รูปถ่ายใบที่ 6
ผมค้นพบว่าห้างสรรพสินค้าในวันหยุดเหมือนนรกบนดิน ที่จอดรถหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร ร้านอาหารคนรอคิวยิ่งกว่าได้ไฮทัชกับดารา ส่วนจำนวนผู้คนไม่ต้องพูดถึงเพราะเดินสวนกันยังต้องสไลด์ข้างเอา จะแออัดอะไรมากมาย แต่ข้อดีมันอยู่ตรงที่คีนขยับเข้ามาใกล้กันจนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ นี่ล่ะ โอย ฟินยันปีหน้าเลย ถ้าแอบดมนิดหน่อยได้ไหมวะ แม่ง โรคจิตเกินไปแล้วจ้า พอๆ เลิกฟุ้งซ่าน
กว่าจะฝ่าฝูงชนออกมาสูดอากาศหายใจอยู่หน้าร้านบุฟเฟ่ต์ชื่อดังได้ก็แทบตาย ไอ้ปอมถึงกับบ่นเป็นหมีกินผึ้งเพราะโดนจับตูดในช่วงชุลมุน ผมกับคีนกลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด สงสารแต่ก็ขำมากกว่า คนบ้าอะไรซวยได้ซวยดี เมื่อคืนระหว่างที่มันไปเข้าห้องน้ำในร้านเหล้าก็ถูกกะเทยร่างยักษ์ลวนลามด้วยสายตา ถ้าผมไปช้าอีกนิดคงมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ
“ตกลงจะกินบุฟเฟ่ต์ชาบูกันใช่ปะ?” คีนเอ่ยถามแล้วพยักพเยิดหน้าไปทางป้ายร้านขนาดใหญ่ ผมพยักหน้ารับพร้อมๆ กับไอ้ปอมเพราะตอนนี้หิวจนแทบเขมือบช้างได้ทั้งตัว กินอย่างอื่นคงล้มละลายแน่ นี่มันบ่ายสามแล้ว แดกทีเดียวควบเช้าเที่ยงเย็นเลยนับว่าดี... ดีก็เหี้ยแล้ว โรคกระเพาะจะมาเยือนเอา
“งั้นกิมกับปอมเข้าไปในร้านก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเรารอโฮมเอง” คีนคลี่ยิ้มก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมากดต่อสายหาใครคนหนึ่งซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นโฮมที่ยังไม่เห็นวี่แวว ผมไม่ได้รับคำเพราะอยากอยู่กับเขามากกว่าอยู่กับไอ้ปอมที่เอาแต่เล่นเกม นี่มึงมาเที่ยวช่วยให้เกียรติเพื่อนร่วมทางบ้างเหอะ คุยกับพวกกูหน่อยก็ได้ ป้อมไม่หายไปไหนหรอกจ้า เดี๋ยวตบหัวแม่ง ชักหมั่นไส้ตงิดๆ แล้ว
“เฮ้ย เดี๋ยวรอเป็นเพื่อน ค่อยเข้าไปพร้อมกัน” ผมโบกมือปฏิเสธแล้วพูดสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ก่อนขยับหลีกทางให้คนกลุ่มหนึ่งได้เข้าไปภายในร้าน คีนตวัดสายตามองกันด้วยความแปลกใจพลางย่นคิ้วทำหน้าเครียดใส่ จริงจังอะไรเบอร์นั้น แค่อยากรอเป็นเพื่อนเฉยๆ ไม่ได้รอเป็นแฟนสักหน่อย (มุกไม่ฮาพาปวดอึ)
“กิมยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงนี่ เดี๋ยวเป็นลมพอดี”
ที่พูดออกมาแบบนั้นคีนได้คิดบ้างปะวะว่าทำให้ผมแทบกลั้นยิ้มไม่อยู่ มันเหมือนเขาใส่ใจและเป็นห่วงกันอะไรทำนองนั้นเลย โอย ขอทดสอบอีกสักนิดเพราะกลัวมโนไปเองแล้วหน้าจะแตกละเอียด
“เราแข็งแรงน่า รอได้สบายมาก” ผมคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะตีแปะๆ ลงบนหน้าท้องแน่นเพื่อโชว์ว่ายังไหวทั้งที่ตอนนี้ปวดมวนท้องไปหมด หิวจนจะเลิกหิวแล้วเว้ย ไอ้สัดปอมก็เอาแต่ส่งเสียงฮึดฮัดขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกับเกมอยู่ได้ เดี๋ยวกูถีบลงสระบัวเลยแม่ง มึงควรออกตัวขอรอโฮมแทนหรือเปล่าวะ กูกับคีนจะได้เข้าร้านไปสวีทกันสักที ไม่รู้งานเลยไอ้หมา! อ้อ ลืมไป มันไม่ได้พิศวาสเขานี่เนอะ หึ
“อย่าดื้อดิ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ” คือคีนทำเสียงดุแถมทำหน้ายุ่งเหยิงใส่กันพลางชี้มาที่หน้าท้องของผม ท่าทางน่ารักนั่นตราตรึงอยู่ในสมอง โอย อยากกระชากแขนเข้ามาฟัดซะให้เข็ด ดาเมจเกินไปแล้ว ผมนี่กัดปากกลั้นยิ้มแทบตายทั้งยังโดนไอ้ปอมส่งสายตามองแรงอยู่ข้างๆ เดี๋ยวจิ้มตาบอดเลยนี่ สนใจอะไรกูตอนนี้ล่ะ เล่นเกมของมึงไปสิวะ
“แต่เรา...” เขาบอกว่าดื้อเราก็ต้องดื้อให้สุดสิวะ ใครจะกล้าปล่อยให้คีนยืนอยู่ตรงนี้คนเดียวในเมื่อสายตาสาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมานั้นน่ากลัวเหลือเกิน หยุดมองไม่พอยังซุบซิบกันอีก ห้ามจีบนะเว้ย ห้ามเด็ดขาด กูจองแล้ว!
“โอย พวกคุณสองคนเลิกจีบกันเถอะครับ ผมหิวไส้จะขาดแล้วเนี่ย” ไอ้ปอมทำท่าโวยวายยกใหญ่ทั้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ผมแทบจะพุ่งเข้าไปบีบคอมันให้ตายๆ ไปซะ เมื่อครู่ยังตีป้อมอยู่ไม่ใช่หรือไงตอนนี้ทำมาขัดจังหวะ เดี๋ยวกูเอาคืนแน่ไม่ต้องห่วงนะเพื่อนรัก หึหึ แต่ขอด่ามันหน่อยเหอะ พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไงเนี่ย ถ้าคีนไม่ชอบจะทำยังไงเล่า
“ไอ้เชี่ยปอม” ผมกัดฟันกรอดด่ามันก่อนจะลอบหยิกเอวสอบจากทางด้านหลังไม่ให้คีนเห็น ถ้าถีบได้ถีบไปแล้ว มึงจะทำให้ไก่ตื่นไม่รู้หรือยังไง กูอุตส่าห์ตะล่อมแทบตายเห็นใจกันบ้างไอ้เพื่อนเวร
“จีบที่ไหนกันเล่า รีบเข้าร้านไปเลยไป เดี๋ยวโต๊ะเต็ม” เป็นคีนที่ตอบกลับด้วยใบหน้ามู่ทู่แต่ไม่ได้ฉายแววโกรธขึงแถมยังใช้มือทั้งสองข้างดันไหล่พวกผมให้เข้าไปในร้านก่อนจะผละออกไปยักคิ้วกวนๆ เอาเป็นว่าเขาไม่เอะใจเรื่องที่ไอ้ปอมพูดและยังวางตัวปกติ เฮ้อ ค่อยเป็นค่อยไปนะไอ้กิม คนที่เขาไม่อยากมีแฟนคงออกตัวแรงๆ เพื่อจีบไม่ได้
ผมนั่งแหมะลงที่โต๊ะขนาดสี่คนซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าไปนั่งบาร์ คราวนี้ไอ้ปอมรู้งานเพราะมันย้ายก้นไปฝั่งตรงข้าม แต่มึงคิดเหรอว่าคีนจะนั่งข้างกูทั้งที่เขาคิดว่ากูชอบโฮมอะ แม่ง มันคือความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ อธิบายไปแล้วก็เหมือนเดิม ร้องไห้ได้ไหมล่ะครับ
พวกเราเลือกน้ำซุปชาบูแบบต้มยำและธรรมดา ดีหน่อยที่หม้อใครหม้อมัน อยากกินอะไรก็ตามใจเลย ผมไม่ปลื้มขึ้นฉ่ายสักเท่าไหร่เพราะกลิ่นฉุนๆ แต่ชอบผักชีมากกว่า ส่วนไอ้ปอมไม่กินเนื้อวัวเพราะบ้านมันนับถือเจ้าแม่กวนอิม พอรวมหัวแดกสุกี้ด้วยกันทีไรแทบตีกันตายประจำ คนนั้นจะเอาแบบนี้คนนี้จะเอาแบบนั้น
“แหม... หน้าบานเชียวนะป๋ากิม” ไอ้ปอมส่งเสียงกระแนะกระแหนมาให้ในขณะที่นั่งเท้าคางมองหน้ากันด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ผมเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจแล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง นี่กูยิ้มตอนไหนไม่เห็นรู้ตัว มึงหิวจนตาลายหรือเปล่า อืม... จะว่าไปกลิ่นน้ำซุปโต๊ะข้างๆ หอมจังเลย น้ำลายก็มา หิว!
“อะไร? กูเปล่าเหอะ” ผมปฏิเสธเสียงแข็งเพราะมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อไปตักอาหาร พวกซูชิ เฟรนฟราย ปลาไข่ทอด เกี๊ยวซ่านี่ของโปรดเลย กินให้ร้านล้มละลายแม่ง
เดินไปหยิบจานปุ๊บหางตาก็เห็นไอ้ปอมยืนอยู่ข้างๆ แทบจะแดกหูกันอยู่ร่อมร่อถ้าผมไม่ขยับออกมาคีบซูชิใส่จาน มันตามติดชนิดที่ว่าลมหายใจรดต้นคอจนต้องหันไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีปัญหาอะไรนักหนา
“ไปส่องกระจกไหมล่ะมึง ปากจะฉีกถึงหูแล้ว” ยังไม่จบอีกเหรอมึงน่ะ เดี๋ยวเอาตะเกียบแทงคอหอยซะจะได้เลิกพูดมาก ผมถลึงตาใส่มันก่อนจะผละหนีไปตักเฟรนฟรายแต่ไม่วายไอ้เหาฉลามก็ตามมาอีกจนได้ คราวนี้ไอ้ปอมถึงกับใช้มือข้างหนึ่งเกาะแขนกันเอาไว้ ตกลงว่าอยากบวกใช่ไหมห๊ะ
“ยุ่งน่า” ผมสะบัดแขนไม่แรงมากนักเพราะกลัวของกินที่อุตส่าห์ตักมาหล่นกระจาย ไอ้ปอมส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจแต่ก็ยังไม่ออมผละออก เหลือบตามองอย่างรังเกียจก็แล้ว แยกเขี้ยวใส่ก็แล้วทำไมถึงได้หน้าด้านหน้าทนขนาดนี้วะ โอย กูหนีไปรอโฮมเป็นเพื่อนคีนยังดีกว่าอีก รำคาญแม่ง!
“กูว่าคีนเป็นตัวอันตรายว่ะ” อะไรของมึงอีกเนี่ย คีนก็คนธรรมดาปะวะ นิสัยดีกว่ากูซะอีก อันตรายตรงไหนไม่ทราบ
“ยังไง?” ผมหันไปมองหน้ามันเหมือนสนใจฟังแต่ที่จริงแล้วแค่ตัดความวุ่นวายเพราะไม่อย่างนั้นไอ้ปอมก็พช่ามไม่หยุดสักที เสียเวลากินรู้ไหมเนี่ย หยิบซูชิใส่ปากเคี้ยวแม่ง... อืม ฟินไข่หวานจังเลย
“อันตรายต่อหัวใจมึงไง” ต่อท้ายด้วยเสียงหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจแต่ผมกลับสำลักอาหารเพราะตกใจ
“แค่กๆ พอ!” ไอ้สัด ซูชิติดคอ!
เออ แต่ยอมรับว่าคีนเป็นตัวอันตรายสำหรับผมจริงๆ นั่นล่ะ คนอะไรก็ไม่รู้ทำให้ใจสั่นอยากประกบริมฝีปากด้วยตลอดเวลา ฮึ่ย แค่คิดก็เขินแล้ว
ผมเหลือบมองนาฬิกาสลับกับคีนที่ยังยืนรออยู่ตรงหน้าร้าน มือก็คีบเบคอนชิ้นหนาเข้าปากเคี้ยวหงุบหงับพลางจินตนาการว่าเราสองคนกำลังนั่งอยู่ด้วยกัน แต่ความเป็นจริงคือไอ้ปอมที่กำลังเทะไก่ทอดอย่างเพลิดเพลินไม่สนสายตาชาวบ้าน โอ้โห มุมปากงี้มันเยิ้มลามไปถึงข้างแก้ม ซกมกเกิน!
“เบาๆ หน่อยมึง โสโครกฉิบหาย” ผมด่าคนตรงหน้าก่อนจะหยิบทิชูชู่ปาใส่เพราะมันไม่รับฟังกันสักคำแถมให้ฟันฉีกไก่โชว์จนเศษเนื้อกระเด็นลงหม้อ เชี่ยนี่ ถ้าคีนกับโฮมมาเห็นเข้าจะยอมนั่งร่วมโต๊ะกันหรือเปล่าวะ ขนาดผมเป็นเพื่อนสนิทยังรับไม่ค่อยได้เลย
“ส่งให้ดีๆ สิวะ เดี๋ยวมันลงหม้อ!” มันค้อนประหลับประเหลือกใส่กันทั้งที่ยังมีไก่อยู่เต็มปาก ทิชชู่แผ่นเมื่อครู่ถูกขยำเช็ดคราบมันตรงแก้มลวกๆ สภาพไอ้ปอมตอนนี้ดูไม่จืดเลย ภาพลักษณ์รองเดือนหายเข้ากลีบเมฆจริงๆ
“มึงก็ช่วยกินให้มันดีๆ หน่อย เลอะเทอะฉิบหาย”
“ก็มันอร่อย” มันเถียงก่อนกระชากเนื้อไก่ออกจากกระดูกอีกครั้ง คราวนี้ชิ้นส่วนปลิวลงในแก้วน้ำเลยจ้า ดีหน่อยที่เป็นของไอ้ปอมไม่ใช่ผม ซกมกสุดๆ
“เออ เชิญมึงเต็มที่เลยครับ กูไม่ยุ่งแล้ว”
ผมปล่อยมันไปตามยถากรรมแล้วสนใจหม้อซุปของตัวเองที่ตอนนี้มีแค่เต้าหู้ปลาไส้เห็ดหอมลอยตุ้บป่องอยู่เหนือน้ำ ไม่อยากใส่เนื้อเพิ่มลงไปเพราะว่าอยากรอคีนให้มากินพร้อมๆ กัน ก็แบบอารมณ์เดทเราสามสี่คนอะไรงี้ แม่ง แต่พอเห็นหน้าไอ้ปอมก็ฝันสลาย เฮ้อ
ในจังหวะที่ผมกางตะเกียบจะคีบเต้าหู้ปลานั้นพลันจมูกก็ได้กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยจนต้องเงยหน้ามองว่าเขาเป็นใคร ภาพตรงหน้าทำให้มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้มกว้างเมื่อข้างกายคีนคือโฮม ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึงสักทีเว้ย เบื่อหน้าไอ้ปอมจะแย่แล้วเนี่ย
“หวัดดีๆ ~” โฮมคลี่ยิ้มกว้างโบกมือทักทายเราสองคนด้วยความร่าเริง ผมเห็นไอ้ปอมถึงกับรีบละทิ้งทุกอย่างหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นซับความโสโครกรวมถึงจัดเสื้อผ้าให้ดูดี ก็อีกฝ่ายเขาเล่นแต่งตัวอย่างกับคุณหนู กางเกงขาสั้นสีดำบวกกับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน รองเท้าผ้าใบสีขาวล้วน โอ้โห ตัวเล็กน่ารักน่าฟัดฉิบหาย นู่นๆ ไหนจะเหล็กดัดฟันสีชมพูอีก ไอ้ผู้ชายโต๊ะมุมน้ำลายย้อยแล้วนั่น
“เอ้อ หวัดดีๆ นั่งเลย” ผมตอบรับแล้วเชิญชวนให้ทั้งสองคนเลือกที่นั่งตามสบายทั้งที่ในใจภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยลูกช้างด้วยเถิด ส่วนด้านไอ้ปอมไม่ทำอะไรนอกจากมองโฮมไม่วางตา มองแบบจะแดกเขาเข้าไปทั้งตัวอย่างนั้นล่ะ โห มึงช่วยเก็บอาการหน่อย หื่นสัด!
“คีนไปนั่งนู่นดิ” โฮมเป็นฝ่ายหย่อนก้นลงข้างไอ้ปอมก่อนจะชี้นิ้วสั่งให้คีนมานั่งข้างผม ย้ำ ข้างผม! สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ช่วยแต่กามเทพตัวน้อยช่วยว่ะ ฮึ่ย ไหนๆ มาให้พี่กิมหอมแก้มทีสิน้องโฮม
แต่เจ้าตัวกลับขมวดคิ้วแสดงอาการไม่เข้าใจซะอย่างนั้น แถมยังยืนนิ่งไม่ยอมนั่งลงสักที โธ่ อย่าใจร้ายกับกิมมิคขนาดนั้นสิคุณคนินท์ เดี๋ยวฉุดแขนให้ล้มลงบนตักเลยนี่ มันเขี้ยวมานานแล้ว
“อ้าว โฮมไม่อยากนั่งกับกิมเหรอ?” คำถามซื่อๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากสีส้มอ่อน ผมกลืนน้ำลายข้นเหนียวลงคอดังเอื๊อกเพราะเริ่มคิดอกุศล ถ้าได้ดูดเม้มไล่เลียจะรู้สึกดีขนาดไหนวะ โอย บ้าๆ ฟุ้งซ่านแล้วแม่ง ตอนนี้ต้องโฟกัสเรื่องที่นั่งก่อนเว้ย สติ!
“ทำไมเราต้องอยากนั่งกับกิมด้วยอะ แค่เป็นคู่จิ้นในมหา’ลัยก็พอแล้วน่า” โอย รักโฮมอะ โคตรตอบได้ตรงกับความคิดของผมเลยไง ไม่ใช่รังเกียจที่จะอยู่ใกล้กันแต่ไม่ต้องเอาความเป็นคู่จิ้นมาใช้เมื่ออยู่ภายนอกมหา’ลัยก็ได้ เดี๋ยวใครคิดว่าเป็นแฟนกันจริงๆ ก็หมดโอกาสจีบคนที่ตัวเองชอบน่ะสิ
“ก็เผื่ออยากเป็นตัวจริงด้วยไง” คีนยังแซวไม่เลิกแถมยังหันมายักคิ้วกวนอารมณ์ให้ผมรู้สึกปั่นป่วนในท้อง
“โน ~ เรายกกิมให้คีนเลย” โฮมปฏิเสธเสียงสูงแถมยังยกมือขึ้นไขว้กันเป็นรูปกากบาทอย่างจริงจัง ผมหลุดหัวเราะกับท่าทางของเขาในขณะที่ไอ้ปอมลอบยิ้มพอใจ หึ อย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะมึง เต็มสองตากูเลยเนี่ย
คีนที่โดนยกตัวผมให้ถึงกับเบิกตาโตใส่เพื่อนก่อนจะหันมามองกันด้วยสายตาขำขัน เขาคงเห็นเป็นเรื่องตลกที่อยู่ๆ เพื่อนก็ยกผู้ชายตัวโตให้เป็นสมบัติ ผมรู้สึกนอยด์ๆ แต่ก็ฝืนยิ้มตอบกลับไป โธ่ ต้องพยายามอีกเยอะเลยสินะกว่าเขาจะรู้ตัวเนี่ย ฮึบ สู้โว้ย!
“โห ถามเจ้าตัวก่อนเหอะว่าอยากเป็นของเราหรือเปล่า จริงไหมกิม?” อะ เจอแบบนี้ให้ผมตอบกลับว่ายังไง สะตั้นไปสามวิฯ แก้มร้อนไปสิบวิฯ หัวใจเต้นแรงไม่มีลิมิต โอย ปากอยากบอกว่าเต็มใจเป็นของคีนสุดๆ แต่สมองมันสั่งว่าต้องใจเย็น ห้ามทำให้กระต่ายตื่นตูมเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นความเป็นเพื่อนก็คงไม่เหลือ
“คีนซะอย่าง ใครๆ ก็อยากเป็นทั้งนั้นล่ะเนอะ” ผมตอบกลับพลางคลี่ยิ้มให้ คีนเหมือนจะอึ้งไปแต่สุดท้ายก็หัวเราะออกมาเหมือนได้ฟังเรื่องตลก
หลังจากนั้นพวกเราก็ลงมือฟาดชาบูพลางพูดคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ จนเกือบหมดเวลาถึงได้ลุกขึ้นไปจ่ายเงินที่หน้าเค้าน์เตอร์ มื้อนี้ได้รับรู้ว่าคีนเป็นคนกินดุมาก มากแบบที่ผมยังอึ้งคือมันเกือบเอาปริมาณของทั้งสามคนรวมกันเท่ากับเขากินคนเดียวได้เลย ในอนาคตผมคงต้องรับงานหลายอย่างแน่ๆ เพราะเงินจากแหล่งเดียวคงไม่พอเลี้ยงแฟน อุ๊ย โทษที เผลอมโนแรงไปหน่อย
จุดมุ่งหมายต่อไปคือร้านขายกล้องถ่ายรูปเพราะคีนอยากดูเลนส์ตัวใหม่ จริงๆ เราสามารถแยกกันเดินตามใจตัวเองได้แต่ผมเสนอหน้าเองล่ะ ก็คงมันอยากใกล้ชิดนี่หว่า ส่วนโฮมกับไอ้ปอมแยกไปโซนเสื้อผ้าซึ่งเป็นโอกาสดีของผม ฮึ่ย มันก็ฉิบหายหน่อยๆ ตรงที่ทำตัวไม่ถูก มือไม้เกะกะจนต้องยัดใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้
“ไปกับเราจะเบื่อปะเนี่ยกิม?” คีนที่เดินนำหน้าเหลียวหลังมาถามกันด้วยใบหน้าเป็นกังวลดูท่าทางคงเกรงใจแต่ผมกลับรีบส่ายหน้าปฏิเสธแถมคลี่ยิ้มหล่อๆ ให้หนึ่งครั้ง มันจะไปเบื่อได้ยังไงในเมื่อชอบขนาดนี้ หูย เมื่อไหร่จะกล้าบอกเขาตรงๆ วะเนี่ย ฮึ่ย
“เฮ้ย ไม่เบื่อหรอก เราก็อยากไปเดินดูกล้องเหมือนกัน” จ้า จะบอกว่าตอนนี้กล้องเกลิ้งอะไม่ได้อยู่ในหัวเลย มีแต่คีน คีน และคีนเท่านั้น ฮึ่ย อนลี่คีนครับ
“อ๋อ โอเค ถ้าเบื่อก็บอกเรานะ” แหนะ หันมายิ้มหวานให้กันคืออ่อยหรือเปล่าวะ แล้วก็ทิ้งให้ผมยืนบิดเหมือนคนปวดฉี่อยู่หน้าร้านเนี่ยนะ โอย ทำไมต้องเขินกับคำพูดธรรมดาๆ ของเขาด้วยวะ อาการหนักมากมั้งกู ฮือ
ไอ้เชี่ย คนบ้าอะไรโคตรใส่ใจเพื่อนร่วมทาง บ้าเอ๊ย น่ารักฉิบหาย โคตรพ่อโคตรแม่น่าฟัด เอ๊ะ... ชักจะเยอะ แกล้งเดินไปดูกล้องในสมกับคำโกหกหน่อยแล้วกันเดี๋ยวเขาจับไต๋ได้จะแย่เอา หึหึ
ผมปล่อยคีนให้เลือกเลนส์กล้องอย่างเต็มที่ส่วนตัวเองผละมาเดินทอดน่องอยู่ไม่ไกลเพื่อ... แอบถ่ายรูป ไม่ได้โรคจิตนะเว้ยแต่มันก็ต้องมีมุมนี้บ้างปะวะ เก็บภาพคนที่ชอบในโทรศัพท์มือถือเนี่ยเป็นอะไรที่โคตรคลาสสิคมีทุกยุคทุกสมัย ขนาดพ่อกับแม่ยังเคยทำ (เก็บรูปถ่ายไว้ในกระเป๋าตังค์ไง)
คีนดูมีความสุขเมื่อได้พูดคุยเรื่องกล้องถ่ายรูปกับพนักงานในร้านยิ้มบ้างหัวเราะบ้างตามประสาคนอารมณ์ดี ผมแอบถ่ายรูปได้หลายชอตจนหนำใจก็เดินกลับไปสมทบ แต่สายตาไอ้คนขายนี่มันยังไงวะ จะแดกลูกค้าลงท้องหรือไง เดี๋ยวพ่อต่อยคว่ำ ของกูครับ อย่ายุ่งสิ
“มีเลนส์ที่ถูกใจไหม?” ผมถามคีนที่ยังดูเลนส์ตัวหนึ่งด้วยดวงตาพราวระยับ เหลือบเห็นราคาก็แทบเป็นลมล้มพับ ไอ้สัด ค่าตัวเหยียบแสน โอ้โห นี่ต้องขายรถซื้อกันเลยปะวะ
“ตัวนี้ เจ๋งมาก” คีนชี้ไปที่เลนส์ตัวนั้นแล้วหันมาคลี่ยิ้มกว้างให้กัน ท่าทางคงชอบมากจริงๆ เพราะมองไม่วางตา แต่ไอ้ความใกล้ที่ปลายจมูกแทบชนกันเพื่องเสี้ยวนาทีนี่มันทำให้ผมสติสตังกระจัดกระจายไปหมดแล้ว หัวใจเต้นแรงเหมือนจะวายแล้วตายลงตรงนี้ ไอ้เหี้ย ถ้าขยับอีกนิดก็จูบเลยนะเว้ย!
“จะ จะซื้อเลยไหม?” โอย ไอ้บ้า ติดอ่างทำไมล่ะกูเนี่ย เสือกรู้สึกร้อนๆ ที่แก้มด้วย เพราะกลัวคีนเห็นเลยยกมือขึ้นลูบ เรียกว่าถูเลยจะดีกว่ามั้ง แสบฉิบหายเลยเนี่ย
คีนผละตัวออกห่างจากชั้นโชว์เลนส์กล้องก่อนจะบุ้ยปากแล้วส่ายหน้าเพื่อเป็นการปฏิเสธ ซึ่งผมก็เข้าใจว่าของราคาขนาดนี้คงตัดสินใจซื้อปุบปับไม่ได้ ต้องปรึกษาพ่อแม่พี่น้องให้ครบก่อน อารมณ์เป็นเด็กของเงินเขาใช้ก็แบบนี้ล่ะ จะรวยหรือจนก็ต้องได้รับการอนุมัติซะก่อน
“ยังหรอก ราคาเกือบแสนต้องเก็บเงินกันหน่อย” คำตอบของคีนแปลกไปจากที่ผมคิด คล้ายกับว่าเขาทำงานเก็บเงินซื้อมันและมีอิสระในการตัดสินใจด้วยตัวเอง ก็อาจจะเป็นแบบนั้นเพราะแต่ละบ้านสอนการใช้ชีวิตแตกต่างกัน มันคงไม่มีใครเป็นลูกแหง่เหมือนผมว่ะ ช่วยทำงานได้เงินเดือนเหมือนเด็กจบใหม่แต่ไม่สามารถซื้ออะไรตามใจได้ โธ่
“อ้อ งั้นจะดูอะไรเพิ่มไหม?” ผมถามก่อนจะเหลือบมองพนักงานขายที่ยังคงส่งสายตาแปลกๆ มาให้คีนทุกครั้งที่มีโอกาส แยกเขี้ยวใส่แม่ง
“หืม เบื่อแล้วเหรอ?” คีนถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียนจนผมที่ข่มขู่ไอ้พนักงานถึงกับสะดุ้งเฮือกแล้วหันกลับมาทำหน้าเอ๋อ นี่หลุดปากบอกว่าเบื่อไปตอนไหนวะ
“เฮ้ย เปล่าๆ แค่... ปวดฉี่น่ะ” โกหกรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วเนี่ย จมูกจะยื่นเป็นพิน็อกคิโอ้แล้วกู ขอโทษนะคีน แต่ผมไม่อยากให้ใครมองคุณไปมากกว่านี้ ก็มัน... หวง
“อ๋อ งั้นไปกันเหอะ” คีนพยักหน้ารับแล้วเดินนำออกจากร้านด้วยท่าทางสบายๆ ผมลอบหายหายใจอย่างโล่งอกเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี เอาวะ สู้ต่อไปไอ้กิม ฮึบ แต่ว่าทางไอ้ปอมจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย แอบลวนลามโฮมหรือเปล่าก็ไม่รู้
หลังจากทำธุระปลดทุกข์กันเรียบร้อยแล้วผมก็เดินเรื่อยเปื่อยจนเกือบถึงจุดหมายคือร้านขายของจุกจิกจำพวกกระเป๋า ตุ๊กตา พวงกุญแจ แก้วน้ำ เคสมือถือ โคมไฟ บลาๆ ทั้งของผู้ชายและผู้หญิง ช่วงที่มาคนเดียวใช้เวลาอยู่ที่นี่เป็นชั่วโมงเพราะเลือกไม่ได้สักทีว่าอยากได้ชิ้นไหน
“คีน” ผมเอ่ยเรียกคนที่กำลังสนใจโซนเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่อยู่ตรงข้ามกับร้าน เขาชะงักแล้วหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามก่อนจะลดโทรศัพท์ในมือลง คงถ่ายรูปชุดพวกนั้นส่งให้พี่สาวกับแม่ดูละมั้งเห็นติดป้ายว่าคอลเล็คชั่นใหม่
“ครับ?”
โอย ตอบรับซะเพราะ จับจูบได้ไหมล่ะ!
“เราจะแวะร้านนั้น คีนไปเดินเล่นที่อื่นก่อนก็ได้” ผมชี้นิ้วไปที่ป้ายร้าน ที่พูดไปแบบนั้นก็เพราะกลัวคีนจะเบื่อแต่ดูเหมือนเจ้าตัวไม่ชอบใจเท่าไหร่ ใบหน้าหล่อๆ มู่ทู่สิ้นดี
“ไล่เราเหรอ?” นั่นไง ปากพาซวยแล้วกู
“เฮ้ย เปล่าๆ ก็เผื่อไม่ชอบไง” ผมละล่ำละลักพูดอีกทั้งยังโบกมือปฏิเสธรัวๆ เนื่องจากทำให้อีกคนเข้าใจผิดอีกแล้ว นี่แอบสงสัยว่าตัวเองเป็นคนสอบตกการสื่อสารหรือเปล่าวะ กี่เรื่องแล้วที่ทำให้คีนคิดไปไกลนอกโลกขนาดนี้ แม่ง คงต้องถามความคิดเห็นจากไอ้ปอมกับไอ้ว่านซะแล้ว
“เราไปกับกิมนั่นล่ะ เดี๋ยวหลงกันพอดี” แล้วเขาก็ดันหลังให้ผมเดินเข้าร้านที่ต้องการก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ สรุปว่าเมื่อครู่นี้แกล้งดราม่าใส่กันใช่ไหมเนี่ย โธ่เอ๊ย เผลอแสดงอาการเปิ่นๆ ต่อหน้าคีนแล้วไหมล่ะ อายเว้ย
ผมไม่รอช้าที่จะตรงไปสู่มุมโปรดซึ่งมีโมเดลตัวต่อหลายรูปแบบวางโชว์อยู่บนชั้นกระจก ถัดลงมามีราวแขวนสินค้าหลากหลายรูปแบบให้เลือกสรรและมากกว่าครึ่งในนั้นผมซื้อไปเรียบร้อยแล้ว
“มาซื้ออะไรเหรอ?” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามดังอยู่ไม่ไกลจากใบหูนักเพราะคีนก้มตัวลงมาอยู่ระดับเดียวกันกับผมที่กำลังเลือกของที่ต้องการอยู่ มือหนาชะงักกึกก่อนจะชี้ไปที่โมเดลตัวต่อตรงหน้า
“Nano Block อืม... มันคือตัวต่อเลโก้จิ๋วใช่ปะ?” คีนขยับเข้าไปอ่านป้ายชื่อสินค้าก่อนจะหยิบซองชิ้นส่วนตัวต่อขึ้นมาพลิกดูแถมเขย่าก๊อกแก๊กอีกด้วย ท่าทางเหมือนเด็กตัวน้อยๆ เวลาเจอของเล่นที่ไม่รู้จัก ผมก็เผลอมองหน้าเขาซะเพลินพอรู้ตัวเลยกระแอมเบาๆ แล้วเอื้อมมือหยิบกล่องตัวต่ออีกแบบยื่นให้
“ประมาณนั้น แล้วก็มี 3D Crystal Puzzle ด้วย” ตัวต่อในกล่องนี้จะเป็นพลาสติกเนื้อใสเหมือนชื่อของมันคือคริสตัล มีหลากหลายสีตามแบบโมเดลที่เขาผลิตตั้งแต่ผลไม้ สัตว์ รถ ดวงจันทร์ บลาๆ และแตกต่างกับ Nano Block ตรงที่มันมีรูปร่างกลมกลึงไม่เป็นเหลี่ยมๆ ขัดตาตอนประกอบร่างเสร็จสมบูรณ์ เอาเป็นว่าสวยคนละแบบตามความชอบส่วนบุคคล
“โห ดูเหมือนมันจะต่อยากเลยว่ะ กิมชอบเหรอ?” อีกครั้งที่คีนรับกล่องตัวต่อไปแล้วเขย่ามัน สายตาที่เขามองสิ่งของในมือเต็มไปด้วยความอยากรู้เจือสงสัย ดูท่าทางสนใจแต่ก็ไม่กล้าแตะต้องประมาณนั้น ผมลอบยิ้มก่อนจะยืดตัวขึ้นมองโมเดลหลากหลายรูปแบบบนชั้นกระจกอย่างภูมิใจ
“อืม เราโคตรชอบ มันช่วยฝึกสมาธิได้ดี ช่วงเริ่มหัดต่อจะยากหน่อยเพราะชิ้นเล็กหยิบยาก ข้อต่อยึดไม่ค่อยแน่น แตะนิดแตะหน่อยก็สำออยหลุด แต่ทำไปเรื่อยๆ จะรู้สึกสนุกดี” ผมสาธยายเหตุผลที่ชอบให้คีนฟังพร้อมกับทำมือวัดขนาดตัวต่อด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
ยอมรับว่าช่วงแรกๆ ที่ไอ้ว่านชวนเล่นของพวกนี้ถึงกับหัวเสียวันละหลายรอบเนื่องจากขนาดมันเล็กมากจะหยิบจับแต่ละทีก็ลำบาก พอจังหวะที่ต้องสอดเข้าช่องเล็กกีบเท้ายักษ์ๆ ของผมก็ไปดันส่วนอื่นให้พังทลายลง ต้องใช้สมาธิและความพยายามสูงจริงๆ แต่พอทำไปทำมาสุดท้ายกลับกลายเป็นติดงอมแงม
ส่วนไอ้ปอมนี่ไม่เคยแตะต้องตัวต่อพวกนี้เลยด้วยซ้ำ พอเห็นปุ๊บมันก็ส่ายหัวปฏิเสธปั๊บเหมือนเจอของน่าขยะแขยง ไม่มีการพยายามหยิบจับอะไรทั้งสิ้น เออ ก็เข้าใจว่าไม่ชอบเรื่องจุกจิกแบบนี้ อย่างมันตีป้อมคงรุ่งที่สุดแล้ว
“เดี๋ยวเราลองซื้อไปต่อดูบ้างดีกว่า รู้สึกช่วงนี้สมาธิสั้นยังไงไม่รู้”
“เอาสิ แล้วจะสนุกอย่างที่เราบอก” เชียร์สุดใจเพราะอยากให้เขาสนุกไปกับสิ่งที่ผมชอบ บางทีเราอาจจะยกเรื่องนี้มาเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์คล้ายๆ กับที่พี่เซียนใช้ความรู้ด้าน Exotic Pet จีบคีนไง
“งั้นกิมช่วยเราเลือกหน่อยว่าจะเริ่มต่อจากตัวไหนดี ขอเป็นแบบ Nano Block แล้วกัน ท่าทางจะง่ายกว่า” ดวงตารีคมกวาดมองซองตัวต่อพลางใช้มือหยิบอันนั้นอันนี้ขึ้นมาเปรียบเทียบกันเหมือนกับผมในช่วงแรกๆ ที่จะเลือกเจ้า Nano Block ให้เป็นงานอดิเรก
“เราว่าความยากง่ายของแต่ละโมเดลต่างกัน เลือกเอาตามที่คีนชอบเหอะ” ผมแนะนำตามที่คิดเพราะความยากง่ายนั้นแฝงอยู่ในทุกโมเดล แต่ดูเหมือนคีนจะไม่ฟังเพราะเขาเริ่มบุ้ยปากใส่กันแล้ว โธ่ เด็กน้อยของพี่กิม มาๆ ขอจุ๊บเหม่งหน่อยเร็ว ไม่งอนนะครับ ฮึ่ย
“โธ่ เลือกให้เราหน่อยน่า ถ้าต่อได้ค่อยมาซื้อตัวที่ชอบอีกครั้ง” หันมาทำเสียงกระเง้ากระงอกใส่พลางส่งสายตาออดอ้อนให้แบบนี้ผมก็เข่าอ่อนสิครับ นี่ถึงขนาดตั้งใช้มือยันชั้นกระจกไว้เพื่อพยุงตัวเลย ดาเมจบ่อยๆ ไม่ดีต่อหัวใจรู้ไหมคีน สักวันผมจะไม่จีบเขาแต่ข้ามขั้นไปจับปล้ำแทนไง โอย สงบไว้พ่อลูกชาย ดีดโด่ตอนนี้บ่ได้เด้อ
สุดท้ายผมก็ยอมแพ้คีนแล้วลงมือหยิบซอง Nano Block ออกมาเลือกที่ละอัน เจอโมเดลโปเกม่อนก็แยกเอาไว้เพราะตั้งใจมาเปย์จนเกือบหมดชั้นก็เจอเข้ากับเจ้าหมาสีขาวหูยาวที่หน้าตาเหมือนตุ๊กตาในรถทุกประการ ตัวนี้ล่ะเหมาะมาก โคตรน่ารักด้วย
“ตัวนี้ไหม?” ผมยื่นสิ่งที่อยู่ในมือไปให้ คีนชะงักเล็กน้อยแล้วรับมันไว้พลิกซ้ายพลิกขวาดูแบบเดิมก่อนที่คิ้วสวยจะขมวดเข้าหากันแน่นเหมือนไม่เข้าใจเหตุผลที่เลือกโมเดลตัวนั้นให้ ซึ่งดูยังไงก็มีความมุ้งมิ้งไม่เหมาะกับผู้ชายสักนิด
“ทำไมเลือกเจ้านี่ล่ะ?”
“เราว่ามันคล้ายๆ คีนดี” น่ารักเหมือนคีนไง โอย อยากฟัดอะ แม่ง
“หืม คล้ายตรงไหนวะ?” คีนเอียงคอมองพิจารณาตัวต่อในมืออีกครั้งด้วยใบหน้าสงสัยแบบเดิม คือทำไมแค่นี้ก็ยังน่ารักวะคนเรา สรุปคือทำอะไรก็น่ารักไปหมดงี้อะเหรอ โอย สิ้นเปลืองจังวะ แต่ผมก็ชอบนะ
“.....” ผมเลือกที่จะเงียบแล้วเฉไฉไปเลือกส่วนของตัวเองต่อ ขอไม่บอกเหตุผลเพราะมันคงดูปัญญาอ่อนชอบกลที่จะบอกว่าคีนผิวขาว แก้มดูนุ่มๆ มีเลือดฝาดคล้ายกับเจ้าชินนามอลโรลหูยาวตัวนี้
“เออ มันตัวเดียวกับตุ๊กตาในรถกิมปะ? หน้าตาคุ้นๆ”
เอ๊ะ เหมือนกูพลาดอะไรสักอย่างหรือเปล่าวะ ค่อยๆ หันไปมองหน้าคีนก็พบว่าเขาจ้องอยู่ก่อนแล้ว ไอ้ฉิบหาย แน่แล้ว SOS เรียกกะปอมด่วน!
“อะ อืม ใช่” ผมหลบตาคีนทำเป็นยุ่งอยู่กับซองตัวต่อในอ้อมแขน แต่หูก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะขบขันดังมาจากอีกคน หัวใจเต้นแรงมากแถมร่างกายร้อนวูบไปทั้งตัว แม่งเอ๊ย ความลับกูแตกปะเนี่ย
“อ้อ งั้นเราเอาตัวนี้ล่ะ ถ้าพรุ่งนี้ว่างก็ช่วยสอนเราต่อมันที่ห้องหน่อยแล้วกัน” แล้วคีนก็ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ผมที่ได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบๆ แล้วปล่อยของในมือร่วงลงบนพื้นทั้งหมด ความลับแตกไม่แตกช่างแม่งก่อน เพราะเมื่อครู่นี้ผมโดนอ่อยใช่ไหมวะ ชวนเข้าห้องเลยนะเว้ย ฮึ่ย ยิ้มห่าอะไรเนี่ยตัวกู สำรวมด่วน! เดี๋ยวคนอื่นหาว่าบ้า
แต่ก็เป็นคนบ้าที่รักคีนนะครับ (อนุญาตให้อ้วกได้มากเท่าที่ต้องการเลยจ้า)
ต่อด้านล่างน้า