผมไปส่งที่ห้องตอนที่พี่เมาวันนั้นนั่นแหละครับเขาบอกเป็นค่าตอบแทนสำหรับการช่วยเหลือ”



กูว่าแล้วซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้างวะแต่อะไรคือการที่มึงเอาข้อมูลสำคัญไปบอกไอ้เจ้าจอมแล้วบอกว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจเพื่อให้ดูดีวะไอ้ห่าเป๋า ยอมใจมึงเลย



“เออ ขอบใจ” ผมทำท่าจะเดินหนีเพื่อไปจัดการไอ้เป๋าที่คงนอนเล่นเกมอยู่ที่ห้องของมัน



“เดี๋ยวครับพี่!” แต่ก็โดนไอ้เจ้าจอมมันรั้งแขนไว้จนผมต้องหันกลับไปมอง



“อะไรอีก?”



มันยิ้มแล้วเขยิบมาใกล้ผมพอประมาณ



“พี่รับผมเป็นน้องติวหรือยังครับ?” มันถามเสียงนุ่มพร้อมกับมองตาผมเป็นประกายแต่ว่านะมึงไม่คิดจะปล่อยแขนกูเลยหรือไงไอ้เจ้าจอม



ผมบิดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของมันและมันก็ยอมปล่อยแต่โดยดี ถอนหายใจอย่างจำนนแล้วตอบคำถามมันจากนั้นก็เดินออกไปทันที



“เออรับ”






TBC....

ยังรอกันอยู่ม้ายยยย ขอโทษเด้อที่มาช้าไปแก้พล็อตเรื่องนิดหน่อยตอนนี้คิดว่าโอเคแล้วค่าา
#นิติผูกพัน

ช่องทางติดต่อข่าวสารนิยายติดตามได้ทาง
Twitter

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เป๋าจะเจ็บหนักหรือเปล่านะ  :hao4:

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
ตอนที่5

ผมเลี้ยงพี่เอง



ผมนั่งมองหน้าไอ้เป๋าเพื่อคาดคั้นความจริงกับมันมาเป็นเวลานาน แต่ไอ้เพื่อนเวรมันยังไม่ยอมรับและปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ผมกล่าวโทษมัน ดูมันสิครับตอแหลที่สุดในโลกเลย



“สรุปว่ามึงเป็นคนบอกไอ้เจ้าจอมใช่มั้ยว่ากูเป็นพี่ติวของมัน?” ไม่รู้ว่าผมถามมันเป็นรอบที่เท่าไหร่แต่ผมก็จะขอถามย้ำมันไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะยอมรับสารภาพออกมา




“บ๊า!! ใครมันจะไปบอก มึงเชื่อมันหรือไง?” เนี่ยเพราะเสียงสูงของมันนี่แหละที่ทำให้ผมไม่อยากจะเชื่อคำปฏิเสธของไอ้เป๋ามัน



“เออ กูเชื่อ”



“นี่มึงเชื่อคนอื่นมากกว่าเพื่อนรักอย่างกูเหรอวะไอ้ยีนส์ ฮรุก...กูเสียใจ” มันทำเป็นบีบน้ำตาคงจะคิดว่าวิธีนี้จะทำให้ผมเชื่อมันได้แต่เสียใจเถอะไอ้ห่าเป๋านี่มึงแสดงได้กากเรียกพี่เลย



“มึงหยุดตอแหลแล้วพูดความจริงสักทีไอ้ห่า!”



มันมองหน้าผมที่คงจะบึ้งตึงไม่น้อยก่อนจะขยับนั่งบนเตียงนอนของมันดีๆ



“สัญญาก่อนว่าถ้ากูพูดความจริงแล้วมึงจะไม่โกรธกู ไม่ทำอะไรกูด้วย” มันว่าแล้วหยิบหมอนใกล้ๆตัวมาตั้งการ์ดทำท่าป้องกันผมที่นั่งอยู่ตรงโซฟาปลายเตียงของมัน



“ไม่!” ผมตอบไปอย่างที่คิด “นี่มึงคิดว่าที่กูมาหามึงถึงห้องแค่เพื่อมาถามความจริงจากมึงเฉยๆหรือไงห้ะ?”



“อ้าวไอ้สัด งั้นกูไม่บอกแล้ว”



“มึงอย่าลีลา มึงพูดความจริงออกมาเดี๋ยวนี้!”



“ขู่กูจังเลยห่ามึง กูก็แค่บอกน้องมันนิดๆหน่อยๆเอง” มันว่าเสียงเบาแต่ผมก็ยังได้ยิน



“มึงบอกอะไรมันไปบ้าง?”



มันทำท่าลังเลจะไม่ตอบแต่ผมก็จ้องเขม็งมันอยู่สุดท้ายมันเลยเปิดปากพูดออกมา



“ก็...เออไอ้ห่าอย่าจ้องกูแบบนั้นดิวะมันกดดัน” ไอ้เป๋าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้



เอาจริงๆผมก็อยากจะขำหน้ามันตอนนี้มากเลยนะแต่ก็ต้องนั่งเก๊กไว้ก่อนไอ้เป๋านี่ยิ่งแกล้งยิ่งสนุกจริงๆ



“ยังอีก ยังจะมาต่อรองอีก รีบๆพูดเลย” ผมใช้โอกาสตอนที่ไอ้เป๋ามันก้มหน้าบ่นกับหมอนตัวเองหัวเราะเบาๆ ไอ้ห่าเอ๊ยเห็นแล้วก็สงสารมันนะครับ ดูดิหน้าหงอยหน้างอเหมือนเด็กที่โดนเพื่อนรังแกมาจากโรงเรียนเลยว่ะ



“เออๆ รีบจังวะ กูก็แค่บอกเด็กมันว่าอยู่ใกล้ๆตัวมันตอนนี้ก็แค่นั้นเอง ก็ไม่คิดว่ามันจะฉลาดขนาดรู้ว่าเป็นมึงนี่หว่า”



“แล้วตอนนี้ของมึงน่ะตอนไหน มึงบอกมันตอนไหนทำไมมันถึงได้รู้ ไหนบอกกูซิ?” ผมเลิกคิ้วถามต่อ มองหน้ามันเพื่อกดดันให้มันยอมพูด



ไม่อยากจะบอกว่าไอ้เป๋าเพื่อนผมคนนี้มันเป็นโรคภูมิแพ้ความกดดันครับ ยิ่งกดดันมากเท่าไหร่มันจะยิ่งพูดความจริงออกมาเท่านั้น ผมก็เลยต้องใช้วิธีนี้เพื่อพูดคุยกับมันจะได้รู้เรื่องจริงๆ



มันทำตาหลุกหลิกแล้วเบนสายตาไปทางอื่นไม่มองหน้าผม



“ก็ตอนนี้ก็ตอนนั้นนั่นแหละมึง เข้าใจยากจังวะ” ยังไม่สำนึกอีก ยังจะมาบ่นใส่กูอีก



“เออกูเข้าใจยาก มึงเล่าแบบละเอียดๆหน่อยดิ้”



“มึงก็รู้แค่ว่ากูบอกมันก็พอแล้วไม่ใช่หรอวะ เนี่ยกูก็บอกมึงไปแล้วว่ากูบอกน้องมันนิดหน่อยแต่น้องมันเสือกฉลาดเองที่รู้ว่าเป็นมึงอ่ะ”





“เหอะ มึงนี่นะ!”



“เออ ก็กูนี่แหละ” ดูมันย้อนผมครับ เลวมากนี่เพื่อนใครเอามันไปเก็บที



ผมทำหน้าเหม็นเบื่อมันแล้วว่าต่อ “ไอ้เจ้าจอมมันบอกกูว่ามึงบอกมันวันที่มึงฝากมันหิ้วกูขึ้นห้อง ใช่หรือไม่ใช่?”



“ก็เอ้อออ...ถ้ามันว่าอย่างนั้นก็คงเป็นอย่างนั้นแหละ กูก็จำไม่ค่อยได้แล้ว”



“มึงจะไม่บอกกูจริงๆใช่มั้ยไอ้ห่า”



“มึงก็..ไหนๆน้องมันก็รู้แล้วอีกอย่างถึงมึงจะรู้ความจริงมึงจะทำอะไรอ่ะเจ้าจอมมันก็เป็นน้องติวมึงอยู่ดี อโหสิกรรมให้กูเถอะ กูไหว้ล่ะ”



ผมมองมันที่ยกมือขึ้นมาไหว้ท่วมหัว นี่ถ้าไม่ติดว่านั่งอยู่ไกลผมจะตบหัวมันให้หันเลยนะเอาจริงแต่ช่างเถอะผมจะปล่อยเรื่องนี้ไปก็ได้ อย่างมันว่านั่นแหละเจ้าจอมมันก็เป็นน้องติวของผมแล้วผมจะไปทำอะไรมันดีอีก



“เออ ไอ้ห่าครั้งนี้กูจะไม่เอาเรื่องมึงก็ได้ แต่...” ผมเว้นจังหวะให้มันได้ลุ้น



“แต่อะไรวะ มึงยกโทษให้กูแบบไม่มีข้อแม้ไม่ได้หรอวะ?”



“ไม่ได้”



“งั้นก็ว่ามา”



“แต่มึงต้องเลี้ยงหมูกระทะกู ตกลงมั้ยไอ้สัด”



“ก็ได้แค่นี้ขนหน้าแข้งกูไม่ร่วงหรอกแล้วจะไปตอนไหน?”



“เสาร์นี้ โอเคตกลงนะกูไปละ บายยยย”



ผมโบกมือลามันแล้วเดินออกจากห้องมันไปเลย ตอนนี้ไม่ต้องให้ผมเดาไอ้เป๋ามันก็คงนั่งทำหน้างงอยู่บนเตียงนอนของมันนั่นแหละครับ






วันเสาร์มาถึงอย่างรวดเร็ว ผมไม่ต้องรีบตื่นเพราะไม่มีเรียน ยังคงนอนเอกขเนกคุยแชทกับน้องอิงค์อยู่บนเตียงด้วยความแจ่มใส



ช่วงนี้ผมกับน้องอิงค์คุยกันบ่อยพอสมควรแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อนหรอกครับเพราะน้องกับผมเวลาไม่ค่อยตรงกันสักเท่าไหร่



อย่างวันนี้ที่ผมชวนน้องไปเที่ยวน้องก็ไปไม่ได้เพราะติดงานของคณะ ผมก็ไม่ได้น้อยใจอะไรและก็เข้าใจน้องดีเลยไม่มีปัญหาทะเลาะอะไรกัน



เหมือนที่เคยบอกไว้ว่าผมคิดว่าอิงค์ก็โอเคที่จะมาอยู่ในฐานะแฟนของผม ผมโอเคกับสิ่งที่อิงค์เป็นทุกอย่างแต่ความรู้สึกของผมบอกว่าตอนนี้ยังไม่พร้อม ต้องรอเวลาที่สมควรก่อนจากนั้นแล้วจึงค่อยขอน้องเป็นแฟน



เอาจริงๆผมก็ไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเหมือนกันว่าจะทำหน้าที่แฟนของน้องได้ดีหรือเปล่า ผมห่างหายจากการมีแฟนมาสมควร พอเริ่มคิดจะจริงจังกับใครสักคนผมเลยค่อนข้างจะคิดเยอะหาเหตุผลต่างๆนาๆมาหักล้างกัน จนบางทีผู้หญิงก็อาจจะทนไม่ไหวแล้วเป็นฝ่ายหายไปเลยก็มี



แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นข้อดีสำหรับผมในการเลือกคนที่จะมาเป็นแฟน ผมเคยเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งแล้วตกลงคบกันด้วยความถูกใจทั้งที่ยังไม่มีความชอบหรือความรักเลยสักนิดโดยคิดเอาเองว่าถ้าได้เป็นแฟนกันได้เรียนรู้กันก็คงจะรักกันไปเองแต่มันกลับไม่ใช่ในเมื่อนานไปทั้งผมและเขาเข้ากันไม่ได้เลยสักนิด สุดท้ายต่างฝ่ายก็ต่างเลิกรากันไป



หลังจากนั้นมาผมเลยเป็นคนที่ใช้เวลากับการรักใครสักคนพอสมควร...



เมื่ออิงค์ขอตัวไปทำงานผมก็ปิดหน้าต่างแชทของน้องไปจากนั้นก็เข้าเช็คโซเชี่ยลต่างๆของตัวเอง เมื่อไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจก็วางโทรศัพท์ลงข้างเตียงแล้วก็หลับต่อ



ค่อยตื่นมาหาอะไรกินสักตอนเที่ยงก็แล้วกัน






ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนสิบเอ็ดโมงตอนแรกกะไว้ว่าจะตื่นตอนเที่ยงแต่ร่างกายของผมมันกลับตื่นก่อนก็เลยได้มาหาอะไรกินเร็วกว่าที่คิด



อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็หยิบกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ของตัวเองมาใส่ในกระเป๋ากางเกง เปิดประตูออกจากห้องก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ห้องข้างๆเปิดประตูออกมาเจอกันพอดี



“สวัสดีครับพี่ยีนส์” เจ้าจอมมันยิ้มทักทายผมที่กำลังจะเดินไปขึ้นลิฟต์



“หวัดดี”



“พี่จะไปไหนเหรอครับ”มันถามต่อระหว่างที่เรากำลังยืนรอลิฟต์ด้วยกัน



“กินข้าว” ผมตอบมันสั้นๆ มองตัวเลขหน้าลิฟต์ที่ค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ



“พอดีเลยครับ”



ผมหันไปมองมัน อะไรหมายความว่าพอดีของมันวะ



“พอดีอะไร มึงหมายความว่าอะไร?” ถามมันเพื่อความกระจ่าง



“ก็พี่จะไปกินข้าวส่วนผมก็จะไปกินข้าวเหมือนกันพอดีเลยครับ” มันว่าจบกันหันมายิ้มให้เป็นเวลาเดียวกันกับที่ลิฟต์มาถึงพอดี



ผมเดินเข้ามาในลิฟต์ก่อนมันส่วนเจ้าจอมก็เดินตามมาทีหลัง เมื่อประตูลิฟต์ปิดลงผมกูดกับมันต่อ



“แล้วยังไง?”



“ก็พี่สนใจไปกินด้วยกันมั้ยล่ะครับ?”



“ทำไมกูต้องไปกินกับมึง?”



“ผมนั่งกินคนเดียวก็เหงานะครับ ผมก็เลยคิดว่าพี่คงจะเหงาเหมือนกันเลยลองชวนดูเผื่อพี่จะอยากไปกินข้าวด้วยกัน ผมเลี้ยงก็ได้”



ผมหันไปพูดกับมันดีๆหลังจากที่คุยกันแล้วตามองประตูลิฟต์เป็นเวลานาน



“อะไรของมึง จะเลี้ยงกูทำไม กูมีเงินซื้อกินเองได้”



“โธ่พี่ คิดมากอะไรขนาดนั้นครับ ผมก็แค่เลี้ยงพี่ในฐานะที่พี่เป้นพี่ติวของผมเท่านั้นเองก็เหมือนกับการเลี้ยงสายรหัสอะไรแบบนี้น่ะครับ”



คือผมก็งงกับไอ้เจ้าจอมมันเหมือนกันนะ มีที่ไหนให้น้องเลี้ยงพี่วะ ทุกทีต้องพี่เลี้ยงน้องต่างหากแต่เอช่างมันเหอะสงสัยนี่คงเป็นวิธีใหม่สำหรับพวกพี่ติวน้องติวล่ะมั้ง



“เออเอางั้นก็ได้แต่กูไม่ได้เอากุญแจรถมานะ คงต้องกินแถวๆนี้” ก็ตอนแรกผมตั้งใจไปกินข้าวแถวๆคอนโดเองแต่พอดีเจอไอ้เด็กนี่แพลนของผมก็เลยพังไม่เป็นท่าเลย



“ไม่เป็นไรครับ ไปรถผมก็ได้” มันว่าพร้อมกับลิฟต์ที่เปิดออกพอดี



“เออตกลง”






ผมนั่งมองข้างทางไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะชวนไอ้เจ้าจอมมันคุยอะไรดีเพราะผมก็ไม่ได้มีเรื่องคุยหรือญาติดีกับมันตั้งแต่แรกแล้ว ก็อย่างที่รู้กันว่ามันเป็นน้องติวของผมอีกทั้งพี่ภูมิใจยังฝากมันให้ผมช่วยดูให้ ผมก็เลยยอมลดทิฐิลงมานั่งอยู่บนรถมันตอนนี้นี่ไง



“พี่ยีนส์ครับ”



“อะไร?” ผมหันกลับไปมองไอ้เจ้าจอมที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับขณะที่รถกำลังติดไฟแดง



“พี่ไม่ชอบผมหรอ?”



ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับสิ่งที่มันถามและงงว่ามันจะถามทำไม



“ทำไมถึงมาถามกูเรื่องนี้?”



“ก็ผมเห็นพี่ดูไม่ค่อยอยากคุยกับผมเท่าไหร่เลย เวลาเจอกันก็ชอบเดินผ่านผมตลอดถ้าเกิดผมไม่ทักไว้พี่ก็จะเดินผ่านผมไปเฉยๆใช่มั้ยล่ะครับ?”



รู้ดีอย่างกับมานั่งในใจผมเลยไอ้เด็กนี่ ผมก็ว่าตัวเองไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกขนาดนั้นนะหรือว่ามันจะฉลาดดูคนออกอย่างที่ไอ้เป๋าว่าวะ



“กูไม่ได้ไม่ชอบ ก็แค่...ไม่ค่อยถูกชะตากับมึงนิดหน่อย” ผมตอบมันไป เลี่ยงคำว่าไม่ชอบเป็นคำว่าไม่ถูกชะตาแทนจะได้ไม่รุนแรงกระทบจิตใจคนฟังมากนัก กลัวมันจะกระอักเลือดตายซะก่อน



“อืมมม....แล้วผมควรทำยังไงดีครับพี่ถึงยอมจะถูกชะตากับผม” มันว่าพลางหันมาเลิกคิ้วถามผมขณะรถกำลังติดไฟแดงพอดิบพอดี



“เรื่องแบบนี้มันต้องมีวิธีทำด้วยหรอวะ?” ผมถามมันงงๆ ก็คนมันงงจริงๆอ่ะครับ



“ต้องมีสิพี่” มันว่าแล้วยิ้มขำ



“โว้ยยย!กูไม่รู้ คนไม่ถูกชะตาก็คือไม่ถูกชะตาป่าววะ ทำไมต้องมาให้กูเลิกไม่ถูกชะตากับมึงด้วยวะเนี่ย”



“นั่นสินะครับ....แต่ผมก็เห็นใจพี่เหมือนกันนะที่ต้องได้คนไม่ถูกชะตาแบบผมมาเป็นน้องติวแถมยังอยู่ห้องข้างๆกันอีก”



“สัด! ไม่ต้องมาเห็นใจกู”



เจ้าจอมมันทำเพียงยิ้มขำจากนั้นก็หันไปขับรถต่อเพราะสัญญาณขึ้นไฟเขียวพอดี ส่วนผมก็นั่งเงียบๆหันหน้าออกไปมองข้างทางไม่ได้ชวนไอ้เด็กข้างๆมันคุยอะไรอีก



แค่คุยกันนิดเดียวผมก็เริ่มหมั่นไส้มันตะหงิดๆแล้วเหมือนกัน







ผมมองไอ้เด็กเจ้าจอมที่กำลังสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่ว ถ้าให้ผมเดาร้านที่มันพาผมมาเลี้ยงข้าวคงจะเป็นร้านประจำไม่ก็ร้านโปรดของมัน



เอาจริงๆคือมันบอกว่าจะเลี้ยงข้าวผมใช่มั้ยล่ะครับแต่พอตอนสั่งก็ไม่มีการถามใดๆทั้งสิ้นว่าผมอยากกินอะไรนอกเหนือจากมันสั่งมั้ย พอมันสั่งอาหารเสร็จมันก็คืนเมนูให้พนักงานทันที ไม่มีหรอกจะยื่นเมนูมาให้ผมแล้วถามว่าอยากกินอะไรอีกมั้ย



ไอ้เวร...



“อาหารที่นี่อร่อยมากเลยนะพี่ผมรับรอง”



กูไม่ได้ต้องการการรับรองจากมึงมั้ยอ่ะบางทีกูแค่ต้องการเมนูอาหารแล้วสั่งอาหารที่กูอยากกินไง ยอมจ่ายเองก็ได้แต่ให้กูสั่งหน่อยเถ้ออออ



“ทำหน้าแบบนั้นไม่เชื่อผมล่ะสิ”



โอ๊ยยย!! อยากมอบตำแหน่งคิดเองเออเองให้กับไอ้เด็กนี่มันจริงๆโว้ยยย



“อ่า...หรือพี่โมโหหิวหรอครับ ทำไมทำหน้าดุจัง” มันว่าพร้อมกับยิ้มไปด้วย



ไอ้ห่าเอ้ยย! ไม่น่าตกลงมากินข้าวกับมันตั้งแต่แรกเลย เออไม่ใช่ดิ...ต้องบอกว่าไม่น่าเห็นแก่ของฟรีแล้วยอมมากินข้าวกับมันแบบนี้สิถึงจะถูก



“ไม่มีอะไรทำก็นั่งเงียบๆไป” เนี่ยเวลาอยู่ต่อหน้าไอ้เด็กนี่ต้องทำตัวนิ่งๆคูลๆเข้าไว้ครับ เด็กมันจะได้กลัวไม่กล้าเล่นหัวเรา



“มีนะครับแต่พี่ไม่ยอมทำด้วย” มันตอบด้วยรอยยิ้มเช่นเคย



“ทำอะไรของมึงแล้วทำไมกูต้องทำด้วย?” ผมถามมันกลับ จ้องใบหน้าของมันที่ตอนนี้เริ่มดูชั่วๆเลวๆขึ้นมาทันที



“พี่คิดอะไรครับ ผมแค่หมายถึงว่าพี่ไม่ยอมคุยกับผม ผมก็เลยไม่มีอะไรทำไง”



สาบานว่าสิ่งที่มึงคิดกับสิ่งที่มึงพูดออกมามันคือสิ่งเดียวกัน โธ่เอ๊ยย! ดูหน้าก็รู้แล้วแม่งว่ามันต้องคิดอะไรไม่ดีอยู่แน่ๆ



“แต่กูไม่อยากคุยกับมึงไง”



“พี่นี่ใจร้ายจริงๆ”



“เออ”



ถ้าคิดว่าหลังจากนั้นเจ้าจอมมันจะยอมเงียบเพราะผมบอกว่าไม่อยากคุยกับมัน ผมบอกได้เลยว่าคิดผิดมากๆเพราะยิ่งบอกว่าไม่อยากคุยมันก็ยิ่งชวนคุยมากเท่านั้น เอาจริงมั้ย ผมว่าตอนนี้ไอ้เด็กนี่มันก็ไม่ได้อยากคุยกับผมนักหรอก สิ่งที่มันอยากทำจริงๆคือการกวนประสาทผมต่างหากล่ะ



“พี่ภูมิใจบอกว่าพี่เรียนเก่ง”



“พี่มันโกหกมึงแล้วมั้ง กูเนี่ยนะเรียนเก่ง”



“ครับ พี่ภูมิใจบอกมาแบบนั้น”



ผมอยากจะกดโทรออกไปหาพี่ภูมิใจมันจริงๆว่ากำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ไปบอกน้องตัวเองว่าผมเรียนเก่งแบบบนั้น จริงๆผมไม่ได้เรียนเก่งอะไรเลยแค่ไม่เคยติดเอฟมันก็แค่นั้นไงแต่ยังห่างไกลคำว่าเก่งอยู่มากโขหรือการที่ผมไม่ติดเอฟก็คือการเรียนเก่งแบบฉบับความเข้าใจของพี่ภูมิใจมันวะ



“มึงก็ไปเชื่ออะไรพี่มึงมาก กูไม่ได้เรียนกงเรียนเก่งอะไรสักนิดแค่พอถูๆไถๆไปได้เท่านั้นแหละ”



“งั้นผมก็ต้องรบกวนพี่ช่วยถูๆไถๆให้ผมเหมือนกันแล้วล่ะครับ”



ผมขมวดคิ้วกับคำพูดกำกวมของมัน พอมองหน้ามันก็เห็นแต่ออร่าความชั่วลอยออกมา “ถูๆไถๆอะไรของมึง”



“ก็ช่วยติวแบบถูๆไถๆไงครับหรือพี่คิดว่าจะหมายถึงอะไรได้อีก”



โหยยย! ผมไม่อยากจะพูดแต่ขอพูดหน่อยเถอะว่าไอ้เด็กเจ้าจอมนี่กวนประสาทที่สุดในโลกของผมเลย



“กูไม่รู้!” ตอบแบบเกรี้ยวกราดไปก่อนเผื่อนมันจะกลัวแล้วมากล้ากวนผมอีก



“หรอครับ?” มันถามยิ้มๆ สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่ามันแค่ยิ้มธรรมดาแต่สำหรับผมที่กำลังนั่งจ้องรอยยิ้มมันอยู่นั้นเห็นแต่ความกวนประสาทลอยเต็มไปหมดเลย



ฮึ่มมม....ผมชักจะทนไม่ไหวกับความกวนประสาทของมันแล้วนะครับ”



“เออ!”



“พี่นี่ดุจังเลยนะครับ”



“เรื่องของกู”



มันมองหน้าผมจากนั้นก็เอาแต่ยิ้มอยู่นานสองนานก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อว่า



“เฮ้อ....ใจดีกับผมหน่อยสิครับพี่ยีนส์ ผมจะเป็นเด็กดีนะ ไม่ดื้อกับพี่หรอก” มันว่าแล้วทำหน้าอ้อนๆใส่ผม



ไอ้ผมที่นั่งมองมันทำท่าแบบนั้นก็อยากจะตบกลางกะบาลมันสักที ตัวโตอย่างกับควายยังมาเสือกทำเสียงอ้อนทำหน้าตอแหลใส่อีก



ไอ้เจ้าจอมนี่แม่งหน้าอ้อนตีนจริงๆเลย



“มึงหยุดทำหน้าตอแหลใส่กูแล้วนั่งรออาหารเงียบๆได้มั้ยห้ะ!?” ผมว่าอย่างหมดความอดทน บางทีถ้ามันยอมทำตามที่ผมบอกผมก็จะยอมญาติดีกับมันอีกนิดนึงก็ได้



“พี่ก็ใจดีกับผมก่อนสิครับ”



ผมมองหน้ามันอย่างเอาเรื่อง โธ่เอ๊ย! โคตรพลาดเลยที่ยอมมานั่งกินข้าวกับมันเนี่ย



“เออจะทำอะไรก็เรื่องของมึงเลย” ผมว่าแล้วไม่สนใจมันที่กำลังมองผมอยู่



“อ่า...พี่โกรธผมหรอ...แต่จริงๆพี่ยีนส์ที่ไม่ใจดีแบบนี้ก็ดีเหมือนกันครับ”



ผมหันกลับไปมองหน้ามันอย่างคนไม่เข้าใจ



“ก็...ถ้าพี่ใจดีกับผมเมื่อไหร่ก็แสดงว่าเมื่อนั้นพี่คงตกหลุมรักผมเข้าแล้ว”



ผมอ้าปากพะงาบๆคิดคำด่าไอ้เด็กนี่อยู่หลายนาที คนบ้าอะไรหลงตัวเองฉิบหายเลย!



“พ่อง!”




 



#นิติผูกพัน

ฝากติดตามด้วยค่าา
ช่องทางติดต่อข่าวสารนิยายติดตามได้ทาง
Twitter

:teach:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แต่ละคำพูด เล่นเอาอีพี่เถียงไม่ทันเลยอ่ะ  :hao3:

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
ตอนที่6

ยิ้มของพี่





ผมมองซ้ายแลขวาหากลุ่มเพื่อนตัวเองแต่จนแล้วจนรอดยังไงก็หาพวกมันไม่เจอ อะไรวะหรือวันนี้ผมมาเร็วเกินไปพวกมันก็เลยยังไม่มากัน



สุดท้ายแทนที่ผมจะเข้าไปหาที่นั่งในห้องเรียนก็ต้องหมุนตัวกลับไปหาอะไรกินที่โรงอาหารก่อน เออก็ดีเหมือนกันเมื่อเช้าผมก็รีบๆเลยไม่ได้กินอะไรมาเลย จริงๆผมไม่ใช่พวกชอบมาเรียนเช้าหรือตื่นเช้าอะไรหรอกครับถ้าหากว่าวันนี้น้องอิงค์ไม่ขอให้ผมไปส่งที่คณะ



น้องมีเรียนแปดโมงส่วนผมก็เก้าโมง จากปกติที่ถ้าเรียนเวลานี้ผมจะตื่นประมาณแปดโมงกว่าๆผมก็ต้องร่นเวลาตื่นมาเร็วอีกนิดประมาณหกโมงครึ่งจะได้พาน้องอิงค์ไปเรียนทันด้วย



แล้วยังไงล่ะครับพอส่งน้องไปเรียนเสร็จผมก็ต้องมาอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางคนในโรงอาหารอีกนี่ไง ไม่ใช่ว่าอยู่ไม่ได้แต่การมีเพื่อนนั่งอยู่ด้วยกันมันก็ดีกว่าป่าววะ



ผมนั่งกินข้าวเงียบๆคนเดียว เวลากินข้าวผมไม่ค่อยยกโทรศัพท์มาเล่นเท่าไหร่เพราะจริงๆแล้วผมก็ไม่ใช่คนติดโทรศัพท์มากนัก ตอนนี้ก็เลยเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจอะไรใครทั้งนั้น



“ผมขอนั่งด้วยได้มั้ยครับ?”





ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงนั่นแล้วก็ต้องจิ๊ปากเซ็งๆพอได้เห็นว่าไอ้คนที่มาขอนั่งด้วยนั่นเป็นใคร



“ที่นั่งตั้งเยอะแยะก็ไปนั่งดิ” ผมชี้ไปให้มันดูรอบๆว่าที่นั่งในโรงอาหารตอนนี้ก็ว่างเต็มไปหมดทำไมมันถึงไม่เลือกไปนั่ง จะเดินมาขอนั่งด้วยกับผมทำไม



“แต่ผมอยากนั่งตรงนี้นะครับ” มันว่าแล้วยิ้มก่อนจะถือวิสาสะทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามผม



ผมทำหน้าเอือมใส่มันแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมันอีก ไอ้เจ้าจอมมันก็ไม่ได้ชวนผมคุยอะไรนอกจากนั่งอ่านอะไรเงียบๆของมันคนเดียวจนกระทั่งผมกินข้าวหมดมันก็ยังอ่านไม่หยุด



“อ่านอะไร?” ผมยื่นหน้าไปดู เห็นแวบๆว่าในนั้นมันจดอะไรยุกยิกไว้แต่ผมก็อ่านไม่ออก



“มาตรา15ครับ”



“เรียนกฎหมายเอกชน?”



“ครับ ผมกำลังทำความเข้าใจอยู่”



ผมพยักหน้าหงึกหงัก มาตรา15 เป็นมาตราแรกเลยที่เราต้องเรียนในกฎหมายเอกชน ผมจำได้ว่ากว่าจะท่องมาตรานี้จนจำได้ก็ต้องท่องซ้ำๆหลายรอบอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าท่องจำได้แล้วก็จบเลยนะครับ พอจำได้ก็ต้องมานั่งทำความเข้าใจอีกว่าต้องใช้อะไรยังไง ประมาณแบบแปลไทยเป็นไทยเป็นไทยอะไรประมาณนั้นเลยล่ะ



“แล้วเป็นไงเข้าใจหรือเปล่า?” ก็ไม่ได้อยากคุยกับเด็กเจ้าจอมมากนักหรอกแต่ถ้าจะให้อยู่เงียบๆมันก็อึดอัดเปล่าๆ



“ก็นิดหน่อยครับ แต่ถ้าได้ฟังอาจารย์อธิบายก็คงจะเข้าใจมากขึ้น” มันว่าแล้วส่งยิ้มมาให้ผม เป็นยิ้มที่จริงใจไม่ใช่ยิ้มขี้เล่นหรือยิ้มโปรยเสน่ห์อย่างที่มันชอบทำอย่างทุกที



“นี่มึงอ่านมาล่วงหน้าเหรอ?” ผมถามมันอย่างแปลกใจ ก็ไม่คิดนี่ครับว่าเจ้าจอมมันจะเป็นเด็กขยันขนาดที่อ่านบทเรียนมาล่วงหน้า ขนาดผมยังไม่เคยทำเลยนี่หว่า



“ครับ ผมก็ทำแบบนี้ปกตินะ”



อ่า...พอได้ยินคำตอบมันแล้วก็หมั่นไส้มันฉิบ!



ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยลองเชิงมันด้วยการให้มันท่องมาตรา15ให้ผมฟัง ดูซิว่าที่มันอ่านมามันจะจำได้ขนาดไหนกันเชียว



“ไหนลองท่องมาตรา15 มาให้กูฟังเป็นบุญหูหน่อย” ผมว่าพร้อมทำท่าแคะขี้หูกวนๆมัน



มันมองผมแล้วยิ้ม ไอ้ผมก็ได้แต่สงสัยว่ามันจะขยันยิ้มนักหนาไม่เมื่อยปากบ้างหรือไงก็ไม่รู้



ผมเอามือสองข้างท้าวคางตัวเองไว้แล้วมองหน้ามันพร้อมยักคิ้วให้สองจึก ส่วนหูก็กำลังรอฟังสิ่งที่มันกำลังจะพุดออกมา



“มาตรา 15  สภาพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย ทารกในครรภ์มารดาก็สามารถมีสิทธิต่าง ๆ ได้ หากว่าภายหลังคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารก”



ผมพยักหน้าหงึกหงัก ฟังมันท่องแล้วก็ต้องยอมรับเลยว่าไอ้เจ้าจอมมันก็ใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า ไม่ได้มีดีแค่คุยโม้โอ้อวดแต่มันสามารถทำสิ่งที่มันพูดได้จริงๆ



“ก็ดี” ผมว่าสั้นๆ



“แค่ก็ดีหรอครับ ชมผมให้มากกว่านี้หน่อยสิ” มันมองผมแล้วทำหน้าเหมือนจะอ้อนแต่คือมันทำกับผมไงครับผมเลยคิดว่าหน้าแบบนี้เรียกอ้อนตีนต่างหาก



“รอมึงท่องบรรพ1 ให้ได้ครบทุกมาตราก่อนแล้วกูจะชม” ว่าจบผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินหนีมาทันที ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเด็กมันแล้ว ตอนแรกก็คุยกันดีๆพอมันเริ่มกวนตีนผมก็เริ่มจะหมั่นไส้มันขึ้นมาอีกแล้ว






คืนวันศุกร์พวกผมพากันมาถล่มร้านไอ้เตอร์ ไม่รู้ว่าอารมณ์ไหนแต่จู่ๆพวกผมก็พากันมาร้านไอ้เตอร์โดยที่ไอ้เตอร์มันก็ไม่รู้หรอกครับเพราะพวกผมไม่ได้บอกว่าจะมา ส่วนไอ้คินบางทีมันก็มานั่งเฝ้าไอ้ทาวน์ทำงานอยู่ตลอดแล้วจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไหร่เมื่อมาถึงแล้วเจอมันที่นี่



“พวกเวร มาทำอะไรกันเยอะแยะวะ ร้านกูที่นั่งก็แทบจะไม่มีให้พวกมึงนั่งแล้วนะเว้ย” ไอ้เตอร์เหมือนจะโวยวายเพราะร้านมันคนเยอะทุกวันครับ บางทีก็เต็มบ้างอะไรบ้างแต่เหมือนจะโชคดีที่วันนี้ยังมีโต๊ะว่างให้พวกผมได้นั่งกัน



“ไม่มีได้ไงวะนี่เพื่อนนะแถมมาเป็นลูกค้าอีก ต้อนรับพวกกูดีๆหน่อยครับคุณ” ไอ้หมอกว่าแล้วตบไหล่ไอ้เตอร์ที่กำลังทำหน้าเอือมระอาใส่พวกผมอยู่



“เออๆ ไปนั่งโต๊ะนั้นก็แล้วกัน ส่วนนี่กระดาษอยากกินอะไรก็เขียนมาเสร็จแล้วก็เอามาให้กู เคนะ?” มันพูดเสร็จสรรพพวกผมก็พยักหน้าหงึกหงักแล้วก็พากันเดินไปยังโต๊ะที่มันชี้ให้พวกผมนั่งได้



“ไอ้คินมึงไม่ไปนั่งด้วยกันวะ?”ผมถามมันที่ยังนั่งอยู่ตรงเคาเตอร์ ตามันก็เอาแต่มองแฟนมันที่กำลังไปรับออเดอร์กับลูกค้าอยู่



“เดี๋ยวตามไป”



พอมันตอบแค่นั้นผมก็เดินตามพวกที่เหลือมานั่งที่โต๊ะก่อนจะพากันเขียนเมนูที่อยากกินจนเต็มแผ่นกระดาษ ส่วนมากจะเป็นพวกอาหารจุกจิกที่ไม่ใช่มื้อใหญ่มันก็เลยดูเยอะ เขียนเสร็จก็ยื่นให้ไอ้เป๋ามันเอาไปส่งให้กับไอ้เตอร์ มันบ่นนิดหน่อยว่าทำไมมันต้องไปแต่นั่นแหละครับมันก็ได้แค่บ่นจากนั้นก็เดินเอาเมนูที่เขียนกันไว้ไปส่งให้ไอ้เตอร์มันจนได้นั่นแหละ



“เป็นไงมึง ช่วงนี้เห็นว่ากำลังแฮปปี้กับน้องอิงค์” ไอ้เป๋าพอมันกลับมานั่งได้ก็ถามผมขึ้นทันที ไม่คิดจะนั่งหายใจหายคอเลยสักนิดเดียว



“ก็เรื่อยๆ” ผมไหวไหล่ตอบไปแบบสบายๆ



จริงๆความสัมพันธ์ของผมมันก็เรื่อยๆอย่างที่ผมตอบนั่นแหละ อิงค์ก็ดูยังไม่พร้อมจะมีแฟนเหมือนเขายังมีไรที่ติดค้างอยู่ในใจ ส่วนผมก็เรื่อยๆคุยกันอย่างนี้มันก็สบายใจดีเหมือนกัน ความสัมพันธ์ของเราเลยไม่ได้ขยับไปไหน ออกจะแนวเรื่อยๆซะมากกว่า



“ยังไม่คบกันหรอวะ?” ไอ้หมอกมันละความสนใจจากโทรศัพท์ตัวเองมาถามผมบ้าง



“ยังว่ะ”



“ทำไมวะ?” คราวนี้ทั้งไอ้เป๋ากับไอ้หมอกถามออกมาพร้อมกัน



“ไม่รู้ว่ะ กูก็โอเคกับน้องนะ ตอนได้คุยกันหรือเจอกันมันก็สบายใจดีแต่มันเหมือนว่าน้องยังไม่ใช่ว่ะ กูว่าไม่ใช่ที่กูที่คิดนะอิงค์ก็คงคิดเหมือนกันกับกูแหละ”



ผมพูดจากที่ผมรู้สึกและเห็นเองแต่ตอนนี้ก็ด่วนสรุปอะไรไม่ได้หรอกคงต้องรอดูกันไปเรื่อยๆนั่นแหละ



“ค่อยๆดูกันไป มันไม่ง่ายหรอกนะเว้ยที่เราจะหาคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจอ่ะ ถ้ามึงเจอเขาแล้วก็อย่าปล่อยเขาไปล่ะ กูไม่อยากเห็นเพื่อนกูมานั่งเสียใจทีหลัง” หมอกมันว่าแล้วตบหลังผมปุๆ



“อือ ขอบใจพวกมึงมาก”



ไม่นานไอ้ทาวน์ก็เอาอาหารที่พวกผมสั่งไปมาเสิร์ฟโดยมีไอ้คินเป็นผู้ช่วยตามมาติดๆ บางทีผมก็อิจฉามันสองคนนะครับ ถ้าผมได้คนรักดีๆแบบนี้บ้างก็คงจะดี



เรานั่งพูดคุยกันจวบจนร้านปิดเลยต้องพากันช่วยไอ้เตอร์มันเก็บร้าน ไม่ได้ทำอะไรมากหรอกครับนอกจากเก็บเก้าอี้ให้เข้าที่เข้าทางเท่านั้น พอเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมัน ผมต้องไปส่งไอ้เป๋ามันที่หอก่อนจากนั้นถึงจะได้กลับคอนโดตัวเอง ตอนนี้ก็เลยต้องมานั่งฟังไอ้เป๋ามันพูดแจ้วๆอยู่ในรถนี่แหละ



“เออ กูว่าจะถามนานแล้ว มึงเลิกเกลียดขี้หน้าน้องติวมึงหรือยังวะ”



ผมใช้หางตาเหลือบมองมันก่อนจะตอบไป “ก็เฉยๆ แต่ถ้ามันกวนตีนกูก็ด่ามัน”



“นี่มึงกับมันยังไม่เลิกตีกันอีก?”



“ตีกับผีน่ะสิ ก็แค่ด่าเวลามันกวนตีนกู บางครั้งมันก็ดีนั่นแหละแต่เอาจริงๆมันกวนตีนกูมากกว่าจะพูดดีๆกับกูอีก”



“มึงก็กวนตีนมันใช่ย่อยเหมือนกันนั่นแหละ”



“เอ้าไอ้สัด นี่กูเพื่อนมึงไง” ผมยื่นมือไปตบหัวมันไปทีนึง



“เออกูเพื่อนนี่แหละ มึงก็ดีกับมันหน่อย ดูท่าแล้วมันก็เป็นคนดีนั่นแหละแต่ติดที่กวนตีนไปหน่อย”



“ไม่หน่อยแล้วเหอะ”



ผมกับไอ้เป๋านั่งเถียงเรื่องไอ้เจ้าจอมจนผมขับมาถึงหอมัน ก็งงเหมือนกันว่าทำไมจู่ๆไอ้เด็กนั่นถึงเป็นหัวข้อสนทนาของผมกับไอ้เป๋าได้



“ชอบใจมากที่มาส่ง ขับรถดีๆ”



“เออ ขอบใจ”






ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกริ่งที่ดังขึ้นหน้าห้อง ยื่นมือไปดูนาฬิกาในโทรศัพท์ก็พบว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า ใครมันมาเอาป่านนี้วะ นี่ถ้าไม่มีธุระอะไรสำคัญจริงๆผมจะด่ามันให้



พอเปิดประตูแล้วเจอว่าใครอยู่หน้าห้องเท่านั้นแหละผมก็เตรียมง้างปากจะด่ามันทันทีแต่ไอ้เด็กห่านันมันกลับยกมือขึ้นเบรคคำพูดผมไว้ก่อน



“อย่าพึ่งด่าผมพี่ ผมแค่จะเอานี่มาให้”



ผมมองถุงปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ที่มันยกขึ้นให้ดูก็ต้องกระแอมเบาๆ “กูไม่ได้สั่งแล้วอีกอย่างมึงมากดกริ่งอะไรป่านนี้วะคนกำลังนอนอยู่ไม่รู้หรือไง”



“ขอโทษครับ ผมแค่เห็นพี่ชอบกินปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหูเจ้านี้ก็เลยซื้อมาฝาก” มันพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ไอ้ผมที่เห็นก็เลยไม่อยากว่าอะไรมันอีก ยังไงซะมันก็มีน้ำใจซื้ออะไรมาให้ผมกิน



“ขอบใจ แล้วกี่บาทล่ะ”



“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากซื้อให้”



ผมมองหน้ามันอย่างพิจารณา ไม่ใช่ว่าจะทำดีหวังผลหรอกนะ “แน่ใจ? ไม่ใช่ว่ามีอะไรนะ”



“ไม่มีครับ พี่อย่าระแวงผมดิ ผมออกจะเป็นคนดี”



“เอออวยตัวเองก็เป็นนะมึง งั้นขอบคุณละกันแต่วันหลังไม่ต้องซื้ออะไรมาให้กูแล้วกูเกรงใจ”



“ไม่ต้องเกรงใจครับ อีกอย่างถ้าวันหลังผมซื้อมาผมจะไม่เคาะประตูปลุกพี่แล้ว เดี๋ยวแขวนไว้ให้หน้าห้องก็ได้ครับไม่อยากรบกวนเวลานอนของพี่”



“ตามใจมึงก็แล้วกัน” จนใจจะห้ามมันจริงๆ ผมก็เลยตอบไปให้จบๆ



ไอ้เด็กนั่นพอได้ฟังคำตอบก็ยิ้มจนตาหยีให้ผม ผมเลยยิ้มตอบมันไปบางๆ คือไม่สังเกตก็ไม่เห็นหรอกครับว่าผมยิ้มให้มันอยู่แต่ไอ้เด็กนี่มันตาดีไง มันเลยพูดขึ้นมาเสียงดังจนผมหุบยิ้มแทบไม่ทันเลย



“พี่ยิ้มให้ผมเหรอ? เมื่อกี้พี่ยิ้มให้ผมจริงๆใช่ป่ะ?” มันพูดด้วยใบหน้าจื่นเต้นเหมือนเจอสิ่งมหัสจรรย์ของโลกอยู่ตรงหน้า มือมันเกือบยกมาเขย่าไหล่ผมแต่มันก็ห้ามตัวเองไว้ทันก่อนจะจ้องมองผมอย่างไม่เชื่อสายตา



“ยิ้มอะไรของมึง มั่วว่ะ”



“เฮ้ยๆแต่เมื่อกี้ผมเห็นพี่ยิ้มให้ผมนะ ผมแน่ใจเลยว่าไม่ได้ตาฝาด ถึงจะยิ้มบางๆแต่ผมก็เห็นนะเว้ยพี่” เห็นท่าทางของมันแล้วก็ตลกเหมือนกัน เหมือนเด็กที่แม่พาไปเที่ยวสวนสัตว์แล้วเห็นเสือขยิบตาให้อ่ะ



“แล้วมันจะอะไรกับยิ้มกูนักหนาวะ” ผมบ่นใส่มัน



“พี่ไม่รู้เหรอว่าตั้งแต่เรารู้จักกันพี่ไม่เคยยิ้มให้ผมเลยนะ”



ก็อาจจะจริงอย่างที่มันพูดล่ะมั้งว่าตั้งแต่ที่ผมกับมันได้รู้จักกันผมก็ไม่เคยยิ้มให้มันเลย ก็มีแต่มันนี่แหละที่ชอบแจกยิ้มเรี่ยราดไปทั่ว



“กูยิ้มแล้วมึงไม่เห็นเองรึป่าว” ผมก็พูดไปงั้นแหละ จำไม่ได้หรอกว่าเคยยิ้มให้มันหรือเปล่าแต่เอาจริงๆน่าจะไม่เคยยิ้มให้มันเลยต่างหาก



“ไม่ครับ พี่ไม่เคยยิ้มให้ผมเลย พี่รู้มั้ยเมื่อกี้ที่พี่ยิ้มให้ผม ใจผมกระตุกไปวูบนึงเลยนะ” มันพูดพร้อมกับยิ้มกว้างแล้วเอามือของตัวเองมาวางทาบไว้บนอกข้างซ้ายของมันเอง



“อะไรของมึงวะไร้สาระ ไปๆกูจะนอนต่อแล้ว ขอบใจสำหรับพวกนี้ด้วยก็แล้วกัน” ผมยกของที่มันซื้อมาให้ขึ้นแล้วพูดขอบคุณมัน



“ไม่เป็นไรครับ แค่ได้คำขอบคุณเป็นรอยยิ้มของพี่ผมก็ว่ามันดีมากแล้ว”



ผมล่ะเกลียดการพูดการจาของมันจริงๆ



“พูดอะไรวะกูขนลุก ไปๆกลับห้องมึงไปเลย” ไล่เป็นรอบที่สองมันก็ยังยิ้มยิ้มหน้าหล่อใส่ผมอีก อะไรของมันวะ ไม่ใช่ว่าเกิดพิศวาสอะไรผมขึ้นมาหรอกนะ



“ครับๆ ไล่ผมจัง”



“ไม่ได้ไล่กูจะไปนอน เออจริงๆก็ไล่นั่นแหละมึงก็กลับห้องตัวเองไปได้แล้ว มัวแต่มายืนยิ้มหน้าห้องคนอื่นอยู่ได้เป็นอะไรมากป่ะวะ”



“ไม่ได้เป็นอะไรครับ งั้นผมกลับห้องก่อนนะแล้วก็....” มันเหลือบตามองของกินที่มันซื้อมาให้ผมก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ทานให้อร่อยนะครับ”



“เออ”



เจ้าจอมมันเดินกลับเข้าห้องของมันที่อยู่ข้างๆห้องผมไปแล้วผมก็ปิดประตูห้องของตัวเองลง เมื่อกี้ก็รู้สึกตลกทั้งผมกับมันเหมือนกันที่เอาแต่เถียงกันเรื่องยิ้มหรือไม่ยิ้ม



แค่ยิ้มบางๆให้ก็ดีใจเป็นเด็กไปได้ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย!!







เรากลับมาต่อเรื่องนี้แล้ววว มีใคคิดถึงเรื่องนี้บ้างง อิอิ หลังจากไปเคลียร์เรื่องพี่ไฟมาเรียบร้อยก็ถึงคิวเคลียร์เรื่องพี่ยีนส์ต่อ555 อาจจะมาช้าหน่อยเด้อแต่เราจะพยายามจะมาสม่ำเสมอนะคะ

#นิติผูกพัน

ช่องทางติดต่อข่าวสารนิยายติดตามได้ทาง
Twitter

:teach:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แค่ยิ้มนะเนี่ย เจอแยกเขี้ยว แล้วจะหนาว  :hao3:

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
ตอนที่ 7

ขนมที่พี่ไม่ได้ตั้งใจซื้อ




หลังจากวันที่เจ้าจอมมันเอาปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้มาให้ผมที่ห้องก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว เจ้าจอมมันก็ทำอย่างที่มันเคยพูดไว้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าถ้ามันซื้อของกินมาให้ผมมันก็จะเอามาแขวนไว้ให้ผมที่หน้าประตูและไม่ได้เคาะห้องรบกวนผมอย่างวันแรกที่มันทำ



ผมเคยบอกมันไปแล้วว่าไม่ต้องซื้อมาให้แต่มันก็ไม่ฟัง มันเอาแต่บอกว่ามันแค่อยากซื้อมาให้ส่วนผมมีหน้าที่รับก็รับไปไม่ต้องมาเกรงใจอะไรมันเพราะยังไงมันก็เป็นน้องติวของผมและคงมีอะไรที่มันต้องขอความช่วยเหลือเรื่องเรียนจากผมอีกเยอะ ไอ้ผมก็เลยตามใจมัน อยากจะซื้อก็ซื้อมายังไงผมก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้วนอกจากกินอย่างเดียว



‘วันนี้ร้านปาท่องโก๋ปิดผมเลยซื้อข้าวต้มปลามาให้ครับ’



ผมอ่านโพสต์อิทที่ติดมากับถุง มันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาร้านขายปาท่องโก๋ปิดมันก็จะหาซื้ออย่างอื่นมาให้ผมแทนทั้งๆที่จริงแล้วมันไม่จำเป็นต้องซื้อมาให้ผมก็ได้



พอมันมาทำดีด้วยผมก็เริ่มจะคุยดีกับมันนิดหน่อย เวลาเจอหน้าก็ทักทายบ้างแต่ก็เป็นบางครั้งเพราะทุกครั้งไอ้เด็กนี่มันจะชิงทักผมก่อนทุกที



จริงๆมันก็เป็นเด็กดีน่าคบหาคนหนึ่งนั่นแหละแต่ด้วยอคติและอะไรหลายๆอย่างก็เลยทำให้ผมไม่ค่อยชอบขี้หน้ามันในตอนแรก พอได้มาสัมผัสกับนิสัยของมันจริงๆอคติที่ผมมีต่อมันก็ค่อยๆลดลงแต่ก็ไม่ได้ลดลงรวดเร็วอะไรขนาดนั้นหรอกครับ มันก็ลดลงแค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ



“ครับ?” ผมกดรับโทรศัพท์เมื่อมีสายโทรเข้ามา



(พี่ยีนส์อยู่ห้องหรือเปล่าคะ พอดีอิงค์แวะมาแถวคอนโดพี่เลยเอาหนังสือที่ยืมไปมาคืนด้วย)



“อยู่ครับ เดี๋ยวพี่ลงไปรับข้างล่างนะ”



(อีกสักประมาณสิบนาทีนะคะตอนนี้อิงค์กำลังทำธุระอยู่)



“ได้ครับ ถ้าเสร็จแล้วส่งข้อความมานะเดี๋ยวพี่ลงไป”



(ขอบคุณค่ะ)



ผมคุยกับน้องอิงค์อีกนิดหน่อยก็วางสายไป รีบเทข้าวต้มปลาที่เจ้าจอมมันซื้อมาให้ใส่ถ้วยแล้วใช้เวลาสิบนาทีนั้นรีบจัดการให้เรียบร้อยผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลา



ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำผมก็จัดการข้าวต้มจนหมดเกลี้ยงจนแทบจะเลียถ้วยแล้ว ข้าวต้มเจ้านี้ก็อร่อยเหมือนกันครับรู้สึกว่าจะขายอยู่ตรงข้ามกับร้านปาท่องโก๋นั่นแหละ ต้องชมเจ้าจอมมันนะเนี่ยที่เลือกอาหารได้ถูกปากผมตลอดเลย



ผมมองข้อความที่อิงค์ส่งมาให้หลังจากผมล้างถ้วยเรียบร้อยแล้ว พอน้องบอกว่ามาถึงและกำลังรออยู่ข้างล่างผมก็รีบออกจากห้องเพื่อจะลงไปรับน้อง ก็คอนโดผมมันต้องใช้คีย์การ์ดเข้า ตอนนี้อิงค์ก็เลยยืนอยู่ข้างนอกคอนโดไม่สามารถเข้ามาข้างในได้เหมือนในคอนโดหลายๆที่



ออกมาก็เห็นอิงค์กำลังยืนกดโทรศัพท์อยู่หน้าคอนโดของผม ผมเลยต้องรีบเปิดประตูออกไปแล้วชวนน้องเข้ามาข้างในก่อนเพราะข้างนอกตอนนี้ร้อนเหลือเกิน



“สวัสดีค่ะพี่ยีนส์” น้องยกมือไหว้ผมเหมือนอย่างปกติทุกครั้งที่เจอกัน



“ครับ ไปข้างในก่อนเถอะตรงนี้ร้อนมาก” ผมเอามือป้องแดดที่ส่องมาถูกน้องแล้วก็พาน้องเดินเข้าไปข้างในคอนโด



“ขึ้นไปบนห้องก่อนมั้ย ไปดื่มน้ำดื่มท่าก่อน”



“พี่กำลังชวนอิงค์เข้าห้องหรอคะ?” น้องถามยิ้มๆไม่ได้จะว่าผมหรืออะไรเหมือนตั้งใจจะหยอกผมเล่นมากกว่า



“แล้วอิงค์อยากขึ้นไปบนห้องพี่หรือเปล่าล่ะ” ผมส่งสายตาเจ้าชู้ให้ น้องก็ขำๆแต่แก้มก็ขึ้นริ้วแดงจางๆ



“ก็ได้ค่ะ กำลังหิวน้ำพอดีเลย”



“งั้นไปครับ”



ผมเดินนำน้องไปที่ห้องของตัวเอง นี่พูดอยากลูกผู้ชายเลยว่าผมไม่ได้คิดจะทำอะไรน้องจริงๆก็แค่จะชวนน้องไปดื่มน้ำแค่นั้นเอง



แต่อิงค์ก็ดูไว้ใจผมเหมือนกันนะเพราะนี่ก็เป็นครั้งแรกที่น้องมาหาผม แถมพอชวนไปกินน้ำที่ห้องก็ไปอย่างว่าง่ายไม่มีความระแวงกลัวว่าผมจะทำอะไรน้องทั้งสิ้นเหมือนน้องต้องการจะวัดใจผมล่ะมั้งว่าผมจะมีความเป็นสุภาพบุรษมากแค่ไหน



“ห้องสวยจังค่ะ”



พอเข้าห้องมาได้น้องก็มมองไปรอบๆห้องของผมอย่างตื่นตาตื่นใจ ก็ไม่ได้สวยอะไรมากหรอกครับ มันก็เป็นแนวแบบมินิมอลที่ผมชอบ น้องอิงค์ก็คงจะเป็นสายมินิมอลเหมือนกันเลยดูตื่นตาตื่นใจเมื่อเห็นห้องของผมล่ะมั้ง



“น้ำครับ” ผมยื่นน้ำให้น้อง น้องเลยละความสนใจจากห้องของผมมามองหน้าผมบ้าง



“ขอบคุณค่ะ”



“ชอบเหรอครับ?” ผมถามพร้อมกับนั่งลงบนโซฟาอีกตัวที่อยู่ถัดจากน้องอิงค์



“ชอบค่ะ สวยมากๆเลย”



พอเห็นแววตาและรอยยิ้มของน้องก็ทำให้ผมดีใจอยู่หน่อยๆที่สไตล์ห้องที่ผมเป็นคนเลือกแบบและจัดการเองมีคนชอบ



“พี่ดีใจเลยนะเนี่ย” ผมว่าแล้วหันไปยิ้มให้อิงค์ที่ยิ้มตอบผมเหมือนกัน



“อิงค์พูดจริงๆนะคะ ห้องพี่ยีนส์สวยมากจริงๆ พี่ยีนส์เป็นคนจัดการเองหมดเลยเหรอคะ?”



“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่บางอย่างก็ให้ช่างเขาทำให้ พอดีพี่ชอบห้องแนวๆนี้อยู่แล้วด้วย จริงๆที่บ้านพี่ก็ห้องประมาณนี้เลยนะ อารมณ์เหมือนได้กลับบ้านตลอดเวลาอะไรประมาณนั้น”



ผมว่าพลางขำเบาๆ เหตุผลอีกข้อที่แต่งห้องแบบนี้ก็เพื่อจะลดความคิดถึงบ้างนั่นแหละครับ เห็นผมอย่างนี้ผมก็เป็นคนติดบ้านคนหนึ่งเหมือนกันนะ



“อิงค์ก็ชอบแนวนี้เหมือนกันค่ะแต่ที่บ้านก็จัดให้เป็นแบบนี้ไม่ได้เลยเพราะต้องนอนกับพี่สาวอีกคน”



ผมมองอิงค์ที่พูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อยๆ คงจะชอบห้องของผมมากจริงๆนั่นแหละเล่นชมไม่ขาดปาก เห็นอะไรก็บอกว่าดีว่าสวยไปหมดเลย



“ส่วนคอนโดก็อยู่กับเพื่อนอีกใช่มั้ยล่ะ?” ผมถามน้องอย่างเอ็นดู มองๆดูแล้วเหมือนคุยกับลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้หญิงของผมเลย



“ใช่คะ เฮ้อ...แต่ไม่เป็นไรหรอกอิงค์ว่าแบบที่อิงค์อยู่มันก็โอเคแล้วนั่นแหละแต่ถ้าได้แบบนี้ก็คงจะดีกว่า ช่างเถอะค่ะอิงค์ก็พูดไปเรื่อยแหละ” เธอว่าแล้วขำแหะๆมองมาทางผมที่มองอิงค์อยู่แล้ว “หืมม....พี่ยีนส์มองอิงค์อย่างนี้อิงค์ก็เขินแย่นะสิคะ”



“โทษครับๆมองเพลินไปหน่อย” ผมว่าแล้วยิ้มเมื่อเห็นอิงค์หน้าแดงขึ้นมา



“โธ่...พี่ล่ะก็หยอดจนอิงค์ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย”



“ก็เห็นอิงค์เขินแล้วน่ารักดี” ผมยังว่าต่อพร้อมกับมองหน้าแดงๆของน้องไปด้วย



“พอแล้วค่ะพี่ยีนส์หยอดมากกว่านี้อิงค์จะทนไม่ไหวเอานะคะ อ้อ...” น้องเหมือนจะคิดอะไรออกก็เปิดกระเป๋าตัวเองออกมาแล้วหยิบหนังสือยื่นมาให้ผม “นี่คะหนังสือที่อิงค์ยืมพี่ไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ขอบคุณมากๆนะคะช่วยอิงค์ได้เยอะเลย”



“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นการไปกินข้าวด้วยกันดีมั้ยครับ?”



“ได้เลยค่ะ สำหรับพี่ยีนส์แล้วอิงค์เต็มใจเลี้ยงเสมอ”



“โห..ไม่ถึงต้องกับเลี้ยงพี่หรอกครับแค่ไปนั่งกินด้วยกันก็พอแล้ว” ช่วงนี้ผมเจอแต่คนเปย์ผมบ่อยจริงๆเลย



“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะถือว่าตอบแทนที่พี่ยีนส์ให้อิงค์ยืมหนังสือด้วย”



“ครับๆก็ได้ครับ งั้นเอาเป็นตอนเย็นดีมั้ยพอดีช่วงบ่ายพี่มีธุระต้องไปทำก่อนน่ะ”



“ได้ค่ะ งั้นอิงค์กลับก่อนนะคะไว้ตอนเย็นเจอกัน” อิงค์ลุกขึ้นยืนทำให้ผมต้องลุกตามไปด้วย



“ได้ครับ เอาไว้พี่โทรหาอีกทีนะ”



ผมกับอิงค์พากันเดินออกจากห้องประจวบเหมาะกับห้องตรงข้ามเปิดประตูออกมาเจอเราทั้งสองคนพอดี เจ้าจอมมันดูจะชะงักไปนิดหน่อยก่อนมันจะยิ้มตามแบบฉบับของมันขึ้นมาเหมือนปกติ



“สวัสดีครับ” มันยกมือขึ้นไหว้ผมแต่ไม่ได้ไหว้อิงค์ ก็เป็นแฟนเก่ากันนี่ครับจะให้ไปไหว้มันก็จะแปลกๆป่ะวะ



“จอมพักที่นี่เหรอ?” สรรพนามที่อิงค์ใช้เรียกเจ้าจอมมันแสดงได้ถึงความสนิทสนม



“อื้อ” มันพยักหน้าตอบ



“ไม่เห็นเคยบอกเลยว่าอยู่คอนโดเดียวกับพี่ยีนส์”



เจ้าจอมมันทำแค่ยิ้มไม่ได้ตอบอะไรอิงค์ ผมก็เลยหันไปคุยกับมันบ้าง



“ขอบใจสำหรับข้าวต้ม อร่อยดี” ผมว่าแล้วยักคิ้วให้มัน พอได้ยินอย่างนั้นไอ้เด็กตรงหน้ามันก็ยิ้มแป้น สงสัยดีใจที่ซื้ออาหารมาได้ถูกใจผม



“ไม่เป็นไรครับ แค่พี่ชอบผมก็ดีใจแล้ว” นี่ก็ขยันยิ้มให้ผมจังเลยวะ



“เออๆ”



“พี่ยีนส์กับจอมดูสนิทกันจังเลยค่ะ”



“พอดีพี่ยีนส์เป็นพี่ติวของเราน่ะ” เจ้าจอมมันตอบให้อิงค์หายข้องใจ แต่เอาจริงๆป่ะผมกับเจ้าจอมก็ไม่ได้สนิทกันอะไรขนาดนั้นป่ะวะ ช่างเถอะอธิบายไปก็คงเสียเวลาเปล่าๆในเมื่ออิงค์ก็เข้าใจอย่างนั้นไปแล้ว



“ดีจังเลยค่ะ” อิงค์ว่าแล้วส่งยิ้มให้ผมกับเจ้าจอมคนละทีก่อนที่จะเป็นผมที่ขอตัวไปส่งอิงค์ข้างล่าง ขืนเอาแต่ยืนคุยกับแบบนี้ก็คงไม่ได้กลับพอดี



“ขับรถดีๆนะครับ”



“ขอบคุณนะคะ ตอนเย็นเจอกันค่ะ”



ผมยืนโบกมือลาอิงค์ที่ขับรถออกไปแล้ว พอส่งน้องเสร็จผมก็ลากเท้ากลับห้องตัวเองเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอกบ้าง






“กินไรมายังวะ?” ไอ้เป๋าถามขึ้นตอนที่ผมเดินมาถึงโต๊ะ



“เรียบร้อย แล้วนี่พวกที่เหลือมันยังไม่มาหรอวะ?” มองซ้ายขวาก็ไม่เห็นไอ้พวกที่เหลือ เห็นแต่ไอ้เป๋านี่แหละนั่งหน้าสลอนอยู่คนเดียว



วันนี้กลุ่มพวกผมนัดกันมาทำงานที่ห้องสมุด จำได้ว่านัดกันบ่ายโมงแต่ตอนนี้มันจะบ่ายครึ่งแล้วไอ้สี่ตัวหน้าหล่อนั่นก็ยังไม่โผล่หัวมากันสักที ไม่รู้ว่าพวกมันตื่นกันหรือยังเถอะ



“เออเดี๋ยวพวกมันก็มา เราแยกย้ายกันไปหาข้อมูลรอก่อนดีกว่า” ไอ้เป๋ามันว่าอย่างนั้นผมก็เลยพยักหน้าเห็นด้วย



“งั้นกูไปดูตรงนู้นก็แล้วกัน” ผมชี้ไปที่มุมหนึ่งไอ้เป๋ามันก็พยักหน้าตกลงจากนั้นเราก็เดินแยกกันไปหาหนังสือเพื่อนำมาทำงาน



เดินมาถึงตู้หนังสือเกี่ยวกับพวกกฎหมายผมก็ลงมือค้นหาทันทีเดี๋ยวจะเสียเวลานานแล้วงานจะไม่เสร็จ ก็กะไว้ว่าพอหาหนังสือเสร็จแล้วผมจะเห็นไอ้พวกที่เหลือมันโผล่หน้าของพวกมันมาสักที



“เจอกันอีกแล้วนะครับ”



หันไปมองตามเสียงคนพูดก็ต้องพรูลมหายใจออกมาทันที เออเจอกันอีกแล้วและเจอกันบ่อยซะเหลือเกินเลยห่ามึง ถึงเดี๋ยวนี้จะลดความไม่ชอบขี้หน้าลงแต่มันจำเป็นด้วยเหรอวะที่โลกต้องเหวี่ยงผมกับมันมาเจอกันตลอดแบบนี้



“เออ” ผมตอบไปแค่นั้นก็หันไปทำธุระของตัวเองต่อไม่ได้สนใจไอ้เจ้าจอมที่ยืนยิ้มทำหน้าหล่อข้างๆอีก



“พี่หาอะไรอยู่ครับ ผมช่วยมั้ย?”



อยากจะหันไปขอบคุณความมีน้ำใจของมันจริงๆ พ่อคุณเอ๊ย! ทำไมมึงถึงเป็นคนดีเฟรนลี่น่ารักขนาดนี้วะ ไม่แปลกใจเลยที่สาวๆจะหมายตามันหลายคน



“ไม่เป็นไร” ผมพูดพร้อมกับหันไปหามัน “แล้วมึงมาทำอะไร?”



“มาหาหนังสือครับ ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเจอพี่ที่นี่”



มันพูดเหมือนกับว่าผมว่าหน้าตาอย่างพี่ไม่น่าใช่คนที่เข้าห้องสมุดเลยนะอะไรแบบนี้อ่ะ แต่มันกลับพูดอ้อมๆให้คนฟังแบบผมฟังแล้วดูดีขึ้นไง



“แล้ว...หาหนังสืออะไรล่ะเผื่อกูรู้จะได้บอก” ที่ถามนี่ไม่ได้พิศวาสอะไรมันขึ้นมาหรืออยากจะเป็นคนดีอะไรหรอกนะ ผมแค่อยากจะทำหน้าที่พี่ติวให้กับมันบ้างก็เท่านั้นเอง



“หนังสือเกี่ยวกับกฎหมายเอกกชนครับ พอดีผมต้องพรีเซ้นส์งานเกี่ยวกับเรื่องผู้ไม่อยู่ มาตรา48 น่ะครับ”



ผมฟังมันพูดไปพลางตาก็มองไล่หาหนังสือไปพลาง จำได้ลางๆว่าเคยเห็นหนังสือบุคคลอยู่แถวล็อคนี้เหมือนกันแต่ก็ไม่รู้นะว่าจะมีใครหยิบไปหรือยัง



“เหมือนจะไม่มีอยู่แถวนี้นะ” ผมพูดแล้วหันไปมองมันแต่พอหันไปเท่านั้นแหละก็เห็นมันกำลังมองหน้าผมแล้วยิ้มอยู่คนเดียว เป็นบ้าอะไรของมันอีกวะ “ยิ้มอะไรของมึง?”



“ไม่รู้ครับ ผมเห็นพี่หาหนังสือให้ผมอยู่ดีๆปากมันก็ยิ้มขึ้นมาเอง”



“บ้าป่ะ?” ไม่รู้ว่ามันบ้าหรือต้องการจะกวนประสาทผมกันแน่



มันไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเอาแต่ยิ้มอยู่อย่างนั้นแล้วพอมันเมื่อยปากมันก็หยุดยิ้มแป้นแต่ก็ยังมีรอยยิ้มบางๆติดอยู่ที่ปากของมันซึ่งมันก็เป็นแบบนี้ตลอดเวลานั่นแหละสำหรับคนหน้ายิ้มอย่างมันก็ไม่แปลกอะไร



“ตรงนี้ไม่มีก็ไม่เป็นอะไรครับ เดี๋ยวผมไปหาดูล็อคอื่นก็ได้” ว่าเสร็จมันก็ทำท่าจะเดินออกไปจากตรงนี้แต่ผมก็ยกมือขึ้นมารั้งไหล่มันไว้ก่อน



“ถ้าในห้องสมุดไม่มีก็มายืมของกูได้ กูมีหนังสือวิชานี้อยู่” อยู่ดีๆวิญญาณคนดีก็เข้าสิงผมเลยทำให้พูดอะไรแบบนั้นออกไป เออแล้วทำไมวะไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ก็บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวนี้เกลียดขี้หน้าไอ้เด็กนี่น้อยลงแล้ว



“ขอบคุณนะครับพี่” เด็กมันพูดแล้วก็ยิ้มให้ผมอีก ขยันยิ้มจังเลยนะมึง



“อือ”






หลังจากพาอิงค์ไปทานอาหารเย็นเรียบร้อยผมก็ไปส่งน้องที่คอนโดจากนั้นก็แวะตลาดแถวใต้คอนโดตัวเองหาซื้อพวกฝอยทองกับเม็ดขนุนมากิน ตอนแรกก็ว่าจะซื้อมานิดเดียวแต่สงสัยหยิบเพลินไปหน่อยเลยได้ขนมสดมาหลายถุงเลย



ก่อนเข้าห้องตัวเองผมก็มาหยุดยืนที่ห้องข้างๆซึ่งมีไอ้เด็กหน้ายิ้มชอบกวนประสาทอาศัยอยู่ เคาะประตูห้องมันสองสามทีเจ้าของห้องมันก็เดินมาเปิดพร้อมกับเอาสภาพใส่แว่นหัวยุ่งๆมายืนตรงหน้าผม



“สภาพแม่งเหมือนไปรบมา ทำอะไรอยู่วะ?” ไม่ได้อยากจะถามหรอกนะแต่ปากมันก็ลั่นไปเองอ่ะ



“ทำงานครับ พอดีไม่มีหนังสือผมเลยต้องหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตแต่ไม่ค่อยมีข้อมูลเลย” มันพูดเสียงเนือยๆ



“กูบอกแล้วไงว่ากูมีหนังสืออยู่ให้มาเอาที่กู”



“ผมเคาะห้องพี่แล้วแต่พี่ไม่อยู่นี่ครับ ส่วนช่องทางติดต่อกับพี่ผมก็ไม่มี”



พูดซะผมรู้สึกผิดเลยที่ไม่อยู่ห้องจนทำให้มันไม่มีหนังสือเอาไปทำงานเลยเนี่ย



“เออๆเดี๋ยวเข้าไปเอาให้รออยู่นี่แหละ” ผมทำท่าจะเดินไปห้องของตัวเองแต่ก็คิดได้ว่าต้องเอาของกินที่ซื้อมาเยอะจนกินไม่หมดให้มันก่อน “อ่ะเอาไป...กูซื้อมาเกินเลยเอามาให้กิน”



มันมองหน้าผมแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มใส่ “ไม่ใช่ว่าตั้งใจซื้อมาให้ผมหรอกเหรอครับ”



“อะไรของมึง กูกลัวกินไม่หมดแล้วมันจะเสียต่างหากเลยเอามาให้ ไม่ได้ตั้งใจซื้อมาให้มึงเลยเหอะ” ใช่ครับผมคิดแบบนั้นจริงๆก็บอกแล้วไงว่าตอนหยิบมันหยิบเพลินจนได้ขนมมาเยอะแยะเลยเอามาแบ่งไอ้เด็กข้างห้องนี่กินดีกว่าปล่อยให้เสียใช่มั้ยล่ะ



“อ้อครับ ผมจะพยายามเชื่อก็แล้วกัน”



อยากจะยกนิ้วมาจิ้มตากับเอามือมาบีบปากของมันจริงๆจะมาทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ใส่ผมทำไมวะ ผมไม่ใช่สาวๆที่ชอบมันซะหน่อย



“เด็กเวร”



ว่าจบก็เดินเข้าห้องตัวเองไปเอาหนังสือให้กับไอ้เด็กเวรที่ผมพึ่งด่าไป เป็นบ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้คนด่าแล้วยังจะยืนยิ้มไอ้อีก



“เอาไป” ยื่นหนังสือเล่มค่อนข้างหนาให้มันไป มันก็ยื่นมือมารับอย่างยินดีไม่วายก็ยิ้มให้ผมอีกนะ



“ขอบคุณนะครับพี่ทั้งเรื่องหนังสือ แล้วก็ขนม....” มันหยุดพูดแล้วขยับเข้ามาใกล้ผมที่ถอยหลังจนชนเข้ากับกำแพงที่อยู่ด้านหลัง ใบหน้าของมันโน้มเข้ามาใกล้ใบหูของผมก่อนจะกระซิบต่อว่า “...ที่พี่ไม่ได้ตั้งใจซื้อมา”



ผมเหลือบมองหน้ามันก่อนจะผลักอกมันให้ออกห่างจากผม ผมจิ๊ปากใส่มันพร้อมทำหน้าเอือมจากนั้นก็ยกมือขึ้นมาแล้วดีดหน้าผากไอ้เด็กบ้าแรงๆไปหนึ่งทีจนมันร้องโอดโอยยกมือขึ้นมากุมหน้าผากของตัวเองไว้



“สมน้ำหน้าไอ้เด็กเวร!”





ตอนนี้ก็ยังเรื่อยๆให้ทั้งสองคนทำความรู้จักกันไปก่อนเนอะ ส่วนอิงค์ก็เป็นอีกคนที่มีบทบาทสำคัญสำหรับสองคนนี้มากๆแต่ขออุบไว้ก่อน อิอิ
ปล. เราไปแอบเปิดนิยายเรื่องใหม่มาของฝากโต้ยเน่อออ ❖ห้วงแห่งความรัก❖

ขอบคุณสำหรับการติดตามและกำลังใจมากๆเลยน้าาา
#นิติผูกพัน
ช่องทางติดต่อข่าวสารนิยายติดตามได้ทาง
Twitter

:teach:



ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มีเขินนะอีพี่.  :mew4:

ออฟไลน์ ฟองดูว์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-3
ตอนที่ 8

ยางแบนเป็นเหตุให้คนดีกัน



ผมยืนหัวเสียกับรถตัวเองมาเป็นเวลากว่าห้านาที ผมไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้รถผมยางแบนขนาดนี้ เมื่อเช้าตอนขับมาเรียนก็ยังปกติดีแต่พอตอนกำลังจะขับกลับคอนโดผมก็พบว่าล้อหน้าของรถผมแบนจนไม่รู้จะแบนยังไงแล้ว ไอ้แบนมันก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่มันจะมาแบนเอาตอนที่เพื่อนผมมันแยกย้ายกันกลับไปหมดแบบนี้ไม่ได้เว้ย



“เวรเอ๊ย! วันซวยอะไรของกูวะเนี่ย!”



ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ในไลน์กลุ่มว่าตอนนี้รถผมยางแบนต้องการเพื่อนมาช่วยด่วนๆ ส่งไปประมาณสองสามนาทีก็เป็นไอ้หมอกที่เป็นคนตอบกลับมาคนแรก



หมอก : ตอนนี้มึงอยู่ไหน?

ยีนส์ : อยู่ มอ. แม่งยังไม่ทันออกไปไหนเลยรถกูก็ยางแบนแล้ว

หมอก : เออๆรอนั่นแหละเดี๋ยวกูไปหา

ยีนส์ : ขอบใจ



ผมก็เลยเข้าไปนั่งในรถแล้วสตาร์ถรถไว้เพื่อตากแอร์ระหว่างรอไอ้หมอกมันมา หลังจากคุยกับไอ้หมอกคนอื่นๆก็พากันตอบแชท ถามว่าไปทำยังไงหรือขับอีท่าไหนถึงทำรถยางแบน ก็คือพวกมึงกูจะรู้มั้ยอ่ะ กูมารู้อีกทีล้อรถมันก็ยางแบนแล้วโว้ย



เป๋า : แล้วทำไมมึงไม่ถามล้อมึงวะว่าไปโดนอะไรมาถึงแบนขนาดนั้น

ยีนส์ : ไอ้สัด คำถามนี้คือมึงกลั่นกรองออกมาจากสมองมึงแล้วใช่มั้ย?

เป๋า : กูก็คิดอยู่นานเหมือนกันเด้อ

ยีนส์ : คำถามก็สมกับรอยหยักในสมองน้อยๆของมึงดี

เป๋า : ไอ้ห่า! ขนาดนี้แล้วมึงก็ด่าว่ากูโง่เลยเถอะ

ยีนส์ : มึงพูดเองน้าาาาา ^^



ก็ส่วนมากคนที่มากวนตีนก็จะมีแต่ไอ้เป๋ามันนี่แหละครับ คนอื่นเขาก็มีงานมีการไม่ก็มีแฟนกันไปแล้ว ส่วนมันน่ะหรอก็เป็นคนว่างๆเหงาๆไม่มีห่าอะไรให้ทำนอกจากกวนตีนเพื่อนไปวันๆนั่นแหละครับ



ผมขี้เกียจจะคุยกับมันก็เลยกดออกจากโปรแกรมแชทแล้วเข้าไปดูอะไรในเฟซบุ้คของตัวเอง เปิดเข้าไปก็พบว่ามีคนมาขอเป็นเพื่อน พอกดเข้าไปดูในแจ้งเตือนเท่านั้นแหละก็ต้องชะงักมือไว้เลยเมื่อเห็นว่าเป็นไอ้เด็กเจ้าจอม



ไม่แปลกใจหรอกถ้ามันจะหาเฟซบุ้คของผมเจอเพราะกลุ่มพวกผมทุกคนได้ลงในเพจอะไรสักอย่างของเด็กในมหา’ลัยทำขึ้นมา ในโพสต์พวกนั้นก็จะมีภาพ ชื่อและช่องทางที่จะสามารถติดตามได้ ผมจำได้เลยว่าช่วงแรกที่เพจนั้นลงภาพผม คนมาขอเป็นเพื่อนกับกดติดตามเยอะฉิบหายจนตกใจอ่ะ ผมไม่ได้รับทุกคนหรอกนะครับแค่รับๆคนที่รู้จักไว้เท่านั้นแหละ



บางทีการที่ผมเกิดมาหล่อก็อยู่ยากเหมือนกันนะเนี่ย



ผมไม่ได้รับไอ้เด็กเจ้าจอมเป็นเพื่อนทันทีแต่เลือกจะกดเข้าไปดูในหน้าโปรไฟล์มันก่อนเป็นอันดับแรก ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่คนจะกดติดตามเยอะขนาดนั้น มันก็ดังใช่ย่อยที่ไหนแถมยังเสือกเฟรนลี่ยิ้มให้คนอื่นไปทั่ว คนเขาก็เลยติดบ่วงมันได้ง่ายๆไง



หน้าทามไลน์ของมันก็มีโพสต์บ้างเพ้อบ้างตามประสา เห็นมันลงรูปล่าสุดอยู่ที่ร้านเค้กหน้า มอ. ก็รู้สึกอยากกินกาแฟขึ้นมา ถ้าจะฝากมันซื้อจะดีมั้ยวะ กลัวเสียฟอร์มเหมือนกันนะเว้ยอุตส่าห์เก๊กมาตั้งนาน เออแล้วทำไมวะคนเราจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไง ก็แค่อยากกินกาแฟแล้วฝากซื้อก็ไม่เห็นจะมีอะไรหน้าอายเลยนี่หว่า แถมกาแฟร้านนี้ก็อร่อยที่สุดและเป็นร้านโปรดของผมด้วย ฝากๆไปเหอะยังไงไอ้เด็กนี่มันก็คงจะซื้อมาให้ผมอยู่แล้วมั้ง



อย่างแรกก่อนจะฝากมันซื้อกาแฟคือผมต้องรับมันเป็นเพื่อนก่อน จากนั้นก็กดตัวเลือกส่งข้อความแล้วพิมพ์ไปหามัน



ยีนส์ : มึง อยู่ร้านเค้กหน้า มอ. ป่ะ?

เจ้าจอม : หือ...นี่ผมแปลกใจมากเลยนะที่พี่ทักผมมา ใช่ครับผมอยู่ร้านนี้

ยีนส์ : ฝากซื้อกาแฟหน่อยดิ เดี๋ยวเอาเงินให้

 เจ้าจอม : พี่ทักผมมาเพื่อสิ่งนี้ใช่มั้ยครับเนี่ย

ยีนส์ : ใช่ ทำไมฝากไม่ได้หรือไง ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

เจ้าจอม : โหยพี่...น้อยใจผมหรอ ผมแค่ถามเอง

ยีนส์ : น้อยใจที่หน้ามึงอ่ะไอ้เด็กเวร แล้วสรุปกูฝากซื้อได้ป่ะ

เจ้าจอม : ได้ครับได้ แล้วพี่จะเอากาแฟอะไรล่ะครับ

ยีนส์ : ลาเต้เย็น เอามาให้กูที่ลานจอดรถคณะ

เจ้าจอม : โอเคครับผม



ผมไม่ได้ตอบอะไรเด็กมันไปอีกก็เก็บโทรศัพท์ตัวเองใส่กระเป๋ากางเกงไว้ ตอนนี้ก็มาลุ้นกันเอานะครับว่าไอ้หมอกกับไอ้เจ้าจอมใครจะมาถึงก่อนกัน



และไม่ต้องให้ลุ้นนานไอ้เด็กหน้ายิ้มเฟรนลี่ไปทั่วก็โผล่หัวของมันมาแล้วมองซ้ายขวาเหมือนเด็กส่งยาเลยไอ้ฉิบหาย ผมก็เลยต้องรีบเดินลงจากรถตัวเองไปก่อนไอ้เด็กนี่มันจะทำตัวมีพิรุธจนคนอื่นโทรแจ้งตำรวจมาจับได้ ก็แค่เอากาแฟมาส่งมึงจะทำลับๆล่อๆทำเผือกอะไรวะ



“ถึงแล้วทำไมไม่ทักมาวะ” ผมสะกิดหลังเด็กที่ยืนหันหลังให้พร้อมพูดประโยคที่ผมสงสัยออกมา



มันหันมาหาผมพร้อมกับฉีกยิ้มตามสไตล์มันก่อนจะยื่นกาแฟที่ผมฝากมันซื้อมาให้ตรงหน้า “ก็ที่จอดรถมันก็ไม่ได้กว้างขนาดนั้นนี่ครับ”



“แล้วมึงไม่คิดบ้างหรือไงว่ากูอาจจะนั่งอยู่ในรถ”



“คิดครับ”



อ้าว...คิดแล้วทำไมไม่ทักกูมาก่อนวะ เวรกรรม..



“เออๆ ช่างแถอะ แล้วนี่กี่บาทล่ะ?” ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดก็รีบพูดเข้าเรื่องทันที



“ฟรีครับ”



“ฟรีได้ไงวะ” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ



“ผมเลี้ยง”



“รวยมากหรือไง ไม่ต้อง” ผมปฏิเสธ



แค่ที่มันซื้อของกินมาให้เกือบทุกเช้าก็เกรงใจจะแย่แล้ว นี่ยังจะมาเลี้ยงกาแฟแก้วไม่กี่บาทผมอีก มันมากไป ถึงจะอ้างว่าเลี้ยงในฐานะที่ผมเป็นพี่ติว มันก็ไม่ใช่ป่ะวะ กูนี่อายเหมือนกันนะเว้ย เป็นทั้งพี่ติวทั้งพี่คณะแถมยังเป็นพี่ที่รู้จักกับพี่ชายมันอีก ยังไม่เคยเลี้ยงอะไรมันเลยด้วยซ้ำ



“ถือว่าเลี้ยงขอบคุณค่าหนังสือไงครับ” มันก็ตอบด้วยหน้ายิ้มๆอีกครั้ง



นี่ถ้าผมเป็นผู้ชายตัวบางร่างเล็กหรือเป็นผู้หญิงนะผมจะคิดว่ามันมาเปย์ผมเพราะจะจีบผมนะเนี่ยแต่มันไม่ใช่ไงกูนี่ตัวใหญ่อย่างกับควายแถมยังตัวเกือบๆเท่ามันอีกต่างหาก มันไม่มีทางพิศวาสผมแน่ๆอ่ะ วางเงินห้าบาทเลย



“ก็บอกว่าไม่ต้องไง พูดยากจังวะ” ผมขมวดคิ้วเริ่มจะรำคาญมันเต็มทน ก็คือผมอยากจ่ายก็ควรให้ผมจ่ายป่ะ แล้วเรื่องหนังสือผมก็ไม่ได้คิดว่ามันต้องมาตอบแทนอะไรด้วยซ้ำ



มันยืนมองผมเหมือนจะกดดันแต่ผมไม่มีทางยอมแพ้จึงมองมันกลับเหมือนกัน เอาดิให้มันรู้ไปว่าวันนี้ผมจะไม่ได้จ่ายค่ากาแฟของตัวเอง แม่ง! ปัญญาอ่อนฉิบหายจะฆ่ากันตายเพราะเรื่องเงินค่ากาแฟ



“เฮ้อ...ก็ได้ครับ แล้วแต่พี่” มันยกมือทำท่ายอมแพ้ “ค่ากาแฟห้าสิบบาทครับ”



ผมล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองหาเงินออกมาได้ก็ยื่นให้เด็กมัน “ไม่ต้องทอน” พอดีว่าเงินที่หยิบได้มันเป็นแบงค์ร้อย ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาหรือค่าน้ำมันของเจ้าจอมมันไปเลย



“ขอบคุณครับ”



เออแปลก...คิดว่ามันจะปฏิเสธอีกว่าต้องทอนให้ได้แต่คราวนี้แม่งพูดง่าย อะไรของมันก็ไม่รู้ ผมก็เริ่มงงกับมันแล้วเหมือนกันครับ



“ขอบใจที่ซื้อมาให้” ว่าเสร็จก็ตั้งท่าจะเดินกลับรถของตัวเองเพื่อไปนั่งรอไอ้หมอกมันต่อ ไอ้ห่านี่ก็เหมือนกัน คือมึงขับรถมาจากต่างจังหวัดหรือไงวะทำไมถึงได้นานขนาดนี้



“เดี๋ยวครับพี่ยีนส์”



“ว่า?” หันกลับไปมองเด็กที่ยืนอยู่ข้างหลังพร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามมัน



“รถพี่ยางแบนเหรอครับ?” มันชี้ไปที่ล้อรถของผมที่แบนจนน่าสงสารผมเลยพยักหน้าให้มัน “ผมช่วยมั้ยครับ?”



“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเพื่อนกูก็มา”



“ถ้างั้น...ให้ผมรอเป็นเพื่อนพี่มั้ยครับ?” มันยังคงเสนอตัวอย่างต่อเนื่อง



“กูอยู่คนเดียวได้”



“พี่จะเหงานะ” มันว่าแล้วยกยิ้มละมุน แล้วทำไมมึงต้องมายิ้มอย่างนี้ให้กูด้วยวะ ขนลุกไปหมดแล้วเด็กเวร



“เหงาบ้าบออะไรของมึง คนก็ออกจะเดินกันว่อนขนาดนี้”



“แล้วคนพวกนั้นเขาเข้ามาคุยกับพี่เหมือนที่ผมคุยกับพี่หรือเปล่าล่ะครับ” มันก็ยังคงถามต่อ อะไรของมันนักหนาวะ



“แล้วเขาจะเข้ามาคุยกับกูทำเผือกอะไรวะ ไม่ได้รู้จักอะไรกันสักหน่อย”



“นั่นไงครับ ถ้าพี่อยู่คนเดียวก็จะไม่มีเพื่อนคุยแต่ถ้าผมอยู่ด้วยพี่จะมีเพื่อนคุยนะครับ”



ผมถอนหายใจ ที่พูดอย่างนี้คือมันจะอยู่เป็นเพื่อนผมให้ได้ใช่มั้ย บางทีก็ไม่เข้าใจมันจริงๆว่าจะมาวนเวียนใกล้ๆผมแบบนี้ไปเพื่ออะไร



“ตกลงจะอยู่เป็นเพื่อนกูให้ได้ว่างั้น?” ผมถามย้ำมันอีกครั้ง



“ครับ” ตอบแบบไม่คิดห่าเหวอะไรเลย ตอบไวปานจรวดซะอีก



“เออแล้วแต่มึง” ขี้เกียจจะปฏิเสธมันแล้วเหมือนกัน



ผมส่งข้อความบอกไอ้หมอกว่านั่งอยู่แถวม้านั่งหน้าคณะ สายตาก็เหลือบมองไอ้เจ้าจอมที่กำลังนั่งมองผมอยู่ฝั่งตรงข้าม



“มองอะไร?” เพราะอึดอัดกับสายตาของมันผมเลยเลือกที่จะถามออกไปเพื่อให้มันหยุดจ้องผมสักที อีกอย่างจะได้เป็นการทำลายความเงียบเพื่อไม่ให้เกิดความอัดอัดในสถานการณ์แบบนี้ด้วย



“ผมแค่สงสัยว่าทำไมพี่ถึงดูไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่?”



“มึงเคยถามกูไปแล้ว”



“แต่พี่ก็ยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน”



“กูไม่ได้ไม่ชอบมึง”



“อาห้ะ พี่เคยบอกว่าแค่ไม่ถูกชะตา”



“เออ”



“แล้วตอนนี้พี่เริ่มชอบผมบ้างหรือยัง?”



“ถามเหี้ยอะไรมึงวะ!”



“พี่คิดอะไรเนี่ย ผมหมายถึงว่าพี่เริ่มถูกชะตากับผมบ้างหรือยัง”



“ไม่รู้”



“ที่ผมทำดีกับพี่ไม่ใช่แค่เพราะว่าพี่เป็นพี่ติวของผมหรอกนะครับ ผมก็แค่อยากจะสนิทกับพี่แค่นั้นเอง”



“แล้วทำไมกูต้องสนิทกับมึง”



“ไม่รู้สิครับ ผมแค่รู้สึกว่าอยากรู้จักพี่ให้มากกว่านี้”



“ไอ้ห่า..พูดเหมือนจะจีบกู”



“ฮ่าๆ ได้หรือเปล่าล่ะครับ”



“หยุดคิดเลยไอ้เด็กเวร”



“ผมล้อเล่นน่า แล้วตกลงพี่เริ่มชอบผม...ไม่สิ พี่เริ่มถูกชะตากับผมบ้างหรือยังครับ”



“นิดนึง”



“โธ่...แค่นิดเดียวเองเหรอครับ”



“เออ...แล้วจะทำไมหรือจะให้กูตอบว่าตอนนี้ก็ยังเกลียดขี้หน้ามึงอยู่แบบนี้เหรอ?”



“โอเคครับๆ ผมยอมแล้ว แค่นิดนึงก็ยังดี แบบนี้ก็แสดงว่าของกินที่ผมซื้อให้ก็ไม่เสียเปล่า”



“นี่มึงซื้อของพวกนั้นเพราะหวังแบบนี้ใช่มั้ย”



“ก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้ครับ จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรหรอกครับผมแค่อยากซื้ออะไรให้พี่กินเพราะเห็นว่าพี่ตื่นไม่ทันทานข้าวเช้าเท่าไหร่”



“....”



“พี่รู้ใช่มั้ยล่ะครับว่ามื้อเช้าน่ะสำคัญที่สุด”



“....”



“ดังนั้นผมคิดว่าถ้าพี่ได้กินมื้อเช้าก็คงจะอารมณ์ดีแล้วก็จะใจดีกับผมแบบนี้ไงล่ะครับ”



“เออขอบใจสำหรับความเป็นห่วงที่หวังผลของมึงมากๆ”



“ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ”



กว่าไอ้หมอกจะมาผมกับไอ้เจ้าจอมก็คุยกันจนคอแหบคอแห้งลำบากให้ต้องไปหาซื้อน้ำมากินกันอีก ก็นะยิ่งได้คุยกับเด็กมันก็ยิ่งรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่อีกอย่างผมก็รู้สึกสบายใจเหมือนกันที่มีคนคุยด้วยแบบนี้ อ๊ะๆนี่กูไม่ใช่คนไม่มีเพื่อนหรืออะไรนะครับ ผมแค่หมายถึงเรื่องบางเรื่องก็คุยกับเพื่อนไม่ได้เท่านั้นเอง



“แล้วสรุปมึงไปไหนมาตั้งนาน?” ผมถามไอ้หมอกที่กำลังยืนพิมพ์โทรศัพท์ยิกๆระหว่างรอช่างเปลี่ยนล้อให้



“ก็ไปส่งน้องแต่รถติดนิดหน่อยก็เลยมาช้า”



“ไอ้ห่า ไม่นิดละนานฉิบหาย”



“เออ โทษทีว่ะ”



“ไม่เป็นไร ก็ดีกว่ามึงไม่มาล่ะนะ”



มันพยักพเยิดไปทางไอ้เด็กเจ้าจอมที่ยืนอยู่ไกลๆ “แล้วนี่มึงมาอยู่กับน้องมันได้ไง?”



“กูฝากมันซื้อกาแฟมให้มันก็เลยอาสารอมึงเป็นเพื่อนกู”



“ได้ข่าวว่าตอนแรกไม่ชอบน้องมัน”



“นิดหน่อย แต่ตอนนี้ก็เริ่มโอเคละ”



“ดีแล้วไอ้ห่า น้องก็ดูจะนิสัยดียังจะไม่ชอบน้องเขาอีก”



“รู้แล้วน่า แล้วมึงรู้ได้ยังไงว่ามันนิสัยดี พูดเหมือนกับรู้จักกับมัน”



“กูเดาเอา มึงคิดดูดิว่าใครที่ไหนมันจะซื้อกาแฟแล้วถ่อมาให้มึงถึงที่นี่ แล้วกูก็ดูออกด้วยว่าน้องมันรู้ว่ามึงไม่ค่อยชอบขี้หน้าน้องมันใช่มั้ยล่ะ เนี่ยถ้ากูเป็นน้องกูไม่ซื้อมาให้แดกหรอกกาแฟอ่ะ ไม่ชอบกูยังจะสั่งให้ซื้อของมาให้อีก โคตรเหี้ย!”



“อ้าว? ไอ้สัดหมอก นี่กูเพื่อนมึงไง”



“เออก็เพื่อนกูนี่แหละ กูแค่พูดให้มึงคิด” มันท้าวเอวมองผมก่อนจะว่าต่อ “แล้วกูก็อยากรู้เหลือเกินว่าน้องมันไปทำอะไรให้มึงถึงไม่ชอบน้องขนาดนั้น ไหนว่ามา?”



“มึงก็รู้ว่ากูไม่อยากได้น้องติว”



“แล้วยังไง?”



“ก็ไม่ไงอ่ะ ก็กูไม่อยากได้กูก็เลยไม่ชอบมัน”



“นี่อ่ะนะคือเหตุผลของมึง” มันเหมือนจะเริ่มหมั่นไส้ผมขึ้นมา ผมก็เลยทำหน้าหงอๆเผื่อเพื่อนจะสงสาร เวลาไอ้หมอกดุโคตรน่ากลัวฉิบหายเลยครับ



“อือ...โธ่มึงอย่าดุกูสิวะ”



“กูไม่ได้ดุกูแค่อยากให้มึงคิด ไอ้เป๋ามันเล่าให้กูฟังว่าช่วงหลังๆมานี้น้องก็ซื้อของกินมาให้มึงทุกเช้า บางครั้งมันก็คอยช่วยเหลือมึงเรื่องเล็กๆน้อยๆทั้งที่มันไม่ต้องทำก็ได้ แล้วอย่างนี้มึงยังจะไม่ชอบน้องมันอีกเหรอวะ”



“รู้แล้วน่า กูก็เริ่มทำดีกับมันแล้วนี่ไง”



“ไม่ใช่ว่าทำเฉพาะแค่วันสองวันหรอกนะ”



“ครับๆกูก็เริ่มรู้สึกผิดเหมือนกันนะไอ้ห่า น้องมันก็ดีขนาดนี้แล้วกูก็จะเลิกเมินมันแล้ว”



“ดี”



“ไอ้ห่าเอ๊ย! ดุอย่างกับพ่อกู”



“คนอย่างมึงนะถ้าไม่มาดุแบบนี้ก็คงคิดไม่ได้”



“ไหนว่าไม่ได้ดุ”



“ขี้เกียจจะคุยกับมึง”



“อ้าวไอ้เวร!”



พอช่างเปลี่ยนล้อให้ผมเรียบร้อยไอ้หมอกมันก็กลับไปพร้อมช่าง ตอนนี้ก็เลยเหลือผมกับไอ้เจ้าจอมยืนอยู่ด้วยกันสองคน



“แล้ว...รถมึงล่ะ?”



“อ๋อ รถผมอยู่ที่ร้านเค้กหน้า มอ.ครับ”



“แล้วเมื่อกี้มึงมายังไง?”



“ติดรถเพื่อนเข้ามาครับ”



“อือ งั้นก็ขึ้นรถเดี๋ยวไปส่ง”



“ครับ”



ระยะทางจากคณะผมมาถึงหน้า มอ.ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็มาถึง เจ้าจอมมันปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะหันมาไหว้ขอบคุณ



“ขอบคุณนะครับพี่”



“อืม ไม่เป็นไร”



“งั้นผมไปนะครับ”



ผมเม้มปากรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก สายตาก็มองไปที่เจ้าจอมที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถ



“เดี๋ยว!” ผมเรียกมันไว้



 มันหันหน้ามาหาผมพร้อมกับตั้งคำถาม “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”



“คือที่มึงถามกูว่ากูเลิกไม่ถูกชะตามึงหรือยัง จริงๆแล้ว...” ผมอึกอักก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป “กูแค่รู้สึกผิดหวังที่ได้มึงเป็นน้องติว เฮ้ยๆไม่ใช่ว่ามึงไม่ดีนะเว้ย คือกูอะไม่อยากได้น้องติวตั้งแต่แรกแล้วไง พอกูได้กูก็เลยหวังว่าจะได้น้องติวที่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายตัวเล็กๆน่ารักงี้ แต่ก็นั่นแหละมึงก็รู้ว่ากูไม่ได้...มันก็เลยรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยเลยทำให้กูพาลไม่ชอบขี้หน้ามึงไปด้วย”



“อ่า...ผมพอจะเข้าใจครับ”



“อือ นั่นแหละกูก็เลยอยากจะขอโทษมึงที่ก่อนหน้านี้เคยทำไม่ดีแล้วก็พูดไม่ดีด้วย”



“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมไม่ได้ซีเรียสอะไรอยู่แล้วแต่ผมก็ดีใจนะที่ได้มาเป็นน้องติวของพี่”



“มึงพูดแบบนี้กูรู้สึกผิดเลยว่ะ”



“ฮ่าๆ พี่ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ” มันยื่นมือมาลูบที่บ่าผมเบาๆ “เอาเป็นว่าหลังจากนี้พี่ก็ต้องใจดีกับผมให้มากๆหน่อยนะครับ เริ่มจากเย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันมั้ยครับ?”



“ไอ้เวร...”



“ว่ายังไงครับ”



“เออๆ มาเคาะห้องก็แล้วกัน”



“ครับ งั้น...ผมขอโทรศัพท์พี่หน่อย”



ผมมองมันที่แบมือมาตรงหน้าก่อนจะล้วงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงให้ “ทำอะไร?”



มันไม่ได้ตอบนอกจากยิ้มอยู่คนเดียวแล้วกดมือถือผมสักพักมันก็คืนมาให้ผม



“นี่เบอร์ผมนะครับ”  แล้วมันก็เอาโทรศัพท์ตัวเองออกมากดก่อนจะโชว์ให้ผมดู “ผมเมมเบอร์พี่ไว้เรียบร้อยแล้วนะ ถ้ายังไงเดี๋ยวโทรหานะครับ”



“เออ ลงไปได้ละ” ผมรีบไล่มันเพราะจู่ๆก็รู้สึกประหม่ายังไงก็ไม่รู้



“ครับ ขับรถดีๆนะครับพี่”



“อือ”






ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องมันเอื่อยๆไปหรือเปล่าถ้าใครรู้สึกว่ามันเอื่อยหรือไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่บอกกันได้เด้อเราจะได้ปรับปรุง

ขอบคุณสำหรับการติดตามและกำลังใจมากๆเลยน้าาา
ช่องทางติดต่อข่าวสารนิยายติดตามได้ทาง
Twitter

:teach:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ไม่เอื่อยนะคะ กำลังดีเลย จะรออ่านตอนต่อไปนะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ถึงห้องเจอเคาะประตูแน่  :hao3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด