สายลมกระซิบรัก ตอนพิเศษ 3 ขอบคุณนะ (23-08-2562 หน้า 14)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สายลมกระซิบรัก ตอนพิเศษ 3 ขอบคุณนะ (23-08-2562 หน้า 14)  (อ่าน 78871 ครั้ง)

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนที่ 15 หวาน 25 (ครึ่งแรก)


ภายในเต็นท์โดมแบบนอนได้สองคน นคินทรดิ้นขลุกขลักก่อนจะลืมตาขึ้นเมื่อความหนาของผ้านวมที่เตรียมมาไม่อาจป้องกันความหนาวเย็นได้อีกต่อไป เขาพบว่าพายุพัดยังคงอยู่ในท่าเดิมคือนอนตะแคงหนุนแขนตัวเองหันหน้ามาทางนี้ และเมื่อคืนต่างคนก็ต่างอยู่ในท่านี้ก่อนที่ผล็อยหลับไปในดวงตาของกันและกัน ชายหนุ่มจ้องมองคนตรงหน้า นึกทบทวนว่าเขาเข้ามาอยู่ในสายตาของตนตั้งแต่เมื่อไร เพราะกว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ไม่สามารถลบภาพของอีกฝ่ายได้เสียแล้ว คงเป็นจริงอย่างที่พายุพัดว่า


“ถ้าในสายตาของนายมีใครสักคนอยู่ตลอดเวลา นายจะรู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร กำลังรู้สึกแบบไหน”



เพราะในหัวของนคินทรตอนนี้ก็มีแต่เรื่องเกี่ยวกับพายุพัดอยู่เต็มไปหมด ทั้งเรื่องที่อีกฝ่ายชอบโกโก้ปั่นหวานน้อย ชอบให้เจ้าซ่าหริ่มหรือเจ้าตะโก้ขึ้นมานอนบนตัว ชอบทุ่มเทกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งอาจเป็นเพราะเคยอยู่ในจุดที่ต้องแบกรับความคาดหวังของผู้คนจำนวนมากมาก่อน และที่สำคัญ...ชอบแสดงความประหม่าเวลาที่อยู่ต่อหน้ากัน นึกย้อนไปถึงตอนที่หนุ่มนักกีฬาผู้นี้รวบรวมความกล้ามาสารภาพความในใจทีไรก็อดยิ้มไม่ได้สักที เพราะนับตั้งแต่พายุพัดบอกว่าจะจีบ นคินทรก็มักได้เห็นบางแง่บางมุมภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยที่อีกฝ่ายไม่เคยแสดงออกกับใคร...


ครูหนุ่มปิดสมุดการบ้านของนักเรียน วางปากกาแล้วเก็บตราประทับรูปสัตว์ลงในกล่องก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นขึ้นมากดรับสาย เมื่อแนบหูฟังยังไม่ทันพูดอะไรก็ได้ยินเสียงกีตาร์โปร่งบรรเลงเพลงที่ไม่ได้ยินนานแล้ว นคินทรลุกขึ้นจากโต๊ะเขียนหนังสือเดินผ่านกรอบประตูไปหยุดยังระเบียงอย่างที่เคยทำทุกคืน ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเสียงน้ำในลำธาร เสียงลมพัดต้นไม้ไหวเอนเสียดสีกัน และเสียงแมลงกลางคืนคือเพลงเพราะที่ธรรมชาติขับกล่อมให้นอนฝันดี แต่วันนี้กลับไพเราะสู้สุ้มเสียงของใครบางคนไม่ได้เลยสักนิด เจ้าของร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ากว้าง ที่ขอบฟ้าด้านทิศตะวันตกปรากฏดาวหนึ่งดวงส่องแสงทอประกาย ไม่รู้ว่าจะใช่ดาวดวงเดียวกันกับที่คนปลายสายใช้อธิษฐานตามเนื้อหาตามของบทเพลงที่เขากำลังขับร้องอยู่หรือไม่
เจ้าซ่าหริ่มที่เดินตามมาพันแข้งพันขาทำให้นคินทรต้องนั่งขัดสมาธิลงกับพื้น เอนหลังพิงกับลูกกรงระเบียง พลันแม่แมวตัวอ้วนก็กระโดดขึ้นมาย่ำอยู่บนตัก เมื่อเขาเกาคางให้ มันก็นอนกวัดแกว่งหางอย่างสบายอารมณ์


“ม่อน ฟังอยู่หรือเปล่า” พายุพัดเอ่ยขึ้นเมื่อโน้ตตัวสุดท้ายลอยละล่องไปกับสายลมหนาว ได้ยินอีกฝั่งตอบ “อือ” ในลำคอ


“ถ้าตอนนั้นเราไม่ย้ายโรงเรียน วันที่นายกับเพื่อน ๆ ไปดอยเสมอดาวกัน เราก็คงได้ฟังเพลงนี้สินะ” นคินทรถามพลางใช้ปลายนิ้วเกี่ยวหางเจ้าซ่าหริ่มไปพลาง


“ถ้าม่อนไม่ย้ายโรงเรียน บางทีพวกเราอาจจะไม่ได้ไปดอยเสมอดาว และเราก็อาจจะไม่ได้เล่นเพลงนี้ก็ได้ เพราะถ้าม่อนยังอยู่ เราอาจจะไม่ได้ไปเรียนในกรุงเทพฯ”


“ทำไมล่ะ”


“บางทีความเป็นเด็กก็ทำให้ตัดสินใจทำอะไรง่ายไปหมด ไม่ทันได้นึกถึงผลในระยะยาว ไม่กลัวในสิ่งที่ผู้ใหญ่กลัว”


“นี่เราเกือบเป็นสาเหตุให้ทีมชาติไทยไม่มีนักว่ายน้ำชื่อพายุพัดเหรอเนี่ย” นคินทรหัวเราะ


“ม่อน...เราจริงจัง” นักกีฬาหนุ่มกล่าวเสียงขรึม 


“ล้อเล่นหรอกน่า”


“แต่เราจริงจัง...เราจริงจังกับม่อนนะ”


คำพูดของพายุพัดทำคนฟังชะงัก จู่ ๆ ความรู้สึกเห่อร้อนก็แผ่ซ่านจากลำคอลามไปทั้งสองแก้ม ชายหนุ่มเลื่อนมือขึ้นเกาต้นคอพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ พอจะนึกสีหน้าคนพูดออก   


“ฟังเราอยู่หรือเปล่า”


“ฟ...ฟังอยู่” นคินทรกลืนน้ำลายก่อนจะตัดสินใจถาม “นายคิดแบบนั้น...ทั้งที่เราไม่...”


“ไม่ได้มีเราอยู่ในสายตาเลยใช่ไหม”


ไร้คำตอบจากริมฝีปากบาง ถึงประโยคนั้นจะฟังรุนแรงไปสักหน่อย แต่ความหมายก็ไม่ต่างจากที่นคินทรคิด


“เราตั้งใจว่าจะบอกให้ม่อนรู้ว่าเราคิดยังไงหลังกลับจากแข่งว่ายน้ำคราวนั้น ส่วนต่อจากนั้นจะเป็นยังไงไม่ได้เตรียมใจไว้เลย แล้วมันก็ดันมามีเรื่องสมุดเสียก่อน พอเวลาผ่านไป...ได้มาเจอกันอีกครั้งก็เกิดรู้สึกกลัวขึ้นมา”


“กลัวอะไร”


“กลัวว่าถ้าบอกไปม่อนจะเกลียดเรากว่าเดิม”


นคินทรถอนหายใจเบา ๆ ด้วยรู้สึกว่าการพบกันในคราวนี้นับเป็นความโชคดี ไม่เช่นนั้นความรู้สึกผิดคงจะติดค้างอยู่ในใจของพวกเขาทั้งคู่ตลอดไป...


...


เจ้าของร้านกาแฟในสวนชะเง้อมองเมื่อซูบารุ ฟอเรสเตอร์เข้าจอดเทียบที่ริมรั้ว หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อเห็นใครคนหนึ่งเปิดประตูลงจากฝั่งที่นั่งข้างคนขับ เขาไม่ได้หยุดรออีกคน เมื่อเปิดประตูเข้ามาในร้านก็ตรงเข้าไปหาลูกชายของเธอซึ่งกำลังนั่งเล่นอยู่ที่โซฟา อุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นบนตักแล้วทักทายด้วยวิธีแตะมือซึ่งเป็นวิธีเฉพาะที่รู้กันสองคน   


“ทำไมบังเอิญมาด้วยกันได้จ๊ะ” น้ำหวานกล่าวเสียงใส เดินออกจากเคาน์เตอร์มานั่งลงข้าง ๆ ชายหนุ่ม


“ไม่ได้บังเอิญ” นคินทรตอบอ้อมแอ้ม


“คุยกันเข้าใจแล้วเหรอ” เธอกระซิบ เห็นเพื่อนพยักหน้าก็ยิ้มแก้มแทบปริ มองเลยไปยังเจ้าของใบหน้าเรียบเฉยที่เพิ่งเปิดประตูตามเข้ามา


เขานั่งลงที่หน้าเคาน์เตอร์กวาดตาไปรอบ ๆ แล้วถาม “ฉายไม่อยู่เหรอหวาน”


“คิดถึงหรือไง” เจ้าของชื่อลงบันไดมาพอดี


“ไม่เห็นก็ถาม” พายุพัดว่า มองตามร่างสูงที่เดินมาหยุดหลังเคาน์เตอร์


“เบียร์สักกระป๋องไหม” ภาณุปรายตามองอีกคนแล้วจึงกล่าวต่อ “แต่มาด้วยกันแบบนี้คงไม่ต้องซดเบียร์ประชดชีวิตแล้วมั้ง”


“เอาโกโก้ปั่น” หนุ่มนักกีฬาตอบกระชับเช่นเคย


“เดี๋ยวหวานทำให้นะ”


“แม่นั่งพักเถอะจ้ะ เดี๋ยวพ่อทำเอง จะได้ลองวิชาด้วย ให้ไอ้สองตัวนี่แหละเป็นหนูทดลอง”


“โกโก้ปั่นของพาย สูตรเดียวกับม่อนนะจ๊ะพ่อ” น้ำหวานร้องบอกสามี


ภาณุแสร้งมองอย่างหมั่นไส้ในขณะที่ปากพึมพำเบา ๆ “อะไรวะ มีส่งมีสูตร” จากนั้นจึงหันไปหยิบส่วนผสมต่าง ๆ ออกจากตู้เย็น


“ทำ ๆ ไปเถอะน่า ดีกว่าขอเบียร์กระป๋องที่ซ่อนไว้นะ”


“อ...ไอ้พาย!” ร่างสูงหันขวับ ยิ่งเห็นหน้านิ่ง ๆ แต้มด้วยรอยยิ้มแล้วนึกอยากเอาช้อนเคาะกบาลนัก


“ซ่อนอะไรเหรอจ๊ะพ่อ” 


“เปล่าจ้ะแม่ ไอ้พายมันบอกว่าเอาน้มข้นกระป๋อง...กี่ช้อนนะพาย” คนพูดทำขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน


“พ่อใช้แก้วตวงสิ จะใช้ช้อนตักทำไม”


“จ้ะแม่...” หันไปขานรับเสียงหวานแล้วชวนเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่สูตรม่อนนี่มันยังไง”


“ปกติมาด้วยกันทีไร พายก็สั่งเหมือนม่อน แม่สังเกตว่าพายทานเหลือบ่อย ๆ เลยคิดว่ามันน่าจะหวานไป พอหลัง ๆ ม่อนก็เลยบอกให้ลองลดความหวานลง จากที่แม่ใช้แก้วตวงนมข้นสามสิบมิลลิตรก็ลดลงมาเหลือแค่ยี่สิบห้าแทน แล้วพายก็ทานหมดทุกครั้ง แม่ก็เลยเรียกสูตรนี้ว่าหวานยี่สิบห้าจ้ะ”


“มีสตอรี” ภาณุกล่าวกับคนตรงหน้าก่อนจะเริ่มตวงส่วนผสมใส่แก้ว คนจนเข้ากันแล้วเทลงปั่นรวมกับน้ำแข็ง ครู่หนึ่งจึงได้ออกมาเป็นโกโก้ปั่นสองแก้ว


นคินทรเดินมานั่งข้าง ๆ พายุพัด รับแก้วทรงสูงที่อีกฝ่ายเลื่อนให้ก่อนจะก้มลงดูดเกล็ดน้ำแข็งเย็นเฉียบ


“เป็นไง” ภาณุยืนลุ้น


“อือ อร่อยดี”


“ไม่ได้ตอบเพราะเกรงใจนะม่อน” น้ำหวานถามเมื่อเดินมาหยุดข้างผู้เป็นสามี


“อร่อยจริง ๆ เหมือนที่หวานทำเป๊ะ”


“ไม่หวานไปใช่ไหมพาย” น้ำหวานหันไปถามอีกคน


พายุพัดส่ายหัวขณะดูดโกโก้ปั่น 


“สงสัยต้องลองเปลี่ยนสูตรตามใจคนสั่งดูบ้างแล้วละ เพื่อสุขภาพของลูกค้า เนอะพ่อ”


“จะลดความหวานของเครื่องดื่มก็ลดไป แต่อย่าลดความหวานที่แม่มีให้พ่อก็แล้วกัน” ภาณุกระเซ้า ทำเอาภรรยาอายม้วน


“พ่อน่ะ มาพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าพายกับม่อนได้ยังไง” ว่าแล้วมือเล็กก็ทุบลงเบา ๆ กลางหน้าอกก่อนจะเดินหนี


ภาณุมองตามร่างบางพลางยิ้มมุมปาก ยื่นหน้ากระซิบกับพายุพัด “จะยืมไปใช้ก็ได้นะ ไม่เก็บค่าลิขสิทธิ์” ว่าแล้วก็จรลีตามไปแหย่คนเขินต่อ


เมื่ออยู่กันลำพัง จู่ ๆ คนพูดน้อยก็เอ่ยขึ้น


“ไม่เห็นรู้เลย”


“เรื่องอะไร”


“เรื่องโกโก้ปั่น”


นคินทรวางแก้วลงแล้วตอบ “เห็นกินเหลือบ่อย ๆ หวานก็เป็นกังวล คิดว่าตัวเองทำไม่อร่อย เราเลยเสนอวิธีนี้”
พายุพัดฟังแล้วยิ้ม


“ยิ้มอะไร”


“ดีใจที่ม่อนก็สังเกตเราด้วย”


“มันคุณสมบัติที่ดีของนักวิทยาศาสตร์ต่างหาก” นคินทรกล่าวพลางเบนหน้าไปทางอื่น


ตาคมมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายแล้วตัดสินใจกล่าวแม้จะค่อนข้างกระอักกระอ่วน “แล้วนักวิทยาศาสตร์...อยากเข้ามาสำรวจในใจเราด้วยไหม”


นคินทรก้มลงยิ้มกับแก้วโกโก้แล้วจึงเงยหน้าขึ้นสบตาคนพูด ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร เพียงแต่กล่าวสั้น ๆ “ไม่เห็นต้องฝืนเลย”


...


สายลมหนาวพัดพลิ้วพากระดิ่งลมที่ใต้ชายคาแกว่งไกวกระทบกันจนเกิดเสียงดังกังวานทำลายความเงียบเชียบภายในอาคารทรงสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยหนังสือ พายุพัดเดินไปตามช่องว่างระหว่างชั้นวางหนังสือที่สูงท่วมหัว จนเมื่อพบคนที่กำลังตามหาจึงหยุด ดวงตาจับจ้องไปยังแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังเงยหน้าขึ้นกวาดมองไปบนชั้นเพื่อหาหนังสือที่ถูกใจ


มือขาวเลื่อนขึ้น ตั้งใจจะหยิบเล่มหนึ่งที่อยู่สูงขึ้นไป แต่ใครบางคนที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรก็สืบเท้าเข้าประชิดแล้วดึงมันออกมาเสียก่อน


นคินทรหมุนตัวกลับโดยอัตโนมัติ มองใบหน้าเขรึมที่พักนี้มักเจือด้วยรอยยิ้มก่อนจะรับหนังสือที่เขาส่งให้


“ขอบใจนะ” พูดจบก็เปิดหลังสือออกอ่าน


“มาที่นี่เกือบทุกวันไม่เบื่อเหรอ” หนุ่มนักกีฬาถาม


คนถูกถามยังคงไล่สายตาไปตามตัวอักษรบนกระดาษที่เก่าจนเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลือง ในที่สุดริมฝีปากก็ขยับอีกครั้ง “แล้วนายล่ะ มาหาเราแทบทุกวัน ไม่เบื่อบ้างหรือไง”


“ก็...เราชอบม่อน อยากมาเจอ จะเบื่อได้ยังไง”


“ตรงไปไหม”


“ก็ม่อนอยากรู้ไม่ใช่เหรอ”


คนฟังรีบพลิกหน้าถัดไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอใช้ปลายนิ้วม้วนมุมกระดาษเสียจนเป็นรอย “ถ้าอย่างนั้นเราก็เหมือนกัน”


“เหมือนกัน...หมายถึงชอบที่นี่ หรือชอบเราเหมือนกัน”


นคินทรชะงัก แกล้งปิดหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นด้วยคิดว่าพายุพัดคงมองไปทางอื่นดังเช่นทุกครั้งที่อีกฝ่ายต้องรวบรวมความกล้าเพื่อพูดในสิ่งที่ไม่เคยพูด แต่สุดท้ายเขาก็รู้ว่าไม่ใช่อย่างที่คาด เมื่อดวงตาคู่นั้นยังคงมองมาราวกำลังรอคอยคำตอบ


“เราชอบที่นี่”


พายุพัดพยักหน้า เขยิบใกล้เข้าไปแล้วเงยหน้ามองหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งอยู่เหนือศีรษะของอีกฝ่าย เมื่อใกล้กันขนาดนั้น นคินทรจึงยกหนังสือขึ้นคั่นกลางระหว่างปลายจมูกของตนกับดวงหน้าเรียบนิ่งที่ห่างไปไม่ถึงคืบ พลันหัวใจก็เต้นรัวเมื่อมือใหญ่เลื่อนผ่านช่วงบ่าของตนเพื่อหยิบหนังสือ กระนั้นยังได้ยินเขาเอ่ยประโยคสั้น ๆ “ถ้าตอบว่าชอบเราก็ไม่มีใครปรับแพ้หรอกนะ”


“ได้หนังสือแล้วก็ถอยออกไปสักที” ครูหนุ่มบ่นงึมงำจากนั้นจึงใช้มือที่ถือหนังสือดันอกกว้างให้ออกห่าง ได้ยินเอีกฝ่ายหัวเราะเบา ๆ


“ขำอะไร” นคินทรถาม ยิ่งเห็นไม่มีหนังสือสักเล่มในมือของพายุพัดยิ่งขมวดคิ้วหนัก


“เปล่าสักหน่อย” ชายหนุ่มบอกพลางถอยไปยืนกอดอกพิงชั้นวางหนังสือ “ตอนที่เรียนที่เชียงใหม่มีใครมาจีบบ้างหรือเปล่า”


นคินทรยังคงยกหนังสือค้างไว้เผยให้เห็นเพียงดวงตา ชายหนุ่มตอบคำถามนั้นด้วยการพยักหน้าเล็กน้อย


“ใครเหรอ” เห็นนคินทรไม่ตอบสักที พายุพัดจึงเอื้อมมือดึงหนังสือออกแล้วสอดเก็บที่เดิม


“เขาเป็นเพื่อนที่โรงเรียนเก่า สอบติดที่เชียงใหม่ด้วยกัน แต่เขาเรียนคณะสัตวแพทย์น่ะ”


“แล้วม่อน...คบกับเขาหรือเปล่า” ปากถาม แต่ในใจกลับรู้สึกหวั่นกลัวในคำตอบ


นคินทรมองคนตรงหน้า เห็นความเป็นกังวลที่ซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นแล้วนึกอยากแกล้ง แต่สุดท้ายก็ทำไม่ลง ได้แต่ส่ายหน้าช้า ๆ แทนคำตอบ


พลันใบหน้าเคร่งขรึมของพายุพัดก็ปรากฏรอยยิ้มอีกครั้ง ดึงมือมาอีกฝ่ายกุมไว้แล้วกล่าว “ขอบคุณนะที่ให้โอกาสเรา”


คนฟังมิได้ตอบ เพียงแต่หลุบลงมองข้อมือใหญ่คล้องกำไลเงินรูปปลาคู่



นคินทรมองคนหลับไม่วางตา ยกมือขึ้นเสยผมสีดำขลับที่ตกลงมาปรกหน้าผาก ดวงตาไล่มองตั้งแต่คิ้วหนาเหนือเปลือกตาปิดสนิท ต่อด้วยสันจมูกกระทั่งถึงริมฝีปากได้รูป ทุกองค์ประกอบอยู่ในตำแหน่งที่ลงตัวรวมกันเป็นใบหน้าแบบที่พิทักษ์และเพื่อนครูคนอื่น ๆ ชมนักชมหนาว่าหล่อเหลา แต่ในสายตาของเขากลับเป็นใบหน้าเรียบนิ่งค่อนไปทางดุที่สมัยเรียนไม่เคยนึกชอบเลยสักนิด อีกทั้งบุคลิกภายนอกยังยากจะคาดเดา ต่างกับภาณุที่ไม่ว่าจะรู้สึกนึกคิดอย่างไรก็มักแสดงออกผ่านสีหน้าและแววตาเสมอ ชายหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปตามแนวคิ้วเรื่อยลงมาถึงผิวแก้มแล้วหยุดที่กลีบปากอุ่น อดคิดไม่ได้ว่าพายุพัดจะรู้ตัวบ้างไหมว่าเวลาที่เขายิ้มนั้นน่ามองกว่าตอนที่วางหน้าขรึมเป็นไหน ๆ


คนมองถอนใจเบา ๆ เห็นอีกฝ่ายเริ่มขยับตัวนคินทรจึงรีบดึงมือกลับแล้วหลับตาลงทันที


(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-09-2018 13:28:40 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)

พายุพัดมุ่นคิ้วเมื่อถูกรบกวน เมื่อเขาปรือตาขึ้นก็พบอีกคนนอนหลับตาพริ้ม นัยน์ตาสีเข้มจับจ้องดวงหน้าหมดจด แม้จะบอกว่านคินทรคือคนเดียวที่อยู่ในสายตาของเขา แต่ก็ไม่กล้ามองอย่างเต็มตาเลยสักครั้ง หากไม่เพราะเขาเองที่เขินอาย ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายนั้นอยู่ไกลเหลือเกิน แต่นับจากนี้จะเฝ้ามองใบหน้านี้ให้สมกับที่คิดถึงมาแสนนาน


ชายหนุ่มเผลอกดมุมมากเป็นรอยยิ้มบางเบา เพิ่งรู้ว่านคินทรมีไฝเล็ก ๆ ที่ข้างสันจมูก มันจางเสียจนหากไม่อยู่ใกล้กันขนาดนี้และไม่สังเกตดี ๆ ก็คงไม่เห็น หน้าคมเลื่อนเข้าไปใกล้ แต่ก็ต้องหยุดเพราะโหลใส่มาร์ชเมลโลที่อีกฝ่ายใช้วางคั่นตรงกลางระหว่างกัน ดวงตาจับจ้องริมฝีปากที่เคยเกือบจะได้สัมผัสกันมาแล้วหนหนึ่งเพราะความเผลอไผล พลันคนหลับก็ขยับตัวคว้าโหลใส่ขนมไปกอดไว้ราวกับเป็นหมอนข้าง พายุพัดยิ้มน้อย ๆ ขยับใกล้เข้าไปอีก แต่แทนที่จะจุมพิตบนกลีบปากสีเรื่อดั่งใจหมาย กลับเลื่อนขึ้นแตะจูบบนจุดเล็ก ๆ ข้างสันจมูก เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าจะยอมถอนริมฝีปากแล้วถอยห่างออกมามองสำรวจใบหน้านั้นอีกครั้ง ลมหายใจและสัมผัสชวนจั๊กจี้ของเขาคงสร้างความรำคาญ นคินทรจึงได้พลิกตัวหันหลังให้เสียแล้ว


ชายหนุ่มหลับตาปี๋กอดโหลมาร์ชเมลโลเอาไว้แน่น เมื่อจู่ ๆ ความหนาวเย็นก็ถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณสันจมูกและกำลังซ่านซึมกระจายไปทั่วใบหน้า


....


เสียงฝีเท้าที่ดังอยู่ด้านนอกปลุกให้คนที่ยังคงนอนซุกตัวอยู่ในเต็นท์ทยอยตื่นขึ้นทำธุระส่วนตัวก่อนจะไปยืนรอชมแสงแรกของวันที่จุดชมวิวท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ อวัศย์ฉายไฟเดินนำเพื่อน ๆ ขึ้นไปบนเนินพลางมองหาที่เหมาะ ๆ ในที่สุดก็หยุดที่บริเวณซึ่งยังไม่มีคนจับจอง


“เมื่อคืนไปไหนกันมาวะ ดึกแล้วยังไม่เห็นกลับมาที่เต็นท์” ภาณุเอ่ยทั้งที่อ้าปากหาว


“ยังไม่ง่วงก็เลยเดินมานั่งดูดาวแถวนี้” พายุพัดตอบสั้น ๆ


“แล้วยังไงต่อ” อวัศย์กล่าวพร้อมกับกอดคอคนพูดน้อย แล้วรั้งเข้ามาใกล้ ๆ หมายจะคาดคั้นเอาคำตอบให้ได้


“ก็ไม่ยังไง”


“นั่งคุยกันเฉย ๆ” นคินทรบอกพลางใช้สองมือถูกันไปมาเพื่อคลายความหนาว


“คุยเรื่องอะไรนักวะตั้งครึ่งค่อนคืน” นายสัตวแพทย์หนุ่มยังไม่ละความพยายาม


“เรื่องทั่ว ๆ ไป” พูดจบพายุพัดก็รั้งแขนอีกฝ่ายออก


อวัศย์ยักคิ้วให้ภาณุอย่างรู้กัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นโดยพร้อมเพรียง “เหรอ!!!”


สองคนที่โดนสอบสวนพร้อมใจตอบ “อือ” แล้วแยกย้ายไปคนละทิศละทาง แต่เมื่อเดินไปได้หน่อยพายุพัดก็วกกลับมาเดินตามนคินทรอยู่ดี


ร่างสูงเดินมาหยุดข้างคนที่กำลังกอดอกทอดตามองลำแสงเล็ก ๆ ที่ปรากฏขึ้นตรงทิวเขาด้านทิศตะวันออก   


“เมื่อวานเป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกชอบเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน” เห็นนคินทรเหลียวมองด้วยแววตาสงสัยจึงกล่าวต่อ “ถึงฟ้าจะมืดแต่ก็รู้ว่ามีนายอยู่ข้าง ๆ กัน”


คนฟังยิ้มให้แล้วเบนสายตาไปยังดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นแนวเขาที่ถูกโอบด้วยทะเลหมอกจนมองไม่เห็นแม่น้ำน่านซึ่งอยู่เบื้องล่าง “ถ้าอย่างนั้น...วันนี้ก็คงเป็นวันแรกที่เรารู้สึกชอบเวลาพระอาทิตย์ขึ้น”


“ทำไมล่ะ”


“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ”


“ต้องมีสิ เพราะมันเป็นคุณสมบัติที่ดีอีกข้อของนักวิทยาศาสตร์นี่นา”


นคินทรหัวเราะแต่ไม่ยอมตอบ ใครไปจะบอกว่าที่เขาเริ่มชอบช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงเป็นเพราะมีอีกฝ่ายอยู่ใกล้ ๆ และนั่นไม่ได้เป็นเพียงภาพฝัน ซ้ำจากนี้ไปจนตลอดทั้งวันก็จะมีเรื่องของพายุพัดคอยมาวนเวียนให้คิดถึง


....


ดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยไปยังฝั่งทิศตรงข้ามกับเมื่อช่วงเช้าก็ได้เวลาที่ทุกคนต้องช่วยกันเก็บสัมภาระเพื่อเดินทางกลับ พวกผู้หญิงช่วยกันจัดอุปกรณ์ทำครัวใส่ลงในกล่อง ส่วนอวัศย์ ภาณุ นคินทรช่วยกันเก็บเต็นท์และขนขึ้นรถ ด้านพายุพัดรับหน้าที่ดูแลเจ้าหนูฟีฟ่าที่ติดเขาแจ ดังนั้นวันนี้ฉลามหนุ่มจึงต้องแปลงร่างเป็นม้าให้หลานขี่อีกหนึ่งวัน   


“ดูสิ คลาดสายตาเดี๋ยวเดียวก็พากันเล่นเสียแล้ว สองคนนี้ทำตัวเหมือนเด็กจริง ๆ” สิชลกล่าวพลางชี้ให้น้ำหวานดูสามีของเธอที่กำลังวิ่งไล่หลังเพื่อนรักขึ้นไปบนเนินเขา


“นั่นสิ ไม่รู้ว่าคบกันมายาวนานขนาดนี้ได้ยังไง ทั้งที่นิสัยไม่น่าจะไปด้วยกันได้เลย คนหนึ่งเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวแถมเอาแต่ใจตัวเอง ส่วนอีกคนก็ยอมเขาเสียหมดทุกเรื่อง” น้ำหวานว่า “ฉายน่ะทำเรื่องน่าให้โกรธตั้งหลายครั้ง แต่ม่อนก็ไม่เคยโกรธเลย อยู่ด้วยกันทีไรก็มีแต่เสียงหัวเราะ”


“ในชีวิตหนึ่งมีเพื่อนแบบม่อนสักคนสิว่าคุ้มแล้วละ สิเพิ่งรู้ว่าที่ม่อนยอมถอนตัวจากการรำเปิดกีฬาสี แล้วก็ที่เสนอให้ฉายเป็นคนรับผิดชอบป้ายผ้าเพราะตอนนั้นม่อนรู้ว่าจะต้องย้ายโรงเรียน เลยพยายามทำให้ฉายมีความรับผิดชอบ อีกหน่อยเวลาที่ไม่มีม่อน ฉายจะได้ดูแลตัวเองได้”


พายุพัดที่บังเอิญได้ยินเข้าจึงหยุดยืนแล้วมองขึ้นไปบนเนิน เห็นสองคนเล่นสนุกเหมือนเมื่อครั้งที่ยังเรียนมัธยมก็อดคิดไม่ได้ว่าหากวันนี้ข้างกายของนคินทรคือภาณุ ตัวเขานั้นจะเป็นเช่นไร...


เมื่อเก็บของขึ้นรถเรียบร้อย ทุกคนก็กล่าวคำอำลาแล้วแยกย้ายกันบนดอยเสมอดาว นคินทรรู้สึกถึงความผิดปกติตั้งแต่ซูบารุ ฟอเรสเตอร์เคลื่อนออกจากพื้นที่อุทยาน เพราะเจ้าของรถดูจะนิ่งเงียบจนผิดสังเกต ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น


“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเงียบ”


พายุพัดถอนใจเบา ๆ พลางส่ายหัว แล้วหันมาถาม “ม่อนยากให้เราพูดเยอะ ๆ เหรอ หรือว่าอยากให้เราเล่าเรื่องตลกให้ฟัง”


คนฟังมุ่นคิ้ว “ทำไมเราต้องอยากให้นายทำอะไรแบบนั้นด้วย”


“จะได้เหมือนฉายไง ใครอยู่ด้วยก็มีแต่รอยยิ้ม ถ้าม่อนชอบแบบนั้นเราจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง”


นคินทรโคลงหัวแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ในที่สุดก็พูดประโยคที่เคยพูดไปแล้วหนหนึ่ง “ไม่เห็นต้องฝืนเลย”


พายุพัดหันมองคนข้าง ๆ รู้สึกผิดที่พยายามยัดเยียดความรู้สึกให้อีกฝ่าย “เราขอโทษ เราแค่อยากให้ม่อนยิ้มเวลาที่อยู่กับเรา เหมือน...เวลาที่ม่อนอยู่กับฉาย”


คนฟังพรูลมหายใจแล้วหันมากล่าว “ตกลงเราเป็นแฟนกับฉายหรือเป็นแฟนกับพายกันแน่ นายไม่เห็นต้องทำอะไรแบบฉายเลย ถ้าอยากให้เรายิ้ม นายก็ยิ้มก่อน...เท่านั้นเอง” เห็นอีกฝ่ายยิ้มออกนคินทรจึงเสมองไปทางอื่น ปล่อยให้พายุพัดแทรกนิ้วทั้งห้าเกี่ยวรัดเรียวนิ้วของตนแล้วรั้งไปวางบนตัก


“บอกให้เรายิ้มแต่ตัวเองมองไปทางอื่นแล้วจะเห็นได้ยังไง”


นคินทรหันมาสบตาแล้วต่างคนก็ต่างยิ้มให้กัน...


....


“ยังไม่กลับได้ไหม”


เพราะคำถามสั้น ๆ กับสายตาเว้าวอนของพายุพัด ทำให้คนใจอ่อนยอมค้างที่ปลายฝนต้นหนาวโฮมสเตย์อีกคืน ระหว่างรอเจ้าของห้องอาบน้ำ นคินทรถือวิสาสะหยิบกล่องกระดาษที่พายุพัดเคยตามไปเอาคืนถึงบ้านพักครูซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงที่พื้นไม้ยกสูงวางทับด้วยฟูกที่นอนอีกชั้นหนึ่ง วางกล่องกระดาษลงบนตักแล้วเปิดฝาออก พบว่าข้างในมีปลอกคอห้อยกระพรวนเก่า ๆ อยู่สองเส้นกับกระดาษโน้ตเล็ก ๆ เขียนด้วยลายมือ ซึ่งทำให้รู้ว่ามันคือกระพรวนห้อยคอแมวที่เคยซื้อให้อีกฝ่าย อีกทั้งยังมีภาพถ่ายของเขาและเพื่อน ๆ ที่ถ่ายไว้เมื่อครั้งพิธีเปิดกีฬาสีสมัยม.สี่ ใต้ภาพถ่ายเหล่านั้นมีเหรียญรางวัลจากการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำรายการหนึ่ง


“ยังเก็บไว้อีกเหรอ” นคินทรถามทันทีที่เห็นหนุ่มนักกีฬาเดินออกมาจากห้องน้ำ


พายุพัดหย่อนผ้าเช็ดตัวลงในตะกร้าก่อนจะหันมา เมื่อเห็นปลอกคอแมวในมือของอีกฝ่ายจึงกล่าว “จะให้เราทิ้งของที่ม่อนให้ได้ยังไง” ว่าแล้วก็เดินมานั่งลงกับพื้นเท้าคางเงยหน้ามองอีกฝ่าย


นคินทรวางปลอกคอคืนกล่องแล้วหยิบเหรียญรางวัลคล้องริบบิ้นสีธงชาติไทยขึ้นมาพิจารณา คงเพราะเป็นเหรียญจากรายการแข่งเล็ก ๆ พายุพัดจึงเก็บมันไว้ในกล่องแทนที่จะวางรวมกับเหรียญอื่น ๆ ที่ได้รับจากรายการแข่งขันรายการว่ายน้ำระดับประเทศภายในตู้


“เหรียญนี้เราตั้งใจแข่งเพื่อจะเอามาให้ม่อน”


“เอามาให้เรา?”


หนุ่มนักกีฬาพยักหน้า “แลกกับปลอกคอแมวนั่นไง”


นคินทรเลื่อนตาจากเหรียญทองในมือมองผู้เป็นเจ้าของ อดคิดไม่ได้ว่าเหตุใดพายุพัดจึงทำอะไรให้เขามากมายเหลือเกิน


“ชนะจริง ๆ ด้วยสินะ” นคินทรอมยิ้ม


“ทำไมตอนนั้นถึงเชื่อว่าเราจะชนะ”


“อืม...ไม่รู้สิ ก็แค่คิดว่าคนอย่างนายถ้าตั้งใจแล้วก็น่าจะทำสำเร็จ หรือถ้าไม่ชนะ เราก็แค่เลี้ยงข้าวปลอบใจก็เท่านั้นเอง”


คนฟังยักหน้า ยืดตัวขึ้นแล้วดึงกล่องที่ตักของอีกฝ่ายวางบนเตียง จากนั้นจึงลุกขึ้นยืน “ไปดูดาวกัน”


ได้ยินดังนั้นนคินทรจึงไม่รีรอ เดินตามเจ้าของบ้านขึ้นบรรไดวนซึ่งมีประตูเปิดสู่ดาดฟ้า ทันทีที่ประตูเปิดออก นคินทรแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อพบว่าบนท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยดวงดาว ให้ความรู้สึกราวกับกำลังยืนอยู่ปลายเนินบนดอยเสมอดาวไม่มีผิด... 


พายุพัดอาศัยแสงเพียงน้อยนิดในยามที่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือซึ่งวางอยู่ใกล้ ๆ มีการแจ้งเตือนอะไรบางอย่างมองคนที่นอนหันปลายเท้าไปในทิศตรงข้ามกันแต่ศีรษะนั้นยังอิงอยู่กับบ่าของตน ดวงตาทอประกายสดใสจับจ้องปลายนิ้วที่กำลังลากผ่านจุดเล็ก ๆ บนผืนฟ้า ในขณะที่ดวงตาของเขาเองก็ไม่อาจละจากเสี้ยวหน้าที่แต้มด้วยรอยยิ้มนั้นไปไหนได้


“อยู่ไหนน้า…” นคินทรพึมพำ


“หาอะไรเหรอ”


“กลุ่มดาวปลาน่ะ”


“อยู่ตรงไหนเหรอ” คนถามถามทั้งที่ยังเหลียวมองดวงหน้าอาบแสงดาว


“มองบนฟ้าสิ มองหน้าเราแล้วจะเห็นไหม”


เมื่อได้ฟังดังนั้นพายุพัดจึงแก้เก้อด้วยการคว้าปลายนิ้วอีกฝ่ายย้ายไปวางอีกตำแหน่งหนึ่ง “เราเห็นแต่กลุ่มดาวสิงโต”


“ไหน” นคินทรถาม เผลอขยับเข้าหา หวังจะเห็นในจุดเดียวกับที่อีกคนเห็น


“ตรงนั้นไง” ว่าแล้วพายุพัดก็เริ่มลากปลายนิ้วของนคินทรไปยังตำแหน่งต่าง ๆ กระทั่งหยุดที่ดาวดวงที่สว่างที่สุด “ตรงนี้คือหัวใจสิงโต”


คนฟังพยักหน้าแล้วเลื่อนตามองกำไลที่ข้อมือของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยขึ้น “ตอนแรก...เราคิดว่ากำไลวงนี้เป็นของมีนเสียอีก เห็นสวมติดตัวตลอดเลย”


พายุพัดชะงัก เหลียวสบตากันพลางยิ้มน้อย ๆ คลายมือออกแล้วโน้มหน้าเข้าไปจนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากผิวแก้มของอีกฝ่ายที่ห่างกันแค่ลมหายใจกั้น


“ไม่ใช่กำไลของมีน แต่เป็นของคนเกิดราศีมีนต่างหาก”


“นึกยังไงถึงไปซื้อ”


“ก็เห็นม่อนอยากได้ เราก็เลยซื้อเก็บไว้ให้”


“ทำไมชอบทำอะไรให้เรานักนะ” นคินทรบ่นพึมพำ


คนฟังไม่ได้บอกเหตุผล เพียงแต่ถามกลับ “ตอนนี้อยากเอาคืนแล้วหรือยัง”


“นายสวมไว้นั่นแหละดีแล้ว”


“ม่อนคิดว่าเรากับมีน...”


พายุพัดยังพูดไม่ทันจบ นคินทรก็เอ่ยขึ้น “นั่นไง”


“อะไร” ปากถาม หากแต่ดวงตาไม่อาจละจากคนตรงหน้า


“กลุ่มดาวปลา”


“ไม่เห็นเลย”


“เพราะไม่ใช่กลุ่มดาวเด่นไง ไม่สังเกตดี ๆ ก็ไม่เห็นหรอก” นคินทรเริ่มอธิบายโดยไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะมองไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่


“แต่ถ้าให้เราเลือกเป็นดาวบนฟ้า เราก็อยากเป็นกลุ่มดาวปลานี่แหละ”


“มีใครเขาทำกัน มีแต่เขาจะอยากเป็นดาวสำคัญลอยเด่นอยู่บนฟ้า ใครมองใครก็เห็น”


“สำหรับเรา...แค่ม่อนเห็นก็พอแล้ว”


“ไปนอนดีกว่า เราง่วงแล้ว” พูดจบนคินทรก็ลุกขึ้น


“เดี๋ยวสิ” เจ้าของร่างสูงลุกตามมาคว้าข้อมือของอีกฝ่าย “ม่อนไม่อยากได้กำไลวงนี้คืนจริง ๆ เหรอ” พายุพัดถามย้ำ นึกน้อยใจอยู่นิด ๆ ที่นคินทรไม่คิดจะรับของที่เคยอยากได้คืน


“เราบอกแล้วไงว่านายสวมไว้แบบนี้น่ะดีแล้ว” ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “เวลาเราเห็นมัน เรา...จะได้นึกถึงว่านายทำอะไรให้เราบ้าง อีกอย่าง...ถ้าขืนเราสวมไปโรงเรียน เด็ก ๆ เห็นเข้า มีหวังได้ทำตามแน่ ๆ”


พายุพัดยิ้ม “อย่างนั้นถ้าเป็นวงที่เล็กลงมาหน่อย ก็คงไม่เป็นไรใช่ไหม”


เพราะความมืดที่โอบล้อมรอบตัวทำให้นคินทรไม่อาจมองเห็นบางสิ่งในมืออีกฝ่ายได้ถนัดนัก แต่คำพูดของพายุพัดเมื่อครู่ ทำให้เขาต้องชักมือกลับแล้วเอ่ยขึ้น “นายรู้ใช่ไหมว่าวันหนึ่งเราอาจต้องไปจากที่นี่”


“เรารู้”


“แล้วทำไมถึงยัง...”


“เราไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง ไม่รู้เลยว่าจะอดทนเวลาที่ต้องอยู่ไกลกันได้มากแค่ไหน แต่ถ้ามีม่อนเป็นกำลังใจ เราสัญญาว่าเราจะไม่ยอมแพ้” พูดจบก็ดึงมือคนฟังขึ้น “ม่อนจะคอยเป็นกำลังใจให้เราเรื่อย ๆ ไปได้ไหม”


นคินทรไม่ได้ตอบเพียงแต่บีบมือใหญ่ที่เกาะกุมมือของตนเองไว้แทนคำมั่นสัญญา ชั่วอึดใจแหวนวงหนึ่งก็เคลื่อนมาหยุดที่โคนนิ้วซึ่งไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าหลวมหรือแน่นจนเกินไป


“ไม่ว่าม่อนจะอยู่ที่ไหน แหวนวงนี้จะแทนใจเรา เหมือนกำไลรูปปลาที่เราใช้แทนตัวม่อน”


และนั่นคือเหตุผลที่พายุพัดเลือกสวมแหวนวงนั้นที่นิ้วนางข้างขวาของอีกฝ่าย


(จบครึ่งแรก)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2018 09:46:03 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พายไม่กินหวานแต่พายแสดงออกได้หวานซึ้งมาก อบอุ่นจริง ๆ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
โอ๊ยยย เกลียดบรรยากาศ เหม็นฟามรัก แต่ก็นะ อะไรจะละมุนขนาดนี้นะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ม่อนจะย้ายจริงเหรอ?

ถ้าม่อนย้ายพายก็แค่ย้ายตามไปเนอะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ไม่หวานที่คำพูดแต่การกระทำหวานมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 ชอบมากเลยค่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ BIRD

  • บี เบิ๊ด นก ^___^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เป็นคู่ที่น่ารักจัง อ่านแล้วอมยิ้ม

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ครึ่งหลัง


มือขาวจรดปลายกรรไกรขลิบกระดาษเป็นรูปดอกไม้เพื่อเตรียมไว้สำหรับเป็นสื่อการสอน พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับแหวนทองคำขาวที่นิ้วของตัวเอง ผิวมันวาวนั้นสลักลายแทนตำแหน่งของกลุ่มดาวประจำตัวของคนให้ซึ่งก็คือกลุ่มดาวสิงโต และคริสตัลเม็ดจิ๋วก็แทนหัวใจของเจ้าป่านั่นเอง นคินทรเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอด มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นว่าค่ำแล้วจึงนึกสงสัยว่าใครกันที่มาเยือนในเวลานี้ ชายหนุ่มวางกรรไกร ยกเจ้าตะโก้ออกจากตักวางบนพื้นแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู พบพายุพัดยืนรออยู่ที่ปลายบันได


“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมมาเอาป่านนี้” เจ้าของบ้านถามเมื่อเดินลงมาหยุด


“เราจะมาบอกม่อนว่ากลางเดือนนี้คุณปัณณ์จะส่งเจ้าหน้าที่มาติดตั้งสระว่ายน้ำให้ที่โรงเรียน” พายุพัดกล่าวด้วยรอยยิ้ม คนฟังจึงพลอยยิ้มตามไปด้วย


“เรื่องแค่นี้เอง ส่งข้อความหรือโทรมาก็ได้”


“อยากมาบอกด้วยตัวเองน่ะ”


“มาเสียค่ำเชียว”


“ที่มาตอนนี้ก็เผื่อว่า...” คนพูดกล่าวพลางก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วเลื่อนมือขึ้นเกาต้นคอ


“เผื่อว่าอะไร”


“เผื่อว่าม่อนจะชวนเราค้างด้วย"


นคินทรมองเจ้าของร่างสูงแล้วได้แต่อมยิ้ม เขาไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งอีกฝ่ายเลื่อนตาขึ้นสบ


“จะไล่เรากลับอีกหรือเปล่า”


“ไล่ก็ไม่กลับแล้วมั้ง” พูดพร้อมกับชะเง้อมองเป้ที่อีกฝ่ายสะพายมาด้วย


พายุพัดยิ้มเขินเมื่อถูกรู้ทัน จากนั้นทั้งสองคนก็เดินตามกันขึ้นไปบนบ้าน


เมื่อนคินทรกลับมานั่งลงที่เดิม เจ้าตะโก้ซึ่งตอนนี้ขึ้นไปนอนตีหางเหนือกองกระดาษสีบนโต๊ะญี่ปุ่นก็ย้ายลงมานอนบนตักของเจ้านายเหมือนเมื่อครู่ พายุพัดดึงเป้ออกจากหลังแล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือริมหน้าต่าง ตาคมกวาดมองทั่ว ๆ แล้วหยุดที่ตุ๊กตาผ้ารูปปลาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ


“นี่อะไรน่ะม่อน”


“ของเล่นของตะโก้กับซ่าหริ่มน่ะ แม่เย็บให้”
   

พายุพัดพยักหน้า หยิบปลายเชือกด้านหนึ่งขึ้นพลางมองเจ้าปลาน้อยห้อยต่องแต่ง มุมปากยกนิด ๆ เดินไปนั่งลงใกล้เจ้าของบ้าน แอบหยิบไหมพรมจากกล่องที่อีกฝ่ายวางไว้มาผูกกับปลายเชือก...


นคินทรยังคงจดจ่ออยู่กับการตัดกระดาษ แม้จะได้ยินเสียงลากเก้าอี้แต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ครู่หนึ่งก็ต้องประหลาดใจเมื่ออยู่ดี ๆ เจ้าตะโก้ก็ผงกหัวขึ้นทำตาวาว ส่วนเจ้าซ่าหริ่มที่นอนอยู่บนแหย่งไม้สักก็กระโดดข้ามไหล่ของเขาไปยืนจังก้า และเมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นก็พบตุ๊กตารูปปลาของแม่กำลังลอยไปมาเรี่ยพื้นเพราะปลายเชือกถูกต่อยาวขึ้นไปผูกกับตะปูบนเพดาน พลันเจ้าแมวแม่ลูกก็พากันกระโดดเข้าตะครุบให้วุ่น พวกมันสารวนกับการทำให้เจ้าปลาสีซึ่งทำจากผ้าชมพูลายจุดยัดใยสังเคราะห์อยู่นิ่ง ๆ และในที่สุดซ่าหริ่มก็ตะปบได้ มันฝังคมเขี้ยวลงไปไม่กีทีก็เบื่อ พยายามสลัดเท้า แต่สลัดอย่างไรก็ไม่หลุดเพราะปลายเล็บเกี่ยวเข้ากับเนื้อผ้า ในขณะที่เจ้าตะโก้ก็ยังไม่เลิกตื่นเต้นกับของเล่นใหม่ ใช้ปากงับหางปลาแล้วสะบัด สุดท้ายตุ๊กตาผ้ารูปปลาก็กระเด้งขึ้นกลางอากาศพาให้เจ้าสองแมวเหมียวตาลุกวาวเปิดศึกช่วงชิงของเล่นเสียงดังโครมคราม ส่วนคนต้นคิดกลับนั่งหัวเราะชอบใจซ้ำยังทำเนียนนอนหนุนตักของเขาอย่างสบายอารมณ์จนนคินทรต้องส่ายหัวน้อย ๆ อดคิดไม่ได้ว่าแมวหรือคนที่ซนกว่ากัน


...


หลังจากได้รับแจ้งข่าวจากพายุพัด นคินทรและพิทักษ์ก็เริ่มรับสมัครเด็ก ๆ ที่สนใจเรียนว่ายน้ำ เมื่อได้จำนวนที่แน่นอนก็พากันจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นทั้งแว่นตากันน้ำและกางเกงว่ายน้ำเอาไว้รอ ถึงวันเสาร์กลางเดือน รถบรรทุกหกล้อจากพี เอส สปอร์ตก็แล่นเข้ามาจอดที่หลังโรงเรียน เมื่อผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทเข้าพบครูใหญ่เพื่อพูดคุยรายละเอียดเป็นที่เรียบร้อย การดำเนินการติดตั้งสระว่ายน้ำแบบถอดประกอบก็เริ่มขึ้นท่ามกลางสายตาของบรรดาคุณครูและผู้ปกครองที่ยืนเอาใจช่วย ส่วนเด็ก ๆ เองก็เฝ้ามองการทำงานของพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน


ทันทีที่สระว่ายน้ำถูกประกอบเสร็จ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของอำเภอก็ขับรถเข้ามาจอดเทียบ จัดการเปิดน้ำที่สูบมาจากลำธารใส่ลงในสระ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยพิทักษ์จึงทำความเข้าใจกับแก่เด็ก ๆ  โดยการอธิบายวัตถุประสงค์ของการใช้งานสระว่ายน้ำถอดประกอบ รวมถึงให้เด็ก ๆ ช่วยกันรักษาความสะอาด จากนั้นจึงเริ่มให้ความรู้เกี่ยวกับการเอาตัวรอดจากการจมน้ำ แล้วจึงมอบหน้าที่สอนว่ายน้ำให้กับพายุพัด


นักกีฬาหนุ่มเริ่มต้นด้วยการให้นักเรียนยืดกล้ามเนื้อเพื่ออบอุ่นนร่างกายก่อนลงสระ จากนั้นจึงให้เด็ก ๆ ได้ลงน้ำเพื่อฝึกการหายใจ นคินทรมองเจ้าของร่างสูงสวมกางเกงขาสั้นที่กำลังก้าวลงในสระทรงสี่เหลี่ยม พลันหูก็ได้ยินเสียงซุบซิบดังมาจากกลุ่มของสาว ๆ ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ


“คนนี้ใช่ไหมแกที่เขาบอกว่าเป็นอดีตนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติน่ะ” คนหนึ่งเอ่ยขึ้น


“ใช่ คนนี้แหละ” ว่าแล้วก็ทำปากขมุบขมิบ


“นับอะไรของแก”


“หือ...แกนี่ เงียบ ๆ หน่อยสิ ฉันกำลังนับแพคพี่ฉลามพาย หนึ่ง...สอง สาม สี่ ห้า หก ฮือ...ซิกซ์แพคจริงด้วย”


คนบังเอิญได้ยินโคลงหัวยิ้ม ๆ ก่อนจะเบนสายตากลับไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงกลางวงโดยมีเด็ก ๆ ล้อมรอบ เมื่ออธิบายขั้นตอนต่าง ๆ เรียบร้อย พายุพัดก็เริ่มฝึกการหายใจและสอนให้แต่ละคนลอยตัวในน้ำด้วยท่าปลาดาวและท่าแมงกระพรุน โดยมีพิทักษ์คอยช่วยอีกแรง


เมื่อเด็ก ๆ เริ่มคุ้นเคย ในสัปดาห์ต่อ ๆ มานักกีฬาหนุ่มจึงเริ่มสอนการเหยียดตัวตรงและตีเท้าในน้ำ การลอยตัวด้วยโฟม และฝึกว่ายท่าฟรีสไตล์


นคินทรเดินออกจากห้องพักครูหลังจากเข้ามานั่งทำคะแนนของนักเรียนอยู่ครึ่งค่อนวัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงเดินไปที่สระว่ายน้ำด้านหลังโรงเรียนซึ่งขณะนี้อยู่ภายใต้โครงเหล็กมุงกระเบื้องที่มีผู้ใหญ่ใจดีบริจาคให้ เป็นเวลาเดียวกับที่เด็ก ๆ กำลังแยกย้ายกันกลับบ้านพอดี จะเหลือก็เพียงเด็กชายผู้หนึ่งที่ยังแหวกว่ายอยู่ในสระโดยมีพายุพัดดูแลอยู่ใกล้ ๆ


ทันทีที่เห็นนคินทร เด็กชายสุชาติก็ว่ายมาเกาะขอบสระพร้อมกับส่งยิ้มให้คุณครูใจดีที่อุตส่าห์ไปช่วยพูดจนพ่อกับแม่อนุญาตให้เขามาเรียนว่ายน้ำกับเพื่อน ๆ


“ยังไม่กลับอีกเหรอสุชาติ”


“ยังครับครู” ว่าแล้วก็หันไปกล่าวกับพายุพัด “ครูพายช่วยสอนผมให้เป็นนักกีฬาทีมชาติแบบครูพายได้ไหมครับ”


เจ้าของชื่อเลิกคิ้วก่อนจะกล่าว “เอาสิ แต่การจะเป็นนักกีฬาต้องมีระเบียบวินัยแล้วก็ขยันฝึกซ้อมนะ สุชาติทำได้หรือเปล่า”


“ทำได้ครับครูพาย”


ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วเดินเข้ามาใกล้ “ถ้าอย่างนั้นก่อนที่เราจะฝึกกัน สุชาติต้องเลิกเรียกพี่พายว่าครูพายก่อน”


“ทำไมล่ะครับ ก็ครูพายสอนผมว่ายน้ำก็ต้องเป็นครูสิครับ”


พายุพัดไร้คำโต้แย้ง เลื่อนสายตาไปยังอีกคนเพื่อนขอความเห็น แต่นคินทรก็ทำเพียงอมยิ้ม


“เรียกครูพายถูกแล้วใช่ไหมครับครูม่อน”


คนถูกถามพยักหน้า


“เย้! ผมเรียกถูกแล้วนะครับครูพาย” เด็กชายสุชาติกระโดดโลดเต้น


“นักกีฬาที่มีระเบียบวินัยจะต้องกลับบ้านให้ตรงเวลาด้วยรู้ไหมสุชาติ พ่อกับแม่จะได้ไม่เข้าใจผิดคิดว่าการมาว่ายน้ำทำให้เราเป็นคนเหลวไหล เข้าใจที่ครูพูดไหม” นคินทรถาม


“เข้าใจครับครู ผมจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้ครับ จะไม่เถลไถลที่ไหน แล้วอาทิตย์หน้าผมจะมาเรียนกับครูพายอีกนะครับ” พูดจบเด็กชายก็รีบขึ้นจากน้ำ ยกมือไหว้สองหนุ่ม ก่อนจะคว้าเสื้อผ้าและรองเท้าใส่ตะกร้าหน้ารถจักรยาน
   

“ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี” นคินทรมองตามเด็กชายที่กำลังปั่นจักรยานออกไปโดยสวมกางเกงว่ายน้ำเพียงตัวเดียว ครูหนุ่มเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่บนม้าหินอ่อนแล้วเดินมาที่ขอบสระ พาดผ้าในมือลงบนบ่าของคนที่เพิ่งเดินมาหยุด


“แล้วเราล่ะ ต้องรีบกลับบ้านด้วยไหม” พายุพัดเอ่ยขึ้น


“อือ กลับได้แล้ว”


“ให้เรากลับบ้านไหน”


“มีหลายบ้านหรือไง ถ้าตัดสินใจไม่ได้ก็แช่อยู่ในน้ำนี่แหละ เราไปละ” พูดจบนคินทรก็หันหลังให้แล้วเดินจากมา โดยไม่ได้สนใจคนที่รีบขึ้นจากน้ำหอบเสื้อผ้าเดินตาม


“รอเราด้วย” เจ้าของร่างสูงร้องบอก เห็นอีกฝ่ายชะลอฝีเท้าจึงก้าวยาว ๆ กระทั่งทันกัน “ม่อนช่วยพูดกับสุชาติแล้วก็เด็ก ๆ คนอื่น ๆ ให้เราหน่อยได้ไหม”


“อยากให้เราพูดอะไร”


“ช่วยบอกให้ทุกคนเลิกเรียกเราว่าครูพาย”


“ทำไมล่ะ”


“ก็เราไม่ใช่ครู”


“แต่นายก็สอนให้พวกเขาว่ายน้ำเป็นเหมือนที่สุชาติบอกไม่ใช่เหรอ”


“มันก็ใช่”


นคินทรมองคนหมดข้อโต้แย้งแล้วยิ้ม “สมัยเราฝึกสอนน่ะ ตอนเย็น ๆ จะมีพ่อค้าคนหนึ่งเข็นรถเข็นมาขายขนมที่ข้างรั้วโรงเรียน เขาบอกเราว่าอาชีพครูเป็นอาชีพที่น่าภูมิใจ ใครเจอใครก็ไหว้ แต่เราว่าสิ่งที่น่าภูมิใจกว่าคือการที่ใครสักคนเรียกเราว่าครูจากหัวใจของเขา”


“มีเหตุผลตลอดเลย” เจ้าของร่างสูงบ่นพึมพำ


“เราก็แค่จะบอกว่าการที่เด็ก ๆ เรียกนายแบบนี้ แสดงว่าเขารู้สึกว่านายเป็นครูของพวกเขาจริง ๆ น่าภูมิใจออก”


“ก็ได้ ๆ เรายอมแพ้แล้ว” หนุ่มนักกีฬากล่าวยิ้ม ๆ


เมื่อกลับมาถึงบ้าน พายุพัดก็ถูกไล่ให้ไปอาบน้ำอาบท่า ผ่านไปพักใหญ่เขาก็เปิดประตูออกมาในชุดคล้าย ๆ เมื่อตอนก่อนหน้า คือสวมเพียงกางเกงขาสั้น เปลือยท่อนบนโดยมีผ้าเช็ดตัวพาดบ่า ชายหนุ่มเดินมานั่งลงกับพื้นเอนหลังพิงแหย่งไม้สัก รอให้อีกคนเช็ดผมให้เหมือนเคย


นคินทรคว้าผ้าขนหนูขยี้บนศีรษะที่ยังคงชุ่มไปด้วยน้ำ เห็นพายุพัดมือขึ้นบีบนวดนวดบริเวณบ่าจึงเอ่ยขึ้น “ปวดอีกแล้วเหรอ”


“อืม สงสัยวันนี้ว่ายหนักไปหน่อยน่ะ”


“เราว่าไปหาหมอได้แล้วมั้ง อย่าปล่อยไว้นานเลย เอาไว้ไปกรุงเทพฯ เมื่อไร เราจะให้พ่อช่วยแนะนำหมอให้”


“เป็นห่วงเหรอ” เห็นนคินทรไม่พูดอะไร พายุพัดจึงแหงนหน้าขึ้นจนศีรษะเกือบจะวางบนตักของคนที่นั่งในตำแหน่งเหนือกว่า มองจุดสีน้ำตาลจาง ๆ ที่ข้างสันจมูกแล้วให้อยากจะสัมผัสริมฝีปากลงไปตรงนั้นอีกสักครั้ง แต่ก็ได้แค่คิด เมื่อจู่ ๆ มือขาวก็ดันหัวของเขาขึ้น


“เดี๋ยวเรานวดให้”


คนฟังอมยิ้ม แม้นคินทรจะไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ผ่านทางคำพูด แต่เขาก็รับรู้ทุกสิ่งผ่านการกระทำเสมอ ชายหนุ่มเหลียวมองมือที่กดลงมาบนบ่า นับตั้งแต่ที่กลับจากดอยเสมอดาวคราวนั้น เรียวนิ้วนี้ก็ไม่เคยห่างจากแหวนที่เขาให้เลยสักครั้ง


พายุพัดจับมือของอีกฝ่ายก่อนจะดึงมาแนบอก ส่งผลให้คนข้างหลังจำต้องโน้มตัวตามลงมาจนผิวแก้มแนบกัน


“ถ้าม่อนรู้สึกว่ารักเราเมื่อไร บอกให้เรารู้บ้างนะ”


ทันทีที่จบประโยคนั้น ความเงียบก็โรยตัวโอบร่างทั้งสองเอาไว้ สิ่งที่ทำให้รู้ว่ายังมีอีกคนอยู่คือไออุ่นจากร่างกายที่สัมผัสกันกับเสียงลมหายใจ นคินทรไม่ได้ตอบเพียงแต่วาดแขนข้างที่เหลือกอดคอคนตรงหน้าแล้วกระซิบชิดใบหู


“สัญญา”


ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2018 19:10:12 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ว้าไม่จุใจเลย  เพราะหวานแค่ 25 ไม่เต็มร้อย

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ป่านนี้แล้วยังคิดว่าม่อนไม่รักอีกเหรอพาย

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1

แหมๆๆๆๆ พายุ หวานขนาดนี้ ยังบอกว่า  เพิ่งจะหวาน ได้ 25  :o8:

กว่าจะครบ 100   คนอ่าน คงลุ้นนนนนนนนนนนน จน  น้ำตาลขึ้น บอร์ดละมั้ง :กอด1:


 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อยากได้แบบพายยย ถ้าม่อนยังไม่รีบบอกรักเราจะแย่ง  :hao7:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เรามาช้ามากไปนุ่มนวลละมุนเหลือเกินค่ะ

ออฟไลน์ rcbpdr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตามอ่านจนถึงตอนปัจจุบัน เขินมากกกก ภาษาสวยอ่านแล้วเหมือนนั่งอ่านกลางสายหมอกจริงๆ555555 คิดถึงตอนมัธยมเลย ชอบความเรียบง่ายของเรื่อง ชอบที่ตัวละครไม่พุดคำหยาบด้วย บรรยากาศในเรื่องก็อบอุ่น ถ้ามีโอกาสได้ไปดอยเสมอดาวก็คงจะคิดถึงนิยายเรื่องนี้แน่ๆ ชอบมาก เอาใจช่วยพายกับม่อนนะ บอกรักเจ้าฉลามพายให้เป็นแมวพายได้เร็วๆ เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ;)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แหม แอบหนุงหนิงไม่เกรงจคนอ่านเลยนะ อะไรจะน่ารักอย่างนี้
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักมากกกกกกก

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
หวานมากกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ต้องหวาน 250% แล้วครับ รอบหน้า

ออฟไลน์ eium

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
รีบบอกนะม่อนเราอยากเห็นพายเขิน55555555555555555

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
บอกไปได้เแล้วพาย เราอยากเห็นฉลามหินเขิน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด