::Follower Man ผู้ชายคนนี้อยากเป็นของคุณ:: จุดบรรจบ -P.3- 24/12/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ::Follower Man ผู้ชายคนนี้อยากเป็นของคุณ:: จุดบรรจบ -P.3- 24/12/61  (อ่าน 19678 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






คุณคิดว่าแอปพลิเคชั่นอินสตาแกรมให้ประโยชน์อะไรกับเราบ้าง?


ติดตามความเคลื่อนไหวของเพื่อน เสพรูปสวยๆ อัพเดทชีวิตความเป็นอยู่ บอกเล่ากิจกรรมที่ทำ บันทึกความทรงจำในช่วงเวลาหนึ่งหรืออีกหลายๆ เหตุผล แต่สำหรับผมมีเพียงสิ่งเดียวคือ ‘พบเจอกับความรัก’ ถึงแม้จะเป็นแค่รักข้างเดียวแต่มันก็โคตรมีความสุข


แต่... ทำไมทุกอย่างบนโลกนี้ต้องมีคำว่าแต่ตลอดเลยวะ เฮ้อ เอาเถอะ การแอบรักเงียบๆ มันก็ดีอยู่หรอกถ้าเขายังไม่มีใครเข้ามาจีบ แล้วไอ้เชี่ยนั่นโผล่หัวมาได้ยังไงวะเนี่ย เดี๋ยวส่งน้ำ เดี๋ยวส่งขนม พ่อมึงรวยล้นฟ้าหรือไงเปย์ได้เปย์ดี! ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วเว้ย ปล่อยไว้แบบนี้หมาคาบไปแดกแน่!


= = = = = = = = = = = = =


* บทสนทนาระหว่างเพื่อนสนิท *

“ไอ้บ๊วย”

“บ๊วยบ้านพ่อง กูชื่อกิม เรียกให้มันดีๆ”

“อ้าว กิมจ๊อก็คือบ๊วยไง กูผิดอะไรเนี่ย?”

“กิมมิคเว้ยไอ้สัด!”

“เกรี้ยวกราดอะ”

“ยุ่ง”


++++++++++++++++++++


* บทสนทนาระหว่างเพื่อนร่วมคลาสเรียน *

“บ๊วย”

“ไอ้... โอ๊ะ ว่าไงครับ?”

“เราอยากปรึกษาเรื่อง...”

“ได้ๆ เราขอเคลียร์งานแป๊ป เดี๋ยวตามไป”


++++++++++++++++++++


เพื่อนสนิท : ไอ้คนสองมาตรฐาน

กิมมิค : เสือก!






ปล. ไม่มีกำหนดอัปนิยาย คึกเมื่อไหร่ได้อ่านเมื่อนั้นเพราะว่าต้องแต่งเรื่องหลัก
(จะอัปสม่ำเสมอเมื่อเรื่องหลักจบ)

ฝากเพจเราด้วยน้า https://www.facebook.com/pg/Ch0cmint/
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2018 15:43:38 โดย Ch0cmint »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มารอ

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
จุดเริ่มต้น


the_kirin.z
มันเป็นแอคเค้าท์ที่ผมเลือกติดตามเป็นลำดับต้นๆ เมื่อเล่นแอปพลิเคชั่นอินสตราแกรมหรือเรียกสั้นๆ ว่าไอจี ในช่วงเวลานั้นจำได้แค่เพียงว่ารูปภาพที่เขาอัปโหลดนั้นสวยมากซึ่งถ่ายมาจากกล้องระดับโปรราคาครึ่งแสน (เขาเคยอัปเดตรูปตัวกล้องที่ใช้) ไม่ว่าจะเป็นวิวทิวทัศน์ สถานที่ท่องเที่ยว อาหาร เครื่องดื่ม หรือแม้แต่นายแบบ นางแบบและอีกหลายๆ อย่างล้วนแล้วแต่ดูมีเสน่ห์ด้วยกันทั้งนั้น ฝีมือดีจนน่าอิจฉาทั้งที่อายุก็เท่ากัน

ผมใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวันในการเล่นไอจี ส่องนู่นส่องนี่ไปเลยโดยไม่อัปเดตอะไรลงไปในแอคเค้าท์ของตัวเองนอกจากรูปชีทเรียนพิเศษกองโตกับรูปเพื่อนสนิทที่แอบหลับจนน้ำลายยืดเปียกเป็นวงกว้างบนกระดาษ โคตรสกปรก น่าขยะแขยง แต่มันก็ยังดูดีในสายตาสาวๆ เสมอเพราะเป็นถึงเดือนโรงเรียน (มึงเอาเงินฟาดหัวคนทำโพลไปเท่าไหร่วะถึงได้ตำแหน่งนี้มา)

ตอนนี้ผมและพวกเพื่อนๆ นั่งอยู่เล่นอยู่ในโรงเรียนเพื่อรอเวลาเข้าเรียนพิเศษต่อที่สถาบันกวดวิชายอดนิยม ดูเหมือนเด็กขยัน แต่เปล่าเลยเพราะถ้าพ่อแม่ไม่บังคับจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด เป้าหมายชีวิต คณะที่อยากเรียนยังเท่ากับศูนย์ แต่ที่บ้านอยากให้ไปสายวิศวะ ไม่ก็หมอ ผมนี่ถึงกับร้องโอ้โหใส่บุพการีว่า ‘เป็นหมอดูก่อนได้ไหม?’ หลังจากนั้นโดนด่าไปสามวันเจ็ดวัน สบายหูเลยกู ไม่กล้าพูดเล่นอีกเลย

“เขี่ยโทรศัพท์ทั้งวัน ไม่เบื่อหรือไงวะ?” เสียงทุ้มแหบของเพื่อนสนิทที่มีนามว่า ‘ปอม’ เอ่ยถามขึ้นในขณะที่มันนอนราบไปกับท่อนแขนบนโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นราชพฤกษ์ซึ่งตอนนี้กำลังออกดอกสีเหลืองบานสะพรั่ง ผมไม่สนใจว่าเพื่อนจะคิดอะไรเลยตอบกลับด้วยการไหวไหล่แล้วเขี่ยโทรศัพท์ต่อไป กำลังส่องไอจีเขาอยู่มึงอย่าขัดได้ไหมล่ะไอ้หมา!

“แหนะ กูถามก็ไม่ตอบ เป็นใบ้เหรอ?” ไอ้ปอมขึ้นเสียงมากกว่าเดิมเล็กน้อยก่อนที่จะยืดตัวตรงแล้วโน้มใบหน้าเข้ามาดูจอโทรศัพท์อย่างไม่เกรงใจ โดยปกติผมไม่มีความลับกับเพื่อนแต่ครั้งนี้ต้องการความเป็นส่วนตัวบ้างเลยขยับตัวหนีไปนั่งข้างๆ ‘ไอ้ว่าน’ ซึ่งกำลังอ่านนิยายสยองขวัญทั้งที่กลัวจนขึ้นสมองแทน แม่ง พอเก้าอี้สั่นหน่อยมันสะดุ้งจนเกือบทำหนังสือหลุดมือ กูอยากรู้จริงๆ ว่าคืนนี้มึงจะข่มตาหลับยังไงพ่อคนขวัญอ่อน

“ยุ่ง” ผมสบถคำด่าออกไปแค่นั้นเพราะอยากเอาเวลาทั้งหมดไปทุ่มเทกับการเล่นไอจีมากกว่า ก็ไม่ได้เข้าตั้งหนึ่งอาทิตย์เพราะติดสอบกลางภาคเรียนสุดท้ายของมอหก บอกได้คำเดียวว่าโคตรโหด ขนาดติวล่วงหน้าเป็นเดือนๆ ยังเหมือนไม่มีความหมาย ก็ครูเล่นสอนเท่าหางอึ่งแต่ออกสอบเท่าตัวกบ ลาก่อน

“เพื่อนฝูงนั่งอยู่เนี่ย มึงควรสนใจบ้างปะวะ?” ไอ้ปอมชี้ตัวเองสลับกับไอ้ว่านซึ่งรายนั้นไม่ได้สนใจคนรอบข้างมันทำเพียงแค่เลิกคิ้วไม่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือด้วยซ้ำ ส่วนผมก็ยังคงดูไอจีของเขาคนนั้นไปเรื่อยๆ อัปเดตครั้งล่าสุดเมื่อสามวันที่แล้วเป็นรูปถ่ายลานหน้าสยามพารากอนตอนกลางคืนและมีคอนมาคอมเม้นต์ว่า ‘เบื่อวิวแล้วอยากเห็นหน้าเจ้าของไอจีมากกว่า’ ส่วนทางนั้นตอบกลับว่า ‘ถ้าผมสอบติดมหา’ลัย จะอัปรูปตัวเอง’ เชื่อเหอะ คนรอเกือบพันเพราะมีคนติดตามเกือบครึ่งหมื่น หนึ่งในนั้นคือผมเอง

“เป็นคนขาดความอบอุ่นหรือไง มึงเห็นปะว่าไอ้ว่านมันล่าท้าผีอยู่ สนใจใครที่ไหน” ผมเหล่สายตามองเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกัน มันสะดุ้งเฮือกก่อนละมือออกจากหนังสือเพื่อส่งนิ้วกลางให้ ไอ้ปอมหัวเราะก๊ากจนโต๊ะอื่นหันมามอง แต่ไม่ใช่สายตาตัดพ้อเพราะสาวๆ พวกนั้นปลื้มมันอย่างกับอะไรดี ถ้ารวบหัวรวบหางจับทำสามีได้คงทำไปแล้ว

“ปากอัปมงคลมาก!” ไอ้ว่านแทบจะเอาสันหนังสือเคาะหัวผมถ้าไม่ติดว่าเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของมันดังขึ้น ส่วนไอ้ปอมทำหน้าสะใจอยู่อีกฝั่งของโต๊ะก่อนจะหยิบขวดน้ำขึ้นกระดกจนเลอะเสื้อนักเรียน ทั้งๆ ที่มันดูสกปรกในสายตาผู้ชายแต่กลับเรียกเสียงกรี๊ดจากพวกเธอได้เป็นอย่างดี โอ้โห ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวฉิบหาย แต่แปลกที่เพื่อนผมยิ้มแถมขยิบตาให้อีก หล่อเหลือเกินพ่อคุณ อยากถีบให้ตกเก้าอี้สักที

“ผัวส่งไลน์มาเหรอ?” ผมแกล้งถามไอ้ว่านที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์ มันชะงักกึกแล้วหันมาตวัดสายตาดุใส่แต่ไม่มีการปฏิเสธใดๆ หลุดออกมาจากปาก นั่นก็แสดงว่าผัวมันส่งไลน์มาหาจริง สงสัยนัดกันไปกินตับ เอ๊ย กินข้าวเย็นแน่ๆ

“แหม ทำหน้าแดงสะดีดสะดิ้งจังวะเพื่อนกู” ไอ้ปอมปากปีจอว่าเสียงกระแนะกระแหนพร้อมกับทำมือเป็นรูปวงกลมโดยใช้นิ้วอีกข้างสอดเข้าไป ความสัปดนของมันยิ่งทำให้คนมีแฟนหน้าแดงก่ำเข้าไปใหญ่ ปากไอ้ว่านสั่นกึกๆ คงกำลังคิดคำด่าสวนกลับแต่ทำได้แค่นั่งบีบมือ โธ่ น่าสงสารจับใจ แต่นี่เป็นโอกาสดีที่จะไม่มีใครแย้งตอนผมเริ่มเขี่ยโทรศัพท์อีกครั้ง

ผมรีเฟรซหน้าไอจีอีกครั้งเพื่อดูว่าเขาโผล่มาอัปรูปตัวเองที่เคยสัญญาไว้กับแฟนคลับคนหนึ่งหรือเปล่า ก็เห็นขึ้นไบโอว่าติดมหา’ลัยชื่อดังตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วนี่หว่า รู้ไหมว่ามีคนรอจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้วเนี่ย

ผมแอบส่องเขามาเป็นปียังไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักชื่อเลย ขนาดรูปที่เพื่อนๆ แท็กมาก็ไม่มี โหย กลัวแล้ว เป็นคนที่ลึกลับโคตรๆ แต่ไม่มีอะไรสุดโต่งเท่าผมแอบชอบเขานี่ล่ะ เชี่ยเอ๊ย มันเกิดขึ้นได้ยังไงก็ไม่รู้ เคยถามตัวเองอยู่หลายรอบว่าแค่ปลื้มฝีมือการถ่ายรูปหรือเปล่าแต่คำตอบกลับไม่ใช่ เรื่องนั่นก็ว่ารับได้ยากแล้วเสือกเจอแจ็คพอตตรงที่ฝ่ายนั้นเป็นผู้ชายด้วย ผมนี่เตรียมโบกมือลาลูกที่จะเกิดในอนาคตเลย

เสียงทะเลาะแง่งๆ ใส่กันยังดังมาเป็นระยะจากเพื่อนทั้งสองคนแต่ผมไม่ได้สนใจเพราะกำลังหงุดหงิดการเรียงไทม์ไลน์ของไอจีมากกว่า มึงจะสุ่มหาพ่องเหรอ ไม่เรียงตามเวลาปัจจุบันมันก็ส่องยากสิวะ ที่จริงจะกดเข้าแอคเค้าท์ของเขาเลยก็ได้แต่เป็นคนชอบลุ้นมากกว่าไง แม่งๆๆ ขัดใจ

อีกครั้งที่ผมกดรีเฟรซหน้าจอแล้วเลื่อนนิ้วไปเรื่อยๆ จนสะดุดตาเข้ากับรูปของใครบางคนที่กำลังหันด้านข้างในกล้อง หัวใจเริ่มเต้นแรงเมื่อชื่อแอคเค้าท์ด้านบนเป็นของคนที่กำลังรอคอย โอย มือไม้อ่อนหมดแล้วกู หัวก็แทบมุดเข้าโทรศัพท์ อยากขยายจอฉิบหาย แม่งๆๆ ขนาดรูปไม่เต็มหน้ายังดาเมจกันขนาดนี้ ทำไมเขาต้องเกิดมาหล่อด้วยวะ แฟนคลับกดหัวใจไปแล้วเป็นพัน ไม่รวมคอมเม้นต์อีกเป็นร้อย จะฮอตเกินไปแล้วเว้ย หวง!

ผมตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกเลยเอื้อมมือไปตีแขนไอ้ปอมรัวๆ มันโวยวายเสียงดังก่อนหยุดชะงักเมื่อเห็นรูปของเขาคนนั้นในโทรศัพท์ที่ถูกยื่นไปพร้อมกัน ขนาดไอ้ว่านยังอยากรู้อยากเห็นถึงขั้นยอมยืนขึ้นแล้วห้อยหัวลงไปดู เดี๋ยวเลือดหน้ามืด มึงจะเรียนหมอจบหกปีปะเนี่ย

“บ๊วย...” ไอ้ปอมขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยปากเรียกฉายาของผมที่ได้มาแบบงงๆ ถ้าในเวลาปกติคงด่าสวนกลับเพราะไม่ชอบ แต่ตอนนี้ความตื่นเต้นที่ได้เห็นเสี้ยวหน้าของเขามีมากกว่า หล่อแบบตราตรึงหันใจสุดๆ โอย อยากโทรไปบอกพ่อกับแม่ว่าผมเจอภรรยาในอนาคตแล้ว

“โคตรหล่อเลยมึงว่าไหม?!” ผมถามย้ำเพื่อให้มั่นใจว่าคนอื่นเห็นเหมือนกัน ไอ้ปอมพยักหน้าหงึกหงักแต่คิ้วกลับขมวดแน่นคล้ายกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง หรือเขาหน้าเหมือนแฟนผู้หญิงคนไหนในโรงเรียนของเราหรือเปล่าวะ ไม่เอานะเว้ย ถ้าเป็นแบบนั้นคนแอบชอบอย่างผมช้ำในตายกันพอดี

“เออ แต่กูว่าเขาหน้าคุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหนนะ” มันเอียงคอซ้ายทีขวาทีเหมือนกำลังพิจารณาใบหน้าของเขาอยู่ ไอ้ผมที่ได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้นถึงกับออกแรงบีบโทรศัพท์แน่น ใจหนึ่งก็กลัวอีกใจหนึ่งก็ยินดี ถึงแม้ว่าโรงเรียนของเราจะอยู่ในระแวกเดียวกันก็ใช่ว่าจะเจอกันได้ง่ายๆ นี่หว่า

“จริงเหรอวะ? มึงคิดดิๆ โอย กูอยากเจอตัวจริง!” ผมวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะก่อนจะเอื้อมมือไปเขย่าไหล่ไอ้ปอมจนมันไอโขลกเพราะสำลักน้ำลาย สงสารอยู่หรอกแต่อยากกระตุ้นให้เพื่อนใช้สมองไวๆ ไง

“สัด อย่าเร่ง! อยากมีผัวจนตัวสั่นเลยเหรอ?” ไอ้ปอมฟาดมือลงมาบนแขนผมดังเพี๊ยะแต่ความเจ็บไม่สามารถหยุดความตื่นเต้นได้เท่ากับคำถามกึ่งประชด ทุกอย่างชะงักกึกเมื่อสิ้นเสียงของมัน อาการมึนๆ เบลอๆ เหมือนคนโดนทุบหัวเกิดขึ้น

ถ้าสมมติว่าวันหนึ่งเราคบกัน... เฮ้ย ใครว่ากูมโนมาต่อยกันดิ๊ คนเรามันต้องมีความฝันกันบ้างเหอะ กลับมาเข้าเรื่องดีกว่า เออ แล้วใครรุกใครรับล่ะ ถึงจะออกปากเรียกเขาว่าภรรยาไปแล้วแต่ความเป็นจริงยังไม่แน่ใจ ก็เพิ่งเคยชอบผู้ชายเป็นครั้งแรกคนแรก โพสิชั่นไหนเวิร์คคงต้องศึกษาต่อไป

“ปากหมาสมชื่อนะมึง คิดไวๆ เลย แม่ง” ผมใช้จังหวะที่ไอ้ปอมกำลังทำหน้าล้อเลียนเอื้อมมือไปดีดปากมันดังป๊อก อีกฝ่ายสะดุ้งก่อนจะเบิกตาโตแล้วสบถด่ากันจนฟังไม่รู้เรื่อง แต่ใครจะแคร์วะ ขนาดไอ้ว่านยังส่ายหน้าเอือมๆ เลย

“เชี่ยนี่ชอบทำร้ายร่างกายคนอื่น” มันบ่นงุ้งงิ้งแต่ก็ไม่โต้ตอบกลับเพราะมันรู้ว่าผมมือหนัก

“มึงปากเสียก่อนไหมล่ะคุณปอม?” เป็นไอ้ว่านที่เอ่ยถามหลังจากนั่งหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียวจนปวดหน้าท้อง เดี๋ยวกูแช่งให้คืนนี้มึงร้องจนคอแห้งเลยคอยดู หึ

“อ้าว กูถามเพราะอยากรู้บ้างไม่ได้เหรอ?” หน้าตาตอแหลสิ้นดี

“แบบมึงเขาเรียกกวนตีน” ผมกับไอ้ว่านประสานเสียงด่าแบบไม่ได้นัดหมาย มันผงะถอยหลังจนเกือบตกเก้าอี้ก่อนจะเบะปากลงเหมือนเตรียมร้องไห้ คิดว่าดูน่าสงสารเหรอ อยากเอาเท้ายันหน้าอกแล้วกระทืบให้ม้ามแตก

“โอ๊ย สามัคคีด่ากูกันจังเหอะ”

“รักมึงไง” เสียงร่าเริงจากไอ้ว่าน

“ตอแหลสัด” เสียงสบถด่าพร้อมหน้าเหยเกจากไอ้ปอม เป็นคู่กัดที่สมน้ำสมเนื้อจนบางคนคิดว่าพวกมันเป็นแฟนกัน ถ้าหากว่าไอ้ว่านไม่มีแฟนอาจจะเป็นไปได้มั้ง แต่อย่าเลย แค่คิดก็ขนหัวลุกซู่แล้ว

“เสียเวลาเถียงกันอยู่ได้ คิดออกหรือยังว่าเคยเจอเขาที่ไหน?” ผมเอ่ยแทรกกลางปล้องแล้วหันไปคาดคั้นไอ้ปอมที่ยังคงทำปากเบะไม่หยุด ถ้าไม่เกรงใจสายตาแฟนคลับของมันนี่จะเอานิ้วแหย่เข้าให้ น่าหมั่นไส้จริงๆ ชอบทำตัวเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นทั้งที่ตัวเองน่ะเลวกว่าใคร ผมไม่ได้ใส่ความแค่พูดเรื่องจริง

“เหมือนเคยเจอแถวๆ ที่เรียนพิเศษว่ะ” มันตอบพลางเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์ของผมไปกดรหัสผ่านแล้วดูรูปเขาอีกครั้งเพื่อนยืนยัน ผมลุ้นจนเผลอสั่นขาดิกๆ ทำให้ไอ้ว่านที่นั่งอยู่ข้างกันถึงกับส่งเสียงจิ๊จ๊ะใส่ โธ่ คุณเพื่อนช่วยเห็นใจคนแอบชอบอย่างกูหน่อยสิ ถ้ามีโอกาสที่จะได้เจอตัวจริงเสียงจริงมันก็ทำตัวไม่ถูกเป็นธรรมดาหรือเปล่าวะ

“ทำไมกูไม่คุ้นวะ?” แต่ไอ้ว่านกลับทำให้ข้อสันนิษฐานของอีกฝ่ายสั่นคลอน ผมถึงกับชะงักการกระทำ สะดุดลมหายใจ มือไม้อ่อนเปลี้ย

“วันๆ มึงสนใจคนอื่นด้วยหรือไงวะ ก้มหน้าก้มตาคุยกับผัวตลอด” ไอ้ปอมมันเริ่มปล่อยหมาในปากออกมาระรานชาวบ้านอีกครั้งแต่ดีหน่อยที่ไอ้ว่านมันระงับอารมณ์ได้ก่อนส่งยิ้มกวนตีนให้

“อ้าว พูดงี้อิจฉากูอะดิ” ดูเหมือนจะถือไพ่เหนือคนอื่นเขา แต่นิสัยมันคือแพ้ตลอดเพราะเลเวลการรับฝีปากต่ำมาก

“กูไม่อยากขี้คล่องเว้ย” ไอ้ปอมตอบกลับซะผมต้องเม้มปากเพื่อกลั้นขำ ในขณะที่ไอ้ว่านยกมือขึ้นชี้หน้าเพื่อนทันที โอ้โห สั่นไปทั้งตัวเหมือนองค์ลงเลยว่ะ ถ้าอยู่ในที่รโหฐานมันคงต่อยกันยับไปแล้วแน่ๆ

“ไอ้...!”

“พอๆ อย่าทะเลาะกัน” ผมห้ามทัพด้วยการรั้งเอวไอ้ว่านให้นั่งลง แต่สาวๆ กลับกรี๊ดแตกแถมยกโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บรูปกันใหญ่ เดี๋ยวนี้ผู้ชายกับผู้ชายแตะตัวกันไม่ได้แล้วใช่ไหมวะ เอาไปจิ้นตลอด ถ้าแกล้งจูบโชว์พวกเธอไม่หัวใจวายกันเลยเหรอ คนมีผัวถึงกับ

“เออ กูไปก่อนนะ พี่โซนมารับแล้ว” ไอ้ว่านถอนหายใจเฮือกแล้วหันมาบอกผมก่อนจะเก็บสัมภาระเดินสะบัดตูดออกไปโดยไม่สนใจเสียงแซวของไอ้ปอมคนปากหมา

“แหม พอผัวมาถึงก็รีบเลยนะ” ยัง ยังไม่เลิกแขวะคนอื่นเขาอีก ไอ้ว่านมันอยู่รอฟังมึงที่ไหนล่ะ ป่านนี้กอดคอขึ้นคร่อมมอ’ไซต์พี่โซนไปนานแล้ว

“โอย พอเลยมึง เลิกเห่าสักที” ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงปลงๆ แล้วซบแก้มลงบนท่อนแขนที่ราบไปกับโต๊ะแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อกนอนดูรูปเขาซ้ำอีกครั้ง คนบ้าอะไรดูดีแม้แต่มือที่เรียวสวยมีเส้นเอ็นขึ้นบางไม่ถึงกับน่าเกลียดเหมือนของผม แต่สาวๆ กลับลงความเห็นว่ายิ่งเห็นชัดยิ่งเร้าใจ บางที่ก็ไม่เข้าใจความคิดพวกเธอว่ะ

“ไอ้บ๊วย!” เนี่ยพอเพื่อนเปรียบตัวเองเหมือนหมาเข้าหน่อยก็ทำโวยวาย ทีตอนมันเรียกผมว่าบ๊วยล่ะเคยคิดถึงใจกันบ้างปะวะ หึ ไม่ง้อหรอก

“ขึ้นเสียงเหรอ? เดี๋ยวกูถีบคว่ำ” ผมถามเสียงเย็นก่อนยกขาขึ้นพาดบนเก้าอี้ คนอย่างไอ้กิมพูดจริงทำจริงแน่นอนและไอ้ปอมรู้ดีมันเลยคลี่ยิ้มหวานประจบประแจงแล้วขยับตูดออกห่าง

“อุ๊ย เกรี้ยวกราดเร้าใจจังเลยค่ะพี่กิม” มันบีบเสียงเล็กเสียงน้อยพลางกระดกมือไปมา ผมถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายก่อนใช้สันมือทุบลงกลางหัวไม่แรงนักแต่พอจะทำให้ไอ้ปอมโวยวายได้

“กวนตีน แล้วตกลงว่ามึงเคยเจอเขาแถวที่เรียนพิเศษเหรอ?” ผมวกกลับเข้าสู่เรื่องที่อยากรู้แล้วขยับเปลี่ยนท่าทางการนั่งเป็นปกติแต่ใช้มือเท้าคางมองเพื่อนอย่างคาดคั้น ไอ้ปอมหยุดลูบหัวก่อนพยักหน้าแทนคำตอบ ดวงตาคมฉายความแน่วแน่ออกมาชัดเจนจนหัวใจผมเต้นตึกตักๆ หลังจากเฝ้ามองเขาผ่านโซเชี่ยลมาแรมปี วันนี้จะได้เจอตัวจริงเหรอวะ โอย แค่คิดก็ฟินแล้ว

“ประมาณนั้น กูเดาว่าอาจจะเป็นผู้ชายที่เรียนห้องเดียวกับเรา ชอบนั่งแถวหน้าๆ” มันคงหมายถึงผู้ชายตัวสูงพอๆ กับผมที่มีผู้หญิงหลายโรงเรียนล้อมหน้าล้อมหลัง เคยเห็นผ่านๆ ตาแต่ไม่เคยสนใจ จำได้แค่ว่าผิวโคตรขาว เห็นแค่ท้ายทอยยังรู้ว่าหล่อ ถ้าเป็นคนนั้นจริงไอ้การแอบรักอยู่เงียบๆ คงมีหน่วงบ้างล่ะวะ แต่ก็ยังดีที่เขาไม่เคยอัปเดตว่ามีแฟน

“วันนี้แม่งต้องพิสูจน์ให้ได้!” ผมโผล่งออกไปเสียงดังจนคนที่อยู่ในบริเวณเดียวกันถึงกับสะดุ้งเฮือกไม่เว้นแม้แต่ไอ้ปอมที่กำลังกระดกน้ำใส่ปาก แม่งสำลักไอโขลกจนเลอะเทอะไปหมด แต่มีสาวสวยใจดีคนหนึ่งส่งกระดาษทิชชู่มาให้มันเช็ดถึงที่ ผมนี่อยากจะเบะปากใส่ ฮอตนักเหรอ

“เสียงดังไปแล้วเว้ย หูจะแตก”

“ก็กูตื่นเต้น”

“ทำเหมือนเพิ่งเคยชอบใคร มึงอย่าลืมว่าตัวเองผ่านผู้หญิงมาเป็นสิบแล้ว” มันพูดอย่างกับผมสำส่อน กูคบทีละคนเว้ย แต่ไม่มีใครถูกใจก็แค่นั้นเอง มันไม่คลิ๊ก มันไม่เข้ากันไม่ได้ เหตุผลร้อยแปดบลาๆ เลยทำให้โสดจนถึงทุกวันนี้ไง

“ก็นี่ผู้ชายคนแรกของกู” ผมบอกมันเสียงเบาเพราะไม่อยากให้ผู้หญิงโต๊ะข้างๆ เอาไปซุบซิบนินทาอีก ถึงพวกเธอจะจิ้นผู้ชายกับผู้ชาย แต่ลับหลังกลับบ่นเสียดายของ ส่วนไอ้ปอมเลยจุดสนใจคนอื่นไปไกลโขแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ แค่แฟนคลับไม่ต้องแคร์มากนักหรอก มันไม่ได้ขอความรักจากใครซะหน่อย

“โอยจ้า พ่อคนซิง กูอยากจะถุยน้ำลายใส่หน้า” มันเบ้ปากกรอกตามองบนใส่กันแล้วทำท่าถุยน้ำลายจริงๆ ผมเลยเอื้อมมือไปผลักหัวซะเต็มแรง

“โสโครก” ด่าแถมให้หนึ่งที แต่ไอ้ปอมไม่โกรธกลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเหมือนถูกใจนักหนา

“แล้วไง ถ้าเจอเขาจะทำอะไรต่อ?” มันกลับเข้าโหมดจริงจังด้วยการเท้าคางมองหน้ากันนิ่ง ผมไหวไหล่เพราะไม่ได้คิดไว้ช่วงหน้าว่าจะทำยังไงต่อถ้าได้เจอ

“ก็... ไม่รู้ดิ กูว่าการแอบชอบมันก็ดีนะ” ผมเหม่อมองท้องฟ้ายามเย็นที่ยังคงมีแสงอาทิตย์เจิดจ้า ก้อนเมฆสีขาวลอยเอื่อยๆ อยู่บนนั้นคงใกล้เคียงความรู้สึกที่มีในตอนนี้ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบ

ความรักไม่ใช่สิ่งสวยงามเสมอไป ถ้าสารภาพรักแล้วโดนปฏิเสธกลับมาก็กลายเป็นความทุกข์ ยิ่งกรณีของผมกับเขาแล้วนั้นการเฝ้ามองอยู่ห่างๆ อาจจะดีกว่า ถ้าหากว่าไม่มีผู้ชายคนไหนใจกล้าหน้าด้านเข้าไปขายขนมจีบน่ะนะ

“ที่มึงใจเย็นเพราะเขาไม่เคยประกาศตัวว่ามีแฟนใช่ไหมล่ะ?” สิ่งที่ไอ้ปอมพูดนั้นถูกต้องจนผมได้แต่ยิ้มและพยักหน้ารับ

“ก็ประมาณนั้น บางทีรู้เท่าที่เขาอยากให้รู้คงดีกว่า”

เมื่อนาฬิกาข้อมือบอกเวลาสมควรแก่การย้ายสังขารไปที่สถาบันกวดวิชาซึ่งวันนี้จะเปิดติวเป็นวันสุดท้ายของชั้นมอหก ผมกับไอ้ปอมเดินข้ามถนนเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงที่หมาย ห้องเรียนในตอนนี้ยังคงบางตาแต่มีอย่างหนึ่งที่สะดุดใจอย่างจังคือผู้ชายที่นั่งคุยกับเพื่อนที่หน้าห้อง พอได้ตั้งใจมองก็เกิดความรู้สึกคุ้นเคยจริงๆ ยิ่งเป็นใบหน้าด้านข้างด้วยแล้ว ใช่เลย... เขาจริงๆ ด้วยว่ะ

“หยุดเดินทำไมเนี่ย?” ไอ้ปอมที่เดินตามหลังมาโขกหัวเข้ากับท้ายทอยผมอย่างจังเพราะหยุดเดินกะทันหัน มันโวยวายไม่นานก็เงียบไป

“มึง...” ผมพูดได้แค่นั้นก่อนจะชี้มือไปในทิศทางที่มีเขาอยู่ ไอ้ปอมขมวดคิ้วแน่นถามกลับด้วยน้ำเสียงทะเล้นไม่รู้จักเวล่ำเวลา โอย ต่อยแม่ง

“อะไร เห็นผีเหรอ?” ผีทั้งโลกตามไปอยู่กับไอ้ว่านแล้วเถอะ ไม่มาโผล่ที่นี่หรอกเชื่อกู

“ยิ่งกว่าผีอีก เขาจริงๆ ด้วยว่ะ!” พยายามคุมเสียงแล้วแต่มันก็ดังมากพอให้คนด้านหน้าห้องหันมามอง แวบแรกที่สายตาสบกันนั้นพลันหัวใจของผมก็เต้นโครมคราม เขาเอียงคอนิดหน่อยก่อนที่รอยยิ้มสดใจจะประดับบนใบหน้า

อย่าถามว่าตอนนี้รู้สึกยังไงเพราะมันอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกจริงๆ เชี่ยเอ๊ย เหมือนคนตกหลุมกับดักของนายพรานแบบไม่รู้ตัว สมองเบลอๆ มึนๆ ยืนเอ๋อจนต้องอาศัยไอ้ปอมแก้สถานการณ์แทน มันลากผมออกมาจากตรงนั้นด้วยแรงมหาศาลพลางสบถอะไรบางอย่างยาวยืด คงตะลึงไม่แพ้กันแน่ๆ

“เชี่ย เป๊ะสุดๆ ตัวจริงออร่ากว่าในรูปอีก” นั่นคือคำชมจากปากไอ้ปอมเดือนประจำโรงเรียนของผมที่มั่นใจในหนังหน้าตัวเองระดับล้าน

“กู... จะเป็นลมว่ะ” เออ ผมรู้สึกหน้ามืดจริงๆ นั่นล่ะเพราะโดนดาเมจหัวใจแรงเกินไป

หลังจากวันที่ผมรู้ว่าเจ้าของแอคเค้าท์ the_kirin.z เป็นใคร หน้าตาจริงๆ หล่อขนาดไหนแล้วทุกอย่างก็ยังดำเนินไปอย่างปกติ ส่องไอจีเหมือนเดิม เพ้อเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือการพยายามแอดมิชชั่นให้ติดมหา’ลัยเดียวกับเขา ส่วนคณะที่เลือกก็ตามความต้องการของตัวเอง

รู้อะไรไหม? ผมไม่เคยเชื่อเลยว่าโลกใบนี้กลม จนวันที่ต้องเข้ารับน้องของทางคณะนั่นล่ะ ความคิดทุกอย่างกับตาลปัตร ผู้ชายคนนั้นที่กำลังโดนรุ่นพี่กะเทยปีสองรุมทึ้งคือคนๆ นั้น ป้ายชื่อที่แขวนคอนั้นอ่านได้ว่า ‘พ่อกระต่ายน้อย’ มันช่างน่ารักน่าฟัดอะไรขนาดนั้น คงมาจากผิวขาวอมชมพูนั่นแน่ๆ ส่วนทางผมกับไอ้ปอม คนหนึ่ง ‘หล่อน่าขี่’ อีกคน ‘หล่อน่าปล้ำ’ (เราทั้งคู่เลือกเรียนด้วยกัน ในขณะที่ไอ้ว่านสอบติดแพทย์อย่างที่ฝันไว้) ยังกังวลว่ากูจะรอดพ้นเวรกรรมนี้ไปได้ยังไงโดยที่สามารถรักษาไข่ตัวเองให้ปลอดภัยเอาไว้ได้

ไอ้เรียนคณะเดียวกันว่าเซอร์ไพร์สแล้วเจอเข้าคลาสเรียนด้วยกันยิ่งหนัก นั่นหมายถึงเราจะได้เห็นหน้ากันตลอดระยะเวลาสี่ปี นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ โว๊ย แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรที่มากกว่าคำว่าเพื่อน เจอหน้าก็ทักบ้าง คุยบ้างตามประสาคนแอบชอบ เฮ้อ เอาเถอะ แค่ได้อยู่ใกล้ๆ เห็นรอยยิ้มของเขาไปวันๆ ก็มีความสุขแล้ว

ที่ผมใจเย็นอยู่ได้เนื่องจากเขาเป็นคนประเภทอัธยาศัยดีแต่ไม่ชอบการมีแฟน อยู่เป็นโสดคนเดียวจะทำให้มีเวลาออกไปเที่ยวเล่นถ่ายรูปมากกว่า ประมาณนั้น ที่รู้เพราะเคยถามๆ ดู ตอนนี้นแทบกระโดดกอดคอ แม่ง มันรู้สึกว่าการแอบชอบครั้งนี้ของตัวเองประสบความสำเร็จอะ แต่ดีหน่อยที่ไอ้ปอมแอบหยิกต้นขาสติเลยเข้าร่างไว

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ (ปัจจุบันเรียนปีหนึ่งเทอมสอง) รวมเวลาแล้วก็สองปีกว่าที่แอบชอบเขา มันยังคงเป็นความลับที่ถูกเก็บซ่อนไว้ภายใต้คำว่าเพื่อนร่วมคลาสเรียน ร่วมสาขา และคณะ แต่ความรู้สึกของผมที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คงปะทุเข้าในสักวันที่มีอะไรบางอย่างมาสะกิด




--------------------------------------

กราบสวัสดีมิตรรักแฟนนิยายทุกท่านที่รออยู่ 555555
วันนี้เราแวะมาอัปบทนำแล้วน้า คึกมากกก
แต่ตอนที่ 1 จะมาวันไหนนั้น... ช่วยภาวนาให้เราขยันด้วยเถิด

อ่านแล้วคอมเม้นต์กันหน่อยน้า จะได้รู้ว่าคนอ่านชอบหรือไม่ชอบอะไรยังไงบ้าง

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
แนวที่ชอบเลย
รอติดตามจ้า

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
แอบรักแอบชอบกันข้ามปีเลย o13

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
รูปถ่ายใบที่ 1



ลานหน้าคณะวันนี้คราคร่ำไปด้วยนักศึกษาหลายชั้นปีเนื่องจากจะมีคอนเสิร์ตของศิลปินที่เป็นศิษย์เก่าของมหา’ลัยมาเล่น ทุกคนเลยนั่งรอเวลากันตรงนี้ ส่วนผมกับไอ้ปอมไม่อินแต่โดนบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรมเหมือนเฟรชชี่คนอื่นๆ ถึงอยากหนีแค่ไหนแต่ก็ทำไม่ได้ ถ้าโดนแบนจากรุ่นพี่เป็นเรื่องใหญ่แน่

“สามีขา ~” เสียงแหลมเล็กที่พยายามดัดให้หวานเอ่ยเรียกชื่อกันทำให้ผมที่นั่งเล่นเกมอยู่ถึงกับสะดุ้ง พอเงยหน้าขึ้นก็เจอเข้ากับกระเทยหน้าหวานหุ่นเอ็กซ์ยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ เธอชื่อ ‘น้ำปิง’ เป็นถึงดาวเทียมของคณะ แต่ชอบโมเมว่าผมเป็นสามีไปเรื่อยแถมยังชอบหาเรื่องลวนลามอีก กำไรชีวิตมันแต่กูเสียหายเว้ย

“จะเอาขาข้างไหนว่ามา” ผมถามมันก่อนขยับที่ว่างให้นั่งตามปกติ ถึงจะไม่ชอบให้แตะเนื้อต้องตัวแต่น้ำปิงก็เป็นเพื่อนที่ดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าเปลี่ยนไปเกาะติดไอ้ปอมบ้าง นั่งแดกไส้กรอกสบายเลยนะมึง แหนะ ยักคิ้วให้อีก วอนโดนตีนเห็นๆ

“สองข้างเลยได้ปะ จะเลียให้เยิ้มเลย คิก ~” น้ำปิงเกาะแขนซบหน้าลงกับไหล่แล้วออกแรงถูไถจนผมรู้สึกขนลุกซู่ คำพูดกำกวมส่งผลให้เท้ากระตุกเตะหน้าแข้งมันจนได้ แม่ง สยองเว้ย เยิ้มเชี่ยอะไรของมึงเนี่ย

“โอ๊ย สามีขาทำร้ายร่างกายหนูทำไม?” มันผละออกไปทำหน้างอง้ำใส่กันก่อนจะก้มลงดูสภาพแข้งตัวเอง ท่าทางสะดีดสะดิ้งเกินงามทำให้ผมหลุดหัวเราะก๊ากอย่างห้ามไม่อยู่ ถ้าน้ำปิงสงบเสงี่ยมกว่านี้ไม่มีใครรู้ว่าเป็นสาวสองแน่นอน ทั้งโครงหน้า ผิวพรรณ รูปร่าง ดูดีกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก แต่เทียบไม่ได้กับคนที่ผมแอบชอบหรอก ถึงเป็นผู้ชายแมนๆ คนหนึ่งแต่ได้หัวใจไอ้กิมไปเต็มๆ

“มึงพูดอะไรน่าขนลุกไง” เป็นอีกคนที่ตอบแทนเพราะผมยังหัวเราะไม่เลิกจนโดนน้ำปิงตวัดสายตาดุๆ ใส่ ไส้กรอกในมือไอ้ปอมถูกส่งเข้าปากอีกครั้ง รูดๆ เลียๆ แถมทำหน้าเคลิ้มยั่วยวนส่งผลให้สาวสวยประจำโต๊ะถึงกับแลบลิ้นตาม รู้ว่าแม่งแกล้งกันเล่นแต่ช่วยเกรงใจสถานที่กันบ้างเถอะ พวกมึงไม่อายแต่กูอายเว้ย คนมองทั้งลานคณะแล้วมั่ง ดาวเทียมกับรองเดือนคณะกำลังล่อกันอยู่ เจริญ

“ไอ้สัด เลิกเล่นๆ กูอายคน” ผมด่าพวกมันก่อนส่งมือไปเคาะหัวไอ้ปอม มันร้องโวยวาย ตวัดไส้กรอกที่เพิ่งเลียไปเมื่อครู่อย่างกับดาบเจไดเพื่อโจมตีกลับ แม่ง ทำไมมึงเป็นคนที่สกปรกได้ขนาดนี้วะ แต่แปลกที่แฟนคลับยังคงอวยว่า ‘ปอมทำอะไรก็ดูดี’ แม้กระทั่งมันแคะขี้ฟันดีดใส่ผมตอนกินข้าว แม่ง โคตรลำเอียง

“อร๊าย ชู้ทำอะไรน่าเกลียดที่สุด” น้ำปิงกรีดร้องแต่ใบหน้ากลับกรุ้มกริ่ม เธอเบียดตัวหลบไส้กรอกไอ้ปอมจนแทบขึ้นมานั่งเกยตักกัน ไอ้ผมก็เผลอไผลจับเอวไว้ซะแน่นเพราะกลัวมันตกและนั่นทำให้เพื่อนคนอื่นๆ เอ่ยแซว

“หลังจบคอนเสิร์ตพวกมึงไปต่อกันที่โรงแรมปะเนี่ย” ผู้หญิงโต๊ะข้างๆ เอ่ยแซวซึ่งเธอเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับน้ำปิง ผมส่ายหน้าพรืดแล้วผลักคนบนตักออกแต่เพราะใช้แรงเยอะเกินไปมันเลยเซจนหน้าซุกเข้ากับซอกคอไอ้ปอม รายนั้นสะดุ้งเฮือกตัวแข็งทื่อไม่กล้าสะบัดตัวหนีไปไหนเพราะกลัวโดนจูบซ้ำ แต่ไม่นานสงครามก็เกิดขึ้น ไม่มีใครทนได้ยินเสียงสูดลมหายใจฟืดข้างหูเหมือนคนโรคจิตอยู่ใกล้ๆ ได้หรอก

“เกรงใจคนไร้คู่แบบกูบ้างเห๊อะ” เสียงผู้ชายจากโต๊ะถัดไปแซวขึ้นบ้างทำให้ผมหันไปชูนิ้วกลางให้ มันหัวเราะเอื๊กอ๊ากจนโดนเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตบหัว สมน้ำหน้าแม่ง แต่มึงโสดกูก็โสดเหอะไอ้เชี่ยสอง!

ผมกำลังจะหันไปช่วยไอ้ปอมเพราะน้ำปิงแล้วลวนลามจับนู่นจับนี่ไปเรื่อยแต่ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นใครบางคนเดินเข้ามาในสายตา ตอนนี้เหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะเพราะความออร่าพุ่งเข้าดาเมจกันเต็มๆ

“จะทิ้งคู่จิ้นอย่างเราไปหาน้ำปิงแล้วเหรอ?” เสียงหวานใสโดนไม่ต้องดัดเอ่ยขึ้นพร้อมส่งยิ้มมาให้ เขาเป็นคู่จิ้นของผมที่ชื่อว่า ‘โฮม’ หน้าตาน่ารัก ผิวขาว ร่างเล็ก ดัดฟัน ใครๆ ก็บอกว่านี่คือนายเอกที่หลุดออกมาจากนิยายวายซึ่งผมกับไอ้ปอมยังเห็นด้วย และผู้ชายหลายคนก็เพียรพยายามขายขนมจีบกันยกใหญ่แต่อกหักเป็นแถว

ไอ้ปอมชะงักกึกรีบหันหน้าลิงๆ ไปมองคนมาเยือนทั้งที่ก่อนหน้าพยายามผลักน้ำปิงออกห่างแทบตาย อีกนิดเดียวคงหยิบไม้จิ้มไส้กรอกแทงกันแล้ว สภาพหัวยุ่งเหยิงใบหน้ามีรอยเล็บจนโฮมถึงกับส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ผมเห็นโอกาสดีเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพความทุเรศของเพื่อนเอาไว้เพื่ออัปลงไอจี ดูสิว่าคราวนี้บรรดาแฟนคลับจะอวยยังไงบ้าง

“แอบถ่ายรูปเพื่อนอีกแล้ว” เสียงทักจากอีกคนที่มาพร้อมกับโฮมเกือบทำให้ผมปล่อยโทรศัพท์ตก วันนี้เขาเซ็ตผมสีบลอนด์ทองเปิดหน้าผากทำให้ยิ่งดูหล่อมากกว่าเก่า ไหนจะชายเสื้อนักศึกษาที่หลุดลุ่ยเพิ่มความแบดบอยขึ้นเท่าตัว เหมาะแล้วจริงๆ สำหรับตำแหน่งเดือนคณะ ออร่าจนตาพร่าเลยว่ะ

“เอาไว้แกล้งมัน สนุกดี” ผมตอบกลับก่อนจะเบนสายตาไปมองไอ้ปอมที่ตอนนี้ชวนโฮมคุยอย่างสนิทสนมจนน่าหมั่นไส้ คำพูดคำจาไพเราะต่างจากเวลาปกติมากโข ขนาดน้ำปิงยังเบะปากคงทนความตอแหลไม่ได้

“แอบอิจฉาปอมปะเนี่ย?” เขาถามผมด้วยน้ำเสียงหยอกล้อก่อนจะหย่อนก้นลงข้างกันโดยเว้นระยะห่างพอสมควรทั้งที่เบียดเข้ามาอีกหน่อยก็คงไม่เป็นไร เดือนคณะอุตส่าห์ชวนคุยด้วยทั้งทีก็อยากใกล้ชิดเป็นพิเศษ เผื่อว่าสาวๆ ถ่ายรูปจะได้ติดไปลงเพจคิ้วท์บอยบ้าง

“ให้เราอิจฉามันเรื่องอะไรวะคีน?” ผมเหลือบมองคนข้างตัวพลางขมวดคิ้วจนหน้าผากย่นแล้วยกมือข้างหนึ่งลูบใบตามใบหน้าอย่างใช้ความคิด สงสัยว่าไอ้ปอมมีอะไรดีให้อิจฉาบ้าง หน้าตาก็ไม่ นิสัยยิ่งแล้วใหญ่ บางที ‘คีน’ คงหมายถึงความฮอตและความอัธยาศัยดีล่ะมั้ง

ถึงผมจะเข้าข่ายบุคคลหน้าตาดีแต่ไม่ได้อัธยาศัยดีตามเลยไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามายุ่งเท่าไหร่ ส่วนมากจะขอถ่ายรูปผ่านโฮมมากกว่าเพราะเราเป็นคู่จิ้นกัน เวลาอยู่กับเพื่อนก็เฮฮาตามปกติแต่กับคนไม่สนิทนั้นใครๆ ก็หาว่าหยิ่ง จะให้กูฉีกยิ้มตลอดมันไม่ใช่ปะวะ เฮ้อ มนุษย์ช่างเข้าใจยากเหลือเกิน

“ปอมฮอตไง” คีนพยักพเยิดหน้าไปทางไอ้ปอมที่ตอนนี้ตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายคน อาจเพราะรอยยิ้มละมถนที่นานครั้งจะประดับบนใบหน้านั้นหาได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร

โดยนิสัยจริงๆ ไอ้ปอมเป็นคนกวนตีน ชอบกระตุกยิ้มมุมปาก ยักคิ้ว ทำหน้ากรุ้มกริ่ม แม้แต่ตอนถ่ายรูปโปรโมทประกวดดาวเดือนเมื่อเทอมหนึ่งยังโดนอาจารย์หาว่าเหมือนนักเลงมากกว่านักศึกษา ดีแค่ไหนที่มันไม่หยิบไมัทีขึ้นพาดบ่า

ผมปฏิเสธคำของคีนด้วยการส่ายหัวพร้อมกับไขว่แขนทั้งสองข้างเป็นรูปกากบาท ถ้าพูดถึงเรื่องความฮอตแล้วนั้นคงต้องยกให้เขามากกว่า ขนาดแค่นั่งคุยสัพเพเหระกับเพื่อนก็ยังไม่วายโดนแอบถ่ายรูป ก็เข้าใจความรักความชอบของคนอื่น แต่ไม่คิดว่ามนุษย์ต้องการความเป็นส่วนตัวบ้างหรือเปล่า

“คีนฮอตกว่าเยอะ” ผมยักคิ้วประกอบคิ้วพูด ส่วนคีนชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยใบหน้าอึ้งๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา

“เอาอะไรมาวัดหื้ม?” คีนเอ่ยถามก่อนจะใช้มือเท้าคางแล้วมองหน้ากันเพื่อรอคำตอบ ดวงตารีสวยนั่นแทบสะกดให้คนๆ หนึ่งหลงจนหัวปักหัวปำซึ่งเกรงว่าหนึ่งในนั้นอาจจะมีผมรวมอยู่ด้วยถ้าไม่มีเสียงเรียกชื่อเขาดังแทรกขึ้นมาซะก่อนน่ะนะ

“น้องคีนทานอะไรหรือยังคะ?” รุ่นพี่สาวสวยที่ผมจำได้ว่าเป็นพี่รหัสของไอ้สองเดินตรงเข้ามาถามไถ่คีนถึงที่ ในมือของเธอมีถุงขนมจากร้านดังหน้ามหา’ลัย ถ้าให้เดาคงเอามาฝากแน่ๆ ไอ้ที่เกริ่นมาก็แค่อยากชวนคุย ยืดเวลามองหน้าสบตาก็เท่านั้น

‘พี่อิง’ ขึ้นชื่อเรื่องเซ็กซี่เพราะชอบใส่กระโปรงทรงเอสั้นๆ กับเสื้อนักศึกษาพอดีตัวจนกระดุมจะดีดลูกตาคนมอง วันนี้ก็ยังเหมือนเดิมแต่มีบางอย่างเปลี่ยนไปเล็กน้อยคือเธอแต่งหน้าแนวสวยใสไร้สติ เอ๊ย แนวสวยใสธรรมชาติดูอ่อนหวานขัดกับนิสัย ผมก็ไม่อยากจะขายรุ่นพี่หรอก แต่ไอ้การที่เช้ามีหนุ่มออฟฟิศมาส่ง เที่ยงควงแขนอีกคน ตกเย็นดินเนอร์กับอีกคน โคตรโหด ตอนขึ้นเตียงจะมีอีกคนหรือเปล่าวะ ได้แต่คืดแล้วก็สงสัย

“เรียบร้อยแล้วครับพี่อิง” คีนตอบกลับด้วยรอยยิ้มเหมือนปกติ ไม่แสดงท่าทีชอบหรือไม่ชอบออกมาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ากำลังโดนอ่อย ใครๆ ก็รู้ว่าเธอจงใจพรีเซ็นต์รอยแยกของกระโปรงแค่ไหน คนบ้าอะไรยืนจิกปลายเท้าได้ตลอดเวลาวะ นู่น ถ้าไอ้ปอมคงสำเร็จไปนานแล้ว มันถลึงตามองจนน้ำหมากจะหยดอยู่รอมร่อ เดือดร้อนโฮมต้องควานหาทิชชู่ในกระเป๋าให้อีก ทุเรศจริงๆ เพื่อนใครเนี่ย

“ว้า แย่จัง พี่อุตส่าห์ซื้อขนมมาฝากแหนะ” พี่อิงแกว่งถุงขนมไปมาทำหน้าเสียดายของในมือซะเต็มประดาถ้าหาว่าคีนไม่ยอมรับไป แต่อีกฝ่ายทำเพียงคลี่ยิ้มแล้วปฏิเสธด้วยคำพูดนุ่มนวลที่ผมเองยังรู้สึกว่ามันโคตรรักษาน้ำใจ

“ช่วงนี้ผมงดทานของหวานน่ะครับ พอดีน้ำหนักขึ้น” คีนบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแล้วก้มหัวลงเป็นการขอโทษ อีกทั้งยังตบท้ายด้วยการส่งสายตาออดอ้อน เชื่อสิไม่ว่าใครก็ต้องยอมแพ้ ขนาดผมยังรู้สึกระทวยไปด้วยเลย แม่ง สติเว้ยไอ้กิม เขาไม่ได้ทำกับมึง!

ทางด้านพี่อิงพอเจอคำตอบแบบนั้นบวกกับท่าทางของคีน มือที่แกว่งถุงขนมก็หยุดชะงัก สีหน้าแสดงความกระอักกระอ่วนจนโฮมที่ลอบสังเกตถึงกับต้องเม้มปากกลั้นหัวเราะ แต่ไอ้ปอมแทบกระโดดกอดเธอเพื่อปลอบใจ นี่ล่ะนะปฏิกริยาของคนหื่นกับคนปกติ...

“โอเคค่ะ พี่เก็บไว้ทานเองก็ได้”

“ขอบคุณและขอโทษด้วยนะครับ” คีนก็ยังคงเป็นคีนที่สุภาพและขี้เกรงใจเสมอ ถ้าเป็นผมคงพยักหน้ารับแล้วเมินเธอแน่ๆ โธ่ ก็ไม่ชอบคนเสแสร้งนี่หว่า

พี่อิงสะบัดก้นเดินหายไปทางตึกคณะคงมีเรียนต่อ เสียงวิจารณ์การกระทำของเธอเริ่มดังขึ้นจากหลายโต๊ะแทบไม่มีใครห้ามปรามใคร ส่วนผมลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกพลางเหลือบมองคนข้างตัวที่ทำหน้าปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซ้ำยังค้นกระเป๋าเป้เพื่อหยิบลูกอมกลิ่นมิ้นต์ใส่ปากกลั้วไปตามกระพุ้งแก้ม ท่าทางสบายจนเพื่อนสนิทอย่างโฮมถึงกับหรี่ตามอง

“ไหนบอกว่างดของหวานไง เอาลูกอมที่เหลือมาให้เราเลย” โฮมแบมือยื่นมาตรงหน้าแล้วกระดิกนิ้วขอลูกอมที่เหลือ คีนส่ายหัวรัวๆ ก่อนจะกอดกระเป๋าไว้แน่นเหมือนเด็กขี้หวง ท่าทางของเขาช่างน่ารักจนทำให้แฟนคลับที่ซุ่มอยู่รัวชัตเตอร์อย่างเมามัน ยิ่งคณะผมในชั้นปีที่สองต้องใช้กล้อง DSLR ในการเรียนด้วยแล้วนั้นอุปกรณ์ยิ่งครบมือ บางทีซูมแม้แต่ไฝในง่ามเท้า จุดบกพร่องตรงไหน แผลตรงไหนครบทุกอนู

“อย่าแซวดิ นั่นเข้าเรียกปฏิเสธอย่างนุ่มนวลเว้ย” คีนทำหน้ายุ่งใส่เพื่อนสนิทก่อนจะใช้ลิ้นดันกะพุ้งแก้มเล่นและยังคงกอดกระเป๋าใบละเหยียบครึ่งแสนไว้แนบอก (ยี่ห้อ MCM อะไรสักอย่างนี่ล่ะ) โฮมเบิกตาโตเมื่อได้ฟังคำตอบแต่หลังจากนั้นก็ยกยิ้มมุมปากทำหน้ากรุ้มกริ่ม

“เจ้าเล่ห์นะเราเนี่ย” โฮมเอ่ยแซวก่อนจะเอื้อมมือมาหยิกแก้มขาวๆ ของคีน เขาปล่อยให้เพื่อนทำตามใจแถมคลี่ยิ้มกระชากวิญญาณแจกจ่ายให้สาวๆ ที่กำลังโบกมือทักทาย พอพวกเธอเห็นผมอยู่ด้วยถึงกับรีบเบนหน้าหนีไม่ทัน จะกลัวอะไรนักหนาวะ นี่ก็คนไม่ใช่หมาบ้าสักหน่อย

“จะคิดซะว่าเป็นคำชมนะ” คีนขยิบตาตบท้ายประโยคแถมไปอีกหนึ่งครั้ง น้ำปิงถึงกับกรี๊ดแตกแล้วฟาดมือลงบนไหล่เพื่อนข้างๆ จนโดนถีบตกเก้าอี้ อูย เห็นแล้วเจ็บแทน แต่ไอ้ปอมที่เห็นจังหวะนั้นพอดีหลุดขำก๊ากเสียงดังลั่นเลยทำให้มันโดนคนสวยวิ่งไล่จับไข่ไปทั่วลานคณะ สมน้ำหน้าแม่ง หัวเราะไม่ดูตาม้าตาเรือ

เมื่อหมดเรื่องคุยเราทั้งสามคนก็เข้าโหมดโซเชี่ยล คนตรงข้ามเล่นเกม Hayday ที่รู้เพราะอยู่ๆ โฮมก็บ่นเรื่องหาของขยายโรงนาไม่ได้ ส่วนคีนคงกำลังแชทกับใครสักคนเพราะได้ยินเสียงไลน์ดัง วกกลับมาที่ผมซึ่งไม่มีแอปฯ ไหนดึงดูดเท่าไอจีอีกแล้ว ไม่ใช่จะส่องใครหรอก แค่อยากลงรูปไอ้ปอมทำหน้าเอ๋อเมื่อครู่ไง พิมพ์แคปชั่นแท็กเพื่อนเรียบร้อยแล้วกดแชร์เป็นอันจบขั้นตอน หลังจากนั้นก็นั่งรอคอมเม้นต์ด้วยใจจดจ่อ

ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งไร้เมฆปกคลุมเลยทำให้อากาศร้อนแม้จะอยู่ในช่วงกลางเดือนมกราคม บางวันยังมีฝนหลงฤดูตกลงมาให้หงุดหงิดเล่นๆ อย่างเช่นเมื่อวานนี้ที่ต้องขับรถกลับบ้านทั้งเสื้อผ้าเปียกซก โดนแม่ด่าจนหูชาเรื่องทำเบาะเปียก ก็บอกไปหลายครั้งแล้วว่าให้เปลี่ยนเป็นหนังแต่เธอยืนกรานว่าชอบแบบผ้ามากกว่า โธ่ ใครที่ไหนจะกล้าขัดใจประมุขใหญ่ล่ะครับ ขนาดพ่อยังได้แต่รับคำจ้าๆ เลย สมาชิกชมรมเกียมัวชัดๆ

หลังจากมองท้องฟ้าอยู่นานจนคอเริ่มปวดเลยเปลี่ยนท่าเป็นหมุนคอบรรเทาอาการแต่ต้องชะงักกึกเมื่อโฮมมองตรงมาทางนี้ด้วยสายตาลังเล เหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่กล้า ผมเลยเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรหรือเปล่าเพื่อเป็นการเปิดทาง

“คือ... รุ่นพี่เขาฝากมาถ่ายรูปอะ” โฮมขยับมานั่งเก้าอี้ข้างๆ แล้วยื่นโทรศัพท์ที่แสดงหน้าจอแชทกับใครคนหนึ่งค้างไว้ ผมขมวดคิ้วก่อนก้มอ่านข้อความเหล่านั้น ไม่เข้าใจว่าถ้าถ่ายแล้วจะเอาไปทำอะไร ปริ้นท์ติดเป็นยันต์กันผีหน้าห้องนอนเหรอ

“ห๊ะ ถ่ายรูปอะไร?” ผมดันโทรศัพท์กลับไปให้เจ้าของแล้วถามด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด ไม่ชอบการทำอะไรแบบนี้เลยให้ตายสิ ใครจะไปชอบให้คนอื่นเก็บรูปไว้นอกจากครอบครัว เพื่อน หรือแฟน... คิดมาถึงตรงนี้ก็ทำได้แค่ถอนหายใจ แอบชอบเขาไปวันๆ ไม่มีทางสมหวังหรอก

“เขาบอกว่าจะเอาไปลงเพจคิ้วท์บอยอะ” ได้ยินชื่อนี้แล้วอยากจะเบะปากใส่รัวๆ ไม่อัพรูปผมสักเดือนคงไม่ตายหรอกมั้งครับป้า ให้ใช้ชีวิตสงบๆ โดยที่ไม่ต้องกดปฏิเสธเพื่อนในไอจีได้ไหม นี่ขนาดตั้ง Private คนยังแห่แอดมาอย่างกับได้คูปองดูหนังฟรี ไม่รู้เดือนคณะเขาจัดการได้ยังไง อ้อ ลืมไปว่าเขาตั้งสาธารณะใครอยากฟอลก็ฟอลได้นี่หว่า

“จะลงรูปเราเพื่ออะไรเนี่ย ครบร้อยแล้วชิงโชคได้เหรอวะ?” ผมพูดกึ่งเล่นกึ่งจริงแล้วถอนหายใจออกมา ใช้มือเท้าคางแสดงความเหนื่อยหน่ายออกทางสีหน้ามองดูไอ้ปอมโดนไล่บีบไข่ยังน่าสนใจกว่าตั้งเยอะ ผมไม่ถนัดยิ้ม ไม่ชอบเข้ากล้อง เห็นมันเหมือนปืนเอ็มสิบหกที่จ่อยิง

“เอาน่า เขาอยากได้รูปคู่กับเราอะ ลูกเพจขอมา” โฮมยังคงตื๊อไม่เลิก ทั้งใช้น้ำเสียงหวานๆ ส่งสายตาอ้อนเกาะแขนกระพริบตาใส่ คือโคตรน่ารักจนเผลอใจเต้นแรง แต่แบบ... ติดที่ว่าผมสงสัย ไอ้คู่จิ้นเนี่ยเกิดขึ้นได้ยังไง จะบอกว่ามีโมเม้นต์บ่อยก็คงไม่ใช่ แล้วเปลี่ยนไม่ได้เหรอ ใช้อะไรตัดสินว่าคนนี้เหมาะสมกับคนนี้ เอาเกณฑ์ไหนวัด เคมี ฟิสิกส์ ชีวะเหรอ?

“คู่กับคนอื่นไม่ได้เหรอ? เปลี่ยนบ้างไรบ้าง”

“เจ้าชู้อะ” แค่ขอเปลี่ยนคู่จิ้นก็โดนโฮมเบ้ปากใส่ แต่นั่นก็เรียกเสียงหัวเราะจากผมกับคีนได้เป็นอย่างดี เพราะแบบนี้ล่ะมั้งแฟนคลับถึงได้ชอบพวกเราเป็นพิเศษ หยอกล้อกันบ้าง แตะเนื้อต้องตัวบางครั้งแต่อยู่ในขอบเขตที่พอดี เขาเรียกอะไรนะ เซอร์วิสปะ?

“นิดนึง เผื่อแฟนคลับอยากได้อะไรใหม่ๆ” ผมพูดเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะหยิบขวดน้ำที่ตั้งทิ้งไว้จนอุ่นขึ้นกระดกเป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้ปอมลากสังขารกลับมาที่โต๊ะได้ สภาพไม่ต่างจากหมาวิ่งกลางแดดจนลิ้นห้อยสักเท่าไหร่ จะว่าสงสารก็ไม่สุด สมน้ำหน้ามากกว่า ขอถ่ายรูปเก็บไว้อีกได้ไหมวะ หึหึ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ไอจีผมส่วนใหญ่มีแต่ภาพแบล็คเมล์เพื่อนทั้งนั้น

“กิมปอมเหรอ?” คีนเสนอคู่จิ้นใหม่ให้ด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ผมตวัดสายตามองอย่างอึ้งๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเบ้ปากใส่ คิดได้ยังไงเนี่ย ขนลุกไปหมดแล้วเว้ย

“เฮ้ย ทำไมเราต้องอยู่หลังวะ ขอเป็น ‘ปอมกิม’ ได้ปะ?” คนที่โวยวายกลับเป็นไอ้ปอมที่โดนเอาชื่อไปห้อยท้าย หน้าตามันจริงจังบ่งบอกว่าไม่อยากเป็นฝ่ายรับอย่างชัดเจน แต่มึงจะหันมาแยกเขี้ยวใส่กูเพื่อ? โดนกระทำเหมือนกันเนี่ย ไปโกรธคีนนู่น รายนั้นก็ตั้งใจหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดง มีความสุขอะไรขนาดนั้นหืม หยิกแก้มสักทีดีไหม (ถ้าเป็นน้ำปิงคงโดนยันตกเก้าอี้ไปนานแล้ว)

“ไม่เวิร์กๆ เราว่าน่าขนลุกออก อืม...” โฮมรีบเบรกไอ้ปอมของแล้วใช้นิ้วเคาะข้างขมับเหมือนกำลังใช้ความคิด จะให้ผมไปคู่กับใครที่ไหนอีกล่ะเฮ้ย มันไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่ทำไมต้องลุ้นจนใจเต้นก็ไม่รู้ หรือลึกๆ แล้วผมหวังอะไรเอาไว้...

“แล้วให้เราคู่ใครถึงจะเวิร์ก?” ผมถามเมื่อโฮมเงียบไปนาน ชักหวั่นใจว่าจะได้คู่ที่ร้ายแรงกว่ากิมปอม ส่วนคนข้างๆ ก็นั่งเท้าคางรอคำตอบจากเพื่อนสนิทเหมือนกัน อย่าบอกนะว่าลุ้นไปด้วย โธ่ ทำไมต้องเครียดยิ่งกว่าตอนสอบด้วยวะ อย่าจริงจังกันนักได้ไหมเล่า

ผ่านไปอีกเกือบนาทีอยู่ๆ โฮมก็ทำตาโตแล้วหันขวับมามองผมกับคีนก่อนที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฏขึ้นจนเราสองคนทำได้แค่มองหน้ากัน ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแบบงงๆ คือ... เอาจริงดิ

“กิมคีนเป็นไง คนหนึ่งแนวเกาหลีคนหนึ่งแนวคมเข้ม” โฮมตอกย้ำความคิดของผมแถมยังเอานิ้วจิ้มกันจึ๋งๆ ประกอบ รู้สึกอากาศรอบตัวร้อนขึ้นอีกหลายองศา ไอ้การเป็นคู่จิ้นกับเดือนคณะไม่เท่ากับจะมีคนเกลียดผมเพิ่มขึ้นเหรอวะ... แต่อีกใจก็ยินยอมนะ แหม ก็เขาหล่อขนาดนั้น ได้ถ่ายรูปคู่ลงเพจสักนิดสักหน่อยก็ดี

“อ้าว โฮมเพื่อนใครวะ ทำไมให้เราอยู่หลัง” แต่คีนกลับทำหน้ายู่ไม่พอใจใส่เพื่อนที่ชื่อตัวเองดันไปต่อท้ายผม ก่อนจะหันมาเบะปากทางนี้ ไม่รู้ว่ามีแฟนคลับคนไหนจินตนาการว่าได้จูบเขาบ้างไหม แต่ผมคนหนึ่งล่ะที่อยากลองดู มันจะนุ่มเหมือนที่ตาเห็นหรือเปล่าวะ ของโฮมก็น่าสนใจนะ อืม... ทำไมกูฟุ้งซ่าน เลิกคิดๆ

“ก็เมะในอุดมคติสาวๆ ต้องคมเข้มตัวสูงกว่าเคะนี่” โฮมทำปากยื่นปากยาวมองผมสลับกับคีนแล้วใช้มือวัดความสูง

“ใช้หน้าตา รูปร่างตัดสินได้ที่ไหนล่ะ คู่กิมโฮมดีแล้วน่า มาๆ เราเป็นตากล้องให้” คีนพูดจบก็ผลักไหล่ผมให้ไปนั่งคู่กับโฮมก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาตั้งท่าถ่ายรูป คือยัดเยียดไม่พอยังส่งเสริมเป็นตากล้องด้วยเหรอ โธ่ เฟลฉิบหาย โมเม้นต์คู่จิ้นอีกแล้วเหรอ คราวนี้ต้องหอมแก้มเลยไหมล่ะ



ต่อด้านล่างน้า

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
“.....” ผมยังคงนั่งนิ่งมองทอดสายตาไปยังคีนที่อยู่ในท่าเตรียมพร้อมไม่ยิ้ม ไม่ขยับตัว เอาจริงๆ คือสภาพหลังจากเรียนภาคเช้าเสร็จคือไม่ค่อยต่างจากศพสักเท่าไหร่ หน้ามัน หัวยุ่ง เหงื่อไหล ทุเรศทุรังสุดๆ แล้วดูโฮมสิ น่ารักอย่างกับเทวดาตัวน้อย โอ้โห อย่างเหี้ยเลยครับ อีกอย่างคือ... ผมไม่ชอบให้ใครถ่ายรูปสักเท่าไหร่ มันเกร็งๆ ยังไงชอบกลบอกไม่ถูก

“กิม... เป็นไรปะเนี่ย?” คีนลดกล้องในมือลงพลางเอียงคอมองด้วยใบหน้าสงสัย ผมรีบละสายตาจากเขาพลางโบกมือ

“เอ่อ... เซลฟี่เองดีกว่า เราไม่ค่อยชอบให้คนอื่นถ่ายรูปน่ะ” ผมบอกไปตามที่คิดแล้วแบมือขอโทรศัพท์จากโฮม เขาหยิบมันส่งให้โดยไม่ถามอะไรแต่หรี่ตามองแปลกๆ เออน่า คนกลัวกล้องมีเยอะแยะไป

“เขินกล้องเหรอ?” คำถามของคีนที่มาพร้อมรอยยิ้มละมุนทำให้ผมชะงักกึกจนหายใจผิดจังหวะ ตอนแรกก็มันใจว่าเขินกล้องนั่นล่ะ แต่เวลานี้ชักไม่แน่ใจแล้วดิ

“เขินคีนมากกว่ามั้ง” ไม่ใช่เสียงโฮมและคีนแต่เป็นไอ้ปอมตัวดีที่ยักคิ้วจึกๆ แถมด้วยการผิวปากตบท้าย ผมถลึงตาใส่ก่อนเอื้อมมือไปเขกกะโหลกเน่าๆ ที่ชอบคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง มันเบะปากทำท่าสำออยให้ชาวบ้านสงสาร โอ้โห ไม่คิดว่าจะมีคนหลงผิดปลอบด้วย สันดานชอบทำให้คนอื่นดูแย่ ระวังเหอะ เผลอเมื่อไหร่กูเอาหมามุ่ยขว้างใส่แน่

“ไอ้เชี่ยปอม เลอะเทอะแล้วมึง” ผมสบถด่าเพื่อนสนิทแล้วหันไปยิ้มแหยให้กับคีนพลางโบกมือปฏิเสธข้อกล่าวหา เขาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

หลังจากนั้นผมก็ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปไปสองสามชอต นั่งข้างกันเฉยๆ เอียงหัวชนกัน และท่าสุดท้ายคือโฮมแกะแขนซบไหล่โดนไม่มองกล้อง คือเซอร์วิสแบบเต็มที่เอาให้จิ้นได้เป็นเดือนๆ ระหว่างนั้นก็โดนคนร่วมโต๊ะแซวอย่างสนุกนาน แต่สุดท้ายคีนกลับดึงแขนผมเข้าไปถ่ายกับตัวเองโดยบอกเหตุผลเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเคยโดนจับคู่ ‘กิมคีน’ เออว่ะ แบบนี้ก็มีด้วย

คอนเสิร์ตเริ่มขึ้นในเวลาหนึ่งทุ่มตรง ณ หอประชุมใหญ่ของคณะ น้ำปิงทิ้งกลุ่มเพื่อนแล้วมายืนกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างๆ ผม เสียงกรี๊ดกร๊าดทำหูแทบดับ จะเดินหนีก็ไม่ได้เนื่องจากคนแน่นมาก จังหวะหนึ่งที่โฮมถอยหลังมาเหยียบเท้ากันเต็มๆ แต่ไม่โกรธหรอก น้ำหนักตัวเขาถึงห้าสิบกิโลหรือยังไม่รู้ ส่วนคีนที่ยืนอยู่ด้านหน้านิ่งมากจนเหมือนหลับ คงไม่สนุก ไม่อินเหมือนๆ กับผมนี่ล่ะแต่ต้องทนดูต่อไปจนจบงาน

สามทุ่มกว่าแล้วที่ผมลากสังขารเปลี้ยๆ ออกจากหอประชุมโบกมือลาเพื่อนร่วมชั้นปีแล้วกอดคอไอ้ปอมเดินไปลานจอดรถ ต้องส่งมันที่คอนโดก่อนตรงกลับบ้าน แต่ระหว่างทางสายตาดันเหลือบเห็นร่างที่คุ้นเคยของคนที่แอบชอบกำลังยืนคุยอยู่กับใครคนหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดคือเป็นเดือนมหา’ลัยปีที่แล้ว ชื่อว่า ‘เซียน’ อย่าบอกนะว่ามาจีบ...

“กูว่าเร็วๆ นี้มึงคงได้กินแห้วว่ะ” ไอ้ปอมพาดแขนกอดคอผมไว้แล้วเอ่ยเย้า สายตาจ้องมองตรงไปยังเขากับพี่เซียนที่ตอนนี้หยอกล้อกันอย่างสนิทสนมจนน่าอิจฉา ยิ้มบ้างล่ะ ขยี้หัวบ้างล่ะ หยิกแก้มบ้างล่ะ โว๊ย หวง!

“กูไม่ชอบกินแห้ว!” ผมกัดฟันกรอดพร้อมสะบัดแขนไอ้ปอมออกจาไหล่ เหวี่ยงกระเป๋าเป้ในมือขึ้นสะพายหลังดังปึก เจ็บแต่ร้องไม่ออกสักแอะเพราะภาพตรงหน้าทำให้สมองตื้อไปหมด

“ถ้าไม่ชอบกินก็ควรทำอะไรสักอย่างแล้วปะวะ? กูก็ไม่ได้อยากเห็นเพื่อนอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่ม” มันตบบ่าผมปุๆ แล้วส่งสายตาห่วงใยมาให้ ถึงมันจะกวนตีนแค่ไหนก็เป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา

“ขอเวลาให้กูทำใจหน่อยเหอะ ไม่รู้เขาจะชอบผู้ชายหรือเปล่า” ถึงจะเห็นเขาคุยหยอกล้อกับผู้ชายได้อย่างสนิทใจแต่ความจริงเป็นยังไงเราก็ไม่รู้ พี่เซียนอาจแค่เข้ามาคุยเพราะสนิทกัน รู้จักกันมาก่อน เฮ้อ แต่ลึกๆ แล้วรู้สึกว่าท่าทางทั้งคู่ก็ผิดแปลกไปจากพี่น้องธรรมดา

“เออน่า อยากได้เขาก็ต้องเสี่ยงเว้ย กล้าๆ หน่อย” ไอ้ปอมคลี่ยิ้มกว้างพลางขยับมือเปลี่ยนตำแหน่งมาขยี้หัวกัน ผมเบี่ยงตัวหนีก่อนแยกเขี้ยวใส่มัน เสี่ยงก็เสี่ยง แต่ให้เข้าไปแสดงตัวว่าจีบตรงๆ คงไม่ไหว ก็เขาจะเกลียดเข้าซะก่อน

“ปะ กลับบ้านได้แล้ว ยุงแม่งเยอะฉิบหาย” มันบ่นงุ้งงิ้งก่อนจะก้มลงเกาน่อง ยุงที่นี่ก็ดุฉิบหายเจาะทะลุกางเกงนักศึกษาได้ บางทีแม่งที่ก้นก็ไม่เว้น

“ขอแอบดูอีกสักหน่อยไม่ได้เหรอวะ?” ผมมองมันอ้อนๆ เพราะยังอยากส่องต่อว่าเขาทั้งสองจะไปทางไหน กลัวว่าถ้าคาดจากสายตาแล้วเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นนี่โคตรเจ็บปวดเลยนะ

“สต็อกเกอร์เหรอมึง? ไปๆ กูง่วงแล้ว พรุ่งนี้เรียนเช้าอีก” ไอ้ปอมใช้มือข้างเดิมคว้าคอเสื้อด้านหน้าของผมให้เดินตาม พยายามสะบัดตัวก็ยิ่งหายใจไม่ออก ครั้นจะโวยวายเสียงดังก็กลัวสองคนนั้นได้ยิน โอย ทรมานเหี้ยๆ ฆ่ากูเลยเถอะ!

ผมส่งไอ้ปอมที่คอนโดไม่ไกลจากมหา’ลัยก่อนจะพุ่งตรงกลับบ้าน เจอหน้าแม่ก็โดนทักว่าไปมุดกระโปรงใครมาทำไมหัวยุ่งขนาดนั้น ส่วนพ่อเดินเข้ามาตบไหล่แล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะบินไปญี่ปุ่นอยากได้ของฝากอะไรไหม ผมนี่ตาโตเท่าไข่ห่านแล้วรีบบอกชื่อของที่ต้องการไป

หลังจากอาบน้ำจัดการธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็ลากสังขารเพลียๆ ขึ้นเตียงนอนก่อนจะยกแขนขึ้นก่ายหน้าผากคิดเรื่องของเขาไม่ตก ให้เริ่มจีบแบบไหนวะ ทั้งชีวิตเคยมีแฟนแต่ก็ไม่เคยเริ่มก่อน สกิลอ่อยสกิลหยอดนี่เท่ากับศูนย์ ถ้ามีคู่แข่งขึ้นมาคาดว่าคงแพ้ราบคาบ โอย ปวดหัวเว้ย เล่นไอจีดีกว่า!

the_kirin.z
เป็นแอคเค้าท์เดียวที่ผมส่องทุกวันก่อนเข้านอน วันนี้เขาก็ยังคงอัปเดตรูปตามปกติ ที่แปลกไปคือไม่ใช่วิวทิวทัศน์ ของกิน หรือบุคคล แต่มันเป็นรูปสัตว์ขนปุกปุยสีเทาอ่อนมีหูยาวหางเป็นม้วนกลมๆ ลูกกะตาสีดำคล้ายเมล็ดลำไย แคปชั่นที่โพสต์สั้นกระชับไม่ได้มีความหมายพิเศษ



the_kirin.z ‘Chomjan’


คาดว่าน่าจะเป็นชื่อกระต่ายตัวนี้... แม่ง ศัตรูหัวใจหมายเลยหนึ่งโผล่มาแล้ว และผมก็ไม่ถูกโฉลกกับสัตว์ทุกชนิดด้วย โอ๊ย ทำไมๆๆ ต้องเป็นแบบนี้ด้วย!

เฮ้ย ทำไมอยู่ๆ ไอ้กระต่ายนั่นถึงได้กลายเป็นเจ้าชายในชุดขาววะ แถมผมยังอยู่ในชุดสีดำสนิทใส่หมวกไอ้โม่งถือมีดอีกต่างหาก มันมาแล้ว ดาบในมือกำลังจะแทงหัวใจ

อ๊าก อ่อก

ละ เลือด

เฮือก ไม่นะ ผมยังตายไม่ได้

บะ บอก ต้องบอกให้เขารู้ว่า เอื๊อก

รัก...

“ไอ้เชี่ย!” ผมกระเด้งตัวขึ้นจากเตียงแล้วร้องโวยวายเสียงดัง เหงื่อเม็ดโตผุดตามไรผมทั้งที่เปิดแอร์เย็นเฉีบ หัวใจเต้นระรัวเหมือนเพิ่งผ่านการวิ่งมาหนักๆ โอย กูฝันบ้าอะไรเนี่ย กลัวแพ้กระต่ายมากกว่าพี่เซียนอีกเหรอวะ เฮ้อ แล้วคืนนี้จะข่มตาหลับได้ยังไงในเมื่อความกังวลไหลเวียนอยู่ในสมอง...

คงต้องเริ่มทำอะไรสักอย่างเหมือนที่ไอ้ปอมบอกไว้แล้วล่ะ ค่อยเป็นค่อยไป แทรกซึมทีละนิด ทำให้รู้สึกตัวว่าผมคนนี้ชอบและรักเขามากแค่ไหน

วันนี้เป็นเช้าที่ไม่สดใสเพราะฝนเริ่มตั้งเค้ามาแต่ไกล ผมปรือตามองในความมืดก่อนควานมือหาโทรศัพท์ที่ชาร์จแบตฯ เอาไว้ กดเปิดหน้าจอเพื่อดูเวลา ตอนนี้หกโมงแล้วแต่ร่างกายยังประท้วงว่าอยากนอนต่อสักสิบหรือยี่สิบนาที เมื่อคืนดันฝันเป็นตุเป็นตะต่อไม่หยุดหย่อน โดนไอ้กระต่ายที่ชื่อชมจันทร์นั่นแย่งความรักไปไม่รู้กี่ครั้ง ตอนใกล้รุ่งยังมีพี่เซียนโผล่มาบอกว่าเขาเป็นแฟนกับคนนั้น โอ้โห นี่ผมกลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ ไม่รู้ว่ากลายเป็นคนกากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เฮ้อ ถ้าเราเรื่องนี้ให้ไอ้ปอมฟังมันต้องหัวเราะก๊ากแน่ๆ

ผมตัดสินใจลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วส่งไลน์ไปบอกไอ้ปอมว่าประมาณเจ็ดโมงครึ่งจะไปถึงหน้าคอนโดให้มันรีบเตรียมตัวเพราะมีเรียนตอนเก้าโมงตรง วิชานี้ไม่สามารถเข้าเลทได้ อาจารย์ดุเยี่ยงร็อตไวเลอร์ เคยมีครั้งหนึ่งที่ผมเปิดประตูเข้าห้องตอนที่เข็มนาฬิกาเลยเลขสิบสองไปครึ่งหนึ่ง คือโดนเช็คชื่อขาดไม่พอยังหักคะแนนดิบๆ สามคะแนน แม่ง รู้แบบนั้นโดดก็สิ้นเรื่อง ส่วนไอ้ปอมนี่อาการหนักกว่า สายไปครึ่งชั่วโมงหักสิบคะแนน เป็นเบ้แกอีกหนึ่งอาทิตย์ ซวยสุด

จัดการอาบน้ำแต่งตัวเสร็จภายในครึ่งชั่วโมงแล้วรีบพาตัวเองลงมากินมื้อเช้าที่แม่เตรียมไว้ให้ก่อนออกไปส่งพ่อที่สนามบิน โพสต์อิทสีหวานจ๋อยแปะอยู่บนตู้เย็น ผมดึงมันออกมาอ่าน ‘วันนี้แม่กลับดึก ลูกหาข้าวกินเองนะจ๊ะ’ พอจบก็ถอนหายใจรอบที่ร้อย ถ้าจะเขียนข้อความเหมือนกันทุกวันขนาดนี้ไม่ต้องก็ได้ครับ รู้ดีอยู่แล้วว่าเธอเปิดร้านเพชรบนห้างต้องกลับเวลาไหน บางครั้งไปสมาคมกับบรรดาเพื่อนฝูง ไปงานอีเว้นท์บลาๆ คิวยาวจนผมเองยังเพลียแทน

วันนี้คุณแม่คนสวยเตรียมข้าวต้มหมูโรยผักชีเยอะๆ เอาไว้ให้พร้อมด้วยนมจืดและน้ำผลไม้อีกอย่างละหนึ่งแก้ว ผมคว้าขวดแม็กกี้มาเหยาะเพื่อปรุงรสเพิ่มขิงซอยอีกนิดหน่อยก่อนจะลงมือกินโดยใช้เวลาไม่เกินสิบนาที เก็บชามวางไว้ในอ่างล้างจานแล้วรีบเดินไปหยิบกุญแจรถทันที ถ้าช้ากว่านี้มีหวังโดนหักคะแนนอีกแน่นอน

ฝนที่ตั้งเค้าเมื่อเช้าเริ่มตกลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้จราจรติดขัด ผมเอื้อมมือไปเปิดวิทยุเพื่อทำลายความเหงาภายในรถ เพลงสากลที่จำได้ว่าชื่อ ‘Falling Slowly’ กำลังบรรเลง ยอมรับว่ามันเพราะมากแต่ก็ทำให้ง่วงจนต้องกดเปลี่ยน คราวนี้กลายเป็นเพลง ‘Count on me’  จังหวะสนุกขึ้นมานิดหน่อยทำให้ผมฮัมเพลงตามอย่างมีความสุข กว่าจะถึงคอนโดไอ้ปอมคอคงแห้งพอดี ให้ตายเถอะ

วินาทีแรกที่เห็นหน้าเพื่อนสนิทในใจผมร้องบอกว่ามีบางอย่างแปลกไป มันแต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าทั้งๆ คณะไม่ได้บังคับให้ใส่เนคไทหรือรองเท้าหนัง เซ็ตผมเรียบแปล้เหมือนคนมีอายุแต่ดูหล่อไปอีกแบบ จะว่าทำกิจกรรมของมหา’ลัยก็ไม่น่าใช่เพราะผมไม่เห็นรู้เรื่อง ถ้านัดสาวก็คงไม่ใช่ สภาพแบบนี้คงไปเป็นพ่อมากกว่าคู่ควง หรือว่าลืมกินยาระงับประสาท... ช่างแม่งเถอะ คิดไปก็ปวดหัว

ไอ้ปอมกางร่มสีใสในมือขึ้นปรกศีรษะแล้วค่อยๆ เดินมาขึ้นรถคงเพราะกลัวรองเท้าเลอะเนื่องจากมีน้ำขังบริเวณขอบถนน ผมอำนวยความสะดวกให้โดนการกดปุ่มปลดล็อกประตูรอ แต่อยู่ๆ สายฟ้าก็ผ่าลงมาเป็นเส้นพร้อมทั้งส่งเสียงร้องโครมครามจนทำให้ใครคนหนึ่งถึงกับร้องจ๊ากแล้ววิ่งตรงมาไม่คิดชีวิต ผมหลุดขำก๊ากเมื่อพระเอกเอ็มวีกลายเป็นหมาหางจุกตูด โอย เสียภาพพจน์หมด ถ้าถ่ายคลิปเอาไปอัปไอจีคงดังไม่น้อย โคตรตลกอะเอาจริง

“ฮือ ไอ้เชี่ย มึงจะผ่าอะไรตอนนี้!” ขึ้นรถปิดประตูได้ก็สบถด่าฟ้าฝนด้วยใบหน้าแดงก่ำ คาดว่าคงยังตกใจไม่หาย แต่ไม่มีอะไรเหี้ยกว่าการที่มันเอาร่มเปียกๆ มาทิ่มหน้าผมหรอก โอย มึงช่วยหุบก่อนได้ไหมเล่า เดี๋ยวกลับบ้านไปแม่ก็ด่าอีก ทำเบาะผ้าสุดแสนประทับใจของเธอเลอะเทอะเนี่ย

“สัดปอม มึงหุบร่มเดี๋ยวนี้เลย” ผมปัดร่มออกไปไกลๆ ก่อนส่งสายตาดุให้เพื่อน แหนะ มึงจะเบะปากใส่กูทำไมเนี่ย ไม่ได้ไปขี้บนหัวสักหน่อยแค่สั่งให้เก็บของแค่นี้เอง

“กูกำลังขวัญกระเจิง ไม่ปลอบหน่อยเหรอ?” แสร้งทำท่าสะอื้นประกอบคำพูดอีก ถ้ามันดูน่ารักสักนิดก็อยากปลอบอยู่หรอกแต่นี่ขัดลูกตาฉิบหาย อยากถีบลงจากรถมากกว่า

“เรื่องเยอะ จะเดินไปเองไหมล่ะ?” ผมปลายหางตามองมันก่อนจะตบไฟเลี้ยวขวา ไอ้ปอมส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอแต่ก็ยอมเก็บสมบัติของมันเข้าที่

“มึงเอาถุงเท้ามาอีกคู่ปะ?” อยู่ๆ ไอ้คนที่ก้มๆ เงยๆ มุดทำอะไรอยู่ใต้เบาะก็ถามขึ้น ผมขมวดคิ้วแน่นเหลือบมองไอ้ปอมด้วยความไม่เข้าใจ คือช่วงนี้ก็ไม่ได้เข้าฟิตเนส คนบ้าที่ไหนเขาพกถุงเท้าสองคู่วะ ไม่ใช่ถุงยางนะเว้ย

“ไม่มี มึงจะเอาไปทำอะไร?”

“เปลี่ยนดิ มันเปียกอะ” มันตอบกลับเสียงงุ้งงิ้งเพราะยังง่วนอยู่กับการถอดถุงเท้าและเอาทิชชู่ซับน้ำในรองเท้า สงสารก็สงสารแต่ขำมากกว่า

“เรียนเสร็จเดี๋ยวกูพาไปซื้อใหม่” ผมเสนอทางออกให้มัน ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น เพื่อนเดือดร้อนเราก็ต้องช่วยจริงไหม

“เออ ขอบคุณ”

“ขอถามหน่อยเหอะ ทำไมวันนี้แต่งตัวเต็มยศจังวะ?” ผมถามพร้อมกับเหลือนมองสารรูปของเพื่อนอีกครั้ง ถึงแม้จะเปียกฝนเล็กน้อยแต่โดยรวมแล้วก็ยังหล่อเหมือนเดิม รับรองว่าสาวๆ ยังคงกรี๊ดอยู่

“อ๋อ กูลืมบอกไปว่ามีถ่ายรูปรณรงค์การแต่งกายถูกระเบียบของคณะอะ” หืม... ปกติมันต้องเอาเดือนคณะไปถ่ายรูปไม่ใช่เหรอ ไหงกลายเป้นไอ้ปอมที่เป็นรองไปได้

“เขาเลือกมึง?”

“เออดิ เห็นว่าคีนติดงานเลยไม่ว่างมาถ่ายให้”

“อ้อ” แบบนี้นี่เอง คนนั้นน่ะใครๆ ก็ต้องการตัว งานจะเยอะก็ไม่แปลกล่ะเนอะ




-------------------------------------

แวะมาอัปตอนที่ 1 แล้วน้า ชอบไม่ชอบยังไงติชมได้
ผู้ชายเรื่องนี้สติไม่ค่อยดี โปรดเข้าใจด้วย 55555

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
รูปถ่ายใบที่ 2



วันเวลาผ่านไปอย่างเอื่อยเฉื่อยไร้จุดหมาย ผมไม่ได้เริ่มจีบเขาคนนั้นเพราะอยากดูปฏิกิริยาของพี่เซียนก่อน ถ้าไม่ได้มีอะไรในก่อไผ่เรื่องการแอบชอบก็ยังเป็นความลับ คงไม่มีใครอยากเสี่ยงเอาความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้วแขวนไว้บนเส้นด้ายหรอก ส่วนฝ่ายยุยงอย่างไอ้ปอมก็เข้าใจกันดีเลยไม่โวยวาย ไม่ด่าเพื่อนว่าโง่แถมยังปลอบใจด้วยการเลี้ยงไอติมซึ่งผมไม่ได้อยากกินเลยเป็นความต้องการของมันล้วนๆ

ผมนอนเอกเขนกตากแอร์อยู่บนเตียงโดยด้านซ้ายมือมีเครื่องเล่นเกมแบบพกพาส่วนด้านขวามีหนังสือการ์ตูนที่เตรียมไว้แต่สุดท้ายก็เลือกหยิบโทรศัพท์เปิดดูนั่นดูนี่จนกินเวลาเกือบสามชั่วโมง เหลือบมองเวลาด้านบนขอบจอแล้วอ้าปากหาวพลางขยี้ตา ง่วงฉิบหายแต่ต้องออกไปรับไอ้ว่านที่คณะแล้วสินะ จริงๆ ก็ขี้เกียจขับรถแต่ทำไงได้ในเมื่อเพื่อนขอช่วย หึ พอผัวหนีไปค่ายก็คิดถึงกูขึ้นมาเชียวนะ ใช่สิ ไม่สำคัญเหมือนพี่โซนนี่หว่า แล้วกูจะดึงดราม่าเพื่ออะไร! โวย ลุกๆ แต่งตัวดีกว่า

เสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงผ้าขาสั้นเหนือเข่าสีดำถูกหยิบมาเปลี่ยนลวกๆ ผมวิ่งลงบันไดทีละสามสี่ขั้นเพื่อความรวดเร็วเพราะไอ้ว่าที่หมอโทรมาตามกันยิกๆ ถ้าจะรีบขนาดนั้นมึงไม่บอกเพื่อนในคณะให้ไปส่งที่ห้างก่อนล่ะวะ จองตั๋วหนังไม่ดูเวลาเลิกเรียนนี่โง่หรือโง่ เพลียใจกับมันจริงๆ

Rrrrr

เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังทะเลาะกับรองเท้าเตะแบบสอดนิ้วโป้ง เชี่ย มึงจะโทรอะไรนักหนาวะไอ้ว่าน ปากงุบงิบด่าเพื่อนแต่สุดท้ายก็กดรับสายเหมือนเดิม

“อะไรอีก รีบสุดๆ แล้วเนี่ย” ผมกรอกเสียงติดหงุดหงิดลงไปแล้วลากแตะไปที่โรงจอดรถ ระหว่างทางเกือบสะดุดอิฐตัวหนอนต่างระดับ ถ้าล้มหน้าฟาดพื้นขึ้นมาคงขี้เหร่กว่าเดิมแน่ ทางฝั่งไอ้ว่านเมื่อได้ยินคำถามขัดหูก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจใส่แถมบ่นอะไรง้องแง้งอีก รำคาญฉิบ

‘ไม่ได้เร่งเหอะ! แค่จะโทรมาบอกว่ารออยู่หน้าตึกศิล’กรรมนะ’ ไอ้ว่านหัวเราะคิกคักตบท้ายประโยคจนผมอยากวาร์ปไปตบหัวที่มหา’ลัย แค่บอกว่าไปรอตรงไหนมันสนุกมากขนาดนั้นเลยเหรอวะ แล้วทำไมกูต้องเอาหัวโขกขอบประตูรถด้วยเนี่ย โอย ยิ่งรีบยิ่งช้า

ผมกำลังจะบอกลาเพื่อนแต่ฉุกคิดขึ้นได้ถึงคำพูดของเพื่อนเมื่อครู่ มันบอกว่ารอที่ตึกศิล’กรรมสินะ... เอ๊ะ ไอ้ว่านเรียนคณะแพทย์ไม่ใช่เหรอ?

“เฮ้ย มึงไปทำอะไรที่นั่นวะ?” ผมถามกลับอย่างร้อนรนอีกมือก็คลำหาปุ่มสตาร์ทรถ สมองคิดฟุ้งซ่านเป็นตุเป็นตะว่าไอ้ว่านไปทำอะไรที่นั้น ผัวก็เรียนอยู่วิศวะ เพื่อนก็ไม่มีคลาสเรียนวันนี้ทั้งคู่ หรือมันจะเห็นเขาที่มหา’ลัยอยู่วะ

‘อิอิ ความลับครับเพื่อน แค่นี้... นะ!” มันกวนตีนด้วยการเว้นระยะคำพูดแล้วตัดสายไปต่อหน้าต่อตา ปล่อยให้ผมที่เพิ่งสตาร์ทรถได้ถึงกับตะโกนลั่นอย่างเจ็บใจ

“ไอ้เชี่ยว่าน อย่าให้เจอนะมึง!” จะตบให้หัวหลุดเลยแม่ง

ผมเหยียบคันเร่งพุ่งไปตามถนนสายหลักที่จราจรเริ่มแออัดเนื่องจากเป็นเวลาเลิกเรียนและเลิกงานของหลายแห่ง นิ้วเรียวเคาะปึกๆ ลงบนพวงมาลัยด้วยใจพะว้าพะวงกลัวว่าไอ้ว่านจะเผลอทำอะไรแผลงๆ แต่อีกใจก็คิดว่าเพื่อนคงแค่อยากแกล้งให้ผมรีบไปรับเท่านั้นเพราะมหา’ลัยตอนโพล้เพล้น่ากลัวแถมมีตำนานเล่าขานเรื่องผีเยอะแยะไปหมด

เพราะรถติดจนไม่สามารถขยับไปไหนได้ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา ในตอนแรกกะว่าจะเข้าไอจีเพื่อดูความเคลื่อนไหวของเขาแต่เปลี่ยนใจเมื่อเห็นแจ้งเตือนไลน์เป็นชื่อไอ้ว่าน ส่งรูปอะไรมาอีกวะเนี่ย ถ้าเหงามากก็โทรไปหาผัวที่ค่ายอาสานู่น รังควาญกูไม่เลิกจริงๆ เล๊ย

เอาตามตรงผมแอบอิจฉาไอ้ปอมมากที่วันนี้ไม่ต้องมาทนรับความเอาแต่ใจของเพื่อนอีกหนึ่งคน มันมีธุระสะสางกับที่บ้าน พาหมาไปอาบน้ำ กินข้าวกับครอบครัว ส่งแม่เข้าสปา ช่วยงานลูกพี่ลูกน้องบลาๆ ถือว่าภารกิจรัดตัวจนไอ้ว่านไม่กล้างอแงใส่ ก็มีแต่กูที่ดูว่างแถมขี้เกียจจะหยิบจับอะไรอีกต่างหาก การบงการบ้านไม่ต้องถามว่าทำเสร็จไหม อาจารย์ให้มาแบบไหนก็ยังคงสภาพเดิม นักศึกษาดีเด่นไหมล่ะ หึหึ

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นตรงหน้าเพื่อปลดล็อกก่อนกดเข้าแอปฯ ไลน์เพื่อไปต่อยังแชทของไอ้ว่าน นั่งรอโหลดรูปที่มันส่งมาพลางฮัมเพลงตามที่คลื่นวิทยุเปิด ภาพค่อยๆ ชัดขึ้นจนเห็นเป็นใบหน้าคนที่ทำให้ผมแทบลืมหายใจ ทั้งรอยยิ้มทั้งแววตาสามารถดึงดูดความสนใจจากสิ่งรอบข้างได้แทบทั้งหมด แม่งเอ๊ย ชีวิตนี้พระเจ้าจะให้ผมหลงรักเขาสักกี่พันครั้งกันเชียว แต่...

ไอ้เชี่ยว่านไปถ่ายรูปคู่กับเขาได้ยังไง๊!

กิมมิค : ความลับของมึงคือเรื่องนี้?

ผมพิมพ์ถามมันด้วยความเร็วก่อนวางโทรศัพท์ไว้ตรงหว่างขาแล้วเหยียบคันเร่งเมื่อรถคันหน้าเริ่มขยับ หัวใจเต้นตุบตับกลัวว่าไอ้ว่านจะเล่นอะไรแผลงๆ มีอย่างที่ไหนตัวเองเรียนตึกแพทย์ดันโผล่หน้าตึกศิล’กรรมแถมมีถ่ายรูปคู่กับเขามาอีกด้วย โอย อยากได้ประตูโดเรม่อน ต้องการวาร์ป!

ครืด

สัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายตอบไลน์กลับมายิ่งทำให้ผมอยากหักพวงมาลัยหาที่จอด พอถึงเวลาสำคัญรถก็เสือกวิ่งคล่องจนเหยียบคันเร่งเป็นร้อยได้สบายๆ เนี่ย อีกนิดเดียวก็จะบินเหมือนนกแล้วไอ้เชี่ย ถ้าเกิดอุบัติเหตุบนทางด่วนกูโทษมึง!

คิดว่าผมจะทนไปติดไฟแดงอีกรอบได้เหรอไง พอมีจังหวะจอดรถข้างทางได้ก็ตีไฟเลี้ยวผับๆ ทันที จังหวะที่คว้าหยิบโทรศัพท์ก็พลาดไปขยำเป้าเต็มมือด้วยความเร่งรีบ อยากบอกว่าเจ็บจุจนร้องไม่ออก นั่งอ้าปากหุบปากระบายความโง่อยู่เกือบนาที ฮือ พ่อขอโทษนะลูกรัก เดี๋ยวคืนนี้จะถนอมเป็นอย่างดี

ต้นว่าน : มองใกล้ๆ หน้าใสม๊าก แก้มก็นุ่ม มันเขี้ยวจัง
ต้นว่าน : /สติ๊กเกอร์กระต่ายยืนบิด/

ไอ้สัดๆๆๆ ไปตายซะ มึงแอบจับแก้มเขาเหรอ กูเฝ้ามาเป็นปี ยังไม่เคยสัมผัสเลย กิมมิคจะฟ้องแม่!

กิมมิค : อยู่ห่างๆ เขาเลยนะมึง อย่ายุ่มย่าม!
ต้นว่าน : มึงเป็นใครอะ มีสิทธิ์อะไรมาสั่ง

ตอบได้เลยว่าสิทธิ์ของคนแอบรัก เจ็บไหมล่ะ!

ต้นว่าน : โอ๊ย ตัวอย่างหอมอะ

ไอ้ว่าน มึงไม่ตายดีแน่ๆ กลิ่นน้ำหอม Dior Sauvage จากตัวเขากูดมได้คนเดียว!

กิมมิค : กูจะเลี้ยวรถกลับบ้านเดี๋ยวนี้!

ถ้าไอ้ว่านยังไม่เลิกแกล้งกันผมก็ปล่อยให้มันหาทางไปห้างเอาเอง ดูสิว่าคนที่เกิดมาไม่เคยขึ้นรถโดยสารจะทำยังไง? หึ กูถือไพ่เหนือกว่าเห็นๆ

ต้นว่าน : แล้วแต่น้า เขาบอกจะติดรถไปลงที่ห้างด้วยล่ะ อิอิ

มึงมีไพ่คิงสี่ใบในมือหรือไงห๊ะ ทำไมนิสัยเสียแบบนี้!

กิมมิค : อิบ้านพ่อง อีก 10 นาทีถึง!!!

สรุปว่าผมเป็นคนกากยังไม่พอต้องเป็นไอ้ขี้แพ้ด้วยสินะ พระเจ้าใจร้าย ลำเอียงที่สุด!

รถเอสยูวีสีเขียวมิ้นท์ป้ายแดงคันเก่ง (พ่อเพิ่งถอยให้ใหม่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว) เบรกเอี๊ยดหน้าคณะศิลปกรรมศาสตร์ภายในเวลาที่กำหนดไว้เป๊ะๆ ผมลงทุนปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วยืดตัวขึ้นเพื่อมองหาไอ้ว่านกับเขาคนนั้นไปทั่วบริเวณ พลันสายตาก็เห็นเป้าหมายคนหนึ่งยืนคุยกับพี่เซียนอีกแล้ว แถมวันนี้อดีตเดือนมหา’ลัยไม่ได้มามือเปล่าแต่มีถุงเบเกอรี่ร้านดังติดมาด้วย คือสายเปย์เหรอ ขนมถึง น้ำถึง โว๊ย กูจะทำยังไงดีเนี่ย เกาหัวจนแสบไปหมดแล้ว!

ผมโน้มตัวไปด้านหน้าจนแผ่นอกแนบชิดพวงมาลัยเพื่อจ้องมองพี่เซียนกับเขาคนนั้นคุยกัน ทำไมทุกครั้งที่เจอถึงได้รู้สึกถึงความพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำอะไรสักอย่าง ไอ้ที่บอกว่าจะดูพฤติกรรมทั้งคู่ไปเรื่อยๆ คงไม่ต้องแล้ว ในเมื่อการกระทำหลายอย่างบ่งบอกว่าหนุ่มคณะเภสัชกำลังเกี้ยวหนุ่มคณะศิลปกรรมไม่ผิดแน่ แต่กูโคตรแย่เลยครับ

ปี๊น

ไอ้เชี่ย! พร่ำเพ้อได้ไม่ถึงนาทีงานงอกแล้วไงไหมล่ะมึง เสียงแตรรถดังสนั่นทำให้ผมสะดุ้งเฮือกผละตัวออกจากพวงมาลัยแล้วก้มหัวหลบจนตัวคุดคู้เป็นกุ้ง ไม่ได้ตั้งใจขัดจังหวะใครแต่หน้าอกมันกดลงไปพอดี จะหาข้อแก้ตัวอะไรวะเนี่ย เดี๋ยวเขาก็ต้องขึ้นมานั่งบนรถเราด้วย โอย แค่คิดก็อยากตายแล้ว

ก๊อกๆ

เสียงเคาะกระจกทำให้ผมสะดุ้งเป็นรอบที่สอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเผชิญความจริงก็แอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนท้องป่อง ทำใจครู่หนึ่งค่อยๆ ขยับตัวแล้วหันไปมองฝั่งด้านข้าง อ้าว ไม่ใช่เขานี่หว่า เป็นไอ้ห่าว่าน!

ผมลดกระจกรถลงด้วยความโล่งใจก่อนกระตุกยิ้มมุมปากให้ไอ้ว่านที่โน้มตัวเข้ามาใกล้ ปากเล็กขมุบขมิบฟังไม่เป็นภาษาจนคิดว่ามันคงแอบด่าเรื่องเสียงแตรที่ดังเมื่อครู่แน่ๆ โธ่ กูไม่ได้ตั้งใจอะ แล้วอีกอย่างก็เป็นเรื่องดีที่เขาผละออกจากพี่เซียนซะที อย่าคุยกันเยอะเดี๋ยวตกหลุมรักกัน

“กดแตรหาพ่องเหรอ?” คำถามไม่ได้ต่างจากที่คิดไว้เลย มันตีหน้าเครียดก่อนพยักพเยิดไปทางเขาที่กำลังสะพายเป้เดินตรงมาแล้ว เส้นผมสีบลอนด์ทองยาวระต้นคอพลิ้วไหวตามสายลม ใบหน้าหล่อยังคงดูใสแม้อยู่ท่ามกลางอากาศร้อนระอุบวกกับมุมปากที่ดูเหมือนยกยิ้มอยู่ตลอดเวลานั่นทำให้หัวใจของผมเต้นอย่างบ้าคลั่ง นี่คงถือว่าเป็นครั้งแรกที่เราได้นั่งรถคันเดียวกัน ใกล้ชิดกว่าตอนขึ้นรถรางเปลี่ยนตึกเรียนซะอีก

เชี่ย พอหันกลับมามองคนใกล้ตัวแล้วเพิ่งสำเหนียกได้ว่าลืมตอบคำถามเพื่อนจนมันปั้นหน้าหงิกเป็นตูดแล้ว โทษที มองเขาเพลินไปหน่อย

“กูไม่ได้ตั้งใจ” ผมตอบเสียงอ่อยพลางหัวเราะแหะๆ ตบท้าย ยกมือขึ้นเกาหัวเพราะรู้สึกเขินสายตาของเพื่อน ทำไมต้องมองกันแบบจับผิดด้วยวะ ไม่ได้ตั้งใจคือไม่ได้ตั้งใจสิ ถ้าผมจะแยกเขาออกจากกันจริงคงเดินเข้าไปด้วยสองมือเปล่ากับหัวใจอีกหนึ่งดวงนี่ล่ะ ให้กอดขา กราบแนบอกก็ยอมทั้งนั้น ขอแค่เขาไม่ปิ๊งกันก็พอ

“ฟายเหอะ เดี๋ยวเขาก็สงสัย” นั่น ยกนิ้วกลางขึ้นมาให้เชยชมอีก ทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นฝ่ายแอบชอบเขานั่นล่ะ รถก็รถกู ความรู้สึกก็ของกู โมโหผัวมาหรือไง!

“เออน่า ขึ้นรถสิวะ” ผมโบกมือเพื่อไล่มันขึ้นรถเพราะอีกคนกำลังเดินมาทางนี้แล้ว ขืนยังคุยกันไม่จบความลับแตกกันพอดี

“เออๆ เคลียร์เอาเองแล้วกัน” มันพยักหน้าหงึกหงักแล้วทำท่าจะเดินไปเปิดประตูด้านหลัง ผมแทบกระโดดข้ามเกียร์ไปกระชากคอเสื้อไอ้ว่าน ละล่ำละลักถามเสียงสั่น

“แล้วมึงจะไปไหนเนี่ย?” ทำหน้าเครียดขึงถามแต่ไอ้ว่านกลับไหวไล่เหมือนเป็นเรื่องปกติที่มันต้องทำ

“นั่งหลังดิ กูรู้ว่ามึงอยากให้เขาเป็นตุ๊กตาหน้ารถ” มันยักคิ้วจึกๆ ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายกันเพื่อไปนั่งสบายที่ด้านหลังแล้วปล่อยให้ผมอ้าปากพะงาบๆ ด้วยความช็อกเพราะไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ไอ้อยากก็อยากอยู่หรอกแต่รู้สึกเขินแปลกๆ ว่ะ

ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจด้านข้างรถก็ปรากฎใบหน้าหล่อที่ส่งยิ้มให้กัน ผมลนลานกดปุ่มปลดล็อกประตูแล้วมองตรงไปข้างหน้าด้วยท่าเตรียมพร้อมจะออกสู่ถนน แม่งเอ๊ย เขากำลังขึ้นรถแล้ว นั่งลงแล้ว โอย หัวใจเต้นแรงชะมัด ยิ่งกลิ่นน้ำหอมลอยปะทะจมูกก็ยิ่งทำให้บรรยากาศกระอักกระอ่วนเพิ่มขึ้น แม่ง อยู่ๆ ก็อยากไซร้ซอกคอ ฮือ หยุดหื่นเดี๋ยวนี้ไอ้หมากิม!

“หวัดดีกิม” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายก่อนจะได้ยินเสียงดังกิ๊กของการล็อกเข็มขัดนิรภัยตามมา ผมพยักหน้ารับคำหงึกหงักเพราะไม่กล้าหันไปมองเขา ระยะห่างแบบชนิดที่ว่าหายใจยังได้ยินนี่อันตรายต่อชีวิตมาก

“สะ สวัสดี” ผมพยายามควบคุมตัวเองแล้วแต่เสียงก็ยังสั่น มือไม้ดูเกะกะทั้งที่มันต้องวางอยู่บนพวงมาลัย โอย แล้วจะเกาหัวให้ขี้รังแคกระจายทำไมเนี่ย ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของไอ้ว่านที่ด้านหลังแว่วมายิ่งทำให้ทุกอย่างดูขัดเขินไปหมด แม่งๆๆ ไม่เคยคิดเลยว่าการทำหน้านิ่งตามปกติจะยากเย็นขนาดนี้ ก็ไอ้มุมปากมันพาลยกขึ้นตลอดเวลา

“วันนี้ขอติดรถไปห้างด้วยนะ” คำขอร้องที่ฟังแล้วนุ่มนวลชวนฝันทำให้เผลอสะดุดลมหายใจ ดีหน่อยที่ไม่ลำลักไอแค่กๆ จนใครจับสังเกตได้ว่ากำลังประหม่า ผมพยักหน้ารับก่อนเหยียบคันเร่งเพื่อออกรถ เพลงแนวแอบรักดังขึ้นแบบพอเหมาะพอเจาะเลยอดไม่ได้ที่จะเบนสายตาแอบมองเขา ด้านข้างก็ดูดี จมูกทรงหยดน้ำ ขนตาเรียงตัวเป็นแพสวย แก้มชมพูระเรื่อสุขภาพดี ปากสีส้มอ่อนๆ น่าจุ๊บ เฮ้อ อยากได้มาเป็นของตัวเองจัง โอ๊ย ชอบ ไม่ใช่สิ รักเลยล่ะคนนี้

“คุยกันตามสบายนะ กูขอตัวงีบก่อน ง่วงโคตร ~” ไอ้ว่านยื่นหน้ามาบอกกันก่อนกลับไปล้มตัวลงนอนยาวที่เบาะหลัง ผมบุ้ยปากแล้วบ่นขมุบขมิบทันทีเพราะความตอแหลนั่นไม่สามารถหลอกใครได้ จะแอบฟังกูคุยกับเขาแล้วเอาไปเล่าไอ้ปอมสินะ ฝันไปเถอะ

ความเงียบโรยตัวลงระหว่างเราถึงแม้ว่ามีเสียงเพลงคลออยู่ก็ตาม ไม่รู้จะเริ่มบทสนทนายังไง คุยเรื่องอะไรถึงจะไม่ส่อพิรุธเกินเหตุ แต่เหมือนเขาคงรู้ว่าผมอยากคุยด้วยเลยเริ่มไถ่ถามกันก่อน ทำไมรู้สึกว่ายิ่งได้รู้จักยิ่งน่ารักวะ พ่อแม่เลี้ยงวิธีไหนถึงโตมาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้

“จะไปดูหนังกันเหรอ?”

“อ๋อ ใช่ๆ แต่ไม่ได้อยากไปเองหรอก โดนไอ้ว่านบังคับน่ะ” ที่จริงก็อยากตอบสั้นๆ แต่กลัวโดนหาว่าหยิ่งเลยขยายความให้เรียบร้อย เขาพยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจก่อนก้มหน้าลงกดโทรศัพท์ยุกยิกแล้วยื่นมาทางนี้ ไอ้เราด้วยความที่อยากดูก็แอบเหลือบมองทั้งที่ขับรถอยู่ เห็นผ่านๆ ตาว่าเป็นโปสเตอร์หนังสักเรื่อง หรือจะชวนกันดูหนัง แอร๊ย จะทิ้งเพื่อนเลยคอยดู หลังจากนั้นค่อยเอาเงินค่าตั๋วฟาดหัวไป ไม่ใช่อะไรหรอก ต้องปิดปากน่ะ เดี๋ยวเอาไปโพนทนาให้คนอื่นฟังนี่แย่เลย

“เรื่องนี้ก็น่าสนใจ แต่กิมกับว่านไปดูอะไรล่ะ?” เขาลดโทรศัพท์ลงแล้วมองหน้าผมเพื่อรอคำตอบ มันเป็นจังหวะเดียวกันที่รถติดไฟแดง พอหันไปก็เจอใบหน้าขาวใสในระยะประชิด ได้ยินเสียงหายใจเข้าออกอย่างชัดเจน นี่จงใจอ่อยหรือเปล่าวะ

ผมแก้อาการขัดเขินด้วยการหยิบขวดน้ำขึ้นกระดกทั้งที่นั่งอั้นฉี่แทบตาย หนีบขาจนไข่จะแตกอยู่แล้ว แต่ก็ถือว่าดีตรงที่ช่วยลดอาการประหม่าลงเยอะเพราะสำลักแทน ไอ้เชี่ยเอ๊ย ทำไมสกปรกแบบนี่เนี่ย เดือดร้อนคนข้างๆ ต้องหาทิชชู่ให้วุ่น

“ค่อยๆ ดื่ม จะรีบทำไมเนี่ย” เขาขยับทิชชู่มาซับน้ำที่เลอะมุมปากให้อยากเป็นธรรมชาติเหมือนทำเป็นประจำ แต่ผมที่ไม่ชินเผลอกลั้นหายใจไปแล้ว ดวงตาหลุบมองมือขาวเนียนแล้วได้แต่กลืนน้ำลายเอี๊อก ทำไมถึงน่าเลียขนาดนี้วะ โอย หยุดคิดอกุศลก่อน ตอนนี้ควรเขินไม่ใช่หรือไง

“เอ่อ... ชะ เช็ดเองก็ได้” ผมละล่ำละลักบอกแล้วเบนหน้าหลบเล็กน้อย แต่ไม่กล้าดึงทิชชู่จากมือเขาเพราะกลัวว่าถ้าสัมผัสโดนร่างกายแล้วสติจะแตกอยากทำมากกว่านั้น อีกฝ่ายเหมือนเพิ่งรู้ตัวเลยส่งยิ้มบางๆ ให้

“โทษที อะ เช็ดให้สะอาด สงสารรถใหม่” เขาส่งกระดาษทิชชู่ทั้งกล่องมาให้พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วพยักพเยิดหน้าไปทางคอนโซลรถที่เปียกชุ่มด้วยน้ำผสมน้ำลายเผลอๆ อาจมีเศษผัดไทยจากมื้อเที่ยงปะปนอยู่ แค่คิดก็อี๋แล้ว นี่ถ้าผมขับรถแม่คงได้ฟังเทศน์จนหูยานแน่ๆ เฮ้อ

ผมจัดการซับน้ำที่พวงมาลัยและคอนโซลหน้ารถจนอ
แห้งสนิทแล้วรีบขยำทิชชู่ตั้งไว้บนขาเพราะตอนนี้สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว ใส่เกียร์แตะคันเร่งเพื่อเคลื่อนรถแต่ต้องกระตุกเมื่อมือเรียวเอื้อมมาหยิบก้อนขยะไปถือไว้ ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติอีกแล้ว เอาจริงดิ มันเปื้อนน้ำลายนะเว้ย ไม่ขยะแขยงเหรอ ขนาดไอ้ว่านที่หรี่ตามองยังเบะปากใส่เลย นี่เขาจะให้ผมหลงรักอีกมากแค่ไหนกัน...

กว่าจะถึงห้างผมเกือบเป็นตะคริวตายเพราะเกร็งไปทั้งร่าง ลงรถมาได้ก็โดนไอ้ว่านกระแซะไหล่เอ่ยปากแซวจนถึงหน้าโรงหนัง ส่วนเขาก็ขอตัวแยกไปทำธุระก่อนจะขอบคุณด้วยรอยยิ้มหวานๆ หนึ่งที ผมนี่แทบสลัดเพื่อนทิ้งแล้วเดินตามแต่มันคงรู้ทันเลยดึงคอเสื้อกันเอาไว้ แม่ง เดี๋ยวย้วยหมด!

“เชี่ย ปล่อยเลย อายคน!” ผมบอกมันเสียงรอดไรฟันแล้วฟาดมือลงบนแขนผอมๆ นั่น คนรอบข้างถึงกับมองพวกเราก่อนกระซิบกระซาบกันใหญ่ คงเข้าใจว่าคู่ผัวเมียกำลังเปิดศึก ขอร้องอย่ามองแบบนั้นสิวะ ฟ้าจะผ่าแล้วเนี่ย

“อะไรๆ กลัวเขาเดินมาเจอเหรอ?” ไอ้ว่านจีบปากจีบคอถามพลางเปลี่ยนจากดึงคอเสื้อเป็นกอดแขนแทนแถมด้วยการซุกซบจนรู้สึกขนลุกซู่ ผมแยกเขี้ยวขู่แง่งๆ ก่อนจะยกกำปั้นเคาะลงบนหัวเพื่อนเต็มแรง มันสะดุ้งแล้วผละตัวออกไปลูบหัว ปากก็ด่างุบงิบไม่เป็นภาษา จับใจความได้แค่ว่า ‘ไอ้เหี้ย’ แค่นั้นก็เจ็บไปทั้งใจ... ถุย หมั่นไส้อยากตบให้หน้าคว่ำลงถังป๊อปคอร์นมากกว่า

“เขาน่ะกูไม่กลัวหรอก แต่ถ้ามีคนเห็นแล้วเอาไปบอกพี่โซนมึงไม่รอดแน่” ผมยักคิ้วให้ก่อนจะใช้มือผลักหัวคนต้องหน้าด้วยความเอ็นดู มันยู่ปากแล้วแยกเขี้ยวแง่งๆ ใส่กันจนแว่นตาเอียงข้างแต่ไม่วายยังอ้าปากด่าได้

“มึงมันคนร้ายกาจ ไอ้บ๊วยเน่า!” เสียงเบาๆ หน่อยก็ได้มั้งมึง คนเขาคิดว่าจะฆ่ากันตายแล้วมั้งนั่น

“เออ ยอมรับ แล้วมัวแต่ด่ากูอยู่นั่นล่ะ จ่ายค่าตั๋วหนังหรือยัง?” ผมถามก่อนพยักพเยิดหน้าไปทางตู้จ่ายเงินอัตโนมัติที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ บริเวณขายตั๋ว ไอ้ว่านหัวเราะแห้งก่อนจะหยิบป๊อปคอร์นรสชีสใส่ปากเคี้ยวหงุบหงับ แก้มขาวขยับตามจังหวะจนดูคล้ายกระต่าย แล้วทำไมอยู่ๆ ต้องคิดถึงศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่างชมจันทร์ด้วยวะ วันก่อนส่องไอจีเขาเจอรูปเจ้าขนปุยตัวเล็กกว่าฝ่ามือซะอีก ก็น่ารักแต่ผมไม่ค่อยถูกกับสัตว์สักเท่าไหร่ ขอบายแล้วกัน

“ยังอะ เดี๋ยวไปจ่าย รอแป็ป” มันบอกก่อนจะส่งถังป๊อปคอร์นมาให้ถือ ได้ยินเสียงดูดนิ้วจุ๊บๆ แล้วอดหัวเราะไม่ได้ กระดาษทิชชู่ก็มีทำไมไม่ใช้วะ เฮ้อ เรียนหมอช่วยให้มึงอนามัยจัดขึ้นบ้างไหมเนี่ย ถ้าอาจารย์ในคณะแพทย์มาเห็นคงปวดหัวน่าดู

ไอ้ว่านเดินตรงไปที่ตู้จ่ายเงินโดยที่ผมแอบจกป๊อปคอร์นขึ้นมาเคี้ยวเล่นฆ่าเวลา แต่อยู่ๆ ก็นึกถึงหนังที่เขาแนะนำขึ้นมา เออว่ะ เรื่องที่กำลังจะดูก็ไม่ใช่แนวที่ชอบด้วย หนังรักบ้าบอที่ไหนเขาดูกับเพื่อนวะ เก็บไว้นั่งกระแซะแฟนเหอะ พอคิดได้แบบนั้นเลยรีบจ้ำอ้าวไปหาเพื่อนที่ยืนหาวต่อคิวอยู่ไม่ไกล

“ไอ้ว่าน ขอเปลี่ยนเรื่องได้ปะ?” ผมพูดทั้งที่ยังหอบจากการเดินเร็ว มันหันมาเลิกคิ้วเหมือนยังมึนๆ แต่ไม่นานนักก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นล้อเลียนแถมยกนิ้วชี้กันอีก เดี๋ยวพ่อกัดให้ขาดเลยนี่

“แหนะ อยากดูเรื่องที่เขาแนะนำล่ะสิ” มันเอานิ้วมาจิ้มแก้มกันจนผมต้องสะบัดหน้าหนี ทำอะไรประเจิดประเจ้อจนคนอื่นคิดว่าเป็นแฟนกันหมดแล้วเว้ย เดี๋ยวจะฟ้องพี่เซียนว่ามันแรดเอาคืนที่ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด แต่ถ้ามีรูปหลุดในเพจคิ้วท์บอยคงได้คู่จิ้นใหม่แน่นอนจ้า

“ไหนมึงบอกว่าหลับ?” ผมหรี่ตามองคนขี้โกหกแล้วปัดนิ้วเล็กๆ นั่นทิ้ง น่าอิจฉาตรงที่มีแหวนทองคำขาวอยู่บนนั้น พี่โซนโคตรสายเปย์อะ ไม่ว่าไอ้ว่านจะงอแงอยากได้อะไรก็ซื้อให้หมด นี่คงเรียกได้ว่าผัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง... ใช่เหรอวะ เออ ช่างมันเหอะ

“ห๊ะ อ้อ ตื่นตอนนั้นพอดีอะ เลยได้ยิน คิก ~” ทั้งเสียงทั้งหน้าโคตรตอแหลจนผมได้แต่เบ้ปากแล้วหยิบป๊อปคอร์นมาเคี้ยวแก้เซ็ง เชื่อว่าพรุ่งนี้ไม่ก็คืนนี้ไอ้ปอมคงโทรมาแซวแน่ๆ แค่อยากดูหนังเรื่องนั้นผิดตรงไหนวะ แนวบู้ผจญภัยคือชอบอยู่แล้วไง ที่เขาแนะนำก็แค่ส่วนหนึ่งในการตัดสินใจเอ๊ง แค่กๆ เจ็บคอจัง

“เออ ตกลงเปลี่ยนได้ไหมล่ะ?” ตอบปัดความรำคาญแล้วยืนรอคำตอบ จริงๆ ก็พอเดาได้ว่าไอ้ว่านคงตามใจผมมากกว่า แต่ก็อยากให้คิดตรงกัน ไม่ใช่ว่าอีกคนสนุกแล้วอีกคนเบื่อ

“ได้ฮะ ตามใจที่รักเลย” ไอ้ว่านคลี่ยิ้มกว้างก่อนเดินออกจากแถวแล้วลากกันไปต่อคิวที่ช่องซื้อตั๋ว ผมหัวเราะกับความน่ารักของเพื่อน ถึงจะขี้แกล้งไปหน่อยแต่ก็นิสัยดี

“แม่ง ขนลุก!” แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะด่ามัน มีอย่างที่ไหนเรียกผมว่าที่รัก ขอสงวนไว้ให้คนของใจใช้บ้างเห๊อะ!

นานแล้วที่ไม่ได้มาดูหนังกับไอ้ว่านเพราะตั้งแต่มันมีแฟนก็ปลีกตัวไปกับพี่โซนบ่อยๆ ไม่ใช่ว่าให้ความสำคัญกับใครมากกว่าก็แค่แบ่งกิจกรรมที่ทำเป็นคนละแบบ ผมกับไอ้ปอมเข้าใจเรื่องนี้ดีเลยไม่มีการงอแงน้อยใจเกิดขึ้น ปล่อยเรื่องราวไปตามธรรมชาติ วันไหนอยากเจอก็แค่โผล่ไปที่คณะแพทย์ โทรหา ส่งไลน์บ้าง ยังมีอีกหลายวิธีในการรักษาความสัมพันธ์ ระหว่างเพื่อนโดยไม่จำเป็นต้องยกตัวเองเป็นที่หนึ่งเสมอจริงไหม?

สถานะเพื่อนกับแฟนมันต่างกันอยู่แล้วล่ะน่า เปรียบเทียบไปก็ไม่มีประโยชน์ รังแต่จะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง เชื่อผม ผมเรียนมา! (ดูเป็นคนมีสาระดีจัง)

ผมเพิ่งสังเกตว่าเวลาไอ้ว่านดูหนังมันจะหยุดกินป๊อปคอร์น ตามองจอแทบไม่กระพริบ ถือว่าตั้งใจมากสงสัยกลัวไม่คุ้มค่าตั๋ว ส่วนผมมีหยิบขวดน้ำมาดื่มบ้าง ขยับตัวบ้างเพราะนั่งท่าเดิมนานไปก็รู้สึกเมื่อย แต่จริงๆ อยากถีบเก้าอี้คนด้านหน้ามากกว่า มึงจะสปอยหนังให้เมียฟังทั้งเรื่องแบบนี้ไม่ได้เว้ย สงสารเงินสองร้อยกว่าบาทของกูด้วยเถอะ แม่ง!

กว่าหนังจะจบก็เกือบสามทุ่ม ฝ่าฝูงมนุษย์ออกมาได้ก็รีบตรงดิ่งเข้าห้องน้ำทันที การดูหนังแบบอั้นฉี่โคตรทรมานแต่ไม่อยากพลาดฉากเด็ด จะเอาไข่ใส่ขวดก็เกรงใจผู้หญิงที่นั่งข้างๆ แต่ต้องนับถือไอว่านที่แม่งแดกไม่รู้กี่อย่างแต่ไม่ขับถ่ายอะไรเลย มึงเป็นคนหรือต้นตะบองเพชรวะ คายน้ำบ้างก็ได้

ปลดทุกข์เสร็จก็เดินฮัมเพลงออกมาจากห้องน้ำแต่ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นใบหน้างอง้ำของไอ้ว่านที่ยืนพิงกำแพงในมือถือโทรศัพท์กำลังพิมพ์บางอย่าง คืออะไรยังไง มีคนจีบมันตอนผมไปฉี่เหรอวะ? ก่อนหน้านี้ยังยิ้มแย้มเม้าท์มอยเรื่องฉากหนังที่ประทับใจกันอยู่เลย งงเด้

“เป็นอะไร?” ผมเดินเข้าไปประชิดตัวเพื่อนแล้วเอ่ยถาม ไอ้ว่านเงยหน้ามองก่อนจะทำปากยื่นไปทางหน้าจอโทรศัพท์ คือให้ดูอะไรไม่ทราบ รูปโป๊เหรอ คือกูไม่นิยมภาพนิ่งอะ ชอบแบบเคลื่อนไหวพร้อมเสียงอู้อ้า... ช่วยลืมๆ มันไปเถอะ ที่จริงแล้วผมเป็นคนเรียบร้อย อ่อนโยน รักต้นไม้ใบหญ้าและคุณ ฮึ่ย ทำไมเสียว เอ้ย เสี่ยวจัง

“ไอ้ปอมฝากซื้อเค้กทุเรียนอะ มันจงใจแกล้งกู!” ไอ้ปอมดิ้นเร่าๆ ไม่อายคนเหมือนเด็กโดนขัดใจแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ผมอ่านไลน์ปะทะคารมของมันกับไอ้ปอม แค่เค้กทุเรียนอันเดียวถึงขนาดขู่วางระเบิดบ้านเลยเหรอวะ นี่พวกมึงเป็นผู้ก่อการร้ายหรือเปล่า กูชักหวั่นๆ แล้วเนี่ย



ต่อด้านล่างน้า

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
“มึงคิดมากน่า มันชอบกินทุเรียนนี่” ผมส่งโทรศัพท์คืนให้แล้ววางมือลงบนหัวทุยก่อนจะออกแรงขยี้ด้วยความเอ็นดู ไอ้ว่านเบะปากเตรียมร้องไห้ด้วยความที่มันเกลียดทุเรียนเข้าไส้ ได้กลิ่นทีไรก็อ้วกแตกจนหมดท้องทุกที สงสารก็สงสารแต่ขำมากกว่า ส่วนไอ้ปอมนี่ตัวดีชอบกิน เห็นไม่ได้ต้องซื้อตลอด กิโลละสามพันก็ฟาดมาแล้ว ส่วนผมกินได้ ก็อร่อยดี หวานๆ มันๆ

“ก็ฝากมึงซื้อสิ โยนมาให้กูที่ไม่แดกทุเรียนทำไม” ในอนาคตมึงจะไม่เกรี้ยวกราดพูดคำหยาบแบบนี้ใส่คนไข้ใช่ไหม รู้สึกเป็นห่วงยังไงไม่รู้ว่ะ ตอนที่มันหงุดหงิดอะไรก็ฉุดไม่ได้นอกจากพี่โซน... ผมมีความเบ้ปากมองบนตลอดเมื่อคิดถึงจุดนี้ คนอะไรติดผัว!

“โทรศัพท์กูแบตฯ หมดไง ไปๆ รีบซื้อจะได้รีบกลับสักที” ผมตบบ่าไอ้คนขี้หงุดหงิดแล้วกอดไหล่มันเพื่อพาไปยังร้านขายเค้กทุเรียน ที่จริงแล้วก็พอรู้ว่าไอ้ปอมจงใจแกล้งคนแคระของกลุ่มแต่เพราะไม่อยากให้มันอารมณ์เสียเลยหาเหตุผลมาอ้าง ถ้าไม่ยั้งคงได้งอนกันเป็นเดือนๆ อีก แล้วมันจะลำบากที่คนกลางอย่างผม

“มึงจ่ายนะ ขี้เกียจทวงเงินมัน” ด่าเขาแทบเป็นแทบตายแต่สุดท้ายก็ยอมไปร้านเค้กด้วยกันว่ะ ถึงแม้จะมีความงอแงนิดหน่อยก็เถอะ คนใจอ่อนก็เงี้ยล่ะน่า แพ้ตลอด

“เออๆ เอาที่มึงสบายใจเลยค่ะ” อันนี้ผมประชดสุดตัวแต่ดูเหมือนว่าจะไปกระตุ้นต่อมอะไรบางอย่าง มันถึงกับชะงักเท้าแล้วมองหน้ากันด้วยดวงตากลมเป็นประกายวิบวับเหมือนค้นพบสมบัติล้ำค่า ทำไมรู้สึกแปลกๆ วะ

“โอ๊ย ทำไมพี่โซนไม่พูดคะขากับกูบ้างวะ ชอบอะ ดูเป็นผู้ชายอ่อนโยน ฮึ่ย” ทำท่าสะดีดสะดิ้งจนผมหลุดขำก๊ากไม่อายคนที่เดินผ่านไปผ่านมา แค่ลงท้ายประโยคว่า ‘ค่ะ’ เนี่ยนะดูเหมือนผู้ชายอ่อนโยน ถ้ามองกลับกันคงเป็นพวกเจ้าชู้ไก่กาชอบป้อนคำหวานมากกว่า นี่ล่ะน้าที่เขาบอกว่าต่างคนต่างมุมมอง

“เปลี่ยนผัวไหมล่ะ? เดี๋ยวกูพูดให้ฟังทุกวันเลย” ผมโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูไอ้ว่าน ได้กลิ่นน้ำหอมคล้ายแป้งเด็กลอยมาปะทะจมูก เผลอสูดดมไปเล็กน้อยแล้วกล่าวขอโทษพี่โซนอยู่ในใจ ไม่ได้คิดอกุศลจริงๆ แค่เพื่อนเลือกกลิ่นเหมาะกับบุคลิกตัวเองดี ภูมิใจไง...

ไอ้ว่านผลักหัวผมออกแล้วเบ้ปากใส่ ทำท่ารังเกียจกันเหมือนเจอเชื้อโรค เท่านั้นไม่พอยังขยับห่างเป็นโยชน์ คือมึงก็โอเว่อร์ไป นี่เพื่อนไงจำไม่ได้เหรอ เดี๋ยวกูหงุดหงิดแล้วโทรฟ้องพี่โซนจริงๆ นะว่ามึงแอบยิ้มให้เด็กมัธยมที่เดินผ่านเมื่อครู่ มีผัวแล้วควรหยุดโปรยเสน่ห์เหอะ

“เก็บตัวมึงไว้เถอะไม่ต้องมาเสนอขายกู แถมเงินล้านนึงยังคิดหนักอะ” โอ้โห เลี้ยงหมาไว้ในปากกี่ตัวครับเพื่อน เดี๋ยวกูเอาน้ำยาล้างห้องน้ำกรอกให้จบๆ เลยไหม

“นั่นปากหรือตูด พ่นแต่ละคำออกมาไม่น่ารักเลย” ผมด่ามันซอฟท์ๆ แต่เจ็บที่คำว่าไม่น่ารักนี่ล่ะ เพราะปกติพี่โซนชอบชมมันแบบนั้น หึ หน้าง้ำเลยไง หมดความน่าทะนุถนอมไปเกือบครึ่ง

“เขาเรียกว่าคนรักแฟนเหอะ” มันเชิ่ดหน้าใส่ผมจนกลัวว่ากระดูกคอจะมีปัญหา เข้าใจว่ามันรักแฟนแต่เกี่ยวอะไรกับเรื่องปากหมาเนี่ย กูงง มันเบลอ หรือเธอไม่ชัดเจน เอ๊ะ... ช่างแม่งเถอะ คิดไปก็ปวดหัว

“เออ ไม่เถียงกับมึงแล้ว ไร้สาระ!” ซื้อเค้กทุเรียนกลับบ้านสักสิบกล่อง แถมด้วยลูกสดๆ อีกสองเลยดีกว่า กูจะทำให้มึงเป็นลมคารถเลยคอยดูไอ้ต้นว่าน!

กว่าจะถึงหอไอ้ว่านก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม ตลอดทางมันบ่นว่าเหม็นกลิ่นทุเรียนอยากอ้วกจนผมต้องควานหาถุงพลาสติกให้ครอบปากไว้และไม่อนุญาตให้เงยหน้าขึ้นจากอุปกรณ์พิเศษนั่น ดูๆ ไปก็เหมือนคนใส่ออกซิเจนเลยว่ะ ถ้าถ่ายรูปเก็บไว้ได้คงดี แบล็คเมล์ได้อีกสิบชาติ

เมื่อรถจอดสนิทตรงประตูหน้าหอ ไอ้ว่านก็ลงจากรถด้วยสภาพที่แย่พอๆ กับคนป่วยหนัก ยืนทรงตัวแทบไม่ไหว ในมือมียาดมสองรู มันสูดจนได้ยินเสียงลมหายใจฟืดฟาดๆ ถือว่าแผนการเอาคืนสำเร็จ หึหึ ต้องไลน์ไปเล่าไอ้ปอมสักหน่อยแล้ว

“ขอบคุณ... ที่ไปดูหนัง ฟืด เป็นเพื่อน” สภาพใกล้ตายแต่ก็ยังมารยาทดีเอ่ยปากขอบคุณ ผมพยักหน้ารับก่อนโบกมือไล่ให้มันขึ้นไปพักผ่อน ถ้าป่วยขึ้นมาเดี๋ยวพี่โซนจะหาว่าดูแลแฟนเขาไม่ดีอีก ตกลงกูเป็นเพื่อนหรือเป็นชู้ของมึงกันแน่ไอ้ว่าน!

“เออ ขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้ว”

“ไว้เจอกัน” ไอ้ว่านโบกมือบ๊ายบายแล้วสูดยาดมโชว์ครั้งสุดท้ายก่อนจะพาร่างผอมบางเดินขึ้นตึกไป ผมแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปมันเก็บไว้ ถ้าเอาลงไอจีคงโดนงอนสักสิบชาติ เฮ้อ เสร็จภารกิจสำหรับวันนี้สักที กลับบ้านดีกว่า

ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าๆ ที่ผมถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ขนเค้กกับทุเรียนลงจากรถเต็มสองมือจนแม่ด่าเข้าให้ว่าซื้อมาทำไมเยอะแยะ แต่ที่แปลกคือทำไมพวกเขายังไม่เข้านอนกันวะเนี่ย หรือรอกันอยู่?

“วันนี้ยังไม่ง่วงเหรอครับ?” ผมเลือกคำถามที่ดูไม่น่าเกลียดและไม่เจาะจงจนเกินไป

“กำลังเลือกประเทศที่จะไปเที่ยววันพรุ่งนี้กับพ่ออยู่ค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงสดใสในขณะที่ช่วยผมจัดกล่องเค้กเข้าตู้เย็น ถ้ากินหมดนี่เบาหวานคงกวักมือเรียกเข้าสมาคมยิกๆ

“ห๊ะ จะไปพรุ่งนี้แต่ยังไม่เลือกประเทศ ยังไม่จองตั๋วเนี่ยนะครับ ชิวเกินไปหรือเปล่า?” คนเรามันจะปุบปับไปแบบนี้ก็ได้เหรอ ทิ้งผมอยู่คนเดียวอีกแล้ว แม่บ้านก็ลางานตั้งหนึ่งอาทิตย์ ไม่เท่ากับว่าต้องฝากท้องไว้ร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอยหรือโรงอาหารมหา’ลัยเหรอวะ เพลียจิต พ่อแม่ช่วยอยู่กับผมให้ครบเดือนบ้างไม่ได้หรือไงนะ

“ค่าตั๋วแพงก็ไม่เป็นไรค่ะ พ่อเปย์” คุณนายเขาหัวเราะคิกคักก่อนจะเดินกลับไปห้องนั่งเล่นเพื่อช่วยคุณผู้ชายเลือกสถานที่ฮันนีมูนรอบที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้า ผมก็ทำได้แค่ถอนหายใจแล้วพาร่างเปลี้ยๆ ขึ้นห้องนอน จัดการอาบน้ำขัดตัวแล้วมานอนมองเพดานเหมือนทุกวัน

ภารกิจประจำก่อนนอนคือส่องไอจี the_kirin.z ว่ามีอะไรอัปเดตบ้างหรือเปล่า แล้วก็เป็นไปตามคาดเมื่อสิ่งที่ผมเห็นคือรูปเลนส์กล้องตัวใหม่ที่เขาเพิ่งไปถอยมาวันนี้ ราคาคงสักประมาณสามหมื่นกว่า รูปถัดมาคือมารหัวใจตัวจิ๋วที่กำลังกินน้ำอย่างสบายใจ ชมจันทร์เอ๊ย ถึงจะน่ารักแต่พี่กิมไม่ยอมแพ้หนูหรอกนะ จำไว้ ส่วยไอ้พี่เซียนคงต้องวางมวยกันสักตั้งแล้วล่ะ

แต่ก่อนอื่น... ผมต้องบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนถึงจะช่วยให้ตัวเองหายกากสักทีเนี่ย โว๊ย จีบคนหล่อมันต้องทำยังไงบ้างล่ะวะ เครียดเว้ย เรื่องนี้ส่วนสูง ความเมะ กล้ามแขนหรือแม้แต่ซิกแพคก็ช่วยไม่ได้ ให้ตายเหอะ!

ผมส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปแล้วกดหัวใจให้เขาทั้งสองรูปที่อัปเดตใหม่สำหรับวันนี้ อ่านคอมเม้นต์อีกนิดหน่อยก็จะเปลี่ยนเป็นเข้าแอปฯ ไลน์เพื่อส่งข้อความหาไอ้ปอม นัดแนะส่งเค้กทุเรียนให้มันแดกสักเจ็ดกล่อง เก็บไว้เองแค่สามกล่องพอ

กิมมิค : พรุ่งนี้กูจะแบกเค้กทุเรียนไปให้ที่มหา’ลัย

ผมกดส่งข้อความไปแล้วกดล็อกหน้าจอเตรียมเข้านอน วางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะข้างเตียงแล้วปิดโคมไฟจนทั้งห้องตกอยู่ในความมืด แต่ในจังหวะที่จะหลับตาเสียงสั่นครืดก็ทำให้ต้องชะงัก สงสัยไอ้ปอมตอบกลับมาแล้ว

กะปอม : โนๆ แวะรับกูที่คอนโดด้วยสิ

อะไรคือให้ผมแวะรับที่คอนโดอีกแล้ววะ รถบิ๊กไบค์มึงยังซ่อมไม่เสร็จอีกหรือไง

กิมมิค : ไม่ใช่เรื่องของกู
กะปอม : น่าๆ ถือว่าทำบุญช่วยเพื่อนหน่อย
กิมมิค : ยังไม่ได้รถอีกหรือไง?

ไหนบอกว่าจะได้วันนี้ หรือผมจำผิดวะ

กะปอม : แม่ยึด บอกว่าอันตราย
กิมมิค : เอ้า แล้วจะให้มึงเดินไปมหา’ลัย?
กะปอม : เปล่า วันนี้เขาพาไปซื้อรถใหม่ รุ่นเดียวกับมึงแต่สีขาว กว่าจะได้ก็สิ้นเดือน
กิมมิค : แม่ก็เลยให้มาดิวกับกูว่างั้น?
กะปอม : ก็เปล่าอีกนั่นล่ะ

เชี่ยอะไรของมีงเนี่ย ยิ่งคุยยิ่งมึน

กิมมิค : ช่วยเล่าให้จบๆ ที กูง่วง
กะปอม : พ่อจะให้เอา Aston มาใช้ กูจะบ้า!

เป็นผมก็คงบ้าเหมือนมัน นักศึกษาอายุสิบแปดที่ไหนจะกล้าขับรถราคาหลักสิบล้านไปมหา’ลัยวะ ถ้าเจอคนเกลียดขี้หน้าแล้วมันเอาเหรียญขูดนี่มีแต่ตายกับตาย (บ้านไอ้ปอมทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์)

กิมมิค : พ่อมึงก็โหดไป
กะปอม : นั่นล่ะ ช่วยกูที
กิมมิค : เออๆ พรุ่งนี้ไปรับเหมือนเดิมแล้วกัน
กะปอม : รักผัวที่สุดเลยค่ะ จุ๊บๆ

โอ๊ย ผมอยากจะขว้างโทรศัพท์ทิ้งแต่เสียดายเพราะเก็บเงินซื้อมาเอง ขนลุกขนชันไปหมดแล้ว ฮือ

กิมมิค : ขยะแขยง ไอ้สัด!

ได้ด่าไอ้ปอมแล้วสบายใจ นอนดีกว่าเพื่อตื่นขึ้นมาเจอเช้าที่สดใส สำหรับคืนนี้ราตรีสวัสดิ์



--------------------------------------------

ตอนที่ 2 มาแล้วน้า พอจะเดาได้หรือเปล่าว่ากิมชอบใคร? 55555
เดี๋ยวตอนหน้าจะรู้คำตอบแล้ว ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
รูปถ่ายใบที่ 3

เค้กทุเรียนส่วนของไอ้ปอมถูกนำออกมาจากตู้เย็นในวันรุ่งขึ้นด้วยฝีมือคุณแม่คนสวยที่ตื่นตั้งแต่เช้ามาเตรียมอาหารให้ลูกบังเกิดเกล้ากับคุณสามีสุดเลิฟที่เพิ่งกลับมาจากสิงคโปร์เมื่อคืนนี้ กลิ่นหอมของข้าวต้มทะเลโรยผักชีเน้นๆ โชยมาปะทะจมูกของผมในขณะที่ก้าวลงบันไดบ้าน เสียงท้องร้องโครกครากทำให้ต้องรีบพุ่งตัวเข้าไปในครัวทันที วิ่งตัดหน้าพ่อจนโดนเอ็ดตะโรตามท้ายด้วยเหอะ โธ่ ก็คนมันหิวนี่ครับ

“พ่อเขาบ่นอะไรตั้งแต่เช้าหื้ม?” แม่ถามขึ้นทั้งที่ยังจัดการตักข้าวต้มทะเลใส่ชามอีกใบ คงได้ยินเสียงหอบแฮ่กของผมดังอยู่ด้านหลังแน่ๆ ถึงได้รู้ว่ามีคนมา

ผมยังไม่ได้ตอบกลับในทันทีแต่เดินเข้าไปกอดเธอจากด้านหลังแล้วซบหน้าลงบนไหล่แคบ ถูไถแก้มอย่างออดอ้อนเหมือนที่ชอบทำประจำเวลาอยากให้มีใครสักคนเข้าข้างตัวเอง และผู้ชนะก็คือฝ่ายที่มีแม่หนุนหลังซึ่งมันนี้คือนายกิมมิคนั่นเอง หึหึ เสียใจด้วยนะพ่อ

“ผมได้กลิ่นข้าวต้มฝีมือแม่ไงเลยรีบวิ่งเข้ามาในครัว แต่พ่อเดินมาพอดีเลยหาว่าผมตัดหน้า” ผมบอกแม่ด้วยเสียงงุ้งงิ้งไม่สมกับรูปร่างสูงใหญ่และใบหน้าคมคาย เธอชะงักมือที่ตักข้าวต้มไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วใช้มือข้างที่ว่างเอื้อมมาดึงแก้มกัน

“คราวหน้าก็เดินมาดีๆ ถ้าพ่อชนเราขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?” แม่ตักเตือนผมพอหอมปากหอมคอแล้วใช้มือแตะที่ต้นแขนเป็นสัญญาณให้คลายอ้อมกอดเนื่องจากว่าทำงานไม่ถนัด ผมเชื่อฟังพยักหน้ารับก่อนจะผละออกไปนั่งรอที่โต๊ะ ในตอนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นกลับสะดุดตากับไข่เค็มที่อยู่ในจานซะก่อน

“แม่ครับ ไข่เค็มนี่จะให้ผมแกะไหม?” ผมเอ่ยถามคนสวยของบ้านแล้วเอื้อมไปหยิบไข่เค็มฟองหนึ่งมาถือไว้เตรียมตอกกับขอบโต๊ะ แม่ไม่ได้ตอบอะไรแต่ยกชามข้าวต้มมาวางตรงหน้าแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม นั่งมองกันด้วยสายตาหวาดระแวง ผมแค่จะแกะเปลือกไข่เองไม่ได้กำลังเจียระไนเพชรอยู่

“แกะเป็นหรือไง เดี๋ยวก็เหลือแต่ไข่แดง” แม่หรี่ตามองผมอย่างไม่ไว้ใจเพราะเมื่อไหร่ที่เริ่มลงมือแกะมัน ส่วนที่เป็นไข่ขาวจะติดไปกับเปลือกแทบทั้งหมด ชีวิตคนเราก็ต้องมีเรื่องผิดพลาดกันบ้าง

“โธ่ อย่าดูถูกกันสิครับ” ผมโอดครวญแต่ก็ยอมวางไข่เค็มไว้ที่เดิมเพื่อให้แม่จัดการกับมัน ส่วนตัวเองก็เริ่มต้นหยิบช้อนขึ้นคนข้าวต้มให้คลายความร้อน ปลาหมึกเด้งๆ กุ้งตัวโตสีส้ม เนื้อปลาชิ้นพอดีคำ กระเทียมเจียวหอมกรุ่นตามด้วยผักชีโรยหน้าและพริกไทยป่น พอทุกอย่างผสมเข้าด้วยกันแล้วนั้นยิ่งชวนให้น้ำย่อยในกระเพาะทำงานอย่างหนัก ผมกลืนน้ำลายลงคอ สูดกลิ่นเข้าปอดจนเต็ม โอย หิวฉิบหายแต่ต้องรอกินพร้อมหน้า โอย พ่อจะให้อาหารฝอยทองกับตะโก้ (ปลาคราฟไซส์ยักษ์) อีกนานไหมวะเนี่ย

แต่บ่นอยู่ในใจได้ไม่ถึงสิบวินาทีท่านพ่อก็โผล่เข้ามาในครัวด้วยชุดลำลองสบายๆ อย่างกางเกงผ้าสีน้ำตาลเลยเข่ากับเสื้อเชิ้ตสีขาวล้วนบ่งบอกว่าวันนี้เขาคงไม่ออกไปไหน ส่วนแม่ไม่ต้องเดาให้มากเพราะจัดเต็มด้วยผ้าไหมทั้งตัวขนาดนี้คงไม่นอนอยู่บ้านเฉยๆ แน่ สมาคมคุณหญิงคุณนายตามเคย

“เอ้า ลงมือกินข้าวซะ เดี๋ยวไปเรียนสาย” พ่อพูดขึ้นเมื่อหย่อนก้นนั่งลงข้างกัน ผมพยักหน้ารับคำแล้วตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าระบายความร้อนอยู่สองสามครั้ง ในตอนที่จะเอาช้อนใส่ปากนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นครืดสั้นๆ เป็นการแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวของแอปพลิเคชั่นสักอย่างแต่พอเห็นเวลาบนนาฬิกาติดผนังแล้วทำให้ต้องละความสนใจจากมันเพื่อจัดการมื้อเช้าให้เสร็จเพราะยังมีภารกิจจอดรับไอ้ปอมอีก ทุกวันนี้ยังไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพื่อนสนิทหรือภาระกันแน่

หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็รีบคว้ากระเป๋ากับเค้กทุเรียนที่แม่เตรียมไว้ให้ขึ้นรถ ขับออกจากบ้านในเวลาเกือบแปดโมงเลยเจอสภาพรถติดแถมด้วยฝนที่เทกระหน่ำลงมาแบบไม่บอกกล่าวก็ได้แต่หวังว่าไอ้ปอมจะไม่แต่งชุดนักศึกษาเต็มยศเหมือนวันนั้นอีก

สถานนีวิทยุที่เลือกฟังวันนี้เปิดแต่เพลงอกหักรักคุดเลยพาลทำให้ผมนึกถึงเรื่องของพี่เซียนกับเขาคนนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ยังไม่ได้รับการเฉลยที่แน่ชัดแต่ใครหลายคนบอกว่าอดีตเดือนมหา’ลัยคงมาขายขนมจีบจริงๆ ไม่อยากนั้นจะเช้าถึงเย็นถึงอะไรขนาดนั้น แล้วไอ้มนุษย์ที่อยู่ใกล้ตัวเป้าหมายแทบทุกวันทำไมยังมุดอยู่ในกระดองเป็นไอ้ขี้ขลาดล่ะ แม่งเอ๊ย บางทีผมก็อยากทำตัวหลุดโลกโดยไม่ต้องแคร์ใคร กล้าได้กล้าเสียสารภาพความในใจไปซะ

ผมสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะเอื้อมมือไปเพิ่มเสียงวิทยุแล้วขยับปากฮัมเพลงตามทำนองที่ได้ยินพลางเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยเป็นจังหวะจนรถเริ่มขยับไปด้านหน้า ผมเงยหน้าขึ้นมองด้านบนก็พบว่าสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียวแล้ว แต่พอเห็นตัวเลขนับถอยหลังก็ทำได้แค่ปลง เหยียบคันเร่งจนไหม้ก็คงไม่ทัน แม่ง

กว่าจะถึงคอนโดไอ้ปอมก็เกือบเก้าโมง คนที่บ่นหิวมาตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วเดินกระแทกส้นเท้าตึกๆ มาขึ้นรถ ใบหน้ายู่ยี่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด ดีหน่อยที่มันยังสังเกตเห็นของที่วางอยู่บนเบาะไม่อย่างนั้นคงนั่งทับเค้กทุเรียนแบนติดก้นแน่นอน

“ชักช้า!” ไอ้ปอมปิดประตูเสร็จก็หันมาแยกเขี้ยวใส่กันเหมือนผมไปฆ่าจิ้งจกเพื่อนรักในห้องมันตาย เข้าใจว่ากำลังโมโหหิวแต่มินิมาร์ทข้างคอนโดก็มีปะ แถมฝั่งตรงข้ามยังมีร้านข้าวต้ม ร้านขนมจีบ ร้านอาหารตามสั่ง ซอยข้างๆ มีหมูปิ้ง ไก่ย่าง สารพัดของกินเต็มไปหมด ทำไมมึงไม่ซื้อแดก แล้วไอ้เค้กทุเรียนเนี่ยสมควรกินเป็นมื้อเช้าเหรอไง

“ไม่มีตาหรือไง? ก็เห็นอยู่ว่าฝนมันตก” ผมเหล่สายตาคนข้างตัวที่ตอนนี้ทำปากบึนจนแทบติดปลายจมูก สองแขนของมันโอบอุ้มกล่องเค้กไว้อย่างทะนุถนอม ถ้าใครอยากได้ไอ้ปอมเป็นแฟนคงต้องลงทุนถวายทุเรียนกิโลละสามพันให้มันแดกแล้วล่ะ รับรองไม่นกแน่นอน

“ก็กูหิวอะ” พอเถียงอะไรไม่ได้ก็บ่นงุ้งงิ้งกับของกินในอ้อมกอด ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเอื้อมมือไปผลักหัวไอ้ปอมด้วยความหมั่นไส้ ได้ยินเสียงฟึดฟัดดังลอดออกมา เชื่อไหมว่าการรู้ทันเพื่อนในบางเรื่องก็ไม่ดีเพราะมันทวีคูณความโกรธได้ดีนัก อย่างเช่นตอนนี้แค่เรื่องเค้กทุกเรียนไม่กี่กล่องเท่านั้น

“ไอ้สัด รอบคอนโดมึงมีแต่ของกินทั้งนั้นไม่ซื้อแดกเอง” ผมโต้กลับเสียงจริงจังแล้วกวาดนิ้วชี้ไปทั่วบริเวณที่กำลังจะขับรถผ่าน คือย่านนี้มีของกินให้เลือกสรรค์ทุกอย่างจริงๆ ยกเว้นแต่ว่าเสือกอยากแดกซูชิตอนเก้าโมงเช้าเพราะร้านมันยังไม่เปิด

“ทำไมต้องเกรี้ยวกราดใส่คนหิววะ” ไอ้ปอมว่าเสียงหงอยก่อนจะฟาดมือลงบนต้นแขนของผมดังปึก ดีหน่อยที่ไม่ใช่คนขี้ตกใจเลยยังประคองการบังคับรถได้อย่างปกติ แต่ขอด่าหน่อยเหอะ คันปากจะแย่

“หิวแล้วทำตัวควายๆ ก็น่าโดนไหม?”

“ก็มันอยากกินเค้กทุเรียน” นั่นไง ความจริงบ้าๆ จากปากของนี่ล่ะที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นพ่อมากกว่าเพื่อนสนิทและมันก็กลายเป็นภาระอย่างสมบูรณ์อีกด้วย เฮ้อ เหนื่อยใจแทนเมียในอนาคตของไอ้ปอมจริงๆ

“ทำตัวอย่างกับเด็ก” ผมด่ามันเข้าไปอีกดอกก่อนตบไฟเลี้ยวเข้าเขตมหา’ลัย สายตาเปลี่ยนโฟกัสโดยอัตโนมัติเมื่อรถกำลังแล่นผ่านตึกคณะแพทย์ที่ไอ้ว่านเรียนอยู่ เช้าๆ คงมีสารถีชื่อโซนบริการไปรับมาส่งถึงที่ การมีผัวดีชีวิตก็ดีตามไปด้วยเป็นแบบนี้นี่เอง

แต่คนอย่างผมไม้อยากได้ผัวที่ดีหรอก ตอนนี้ขอแค่รวบรวมความกล้าไปสารภาพความในใจกับเขาให้ได้ก่อนเหอะ แม่ง หมาจะคาบไปแดกอยู่แล้ว

“เออ ยอมรับ แล้วไหนนมจืดกูอะ เอามาด้วยหรือเปล่า?” ไอ้ปอมเอื้อมมือมาสะกิดต้นแขนกันพร้อมเรียกหานมกล่องที่ไว้กินกับเค้กทุเรียน ผมก็บ้าพกมาให้มันทั้งที่ค้านหัวชนฝาว่าไม่ควรกินขนมแทนข้าวตั้งแต่เมื่อเช้า เรื่องย้อนแย้งขอให้บอก แม่ง ปากไม่เคยตรงกับการกระทำเลยกู

“ในกระเป๋าเป้” ผมพยักพเยิดหน้าไปทางกระเป๋าเป้ของตัวเองที่อยู่บนตักของมันพลางตบไฟเลี้ยวเข้าที่จอดรถของคณะซึ่งตอนนี้คราคร่ำไปด้วยรถของนักศึกษาและอาจารย์เป็นจำนวนมากเนื่องจากบางคนมีเรียนมีสอนตั้งแต่แปดโมงเช้า

ผมได้ยินเสียงไอ้ปอมรูดซิปรื้อค้นหานมกล่องอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตามมาด้วยใบหน้าหล่อที่ซบลงบนลาดไหล่แล้วออกแรงถูไถเบาๆ คล้ายกำลังออดอ้อนให้รู้สึกขนลุกจนต้องผละตัวหนี แม่งเอ๊ย ถ้าเปลี่ยนจากมันเป็นเขาคงฟินน่าดู แต่นี่ไม่ใช่ไง ฮึ่ย สยองแต่เช้า!

“น่ารักจังค่ะผัวขา” การกระทำไม่พอยังมีคำพูดต่อท้ายให้ผมต้องสลัดตัวออกห่างจนไหล่ด้านขวาชนเข้ากับกระจกรถ ไอ้ปอมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจที่สามารถทำให้คนอื่นรังเกียจตัวเองได้ ไม่บ๊องก็ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เฮ้อ

พวกเราเดินขึ้นห้องเรียนรวมของคณะแล้วเลือกที่จะนั่งด้านหลังเพราะไอ้ปอมเกลียดวิชานี้มาก อาจารย์ชอบส่งสายตาระยิบระยับให้มันจนผมรู้สึกขนลุกแทน บางทีหลังเลิกคลาสก็เรียกพบเป็นการส่วนตัวเอาเรื่องคะแนนมาอ้างทั้งที่ไม่ได้แย่อะไร งี้ล่ะ เป็นรองเดือนมหา’ลัยเสน่ห์แรง กรรมหนอกรรม

พอหย่อนก้นนั่งลงได้ไอ้ปอมก็รีบแกะกล่องเค้กทุเรียนจนกลิ่นหอมฉุนลอยฟุ้งเข้ามาปะทะจมูก ผมหันไปทำตาดุใส่แล้วรีบแย่งขนมมาจากมือมัน ขืนกินตรงนี้มีหวังคนร่วมคลาสคงด่าแม่มึงแน่ๆ

“เอาเค้กคืนมา กูหิว!” มันโวยวายเสียงดังแล้วขยับตัวมาแย่งกล่องเค้กคืน ผมพยายามหลบแต่ก็ยังโดนกอดรัดจนแทบหายใจไม่ออก ถ้ามีใครเข้ามาเห็นตอนนี้คงกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์อีก ประมาณว่า ‘ปล้ำกันไม่แคร์ชาวบ้าน’ แม่ง เดี๋ยวนี้ผู้ชายอยู่ใกล้กันไม่ได้เลยเพราะโดยจับจิ้นตลอด อยากบอกว่าบางทีพวกเราก็แค่เป็นเพื่อนสนิทกันเฉยๆ ไม่มีอะไรในกอไผ่ แค่คิดว่าต้องพูดจาหวานหูก็ขนตูดลุกซู่แล้ว บรื๋อ

“แดกนมไป เค้กค่อยกินหลังเลิกเรียน” ผมหยุดการกระทำบ้าบอของไอ้ปอมด้วยการหาจังหวะดีดหน้าผากมันดังป๊อก ใบหน้าหล่อผละออกไปก่อนจะได้ยินเสียงสบถคำหยาบแต่ไม่มีการตอบโต้รุนแรงกลับมา

“อย่าห้ามกู” ไอ้ปอมใช้สายตาแข็งกร้าวมองหน้าผมสลับกับกล่องเค้กที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง แววตาปรารถนาฉายชัดบวกกับริมฝีปากที่เม้มแน่นอย่างข่มอารมณ์นั้นทำให้เกือบใจอ่อน แต่เพราะว่ามันเป็นเค้กทุเรียนที่มีกลิ่นไง แดกไม่ได้มึงเข้าใจไหมเนี่ย อย่าเอาแต่ใจสิวะ โอย นี่กูมีภาระไม่ใช่เพื่อนสนิทจริงๆ ด้วย

“มันเหม็น” ผมบอกเสียงแข็งแล้ววางกล่องเค้กลงบนโต๊ะ เหลือบมองไปรอบๆ ห้องก็พบว่าคนอื่นในคลาสเริ่มทยอยเข้ามาแล้ว บางคนมองทางนี้อย่างสนใจเพราะไอ้รองเดือนคณะมันยืนค้ำหัวกันอยู่แถมยังเท้าสะเอวด้วยใบหน้าบูดบึ้งราวกับโกรธใครมาเป็นชาติ ส่วนบางคนกำลังเตรียมอุปกรณ์การเรียนไม่สนใจอะไร แต่มีคนหนึ่งที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป ไอ้เชี่ยน้ำปิง มึงอย่าเอาไปลงเพจ!

“มันหอม!” ไอ้ปอมไม่ยอมแพ้ มันอาศัยจังหวะที่ผมส่งสายตาปรามไอ้น้ำปิงเอื้อมมือมาคว้ากล่องเค้กไปถือไว้ แสดงใบหน้าหวงแหนราวกับขนมเป็นแหวนจากเรื่องเดอะลอร์ดออฟเดอะริง นี่มึงเป็นกอลลัมเหรอ

“คนอื่นเขาไม่ได้พิศวาสทุเรียนเหมือนมึงนะไอ้ปอม” ผมเงยหน้ามองมันก่อนจะกวาดตาไปรอบห้อง ถ้ายังคิดตามไม่ได้คงอาการหนักแล้ว แค่ทนหิวให้ถึงเวลาเลิกเรียนคงไม่ลงแดงตายเหมือนตอนขาดยามั้ง...

“ผิดที่มึง” มันสะบัดเสียงแล้วยอมทิ้งตัวนั่งลงเหมือนเดิมก่อนจะเก็บกล่องเค้กที่มีสภาพบู้บี้ใส่ถุงกระดาษไว้แล้วหยิบนมกล่องขึ้นมาเจาะดูดแต่สายตากลับมองกันอย่างขุ่นเคือง โอย ปวดหัวเว้ย ผมส่ายหน้าปลงกับความเป็นเด็กของไอ้ปอมแล้วเลิกสนใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คความเคลื่อนไหวแทน แต่ไม่วายบ่นใส่มันกลับไปเบาๆ

“ไอ้เชี่ยนี่งอแง”

ผ่านไปเกือบสิบนาทีที่ผมเอาแต่สนใจโลกโซเชี่ยลแล้วปล่อยให้เพื่อนสนิทเดินไปทักทายคนอื่นในคลาสเรียน มันบอกว่างอนจะไม่พูดด้วยจนกว่าได้แดกเค้กทุเรียนเป็นเรื่องเป็นราว เกือบจะส่งฝ่าเท้าไปอุดปากแม่งแล้วแต่ข่มใจไว้ได้เมื่อเห็นแจ้งเตือนบนหน้าจอโทรศัพท์

the_kirin.z อัปเดตรูปในไอจีตั้งแต่เช้าเลยวุ้ย พอกดเข้าไปดูจากที่ตื่นเต้นกลับรู้สึกหดหู่และพ่ายแพ้ ทำไมต้องจูบไอ้ชมจันทร์ด้วยวะ กระต่ายมันมีอะไรดีกว่าคนอย่างผม ไอ้กากกิมไง เออ มันก็แค่ไอ้ตัวขี้ขลาด ร้องไห้ได้ไหม ใครจะปลอบโยน ไม่มี๊ ~

“กิม หวัดดี ~” เสียงทักทายหวานๆ ทำให้ผมสะดุ้งเฮือกเพราะกำลังเข้าโหมดดราม่าอกหักรักคุดแถมตุ๊ดยังจ้องจะจับทำผัว พอเงยหน้าขึ้นมาเจอเข้ากับใบหน้าน่ารักก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก คู่จิ้นของผมนั่นเอง วันนี้เขาอยู่ในชุดเสื้อนักศึกษากับกางเกงยีนส์สีเข้มและรองเท้าผ้าใบสีฟ้าพาสเทล ถ้าจำไม่ผิดมันคือ Adidas รุ่น Stan Smith ดูมุ้งมิ้งตั้งแต่หัวจรดตีนจริงๆ ผู้ชายคนนี้

“เอ้อ หวัดดีๆ หิ้วอะไรมาเยอะแยะ?” ผมถามเมื่อสายตาปะทะเข้ากับถุงกระดาษหลายใบในมือของโฮม เจ้าตัวเหมือนเพิ่งนึกได้เลยคลี่ยิ้มแล้ววางมันลงบนโต๊ะพร้อมกับกระเป๋าเป้สีเดียวกับรองเท้า เอ๊ะ... วันนี้เขาใส่แว่นสายตาด้วยนี่หว่า น่ารักไปอีกแบบ ถ้าไอ้ปอมเห็นคงดี๊ด๊าน่าดู

“ขนมปังสอดไส้อะ พอดีที่บ้านลองทำสูตรใหม่เลยฝากมาให้เพื่อนชิมกัน” โฮมหยิบขนมชิ้นหนึ่งยื่นมาให้ ส่วนผมรับไว้ตามมารยาททั้งที่ยังอิ่มอยู่ บนซองมมีสติ๊กเกอร์แผ่นเล็กๆ แปะไว้ เป็นโลโก้ร้าน ช่องทางการติดต่อและบอกว่าสอดไส้ ‘หมูทอดทงคัตสึ’ ของโปรดผมเลย อยากคว้าเขาเข้ามากอดแล้วจุ๊บเหม่งสักทีข้อหารู้ใจแต่ทำได้แค่ยิ้มก่อนเอ่ยคำขอบคุณ

“อะ เราฝากให้ปอมด้วยนะ” โฮมยื่นขนมปังสอดไส้กุ้งทอดซอสมาโยให้อีกหนึ่งชิ้นก่อนพยักพเยิดหน้าไปทางไอ้ปอมที่กำลังคุยกับน้ำปิงอยู่ตรงหน้าห้อง ผมส่ายหน้าปฏิเสธเลยทำให้หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที

“เดี๋ยวเอาให้มันเองแล้วกัน”

“อื้อ ก็ได้ งั้นวันนี้เราขอนั่งด้วยนะ” โฮมไม่ขัดอะไรแต่กลับออกปากขอนั่งด้วยทั้งที่ปกติไม่เคยชายตามองหลังห้องเลยด้วยซ้ำซึ่งมันเป็นแพทเทิร์นเด็กเรียนดีอยู่แล้ว ส่วนพวกผมแล้วแต่อารมณ์และอาจารย์ที่สอน

“อ้าว ไม่นั่งด้านหน้าแล้วเหรอ?” ผมถามก่อนจะมองโฮมที่ยกกระเป๋าไปตั้งตรงเก้าอี้ตัวถัดไปแล้วเว้นตรงกลางไว้สำหรับคีน แม่ง ตรงนี้ต้องตกเป็นเป้าสายตาของคลาสวันนี้แน่ๆ เดือนมหา’ลัยนั่งเชียวนะ ราศีตกหมดพวกกูเนี่ย

“วันนี้คีนมันขี้เกียจอะ บอกว่าจะมาแอบหลับในห้องด้วย” โฮมพูดพลางหยิบเครื่องเขียนออกมาเตรียมพร้อมในขณะที่คนฟังอย่างผมถึงกับขมวดคิ้วยุ่งเพราะเรียนด้วยกันมาทั้งเทอมยังไม่เห็นคีนเกเรหลับในห้องเลยสักครั้ง นี่คงเกิดเหตุสุดวิสัยไม่ได้นอนจริงๆ ล่ะมั้ง

“หืม แปลกว่ะ” ผมพึมพำกับตัวเองแล้วคิดสะระตะถึงเหตุผลไปเรื่อยๆ แต่ต้องชะงักเมื่อโฮมคลายความสงสัยให้เหมือนรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“เมื่อคืนคีนโดนพี่สาวลากไปคอนเสิร์ตนักร้องเกาหลีอะ กว่าจะได้กลับบ้านก็เกือบตีสองแล้ว”

“อ้อ” ผมร้องรับแล้วพยักหน้าเป็นอันว่าเข้าใจในเหตุผล เคยได้ยินอยู่เหมือนกันว่าคีนมีพี่สาวที่เป็นติ่งนักร้องวงเกาหลีจนถึงขั้นบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปดูคอนเสิร์ตในต่างประเทศมาแล้ว

บทสนทนาจบลงทำให้ผมกลับมาสนใจโซเชี่ยลต่อจากเมื่อครู่ ถัดจากรูปชมจันทร์เลื่อนลงมาด้านล่างก็เจอรูปเจ้าของไอจียืนหันหลังเงยหน้ามองท้องฟ้ายามเช้า วิวพื้นหลังดูคุ้นตาแต่นึกไม่ออกว่ามันคือคอนโดย่านไหน ผมเลื่อนมือไปกดหัวใจตามปกติก่อนจะอ่านแคปชั่นด้านล่าง

the_kirin.z Nature is always and never the same.

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
“เออ มึงไปเรียนได้แล้ว” ผมโบกมือไล่เพื่อนอีกครั้งก่อนจะกดกระจกให้เลื่อนขึ้น ไอ้ว่านผงะถอยหลังแล้วสบถด่าเป็นชุดให้หูดับกันไปข้าง แหม... ก็แค่แกล้งนิดๆ หน่อยๆ เล่นเอาพ่อกับแม่กูนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยมั้งเนี่ย

“กูเพิ่งเรียนเสร็จเหอะ” พอมันด่าจบก็บอกเหตุผลที่ไล่ไม่ไปสักทีด้วยน้ำเสียงงอนๆ ผมเหล่หางตามองก่อนจะถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ เออ กูพลาดเองที่บอกให้มึงไปเรียน ส่วนเรื่องง้อคงต้องขอบายนะ

“งั้นก็ไปแดกข้าวกับพี่โซนได้แล้ว” ที่พูดก็เพราะเป็นห่วงพี่โซนที่ยืนรออยู่ด้านหลังโน่น ขืนปล่อยไว้นานกว่านั้นมีหวังคงมีหมาสักตัวคาบไปแดกแน่นอน สังเกตหลายครั้งแล้วว่าสาวๆ มักจะส่งยิ้มไปทางนั้น ก็นะ นานๆ ทีจะเห็นเด็กวิศวะอยู่หน้าตึกคณะแพทย์

“ไล่กูจังอะ กลัวรู้ความลับเหรอ?” เอาจริงเหอะ ท็อปซีเคร็ดเรื่องกูนอนน้ำลายยืดเปื้อนแขนตอนอยู่ประถมหรือไง จะไปเล่าใครที่ไหนก็เชิญเลยจ้า ไม่อยากยุ่งกับคนอย่างมึงแล้ว เนี่ย จอดรถติดเครื่องคุยด้วยเปลืองน้ำมันเว้ย

“มีซะที่ไหน? คีนรอกูอยู่” ผมพยักพเยิดหน้าไปข้างหน้าให้ไอ้ว่านมองคนที่ยืนรออยู่ตรงนั้น มันครางอือตอบรับในลำคอก่อนจะหันมายิ้มกรุ้มกริ่มใส่ เป็นเอามากเนอะ ไปแดกข้าวกับผัวเหอะ รำคาญโรคตาเล็กตาน้อยของมึงฉิบหาย

“จ้าๆ ไว้เจอกันนะมึง”

“เออ” ไปได้สักที เฮ้อ

ผมเคลื่อนรถต่อจนถึงที่หมายก่อนจะลดกระจกลงเพื่อเรียกคีนซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ เขายกมือปิดปากหาวหวอดใหญ่ทำให้ผมชะงักแล้วหลุดหัวเราะ ท่าทางเป็นธรรมชาติแต่ดูมีเสน่ห์เหลือร้าย เข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนถึงได้หลงรักเดือนคณะคนนี้นัก

“คีน!” ผมตัดสินใจตะโกนเรียกเขาพลางโบกมือเป็นจุดสังเกต คีนสะดุ้งเฮือกแต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบสาวเท้าเข้ามาใกล้ภายในไม่กี่วินาทีประตูรถก็เปิดออกพร้อมกับผมทีาได้รับรอยยิ้มเพลียๆ เป็นการทักทาย

“ขอบคุณที่ออกมารับ ความจริงเราเดินเข้าไปเองก็ได้” คีนบอกเสียงงัวเงียแล้วถอดหมวกออกตั้งไว้บนตัก สภาพเขาบ่งบอกเลยว่าเมื่อคืนนี้อดหลับอดนอนจริงๆ ใต้ตาคล้ำหนักกว่าหมีแพนด้า ปากซีดแทบไร้สี ตอนเดินมาที่รถก็เซซ้ายทีขวาทีจนน่าเป็นห่วง ถ้าผมสนิทกับเขามากกว่านี้อีกหน่อยคงบอกให้ลาแล้วพักผ่อนอยู่บ้านแทนไปแล้ว อาการน่าเป็นห่วงว่ะ

“สภาพแบบนี้เนี่ยนะ เรามารับก็ดีแล้ว” ผมบอกปัดก่อนออกรถเพื่อกลับคณะทั้งที่ลึกๆ อยากพาคีนไปหาที่นอนมากกว่า สภาพแบบนี้นั่งเรียนก็คงไม่ไหวหรอก ตาปรือแทบจะปิดอยู่แล้ว

“รบกวนเวลาเรียน หาว”

อืม... หรือจะพาไปนอนที่หอไอ้ปอมดีวะ

“ถึงเรานั่งเรียนไปก็หลับอยู่ดี เสียงอาจารย์ฟังแล้วชวนง่วง” ผมบอกเสียงกลั้วหัวเราะไม่อยากให้คีนคิดมากเรื่องรบกวนอะไร เขาดูผ่อนคลายขึ้นก่อนจะเอนหลังพิงเบาะแล้วหลับตาลง คงไม่ไหวแล้วจริงๆ นั่นล่ะ ฝืนมาเรียนเพื่อ? หรือว่ามีคนที่อยากเจอในวันนี้ซึ่งมันคงไม่ใช่ผมไง

“โอเค งั้นรีบกลับไปเรียนเหอะ” เสียงคีนอู้อี้จนผมต้องเม้มปากไว้แน่นเพื่อกลั้นหัวเราะ ตอนนี้เขาดูเหมือนเด็กเพิ่งตื่นนอนจริงๆ นะเพราะเส้นผมสีบลอนด์ทองชี้ฟูไม่เป็นระเบียบเลย แต่โดยรวมก็ยังดูดีอยู่ หน้าใสไร้สิว

“กินอะไรมาหรือยัง?” ผมถามเมื่ออีกไม่กี่เมตรเราจะถึงโรงอาหารประจำคณะ หางตาเหลือบเห็นว่าคีนกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแล้วแต่ก็ชะงักไป

“หมายถึงมื้อเช้าอะเหรอ?” เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงงัวเงียเช่นเดิม

“อ่าฮะ”

“ยังหรอก ไว้กินมื้อเที่ยงพร้อมโฮมก็ได้” คีนคลี่ยิ้มให้ผม ถึงมันจะดูเพลียแต่พลังทำลายล้างยังคงเหลืออยู่เต็มเปี่ยม โอย แย่ว่ะ ภารกิจนี้ทำใจลำบากสุดๆ ให้นั่งรถกับเดือนคณะแค่สองต่อสองเนี่ยนะ เดี๋ยวก็หลงหัวปักหัวปำซะนี่

“เรามีนมกล่อง เอาไปกินรองท้องก่อน” ผมหยิบนมกล่องที่มียื่นให้คีนโดยที่ตายังมองถนนด้านหน้าเพราะต้องหาที่จอดรถ ซึ่งตอนนี้มันว่างอยู่หลายช่องเนื่องจากนักศึกษาส่วนใหญ่เลิกเรียนแล้ว

“โห พกนมด้วยเหรอ?” เสียงตื่นเต้นมาพร้อมกับสัมผัสอุ่นๆ ที่มือ คาดว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจหยิบพลาดแต่เพราะกล่องนมมันเล็กเลยจับไม่ถนัด แต่เพียงแค่นั้นก็พาลให้บังคับใบหน้าได้ยาก ก็มันจะยิ้มอย่างเดียว เป็นบ้าหรือไง ช่วงนี้อยู่ใกล้คนน่ารักคนหล่อก็สติหลุดตลอด

“ก็ทำนองนั้น” เปล่าหรอก นมกล่องที่ให้ไปผมเพิ่งแวะซื้อที่โรงอาหารก่อนไปรับเขานั่นล่ะ กลัวเพื่อนหิวไงเป็นคนมีน้ำใจ อะไรในกอไผ่ไม่มีจริงๆ เอ้อ

ไม่นานนักก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยอย่างการเลิกเรียน ไอ้ปอมโห่ร้องด้วยความดีใจเพราะมันจะได้กินเค้กทุเรียนสมใจอยาก ส่วนคนง่วงก็มีสีหน้าดีขึ้นเนื่องจากได้แอบหลับในคาบไปแล้ว เอาเป็นว่าชวนกินข้าวเที่ยงด้วยกันซะเลยดีกว่า

“เอ้อ ไปกินข้าวด้วยกันปะ?” ผมออกปากชวนลอยๆ ไม่ได้ระบุชื่อใครในสองคนนั้น ทั้งโฮมและคีนหันมามองแทบจะพร้อมกัน ก็แค่ชวนกินข้าวเองน่า ไม่ได้ชวนไปเมาเหล้าที่ไหนซะหน่อย ทำไมต้องตกใจด้วย

“ถามเราหรือถามโฮม?” คีนเป็นฝ่ายต่อบทสนทนาก่อนจะหันมองผมสลับกับโฮม รายนี้ชอบเป็นมือชงเรื่องคู่จิ้น ทำนองว่าแกล้งเพื่อนเล่นแล้วมีความสุขไม่ได้จริงจังเหมือนแฟนคลับที่ชอบแอบถ่ายรูปพวกเราอยู่บ่อยๆ หรือติดแท็กในทวิตเตอร์

“ถามทั้งสองคนครับ” ผมตอบพลางคลี่ยิ้มแล้วหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายในขณะที่ไอ้ปอมก็วาดท่อนแขนมากอดคอเพื่อรอคำตอบจากสองคนนั้นเหมือนๆ กัน พอเลิกเรียนมันก็คุยกับผมจริงด้วยว่ะ ตรรกะบ้าบออะไรเนี่ย เพลียใจเพลียจิต

“ไปด้วยๆ เราขี้เกียจขับรถ” โฮมตอบเสียงร่าเริงก่อนจะควงแขนของคีนเอาไว้คล้ายต้องการอ้อนให้ตอบตกลงอีกคน ท่าทางน่ารักน่าหยิกทั้งหมดคงอยู่ในสายตาไอ้ปอม ก็เล่นทำหน้าเคลิ้มขนาดนั้นไม่บอกเขาไปเลยล่ะว่าแอบชอบ มึงไม่บอกแต่กูดูออกนะเออ ความลับมันไม่มีในโลกแต่เรื่องของผมจะต้องไม่เปิดเผยกับใครก่อนเวลาอันควร เอ๊ะ มันย้อนแย้งเนอะ ช่างเถอะ

“ความจริงคือกลัวเปลืองน้ำมันรถปะ?” คีนหยอกล้อกับเพื่อนตัวเล็กก่อนที่มือเรียวจะวางแปะลงบนหัวทุย เขาออกแรงขยี้หัวโฮมจนยุ่งเหยิงแล้วส่งเสียงหัวเราะเบาๆ คล้ายเอ็นดูนักหนา แล้วผมจะอิจฉาทำไมวะ อยากโดนกระทำแบบนั้นบางเหรอ โอย สับสน

“คีนร้าย!” โฮมแยกเขี้ยวขู่เพื่อนแง่งๆ จนทุกคนหลุดหัวเราะ ก็มันดูน่ารักมากกว่าน่ากลัวนี่หว่า

เนื่องจากโรงอาหารคณะคนแน่นเอี๊ยดผมเลยต้องพาทั้งสี่ชีวิตรวมตัวเองออกไปกินข้าวนอกมหา’ลัย ทุกคนลงมติว่าร้านข้าวมันไก่คือที่สุด พอจอดรถปุ๊บก็แทบวิ่งเข้าใส่แบบไม่คิดชีวิต ก็มีแค่ผมกับโฮมที่ไม่ได้รีบร้อน แดกเยอะไงเมื่อเช้า ตอนนี้ก็ยังไม่ย่อยเลยมั้ง

“กินอะไรดี เราไม่ค่อยถนัดข้าวมันไก่อะ” คนตัวเล็กที่เดินอยู่ข้างกันเอ่ยถามขึ้นโดยไม่ได้มองหน้ากัน ดวงตากลมจับจ้องไปที่ไก่ต้มสองตัวซึ่งแขวนอยู่ในตู้ตามแบบฉบับร้านข้าวมันไก่ ผมได้ยินคำถามแล้วก็ขมวดคิ้วฉับ ใครๆ ก็ชอบกินไม่ใช่หรือไง โฮมแปลกนะเนี่ย

“ไม่ชอบกินเหรอ?”

“ก็ไม่เชิงอะ เราว่ากินมากๆ แล้วมันเลี่ยน” เออ ก็จริงของเขา พอเบิ้ลจานที่สองแล้วรู้สึกพะอืดพะอม

“งั้นร้านข้างๆ มีก๋วยเตี๋ยวไก่มะระขาย ไปกินปะ?” ผมหาทางออกให้กับโฮมที่ดูเป็นคนกินยาก เขาเงยหน้าขึ้นมองกันด้วยดวงตาเป็นประกายแต่เพียงครู่เดียวก็กลับไปหม่นมองตามเดิม หรือไม่ชอบกินมะระ บอกให้แม่ค้าไม่ใส่ก็ได้นะ

“ไม่อยากนั่งกินคนเดียว” เสียงบอกกล่าวเบาๆ ดังขึ้นทำให้ผมถึงกับหลุดยิ้มกับความขี้เหงาของโฮม นี่ถ้าเป็นไอ้ปอมทำตัวแบบนี้ผมคงไล่ตะเพิดแล้ว แถมยังจะด่าตบท้ายด้วยอีกว่า ‘อย่าสำออย’ เออน่า ผมยอมรับว่าเป็นคนสองมาตรฐาน ไม่ต้องด่าให้เปลืองน้ำลาย

“เราไปเป็นเพื่อนก็ได้” ผมดูเป็นคนดีปะ ที่จริงเมื่อวานเพิ่งกินข้าวมันไก่กับหมูแดงไปมื้อเย็นไง ยังเลี่ยนติดปลายลิ้นอยู่เลย

“เย้ โอเคเลย” ดีใจอย่างกับเด็กน้อย แต่ก็สมกับรูปร่างหน้าตาเขาล่ะนะ

ผมส่งไลน์ไปบอกไอ้ปอมว่าจะกินก๋วยเตี๋ยวร้านข้างๆ กับโฮม มันถึงกับรัวสติ๊กเกอร์แสดงความโมโหมาชุดใหญ่แถมท้ายว่าด้วยข้อความว่า ‘เย็นนี้มึงตายแน่’ โห นึกว่ากูจะกลัวไอ้หมาปอมเห่าแง่งๆ แต่ไม่กล้าลงมือจริงเหรอ หึหึ หลังจากนั้นผมก็ปล่อยให้โทรศัพท์สั่นโดยไม่สนใจอีกเลย

ขากลับเข้ามหา’ลัยไอ้ปอมกับโฮมเรียกร้องว่าอยากกินเครปญี่ปุ่นเลยต้องจอดเทียบฟุตบาทให้ลงไปซื้อ ส่วนผมกับคีนก็นั่งฟังเพลงฆ่าเวลารอสองคนนั่น คุยเรื่องสรรพเพเหระบ้างตามประสาคนเรียนสาขาเดียวกัน

“ขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ปะ?” อยู่ๆ คีนก็ตั้งคำถามชวนให้หวั่นใจ ผมเกลียดสถานการณ์แบบนี้ฉิบหาย ทำไมต้องมีการเกริ่นด้วยวะ พูดเลยไม่ได้เหรอ ไอ้แบบเนี่ยมันพาลคิดไปไกล

“ถามมาดิ” ผมพยายามไม่วางสายตาอยู่ที่กระจกมองหลังเพราะถ้าทำแบบนั้นคีนจะรู้ว่ากำลังโดนจ้องอยู่ แต่ไอ้เสียงที่อยู่ใกล้ๆ หูนี่ทำให้ขนลุกพิกล

“ช่วงนี้กิมเข้ามาคุยกับพวกเราบ่อยเนอะ” คีนยังคงเริ่มต้นด้วยการเกริ่นจนผมเริ่มรู้สึกว่าหน้าผากมีเหงื่อผุดออกมาทั้งที่แอร์เย็นเฉียบจนมือแทบแข็ง หัวใจเต้นระรัวจนอยากถามตรงๆ ว่ามีอะไร แต่สุดท้ายผมก็เลือกรอฟังอยู่เงียบๆ

อ้าว ไหงกลายเป็นเดตแอร์วะ หรือคีนกำลังรอให้ผมพูดอะไรสักอย่าง เออ ลองดูคงไม่เสียหาย

“ก็... ตามประสาคนเรียนด้วยกัน”

“อืม... ไม่ใช่ว่าชอบโฮมเหรอ?” ห๊ะ ผมช็อกจนกรามแทบค้างแล้วเนี่ย คีนถามอะไร๊!

“เฮ้ย ทำไมคิดแบบนั้น?” ผมร้องเสียงหลงแล้วถามกลับไปด้วยหน้าตาตื่นๆ นี่เผลอไปทำอะไรให้คีนเข้าใจผิดได้ขนาดนั้นวะ ชอบโฮมเนี่ยนะ ถ้าเป็นแบบนั้นคงโดนไอ้ปอมฆ่าปาดคอไปนานแล้ว

“ก็เผื่อบางทีแรงยุจากแฟนคลับจะกลายเป็นจริงไง” คำสันนิษฐานที่มาพร้อมเสียงกลั้วหัวเราะทำให้ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะดูเหมือนคีนก็แค่ถามไปเล่นๆ ไม่ได้คิดจริงจังอะไร แต่สิ่งที่ผมควรทำคือบอกให้เขารู้ว่าโฮมก็แค่เพื่อน

“ไม่ใช่หรอก เราไม่ได้คิดกับโฮมแบบนั้น” ผมคลี่ยิ้มบางให้กับตัวเองแล้วปล่อยความเงียบโรยตัวลงระหว่างเรา ดูเหมือนตอนนี้เพลงจังหวะร็อคก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกสบายใจขึ้นเลย แม่ง อาการแบบนี้เรียกว่าวิตกกังวลกลัวความลับแตกได้หรือเปล่านะ

“งั้นเหรอ หรือว่าจริงๆ แล้ว...” คีนพูดขึ้นหลังจากทิ้งระยะไปเกือบนาที ผมแทบหยุดหายใจเมื่อคำเกริ่นมันส่อไปในทางแย่

“แล้ว?” ผมรีบถามต่อ มือที่กำพวงมาลัยสั่นกึกๆ เหมือนหัวใจที่ตอนนี้เต้นแรงไม่แพ้กัน ส่วนลึกก็ภาวนาให้สองคนนั้นกลับมาขึ้นรถสักที นี่พวกมึงเหมาหมดร้านเลยหรือไง แค่ซื้อเครปสองชิ้นไปเกือบชั่วโมงแล้วปะ!

“กิมชอบเรา”

รู้สึกเหมือนหัวสมองมันเบลอๆ คิดอะไรไม่ออกเลยว่ะ

“เฮ้ย รอนานปะ? กูซื้อเครปไส้แยมบูลเบอร์รี่กับโกโก้ครันซ์มาฝากมึงด้วย” เสียงไอ้ปอมที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างของมันที่ทิ้งตัวนั่งลงข้างกันทำให้ผมดึงสติกลับมาได้ทันที ยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาคลายความตกใจเมื่อครู่ก่อนจะเหยียบคันเร่งออกตัวรถกลับสู่คณะ

ตลอดการเรียนช่วงบ่ายผมไม่ได้สนใจว่าอาจารย์ป้อนความรุ้อะไรใส่หัวบ้างเพราะมัวแต่คิดถึงคำพูดของคีนที่ว่า ‘กิมชอบเรา’ เขาแค่หยอกกันเล่นๆ หรือถามแบบจริงจังวะ ถ้าตอนนั้นไอ้ปอมไม่เข้ามาขัดจังหวะผมจะตอบไปยังไงนะ โอย เพลียจริงจัง

“ไอ้บ๊วย” ไอ้ปอมเรียกผมด้วยฉายาหลังจากที่อาจารย์อนุญาตให้ักเบรกสิบนาที

“ไอ้สัด มีอะไร?” ผมโต้กลับเพราะไม่ชอบฉายาตัวเองเท่าไหร่

“มึงเหม่อ” มันไม่เถียงแต่กลับมองกันด้วยสายตาเป็นห่วงจนผมต้องเป็นฝ่ายหลบถึงกับฟุบหน้าลงบนโต๊ะ

“เออ นิดหน่อย” ผมรู้ว่าโกหกมันไม่ได้ก็เลยเลือกที่จะบอกความจริง แต่ไม่ได้ขยายความจนรู้เรื่อง ก็มันไม่เริ่มไม่ถูก สับสนไปหมดแล้วเนี่ย

“มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าวะ? กูเห็นเงียบๆ ตั้งแต่กลับมาจากกินข้าว” มันเอื้อมมือมาแตะไหล่กันพลางบีบเบาๆ เหมือนให้กำลังใจ ส่วนผมส่ายหน้าปฏิเสธขยับใบหน้าให้ขนาดกับโต๊ะเพื่อปิดการรับรู้ ถ้าหายใจไม่ออกแล้วตายอย่าโทษใคร ให้โทษความเล่นตัวเหมือนหญิงสาวนี้ สมเพสตัวเองจัง

“ไม่มีอะไร” คำตอบสุดแสนเบสิกที่ชาวบ้านเขารู้กันหมดว่าความจริงมึงโกหกตัวเท่าควาย ก็ไม่อยากให้เพื่อนกังวลตามผิดหรือไงวะ

“อย่ามาตอแหล นั่งขมวดคิ้วมาเป็นชั่วโมงแล้วมึงอะ” อุตส่าห์หลบหน้ามันก็เสือกเขกหัวผมอีก โอย ไอ้ภาระเฮงซวย แต่การกระทำของไอ้ปอมก็ทำให้รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก หัวใจอบอุ่นขึ้นมานิดหน่อย

“สังเกตด้วยเหรอ?” ผมแหงนหน้าขึ้นมาถามมันแต่สายตาโฟกัสอยู่ที่หน้าอก ขี้เกียจไง เข้าใจกันหน่อย

“เอ้า เพื่อกูทั้งคน ไม่ห่วงมึงจะให้ห่วงหมาที่ไหน” จ๊ะ พ่อคนรักเพื่อน

“อืม”

“เล่าสิ อยากเสือก” เพิ่งชมไปกลายเป็นไอ้ขี้เสือกซะแล้ว เลวจริงๆ เพื่อนผม

“ตรงไปปะมึง” ผมหยอกไอ้ปอมด้วยเสียงกลั้วหัวเราะก่อนขยับมือไปปิดหัวนม หมั่นไส้ความหน้าด้านของมันจริงๆ

“โอ๊ย ไอ้สัด หัวนมกู! เออ ไม่อ้อมค้อมไง อย่าลีลา” มึงเว้นช่วงให้กูตอบโต้อะไรบ้างเหอะ พูดคนเดียวซะยาวยืดเลย ตอนแรกก็กะว่าจะตีมึนแล้วแกล้งหลับแต่พอเห็นสายตาจริงจังปนความเป็นห่วงก็ต้องยอมแพ้ เออ เล่าก็เล่า

“ตอนพวกมึงลงไปซื้อเครป คีนถามว่ากูชอบโฮมหรือเปล่า” ผมขยับขึ้นนั่งตัวตรงแล้วบิดขี้เกียจเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนร่วมห้องกำลังทยอยกลับเข้ามาด้านใน สีหน้าของไอ้ปอมมีความตกใจปนอยู่อย่างเห็นได้ชัด ก็เพราะผมไม่ได้ชอบโฮมไง ทำไมคีนถึงเข้าใจผิด

“ห๊ะ... ตลกแล้ว” ถึงจะบอกว่าตลกแต่มันไม่ได้ขำเพราะรู้ว่าผมกำลังเครียด

“เออ กูเลยบอกว่าไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น” ผมเกาหัวแกรกๆ หลังเล่าตอนต่อไป ถ้าผมไม่ได้ชอบคนนั้นก็คงชอบโฮมได้ล่ะมั้ง ก็แค่คิดล่ะนะ ความจริงไม่ใช่หรอก

“อ่าฮะ”

“คีนเลยถามต่อ”

“ว่า?”

“กูชอบเขาหรือเปล่า” ประโยคนี้เสียงแผ่วโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะความสั่นไหวในอกของผมนั่นเอง ทำไมต้องกลัวคีนจะรู้ว่าตัวเองชอบใครด้วยวะ ไหนล่ะความกล้าที่เรียกร้องหามาตลอดเวลาจนกระทั่งพี่เซียนโผล่หัวมาในชีวิตคนนั้น รอให้เขาได้กันก่อนสิถึงจะสะใจ

“ฉิบหาย... มึงตอบว่าไง” คราวนี้ไอ้ปอมถึงกับป้องปากกระซิบถาม ตาของมันเบิกกว้างบ่งบอกว่ากำลังตกใจไม่แพ้กับผมในเวลานั้นเลยสักนิด คำตอบคือการส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ได้ตอบ มึงกลับมาที่รถพอดี”

“อ้อ ไม่ต้องเครียดหรอกน่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด” ไอ้ปอมผละออกไปแล้วเอื้อมมือมาตบบ่าให้กำลังใจ ผมพยักหน้ารับพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ก็หวังว่ามันจะไม่เลวร้าย”

เพราะคำตอบที่คีนถามไว้คือ ‘ผมชอบเขา’ คนที่เป็นเจ้าของแอคเค้าท์ไอจี the_kirin.z




---------------------------------------------

ใครทายถูกบ้างว่าเจ้ากิมชอบใคร?
ยินดีด้วยกับคนที่จิ้นคู่ กิมคีน คีนกิมน้า 55555

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
รูปถ่ายใบที่ 4



ดวงตาคมจับจ้องนาฬิกาข้อมือจนเข็มยาวเลื่อนไปถึงเลขสิบสอง รอยยิ้มตรงมุมปากค่อยๆ ผุดขึ้นเพราะนั่นคือสัญญาณแห่งการสิ้นสุดคลาสเรียนช่วงบ่ายที่แสนยาวนาน ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำเตรียมลาลับขอบฟ้าเหมือนหนังตาของผมไม่มีผิด คือแม่ง เรียนติดต่อกันสี่ชั่วโมงแบบไม่มีพักเบรก อยากถามอาจารย์ว่าจิตใจทำด้วยอะไร แถมมีควิซย่อยท้ายคาบ นี่มันนรกชัดๆ แต่โอดครวญไปก็ไม่มีประโยชน์เก็บอุปกรณ์ยัดกระเป๋าดีกว่า

มีนัดกินเหล้าในรอบสองเดือนมันก็จะตื่นเต้นหน่อยๆ หน้าตาไอ้ปอมกับผมบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าพร้อมเมาหัวราน้ำแบบสุดเหวี่ยง ตอนนี้รอฟังเสียงสวรรค์บอกเลิกคลาสด้วยใจจดจ่อแต่ดวงตากลับโฟกัสคนหนึ่งมาเกือบห้านาทีแล้ว โอย ทำไมวันนี้คีนต้องรวบผมเป็นหางม้าด้วยวะเนี่ย ดูหล่อเซอร์จนสาวๆ มองน้ำลายเยิ้มแล้ว แพล็บ เอ๊ะ ของกูก็ไหลเหรอ ว้า แย่จัง

ผมยกมือขึ้นปาดน้ำใสตรงมุมปากก่อนจะละสายตาจากคีนเมื่อโดนไอ้ปอมสะกิดต้นแขนยิกๆ มันพยักพเยิดหน้าไปทางประตูห้องเรียนเหมือนต้องการให้ดูอะไรตรงนั้น แต่พอผมมองตามไปก็แทบหยิบดินสอกดมาแทงคอตัวเองให้ตายๆ ซะ

คลาสยังไม่ทันเลิกกลับมีผู้ชายอดีตเดือนมหา’ลัยมารอรับคีนถึงที่ แล้วไอ้บ๊วยเค็มที่นั่งมองเขามาตลอดวันล่ะ... แม่ง ทั้งที่คิดว่าผมได้อยู่ใกล้กว่าพี่เซียนแล้วแท้ๆ กลับรู้สึกแพ้คนที่ถ่อสังขารข้ามคณะมาซะอย่างนั้น กูต้องทำยังไงวะเนี่ย

“ศัตรูหัวใจมึงนี่ขยันทำงานจังเนอะ” ไอ้ปอมว่าเสียงระรื่นแล้วเท้าคางมองพี่เซียนที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยใบหน้าทะเล้น ผมแยกเขี้ยวใส่มันก่อนจะผลักหัวทุยอย่างเคืองๆ แค่เขาโผล่มาแบบไม่กระโตกกระตากผู้หญิงในห้องยังตื่นเต้นขนาดนี้ถ้าหากว่าเปิดตัวมาจีบคีนล่ะ มหา’ลัยคงแตกเป็นเสี่ยงเพราะเสียงกรี๊ดแน่ๆ ก็ในเพจคิ้วท์บอยเริ่มมีคนเอารูปสองคนนี้ไปจิ้นแล้ว

ห่านเอ๊ย แฮชแท็ก ‘เซียนคีน’ โคตรไม่เข้ากัน ต้อง ‘กิมคีน’ สิ เหมาะเหม็งสุดๆ แต่มันก็แค่มโนภาพของไอ้กิมคนกากที่แปลสภาพใกล้เคียงกับหมาเห่าเครื่องบินเข้าไปทุกที เฮ้อ ถอนหายใจล้านครั้งจนหมดอายุขัยไปเลยได้ไหมวะ

“ปากมึงนี่ตัดทิ้งไปเลยได้ไหม? ชอบตอกย้ำกูจัง” ผมพูดเสียงรอดไรฟันก่อนยกมือขึ้นนวดขมับคลายความเครียดที่เริ่มก่อตัวขึ้น ในจังหวะที่ก้มหน้าก็สัมผัสได้ถึงสัมผัสบนบ่าเบาๆ แล้วออกแรงบีบคล้ายการปลอบใจ นี่เขาเรียกตบหัวลูบหลังหรือเปล่าวะไอ้หมาปอม แม่ง

“กูช่วยกระตุ้นต่อมความกล้ามึงเลยนะ ช้าอยู่เดี๋ยวก็ได้แดกแห้วทั้งไร่” เสียงมันเต็มไปด้วยความเห็นใจก็จริงแต่ไอ้รอยยิ้มกวนส้นตีนกับการยักคิ้วจึกๆ ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิดเดียว ไอ้เพื่อนเหี้ย เกลียดมึง! แล้วอีกอย่างแค่แห้วลูกเดี๋ยวกูก็ว่าแย่แล้วเพราะกลิ่นไม่พึงประสงค์ นี่จะให้แดกทั้งไร่ กูขอจำศีลในถ้ำกับหมีตลอดชีวิตดีกว่า ฮือ

“กูไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี” ตอนแรกก็อยากจะด่ามันกลับเพราะหมั่นไส้แต่พอคิดๆ แล้วควรปรึกษาไอ้ปอมดีกว่า เผื่อมีวิธีเริ่มความสัมพันธ์แบบแนบเนียนโดยที่ไม่ตรงออกตัวแรงเหมือนพี่เซียน

“เริ่มตรงจีบนี่ล่ะ” เพื่อนรักตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่สีหน้ากลับจริงจังจนผมได้แต่ถอนหายใจ ไอ้เริ่มตรงจีบของมันน่ะช่วยขยายความชัดเจนและละเอียดกว่านี้ไม่ได้เหรอวะ ถ้ากูทำเป็นคงไม่ต้องมารับฟังพวกมึงๆ ทั้งหลายด่าว่ากากอยู่หรอก

“สัด พูดง่ายเนอะ มึงไปจีบโฮมให้กูดูก่อนเลย” ผมปัดขอเสนอมันทิ้งไปอย่างไม่ใยดีแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหลังจากอาจารย์เดินออกจากห้องไปแล้ว กระเป๋าเป้ถูกเหวี่ยงขึ้นหลังก่อนที่สายตาจะชะงักเมื่อเห็นคันโบกมือทักทายพี่เซียน แม่งเอ๊ย ทำไมต้องยิ้มหวานให้เขาด้วยวะ คนอื่นคงคิดว่าคู่นี้คบกันแหงๆ

“เฮ้ย กูไม่ได้ชอบโฮมแบบนั้น ทำไมต้องจีบ?” ไอ้ปอมละล่ำละลักถามแล้วคว้าแขนของผมเพื่อบังคับให้หันกลับไปเผชิญหน้า เรามันก็คนดีเลยมองหน้าเพื่อนแล้วกระพริบตาปริบๆ ทำตัวใสซื่อแต่ใช้คำพูดเชือดเฉือนจนอีกคนหน้าม้าน

“อ๋อเหรอ? ระวังตัวเหี้ยคาบไปแดกนะจ๊ะ” พูดจบก็โบกมือลาคุณเพื่อนที่ยืนอ้าปากพะงาบๆ เพราะเถียงอะไรไม่ได้เนื่องจากว่าคนอย่างโฮมนั้นเป็นที่ฮอตฮิตของพวกชายฉกรรจ์จากทุกคณะ อันดับต้นๆ ต้องยกให้พวกวิศวะหน้าเหี้ยมเลย เห็นชอบมาคอมเม้นต์ใต้รูปในเพจคิ้วท์บอยอยู่บ่อยๆ ว่าอยากได้เขาเป็นเมียอย่างนั้นอย่างนี้ คู่แข่งมึงเยอะกว่ากูอะบอกเลยไอ้ปอม

ผมเดินทอดน่องลงบันไดเพราะขี้เกียจไปเบียดเสียดลงลิฟท์กับคนอื่นๆ ส่วนไอ้ปอมก็วิ่งหน้าตั้งตามาเกาะไหล่แล้วหอบแฮ่กอยู่ข้างกัน สภาพดูไม่จืดเลยเพราะหัวเหอกระเซิงไปหมด ผมก็คนมีน้ำใจช่วยเพื่อนโดยการสะบัดตัวออกจากการเกาะกุม

“เอื้อเฟื้อเพื่อนบ้างเหอะมึง” ไอ้ปอมจ้องกันเขม็งในขณะที่ยังยืนเอามือทั้งสองข้างยันหัวเข่า ผมไหวไหล่ไม่ใส่ใจแล้วขยับตัวไปยืนพิงผนังเพื่อรอมันหายเหนื่อย ไม่หนีไปแดกเหล้าก่อนก็ถือว่าเอื้อเฟื้อแล้วหรือเปล่าวะ

ผมเลือกเมินไอ้ปอมแล้วเดินผ่านมันเพื่อยื่นหน้าออกไปมองท้องฟ้ายามเย็นที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำเพราะดวงอาทิตย์กำลังตกดิน นักศึกษาส่วนใหญ่ทยอยกลับบ้านกันแล้วแต่พวกเราก็ยังเอ้อระเหยรอเวลาไปร้านเหล้า ผมทอดสายตาผ่านสิ่งนั้นสิ่งนี้ดื่มด่ำบรรยากาศเรื่อยๆ เพื่อรอให้เพื่อนหายเหนื่อย แต่ทุกอย่างกลับหยุดชะงักเมื่อจุดโฟกัสในตอนนี้ปรากฏร่างผู้ชายสองคนที่คุ้นเคยกันดี

พี่เซียนกำลังคุยกับคีนด้วยใบหน้าเบิกบาน ในมือของอดีตเดือนมหา’ลัยยังคงมีถุงขนมร้านชื่อดังติดมาเหมือนเคยก็คงเปย์ฝากอีกคนตามปกติ ผมมองบรรยากาศฟุ้งๆ สีชมพูนั่นด้วยความรู้สึกเหมือนคนกำลังจมน้ำ อึดอัดแต่ก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ถ้าหากเป็นตัวร้ายในละครหลังข่าวคงหากระถางต้นไม้โยนใส่หัวคู่แข่งไปแล้ว แต่ผมคือไอ้กิมคนกากไงเลยทำได้แค่ยืนกระพริบตาปริบๆ เป็นหมาหงอยอยู่ตรงนี้

ไอ้ปอมที่หายเหนื่อยจากการเดินตามผมก็สาวเท้ามายืนข้างกันก่อนชะโงกหน้าลงไปมองด้านล่าง มันผิวปากหวือเมื่อเห็นพี่เซียนกับคีนยืนหัวเราะอยู่ตรงนั้น เหมือนเหตุการณ์แดจาวูทุกครั้งที่เรามักพบเจอบ่อยๆ เดี๋ยวก็มีลูบหัวหรือแตะตัวกันต่ออีก ไอ้ผมก็ได้แต่ยืนมองแล้วกัดปากจนรู้สึกเจ็บ อยากโยนกระเป๋าลงไปจากชั้นสามฉิบหาย ฮึ่ย ขัดใจเว้ย!

“ไซบีเรียนเขากำลังจะคาบกระต่ายตัวน้อยไปฟัดแล้วนะ แต่หมาขี้เรื้อนอย่างมึงยังทำตาละห้อยยืนแดกไส้กรอกเปื้อนดินอยู่ตรงนี้” ไอ้ปอมพูดขึ้นลอยๆ ก่อนที่แขนหนักๆ จะพาดลงบนบ่าของผม ด้วยความที่มันพูดไม่เข้าหูก็เลยโดนสะบัดตัวหนีตบท้ายด้วยการต่อยเข้าที่สีข้าง แม่ง มึงโคตรรักเพื่อนเลยว่ะ กระทืบกูจนม้ามแตกกระอักเลือดตายแล้วมั้งเนี่ย

ไอ้ปอมทำหน้าเหยเกพร้อมกับส่งเสียงโอดโอยประกอบท่าทางกุมสีข้างของมันราวกับเจ็บนักหนา ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยยกเท้าเตรียมเตะอีกครั้ง คราวนี้กูจะเอาให้จุกไปเจ็ดวันเจ็ดคืนเลย ปากหมาดีนัก!

“ไอ้เชี่ยปอม มึงเปรียบเทียบจนกูรู้สึกอยากเอามีดคัตเตอร์ปาดคอตัวเองฉิบหาย มันต้องรันทดขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” ผมถามมันเสียงฉุนพร้อมก่อนจะหันหน้ากลับเขาอาการแล้วทรุดตัวลงนั่งบนพื้นเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต สองมือยกขึ้นทึ้งหัวจนยุ่งเหยิงบ่งบอกอารมณ์ตอนนี้ได้อย่างดีว่าสับสนมากแค่ไหน ถ้าผมเป็นได้แค่หมาขี้เรื้อนมองเครื่องบินอย่างที่ไอ้ปอมว่ามันจะมีวันที่เขามองลงมาไหมล่ะวะ

“เขาลูบหัวกันแล้วปะ อีกไม่นานคงลูบหางด้วย”

โอ้โห แทนที่จะปลอบกูให้เป็นเรื่องเป็นราวกลับพูดจาทิ่มแทงจนเลือดกระอักออกจากปากขนาดนี้ก็ส่งกูขึ้นเมรุเผาศพเลยเหอะ ไม่ต้องช่วยจงช่วยจีบห่าอะไรแล้ว!

ผมลุกพลวดขึ้นแล้วชี้หน้ามันอย่างเหลืออด จิ้มๆ ลงบนหน้าผากด้วยความหงุดหงิด ไอ้ปอมหลบหลีกพัลวันก่อนหนีไปยืนเบ้ปากตรงมุมตึกข้างบันได คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ป้องปากหัวเราะคิกคักที่ได้เห็นผู้ชายสองคนทะเลาะกันงุ้งงิ้งและผมเชื่อว่าอีกไม่นานไอ้เจ้าของเพจคิ้วท์บอยนั่นคงอัปรูปพวกเรา แม่งเอ๊ย เขาจะฆ่ากันตายอยู่แล้วจ้า พวกคุณก็ฟินไม่ดูตาม้าตาเรือกันเล๊ย ยอมใจ

“พอกันที มึงควรให้กำลังใจเพื่อนปะ นี่พูดจนกูจะแหกปากร้องไห้อยู่แล้ว!” ผมตะโกนใส่หน้ามันอย่างเหลือออดแล้ววิ่งลงบันไดตึกๆ เดี๋ยวทิ้งไอ้ปอมไว้ตรงนี้ให้หาทางไปร้านเหล้าเอง แล้วก็ขอให้โดนกะเทยควายดีกฉุดกลางทาง โมโห!

“เหรอวะ? โทษทีๆ โอ๋นะน้องกิมของป๋า” มันวิ่งตามมาเกาะแขนเกาะไหล่จนผมแทบหน้าคมำลงกับขั้นบันได หันไปถลึงตาใส่แม่งแล้วสะบัดมือไล่ด้วยความลำคาญ

“ไปไกลๆ ตีนกู!”

ถึงจะออกปากไล่ไอ้ปอมแต่สุดท้ายพ่อตัวดีก็นั่งจ๋องเสนอตัวเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่ข้างกันจนได้ ด้วยความมารยา ด้วยความลูกตื๊อต่อสาธารณชนทั้งหลายทำให้ผมอายหนักเลยทำต้องลากมันออกมา ถ้าไม่กลัวแฟนคลับแม่งรุมกระทืบคงไม่ยอมขนาดนี้หรอก เกลียดขี้หน้าจริงๆ เลย!

ตลอดทางจากคณะจนเกือบถึงประตูมหา’ลัยภายในรถเงียบยิ่งกว่าป่าช้าเพราะไม่มีใครสร้างบทสนทนาหรือแม้กระทั่งเปิดเพลงฟัง ผมพยายามตั้งสมาธิอยู่กับการมองถนนเพื่อไม่ให้สมองฟุ้งซ่านคิดถึงภาพติดตาระหว่างพี่เซียนกับคีน ส่วนไอ้ปอมคงไม่กล้าปากมากเพราะมีคดีติดตัวอยู่ แต่เชื่อเหอะว่าอีกไม่นานมันคงทนความอึดอัดไม่ได้แน่ๆ

วันนี้ทีมงานก๊งเหล้าขาดไอ้เนิร์ดว่านไปหนึ่งคนเนื่องจากติดภารกิจอ่านหนังสือเพราะมีควิซพรุ่งนี้เช้า มันยังโทรมางอแงใส่ว่าพวกเราใจร้ายนัดผิดเวล่ำเวลา ผมนี่อยากด่ามันเหลือเกินว่ากูจะตรัสรู้ไหมว่ามึงมีสอบวันไหนบ้าง ไม่ได้รายงานมานี่แถมเรียนคนละคณะ แต่ไม่มีอะไรเชี่ยกว่าต้องพาคุณเธอไปเลี้ยงสเต็กเป็นการไถ่โทษหลังจากนี้ จ้า ได้ข่าวว่าบ้านผมขายเพชรไม่ได้ผลิตแบงค์ใช้เองเว้ย!

“พี่กิมขา ~” ไอ้ปอมเริ่มต้นทำลายความเงียบด้วยการดัดเสียงเล็กเสียงน้อยเรียกชื่อกัน ผมแสร้งทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ขนอ่อนในกายลุกชัน ถ้าไม่ติดว่ากลัวมันตายอนาถคงถีบลงจากรถไปแล้ว คนอะไรน่ารำคาญแถมยังปากหมาอีก

“ป๋ากิมคะ”

“.....” ตีนเริ่มกระตุกแล้วเหอะ โอย อยากเอากำปั้นยัดปากมันจริงๆ เลย

“เสี่ยกิมจ๋า”

“.....” ผมบีบพวงมาลัยแน่นจนจะแหลกคามือแล้วถ้ามันสังเกตสักนิดนึง ข้อนิ้วงี้ขาวจนซีดแถมยังสั่นกึกๆ กรามขบกันจนขึ้นสันนูนอย่างชัดเจน เอาง่ายๆ คือถ้าไอ้ปอมพูดอะไรแสลงหูอีกครั้งผมพร้อมบวกอะ

“กิมอะ ไม่โกรธแบบนี้ดิ กูใจคอไม่ดีเลย” ไอ้ปอมพูดเสียงสั่นแล้วเอื้อมมือมาแตะแขนกันเบาๆ ซึ่งผมตอบกลับด้วยการเหลือบหางตามองมันแล้วทำเป็นเมินเฉย และตบท้ายด้วยการสะบัดก่อนเคลื่อนไปเปิดวิทยุฟัง แต่เหมือนจะพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่มันคือเพลง ‘ภาพจำ’ ไอ้สัด เศร้าขนาดนี้เอาอ่างจากุซซี่มารองรับน้ำตากูเลยเหอะ

“เรื่องของมึง” ผมบอกเสียงเรียบ

“กิม... กูขอโทษ” ไอ้ปอมใช้เสียงออดอ้อนมาพร้อมกับหัวทุยที่ถูไถลงบนลาดไหล่กว้าง ผมไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยว่ะ ขนลุกเหมือนตอนปวดท้องขี้หนักๆ อะ โอย รังเกียจมากครับ มึงควรสำเหนียกว่าตัวเองไม่ใช่คีนสิ! แต่มันขอโทษจากใจจริงก็รับๆ ไว้หน่อยแล้วกัน เดี๋ยวเสียใจจนตายซะอีก ขี้เกียจจัดงานศพให้

“อย่าให้ถึงตามึงวุ่นวายเรื่องความรักบ้างนะ กูจะไม่สนใจอะไรสักอย่าง” มันอาจจะดูฮาร์ดคอร์ไปหน่อยแต่นี่คือวิธีรับคำขอโทษแบบเนียนๆ ของผมซึ่งไอ้ปอมรู้ดีเลยยิ่งถูไถหน้ากับหัวไหล่มากขึ้นแถมยังยิ้มทะเล้นให้ตอนเหลือบตามองเมื่อครู่อีก ถ้าเสื้อกูสกปรกจะถอกให้แม่งเอากลับไปซักที่คอนโดเลย

“ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นสิดาร์ลิ่งขา” ขาพ่องมึงสิ!

“ปอม... ถ้ายังอยากเก็บปากไว้แดกเหล้าก็เงียบซะ” ผมใช้เพียงแค่คำพูดและน้ำเสียงเรียบๆ โดยไม่มีการสะบัดสะบิ้ง ไม่ใช่อะไรหรอกคือกำลังเข้าโค้งอยู่พอดี ถ้าเหิดพวงมาลัยส่ายไปส่ายมาคงได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มกันบ้างล่ะ

“จ้าๆ น้องปอมจะเป็นเด็กดีฮับ” ไอ้ปอมรีบผละตัวออกไปแล้วยกมือทั้งสองข้างเป็นสัญญาณว่ายอมแพ้ ก่อนจะดัดเสียงเป็นเด็กตัวน้อย ฉีกยิ้มตาหยีเป็นสระอิ ไอ้ผมจากที่เครียดๆ กลับต้องเม้มปากกลั้นยิ้มเลยทีเดียว ก็มันน่ะ...

“ปัญญาอ่อน” เข้าใจตรงกันเนอะ ปัญญาอ่อนไม่ได้เท่สกับน่ารักนะครับ

ร้านเหล้าประจำของเรายังคงคลาคล่ำไปด้วยนักศึกษามหา’ลัยเดียวกันเป็นจำนวนมาก ยิ่งเป็นวันศุกร์แบบนี้ยิ่งแน่นขนัดจนแทบหาโต๊ะว่างไม่ได้ แต่ดีหน่อยที่ไอ้ปอมโทรมาจองกับพี่เจ้าของร้านล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นคงได้ออกไปนั่งปูเสื่อแดกกลางลานจอดรถ อนาถทั้งความรักและความเป็นอยู่มันก็ไม่ดีเนอะ

มุมโปรดของผมยังคงเป็นตรงลานเอ้าท์ดอร์ใต้ต้นพุดขนาดใหญ่ที่ออกดอกสีขาวทั้งปี ทางร้านประดับไฟดวงเล็กๆ เหมาะกับการนั่งชิวดื่มเหล้าไปเรื่อยๆ คลอกับเสียงดนตรีสดมีนักร้องประจำเป็นหนุ่มเซอร์ผมยาวแต่หน้าตาหล่อเหลาจนทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ลงทุนเลือกนั่งโต๊ะหน้าเวทีทั้งที่ต้องบวกเพิ่มค่าจอง ความรักของพวกเธอคือการเปย์จนกว่าจะหมดตัวหรือเปล่านะ ผมเนี่ยสงสัยจริงๆ

ไอ้ปอมเลือกนั่งฝั่งตรงข้ามโดยหันหลังให้กับหน้าร้าน ส่วนตัวผมพอหย่อนก้นเสร็จก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดเล่นแล้วปล่อยให้มันจัดการทั้งหมดไม่จะเครื่องดื่มหรืออาหาร อยากกินอะไรก็สั่งๆ มา เพราะสุดท้ายก็ใช้ระบบอเมริกันแชร์อยู่ดี

“วันนี้งบมีเท่าไหร่ครับป๋ากิม?” เป็นปกติที่ไอ้ปอมจะถามถึงงบในกระเป๋าเป็นอันดับแรกเพราะช่วยในการประเมินว่าควรสั่งเหล้าแบบไหนอาหารจำพวกอะไรไม่ให้เกินจำนวนที่มีโดยไม่ต้องรูดบัตรเครดิตให้ท่านแม่เทศน์ นี่ขนาดช่วยงานรับเงินเดือนช่วงปิดเทอมยังเอามาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไม่ได้ วันก่อนเพิ่งโดนเธอด่าเรื่องซื้อนาฬิกาเรือนใหม่ เข็ดขยาดสุดๆ หูนี่ชาจนวิ้งเลย

“เท่าที่มึงต้องการ” แต่พอดีว่าวันนี้ผมสายเปย์เพราะเพิ่งได้รับค่าคอมมิชชั่นจากการเป็นนายหน้าหลอกล่อสาวๆ ไฮโซในงานเปิดตัวเครื่องเพชรคอลเล็คชั่นใหม่ของแม่ให้ซื้อสินค้าได้ ความรู้ไม่มีหรอก ใช้หน้าตาและลูกอ้อนล้วนๆ

“โอ้ว งั้นจัด Gold Label เลยปะ?” ไอ้ปอมดูตื่นเต้น ดวงตาสีดำทอประกายแวววาวเมื่อเสนอชื่อเหล้าขึ้นมา ผมขมวดคิ้วฉับเพราะราคาเหล้าขวดนี้ถือว่าแพงพอตัวเลยทีเดียวสำหรับคนธรรมดาและนักศึกษาทั่วไปที่ยังไม่มีงานทำ

“แดกเหล้าขวดละสองพันขึ้นสวรรค์ได้เหรอ?” ผมแกล้งถามพร้อมเหล่สายตามอง ไอ้ปอมถึงกับแยกเขี้ยวแล้วสไลด์เมนูในมือมาทางนี้ สงสัยจะงอน โธ่ จิตใจเปราะบางเหลือเกินพ่อคุณ

“เออ จะได้เลิกเป็นหมาขี้เรื้อนไง” แต่คำพูดแม่งหน้าต่อยปากให้ลงไปนอนดิ้นบนพื้น

“เลิกกัดกูเหอะหมาปอม”

“รู้ทันอีก ตกลงจะแดกอะไร?”

“Blue Label” ผมบอกชื่อเหล้าก่อนยักคิ้วกวน ไอ้ปอมทำหน้าเหมือนอยากจะหยิบส้อมบนโต๊ะมาแทงกันให้ไส้ไหล ก็อยากลอง Blue Label มันผิดตรงไหนวะเพื่อน

“พ่อมึงพิมพ์แบงค์แจกเหรอวะ? จะแดกเหล้าขวดเป็นหมื่นเนี่ยนะ” มันแยกเขี้ยวใส่ผมแล้วหยิบเมนูเล่มเดิมเปิดหน้าเครื่องดื่มก่อนจะจิ้มนิ้วลงบนป้ายราคา Blue Label ให้ดู

อุย ก่อนกูจะได้แดกเหล้าราคาเหยียบหมื่นอาจจะโดนเพื่อนแดกหัวก่อนก็ได้ ดูหน้ามันสิ ขนาดไม่ได้ดื่มยังแดงขนาดนี้ น่ากลัวจัง หึหึ

“กูประชดไง เผื่อจะได้อัปเกรดเป็นอลาสกันมาลามิวท์ข่มพี่เซียนบ้าง” ผมยักคิ้วกวนใส่มันแล้วเลิกสนใจกลับมาดูหน้าจอโทรศัพท์เหมือนเดิม แอปพลิเคชั่นไอจีถูกจิ้มเป็นอันดับแรก ต้องติดตามหน่อยว่าคีนอัปรูปอะไรหลังจากเจอพี่เซียนหรือเปล่า

“เป็นเอามากเนอะเพื่อนกู” ไอ้ปอมบ่นงุ้งงิ้งพลางพลิหน้าเมนูหาของกินสำหรับมื้อค่ำ ผมชะงักมือแล้วตอบกลับไปอย่างไม่ยอมกัน ไม่ได้เป็นเอามากเหอะ แต่มันเพราะมึงไหมล่ะ

“มึงเริ่มก่อนไหมล่ะ? แดก Gold นั่นล่ะ สั่งข้าวผัดซีฟู้ดให้ด้วย” ผมเบ้ปากใส่มันแล้วสั่งของที่ต้องการเสร็จสรรพ ส่วนทางไอ้ปอมก็เหลือบสายตามองก่อนพยักหน้ารับคำ ได้แดก Gold Label สมใจอยากก็จะยิ้มแย้มเหมือนคนบ้าแบบนี้ล่ะ ตลกดีว่ะ

“ขอรับคุณท่าน”

ผมกลับมาสนใจโทรศัพท์ในมือต่อเพื่อไม่ให้เสียเวลามากเลยกดช่องคนหาแล้วพิมพ์ the_kirin.z ลงไป รอไม่ถึงสามวินาทีสิ่งที่ต้องการก็ปรากฏขึ้น คีนอัปรูปใหม่จริงๆ เป็นท้องฟ้าสีส้มยามเย็นมีก้อนเมฆพาดตัวเป็นริ้วสวย มุมด้านล่างเป็นปลายยอดของต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ เดาว่าคงลงมือถ่ายก่อนกลับบ้านที่หน้าคณะชัวร์ๆ แต่ในตอนนั้นพี่เซียนจะอยู่ด้วยหรือเปล่านะ โอย ทำไมกูต้องมานั่งคิดฟุ้งซ่านในร้านเหล้าแบบนี้ด้วย

หลังจากที่ช้ำใจกับความคิดของตัวเองไปแล้วผมก็นั่งเท้าคางเหม่อมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาทางหน้าร้านเผื่อบางทีอาจจะได้พบเจอกับคนที่ไม่คาดคิดเพราะคีนก็ชอบมาร้านนี้เหมือนกัน ส่วนไอ้ปอมรับหน้าที่เป็นเด็กนั่งดริ๊งชงเหล้าอย่างมืออาชีพแต่มันชอบหนักมือจนแทบเรียกว่าออนเดอะร็อคได้เลย มึงเอ๊ย กะให้กูซดแก้วเดียวแล้วสลบคาโต๊ะเลยหรือไง

“เบาๆ มือหน่อยไอ้เชี่ยปอม เดี๋ยวกูขับรถไม่ได้” ผมบอกมันหลังจากกระดกเหล้าแก้วล่าสุดเข้าปากแล้วพบว่าความเข้มมันเพิ่มขึ้นและปริมาณโซดาน้อยลง ไอ้ปอมที่กำลังตักยำแหนมเข้าปากโบกไม้โบกมือเป็นการปฏิเสธ คือหมายความว่ายังไง มึงจะแดกให้หมดขวดภายในคืนนี้เหรอ คงแฮงค์ไปยันศุกร์หน้าครับ

“คอนโดอยู่แค่นี้เองมึง น่าๆ ไม่เมาจะแดกทำไม?” ไอ้ปอมพูดเสียงอ้อแอ้เพราะเริ่มเมา สกิลดื่มแอลกอฮอล์มันต่ำเตี้ยเรี่ยดินกว่าไอ้เนิร์ดว่านซะอีก หน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้วมึง อย่าหวังให้ขับรถเลยแค่เดินออกจากประตูร้านก็ว่าแย่แล้ว

“อยู่ตรงไหนก็อันตราย” ผมบอกเสียงดุแล้วเอื้อมมือคว้าขวดโซดามาเทเพิ่มก่อนหยิบปีกไก่ทอดน้ำปลาขึ้นแทะ สรุปว่าข้าวผัดไอ้ปอมกินซะเกลี้ยงจาน หึ ไม่ถีบกระเด็นก็บุญหัวแล้ว

“ครับๆ คุณพ่อกิม” มันตอบปัดๆ ก่อนจะยัดเยียดถั่วลิสงคั่วเกลือใส่ปากผม แม่ง เกือบติดหลอดลมแล้วไหมล่ะ

“แค่กๆ ไอ้สัด”

ผมปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ จนเหล้าพร่องลงไปเกือบครึ่งขวด ไอ้ปอมหยุดดื่มไปแล้วเพราะรู้ตัวว่าถ้ามากกว่านี้คงเป็นภาระให้คนอื่นลากกลับคนโดก็เลยนั่งกินกับแกล้มเล่นพร้อมส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยให้สาวๆ ไปเรื่อย

ผู้หญิงบางคนกล้าเข้ามาทักทายและขอไลน์ ส่วนบางคนก็เขินจนบิดตัวแทบเป็นเกลียว พวกเธอก็น่ารักดีแต่ไม่ใช่สเปคผมสักคนเดียว ให้คุยเล่นฆ่าเวลาก็คงไม่เหมาะเพราะเท่ากับเราไปให้ความหวังเขาเล่นๆ ไม่ถนัดเป็นคนชั่วแต่ถนัดเป็นไอ้กาก โธ่ ชีวิตนายกิมมิคจะรันทดอะไรขนาดนี้

ส่วนทางด้านไอ้ปอมถึงแม้ดูภายนอกแล้วอัธยาศัยดีแต่สุดท้ายก็หลีกเลี่ยงการให้ช่องทางตืดต่อเหมือนกัน แหม... แอบชอบโฮมก็บอกมาเหอะ ทำเป็นปากแข็งปฏิเสธนู่นนี่อยู่ได้ ถ้าผมไม่กลัวว่าคีนจะเข้าใจผิดอีกรอบคงวางแผนแกล้งจีบไปแล้ว หึหึ อยากเห็นไอ้หมาดิ้นพราดๆ เหมือนโดนน้ำร้อนลวกจัง คงสนุกพิลึก

“มึง...” อยู่ๆ สายตาผมก็ปะทะเข้ากับร่างอันคุ้นเคยของคนสองคนที่เห็นบ่อยให้มหา’ลัยช่วงนี้ ก็ไม่แปลกที่จะเจอกันในร้านเหล้า แต่... มันใช่เหรอวะ

“อะไร?” ไอ้ปอมที่นั่งอยู่อีกฝั่งเอียงคอมองกันอย่างไม่เข้าใจ ผมเลยพยักพเยิดหน้าเป็นสัญญาณให้มันหันหลังไปตรงทางเข้าร้าน ตอนนี้เพลงที่ชอบก็ไม่เข้าหูซะแล้ว

“นั่นพี่โซน ทำไมมากับพี่เซียนวะ?” เนี่ย ไอ้สิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะเจอที่นี่ เขารู้จักกันด้วยเหรอ แต่ดูจากสีหน้าของไอ้ปอมแล้วมันไม่ตื่นเต้นเลย สรุปว่ากูตกข่าวอยู่คนเดียวสินะ

“ถ้าข่าวไม่ผิดเขาเป็นพี่น้องกันอะ” มันบอกก่อนจะละสายตาจากคนทั้งคู่แล้วจ้วงยำมาม่าที่เพิ่งสั่งมาเพิ่มเมื่อครู่

“ห๊ะ... โลกกลมเกินไปปะมึง” ผมร้องเสียงหลงแล้วเพ่งมองสองคนนั้นมากขึ้น จะว่าไปทั้งคู่ก็หน้าตาคล้ายกันอยู่ แต่แม่ง... โอย สับสนไปหมดแล้วเว้ย

“เออ กลมจนมึงจะยืนไม่ติดพื้นแล้วเนี่ย” ไอ้ปอมแซวด้วยเสียงกลั้วหัวเราะเพราะเห็นท่าทางกระสับกระส่ายของผมที่อยากวิ่งไปถามสองคนนั้นให้รู้แล้วรู้รอดว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆ เหรอวะ ในใจก็เชื่อเพื่อนแต่อยากให้มันไม่ใช่ไง แบบนี้จะกล้าบุ่มบ่ามจีบคีนได้ยังไงในเมื่อพี่โซนกับไอ้ว่านอาจมีผลกระทบ หรือผมแค่คิดมากไปวะ เรื่องรักๆ มันก็แค่คนสองคนไม่ใช่หรือไง อ๊าก ปวดหัว! ขยี้แม่งให้รังแคกระจายไปเลย

“โอย กูกากก็แย่พอแล้ว นี่ต้องมาเจอพี่ชายแฟนเพื่อนเป็นศัตรูกับตัวเองอีกเหรอ? เชี่ยกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว” ผมทึ้งหัวตัวเองจนเจ็บไปหมดก่อนจะฟุบหน้าลงกับท่อนแขนเพราะไม่อยากเห็นทั้งสองคนอยู่ในสายตา เหมือนสวรรค์แกล้งให้พวกเขานั่งอยู่ถัดไปไม่กี่โต๊ะอะ โคตรใจร้ายกับเด็กผู้ชายตาดำๆ อย่างไอ้กิมเลย ฮือ

“ใจเย็นๆ ไอ้กิม อะ แดกเหล้าย้อมใจซะ” ไอ้ปอมดันแก้วเหล้ามาโดนแขนทำให้ผมสะดุ้งแล้วเหลือบตามองมันอย่างแค้นเคือง สีเครื่องดื่มที่ต้องกับแสงไฟบ่งบอกได้ดีว่ามันเข้มขนาดไหน นี่มันกะมอมกันแล้วรูดทรัพย์หรือเปล่าวะ เชี่ยนี่ ชงเข้มตลอด

“ย้อมเพื่อ?” ผมดันแก้วเหล้าออกไปไกลๆ แล้วขยับตัวนั่งหลังตรงแต่ก้มหน้าลงมองจานอาหารตรงหน้าเพราะไม่อยากเห็นพี่เซียนโปรยยิ้มหล่อ แค่นี้ก็แพ้จนไม่รู้จะแพ้ยังไงแล้วเหอะ อย่าตอกย้ำเลย

“ก็อีกเรื่องน่ะ พี่เซียนเป็นหมอสัตว์”

“ห๊ะ...” เขาเป็นหมอหมาส่วนผมเป็นหมาขี้เรื้อน โอ้โห สวรรค์กับนรกชัดๆ อะ ร้องไห้ได้ไหมล่ะครับ พอจะยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกย้อมใจอย่างที่ไอ้ปอมว่าก็โดนมันขัดจังหวะอีก รักกูจังเนอะ

“เรียนสาย Exotic Pet”

หมายถึงพวกสัตว์พิเศษจำพวกหนู นก แรคคูน งู ต่างๆ ใช่ไหม นับถือความใจกล้าของพี่เซียนเลยว่ะ แต่เดี๋ยวก่อนสิ รู้สึกผมลืมอะไรไปสักอย่างไหม ชมจันทร์... กระต่าย!

“ฉิบหาย... กระต่ายก็รวมอยู่ในสัตว์พวกนั้นด้วยใช่ปะ?” โอ้โห ผมรู้สึกเหมือนตัวเองบรรลุสัจธรรมของชีวิตอีกข้อหนึ่งเลยว่ะ โอ๊ย แบบนี้ก็แย่สิ ตายแน่ๆ มือที่ถือแก้วเหล้านี่สั่นกึกเลย

“เยส เข้าทางพี่เซียนพอดีที่จะจีบคีนด้วยเรื่องชมจันทร์” ไอ้ปอมช่วยพูดความคิดในสมองของผมออกมาจนหมด แล้วไหนทางกูบ้างล่ะเฮ้ย มีไหม! หรือต้องรออยู่ที่เดิมรอให้เขาคบกันเป็นเรื่องเป็นราวซะก่อน

“โอ๊ย ขอเหล้าสามฝาโซดาครึ่งแก้วด่วน!” เอาให้เมาลืมวันลืมคืนไปเลย!

“ออนเดอะร็อคเลยไหมมึง? หึหึ” เสียงซาตานเสนอทางเลือกเมาให้เร็วขึ้นแต่ผมกลับส่ายหน้าปฏิเสธเพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็นสภาพตัวเองตอนนั้น คงดังไปทั้งมหา’ลัยแน่ถ้าอ้วกแตกกลางร้าน ฮือ เวรและกรรมอะไรของกูเนี่ย

ผมประคองสติขับรถกลับมานอนตายที่คอนโดไอ้ปอม เสื้อผ้ายังอยู่ชุดเดิมเพราะไม่มีแรงจัดการตัวเอง พอตื่นขึ้นมาปุ๊บก็เจอใบหน้าของเพื่อนสนิทในระยะประชิด กลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้งกระจายออกมากับลมหายใจ เหม็นจนแทบอ้วกแต่ก็ไม่สามารถขยับหนีได้เพราะแม่งเอาขาเกี่ยวเอวผมไว้แน่นหนา กูไม่ใช่หมอนข้างนะเว้ย อีกอย่างคือขนลุกไปหมดแล้วจ้า!

“สัดปอม ขยับออกไป!” ผมใช้แรงทั้งหมดที่มีในตอนนี้ดันไอ้ปอมออกไปห่างๆ แต่มันกลับกระชับอ้อมแขนมากขึ้นแล้วซุกหน้าลงกับแผ่นอกส่งเสียงงึมงำคล้ายคนละเมอ ผมถอนหายใจแล้วนอนนิ่งมองเพดานให้กอดเต็มที่ จะว่าไปก็ง่วงอยู่หน่อยๆ ลุกไปก็คงทำอะไรไม่ได้เพราะปวดหัว ไม่น่ากินเหล้าจนเมาเล๊ย



ต่อด้านล่างน้า

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
ในจังหวะที่ตัดสินใจนอนต่อก็ได้ยินเสียงสั่นครืดๆ ดังมาจากในกระเป๋ากางเกง ผมลืมตาขึ้นแล้วรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาดู มันคือสายเรียกเข้าจากไอ้ว่าน ป่านนี้คงควิซเสร็จแล้วมั้ง เด็กคณะนี้ต้องทรหดตั้งแต่ปีหนึ่งเลยเหรอ นี่วันเสาร์นะเว้ย

“ฮัลโหล” ผมกรอกเสียงเนือยๆ ลงไปแล้วลองใช้มืออีกข้างดันไอ้ปอมออก ครั้งนี้ได้ผลเพราะมันเป็นฝ่ายพลิกตัวหนีเอง เฮ้อ หลุดรอดจากการเป็นหมอนข้างแล้วสินะ แต่หัวเมื่อไหร่จะหายปวดเนี่ย

‘ยังไม่ตื่นเหรอวะ? สิบโมงแล้ว’ ปลายสายถามเสียงสูงจนผมต้องผละโทรศัพท์ออกห่างด้วยใบหน้ามู่ทู่ แสบแก้วหูฉิบหาย แล้วเสียงลมนั่นคืออะไรวะ ซ้อนมอ’ไซต์พี่โซนอยู่หรือไง

“แฮงค์อยู่ มีอะไร?” ผมก้มลงดมเสื้อของตัวเองแล้วต้องผงะเพราะมันเหม็นทั้งกลิ่นเหล้า กลิ่นเหงื่อและกลิ่นบุหรี่ผสมปนเปกัน ไอ้ครั้นอยากลงไปซื้ออเมริกาโน่สักแก้วเพื่อแก้แฮงค์กลับต้องล้มเลิก ควรอาบน้ำก่อนดีกว่าเดี๋ยวชาวบ้านเขาจะหาว่าโสโครกได้

‘ตอนบ่ายว่างปะ?’ หืม กูว่าถามแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ โอย ปวดหัวตุบๆ โคตรน่ารำคาญเลย

“อือ ว่าง” แต่ก็ไม่อยากโกหกเพื่อนไง เผื่อมันลำบากแลเวอยากได้ความช่วยเหลือจากผม

‘อยากกินไอติมอะ’ โอเค กูควรโกหกมึง

“ชวนพี่โซนดิ”

‘อยากกินกับพวกมึง’

“ไอ้สัด กูปวดหัวจะระเบิดอยู่แล้ว อย่างอแงเป็นเด็กได้ปะ?” ผมด่ามันด้วยน้ำเสียงแหบแห้งก่อนจะลุกขึ้นยืนโงนเงนแล้วเดินตรงไปหาตู้เสื้อผ้า ขอถือวิสาสะรื้อของไอ้ปอมหน่อยแล้วกัน อืม เสื้อยืดสีดำกับกางเกงบอลคงพอไหว เอ๊ะ นั่นกางเกงในใหม่ยังไม่แกะห่อ เสร็จกู!

‘แค่นี้ทำเกรี้ยวกราดใส่อะ โกรธ’ ไอ้ว่านส่งเสียงกระเง้ากระงอดกลับมาซึ่งผมพอจะเดาสีหน้ามันได้ว่าบึ้งตึงขนาดไหน ก็เมื่อคืนทิ้งไปกินเหล้ายังไม่พอวันนี้เทเรื่องไอติมอีก แต่พอดีตอนนี้ผมอยู่ในโหมดคนเลวไง ไม่สนเชี่ยอะไรทั้งนั้นอะ เอาตัวเองจะไม่รอดอยู่แล้ว เมื่อครู่ก็เกือบหน้าทิ่มในตู้เสื้อผ้า

“เรื่องมึงเหอะ จะไปอาบน้ำแล้ว แค่นี้นะ”

‘ชิ เออๆ ไว้วันหลังก็ได้!” ไอ้ที่ยอมง่ายๆ แบบนั้นก็เพราะแม่งอยู่กับพี่โซนชัวร์ๆ แต่ทำกระแดะต่อสายหาเพื่อนเพราะไม่อยากได้รับฉายาว่าเป็นคนติดผัวก็แค่นั้น ผมกับไอ้ปอมรู้เรื่องนี้ดี เหอะๆ บาย

ผมเดินลงมามินิมาร์ทแล้วสั่งอเมริกาโน่สองแก้วไปเผื่อไปปอมที่ป่านนี้คงยังไม่ตื่นก่อนจะหยิบขนมขบเคี้ยว ไส้กรอก เกี๊ยวน้ำ ข้าวผัดกะเพรา สปาเก็ตตี้ใส่ลงในตะกร้าเพื่อกินเป็นมื้อเช้าควบเที่ยงเพราะไม่มีแรงประดิษฐ์ประดอยทำอาหารเอง แค่มีชีวิตรอดตื่นมาได้ก็เป็นบุญคุณหนักหนาแล้ว โดนแม่โทรสวดหลังจากอาบน้ำเสร็จด้วย เจริ๊ญ เจริญจ้า

ปกติผมจะเลือกใช้บันไดแต่วันนี้ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมเลยขอโดยสารลิฟท์ขึ้นสู่ชั้นห้า เดินทอดน่องดูดอเมริกาโน่ไปเรื่อยจนถึงหน้าห้องพัก ในขณะที่ล้วงหาคีย์การ์ดอยู่นั้นหางตาก็เหลือบเห็นว่าเพื่อนข้างห้องเปิดประตูออกมา ผมชะงักมือแล้วมองตามแผ่นหลังเขาเพราะรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด อาจจะเป็นใครสักคนในคณะล่ะมั้ง ช่างแม่งเถอะ หิวข้าวแล้วเว้ย!

สิ่งแรกที่เห็นเมื่อเปิดประตูห้องได้คือไอ้ปอมที่ตื่นแล้วกำลังยืนหาวอยู่กลางห้องนั่งเล่น มือข้างหนึ่งยกขึ้นขยี้หัวส่วนอีกข้างเกาก้นยิกๆ โอย ใครมาเห็นตอนนี้คงลงมติให้ปลดออกจากการเป็นรองเดือนคณะแน่ๆ ทุเรศลูกตาจนผมแทบปล่อยถุงในมือร่วง ไม่ต้องแดกแล้วมั้งอเมริกาโน่เนี่ย สร่างเมาเลยกู

“ไปไหนมาวะ?” มันปรือตามองกันตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะขยับเข้ามาแย่งกาแฟไปดูดทั้งที่ไม่ได้แปรงฟัน ผมทำท่าขยัแขยงแล้วเตะรองเท้าแตะออก เบี่ยงตัวหนีเข้าครัว ไม่อยากสัมผัสความโสโครกกลัวติดเชื้อเข้ากระแสเลือด

“กูถามก็ไม่ตอบอะ” ยังจะเดินตามมายืนพิงโต๊ะกินข้าวพูดฉอดๆ ให้น้ำลายกระเด็นเข้าหัวผมอีก เดี๋ยวกูเอาถุงไส้กรอกปาใส่หน้าแม่ง

“เห็นๆ อยู่ว่ากูถือถุงอะไรกลับมายังจะถามอีก แล้วนั่นไปอาบน้ำแปรงฟันก่อนไหม? ทุเรศว่ะ” ผมบุ้ยปากไปทางแก้วกาแฟที่บัดนี้มีคราบน้ำลายบูดของไอ้ปอมติดอยู่รอบหลอด ยกให้มึงเลยแล้วกันไม่ต้องคืนนะ รังเกียจ

“เฮ้ย กินตอนนี้อะดี จุลินทรีย์ในปากก่อนแปรงฟันมีประโยชน์นะ” มันอธิบายด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ แต่ผมกลับส่ายหัวเพราะไม่เห็นด้วย จะมีประโยชน์แค่ไหนก๋เหอะแต่มันก็สกปรก ถ้ามันกินตอนอยู่คนเดียวไม่ว่าอะไรสักคำเลยเหอะ

“โสโครก” ผมด่าก่อนจะฉีกถุงไว้กรอกเพื่อเอาเข้าเตาไวโครเวฟ

“ด่ากูเดี๋ยวก็จับจูบซะเลยนี่” ไอ้ปอมทำท่าจะจู่โจมตอนผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ก็เลยต้องยกขากันไว้ แม่ง เผลอไม่ได้จริงๆ ไอ้เพื่อนเชี่ย

“เข้ามากูถีบติดผนังแน่” ไม่ได้ขู่แต่ทำจริง

“โอย อย่าโหดเด้” มันถอยไปตั้งหลักซะไกลเลยเหอะ

“ไปอาบน้ำ” ผมสั่งเสียงเข้มก่อนจะโยนไส้กรอกใส่ไวโครเวฟได้สำเร็จแล้วหันไปทำตาดุใส่มันที่ยังยืนคอยท่าอยู่

“จ้าๆ ไปเดี๋ยวนี้เลย”

เออว่ะ ต้องให้แปลงร่างเป็นจอมมารอยู่เรื่อยถึงจะเชื่อฟัง ผมมีลูกมากกว่ามีเพื่อนจริงๆ นั่นล่ะ เฮ้อ เหนื่อยใจเว้ย!

หลังจากจัดการไส้กรอกทั้งสี่อันเสร็จก็อยากต่อด้วยสปาเก็ตตี้แต่ไอ้ปอมห้ามไว้เพราะมันจะโชว์ฝีมือทำอาหารมื้อเที่ยงให้กินเอง แต่ผ่านมาแล้วยี่สิบนาทีมันยังเอาแต่เล่นเกมไม่ยอมลุกไปไหน ชาตินี้จะได้แดกไหมข้าวอะ หิวเว้ย หิวจนแดกควายได้ทั้งตัวแล้ว

“ตกลงจะเริ่มทำเมื่อไหร่?” ผมยื่นตันไปสะกิดไอ้ปอมที่นอนยาวเล่นเกมอยู่บนโซฟาอีกตัวหนึ่ง มันหันมาคลี่ยิ้มหวานอย่างเอาใจแล้วกลับไปจดจ่อเหมือนเดิม เดี๋ยวกูโมโหหิวขึ้นมาป้อมเปิ้มมึงไม่ต้องตีแล้วไอ้สัด!

“อีกนิดๆ ใกล้จบเกมแล้ว” โอ้โห สีหน้ากำลังเมามันส่วนนิ้วนี่กดยิกๆ จนกลัวว่ามันจะล็อกเข้าสักวัน ผมไม่ค่อยอินกับ Rov เท่าไหร่เพราะเล่นทีไรหัวร้อนทุกที

“เออ งั้นกูขอลงไปซื้อขนมเค้กฝั่งตรงข้ามก่อน แม่บ่นว่าอยากกิน” ด้วยความที่ขี้เกียจนั่งรอความหวังจากไอ้ปอมก็เลยตัดสินใจลงไปเลือกซื้อขนมจากร้านฝั่งตรงข้ามที่มาเปิดใหม่ดีกว่า ได้ข่าวว่าเป็นร้านในเครือของโฮมด้วย หึหึ แต่ไอ้หมาไม่รู้เรื่องนี้ ปล่อยให้โง่ต่อไป

“ได้ๆ เออ แต่มึงจะกินอะไร?” มันผงกหัวขึ้นมองกันครู่หนึ่ง ส่วนผมไม่ได้ตอบอะไรเพราะคิดไม่ออก ก้าวขายาวๆ ไปหยุดใส่รองเท้าอยู่หลังประตูห้อง จับลูกบิดเปิดออกแล้วเจอกับผู้ชายคนเมื่อครู่เดินกลับเข้ามาทางนี้

ผมถอยหลังเข้าห้อง ปิดประตูดังปังจนไอ้ปอมสบถด่า ยืนหอบหายใจแรงๆ พร้อมกับยกมือขึ้นกุมหน้าอก เมื่อครู่นี้ไม่ผิดแน่ ถึงผมของเขาจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนแทนสีบลอนด์ทองก็เถอะ

“คีน!” ในที่สุดผมก็หลุดเรียกชื่อของเขาออกมาเสียงดังพอจะให้ไอ้ปอมได้ยิน มือที่ถือโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์สั่นกึกๆ โอย คีนมาโผล่ที่นี่ได้ยังไงวะ

“ห๊ะ อารมณ์ไหนของมึงอยากกินอาหารคลีน?” ไอ้ปอมทิ้งโทรศัพท์แล้วเดินตรงมาทางนี้ ผมส่ายหน้ารัวให้มันแล้วชี้โบ้ชี้เบ้ไปทางห้องข้างๆ แต่ดูเหมือนไอ้ปอมจะไม่เข้าใจ ทำหน้าเอ๋อใส่กูเพื่อ!

“ไม่ใช่เว้ย กูหมายถึงว่ากูเห็นคีนที่นี่!” น้ำเสียงของผมยังไม่ลดระดับความตื่นเต้นผิดจากไอ้ปอมที่ทำแค่พยักหน้ารับเหมือนกำลังคุยเรื่องปกติทั่วไป

“อ้อ... คีนเหรอ?” เออ คีนไง นายคณินท์ไง มึงจำเพื่อนไม่ได้เหรอไอ้ปอม!

“เออ หรือกูยังไม่สร่างเมาวะ?” ผมพึมพำกับตัวเองแล้วเคาะข้างขมับเพราะไม่มีทางจะเจอคีนได้ที่นี่แน่ๆ ก็เขาพักอยู่บ้านไม่ใช่เหรอวะ เออ กูเบลอใหญ่แล้วเนี่ย สงสัยคิดถึงมากไปหน่อย

“เปล่าหรอก คีนตัวเป็นๆ แน่นอน กูลืมบอกไปว่าเขาเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อสามวันก่อน” ท้ายประโยคของไอ้ปอมแผ่วเบาจนแทบฟังไม่รู้เรื่องแตานั่นก็ทำให้ผมเบิกตาโตด้วยความโมโห มึงมันเพื่อนชั่ว ไอ้คนทรยศ!

“อะไรนะ!”

“ตามนั้นจ้า” นู่น มันถอยหนีจนเดินไปชิดโซฟาแล้ว รู้ตัวว่าผิดสินะ หึหึ

“ไอ้ปอม...” ผมย่างสามขุมเข้าไปหามันด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียมแล้วทิ้งโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์ไว้บนโซฟา หักข้อนิ้วดังกร๊อบเตรียมอัดไอ้เพื่อนตัวดีให้เละติดผนัง

“เก๊าขอโต้ด เก๊าลืม อ๊าก!”

“ไปตายซะ!”




---------------------------------------------

เจ้ากิมคนกากอย่าเอาแต่เพ้อนะ
ตอนหน้าต้องเริ่มทำอะไรสักอย่างแบบจริงจังได้แล้ว

เอาใจช่วยย้องกันด้วยเนอะ

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
รูปถ่ายใบที่ 5



หลังจากที่ผมไล่เตะไอ้ปอมจนหนำใจแล้วก็คว้าเอากระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ รวมถึงกุญแจรถมาถือไว้ให้มั่นก่อนจะก้าวขายาวๆ ไปที่ประตูโดยไม่สนใจเสียงเรียกโหยหวนที่ดังตามมาด้านหลัง คนเชี่ยอะไรน่ารำคาญแม้กระทั่งตอนหายใจ หงุดหงิดจนแทบฆ่ามันทิ้ง มึงซ้อมเป็นอัลไซเมอร์เหรอถึงได้ลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ สามวันที่คีนย้ายมาอยู่ข้างห้องเป็นเวลาไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ โอย โกรธจนไข่ เอ๊ย หน้าสั่นเลยแม่ง

“จะไปไหนวะกิม?” คราวนี้เสียงมันดังอยู่ด้านหลังไม่ห่างจากจุดที่ผมยืนสักเท่าไหร่ เพราะตอนที่เหลือบสายตรไปมองไอ้ปอมเพิ่งก้าวถอยหลังไปชนกับชั้นวางรองเท้า อืม ประมาณหนึ่งเมตร ไอ้สัด เข้ามางับหูกูเลยไหมล่ะ!

“กลับบ้าน” ผมตอบเสียงเรียบก่อนจะยกขาเพื่อเขี่ยรองเท้าบนชั้นลงมาใส่ต่อหน้าต่อตาเจ้าของห้อง มารยาททรามขนาดที่มันต้องยกมือขึ้นเกาหัวพร้อมทั้งแสดงสีหน้ายุ่งเหยิงแต่ไม่กล้าออกปากด่า คนมีชนักติดหลังก็ขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ

“แล้วข้าวเที่ยงของเราสองคนล่ะ?” คำถามเรียบๆ ที่ดูเหมือนไม่มีอะไรแอบแฝงทำให้ผมหยุดการใส่รองเท้าแล้วเลื่อนสายตาไปมองหน้ามันแทน มึงสาบานไหมว่าไม่ได้กำลังกวนตีนในขณะที่กูยังกำหมัดด้วยความโกรธแบบนี้ วอนหาเรื่องเจ็บตัวเพิ่มเหรอไง

“อย่าพูดอะไรที่ชวนให้ตีนกระตุกได้ปะวะ?” ผมถลึงตาใส่มันแล้วกลับมาสนใจยัดตีนใส่รองเท้าเหยียบส้นจนยับเยิน หางตาเห็นไอ้ปอมรีบยกมือทั้งสองข้างเป็นสัญลักษณ์ว่ายอมแพ้พร้อมกับก้าวถอยหลังไปตั้งหลักจนเกือบถึงโซฟากลางห้อง นี่เพื่อนไงไม่ใช่ตัวเชื้อโรคหรือพวกจิตวิปริตคิดจะฆ่าคนตลอดเวลา

“โทษๆ ก็ไหนบ่นว่าหิว รอชิมฝีมือกูก่อนดิ”

“จะกลับไปเก็บเสื้อผ้า” ผมพูดจบก็จับลูกบิดห้องเตรียมเปิดแต่ไอ้ปอมกลับพุ่งเข้ามาคว้าเอวสอบไว้แถมยังซบหน้าบนแผ่นหลังเหมือนกับนางเอกที่กำลังรั้งพระเอกไม่ให้ไป ผมทั้งสะบัดทั้งศอกกลับแต่มันก็ดื้อด้านเหมือนปลิงดูดเลือดหรือตีนตุ๊กแก เกาะเหมือนจะสิงสู่ร่างกูแล้วเนี่ย อึดอัด ใครเข้ามาเห็นสภาพตอนนี้จะคิดยังไง คีนอยู่ข้างห้องนะไอ้หมา!

“ห๊ะ นี่โกรธกูจนถึงขั้นจะย้ายบ้านหนีเลยเหรอ?” ไอ้ปอมถามเสียงกระเง้ากระงอดแล้วกระชับอ้อมแขนมากขึ้นจนผมรู้สึกขยะแขยงเลยใช้มือข้างหนึ่งประเคนกำปั้นลงกลางกะโหลกของมันแบบเน้นๆ ดังป๊อก และมันได้ผลชะงัดเมื่อไอ้มือปลาหมึกล่าถอยออกไปจนหงายหลังลงบนโซฟา ตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยประหนึ่งมดกัดพวงสวาท

“ไอ้สัด มึงเอาสมองส่วนไหนคิด หรือแม่งเอากีบเท้ามาใช้แทน?” ผมตามไปจิ้มหน้าผากมันซ้ำๆ ด้วยความหมั่นไส้ ไอ้ปอมปัดป่ายก่อนจะร้องโวยวายไม่เป็นภาษา ดูไปดูมาก็ตลกดี ถ้ามันไม่ใช่เพื่อนสนิทผมคงตกบ่วงความเฮฮาปนน่ารักแบบนี้ไปแล้ว แต่ปัจจุบันคือแค่คิดก็จะอ้วกใส่แม่ง ขยะแขยงขั้นสุด

“ด่ากูเป็นควายตรงๆ ก็ได้ไม่ต้องอ้อมค้อม โอย เจ็บหัวสัด” มันตวัดสายตามองกันอย่างโกรธๆ แล้วใช้มือข้างหนึ่งลูบกลางหัวบรรเทาอาการเจ็บ ผมถอยออกมาจากตรงนั้นเพื่อจะได้ลอบแสยะยิ้มด้วยความสะใจ เออ ด่าว่าเป็นควายทางอ้อมก็รู้ตัวด้วย หึหึ

“ทีแบบนี้ฉลาดเชียวนะมึง” ผมว่าต่อก่อนจะเดินกลับไปใส่รองเท้าให้เรียบร้อย อีกครั้งที่มือวางอยู่บนลูกบิดแต่ประตูไม่ได้ถูกเปิดออก ไอ้ปอมมันลุกขึ้นจากโซฟาเดินเอียงซ้ายทีขวาทีตรงมาทางนี้อีกแล้ว นี่มึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรกูตั้งแต่ชาติปางก่อนหรือไง ตามติดไม่หยุดเนี่ย บ้าบอ

“หูย ถือว่าชม” พอไอ้ปอมถึงจุดสตาร์ทเดิมคือตรงชั้นวางรองเท้าก็คลี่ยิ้มเผล่อวดฟันขาวเกือบครบสามสิบสองซี่ให้ชม ผมถอนหายใจเฮือกเพราะจนปัญญาที่จะสนทนาภาษาคนกับหมา เสียเวลาเถียงกับมันจนไม่เป็นอันทำอะไร ประโยชน์ก็ไม่เกิด คอก็แห้ง โอย แย่

“รำคาญแม่ง” อะ ผมได้เปิดประตูห้องแล้วนะ แต่สูดกลิ่นจากภายนอกได้ไม่ถึงสามวิฯ ไอ้ตัวซวยก็กระชากคอเสื้อด้านหลังให้กลับไปยืนที่เดิมพร้อมกับเสียงดังปัง อืม เมื่อไหร่กูจะได้กลับบ้านสักทีเนี่ย

“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไปดิ แล้วมึงจะเก็บเสื้อผ้าทำไม?” คำถามเดิมแต่เพิ่มเติมความสงสัยด้วยการขมวดคิ้วมองหน้ากันแถมด้วยการกระตุกคอเสื้อด้านหลังยิกๆ เพื่อเร่งให้ตอบ นี่ถ้าไม่ติดว่าผมต้องขอความช่วยเหลือจากไอ้ปอมคงซัดหมัดใส่สันกรามอันน่าภูมิใจของมันไปแล้ว เพื่อนห่าอะไรไม่สนใจว่ากูจะตายเพราะขาดอากาศเนี่ย สัด!

“ย้ายมาอยู่กับมึง” ผมตอบก่อนจะหยิกแขนไอ้ปอมให้ผละออกจากคอเสื้อสักที มันร้องอูยแต่ไม่ตอบโต้กลับเพราะรู้ตัวว่าทำผิด

“ห๊ะ?” ผ่านไปเกือบนาทีมันถึงจะร้องด้วยความงงงวย ไอ้บ้านี่ความคิดตกร่องเหรอ

“ทำหน้าควายงงอีก คีนไงคีน จะต้องอธิบายอะไรให้มากความวะ!” ผมตะโกนอัดหน้ามันโดยไม่สนว่าน้ำลายจะกระเด็นใส่ไหม โมโหแล้วไง เสียเวลามากแล้วเนี่ย หิวก็หิว แดกควายได้ยังน้อยไป ตอนนี้ช้างทั้งตัวก็คงไม่พอ โอย หงุดหงิดใจแม่ง

“อ้อ อยากใกล้ชิดคีนว่างั้น?” มันถามเสียงทะเล้นเมื่อสมองอันฉลาดแต่ตอนนี้กลับเล็กเท่าเมล็ดถั่วเขียวกลั่นกรองและแปรความหมายในการกระทำของผมออก พอรู้เรื่องก็ทำหน้าเป็นหมาเจ้าเล่ห์เลยนะมึง หมั่นไส้จนอยากเรียกโฮมมาจูบโชว์ เอาให้ไอ้ปอมดิ้นพราดเหมือนปลาโดนน้ำร้อนลวกเลย สะใจ!

“เออ!” ผมกระชากเสียงตอบก่อนสะบัดตัวฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจ คราวนี้ไม่จับลูกบิดแล้วเพราะกลัวว่าจะไม่ได้ออกจากห้องสักที แม่ง นัวเนียกับไอ้ปอมจนเผลอเคลิ้มไปหลายรอบแล้วเนี่ย ถ้าหน้ามืดปล้ำมันคงมองหน้ากันไม่ติด หลอกๆ นะ อย่าเชื่อผมเลย เดี๋ยวฟ้าจะผ่าเอา

“ว๊าย พัฒนา” ทำเสียงเล็กเสียงน้อยไม่พอยังส่งมือหยาบๆ มาแตะแก้มกันอีก ขนลุกเว้ย ไอ้บ้า ผมสะบัดหนีจนหัวแทบหลุดจากคอซึ่งนั่นทำให้ไอ้ปอมงอตัวหัวเราะชอบใจใหญ่โต อยากเอาเท้ายัดปากให้มันเงียบแต่ก็คืดอีกทีก็ขนลุก อย่าดีกว่า...

ไม่ใช่ว่าโดนคีนเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งที่เผลอเสียงดังไปแล้วเหรอวะ ผนังห้องที่ว่าหนาอาจจะแพ้พวกเราสองคนก็ได้ ยังไม่ได้เริ่มจีบแต่โดนเกลียดคงเป็นความอัปยศของชีวิตขั้นสุด ถ้าเป็นอย่างนั้นกูรับไม่ได้!

“กูไม่ใช่คนโง่ดักดานเหมือนมึงที่ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองชอบใคร” เนี่ยตอบกลับแบบผู้ดีไม่ต้องด่าให้เปลืองน้ำลาย แค่นี้มันก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมแต่ไม่นานก็โบกมือเป็นพัลวันทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ มึงโง่เรื่องกลบเกลื่อนความรู้สึกทำไมไม่เคยจำใส่กะโหลกสักทีวะเพื่อน เฮ้อ เพลีย

“โอย กูยังไม่อยากเอาหัวใจไปผูกกับส้นตีนใครหรอก เป็นโสดก็ดีอยู่แล้ว” มันเอนหลังพิงผนังก่อนหลับตาลงพลางกอดอกทำตัวสบายๆ ทั้งที่ผมสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวในน้ำเสียง ก็เป็นซะแบบนี้ ปากแข็งทั้งที่ใจอ่อน พอมันเจอโฮมทีไหร่ก็เปลี่ยนจากส้นเท้าเป็นฝ่ามือตลอด นุ่มนวลอย่าบอกใครเชียวล่ะ หึหึ

“หึ สักวันมึงจะไม่พูดแบบนี้ไอ้ปอม” ผมว่าก่อนจะใช้มือข้างที่เพิ่งแคะจมูกผลักหัวมันด้วยความหมั่นไส้ ดวงตาคมเปิดขึ้นพลางถลึงมองเหมือนอยากเอามีดมาปาดคออย่างไรอย่างนั้น แทงใจดำล่ะสิ

“เออน่า ยืนเถียงกับกูแบบนี้ไม่รีบแล้วเหรอไง?” ไอ้ปอมขยับตัวยืนตรงแล้วพยักพเยิดหน้าไปทางประตูที่บัดนี้ยังคงปิดสนิท ผมร้องเสียงหลงก่อนจะตบหน้าผากตัวเองดังแปะ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือก็ได้แต่สบถเสียงงุ้งงิ้ง ไอ้เชี่ย จะบ่ายโมงแล้ว

“รีบสิ ไปล่ะ เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงกลับมา” ผมโบกมือลาเพื่อนแล้วเอื้อมมือไปจับลูกบิด ในใจคิดว่าครั้งนี้คงได้ออกสู่โลกกว้างแน่นอน จะรีบวิ่งลงลิฟท์ไปลานจอดรถ เหยียบคันเร่งสักร้อยห้าสิบ ถ้าบินได้กูบินแล้วเนี่ย แต่... ไอ้สัดปอมจะรั้งแขนกูทำไม!

“ให้ทำกับข้าวรอเลยปะ?” มันถามหน้าซื่อตาใสพลางออกแรงบีบมือเบาๆ เพื่อกระตุ้นเอาคำตอบในขณะที่ผมกำลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สะกดอารมณ์โมโห ท่องไว้ว่ากูต้องอาศัยมันอยู่จนกว่าจะจีบคีนติดซึ่งก็ไม่รู้ว่าขาติไหนเหมือนกัน โอ๊ย จ้างมือปืนไปยิงพี่เซียนได้ปะวะว เครียดฉิบหาย ยิ่งกว่าตอนสอบเข้ามหา’ลัยซะอีก

“ไม่ต้องทำ”

“แล้วจะแดกอะไรกันล่ะทีนี้?” มึงก็ห่วงเลือกแดกจังเนี่ย ปล่อยให้กูกลับบ้านไปเก็บผ้าก่อนดีปะวะ เดี๋ยวก็เตะเข้าสักเปรี้ยวอีกหรอก

“ชวนคีน” ผมพึมพำบอกก่อนจะปัดมือไอ้ปอมทิ้งแล้วเปิดประตูเพื่อโผล่หน้าออกไปดูลาดเลาว่าคีนออกมาจากห้องหรือเปล่า ปรากฏว่าทางสะดวก เฮ้อ โล่งอก เพราะถ้าหากเจอกันหน้าห้องอีกผมคงทำตัวไม่ถูกอะ ก็แม่ง เมื่อคืนดันฝันว่าวอแวเขาไปเยอะ ทั้งกอด จูบ ลูบ คลำ ขยำ ขยี้ อีกนิดเดียวจะเปลื้องผ้าแล้วถ้าไม่โดนส้นตีนเพื่อนกระแทกปลายคาง ไอ้เชี่ยเอ๊ย ฟันเกือบหัก!

“ห๊ะ?” ไอ้ปอมกระพริบตาปริบๆ ด้วยความงง ผมเชื่อว่ามันคงได้ยินแต่ไม่ชัดอย่างแน่นอน แล้วอีกอย่างคือไม่คิดว่าไอ้กากจะกล้าชวนคีนไปกินมื้อเที่ยง

“กลับมาแล้วจะชวนคีนไปแดกข้าว!” ผมกระแทกเสียงตอบก่อนจะพุ่งตัวออกจากห้องอย่างรวดเร็วเพราะรู้สึกว่าอุณหภูมิตรงบริเวณแก้มร้อนกว่าส่วนอื่นๆ ปากที่พร่ำบอกเพื่อนสั่นระริก ดวงตามองตรงไปยังประตูห้องคีนอย่างหวาดระแวง เชี่ยเอ๊ย ลืมคิดไปเลยว่าไม่ควรตะโกนอะไรแบบนั้นทั้งที่เป้าหมายอาจได้ยิน โอย อยากตบหน้าตัวเองสักพันครั้งแต่ก็กลัวเจ็บ... คนมันกากยังไงก็กากอยู่ดี

“อ๋อจ้า จะรอน้าที่รัก” ไอ้เพื่อนเฮงซวยทำปากจู๋พร้อมเบิกตาโตเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูดและไม่นานนักมันก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นล้อเลียน ใช้น้ำเสียงตอแหลพลางโบกมือบ๊ายบาย นี่ถ้าไม่ติดว่ารีบจะวิ่งเข้าไปกระโดดถีบให้หงายหลังเลย หมั่นไส้เว้ย!

การกระทำไปไวกว่าความคิดเมื่อผมวิ่งลงบันไดซะเฉยๆ ทั้งที่ต้องใจโดยสารลิฟท์เพราะไม่เหนื่อย กว่าจะถึงรถก็แทบขาดใจยังมาเสียเวลายืนหอบแฮ่กๆ อยู่ข้างรถอีกสองนาที ด้วยความที่ข้าวเช้าก็กินเท่าแมวดมข้าวเที่ยงก็ยังไม่แดกอาการหน้ามืดเลยมาเยือนนิดหน่อย เดือดร้อนต้องคลำหายาดมที่แม่ทิ้งไว้ยัดจมูกอีก สูดจนรู้สึกว่าดีขึ้นก็เหยียบคันเร่งแบบไม่คิดชีวิตเพื่อมุ่งสู่ปลายทาง โอย สังขารกูทำไมเหมือนคนแก่อายุหกสิบแบบนี้เนี่ย จะตายก่อนได้เมียหรือเปล่าวะ

ความรู้สึกในตอนนี้คืออยากแหกปากตะโกนด่าใครก็ได้ที่มันทำให้รถติดในซอยหมู่บ้าน แม่งเอ๊ย อีกแค่ร้อยเมตรก็จะถึงบ้านอยู่แล้ว ผมนั่งสบถใส่ลมใส่ฟ้าไปเรื่อยเพราะทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ รอ และรอ โอย จะบ้าตายเว้ย แล้วไอ้เสียงสั่นครืดๆ ของโทรศัพท์โคตรน่ารำคาญเลย พอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าไอ้ปอมส่งไลน์มาอวดว่ามันเจอคีนที่หน้าห้องตอนลงไปหาอะไรกินรองท้อง อ๊าก แม่งเอ๊ย อิจฉาสัดๆ

พอจะวางโทรศัพท์ลงเมื่อรถเริ่มขยับไปด้านหน้ามันกลับสั่นขึ้นอีกครั้งเป็นการแจ้งเตือนจากไลน์เหมือนเดิมแต่คราวนี้มีแค่รูปคีนใส่กางเกงขาสั้นสีขาวเหนือเข่า คีบแตะ เสื้อยืดสีฟ้าสดใส ปล่อยผมด้านหน้าเป็นธรรมชาติ ใส่แว่นทรงกลมโตๆ โอ๊ย คือแม่งโคตรพ่อโคตรแม่น่ารัก ตาลุกเป็นไฟแล้วเนี่ย โดเรม่อนอยู่ไหนกูอยากวาร์ป!

เมื่อรถจอดสนิทผมก็วิ่งลงโดนไม่คิดชีวิตจนแทบล้มหน้าคะมำเพราะสะดุดนั่นนี่ไปตลอดทาง ที่พีคสุดคงเกือบเตะกระถางต้นไฮเดรนเยียสีม่วงครามสุดที่รักของแม่ ถ้าหากมันกระจุยคาเท้าคงโดนโกรธเป็นเดือนแน่ๆ แต่โชคดีหน่อยที่ใช้ไหวพริบในการหลีกได้คล่องตัวจนถึงหน้าประตูบ้าน เอื้อมมือกระชากมันเปิดออกแล้วรีบวิ่งปรู๊ดขึ้นบันได อีกนิดเดียวตวามฝันในการใกล้ชิดคีนจะเป็นจริงแล้ว ฮึ่ย แค่คิดก็...

“ตาคีน จะรีบวิ่งไปไหน!?”

เฮือก! ทำไมวันนี้แม่อยู่บ้านวะ ผมเกือบเหยียบขั้นบันไดพลาดเพราะตกใจเสียงเธอ ถ้าล้มลงฟันหักหมดปากนี่หน้าตาทุเรศเลยนะ...

ผมหันไปยิ้มหวานให้แม่ที่นั่งไขว่ห้างกอดอกมองกันด้วยสายตาจับผิดแล้วรีบทำตัวเป็นเด็กชายกิมมิคเข้าไปกอดคลอเคลีย หอมแก้มฟอดใหญ่ๆ เป็นการเอาใจ เพราะคืดจะทำการใหญ่ใจต้องน่ารัก ฮึ่ย สยองตัวเองฉิบหาย

“แม่อยู่บ้านเหรอครับวันนี้?” ผมผละตัวออกมาแล้วถามแม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอมองหน้ากันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยใบหน้านิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลุดยิ้มแล้วเอื้อมมือมาหยิกแก้มผม คงมันเขี้ยวที่หายหน้าหายตาไปทั้งคืนสินะ โอย เจ็บอะ

“จ้า รอเจ้าตัวดีของแม่ที่ไปเมาเรื้อนไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องไง” เนี่ย ผมเคยทายผิดซะที่ไหนเล่า ถ้าเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลคงถูกรางวัลที่หนึ่งไปแล้ว เสียดายที่ไม่ใช่ เฮ้อ ถ้าทายใจคีนได้แบบนี้ก็ดีสินะ แล้วนี่กูจะดราม่าให้ได้อะไรวะ ต้องรีบไปเก็บเสื้อผ้าเส้

“โธ่ แม่ก็พูดเกินไป ผมแค่ไม่อยากขับรถกลับบ้านเพราะดื่มไปเยอะเท่านั้นเอง” อะ ทำตัวเป็นลูกที่ดีให้แม่ปลื้มสักหน่อย ทั้งที่ความจริงแล้วลากสังขารได้ถึงหอไอ้ปอมก็ใช้แต้มบุญของชาติที่แล้วบวกชาตินี้หมดเกลี้ยงแล้ว

“ค่ะ พ่อคุณลูกชาย แล้วนี่จะรีบวิ่งไปไหนหืม?” คำถามเดิมจากคุณนายร้านเพชรหลุดออกจากริมฝีปากเคลือบลิปสติกที่ชมพูหวาน ผมรีบยิ้มเผล่แล้วขยับเข้าไปออดอ้อนแม่อีกครั้ง

“เก็บเสื้อผ้าครับแม่” ค่อยๆ ตอบไปทีละสเต็ป ถ้าบอกรวดเดียวคงโดนเตะโด่งออกจากบ้าน ต้องให้เวลาแม่ในการประมวลผลก่อน

“หืม?” นั่นคือสัญญาณให้ผมพูดต่อ

“ไปนอนกับไอ้ปอมครับ” สเต็ปที่สองผ่านไปในขณะที่ผมก็ผละตัวออกมาสบตาคู่สวยของแม่ ใบหน้าของเธอจากที่ยิ้มแย้มก็เปลี่ยนเป็นเรียบเฉย มาแล้วไง ไอ้อาการไม่ชอบให้ผมไปค้างที่อื่นเนี่ย ทำอย่างกับมีลูกสาว โธ่ นี่โตเป็นหนุ่มพร้อมหาสะใภ้เข้าบ้านได้แล้วน่า ดูแลตัวเองได้แน่นอน

“กี่วัน?” อะ คำถามนี้โคตรยากเลย จะให้ตอบตามตรงก็คงโดนแม่ฆาตกรรรมแน่ๆ

“ก็อาจจะนานหน่อยครับ ช่วงนี้เรียนหนัก” ผมทำหน้าเศร้าเล่าความเท็จก่อนจะซุกหัวลงบนตักของแม่เป็นการออดอ้อน เธอนิ่งคิดไปพักใหญ่โดยไม่มองหน้ากันสักนิด ถ้าโดนปฏิเสธคงตายแน่ๆ หัวใจแหลกสลายชัวร์ ฮึก... เอาอีกแล้ว กูนี่ดราม่าไม่เข้าเรื่องเลยเนอะ โอย ปัญญาอ่อนว่ะ

“จะย้ายไปอยู่กับน้องปอมเลยว่างั้นเถอะ” แม่หลุบสายตามองหน้ากันก่อนจะใช้นิ้วเรียวเคาะลงบนปลายจมูกกันด้วยความมันเขี้ยว ผมยู่ปากเพราะเริ่มเจ็บแต่ก็ไม่หลีกหนีปล่อยให้เธอทำตามใจเพื่อผลลัพธ์อันดี

“ก็... ประมาณนั้นครับ” ผมตอบเสียงแผ่วแล้วคว้ามือแม่มาแนบแก้ม ถูไถเบาๆ กระพริบตาให้น่าเอ็นดู สาธุ ขอให้ได้ผลด้วยเถอะ

“เอาเถอะ จะไปก็ไป แต่อย่าลืมกลับมาบ้านบ้างนะคะ” แม่ระบายยิ้มหวานแล้วโน้มตัวลงมาแนบริมฝีปากกับหน้าผากของผมก่อนจะผละออกไปแล้วขยับเข้ามาอีกครั้งเป็นการย้ำ โอย ผมก็ทรยศความรักของเธอด้วยการคิดว่าถ้าเป็นคีนทำแบบนี้คงฟินน่าดู แม่งเอ๊ย อาการหนักจนกู่ไม่กลับแล้วครับ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโรคจิตอ่อนๆ เลยว่ะ

“ครับ” ผมตอบรับด้วยน้ำเสียงร่าเริงแล้วรีบดีดตัวออกจากตัก ขยับเข้าไปหอมแก้มแม่ทั้งข้างซ้ายและขวาก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบันไดเพื่อทำเวลาในการเก็บเสื้อผ้า เพราะตอนนี้เข็มสั้นของนาฬิกาถึงเลขสองแล้ว แม่งๆๆๆ อิจฉาไอ้สัดปอมเว้ย ระวังไว้เถอะ จะยึดห้องมันเป็นของตัวเองให้หมด หึ!

ตอนนี้ผมกลับมาถึงคอนโดไอ้ปอมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นสบายๆ แต่เปล่าเลย ไม่รู้ว่าอาการเกร็งจนตะคริวแดกขานี่มันมาได้ยังไงวะ เสือกเป็นเอาตอนที่ยืนอยู่หน้าห้องคีนด้วยสิ เนี่ย เมื่อไหร่กูจะมีราศีน่ามองเหมือนคนอื่นบ้าง ทุเรศทุรังสุดๆ

“เป็นเชี่ยอะไรเนี่ยไอ้บ๊วย?” ไอ้ปอมที่อยู่ข้างกันถามขึ้นด้วยความสงสัยจนหัวคิ้วขมวดฉับ หน้าตามันบิดเบี้ยวเมื่อเห็นท่าทางของผมเพราะยืนพิงกำแพงแล้วเอาแต่นวดขาพลางส่งเสียงอูยไม่ขาดสาย เจ็บแบบน้ำตาเล็ดอะมึง โอย ทรมานสัดๆ จะเหยียดขาให้ตรงก็ปวด อุปสรรคความรักเยอะจังวะ

“ตะคริวแดก เจ็บสัด” ผมบ่นเหมือนหมีกินผึ้งก่อนจะผละตัวออกจากกำแพงมายืนตรงๆ เมื่อเริ่มหายปวด สำรวจมองเสื้อผ้าหน้าผมตัวเองอีกครั้งแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเตรียมตัว... เคาะประตู เออ แค่นั้นล่ะ

“เกร็งเชี่ยไรขนาดนั้น? แค่จะชวนเขาไปกินข้าวไม่ได้ขอเป็นแฟนเว้ย” ไอ้ปอมเกรี้ยวกราดใส่พร้อมส่งกำปั้นมาเคาะหัวผมเต็มๆ แม่ง เบลอไปชั่วขณะจนไม่สามารถโต้ตอบกลับได้ ก็ถูกอย่างที่มันพูด แต่ถ้าคีนเป็นผู้หญิงอะไรๆ คงง่ายกว่านี้ปะวะ ถ้าผมเผลอออกตัวแรงเกินไปแล้วโดนยำตีนขึ้นมาจะว่ายังไง ถึงเขาจะไม่แสดงท่าทีรังเกียจพี่เซียนก็เถอะ

เอาอีกแล้ว ทำไมกูต้องคิดฟุ้งซ่านเรื่องคนอื่นด้วยวะ โอย เนี่ย ก็เป็นซะแบบนี้ เลิกกังวลคู่แข่งไม่ได้สักที ชอบเอาตัวเองไปเทียบกับพี่เซียนทั้งที่เป็นคนละคนกัน เฮ้อ แต่ผมไม่มีอะไรดีไง เลือกเรียนเอกถ่ายภาพแต่ใช้เป็นแค่กล้องโทรศัพท์ ส่วนอีกฝ่ายเรียนสัตวแพทย์เอก Exotic Pet คือโคตรเจ๋ง บ่อน้ำตาจะแตกเว้ย

“มึงไม่รู้อะไร การเริ่มต้นนี่ล่ะยากที่สุด” ผมดึงดราม่าก่อนจะทอดสายตามองบานประตูที่กั้นระหว่างตัวเองกับคีนเอาไว้ หรือว่าจะถอยไปตั่งหลักก่อนดีวะ วันนี้สภาพร่างกายกับสมองยังไม่ดีสักเท่าไหร่ อาการแฮงค์ยังคงเหลือบ้างประปรายเพราะรู้สึกปวดหัว เอ๊ะ ปวดท้องนิดๆ ด้วย อืม... กูว่าคงเครียดลงกระเพาะมากกว่า เฮ้อ

“เออๆ ขี้เกียจเถียง แต่กูอยากรู้แค่ว่าเมื่อไหร่มึงจะเคาะประตูสักที เดี๋ยวขอเวลาทำใจ เดี๋ยวตะคริวแดก นี่มันสิบนาทีแล้วนะเว้ยที่ยืนตรงนี้ ชาวบ้านจะหาว่าเป็นพวกโรคจิตถ้ำมองได้” ไอ้ปอมบ่นยาวยืดไม่พอยังเท้าเอวเหมือนคนแก่บ่นลูกหลานไม่มีผิด ผมถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะละสายตาจากบานประตูเพื่อมองหน้าเพื่อนผู้ประเสิฐ จากนั้นก็ใช้นิ้วมือดีดเข้าที่ติ่งหูมันแรงๆ

“บ่นอะไรยืดยาววะ เป็นพ่อกูหรือไง?”

“สัด นี่กูมาเป็นเพื่อนมึงนะไอ้กิม” มือลูบติ่งหูส่วนปากก็ด่าปาวๆ เห็นแล้วน่ารำคาญอยากถีบมันให้ปลิวออกนอกโลก แต่ทำไม่ได้เพราะยังต้องพึ่งพาไอ้ปอมอีกเยอะ อย่างหนึ่งที่สำคัญเลยคือห้องพัก เดี๋ยวแม่งไม่ให้อยู่ด้วยจะแย่เอา

“เออๆ จะเคาะแล้วนะ” อะ นี่เห็นแก่เพื่อนนะเว้ย ไม่อยากให้ยืนรอนาน แต่พอกำหมัดจะเคาะลงบนประตูก็รู้สึกตัวสั่นใจสั่นยังไงไม่รู้ ไอ้แค่จะเจอหน้าเขามันต้องตื่นเต้นปานนี้เลยเหรอวะไอ้กิม! เป็นเอามาก โอย เพลียจิต

“เออ สักทีเหอะ เมื่อยแล้วเนี่ย” ไอ้ปอมพยักหน้ารับส่งๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวไปยืนพิงกำแพงแล้วล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดเล่น ผมละสายตาจากเพื่อนกลับมาสู่ปราการไม้ สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกความกล้า กำปั้นถูกยกขึ้นอยู่ในตำแหน่งเตรียม อืม... แล้วมันต้องเคาะกี่ครั้งวะ ฉิบหาย เรื่องแค่นี้กูจะเอามาเครียดทำไม!

“เอาล่ะนะ”

“เออ”

“ไม่ไหวว่ะ”

“ไอ้เชี่ยนี่! มา เดี๋ยวกูเคาะ...” ไอ้ปอมผลักผมออกจากหน้าประตูแล้วยกมือขึ้นเตรียมเคาะ แต่คนด้านในกลับทำในสิ่งนั้นก่อน ใบหน้าขาวๆ ติดงัวเงียแถมด้วยการมัดจุกน้ำพุบนหัวโผล่ออกมา ดวงตารีเบิกกว้างเพราะตกใจไม่ต่างกัน โห ทำไมน่ารักขนาดนี้ ฉิบหาย หัวใจเต้นแรงมากโดนคีนดาเมจเต็มๆ เลยว่ะ อื้อหือ ขาโคตรขาว น้ำลายจะไหล อุบ... ยกมือขึ้นปิดปากแม่ง เดี๋ยวถูกหาว่าเป็นโรคจิต

“เฮ้ย!” นั่นเสียงไอ้ปอมตกใจโอเว่อร์เหมือนเจอสิ่งลี้ลับ มันถอยกรูดมาหลบอยู่ด้านหลังผมแล้วส่งยิ้มแหยไปให้เจ้าของห้อง เกือบชะตาขาดแล้วไหมล่ะมึง ถ้ากำปั้นนั้นเคาะเข้ากับหัวคีนล่ะก็... กูกระทืบแน่ เอาให้เละที่บังอาจมาทำสุดที่รักของไอ้กิม

“ตกใจอะไร เราเป็นคนนะไม่ใช่ผี” หลังจากที่คีนปรับอารมณ์ได้ก็พูดเสียงกลั้วหัวเราะพลางมองผมกับไอ้ปอมสลับกัน ดวงตารีฉายแววแปลกใจที่เห็นเราทั้งสองอยู่ตรงนี้ เออ ถ้าเป็นผมก็คงรู้สึกไม่ต่างกันว่ะ

“อะ เอ่อ โทษทีๆ ตกใจไปหน่อย” ไอ้ปอมยิ้มแหยก่อนยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ ส่วนผมก็ได้แต่ยืนเก็บสีหน้าและอารมณ์ดีใจที่ได้พูดคุยกับคีนนอกมหา’ลัย มันเหมือนได้ความเป็นส่วนตัวและพิเศษมากกว่า หึ ชนะพี่เซียนไปอีกขั้นปะวะ แต่เชื่อเถอะว่าเขาคงเคยเหยียบห้องนี้เพราะชมจันทร์มาแล้ว ขอตัวไปหลบมุมร้องไห้แปปนึง ฮึก

“แล้วนี่... คีนกับปอมมาทำอะไรหน้าห้องเรา?” คำถามเรียบๆ ด้วยน้ำเสียงไม่กดดันกับท่าทางเอียงคออย่างสงสัยทำให้ผมต้องเม้มปากแน่น ไม่ได้เตรียมตัวมาตอบเรื่องนี้ จะให้เอ่ยปากชวนกินข้าวเลยก็ดูแปลกๆ ปะวะ ทำไมการเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างมันถึงได้ยากขนาดนี้หนอ บอกว่าอยากจีบตรงๆ คงโดนตั้นหน้าแหกชัวร์ เนียนไปแล้วกันไอ้กิมเอ๊ย คนกากอยากจีบคนดังก็ลำบากงี้ล่ะ

“คือเรารู้จากไอ้ปอมว่าคีนย้ายมาอยู่ข้างห้องมันก็เลยจะมาทักทายน่ะ” นับถือใจตัวเองเลยที่นึกประโยคแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี ถ้าคุมสติไม่อยู่คงโผล่งออกไปว่ามาชวนกินข้าวตรงๆ ลองนึกดูว่าคีนจะตกใจแค่ไหนที่โดนจู่โจมแบบนั้น

“อ๋อ... แล้วกิมพักอยู่กับปอมเหรอ?” คีนพยักหน้ารับหงึกหงักแล้วยิงคำถามต่อด้วยดวงตาใสซื่อ มือเรียวยกขึ้นจับจุกน้ำพุไปมาจนผมอยากดึงมาฟัด ทำไมน่ารักได้ขนาดนี้วะ ขนาดไอ้ว่านตัวเล็กๆ แก้มแดง นิสัยมุมิกว่านี้ยังไม่รู้สึกอะไรด้วยเลย โธ่ คนไม่ใช่ก็คือไม่ใช่สินะ

“มันเพิ่งย้าย... อื้อ!” ไอ้สัดเอ๊ย ผมรีบหันไปตะครุบปากไอ้หมาปอมดังปึกจนมันร้องโวยวายแถมหยิกแขนจนเล็บจิกลงไปในเนื้อแต่ด้วยความที่กลัวว่าความลับจะแตกเลยไม่ยอมปล่อย ผมหันไปฉีกยิ้มหวานรีบอธิบายคีนที่ขมวดคิ้วฉับทันที แม่ง กระโตกกระตากมากไปเดี๋ยวไก่ตื่น!

“ใช่ๆ เราพักอยู่กับไอ้ปอมนี่ล่ะ แต่อาทิตย์นี้กลับไปนอนค้างที่บ้านมาเลยเพิ่งรู้” หูย อยากทำโล่โกหกเก่งให้ตัวเองชะมัดเลย เนียนจนไอ้ปอมถึงกับลงทุนอ้าปากกัดมือเลยเหอะ สัดเอ๊ย เจ็บ!

“อ๋อ ก็เลยเพิ่งรู้ว่าเราเป็นเพื่อนข้างห้องสินะ” คีนคลี่ยิ้มหวานให้ก่อนจะเปลี่ยนอริยาบถเป็นพิงกรอบประตูแล้วอ้าปากหาวหวอดโดยไม่ใช้มือปิด โอ้โห ทำไมเป็นธรรมชาติขนาดนี้วะ โคตรมีความเป็นส่วนตัว แล้วไอ้หน้าตางัวเงียเนี่ยรู้สึกถึงความโมเอะมากๆ คิดดูสิครับว่าผมต้องเก็บอารมณ์อยากขย้ำเขาไว้มากแค่ไหน ฮึ่ย!

ผมพยักหน้ารับคำของเขาก่อนจะโดนไอ้ปอมกระทุ้งศอกใส่สีข้างจนรู้สึกเจ็บแปลบ แอบหันไปแยกเขี้ยวใส่มันเป็นการข่มขู่เพราะตอนนี้ยังไม่สามารถตอบโต้ได้ เดี๋ยวก่อนเถอะ

“ไอ้ตอแหล” ด่ากูอีก เดี๋ยวจำไว้ทบต้นทบดอกทีเดียว หึหึ

“ยุ่ง” ผมกระแทกเสียงด่ามันก่อนจะหันกลับไปปั้นหน้ายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในขณะที่คีนหันหลังให้พวกเราเพื่อสนทนากับกระต่ายในกรง ชมจันทร์อย่างนู้น ชมจันทร์อย่างนี้ เดี๋ยวพ่อจับถอนขนย่างกินซะเลยนี่

“คีนกินข้าวเที่ยงหรือยัง?” ผมตัดสินใจเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมให้เป็นปกติทั้งที่หัวใจเต้นแรงอย่างกับไปวิ่งมาสักห้ากิโลฯ คีนชะงักการคุยกับเจ้าขนปุยแล้วหันกลัยมาเผชิญหน้า คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเหมือนได้ฟังเรื่องแปลกประหลาด จะชวนกินข้าวครับไม่ได้ขอจีบแบบตรงๆ สักหน่อย

“หืม นี่มันบ่ายสองแล้วนะกิม” คีนเหลือบมองนาฬิกาข้อมือสลับกับหน้าผมที่ตอนนี้แสดงอาการเอ๋อแดกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เออว่ะ ปกติคนเรากินข้าวตอนเที่ยงนี่เนอะ บ่ายสองใครจะมารออยู่เล่า โอย นั่นไง พลาดจนได้ มัวเสียเวลาเถียงกับไอ้กิม กลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้าอีก เคลียร์กับแม่ด้วย โธ่ เครียดแม่ง

“อ่า นั่นสิวะ เราลืมดูเวลาไปเลย” ผมยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ พลางยิ้มแหยให้คีนที่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมา ส่วนไอ้กะปอมกลับยืนเล่นเกมอยู่ด้านหลังไม่สนใจห่าเหวอะไรทั้งสิ้น นี่กูให้มาช่วยพูดกับเขาไม่ใช่เหรอไง รู้แบบนี้ไม่เอาก้างอย่างมึงมาด้วยหรอก เสียเวลาชะมัด

“จะชวนเราไปกินข้าวเหรอ?” เอ๊ะ... ไอ้รอยยิ้มหวานๆ กับคำถามเชิงรู้ทันนี่มันยังไงกันวะ แล้วผมจะเขินทำไมเนี่ย โอ๊ย สกิลต้านทานคีนต่ำจนน่ากลัวเกินไปแล้วเว้ย

“อ่า ใช่ครับ แต่ไม่เป็นไรนะ ไว้คราวหน้าก็ได้” ผมทำตัวเป็นคนดีเพราะไม่อยากให้คีนลำบากใจแต่กลับโดนไอ้ปอมบ่นพึมพำว่าโง่เง่าเต่าตุ่น

“เราไปด้วย”




ต่อด้านล่างน้า

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
“หา?” ผมกับไอ้ปอมร้องออกมาพร้อมกันแล้วมองหน้าคีนอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ก็ไหนว่ากินข้าวแล้วไงวะ หรือกำลังอ่อยกัน เอ... อย่าสนใจเลย ผมคงมโนไปเอง

“อยากออกไปเดินเล่นน่ะ แต่ขี้เกียจขับรถ”

อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง เอาวะ ความขี้เกียจของคีนคือความฟินของเรา ยอมเป็นสารถีให้หนึ่งวันเต็มเลย หึหึ แต่ผมคงเผลอทำหน้าตาโรคจิตไปหน่อยไอ้ปอมเลยสะกิดต้นแขนเตือนสติ

“อ๋อ งั้นไปกันครับ” ผมรับคำด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความดีใจ ต้องเก่งแค่ไหนถึงสามารถข่มอารมณ์ได้ขนาดนี้ โอย ชมตัวเองก็เป็นเว้ยกู สุดยอด

“อื้อ เราขอไปเปลี่ยนกางเกงก่อนนะ จะเข้ามารอข้างในปะ?” คีนพยักพเยิดไปทางด้านในของห้องเป็นการเชิญชวนแต่ผมป๊อดเกินกว่าจะตอบตกลงเพราะกลัวว่าถ้าเข้าไปแล้วคงไม่อยากออก อีกอย่างคือไอ้กางเกงขาสั้นเนี่ยไม่เปลี่ยนก็ได้มั้ง ถ้านั่งข้างกันก็อยากทำเนียนจับๆ ลูบๆ อยู่เหมือนกัน อูย เริ่มรู้สึกคัดจมูกแฮะ สงสัยเลือดกำเดามา

“เอ่อ เรารอตรงนี้ดีกว่า” แอบหลบหน้าแล้วใช้นิ้วถูปลายจมูกเพราะกลัวว่าคีนจะได้ยินเสียงหายใจหอบถี่ คิดอกุศลทีไรเป็นแบบนี้ทุกที โอย กูจะหื่นน้องชายจะแข็งตอนนี้ไม่ได้นะ

“โอเค” คีนหันกลับหลังเข้าห้องพร้อมกับเสียงปิดประตูที่ทำให้ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ โล่งอกที่สามารถเอ่ยปากชวนได้สำเร็จ แต่พอหันไปหาไอ้ปอมก็ต้องขมวดคิ้วฉับเพราะมันถลึงตาใส่กันอย่างกับผมเอาขี้หมาป้ายหัว เป็นเชี่ยอะไรอีกเนี่ย

“ไอ้เชี่ยกิม ทำไมไม่บอกให้คีนชวนโฮมด้วยวะ?” มันถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดทำหน้างอง้ำใส่เหมือนผมพลาดเรื่องสำคัญในชีวิต กูจะไปตรัสรู้ไหมว่ามึงอยากให้โฮมไปด้วยกันเนี่ย ก็บอกว่าไม่ชอบเขาไม่ใช่เหรอวะ ไอ้นี่ย้อนแย้งฉิบหาย

“ไหนบอกไม่ได้คิดอะไรกับโฮม?” ผมหรี่ตามองพลางขยับเข้าไปใกล้เพื่อจ้องตาไอ้คนปากแข็ง มันถอยหลังพร้อมไหวไหล่ไม่ใส่ใจแต่กลับเบนหน้าหนี แม่ง มีพิรุธเห็นๆ เด็กอนุบาลมันยังรู้เลยว่ามึงคลั่งไคล้โฮมมากแค่ไหน ถ้ากูรู้ว่าใครชอบเขาจะยุให้จีบๆๆ เอาให้ไอ้ปอมดิ้นแด๋วๆ เป็นไส้เดือนเลย

“ก็ไม่ได้คิดไง แต่มึงไปกับคีนแล้วต้องเลิกสนใจกูแน่ๆ ไม่อยากเป็นหมาหัวเน่าปะ? สมองมีก็คิดดิคิด” ทำเป็นสอนกันไม่พอยังใช้นิ้มจิ้มหน้าผากกันอีก ผมปัดป่ายออกด้วยความรำคาญก่อนจะเบ้ปาก วันนี้หมั่นไส้ไอ้ปอมไม่รู้กี่รอบแล้ว เฮ้อ ช่างแม่ง หัวใจใครหัวใจมันดูแลเอาเองเถอะ เหนื่อยจะคาดคั้น

“สัด ลื่นกว่าปลาไหลก็มึงนี่ล่ะไอ้กิ้งก่า” ผมสบถด่าในขณะที่มันก็ทำท่าทางสบายๆ เหมือนไม่ทุกข์ร้อน เอาเถอะ ไอ้ปอมคงเป็นประเภทจู่โจมทีเดียวแล้วตะครุบเหยื่อได้เลยอะไรแบบนั้นล่ะมั้ง

“เออน่า อย่าลืมชวน” มันย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงข่มขู่แต่ทำเหมือนไม่ใส่ใจด้วยการเล่นเกมในโทรศัพท์อีกครั้ง มันน่าออกปากชวนให้ไหมล่ะหืม เกลียดแม่ง

“ทำไมไม่บอกเองวะ?”

“จะเล่นเกม ไม่ว่าง” กลับไปนอนฉีกไข่เล่นในห้องนู่นไป น่ารำคาญฉิบหาย!

“ไอ้ซึนเอ๊ย หมั่นไส้”

ผมยืนพิงกำแพงพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องไอจีไปเรื่อย ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือกลิ่นน้ำหอมยี่ห้อดัง ต่อมาคือสายตาเหลือบมองเห็นกางเกงยีนส์ขาเดฟที่ขาดตั้งแต่ด้านบน ถัดลงมาที่หัวเข่า โอย ขาวไปหมด หัวใจเต้นแรงโคตร คีนอ่อยไม่อ่อยไม่รู้แต่อยากกระชากทิ้งฉิบหาย โอย ใจเย็นนะลูกพ่อ Calm down จ้า

“ไปกันครับ” หูย พูดเพราะด้วยอะ เสียงครางจะเพราะกว่านี้ปะ แม่ง บ้าเพ้อพกจนคีนเดินนำไปนู่นแล้ว ผมรีบสาวเท้าตามเพื่อรั้งเขาไว้เพราะคำขอร้องของไอ้ปอม

“เดี๋ยวๆ” ผมเอ่ยรั้งส่วนคีนก็ชะงักเท้าแล้วหันมาเลิกคิ้ว

“หือ?”

“เอ่อ ชวนโฮมไปด้วยกันก็ได้นะ” ทำไมเสียงกูต้องสั่นๆ เหมือนวางตัวไม่ถูกด้วยวะ เดี๋ยวคีนก็เข้าใจผิดอีกว่าชอบโฮม อะ... นั่นไง ยิ้มกรุ้มกริ่มใส่กูแล้วเนี่ย โธ่เว้ย เพราะไอ้หมาปอมคนเดียวเลย เมื่อไหร่จะจีบเขาติดล่ะ ฟัคยู!

“ฮันแน่ ไหนบอกว่าไม่ได้ชอบโฮมไง”

ก็ใช่ไงครับ ผมชอบคีนอะ ชอบคีน!

“ก็เผื่อคีนอึดอัดที่ต้องไปกับพวกเรา” จ้า ปากผมมันไม่กล้าพูดไง เฮ้อ แล้วได้คนที่ชอบโฮมมันก็เอาแต่ตีป้อมจริงๆ ด้วย ไม่สนใจชาวบ้านเขาเลย นี่ถ้ากูดักขามึงคงล้มคะมำ

“หึหึ เดี๋ยวเราโทรชวนให้แล้วกันเนอะ” อะ คีนบอกเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะทิ้งให้ผมยืนอ้าปากพะงาบๆ อยู่กลางทางเดินโดยมีไอ้ปอมที่เพิ่งเงยหน้าเอ๋อๆ ขึ้นจากโทรศัพท์ คงไม่ได้ฟังว่าเราคุยอะไรกัน

“อ่า... โอย ไอ้เชี่ยปอม คีนเข้าใจกูผิดอีกแล้ว เวรๆๆๆ” ผมโวยวายก่อนใช้กำปั้นไล่ต่อยไอ้ปอมอย่างไม่คิดชีวิต มันวิ่งปรู๊ดไปยืนหอบอยู่หน้าลิฟท์ยกมือขึ้นเป็นปางห้ามญาติแล้วค่อยๆ พูดด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น

“มึงอะคิดมาก รีบ แฮ่ก วิ่งตามคีนไปเหอะ เดี๋ยวหมาคาบไปแดกระหว่างทางนะ”

“ไอ้ปากหมา!” เออ แต่ผมก็เชื่อมันนะ รีบวิ่งลงบันไดทั้งทีลิฟท์ก็ว่าง โอ๊ย สติไหมสติ กูเนี่ยต้องไปเช็คสมองแล้วเหอะ!

พอถึงลานจอดรถผมก็ทิ้งตัวลงนั่งยองๆ เพื่อโกยอากาศเข้าปอดอย่างเอาเป็นเอาตาย สภาพน่าเกลียดยิ่งกว่าหมาซะอีก ลิ้นห้อยแถมหมดเรี่ยวแรงแทบกองไปอยู่กับพื้นแต่ดีหน่อยที่คีนยังแวะคุยกับเพื่อนที่หน้าล็อบบี้เลยยังพอมีเวลาจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูดี แฮ่ก ต้องหาน้ำหอมมาฉีดหน่อยแล้ว เหม็นเหงื่อฉิบหาย

จัดการตัวเองเรียบร้อยก็นั่งเปิดแอร์เย็นๆ เพื่อรอคีนที่ส่งข้อความมาว่าขอเวลาห้านาที ส่วนไอ้ปอมแวะเข้าห้องน้ำเพราะเสือกแดกมะม่วงดองเป็นของรองท้อง ผมฮัมเพลงอย่างมีความสุขเมื่อนึกว่าจะได้ตุ๊กตาหน้ารถเป็นเขาคนนั้น ฮึ่ย อยากให้นั่งคู่กันทุกวันเลยน้า เฮ้อ ฝันเฟื่องจริงๆ เลยกู

กึก

เสียงเปิดประตูรถทำให้ผมรีบหันไปมองแต่ต้องผิดหวังเมื่อหน้าหมาๆ กับร่างยักษ์ๆ สอดตัวเข้ามานั่งข้างกันด้วยสภาพเหงื่อไหลตามไรผม นี่สาบานว่ามึงไปขี้ไม่ใช่ยืนตากแดดหน้าคอนโด กลิ่นตัวคลุ้งจนต้องโดยนขวดน้ำหอมให้ แต่เดี๋ยวก่อนสิวะ มึงจะนั่งข้างหน้าทำไมเนี่ย!

“ไอ้ฟายปอม มึงกระแดะมานั่งหน้าทำไม?” ผมกระชากเสียงถามก่อนจะมองด้วยสายตาไม่พอใจ มันชะงักมือทีากำลังเอื้อมหยิบทิชชู่แล้วหันมาเลิกคิ้วใส่

“ถ้าให้คีนนั่งกับมึงมันไม่แปลกเหรอ?” อะ พูดแทงใจไม่พอยังเสือกยักคิ้วจึกๆ กวนตีนกันอีก เออ ผมเถียงไม่ออกเลยทำได้แค่ส่งเสียงหายใจฟึดฟัดออกไป

“โอย แม่ง จะทำอะไรก็ทำ!”

หลังจากโวยวายใส่ไอ้ปอมไปแล้วอีกคนก็เดินมาเปิดประตูด้านหลังแล้วสอดตัวเข้ามานั่งเหมือนรู้ตำแหน่งดีอยู่แล้ว ผมเหลือบมองเขาผ่านกระจกก่อนจะเหยียบคันเร่งออกรถไปด้วยความรู้สึกหัวใจพองโต ก็คีนคว้าไอ้ตุ๊กตาหมาหูขาวสีขาวจั๊วะ (Cinnamoroll) กอดแนบอกด้วย ฮึ่ย กลิ่นติดแน่ๆ ฟืด

“กิม” อยู่ๆ คีนก็เรียกชื่อผมขึ้นมา มันเป็นเสียงที่ไพเราะจนอดยิ้มไม่ได้ แต่คงแสดงอาการหลงมาไปหน่อยเลยโดนไอ้ปอมเบอะปากใส่ หึ คนไม่มีความรักไม่มีวันเข้าใจหรอก

“หืม?” มีความเก๊กขรึมครับ เอาให้หล่อในสายตาคีนบ้างเหอะ

“เดี๋ยวโฮมไปด้วย ให้เจอกันที่ไหน?” คีนยื่นหน้าเข้ามาถามใกล้ๆ จนผมแทบกระอักเลือดตายเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ปะทะเข้ากับใบหู แต่คนที่อาการหนักกว่าเห็นจะเป็นไอ้ปอมเพราะมุมปากมันกระตุกยิกๆ จะยิ้มก็ยิ้มเหอะถ้ามันบังคับยากเย็นจนหน้าเหมือนปลาตีนขนาดนั้น

“เอ่อ ห้าง S ก็ได้” เชี่ย คิดได้สดๆ ร้อนๆ เลยเนี่ย ที่จริงอยากพาไปร้านอาหารริมแม่น้ำมากกว่าแต่มันดูจงใจเหมือนการเดามากเกินไป โธ่ เอาไว้คราวหน้าเนอะ แค่สองต่อสองใต้แสงเทียนยิ่งดี โอ๊ย มโนครับๆ

“ดีเลย เราจะได้ไปดูเลนส์กล้องตัวใหม่ด้วย” คีนส่งยิ้มให้ก่อนจะกลับไปพิมพ์อะไรยิกๆ ในโทรศัพท์ เดาว่าคงส่งที่นัดหมายให้โฮมแน่นอน ผมก็กะว่าจะสนใจถนนต่อแต่เมื่อครู่คำว่า ‘กล้อง’ มันสะกิดใจจนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ วิธีพัฒนาความสัมพันธ์อย่างแนบเนียนนั่นเอง หึหึ

“คีน...”

“ว่า?” ตอบรับทันทีโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ ผมยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจเพราะไม่อยากให้คีนจับความรู้สึกตัวเองได้

“ไว้ว่างๆ ช่วยแนะนำเรื่องกล้องให้เราหน่อยดิ” หาประโยชน์จากความชอบของคีนคงไม่เลวเกินไปใช่ไหมครับ? แต่ที่แน่ๆ คือผมไม่ถนัดเรื่องกล้องอย่างจริงจังจนคนอื่นบอกว่าต้องซิ่วในปีสองแน่นอน เรื่องอะไรมาแช่งกูล่ะวะ อุตส่าห์บังเอิญได้เรียนกับคนที่แอบชอบขนาดนี้มันก็ต้องดิ้นรนหาความรู้ใส่สมองและพยายามฝึกฝนตัวเองสิ อย่าดูถูกใครโดยที่ไม่รู้จักเขาจริงๆ

“อ๋อ ได้ดิ” คีนรับคำเสียงใสแล้วส่งยิ้มผ่านกระจกมองหลังมาให้ผม อื้อหือ ดาเมจแรงมากจนเกือบเผลอเหยียบเบรกเลยให้ตายเถอะ วันนี้ใช้คำว่าน่ารักโคตรเปลืองเลย ขอเปลี่ยนเป็นน่าฟัดบ้างแล้วกันเนอะ

ผมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะสานสัมพันธ์ไปอีกนิดหรือเปล่า คิดตลบหน้าตลบหลังจนได้คำตอบแล้วว่าต้องลองดูสักตั้ง สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อเรียกขวัญกำลังใจ ฮึบ เอาล่ะนะ!

“งั้นขอไลน์...”

Rrrrr

สัด เสียงโทรศัพท์ใครดังวะ โอ๊ย นรกชังหรือสวรรค์แกล้งเนี่ย ฮือ ไอ้กิมอยากผูกคอตายด้วยเยลลี่ตัวหนอน!

“ครับพี่เซียน”

ฉึก โอ้โห ผมก็คิดว่าตัวเองชนะไอ้อดีตเดือนมหา’ลัยนั่นมาตลอดหลายชั่วโมงนี้ แต่ที่ไหนได้พี่มันกลับโทรมาหาคีน! ไอ้ฉิบหายเอ๊ย กูอยากเอาหัวโขกพวงมาลัยประชดชีวิตรักจริงๆ ฮึก น้ำตาจะไหลแล้วเนี่ย

“อุ๊ย ศัตรูหัวใจก็มา” ไอ้ปอมถึงกับเอียงตัวเข้ามากระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงทะเล้นแถมด้วยยิ้มล้อเลียนความผิดพลาดของผม โอ๊ย เพื่อนเชี่ย เกลียดหน้ามึง!

“ยุ่งจริง นั่งเงียบๆ ไป!” เกรี้ยวกราดใส่ตามด้วยตบหัวมันไปทีหนึ่งด้วยความหงุดหงิด เดี๋ยวถึงห้างเมื่อไหร่กูจะแย่งโฮมมาจากมึง จังหวะนี้ไม่สนเรื่องคีนแล้ว ขอสะใจไว้ก่อนเป็นพอ!




------------------------------------------------

น้องกิมคนกากเริ่มเนียนจีบคีนแล้วนะ
ก็เหลือแต่น้องกะปอมคนซึนนี่ล่ะ ไม่รู้เมื่อไหร่จะยอมรับสักที

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ ให้ +1 แต้มนะครับ :a9:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
รูปถ่ายใบที่ 6



ผมค้นพบว่าห้างสรรพสินค้าในวันหยุดเหมือนนรกบนดิน ที่จอดรถหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร ร้านอาหารคนรอคิวยิ่งกว่าได้ไฮทัชกับดารา ส่วนจำนวนผู้คนไม่ต้องพูดถึงเพราะเดินสวนกันยังต้องสไลด์ข้างเอา จะแออัดอะไรมากมาย แต่ข้อดีมันอยู่ตรงที่คีนขยับเข้ามาใกล้กันจนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ นี่ล่ะ โอย ฟินยันปีหน้าเลย ถ้าแอบดมนิดหน่อยได้ไหมวะ แม่ง โรคจิตเกินไปแล้วจ้า พอๆ เลิกฟุ้งซ่าน

กว่าจะฝ่าฝูงชนออกมาสูดอากาศหายใจอยู่หน้าร้านบุฟเฟ่ต์ชื่อดังได้ก็แทบตาย ไอ้ปอมถึงกับบ่นเป็นหมีกินผึ้งเพราะโดนจับตูดในช่วงชุลมุน ผมกับคีนกลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด สงสารแต่ก็ขำมากกว่า คนบ้าอะไรซวยได้ซวยดี เมื่อคืนระหว่างที่มันไปเข้าห้องน้ำในร้านเหล้าก็ถูกกะเทยร่างยักษ์ลวนลามด้วยสายตา ถ้าผมไปช้าอีกนิดคงมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ

“ตกลงจะกินบุฟเฟ่ต์ชาบูกันใช่ปะ?” คีนเอ่ยถามแล้วพยักพเยิดหน้าไปทางป้ายร้านขนาดใหญ่ ผมพยักหน้ารับพร้อมๆ กับไอ้ปอมเพราะตอนนี้หิวจนแทบเขมือบช้างได้ทั้งตัว กินอย่างอื่นคงล้มละลายแน่ นี่มันบ่ายสามแล้ว แดกทีเดียวควบเช้าเที่ยงเย็นเลยนับว่าดี... ดีก็เหี้ยแล้ว โรคกระเพาะจะมาเยือนเอา

“งั้นกิมกับปอมเข้าไปในร้านก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเรารอโฮมเอง” คีนคลี่ยิ้มก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมากดต่อสายหาใครคนหนึ่งซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นโฮมที่ยังไม่เห็นวี่แวว ผมไม่ได้รับคำเพราะอยากอยู่กับเขามากกว่าอยู่กับไอ้ปอมที่เอาแต่เล่นเกม นี่มึงมาเที่ยวช่วยให้เกียรติเพื่อนร่วมทางบ้างเหอะ คุยกับพวกกูหน่อยก็ได้ ป้อมไม่หายไปไหนหรอกจ้า เดี๋ยวตบหัวแม่ง ชักหมั่นไส้ตงิดๆ แล้ว

“เฮ้ย เดี๋ยวรอเป็นเพื่อน ค่อยเข้าไปพร้อมกัน” ผมโบกมือปฏิเสธแล้วพูดสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ก่อนขยับหลีกทางให้คนกลุ่มหนึ่งได้เข้าไปภายในร้าน คีนตวัดสายตามองกันด้วยความแปลกใจพลางย่นคิ้วทำหน้าเครียดใส่ จริงจังอะไรเบอร์นั้น แค่อยากรอเป็นเพื่อนเฉยๆ ไม่ได้รอเป็นแฟนสักหน่อย (มุกไม่ฮาพาปวดอึ)

“กิมยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงนี่ เดี๋ยวเป็นลมพอดี”

ที่พูดออกมาแบบนั้นคีนได้คิดบ้างปะวะว่าทำให้ผมแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่ มันเหมือนเขาใส่ใจและเป็นห่วงกันอะไรทำนองนั้นเลย โอย ขอทดสอบอีกสักนิดเพราะกลัวมโนไปเองแล้วหน้าจะแตกละเอียด

“เราแข็งแรงน่า รอได้สบายมาก” ผมคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะตีแปะๆ ลงบนหน้าท้องแน่นเพื่อโชว์ว่ายังไหวทั้งที่ตอนนี้ปวดมวนท้องไปหมด หิวจนจะเลิกหิวแล้วเว้ย ไอ้สัดปอมก็เอาแต่ส่งเสียงฮึดฮัดขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกับเกมอยู่ได้ เดี๋ยวกูถีบลงสระบัวเลยแม่ง มึงควรออกตัวขอรอโฮมแทนหรือเปล่าวะ กูกับคีนจะได้เข้าร้านไปสวีทกันสักที ไม่รู้งานเลยไอ้หมา! อ้อ ลืมไป มันไม่ได้พิศวาสเขานี่เนอะ หึ

“อย่าดื้อดิ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ” คือคีนทำเสียงดุแถมทำหน้ายุ่งเหยิงใส่กันพลางชี้มาที่หน้าท้องของผม ท่าทางน่ารักนั่นตราตรึงอยู่ในสมอง โอย อยากกระชากแขนเข้ามาฟัดซะให้เข็ด ดาเมจเกินไปแล้ว ผมนี่กัดปากกลั้นยิ้มแทบตายทั้งยังโดนไอ้ปอมส่งสายตามองแรงอยู่ข้างๆ เดี๋ยวจิ้มตาบอดเลยนี่ สนใจอะไรกูตอนนี้ล่ะ เล่นเกมของมึงไปสิวะ

“แต่เรา...” เขาบอกว่าดื้อเราก็ต้องดื้อให้สุดสิวะ ใครจะกล้าปล่อยให้คีนยืนอยู่ตรงนี้คนเดียวในเมื่อสายตาสาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมานั้นน่ากลัวเหลือเกิน หยุดมองไม่พอยังซุบซิบกันอีก ห้ามจีบนะเว้ย ห้ามเด็ดขาด กูจองแล้ว!

“โอย พวกคุณสองคนเลิกจีบกันเถอะครับ ผมหิวไส้จะขาดแล้วเนี่ย” ไอ้ปอมทำท่าโวยวายยกใหญ่ทั้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ผมแทบจะพุ่งเข้าไปบีบคอมันให้ตายๆ ไปซะ เมื่อครู่ยังตีป้อมอยู่ไม่ใช่หรือไงตอนนี้ทำมาขัดจังหวะ เดี๋ยวกูเอาคืนแน่ไม่ต้องห่วงนะเพื่อนรัก หึหึ แต่ขอด่ามันหน่อยเหอะ พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไงเนี่ย ถ้าคีนไม่ชอบจะทำยังไงเล่า

“ไอ้เชี่ยปอม” ผมกัดฟันกรอดด่ามันก่อนจะลอบหยิกเอวสอบจากทางด้านหลังไม่ให้คีนเห็น ถ้าถีบได้ถีบไปแล้ว มึงจะทำให้ไก่ตื่นไม่รู้หรือยังไง กูอุตส่าห์ตะล่อมแทบตายเห็นใจกันบ้างไอ้เพื่อนเวร

“จีบที่ไหนกันเล่า รีบเข้าร้านไปเลยไป เดี๋ยวโต๊ะเต็ม” เป็นคีนที่ตอบกลับด้วยใบหน้ามู่ทู่แต่ไม่ได้ฉายแววโกรธขึงแถมยังใช้มือทั้งสองข้างดันไหล่พวกผมให้เข้าไปในร้านก่อนจะผละออกไปยักคิ้วกวนๆ เอาเป็นว่าเขาไม่เอะใจเรื่องที่ไอ้ปอมพูดและยังวางตัวปกติ เฮ้อ ค่อยเป็นค่อยไปนะไอ้กิม คนที่เขาไม่อยากมีแฟนคงออกตัวแรงๆ เพื่อจีบไม่ได้

ผมนั่งแหมะลงที่โต๊ะขนาดสี่คนซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าไปนั่งบาร์ คราวนี้ไอ้ปอมรู้งานเพราะมันย้ายก้นไปฝั่งตรงข้าม แต่มึงคิดเหรอว่าคีนจะนั่งข้างกูทั้งที่เขาคิดว่ากูชอบโฮมอะ แม่ง มันคือความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ อธิบายไปแล้วก็เหมือนเดิม ร้องไห้ได้ไหมล่ะครับ

พวกเราเลือกน้ำซุปชาบูแบบต้มยำและธรรมดา ดีหน่อยที่หม้อใครหม้อมัน อยากกินอะไรก็ตามใจเลย ผมไม่ปลื้มขึ้นฉ่ายสักเท่าไหร่เพราะกลิ่นฉุนๆ แต่ชอบผักชีมากกว่า ส่วนไอ้ปอมไม่กินเนื้อวัวเพราะบ้านมันนับถือเจ้าแม่กวนอิม พอรวมหัวแดกสุกี้ด้วยกันทีไรแทบตีกันตายประจำ คนนั้นจะเอาแบบนี้คนนี้จะเอาแบบนั้น

“แหม... หน้าบานเชียวนะป๋ากิม” ไอ้ปอมส่งเสียงกระแนะกระแหนมาให้ในขณะที่นั่งเท้าคางมองหน้ากันด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ผมเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจแล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง นี่กูยิ้มตอนไหนไม่เห็นรู้ตัว มึงหิวจนตาลายหรือเปล่า อืม... จะว่าไปกลิ่นน้ำซุปโต๊ะข้างๆ หอมจังเลย น้ำลายก็มา หิว!

“อะไร? กูเปล่าเหอะ” ผมปฏิเสธเสียงแข็งเพราะมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อไปตักอาหาร พวกซูชิ เฟรนฟราย ปลาไข่ทอด เกี๊ยวซ่านี่ของโปรดเลย กินให้ร้านล้มละลายแม่ง

เดินไปหยิบจานปุ๊บหางตาก็เห็นไอ้ปอมยืนอยู่ข้างๆ แทบจะแดกหูกันอยู่ร่อมร่อถ้าผมไม่ขยับออกมาคีบซูชิใส่จาน มันตามติดชนิดที่ว่าลมหายใจรดต้นคอจนต้องหันไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีปัญหาอะไรนักหนา

“ไปส่องกระจกไหมล่ะมึง ปากจะฉีกถึงหูแล้ว” ยังไม่จบอีกเหรอมึงน่ะ เดี๋ยวเอาตะเกียบแทงคอหอยซะจะได้เลิกพูดมาก ผมถลึงตาใส่มันก่อนจะผละหนีไปตักเฟรนฟรายแต่ไม่วายไอ้เหาฉลามก็ตามมาอีกจนได้ คราวนี้ไอ้ปอมถึงกับใช้มือข้างหนึ่งเกาะแขนกันเอาไว้ ตกลงว่าอยากบวกใช่ไหมห๊ะ

“ยุ่งน่า” ผมสะบัดแขนไม่แรงมากนักเพราะกลัวของกินที่อุตส่าห์ตักมาหล่นกระจาย ไอ้ปอมส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจแต่ก็ยังไม่ออมผละออก เหลือบตามองอย่างรังเกียจก็แล้ว แยกเขี้ยวใส่ก็แล้วทำไมถึงได้หน้าด้านหน้าทนขนาดนี้วะ โอย กูหนีไปรอโฮมเป็นเพื่อนคีนยังดีกว่าอีก รำคาญแม่ง!

“กูว่าคีนเป็นตัวอันตรายว่ะ” อะไรของมึงอีกเนี่ย คีนก็คนธรรมดาปะวะ นิสัยดีกว่ากูซะอีก อันตรายตรงไหนไม่ทราบ

“ยังไง?” ผมหันไปมองหน้ามันเหมือนสนใจฟังแต่ที่จริงแล้วแค่ตัดความวุ่นวายเพราะไม่อย่างนั้นไอ้ปอมก็พช่ามไม่หยุดสักที เสียเวลากินรู้ไหมเนี่ย หยิบซูชิใส่ปากเคี้ยวแม่ง... อืม ฟินไข่หวานจังเลย

“อันตรายต่อหัวใจมึงไง” ต่อท้ายด้วยเสียงหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจแต่ผมกลับสำลักอาหารเพราะตกใจ

“แค่กๆ พอ!” ไอ้สัด ซูชิติดคอ!

เออ แต่ยอมรับว่าคีนเป็นตัวอันตรายสำหรับผมจริงๆ นั่นล่ะ คนอะไรก็ไม่รู้ทำให้ใจสั่นอยากประกบริมฝีปากด้วยตลอดเวลา ฮึ่ย แค่คิดก็เขินแล้ว

ผมเหลือบมองนาฬิกาสลับกับคีนที่ยังยืนรออยู่ตรงหน้าร้าน มือก็คีบเบคอนชิ้นหนาเข้าปากเคี้ยวหงุบหงับพลางจินตนาการว่าเราสองคนกำลังนั่งอยู่ด้วยกัน แต่ความเป็นจริงคือไอ้ปอมที่กำลังเทะไก่ทอดอย่างเพลิดเพลินไม่สนสายตาชาวบ้าน โอ้โห มุมปากงี้มันเยิ้มลามไปถึงข้างแก้ม ซกมกเกิน!

“เบาๆ หน่อยมึง โสโครกฉิบหาย” ผมด่าคนตรงหน้าก่อนจะหยิบทิชูชู่ปาใส่เพราะมันไม่รับฟังกันสักคำแถมให้ฟันฉีกไก่โชว์จนเศษเนื้อกระเด็นลงหม้อ เชี่ยนี่ ถ้าคีนกับโฮมมาเห็นเข้าจะยอมนั่งร่วมโต๊ะกันหรือเปล่าวะ ขนาดผมเป็นเพื่อนสนิทยังรับไม่ค่อยได้เลย

“ส่งให้ดีๆ สิวะ เดี๋ยวมันลงหม้อ!” มันค้อนประหลับประเหลือกใส่กันทั้งที่ยังมีไก่อยู่เต็มปาก ทิชชู่แผ่นเมื่อครู่ถูกขยำเช็ดคราบมันตรงแก้มลวกๆ สภาพไอ้ปอมตอนนี้ดูไม่จืดเลย ภาพลักษณ์รองเดือนหายเข้ากลีบเมฆจริงๆ

“มึงก็ช่วยกินให้มันดีๆ หน่อย เลอะเทอะฉิบหาย”

“ก็มันอร่อย” มันเถียงก่อนกระชากเนื้อไก่ออกจากกระดูกอีกครั้ง คราวนี้ชิ้นส่วนปลิวลงในแก้วน้ำเลยจ้า ดีหน่อยที่เป็นของไอ้ปอมไม่ใช่ผม ซกมกสุดๆ

“เออ เชิญมึงเต็มที่เลยครับ กูไม่ยุ่งแล้ว”

ผมปล่อยมันไปตามยถากรรมแล้วสนใจหม้อซุปของตัวเองที่ตอนนี้มีแค่เต้าหู้ปลาไส้เห็ดหอมลอยตุ้บป่องอยู่เหนือน้ำ ไม่อยากใส่เนื้อเพิ่มลงไปเพราะว่าอยากรอคีนให้มากินพร้อมๆ กัน ก็แบบอารมณ์เดทเราสามสี่คนอะไรงี้ แม่ง แต่พอเห็นหน้าไอ้ปอมก็ฝันสลาย เฮ้อ

ในจังหวะที่ผมกางตะเกียบจะคีบเต้าหู้ปลานั้นพลันจมูกก็ได้กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยจนต้องเงยหน้ามองว่าเขาเป็นใคร ภาพตรงหน้าทำให้มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้มกว้างเมื่อข้างกายคีนคือโฮม ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึงสักทีเว้ย เบื่อหน้าไอ้ปอมจะแย่แล้วเนี่ย

“หวัดดีๆ ~” โฮมคลี่ยิ้มกว้างโบกมือทักทายเราสองคนด้วยความร่าเริง ผมเห็นไอ้ปอมถึงกับรีบละทิ้งทุกอย่างหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นซับความโสโครกรวมถึงจัดเสื้อผ้าให้ดูดี ก็อีกฝ่ายเขาเล่นแต่งตัวอย่างกับคุณหนู กางเกงขาสั้นสีดำบวกกับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน รองเท้าผ้าใบสีขาวล้วน โอ้โห ตัวเล็กน่ารักน่าฟัดฉิบหาย นู่นๆ ไหนจะเหล็กดัดฟันสีชมพูอีก ไอ้ผู้ชายโต๊ะมุมน้ำลายย้อยแล้วนั่น

“เอ้อ หวัดดีๆ นั่งเลย” ผมตอบรับแล้วเชิญชวนให้ทั้งสองคนเลือกที่นั่งตามสบายทั้งที่ในใจภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยลูกช้างด้วยเถิด ส่วนด้านไอ้ปอมไม่ทำอะไรนอกจากมองโฮมไม่วางตา มองแบบจะแดกเขาเข้าไปทั้งตัวอย่างนั้นล่ะ โห มึงช่วยเก็บอาการหน่อย หื่นสัด!

“คีนไปนั่งนู่นดิ” โฮมเป็นฝ่ายหย่อนก้นลงข้างไอ้ปอมก่อนจะชี้นิ้วสั่งให้คีนมานั่งข้างผม ย้ำ ข้างผม! สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ช่วยแต่กามเทพตัวน้อยช่วยว่ะ ฮึ่ย ไหนๆ มาให้พี่กิมหอมแก้มทีสิน้องโฮม

แต่เจ้าตัวกลับขมวดคิ้วแสดงอาการไม่เข้าใจซะอย่างนั้น แถมยังยืนนิ่งไม่ยอมนั่งลงสักที โธ่ อย่าใจร้ายกับกิมมิคขนาดนั้นสิคุณคนินท์ เดี๋ยวฉุดแขนให้ล้มลงบนตักเลยนี่ มันเขี้ยวมานานแล้ว

“อ้าว โฮมไม่อยากนั่งกับกิมเหรอ?” คำถามซื่อๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากสีส้มอ่อน ผมกลืนน้ำลายข้นเหนียวลงคอดังเอื๊อกเพราะเริ่มคิดอกุศล ถ้าได้ดูดเม้มไล่เลียจะรู้สึกดีขนาดไหนวะ โอย บ้าๆ ฟุ้งซ่านแล้วแม่ง ตอนนี้ต้องโฟกัสเรื่องที่นั่งก่อนเว้ย สติ!

“ทำไมเราต้องอยากนั่งกับกิมด้วยอะ แค่เป็นคู่จิ้นในมหา’ลัยก็พอแล้วน่า” โอย รักโฮมอะ โคตรตอบได้ตรงกับความคิดของผมเลยไง ไม่ใช่รังเกียจที่จะอยู่ใกล้กันแต่ไม่ต้องเอาความเป็นคู่จิ้นมาใช้เมื่ออยู่ภายนอกมหา’ลัยก็ได้ เดี๋ยวใครคิดว่าเป็นแฟนกันจริงๆ ก็หมดโอกาสจีบคนที่ตัวเองชอบน่ะสิ

“ก็เผื่ออยากเป็นตัวจริงด้วยไง” คีนยังแซวไม่เลิกแถมยังหันมายักคิ้วกวนอารมณ์ให้ผมรู้สึกปั่นป่วนในท้อง

“โน ~ เรายกกิมให้คีนเลย” โฮมปฏิเสธเสียงสูงแถมยังยกมือขึ้นไขว้กันเป็นรูปกากบาทอย่างจริงจัง ผมหลุดหัวเราะกับท่าทางของเขาในขณะที่ไอ้ปอมลอบยิ้มพอใจ หึ อย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะมึง เต็มสองตากูเลยเนี่ย

คีนที่โดนยกตัวผมให้ถึงกับเบิกตาโตใส่เพื่อนก่อนจะหันมามองกันด้วยสายตาขำขัน เขาคงเห็นเป็นเรื่องตลกที่อยู่ๆ เพื่อนก็ยกผู้ชายตัวโตให้เป็นสมบัติ ผมรู้สึกนอยด์ๆ แต่ก็ฝืนยิ้มตอบกลับไป โธ่ ต้องพยายามอีกเยอะเลยสินะกว่าเขาจะรู้ตัวเนี่ย ฮึบ สู้โว้ย!

“โห ถามเจ้าตัวก่อนเหอะว่าอยากเป็นของเราหรือเปล่า จริงไหมกิม?” อะ เจอแบบนี้ให้ผมตอบกลับว่ายังไง สะตั้นไปสามวิฯ แก้มร้อนไปสิบวิฯ หัวใจเต้นแรงไม่มีลิมิต โอย ปากอยากบอกว่าเต็มใจเป็นของคีนสุดๆ แต่สมองมันสั่งว่าต้องใจเย็น ห้ามทำให้กระต่ายตื่นตูมเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นความเป็นเพื่อนก็คงไม่เหลือ

“คีนซะอย่าง ใครๆ ก็อยากเป็นทั้งนั้นล่ะเนอะ” ผมตอบกลับพลางคลี่ยิ้มให้ คีนเหมือนจะอึ้งไปแต่สุดท้ายก็หัวเราะออกมาเหมือนได้ฟังเรื่องตลก

หลังจากนั้นพวกเราก็ลงมือฟาดชาบูพลางพูดคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ จนเกือบหมดเวลาถึงได้ลุกขึ้นไปจ่ายเงินที่หน้าเค้าน์เตอร์ มื้อนี้ได้รับรู้ว่าคีนเป็นคนกินดุมาก มากแบบที่ผมยังอึ้งคือมันเกือบเอาปริมาณของทั้งสามคนรวมกันเท่ากับเขากินคนเดียวได้เลย ในอนาคตผมคงต้องรับงานหลายอย่างแน่ๆ เพราะเงินจากแหล่งเดียวคงไม่พอเลี้ยงแฟน อุ๊ย โทษที เผลอมโนแรงไปหน่อย

จุดมุ่งหมายต่อไปคือร้านขายกล้องถ่ายรูปเพราะคีนอยากดูเลนส์ตัวใหม่ จริงๆ เราสามารถแยกกันเดินตามใจตัวเองได้แต่ผมเสนอหน้าเองล่ะ ก็คงมันอยากใกล้ชิดนี่หว่า ส่วนโฮมกับไอ้ปอมแยกไปโซนเสื้อผ้าซึ่งเป็นโอกาสดีของผม ฮึ่ย มันก็ฉิบหายหน่อยๆ ตรงที่ทำตัวไม่ถูก มือไม้เกะกะจนต้องยัดใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้

“ไปกับเราจะเบื่อปะเนี่ยกิม?” คีนที่เดินนำหน้าเหลียวหลังมาถามกันด้วยใบหน้าเป็นกังวลดูท่าทางคงเกรงใจแต่ผมกลับรีบส่ายหน้าปฏิเสธแถมคลี่ยิ้มหล่อๆ ให้หนึ่งครั้ง มันจะไปเบื่อได้ยังไงในเมื่อชอบขนาดนี้ หูย เมื่อไหร่จะกล้าบอกเขาตรงๆ วะเนี่ย ฮึ่ย

“เฮ้ย ไม่เบื่อหรอก เราก็อยากไปเดินดูกล้องเหมือนกัน” จ้า จะบอกว่าตอนนี้กล้องเกลิ้งอะไม่ได้อยู่ในหัวเลย มีแต่คีน คีน และคีนเท่านั้น ฮึ่ย อนลี่คีนครับ

“อ๋อ โอเค ถ้าเบื่อก็บอกเรานะ” แหนะ หันมายิ้มหวานให้กันคืออ่อยหรือเปล่าวะ แล้วก็ทิ้งให้ผมยืนบิดเหมือนคนปวดฉี่อยู่หน้าร้านเนี่ยนะ โอย ทำไมต้องเขินกับคำพูดธรรมดาๆ ของเขาด้วยวะ อาการหนักมากมั้งกู ฮือ

ไอ้เชี่ย คนบ้าอะไรโคตรใส่ใจเพื่อนร่วมทาง บ้าเอ๊ย น่ารักฉิบหาย โคตรพ่อโคตรแม่น่าฟัด เอ๊ะ... ชักจะเยอะ แกล้งเดินไปดูกล้องในสมกับคำโกหกหน่อยแล้วกันเดี๋ยวเขาจับไต๋ได้จะแย่เอา หึหึ

ผมปล่อยคีนให้เลือกเลนส์กล้องอย่างเต็มที่ส่วนตัวเองผละมาเดินทอดน่องอยู่ไม่ไกลเพื่อ... แอบถ่ายรูป ไม่ได้โรคจิตนะเว้ยแต่มันก็ต้องมีมุมนี้บ้างปะวะ เก็บภาพคนที่ชอบในโทรศัพท์มือถือเนี่ยเป็นอะไรที่โคตรคลาสสิคมีทุกยุคทุกสมัย ขนาดพ่อกับแม่ยังเคยทำ (เก็บรูปถ่ายไว้ในกระเป๋าตังค์ไง)

คีนดูมีความสุขเมื่อได้พูดคุยเรื่องกล้องถ่ายรูปกับพนักงานในร้านยิ้มบ้างหัวเราะบ้างตามประสาคนอารมณ์ดี ผมแอบถ่ายรูปได้หลายชอตจนหนำใจก็เดินกลับไปสมทบ แต่สายตาไอ้คนขายนี่มันยังไงวะ จะแดกลูกค้าลงท้องหรือไง เดี๋ยวพ่อต่อยคว่ำ ของกูครับ อย่ายุ่งสิ

“มีเลนส์ที่ถูกใจไหม?” ผมถามคีนที่ยังดูเลนส์ตัวหนึ่งด้วยดวงตาพราวระยับ เหลือบเห็นราคาก็แทบเป็นลมล้มพับ ไอ้สัด ค่าตัวเหยียบแสน โอ้โห นี่ต้องขายรถซื้อกันเลยปะวะ

“ตัวนี้ เจ๋งมาก” คีนชี้ไปที่เลนส์ตัวนั้นแล้วหันมาคลี่ยิ้มกว้างให้กัน ท่าทางคงชอบมากจริงๆ เพราะมองไม่วางตา แต่ไอ้ความใกล้ที่ปลายจมูกแทบชนกันเพื่องเสี้ยวนาทีนี่มันทำให้ผมสติสตังกระจัดกระจายไปหมดแล้ว หัวใจเต้นแรงเหมือนจะวายแล้วตายลงตรงนี้ ไอ้เหี้ย ถ้าขยับอีกนิดก็จูบเลยนะเว้ย!

“จะ จะซื้อเลยไหม?” โอย ไอ้บ้า ติดอ่างทำไมล่ะกูเนี่ย เสือกรู้สึกร้อนๆ ที่แก้มด้วย เพราะกลัวคีนเห็นเลยยกมือขึ้นลูบ เรียกว่าถูเลยจะดีกว่ามั้ง แสบฉิบหายเลยเนี่ย

คีนผละตัวออกห่างจากชั้นโชว์เลนส์กล้องก่อนจะบุ้ยปากแล้วส่ายหน้าเพื่อเป็นการปฏิเสธ ซึ่งผมก็เข้าใจว่าของราคาขนาดนี้คงตัดสินใจซื้อปุบปับไม่ได้ ต้องปรึกษาพ่อแม่พี่น้องให้ครบก่อน อารมณ์เป็นเด็กของเงินเขาใช้ก็แบบนี้ล่ะ จะรวยหรือจนก็ต้องได้รับการอนุมัติซะก่อน

“ยังหรอก ราคาเกือบแสนต้องเก็บเงินกันหน่อย” คำตอบของคีนแปลกไปจากที่ผมคิด คล้ายกับว่าเขาทำงานเก็บเงินซื้อมันและมีอิสระในการตัดสินใจด้วยตัวเอง ก็อาจจะเป็นแบบนั้นเพราะแต่ละบ้านสอนการใช้ชีวิตแตกต่างกัน มันคงไม่มีใครเป็นลูกแหง่เหมือนผมว่ะ ช่วยทำงานได้เงินเดือนเหมือนเด็กจบใหม่แต่ไม่สามารถซื้ออะไรตามใจได้ โธ่

“อ้อ งั้นจะดูอะไรเพิ่มไหม?” ผมถามก่อนจะเหลือบมองพนักงานขายที่ยังคงส่งสายตาแปลกๆ มาให้คีนทุกครั้งที่มีโอกาส แยกเขี้ยวใส่แม่ง

“หืม เบื่อแล้วเหรอ?” คีนถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียนจนผมที่ข่มขู่ไอ้พนักงานถึงกับสะดุ้งเฮือกแล้วหันกลับมาทำหน้าเอ๋อ นี่หลุดปากบอกว่าเบื่อไปตอนไหนวะ

“เฮ้ย เปล่าๆ แค่... ปวดฉี่น่ะ” โกหกรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วเนี่ย จมูกจะยื่นเป็นพิน็อกคิโอ้แล้วกู ขอโทษนะคีน แต่ผมไม่อยากให้ใครมองคุณไปมากกว่านี้ ก็มัน... หวง

“อ๋อ งั้นไปกันเหอะ” คีนพยักหน้ารับแล้วเดินนำออกจากร้านด้วยท่าทางสบายๆ ผมลอบหายหายใจอย่างโล่งอกเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี เอาวะ สู้ต่อไปไอ้กิม ฮึบ แต่ว่าทางไอ้ปอมจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย แอบลวนลามโฮมหรือเปล่าก็ไม่รู้

หลังจากทำธุระปลดทุกข์กันเรียบร้อยแล้วผมก็เดินเรื่อยเปื่อยจนเกือบถึงจุดหมายคือร้านขายของจุกจิกจำพวกกระเป๋า ตุ๊กตา พวงกุญแจ แก้วน้ำ เคสมือถือ โคมไฟ บลาๆ ทั้งของผู้ชายและผู้หญิง ช่วงที่มาคนเดียวใช้เวลาอยู่ที่นี่เป็นชั่วโมงเพราะเลือกไม่ได้สักทีว่าอยากได้ชิ้นไหน

“คีน” ผมเอ่ยเรียกคนที่กำลังสนใจโซนเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่อยู่ตรงข้ามกับร้าน เขาชะงักแล้วหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามก่อนจะลดโทรศัพท์ในมือลง คงถ่ายรูปชุดพวกนั้นส่งให้พี่สาวกับแม่ดูละมั้งเห็นติดป้ายว่าคอลเล็คชั่นใหม่

“ครับ?”

โอย ตอบรับซะเพราะ จับจูบได้ไหมล่ะ!

“เราจะแวะร้านนั้น คีนไปเดินเล่นที่อื่นก่อนก็ได้” ผมชี้นิ้วไปที่ป้ายร้าน ที่พูดไปแบบนั้นก็เพราะกลัวคีนจะเบื่อแต่ดูเหมือนเจ้าตัวไม่ชอบใจเท่าไหร่ ใบหน้าหล่อๆ มู่ทู่สิ้นดี

“ไล่เราเหรอ?” นั่นไง ปากพาซวยแล้วกู

“เฮ้ย เปล่าๆ ก็เผื่อไม่ชอบไง” ผมละล่ำละลักพูดอีกทั้งยังโบกมือปฏิเสธรัวๆ เนื่องจากทำให้อีกคนเข้าใจผิดอีกแล้ว นี่แอบสงสัยว่าตัวเองเป็นคนสอบตกการสื่อสารหรือเปล่าวะ กี่เรื่องแล้วที่ทำให้คีนคิดไปไกลนอกโลกขนาดนี้ แม่ง คงต้องถามความคิดเห็นจากไอ้ปอมกับไอ้ว่านซะแล้ว

“เราไปกับกิมนั่นล่ะ เดี๋ยวหลงกันพอดี” แล้วเขาก็ดันหลังให้ผมเดินเข้าร้านที่ต้องการก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ สรุปว่าเมื่อครู่นี้แกล้งดราม่าใส่กันใช่ไหมเนี่ย โธ่เอ๊ย เผลอแสดงอาการเปิ่นๆ ต่อหน้าคีนแล้วไหมล่ะ อายเว้ย

ผมไม่รอช้าที่จะตรงไปสู่มุมโปรดซึ่งมีโมเดลตัวต่อหลายรูปแบบวางโชว์อยู่บนชั้นกระจก ถัดลงมามีราวแขวนสินค้าหลากหลายรูปแบบให้เลือกสรรและมากกว่าครึ่งในนั้นผมซื้อไปเรียบร้อยแล้ว

“มาซื้ออะไรเหรอ?” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามดังอยู่ไม่ไกลจากใบหูนักเพราะคีนก้มตัวลงมาอยู่ระดับเดียวกันกับผมที่กำลังเลือกของที่ต้องการอยู่ มือหนาชะงักกึกก่อนจะชี้ไปที่โมเดลตัวต่อตรงหน้า

“Nano Block อืม... มันคือตัวต่อเลโก้จิ๋วใช่ปะ?” คีนขยับเข้าไปอ่านป้ายชื่อสินค้าก่อนจะหยิบซองชิ้นส่วนตัวต่อขึ้นมาพลิกดูแถมเขย่าก๊อกแก๊กอีกด้วย ท่าทางเหมือนเด็กตัวน้อยๆ เวลาเจอของเล่นที่ไม่รู้จัก ผมก็เผลอมองหน้าเขาซะเพลินพอรู้ตัวเลยกระแอมเบาๆ แล้วเอื้อมมือหยิบกล่องตัวต่ออีกแบบยื่นให้

“ประมาณนั้น แล้วก็มี 3D Crystal Puzzle ด้วย” ตัวต่อในกล่องนี้จะเป็นพลาสติกเนื้อใสเหมือนชื่อของมันคือคริสตัล มีหลากหลายสีตามแบบโมเดลที่เขาผลิตตั้งแต่ผลไม้ สัตว์ รถ ดวงจันทร์ บลาๆ และแตกต่างกับ Nano Block ตรงที่มันมีรูปร่างกลมกลึงไม่เป็นเหลี่ยมๆ ขัดตาตอนประกอบร่างเสร็จสมบูรณ์ เอาเป็นว่าสวยคนละแบบตามความชอบส่วนบุคคล

“โห ดูเหมือนมันจะต่อยากเลยว่ะ กิมชอบเหรอ?” อีกครั้งที่คีนรับกล่องตัวต่อไปแล้วเขย่ามัน สายตาที่เขามองสิ่งของในมือเต็มไปด้วยความอยากรู้เจือสงสัย ดูท่าทางสนใจแต่ก็ไม่กล้าแตะต้องประมาณนั้น ผมลอบยิ้มก่อนจะยืดตัวขึ้นมองโมเดลหลากหลายรูปแบบบนชั้นกระจกอย่างภูมิใจ

“อืม เราโคตรชอบ มันช่วยฝึกสมาธิได้ดี ช่วงเริ่มหัดต่อจะยากหน่อยเพราะชิ้นเล็กหยิบยาก ข้อต่อยึดไม่ค่อยแน่น แตะนิดแตะหน่อยก็สำออยหลุด แต่ทำไปเรื่อยๆ จะรู้สึกสนุกดี” ผมสาธยายเหตุผลที่ชอบให้คีนฟังพร้อมกับทำมือวัดขนาดตัวต่อด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

ยอมรับว่าช่วงแรกๆ ที่ไอ้ว่านชวนเล่นของพวกนี้ถึงกับหัวเสียวันละหลายรอบเนื่องจากขนาดมันเล็กมากจะหยิบจับแต่ละทีก็ลำบาก พอจังหวะที่ต้องสอดเข้าช่องเล็กกีบเท้ายักษ์ๆ ของผมก็ไปดันส่วนอื่นให้พังทลายลง ต้องใช้สมาธิและความพยายามสูงจริงๆ แต่พอทำไปทำมาสุดท้ายกลับกลายเป็นติดงอมแงม

ส่วนไอ้ปอมนี่ไม่เคยแตะต้องตัวต่อพวกนี้เลยด้วยซ้ำ พอเห็นปุ๊บมันก็ส่ายหัวปฏิเสธปั๊บเหมือนเจอของน่าขยะแขยง ไม่มีการพยายามหยิบจับอะไรทั้งสิ้น เออ ก็เข้าใจว่าไม่ชอบเรื่องจุกจิกแบบนี้ อย่างมันตีป้อมคงรุ่งที่สุดแล้ว

“เดี๋ยวเราลองซื้อไปต่อดูบ้างดีกว่า รู้สึกช่วงนี้สมาธิสั้นยังไงไม่รู้”

“เอาสิ แล้วจะสนุกอย่างที่เราบอก” เชียร์สุดใจเพราะอยากให้เขาสนุกไปกับสิ่งที่ผมชอบ บางทีเราอาจจะยกเรื่องนี้มาเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์คล้ายๆ กับที่พี่เซียนใช้ความรู้ด้าน Exotic Pet จีบคีนไง

“งั้นกิมช่วยเราเลือกหน่อยว่าจะเริ่มต่อจากตัวไหนดี ขอเป็นแบบ Nano Block แล้วกัน ท่าทางจะง่ายกว่า” ดวงตารีคมกวาดมองซองตัวต่อพลางใช้มือหยิบอันนั้นอันนี้ขึ้นมาเปรียบเทียบกันเหมือนกับผมในช่วงแรกๆ ที่จะเลือกเจ้า Nano Block ให้เป็นงานอดิเรก

“เราว่าความยากง่ายของแต่ละโมเดลต่างกัน เลือกเอาตามที่คีนชอบเหอะ” ผมแนะนำตามที่คิดเพราะความยากง่ายนั้นแฝงอยู่ในทุกโมเดล แต่ดูเหมือนคีนจะไม่ฟังเพราะเขาเริ่มบุ้ยปากใส่กันแล้ว โธ่ เด็กน้อยของพี่กิม มาๆ ขอจุ๊บเหม่งหน่อยเร็ว ไม่งอนนะครับ ฮึ่ย

“โธ่ เลือกให้เราหน่อยน่า ถ้าต่อได้ค่อยมาซื้อตัวที่ชอบอีกครั้ง” หันมาทำเสียงกระเง้ากระงอกใส่พลางส่งสายตาออดอ้อนให้แบบนี้ผมก็เข่าอ่อนสิครับ นี่ถึงขนาดตั้งใช้มือยันชั้นกระจกไว้เพื่อพยุงตัวเลย ดาเมจบ่อยๆ ไม่ดีต่อหัวใจรู้ไหมคีน สักวันผมจะไม่จีบเขาแต่ข้ามขั้นไปจับปล้ำแทนไง โอย สงบไว้พ่อลูกชาย ดีดโด่ตอนนี้บ่ได้เด้อ

สุดท้ายผมก็ยอมแพ้คีนแล้วลงมือหยิบซอง Nano Block ออกมาเลือกที่ละอัน เจอโมเดลโปเกม่อนก็แยกเอาไว้เพราะตั้งใจมาเปย์จนเกือบหมดชั้นก็เจอเข้ากับเจ้าหมาสีขาวหูยาวที่หน้าตาเหมือนตุ๊กตาในรถทุกประการ ตัวนี้ล่ะเหมาะมาก โคตรน่ารักด้วย

“ตัวนี้ไหม?” ผมยื่นสิ่งที่อยู่ในมือไปให้ คีนชะงักเล็กน้อยแล้วรับมันไว้พลิกซ้ายพลิกขวาดูแบบเดิมก่อนที่คิ้วสวยจะขมวดเข้าหากันแน่นเหมือนไม่เข้าใจเหตุผลที่เลือกโมเดลตัวนั้นให้ ซึ่งดูยังไงก็มีความมุ้งมิ้งไม่เหมาะกับผู้ชายสักนิด

“ทำไมเลือกเจ้านี่ล่ะ?”

“เราว่ามันคล้ายๆ คีนดี” น่ารักเหมือนคีนไง โอย อยากฟัดอะ แม่ง

“หืม คล้ายตรงไหนวะ?” คีนเอียงคอมองพิจารณาตัวต่อในมืออีกครั้งด้วยใบหน้าสงสัยแบบเดิม คือทำไมแค่นี้ก็ยังน่ารักวะคนเรา สรุปคือทำอะไรก็น่ารักไปหมดงี้อะเหรอ โอย สิ้นเปลืองจังวะ แต่ผมก็ชอบนะ

“.....” ผมเลือกที่จะเงียบแล้วเฉไฉไปเลือกส่วนของตัวเองต่อ ขอไม่บอกเหตุผลเพราะมันคงดูปัญญาอ่อนชอบกลที่จะบอกว่าคีนผิวขาว แก้มดูนุ่มๆ มีเลือดฝาดคล้ายกับเจ้าชินนามอลโรลหูยาวตัวนี้

“เออ มันตัวเดียวกับตุ๊กตาในรถกิมปะ? หน้าตาคุ้นๆ”

เอ๊ะ เหมือนกูพลาดอะไรสักอย่างหรือเปล่าวะ ค่อยๆ หันไปมองหน้าคีนก็พบว่าเขาจ้องอยู่ก่อนแล้ว ไอ้ฉิบหาย แน่แล้ว SOS เรียกกะปอมด่วน!

“อะ อืม ใช่” ผมหลบตาคีนทำเป็นยุ่งอยู่กับซองตัวต่อในอ้อมแขน แต่หูก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะขบขันดังมาจากอีกคน หัวใจเต้นแรงมากแถมร่างกายร้อนวูบไปทั้งตัว แม่งเอ๊ย ความลับกูแตกปะเนี่ย

“อ้อ งั้นเราเอาตัวนี้ล่ะ ถ้าพรุ่งนี้ว่างก็ช่วยสอนเราต่อมันที่ห้องหน่อยแล้วกัน” แล้วคีนก็ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ผมที่ได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบๆ แล้วปล่อยของในมือร่วงลงบนพื้นทั้งหมด ความลับแตกไม่แตกช่างแม่งก่อน เพราะเมื่อครู่นี้ผมโดนอ่อยใช่ไหมวะ ชวนเข้าห้องเลยนะเว้ย ฮึ่ย ยิ้มห่าอะไรเนี่ยตัวกู สำรวมด่วน! เดี๋ยวคนอื่นหาว่าบ้า

แต่ก็เป็นคนบ้าที่รักคีนนะครับ (อนุญาตให้อ้วกได้มากเท่าที่ต้องการเลยจ้า)




ต่อด้านล่างน้า



ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
“บ๊วย”

เรียกทำไมไอ้ตัวน่ารำคาญ

“.....”

“สัดบ๊วย”

มีเพิ่มเลเวลอีก แดกหัวแม่ง

“กูชื่อกิมมิค” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่มันด้วยความหงุดหงิด อุตส่าห์ตั้งใจทำสมาธิเพื่อต่อ Nano Block โมเดลปิกาจูให้เสร็จภายในคืนนี้ ไอ้เชี่ยปอมทำเสียเรื่องหมด

“เออรู้ แต่เรียกแล้วไม่ตอบนี่หว่า” มันทำเสียงง้องแง้งก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ กันบนพื้นหน้าทีวีก่อนพลางยื่นหัวเข้ามาบดบังทัศนียภาพของผมจนหมด โอย ไปสระผมเถอะ เหม็นจะอ้วก

“ยุ่ง” ผมผลักหัวไอ้ปอมออกก่อนจะวางชิ้นส่วนตัวต่อในมือลงแล้วเอนหลังพิงกับโซฟา วันนี้คงไปต่อไม่ไหวแล้วเนื่องจากง่วงนอน ส่วนพรุ่งนี้มีภารกิจระดับชาติอาจจะต้องจารึกไว้ในความทรงจำไปอีกนาน ฮึ่ย เหยียบห้องคีนครั้งแรกมันต้องฟินสุดๆ แน่นอน หลับตาปุ๊บวาร์ปเลยได้ปะวะ รอไม่ไหวแล้วเนี่ย

“โอย ไม่ได้อยากเสือกอะไรหรอก ตั้งแต่กลับมาจากห้างมึงก็นั่งยิ้มทำตาเยิ้มมาเป็นชั่วโมงแล้วเนี่ย แอบพี้ยาเหรอวะ?” ไอ้ปอมหรี่ตามองผมก่อนจะเอื้อมมือสากๆ มาดึงแก้มกันจนต้องรีบสะบัดหน้าออก ไอ้สัด นี่จงใจบิดเนื้อกูชัดๆ ถีบแม่งเลยดีไหม โอย แต่ทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าเนรเทศตัวออกจากห้องนี้อะดิ ไม่ได้ๆ ต้องอยู่จีบคีนให้สำเร็จ!

“บ้านพ่อง คนเขามีความสุขเว้ย” ผมก็ไม่รู้ตัวหรอกว่านั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับกองของเล่นมานานแค่ไหน แต่พอไอ้ปอมทักเลยรู้สึกว่าแก้มมันตึงๆ มุมปากเจ็บนิดหน่อย เออ สรุปว่าอาการหนัก พอคิดถึงช่วงเวลาที่มีแค่ผมกับคีนแล้วมีความสุขแปลกๆ

“แหนะ มีอะไรดีๆ รีบบอกมา!” ไอ้ปอมรีบขยับเข้ามากระแซะไหล่กันจนผมที่ไม่ได้ตั้งตัวเกือบล้มไปนอนแผ่บนพื้น คราวนี้ส่งตีนไปยันขามันโดยไม่สนว่าจะโดนไล่ออกจากห้องหรือเปล่า ไม่ไหว หมั่นไส้เกินทน

“ไม่บอกเว้ย ความลับ!” พ่นลมหายใจใส่มันเสร็จก็หนีออกไปยืนชมวิวยามค่ำคืนที่ระเบียงซึ่งเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่กลับมาถึงเพราะอยากประหยัดค่าไฟ เปล่าหรอก แค่ออกไปตากกางเกงยีนส์แล้วลืมปิดน่ะ โอ๊ย ใครเอาขวดขว้างหัวกูวะ กำลังทำตัวเป็นพระเอกมิวสิค หมดอารมณ์!

“เอ้อ ใช่สิ กูมันแค่เพื่อนนี่ หึ งอน ไปเล่นเกมดีกว่า ไม่คุยกับมึงแล้ว!” ผมนึกว่ามันแยกไปอาบน้ำ ที่ไหนได้เสือกตามมากระแนะกระแหนบึนปากใส่อีกต่างหาก คิดว่ากูจะง้อหรือไงไอ้หมา ทีมึงมีอะไรยังไม่บอกกูเลย หึหึ

“เชิญ!” ผมตะโกนไล่หลังมันไปแล้วหันกลับมายืนมองฟ้าสีดำสนิทต่อ เสียดายที่ไม่สามารถมองเห็นดวงดาวได้ เอาเถอะ ยังไงๆ แสงไฟของเมืองหลวงก็สวยดีเหมือนกัน ถ่ายรูปไปอัปไอจีบ้างดีกว่าเพราะปล่อยร้างไว้หลายวันแล้ว

คืนนี้คีนไม่ได้อัปเดทอะไรในไอจีหน้าไทม์ไลน์ของผมเลยเงียบเหงากว่าปกติ แต่พอไถจอโทรศัพท์เลื่อนลงมาเรื่อยๆ กลับสะดุดตาเข้ากับแอคเค้าท์ ‘kompa_pom’ อยากจะแหมยาวๆ ให้ถึงดาวอังคาร มึงไปแอบถ่ายรูปที่ตู้สติ๊กเกอร์กับโฮมมาแต่เก็บเงียบไว้คนเดียวเลยนะ ไหนปากบอกไม่ชอบเขาแต่แคปชั่นนี่จีบชัดๆ ไอ้ตอแหล!

‘ผมเป็นคนตาเหล่... เหล่มองแต่คุณ’

อ่านแล้วรู้สึกโคตรหมั่นไส้ ขอคอมเม้นต์หน่อยแล้วกัน

gimtothemick เสี่ยวสัดไอ้พวกปากแข็ง
kompa_pom @gimtothemick รูปไม่เกี่ยวกับแคปชั่นครับ อิอิ

อิอิ บ้านพ่อง ดูมันตอบกลับผมเหอะ กวนส้นตีนมาก ยิ่งกว่าดาราหรือเน็ตไอดอลซะอีก เออ! แล้วกูจะคอยดูวันที่มึงร้องห่มร้องไห้มากราบอ้อนวอนขอให้ช่วยเรื่องโฮม

ผมเลิกทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีเพราะอากาศด้านนอกเริ่มหนาวและท้องฟ้าส่งเสียงครืนๆ คล้ายกับว่าคืนนี้ฝนจะตก เหลือบมองกระถางกุหลาบแห้งเหี่ยวที่ตั้งอยู่ริมระเบียงแล้วได้แต่ถอนหายใจ ตอนซื้อมันมาก็บอกว่าดูแลได้แน่นอนให้ไว้ใจงั้นงี้แล้วผลลัพธ์คือยืนต้นตายทั้งที่ยังไม่เคยออกดอกสักครั้ง เวรเอ๊ย นี่ขนาดผมอุตส่าห์แวะมารดน้ำใส่ปุ๋ยให้บ่อยๆ นะ เฮ้อ เลิกสนใจแม่ง เข้าห้องไปนอนตีพุงดีกว่า

ในจังหวะที่กำลังฟูลเทิร์นหมุนตัวเข้าบ้านนั้นก็ต้องชะงักเท้าเมื่อความคิดบางอย่างผุดขึ้นในสมอง ถ้าลองยื่นหน้าข้ามระเบียงไปด้อมๆ มองๆ ที่ห้องคีนจะได้เห็นอะไรบ้างวะ มันอาจจะดูเหมือนพวกโรคจิตไปหน่อยแต่มันก็เป็นสเต็ปธรรมดาของคนแอบรักปะวะ อยากรู้อยากเสือกเรื่องของเขาไปหมดเนี่ย  อะ ค่อยๆ สไลด์ตัวไปด้านข้างพลางสูดลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะเพื่อระงับความตื่นเต้น อีกนิดเดียวเท่านั้น...

ก๊อกๆ

ไอ้สัด เสียงเคาะกระจกดังขึ้นทำให้ผมชะงักเท้าแล้วหันไปเบิกตาโตมองตัวต้นเหตุที่ยืนขมวดคิ้วพิงประตูอยู่ไม่ไกล กูเกือบกรี๊ดแล้วไหมล่ะ นึกว่าผีหลอกซะอีก โอย หัวใจจะวายแล้วเนี่ย กระโดดถีบสักทีดีไหม

“ทำเชี่ยอะไรของมึงอะกิม คิดว่าตัวเองเป็นไมเคิล แจ็คสันเหรอ?” มันกอดอกแล้วถามด้วยน้ำเสียงยียวนให้ผมต้องไล่สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างปลงๆ  นั่นมันมูนวอร์คปะเพื่อน แล้วนั่นใส่อะไรวะ ชุดนอนมาสคอตตัวเหี้ยเหรอ เฮ้ย โทษๆ มังกรหรือเปล่า พอดีสายตาสั้นดูไม่ชัด จะมุ้งมิ้งก็ช่วยดูหน้าตาหน่อยได้ไหมเพราะมันไม่เข้ากับมึงอย่างรุนแรงเลยเนี่ย แต่ช่างมันเถอะความชอบของใครของมันไม่ยุ่งเกี่ยวดีกว่า ถ้ามันลุกขึ้นมานุ่งซีทรูเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน

“เรื่องของกู แล้วมึงออกมาทำอะไรเนี่ย?” ผมตอบปัดๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเหยียดตรงทำเหมือนกำลังบิดขี้เกียจ ขยับเท้าไปทางซ้ายทีขวาทียืดเส้นยืดสายเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้ไอ้ปอมคิดตามไม่ทัน ถ้ามันจับได้ว่าผมทำอะไรเมื่อครู่จะเป็นเรื่องใหญ่เอา ล้อยันไข่ตายอะบอกเลย

“เห็นไม่เข้าห้องสักทีก็เลยมาตาม” มันตอบเสียงอู้อี้เพราะเกิดหาวขึ้นมาระหว่างประโยคก่อนจะมือขึ้นขยี้ตาเหมือนเด็กกำลังง่วงนอน ดูไปดูมาก็น่ารักดีแต่รู้สึกว่าน่าถีบมากกว่าหลายเท่า

“เออๆ จะเข้าไปแล้ว” ผมพยักหน้ารับคำก่อนจะใช้เท้ายันสะโพกไอ้ปอมให้ถอยเข้าห้องเพราะจะปิดประตูกระจก พอเท้าข้ามธรณีไปได้ฝนก็เทลงมาห่าใหญ่แบบไม่ให้ลืมหูลืมตา นี่ถ้าช้าอีกนิดเดียวได้เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำแน่ๆ

“เออ ทำตัวดีๆ หน่อย อย่าให้เมียต้องมาตามเข้านอน” ไอ้ปอมคลี่ยิ้มหวานใส่กันหลังพูดจบประโยคแล้วกระโดดหลบฝ่าตีนของผมที่ตวัดไปอย่างรวดเร็ว นู่น ไปยืนเกาะขอบประตูห้องนอนแลบลิ้นปลิ้นตาใส่กันอีก เดี๋ยวเถอะ กูตามไปกระทืบถึงที่แน่ไม่ต้องห่วง โอย แต่รู้สึกขนหัวลุกเลยเนี่ย มันพูดเชี่ยอะไรออกม๊า แล้วแบบนี้ใครจะกล้านอนกับมึงวะ ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วโป๊ทั้งคู่ทำไง กรี๊ดห้องแตกเลยนะ เรียกสินสอดสิบล้าน!

“ไอ้สัด!” ขี้เกียจวิ่งตามเลยตะโกนด่าแทน

“อย่าลืมปิดม่านด้วยนะผัวขา” ยังไม่จบอีก ส่งจูบหาส้นตีนเหรอ!

“ไปตายซะเถอะมึง!” ม่านเมิ่นเอาไว้ก่อนเถอะ ทนไม่ไหวแล้วเว้ย

กะว่าคืนนี้จะนอนฝันถึงคีนสักหน่อยคงต้องเปลี่ยนแผนเป็นระวังไอ้ปอมลักหลับว่ะ โอย เครียด!




------------------------------------


เอ๊ะ คีนรู้ตัวหรือเปล่าว่าโดนจีบ?
แล้วไอ้ที่ชวนไปสอนต่อ Nano Block นั่นเป็นการอ่อยหรือเปล่านะ?


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
รูปถ่ายใบที่ 7



กลิ่นเหม็นตุๆ และความสากเมื่อผิวหน้าโดนสัมผัสจากอะไรบางอย่างทำให้นิทราหวานช่ำต้องพังทลาย ผมขยับหนีก่อนปรือตามอง ภาพค่อยๆ ชัดขึ้นตามลำดับพร้อมสติที่กลับเข้าร่าง โอ้โห อยากจะร้องเหี้ยสักล้านครั้งเมื่อรู้ว่าส้นตีนไอ้ปอมเกยอยู่บนหมอนใบเดียวกับที่ผมหนุนอยู่ แล้วไอ้ที่ฝันว่าจูบกับคีนนั้นก็... ถุย!

ผมรีบดีดตัวลุกขึ้นแล้วใช้หลังมือปาดปากปาดลิ้นก่อนจะส่งสายตาคาดโทษไปให้ไอ้ปอมที่ยังคงนอนหลับตาพริ้มหันหัวไปทางปลายเตียง พร่ำด่าสารพัดสัตว์แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเพราะมันยังนอนเคี้ยวน้ำลายแจ๊บๆ แถมยังคลี่ยิ้มหวานเหมือนกำลังฝันดี เห็นแล้วก็หมั่นไส้จนต้องหาจังหวะยัดนิ้วเท้าเข้าปาก หึหึ โอย ไอ้เชี่ยจะดูดเพื่อ? ขนลุกเว้ย

“โฮมจ๋า ~ จุ๊บ” เสียงละเมอของไอ้ปอมดังขึ้นหลังจากที่มันยอมปล่อยนิ้วเท้าของผมให้เป็นอิสระแล้วกลับไปลวนลามหมอนข้างแทน ตอนแรกผมกะว่าจะลากสังขารย้วยๆ ไปเข้าฟิตเนสสักหน่อยแต่ต้องเปลี่ยนใจอยู่เสือกเรื่องของเพื่อนก่อนเพราะมันสำคัญกว่าหุ่นเฟิร์มๆ ที่จะสร้างเมื่อไหร่ก็ได้

ผมรีบพุ่งตัวไปหาโทรศัพท์ตรงหัวเตียงเพื่อหยิบมาอัดคลิปซึ่งคาดว่าจะมีประโยชน์ในเร็ววันเพราะถ้าหูไม่เพี้ยนเมื่อครู่ได้ยินไอ้ปอมเรียกชื่อเขา ก็ไหนว่าไม่คิดอะไรแต่จิตใต้สำนึกก็โหยหาแต่คนเดิม แม่ง คราวนี้จะเอาหลักฐานจิ้มตาทำให้มันดิ้นไม่หลุดเลยคอยดู รำคาญคนขี้เก๊กแถมยังปากแข็ง มันไม่รู้หรือไงว่าหมารอคาบเนื้อชิ้นสวยไปแดกอยู่ตลอดเวลา ดูอย่างในกรุ๊ปไลน์สาขาดิ แม่งเอ๊ย คือจีบโฮมออกนอกหน้านอกตาเยอะมาก ขนาดผมเป็นคู่จิ้นยังยอมแพ้เลย

โหมดกล้องวีดีโอถูกเปิดพร้อมกับการบันทึกภาพเริ่มต้นขึ้น ไอ้ปอมกระชับกอดหมอนข้างก่อนใช้ปากถูไถเหมือนกำลังไซ้ซอกคอใครสักคนยิ่งได้ยินเสียงครางอืมอย่างพอใจผมก็แทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ สรุปว่ามันฝันไม่ต่างกันแต่ดูท่าทางจะเมามันกว่าเยอะเพราะตอนนี้มือไม้เริ่มลูบไล้สะเปะสะปะแล้ว อีกนิดเดียวก็เกือบเลยมาจับเป้าผม ฮึ่ย ดีนะที่หลบทันไม่อย่างนั้นผิดผีตายห่า

“อืม โฮมครับ ถอดกางเกงให้ปอมหน่อย ~” เสียงสั่นเครือร้องขอคนในฝันทำให้ผมแทบเตะไอ้ปอมตกเตียงเพราะมันกำลังใช้มือรั้งขอบกางเกงลงจนเห็นช่วงวีไลน์และขนตรงหน้าท้อง ถ้าเปลี่ยนเป็นของคีนคงโสภากว่านี้ โอย เชี่ยเอ๊ย เสียสายตาตั้งแต่เช้า ขอไปล้างหน้าล้างตาลบความอุจาดออกจากหัวสมองก่อนเถอะ

สุดท้ายผมก็พาร่างกายย้วยๆ ลงมาถึงฟิตเนสของคอนโดจนได้ เช้านี้ขอวิ่งสักหนึ่งชั่วโมงก็พอเพราะยังมีหน้าที่ต้องทำอีกเยอะ ตกลงกับไอ้ปอมไว้ว่าจะทำอาหารให้มันกินทุกครั้งเมื่ออยู่พร้อมหน้าพร้อมตา เรื่องงานบ้านปกติก็มีแม่บ้านเข้ามาจัดการให้ ส่วนเรื่องรถก็ใช้วิธีสลับวันขับไปมหา’ลัย ถ้าหากวันไหนมีธุระต่อก็แยกกันคนละคันเป็นอันว่าดิวสมบูณณ์

“หวัดดีกิม” เสียงทักทายสดใสดังขึ้นเมื่อผมกำลังเดินตรงไปที่ลู่วิ่ง ฉับพลันเหมือนหัวใจเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมาด้านนอกทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มออกกำลังกาย อยู่ๆ ก็ได้เจอคีนเร็วกว่าที่คิดไว้ ผมไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาชอบเสียเหงื่อเหมือนกัน หูย แบบนี้ศึกษากันให้ลึกมากกว่าเดิมแล้วสิ ในฐานะเพื่อนบ้านไง (ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นล่ะ ในอนาคตคือแฟนและแฟน!)

ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อยับยั้งอารมณ์ความดีใจที่มีมากเกินจนทำให้มุมปากเอาแต่กระตุกยิ้มไม่หยุด ส่วนมือเท่าใบลานก็ยกขึ้นขยำเสื้อเผื่อว่าจะลดอัตราการเต้นของก้อนเนื้อในอกลงได้บ้าง เวรเอ๊ย มันดังชนิดที่ว่าถ้าเข้าใกล้คีนอาจจะได้ยิน ยุบหนอ พอหนอ สติหนอ ฮึบ ต้องหันกลับไปเผชิญหน้าแล้ว

“อ้าว หวัดคีน มาออกกำลังกายตอนเช้าเหมือนกันเหรอ?” ผมหันไปทักทายคนที่นั่งควบ Strength (เครื่องสร้างกล้ามเนื้อ) เขาส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาให้แบบเต็มลูกตาทั้งสองข้าง วินาทีนี้เหมือนโลกหยุดหมุนร่างกายอ่อนเปลี้ยคล้ายจะเป็นลม คีนในสภาพเปิดเถิกและรวบผมสัน้ำตาลอ่อนด้านหลังเป็นหางม้านี่โคตรดาเมจ คิ้วเข้ม ดวงตารีคม สันจมูกโด่งรูปหยดน้ำ ริมฝีปากบางๆ แพขนตายาว ใบหน้าเรียว แก้มมีเลือดฝาดจากการออกกำลังกายอีกด้วย

โอย ไอ้กิมจะตายจ้า คนบ้าอะไรทั้งหล่อและน่ารักได้แม้แต่ตอนออกกำลังกายเหงื่อซกวะ น่ากลัวเกินไปแล้ว กูเนี่ย หลงคีนเกินไปแล้ว

“มาไม่บ่อยหรอก ส่วนมากก็เสาร์อาทิตย์น่ะ” ผมเคยชอบให้คนสบตาเวลาพูดคุยกันเพราะมันสื่อถึงความจริงใจและใส่ใจแต่ตอนนี้ไม่ชอบเลยว่ะ ก็เพราะว่าอีกคนคือคีนที่ทำให้ความรู้สึกอ่อนยวบ อยากจะเข้าไปกอดเข้าไปฟัดแรงๆ สักที เลิกทำตัวน่ารักได้ไหมเล่า นู่น ดูไอ้กล้ามปูตรงมุมนั้นสิมองเขาไม่วางตาเลย แง่ง ของกูๆ ห้ามยุ่งสิวะ!

“อ๋อ เรานี่ไม่ได้เข้าฟิตเนสนานโคตรแต่ช่วงนี้รู้สึกพุงออกว่ะเลยต้องเบิร์นหน่อย” หลังจากที่ส่งสายตาข่มขู่ไอ้กล้ามปูนั่นเสร็จก็หันกลับมาชวนคีนคุยตามปกติได้อย่างราบรื่นเพราะส่วนตัวผมเป็นคนหน้านิ่งอยู่แล้วเลยเก็บอาการได้ดี แต่ขอร้องอย่าเข้ามาจ้องตาใกล้ๆ ความลับแตกแน่นอนจ้า

“อย่างกิมเนี่ยนะมีพุง เราไม่เป็นคนท้องเลยเหรอ?” คีนขมวดคิ้วมองหน้าท้องผมสลับกับของตัวเอง ปากบางเบะลงเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินไปก่อนหน้านี้ โธ่ แล้วไอ้คนที่นั่งแล้วไม่มีห่วงยางโผล่ออกมานี่เหมือนคนท้องตรงไหนวะ เดี๋ยวก็ขอพิสูจน์เลย หูย แค่อยากรู้ไม่ได้หื่นครับ

“เฮ้ย จริงๆ นะ ซิกแพคแทบไม่เหลือแล้ว” ผมยืนยันโดนการเลิกเสื้อยืดสีดำของตัวเองขึ้นถึงหน้าอกเพื่อพิสูจน์ว่าเริ่มมีพุงจริงๆ แต่พอเห็นสายตาคีนที่มองอย่างอึ้งๆ ก่อนที่ปากบางจะบุ้ยออกไปด้านข้างก็ทำให้สติกลับคืนแล้วรีบปิดเนื้อหนังทันที โธ่เว้ย อายจนแก้มร้อนเลยกูเผลอทำอะไรไม่รู้จักคิดอีกแล้ว ผู้ชายที่ไหนเขาจะอยากดูซิกแพคคนอื่นวะ พลาดสุด

“โห อย่ามาอวด ของเรายังไม่ยอมขึ้นสักแพคเลยเหอะ ท้อแล้วเนี่ย” คีนก้มลงมองหน้าท้องตัวเองก่อนใช้มือลูบๆ จนเสื้อสีขาวเลิกขึ้นเล็กน้อย ผมเกิดอาการสะอึกและเผลอก้าวถอยหลังไปยืนพิงลู่วิ่งด้วยอัตราการเต้นหัวใจถี่รัว ผมต้องทำยังไงถึงจะมีความต้านทานเรื่องของเขาได้สักที ขืนเป็นแบบนี้บ่อยๆ เดี๋ยวโดนหาว่าเป็นพวกโรคจิตพอดี โอย ฟืดฟาด

“อืม... พยายามต่อไป คีนทำได้อยู่แล้วน่า” ผมปรับอารมณ์ให้เข้าที่เข้าทางก่อนบอกเขาด้วยเสียงกลั้วหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความผิดปกติของสายตาที่เอาแต่มองลงต่ำทั้งๆ ที่คีนก็ไม่ได้ทำให้เสื้อเปิดขึ้นแล้ว เนี่ย... ผมจะโดนลากคอเข้าคุกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“ถ้าวันไหนมาออกกำลังกายก็อย่าลืมชวนเราด้วยนะ” อะ ใครก็ได้บอกทีว่าคีนไม่ได้กำลังอ่อยผมแบบเนียนๆ แถมมียิ้มหวานเชิญชวนให้เข้าไปจับฟัดอีก อ๊าก ไอ้ปอมเว้ย ช่วยตื่นมาขัดอารมณ์กูที๊ เอาตีนสากๆ มาถูหน้าก็ได้ ฮือ ไม่ไหวแล้ว

“ดะ ได้เลย ไว้เราจะไปเรียกที่ห้อง” ไอ้เราก็เป็นเด็กดีปฏิเสธคนไม่เก่งไง ใครบอกยังไงก็ชอบคล้อยตาม ถ้าผมกลายเป็นหมาคงหูตั้งหางสะบัดระริกระรี้แสดงความดีใจออกนอกหน้าไปแล้ว ฮึ่ย มันเขี้ยว!

สุดท้ายผมก็ออกกำลังกายไปได้แค่สี่สิบนาทีเพราะเสียเวลาแอบมองคีนนานไปหน่อย ไอ้ตอนเร่งสปีดลู่วิ่งก็เกือบสะดุดขาตัวเองล้มเนื่องจากไม่ใส่ใจมัน ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากคนด้านหลังก็พลันรู้สึกอาย นึกว่าเขากลับขึ้นห้องแล้วซะอีก ที่ไหนได้ยังยืนรออยู่แถมสภาพที่มีเหงื่อเกาะพราวตามใบหน้า แก้มเป็นสีแดงปลั่ง ปากบางเผยออกเพื่อคลายความร้อน โอย ยังไงๆ ก็น่าลากไปปล้ำมากกว่าชวนกันต่อ Nano Block ว่ะ

“กิมแพ้ขนสัตว์ปะ?” คำถามนี้เกิดขึ้นระหว่างที่เรากำลังใช้บันได้เพื่อกลับห้อง ผมส่ายหน้าหวืดเพราะจำได้ว่าไม่เคยเป็นภูมิแพ้อะไรแต่ไม่ถูกกับสัตว์สักชนิดยกเว้นคนไว้ประเภทหนึ่งแล้วกันเดี๋ยวโดนหาว่าหยิ่งอีก

“งั้นดีเลย เราจะได้ปล่อยชมจันทร์ออกมาวิ่งเล่นนอกกรง” สีหน้าของคีนบ่งบอกว่ามีความสุขมากที่ผมไม่ได้แพ้ขนสัตว์อย่างที่เคยกังวล โธ่ เขาน่าจะเปลี่ยนคำถามว่าผมชอบสัตว์หรือเปล่านะ แต่เอาเถอะ ขืนเป็นศัตรูกับชมจันทร์ไอ้เรื่องจีบพ่อมันคงเกมโอเวอร์ตั้งแต่เริ่ม

“.....” ไอ้ที่ผมเงียบน่ะคือแอบกลัวกระต่ายเพราะเคยได้ยินเพื่อนสมัยมัธยมบ่นๆ ว่าบางอารมณ์ไอ้เจ้าขนปุยก็นึกคึกกัดคนขึ้นมา ฉี่ใส่ ขี้ใส่ก็มี หูย เกเรมากอะ สูญสิ้นซึ่งความน่ารักเลยแม่ง แล้วอีกอย่างที่รู้มาคือมันเป็นสัตว์ที่มีความหื่นมากที่สุดในโลก โอ้โห ทำไมเหมือนเจอเพื่อนที่พลัดพรากเลยวะ

“เราหมายถึงกระต่ายที่เลี้ยงไว้น่ะ” คีนคงนึกว่าที่ผมไม่หือไม่อือเพราะยังมึนว่าไอ้ชมจันทร์เนี่ยมันคือตัวอะไรเลยอธิบายด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขยิ้มทั้งปากทั้งตาแล้วไอ้คนที่หลงเขาอยู่แล้วจะทำอะไรได้นอกจากเดินใจเต้นแรงไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าห้องพักของเรา

“อ๋อ เอ้อ ได้ๆ ไม่มีปัญหา เดี๋ยวสักเที่ยงเราจะไปหาที่ห้องนะ” ผมรีบตอบรับคีนพร้อมด้วยคลี่ยิ้มแฉ่งทั้งที่ใจก็ยังนึกกังวลไม่หาย ตัวโตเท่าควายแต่กลัวกระต่ายกัดเนี่ยรู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น

“โอเค เราจะเตรียมมื้อเที่ยงไว้ให้เนอะ”

“หืม คีนทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?” ผมมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจเพราะไม่เคยคิดเลยว่าคนแบบคีนจะทำอาหารเป็น ก็ลุคภายนอกเขาดูคุณหนูนิดๆ พอรู้แบบนี้ก็อยากฝากท้องไว้ทุกวันเลย ส่วนไอ้ปอมให้มันไปหาแดกเอาเอง หึ หมั่นไส้เรื่องฝ่าตีนไม่หายเนี่ย คืนนี้คงต้องจัดระเบียบที่นอนกันใหม่

“เออดิ เราเป็นผู้ชายยุคใหม่นะเว้ย” คีนมุ่ยหน้าเหมือนไม่พอใจที่โดนถามแบบนั้นก่อนจะส่งหมัดหนักๆ ลงมาที่ไหล่ของผม คือเจ็บจนเผลอซี๊ดปากเลยว่ะ ถ้าในอนาคตเผลอนอกใจไม่ตายเหรอ? แต่ไม่มีวันนั้นหรอกน่า เพราะตอนนี้เขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังถูกจีบ โธ่ ชีวิตรักไอ้กิมช่างรันทดเหลือเกิน เมื่อไหร่จะสมหวังกับชาวบ้านสักที

“โอเคๆ แล้วจะรอชิมครับ” ผมบอกอีกคนด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะพลางยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ ส่วนคีนเองไม่ได้มีแววโกรธแต่อย่างใดแถมยังยักคิ้วให้อีกต่างหาก เห็นแล้วก็นึกมันเขี้ยวอยากใช้ปากขยี้หน้าผากมนนั่นให้หน่ำใจข้อหากวนกันดีนัก

“รับรองติดใจแน่นอน” แหนะ ก่อนคีนหมุนตัวเข้าห้องยังทิ้งท้ายประโยคให้ชวนใจสั่นอีก โอย นี่ถ้าผมเป็นคนขี้มโนสักหน่อยคงคิดว่าเขาอ่อยแน่ๆ

ขนาดไม่ได้ชิมยังหลงขนาดนี้ ถ้าได้ชิมไม่ตกเป็นทาสนักเลยหรือไงครับคุณคนินท์ เห็นใจหมาตาดำๆ ตัวนี้บ้างเถอะ หัวใจมันจะวายตายอยู่ตรงนี้แล้วจ้า ตึกตัก

พอสงบสติอารมณ์ให้อยู่ในภาวะปกติได้ก็ล้วงคีย์การ์ดออกมาเปิดประตูห้องตัวเองบ้าง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือภาพไอ้ปอมกำลังยืนเกาไข่แถมยังเคี้ยวน้ำลายแจ๊บๆ อยู่ในปาก หัวเหอยุ่งอย่างกับรังนก สภาพแม่งไม่น่าจับพลัดจับผลูไปประกวดเดือนคณะได้เลย ทุเรศลูกตาเว้ย พอมันหันมาเห็นผมก็รีบคลี่ยิ้มต้อนรับเชียว อีกเดี๋ยวคงเดินไปชงกาแฟกลั้วขี้ฟันยามเช้าแน่ๆ เฮ้อ

“เพิ่งตื่นหรือไง?” ผมออกปากถามพลางปิดประตูห้องแล้วสะบัดรองเท้าผ้าใบออก พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นไอ้ปอมส่งสายตาเขียวปั๊ดเป็นการบอกลางๆ ว่ามึงควรเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย เออ ทำก็ได้วะ นี่ถือว่าขออาศัยมันอยู่เลยยอมไม่อย่างนั้นคงเถียงกันห้องแตกแน่

หลังจากที่บรรจงก้มเก็บรองเท้าวางบนชั้นเสร็จผมก็เดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่มแก้กระหายก่อนจะไปอาบน้ำและออกมาเตรียมอาหารเช้า วันนี้คิดไว้ว่าเมนูข้าวต้มทรงเครื่องน่าสนใจ ใส่ปลาหมึกแห้ง กุ้งแห้งแล้วเพิ่มหมูสับปรุงรสให้กลมกล่อมตบท้ายด้วยเจียวกระเทียมโรยหน้าเล็กน้อยเป็นอันพร้อมกิน

ขวดน้ำเย็นช่ำถูกยกขึ้นดื่มดับความกระหายทำให้รู้สึกสดชื่น แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ไอ้ปอมย้ายตัวจากห้องนั่งเล่นมาโผล่อยู่ข้างๆ ผมเห็นแล้วแทบสำลักน้ำเพราะตกใจ ดีหน่อยที่ตอนนี้เป็นเวลากลางวันเลยไม่ตกใจจนเผลอถีบเข้าให้ มันบ้าหรือไงที่ยืนใช้มือไขว้หลังพลางจ้องเขม็ง เชี่ย นึกว่าผีถ้าไม่ติดว่าแม่งใส่ชุดนอนมาสคอตรูปมังกรน่ะนะ ปัญญาอ่อนฉิบหาย

“มองอะไรกู พิศวาสนักหรืองไง?” ผมถามหลังจากหยุดดื่มน้ำก่อนแลบลิ้นเลียขอบปากเพื่อเก็บคราบเลอะ ส่วนไอ้ทำหน้าเหมือนคนคลื่นไส้แถมเหล่ตามองอย่างดูถูก เออ อันนี้ก็เข้าใจว่ารู้สึกหมั่นไส้เพื่อน อยากยันให้ติดตู้เย็นอะไรทำนองนั้น แต่ที่ผมสงสัยมากๆ คือเมื่อไหร่มันจะเลิกเกาไข่สักวะ ไม่พอแค่นั้นยังแอบเอามาดมด้วย โอย กูรับไม่ได้จริงๆ นะ

“คนอย่างมึงให้ฟรีแถมข้าวสารกูยังไม่เอาอะ” มันทำท่าขยะแขยงใส่กันแต่แค่นั้นยังไม่พอเพราะแม่งหยิบไม้เกาหลังที่ตั้งอยู่บนตู้เย็นมาเขี่ยๆ ที่ต้นแขนผมลามมาถึงซอกคอ พอใช้มือปัดออกก็เสือกเอากระดูกไปกระทบดังกึก เจ็บสัดๆ ไอ้บ้าปอมทำอย่างกับเพื่อนมึงเป็นขี้เลยเนอะ เดี๋ยวกูถีบกระเด็น!

“เป็นหมาปากเปราะตลอดเลยนะมึง” ผมคว้าไม้เกาหลังมาถือไว้ซะเองก่อนที่จะเอาเคาะลงบนหัวยุ่งๆ ของไอ้ปอมเป็นการเอาคืน สะใจพอๆ กับที่หมั่นไส้ แต่มันร้องโอดโอยแถมนั่งลงไปกองอยู่กับพื้นเหมือนเจ็บมากทั้งที่ผมยั้งแรงไว้เยอะ โอย อยากเอาโล่การเสแสร้งมอบให้เหลือเกิน มึงควรซิ่วไปเรียนิเทศฯ มากกว่าทนเรียนถ่ายภาพว่ะ คงรุ่งน่าดู รุ่งริ่งอะนะ

“นี่ล่ะเขาเรียกเสมอต้นเสมอปลาย” มันยังอุตส่าห์เงยหน้าขึ้นมาโฆษณาตัวเองด้วยถ้อยคำที่ฟังแล้วชวนให้กรอกตามองบน เรื่องบ้าๆ นี่มึงก็ทำจังเนอะ ไอ้เรื่องดีๆ ไม่เคยคิดจะเริ่มทำบ้างอย่างเช่นเลิกปากแข็ง...

“จ้า เหี้ยเสมอต้นเสมอปลาย” ผมถอนหายใจเฮือกก่อนจะทิ้งไม้เกาหลังลงกับพื้นให้ไอ้ปอมตกใจเล่น คือสะใจตรงที่มันสะดุ้งจนเผลอลุกพรวดเอาหัวโหม่งกับขอบเค้าน์เตอร์ครัว อึ๋ย แค่เห็นก็เจ็บแทนแล้ว ยิ่งได้ยินเสียงซี๊ดปากยิ่งรู้สึกเสียว เลือดออกปะวะ ต้องพาไปเย็บหน้าผากที่โรงพยาบาลไหม

“หูย แรงอะ” ยังมีหน้ามาพูดล้อเล่นแสดงว่ามันไม่ได้ชนแรงสินะ เดี๋ยวกูจับหัวโขกให้เลือดสาดข้อหากวนตีนเลยนี่ ผมจะอยู่กับมันได้จนถึงวันจีบคีนติดหรือเปล่า แค่หนึ่งวันหนึางคืนยังทำให้ปวดหัวขนาดนี้ ขอยาพาราฯ สี่เม็ดครับ!

“พอๆ ถอย กูจะไปอาบน้ำ” ผมเตะไอ้บ้าที่ตอนนี้ลงไปนอนแผ่เกลือกกลิ้งกับพื้นขว้างทางเดิน แต่มันดูเหมือนไม่สะทกสะท้านเพราะทำแค่เปิดเปลือกตาขึ้นมองก่อนจะย่นคิ้วคล้ายคนสงสัย อะ อยากถามอะไรก็ถามมาเห็นความเสือกขึ้นอยู่เต็มหน้ามึงเลย

“เดี๋ยวดิ กูยังไม่ได้ถามเลยว่ามึงหายไปไหนมา?” นั่นไง ทำไมซื้อหวยแล้วไม่ถูกแบบนี้บ้างวะ ไม่อย่างนั้นคงรวยเป็นเศรษฐีแข่งกับพ่อแม่ไปแล้ว โธ่

“ฟิตเนส” ผมตอบสั้นๆ ก่อนจะใช้เท้าแกล้งเหยียบไปบนหน้าอกของไอ้ปอมด้วยความสะใจ มันเบิกตาโตสบถคำหยาบออกมาเยอะแยะแต่รัวจนฟังไม่ออก

โอ๊ย หยิกหน้าแข้งกูทำไม! มองแรงใส่แม่ง เจ็บมาก

“แล้ววันนี้จะออกไปไหนปะ?” จ๊ะ ขอบคุณมากที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทำไมมันถามซอกแซกจังวะ

“ไป ช่วงเที่ยง” ผมตอบตามความจริงเพราะมีนัดกับว่าที่แฟน ฮึ่ย ขอมโนหน่อย พอคิดแบบนั้นแล้วมุมปากมันก็พลอยกระตุกเป็นรอยยิ้มทุกครั้ง วิธีแก้ง่ายๆ คือยกมือขึ้นปิดซะ กลัวไอ้ปอมที่นอนตายอยู่บนพื้นรู้ทัน

“ไปไหนวะ? ขอติดรถไปลงป้ายรถเมล์หน่อย” ห๊ะ คือยังไงที่ไอ้ลูกคุณหนูจะขึ้นรถเมล์ หรือนัดใครไปรับที่นั่น แต่ผมขี้เกียจถามจู้จี้เพราะถือว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากบอกเราก็ไม่ต้องเสือกก็ได้

“กูไม่ได้ขับรถเว้ย” ผมก้าวข้ามตัวมันออกไปยืนด้านนอกแล้วบิดตัวนิดหน่อยเพื่อไล่ความเมื่อย นานๆ ทีไปฟิตเนสก็ล้าเหมือนกัน คืนนี้อาจจะระบมก็ได้

“อ้าว แล้วมึงจะไปยังไงอะ?” มันลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิแล้วใช้ดวงตาคมๆ มองผม เอียงคอประกอบความสงสัย เออ ท่าเหมือนควายงงเลย ตลกดี

“เดินสิวะ” ผมหันหลังโชว์บั้นท้ายงามงอนให้เพื่อนชม เอ่อ ไม่ใช่ละ ก็แค่ไม่อยากให้มันเห็นดวงตาวิบวับเท่านั้นเอง คือตอนนี้ในหัวกำลังคิดภาพเป็นฉากๆ เวลาที่ได้อยู่กับคีนแค่สองคน ความใกล้ชิด น้ำเสียงนุ่มๆ กับข้าวอร่อยๆ มือที่โดนสัมผัสยามช่วยกันต่อ Nano Block อ๋อย กูอยากระเบิดตัวเองเป็นโกโก้ครันซ์ อะไรจะโรแมนติกขนาดนี้

“ห๊ะ?”

“ไปห้องคีนจะให้กูนั่งเครื่องบินเลยไหมล่ะ?” อุ๊ย หลุดบอกไปจัดได้ไอ้ปากพาซวย ตีๆๆๆ แม่ง แต่ดูเหมือนไอ้ปอมจะยังไม่รู้ตัวว่าผมตอบอะไรไปมันถึงไม่มีปฏิกิริยาโอเวอร์ ยังนั่งนิ่งๆ ได้ถือว่ายังตื่นไม่เต็มที่ หึ

“เอ้า ก็มึงไม่บอกให้ละเอียดใครจะไปรู้” อ๋อ เพราะมันมัวแต่หาเหตุผลให้ผมเป็นคนผิดสินะเลยปล่อยผ่านเรื่องคืน หูย กูรอดตัวจากการโดนแซวแล้วเว้ย ไหนๆ โดนปรับปรำแล้วก็คล้อยตามหน่อย

“เออ กูผิดตลอดแม่ง!” แกล้งโวยวายจบก็รีบชิ่งหนีเข้าห้องทันที ไม่รอไอ้ปอมรู้ตัวหรอกเดี๋ยววันนี้ไม่ได้แดกข้าวเช้ากันพอดี

“เฮ้ย เดี๋ยวๆ แล้วไปห้องคีนทำไม? กลับมาตอบคำถามก่อน!” อ้าว รู้ตัวเร็วกว่าที่คิดเว้ย เพราะผมเพิ่งหนีมันออกมาได้แค่สามสี่ก้าวเอง

“เสือก!” ผมหันไปด่าถึงได้รู้ว่าไอ้ปอมกำลังลุกขึ้นเพื่อจะวิ่งมารั้งแขนกัน แต่ดีที่มันเผลอชะงักการหนีเลยเสร็จสมบูรณ์เมื่อประตูห้องนอนปิดลงพร้อมเสียงดังกริ๊ก ล็อคแล้วเว้ยห้ามหากุญแจมาไข!

กว่าจะเตรียมอาหารเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบเก้าโมงเพราะการช่วยทำลายล้างจากไอ้สัดปอม แม่งเอ๊ย แค่ให้เอากุ้งแห้งกับปลาหมึกแห้งแช่น้ำยังทำไม่เป็น พอเปลี่ยนให้คนข้าวต้มในหม้อก็เสือกชะล่าใจยืนเล่นเกมจนได้กลิ่นไหม้ สุดท้ายด้วยความโมโหผมเลยไล่มันออกไปนั่งดูการ์ตูนยามเช้าแทน

“มาแดกข้าวได้แล้ว” ผมตะโกนเรียกไอ้ปอมหลังจากที่ตักข้าวต้มทรงเครื่องใส่ชามเสร็จพร้อมกับเตรียมพวกขิงซอยต้นหอมซอยและผักชีไว้โรยหน้าด้วย กลิ่นหอมๆ ทำให้น้ำย้อยในกระเพาะเริ่มทำงาน อืม... อยากไปช่วยคีนมากินด้วยกันจะได้ไหมวะ แต่คิดอีกทีก็ไม่ดีกว่ากลัวไอ้เพื่อนตัวดีแซวยันลูกบวช (ซึ่งไม่น่าจะมี)

“ถ้ามึงเรียกเพราะกว่านี้กูคงนึกว่ามีเมียแล้ว” ไอ้ปอมเดินหน้าระรื่นเข้ามาพร้อมพูดประโยคระคายหูให้ฟัง ผมที่กำลังหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ถึงกับชะงักกลางอากาศก่อนตวัดสายตาดุดันมอง ไอ้เชี่ยนี่ปากหมาไม่เลิก ถ้าวันไหนกูเมาปล้ำมึงจริงๆ ขึ้นมาอย่าร้องไห้โวยวายนะ กูไม่รับผิดชอบแน่นอน

“ไอ้สัด พูดมากก็ไม่ต้องแดก” ผมคว้าชามไอ้ปอมเพื่อจะเอาออกจากโต๊ะแต่มัมก็รีบส่งสายตาอ้อนวอนกับมือควายๆ มารั้งไว้ได้ทัน แม่ง น้ำข้าวต้มเกือบหกรดมือ

“เฮ้ยๆ ของกู แค่ล้อเล่นน่า ทำเครียดไปได้” มันตบมือผมเบาๆ เหมือนเป็นการบอกให้ปล่อยมือจากชามซึ่งมันก็ได้ผลเพราะฝั่งนี้ก็กลัวว่าถ้ามันหกต้องเก็บกวาดด้วยตัวเองอีก ตอนนี้ผมก็ทำได้แค่กระแทกก้นลงบนเก้าอี้แล้วส่งสายตาคาดโทษไปให้ เบื่อหน้าจริงๆ แต่ต้องทนอยู่ ไม่อยากนั้นภารกิจหัวใจคงล้มเหลว

“ไม่ได้เครียดแต่รำคาญหมาในปากมึง”

“แหะๆ กินข้าวกันดีกว่าค่ะที่รัก เดี๋ยวเมียโรยผักชีให้เนอะ” พอมันเห็นผมเกรี้ยวกราดใส่ก็เปลี่ยนพูดจาเป็นหวานหยดย้อยจนขนลุกซู่ กูอยากถีบยอดหน้ามึงจริงๆ ให้ตายเถอะ แถมจะบริหารหยิบผักชีใส่ชามให้อีก แต่พอดีว่าผมรังเกียจหมาอย่างไอ้ปอม หึ

“เก็บขาหน้ามึงไว้เถอะ กูมีมือทำเองได้” ผมปัดขาหน้าง่อยๆ ของเพื่อนทิ้งก่อนหยิบผักชีใส่ชามตัวเองจนมีแต่สีเขียว ขิงอีกนิดหน่อยเพื่อตัดความเลี่ยน พริกไทยดำเพิ่มความหอม ตามด้วยกระเทียมเจียวผสมกากหมู ฟินอย่าบอกใคร เออ สาเหตุที่บอกว่ารังเกียจมันก็เพราะภาพตอนเกาไข่ยังติดตาไม่รู้แม่งขัดซอกเล็บบ้างไหม ยี้ แค่คิดก็จะอ้วกแล้ว ไอ้ปอมคนโสโครกที่แท้ทรู

“อูย ร้ายกาจมากค่ะ” ยังไม่หยุดกวนตีนอีก พ้นเปลือกกระเทียมใส่แม่ง!

หลังจากฟาดอาหารมื้อเช้าไปได้แค่ครึ่งชั่วโมงคนที่นั่งดูหนังด้วยกันก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะคว้าหยิบกุญแจรถ กระเป๋าตังค์และโทรศัพท์เพื่อออกไปข้างนอก สรุปแล้วคือมันมีนัดกินข้าวกับพี่รหัสที่เป็นสาวสวยดีกรีหลีดคณะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดวันนี้โลกโซเชี่ยลของเด็กมหา’ลัยผมคงร้อนระอุแน่นอน หาว่าสองคนนี้กิ๊กกันมั่งล่ะ คู่นอน ผัวเมีย โอย สารพัด ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอมีแฟนเป็นทอม คือแบบ... อย่ามโนแรงเกินความจริงเลย สงสารคนรับเคราะห์ว่ะ

“จะกลับกี่โมง?” ผมถามในขณะที่ตามองทีวี มือข้างหนึ่งหยิบมันฝรั่งทอดใส่ปากเคี้ยวหงุบหงับ เออ นานๆ ทีกินขนมขบเคี้ยวก็เพลินดี ถ้าอยู่บ้านคงโดนแม่เทศน์จนหูชาเรื่องบริโภคของไม่มีประโยชน์ นี่ถ้าเธอบังคับให้ผมกินมังสวิรัติได้คงทำไปแล้ว ห่วงจังสุขภาพลูกชายเนี่ยแต่ตัวเองกินตับห่านคืออะไร๊ ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน!

“คงเย็นๆ เลย มึงก็ไปกกคีนให้หนำใจ”

“สัด กูไม่ใช่แม่ไก่” ที่ด่ามันไม่ใช่อะไรหรอกคือคิดภาพตามแล้วรู้สึกร้อนวูบวาบชอบกล กกนี่คล้ายๆ กดไหม อืม หื่นอีกกู!

“แหม โวยวายกลบเกลื่อนความเขินอะดิ” อะ คนเชี่ยอะไรชอบฉลาดเอาตอนที่กูหาทางแก้ตัวไม่ได้วะ แล้วไอ้มือที่เขี่ยแก้มกันอยู่คืออะไร ขนลุกเว้ย พอปัดทิ้งก็ได้ยินเสียงเอิ๊กอ๊ากแสดงความชอบใจซะอย่างงั้น เดี๋ยวต่อยคว่ำไม่ต้องดงต้องแดกข้าวเหอะ หมั่นไส้

“ยุ่งจริง จะไปก็รีบๆ เดี๋ยวพี่รหัสมึงรอนาน”ผมโบกมือไล่เพื่อนเพื่อตัดความรำคาญและกลบเกลื่อนความเขินของตัวเองที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเผลอนึกถึงเสียงนุ่มทุ้มของคีนยามพูดคุยกัน มันก็จะฉิบหายหน่อยๆ ตรงที่ผมไม่สามารถหุบยิ้มได้เลยต้องหยิบขนมยัดใส่ปากทำเป็นตั้งใจดูหนังแทน แต่เชื่อว่าไอ้ปอมมันฉลาดพอเพราะได้ยินเสียงหัวเราะหึหึ เกลียดเว้ย ออกไปจากห้องสักทีสิวะ

“เออๆ ไปล่ะ เดี๋ยวมื้อเย็นกูซื้อพิซซ่ามาฝาก”

เนี่ย อยากติดแท็กเพื่อนดีบอกต่อด้วยฉิบหาย แต่อย่าบอกมันนะว่าผมชมเดี๋ยวเหลิงกันไปใหญ่

“อืม ขับรถดีๆ”

ไอ้ปอมออกไปแล้วก็เท่ากับว่าโซฟาว่างผมเลยทิ้งตัวลงนอนดูหนังพลางหยิบขนมใส่ปากเรื่อยๆ แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นภาพตรงหน้าถึงตัด ก็แบบนี้ล่ะ คนกินอิ่มนอนหลับไม่กังวลเรื่องอะไรนอกจากการจีบคีน กะว่าจะฝันหวานสักหน่อยกลับโดนปลุกด้วยเสียงเคาะประตูและเสียงออด



ต่อด้านล่าง



ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
ผมงัวเงียยันตัวขึ้นนั่งครู่หนึ่งเพื่อปรับสมดุลตัวเองก่อนลุกเดินไปที่เปิดประตูด้วยสภาพหัวฟูเหมือนรังนก ตอนแรกกะว่าพอเห็นหน้าคนมาเยือนจะด่าสักหน่อยแต่เอาเข้าจริงกลับยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ขาแขนเกร็งไปหมดเพราะเขาคือคีนเว้ย คีนตัวเป็นๆ มาพร้อม... ปิ่นโตสีพาสเทล!

“มี เอ่อ... มีอะไรหรือเปล่าคีน?” ผมถามด้วยเสียงตะกุกตะกักพลางเหลือบมองปิ่นโตสีหวานสลับกับใบหน้าหล่อของคีน ไม่มีอะไรเข้ากันเลยแต่รวมๆ มันดูโคตรน่ารักอะ แต่ผมไม่เข้าใจว่าเขาถือมันมาที่นี่ทำไม หรือจะชวนไปวัดตอนเที่ยงเกือบบ่าย? (สติหน่อยไอ้กิมเลยเวลาฉันท์เพลแล้ว!)

“เอาอาหารเที่ยงมาให้ตามสัญญาไง” หูย อะไรจะเป็นคนน่ารักได้ขนาดนี้วะคนเรา แต่ทำไมต้องลำบากเอาข้าวมาให้ผมทั้งที่ก็นัดกันไว้

“หืม?” ผมไม่ได้รับปิ่นโตที่ถูกยื่นมาแต่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาทแทน หรือว่าจริงๆ แล้วคีนไม่อยากให้คนอื่นเข้าไปยุ่งในโลกส่วนตัวเพราะไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แล้วอย่างพี่เซียนต้องมีความสัมพันธ์กันแบบไหนถึงเหยียบห้องเขาได้... อยู่ๆ ก็รู้สึกปวดใจแฮะ แต่ไม่เป็นไรผมยังมีความหวังเสมอล่ะน่า

“พอดีว่าเรามีธุระด่วนน่ะ ไว้คราวหน้ากิมค่อยมาสอนต่อ Nano Block เนอะ” คีนคลี่ยิ้มกว้างให้ก่อนจะยัดเถาปิ่นโตใส่มือผม ไอ้ตอนนี้โดนสัมผัสนั้นรู้สึกว่าร่างกายไร้น้ำหนักชอบกลเหมือนกับว่ากำลังลอยอยู่กลางอากาศ ฮือ โคตรนุ่ม ฟินมากด้วย

“อ่า โอเค ขะ ขอบคุณมากครับ” พอรู้ตัวว่าเผลอทำหน้าเคลิ้มก็รีบกลบเกลื่อนโดนการยกปิ่นโตขึ้นบังแล้วกล่าวขอบคุณเสียงสั่น ผลกระทบมันคงมาจากหัวใจที่เต้นแรงจนแทบทะลุออกมาด้านนอก กลิ่นหอมจากตัวคีนนี่เป็นเครื่องมือกระตุ้นอารมณ์ได้เลยว่ะ อันตรายเกินไปแล้ว

“อื้อ รสชาติเป็นยังไงอย่าลืมบอกเราด้วยนะ” ยิ้มให้ยังไม่พอเหรอครับคีน ทำไมต้องใช้สายตาออดอ้อนกันด้วย ก็เป็นซะแบบนี้จะไม่ให้หลงรักได้ยังไง สมมติว่ารสชาติอาหารหมาไม่แดกผมยังเต็มใจโกหกเลยว่ามันอร่อย โธ่ คนอะไรโคตรขี้โกงเลย

“ได้ๆ เดี๋ยวเราจะไปบอกตอนคีนกลับมา” อะ ไอ้เราก็เด็กดีอีกตามเคย เขาบอกอะไรมาก็ทำตามแต่อย่าสืบจุดประสงค์แอบแฝงเพราะมันโคตรเลวเลยจ้า จุ๊ๆ ห้ามเสียงดังกันน้าเดี๋ยวคีนจะรู้ว่าผมอยากเจอหน้าเขา

“วันนี้เราอาจจะนอนบ้าน ถ้ายังไงกิมแอดไลน์มาก็ได้” อ๋อ ไว้เป็นช่องทางติดต่อพูดคุยเรื่องรสชาติอาหารสินะ ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องไปรบกวนเวลาพักผ่อน แต่เดี๋ยวก่อน ให้แอดไลน์เหรอ? จริงดิ!

“หา?” ผมเผลอร้องด้วยควาทตกใจเพราะไม่คิดมาก่อนว่าคีนจะยอมให้แอดไลน์ง่ายๆ ขนาดนี้ หรือมีแค่ผมคนเดียวที่กังวลมากไปวะ ก็รู้สึกไม่เหมือนคนอื่นไง เสือกชอบเขานี่ล่ะเลยเป็นอุปสรรค์โคตรใหญ่

“ตกใจอะไร แอดไลน์เราไงหรือไม่สะดวก?” อะ เข้าใจผิดไปอี๊ก คือผมกำลังอึ้งปนดีใจโคตรๆ เลยครับคุณคนินท์เลยไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนดี โอย มือไม้อ่อนเกือบทำปิ่นโตร่วงแล้วเนี่ย อยากกระโดดไปคว้าโทรศัพท์ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

“เฮ้ย เปล่าๆ แอดๆ เดี๋ยวเราแอดไปเลย” ผมละล่ำละลักพูดจนแทบไม่เป็นภาษาจนกลัวว่าคีนจะจับพิรุธได้เลยรีบหลบสายตาพลางลอบถอนหายใจ แม่ง ตอนนี้นิ้วตีนทั้งสิบก็ดูน่าสนใจดีนี่หว่า ไว้ว่างๆ จะตั้งชื่อให้เนอะ

“อื้อ เราไปนะ บาย” ผมเงยหน้าขึ้นมาตอนได้ยินเสียงบอกลา ภาพที่เห็นคือรอยยิ้มสดใสกับการขยิบตานั่นคืออะไรช่วยอธิบายให้คนโง่ฟังที หัวใจกูจะวายแล้วเนี่ย สมองมันตื้อๆ ไปหมด มือที่จับปิ่นโตก็สั่นกึก บ้า โคตรบ้าเลย ตั้งใจอ่อยใช่ไหมเจ้าคีนตัวแสบ!

คือผมก็ไม่อยากเข้าข้างตัวเองหรอกเพราะถ้าคนเราหวังสูงเกินไปตอนผิดหวังก็จะเจ็บมาก ทุกวันนี้ขอแค่เขาไม่รังเกียจ ยอมให้ดูแล ยอมพูดคุยอย่างเป็นกันเองก็ดีมากพอแล้ว ส่วนเรื่องเนียนจีบก็ทำไปเรื่อยๆ นั่นล่ะ คีนรู้ตัวเมื่อไหร่คง... ช่างแม่งเถอะ ส่วนของอนาคตค่อยว่ากัน ตอนนี้ขอดื่มด่ำกับปิ่นโตสีพาสเทลก่อนน้า ฮึ่ย ถ่ายรูปส่งไปอวดไอ้ปอมกับไอ้ว่านดีกว่า!

กับข้าวสามอย่างถูกยกออกมาวางเรียงกันบนโต๊ะ มีหมูทอด ผัดปลากหมึกไข่เค็มและแกงส้มกุ้งชะอมไข่คืออาหารดีๆ ทั้งนั้น กลิ่นหอมของมันทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกเพราะอยากหยิบช้อนมาจ้วงใส่ปากซะตอนนี้แต่ภารกิจที่ต้องทำคือจัดองค์ประกอบเพื่อถ่ายรูปอวดเพื่อนและอัปเดตลงไอจี นี่ถึงขนาดเดินไปรื้อหาผ้าปูโต๊ะลายสวยๆ ที่เพิ่งเห็นผ่านตาเมื่อวันก่อนตอนจัดระเบียบครัวให้ไอ้ปอม คือมันไม่เคยใช้ครัวเลย ซื้ออะไรมาก็จับยัดๆ จนหาของไม่เจอ แม่งเอ๊ย เปิดตู้ทีผวาว่าจะมีงูโผล่ออกมา

ผมพับผ้าปูโต๊ะสีน้ำเงินสลับลายทางสีขาวเป็นสามเหลี่ยมแล้ววางลงใต้ชั้นปิ่นโตสีฟ้า ชมพู เหลืองและเขียวพาสเทลก่อนจะหยิบเอาช้อนไม้ที่ไอ้ปอมเคยซื้อมาเป็นพร็อพถ่ายรูปเล่นจัดไว้ข้างๆ ขยับกระถางดอกไม้เข้าฉากเป็นอันเรียบร้อย คราวนี้ก็เหลือแค่สกิลการใช้กล่องง่อยๆ ของผมแล้วล่ะว่าจะสามารถทำให้มันออกมาสวยได้ไหม แต่หน้าตาอาหารโคตรน่ากินเลยนะ

ผมลั่นชัตเตอร์ไปเกือบสิบครั้งเพราะหมุนถ่ายทุกมุมรอบโต๊ะ ยืนบนเก้าอี้บ้าง นั่งยองๆ ให้ระดับสายตาอยู่พอดีกับวัตถุบ้าง เอียงซ้ายทีขวาทีจนได้รูปที่พอใจก็อัปลงไอจีเป็นอย่างแรกแต่ไม่กล้าแท็กเจ้าของอาหารมื้อนี้ ส่วนแคปชั่นเป็นอะไรง่ายๆ พื้นๆ ไม่หวือหวาหรือผิดสังเกต เพราะมันก็แค่คำบอกเล่า ‘มื้อนี้กินฟรี มีคนหิ้วปิ่นโตมาให้ถึงหน้าห้อง’ แต่ทำไมคอมเม้นต์เด้งจังวะ ก็ไม่ได้เผลอใส่อีโมจิรูปหัวใจสักหน่อย

ตอนแรกก็กะว่าจะเข้าไปอ่านคอมเม้นต์สักหน่อยแต่เอาไว้ก่อนดีกว่าเพราะตอนนี้ความหิวชนะทุกอย่าง ผมเคีลยร์พร็อพบนโต๊ะแล้วหยิบช้อนส้อมที่ใช้กินข้าวได้จริงเอามาตักชิมปลาหมึกผัดไข่เค็มเป็นอย่างแรก โอ้โห คือเหมือนเห็นสวรรค์อยู่รำไรอะ รสชาติกลมกล่อมกำลังดีส่วนปลาหมึกก็นุ่มเคี้ยวง่ายไม่เหนียว อร่อยจนแทบลืมอาหารฝีมือแม่ไปเลย ฮือ กิมขอโทษที่เป็นลูกอกตัญญู

ชั้นปิ่นโตอันถัดมาบรรจุแกงส้มกุ้งตัวโตๆ แกะเปลือกเรียบร้อยกับชะอมไข่ชุ่มช่ำ มือที่ถือช้อนสั่นระริกเพราะกำลังลุ้นว่ารสชาติมันจะออกมาทำนองไหน ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยชอบเมนูนี้สักเท่าไหร่เนื่องด้วยร้านอาหารชอบทำติดเปรี้ยวจนเข็ดฟัน กินเข้าไปเยอะๆ แล้วปวดท้องตลอด ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากแตะมันเลย แต่นี่ถือเป็นกรณีพิเศษเพราะคีนอุตส่าห์ทำมาให้ชิม เอาวะ แค่ใส่ปากแล้วเคี้ยวๆ จะไปยากอะไร อืม... ฉิบหาย เสือกอร่อยเฉย! คือถูกปากอะบอกเลย แม่ยังทำไม่ได้แบบนี้ (ผมจะไปกราบขอโทษแม่สักสิบครั้งเลยครับที่เผลอพาดพิง ฮือ เก๊าไม่ได้ตั้งใจว่าตัวเลยนะ)

อะ มาที่อย่างสุดท้าย หมูทอดหน้าตาธรรมดาทั่วไปที่ขึ้นชื่อว่าโคตรเข้ากันกับแกงส้ม คราวนี้ผมใช้มือหยิบเข้าปากก่อนจะเริ่มเคี้ยวหงุบหงับ สัมผัสคือกรอบนอกนุ่มในติดรสเค็มนิดหน่อยถือว่าอร่อยเทียบกับร้านอาหารได้เลย สรุปว่ามื้อนี้ผมคงฟินไปยันชาติหน้า โหย คือแบบรู้สึกว่าอยากได้คีนมาเป็นพ่อครัวส่วนตัวเร็วๆ หวงที่จะให้คนอื่นรู้ว่าทำเก่งขนาดนี้ มีเสน่ห์ปลายจวักแบบนี้ พอคิดว่าไอ้สิ่งที่ผมได้รับมาพี่เซียนก็คงได้เหมือนกันแล้วรู้สึกอยากสำลักปลากหมึกตายๆ ไปซะ ไอ้กิมจะเอาข้อดีที่ไหนไปงัดข้อกับว่าที่สัตวแพทย์ได้บ้างเนี่ย เฮ้อ แดกข้าวเสร็จขอไปนอนหลับพักหัวใจดีกว่า

ผมเผลอหลับไปตอนบ่ายสามกว่าๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งคือห้องมืดตึ๊ดตื๋อซะแล้ว ยังดีหน่อยที่เดินคลำทางไปเปิดไฟได้โดยไม่เผลอเหยียบผ้าเช็ดเท้าล้มหัวฟาดพื้นตาย ยืนปรับสายตากับแสงสว่างอยู่สักพักก็พุ่งเข้าใส่โซฟาอีกครั้งเพราะยังขี้เกียจอยู่ พอนั่งโง่ๆ ไปสักพักโดยไม่ทำอะไรก็เริ่มเบื่อเลยเหลือบมองนาฬิกาติดผนัง พอเห็นเวลาก็ได้แต่ร้องเชี่ยในใจ สองทุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แล้วไอ้หมาปอมหายหัวไปไหน นี่มันไม่เย็นแล้วเว้ยดึกแล้ว หิว!

ครืด

ในตอนที่กำลังคิดว่าจะยกหูต่อสายไปด่าไอ้ปอมเสียงสั่นครืดแจ้งเตือนอะไรบางอย่างจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมาดูก็พบว่ามันเป็นข้อความจากแอปฯ ไลน์ที่ส่งมาจากเพื่อนสนิทตัวดี แม่ง ตายยากฉิบหาย พอบ่นปุ๊บก็โผล่หัวมาปั๊บเลยเนอะ ดี จะได้ไม่เปลืองค่าโทร

กะปอม : ที่รักจ๋า เค้าขอโทษ
   กิมมิค : อะไรของมึง ตอนนี้อยู่ที่ไหนวะ?
   กะปอม : กำลังเดินทางไปร้านเหล้าจ้า

    ผมเข้าใจแล้วว่ามันขอโทษเรื่องอะไร โอย ทำไมรู้สึกเหมือนเมียโดนผัวหลอกว่าไปทำงานแต่มันเสือกดอดไปเที่ยวกับกิ๊กเลยวะ สงสัยเป็นเพราะอารมณ์โมโหหิวแน่ๆ อ๊าก กูจะฆ่ามัน!

   กิมมิค :  ไอ้สัดปอม แล้วข้าวเย็นกูล่ะ?

   ลองทวงดูเผื่อมันมีน้ำใจแวะเอาข้าวมาส่งหน้าคอนโดให้ก่อน

กะปอม : งุย ไม่เกรี้ยวกราดดิ ในตู้มีมาม่ารสต้มโคล้งอยู่น้า ใส่ผัก ใส่ไข่อร่อยเหาะเลย ><

เหาะไปตบกบาลมึงใช่ไหม! แม่งเอ๊ย เกลียดอีโมจิห่าเหวนั่นฉิบหาย

กิมมิค : ไอ้เหี้ย คืนนี้มึงนอนหน้าห้องไปเลย กูใส่กลอนประตู!
กะปอม : กรี๊ด ไม่ได้นะเว้ยผัวขา กูจะซื้อน้ำเต้าหู้กับขนมปังอบไอน้ำแถมสังขยาสองถุงไปฝาก ดิวนะ น้า ~

โอย กูอยากจะลากหัวมึงออกมากระทืบให้จมดินจริงๆ เลย จะซื้อห่าเหวอะไรมาฝากก็ไม่สนเว้ย เข้าใจไหมว่าหิวตอนนี้จะแดกตอนนี้ไม่ใช่หลังร้านเหล้าปิด รอจนตอนนั้นคงปวดท้องตายห่าไปแล้วมั้ง

กิมมิค : ไม่ดิวห่าอะไรทั้งนั้น บล็อกไลน์แม่ง!



------------------------------------------------

คีนมีความอ่อยมากขึ้น เอ๊ะ หรือไม่ได้อ่อยแต่เป็นคนน่ารักโดยกำเนิดอยู่แล้วหนอ?
สารภาพมานะว่าใครเชียร์คู่กิมปอมแล้วแอบฟินที่เขางุ้งงิ้งใส่กันบ้าง? 55555

อ่านให้สนุกน้า

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
รูปถ่ายใบที่ 8


ครืดๆๆ

เสียงโทรศัพท์สั่นรัวๆ ดังขึ้นในขณะที่ผมตั้งใจอ่านนิยายสยองขวัญอยู่บนเตียง หนังสือเล่มนี้โดนไอ้ว่านยัดเยียดมาให้แถมยังบอกว่าโคตรหลอนจนขนหัวลุก เอาจริงก็น่ากลัวนิดๆ เพราะมันเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างห้องพักในคอนโด ยิ่งจดจ่อกับมันในช่วงเวลาค่ำมืดยิ่งอินไปใหญ่ แล้วอีกอย่างคือใครแม่งส่งข้อความมาหนักหนาเนี่ย กูสะดุ้งเฮือกเกือบฉี่แตกแล้ว!

ผมพ่นลมหายใจหนักก่อนจะคว่ำหนังสือลงกับขาอ่อน ลูบอกตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกขวัญให้กลับมาแล้วเอื้อมมืออีกข้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แจ้งเตือนที่เห็นสามข้อความทำให้หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าการตกใจเมื่อครู่เป็นร้อยเท่า ผมลองขยี้ตาแล้วเพ่งหน้าจอจนแทบเอาหัวมุดเข้าไปดูเพื่อความแน่ใจ บ้าไปแล้ว ไม่จริงน่า ทำไมล่ะ ก็ไหนว่าให้ทางนี้แอด... ไอ้ฉิบหาย ลืมสนิทเลย!

ลืมแอดไลน์คีนเพราะมัวแต่โมโหไอ้ปอม อ๊าก!

ผมรีบเปิดหน้าแชทไลน์ขึ้นแล้วรีบกดรับเพื่อนเป็นอย่างแรกก่อนจะกวาดสายตาไล่อ่านข้อความที่คีนส่งมาหา โอย ทำไม มีแต่คำว่าทำไมเต็มหัวไปหมด คนบ้าอะไรวะ โคตรน่ารักเลย เขาส่งข้อความมาทวงเรื่องรสชาติอาหารเนี่ยนะ ดีใจจนจะร้องไห้เลยจ้า

คีน : ไหนบอกว่าจะแอดมาหาเรา ข้ามวันแล้วเหอะ
คีน : อาหารฝีมือเราเป็นไงบ้าง?
คีน : หรือกินแล้วท้องเสีย ตอบเราหน่อย

ผมอ่านข้อความพร้อมกับดึงผ้าห่มมากัดเพื่อระบายความเขินเพราะดันมโนไปว่าเขาเป็นห่วงกัน เนี่ยถึงกับขนาดแคปหน้าจอเอาไว้เป็นที่ระลึก ถ้าไม่ติดว่าคีนเร่งให้ตอบกลับคงส่งรูปไปอวดไอ้ปอมแน่นอน แต่ป่านนี้มันคงเมาหัวทิ่มไม่รู้เรื่องราวแล้วมั้ง

พอจะรีบพิมพ์ข้อความตอบกลับเพราะไม่อยากให้คีนรอนานแต่มือกลับสั่นจนจิ้มผิดจิ้มถูก คำว่า ‘ขอบคุณ’ กลายเป็น ‘ชอบคุณ’ ไอ้เชี่ยเอ๊ย เกือบส่งไปแล้วไหมล่ะ ดีที่อ่านก่อน แต่คิดอีกแง่ก็ดีเหมือนกันจะได้สารภาพความจริงไปเลย ดีกับผีน่ะสิ ขืนจู่โจมเขาเกินพอดีเดี๋ยวก็พังไม่เป็นท่า ต้องช้าๆ ถึงได้พร้าเล่มงาม

กิมมิค : โทษทีๆ เราลืมสนิทเลย มัวแต่ตีกับไอ้ปอม
กิมมิค : เรื่องอาหารคือคีนเปิดร้านอาหารน่าจะรุ่ง โคตรอร่อยเลย ขอบคุณครับ ~

อะ พิมพ์ส่งไปแล้วต่อมาคือนั่งรอด้วยใจจดจ่อ ระหว่างนั้นก็โยนโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างตัวก่อนหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอีกครั้งทำเหมือนว่าไม่ได้สนใจ แต่มันเป็นฟีลลิ่งประมาณว่าลุ้นจนตัวโก่งว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับยังไง มือสั่นใจสั่นแถมยังไม่กล้ามองจอเพราะลึกๆ ก็กลัวคำตอบไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ ไม่รู้ว่าคนอื่นมีอาการแบบนี้ไหมแต่ผมนี่ใช่เลย

ครืด

แม่ง ทำไมคีนตอบกลับมาไวขนาดนี้วะเนี่ย ผมยังอ่านหนังสือไม่จบบรรทัดเลยเหอะ เอาจริงคืออ่านซ้ำที่เดิมมาหลายรอบแล้วเพราะมันไม่เข้าหัวเลยสักนิด เมื่อครู่ก็สะดุ้งเพราะเสียงสั่นของโทรศัพท์จนสติกระเจิง หัวใจเต้นถี่ขึ้นอีกครั้งทั้งๆ ที่คำตอบของอีกฝ่ายคงไม่มีอะไรมากมายชวนคิดลึก แต่เพราะความชอบเขสล้วนๆ เลยทำให้ทุกอย่างมันดูพิเศษขึ้นแม้เป็นการคุยแบบปกติ เฮ้อ เมื่อไหร่กูจะเลิกมโนแล้วรุกจีบแบบเป็นเรื่องเป็นราวสักทีวะ

ผมเอื้อมหยิบโทรศัพท์มากุมไว้ครู่ใหญ่จนเหงื่อเริ่มชื้นตามซอกนิ้ว กว่าจะยกมันขึ้นอยู่ในระดับสายตาได้ก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งนาที พอเห็นข้อความที่คีนส่งกลับมาปุ๊บก็เหมือนหัวใจกระเด็นกระดอนลงไปอยู่ชั้นล่าง โอ๊ย อ่อยไม่อ่อยไม่รู้แต่กูอยากได้เขามาก!

คีน : แบบนี้ต้องลงโทษว่ะ ลืมเราได้ไง
คีน : ดีใจที่กิมชอบ ถ้าอยากกินอะไรอีกรีเควสได้นะ ^^

รีเควสเป็นเมนูน้องคีนนอนแช่ในอ่างน้ำนมได้ไหมครับ พี่กิมอยากกินแบบนั้นมากๆ เลย ฮือ จะไม่ทน เขาทำให้ผมหลงได้ขนาดนี้ได้ยังไงวะ โคตรไม่ยุติธรรมเลย พี่เซียนก็พี่เซียนเหอะ กูไม่ยอมแพ้แน่นอน! อะ คราวนี้ผมจะไม่ยั้งมือในการพิมพ์ตอบอีกแล้ว ขอหยอดหน่อยเหอะ!

กิมมิค : อยากจะลงโทษแบบไหนก็ตามสบายเลย เรายอมทุกอย่างถ้าเป็นคีน
กิมมิค : ใจดีแบบนี้กับทุกคนปะวะคีน? เดี๋ยวเราติดใจทำไง 55555

เสี่ยวให้ห้ามั่นหน้าให้สิบเลยกู พิมพ์เองเบะปากใส่เองมีที่ไหนวะ คราวนี้ตายเป็นตายเพราะไม่รู้ว่าคีนจะคิดยังไงกับข้อความพวกนั้น อะ ผมลุ้นจนโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้ปลายเตียงก่อนถีบหนังสือนิยายสยองขวัญของไอ้ว่านให้พ้นทางแล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง นับหนึ่งถึงร้อยเพื่อสงบจิตใจอันฟุ้งซ่านเพราะคิดถึงผลลัพธ์ไปต่างๆ นานา ยิ้มบ้าง ขมวดคิ้วบ้าง โอย ใกล้บ้าแล้วกู!

ครืด

ผมตวัดผ้าห่มทิ้งแล้วรีบพุ่งเข้าไปตะครุบโทรศัพท์แทบจะทันทีที่มันสั่นแต่สิ่งที่เห็นบนหน้าจอคือสายเข้าจากไอ้ปอม แม่งเอ๊ย อยากจะฆ่ามึงจริงๆ เลย หนีไปแดกเหล้าทิ้งกูให้หิวยังไม่พอเสือกมาขัดจังหวะลุ้นอีก จะเอายังไงหา ตัวต่อตัวเลยไหม!

“โทรมาทำเชี่ยอะไรตอนนี้?” ผมกัดฟันกรอดส่งเสียงขุ่นไปตามสายก่อนจะต่อยหมอนกอดซ้ำๆ จนมันยุบเป็นวงกว้างเพื่อระบายความงุ่นง่านที่มีอยู่ในใจ แต่พอดึงสติกลับมาได้ก็ต้องแปลกใจเมื่อปลายสายดันเงียบ เอ้า ตกลงว่ามันนั่งทับโทรศัพท์หรือยังไงวะ

“ฮัลโหล ถ้าไม่พูดจะวางแล้วนะ” ลองถามกลับไปอีกครั้งเผื่อว่าไอ้ปอมยังหาสติที่หล่นลงไปในแก้วเหล้าไม่เจอ คราวนี้ผมเงี่ยหูฟังดีๆ ก็ได้ยินเสียงครางอือดังมาจากที่ไกลๆ เหมือนโทรศัพท์อยู่อีกที่คนอยู่อีกที่ ว่าแต่มันอยู่ร้านเหล้าไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้เงียบฉี่เหมือนอยู่ป่าช้าวะ

‘กะ กิมใช่ไหม?’ คราวนี้คนปลายสายรีบละล่ำละลักถามเสียงสั่นเหมือนกลัวว่าจะถูกตัดสาย แต่นั่นไม่ใช่ไอ้กิมนี่หว่าแถมฟังดูมีสติครบร้อยเปอร์เซ็นอีกต่างหาก เฮ้ย หรือเพื่อนผมเปลี่ยรสนิยมไปคว้าเด็กหนุ่มที่ไหนเข้าโรงแรมวะเนี่ย ถ้ามีใครรู้ขึ้นมามึงดังทั้งมหา’ลัยแน่ คราวนี้ตำแหน่งรองเดือนคณะก็ไม่ช่วย

“ใช่ แล้วนั่นใคร มารับโทรศัพท์ไอ้ปอมได้ยังไง?” ผมขมวดคิ้วแน่นเพราะคิดไม่ออกเลยว่าคนอย่างไอ้ปอมจะหน้ามืดลากผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช้โฮมขึ้นห้องได้ยังไงในเมื่อไม่เคยพิศวาสเพศเดียวกันหรือว่าอยากลองก่อนลงสนามจริง? บ้าน่า แบบนั้นโฮมรังเกียจตายเลย

‘กิม เราโฮมเอง จำได้ไหม?’

“ห๊ะ โฮม... เฮ้ย ไปอยู่กับไอ้ปอมได้ยังไง?” ผมทิ้งช่วงเพราะกำลังประมวลผลว่าคนปลายสายใช่โฮมจริงๆ เหรอวะ ในที่โคจรแบบนั้นขณะที่คีนนอนตีพุงอยู่บ้านเนี่ยนะ บ้าน่า คงไม่ใจเด็ดไปนั่งดื่มคนเดียวนะ แต่ปฏิเสธไม่ลงจริงๆ เพราะนั่นคือเสียงของเขา ผมเลยถามรัวจนลิ้นแทบพันกัน

‘คือเรามากินเหล้ากับลูกพี่ลูกน้องก็เลยเจอปอมที่นี่’ ปลายสายเล่าอย่างใจเย็นแต่ไอ้เสียงหัวเราะเหมือนคนบ้าที่ดังเป็นระลอกเข้ามานี่ชวนหัวเสียฉิบหาย มึงจะเมาเรื้อนต่อหน้าคนที่ชอบไม่ได้นะเว้ย ภาพพจน์รองเดือนคณะที่สั่งสมมาเกือบปีไม่ได้ช่วยให้ดูดีเลยนะ โธ่ ลาก่อนพ่อคนหล่อของประชาชน อกหักรักคุดตุ๊ดก็ไม่เอาแน่ๆ สงสารจัง เฮ้อ ไม่ใช่มันนะ ผมเนี่ยล่ะน่าสงสารที่มีเพื่อนแบบมัน

“แล้ว?” ผมกระตุ้นให้โฮมเล่าต่อพลางเหลือบตามองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบตีหนึ่ง ร้านเหล้าก็ยังไม่ปิดแต่ทำไมเสียงทางนั้นมันเงียบผิดปกติวะ ไอ้เชี่ยปอมลากคนน่ารักไปไหนหรือเปล่า ชักเป็นห่วงแล้วดิ หรือจะโทรไปบอกคีนดี... อุย ใครแซวว่ามันเป็นแผนการหาเรื่องคุย ไม่มีอะไรจริงจริ๊งเชื่อไอ้กิมดิ เอาเจี๊ยวเอ้ยเอาหัวเป็นประกันเลย

‘ตอนนี้ปอมเมาเป็นหมาเลย กิมช่วยมารับทีได้ไหม?’ ผมนี่ใจกระตุกวูบเลยที่ได้ยินเสียงโฮมแบบอ้อนๆ อยากจะหยิบกุญแจแล้วพุ่งออกจากห้องตอนนี้เลยแต่ติดที่ว่าแอบสงสัยนิดหน่อย พวกรุ่นพี่ของไอ้ปอมหายหัวไปไหนกันหมด ชวยแดกได้แต่ไม่มีปัญญาลากน้องกลับบ้านคืออะไร ดูอย่างพวกผมนะ ผู้ชายทั้งสายรหัสแถมหล่อลากดินแต่ไม่เคยชวนก๊งเหล้าเพราะติดเมียกันหมดฮะ... ถุย เออ สมาคมเกียมัวชัดๆ อีกไม่นานไอ้กิมก็คงตามไปถ้าได้คีนเป็นแฟนน่ะนะ

“แล้วพวกสายรหัสมันล่ะ?” อะ ถามสักหน่อยเผื่อได้รับเหตุผลดีๆ ที่จะไม่ทำให้ผมไปวีนแตกใส่รุ่นพี่ในวันจันทร์ คือถ้ารักน้องจริงมันต้องพากันไปพากันกลับได้ไม่ใช่ทิ้งๆ ขว้างๆ ถ้าบังเอิญเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างไอ้ปอมโดยยำตีนเพราะเมาเรื้อนไม่รู้เรื่องแล้วใครจะรับผิดชอบ หรือหนักหน่อยคือโดนปล้นงี้ แม่งเอ๊ย เสียหายหลายแสนแน่

‘แยกย้ายกันหมดแล้ว อื้อ! ปอมอยู่นิ่งๆ’ เดี๋ยวๆ ทำไมเสียงโฮมฟังดูแปลกๆ เหมือนโดน... จูบ เฮ้ย!

“โอเคๆ เดี๋ยวเรารีบไปรับ อยู่ที่ร้าน x ใช่ปะ?” คราวนี้ผมกระเด้งขึ้นจากเตียงจนลืมไปเลยว่าผ้าห่มยังกองอยู่บนตัว ในขณะยกขาก้าวเลยสะดุดจนหน้าแทบพุ่งชนตู้เสื้อผ้า ดีหน่อยที่เบรกทัน อูย ขวัญเอ๊ยขวัญมา ผมรีบเปลี่ยนทิศทางตรงไปหยิบกุญแจรถพร้อมเงินอีกสองร้อย เออน่า ก็มันเป็นเศษทอนที่ยับไม่ได้เก็บเข้ากระเป๋าไง

‘อื้อ อ๊ะ รีบมานะ เราจะไม่ไหวแล้ว’ เสียงคราง? จากโฮมยิ่งทำให้ผมรีบก้าวขาไปที่ประตู ไอ้เชี่ย เสือกเดินเลยชั้นวางรองเท้าอีกกู วันนี้จะถึงไหมร้านเหล้าน่ะ สติเว้ย ที่รนขนาดนี้ไม่ได้ห่วงเพื่อนเลยห่วงโฮมล้วนๆ

ไอ้สัดปอม มึงทำอะไรโฮม!

ผมใช้เวลาจากคอนโดถึงร้านเหล้าไม่ถึงยี่สิบนาทีเพราะอยู่ไม่ไกลกัน สภาพไอ้ปอมเหมือนหมาอย่างที่โฮมบอกไว้ในตอนแรกจริงๆ มันเอาหัวถูไถกับไหล่ส่วนปากก็พรมจูบซอกคอไปเรื่อยโดยที่คนโดนกระทำทั้งถีบทั้งผลักแต่สุดท้ายก็สู้แรงควายไม่ไหว คือถ้าแค่แตะเฉยๆ คงไม่เป็นปัญหาแต่รอยแดงช้ำนั่น... ผมไม่อยากจะคิดถึงสภาพตอนสร่างเมาเพราะคงมองหน้ากันไม่ติดไปพักใหญ่แน่ๆ

ก็ได้แต่หวังว่าโฮมจะเข้าใจคนเมาและไม่ถือสาเอาความไอ้ปอมล่ะนะ

วันหยุดผ่านไปก็ต้องกลับเจอกับช่วงเวลาเรียนที่หนักหน่วงกว่าปกติเพราะใกล้ช่วงสอบกลางภาคแล้ว ส่วนเรื่องสายรหัสของไอ้ปอมก็โดนผมเทศนาไปตามระเบียบโดยไม่แคร์ใครหน้าไหนจะเอาไปนินทาว่าเป็นเด็กก้าวร้าวเพราะทุกคนเถียงไม่ออกเนื่องจากกล้าทิ้งน้องไว้ร้านเหล้าจริงทั้งที่สภาพมันไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีอย่างที่ไหนพอแฟนมารับก็ดอดกลับบ้านซะเฉยๆ แถมค่าเหล้าเพื่อนผมก็จ่ายทั้งหมด คือยังไง ใครเลี้ยงใครกันแน่ เฮ้อ

อะ วนกลับมาที่ผมกับคีนซึ่งไม่มีความคืบหน้าอะไรนอกจากคุยไลน์ในคืนนั้น คำตอบของเขาก็แค่ ‘เราล้อเล่น’ คือหมายความรวบทั้งสองเรื่องใช่ไหม คิดจนหัวแทบระเบิดแต่สุดท้ายก็ได้แต่ช่างแม่งเพราะไม่กล้าถามเซ้าซี้ ส่วน Nano Block สื่อรักห่าเหวอะไรนั่นก็เป็นหมันเพราะต่างคนต่างยุ่งเรื่องเรียน เฮ้อ แต่ทำไมพี่เซียนยังมีเวลาวอแวเขาไม่เลิกวะ เจอหน้าทุกวันจนเอียนแล้วเนี่ย

“เอ้า อยู่ๆ ก็นั่งเบะปาก เป็นบ้าอะไร?” ไอ้เพื่อนเชี่ยที่นั่งแดกก๋วยเตี๋ยวเรืออยู่ฝั่งตรงข้ามยื่นปลายตะเกียบมาเขี่ยปากผมอย่างกับของเล่นจนต้องใช้มือปัดทิ้งแล้วแยกเขี้ยวขู่ แต่ก็ต้องขอบคุณมันที่ทำให้ผมรู้ตัวว่ากำลังแสดงสีหน้ายังไงกลางโรงอาหารคณะ ก็ด้านหน้าถัดไปประมาณสามถึงสี่แถวมีร่างของคีน โฮมและพี่เซียนนั่งอยู่น่ะสิ ไม่รู้คุยอะไรกันถึงได้มีสีหน้ายิ้มแย้มและส่งเสียงหัวเราะสดใสขนาดนี้ หงุดหงิดเว้ย

“รำคาญลูกตา” ผมพ่นลมหายใจแรงๆ ออกมาเพื่อระบายความงุ่นง่านที่เกิดขึ้น ช้อนส้อมในมือถือวางลงกระทบกับจานดังกึกจนไอ้ปอมสะดุ้งเฮือกหลังจากนั้นก็สำลักข้าวไอค่อกแค่กแต่ไม่ถึงขนาดพ่นของที่อยู่ในปากออกมา ผมทำหน้าเอือมใส่ก่อนจะคว้าขวดน้ำมาเปิดเพื่อส่งให้เพื่อน ถือว่าทำบุญช่วยคนใกล้ตายแล้วกัน โสโครกว่ะ อี๋

ไอ้ปอมรีบรับขวดไปกระดกอย่างไวจนน้ำไหลออกมาตรงริมฝีปาก ผมได้แต่ส่ายหน้าปลงๆ กับความสกปรกของมันที่แก้ไม่หาย แต่ไม่ว่ายังไงแฟนคลับก็ยังมองว่าน่ารักดูดีเสมอ ถุย อวยกันเข้าไป วันไหนแม่งลุกขึ้นมาแคะขี้มูกดีดใส่แล้วจะหนาว หึ

“อะ ให้ยืมตะเกียบควักตามึงออก” อะ พอหายสำลักก็กลับมากวนตีนกันอีก เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากนั่นก็น่ารำคาญ ผมเลยดึงตะเกียบขว้างทิ้งก่อนถลึงตาใส่มันอย่างโกรธๆ รู้อย่าฃนี้ปล่อยให้แม่งสำลักจนตายไปเลย

“ไอ้สัด ไม่กวนตีนสักวันได้ไหม?”

“เอ้า ก็มึงบอกว่ารำคาญ” มันบ่นงุ้งงิ้งก่อนจะใช้ช้อนตักก๋วยเตี๋ยวกินต่อ ผมนี่อยากกระโดดข้ามโต๊ะไปกัดหัว เรื่องกวนตีนนี่ยกให้ไอ้ปอมที่หนึ่งเลย

“เออ กูผิดเอง” ผมตัดปัญหาเพราะไม่อยากพูดอะไรมากกว่านี้เดี๋ยวจะพาลอารมณ์เสียมากกว่าเดิม สายตาถูกดึงกลับไปที่เป้าหมายเดิมคือคีน ตอนนี้ทั้งสามคนต่างกินข้าวเที่ยงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มีบางจังหวะที่พี่เซียนแบ่งกับข้าวในจานให้คนข้างๆ นั่นเลยทำให้ผมเผลอกัดปากตัวเองจนเลือดซิบ ซี๊ด เจ็บฉิบหาย

“ไม่อารมณ์เสียดิ แล้วผัดไทยนี่จะแดกไหม? เห็นนั่งเขี่ยมาเป็นชาติ” เอ้า ไอ้ปอมนี่ก็เสือกจังวะ กูจะกินไม่กินมันก็ไม่ใช่ปัญหานี่ แต่เอาเถอะ ใส่อารมณ์ไปก็ไม่เกิดประโยชน์แถมเจ็บปากอีก เฮ้อ

“แดกไม่ลง หงุดหงิด” ผมผลักจานไปด้านหน้าก่อนจะควานหาทิชชู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาซับเลือดที่ริมฝีปากด้านใน โอ้โห แสบจนเผลอขมวดคิ้วเลย ไม่ไหวๆ

“ทำไม?”

“ด้านหลังมึงน่ะ” ผมพยักพเยิดหน้าไปทางนั้นแล้วรอดูปฏิกิริยาของเพื่อนว่าเข้าใจสิ่งที่สื่อมากน้อยแค่ไหน

“อ้อ... พี่เซียนสินะ” มันร้องเป็นเชิงว่าเข้าใจก่อนเอื้อมมือมาตบบ่ากันเพื่อปลอบ ผมพนักหน้ารับแล้วฟุบลงกับโต๊ะ ตอนนี้ขี้เกียจรับรู้เรื่องราวรอบตัวว่ะ นอนๆ ซะจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน

“อืม กูของีบหน่อยแล้วกัน แดกเสร็จก็ปลุก” ผมเลื่อนจานผัดไทยไปไกลๆ หัวเพราะกลัวมันเลอะ แต่กลับโดนมือไอ้ปอมรั้งไว้จนต้องเงยหน้าเลิกคิ้วใส่เป็นเชิงถาม

“งั้นผัดไทยกูขอนะ”

ผมพยักหน้าหงึกหงักรับคำก่อนจะฟุบหน้าลงบนแขนพลางหลับตาลงเหมือเดิม ปล่อยให้ความคิดทุกอย่างไหลเวียนผ่านสมองจนเปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง เดี๋ยวนี้กูสามารถนอนกลางโรงอาหารที่คนพลุกพล่านได้แล้วเหรอ เออว่ะ อยู่ๆ ก็มีความสามรถเพิ่มอีกอย่าง

ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนแต่อาการปวดเมื่อยช่วงต้นคอกับแผ่นหลังทำให้นิทราแสนหวานจบลงแต่ผมก็ยังหลับตาอยู่อย่างนั้นเนื่องด้วยความขี้เกียจเดิน อีกอย่างคือตอนบ่ายไม่มีเรียนต่อแล้วด้วย กะว่าจะบึ่งรถกลับบ้านไปอ้อนแม่สักหน่อยเพราะต้องการกำลังใจ เอาจริงคือเงินใกล้หมดน่ะ... ไม่ได้ท้อเรื่องจีบคีนหรอก

“กิม” เสียงเรียกของชื่อดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าผมต้องเลิกขี้เกียจสักที

“อืม ขออีกห้านาที” ผมตอบรับก่อนยกมือโบกในอากาศเป็นการขอเวลาพลางขยับยกศีรษะเป็นด้านเพราะรู้สึกว่าปวดแก้มโดยไม่ลืมตา ตอนนี้มันคงแดงเป็นปื้นเพราะนอนกดทับนานมากชนิดที่ว่าเสียงจอแจวุ่นวายในโรงอาหารเงียบกริบ จะได้ยินก็แต่เสียงลมกับเสียงหายใจของตัวเองเท่านั้น ฟืด คัดจมูกว่ะ

“ไม่สบายเหรอ?” อีกคนออกปากถามเหมือนไม่รู้มาก่อนว่าผมก็แค่นอยด์ไม่อยากแดกข้าวแล้วหนีด้วยการนอนหลับเลยทำให้อารมณ์ขุ่นมัวกลับมาอีกครั้ง เสียงหายใจฟืดฟาดบ่งบอกว่าหงุดหงิดเังขึ้นก่อนที่ผมจะถลึงตัวขึ้นจากโต๊ะแล้วหลับหูหลับตาตะโกนถาม โอ๊ย หัวเสียฉิบ... หะ หายแล้ว

“อะไรของมึง... เฮ้ย คีน ทำไม?” ผมเบิกตาโตเมื่อคนตรงหน้าไม่ใช่ไอ้ปอมอีกต่อไป ทำไมอยู่ๆ คีนก็มาโผล่ตรงนี้ได้ เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วยังกินข้าวกับชายชู้นี่ หึ! ความจริงคือผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยคิดฟุ้งซ่านกลบเกลื่อนเสียงหัวใจที่เต้นแรงเพราะกลัวว่าเขาจะได้ยิน โธ่ มันช่วยได้ที่ไหนกันล่ะวะไอ้กากกิม มึงแม่งเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว!

“ปอมบอกเราว่ากิมไม่สบาย แถมไม่ยอมกินข้าวด้วย” สีหน้าของคีนแสดงความเป็นห่วงเป็นใยแต่กำปั้นที่ยื่นมาต่อยตรงไหล่นี่คือโมโหที่ผมไม่ยอมกินข้าวเที่ยงใช่ไหม ถ้ามโนเข้าข้างตัวเองอีกพระเจ้าคงเกลียดขี้หน้าแน่ๆ เอาเป็นว่าเขาคงห่วงตามประสาเพื่อนร่วมเรียน เอ้า ดราม่าเก่งอีกแล้วจ้า โอย ไอ้เชี่ยปอมไปไหนเนี่ย ทำไมโกหกคีนว่ากระผมป่วยล่ะฮะ กูดูเหมือนพวกลงแดงขาดยามากกว่าอะ

“หือ ไอ้ปอมพูดแบบนั้นเหรอ?” ผมถามย้ำเพื่อความแน่ใจเพื่อจะได้แสดงละครตามบทที่ผู้กำกับปอมอุตส่าห์หยิบยื่นโอกาสมาให้ ตอนเพิ่งตื่นนอนหมาดๆ หน้าตาผมก็คงคล้ายคนป่วยอยู่หรอกเพราะมันชอบคัดจมูกเลยเผลอขยี้จนเป็นสีแดงกอปรกับเสียงฟืดฟาดด้วยแล้วยิ่งใช่เลย

“อื้ม ปอมฝากเราให้มาอยู่เป็นเพื่อนกิมเพราะต้องไปทำธุระกับครอบครัว” คีนพยักหน้ารัวๆ แล้วอธิบายเสริมท้ายว่าทำไมตัวเองถึงวาร์ปมานั่งปั้นหน้าหล่อให้ผมมองอยู่ตรงนี้ ถ้าป่วยจริงก็คงหายเป็นปลิดทิ้งตั้งแต่ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากตัวเขาแล้ว ฮึ่ย อยากฟัด ยิ่งจังหวะที่มือเรียวเอื้อมมาแตะวัดอุณหภูมิบนหน้าผากก็เหมือนตัวกับใจมันลอยๆ ทั้งเคลิ้มทั้งฟิน เฮ้อ อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้จัง

“อ๋อ ขอบคุณมาก” เมื่อผมดึงสติกลับมาได้ก็เอ่ยคำขอบคุณกับเขาก่อนจะเป็นฝ่ายผละตัวออกมาซะเองเมื่อรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อบนหน้าได้ ไอ้เชี่ยเอ๊ย จะยิ้มทำบ้าอะไรเนี่ย คือต้องยกมือปิดปากบดบังสายตาคีนอะ กลัวโดนจับได้ว่าดีใจมากแค่ไหนที่ได้อยู่ด้วยกันแค่สองต่อสอง ไม่นับไอ้หมาไซบีเรียนของแม่ค้าร้านข้าวที่นั่งจ้องพวกเราอยู่ข้างโต๊ะนะ

“กลับคอนโดกัน เดี๋ยวเราทำผัดกะเพราทะเลให้กิน” หื้ม? แค่ข้าวเปล่าคลุกน้ำปลาพี่กิมก็กินได้ครับถ้าเป็นฝีมือของน้องคีนที่รัก แง

“.....” ตอนนี้รู้สึกหูอื้อตาลายแปลกๆ เหมือนกำลังจะเป็นลมเลยว่ะ โอย หัวใจเต้นแรงฉิบหาย คีนเสนอตัวเป็นอาหาร เอ๊ย ทำอาหารให้ผมกินอีกแล้ว ทำไมเป็นคนดีแบบนี้เนี่ย รัก รัก รัก ถ้ากระชากคอเสื้อเขามาจูบได้คงทำไปแล้ว ตอนนี้เกรงใจหมาเหอะ ไม่กากนะ ห้ามว่า!

“แถมไข่ดาวให้หนึ่งลูกด้วย ไม่สนเหรอ?” อะ พอเขาเห็นผมเงียบยังมีหลอกล่อด้วยไข่ดาวอีก แต่แค่นั้นยังไม่พอยังมีออฟชั่นเสริมเป็นรอยยิ้มหวานๆ ที่ชวนให้มือไม้อ่อน เนี่ย จะเป็นไส้เดือนลงไปเกลือกกับพื้นอยู่แล้ว คุณอ่อยหรือไม่อ่อยเอาให้ชัดได้ไหมครับ ผมจะได้เตรียมตัวรุกให้ถูกจังหวะเนี่ย

“อ่า โอเคๆ กลับคอนโดกัน” เด็กชายกิมตอบตกลงแบบไม่ต้องคืดเลยเหอะ วันนี้ได้เหยียบห้องคีนแน่นอนเว้ย ไม่นก! แล้วเจอกันไอ้ชมจันทร์ศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่ง

เชื่อไหมว่าผมมาถึงคอนโดก่อนคีนเกือบสิบนาทีเลยมีเวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตัวเองดูเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น แถมยังแอบขโมยน้ำหอม Chanel ขวดละสี่ห้าพันของไอ้ปอมมาฉีดสองสเปรย์ตรงซอกคออีกสองสเปรย์ตรงข้อมือพร้อมลงคาถาเมียรักเมียหลงไปด้วย (ท่าทางจะเพี้ยนจนกู่ไม่กลับ)

นี่ผมแค่จะไปกินข้าวห้องคีนทำตัวอย่างกับไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน ดีหน่อยที่ยังมีความเกรงใจไม่หยิบสูทออกมาใส่ คือมันก็ตื่นเต้นหน่อยๆ เลยยืนเช็คความเรียบร้อยโดยการหมุนตัวอยู่หน้ากระจกหลายรอบจนรู้สึกเวียนหัวจนต้องค้ำมือกับโต๊ะเครื่องแป้ง แม่ง แค่ไม่ได้กินข้าวสองมื้ออาการหนักขนาดนี้เลยเหรอ เรื่องนี้ให้แม่รู่ไม่ได้เด็ดขาดเพราะเธอคงจัดวิตามินชุดใหญ่ส่งมาให้แน่ๆ แค่คิดก็ฝืดคอแล้ว




ต่อด้านล่างน้า

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
อะ วาร์ปมาที่หน้าห้องคีนเลยแล้วกันเพราะเมื่อครู่เขาไลน์มาตามว่าข้าวกะเพราทะเลเพิ่มไข่ดาวสุกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไอ้ผมที่กำลังจะออกไปสูดอากาศที่ริมระเบียงเลยรีบวิ่งจู๊ดออกมาตรงนี้ ไม่สนด้วยซ้ำว่าเปิดประตูกระจกทิ้งไว้ ช่างแม่งเถอะ เดี๋ยวไอ้ปอมกลับมาก็ปิดเองนั่นล่ะ

เสียงหอบแฮ่กของผมยังดังขึ้นเป็นระยะ มือข้างหนึ่งก็ยกค้ำผนังเอาไว้เพื่อทรงตัว โอย เหนื่อยฉิบหาย ทำอะไรรีบๆ มันส่งผลเสียแบบนี้นี่เอง หัวใจจะวายตาแล้วเว้ย ฟืด แล้วนี่กูเอายาดมยัดจมูกตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย หมดกันภาพพจน์ที่สั่งสมมา

พอปรับลมหายใจให้เป็นปกติได้ก็เอื้อมมือไปกดออดที่หน้าห้อง ยืนรออยู่แค่อึดใจเดียวก็ได้ยินเสียงลูกบิดพร้อมกับประตูที่เปิดออก ตรงหน้าของผมคือคีนที่ผูกจุกน้ำพุและมีผ้ากันเปื้อนลายกระต่ายสีเขียวมิ้นต์อยู่บนตัวส่วนด้านในยังคงเป็นชุดนักศึกษาเหมือนเดิม คนบ้าอะไรจะน่ารักแม้กระทั่งเวลาเข้าครัววะ ทำไงดีเนี่ย ผมโดนดาเมจจนกำมือเน้นระงับอารมณ์ต่างๆ ไว้เป็นรอบที่ล้านแล้วมั้งตั้งแต่แอบชอบเขามา ฮือ ทรมาน อยากระบายใส่! แต่ตอนนี้ทำได้แค่คลี่ยิ้มแบบเพื่อนที่ดี

“โห ตัวหอมฟุ้งเชียว” คำทักทายแรกพร้อมกับเสียงทำจมูกฟุดฟิดของคีนทำให้ผมรู้สึกเก้อเขินอย่างบอกไม้ถูก มือไม้เริ่มเกะกะไม่มีที่ไว้เลยยกขึ้นมาเกาต้นคอดูเป็นผู้ชายใสๆ เอาจริงคือใส่น้ำหอมมาดักเหยื่ออะ

“มันเหนียวๆ ตัว เลยไปอาบน้ำมา” ผมตอบไปตามความจริงแค่ครึ่งเดียวเพราะที่เหลือคือไม่อยากตัวเหม็นเวลาเข้าใกล้คีน เขาพยักหน้ารับคำก่อนจะเชิญเข้าห้องและปิดประตูตามหลัง

“เราชอบน้ำหอมกลิ่นนี้นะ แต่ไม่มีเวลาไปซื้อสักที” คนที่เดินตามมาเอ่ยขึ้นทำให้ผมที่ลอบสังเกตไปทั่วห้องของเขาถึงกับชะงักกึก หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นทีละลำดับเมื่อเสียงฝีเท้าของคีนใกล้เข้ามา โอย อยากจะบ้าตาย ทำไมต้องชอบทำจมูกฟุดฟิดค่อยดมกลิ่นตลอดเวลาเหมือนกระต่ายด้วย อ้อ ลืมไปว่าเขาเป็นพ่อไอ้ชม... ทำไมชมจันทร์ไม่อยู่ในกรงวะ!

ผมเหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาดระแวงโดยลืมเรื่องน้ำหอมไปซะสนิท ไอ้สิ่งมีชีวิตที่เล็กกว่าฝ่ามือมันหลบอยู่ส่วนไหนของห้อง หรือจะเป็นใต้โซฟาสีเทาอ่อน ในครัว หรือแอบแทะอะไรอยู่แถวๆ นี้ แต่ความคิดทุกอย่างก็หยุดลงเมื่อผมเห็นคีนเดินไปที่ประตูกระจกซึ่งเชื่อมกับระเบียงด้านนอก เขาอุ้มเจ้าก้อนกลมๆ ออกจากมุมชั้นหนังสือแถมยังเดินตรงมาทางนี้ อย่าเข้ามานะ... โอย ขยับขาไม่ได้

เจ้าก้อนขนสีเทาขมุกขมัวนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของคีนแต่มันหันตาลำใยมาทางผมแล้วขยับจมูกตลอดเวลา ไม่เถียงเลยว่าชมจันทร์น่ารักแต่ความไม่ชอบสัตว์ทุกชนิดก็ทำให้รู้สึกระแวงอยู่ดี ก็เพื่อนบอกว่ากระต่ายเป็นประเภทไม่ค่อยแคร์โลก บางครั้งก็เอาแต่ใจ ชอบกัดแทะทุกอย่างที่ขวางหน้า เป็นนักเลงคว่ำชามอาหาร กัดเจ้าของเวลาไม่พอใจและอีกมากมาย

“ลองลูบหัวมันดูสิ ขนนิ่มนะ” คีนเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผมก่อนพยักพเยิดให้ลองลูบหัวไอ้ชมจันทร์ดู ทีแรกผมจะบอกปฏิเสธแต่เห็นเขามีความสุขเวลาอยู่กับมันก็ทำไมลง เนี่ยคือความฉิบหายของคนๆ หนึ่งที่อยากทำทุกอย่างให้คนที่ตัวเองชอบประทับใจ เอาวะ มันคงไม่อินดี้อยากกัดขึ้นมาตอนนี้หรอก

“โอ๊ย!” ไอ้บ้าเอ๊ย ยังไม่ทันได้ลูบหัวเลยเหอะ โดนไอ้ชมจันทร์กัดนิ้วเต็มๆ ประทับรอยฟันแถมเลือดออกด้วย มึงนะมึง ประกาศตัวเป็นศัตรูใช่ไหม ได้!

“เฮ้ย ชมจันทร์กัดพี่กิมแบบนั้นได้ยังไง วันนี้งดข้าวเย็น!” คีนร้องเสียงหลงตอนผมโดนกัดก่อนจะสั่งสอนไอ้กระต่ายตัวดีด้วยการบ่นและดีดหน้าผากไปหนึ่งทีแล้วปล่อยให้มันลงไปวิ่งเล่นบนพื้นเพื่อที่ตัวเองจะได้เข้ามาดูแผล แต่ผมดันลืมเจ็บเพราะได้ยินคำที่เขาเรียกเมื่อครู่ ‘พี่กิม’ เหรอ โคตรฟิน แต่นั่นก็แสดงว่าเขาไม่ได้เลี้ยงไอ้ก้อนขนเป็นลูกสินะ

“เจ็บมากไหมกิม? เดี๋ยวเราทำแผลให้” คีนคว้านิ้วของผมไปสำรวจพลางสลับมองหน้ากับแผล เขาเป่าลมอุ่นๆ เหมือนกำลังปลอบเด็กตัวน้อย การกระทำนั้นไม่ได้ช่วยให้หายเจ็บแต่ทำให้หัวใจพองฟูต่างหาก น่ารักมาก น่ารักเกิ๊น

“นิดหน่อยครับ” อะ โดนกระต่ายกัดเลยกลายเป็นคนมีหางเสียงเลยกู ทางคียก็ชะงักไปเหมือนกันแต่แค่ครู่เดียวก็ผละตัวออกไป เขินเหรอ คงไม่ใช่มั้ง ขี้เกียจมโนแล้ว

“ขอโทษแทนชมจันทร์ด้วยนะ เดี๋ยวคีนไปนั่งรอเราที่โซฟาแล้วกัน” คีนก้มหัวขอโทษขอโพยด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ส่วนผมส่ายหน้าให้อีกคนเห็นว่าไม่เป็นไรก่อนจะยอมเดินไปนั่งรอที่โซฟา เชื่อไหมว่าผมขอบคุณไอ้ชมจันทร์ด้วยซ้ำที่สร้างโมเม้นต์สีชมพูตุ่นๆ นี่ให้เกิดขึ้น ฮึ่ย เขาจับนิ้วผมไง แค่นิดหน่อยก็ฟิตแล้วจ้า ชีวิตไอ้กิมมันก็เท่านี้ ไม่เพ้อเจ้อก็มโนทำเป็นอยู่แค่สองอย่าง

คีนกลับมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาลสีใสซึ่งข้างในบรรจุพวกยาสามัญประจำบ้าน แอลกอฮอล์ล้างแผล น้ำเกลือ สำลี ทิงเจอร์ บลาๆ ซึ่งอย่าถามหาอะไรแบบนี้จากห้องไอ้ปอมเพราะเมื่อวันก่อนมันปวดฟันยังใช้ให้ผมลงไปซื้อพาราฯ ที่มินิมาร์ทอยู่เลย ส้นตีนจริงๆ นี่ถ้าป่วยกระทันหันคงตายก่อน

“ส่งมือมา” คนที่นั่งข้างกันออกคำสั่งแต่ไม่ได้มองหน้าผม ในมือของเขาถือสำลีชุ่มไปด้วยแอลกอฮอล์เตรียมล้างแผลสุดชีวิต ซึ่งจริงๆ แล้วควรระริกระรี้ส่งนิ้วให้เขาใช่ปะ แต่ดันคิดขึ้นได้ว่ามันเหมือนกำลังสำออยยังไงไม่รู้

“ที่จริงเราทำเองได้ แผลแค่นี้เอง”

“ไม่ดื้อดิ เราต้องรับผิดชอบสิ่งที่ชมจันทร์ทำ” คีนตวัดสายตาดุๆ มองผมก่อนจะถือวิสาสะคว้ามือไปจับ ก็ไอ้ข้างที่มีแผลนั่นล่ะ อย่าเผลอคิดว่าเขาพิศวาสกันเชียว อูย แอบเจ็บนะเนี่ย

“โอเคครับๆ กิมจะเป็นเด็กดี” ผมบอกเสียงกลั้วหัวเราะแล้วยอมนั่งดีๆ ให้อีกคนทำแผลได้ตามใจ คีนบุ้ยปากใส่กันเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการหน้าที่ตัวเองอย่างเบามือ คือแทบไม่รู้สึกว่าสำลีจิ้มลงไปบนนิ้วแล้ว

“ดีมาก เราชอบเด็กดี” เสียงพึมพำเบาๆ ของคีนนั้นกลับดังก้องอยู่ในโสตประสาทการได้ยินของผมครั้งแล้วครั้งเล่า โอ๊ย เหมือนกำลังโดนสารภาพรักอยู่เลยว่ะ ทำไงดีๆ หัวใจจะวายแล้วครับคนดี

“ซี๊ด” ผมเผลอร้องเมื่อสำลีชุ่มน้ำเกลือแตะลงบนแผลซึ่งมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรแต่คือสัญชาตญาณไง มโนเองว่ามันต้องแสบแน่ๆ โธ่ เสียฟอร์มฉิบหาย พอทีโดนไอ้ปอมต่อยปากแตกเวลาแม่งเมาไม่รู้เรื่องยังไม่เคยร้องแบบนี้เลยกู สำออยตอนอยู่กับคีนชัดๆ

“เจ็บเหรอ?” คีนก็ไวกับคำถามเหลือเกินแถมยังเงยหน้าขึ้นมาสบตาเล่นๆ ให้ผมใจเต้นแรงอีกต่างหาก โอย ต้องตายแน่ถ้าขืนเรายังอยู่ใกล้กันขนาดนี้

“เปล่าๆ แค่แสบ” แสบในมโนอะนะ ขอโทษที่โกหก ก็มันน่าอาย!

หลังจากนั้นคีนก็ยังคงปราณีตทำแผลให้ผมอยู่เกือบนาที ไอ้เราก็ดันเผลอเคลิ้มกับกลิ่นแชมพูหอมๆ จนขยับตัวเข้าไปใกล้ อีกนิดและอีกนิดจนปลายจมูกแตะลงบนเส้นผมนุ่มนิ่ม อ่า... ชอบแบบนี้จัง นี่กูใจกล้าขนาดแอบหอมหัวเขาเลยเหรอวะ สาธุเถอะ ขอให้เขาไม่รู้ตัว

“กิม” แหงะ... เหมือนความฉิบหายกำลังจะมาเยือนเร็วๆ นี้เลยว่ะ แต่จะให้ขยับตัวออกเลยก็ดูมีพิรุธมากเกินไป โอย เกร็งจนปวดฉี่แล้ว!

“คะ ครับ” ผมตอบรับเสียงสั่นเมื่อเห็นคีนทิ้งสำลีลงในถังขยะใกล้ๆ ก่อนจะโยนอุปกรณ์ทำแผลลงในกล่องดังปึกปัก หรือเขาจะรู้ว่าผมแอบทำอะไรเมื่อครู่นี้ ตายแน่ๆ เลยกู

“ขยับหน่อยได้ไหม? เราจะไปหยิบพลาสเตอร์” ทำไมเสียงนิ่งๆ เหมือนจะไม่พอใจเลยวะ แต่หูแดงก่ำนี่คืออะไรโกรธหรือเขิน?

“อ้อ โทษทีๆ” ผมรีบผละตัวออกก่อนที่เหตุการณ์จะแย่ลงไปกว่านี้ คีนรีบลุกขึ้นแล้วยกกล่องปฐมพยายาลไปเก็บ ไอ้เราก็มองตามเขาตาละห้อยเพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากใจกล้าหน้าด้านแต๊ะอั๋งชาวบ้านโต้งๆ กดจมูกขนาดนั้นไม่รู้ตัวก็บ้าแล้ว โธ่เว้ย ไอ้กากกิม ตบหน้าแม่ง อ๊าก เจ็บ!

อะ ผมคงคิดมากไปเพราะคีนสามารถทำทุกอย่างตามปกติ เดินไปหยิบพลาสเตอร์ยาเสร็จก็กลับมานั่งแปะมันให้ผม แต่เขาไม่ได้หย่อนก้นที่เดิมเว้ย บนพื้นด้านหน้าผมแถมยังเป็นระหว่างขาด้วย โอ๊ย ถ้าจะทำแบบนี้บอกมาตรงๆ ไหมว่ารู้เรื่องที่โดนเนียนจีบแล้วอะ ที่จริงผมต้องเป็นฝ่ายเปิดปากก่อนใช่ไหม แต่เพราะกากไงเลยทำได้แค่ฮึดฮัดในใจคนเดียว เนี่ย อึดอัดแทบขาดอากาศแล้ว

“เรียบร้อย หายไวๆ นะ เพี้ยง” แถมยังมีออฟชั่นเสริมเป็นการเป่าแผลอีกต่างหาก คือมันอุ่นไปถึงหัวใจไง อยากดึงเข้ามากอดเพื่อขอบคุณแต่สถานะระหว่างเราก็ทำได้แค่...

“เราโตแล้วนะ” หยอกล้อกลับไปด้วยเสียงหัวเราะจนโดนคีนตวัดสายตาดุใส่พร้อมคำถามที่ชวนให้ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ

“ทำไม ไม่ชอบเหรอ?”

“อ่า ปะ เปล่า” จะไม่ชอบได้ยังไงล่ะ... อะไรที่เป็นคีนผมก็รักมันซะทุกอย่างนั่นล่ะ

“ไปกินข้าวได้แล้ว” อะ โดนไล่ด้วยน้ำเสียงงุ้งงิ้งแล้ว ผมควรกลับสู่สภาวะปกติสักที

“ขอบคุณมาก” ผมเอ่ยขอบคุณสำหรับทุกอย่างในวันนี้ที่เขามีน้ำใจทำให้ คีนพยักหน้ารับก่อนปลีกตัวไปหยิบอะไรสักอย่างออกมาจากลิ้นชักใต้ทีวี มันเป็นกล่อง Nano Block นึกว่าลืมแล้วซะอีก

“อื้อ จ่ายค่าข้าวด้วยนะ” คีนยักคิ้วหลังพูดจบแต่ผมที่ตามอารมณ์เขาไม่ทันถึงกับอ้าปากหวอ ตกลงต้องจ่ายค่าข้าวใช่ไหม

“หา?”

“สอนเราต่อ Nano Block ไง” คีนเขย่ากล่องตัวต่อจิ๋วในมือพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้าง ส่วนผมติดสะตั้นเพราะโดนดาเมจไปเรียบร้อยแล้ว อย่าน่ารักเรี่ยราดได้ไหมล่ะคนเรา แค่นี้ก็โง่หัวขึ้นไม่ได้แล้ว

“อ้อ ดะ ได้เลย” ผมตอบรับก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องครัวแบบมึนๆ บวกตาพร่าเล็กน้อย พอนั่งลงบนเก้าอี้ได้ก็เอาแต่คิดสะระตะ มาถึงขั้นนี้แล้วผมควรพูดอะไรสักอย่างกับคีนไหม เพราะทุกครั้งที่เขาทำดีด้วยความรู้สึกก็เพิ่มมากขึ้นทุกทีจนตอนนี้เหมือนกับว่าภาชนะบรรจุจะปริแตกทนเก็บความรักความชอบต่อไปไม่ไหวแล้ว

“คีน...” ผมลองเรียกชื่อเขา

“ว่า?” คีนตอบรับแต่ยังง่วนกับการอ่านคู่มือการต่อ Nano Block ซึ่งจากมุมที่ผมนั่งสามารถเห็นทุกการกระทำของเขาได้ชัดเจน

“คือเราชอบ...” ชอบคีนว่ะ แต่เสือกไม่กล้าพูด

“หืม?” คีนเงยหน้าขึ้นแล้วเอียงคอมองเหมือนรอคอยให้ผมพูดต่อ แต่พอโดนจ้องมากๆ ก็กลายเป็นว่าความกล้าหดเข้ากระดองหมดเกลี้ยง

“เราโคตรชอบผัดกะเพราทะเลของคีนเลย” ไอ้สัดเอ๊ย ทำไมกูเป็นคนกากแบบนี้เนี่ย ชอบผัดกะเพราทะเลห่าอะไร ยังไม่ได้แดกสักคำเหอะ

“เหรอ? งั้นก็กินเยอะๆ นะ ถ้าไม่อิ่มก็บอกเดี๋ยวทำอย่างอื่นให้อีก” เขาเลิกคิ้วขึ้นเหมือนไม่ค่อยเชื่อคำพูดของผมสักเท่าไหร่ แต่เพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานจนคนมองแทบละลาย ทำไมใจดีอีกแล้ววะ ทำไมเหมือนอ่อย ทำไมเหมือนมีใจ โอ๊ย ผมต้องเอากลับไปเล่าไอ้ปอมเพื่อปรึกษาแล้ว!

ผมจ้วงข้าวใส่ปากโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเพราะจะทำให้รู้สึกฟุ้งซ่านมากกว่าเก่าโดยไม่รู้เลยว่าอีกคนกำลังมองมาด้วยสายตาแบบไหน




------------------------------------------------

เกือบได้บอกรักแล้วไอ้น้องกิมเอ๊ย อย่ามัวลีลานะเออ เดี๋ยวหมา เอ๊ย หมอหมา คาบไปแดก

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ทำไมรู้สึกเหมือนกิมมิคโดนอ่อยอยู่ทุกๆ 3 วิเลยละหื้อออ :hao6:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
รูปถ่ายใบที่ 9




ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินเพื่อเข้าสู่ยามค่ำคืนนั้นท้องฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อนหรือเข้มแล้วแต่สภาพอากาศ บางทีก็ดูอบอุ่นแต่บางทีก็ดูน่ากลัว ผมเงยหน้ามองมันอยู่นานพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยถึงสิ่งรอบตัวที่เกิดขึ้นมาในแต่ละวัน ดีบ้างแย่บ้างปะปนกันไปตามสัจธรรมของชีวิต ความรักยังคงลอยตัวนิ่งอยู่ในหัวใจของผมเพราะยังไม่มีความกล้าสารภาพกับคีนไปตรงๆ ว่าชอบเขา ก็เป็นซะแบบนี้ ช่างสมกับฉายาบ๊วยที่ได้จากไอ้ปอมจริงๆ ฮึก เรื่องมันเศร้าของเหล้าเข๊มเข้ม

อันที่จริงตอนนี้ผมควรกลับคอนโดไปนอนตีพุงสบายๆ แต่ไอ้ว่านดันโทรมาบอกว่าต้องรอรับมันหน้าตึกคณะแพทย์เพราะวันนี้พี่โซนติดภารกิจกับครอบครัว ถ้าจำไม่ผิดคงเตรียมตัวไปทริปไหว้พระเก้าวัดนี่ล่ะ นั่นก็แสดงว่าหมอหมาไม่อยู่ด้วยน่ะสิ โอ๊ย เป็นบุญของไอ้กิมเหลือเกินที่ไม่ต้องมานั่งระแวงว่าเขาสองคนจะสานสัมพันธ์กันไปถึงขั้นไหนแล้ว

ส่วนทางคุณชายกะปอมหายหัวตั้งแต่เลิกคลาสเรียน ทำตัวลับๆ ล่อๆ ไม่รู้ว่าแอบนัดสาวหรือหนุ่มที่ไหนเอาไว้หรือเปล่า ช่างแม่งเถอะ เรื่องตัวเองผมยังเอาไม่รอด อย่ายุ่งเรื่องคนอื่นดีกว่า

“กิม ~” เสียงทุ้มติดหวานของใครบางคนทำให้ผมละสายตาจากท้องฟ้าสีส้ม ภาพตรงหน้าคืออดีตชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมที่ผันตัวมาเป็นสาวหวานสุดสวย ที่ผมเบิกตาโตเท่าไข่ห่านเพราะแปลกใจว่าไอ้น้ำปิงมาทำอะไรที่นี่ หรือมันบริจาคร่างเป็นอาจารย์ใหญ่ให้เด็กแพทย์วะ

“ตามกูมาเหรอ?” ผมถามด้วยน้ำเสียงยียวนพลางยักคิ้วจึกๆ ซึ่งนั่นทำให้ไอ้น้ำปิงเบะปากแถมยังชูนิ้วกลางให้แบบไม่เกรงใจคนที่ผ่านไปผ่านมาเลยสักนิด คืออยู่หน้าตึกแพทย์ใส่ชุดนักศึกษาไม่เรียบร้อยก็โดนมองแล้วนี่ยังทำตัวสถุลอีก โอ้โห กลายเป็นเป้าสายตาเลยจ้า อยากจะลุกหนีมากเพราะโดยพื้นฐานเป็นคนหน้าบางแต่ติดภารกิจต้องรอรับเพื่อนไง (ไหนๆ ใครอ้วก เดี๋ยวตีปากด้วยปากเลยนี่)

“คนบ้าอะไรชอบหลงตัวเอง” ไอ้น้ำปิงเป็นคนซึนเพราะปากด่าแต่สายตานี่วิบวับราวกับจะกลืนผมลงไปทั้งตัวอย่างนั้น ถ้าไม่ติดว่าอยู่คณะคนอื่นผมคงลุกขึ้นยันก้นมันไปแล้ว หื่นกามไม่เลือกสถานที่จริงๆ

“หรือมึงจะมาช่วยกูหลงก็ได้นะ” อะ ผมแกล้งหยอกมันตามประสาคนคุ้นเคยแต่ไอ้น้ำปิงกลับส่ายหน้าพรืดเพื่อปฏิเสธ ถ้าเป็นปกติคงเข้ามากอดหรือคลอเคลียจนขนลุกแล้ว ทว่าตอนนี้เท้าก็ยังไม่ยอมขยับด้วยซ้ำ กินยาลืมเขย่าขวดปะวะ หรือบางทีมันอาจจะมีเป้าหมายที่อยากจริงจังด้วย... เด็กแพทย์เนี่ยนะ ชาตินี้จีบติดก็ไม่รู้จะใช้เวลาไหนอยู่ด้วยกัน

“ไม่เอาอะ วันนี้ไม่พิศวาสกิมหรอก” แหมะ ทำปากจู๋ใส่กูด้วย คิดว่าน่ารักมากเหรอวะ เออ แต่จะว่าไปมันสวยกว่าผู้หญิงบางคนอีกนะ หุ่นก็ดี ผิวก็ขาว กระโปรงทรงเอแม่งก็สั๊นสั้น... อุย เผลอตัวไปหน่อย จริงๆ แล้วเป็นคนใสๆ น้า เชื่อกันเถอะครับ

“เอ้า นอกใจกูเหรอ?” ผมยังไม่เลิกแหย่มันแถมยังขยับเข้าไปใกล้มาขึ้นเพื่อช้อนตามองเและรอดูปฏิกิริยาตอบรับ อยากรู้ว่าไอ้น้ำปิงจะทนแรงดาเมจได้หรือเปล่า ไม่นานผมก็ได้คำตอบเมื่อแก้มขาวนวลขึ้นสีระเรื่อ ร่างกายเริ่มบิดไปทางซ้ายทีขวาที หึหึ สุดท้ายกูก็ชนะมึงใสๆ

“แหม หวงล่ะสิ ไหนๆ มาจุ๊บหน่อย” คราวนี้มันโน้มตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วเพื่อทำตามที่พูดไว้จนผมผละหนีแทบไม่ทันแถมหวิดตกเก้าอี้ให้ใจหายอีกต่างหาก พอได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากน้ำปิงยิ่งหัวเสีย แม่งเอ๊ย แพ้ตลอดก็ไอ้กิมนี่ล่ะ แต่ขอชนะใจคีนคนเดียวก็พอ ฮึ่ย งานมโนต้องมา!

“มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยมึง” ผมโบกมือไล่เพื่อนร่วมคณะพร้อมกับมองมันด้วยสายตารังเกียจแต่ไม่ได้จริงจังอะไรเพราะแค่อยากแกล้งให้น้ำปิงอารมณ์เสียเล่นๆ เนื่องจากช่วงนี้แต่ละคนต่างยุ่งกับกองงานที่ต้องส่งก่อนสอบกลางภาคถึงขนาดที่บางวันผมกับไอ้ปอมแทบไม่ได้อ้าปากคุยกันเลยก็มี มันก็จะคิดถึงบรรยากาศเฮฮานิดหน่อย

“ไม่ไปหรอก ชิ” มันสะบัดผมใส่กันก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ ดวงหน้าหวานบึ้งตึงแต่ไม่มีแววโกรธเคืองใดๆ น้ำปิงก็ดีแบบนี้ล่ะ ไม่ค่อยคิดมาก แถมยังไม่ใส่ใจเรื่องหยอกเอินเล็กน้อยอีกด้วย

“มารอผัวหรือไง?” แต่ผมเนี่ยปากพาซวยตลอดเวลา ไม่รู้เป็นอะไรนักหนา วอนหาส้นตีนทำไมวะ นี่ก็กลัวว่าอยู่ๆ ไอ้น้ำปิงจะถีบกระเด็นเหมือนกัน เฮ้อ

“ไม่สบายเหอะ” เสียงงุ้งงิ้งในลำคอมาพร้อมกับใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อคล้ายว่ากำลังเขินอะไรบางอย่าง ผมหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิดส่วนไอ้น้ำปิงก็ทำเฉไฉด้วยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นทำไม่รู้ไม่ชี้ไปเรื่อย อันที่จริงก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องชาวบ้านแต่ท่าทางแปลกๆ มันทำให้ต่อมความสงสัยทำงาน

“โรงพยาบาลอยู่ฝั่งนู้น มึงจะมาตึกเรียนทำไม?” ผมพยักพเยิดหน้าพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ตึกโรงพยาบาลฝั่งตรงข้าม ไอ้น้ำปิงถึงกับตวัดสายตามองแรงใส่ก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ มือเรียวถูกส่งมาฟาดบ่าผมดังเพี๊ยะจนเผลอสูดปากร้องโอดโอย ไอ้นี่แรงเยอะอย่างกับควายกระดูกแทบหัก

“โอ๊ย ไม่คุยกับกิมแล้ว ขี้เสือกอะ!” จ้า แล้วมันก็กระทืบเท้าเดินหนีเข้าไปในตึกเรียนเลย สรุปคือมาอ่อยเด็กแพทย์จริงๆ สินะ ส่วนผมก็ได้แต่นั่งขำก๊ากจนโดนชาวบ้านใช้สายตาตำหนิมองจนหุบปากแทบไม่ทัน พอกลับมาสำรวมได้ก็จะรู้สึกเบื่อเพราะไม่มีอะไรทำครั้นอยากไหลลงไปฟุบโต๊ะแต่ทำไม่ได้เพราะอีกไม่นานไอ้ว่านคงเลิกเรียนแล้ว ก็ตอนนี้มันเลยเวลามาเกือบครึ่งชั่วโมง โอย ทั้งหิวทั้งง่วงไอ้ฉิบหาย

ในจังหวะที่ผมตัดสินใจจะโทรตามไอ้ว่านมันก็โผล่หน้าเพลียๆ มาให้เห็นในระยะสิบเมตร สภาพโดยรวมถือว่าใกล้เคียงซอมบี้จนไม่สามารถมโนถึงความน่ารักที่เคยมีอยู่ได้เลย หัวฟูเป็นรังนก ใต้ตาเขียวคล้ำ ริมฝีปากซีดเหมือนคนขาดน้ำ สรุปว่าเพิ่งเรียนเสร็จหรือไปรบมาเนี่ย ถ้าตอนนี้เป็นเวลากลางคืนผมคงหวีดนึกว่าเจอผีแน่ๆ

“รอนานไหมมึง?” น้ำเสียงเพลียๆ ของไอ้ว่านบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าได้อย่างชัดเจน ยิ่งเห็นสภาพโงนเงนคล้ายจะหลับของมันยิ่งสงสารจนผมต้องเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าสะพายบนไหล่บางมาถือไว้ซะเอง นี่คือผลของคนเรียนหมอตั้งแต่ปีหนึ่งเหรอวะหรือว่าเมื่อคืนพี่โซนจัดหนักไปหน่อย อืม ผมว่าอย่างที่สองมีความเป็นไปได้สูงกว่าเยอะ หึ อิจฉาไอ้พวกมีแฟนจังเว้ย

“หิวจนแดกช้างได้เป็นตัวๆ แล้ว” ผมบอกมันเป็นนัยๆ ว่ารอมานานแล้ว ก็ตั้งแต่สี่โมงเย็นยันหกโมงครึ่งน่ะนะ ไอ้ว่านพยักหน้ารับหงึกหงักก่อนจะหาวหวอดออกมาพลางยกมือขึ้นขยี้ตาแบบคนงัวเงีย

“โทษที อาจารย์ปล่อยช้า”

“เออๆ รีบไปเหอะ” ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเหวี่ยงกระเป๋าเป้ของเพื่อนสะพายบนบ่าก่อนใช้แขนอีกข้างวาดรอบไหล่ไอ้ว่าน แต่ไอ้ตอนที่กำลังจะก้าวขากลับได้ยินเสียงซุบซิบของผู้หญิงโต๊ะข้างๆ ประมาณว่า ‘น้องเนิร์ดแอบมีกิ๊กมารับถึงหน้าคณะเลยเหรอ?’ ผมนี่ถึงกับถอนหายใจพรืด สมัยนี้เขาไม่คิดว่าเราแค่เพื่อนกันบ้างเหรอวะ เนี่ย มนุษย์โลกไม่ว่าจะเรียนอะไรความคิดด้านลบก็มีแบบเดิม แก้ไม่หายสักที แต่ช่างแม่งเหอะ ความจริงเป็นยังไงก็รู้อยู่แก่ใจตัวเองดี

ตอนนี้ไอ้ว่านกำลังเลื่อนหาเพลงที่ถูกใจฟังส่วนผมก็จดจ่อกับการขับรถในยามจราจรติดขัด เดินหน้าได้คืบแล้วก็เบรกอยู่แบบนั้นก่อนจะติดยาวจนสามารถอ่านนิยายจบเป็นตอนๆ ได้เลย แม่ง แบบนี้เมื่อไหร่จะถึงคอนโดวะ ผมฆ่าเวลาด้วยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเปิดเข้าไอจีเพื่อดูความเคลื่อนไหวของคีน

อืม... วันนี้คีนอัปเดตรูปตัวเองนั่งอยู่บนรถด้วยเว้ย ขนาดมีหน้ากากอนามัยปิดครึ่งหนึ่งยังออร่าความดูดีชัดเจนขนาดนี้ แล้วดูคนกดหัวใจเป็นพันในเวลาแค่สิบนาที คอมเม้นต์อีกร่วมร้อย โอ้โห ขอหวงได้ไหมล่ะ แม่ง

“ไอ้ปอมไม่มาด้วยเหรอ?” อยู่ๆ ไอ้คนที่ตบตีกับเครื่องเสียงไม่จบก็ถามออกมา ผมเหลือบสายตามองเพื่อนก่อนจะส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธแล้วหยุดพิมพ์คอมเม้นต์รูปไว้ครู่หนึ่ง พอคิดถึงไอ้ปอมก็รู้สึกว่าช่วงนี้มันมีความลับกับเพื่อนเพราะบางคืนก็กลับคอนโดดึก บางทีถามอะไรก็ไม่ค่อยตอบเหมือนคนเป็นใบ้ ส่วนเรื่องที่มันลวนลามโฮมก็ดูเหมือนจะเงียบหายไปแล้วมั้ง เออ ผมไม่ได้สังเกตไง มัวแต่สนใจคีน

“เชี่ยนั่นหนีตั้งแต่เลิกคลาสแล้ว เห็นบอกว่ามีนัด”

“ช่วงนี้มันชอบทำตัวลับๆ ล่อๆ แอบไปขายตูดปะวะ?” ไอ้ว่านขมวดคิ้วถามด้วยใบหน้าจริงจังจนผมเกือบทำโทรศัพท์ในมือร่วง มันเอาอะไรคิดว่าคนแบบไอ้ปอมจะขายตูดเนี่ย โธ่ เพื่อนมึงไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินขนาดนั้น แต่ถ้าไปซื้อสาวๆ หนุ่มๆ มานอนกกแบบนั้นอาจใช่ก็ได้ หูย มีความเลวเว่อร์

“สมองมึงคิดได้แค่เนี่ย?” ผมเอื้อมมือไปจิ้มหัวทุยๆ ของไอ้ว่านแล้วแกล้งทำหน้าตาขึงขังใส่เหมือนไม่ชอบคำพูดของมัน แต่ที่จริงแค่หาอะไรทำแก้เบื่อตอนรถติด

“กูก็ล้อเล่นปะ? ไม่เห็นต้องดุ” มันบ่นเสียงงุ้งงิ้งแล้วสะบัดบ๊อบใส่จนแว่นปลิว เดือดร้อนผมต้องเก็บให้เพราะกระเด็นมาอยู่บนตัก โธ่ จะงอนแต่ละทียังสร้างความลำบากให้เพื่อนไม่รู้จักจบสิ้น เนี่ย มองแรงอย่างกับผัวแอบไปมีกิ๊กอีก เดี๋ยวจับจูบซะเลยนี่ อุย โทษๆ เผลอตัวไปหน่อยครับ

“ไม่งอแงนะคนดี” ผมเปลี่ยนเข้าโหมดอ่อนโยนพลางเอื้อมมือไปลูบหัวไอ้ว่านด้วยท่าทางเป็นมิตรไม่มีแววล้อเลียน แต่ผลที่ได้คือมันตวัดสายตามองกันแบบโกรธๆ เฉยเลย ตกลงว่ากูทำอะไรผิดอีกเนี่ย ง้อก็ง้อแล้วเหอะ ถีบตกรถเลยดีไหม

“ไม่ต้องพูดหวาน เดี๋ยวกูหวั่นไหวอีกทำไง?” ไอ้ว่านปัดมือผมทิ้งก่อนจะแยกเขี้ยวขู่กันเหมือนหมา ตอนแรกก็นึกว่าเครียดจริงแต่พอมันหลุดยิ้มในขณะที่ผมกลายร่างเป็นคนเอ๋อทำอะไรไม่ถูก หนอย นี่มึงเอาคืนกูใช่ปะ ได้ๆ

“เรื่องเยอะสัด กลับบ้านเองเลยไหม?” หยิบโทรศัพท์บนตักเคาะหัวไอ้เนิร์ดดังป๊อกจนมันโวยวายด่าผมลั่นรถ ทำหน้าบูดเบี้ยวอย่างกับคนขี้ไม่ออกแถมยังส่งสายตาอาฆาตมาให้กันอีก โธ่ๆ มึงไม่เห็นน่ากลัวตรงไหนเลย เหมือนหมาปอมขู่อะ กูเตอะทีเดียวก็ปลิวแล้ว หึหึ

“เกรี้ยวกราดตลอด เดี๋ยวกูฟ้องพี่โซน” อะ พอสู้ไม่ได้ก็เอาผัวมาขู่ แต่อย่าคิดว่าผมจะกลัวเพราะไอ้ว่านมีช่องว่างให้โจมตีเยอะ มันชอบทำตัวลอยไปลอยมา บางครั้งยังหว่านเสน่ห์ให้ผมอยู่เลย โธ่ มึงแค่เล่นๆ แต่พี่โซนไม่เก็ทด้วยหรอก เข้าใจ๊?

“ตามสบาย เดี๋ยวกูจะบอกพี่โซนว่ามึงกำลังนอกใจ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ โดยไม่สนใจว่าไอ้ว่านจะทำสีหน้าแบบไหน ตอนนี้การจราจรเริ่มเคลื่อนไปด้านหน้าแล้วตั้งใจขับรถกันดีกว่าเนอะ อ้อ เรื่องหิวลืมมันไปซะเถอะ เพราะว่าจะถึงคอนโดคงเกือบสองทุ่ม

“ไอ้เชี่ยกิม!” ไอ้ว่านตวาดเสียงดังก่อนจะส่งกำปั้นมาทุบไหล่ผมไม่ยั้ง ยอมรับว่าเจ็บจนจุกแต่สะใจที่เถียงกับมันชนะ อูย กระดูกกูจะหักแล้วสัด ผลักหัวแม่ง

“มึงเริ่มก่อนนะ” ผมชี้หน้าคาดโทษ ส่วนมันก็ชะงักการกระทำแต่ส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจแทน ก่อนจะหันหน้าเข้ามุมยังมีการเบะปากใส่อีก เอาเถอะ งอนก็งอนไป เดี๋ยวพี่โซนโทรหาก็ลืมทุกอย่างไปเอง ชีวิตนี้ผัวสำคัญกว่าเพื่อนอยู่แล้วนี่ หึ

วันนี้ผมโดนสั่งเบรกรถตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าซอยบ้านของไอ้ว่านเพราะมันจะลงที่มินิมาร์ทเพื่อซื้อขนมนมเนยต่อจากนั้นก็ค่อยโทรบอกให้พ่อมารับแทน ส่วนผมก็แวะซื้อก๋วยจั๊บเจ้าอร่อยแถวนั้นสองถุงเผื่อไอ้ปอม แดกไม่แดกก็อีกเรื่องแล้วกัน

เนื่องจากว่าผมไม่ได้ออกกำลังกายมาเกือบหนึ่งอาทิตย์ก็เลยเลือกขึ้นบันไดคอนโดแทนการใช้ลิฟท์ ถุงก๋วยจั๊บถูกแกว่งไปมาประกอบกับจังหวะฮัมเพลงภาษาจีนแบบดำน้ำ ก็จำเนื้อร้องไม่ได้แต่ทำนองเป๊ะไง วันนี้อารมณ์ปกติถ้าเจอคีนสักนิดคงพัฒนาเป็นอารมณ์ดี เฮ้อ

แต่พอคิดถึงเจ้าตัวก็โผล่เข้ามาในสายตาเลยแฮะ นั่นๆ ยืนแตะคีย์การ์ดอยู่หน้าห้องสองมือถือของพะรุงพะรังเชียว ผมต้องรีบดอดเข้าไปช่วยสักหน่อยแล้ว ฮึ่ย คราวนี้ปากมันกระตุกยิ้มกว้างจนห้ามไม่ได้เลย โอย วิ่งเลยได้ไหม ก็มันดีใจอะ

“คีน!” ผมตะโกนเรียกเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างไม่ปิดบังแล้วรีบก้าวขายาวๆ เข้าหา ส่วนเจ้าของชื่อมีอาการสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะกันมาพยักหน้าเป็นเชิงทักทายพร้อมหยุดมือที่กำลังล้วงหาคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกง จริงๆ แล้วผมอยากช่วยแต่ความคิดในหัวมันค่อนไปทางอกุศลว่ะ กลัวเผลอจับนั่นจับนี่ของคีนอะ แม่ง แค่มโนก็กำเดาจะไหลแล้ว ไหวปะเนี่ยไอ้กิม!

“อ้าวกิม เพิ่งกลับเหรอ?” คีนคงเห็นว่าผมยังอยู่ในชุดนักศึกษาเลยถามออกมาแบบนั้นส่วนเขาคงอาบน้ำแล้วเนื้อจากใส่ชุดนอนเรียบร้อย มีจุกน้ำพุกับแว่นสายตาทรงกลมเป็นพร็อบอีกต่างหาก ผมยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าโคตรแพ้ลุคเป็นธรรมชาติแบบนี้มากกว่าตอนที่แต่งตัวเต็มยศซะอีก ฟินๆ ยังไงไม่รู้ว่ะ

“อื้ม ไปส่งไอ้ว่านมาน่ะ มาๆ เราช่วยถือของ” ผมเสนอตัวก่อนจะยื่นมือออกไปด้านหน้าเพื่อรับของ เขามองซ้ายมองขวาก่อนจะร้องเสียงเบาเหมือนเพิ่งนึกได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ก่อนหน้านี้ เวลาที่คีนพยักหน้ารับจุกน้ำพุนั่นก็ไหวตามแรงขยับขึ้นลงดูเหมือนตัวการ์ตูนอะไรสักอย่าง คือมันน่ารักจนอยากดึงมาฟัดๆๆ ฮึ่ย เกิดเป็นไอ้กิมแท้จริงแสนลำบากเพราะต้องข่มใจทุกทีเมื่ออยู่ใกล้คนที่แอบชอบ

“เออ พอดีเลย งั้นฝากหน่อยเนอะ เราหยิบคีย์การ์ดไม่ได้สักที” คีนคลี่ยิ้มบางก่อนจะส่งของทั้งหมดในมือมาให้ จังหวะนั่นผิวเราสัมผัสกันเล็กน้อยแต่เขาคงไม่ได้สนใจเลยกลับไปล้วงคีย์การ์ดออดออกจากกางเกงนอนตัวยาวแล้วแตะที่ประตู แต่ผมที่คิดไม่ซื่อถึงกับใจเต้นแรงไม่หยุด เนี่ย พ่ายแพ้แม้แต่เรื่องเล็กน้อยขนาดนี้จะให้ทำยังไง ไม่กล้าแสดงความรู้สึกตรงๆ พออยากถอยห่างก็ไม่ได้อีก โธ่เว้ย

ผมสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านแล้วจ้องมองแผ่นหลังกว้างที่เปิดประตูออกเพื่อต้อนรับกันเข้าสู่ภายในห้อง เขาหันหน้ากลับมาพร้อมยื่นมือเรียวเพื่อรับถุงทั้งหมด แต่ผมกลับแบ่งให้ครึ่งเดียว ก็ไม่อยากให้คีนถือของหนักไง

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ?” ผมถามในขณะที่เดินตามคีนเข้าห้อง ความสงสัยมันเริ่มตั้งแต่รับถุงมาถือไว้ คือโคตรหนักเลยว่ะ คงเป็นพวกแกลลอนนม แชมพู ครีมอาบน้ำงี้หรือเปล่าเพราะรูปร่างมันเป็นขวดๆ หรือพวกน้ำชาเขียว น้ำอัดลมเถือกนั้น

“ของสดน่ะ กำลังจะทำมื้อเย็น” คีนวางของลงบนโต๊ะพร้อมตอบคำถามโดยไม่มองหน้าผมเลยสักนิดเพราะรีบตรงไปหาไอ้ชมจันทร์ที่ยืนเกาะกรงมองเจ้านายตาแป๋ว สงสัยจะหิวข้าวล่ะมั้ง ตอนมันอยู่เฉยๆ ก็น่ารักอยู่หรอก แต่ถ้าจะปล่อยออกมาวิ่งเล่นอีกผมคงขอบาย เดี๋ยวโดนกัดอีกไม่คุ้มแน่

“ตอนสองทุ่มเนี่ยนะ” ผมถามพลางวางถุงของในมือลงบ้างแต่ไม่ได้เดินตามไปเอาใจใส่ไอ้กระต่ายจิ๋วตัวฟูนั่นหรอก กลัวมันตะกายกรงออกมาจู่โจมน่ะ

“เพิ่งปั่นงานเสร็จไง” คีนตอบในขณะที่มือก็เอื้อมคว้าถุงใส่หญ้าแห้งที่อยู่ข้างกรงเพื่อหยิบให้ไอ้ชมจันทร์กิน ส่วนผมก็ทำให้กล้าขยับเข้าไปใกล้ๆ เขาแล้วนั่งยองลงข้างกัน ดูสิว่าเจ้าฟูมันจะมีปฏิกิริยายังไง เอ้า หน้าผมยังไม่มองเลยเหอะเอาแต่ทำจมูกฟุดฟิดสนใจของกินอยู่นั่น

คีนจัดการให้อาหารชมจันทร์พร้อมทั้งเติมน้ำลงในขวด หลังจากนั้นก็เอื้อมมือไปลูบหัวมันตบท้ายเป็นอันจบพิธี ผมรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนและความรักจากสายตาที่เขาใช้มองกระต่าย ดูๆ ไปทั้งคนทั้งสัตว์มีความคล้ายคลึงตรงน่ารักมุ้งงิ้งนี่ล่ะ งานเพ้อเจ้อมาอีกแล้วเว้ย กลับไปแดก... เฮ้ย

“อ้อ เราซื้อก๋วยจั๊บมาสองถุง กินด้วยกันไหม?” ผมเพิ่งนึกได้ว่าหิ้วถุงก๋วยจั๊บอยู่ในมือเลยยื่นไปตรงหน้าของคีน ส่วนที่บอกว่าซื้อฝากไอ้ปอมช่วยลืมๆ ไปก่อนเถอะ คนอย่างมันคงหาอะไรกินมาจากข้างนอกอยู่แล้วน่า

“อืม... กิมเอาก๋วยจั๊บไปเก็บแล้วมากินข้าวกับเราดีกว่า” คีนผลักถุงก๋วยจั๊บกลับมาแล้วคลี่ยิ้มหวานเมื่อพูดจบ ผมได้นั่งอึ้งเบิกตาโตเพราะไม่เคยฝันเลยว่าจะโดนชวนกินข้าวซึ่งๆ หน้าแบบนี้ คือตกลงใครจีบใครวะ รู้สึกเหมือนตัวเองโดนอ่อยจนมึนไปหมดแล้วเนี่ย

“ห๊ะ?” ร้องเสียงหลงเมื่อได้สติกลับเข้าร่าง ผมน่ะพร้อมเอาก๋วยจั๊บไปเก็บที่ห้องเดี๋ยวนี้เลยแต่ขอฟังเหตุผลให้ชื่นใจหน่อยสิว่าทำไมถึงได้ชวนกินข้าวแบบนี้ แถมไอ้รอยยิ้มหวานๆ ชวนละลายใจนั่นอีก ถ้าผมไม่เกรงใจผีบ้านผีเรือนคงปล้ำคีนจับทำเมียไปแล้ว

“ไม่อยากกินคนเดียวไง โอเคปะ?”

หูย อยากจะตอบว่าโอเคดังๆ ให้คนได้ยินถึงหน้าปากซอยคอนโดเลยเหอะ เนี่ย หูตั้งหางกระดิกสุดๆ แต่ต้องเก็บอาการแสดงออกแค่รอยยิ้ม

“อะ เอ่อ ได้ๆ ถ้างั้นเราขออาบน้ำก่อน” โอย ประหม่าฉิบหาย ควบคุมอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้ำเสียงยังสั่น แก้มก็เห่อร้อนไปหมดจนต้องก้มหน้าหลบสายตาคีนที่มองตรงมา รีบกลับห้องเถอะกู เดี๋ยวสติแตกขว้างถุงก๋วยจั๊บทิ้งตรงนี้หรอก

“โอเค อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม?” เนี่ย ทำไมต้องถามเหมือนใส่ใจกันขนาดนี้วะ หูย ขอกระโดดหอมแก้มสักทีเหอะ

“แล้วแต่คีนเลย เรากินได้ทั้งนั้น” อะ เป็นคนดีกับคีนเสมอล่ะ น่ารักไหม หึหึ

“โอเค แยกย้ายได้ แล้วเดี๋ยวเจอกันเนอะ” จ้า เดี๋ยวเจอกันน้า เขินจัง

ผมรีบกลับเข้าห้องแล้วโยนถุงก๋วยจั๊บเข้าตู้เย็นทันที ดีหน่อยดีมันไม่แตกกระจาย ก่อนจะรีบวิ่งไปหยิบเสื้อผ้าหอบเข้าห้องน้ำ กลัวว่าคีนจะรอนานเลยถูสบู่ลวกๆ สะอาดไหมอย่าได้ถามเพราะเอาความเร็วเข้าสู้ ก็อยากใช้เวลาอยู่กับเขานานๆ โอกาสมีนิดหน่อยก็คว้าไว้ก่อนดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย อีกอย่างคือช่วงนี้ผมไม่รับรู้ความเคลื่อนไหวของพี่เซียนด้วย ขนาดให้ไอ้ว่านหลอกถามพี่โซนแต่ก็เปล่าประโยชน์

น้ำหอมขวดเดิมถูกหยิบขึ้นมาฉีดหนึ่งสเปรย์ตรงหลังคอเพื่อความมั่นใจเวลาได้ใกล้ชิดกับคีน ผมมองตัวเองในกระจกอีกครั้งเพื่อตรวจเช็คเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูดี ถึงจะอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นพร้อมนอนก็เหอะ มันต้องสร้างความประทับใจกันหน่อยสิวะ ฮึบ เท่านี้ก็เรียบร้อยพร้อมเดท เอ๊ย ดินเนอร์รอบค่ำแล้ว

ทั้งที่คิดว่าเตรียมตัวมาพร้อมทุกอย่างแล้วแต่ผมกลับยืนเป็นไอ้งั่งอยู่หน้าประตูห้องคีน คือมันตื่นเต้นทุกครั้งที่จะได้เข้าสู่โลกส่วนตัวของเขา ยิ่งเป็นเวลาดึกดื่นบรรยากาศเป็นใจด้วยแล้วความกล้ายิ่งเหลือน้อยเท่าหางอึ่ง ทำไงดีวะ แค่ยกมือเคาะแผ่นไม้ยังทำไม่ได้จะเอาอะไรไปทำให้เขาหลงรักเล่าไอ้กิม โอย เอาวะ ขืนชักช้าจะเสียเวลามากกว่านี้

ก๊อกๆ

ผมเคาะประตูไปแล้วเว้ย แต่... กริ่งหน้าห้องก็มี โอย กูเด๋ออีกแล้วจ้า ตบหน้าผากรัวๆ แม่ง

“คีนเรามา...” คำพูดหลังจากนั้นถูกกลืนลงท้องเพราะคนที่เปิดประตูออกมานั้นไม่ใช่คีนแต่เป็นศัตรูหัวใจของผมอย่างพี่เซียน เขาอยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าขาวใสไร้สิวดูสุขภาพดี ยิ่งมองใกล้ๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองแพ้ราบคาบ เข่าแทบทรุดเลยว่ะ ทำไมดึกตื่นป่านนี้หมอหมาไม่กลับบ้านล่ะ

“เพื่อนคีนใช่ไหม?” พี่เซียนมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนส่งยิ้มบางให้กัน ผมเผลอก้าวถอยหลังเพราะไม่รู้ต้องทำยังไงต่อไป กลับห้องก็คงอยู่ไม่สุขแน่ๆ ใครมันจะไปยอมให้พวกเขาอยู่ด้วยกันสองต่อสองล่ะวะ

“คะ ครับ ผมมารบกวนหรือเปล่า?” อะ ผมจะมารยาทดีกับคู่แข่งทำซากอะไรวะเนี่ย ตอนนี้ก็เลยทำได้แค่เม้มปากแล้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา ถ้าเขาไล่กลับห้องก็คง... แม่ง ทำตัวไม่ถูกจริงๆ นะเว้ย สถานการณ์ขับขันฉิบหาย

“ผมต่างหากที่รบกวน เข้ามาข้างในสิ คีนทำกับข้าวเสร็จแล้ว” เขาเบี่ยงตัวหลบเพื่อเปิดทางให้ผมเข้าไปด้านในอย่างกับเป็นเจ้าของห้องซะเอง จริงๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ควรทำแต่เพราะผมไม่ถูกชะตากับเขาล่ะมั้งเลยมโนไปเรื่อย เฮ้อ อย่าคิดมากสิวะ คีนยังไม่ได้คบกับพี่เซียนก็ยังมีหวังล่ะน่า สู้!

“ครับ” ผมตอบรับก่อนจะค้อมตัวลงเมื่อเดินผ่านหน้าเขา พอหลุดเข้ามาด้านในก็ได้กลิ่นหอมของผัดกะเพราโชยมาแต่ไกล ส่วนเจ้าของห้องตัวจริงกำลังจัดโต๊ะทั้งที่ยังไม่ได้ถอดผ้ากันเปื้อนสีหวานออก คือมุมนี้พี่เซียนก็ได้เห็นเหรอวะ ชักจะฉุนๆ ขึ้นมาแล้วสิ แม่งเอ๊ย กินข้าวมื้อนี้คงอึดอัดน่าดู

“กิมมาแล้วเหรอ?” คีนหันมาเห็นผมก็เลยเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนจะกลับไปจัดโต๊ะตามเดิม ท่าทางคล่องแคล่วนั่นทำให้นึกถึงเชฟมืออาชีพในร้านอาหาร ถ้าหากเขาไม่เอาดีทางด้านถ่ายรูปก็คงมีงานนี้รองรับแน่นอน คือรสชาติมันอร่อยแบบไม่ได้อวยเกินความจริงอะ

“อื้ม มีอะไรให้เราช่วยไหม?” ผมถามก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาคีนแต่ต้องชะงักกึกเมื่อมีมืออุ่นๆ ของใครบางคนแตะลงบนลาดไหล่ ก็มีแต่พี่เซียนเท่านั้นที่อยู่ด้านหลัง คือสงครามระหว่างเรากำลังเริ่มต้นอย่างจริงจังแล้วใช่ไหม?

“เดี๋ยวผมช่วยคีนเอง ส่วนคุณไปนั่งเถอะ” อะ เขาไม่ไล่กลับห้องแต่กันผมไม่ให้เข้าใกล้คีนแบบสุภาพซะอย่างนั้น แต่ใครจะไปยอมล่ะวะ

“ไม่เป็นไรครับ ผมช่วยเขาดีกว่า” ผมเบี่ยงตัวออกจากกานเกาะกุมของเขาแล้วหันไปกระตุกยิ้มมุมปากแบบที่ชอบทำเวลากวนตีนเพื่อน พี่เซียนไหวไหล่เหมือนไม่ใส่ใจก่อนจะล้วงเอาซองบุหรี่ Marlboro Arctic Black ขึ้นมาโบกไปมา (ผมไม่ได้สูบบุหรี่นะ แต่ที่รู้เพราะว่าไอ้ปอมเคยลองมาก่อน ตอนนี้มันเลิกแล้ว)

“งั้นก็ตามใจ พี่ขอออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงรอแล้วกัน”

“งดๆ บ้างเถอะครับ อย่าทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วง” คีนหยุดการกระทำทั้งหมดลงแล้วจ้องซองบุหรี่สลับกับใบหน้าขาวใสของว่าที่นายสัตวแพทย์ ผมซึ่งได้แต่ยืนมองถึงกับกัดฟันกรอดเพราะรับรู้ได้ถึงสายสัมพันธ์บางๆ ระหว่างทั้งสองคน หรือที่จริงแล้วเขาคบกันแต่ไม่ได้บอกให้ใครรู้วะ โอย ปวดใจฉิบหาย จะร้องไห้แล้วนะ โคตรเกลียดความรู้สึกแพ้ยับเยินแบบนี้

“คีนน่ะเหรอ?” พี่เซียนถามกลับน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ สายตาที่เขาใช้มองคีนช่างเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายจนผมไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ ตกลงว่ากูมาเป็นส่วนเกินของเขาใช่ไหม... ควรกลับห้องเนอะ เฮ้อ

“รู้แก่ใจยังจะถามอีกคนเรา” อะ คนนี้ก็เหยียบย่ำหัวใจผมด้วยคำตอบเชิงใส่ใจอีก เอาเลยครับ ทำร้ายกันให้พอเลย ฮึก กูจะหยิบส้อมขึ้นมาแทงหัวใจตัวเองแล้วเนี่ย ไม่ต้องมาจีบกันต่อหน้าต่อตาเลย!

“หึหึ ครับๆ จะพยายามสูบน้อยลง” พี่เซียนทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนเดินออกไปที่ระเบียงจริงๆ ส่วยผมก็ได้แต่มองคีนที่เริ่มตักแกงจืดเต้าหู้หมูสับใส่ชามกระเบื้องสีขาว เรื่องที่จะมาช่วยเขาขอตัดทิ้งก่อนได้ไหม ตอนนี้ในใจโคตรว้าวุ่นจนมือสั่นแล้วเนี่ย หยิบจับอะไรคงทำหล่นแน่นอน

“คีน...” ผมตัดสินใจเรียกคีนเพื่อตั้งคำถามที่ค้างคาใจมานาน เขาหันมาเลิกคิ้วใส่และรอคอยว่ามีอะไรจะพูดต่อ

“.....”

“เอ่อ ไม่มีอะไร” พอเห็นใบหน้าหล่อๆ ฉายแววฉงนผมก็ดันรู้สึกหวาดกลัวคำตอบขึ้นมาก็เลยส่ายหัวรัวแล้วเบี่ยงไปหยิบจานมาตักข้าวแทน แม่ง ทำตัวมีพิรุธขนาดนี้ไม่โดนจับได้คงแปลกแล้ว

“จะถามเรื่องพี่เซียนหรือเปล่า?” คีนถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ พลางถอนผ้ากันเปื้อนสีหวานออกมาวางไว้บนเค้าน์เตอร์กลางก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้ผมจนสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิอุ่นๆ ของลมหายใจที่ตกกระทบบริเวณปลายจมูก ครั้นอยากถอยหลังก็ชนเข้ากับโต๊ะอาหารพอดี สรุปคือไม่มีทางหนีต้องเผชิญหน้าอย่างเดียวสินะ นี่เขาสามารถเรียกว่าโดนจู่โจมคาดคั้นเอาคำตอบได้ไหม โคตรกดดันแถมหัวใจทำงานหนักอีกด้วย ร้ายกาจเกินไปแล้วนายคนินท์

“รู้ได้ไง?” อ่า ด้วยความลนลานเลยหลุดปากออกไปแล้วสินะ ช่างแม่งเถอะ ถ้าอะไรมันจะพังก็ห้ามไม่ได้หรอก สู้กันสักตั้งแล้วกัน

“ก็กิมเอาแต่ขมวดคิ้วมองตามหลังพี่เซียนขนาดนั้น”

เอ้า ฉิบหาย ผมไม่รู้ตัวเลยเนี่ย

“เอ้อ โทษที เราแค่สงสัยว่าพี่เซียนมาที่นี่บ่อยเหรอ?” ผมเกาท้ายทอยแก้เก้อแต่ก็ยังไม่วายถามสิ่งที่อยากรู้ออกไปพลางเหลือบมองคนตรงหน้าเป็นครั้งคราว ส่วนคีนก็ส่ายหัวปฏิเสธแล้วคลี่ยิ้มบางให้ เขาไม่รู้เหรอว่าทำให้หัวใจผมละลายได้เลย

“ก็ไม่บ่อยนะ นานๆ ครั้งถึงจะแวะมาหาชมจันทร์”

“อ๋อ แต่เราเห็นเขาไปหาคีนที่คณะบ่อยเลย” พอถามจบก็เพิ่งรู้ตัวว่ามันไม่ควร ผมเลยได้แต่ยืนเม้มปากแน่นไม่กล้าจ้องหน้าคีน เขาทำแค่หัวเราะเบาๆ ก่อนขยับตัวเข้ามาใกล้ ย่อตัวลงเพื่อช้อนตามอง... โอย ผมสะดุ้งหนักกว่าเจอผีอีกเนี่ย ถอยหลังชนโต๊ะดังปึกเลย

“สังเกตด้วยเหรอเนี่ย?” คีนถามเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะยืดตัวขึ้นมาสบตากัน ส่วนผมเบนหน้าหนีไปจ้องตู้เย็นราวกับว่ามันน่าสนใจมากๆ



ต่อด้านล่างน้า

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
“เผอิญมันเห็นพอดีไง” ผมกลบเกลื่อนความลนลานด้วยการเดินไปหยิบแก้วน้ำแล้วตรงไปที่ตู้เย็น พยายามระงับอาการมือสั่นและซ่อนดวงตากังวลไว้ด้วยการหันหลังให้เจ้าของห้อง เคยเชื่อมั่นในตัวเองมาตลอดว่าสามารถเก็บความรู้สึกได้ดี แต่พอเจอสถานการณ์กดดันแบบนี้มัน... สูญเสียการควบคุมว่ะ ทำอะไรไม่ถูกจริงๆ

“ก็... ตามประสาพี่น้องรู้จักกัน” คีนเว้นระยะคำพูดเหมือนกำลังคิดไตร่ตรองบางอย่างซึ่งผมรับรู้ได้ทันทีว่าพี่น้องในที่นี่ผ่านอะไรที่เป็นมากกว่านั้นมาก่อน ถ้าไม่ใช่แบบนั้นคงไม่เกิดความลังเลในน้ำเสียงแน่นอน สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้คือขยับมือเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำออกมาดื่มเหมือนคนปกติทั่วไป ข่มความรู้สึกกระอักกระอ่วนไว้ในใจเท่านั้น ห้ามแสดงออกเด็ดขาด

“เหรอ เราขอถามอะไรได้ไหม?” ผมกระดกขวดน้ำทั้งที่มือก็ยังถือแก้วไว้แน่น ยังไม่มีความกล้าเผชิญหน้ากับคีนเลยสักนิดและไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่

“อืม เอาสิ ถ้าตอบได้น่ะนะ” จบประโยคก็ตามมาด้วยเสียงก๊องแก๊งของจานกระเบื้องที่ถูกวางลงบนโต๊ะซึ่งเป็นสัญญาณว่าคีนเริ่มจัดการอาหารส่วนที่เหลือต่อจากเมื่อครู่แล้ว ส่วนผมลดระดับขวดน้ำในมือลงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้าหันกลับไปเผชิญหน้าความจริง เขายังดูปกติดีทุกอย่าง ไม่แสดงท่าทางโกรธหรืออึดอัดใดๆ แถมยังคลี่ยิ้มให้อีกต่างหาก ทำตัวสบายเกินไปแล้วนายคนินท์

“คือ... พี่เซียนเขาจีบคีนหรือเปล่า?” เสียงผมแผ่วหายไปในลำคอช่วงท้ายแต่ดูเหมือนคีนจะได้ยินมันเพราะมือเรียวที่กำลังเลื่อนจานไข่ดาวถึงกับชะงักกึก ดวงตารีคมเหลือบมองก่อนที่หัวคิ้วจะขมวดเข้าหากันแน่น เขาหยุดการกระทำทุกอย่างเพื่อจ้องมองใบหน้าของผม โอ๊ย ปากพาซวยอีกแล้วไอ้กิม

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น?”

“คือ...” ไปไม่เป็นเลยว่ะ เอาไงดี

“อืม จะว่ายังไงดี ใช้คำว่า ‘เคยจีบ’ คงเหมาะกว่า” แต่คีนกลับตอบคำถามนั้นโดยที่ใบหน้ายังคงปกติดีทุกอย่างรวมทั้งแววตาที่ไม่มีอาการหวั่นไหวเลยสักนิด เป็นผมเองที่เผลอกัดปากจนรู้สึกเจ็บ คนเคยจีบนี่ยังสามารถเข้ามาวนเวียนใกล้ๆ แบบนี้ได้อีกเหรอ

“เคยเหรอ? แล้วตอนนี้...”

“ปฏิเสธไปแล้วล่ะ อย่าเข้าใจผิดว่าเรารังเกียจนะ จะเพศไหนก็คนเหมือนกัน รู้สึกได้เหมือนกัน แต่พี่เซียนเนี่ยไม่ตรงสเปคเลย” ปลายประโยคกลั้วไปด้วยเสียงหัวเราะอารมณ์ดีเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องตลกแถมคีนยังขยิบตาให้คนรับฟังอย่างผมอีก ไอ้บรรยากาศสบายๆ ทั้งที่เรากำลังสนทนาเรื่องเครียดนี่มันยังไงกันวะ แต่ก็ดีตรงที่ผมไม่รู้สึกปวดใจอย่างตอนแรกที่ได้รับรู้จากปากของเขาเองว่าครั้งหนึ่งเคยโดนพี่เซียนจีบจริง อยู่ๆ เรื่องทั้งหมดก็กลายเป็นอดีตตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

“ถามจริง?” ผมเลิกคิ้วขึ้นมองคีนเพื่อขอคำยืนยันว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง เขาไหวไหล่ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้พลางใช้มือเท้าคางแล้วมองตรงไปในทิศทางที่พี่เซียนยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น

“ล้อเล่นน่า จริงๆ คือพี่เซียนยังไม่สามารถทำให้เราอยากมีแฟนได้น่ะ กิมเข้าใจไหม?” คำอธิบายในตอนแรกทำให้ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกจนเกือบเผลอฉีกยิ้มกว้างให้คีนได้สงสัย

“พอจะเข้าใจ คียเคยพูดไว้ว่าไม่อยากมีแฟนใช่ไหม? อยู่คนเดียวดีกว่าไร้ข้อผูกมัด อยากทำอะไรก็ทำไม่ต้องกังวล” ผมจำคำพูดของคีนในครั้งนั้นได้ขึ้นใจและมันส่งผลมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือสาเหตุของการแอบชอบอยู่เงียบๆ ไม่กล้าแสดงความรู้สึกตรงๆ เพราะกลัวว่าจะโดนปฏิเสธเหมือนพี่เซียน

ผมมีบางอย่างเหมือนกับเขาตรงที่รักอิสระ นั่นอาจจะเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผมเลือกเมินผู้หญิงนิสัยจู้จี้จุกจิก เมินความออดอ้อนออเซาะ เมินใบหน้าสวยงามที่เกิดจากการแต่งแต้มไม่เป็นธรรมชาติ เมินมารยาร้อยเล่มเกวียน เมินการอ่อยไร้ยางอาย หรือเมินแม้กระทั่งกิริยาอ่อนหวานน่ารัก

แต่สำหรับคีนนั้นมันเหมือนโลกทั้งใบของผมหมุนรอบตัวเขาทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ดึงดูดสายตาแม้ว่าไม่ได้พยายามทำตัวโดดเด่น รอยยิ้มที่แสนจริงใจ ท่าทางดูเป็นกันเอง การพูดจาไพเราะ การวางตัวที่เหมาะสม ความอัธยาศัยดี ทุกอย่างนั้นทำให้คนๆ หนึ่งตกหลุมรักได้ง่ายเชียวล่ะ

“ก็ทำนองนั้น แต่ถ้าวันหนึ่งมีคนเข้ามาทำให้เรารู้สึกอยากมีแฟนได้ก็คงไม่ปิดกั้นตัวเองหรอก ปล่อยให้มันเป็นไปความต้องการ” คีนเหม่อมองออกไปด้านนอกระเบียงแต่โฟกัสไม่ได้อยู่ที่พี่เซียนเพราะผมก็แอบเหล่ตามสายตานั้นเหมือนกัน

“นั่นสินะ” ผมตอบกลับไปก่อนจะคลี่ยิ้มบางเมื่อเข้าใจความรู้สึกของคีนมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากมีแฟนแต่ยังไม่มีคนที่ถูกใจจริงๆ ก็เท่านั้นเอง รักอิสระก็ไม่ได้แปลว่าจะกลายเป็นคนไร้ความรักเสียหน่อย

“ถามเราเยอะขนาดนี้ แล้วกิมล่ะทำไมยังไม่มีแฟน?” อะ คำถามแทงใจมาจากปากคนที่ชอบแถมเขายังยื่นมีมาเคาะหน้าผากผมดังก๊อกๆ อีก เราไปสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โอย ใจสั่นหมดแล้วเนี่ย คือเขาอยากได้คำตอบแนวไหนวะ ก็ไอ้คนที่อยากได้เป็นแฟนมันนั่งอยู่ตรงนี้ ข้างหน้านี่ จะให้บอกยังไงดีล่ะ

“ก็... ตอนนี้พยายามเนียนจีบเขาอยู่น่ะ” ก็หวังว่าเขาจะเอะใจหรือรู้ตัวโดยที่ผมไม่ต้องพูด... แม่งเอ๊ย ก็มันเขินนี่หว่าถึงจะรู้ว่าคีนเปิดกว้างเรื่องเพศก็เหอะ คือยังสั่นๆ กลัวไอ้คำว่าเพื่อนหายไป

“โธ่ ทำอะไรให้มันชัดเจนสิ เดี๋ยวเขาจะหาว่าหยอกเล่นไม่จริงจังนะ” คีนบุ้ยปากใส่กันก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการเนียนจีบของผม คือให้จู่โจมเลยเหรอ เขารับไหวไหมล่ะ

“โห ไอ้พูดน่ะมันง่าย ทำจริงยากนะเว้ย” ผมบ่นเสียงงุ้งงิ้งพลางยกมือขึ้นเกาท้ายทอย เอาไงดีวะ ใช้โอกาสนี้สารภาพออกไปตรงๆ เลยดีไหม คีนคงไม่ตกใจจนต่อยหน้ากันหรอกมั้ง เอาวะ ลองสักตั้ง ฮึบ

“ป๊อดจังวะ” อะ โดนเตะผ่าหมากด้วยคำพูดขนาดนี้ผมเลยได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ในขณะที่คีนเดินตัวปลิวไปหยิบแก้วน้ำแล้ว โอ๊ย ไอ้กิมเอ๊ย ขืนทำตัวกากแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คงไม่มีทางสมหวัง พอรวบรวมความกล้าครั้งใหม่ได้ก็ดันมีก้างชิ้นใหญ่เข้ามาติดคอซะอย่างนั้น โว๊ย ไอ้หมอหมา ทำไมไม่สำลักควันบุหรี่ให้ตายๆ ไปซะ

“จัดโต๊ะเสร็จหรือยังครับ? พี่หิวแล้วนะ” พี่เซียนเข้ามาได้จังหวะเหมือนแกล้งกัน ผมทำเพียงแค่ปรายตามองแล้วลุกขึ้นเพื่อเดินไปหยิบช้อนส้อมหลีกหนีการพูดคุยกับอดีตศัตรูหัวใจที่อาจจะยังไม่ยอมรามือก็ได้ แต่คีนเป็นประเภทไม่คิดอะไรมากคำว่าพี่น้องเลยใช้ได้ผลแบบนี้ไง โธ่ ผมหวงอะ

“เสร็จพอดีครับ เชิญนั่งเลยคุณชายเซียน”

ครับ พี่เซียนนั่งฝั่งตรงข้ามส่วนผมกับคีนก็อยู่ข้างๆ กัน คือรู้สึกว่าตัวเองชนะเรื่องความใกล้ แต่เรื่องสบตาระหว่างมื้ออาหารนี่แพ้ราบคาบเลยเว้ย คนกินข้าวไประแวงไปมันจะอร่อยได้ยังไงล่ะเนี่ย

“อะ ผัดกะเพราของโปรดกิมใช่ปะ?” ช้อนกลางบรรจุผัดกะเพราทะเลถูกส่งมาตรงหน้าของผมก่อนที่มันจะไหลไปอยู่ข้างๆ จานพร้อมกับได้รับรอยยิ้มกว้างจากคีน ตอนนี้รู้สึกเหมือนทุกอย่างรอบตัวของเรามีออร่าสีชมพูปกคลุมอยู่ ตัดพี่เซียนออกจากสารบบชั่วคราว คือแบบเขาตักกับข้าวให้เว้ย อยากจะกรี๊ดให้คอนโดร้าวเลย ฮือ ปลื้มปริ่ม!

“ขอบคุณนะ” ผมคลี่ยิ้มตอบบ้างก่อนจะรีบตักกะเพราคำนั้นใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่สนสายตาแปลกๆ จากคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ในเมื่อพี่เซียนโดนตัดสิทธิ์ไปแล้วผมก็ไม่ควรกลัวเขาใช่ไหม แต่ศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่างชมจันทร์นี่... หาทางเอาชนะไม่ได้เลย มีแต่ต้องญาติดีกันเท่านั้น อยากได้พี่กระต่ายก็ต้องเข้าทางน้องกระต่ายจริงไหม โธ่ แต่ผมไม่ชอบสัตว์! ปัญหาระดับชาติเนี่ย

“อื้ม กินเยอะๆ ล่ะ เราทำสุดฝีมือเลย” อย่าทำเหมือนอ่อยกันทั้งที่หน้าตาคีนยิ้มแย้มปกติสิวะ บางทีผมก็เพ้อพกจนไม่เป็นอันกินอันนอนแล้ว เข้าข้างตัวเองมากไปก็กลัวผิดหวัง โอย ถ้าถามออกไปตรงๆ จะโดนต่อยไหมเนี่ย

‘ตกลงคีนอ่อยเราเหรอ?’ ถ้าถามแบบนี้มีหวังผัดกะเพราเต็มหน้ากูแน่ๆ เลยเหอะ บางทีอาจจะแถมไข่ดาวให้ด้วย ฮึ่ย แค่คิดก็อร่อย เอ๊ย สยองแล้ว

“ตักให้พี่บ้างสิ” มารขัดขวางการมโนของผมก็มาเหอะ ร้องขอได้หน้าตายมากทั้งที่ไอ้จานกะเพรามันอยู่ตรงหน้าพี่เซียน

“จานกะเพรามันอยู่ใกล้มือพี่เซียนจะตาย ตักเองดิวะ” คีนมองพี่ชายคนสนิทด้วยท่าทีฉุนๆ แล้วชี้ไปที่จานกะเพราทะเล ผมเกือบพยักหน้าเห็นด้วยแต่ดีที่ยั้งไว้ทันก่อนจะตักข้าวราดแกงจืดใส่ปาก กับข้าวอร่อยแต่ยังไม่สุดเพราะเจอก้างชิ้นโตนี่ล่ะ

“เพิ่งรู้ว่าน้องคีนสองมาตรฐาน” ยังไม่จบอีกเหรอวะพี่ ผมนี่กำช้อนแน่นแทบหักแต่ไม่สาารถสอดปากไปยุ่งเรื่องของเขาได้ไง มันเสียมารยาทแถมไม่ได้รู้จักกันอีกด้วย

“กิมตักไม่ถึงเหอะ อย่าพูดมั่วๆ รีบกินข้าวเลย”

สุดท้ายเราต่างคนก็ต่างกินข้าวโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีกระหว่างมื้ออาหารอันแสนกระอักกระอ่วนนี่เพราะผมรู้สึกว่าสายตาของพี่เซียนมักจะมองมาทางนี้เสมอ คงเกลียดขี้หน้ากันล่ะมั้ง ช่างแม่งเถอะ ผมจีบคีนไม่ใช่เขาซะหน่อย ไม่แคร์หรอก

“เดี๋ยวเราช่วยล้าง” ผมอาสาเมื่อคีนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและเริ่มลงมือเก็บจานชามไปตั้งไว้ที่ซิงค์ล้างจาน ส่วนพี่เซียนยังคงละเลียดชิมเงาะคว้านเมล็ดแบบไม่มีทีท่าว่าจะกินเสร็จเมื่อไหร่ เออ สมชื่อเรียกคุณชายจริงๆ

“เราทำเอง กิมไปนั่งรอเถอะ เดี๋ยวมีอะไรจะคุยด้วย” คีนโบกมือไล่ผมให้ออกไปนั่งรอในห้องนั่งเล่น ครั้นอยากดื้อก็กลัวเขาไม่พอใจเลยยอมตอบรับดีๆ ก่อนหมุนตัวเพื่อเดินตรงไปทางนั้น แต่ใครจะคาดคิดว่าพี่เซียนที่อยู่ตรงหน้ากลับเอื้อมมือมาคว้าข้อมือผม เฮ้ย นี่มันเรื่องอะไรกัน อยากสะบัดออกแต่โดนบีบไว้แน่นกว่าที่คิด แม่งเอ๊ย

“งั้นพี่ขอตัวเพื่อนคีนสักครู่นะครับ” พี่เซียนหันมาคลี่ยิ้มบางให้ก่อนผละมือออกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมได้แต่ขมวดคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ ทำไมต้องชวนไปคุยกันแค่สองคนวะ หรือจะเรียกกูไปกระทืบรับลมร้อนช้างนอก ไม่เอานะเว้ย ยังไม่อยากเป็นศพต่อหน้าคีน

“หืม เอาสิครับ” คีนดูจะแปลกใจแต่ก็เอ่ยปากอนุญาต ส่วนผมยังคงยืนนิ่งเพราะไม่อยากอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดแค่สองคน แค่นั่งกินข้าวด้วยกันก็แย่จะตายแล้ว โอย! แต่พี่เซียนดันส่งสายจาดุๆ มาให้นี่สิ บ้าไปแล้ว กูไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย

“ตามผมมาสิ” จ้า เร่งกูจังเนี่ย ไปก็ไปวะ

ผมเดินตามพี่เซียนออกมาที่ระเบียงและโดนใช้ให้ปิดประตูกระจกเพื่อปิดกั้นเราจากคีน ซึ่งเดาได้ว่าต้องเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน บรรยากาศรอบตัวมีความกดดันเนื่องจากไม่มีใครเริ่มบทสนทนาก่อน ต่างคนต่างเหม่อมองท้องฟ้าที่ไร้ดาวของเมืองหลวง เอาจริงๆ มันไม่มีอะไรน่าสนใจเลยแต่จะให้จ้องหน้าเขาก็คงรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิม ถ้าบอกว่าชวนมาชมวิวก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

“ชื่ออะไรนะ?” คำถามแรกจากคนที่ยืนพิงระเบียงดังขึ้นในขณะที่ผมละสายตาจากท้องฟ้าสีดำสนิทเพื่อมองเขา

“กิมครับ” ผมตอบส่วนพี่เซียนพยักหน้ารับรู้

“ชอบคีนสินะ” เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ สีหน้ายังคงเรียบเฉยไม่แสดงอาการใดๆ เหมือนกับว่าเรื่องที่ตัวเองพูดนั้นเป็นแค่คำบอกเล่าไม่มีผลต่อความรู้สึก แต่เป็นผมเองที่เกิดอาการอึกอักไปไม่เป็น ปฏิเสธก็ไม่ได้ตอบรับก็ไม่กล้า ตอนนี้เลยทำได้เพียงแค่เดินหนีเข้ามุมระเบียงที่ติดกับห้องไอ้ปอมแทน เบี่ยงเบนความสนใจทุกอย่างไปที่ต้นไฮเดรนเยียกระถางใหม่ดอกสีฟ้าอมม่วงยังคงบานเต็มต้น อันนี้ผมรับอาสาดูแลเอง ไม่อย่างนั้นคงมีสภาพไม่ต่างจากดอกกุหลาบ

“ผม...”

“หึ คีนจีบยากนะ” อะไรคือสิ่งที่เขาต้องการหลักจากพูดประโยคนี้ออกมากันนะ ให้ถอดใจอย่างนั้นเหรอ?

“.....”

“รักอิสระ โลกส่วนตัวก็สูง”

“ผมรู้ครับ” คราวนี้ผมไม่ยอมปล่อยผ่านเลยตอบกลับไปบ้างแถมยังรวบรวมความกล้าสบสายตากับพี่เซียนในระยะที่ใกล้จนน่าใจหาย เขาพยักหน้ารับคำก่อนจะยกมือวาดรูปกลุ่มดาวกลางอากาศเหมือนไม่ค่อยใส่ใจในคำตอบ แต่ก็ดีกว่าการที่หยิบบุหรี่ออกมาสูบล่ะวะ แบบนั้นคงแสบจมูกตายกันไปข้างหนึ่ง

“รู้แบบนี้ก็ยังจะจีบเขาอีกเหรอ?” คำถามเอื่อยๆ แต่มีพลังทำลายล้างสูงทำให้ผมถึงกับกัดฟันกรอด ถ้าจะดูถูกคนอื่นเพราะตัวเองเคยล้มเหลวมาก่อนมันไม่ดูแย่เกินไปหน่อยหรือยังไง อยากประกาศตัวว่าระดับเขายังพ่ายแพ้มาก่อนแล้วคนธรรมดาอย่างไอ้กิมคงทำอะไรไม่ได้ก็คงผิดมหันต์ ผมมีความมุ่งมั่นและความอดทนเป็นเลิศ มากกว่าที่ใครจะสามารถคาดคะเนได้

“ครับ ผมมีความพยายามมากพอ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพลางจ้องตาพี่เซียนเขม็งเพื่อแสดงความจริงจังให้เห็น แต่เขาเลือกที่จะเมินและไม่สนใจในคำตอบพลางขยับยืดตัวตรงๆ เพื่อโน้มตัวเข้ามาใกล้ผมให้มากกว่าเดิม ครั้นอยากถอยหลังนี้ก็คงต้องปีนระเบียงเอานั่นล่ะ โอย มาหายใจรดหน้าทำไมวะ ขนลุก

“แล้วถ้าหากวันหนึ่งมีใครที่จริงจังกับคุณเดินเข้ามาในชีวิตล่ะ คิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนใจไหม?”

“ผมขอเลือกคีนเหมือนเดิมครับ” คำตอบชัดเจนทั้งน้ำเสียงและความรู้สึก ถ้าหากคนๆ นั้นไม่ใช่คีนผมก็ไม่พร้อมเปิดใจรับคนใหม่อย่างแน่นอน

“ถึงแม้สุดท้ายอาจจะผิดหวังน่ะเหรอ?” พี่เซียนเอ่ยถามถึงสิ่งที่ผมนึกกลัวมาโดยตลอด แต่ในตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วเพราะความสัมพันธ์มีจุดเริ่มต้นและมีจุดจบเสมอ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ยกตัวอย่างง่ายๆ คือเพื่อนสมัยมัธยมที่บัดนี้บางคนก็ขาดการติดต่อทั้งที่เคยสนิทกันมาก อะไรๆ ในชีวิตไม่มีแน่นอนหรอก อยู่ที่ตัวเราจะเข้าใจและยอมรับได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง

“ครับ”

“ผมไม่ยอมแพ้หรอกนะ” พี่เซียนใช้แขนทั้งสองข้างกักตัวผมเอาไว้ไม่ให้หนีรอดไปไหนแล้วใช้ดวงตาคู่สวยจ้องมองเหมือนต้องการสะกดให้เชื่อฟังสิ่งที่เขาอยากพูดต่อไปนี้ ผมไม่เข้าใจว่าไอ้การไม่ยอมแพ้นั้นคืออะไร แต่รู้สึกเหมือนว่าเป้าหมายจะไม่ใช่คีนอีกแล้ว

“.....”

“คุณอยากจีบคีนต่อก็ทำไป ส่วนผมจะจีบคุณ” พี่เซียนใช้นิ้วจิ้มตรงตำแหน่งหัวใจของผมแล้วผละออกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่แววตากลับเป็นประกายอย่างน่ากลัว เชื่อไหมว่าโสตประสาทการรับรู้ของผมเหมือนตายลงซะเดี๋ยวนี้ อะไรคือการบอกว่าจะจีบทั้งๆ ที่ไม่น่าเป็นไปได้ เขาชอบคีนไม่ใช่เหรอวะ หรือแค่แกล้งกันเล่นเพื่อเอาความสะใจ โอย ขอถามย้ำหน่อยเหอะ กูไม่ได้อยากให้อดีตศัตรูหัวใจเปลี่ยนความคิดขนาดนี้หรอกเว้ย เป็นคู่แข่งกันยังไม่ลำบากใจเท่านี้เลย ฮือ

“อะไร... นะครับ?” กว่าผมจะออกเสียงแต่ละคำได้ก็แทบใช้เวลาเป็นนาทีแถมยังมองคนตรงหน้าด้วยสายตาหวาดระแวง นี่แทบจะปีนระเบียงหนีกลับห้องแล้วนะเว้ย ถ้าพี่เซียนก้าวเข้ามาใกล้ผมแหกปากจริงด้วย แม่งๆๆ กูฝันอยู่แน่นอน ตื่นสิวะ!

“ผม-จะ-จีบ-คุณ” พี่เซียนย้ำชัดทุกคำก่อนจะส่งรอยยิ้มชวนฝันอย่างที่สาวๆ เพ้อถึงให้ผม ยามที่เขาขยับเท้าเข้ามาทำให้ต้องรีบสไลด์ตัวออกจากมุมอับแล้วตรงไปเปิดประตูกระจกทันที

“เฮ้ย ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ พี่เมาใบกะเพราเหรอ?” ผมละล่ำละลักถามพลางชี้นิ้วสั่นๆ ไปหาพี่เซียนพลางส่ายใบหน้าแสดงให้ชัดเจนว่าไม่มีทางหลงกลคำพูดหลอกลวงนั่น ใครมันจะเชื่อล่ะวะ อยู่ๆ ก็อยากจีบกันขึ้นมา รักแรกพบเหรอ? บ้าน่า

“ผมจริงจัง คุณเตรียมตัวไว้ได้เลย” อะ จบคำพูดเขาก็เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้มืออุ่นแตะลงบนหัวแล้วโยกเบาๆ แสดงความเอ็นดูรวมถึงดวงตาที่ฉายแววมุ่งมั่นเหมือนที่ผมมีให้กับคีน ชัดเจนยิ่งกว่าคงไม่มีแล้วล่ะ โอ๊ย นี่กูมาจีบคีนนะเว้ย ไม่ใช่ให้พี่เซียนจีบตัวเอง ความวัวยังไม่หายความควายก็เข้ามาโจมตีแบบนี้ก็ได้เหรอ กูจะหนีออกนอกประเทศ!

“พี่เซียน กลับมาคุยกันก่อนสิวะ!” แต่พอรวบรวมสติได้ก็เห็นพี่เซียนเดินออกจากห้องไปแล้ว ไอ้ฉิบหาย มึงพูดไม่เคลียร์มากๆ เหตุผลที่จะจีบกันก็ไม่มี เวรเอ๊ย เครียดเลยเนี่ย สัด!

เมื่อครู่ผมคงเสียงดังมากไปหน่อยก็เลยทำให้คีนที่ยังล้างจานไม่เสร็จถึงกับเดินออกมาจากส่วนครัว ในมือยังมีฟองขาวเปรอะ ใบหน้าในแสดงความสงสัยอย่างไม่ปิดบัง เอาไงดีวะ

“เมื่อกี้คุยอะไรกับพี่เซียนเหรอ?” นั่นไง ผมว่าแล้วคำถามแบบนี้ต้องเกิด อย่าให้เจอนะพี่เซียนกูจะกระทืบมึงให้จมดินเลยเชียว!

“อ่า... เรื่อยเปื่อยนะ คีนมีอะไรจะพูดกับเราเหรอ?” ขอโทษที่โกหกว่ะ แต่จะให้ผมพูดความจริงเรื่องเหลือเชื่อออกไปคงไม่ได้ แล้วในขณะที่ตัวเองจีบคนๆ นี้ด้วยคงต้องปิดเป็นความลับ

ผมปิดประตูระเบียงแล้วเดินกลับเข้ามานั่งบนโซฟาโดยมีร่างของคีนยืนพิงวงกบส่วนครัว ดวงตารีเบิกขึ้นเมื่อได้ยินคำถามเหมือนเพิ่งคิดอะไรได้ หลังจากนั้นก็ยกมือเปื้อนฟองโบกไปมาเบาๆ โธ่ มันหยดเลอะเทอะพื้นหมดแล้วครับคุณคนินท์

“ขอล้างมือก่อนนะ เดี๋ยวออกมาคุยด้วย”

“โอเค”

ผมเอนหลังพิงพนักโซฟาแล้วหลับตาลงเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าที่เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากคุยกับพี่เซียน สมองเหมือนจะเออเร่อไปชั่วขณะเมื่อได้รับรู้ถึงความตั้งใจของเขา ในชีวิตนี้ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องราวความรักของตัวเองจะสับสนวุ่นวายได้มากถึงเพียงนี้ พอรู้สึกว่าความสัมพันธ์กับคีนกำลังไปได้สวยกลับมีมือที่สามโผล่ออกมาเป็นตัวโกง นี่มันละครไทยหรือเปล่าวะ ถ้าเล่าให้ไอ้ว่านกับไอ้ปอมฟังมันคงหัวเราะตายแน่ๆ ฮึ่ย คิดแล้วก็เครียด แคะขี้มูกแม่ง

ไม่เกินห้านาทีคีนก็เดินออกมาจากส่วนครัวแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างกันโดยเว้นระยะห่างพอประมาณ ส่วนผมรีบจัดการหยิบทิชชู่มาเช็ดมือเปื้อนน้ำมูกออกแต่ยังคงกลับไปเอนหลังพิงพนักเช่นเดิม ก็ท่านี้มันสบายแถมยังแอบมองใบหน้าด้านข้างของเขาได้ถนัดอีกด้วย

“คือเราเห็น Nano Block ที่เป็นโมเดลหอไอเฟลอันใหญ่ๆ ในไอจีของกิมแล้วอยากลองซื้อมาต่อบ้างน่ะ” คีนไม่รอช้าที่จะพูดความต้องการของตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอะไรยุกยิกในขณะที่ผมอ้าปากค้างไปแล้ว เมื่อครู่เขาหมายถึงไอจีใครที่ไหนนะ?

“คีนว่าอะไรนะ?” ผมถามย้ำก่อนใช้แขนยันตัวตรง หัวใจเต้นตุบตับอย่างน่ากลัว อยู่ๆ ก็มีเซอร์ไพร์สมากกว่าเรื่องพี่เซียนเหรอวะ

“เราเห็นโมเดลหอไอเฟลในไอจีกิม” ชัด ชัดเลย เขาตามไอจีผมตั้งแต่เมื่อไหร่! เผลอโพสต์อะไรที่สื่อถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ คีนไปบ้างไหมวะ โอย ตายแน่กู เนี่ย พอลนลานทำอะไรไม่ถูกก็กัดปากจนเป็นแผล แสบเว้ย

“คีนมีไอจีเรา?” เสียงสั่นกว่านี้ก็สึนามิมาแล้วมึงเอ๊ย

“ใช่ มีตั้งนานแล้วนะ” คีนเหลือบสายตามองกันก่อนจะส่งโทรศัพท์ที่เป็นหน้าโปรไฟล์ไอจีของผมให้ดู เขากดฟอลฯ กันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ นี่มันเรื่องเหลือเชื่อยิ่งกว่าพี่เซียนจะจีบกูอีกเนี่ย

“.....” ผมปิดปากเงียบก่อนจะเบนหน้าหนีไปทางอื่น มือทั้งสองข้างกำแน่นเพราะความกังวลเรื่องรูปภาพในไอจี พยายามคิดว่าตัวเองมือลั่นอัปเดตอะไรไปบ้าง ความลับแตกหรือยัง โว๊ย ปวดหมอง

“อื้ม ทำไมเหรอ?” คีนแตะไหล่ผมพลางถามด้วยน้ำเสียงแสดงความสงสัย สถานการณ์ดูเหมือนว่าจะแย่แต่จริงๆ มันก็ดีใจ เอาเถอะ ความแตกก็ไม่เป็นไรเพราะผมตัดสินใจแล้วว่าจะสารภาพความรู้สึกกับคีนเร็วๆ นี้

“ปะ เปล่า ไว้วันหยุดเราพาคีนไปซื้อ Nano Block ดีไหม?” อะ เสนอตัวเนียนๆ พาไปซื้อของแล้วต่อด้วยที่กินข้าวสักมื้อ หลังจากนั้นก็สารภาพรักแม่ง วางแผนไว้อย่างดีแต่จะสำเร็จไหมนั่นอีกเรื่องเพราะอาทิตย์หน้าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบแล้วเว้ย ใครจะว่างคิดอะไรไร้สาระแบบกูล่ะเนี่ย เฮ้อ

“อื้ม แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้นคือกิมต้องมาช่วยเราต่อนะ” เอาเป็นมาผมโดนคีนชวนมาต่อ Nano Block เฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจอ่อยหรอกน่า ที่คิดแบบนี้เพราะมันช่วยลดความประหม่าเวลาใกล้ชิดจนหัวแทบชนกัน ก็ไอ้ของเล่นสื่อรักเนี่ยมันชิ้นนิดเดียว เวลาจะหยิบจะจับเลยลำบากนิดนึง

“อะ อื้ม ได้ครับ” โธ่ ไอ้กากกิมเอ๊ย แค่ตอบรับยังเสียงสั่นจะเอาความกล้าที่ไหนไปสารภาพรักเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ เนี่ย แอบถอนหายใจหน่อย

“น่ารักจัง”

เดี๋ยวนะ... ไอ้คำชมเมื่อครู่นั่นคืออะไรวะ ผมจะกรี๊ดแล้วนะถ้าไม่ติดว่าคีนไล่ให้กลับห้องเพื่อแยกย้ายกันพักผ่อน โอย หัวใจไอ้กิมแทบละลายอยู่แล้วจ้า ทำไมถึงทำกันแบบนี้ อ่อยแน่ๆ แบบนี้ต้องอ่อยแน่ๆ !




-------------------------------------


มาช้าแต่ก็มานะเออ 55555 ตอนนี้เลยยาวเป็นพิเศษให้อ่านแบบจุใจเลย
พี่เซียนคืออะไร๊ ทำไมเป็นคนแบบนี้อะ หมากิมปวดหัวตายแน่ๆ เชื่อเหอะ

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
รูปถ่ายใบที่ 10


Keen’s Part

‘ก็พอจะรู้ แต่ไม่มั่นใจ เพราะมันยังไม่ชัดเจน’

ในตอนแรกผมแค่คิดว่ากิมอยากเข้ามาตีสนิทด้วยเพราะต้องการจีบโฮมที่เป็นคู่จิ้นกันตั้งแต่ช่วงรับน้องใหม่ แต่ไปๆ มาๆ อะไรบางอย่างกับร้องเตือนว่าไม่ใช่ อย่างที่คิด ทั้งสายตา ท่าทาง การพูดจามันโฟกัสมาที่ผมบ่อยครั้งจนรู้สึกทำตัวไม่ถูกทว่ากลับไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนครั้งที่โดนพี่เซียนจีบ

แต่กิมยังคงมีอาการกล้าๆ กลัวๆ ในการเข้าหา อาจเป็นเพราะสิ่งที่ผมเคยพูดเปรยไว้เมื่อครั้งโดนคนอื่นสัมภาษณ์เรื่องการมีแฟน รักอิสระก็เพราะเวลาอยากออกไปถ่ายรูปที่ไหนก็ไม่ต้องกังวลว่าคนรักอยากไปด้วยหรือเปล่า ไม่อยากผูกมัดก็เพราะบางครั้งไม่สามารถดูแลใครได้ ซึ่งนั่นคือเหตุผลหลักๆ

ผมเข้าใจกิมนะ ทว่าพอเห็นท่าทางอึกอักพวกนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะลองพูดอะไรบางอย่างให้เขามั่นใจว่าการทำเรื่องราวให้ชัดเจนเป็นสิ่งที่ดี เอ้อ เหมือนยุยงให้เพื่อนจีบตัวเองเลยเนอะ... เอาเป็นว่าผมไม่ได้รังเกียจความสัมพันธ์ในรูปแบบของเพศเดียวกัน บางทีการรักอิสระและไม่ชอบผูกมัดอาจเจือจางลงก็เพราะใครบางคนก็เป็นได้

ตอนนี้ผมกำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงหลังใหญ่และซุกตัวในผ้านวมผืนหนาที่หอมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มในวันหยุดที่ฝนกำลังตกหนักไม่มีทีท่าว่าจะซาลงง่ายๆ ครั้นจะหลับตาเพื่อนอนต่อก็ได้ยินเสียงก๊องแก๊งดังมาจากด้านนอก ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวว่ามันเกิดจากอะไรเพราะต้องเป็นเจ้าชมจันทร์เรียกร้องหาอาหารแน่นอน เฮ้อ ต้องลุกแล้วสินะ หาว

“ชมจันทร์” ผมนั่งยองๆ ลงตรงหน้าของเจ้ากระต่ายที่นับวันยิ่งตัวอ้วนขึ้นบวกกับเป็นสัตว์ที่โตไวอยู่แล้วตอนนี้ก็เลยน่าฟัดไปใหญ่ มันใช้เท้าหน้าเกาะซี่กรงแล้วมองจ้องกันด้วยดวงตาสีดำเม็ดลำไย จมูกเล็กๆ ขยับขึ้นลงตลอดเวลาพร้อมทำปากขมุบขมิบจนผมไม่สามารถเก็บรอยยิ้มไว้ได้

“หิวแล้วสินะ วันนี้อยากกินอะไรล่ะ หญ้าอัลฟาฟ่าหรือทิโมธีดี?” ผมหยิบถุงหญ้าแห้งสองแบบขึ้นมาเขย่าต่อหน้าชมจันทร์พลางเอียงคอมองรอคำตอบทั้งที่รู้ดีว่าสุดท้ายก็ต้องเลือกเอง แต่ฟีลคนเลี้ยงสัตว์ก็อยากมีโมเม้นต์คุยเล่นกับมันบ้าง ไม่ได้บ้านะเอ้อ

เจ้ากระต่ายน้อยทำท่าตื่นเต้นตามประสาเมื่อเห็นของกินที่คุ้นเคยอยู่ใกล้ๆ มันขยับเข้ามาประชิดพลางเอาจมูกรอดซี่กรง น่ารักน่าชังจนอดไม่ได้ที่จะวางถุงหญ้าลงแล้วเอื้อมมือไปจิ้มเบาๆ ตรงนั้น โอย อยากบีบมาก แต่ตอนนี้คงเสียเวลาเล่นด้วยไม่ได้เพราะหนังสือกองโตรออยู่ ถึงช่วงเวลาแห่งการสอบอีกแล้วสินะ เฮ้อ

ผมจัดการเติมหญ้าลงในถาดและใส่น้ำให้เจ้าชมจันทร์เสร็จเรียบร้อยก็คว้าโทรศัพท์มาเก็บภาพเจ้าฟูเอาไว้เป็นที่ระลึกก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงยืดตัวบิดขี้เกียจแล้วเดินอืดอาดไปทางห้องน้ำ แต่แล้วก็ต้องชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงริงโทนดังขึ้น ผมหมุนตัวกลับไปหามันพลางคิดในใจว่าใครช่างโทรมาตั้งแต่... เอ่อ สี่โมงเช้าแล้วเหรอเนี่ย โอเคๆ นายคนินท์ตื่นสายเองล่ะ

ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือบุคคลที่นัดกันเอาไว้ว่าจะมาติวด้วยตอนเที่ยงวัน แต่ดูท่าทางแล้วคงติดธุระอะไรสักอย่างแน่นอนเพราะปกติโฮมไม่เคยโทรหาก่อนถึงที่นี่เลยสักครั้ง ช่วงนี้เขาชอบทำตัวแปลกๆ มีลับลมคมในเหมือนซ่อนใครเอาไว้

“ว่าไงเจ้าตัวจิ๋ว” ผมรับสายเพื่อนด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนจะก้าวขาไปที่กรงของชมจันทร์เพื่อจ้องมองการกระทำของมัน ตอนนี้เจ้าฟูกำลังกินน้ำจากขวดทำให้ลูกบอลกลมๆ ในท่อดังก๊อกแก๊ก ปากเล็กขยับจนเห็นลิ้นสีชมพูแลบออกมา คือโคตรน่ารัก บางทีการอยู่กับกระต่ายก็มีความสุขดีเนอะ

‘เลิกเรียกเราแบบนั้นเถอะน่าคีน ฟังไม่เข้าหูเลย’ ปลายสายบ่นเสียงงุ้งงิ้งดูไม่ถูกใจกับคำเรียกชื่อนั่นทำให้ผมหลุดหัวเราะเพราะตั้งใจแกล้งแหย่โฮมเล่นซึ่งมันได้ผลอย่างที่คิดไว้จริงๆ ก็ตัวเล็กซะขนาดนั้นจะไม่ให้เอ็นดูได้ยังไง สูงถึงร้อยหกสิบหรือยังเถอะ หยิบจับของที่อยู่สูงแต่ละทีก็ต้องเขย่งเท้าแทบตาย เขาคงจัดอยู่ในประเภทผู้ชายไทป์เมียไม่เหมาะเป็นสามีใคร

“หรือจะให้เรียกน้องเตี้ย?” ผมยังคงแกล้งเพื่อนต่อไปในขณะที่ตัวเองทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหน้ากรงกระต่ายแล้วปักหลักนั่งมองชมจันทร์ให้เต็มที่ ดูสิมันกำลังกระโดดโหยงๆ เหยียบถาดหญ้าแห้งคว่ำกระจัดกระจาย โธ่ เสียดายของนะเจ้าอ้วน อาหารแกไม่ใช่ราคาถูกเลย แต่ผมก็ทำได้แค่ส่ายหัวและหลุดหัวเราะให้กับความน่ารักนั่น เฮ้อ แพ้ทางสัตว์ตัวเล็กนี่นาทำไงได้

‘โอ๊ย ปากคอเลาะร้าย งอนแล้ว!’ โฮมเหวเสียงเขียวก่อนจะถอนหายใจแรงๆ ใส่จนผมต้องผละหูออกจากโทรศัพท์ พอจะนึกภาพตามออกเลยว่าเจ้าตัวต้องบึนปากจนเกือบถึงปลายจมูกแน่ๆ ก็ทำตัวน่ารักน่าชังขนาดนั้นเลยมีหนุ่มเข้ามาจีบไม่เว้นแต่ละวัน และด้วยสาเหตุนี้ผมเลยไม่สามารถระบุได้สักทีว่าเจ้าตัวจิ๋วชอบใคร แต่บอกได้ว่าไม่ใช่กิมชัวร์ๆ เพราะสายตามันฟ้องว่าคิดแค่เพื่อน

“โอ๋ๆ ไม่งอแงนะโฮม แล้วโทรมามีอะไรหรือเปล่า?” ผมง้อโฮมด้วยเสียงอ้อนๆ ที่ใช้เป็นประจำก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเมื่อรู้สึกหิวน้ำขึ้นมา ขายาวก้าวเข้าสู่โซนห้องครัวตามด้วยมือเรียวเอื้อมเปิดประตูตู้เย็น แทนที่จะได้ทำสิ่งที่ตั้งใจกลับต้องชะงักเมื่อกลิ่นบางอย่างเตะจมูกอย่างจัง ถ้วยน้ำพริกกะปิที่ไม่ได้ปิดฟิล์มถนอมอาหารตั้งเด่นหราอยู่ตรงหน้า อื้อหือ ฝีมือพี่ปิ๊งสุดสวยของผมแน่นอน โอย ไม่ไหวจะเคลียร์กับเธอจริงๆ

ผมยกมือขึ้นถูปลายจมูกก่อนจะเอื้อมมือหยิบถ้วยน้ำพริกออกมาตั้งด้านนอก จัดการหยิบกากกาแฟที่รอทิ้งใส่ในแก้วแล้วเอาวางไว้ในตู้เย็นเพื่อให้มันดูดกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ออก หลังจากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาเพื่อเปิดทีวีดูฆ่าเวลาเนื่องจากยังติดสายโฮมอยู่ เฮ้อ ขี้เกียจอาบน้ำแล้วสิ เอ๋... แต่ทำไมอยู่ๆ เสียงมันเงียบไป หรือว่าเขาวางโทรศัพท์ไปแล้วเนี่ย

‘คือว่า...’ อ้อ ยังไม่วางแฮะ

“.....” ผมรอฟังโฮมแต่ตากลับจ้องทีวีที่กำลังฉายรายการแนะนำร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่นผสมผสานกลิ่นอายภาคใต้ของเมืองไทย จะว่าไปก็อยากลองทำหมูฮ้อง (อาหารพื้นเมืองจังหวัดภูเก็ต) กินดูเนอะ น่าอร่อยดี เนื้อหมูสามชั้นนุ่มๆ รสชาติติดหวานแต่กลมกล่อม อ่า... แค่คิดถึงก็ฟินแล้ว

‘แบบว่า...’ ปลายสายอึกอักพูดไม่เป็นภาษาจนผมต้องสลัดความคิดเรื่องเมนูอาหารของวันนี้ทิ้ง รู้สึกเหมือนกับว่าโฮมกำลังไม่เป็นตัวของตัวเอง ประมาณว่ามีเรื่องปิดบังและกลัวเผลอจะพูดออกมา ไอ้นิสัยแบบนี้มันทำให้คิดถึงกิมเลยอะ

“แบบไหนครับคุณเพื่อน? เรารอฟังจนจะหลับแล้วเนี่ย” ผมเอนหลังพิงพนักโซฟาก่อนจะดึงหมอนอิงมารองใต้หัว โฮมนะเงียบเป็นป่าช้าแต่บุคคลข้างห้องเริ่มส่งเสียงตีกันอีกแล้ว วันนี้ก็คงทะเลาะเรื่องเดิมซ้ำๆ อย่างเช่นปอมชอบดื่มกาแฟโดยไม่แปรงฟันหรือบางครั้งหนักถึงขึ้นที่ยืนเกาก้นแล้วเอามือป้ายจมูกกิม ทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ? ก็มีคนพิมพ์ไลน์เล่าให้อ่านบ่อยๆ นี่เนอะ แต่วันนี้ยังไม่มีอะไรโผล่มาเลยแฮะ สงสัยเพิ่งตื่นมั้ง เอาเป็นว่าสนใจเจ้าตัวจิ๋วต่อดีกว่า

‘วันนี้ขอยกเลิกติวก่อนได้ปะ?’ ถึงโฮมจะพูดเสียงเบาแต่มันก็ทำให้ผมดีดตัวขึ้นนั่งหลังตรงได้เลยล่ะ อยู่ๆ ก็ยกเลิกติวกะทันหันแบบนี้แสดงว่าอีกเรื่องสำคัญกว่าอย่างนั้นสิ หรือคืดอะไรที่แบบจั๊กจี้หัวใจหน่อยก็คงแอบนัดคนที่ชอบทำนองนั้น แต่ผมไม่ซีเรียสหรอกนะเพราะเพื่อนจะไปไหนมาไหนก็สิทธิ์ของเขานี่นา

“มีนัด?”

‘ก็... ไม่เชิงอะ’

“อืม... เป็นความลับใช่ปะ?” ผมถามเสียงกลั้วหัวเราะเพื่อไม่ให้โฮมเครียดจนเกินไป จริงๆ แล้วแค่อยากแกล้งแหย่เพราะเขาพูดตะกุกตะกักแสดงพิรุธเยอะแยะเลย เหมือนเจ้าชมจันทร์ตอนตกใจอะ ตื่นตูมน่าดูหูตั้งหางชี้เชียว อยากจับมาบีบๆ ฟัดๆ เหลือเกิน

‘ทะ ทำไมคีนคิดแบบนั้น?’ แหนะ ยังพูดไม่ทันขาดคำเลย เสียงขาดๆ หายๆ ซะแล้ว โธ่เอ๊ย โกหกไม่เนียนไปเรียนมาใหม่นะเจ้าตัวจิ๋วของพี่คีน ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนกันคงจับมาฟัดมาหอมแก้มด้วยความเอ็นดูแล้ว คือมันก็ไม่แปลกสำหรับผมหรอกที่รู้สึกมันเขี้ยวแบบนั้น ก็โฮมคือสิ่งมีชีวิตตัวเล็กน่ารักแต่กลัวเขาจะต่อยเอาน่ะ เห็นมุ้งมิ้งแบบนั้นแต่เอาเรื่องไม่เบาเลยแถมแรงเยอะด้วย ไม่เสี่ยงดีกว่าเนอะ

“ก็ปกติโฮมจะบอกเหตุผลชัดเจนว่าทำไมถึงยกเลิกนัดของเรานี่” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ตา ง่วงนอนขึ้นมาซะอย่างนั้นทั้งที่ตื่นได้ไม่ถึงชั่วโมงเนี่ยนะ พอเป็นวันหยุดทีไรไอ้โรคติดเตียงกำเริบทุกทีสิน่า เฮ้อ ควรจะลุกขึ้นไปเตรียมอาหารเช้าควบเที่ยงก่อตอาบน้ำดีกว่ามั้ง ไม่อย่างนั้นมีหวังสลบคาโซฟาแน่ๆ อะ ตัดสินใจได้ก็ลุกขึ้น ฮึบ!

‘อ่า... ขอโทษนะ’ โฮมว่าเสียงอ่อยจนผมที่นึกเอ็นดูเพื่อนคนนี้อยู่แล้วถึงกับหลุดยิ้มออกมา จะน่ารักไปถึงไหนกันน้า ชักอิจฉาแฟนในอนาคตของเขาซะแล้วสิ

“โธ่ จะขอโทษทำไม แค่ยกเลิกติวเอง เราไม่มีปัญหาน่า โฮมอย่าคิดมากดิ”

‘อื้อ ไว้เราจะไถ่โทษด้วยฮ่อยจ๊อปูนะ’ น้ำเสียงของเขาดูสดใสขึ้นจนผมรู้สึกได้ว่าต้องคลี่ยิ้มหวานให้กับลมฟ้าอากาศอยู่แน่ๆ แต่เดี๋ยวก่อน... ไอ้ฮ่อยจ๊อปูที่โฮมชอบซื้อมาฝากเนี่ย ถ้าจำไม่ผิดคงต้องถ่อไปถึงชลบุรีเชียวนะ หึหึ แอบหนีเที่ยวนี่เอง อย่าให้รู้ว่าใครเป็นสารถีจะล้อยันลูกบวชเชียว

“หึหึ ครับ เที่ยวให้สนุกนะโฮม” ขอแซวหน่อยเถอะ มันคันปากไง สุดท้ายก็หลุดพูดจนได้ โฮมไม่เคยเก็บความลับอะไรอยู่หรอก บางครั้งยังเผลอเล่าเรื่องคนนั้นคนนี้ที่ตัวเองเผลอปลื้มเขาแบบไม่รู้ตัวให้ฟังอยู่เรื่อย โธ่ ถ้าให้เดาว่าหนีไปเที่ยวกับใครก็คงไม่พ้นบุคคลใกล้ห้อง เอ้ย ใกล้ตัวผมนี่ล่ะ สันนิษฐานนะ อาจจะไม่ใช่ก็ได้

‘อ๊ะ เราไม่คุยกับคีนแล้ว!’ แหนะ พอถูกจับได้ก็ชิ่งตัดสายหนีไปเลย หึหึ เด็กน้อยจริงๆ เลยเจ้าจิ๋วเนี่ย หวังว่าจะเอาตัวรอดกลับมาจากชลบุรีได้แบบไม่สึกหลอน่ะนะ แต่ถ้าสมยอมก็คงเป็นอีกเรื่อง ตอนนี้ผมขอไปเตรียมอาหารเช้าควบเที่ยงดีกว่า หิวแล้วเนี่ย ง่วงด้วย... เฮ้อ เลือกทำมันสักอย่างสินายคนินท์!

หลังจากที่จัดการตัวเองเรียบร้อยทั้งกินข้าวและอาบน้ำก็ถึงเวลาของการพรากเพียรอ่านหนังสือเตรียมสอบสักที ผมหยิบสิ่งที่จำเป็นต้องใช้มากองเอาไว้บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาแล้วทิ้งตัวลงบนพรมเพื่อให้ได้ระดับนั่งที่เหมาะสมแถมมีพนักพิงหลังสบายๆ อีกด้วย

มือขวาจับปากกาเน้นข้อความสีฟ้าพาสเทลไว้แน่นส่วนอีกมือทำการเปิดชีทวิชาภาษาอังกฤษสื่อสารขึ้น แต่ยังไม่ทันได้อ่านกลับมีเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ โธ่ คนยิ่งขี้เกียจๆ อยู่ด้วย เดี๋ยวก็ทิ้งสอบไปนอนกลิ้งบนโซฟาซะเลยนี่

กิมมิค : คีนอยู่ห้องหรือเปล่า?

นั่นคือข้อความจากแอปฯ ไลน์ที่กิมส่งมาถามไถ่กัน ผมคลี่ยิ้มบางก่อนจะพิมพ์ตัวอักษรสั่นๆ ตอบกลับไป

คีน : อยู่ ทำไมเหรอ?

ข้อความถูกส่งไปพร้อมกับขึ้นว่าอีกฝ่ายทำการอ่านแล้วเหมือนตั้งหน้าตั้งตารออยู่ ผมขยับตัวพิงโซฟาทิ้งความสนใจเรื่องอ่านหนังสือจนหมด อยู่ๆ ก็อยากรู้ว่าอีกฝ่ายคิดทำอะไรเมื่อได้คำตอบของผมไปแล้ว จะมาหากันเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีเพราะไม่ต้องเครียดเรื่องสอบคนเดียวไง

กิมมิค : เราขอไปติวด้วยได้ปะ? ไอ้ปอมแม่งหนีเที่ยว

ผมร้องอ้อทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายใช้คำว่า ‘หนีเที่ยว’ กับเพื่อนสนิท ก็เพราะผมเดาเอาไว้ว่าคงไปชลบุรีนั่นล่ะ โฮมหนอโฮม ไหนโวยวายนักหนาเรื่องโดนเขาลวนลามเนี่ย ไหงสุดท้ายถึงใจอ่อนแบบนั้นล่ะหื้ม ถ้าเป็นปอมผมไม่ขัดขวางแน่ๆ ถึงจะดูเจ้าชู้แต่ความจริงใจที่แสดงออกทางสายตานี่เต็มเปี่ยมมาก มีประกายวิบวับเชียวล่ะ

คีน : มาตอนนี้เลยปะ? เราจะได้เตรียมขนมไว้

เรื่องติวกับของกินเป็นของคู่กัน ไม่เข้าใจตรงไหนก็หยิบขนมเข้าปากแก้เครียดไว้ก่อน มันช่วยได้จริงๆ นะ

กิมมิค : เฮ้ย ไม่ต้องๆ เราเกรงใจ
คีน : เถอะน่า เดี๋ยวไม่มีขนมจะเหงาปาก
กิมมิค : โอเคๆ อีก 10 นาทีเจอกัน

ผมวางโทรศัพท์ลงก่อนใช้มือดันพื้นเพื่อพยุงตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แอบบิดขี้เกียจนิดหน่อยแล้วเดินเข้าครัวเพื่อเตรียมขนมอย่างที่พูดเอาไว้ มีคุกกี้สอดไส้ผลไม้ของพี่ปิ๊งเหลืออยู่จากวันก่อนที่เธออุตส่าห์มีน้ำใจหอบมาให้จากบ้าน น้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลแต่หวานบาดคอ มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบรสบาร์บีคิว แค่นี้คงพอแล้วล่ะ อืม ขอเพิ่มข้าวเกรียบกุ้งอีกห่อแล้วกัน ก็ผมมันคนกินจุนี่นา

เอาจริงๆ ผมเตรียมขนมเพื่อกินเองมากกว่าเพราะตอนนี้มันฝรั่งทอดกรอบพร่องไปเกือบครึ่งถุงไหนจะน้ำอัดลมที่แทบหมดแก้วนั่นอีก สาบานได้ว่านี่แค่นั่งรอกิมยังไม่ถึงห้านาทีเลย โอย ปากมันหยุดไม่ได้อะ ทำไงล่ะเนี่ย ดีหน่อยที่ระบบเผาผลาญร่างกายทำงานได้ยอดเยี่ยม ไม่อย่างนั้นคงอ้วนตุ๊ต๊ะเป็นหมูไปแล้ว

ผมชะงักมือที่กำลังจะหยิบคุกกี้ใส่ปากเพราะได้ยินเสียงออดดัง คงไม่มีใครนอกจากกิมมาขัดจังหวะการกินนี่หรอก ผมรีบลุกขึ้นแล้วตรงไปเปิดประตูห้องเพื่อต้อนรับผู้มาเยือน รอยยิ้มของเขาแปลกประหลาดกว่าทุกครั้ง มันฝืนๆ และไม่มีความสุขจนอดสงสัยไม่ได้ หรือว่าทะเลาะกับใครมา ใต้ตาคล้ำดูไม่จืดเลยเนี่ย เห็นแล้วนึกถึงเจ้าแพนด้าที่เชียงใหม่เลย อืม ปิดเทอมใหญ่ครั้งนี้แพลนขึ้นเหนือไปถ่ายรูปวิวภูเขาดีกว่า

“หวัดดี” คำทักทายดังมาจากริมฝีปากหยักที่แทบไม่ขยับพร้อมกับมือหนาที่โบกหยอยๆ ตรงหน้าของผม ทำไมรู้สึกเหมือนกิมจะมาอาศัยห้องนอนมากกว่าตั้งใจมาติวเนี่ย สภาพแบบนี้ไหวหรือเปล่าน่ะ

“ตื่นหรือยังเนี่ย?” ผมถามก่อนจะเบี่ยงตัวให้กิมเข้ามาในห้อง เขาพยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบแล้วเดินอุ้ยอ้ายผ่านไป เห็นท่าทางแล้วอยากเอาลูกอมเปรี้ยวๆ ให้กินจัง ตาจะได้สว่างขึ้นบ้าง

ผมจัดการปิดประตูแล้วเดินตามไปสมทบกับกิมที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงบนพรมหน้าทีวีพร้อมกับเหวี่ยงกระเป๋าเป้ออกจากไหล่ เขาหยิบชีทและหนังสือขึ้นมากองบนโต๊ะด้วยท่าทางนิ่งๆ ไม่เหมือนทุกครั้งที่ชอบถามนั่นนี่เสมอ

“วันนี้ดูแปลกๆ นะ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” ผมถามก่อนทิ้งตัวนั่งลงที่เดิมในขณะที่กิมชะงักการกระทำทุกอย่างเหมือนถูกกดปิดสวิตซ์ เขามีท่าทีอึกอักและไม่กล้าสบตาเลยกลายเป็นว่าต่างคนต่างหยิบขนมใส่ปากแก้สถานการณ์กระอักกระอ่วน

“ก็... เปล่าหรอก แค่อดนอนนิดหน่อย” หลังจากที่กิมกลืนคุกกี้หลงคอก็ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงแหบเล็กน้อย สงสัยจะอดนอนจริงๆ นั่นล่ะ

“ไม่หน่อยแล้วมั้ง ตาเป็นหมีแพนด้าขนาดนี้” ผมถือวิสาสะเอื้อมมือไปแตะใต้ตาคล้ำเบาๆ แต่เจ้าตัวสะดุ้งอย่างกับเจอของร้อน มากไปกว่านั้นคือหัวเข่าของกิมชนกับขอบโต๊ะดังปึกแต่เขาก็ยังฝืนคลี่ยิ้มได้ โอย ผมล่ะเจ็บแทนเลย

“เขาเรียกหล่อแบบมีสไตล์ไง” ยังมีอารมณ์มายักคิ้วใส่อีก ถ้าสภาพไม่เหมือนซอมบี้คงดูกวนตีนอยู่หรอกแต่ตอนนี้เหมือนเขาพยายามทำตัวร่าเริงกลบเกลื่อนเรื่องไม่สบายใจมากกว่า เอาเป็นว่าผมไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวมากขนาดนั้น สู้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายคงดีกว่า

“เพิ่งรู้ว่ากิมก็หลงตัวเองนะเนี่ย” ผมแซวด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะแล้วหยิบข้าวเกรียบกุ้งใส่ปากเคี้ยวหงุบหงับโดยสายตาโฟกัสอยู่ที่กิมซึ่งก็มองมาทางนี้เช่นเดียวกัน ไม่มีใครหลบเลี่ยงแถมยังเผลอโน้มใบหน้าเข้าหาในระยะที่ทำให้หัวใจสามารถเต้นผิดจังหวะได้ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่ผมชอบลอยมาปะทะจมูกจนรู้สึกถึงความขัดเขิน อ่า ไม่คุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้เลยให้ตายเถอะ

“งั้นเราหลงคีนแทนได้ปะ?” น้ำเสียงแผ่วเบาแต่ถ้อยคำช่างชัดเจนจนผมเป็นฝ่ายผละออกมาก่อน ส่วนอีกฝ่ายเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดพูดอะไรออกมาเลยไอกลบเกลื่อนความเขินเป็นการใหญ่จนทางนี้รู้สึกเจ็บคอแทน แล้วไอ้อาการหูแดงนั่นก็ดูน่ารักน้อยซะเมื่อไหร่ อยากแกล้งกิมเยอะๆ แต่ที่ผ่านมาผมโดนหาว่าอ่อยเขาตลอด ถ้าอย่างนั้นขอแก้ตัวตรงนี้เลยว่าไม่ได้ตั้งใจทำ ทว่าทั้งหมดนั่นคือนิสัยและตัวตนจริงๆ ของนายคนินท์ต่างหาก

“พูดจริง?” ผมยังมีกะจิตกะใจถามย้อนทั้งที่ตัวเองก็รู้ดีว่าคำตอบคงไม่พ้นการปฏิเสธ นี่อุตส่าห์บอกให้ชัดเจนกับคนที่กิมกำลังจีบแล้วนะ ทำไมยังเป็นไอ้กากสมฉายาบ๊วยจริงๆ เลย หรือเขาจะชอบคนอื่นวะ... เออ ช่างมันเถอะ

“ละ ล้อเล่นน่า” แหนะ ถ้าเปลี่ยนเป็นผมซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้วถูกแบบนี้คงรวยเป็นมหาเศรษฐีไปแล้วแน่นอน โธ่ ปฏิเสธด้วยรอยยิ้มซื่อๆ แบบนี้ใครจะกล้าเซ้าซี้ต่อเล่า ไม่แกล้งกิมแล้วก็ได้ เดี๋ยวคนอื่นหาว่าผมใจร้ายชอบอ่อยอีก

“อื้ม งั้นเริ่มติวเลยเนอะ” ผมเริ่มวิชาการดีกว่าก่อนที่อะไรๆ จะพาให้ขี้เกียจไปมากกว่านี้

ผมช่วยอธิบายเนื้อหาวิชาอังกฤษเพื่อการสื่อสารให้กับกิม เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างตามแบบฉบับคนอ่อนภาษา แต่ระหว่างนั้นเขาก็ง่วนอยู่กับการเหลือบมองโทรศัพท์เป็นครั้งคราวจนต้องตีแขนเรียกสติอยู่หลายหน จนล่าสุดอีกฝ่ายก็แสดงอารมณ์ขุ่นมัวออกมาโดยการถอนหายใจหนักๆ แล้วทิ้งปากกาในมือให้ตกลงบนพื้น ไม่มีทีท่าว่าจะเก็บมันด้วยซ้ำ นู่น กลิ้งเข้าใต้ชั้นวางทีวีแล้ว

“นี่...” ผมวางปากกาเน้นข้อความในมือลงแล้วเอื้อมหยิบขวดน้ำมาถือไว้ กะว่าจะให้กิมดื่มเพื่อดับความมาคุสักหน่อย แต่ขั้นแรกคงต้องถามไถ่เรื่องอารมณ์ซะก่อน เดี๋ยวถ้าผมผิดจังหวะอาจจะโดนต่อยก็ได้ ก็ยังไม่อยากฟันหักนี่นา

“ครับ?” ปากกิมตอบรับแต่สายตากลับจ้องหน้าจอโทรศัพท์เขม็ง แต่เพียงครู่เดียวก็เอื้อมมือไปกดลบแจ้งเตือนออกเหมือนไม่อยากเห็นมันโผล่ขึ้นมาอีก

“หงุดหงิดเหรอ?” ผมถามออกไปตามตรงโดยใช้น้ำเสียงที่ฟังอ่อนลงกว่าปกติเพื่อไม่เป็นการคุกคามความเป็นส่วนตัวมากเกินไป กิมมีอาการสะดุ้งเล็กน้อยพลางเหลือบมองกันด้วยสายตาอ่อนเพลีย ดูท่าทางคงไม่อยากตอบสักเท่าไหร่ซึ่งผมก็เคารพการตัดสินใจนั้น แต่ในขณะที่กำลังจะส่งขวดน้ำให้เสียงทุ้มก็แทรกขึ้น

“ก็... อืม นิดหน่อย รำคาญคน” เขายกมือขึ้นขยี้หัวแสดงอาการหงุดหงิดอย่างชัดเจนก่อนจะหยุดมันด้วยการซบหน้าลงกับท่อนแขนแกร่งที่วางพาดไปตามความยาวของโต๊ะ เสียงหายใจเข้าออกหนักๆ บ่งบอกให้รู้ว่าอารมณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก แต่ผมก็ไม่กล้าปล่อยกิมทิ้งไว้คนเดียว กลัวว่าความเงียบจะกัดกร่อนความรู้สึกให้แย่ลงมากกว่าเก่า เอ้า ยอมรับแบบผู้ชายแมนๆ เลยว่าเป็นห่วง ไม่ชินสภาพตอนนี้เลยด้วยซ้ำ เอาคนร่าเริงคนนั้นกลับมาเถอะ

“ดื่มน้ำก่อนไหม? จะได้ใจเย็นลง” ผมส่งขวดน้ำในมือให้ก่อนคลี่ยิ้มบางเพราะหวังว่าจะทำให้บรรยากาศมาคุบรรเทา กิมพยักหน้าแล้วปิดเปลือกตาลงเหมือนต้องการผ่อนคลายความคิดของตัวเอง

“ขอบคุณครับ” กิมลืมตาขึ้นก่อนจะคว้าขวดน้ำไปดื่มอึกใหญ่จนเลอะมุมปากไหลลงมาถึงลำคอแกร่ง อยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าเขาเซ็กซี่ซะอย่างนั้นเลยต้องกลบเกลื่อนโดยการลุกไปหยิบทิชชู่ซึ่งแค่เอื้อมแขนเอาก็คงถึง อืม เพิ่งเข้าใจว่าอาการทำอะไรไม่ถูกมันเงอะงะแบบนี้นี่เอง

“คีน... เราขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ” ได้ยินเสียงเนื้อผ้าเสียดสีกันดังอยู่ทางด้านหลังซึ่งพอจะเดาได้ว่ากิมคงลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมไปเข้าห้องน้ำแล้ว ผมที่มือหนึ่งจับกล่องทิชชู่อีกมือกำลังเอื้อมหยิบรีโมททีวีกลับต้องชะงักแล้วหันไปพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงอนุญาต ในตอนนี้เองที่ผมเพิ่งสังเกตว่าเสื้อยืดของอีกฝ่ายเป็นลายการ์ตูนน่ารักเชียว ดูไปดูมาขัดกับหน้าตาเคร่งขรึมชะมัด

“อื้อ ตามสบายเลย” ผมเอ่ยคำอนุญาตเสริมเพราะยังเห็นว่ากิมไม่ยอมขยับตัวเพราะเอาแต่จ้องกันเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ผละไปทางห้องน้ำจนได้

ผมกลับมานั่งประจำที่ก่อนจะหยิบปึกชีทวิชาภาษาอังกฤษขึ้นมาอ่านต่อจากเมื่อครู่ แต่ยังไม่ทันได้จับปากกาเน้นข้อความสายตาก็เหลือบไปเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของกิมสว่างวาบพร้อมกับเสียงสั่นดังครืดๆ หลายครั้งจนเครื่องหมิ่นเหม่แทบร่วงลงพื้น เดือดร้อนผมต้องรีบคว้ามันไว้ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยเพราะดันเห็นข้อความไลน์จากคนๆ หนึ่งพอดี

ไอ้ห่าพี่เซียน : น้องกิมพอจะมีเวลาออกไปเดทกับพี่ไหม?

ถ้าเดาไม่ผิด ‘ไอ้ห่าพี่เซียน’ นี่คงหนีไม่พ้นรุ่นพี่ที่เคยจีบผมมาเกือบสองปีซึ่งเขาเป็นน้องชายของคู่หมั้นพี่สาว จะหนีก็หนีไม่ได้เมื่อสุดท้ายแล้วสักวันเราก็ต้องดองเป็นญาติกันอยู่ดี นั่นคืออีกหนึ่งเหตุผลที่พี่เซียนไม่ใช่คนที่ผมอยากให้อยู่ข้างๆ เลย มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกว่ะ เอาเป็นว่านานคนินท์ไม่ชอบความสัมพันแบบนี้

สมมติว่าผมกับพี่เซียนคบกันแล้วเกิดการทะเลาะเบาะแว้งขึ้น คนที่เดือดร้อนไม่แพ้พวกเราคือพี่สาวและว่าที่พี่เขยนั้นล่ะ มันจะมีคำพูดประมาณว่า ‘นี่น้องของฉันนะ’ หรือ ‘นั่นก็น้องของผมเหมือนกัน’ คงมีปากเสียงเพิ่มขึ้นอีกคู่แน่นอน แค่คิดก็เพลียแล้วเนี่ย ไม่ไหวจริงๆ

อีกอย่างคือธรรมชาติของผมไม่ชอบคนขี้ตื๊อ เอาใจมากไปก็น่ารำคาญ คอยตาม คอยซักถามเรื่องจุกจิก ทำตัวติดอย่างกับตังเม รุกหนักจนรับมือไม่ไหวทำนองนั้น แต่กับกิมตรงกันข้ามทุกอย่างกับพี่เซียนผมเลยรู้สึกชิวและไม่อึดอัดเวลาโดน ‘เนียนจีบ’ น่ะนะ

ครืด

อะ พี่เซียนส่งข้อความมาอีกแล้ว แต่ก็ต้องนับถือความที่เขาเป็นคนตรงไปตรงมา จีบก็ยอมรับว่าจีบไม่มีอ้อมค้อมเหมือนกับกิมที่ทำท่าทางกล้าๆ กลัวๆ อืม แต่นั้นอาจจะเป็นเสน่ห์ของเขาล่ะมั้ง

ไอ้ห่าพี่เซียน : ถ้าไม่มี งั้นพี่ซื้อมื้อเที่ยงไปกินกับเราก็ได้ครับ

ผมแทบจะหลุดหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อคิดถึงสีหน้าของกิมเมื่อได้อ่านข้อความพวกนี้ มันช่างเป็นการมัดมือชกที่ทำให้หัวเสียจริงๆ ก็พี่เซียนเล่นถามว่าว่างไหมยังไม่ถึงนาทีแต่กลับส่งไลน์มาอีกว่าจะซื้อข้าวเที่ยงมากินด้วยกัน โหย คนโดนจีบสามารถปฏิเสธอะไรได้บ้างไหมเนี่ย แต่ตอนนี้ผมควรเลิกไร้มารยาทสักที วางโทรศัพท์ลงแล้วกลับไปอ่านชีทต่อดีกว่า

ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา หางตาของผมเห็นกิมทิ้งตัวนั่งลงก่อนจะยืดแข้งยืดขายาวเหยียด ถ้าเจ้าตัวไม่เกรงใจว่าเรากำชังอ่านกนังสือสอบคงนอนกลิ้งกับพื้นไปแล้วแน่ๆ แล้วจะสนใจอะไรเขานักหนาเนี่ย จดจ่อสมาธิกับชีทในมือสิไอ้คีน!

“แม่ง!” เสียงสบถรอดไรฟันของกิมทำให้ผมชะงักมือที่กำลังจะเปิดชีทหน้าถัดไป ในจังหวะที่ลองเงยหน้าขึ้นมองสถานการณ์ก็พบว่าโทรศัพท์ของเขาได้ปลิวขึ้นไปอยู่บนโซฟาด้านหลังเรียบร้อยแล้ว สีหน้าก็ไม่สู้ดีนักเหมือนโกรธใครมาแรมปี โธ่ พี่เซียนน่ะดีพร้อมทุกด้านแต่เสียอย่างเดียวตรงวิธีจีบและเอาใจใส่นี่ล่ะ มากเกินไปจนน่าอึดอัด

“โยนโทรศัพท์แบบนั้นไม่กลัวมันพังเหรอ?” ผมวางชีทในมือลงแล้วมองหน้ากิมสลับกับโทรศัพท์ที่นอนแผ่อยู่บนหมอนอิง เขาถอนหายใจเฮือกพลางส่ายหน้าเหมือนไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี นี่หนักใจเรื่องพี่เซียนขนาดนั้นเชียวเหรอ

“โทษที เราไม่มีอารมณ์ติวต่อแล้วล่ะ” กิมฟุบหน้าลงกับโต๊ะพลางร้องบอกกันเสียงอู้อี้ มือหนายกขึ้นขยี้หัวจนยุ่งเหยิงเหมือนรังนกบวกกับอาการฮึดฮัดแสดงออกถึงความหงุดหงิดได้ชัดเจน ผมจะช่วยอะไรเขาได้บ้างไหมล่ะนี่ ไอ้ประสบการณ์โดนพี่เซียนจีบมันก็ไม่ได้น่าจดจำสักเท่าไหร่ ที่เอาตัวรอดมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะทำเป็นไม่สนไม่แคร์เอาความมองโลกในแง่ดีเข้าสู้ทั้งนั้น

“งั้นกิมพักเถอะ เราก็เบื่อตัวหนังสือยั้วเยี้ยนี่เหมือนกัน” ผมเอนหลังพิงโซฟาก่อนระบายยิ้มหวานให้บุคคลที่ยังทำหน้ามึนเหมือนสมองไม่ยอมทำงาน นานนับนาทีกว่ากิมจะพยักหน้าตอบรับแล้วลงมือเก็บหนังสือกับชีทลงกระเป๋า




ต่อด้านล่างน้า

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
“อ่า งั้นเรากลับ...” เขาใช้มือข้างหนึ่งพยุงตัวลุกขึ้นพร้อมกับพูดประโยคที่ทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปจับแขนแกร่งเอาไว้ ที่บอกให้ไปพักไม่ได้หมายความว่าให้กลับห้องสักหน่อย ถ้ากิมอยู่คนเดียวมีหวังทำลายข้าวของเสียหายแน่ๆ ดูจากการโยนโทรศัพท์โดยไม่แคร์ก็พอจะเดาได้แล้ว

“มานอนตรงนี้ดิ” ผมตบมือลงบนโซฟาด้านหลังพลางขยับตัวไปอีกทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้อีกคน

“คือ...” กิมมีท่าทางอึกอัก สายตาเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจผมเลยถือวิสาสะจับมือของเขาดึงให้นั่งลงบนโซฟาเหนือร่างตัวเองก่อนจะขยับลุกขึ้นเต็มความสูงเพื่อไปหยิบหมอนอิงลายการ์ตูนที่พี่ปิ๊งทิ้งไว้ เพราะมีของมุ้งมิ้งในห้องเยอะก็เลยชอบโดนโฮมแซวเสมอว่าแอบพาสาวเข้าห้อง โธ่ ถ้ามีแบบนั้นก็ดีน่ะสิ แต่เอาจริงผมก็ไม่ชอบความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนเหมือนผู้ชายทั่วๆ ไปหรอก เพราะถ้าผิดพลาดขึ้นมามันจะกลายเป็นห่วงผูกคอทันที ตัวคนเดียวน่ะดีแล้ว สะดวกสบายถึงจะเหงาอยู่บ้างก็เถอะ

“เลิกเกรงใจได้แล้วน่า เดี๋ยวเราทำมื้อเที่ยงให้กิน” ผมโยนหมอนอิงในมือให้กิมแล้วใช้มือข้างหนึ่งดีดหน้าผากเขาดังป๊อก ก็ทำตัวขี้เกรงใจมากไปจนน่ามันเขี้ยวไง ดอดมาจีบกันแท้ๆ แต่กลับเขินอายมันใช้ได้ที่ไหนเล่า เพราะอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ล่ะมั้งบรรยากาศระหว่างเราเลยไม่อึดอัดอะไร

“ลำบากคีนอีกแล้วว่ะ” เสียงบ่นงุ้งงิ้งมาพร้อมกับการกระพริบตาปริบๆ เพื่อมองกันทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา ทำไมกิมถึงให้ความรู้สึกเหมือนเจ้าหมาตัวโตกำลังอ้อนเจ้านายอยู่กันนะ อ่า ฟุ้งซ่านจังแฮะ ผมกลบเกลื่อนความคิดแปลกๆ ด้วยสายหน้าก่อนหมุนตัวไปอีกทางเพราะถ้าขืนยังมองเขาอาจจะยั้งใจไม่อยู่จนต้องเอื้อมมือไปลูบหัวทุยนั่นด้วยความเอ็นดูแน่ๆ

“ไว้กิมเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นเราคืนสักมื้อดีปะ?” ผมถามเสียงกลั้วหัวเราะไม่ได้หวังว่าจะได้คำตอบรับกลับมาหรอก แค่ทำอาหารกลางวันให้เพื่อนแค่คนเดียวมันจะไปลำบากอะไร อีกอย่างคือกิมไม่ได้เรื่องมากเลยด้วยซ้ำ ทำอะไรมาตั้งก็สามารถกินได้หมดไม่เหมือนเจ้าตัวจิ๋ว รายนั้นเลือกเยอะเลยไม่โตสักทีไง


“เราให้แบบบุฟเฟ่ต์เลย” น้ำเสียงกิมดูร่าเริงขึ้นกว่าเดิมจึงทำให้ผมเอี้ยวคอไปมองก็พบว่าเขากำลังยิ้มจนตาหยี เออ คนหน้าโหดๆ เวลาอยู่ในโหมดนี้ก็ดูดีไม่เบา ถ้าไม่เกรงใจอารมณ์ขุ่นมัวคงขอให้เขาเป็นแบบถ่ายภาพ Portait ไปแล้วล่ะ

“ป๋าจังอะ” ก็มันอดแซวไม่ได้จริงๆ พอหรี่ตามองไอ้คนที่นอนจ้องกันอยู่เมื่อครู่ก็เหวี่ยงหมอนอิงที่กอดอยู่ขึ้นปิดหน้าแล้วพึมพำอะไรอยู่คนเดียว

“แค่กับคีนคนเดียวเหอะ”

เราได้ยินเนะกิม!

ผมหนีเข้าครัวด้วยความรู้สึกวูบวาบที่หัวใจ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนคงต้องศึกษาความเปลี่ยนแปลงนี่แล้วล่ะว่าเกิดมาจากอะไร หรือตกหลุมชอบกิมเข้าซะแล้ว แต่อาจจะแค่หวั่นไหวไปกับความน่ารักนั่นก็ได้ เอาเป็นว่าตอนนี้ขอรื้อตู้เย็นก่อนแล้วกันว่ามีของสดพอทำเมนูอะไรกินได้บ้าง อื้อหือ พอเปิดประตูปุ๊บไอ้กลิ่นน้ำพริกกะปิเจ้าเก่าก็ยังไม่หายสนิท ผมคว้าแก้วใส่กากกาแฟออกมาเททิ้งแล้วใส่ของใหม่เข้าไปอีกรอบ หวังว่าครั้งนี้มันจะดีขึ้นกว่าเดิมนะ

หลังจากที่ใช้เวลารื้อหาวัตถุดิบทำอาหารไปเกือบสิบนาทีก็ได้ผลสรุปว่าจะทำต้มข่าน้ำใสใส่ปีกไก่กลางกับเห็ดฟาง แต่ยังไม่ทันได้ลงมอืทำอะไรโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อกันเปื้อนก็สั่นครืดหลายครั้งจนต้องล้วงมันออกมาดู ใครส่งไลน์มารัวขนาดนี้เนี่ย มีอยู่ไม่กี่คนที่ผมยังคงเปิดแจ้งเตือนไว้ กรุ๊ปครอบครัว กรุ๊ปสาขา อาจารย์ที่ปรึกษา โฮม พี่เซียน กิม และเพื่อนในคลาสอีกสองสามคนเท่านั้น

แต่หลังจากที่ผมกดปลดล็อกหน้าจอก็เหมือนฟ้ากำลังจะถล่มลงมา อยู่ๆ ก็โดนประกาศทำสงครามซะอย่างนั้นทั้งๆ ที่ก้ไม่เคยไปทำอะไรให้ใครที่ไหน เฮ้อ

พี่เซียน : เพราะคีนใช่ไหมครับที่ทำให้กิมปฏิเสธกินมื้อเที่ยงกับพี่?
พี่เซียน : ไม่ยอมแพ้หรอกนะครับ

ผมอ่านข้อความเหล่านั้นแล้วได้แต่ส่ายหน้าเพลียๆ พลางหลุดหัวเราะออกมาเหมือนเป็นเรื่องตลกแห่งปี ถ้าพูดกันตามความจริงเราสองคนไม่ใช่คู่แข่งกันหรือเปล่า อยู่กันคนละทางคนละตำแหน่งเลยนะ ผมลงมือพิมพ์ตอบพี่เซียนไปว่า ‘ผมไม่ใช่คู่แข่งของพี่หรอกครับ’ แต่ยังไม่ทันกดส่งก็ตัดสินใจลบแล้วกลั่นกรองประโยคใหม่ลงไปเมื่อคิดทบทวนอีกรอบ

คีน : ผมก็ไม่ยอมแพ้พี่เซียนเหมือนกันครับ

อย่าหาว่าผมเป็นคนเลวเลยนะ แต่จะปล่อยคนที่ทำให้เราสบายใจหลุดมือไปก็คงไม่ดีอย่างแน่นอน

พี่เซียน : แล้วพี่จะคอยดูว่าสุดท้ายคีนจะปฏิเสธกิมด้วยประโยคไหนแล้วกันนะครับ ^^

ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนมองโลกในแง่ดีและไม่เคยเก็บอะไรมาคิดให้รกสมอง แต่ตอนนี้มือกลับสั่นระริกและรู้สึกโมโหพี่เซียนขึ้นมาดื้อๆ ทำไมเขาถึงได้ดูถูกกันขนาดนี้ ผมเคยปฏิเสธเขาก็ไม่ได้แปลว่ากิมจะเจอเหตุการณ์แบบนั้นเหมือนกันสักหน่อย มันต่างออกไปจากเดิม...

คีน : มันคงไม่มีวันนั้นครับ

ผมวางโทรศัพท์ทิ้งไว้บนเค้าน์เตอร์ครัวโดยไม่สนใจมันอีกแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารเที่ยงอย่างสุดฝีมือ เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มก็ได้ยินเสียงอืออาดังมาจากห้องนั่งเล่น กิมคงตื่นแล้วและกำลังตรงมาทางนี้อย่างแน่นอน ส่วนผมก็ทำการตักต้มข่าไก่ใส่ถ้วยโรยหน้าด้วยผักชีที่ตัวเองเกลียดนักหนาแต่อีกคนกลับชอบกิน ข้าวสวยร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมไปทั้งบริเวณครัว อ่า ชักหิวแล้วสิ

“เดี๋ยวเราช่วยยกไปตั้งที่โต๊ะนะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นข้างๆ ทำให้ผมสะดุ้งนิดหน่อยเพราะไม่คิดว่ากิมจะเข้ามาประชิดกันขนาดสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดกกหู

“อื้ม เดี๋ยวเราหยิบน้ำเย็นไปให้”

“ครับ” กิมตอบรับก่อนจะทำหน้าที่ตัวเอง ส่วนผมแอบลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่โดนทักเรื่องที่เผลอสะดุ้งเมื่อครู่ หัวใจเต้นแรงมากอะ บ้าไปแล้วแน่ๆ นายคนินท์

ระหว่างที่เราทั้งคู่จัดการมื้อเที่ยงนั้นไม่มีใครเอ่ยปากชวนคุยจะมีก็แค่เสียงช้อนกระทบกับจานกระเบื้องดังเป็นระยะ ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศกระอักกระอ่วนที่เริ่มโรยตัวลงมา ทำไมถึงได้กลับมาเป็นแบบนี้อีกล่ะเนี่ย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมก็สามารถทำให้อีกฝ่ายยิ้มได้แล้ว หรือระหว่างนั้นพี่เซียนส่งข้อความอะไรไปหาเขาอีกล่ะ

“คีน” สุดท้ายกิมก็เป็นฝ่ายที่เอ่ยปากและเงยหน้าขึ้นมามองกันก่อน

“หืม?” ผมชะงักมือที่กำลังจะส่งเห็ดฟางเข้าปาก

“เปล่า กินต่อเถอะ” กิมโบกมือปัดป่ายแล้วก้มลงกินข้าวของตัวเองต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในขณะที่ผมตัดสินใจวางช้อนลงในจาน จะไม่ปล่อยให้บรรยากาศอึมครึมแบบนี้อีกแล้ว แค่เสียงฟ้าร้องครืนๆ ด้านนอกก็หดหู่จะตาย

“กิม…”

“ครับ?”

“พี่เซียนจีบกิมเหรอ?” ผมถามเสียงเรียบพลางจ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตาต่างจากกิมที่ทำช้อนร่วงกระทบจานข้าวดังแก๊ง มือหนาสั่นระริกยามเอื้อมมือไปคว้าแก้วน้ำมากระดกลงคอ

“คะ คีนรู้ได้ยังไง?” กิมถามโดยไม่มองหน้าผมเลยสักนิด โธ่ ไอ้กระดูกไก่นั่นมันน่าสนใจมากกว่าเราตรงไหนเนี่ย

“ก็เขาบอกเราแบบนั้น”

“อ่า… ตามนั้น” กิมถอนหายใจเฮือกก่อนจะยอมวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะแล้วใช้หลังมือปาดคราบเลอะตรงมุมปากออก ผมคิดว่าเรื่องนี้คงรบกวนใจเขาอยู่ไม่น้อย ถึงขนาดอดหลับอดนอนเลยนะนั่น เฮ้อ

“กิมไม่ลองทำอะไรชัดเจนแบบพี่เซียนบ้างเหรอ?” ผมก็แค่ไม่อยากให้เขากังวลเรื่องพี่เซียนจนทำให้ตัวเองไม่มีความสุขในเรื่องที่กำลังพยายามทำอยู่

“เรา…” อีกครั้งที่กิมเหลือบมองผมแค่แวบเดียวก่อนคว้าแก้วน้ำขึ้นกระดกอีกครั้ง เอ่อ... คือมันไม่มีอะไรจะให้ดื่มแล้วไง

“ความชัดเจนเป็นสิ่งที่ดีนะ เราเชื่อว่าผลลัพธ์มันจะไม่แย่” ผมเอื้อมมือไปแตะแขนอีกฝ่ายเป็นการให้กำลังใจแถมด้วยรอยยิ้มหวานๆ ที่สามารถทำให้ดวงตาคมเงยมองกันได้ อ่า... รู้สึกวิงเวียนศีรษะแปลกๆ แฮะ

“อืม… ถ้าเราชอบคีนล่ะ จะว่ายังไง?” เป็นคำถามที่ทำให้ผมรู้สึกดีและหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน โธ่ จะบอกชอบกันทำไมอ้อมค้อมได้ขนาดนี้เนี่ย

“เราไม่อยากตอบคำถามแต่อยากฟังประโยคบอกเล่ามากกว่า”

“เราชอบคีน” ถึงมันจะแผ่วเบาเหมือนเสียงกระซิบแต่มันก็ชัดเจนพอที่จะทำให้ผมหัวใจกระตุกเชียวล่ะ

“ก็แค่นั้น” ผมพึมพำก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อซ่อนแก้มร้อนๆ เอาไว้ ก็ว่าจะไม่เขินแล้วเชียว แต่นานๆ ครั้งโดนบอกชอบเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองมันก็... ตื่นเต้นแปลกๆ (ปกติจะโดนบอกชอบที่มหา’ลัย ซึ่งมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะ ไม่มีความเป็นส่วนตัวเหมือนตอนนี้)

“หมายความว่าไง?” คราวนี้กิมจ้องผมเขม็งแถมยังขมวดคิ้วยุ่งอีกด้วย เฮ้ยๆ อย่าใช้สายตาดุดันแบบนั้นสิ ทางนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะใจกล้าหน้าด้านสักหน่อย กลัวเป็นเหมือนกันเหอะ

“กว่าจะพูดออกมาได้เราลุ้นจะตายอยู่แล้ว รู้หรอกว่าเนียนจีบกันอยู่น่ะ” ผมบ่นงุ้งงิ้งพลางเอื้อมมือไปดีดหน้าผากอีกฝ่ายเป็นการลงโทษที่ทำท่าทางอึกอักได้อยู่นานสองนาน

“เฮ้ย...” อะ ทำหน้าตกใจอย่างกับเจอผีแล้วนั่น อย่าเพิ่งช็อกสิกิม โธ่เอ๊ย จะจีบเรารอดไหมเนี่ย

“ไม่ต้องตกใจหรอกน่า แต่เราอยากจะบอกอะไรกิมไว้อย่างนึง”

“วะ ว่า?”

“เราจีบยากนะ” ผมยักคิ้วกวนปิดท้ายประโยคและนั่นทำให้กิมรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังทันที อ่า อยู่ๆ ผมก็รู้สึกเขินสายตามุ่งมั่นเหลือเกิน

“เราก็ไม่คิดจะยอมแพ้อยู่แล้ว”

ถ้ากิมยอมแพ้เมื่อไหร่เราจะกระทืบให้ม้ามแตกเลยคอยดู!




---------------------------------------


หลังจากนี้ก็มาดูสกิลรุกจีบของกิมแบบเต็มที่กันเนอะ 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด