บทที่ 11 ความจริง“นี่คือข้อมูลที่เราหามาได้ครับดอน” คาลอสยื่นแฟ้มเอกสารขนาดใหญ่ให้กับดราโกที่นั่งเอนหลังพักผ่อนกับโซฟาขนาดใหญ่ในห้องทำงาน ดวงตาสีทองวาววับเมื่อเห็นข้อมูลตรงหน้าที่มากขึ้นกว่าครั้งแรกเป็นเท่าตัว
“เทวดาตัวน้อยของฉันเก่งกาจเอาเรื่องเลยนะ” รอยยิ้มของชายหนุ่มผู้มีอำนาจสูงสุดของคอลิโอเน่แฟมิลี่ถูกจุดขึ้นตรงมุมปาก “ข้อมูลพวกนี้เชื่อถือได้มากขนาดไหน”
“ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ” คาลอสตอบ “ข้อมูลของคริสตินเริ่มปรากฏตอนอายุห้าขวบครับ มีครอบครัวนอร์แมนรับเป็นบุตรบุญธรรม และย้ายไปอยู่ที่อังกฤษตั้งแต่นั้น คริสติน นอร์แมน เป็นเด็กอัจฉริยะที่เรียนอยู่ในสถาบันเมนซ่าตั้งแต่อายุแปดขวบ มีไอคิว 170 และถนัดทางด้านการเขียนโปรแกรมเป็นพิเศษ และที่สำคัญ ตอนนี้เทวดาตัวน้อยของดอนกำลังเรียนจบระดับปริญญาเอก เหลือส่งรูปเล่มวิทยานิพนธ์เท่านั้นเองครับ หัวข้อวิจัยก็น่าสนใจมากเลยทีเดียว”
“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ” ชายหนุ่มกวาดสายตาอ่านข้อมูลของเด็กหนุ่มในแฟ้มอย่างรวดเร็ว คิ้วเข้มของดราโกเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อประวัติของคริสตินเริ่มเมื่อตอนอายุห้าปี
“ก่อนหน้านั้นเราไม่มีข้อมูลเลยครับ รู้แค่ว่าครอบครัวนอร์แมนมาเที่ยวที่อิตาลี และพบคริสตินที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า” ชายหนุ่มร่างโปร่งผู้สวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยม ดันแว่นที่ตกอยู่ปลายจมูกขึ้นมาอยู่บนดั้งให้เรียบร้อย “แต่ข้อมูลของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าที่ไหนครับ คิดว่าคงเป็นข้อมูลเท็จที่สร้างขึ้นเช่นเดียวกัน”
“เด็กคนนั้นเป็นลูกครึ่งเอเชีย สิบปีก่อนงั้นเหรอ” ดราโกวางแฟ้มที่ถืออยู่ในมือลงและยกมือขึ้นจับปลายคางอย่างครุ่นคิด ดวงตาคมสีทองไหววูบเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้บางอย่างที่ผุดวูบขึ้นมา “การที่เด็กคนนั้นหันมาตามล่าพวกคาโซ่ อาจจะเป็นเพราะว่าคริสตินคือหนึ่งในเด็กที่ถูกจับมากับกระบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติก็ได้”
ประโยคที่ดราโกพูดออกมาทำให้คาลอสถึงกับเบิกตากว้าง ถ้าพูดถึงประเด็นนี้ทุกอย่างที่พวกเขาเคยสงสัยก็จะลงตัวพอดี จากเหตุผลที่เด็กคนหนึ่งดิ้นรนมาถึงอิตาลี แล้วเห็นข่าวการค้ามนุษย์จนต้องช่วยเหลือด้วยการค้นข้อมูลของพวกมาเฟียมาเปิดโปงมันก็ดูจะง่ายดายและบังเอิญเกินไปหน่อย แต่ถ้าพูดถึงในประเด็นนี้ว่าคริสตินมีความเกี่ยวข้องกับพวกเขา เช่น เป็นผู้เสียหาย และต้องการแก้แค้นหรือเปิดโปงความชั่วร้ายของพวกมันก็มีความเป็นไปได้มากกว่า
“งั้นคริสตินก็คือหนึ่งในเด็กที่พวกมันจับมาค้ามนุษย์ที่นี่ซินะครับ”
“น่าจะใช่” ดวงตาสีทองของดราโกวาววับดูน่ากลัว “นายไปบอกมาร์ค ให้หาข้อมูลเรื่องนี้มาให้ได้มากที่สุด”
“ครับ” คาลอสก้มหัวรับคำ “แล้วดอนจะลองคุยเรื่องนี้กับคริสตินไหมครับ อย่างน้อยเด็กคนนั้นก็น่าจะได้รู้ว่าเราพร้อมจะช่วยเหลือเขาเต็มที่”
“อืม” ดอนแห่งคอลิโอเน่พึมพำอยู่ในลำคอ ดวงตาสีทองที่ฉายแววคมดุอยู่เสมอกลับหลุบต่ำพลางครุ่นคิด จะทำยังไงให้คริสตินเปิดใจมากพอที่จะเชื่อใจเขาได้กันนะ? ตลอดเวลาที่เขาเฝ้าสังเกตเด็กน้อยของเขา คริสตินเหมือนเปิดเผยซื่อตรง แต่ความคิดและพื้นที่ส่วนตัวของคริสตินกลับเหมือนเขตหวงห้าม กำแพงที่ตั้งสูงลิบมันแข็งแกร่งและไม่พังทลายอย่างง่ายดายแน่นอน “ตอนนี้คริสตินน่าจะอยู่กับแองจี้ที่ห้องครัว นายไปตามมาหน่อยแล้วกัน”
“ครับ” คาลอสก้มศีรษะรับคำสั่ง และเดินออกไปจากห้องทำงานของดอนแห่งคอลิโอเน่ ดราโกเปิดอ่านเอกสารที่อยู่ในแฟ้มอีกครั้ง จากข้อมูลที่มาร์คหามาได้นั้นเป็นข้อมูลที่เจ้าตัวเสาะหามาจากหลายๆ ทาง ทั้งจากสถาบันเมนซ่า และหลายๆ แหล่งที่มาร์ตเจาะข้อมูลมาได้ โดยเลียนแบบระบบจำลองของชิบะไวรัสแต่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อที่จะสามารถแทรกแซงและค้นข้อมูลที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย
คาโซ่แฟมิลี่เป็นอีกหนึ่งกลุ่มมาเฟียที่มีอิทธิพลของอิตาลี รายได้หลักของกลุ่มนี้คือการค้ามนุษย์ที่มีเครือข่ายและเส้นสายอยู่ทั่วโลก ตำรวจสากลและองค์กร UNTOC เคยออกมาเคลื่อนไหวหลายครั้ง แต่กลับไม่มีหลักฐานเพียงพอและโดนขัดขวางจากคนของรัฐบาลที่มีผลประโยชน์กับเรื่องนี้ การจะจัดการถอนรากถอนโคนคาโซ่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเบื้องหลังของพวกมันนั้นมีคนที่มีอิทธิพลเกี่ยวโยงกันไปมาอย่างมหาศาล นักการเมือง รัฐบาล มาเฟีย พวกค้ายาเสพติด จนพวกมันได้ชื่อว่าเลวชาติชั่วอย่างสมบูรณ์แบบ
แม้จะเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีอิทธิพลแต่คอลิโอเน่ก็เช่นเดียวกัน คอลิโอเน่เป็นแก๊งมาเฟียดั้งเดิมของอิตาลี รายได้หลักคือคาสิโน ผับ บาร์ และการค้าอาวุธ โดยมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บังหน้าเพื่อฟอกเงิน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะหารายได้จากการค้ายาเสพติดหรือการค้ามนุษย์ใดๆ มันเป็นหนึ่งในเรื่องต้องห้ามของแฟมิลี่ที่เขาได้รับสืบทอดมา ถึงแม้จะมีพวกตาแก่หัวโบราณบางคนคัดค้านและต้องการให้คอลิโอเน่ยิ่งใหญ่มากกว่านี้ก็ตามที แต่เขามั่นใจว่าเขายิ่งใหญ่ได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาของเหล่านั้นแม้แต่น้อย แค่คาสิโนก็มีสาขามากมายขยายไปทั่วโลกจนรายได้ของคอลิโอเน่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของการจัดอันดับในบทความเรื่อง The biggest organized crime groups in the world แล้ว
และเขาก็เกลียดพวกค้ามนุษย์เป็นทุนเดิม พวกคาโซ่กำเริบเสิบสานหวังวัดรอยเท้าของคอลิโอเน่ จนบางครั้งก็เล่นสกปรกต้องการส่วนแบ่งทางการตลาดของเขาอย่างหน้าด้านๆ ต่อหน้าก็ประจบประแจง ลับหลังก็ลอบกัดแว้งทำร้าย ที่สำคัญ พวกมันถึงขนาดลอบยิงเขาจนอาการสาหัส เกือบเพลี่ยงพล้ำให้กับพวกมันไปอย่างน่าเจ็บใจ เพราะฉะนั้นเรื่องที่คริสตินเทวดาตัวน้อยของเขาต้องการ เขาก็พร้อมจะช่วยเหลือและลงมือจัดการให้ด้วยตัวเองแน่นอน
“ดอนครับ คริสตินไม่อยู่ที่ห้องครัวครับ แต่ผมทราบมาจากจาคอปว่าคริสตินอยู่ที่บ้านของมาร์คครับ” มือซ้ายของคอลิโอเน่เคาะประตูขออนุญาตและเดินเข้ามาเพื่อแจ้งข่าวให้ดราโก
“ตอนนี้?” ชายหนุ่มร่างสูงเลิกคิ้วมองคนที่เข้ามาแจ้งข่าว ก่อนที่ดวงตาคมดุคู่นั้นจะตวัดไปมองนาฬิกาไม้โบราณตรงผนังห้อง “สามทุ่มครึ่ง”
“ครับ คุณแองจี้บอกว่าคริสตินยังไม่มาทานข้าวเย็นเลยครับ”
“ดื้อ” ร่างสูงผุดลุกเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว คาลอสปาดเหงื่อบนหน้าเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของดอนเคร่งเครียดดูดุมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เขาที่เป็นทั้งเพื่อนสนิท เลขา บอร์ดี้การ์ดกลับมองภาพดอนที่ก้าวเท้ายาวๆ และเดินไปทางบ้านของมาร์คโปรแกรมเมอร์หนุ่มอย่างนึกแปลกใจ
ดราโก คอลิโอเน่ มาเฟียที่มีภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามกลับรีบเร่งไปหาเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ คนหนึ่งด้วยความร้อนใจ เพราะเจ้าตัวเล็กของดอนแห่งคอลิโอเน่ยังไม่ยอมทานข้าวเย็น ไม่คิดเลยว่าผู้ชายเย็นชา ดุดัน คนหนึ่งเมื่อถูกอกถูกใจใครจะเป็นเอามากขนาดนี้
“วันนี้หนีมาเล่นที่นี่อีกแล้วนะเจ้าหนู” ผู้ชายร่างสูงหัวชี้ฟูพูดกับผมที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงมุมห้อง
“วันนี้ผมเรียนเสร็จแล้วครับ เป็นช่วงพัก” ผมตอบกลับมาร์คที่ขมวดคิ้วมุ่น “หรือคุณไม่ชอบที่ผมมารบกวนรึเปล่าครับ”
“ก็เปล่าหรอก แต่เธอมาทีไรฉันก็ไม่ได้ทำงานทำการซักที” เขาตอบและละสายตาจากภาพหน้าจอตรงหน้าเพื่อหันมามองผมที่นั่งพิงผนังอยู่ “อีกอย่างฉันกลัวว่าดอนจะมาฆ่าฉันน่ะซิ”
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรรึเปล่าครับ” ผมหันไปถามมาร์คเมื่อประโยคสุดท้ายเขาพึมพำเสียงเบา ผมได้ยินคำว่าดอนๆ อะไรซักอย่าง แต่จับใจความไม่ได้ทั้งหมด เพราะตอนนี้สมาธิของผมกำลังจดจ่ออยู่กับภาษาซีมากมายตรงหน้าที่ชวนปวดหัวและสนุกสนานๆ ไปพร้อมกัน
“เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก” ชายร่างสูงผอมหัวชี้ฟูส่ายหน้าปฏิเสธ เขาหันกลับไปทำงานอีกครั้งและปล่อยให้ผมนั่งอยู่่กับพื้นพร้อมกับคอมพิวเตอร์ของผม ใช่ครับ ตอนนี้ผมสามารถใช้คอมพิวเตอร์ของตัวเองได้แล้ว แต่ต้องอยู่ในความดูแลของมาร์ค หรือพูดอีกอย่างคือจะใช้คอมพิวเตอร์ ต้องมาใช้ที่นี่เท่านั้น เพราะตอนนั้นผมได้เจรจากับดราโกเรื่องการบ้านของผมที่ต้องทำส่งให้อาจารย์ พอเขาจะซื้อคอมเครื่องเล็กๆ ไว้ให้ ผมก็ต้องปฏิเสธและขอใช้เครื่องของผมเองเพราะข้อมูลและรายงานของผมที่ทำเกือบเสร็จแล้วอยู่ในนี้ทั้งหมด
ถ้าพูดถึงเรื่องการบ้าน ผมมีงานต้องทำจริงๆ นะครับ ในตอนแรกดราโกจะให้ผมเรียนทางออนไลน์ไปก่อน หรือเป็นโฮมสคูล เพราะช่วงนี้ก็เข้าช่วงเปิดเทอมของเด็กเกรดสิบทั่วไปแล้ว ตอนแรกผมก็ไม่ยอมเพราะผมคิดว่าไม่จำเป็นในเมื่อหลักสูตรทั่วไปผมเรียนจบไปตั้งนานแล้ว และเนื้อหาพวกนั้นก็น่าเบื่อสำหรับผมมากเกินไป ผมเลยต้องบอกความจริงเขาบางส่วนว่าผมเองก็เรียนโฮมสคูลและมีการบ้านที่ทำค้างไว้ในคอมพิวเตอร์
ดึงดันและต่อรองกันอยู่ซักพักผมก็ได้มาใช้คอมพิวเตอร์ที่นี่ครับ แต่คอมของผมถูกเชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการของมาร์คเอาไว้ ถ้ามีการใช้งานที่ผิดลักษณะ ยกตัวอย่างเช่น ผมเจาะระบบหรือทำอะไรที่เสี่ยงต่อการเปิดเผยข้อมูลทุกอย่าง มาร์คจะรู้ในทันที ดราโกบอกว่าเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผมทำอะไรที่จะก่อให้เกิดอันตราย เขาจึงต้องป้องกันเอาไว้ก่อน แต่สิ่งที่เขาทำนั่นคือการปิดหูปิดตาผม และไม่ให้ผมขยับตัวหรือทำอะไรได้มากเท่าที่ควร
แต่ถึงอย่างนั้นผมมีสิ่งที่ต้องทำอยู่ ผมใช้เวลาวันละสองถึงสามชั่วโมงทุกวันเพื่อเข้ามาทำงานของผมที่นี่ ความจริงแล้วรายงานที่ผมทำส่งอาจารย์เสร็จเรียบร้อยตั้งนานแล้วครับ แต่เหตุผลที่มาที่นี่คือผมกำลังสร้างระบบปฏิบัติการของผมขึ้นมาใหม่อีกตัวหนึ่ง เพื่อใช้เป็นระบบลับในการเจาะข้อมูลของผม ถึงจะยุ่งยากไปบ้าง แต่เรื่องของผม ผมก็อยากจจะจัดการเอง ดราโก คอลิโอเน่กำลังทำให้ผมนิสัยเสีย เขากำลังบีบผมให้ผมจำเป็นต้องพึ่งเขาทุกอย่าง แต่ถึงแม้ผมจะเป็นเด็ก แต่ถ้าผมต้องพึ่งเขาทุกอย่าง แล้วผมจะมาที่อิตาลีทำไม
ระบบของผมที่สร้างขึ้นชื่อชิบะ 3.0 พัฒนาจากตัวแรกที่ก้าวกระโดดในเรื่องของการพลางตัวและหลอกสายตา ผมกำลังสร้างระบบใหม่ที่เหมือนระบบเดิมแต่ระบบตัวนี้จะไม่สามารถตรวจจับได้เมื่อผมปลดรหัสเข้าไปใช้งาน มันจะเหมือนกระจกอีกด้านที่สะท้อนแต่สิ่งที่ผมอยากจะให้เห็น เช่น ถ้าผมกำลังจะเจาะระบบอยู่แต่ไม่อยากให้พวกเขารู้ มันจะแสดงผลว่าผมกำลังนั่งเล่นเกมส์ พิมพ์รายงาน หรือแม้กระทั้งทำงานทั่วๆ ไป ซึ่งผมเขียนโค้ดเอาไว้เพื่อหลอกพวกเขาโดยเฉพาะ แม้จะยุ่งยากช่วงแรก แต่เพื่อไม่ให้วุ่นวาย ผมก็เลยต้องทำ ตอนนี้ผมเหลืออีกนิดเดียวระบบของผมก็จะสมบูรณ์แล้วครับ
“นี่เจ้าหนู มาลองกันซักตาไหม” มาร์คละสายตาจากจอ ยืดแขนบิดขี้เกียจและหมุนเก้าอี้มาชวนผมที่นั่งหลบมุมอยู่ อยากที่มาร์คบอกครับ ถ้าผมมาหาเขาทีไรเขาจะไม่ค่อยได้ทำงาน เพราะมาร์คมักจะชวนผมแข่งทุกครั้งที่มีโอกาส
“ถ้าคุณไม่กลัวแพ้ก็ได้ครับ” ผมถอนหายใจเล็กน้อยที่มาร์คเข้ามาขัดจังหวะ แต่เพื่อไม่ให้เขาสงสัย ผมจึงตอบตกลง สิ่งที่ผมกับมาร์คกำลังจะทำกันนั่นคือการแข่งแฮคระบบครับ ส่วนใหญ่แล้วในโลกของแฮคเกอร์มักจะมีการแข่งขันแบบนี้อยู่บ่อยๆ เป็นการจัดอันดับฝีมือของแฮคเกอร์ทั่วโลกที่กระหายอยากพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งเป็นนิสัยที่ติดตัวทุกคนอย่างเข้มข้น
“งั้นเรามาเริ่มกันเถอะ ตอนนี้เพนตากอนเปิดให้แฮคเกอร์ทดลองแฮคระบบดู” มาร์คตาเป็นประกายเหมือนเด็กๆ ที่กำลังตื่นเต้นกับทุกอย่าง ผมก็เช่นกัน นานๆ ทีรัฐบาลจะเปิดให้คนทั่วไปลองแฮคระบบเพื่อหาจุดบกพร่องหรือช่องโหว่ดู ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ทดสอบฝีมือ ผมกับมาร์คเปิดเข้าระบบของเพนตากอนพร้อมๆ กัน เขากับผมสบตากันเล็กน้อย ผมหักข้อนิ้วเพื่อคลายเมื่อยและเตรียมตัว
“สาม สอง หนึ่ง เริ่ม!!!!” มาร์คเป็นคนนับถอยหลัง หลังจากนั้นดวงตาของผมก็มีแต่ภาษาซีวิ่งผ่าน นิ้วมือพิมพ์โค้ดมากมายและจมเข้าไปสู่โลกที่มีแต่ผมเท่านั้น
ร่างสูงใหญ่ของดราโกเดินลัดเลาะถนนเล็กๆ ที่คดเคี้ยวไปมาในป่าหลังบ้านของเขาอย่างชำนาญ แม้สองข้างทางจะมืดมิด แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคเพราะคืนนี้เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่างจนพอมองเห็นทางได้อย่างง่ายดาย ดราโกและคาลอสเดินไปซักพักก็มาถึงบ้านไม้หลังเล็กของมาร์คที่ดราโกอนุญาตให้เจ้าตัวมีพื้นที่ส่วนตัวตามที่ชายร่างผอมหัวฟูเคยเอ่ยปากขอเอาไว้
ดอนแห่งคอลิโอเน่แสกนนิ้วและม่านตาเสร็จเรียบร้อยประตูก็ปลดล็อค เขาและคาลอสเปิดประตูเข้าไปยังภายในตัวบ้าน แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นประตูเข้าไปเสียงสบถของเจ้าของบ้านหลังเล็กก็ดังลั่น
“บ้าเอ๊ย อีกนิดเดียว” มาร์คโวยวายเสียงดังโดยที่สายตายังไม่ละไปจากหน้าจอ นิ้วมือยาวขึ้นข้อชัดเจนรัวนิ้วพิมพ์บนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว “เจ้าหนู!!!!! อย่าโกง!!!!”
“ผมเปล่านะครับ” เสียงราบเรียบของเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวในบ้านเอ่ยขึ้นมา ดวงตาสีทองของดราโกหันไปมองทางต้นเสียงทันที ชายหนุ่มเห็นภาพเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงมุมห้อง หลังพิงผนังและเหยียดขามาด้านหน้า โดยที่ตักนั้นวางโน๊ตบุ๊คเอาไว้ เจ้าตัวก็เป็นเช่นเดียวกับมาร์คที่นั่งพิมพ์อะไรบางอย่างอย่างรวดเร็ว สายตาก็เพ่งมองแต่หน้าจอคอม พวกเขามีสมาธิมากจนไม่รู้ตัวเลยซักนิดว่ามีใครบางคนเดินเข้ามา
“นายแกล้งฉัน ให้ตายซิ!!!” ชายผมฟูยังคงโวยวายไม่เลิก คาลอสขยับตัวมายืนอยู่ข้างผู้เป็นนายและมองสองคนที่หมกมุ่นอยู่กับอะไรบางอย่าง
“คุณไม่พลิกแพลงเองนะครับ จะโทษผมไม่ได้หรอก” เด็กหนุ่มยังคงมุ่งมั่นก้มหน้าก้มตาพิมพ์ต่อไป “ผมไปชั้นที่สี่แล้วนะครับ ตอนนี้มีคนแซงคุณแล้วนะ”
“อ่า ให้ตายเหอะ ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก” มาร์คยกมือขยี้ศีรษะแรงๆ หนึ่งที จนผมที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วยิ่งฟูฟ่องราวกับรังนก เขาก้มหน้าก้มตาพิมพ์ต่อไป ทั้งสองจมไปกับโลกของการแข่งขัน ปล่อยให้ดราโกและคาลอสยืนนิ่งสนิทอยู่ตรงประตู จนกระทั่งมาร์คปล่อยมือและทุบโต๊ะอย่างแรง “บ้าเอ๊ย แพ้จนได้”
มาร์คบ่นออกมาเสียงดัง โวยวายไม่หยุด แต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน เขาลงมือกดแป้นพิมพ์สองสามครั้งภาพการแข่งขันทั้งหมดก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอขนาดใหญ่สามเครื่อง จากตอนแรกที่มาร์คโวยวายเพราะแพ้ ก็กลับเป็นฝ่ายเอ่ยเชียร์ร้องตะโกนให้เด็กหนุ่มสู้ๆ แทน
“อย่างน้อยฉันก็ได้ที่สามละนะ อีกนิดเจ้าหนู ชนะเจ้านี่ให้ได้ อย่าไปยอมแพ้” มาร์คตะโกนเชียร์ โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าร่างเงาสูงใหญ่ของดอนแห่งคอลิโอเน่พาดทับปรากฏอยู่เบื้องหลัง พร้อมน้ำเสียงเย็นชา
“มาร์ค”
ร่างผอมสูงของมาร์คสะดุ้งเฮือกผงะถอยจนแทบตกเก้าอี้ ใบหน้าซูบผอมจนเห็นกระดูกอ้าปากเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ดะ ดอน” เสียงสั่นเครือของโปรแกรมเมอร์หนุ่มแทบทำให้คาลอสกระตุกยิ้มอย่างชอบใจ
“ทำอะไร” น้ำเสียงและดวงตาที่เย็นชาตวัดจ้องเขม็งไปยังใบหน้าแตกตื่นของมาร์คทันที
“แข่งแฮคอยู่ครับ” ชายหนุ่มที่ตกเป็นจำเลยรีบร้อนบอก พอเห็นสายตาที่ยังไม่พอใจ เขาก็รีบอธิบายต่อ “ตอนนี้ผมกับคริสตินกำลังแข่งแฮคระบบของเพนตากอนอยู่ เป็นการแข่งขันที่เปิดให้แฮคเกอร์ทั่วโลกได้ลงแข่งหาช่องว่างของระบบ ตอนนี้ผมแพ้ไปแล้วได้ที่สาม ตอนนี้เหลือสองคนสุดท้ายที่เจาะเข้าไปได้ถึงขั้นที่สี่ ใครเคลียร์ก่อนก็ชนะไปครับ”
“แล้ว...” ดราโกยังคงกดดันต่อไป มาร์คเหงื่อตกไม่รู้จะพูดอะไรต่อ และไม่เข้าใจถึงความต้องการของดอนด้วย เพราะเขาก็ได้อธิบายไปหมดทุกอย่างแล้วนี่นา
“เออ ผะ ผม ผม”
“รู้ไหมว่ามันกี่โมงแล้ว” ดราโกถาม
“สามทุ่มห้าสิบครับ” มาร์คตอบหลังจากเหลือบมองนาฬิกาบนหน้าจอ
“คริสตินนอนสี่ทุ่ม และเขายังไม่ได้ทานอาหารเย็น” ดอนแห่งคอลิโอเน่พูดจบประโยค ชายหนุ่มหัวฟูก็อ้าปากค้าง ดวงตาลึกโหลจากการอดนอนเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา หรือว่าที่มายืนทำหน้าโหดอยู่ตรงนี้เพราะต้องการพาเด็กน้อยไปเข้านอน เช่นเดียวกับคาลอสที่ยืนกลั้นขำอยู่ข้างหลังไปไกลนัก นับวันดราโกชักเหมือนผู้ปกครองของคริสตินเข้าไปทุกที
“อะ เออ อีกไม่นานก็น่าจะจะ จบแล้วครับ ไม่น่าจะเกินสิบห้านาที” มาร์คปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามไรผม แม้อากาศภายในห้องจะเย็นเพราะต้องคงอุณหภูมิให้คอมพิวเตอร์ที่แสนละเอียดอ่อนพวกนี้ แต่ตอนนี้เขาชักจะร้อนมากขึ้นทุกที
ร่างสูงของดราโกก้าวลงไปนั่งชันขาอยู่ข้างๆ เทวดาตัวน้อยที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อร่างสูงมาบดบังแสงไฟ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลจะได้ละสายตาออกจากหน้าจอเพื่อมองใครบางคนที่จงใจมานั่งอยู่ตรงหน้า คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยเพราะเด็กหนุ่มไม่คิดว่าจะเป็นดราโกที่เข้ามา
“ครับ?”
“ถ้าเสร็จแล้ว เธอต้องรีบไปทานข้าว” ดราโกสั่งเสียงนิ่ง เขามองเด็กน้อยของเขาที่ยังคงขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็พยักหน้าหงึกหงักก่อนจะก้มมองที่หน้าจออีกครั้ง ดราโกเห็นเด็กน้อยพยักหน้าเข้าใจก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะสาวเท้าเดินไปหามาร์คที่ยืนเหงื่อตกอยู่ “อธิบาย”
คำพูดสั้นๆ ของดอนนั้นทำให้มาร์คงุนงง แต่พอเห็นดวงตาสีทองของชายหนุ่มร่างสูงจับจ้องไปยังหน้าจอของเขาก็เข้าใจ ชายผมฟูหยักหน้าและอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างร่าเริงอารมณ์ดี
“ตอนนี้ระบบของเพนตากอนมีทั้งหมดห้าชั้นครับ พวกเขากำลังอยู่ในชั้นที่สี่ อีกนิดเดียวก็หลุดไปชั้นที่ห้าแล้ว แต่กว่าจะเจาะแต่ละชั้นผ่านก็ต้องผ่านระบบรักษาความปลอดภัย หาช่องโหว่ของระบบและเจาะแทรกแซงไปให้ได้ แต่ละชั้นจะมีกลไกไม่เหมือนกัน และมีกับดักล่อหลอกซะจนปวดหัว แต่ถ้าหลุดไปได้ก็จะได้ชื่อว่าเป็นยอดแฮคเกอร์และได้รับเงินรางวัลจากทางรัฐบาลสหรัฐด้วยนะครับ แต่คนที่เจ้าหนูแข่งด้วยก็เก่งกาจเอาเรื่องเลยล่ะ เดี๋ยวรุกเดี๋ยวไล่ตามกัดกันไม่ลดละ”
“งั้นตอนนี้คริสตินก็นำซินะ” คาลอสสรุปใจความสำคัญออกมาสั้นๆ ชายหัวฟูพยักหน้าฉีกยิ้ม แต่เมื่อดวงตาหมีแพนด้าของเจ้าตัวหันไปมองทางหน้าจออีกที ดวงตาอดนอนนั้นก็เบิกกว้าง
“อ๊ะ เจ้าหนู แย่แล้ว เฮ้ย เจอกับดักแล้ว โอ๊ะ จบแล้วนี่นา” น้ำเสียงของมาร์คนั้นหลากอารมณ์จนเมื่อประโยคสุดท้ายจบมันก็เต็มไปด้วยความเสียดาย
ผมส่ายหน้าเล็กน้อยและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อีกนิดเดียวผมก็จะชนะแล้วแท้ๆ แต่เพราะความประมาทของผมเมื่อครู่ทำให้ผมเจอกับดักและพลาดไปอย่างน่าเสียดาย ผมพับหน้าจอและลุกขึ้นยืนบิดตัวเล็กน้อยเพื่อคลายเมื่อย แต่อารมณ์ของผมก็ยังคงค้างคาและขุ่นมัว อีกนิดเดียวผมก็จะชนะแล้วแท้ๆ เฮ้อ
“เกิดอะไรขึ้น” ดราโกหันมาถามผมที่หิ้วคอมเดินมาใกล้ๆ พวกเขา
“ผมพลาดครับ ไม่นึกว่าจะซ่อนกับดักไว้ตรงคำสั่งชุดนั้นด้วย” น้ำเสียงผมเต็มไปด้วยความเสียดายที่ไม่อาจชนะได้ แต่ผมก็ยังรู้สึกสนุกที่ได้แข่งกับคนเก่งๆ แบบนี้นะครับ มันทำให้ผมรู้ถึงจุดบกพร่องของตัวเองได้เป็นอย่างดี
“เอาเถอะ ยังมีครั้งหน้า” มือหนาของดราโกยกขึ้นมาลูบศีรษะของผมเบาๆ คำพูดนิ่งๆ แต่มันก็เป็นประโยคปลอบใจทำให้ผมเอ่ยขอบคุณเขา “ไปเถอะ”
“ครับ” ผมเดินไปวางคอมพิวเตอร์เพื่อเก็บไว้ที่เดิมและเอ่ยลามาร์คที่ยังยืนหน้าซีดอยู่ตรงนั้น ผมขอบคุณเขาเล็กน้อยและเดินไปที่ประตูที่คาลอสยังยืนเปิดค้างให้ผมอยู่ ร่างสูงผอมของมาร์คก็เดินมาส่งผมถึงหน้าบ้านเช่นเดียวกัน แต่ก่อนที่จะไป ชายหนุ่มเจ้าของบ้านก็ยิ่งยืนหน้าซีดยิ่งกว่าเดิมเพราะประโยคเดียวที่ได้ยินจากดอนแห่งคอลิโอเน่
“อย่าให้มีครั้งหน้าอีก” สั้นๆ และเรียบนิ่งตามแบบฉบับเจ้าตัว ผมหันไปมองพวกเขาด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร ยกเว้นก็แต่เจ้าของดวงตาคมดุสีทองคู่นั้นที่ก้มตัวลงมากระซิบอยู่ข้างหูของผม
“ถ้าครั้งหน้าเธอดื้อไม่ยอมทานข้าวให้ตรงเวลา ฉันจะเป็นฝ่ายกินเธอแทน” น้ำเสียงกระซิบที่ดูชั่วร้ายทำให้ผมสงสัยมากกว่าเดิม จะกินผมไปเพื่ออะไรล่ะครับ ถ้าหิวมากนักก็บอกแองเจลิน่าให้ตักข้าวเพิ่มก็ได้นี่นา อาหารที่นี่ก็ไม่ขาดแคลน แต่ทำไมเขาถึงทำหน้าหิวขนาดนั้นนะ
“คุณก็ยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเหรอครับ” ผมถามเขาด้วยความสงสัย
“ใช่ อยากกินจะแย่อยู่แล้ว” ผมเอียงศีรษะมองเขาอย่างไม่เข้าใจ แค่หิวข้าวต้องทำท่าทางชั่วร้ายอดอยากขนาดนั้นเลยรึไงกัน
“งั้นก็ไปทานข้าวกันเถอะครับ” ผมบอกดราโกที่ยกยิ้มมุมปาก เห็นรอยยิ้มของเขาแล้วทำไมผมถึงหนาวเยือกขึ้นมาขนาดนี้กันนะ
.........................................................
สวัสดีค่ะ ^^ ไรต์กลับมาแล้วค่า ในบทนี้ไรต์แก้และลบบ่อยมากเพราะยังรู้สึกไม่ถูกใจเท่าไหร่ ไรต์ถือว่าเนื้อหาสำหรับตอนนี้เป็นการเปิดปมบางอย่างของหนูคริสตินให้นักอ่านทุกท่านทราบ ก็เลยค่อนข้างจะลังเลและแก้แล้วแก้อีกค่ะ
สำหรับข้อมูลที่ลุงพูดไว้ The biggest organized crime groups in the world เป็นบทวิเคราะห์ของ Christ Matthews ที่รวบรวมรายได้และความรวยของแก๊งมาเฟียทั้งหลายเอาไว้นะคะ ไรต์นำมาจากบทความของเขาค่ะ นักอ่านสามารถไปตามอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งนี้นะคะ น่าสนใจมากเลยทีเดียว
https://thaipublica.org/2016/04/hesse-69/ และองค์กร UNTOC เป็นอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ โดยองค์กรอาชญากรรม หรือ United Nations Convention Against Transnational Organized Crime (UNTOC) มีทั้งสิ้น 41 ข้อ มีประเทศภาคีทั้งหมด 145 ประเทศ สำหรับประเทศไทยได้ลงนามเป็นประเทศสมาชิกในอนุสัญญาดังกล่าว เมื่อ 13 ธันวาคม 2543 และมีผลบังคับใช้วันที่ 29 กันยายน 2546 ค่ะ ข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ที่ลิ้งนี้นะคะ
https://www.l3nr.org/posts/257928ไว้พบกันใหม่ตอนหน้าค่า ^^