เกียร์สีขาวกับกาวน์สีฝุ่น
ตอนที่ 8 : คาทาน
“ไอ้เชี่ยยย ไป๋ มึงเอาอีกแล้วนะ”
เสียงไอ้ว่านบ่นออกมาอย่างหงุดหงิดเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันนี้ เพราะมันแพ้อีกแล้ว มันบ่นอุบอย่างหงุดหงิดเพราะวันนี้มันยังไม่ได้ชนะแม้แต่เกมเดียว หมอไป๋ครองตำแหน่งชนะเลิศตลอดรายการ ส่วนไอ้อิฐกับไอ้เพียวนี่ไม่ต้องสืบ แข่งกันได้ที่โหล่กันไปมา พวกมันทำหน้าเบ้ตั้งแต่ฟังกติกาแล้ว ดูเหมือนพวกมันจะไม่ค่อยชอบอะไรที่ต้องคิดซับซ้อนเท่าไหร่
“เอาน่าว่าน มึงโง่หนะ มึงยอมรับเถอะ” ไป๋เอ่ยด่าเพื่อนสนิทไปอย่างเคยชิน
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่มึงหลอกด่าพวกกูด้วยเปล่าวะ ถ้าที่สองอย่างไอ้ว่านนี่ถือว่าโง่แล้วพวกกูนี่จะเรียกว่าอะไร ใช่ไหมวะไอ้อิฐ ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงของเพียวหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี ส่วนไอ้อิฐก็ยิ้มแปลกๆ ไม่รู้วันนี้มันไปอารมณ์ดีอะไรมา
“ไป๋ อีกเกมเลยมึง รอบนี้กูไม่แพ้มึงแน่” เสียงของว่านพูดอย่างมุ่งมั่นพร้อมกับทำท่าจะเก็บอุปกรณ์เพื่อเริ่มเล่นใหม่อีกรอบ
“พอเหอะไอ้ว่าน นี่สามทุ่มกว่าแล้วนะ กูว่ากลับหอกันเหอะ พรุ่งนี้มีเรียนอีก” เขาเอ่ยขัดเพื่อนอย่างเบาๆ นี่พวกเขาก็นั่งตูดแฉะเล่นเกมนี่มาสองชั่วโมงกว่าแล้ว
“ขอโทษนะคะ พอดีพวกเราแข่งกันที่โต๊ะว่าใครเล่นบอร์ดเกมแพ้จะต้องมาขอไลน์คนอื่น แล้วผลออกมาคือเราแพ้”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขัดระหว่างที่เขากับว่านกำลังเถียงกันอยู่เรื่องจะเล่นกันต่ออีกเกม ผู้หญิงตรงหน้านี่ถือว่าน่ารักใช้ได้ ดูจากชุดนักศึกษาแล้วไม่ใช่มหาวิทยาลัยเขา แต่เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไหร่
และคนที่เธอเดินมาขอไลน์คือ... ไอ้อิฐ
“มีแฟนแล้วเหรอคะ”
เสียงนั้นเอ่ยต่อเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป ถึงแม้ว่าจะประโยคที่พูดจะติดกึ่งเกรงใจ แต่อวัจนภาษาที่ทอดมาไม่ได้เขินอายเลย ออกจะติดขี้เล่นยั่วเย้าเสียด้วยซ้ำ
“เปล่าครับ ผมยังโสด”
ไอ้อิฐตอบด้วยเสียงเรียบๆ หันไปดูที่โต๊ะฝั่งโน้นก็เห็นเพื่อนผู้หญิงกำลังนั่งลุ้นกันอย่างสนใจ ท่าทางอาจจะไม่ใช่แค่เล่นเกมแพ้
“งั้นขอไลน์หน่อยสิคะ”
เจ้าของเสียงหวานพูดพร้อมกับส่งโทรศัพท์มือถือให้ไอ้อิฐกดพิมพ์ หน้าจอที่เปิดค้างอยู่เป็นหน้าเพิ่มเพื่อนของโปรแกรมแชตสีเขียวแล้ว ไป๋ได้แต่นั่งมองอย่างสนใจว่าไอ้เถื่อนจะรับมืออย่างไรต่อไป
“ผมโสดครับ แต่พอดีผมชอบผู้ชาย”
“ไอ้เชี่ยยย อิฐ มึงชอบผู้ชายจริงๆ เหรอวะ”
ทันทีที่ฝ่ายสาวเจ้าเดินยักไหล่ออกไปแบบไม่ได้เสียหน้าอะไรมากนัก ไอ้ว่านก็ก้มหน้าลงกระซิบกระซาบทันที ทำไมมันถึงตกข่าวเรื่องประธานชมรมกีฬาสุดฮอตของโรงเรียนชอบผู้ชายไปซะได้
“กูพูดไปงั้นแหละ” ไอ้อิฐตอบออกมาเสียงเรียบๆ สายตาของมันมองมาที่เขาทั้งๆ ที่กำลังเอ่ยตอบคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอีกคน
“เชี่ยยย พูดเล่นไรของมึงเนี่ย” หมอว่านบ่นออกมาอย่างงงๆ
“ปฏิเสธอย่างนี้แหละ จบง่ายดี พูดอย่างอื่นมันจบยาก”
“เชี่ยวชาญจริงนะมึง โดนขอบ่อยหละสิ แต่ว่าเพื่อนเขาก็น่ารักดีนะเว้ย ถ้ามึงไม่ชอบเขา มึงให้ไลน์ไปขอจีบเพื่อนเขาก็ยังดี” ไอ้ว่านเอ่ยพูดพลางหันไปมองที่โต๊ะฝั่งโน้น
“มึงอยากจีบไหมหละ เดี๋ยวกูเดินไปขอให้เลย อยากได้คนไหนบอกมา” ไอ้อิฐตอบกลับมา
“ช่างแม่งเหอะ กูไม่หล่ออย่างมึงนี่หว่า จีบไปเขาก็ไม่เอากูหรอก”
ไอ้ว่านบ่นไปเรื่อยเปื่อย พลางหันไปยิ้มให้กับโต๊ะของสาวๆ เมื่อเห็นว่าฝั่งโน้นจับสังเกตได้ว่ามันแอบมองอยู่ ส่วนไป๋ก็ได้แต่หันไปมองนอกร้านอย่างเงียบๆ ในขณะที่บุคคลสุดท้ายในโต๊ะได้แต่นั่งพิมพ์อะไรยุกยิกในมือถือตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นเดินมาที่โต๊ะแล้ว
“กลับกันเหอะ กูง่วงแล้ว”
ไป๋พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าไอ้ว่านบ่นเสร็จเรียบร้อย คราวนี้ไม่มีใครขัดขวางอะไรเขา ไอ้เพียวเรียกพนักงานมาเก็บเงินค่าเวลาเล่นเกมกับขนมที่สั่งมากิน ส่วนไอ้ว่านก็หันไปเก็บอุปกรณ์บนโต๊ะเข้ากล่องเกมเพื่อเตรียมคืนให้ทางร้าน
“ไอ้ไป๋ เดี๋ยวมึงกลับกับไอ้อิฐดิ อยู่หอเดียวกันไม่ใช่เหรอ ไอ้ว่านจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา”
ไอ้เพียวพูดแนะนำ ความจริงสิ่งที่มันพูดก็ถูก ไอ้ว่านนอนอยู่หอใน ในขณะที่เขาอยู่หอนอก ถ้าให้ไอ้ว่านไปส่ง มันก็ต้องวนไปส่งเขารอบหนึ่งก่อนแล้วค่อยวนเข้ามออีกที แต่ไอ้อิฐมันก็ต้องกลับหออยู่แล้ว ไม่ว่าเขาจะกลับด้วยหรือไม่ก็ตาม
“อ๊าว ไหนมึงบอกจะไปส่งกูไง”
เขาเอ่ยทวงแบบไม่จริงจัง ความจริงไอ้เพียวเป็นคนเอ่ยว่าจะมาส่งเขาแท้ๆ เขาก็ทวงมันไปอย่างงั้นแหละ เขารู้ว่ามันอยู่หอนอกที่ต้องขับไปอีกทางหนึ่งเลย
“นั่งรถถูกๆ ของกูแล้วคนรวยๆ อย่างมึงจะคันสินะครับ”
ไอ้อิฐพูดออกมาอย่างติดกวนประสาท เขาก็บ่นไปเรื่อยเปื่อย แต่ไอ้อิฐก็กวนกลับเขามาเช่นกัน ความจริงคือรถไอ้อิฐก็ถือว่าถูกสุดในสามคัน แต่ความจริงนั่งคันไหนมันก็ถึงหอเขาเหมือนกันหมดนั่นแหละ
“เออๆ กูก็บ่นไปงั้นแหละ ไอ้ว่านมึงเขาหอเลยก็ได้จะได้ไม่ต้องลำบากวนไปวนมา”
ไป๋เอ่ยออกมาในที่สุด ความจริงเขาก็ไม่รู้จะเรื่องมากไปทำไม ไอ้อิฐมันก็ดูท่าทางไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรมากมาย
“เอางั้นนะ” ว่านถามทวนออกมาเพื่อความแน่ใจ
“เออ ติดรถไอ้อิฐกลับไปนี่แหละง่ายดี” เขาตอบอย่างตัดรำคาญออกมาในที่สุด
“หมอเรียนยากไหม”
เสียงคนขับเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาภายในรถที่มีแต่เสียงแอร์ดังหึ่งๆ ไอ้ว่านกับไอ้เพียวแยกกลับไปแล้ว เขาติดรถกลับมากับไอ้อิฐสองคน พอได้มานั่งใกล้ๆ มันก็ได้สังเกตว่าที่ต้นแขนมันมีรอยสักด้วย ครบสูตรความเป็นแบดบอยจริงๆ
“ปีหนึ่งก็เรียนเหมือนมึงนั่นแหละ เรียนแต่วิชาพื้นฐาน”
เขาตอบ ความจริงไอ้อิฐก็น่าจะรู้นะว่าเขาเรียนเหมือนกับมัน วิชาแลปฟิสิกส์เขายังมีเรียนชนกับคณะวิศวะอยู่เลย แต่คนอย่างมันคงไม่ได้ดูตารางเรียนหรอก วิชาแลปที่ว่าก็ยังไม่ได้เริ่มเรียนเสียด้วย
“เหรอ เห็นมีแต่คนบอกว่าหมอเรียนยาก” มันพูดแบบรำพึงเบาๆ
“ปีสองขึ้นไปนั่นแหละถึงเริ่มยาก ปีหนึ่งก็สบายสุดแล้ว”
“...”
“เออ ความจริงปั่นจักรยานกลับหอมันก็อันตรายจริงๆ นั่นแหละ กูเพิ่งรู้ว่าตอนกลางคืนรถมันเยอะขนาดนี้” ไป๋เริ่มเอ่ยพูดขึ้นบ้าง
“มึงน่าจะขับรถไปเรียน”
“กูก็ว่างั้นแหละ เดี๋ยวอาทิตย์หน้ากูจะเอารถมาเรียนละ”
“อืม ดี จะได้ปลอดภัยเวลากลับหอดึกๆ”
“...”
“ความจริงกูเป็นคนกวนตีนนะ ถ้าบางทีกูเผลอพูดไรไป กูก็ไม่ได้คิดอะไรนะเว้ย มันแค่แบบ นิสัยกูไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ไอ้อิฐพูด
“เออ กูก็เป็นพวกปากหมาเหมือนกัน”
บรรยากาศระหว่างพวกเขาดีขึ้นนิดหน่อย ความจริงไอ้อิฐก็ไม่ใช่คนนิสัยเลวร้าย สมัยอยู่โรงเรียนเก่าพวกเขาชิงดีชิงเด่นกันเรื่องชมรมก็จริง แต่มันก็แค่การแข่งขันกันแบบเด็กๆ ไม่เคยถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้งกันใหญ่โต เพราะไม่ว่ายังไง ต่างฝ่ายต่างก็ทำชื่อเสียงให้กับโรงเรียนทั้งคู่
“...”
“เออ กูไปแล้ว ขอบคุณมากเว้ยที่มาส่ง ไว้เจอกัน”
ไป๋ตัดสินใจพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ารถจอดนิ่งสนิทดีแล้วและไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่ออีก ความจริงเขาว่าจะไปหาซื้อขนมติดห้องไว้สักหน่อยเลยจะเดินแวะไปที่ร้านสะดวกซื้อใต้หอสักหน่อยก่อนขึ้นห้อง แยกกันตรงนี้เลยก็น่าจะได้
“เดี๋ยว”
“มีไรเปล่าวะ”
“พอดีกูมีเรื่องขอให้ช่วยหน่อยหวะ”
“ว่า”
“คือไอ้เพียวมันชอบเด็กคณะมึงอะ มันเลยให้กูมาถามว่าจะขอให้มึงช่วยมันจีบหน่อยได้เปล่า พอดีมันไม่มีคนรู้จักอยู่ในคณะแพทย์เลย มีแค่มึงกับไอ้ว่านสองคน” อิฐพูดขึ้นมาเมื่อไป๋หันไปมองหน้าเพื่อรอฟังคำตอบ
“หือ”
“แต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะเว้ย เดี๋ยวไอ้เพียวกับกูหาวิธีอื่นกันก็ได้” อีกฝ่ายรีบพูดต่อเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป
“ที่มึงชวนกูไปเล่นบอร์ดเกมก็เพราะเรื่องนี้สินะ”
ไป๋ยิ้มขึ้นมาเมื่อค้นพบเหตุผลที่ไอ้อิฐมาทำตัวแปลกๆ กับเขาได้แล้ว ที่แท้มันจะตีสนิทเขาเพื่อช่วยไอ้เพียวจีบคนในคณะแพทย์นี่เอง
“เออ ก็ประมาณนั้น” อิฐตอบแบบง่ายๆ
“ใครวะ”
“น้ำหอม ดาวคณะมึงอะ”
“อ๋อ”
“เออ”
“กูก็ไม่ค่อยสนิทนะ แต่เอาเป็นว่ากูจะช่วยทำที่ช่วยได้แล้วกัน”
ไป๋รับปากไปแบบไม่คิดมาก ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ก็ครอบคลุมความหมายชัดเจนแล้ว คือเขาจะช่วยเท่าที่อยากจะทำพอ ที่เหลือเดี๋ยวค่อยโยนให้ไอ้ว่านไปละกัน
“เออ ขอบคุณแทนไอ้เพียวด้วย เดี๋ยวบอกมันให้ มันคงดีใจมาก มันนี่เพ้อถึงดาวคณะมึงให้กูฟังทุกวัน” อิฐพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เขาเห็นไม่ค่อยบ่อยนัก ความจริง ไอ้อิฐนี่เวลายิ้มก็ดูมีความเลวน้อยลงไปเยอะเลย
“ความจริงบอกกูแต่แรกก็ได้นะ ไม่ต้องมาลำบากชวนกูไปเล่นบอร์ดเกมให้วุ่นวาย”
“เอาน่า จะได้สนิทกันไว้ ยังไงมึงกับว่านก็เด็กโรงเรียนเดียวกับกูกับไอ้เพียวนะ มีอะไรจะได้ช่วยกัน”
“เออ โชคดีมึง งั้นกูไปแล้ว ฝากบอกไอ้เพียวด้วยแล้วกันว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอกมา” เขาพูดพร้อมเปิดประตูก้าวออกจากรถ
“ฝันดี”
ไป๋เถลไถลเดินเลือกของกินมาติดห้องไว้สักพักหนึ่งก็เดินกลับขึ้นหอมาด้วยขนมและเครื่องดื่มเต็มสองถุงได้ พอออกจากลิฟท์เลี้ยวหักมุมมาก็เห็นลูกบิดประตูห้องของตัวเองมีของแขวนไว้อยู่ก่อนแล้ว เดินเข้าไปก็เจอว่าเป็นนมรสจืดขวดหนึ่งแขวนไว้เหมือนกับข้าวต้มปลาหมึกเมื่อวานเลย เพียงแต่วันนี้มีมีกระดาษแปะไว้ที่ถุงหนึ่งใบด้วย
To… ไป่ไป๋
นมนี่เป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ... ผมพูดถูกใช่ไหมครับหมอ?
From… 950
‘สรุปว่าคนที่เอาข้าวต้มมาแขวนเมื่อวานคือไอ้ 950 นี่เอง’
นายพินต้า
ติดตามและพูดคุยกับนักเขียนได้ที่
www.twitter.com/ninepinta อ่านจบแล้วเม้นหน่อยนะ นะนะนะนะนะ อ้อนวอนสุดฤทธิ์ นักเขียนกดรีเฟรชเข้ามารออ่านคอมเม้นทุกชั่วโมงเลยนะ เม้นหน่อยนะ นะนะนะนะนะ จะรออ่านนะ เม้นเยอะๆ จะได้มาต่อไวไวไง
