ผมจะไปเกณฑ์ทหาร
บทที่ 9
Kao’s part
“โอ๊ย พ่อจ๋าแม่จ๋า จะผ่าทำเหี้ยอะไรวะ”
จ๊ากกกก
เกิดศึกยุทธหัตถีขึ้นแล้วสิครับตอนนี้ ช้างสองตัวชนกันอยู่กลางการประลอง โดยเฉพาะช้างไอ้กาวกำลังชูงวงเลยฮะท่านผู้ชมมมมม
หลังจากส่งเสียงเอะอะเพราะกลัวฟ้าผ่าหมอเกื้อก็กอดผมแน่นจนขยับไม่ได้ ตรงกลางตัวแม่งก็ถูไถจนได้เรื่อง ผมปวดหนึบไปหมดเลือดลมแล่นวาบๆตั้งแต่หัวจรดเท้า กลิ่นแป้งเด็กจากตัวหมอลอยเข้าจมูก ไหนจะเนื้อตัวสั่นๆที่เบียดผมอยู่นี่อีกล่ะ
“ไม่ทนแล้วโว้ย”
ตบะแตกในที่สุด เมื่อความอดทนหมดสิ้นลงผมก็ลืมทุกอย่าง ลืมว่าหมอเป็นลูกของเจ้านาย ลืมว่าตัวเองเป็นแค่พลทหารแสนกระจอก ในตอนนี้มีแค่ไอ้กาวผู้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังต้องการคนในอ้อมกอดเหลือเกิน
“หมอห้ามสิ แค่หมอห้ามผม”
ผมผลักไหล่หมอเกื้อให้หงายหลังลงไปบนที่นอนยัดนุ่นก่อนที่ตัวเองจะพลิกไปคร่อมทับเขาไว้ เราทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความมืด คล้ายว่าหมอเกื้อจะสับสนอยู่บ้างแต่ไม่นานดวงตาคู่นั้นกลับมองผมราวกับท้าทาย ก็ในเมื่อหมอไม่ห้าม ผมก็เลิกคิดที่จะหยุด
ผมก้มหน้าลงไปจูบที่ปากของหมอเกื้ออีกครั้ง คราวนี้จงใจกว่าเมื่อครู่ที่ผ่านมา ปากของหมอเกื้อนุ่มจากลิปมัน กลิ่นผลไม้ทำให้ผมติดใจโคตรๆ ลิ้นหยุ่นข้างในตวัดพลิกโต้ตอบจนพากันหายใจหอบ ผมล้วงมือเข้าไปในเสื้อยืดลายการ์ตูนที่หมอใส่อยู่ เขาสะดุ้งนิดหน่อยตอนที่ผมวางมือแนบไปกับผิวอุ่น เราผละปากออกจากกันอย่างเร่งร้อนเมื่อผมต้องถอดเสื้อยืดผ่านหัวออกไป จากนั้นเราก็จูบกันต่ออีก
ฟ้าผ่าลงมาอีกครั้ง หมอเกื้อผวาเข้ากอดผม ไม่มีเสียงร้องหลุดจากลำคอเพราะถูกผมกลืนเสียงไปหมดแล้ว ผมถกกางเกงขายาวของหมอออกจนพ้นสะโพก เมื่อถึงวินาทีนี้หมอไม่มีอะไรติดตัวอีกแล้ว ผมยอมคืนอิสระให้กลีบปากแสนนุ่มเพื่อจะตรวจร่างกายของหมอให้เต็มตา
สีหน้าของหมอเกื้อดูเคอะเขินน่าเอ็นดู เขาเบนสายตาหลบไปแวบหนึ่งก่อนจะหันมาถามผมเสียงสั่นพร่า
“กาวไม่เกะกะเสื้อผ้าตัวเองบ้างเหรอ”
“หมอถอดให้ผมสิ จะได้เสมอกัน”
แหม คารมไอ้กาวก็ใช่ย่อยนะครับ ก่อนมาเป็นทหารเกณฑ์นี่ก็จีบสาวในเกมให้แวะมาเที่ยวที่ห้องได้หลายรายละ หมอเกื้อหน้าแดงเห็นชัดเลยทีนี้ แต่เขาก็ยอมถอดเสื้อผ้าของผมออกจนได้
“หนาวเนอะ”
ผมกระซิบข้างหูหมอเกื้อ ความชื้นของอากาศแล่นมาจับตามผิวจนต้องแสวงหาความอบอุ่น ผมก้มลงจูบที่หน้าอกเนียนขาวละเอียดและย้ายไปที่ตุ่มเม็ดเล็ก มือไม้อยู่ไม่สุขลูบไล้เนื้อตัวของหมอ ได้ยินเสียงถอนหายใจแผ่วเบาดังแว่วมา ผมก็ยิ่งละเลงลิ้นใส่จนเปียกชุ่ม
“อื้อ กาว”
ผมดันท่อนขาของหมอให้แยกห่าง ช้างน้อยของหมอก็ชูงวงไม่แพ้กัน แต่ผมก็จัดการจับมันมัดไว้ด้วยมือของผม เมื่อหมอเกื้อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดต่อไปสีหน้าของเขาก็ชักแหยงๆ
“ผมจะเจ็บไหมกาว ช่องทางนี้มันไม่ใช่ช่องทางปกติ มันไม่มีน้ำหล่อลื่น มันไม่มี อึก...”
ผมจูบเขา ปิดเสียงแสนกังวลของหมอไว้ รอจนหมอเริ่มเคลิ้มตามจึงได้พูดข้างหูของหมออีกครั้ง
“ผมไม่ทำให้หมอเจ็บหรอกน่า สัญญาจากเกียรติของทหารเกณฑ์เลยครับ”
จริงๆก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันอะนะ แต่ก็มีรูเดียวนี่แหละมั้งที่จะจัดการได้ ไม่มีน้ำหล่อลื่นก็น้ำลายกูนี่แหละครับ ธรรมชาติสร้างสรรมาแล้วไม่ต้องคิดมาก ผมถ่มน้ำลายใส่มือปลายนิ้วลูบไล้ช่องทางเดียวของหมอเกื้อ จากนั้นก็จ่องวงช้างติดหน้าถ้ำ
“มองตาผมนะหมอ”
ผมสบตาสร้างความมั่นใจก่อนจะดันงวงช้างให้ลอดปากถ้ำเข้าไป หมอเกื้อกัดฟันแน่นจนผมต้องค่อยๆดันเอวทั้งที่อยากจะลุยถ้ำใจแทบขาด แต่นี่คงเป็นครั้งแรกของหมอ จนกระทั่งลูกช้างของผมมันมุดถ้ำเข้าไปหมดทั้งตัวผมจึงได้จูบหน้าผากของหมอเพื่อปลอบใจ
“หมอเก่งจัง ไม่เจ็บแล้วเนอะ”
“ผมไม่ใช่เด็กแล้ว กาวไม่ต้องล่อหลอกหรอก”
แหม ขนาดโดนกูมุดถ้ำมิดยังตอบโต้ได้อย่างกวนตีนไม่ทิ้งลายเลยนะ เมียกู
ฮะ! นี่เผลอเรียกหมอเกื้อว่าเมียซะแล้วกู
“งั้นไม่เสียเวลาหลอกหมอแล้ว ที่เหลือผมลุยแล้วนะ”
อยากจนจะขาดใจตายแล้ว โยกต่อไม่รอแล้วครับท่านผู้ชม
ผมตั้งเข่า ดันขาของหมอเกื้อแยกออกจากกัน จากนั้นผมก็สวนสนามเข้าใส่ ช่องทางของหมอแปลกใหม่สำหรับผม มันโอบรัดกำลังพอดีกับลูกช้างที่กระแทกถ้ำจนโยกไปมา หมอเกื้อแอ่นตัวเข้าใส่ หน้าแหงนเชิดสูดปากสลับปล่อยเสียงออกมา เสียงของหมอเพราะดีแฮะ ยิ่งทำให้ผมออกแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“อา กาว ดะ ดี ดีครับ ตรงนั้น ใช่เลย”
จัดว่าเด็ด เจอของดีเข้าแล้ว ผมโอบเอวของหมอเกื้อให้ลอยยกสูงพลางสับเอวเข้าใส่ตำแหน่งที่หมอแจ้งพิกัดรบ หมอบิดเอวไปมาท่าทางทรมาน
“โอววว กาว เด็ดสุด อีกนิดเดียว”
หมอใช้มือคว้างวงช้างตัวเองไปบังคับทิศทาง ข้อมือของหมอโยกขึ้นลงเร็วมาก ผมรู้ว่าจังหวะนี้หมอกำลังหน้ามืดแล้ว ผมก็ยิ่งเร่งแรงเข้าใส่เพื่อให้หมอระเบิดตัวเองออกมา
“กาว กาวครับ อื้อ ไม่ไหวแล้ว โอ๊ย”
หมอเกื้อเกร็งไปทั้งตัว งวงช้างพ่นน้ำออกมาเปียกเต็มมือ ผมกัดฟันเมื่อถ้ำของหมอบีบผมรอบทิศ โว้ย กูจะตายแหล่ววว
“หมอ เบา อย่าบีบผม อู๊ยย”
“มันห้ามกันได้ที่ไหนละครับกาว ฮื้อ”
เมื่อส่งหมอเข้าเส้นชัยไปแล้วก็เหลือแต่ผมละทีนี้ ผมยกขาสองข้างของหมอพาดบ่า จากนั้นผมจึงออกแรงไม่ยั้งแล้ว กล้ามเนื้อหน้าท้องบีบไปหมด ทรมานจังโว้ย
“หมอ แม่ง แน่น มาก โอย จะ แตก แล้ว”
กูก็รำพันเข้าจังหวะกระแทกกระทั้น หมอเกื้อนิ่วหน้านิดนึงตอนที่ผมกลั้นใจดึงลูกช้างออกจากปากถ้ำ ใช้มือบังคับไม่กี่ทีไอ้ลูกช้างตัวดีก็พ่นน้ำออกมาเปียกรดหน้าท้องของหมอเกื้อ ผมทิ้งร่างลงไปทับหมออย่างเหน็ดเหนื่อย
“โอ๊ย เหนื่อยยิ่งกว่าโดนจ่าพิชิตสั่งซ่อมอีก”
หมอเกื้อดันไหล่ผมให้พ้นการทาบทับ เรานอนตะแคงหันหน้าเข้าหากันสบตากันในความเงียบ ฝนหยุดตกไปแล้วเหลือทิ้งไว้แค่อากาศชื้นหนาวเย็น ผมก็เลยเนียนกอดหมอไว้
“หมอ หนาว กอดหน่อย”
“หนาวอะไร ตัวร้อนจะตาย”
ก็เพิ่งออกแรงมานี่หว่า ธาตุไฟเข้าแทรกตัวก็ร้อนเป็นธรรมดาแหละ
“หายเจ็บหรือยังครับ”
เชยคางหมอขึ้นมา หน้าแดงก่ำเชียวฮะ น่าเอ็นดู๊ น่าเอ็นดู
“หน้าหมอเหมือนอาหมวยเลยอะ”
“ผมเป็นผู้ชายนะ ต้องเป็นอาตี๋ไม่ใช่เหรอ”
หมอเกื้อทำหน้าเหรอหรา ผมหัวเราะพลางบีบจมูกหมอเบาๆ
“หมวยนั่นแหละถูกแล้ว หมวยติดคอ”
“กาว บ้าว่ะ”
หน้าแดงจนไปถึงหูแล้วมั้งเมื่อรู้ความหมายของผม หมอหน้าหมวยเอ๊ยตี๋ทุบไหล่ผมผลัวะๆ โอ๊ย มือหนักจริงโว้ย
“เบาๆ โอ๊ย เบาครับเมีย เดี๋ยวผัวตับแตกตายเมียจะตกเป็นข่าวใหญ่ว่าซ้อมผัวจนตายนะครับ”
หมอเกื้อนิ่งงัน เขาถอนหายใจเมื่อต้องยอมรับสภาพ
“ฟ้องพ่อดีไหม ว่ากาวปล้ำผม”
“แหม แต่หมอลงมาหาผมที่ห้องเองนะ ถือว่าสมยอม ศาลยกล้อ แล้วถ้าเสธ.รู้เอาปืนมายิงผมตาย หมอก็เป็นหม้ายนะครับ”
หมอเกื้อทำตาโตเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ เขาสะบัดหน้าใส่ผม
“ถุงยางก็ไม่ได้ใส่”
“ใครจะไปรู้ว่าหมอจะมาหาล่ะครับ หมอโทษกรมอุตุเลยที่ไม่บอกก่อนว่าจะมีฝนฟ้าคะนอง ถ้าผมรู้ว่าหมอกลัวเสียงฟ้า ผมจะแว้นไปซื้อถุงยางหน้าค่ายตั้งแต่ก่อนไปรับหมอที่โรงพยาบาลแล้ว”
ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตอนที่หมอเกื้อเม้มปากใช้ความคิด
“พอเช้าแล้วกาวต้องไปโรงพยาบาลกับผม”
“ไปทำไมอะหมอ ผมสบายดี”
ไม่ค่อยถูกกับโรงพยาบาลเท่าไหร่ฮะ กลัวเข็ม
“ไปเจาะเลือดไง เราต้องไปเจาะเลือดตรวจเชื้อเอชไอวี แล้วอีกสามเดือนไปตรวจซ้ำ”
ตากูเหลือกเลยครับงานนี้
“ไม่เอาหมอ จำไม่ได้เหรอว่าผมกลัวเข็ม”
เมียหมาดๆทำหน้าโหดเหี้ยม และไม่ฟังคำอ้อนวอนของผมเลย ไอ้หมอ ฮืออออ
“จำได้แม่นเลยครับกาว แต่กาวไม่มีทางเลือก กาวต้องไปตรวจเลือดกับผม”
มีต่ออีกนิด....