พิมพ์หน้านี้ - <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> #นิยายอ่านนอกเวลา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Belove ที่ 17-05-2018 01:08:31

หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> #นิยายอ่านนอกเวลา
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 17-05-2018 01:08:31

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง


ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง


ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม







                               :fox2: :fox2: :fox2: :fox2: :fox2: :fox2: :fox2: :fox2: :fox2: :fox2:



สารบัญ


บทที่ 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67194.msg3832387#msg3832387)
บทที่ 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67194.msg3841951#msg3841951)
บทที่ 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67194.msg3850215#msg3850215)
บทที่ 4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67194.msg3867826#msg3867826)
บทที่ 5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67194.msg3871273#msg3871273)
บทที่ 6(Kao's Part) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67194.msg3877509#msg3877509)
บทที่ 7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67194.msg3887552#msg3887552)
บทที่ 8 (Kao's Part) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67194.msg3898460#msg3898460)
บทที่ 9 (Kao's Part) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67194.msg3904008#msg3904008)
บทที่ 10 ตอนจบ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67194.msg3919592#msg3919592)







                                               :give2: :give2: :give2: :give2: :give2: :give2: :give2: :give2:





หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 1 [17/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 17-05-2018 01:11:46



                                                         ผมจะไปเกณฑ์ทหาร

                                                               บทที่ 1



                “อึก ฮะ ฮัก บะ เบา”


                 ท่ามกลางความรู้สึกสะลืมสะลือนั้น ผมรู้สึกได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมล่วงล้ำเข้ามาในร่างกายของผมอยู่  มันเจ็บแปลบอยู่ช่วงหนึ่งก่อนที่มันจะกลายเป็นความทุรนทุรายกับแรงกระแทกอยู่ตรงระหว่างขา


                 “อย่าเกร็งสิครับ ยกสะโพกขึ้นหน่อย ดีมาก”

     
                  เสียงใครบางคนกระซิบออกคำสั่งอยู่ใกล้หูให้ผมทำตาม ความเสียดสีของสิ่งแปลกปลอมทำให้ผมหายใจไม่ทัน ผมอ้าปากงับอากาศเหมือนปลาทองกระโดดพ้นผิวน้ำ


                 “อา แน่นชะมัด ครั้งแรกใช่ไหม”


                 ใช่นะสิ


                ผมกัดปากตัวเองเมื่ออยู่ ๆ ยอดอกของผมถูกงับและดูดเบา ๆ ร่างกายของผมเด้งเข้ากอดคนที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายของผมโดยอัตโนมัติ คน ๆนั้นซุกหน้าอยู่ตรงหน้าอกของผมราวกับติดใจในขณะที่ผมกำลังมึนงงมองเห็นแต่เพดานสีมัวของห้องมืดมิดที่มีเพียงแสงไฟของห้องน้ำส่องลอดออกมา


                “ฮื่ออ เสียว”


               เพิ่งได้ยินเสียงตัวเอง กระเส่าเซ็กซี่เกินเหตุ ตอนนี้ท้องน้อยของผมปั่นป่วนไปหมดจนต้องโยกเอวรับแรงกระแทกที่เร่งจังหวะมากขึ้นเรื่อย ๆ ดีนะที่ผมซ้อมเต้นทุกวันสะโพกและเอวถึงได้แข็งแรงขนาดนี้ เอ๊ะ! มันใช่เหรอ?


               “ใจเย็นนะครับ อย่าเพิ่งเร่งนะ เดี๋ยวจะพากันไม่ถึงฝั่ง”


               ออกคำสั่งอีกแล้ว ใครวะ


               “อูย ตรงนั้น ซ้ำได้ไหม อีกที อื้อ”


              อิมโพรไวส์เสียงยิ่งกว่าตอนไปออกรายการโทรทัศน์แล้วให้โชว์ร้องสดเสียอีก ได้ยินเสียงทุ้มจากลำคอที่ป้วนเปี้ยนอยู่แถวซอกคอของผมประสานเสียงกลับมา ผมบิดตัวไปมากับความทรมานใจจะขาด


                “โอย อีกนิดเดียว”


                “งั้นเร่งเลยนะ”


              เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่น ผมปล่อยเสียงเต็มพลังก่อนจะหอบตัวโยนเหมือนถูกผลักให้กระโจนข้ามหน้าผากว้าง มองเห็นสวรรค์อยู่เบื้องหน้า ในขณะที่คนที่ส่งผมมาเร่งเอวเข้าใส่เพื่อส่งตัวเองตามมาติด ๆ


                เขาซบหน้าลงกับไหล่ของผมแล้วหอบแข่งกัน ดวงตาของผมหรี่ลงและเคลิ้มหลับไปวูบหนึ่งเพราะความเหนื่อยอ่อนบวกกับฤทธิ์เหล้าที่กินเข้าไปก่อนหน้า โดยมีร่างใครอีกคนนอนกอดผมไว้ข้างๆ





              1 วันก่อนหน้านี้



               “กว่าจะฝ่ากองทัพแฟนคลับมาได้”


               แม่จ๋าของผมบ่นนิดหน่อยตามปกติเหมือนทุกครั้งที่ไปรับผมจากสนามบิน ทำไงได้ล่ะฮะ คนมันดังนี่นา


               ผมชื่อจริงว่าดรัณ ชื่อเล่นแม่ตั้งว่าดีน อายุยี่สิบสองปีถ้วน เดบิวท์วงบอยแบนด์ที่เกาหลีตั้งแต่สี่ปีที่แล้วหลังจากไปฝึกที่ค่ายเพลงตั้งแต่จบมัธยมต้น ตอนนี้ชื่อเสียงของวงก็เรียกว่าดังเลยก็ว่าได้จากความพยายามของพวกเรา ผมกลับประเทศไทยบ่อย ๆ เท่าที่มีเวลาว่าง แต่ที่มาวันนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญระดับชาติ


                  พรุ่งนี้ ผมจะไปเกณฑ์ทหาร


                  หลังจากที่ผัดผ่อนมาสองปี ปีนี้ผมเลยตัดสินใจมารายงานตัวและจับใบดำใบแดงให้มันจบเรื่อง ทั้งที่งานก็ยังเยอะอยู่นั่นแหละแต่ก็พอจะเคลียร์กับต้นสังกัดได้


                  “แล้วไม่กลัวจับได้ใบแดงหรือไง”


                 “แม่จ๋าพูดอะไรอย่างนั้นล่ะ”


                 ผมลงไปนอนหนุนตักแม่พลางส่งเสียงออดอ้อน


                “นี่อยากให้ลูกไปเป็นทหารนักเหรอ”


                “เอ้า จะไปรู้เหรอ แม่น่ะยังไงก็ได้ เป็นทหารก็ไม่เลวร้ายนี่”


                 “ไม่ได้เป็นหรอกแม่ นี่ดีนไม่ได้ออกกำลังกายเล่นเวทมาเป็นเดือน ข้าวก็กินนิดเดียวให้ตัวผอม ๆ แม่ดูหน้าอกดีนสิ รอบอกเหลืออยู่หน่อยเดียว ยังไงก็ตรวจร่างกายไม่ผ่านหรอก”


                “ไอ้ลูกเจ้าแผนการ แม่รึก็อุตส่าห์เป็นห่วงที่แท้ก็จงใจทำตัวผอมเหรอ”


                อย่าบอกใครนะครับเรื่องแผนของผม คือผมไปศึกษามาแล้วเกณฑ์การตรวจร่างกายทหารกองเกิน ความสูงต้องเกินร้อยหกสิบเซ็นติเมตร ซึ่งผมสูงร้อยเจ็บสิบห้าไงล่ะมันผ่านอยู่แล้ว ส่วนรอบอกต้องมีขนาดเจ็ดสิบหกเซนติเมตรขึ้นไป รูปร่างผมน่ะผอมสูงไง พวกแฟนคลับชอบเรียกผมว่าตัวเล็กบ้างละ อ้อนแอ้นบ้างล่ะ จริง ๆ ก็อยากจะตัวใหญ่มีกล้ามบ้างนะแต่เล่นเวทแล้วก็ยังไม่ขึ้นเท่าไหร่ เนี่ย เอามาใช้ประโยชน์ตอนนี้ อดข้าวอดน้ำจนผอมโซ ลองวัดหน้าอกตัวเองแล้วได้แค่เจ็ดสิบสี่เซ็น ยังไงก็ไม่ผ่าน ฮ่า ๆ


              ผมคุยกับแม่ครู่หนึ่งแล้วจึงขึ้นไปห้องนอนตัวเอง กว่าจะมาถึงบ้านก็เย็นมากแล้ว โยนกระเป๋าไว้บนที่นอนและหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่เด็กชื่อไอ้ตั้ม


               “เหี้ยตั้ม ทำไรอยู่”


               ไอ้ตั้มมันเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายครับ แต่ว่ามันเรียนรด.มาตอนม.ปลาย มันเลยรอดไม่ต้องเกณฑ์ทหาร แค่ไปรายงานตัวเฉย ๆ ส่วนผมไปเกาหลีตั้งแต่สิบห้ารด.ไม่ได้เรียนก็เลยต้องมาเกณฑ์ทหารนี่ไง


              “เล่นเกมอยู่ว่ะ มาถึงเมื่อไหร่วะ กูเห็นน้องสาวกูไปกรีดร้องรอรับมึงที่สนามบินทั้งที่ก็เจอกันตั้งแต่เด็ก”


                น้องไอ้ตั้มเป็นแฟนคลับวงผมครับ ชอบให้ไอ้ตั้มมาขอรูปพร้อมลายเซ็นเมมเบอร์จากผมเป็นประจำ มันเล่นเส้นฮะบ้านนี้


                “เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เลย แม่ง พรุ่งนี้ต้องไปรายงานตัวตอนแปดโมง”


                 “มึงทำใจดี ๆ ไว้เพื่อน เขาอาจจะมีคนสมัครเยอะจนไม่ต้องจับก็ได้”


                 “สาโท เอ๊ย สาธุ เออ เหี้ยตั้ม ไอ้ผับที่มึงเคยพากูไปเที่ยว มันยังเปิดอยู่ไหมวะ”


                   บ้านผมกับไอ้ตั้มไม่ไกลกันนัก ในละแวกนี้มีแหล่งท่องเที่ยวอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเอกชนที่ไอ้ตั้มมันเรียนอยู่ ไอ้นี่มันสายแว้นสายเมาครับ ไว้ใจได้เรื่องจัญไร


               “เปิด ไมอะ อยากไปเหรอ”


                 “เออ มารับหน่อย”


                 “ได้ แม่จ๋าของมึงหลับกี่โมงล่ะ กูจะได้พามึงหนี”


                “สี่ทุ่ม มึงมารับกูได้เลย เดี๋ยวกูแต่งตัวรอ”


               รู้กันกับไอ้ตั้มครับ แม่นอนไม่ดึกเพราะต้องตื่นไปเปิดร้านอาหารแต่เช้า เมื่อตกลงกับไอ้ตั้มได้ผมก็วางสายไปกินอาหารเย็นกับแม่และรอเวลาให้ไอ้ตั้มมารับตามนัด





                ไอ้ตั้มมารับตรงเวลา ผมปีนระเบียงลงมาจากห้องนอนอย่างที่เคยทำเวลาหนีเที่ยวกับไอ้ตั้มสมัยเด็ก กระโดดซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ได้ไอ้ตั้มก็บิดคันเร่งพาผมไปยังที่หมาย วันนี้ผมแต่งตัวในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาที่ไม่ได้สะดุดตามาก บนหน้ามีแว่นตาเคลือบปรอทและหมวกแก็ปปิดบังไว้อยู่ หวังว่าคงไม่มีใครจำได้นะ


              พอไปถึงผับเล็ก ๆ แห่งนั้นคนกำลังหนาตา ไอ้ตั้มใช้ความเป็นลูกค้าประจำหาที่นั่งจนได้ มันสั่งเหล้ากับมิกเซอร์กับแกล้มพร้อม สายตามันก็สอดส่ายเล็งสาวตามปกติของมัน
ผมกระดกเหล้าเข้าปาก สายตาที่ซ่อนอยู่หลังแว่นก็แอบเหล่สาวไปเรื่อย ๆ กินอยู่พักใหญ่พอเริ่มกรึ่ม ๆ ก็ชักจะปวดฉี่


               “กูไปเยี่ยวนะ”


               เสียงชักอ้อแอ้ตอนที่หันไปบอกไอ้ตั้ม เพื่อนเหี้ยกำลังนั่งนัวเนียกับสาวที่เพิ่งเจอหันมาพยักหน้ารับอย่างขอไปที ผมเลยเดินประคองตัวไปยังห้องน้ำชาย พอจัดการปลดปล่อยออกไปจึงเดินมาล้างหน้าที่ก๊อกน้ำก่อนจะเดินออกไปด้านนอก


              “พี่ พี่คะ พี่”


               ใคร พี่ไหน


               “ดีนวงเดอะคิดส์หรือเปล่า”


                ผมสะดุ้ง เหี้ย ตะกี้ล้างหน้าแล้วเผลอถอดแว่นแป๊บนึงไง


              “ใช่หรือเปล่าพี่”


                ทำไงดีวะ


               ผมตัดสินใจเดินเลี้ยวไปด้านข้างห้องน้ำ เจอร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งก็รีบคว้าแขนของเขาให้ยืนบังตัวผมไว้ สีหน้ของเขาดูงง ๆ กับการกระทำของผม


                “หายไปไหนแล้ว พี่ดีนนนน ใช่แน่ ๆ”


               เหี้ย ทำไงดี งานงอกแล้วมึง


                วินาทีนั้นเองที่ผมยกแขนขึ้นคล้องคอผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต ผมโน้มคอเขาที่สูงกว่าผมลงมาแล้วจูบเขาที่ปาก เหมือนเขาจะชะงักไปก่อนจะเล่นตามน้ำ มือใหญ่ของเขาอ้อมไปที่ด้านหลังและโอบเอวผม จูบที่ตอนแรกแค่เพียงประกบริมฝีปาก เขาฉวยโอกาสดันลิ้นของเขาเข้ามาในปากของผม




มีต่ออีกนิด...





หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 1 [17/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 17-05-2018 01:17:43
ต่อกันตรงนี้...




              “อึก”


              “เอ่อ พี่ดีนล่ะ คุณคะ อย่าหาว่ากวนเลยนะ เห็นผู้ชายสูง ๆ ขาว ๆ หน้าหล่อ ๆ วิ่งมาทางนี้ไหมคะ”


              ผู้ชายตัวสูงผละลิ้นออกจากปากผมพลางหันไปตอบด้วยเสียงนุ่ม


              “ไม่ทันเห็นนะครับขอโทษที มัวแต่จูบกับแฟนอยู่”


              “กรี๊ด หนุ่มวายเหรอพี่ งั้นไม่กวนล่ะค่ะ พี่ดีนนนน อยู่ไหน”   


               ผมไม่รู้ว่าสาว ๆ กลุ่มนั้นทำหน้าแบบไหนตอนที่เขาบอกว่าจูบกับแฟนเพราะมัวแต่หลบหน้าอยู่กับแผงอกล่ำ ๆ ของเขา และพอรู้ตัวอีกทีเขาก็ก้มหน้าลงมาจูบผมอีกครั้ง แถมยังดันไหล่ของผมจนชนกับผนังหมดทางดิ้นรน
แม่ง จูบเก่งเหี้ย ๆ  ตวัดลิ้นซ้ายทีขวาที มือก็สอดเข้ามาในเสื้อยืดลูบไล้เนื้อตัวจนผมเตลิดตาลอยไปหมด


                “ถ้าพวกนั้นกลับมาจะทำยังไง”


                 “หลบ ต้องหลบก่อน”


                 ผมตอบกลับทั้งที่ยังงงอยู่กับการจู่โจมของเขา


                “ถ้าอย่างนั้น มากับผมนะ”




                นั่นแหละครับ ท่านผู้ชม


                 มากับเขาเพราะเมา และเพราะจะหลบแฟนคลับ จนเขาพาขึ้นรถกระบะมาจอดที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลกับผับ พอเข้ามาในห้องเขาก็ดึงผมเข้ามาจูบมากอดและในที่สุด ฮือ ผมก็โดนพรากซิง เด็ก ๆ อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะ


                ลืมตามาอีกทีกับอาการเมื่อยขบ ผมลุกขึ้นนั่งสะบัดหัวเรียกสติ เมื่อได้ก้มหน้ามองตัวเองว่าทั้งตัวยังไม่มีอะไรสักชิ้นนอกจากผ้าห่มโรงแรมผมก็ตาเบิกโพลงสิครับ


               หันขวับไปมองประตูห้องน้ำที่เปิดออก เพิ่งจะเห็นหน้าคนที่หิ้วผมมา เขาเป็นผู้ชายสูงร้อยแปดสิบอัพแน่ ๆ ผมสั้นกล้ามเป็นมัดมีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างหมิ่นเหม่หยดน้ำเกาะพราว


                “ตื่นแล้วเหรอ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”


                 พี่มึงยังกล้ามาถามนะ


                 รู้ตัวนั่นแหละว่าพลาดเอง จะให้ตีโพยตีพายก็ไม่ได้ ผมเม้มปากหนีอย่างเจ็บใจตัวเอง


                “ผมขอโทษที่ล่วงเกินนะ แต่ดื่มไปเยอะจริง ๆทั้งคุณทั้งผม”


                อย่ามาทำตาพราวครับไอ้เหี้ย


                “ช่างแม่งไป เอ๊ะ กี่โมงแล้ว”


                “ตีสี่”


               “ชิบหายล่ะ แม่ตื่นตีห้าต้องรีบกลับบ้าน”


                ผมสะดุ้งทันที โตจนเลียตูดหมา เอ๊ย  หมาเลียตูดไม่ถึงก็ยังกลัวแม่ตีครับ ผมคว้าโทรศัพท์หาไอ้เหี้ยตั้มทันที


               “มึงอยู่ไหน”


                ผมส่งเสียงดังใส่มัน ไอ้เหี้ยตั้มส่งเสียงงัวเงียตอบมา


                “อยู่ห้องน้องผึ้งว่ะ”


                “แล้วทำไมมึงไม่เป็นห่วงกู ไอ้เพื่อนนรก”


                  “อ้าวเหี้ยดีน ทำไมกูจะไม่ห่วง ตอนตีหนึ่งกูโทรหามึงเห็นมึงหายไป มึงยังตอบกูว่าไปกับพี่เขาไม่ต้องห่วงอยู่เลย กูเห็นมึงมีเป้าหมายก็เลยมากับน้องผึ้งนี่ไง ไปเช็คโทรล่าสุดของมึงเลยก่อนด่ากู”


               แม่ง ใส่กูเป็นชุด


               “เออ ไม่ต้องด่า แล้วนี่ทำไงดี ตีสี่แล้วมึง กูจะกลับบ้านยังไง ห้องน้องผึ้งของมึงอยู่ไหนวะ”


                เสียงผมแม่งคงสลด จนพี่มันมองอย่างเห็นใจ


               “เดี๋ยวผมไปส่งให้เองก็ได้”


                 ก็ยังดีวะ ให้พี่มันไปส่ง


                 ผมรีบวางสายแล้วเดินกะเผลกเข้าห้องน้ำไปล้างตัวที่ไอ้พี่มันทิ้งไว้เป็นคราบ เจ็บใจชิบ... ออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพี่มันแต่งตัวเสร็จแล้ว เออ หล่อว่ะ


                หล่อแบบคนไทยแท้ ๆ ผิวสีเข้มอย่างคนออกกำลังกาย ตาคม ๆ ขรึม ๆ โอ๊ย อย่าไปหลงกลพี่มัน


                “แต่งตัวสิครับ เดี๋ยวแม่ตื่นนะ”


                ผมได้สติเพราะคำเตือนนั้นเอง ก็เลยรีบแต่งตัวและเดินตามพี่มันไปที่รถกระบะคันใหญ่ บอกพิกัดบ้านตัวเองก่อนจะนั่งเงียบให้พี่มันขับรถไปส่ง สักพักโทรศัพท์ของพี่มันก็ดังขึ้น


                “ครับพี่วัน โทษทีที่หนีกลับก่อนพี่ ครับ ฝากบอกพรรคพวกด้วยว่าวันหน้าเจอกันอีก ครับ พี่จะขับรถกลับเชียงรายใช่ไหม เดินทางปลอดภัยนะพี่ บอกคุณชินด้วยว่าเดี๋ยวจะไปใช้บริการที่รีสอร์ทตอนหน้าหนาว ครับ สวัสดีครับพี่”


                 พี่มันหันมายิ้มหน้าใส ใช่สิ โดนกูรีดน้ำไปแล้วนี่


                 “รุ่นพี่จากเชียงรายมาเที่ยวกรุงเทพน่ะ เลยนัดกันกลุ่มใหญ่กินเหล้ากัน ไอ้เราชิงหายตัวมาก่อนเพราะเจอน้องนี่แหละ เอ่อ ถามหน่อย อายุสิบแปดหรือยัง”


                ฟายย กลัวกูฟ้องว่าพรากผู้เยาว์หรือไงฟระ


               “เลยสิบแปดมานานแล้วครับ”


               ทำหน้าเหมือนโล่งอกนะพี่มึง ผมนั่งหน้าตาคว่ำจนเกือบถึงบ้าน


              “พี่ จอดตรงนี้เดี๋ยวแม่ได้ยิน”


                ผมบอกให้เขาจอดรถ ก่อนจะเปิดประตูเขาคว้ามือผมไว้


              “ขอโทษนะทำล่วงเกินตอนเมา แต่ผมว่าเราสองคนมีความสุขกันใช่ไหม”


               หน้าร้อนวูบวาบเลยสิครับ ผมตัดใจดึงมือออกจากการเกาะกุมและเปิดประตูเดินหนีเข้ามาในรั้วบ้าน สักพักจึงได้ยินเสียงเขาสตาร์ทรถและขับจากไป ผมปีนกลับเข้าห้องเก็บตัวเงียบกริบ ใครจะนึกว่ากลับบ้านคราวนี้จะเสียซิงเข้าแล้ว







              ผมไปรายงานตัวทหารกองเกินตั้งแต่เช้าที่หน่วยทหารใกล้บ้าน หนุ่มไทยวัยเดียวกันมากหน้าหลายตา รวมถึงแฟนคลับและผู้สื่อข่าวที่รู้ว่าผมต้องมาคัดเลือกทหารที่นี่ เสียงกรี๊ดดังเต็มไปหมดผมกลายเป็นจุดเด่นอย่างที่เตรียมใจมาแล้ว ผมผ่านขั้นตอนรายงานตัวจนกระทั่งถึงการตรวจร่างกาย


                      ผมนึกกระหยิ่มอยู่ในใจ ผอมจนเหมือนขาดสารอาหารแบบนี้ ยังไงก็ไม่ผ่าน


                      เอ๊ะ!


                     ผมมองไปที่โต๊ะของทีมแพทย์ที่มาตรวจร่างกายให้กับผู้เข้ารับการคัดเลือกทหาร หนึ่งในทีมนั้นแต่งกายด้วยชุดทหารสีเขียวขี้ม้า ตรงหน้ามีป้ายชื่อตั้งเด่น ผมเพ่งสายตาอ่านในระยะไกล หัวใจของผมเต้นรัวเหมือนไปวิ่งมาสิบรอบสนาม


                     “ร้อยเอกนายแพทย์แทนไท ตระการพันธ์”


                      ไอ้พี่มึงเป็นหมอทหาร!





                                                              TBC


                เปิดตัวมาแบบไร้พล็อต ฮ่าๆๆๆ ได้ยินเสียงฝึกทหารใหม่ดังแว่วมาจากค่ายทหารใกล้บ้าน เลยอยากแต่ง
                            จะได้มาเบรกอารมณ์จาก #วิมานไม้สน ด้วย อย่าลืมติดตามอ่านกันนะจ๊ะ   


                         
                                                 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:









หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 1 [17/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-05-2018 05:45:43
เจอคนฟิตเจอริ่งเมื่อคืนเข้าแล้ว  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 1 [17/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 17-05-2018 20:35:23
ติดตาม
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 1 [17/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 17-05-2018 20:54:10
มาทุกวันได้ไหม พลีสสสส ชอบเรื่องแนวทหารมากกกก
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 1 [17/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: PAtxxkMxxn ที่ 17-05-2018 21:09:27
ติดแน่ๆ655
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 1 [17/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-05-2018 23:57:05
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 1 [17/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 18-05-2018 01:49:37
ถ้าติดทหารนี่คงโดนพี่หมอจับฉีดยาทุกวันแน่เลย  :pighaun:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 1 [17/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 18-05-2018 11:48:50
ติดตามค่ะ


 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 1 [17/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-05-2018 13:53:44
มาทุกวันได้ไหม พลีสสสส ชอบเรื่องแนวทหารมากกกก

เห็นควรด้วย อย่างยิ่ง
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-06-2018 21:51:58



                                                        ผมจะไปเกณฑ์ทหาร

                                                             บทที่ 2



                 อยั่มมายิ้มแบบนี้นะ ไอ้พี่มึง!

                 หัวใจแม่งเสือกเต้นตึกตักอีก ว้อยยย


                ดูเหมือนเขาจะเห็นผมนานแล้ว เขากวาดสายตามองแฟนคลับของผมที่ยืนเบียดกันแน่นส่งเสียงกรีดร้องในแทบทุกอิริยาบทที่ผมทำ รวมถึงกล้องจากสื่อต่าง ๆ ที่คอยจับภาพ ก่อนจะกลับมาสบตาและส่งยิ้มให้ผมคล้ายจะบอกให้รู้ว่าเขารู้แล้วว่าผมเป็นคนมีชื่อเสียง


                “ครับ ขอให้ชายไทยที่มาวันนี้ถอดเสื้อออกและเตรียมตัวตรวจร่างกายจากทีมแพทย์นะครับ”


               เสียงโฆษกของการคัดเลือกเกณฑ์ทหารประกาศผ่านไมโครโฟน ผมจึงหันหน้ากลับมาจากดวงตาคม ๆ ของไอ้พี่มัน พลางเตือนตัวเองในใจที่ยังเต้นกระหน่ำไม่เลิก


                “อย่าไปสนใจพี่มันโว้ยไอ้ดีน”


               เห็นคนอื่นถอดเสื้อเปลือยท่อนบนกันแล้วผมจึงถอดเสื้อออกบ้างท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดของแฟนคลับและแสงแฟลชจากนักข่าว อันที่จริงก็ไม่ได้อายอะไรนะเพราะเคยถอดเสื้อถ่ายแบบบ่อย ๆ แต่ตอนที่ก้มมองหุ่นตัวเองใจก็หายวาบ


               สัส หัวนมเป็นรอย!


                เหลือบตามองไอ้ตัวต้นเหตุ รอยฟันพี่มึงไงครับ ไม่ต้องมาทำเป็นมองเหมือนหวงที่เห็นผมถอดเสื้อหน่อยเลย


                “เข้ามารับการตรวจร่างกายจากพลทหารเสนารักษ์รอบละสิบคนนะครับ วัดส่วนสูงและรอบอก แล้วนำผลการตรวจไปให้แพทย์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ถ้าใครไม่ผ่านเกณฑ์ไปรายงานตัวที่โต๊ะเบอร์สอง ส่วนคนที่ตรวจร่างกายผ่านก็ไปรอจับใบดำใบแดง”


                 โฆษกประกาศอีกครั้งชายไทยที่มาเกณฑ์ทหารพร้อมผมจึงทยอยลุกไปตรวจร่างกายตามหมายเลข ผมนึกกระหยิ่มว่าต้องตกการตรวจร่างกายตามที่วางแผนมาแน่ ๆ เมื่อเช้าลองซ้อมวัดหน้าอกมาแล้วเพื่อความชัวร์ ยังไงก็ไม่ถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้

                ไม่นานนักแถวที่ผมนั่งอยู่ก็ลุกขึ้นยืน พวกผมเดินไปวันส่วนสูงซึ่งก็ผ่าน จนกระทั่งมาถึงจุดวัดรอบอก ทันใดนั้นหนังตาผมกระตุกทันทีเมื่อเห็นไอ้พี่มันลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและหยิบสายวัดจากโต๊ะเดินมาทางผม


                “แหม คนดังมาคัดเลือกที่หน่วย เดือดร้อนผู้กองหมอแทนไทลุกขึ้นมาตรวจร่างกายให้เองเลยนะครับงานนี้”


                เขาเดินตรงเข้ามา เสียงกรี๊ดกร๊าดเริ่มเปลี่ยนทิศทางไปหาคุณหมอทหารรูปร่างหน้าตาดีจนกระทั่งเขามาหยุดยืนต่อหน้าผม  เกลียดสายตาระยิบระยับของไอ้พี่มันเหลือเกิน


                “ยกแขนขึ้นสิครับคนดัง ผมจะได้วัดรอบอกให้ หรือว่าปวดจนยกไม่ขึ้นเพราะเมื่อคืนกอดผมไว้ตลอดเวลา ผมจะได้ช่วยยกแขนให้”               


                  เสียงไม่ดังเกินกระซิบให้ได้ยินกันเพียงสองคน ผมมองเขาตาคว่ำด้วยความเคืองและอับอายจนหน้าร้อนเห่อ               

                   ฝากไว้ก่อนเหอะไอ้พี่มึง ฮึ่ม

                  ยกแขนขึ้นให้พี่มันใช้สายวัดวางแนบไปรอบอก แม่ง ตั้งใจอยู่ใกล้เกินไปหรือเปล่าวะ


              “ไม่ต้องใกล้ชิดขนาดนี้ก็ได้มั้งครับแค่วัดรอบอก อีกนิดเดียวจะไซ้ซอกคอละเนี่ย”


                ผมส่งเสียงเขียวให้พี่มัน ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังเบา ๆ  ก่อนจะสะดุ้งในใจเมื่อพี่มันจงใจใช้ปลายนิ้วที่จับสายวัดสัมผัสยอดอกผม คนอื่นมองไม่ออกแต่กูรู้สึกโว้ย


                “ขอโทษที่ทิ้งรอยไว้นะ เจ็บหรือเปล่า”


                จะขยับก็ทำไม่ได้เพราะจะกลายเป็นพิรุธให้ทุกคนที่จ้องอยู่จับได้     ผมได้แต่ยืนนิ่งให้พี่มันวัดรอบอกจนหายใจโล่งอกได้เมื่อพี่มันยอมปล่อยมือ เขาเขียนอะไรบางอย่างในเอกสารของผมแล้วส่งคืน ผมรับมันมาและก้มหน้าอ่าน


                เหี้ยยยยยยยย


                 พี่มันเขียนว่ารอบอกของผมกว้างเจ็บสิบหกเซนติเมตร พอดีเป๊ะกับเกณฑ์ขั้นต่ำของการตรวจร่างกาย ผมเงยหน้าขวับไปสบตากับเขาทันที


              “คุณแกล้งผม รอบอกของผมไม่ถึงเกณฑ์เสียหน่อย คุณเขียนแบบนี้ผมก็ต้องจับใบดำใบแดงน่ะสิ”


               ถึงจะโมโหผมก็ยังไม่กล้าส่งเสียงดังนัก แค่ทำเสียงเข้มใส่พี่มัน หน้าคมนั่นทำเป็นยิ้มรู้ทันพลางยกมือตบบ่าของผมคล้ายจะปลอบใจ


              “ผมไม่ได้แกล้ง รอบอกของน้องผ่านจริง ๆ สายวัดที่บ้านของน้องคงไม่ได้มาตรฐานน้องถึงเข้าใจผิด”


               ไอ้...


               โอ๊ย ไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่ขมุบขมิบปากแอบด่าไอ้พี่มันพลางเดินคอตกกลับไปที่นั่งรอให้การตรวจร่างกายครบทุกคนจนถึงตอนบ่ายช่วงเวลาสำคัญก็มาถึง การจับฉลากใบดำใบแดงนั่นเอง คุณลุงโฆษกอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ให้เข้าใจ


                “ต้องการทหารใหม่ผลัดหนึ่งร้อยคน ผลัดสองอีกร้อยคน มีผู้สมัครมาแล้วร้อยเจ็ดสิบคน เราต้องการอีกสามสิบคนนะครับ”


                ผมใจชื้นมาบ้างเมื่อจำนวนที่ต้องการเทียบกับจำนวนผู้ที่มารับการคัดเลือกจำนวนมากทำให้โอกาสที่ผมจะจับได้ใบดำมีความเป็นไปได้สูงเมื่อเทียบความน่าจะเป็นแล้ว ตอนนี้เสียงเชียร์จากญาติของผู้ที่เข้ามารับการคัดเลือกดังลั่นเต็มไปหมดเหมือนงานกีฬาสีที่ผมเคยเล่นสมัยเด็ก ๆ


              ผู้ที่มาคัดเลือกเดินเรียงเดี่ยวไปล้วงฉลากออกจากกล่อง ส่วนใหญ่จะได้ใบดำกันครับ ใครได้ใบดำก็เดินหน้าชื่นตาใสกลับมา นาน ๆ จะมีคนได้ใบแดงเสียที แต่ละคนที่นั่งรอจับฉลากก็นับจำนวนคนที่ได้ใบแดงไปเรื่อย ๆ


            “นายดรัญ สาธรกิจ”


              สะดุ้งเฮือกสิครับเมื่อได้ยินคุณลุงโฆษกเรียกชื่อ คราวนี้เสียงกรีดร้องของบรรดาแฟนคลับดังลั่นเมื่อผมเดินตรงเข้าไปหยุดยืนต่อหน้าผู้ที่ถือกล่องตัดสินชะตาชีวิตของผมพลางส่งยิ้มแห้งให้แฟนคลับที่ยืนรายล้อมเต็นท์ ทันใดนั้นผมก็สบตากับไอ้พี่มันที่ส่งยิ้มอย่างเป็นต่อมาให้ผม


                 สังหรณ์ใจเมื่อยื่นมือล้วงเข้าไปในกล่อง ผมควานเสียหลายรอบจนคุณลุงโฆษกแซวผ่านไมโครโฟน


                “อ้าว คนดังของเราไม่ต้องควานเยอะ เหลือใบแดงอีกไม่กี่คนแล้ว กลั้นใจหยิบมาเลยสาว ๆ เขารอผลกันอยู่”


                 ผมกลั้นใจอย่างที่ลุงบอกแล้วหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาชิ้นหนึ่งส่งให้คุณลุง ใจเต้นตุ๊บ ๆ ด้วยความตื่นเต้นเมื่อคุณลุงโฆษกรับไว้ถือไว้ในอุ้งมือ


                “ไหน ๆ กล้องไหน ทุกกล้องเลยใช่ไหมครับ จะแกะแล้วนะครับ”


                 คุณลุงโฆษกอารมณ์ดียิ้มแป้นสู้กล้องพลางถูไถฝ่ามือเข้าหากันก่อนจะค่อย ๆ เปิดกระดาษชิ้นเล็กที่พับไว้ออก ทุกคนในที่นี้เงียบกริบรอฟังผลที่คุณลุงกำลังจะประกาศ


               “ทบ.1 ผลัด1”


                 กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด


                กูจับได้ใบแดงครับ!




มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-06-2018 22:05:28


อ่านต่อตรงนี้...





                 กว่าเสียงกรี๊ดของแฟนคลับจะเงียบลงก็ใช้เวลาไปพักใหญ่ นักข่าวทุกสำนักรายงานสดอย่างรวดเร็วว่าดีนวงเดอะคิดส์ชื่อดังจากเกาหลีกลายเป็นทหารเกณฑ์ผลัดหนึ่งไปเสียแล้ว ผมถูกดึงไปให้นักข่าวสัมภาษณ์ท่ามกลางความตกตะลึงของตัวเองแต่ก็ต้องรีบตั้งสติฝืนยิ้มให้กล้องอยู่มุมหนึ่งของเต็นท์


                “ไม่เป็นไรครับ ติดก็คือติด สองปีเองไม่นานหรอกงานที่เกาหลีก็เคลียร์ไว้บ้างแล้ว แฟน ๆ ก็รอกันได้”


               แสงแฟลชจากกล้องผลัดกันวูบวาบจนผมเวียนหัว เป็นเพราะพยายามลดน้ำหนักด้วยจึงทำให้เรี่ยวแรงน้อยลง ไหนจะตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีก ผมเกือบจะล้มไปแล้วถ้าไม่มีมือคว้าผมไว้เสียก่อน


                 “ขอโทษนะครับ น้องดีนคงให้สัมภาษณ์ไม่ไหว ผมขอพาน้องไปพักก่อนนะครับ”


                 แทบจะเดินตัวปลิวฝ่าวงนักข่าวเลยครับเมื่อมีคนพาผมเดินฝ่าฝูงชนออกมา ผมเดินไปพร้อมร่างสูงที่ป้องกันผมจากแฟนคลับรอบ ๆ ไปยังรถพยาบาลคันใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเต็นท์ทหารและไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาได้ เขาดันไหล่ให้ผมเข้ามาด้านหลังของรถและปิดประตูลงจนผมถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ด้านในของรถที่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตครบครันมีเพียงเราสองคน ผมและไอ้พี่มันเท่านั้น


                  “พี่แกล้งผมใช่ไหม”


                  เมื่ออยู่เพียงลำพังก็ไม่ต้องรักษาภาพพจน์กันละ ผมมองเขาตาเขียว


                  “จริง ๆ ผมจับได้ใบดำแต่พี่ให้ลุงจ่าเขาเล่นกลสลับกระดาษใช่ไหม”


                   “กล่าวหากันแบบนี้มีหลักฐานไหมครับ”


                    อยากควักลูกตาแม่งทิ้ง แพรวพราวเกินเหตุละไอ้พี่มึง


                  “น้องไม่คิดว่าพรหมลิขิตพาให้เรามาพบกันบ้างเหรอ”


                 อ้วกดีไหม หรือกูท้อง ไม่นะเพิ่งโดนไปเมื่อคืนนี้เองนะ


                “อย่าทำพูดดีเลย ผมเห็นพี่ส่งซิกให้ลุงจ่าเหอะ”


                 ไอ้พี่มันขยับเข้ามาใกล้ผมที่นั่งอยู่บนเปลในรถ พอผมขยับหนีเอวเลยถูกพี่มันรวบไว้ สลัดฟักทอง หลงเชื่อพี่มันเดินตามพี่มันมาอีกแล้ว ไม่เข็ดนะกู


                 “ปล่อยผมนะ”


                “น้องดีนส่งเสียงดังแบบนี้ อยากให้คนที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงเพราะ ๆ ของน้องดีนหรือครับ”


                   ไอ้พี่มันใช้แรงบังคับให้ผมหงายหลังลงไปบนเปล แถมมันยังล้มทับลงมาจนผมดิ้นหนีไปไหนไม่ได้ มันมองผมตาเชื่อมเลยฮะ


                  “ไอ้พี่...”


                 “เรียกว่าพี่แทนสิครับ”  ไอ้พี่มันกระซิบเบา ๆ


                  “ไม่เรียกโว้ย”


                  “ไม่เรียกพี่จูบนะครับ”


                   “ปล่อยนะ ไอ้หมอหื่นกาม ไอ้หมอทะลึ่ง อุ๊บ”


                   ผมปิดปากผมครับ ถ้าไอ้พี่แทนมันใช้มือปิดก็คงไม่เป็นไร แต่นี่มันใช้ปากของพี่มันปิดปากผมครับ ผมเบิกตา กว้างเมื่อถูกล่อลวงอีกครั้ง แรงก็ไม่มีพอจะขัดขวางได้เลยเผลอแวบเดียวลิ้นร้อนก็สอดเข้ามาในปาก


                    “อื้อ”


                  จูบทะลวงไส้!


                  อยากรู้ว่าพี่แทนไปเรียนจูบที่ไหนมา เล่นเอาอยากไปเรียนบ้าง จูบของพี่แทนหนักหน่วงสลับกับอ้อล้อ รู้จักไหม อ้อล้อน่ะ เขาจูบจนผมตาลอยถึงได้ยอมผละปากออก


                  “ตอนตรวจร่างกาย เห็นดีนถอดเสื้อให้คนอื่นมองแล้วพี่ใจไม่ดีเลย”


                 ตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งรู้ว่าเสื้อยืดที่ผมใส่มาถูกเลิกขึ้นจนถึงคอ พี่แทนส่งสายตาวาววับมองแผงอกเหี่ยว ๆ ของผมก่อนจะก้มหน้าลงมาอีกครั้งและใช้ปลายลิ้นรัวลงกับยอดอกของผม


                  “อื้อ พี่แทน”


                “เห็นสายตาคนอื่นมองดีนแล้ว อยากจะลากดีนออกมาให้พ้นสายตาคนอื่น”


                หยุดลงลิ้นเงยหน้ามาพูดได้อีกประโยคเขาก็ก้มหน้าลงไปใหม่ คราวนี้เขาสลับมาที่ยอดอกอีกข้าง ผมหลับตาปี๋แอ่นกายยกสูงโดยไม่รู้ตัว


                 “ยะ หยุดเหอะพี่ มะ แม่มาด้วย หะ หายไปนานเดี๋ยวแม่สงสัย”


                  พี่แทนยอมหยุด สีหน้าของเขาเหมือนกำลังหักใจอย่างหนัก เขามองหน้าผมพลางดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อทหารของเขา พี่แทนพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติตอนที่พูดกับปลายทาง


                   “หมู่สมศักดิ์ มองเห็นญาติของนักร้องอยู่แถวนั้นไหม ฝากรับรองด้วยนะ นักร้องเป็นลมแดดอยู่ในรถพยาบาล ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมดูแลน้องเขาเองอีกสักพักก็คงจะดีขึ้นแล้ว น้องเขาหายดีแล้วผมจะพาไปเอง”


                   พูดจบเขาก็รีบวางสายและโยนโทรศัพท์ลงบนพื้นรถ พี่แทนหันมาให้ความสนใจกับผมในทันที


                  “พะ พี่จะทำอะไร อื้อ ไม่ได้นะ ผมไม่ใช่เกย์”


                    “พี่ก็ไม่ใช่ ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายเหมือนกัน”


                   ไอ้พี่แทนพูดเสียงอู้อี้อยู่ตรงหน้าอก ผมสะดุ้งวาบเมื่อมือใหญ่ตะปบลงมาบางเป้ากางเกงของผม


                 “แต่เพราะจูบของดีนที่ผับเมื่อคืนนี้ทำให้พี่กลายเป็นแบบนี้ ดีนล่อหลอกให้พี่หลงกล”


                  กูเนี่ยนะ กูน่ะเหรอ ขอคำถามสุดท้าย กูเนี่ยนะไปหลอกให้ไอ้พี่มันหลงกล


                   “อึก พี่ เบาโว้ย อย่าบีบสิวะ ผมไม่ได้ตั้งใจนี่หว่า กลัวแฟนคลับเห็นว่าแอบไปเที่ยว อื้อ เบาพี่”


                   ผมดิ้นพล่านเมื่อไอ้พี่แทนปลดซิปกางเกงของผมแล้วล้วงมือร้อนเข้าไป ดีนน้อยตกเป็นตัวประกันอยู่ในอุ้งมือของเขา จะบีบก็ตาย จะคลายก็... อย่าเลย กำลังดีเลย


                      “อา เรื่องมันพลาดไปเพราะเราเมากันทั้งคู่ พี่ปล่อยผมไปเหอะ นะ อ๊า”


                   “ดีนแน่ใจหรือครับว่าอยากให้พี่ปล่อย”


                   เขาส่งเสียงสั่นทุ้มถาม อุ้งมืออุ่น ๆ ที่นวดเฟ้นเจ้าดีนน้อยเพิ่มแรงขึ้นอีกระดับ คราวนี้ผมนี่เอวลอยเลยครับ ได้ยินเสียงกางเกงถูกดึงจนผ่านสะโพกลงมาจนมาคาอยู่ใต้เข่า พี่แทนใช้อีกมือบีบบั้นท้ายของผมก่อนจะล้วงเข้าไปในซอกหลืบ


                   “อื้อ พี่ อะฮึก”


                    ผมผวาชันขาขึ้น ไอ้พี่มันยิ้มกริ่มพลางก้มหน้าลงมาละเลงลิ้นใส่หน้าอกผมอีก โดนหมอทหารโจมตีทั้งบนและล่างจนหมดทางต่อสู้ ในที่สุดก็ต้องยกธงยอมแพ้ปล่อยให้ข้าศึกกระหน่ำบุก


                      “พี่แทนจะทำอะไร นี่มันในรถพยาบาลนะ”


                    ผมตาเหลือกเมื่อมองเห็นเขารูดซิปกางเกงทหารของเขาลงและงัดอาวุธของเขาออกมาจ่อยิงผมในระยะประชิด




                                                             TBC

                                        ยังไม่ทันฝึกทหารเลยดีนเอ๋ย โดนโจมตีเสียแล้ว 5555

                               
                                                            :m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10:






หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 05-06-2018 22:24:17
เหมือนคนพี่จะหื่น
แต่ดูคนน้องก้สมยอม 55555

รถพยาบาลอุปกรณ์เยอะด้วย
ไม่รอดแน่ดีนเอ๋ย
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 05-06-2018 22:47:05
สนุกจังติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-06-2018 23:25:13
 :jul1:

ใจร้อนนะคุณพี่
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: irawin ที่ 06-06-2018 00:00:51
คุณพี่แทน รุก ซะน้องไปไม่ถูกเลยฮา
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-06-2018 00:43:34
 :hao6:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 06-06-2018 09:32:04
เจอหมอทหารแบบนี้เข้าไป เค้าขอเกณฑ์ด้วย
 :hao7:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 06-06-2018 11:55:12
อ๊ายยยยย ติดตามค่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 06-06-2018 14:42:48
อู๊ยยยยยยยยดีนขา ถ้าหมอทหารจะแซบขนาดนี้จงเป็นเมียเขาไปเถอะคะ สอบข้าราชการทหารเลยดีไหมคะ ไอดอลเกาหลี

ไรนั่นไม่ต้องเปนมันละ
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-06-2018 18:39:01
หมอพี่แทน เล่นกลให้ดีนติดทหารเหรอ   :really2:     
ออกใบแดง  แล้วเล่นซ่อนแทนน้อยในตัวดีนซะด้วย  :serius2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 06-06-2018 19:13:17
เรื่องนี้น่าจะแซ่บเหมือนผมกำลังจะกลับบ้านเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 06-06-2018 19:58:15
มานั่งรอ
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: net. net_n2537 ที่ 06-06-2018 21:13:21
แซ่บเวอร์ แซ่บลืม  คันคะเยอเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 06-06-2018 22:41:34
อยากอ่านต่อล้าว
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 2 [05/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 07-06-2018 10:19:31
 :ling2: หมอโหดชอบมากกกก
หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ -3 [22/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-06-2018 22:20:17



                                                          ผมจะไปเกณฑ์ทหาร

                                                                 บทที่ 3




               “น้องดีนจำไม่ได้หรือครับว่าเมื่อคืนเรามีความสุขกันแค่ไหน”


              ไอ้พี่แทนส่งเสียงทุ้ม ๆ แหบ ๆ ล่อลวงแถมยังมีดักคอผมอีกแน่ะ


              “พี่รู้ว่าดีนไม่ได้เมาจนถึงกับจำอะไรไม่ได้หรอก ใช่ไหมคนเก่ง”


               รู้ดีจริงโว้ย ก็จริงอย่างพี่มันพูด ถึงจะดื่มเหล้าไปไม่น้อยแต่ไม่ใช่เมาจนขาดสติ ก็แค่คิดอะไรช้าและหักห้ามใจไม่ทันเท่านั้นเอง ไอ้ตอนอย่างว่ากันก็จำได้หมดนั่นแหละ ฮื้อ แล้วกูจะต้องยอมรับทำไมวะว่าแม่งโคตรฟิน


             “ตะ แต่ว่า เราไม่ได้เป็นอะไรไรกัน ก็ไม่น่าสานต่อไหม...”


              ฉึก!


               เสียงเนื้อกระแทกกับเนื้อดังขึ้น ผมอ้าปากค้างเมื่อรู้สึกถึงการเติมเต็มเข้ามาในช่วงล่าง พี่แทนยิ้มกริ่มเมื่อเขาขยับเอวรุกล้ำเข้ามาลึกเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็หยุดในท่าที่เราทั้งสองรวมร่างกันจนสุดทาง


              “ไอ้พี่บ้า เล่นทีเผลอนี่หว่า อื้อ”


               ขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายชอนไชเป็นจังหวะ เปลบนรถพยาบาลแกว่งไปมาดังฟึ่บฟับ ผมแทบหายใจไม่ทันกับการโจมตีของข้าศึกที่โอบล้อมผมไว้ทุกทางจนหนีไปไหนไม่รอด ไอ้พี่แทนกัดฟันทำหน้าฟินขณะจู่โจมผมอยู่


               “อา ดีนครับ ฟิตจัง สุด ๆ เลย”


               “อื้อ ไอ้พี่ ตรงนั้นมันเสียวนะ อึก”


               “อย่าเกร็งนะครับดีน ขยับเอวรับพี่นะครับ”


               โอ๊ย สลัดผักฟักทองเชื่อม!


               ผมนี่ถึงกับเป่าปากเลยครัชชช เผ็ชยิ่งกว่าก๋วยเตี๋ยวชักธงดู๋ดี๋อีก พี่แทนชักธงรบจนผมเกร็งไปหมดแขนขาผวายกขึ้นกอดตัวล่ำ ๆ ของพี่แทนไว้แน่น ปวดหนึบแถวท้องน้อยตอนที่ไอ้พี่มันก้มหน้าลงมาใช้ลิ้นกับยอดอกของผม ลิ้นชื้นกระดกรัวเร็วจนตุ่มไตเปียกปอน ไอ้พี่มึงไปแข่งเดอะแรปเตอร์เถอะ


               “พี่แทน โอย อีกนิดเดียววว”


              “พี่ก็เสียวเหมือนกันครับ เร่งเลยก็แล้วกันนะครับดีน”


              อีกนิด อีกนิดเดียวเท่านั้น หน้ามืดเลยตอนนี้ สวรรค์อยู่ตรงหน้า อ๊า...   


               RRRRRR


           สะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของพี่แทนที่กองอยู่กับพื้นบนรถแหกเสียงดังขึ้น พี่แทนชะงักการจู่โจมพลางชะโงกหน้ามองคนโทรเข้าเมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงสบถออกมาเบา ๆ พร้อมกับหยุดโจมตีผมชั่วคราวในท่าแทงลึก ผมนี่ค้างคาเลยสิฮะ


              “ว่าไงหมู่สมศักดิ์ โทรมาทำไมตอนนี้ รู้ไหมว่ามัน ... อะไรนะ... หยุดหายใจเหรอ”


               เสียงสบถดังจากลำคอของไอ้พี่มันก่อนจะมองผมอย่างเสียดาย


              “มีคนเป็นลมแล้วหัวใจหยุดเต้น พี่ต้องรีบไป”


                สวรรค์ล่ม! ฮือออ


                พี่แทนดึงขีปนาวุธกลับคืนทั้งที่มันยังไม่ได้ระเบิดหัวรบและรีบเก็บมันเข้าไปในกางเกงพร้อมกับเอ่ยปาก


                “พี่ต้องรีบไป ดีนดูแลตัวเองได้นะครับคนเก่ง สักพักค่อยตามออกไปนะ”


               เขาโน้มกายมาจูบผมที่ปากครั้งหนึ่งก่อนจะรีบร้อนออกไปจากรถพยาบาล ผมได้แต่ยันกายขึ้นมานั่งมองสภาพตัวเองที่ยังค้างคาอยู่


               “เหี้ยเอ๊ย ไอ้ดีน เสียเชิงชายหมด”


                จำเป็นต้องใช้วิชานางพญาห้านิ้วจัดการตัวเองต่อ แม่งเสือกคิดถึงหน้าพี่มันตอนฟินสุดขีด รูดไม่กี่ครั้งผมก็ค่อยโล่งเนื้อโล่งตัว จัดการเช็ดจนสะอาดแล้วจึงสำรวจตัวเองว่าไม่มีพิรุธค่อยออกจากรถพยาบาลตรงไปยังเต็นท์ทหารที่ยังมีผู้คนหนาแน่น ได้ยินเสียงเอะอะและภาพโกลาหลที่เกิดขึ้น

             พี่แทนกำลังออกคำสั่งการช่วยเหลือปั๊มหัวใจคนไข้โดยมีทหารเสนารักษ์กับทีมแพทย์ทำงานกันอยู่ท่ามกลางความตื่นตระหนกของผู้ที่ยืนมุงเหตุการณ์ ไม่นานเปลของรถพยาบาลก็เข้ามาเทียบเพื่อรับผู้ป่วยที่ยังมีการปั๊มหัวใจไปส่งโรงพยาบาล ท่าทางเอาการเอางานของพี่แทนทำให้ผมแทบจะลืมความหื่นของไอ้พี่มันเลยทีเดียว เวลาทำงานก็ดูเท่ดีนะไอ้พี่มันเนี่ย


                 “วันนี้พลาด แต่วันหน้าพี่จะรวบยอดทบต้นทบดอกนะครับ”


                 กูขอถอนคำพูดว่าไอ้พี่มันเท่ พี่มันกามขึ้นสมองต่างหาก


                 พี่แทนที่เดินตามคนไข้ไปยังรถพยาบาลพูดเบา ๆ แค่ให้ผมได้ยินก่อนจะจากไปโดยไม่มีใครสงสัยสักนิดกับหน้าตาอ่อนโยนสุขุมของเขา แต่ผมนี่ ผมที่รู้ว่านั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงเลย ความจริงคือแม่งหื่นโว้ย


                 “ไม่มีทางหรอกพี่แทน พี่จะไม่ได้แอ้มผมอีกแล้ว เอาเกียรติของลูกเสือสำรองเป็นประกันเลย”


                  ผมพึมพำไล่หลังจนกระทั่งพี่แทนขึ้นไปบนรถพยาบาลและลับสายตาไปในที่สุด







               “แม่จะร้องไห้ทำไมเนี่ย ไปเกณฑ์ทหารนะ ยังไม่ได้ไปอัฟกานิสถาน”


               ผมส่ายหน้าเมื่อพระมารดาสุดสวยสวมวิญญาณนางเอกเก่าร้องไห้กระซิกในวันที่มาส่งผมขึ้นรถทหาร มีไอ้ตั้มกับไอ้แตนน้องสาวมันมาส่งด้วย


                  หลังจากรู้ผลว่าต้องเกณฑ์ทหารแน่แล้วมีเวลาเหลืออีกหนึ่งเดือนที่ผมจะมีเวลาเคลียร์ตารางงานที่เกาหลี    มีจัดมิตติ้งอำลากับแฟนคลับด้วยนะครับ และในที่สุดก็ถึงวันนี้ วันที่ผมกับเพื่อนทหารใหม่จะต้องเดินทางเข้ากรม


               “ก็แม่กลัวนี่ดีน ไปฝึกทหารต้องเจออะไรบ้างก็ไม่รู้”


               “โหย น้าจุ๋ม มันคงไม่หนักไปกว่าตอนไอ้ดีนไปฝึกที่เกาหลีหรอกน่า”


               ไอ้ตั้มขัดคอเบาๆ ก่อนจะหัวหดเมื่อเจอฝ่ามือพิฆาตของแม่


               “มันเหมือนกันที่ไหนเล่า ฝึกทหารกับฝึกเป็นนักร้องเนี่ย อย่าขัดคอกันสิไอ้ตั้ม”


               แม้แต่เพื่อนลูกแม่ผมก็ไม่ละเว้นนะฮะ ไอ้ตั้มถึงกับหัวหด ไอ้แตนน้องสาวไอ้ตั้มปล่อยโฮแทนแฟนคลับทั้งหลาย


              “พี่ดีนเข้ากรมตั้งสองปีแล้วเรือผีของแตนล่ะ พี่แจวอนของแตนต้องเหงาอยู่ที่เกาหลีอย่างโดดเดี่ยวที่แฟนติดทหาร อย่าลืมพี่แจวอนนะ ออกมาต้องเป็นแฟนกันต่อนะ”


              ผมส่ายหน้ากับเรือผีของไอ้แตน คือว่าผมน่ะมีคู่ชิปที่บรรดาแฟนคลับเขาจับคู่ให้ไง ชื่อว่าแจวอนเป็นหนึ่งในวงเดอะคิดส์ ผมน่ะคันปากอยากจะบอกไอ้แตนว่าเรือผีของมันยังไงก็ผีเพราะความจริงแล้วไอ้แจวอนสุดหล่อของไอ้แตนน่ะ มัน...อยู่กับ...ในวงเดียวกันนี่แหละ แต่เป็นคนที่ไม่เคยมีใครคาดคิดหรอก แต่ผมก็ต้องปิดเป็นความลับให้เพื่อนไง


                เสียงนกหวีดดังขึ้น ผมยกมือลูบหัวที่มีแต่ผมสั้นเกรียนเพราะตัดผมออกไปแล้ว เสียงแฟนคลับจำนวนหนึ่งที่รู้ข่าวส่งเสียงโบกมือให้ ผมกวาดยิ้มก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นมา


              “แม่ ดีนไปแล้วนะ แม่อย่าดื้ออย่าไปขิงใครเขาบ่อย รู้ไหม รักแม่นะ”


               ผมกอดและหอมแม่ พอจะไปจริง ๆ ก็ใจหายอยู่เหมือนกัน จากนั้นจึงได้เดินไปที่รถทหารคันใหญ่พร้อมกับทหารใหม่คนอื่น ๆ

               รถทหารแล่นออกไปช้า ๆ ภาพของญาติพี่น้องที่มาส่งห่างไปเรื่อย ๆ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อต้อนรับสถานะใหม่ของผมและทุกคนบนรถคันนี้


               ผมจะไปเป็นทหารใหม่แล้วครับ!



     


                 ทบ.1/61


            ผมได้ประจำในสังกัดมณฑลทหารบกที่ไม่ไกลจากกรุงเทพนัก กรมที่ผมได้ไปอยู่มีทหารใหม่จำนวนเก้าสิบคนที่เราจะต้องร่วมชะตากรรมกันนับจากนี้อย่างน้อยหกเดือน


             สามวันแรกยังชิลๆครับ พวกเราทหารใหม่ได้รับการเข้าฝึกอบรมระเบียบต่าง ๆ ของทหารเกณฑ์ แต่หมดจากสามวันนี้แล้ว ครูฝึกได้เอ่ยต้อนรับพวกเราว่า


              “ลืมสามวันนี้ไปนะ ในวันพรุ่งนี้ชีวิตทหารที่แท้จริงจะเริ่มต้น”


               สิบสัปดาห์นี้ต่างหากคือของจริง


               พวกเราถูกฝึกให้ตื่นเช้า เก็บมุ้งเก็บที่นอนและอาบน้ำภายในสามนาที ตอนแรกก็ยังเหนียมๆ กันอยู่หรอก หลัง ๆ ไม่ได้สนใจใยดีกันแล้วไม่งั้นโดนซ่อมแน่ จากนั้นพวกเราก็ได้ออกกำลังกายฝึกระเบียบวินัยของทหารอย่างแท้จริง

                แค่ไม่ถึงสองเดือนผมก็เปลี่ยนไปมาก ไอ้ที่ลดน้ำหนักก่อนจะเกณฑ์ทหารก็เริ่มมีกล้ามเนื้อมากขึ้น ความเป็นไอดอลจากเกาหลีช่วยอะไรไม่ได้เลยในนี้เพราะไม่มีใครรู้จัก ผมถูกฝึกอย่างเท่าเทียมกับเพื่อนทหารคนอื่น และตอนนี้ผมก็มีแก๊งเพื่อนสนิทในกรมอยู่สามคน ไอ้ป๋องเด็กเทคนิค ไอ้กาวเรียนคอม กับไอ้คำแพงขับวินมอไซค์


               “นับก้าว” เสียงจ่าผู้ฝึกสั่งตอนที่พวกเรากำลังวิ่งออกกำลังกายยามเช้ารอบค่ายทหาร


               “หนึ่ง สอง สาม สี่ หนึ่ง” ไม่เข้าใจ ทำไมไม่ สาม สี่ ห้าวะ มึงจะให้วนมาหนึ่งใหม่เพื่ออะไร


                “เอาใหม่” จ่าผู้ฝึกที่วิ่งคุมแถวตะโกนสั่งอีก


               “หนึ่ง สอง สาม สี่ หนึ่ง”


               “ต่อไป”


               “หนึ่ง สอง สาม สี่ หนึ่ง ชาติ เกียรติ วินัย กล้าหาญ อดทน”


               “ร้องเพลง”


                เสียงตะโกนสั่งให้พวกเราร้องเพลงที่ผู้ฝึกเคยสอนไว้ เหล่าทหารใหม่ต้องวิ่งเท้าซ้ายเท้าขวาให้ตรงกันปากก็ต้องแหกร้องเพลง เสียงไม่ดังก็โดนสั่งให้ร้องดัง ๆ อีก


              “ฉีดยาให้ผมตายไปเถอะหมอออออ”


                “ไปให้หมอมันฉีดยาทำไม เราเป็นทหารต้องเข้มแข็ง เอาใหม่”


                จ่าผู้ฝึกตะโกนสั่งอีก พวกเราก็ต้องเปลี่ยนเวอร์ชั่นกันสิครับ


               “ฉีดยาให้หมอตายไปเถิดหนา...นี่เป็นคำขอร้องของคนไข้ หมอนี้อยู่ไปเปลืองน้ำอัดลม...ใจร้าวระบมเกินกว่าจะพยาบาลลล”


              ร้องถึงท่อนนี้ใจก็คิดถึงไอ้พี่มันขึ้นมาแฮะ ไม่ได้พบกันตั้งแต่วันคัดเลือกทหารแล้วก็ยังค้างคากันอยู่ น่าจะฉีดยาให้พี่มันขาดใจตายไปซะ แต่กลายเป็นผมนี่สิที่ถูกฉีดยา เฮ้อ

               ไม่ เราจะต้องไม่คิดถึงไอ้หมอหื่นกาม2018


                ผมรีบเตือนตัวเองไม่ให้คิดถึงร่างสูงหน้าคมนั่น ที่ผ่านมาไม่มีเวลาคิดถึงเพราะฝึกหนักจนไม่มีเวลาคิด หัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย พอกำลังอยู่ตัวจะมาคิดถึงไอ้คนที่พรากซิงผมไปตั้งแต่วันแรกที่เจอกันม่ายด้าย



มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ -3 [22/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-06-2018 22:29:36


ต่อกันตรงนี้....



              “เจ็บมือโว้ย”

               ไอ้กาวบัดดี้ของผมร้องลั่นในเย็นวันหนึ่งหลังจากเราฝึกภาคสนามกันอย่างหนัก มือที่เคยแต่จับคีย์บอร์ด
คอมพิวเตอร์ของมันถลอกปอกเปิกไปหมด มือผมก็ถลอกนะแต่น้อยกว่าไอ้กาวมันนิดนึง


              “เป็นอะไร ไหนให้กูดูหน่อย”


               พี่นายสิบที่เป็นพี่เลี้ยงให้พวกเรายื่นหน้ามาดู พี่แกทำหน้าสยองเมื่อเห็นมือไอ้กาวที่ถูกซ่อมให้วิดพื้นจนมือพัง


              “โห ไอ้กาว มือแม่งเละขนาดนี้ ตัดมือทิ้งเลยเหอะ”


               “โห พี่หมู่ ไหงพูดงี้อะ ฮือ”


               ไอ้กาวร้องไห้โวยวาย ผมได้แต่ปลอบอกปลอบใจมันไป


               “ไปหาหมอเหอะวะให้หมอเขาทำแผลให้ ไอ้ดีนน่ะ ไปเป็นเพื่อนไอ้กาวมันหน่อยที่โรงพยาบาลค่ายนะ กูอนุญาตให้มึงออกจากโรงนอนได้”


               ได้รับอนุญาตแล้วผมก็พามันไปที่โรงพยาบาลในค่ายทหารครับ ยื่นบัตรเสร็จก็ไปนั่งรอพบหมอหน้าห้อง ไม่นานไอ้กาวก็เข้าไปพบหมอส่วนผมก็นั่งดูทีวีที่เปิดไว้รอมัน


                 “โอ๊ยหมอ ไม่เอา ไม่ฉีดยาสิ ผมกลัวเข็ม”


                 เสียงไอ้กาวฮะ ดังลั่นห้องตรวจเลยทีเดียว พี่ทหารเสนารักษ์ที่เข้าเวรอยู่โผล่หน้าออกมาหาผม


                 “น้อง น้องนั่นแหละ มาเป็นเพื่อนไอ้ที่ร้องแหกปากอยู่นี่หรือเปล่า มาช่วยกันหน่อย มันดิ้นชิบหายเลยว่ะ”


                  ไอ้กาวมันเคยบอกว่ากลัวเข็มครับ ผมรีบเดินเข้าไปในห้องทันที


                  “มึงจะร้องทำเหี้ยอะไรวะกาว แม่งอย่างกับเด็กสามขวบแค่หมอเขาจะฉีดยาแค่นี้เอง อะ อ้าว”
   

                  ผมยืนตะลึง ถ้าอ้าปากค้างได้ก็คงทำ


                 ทายสิว่าเจอใคร


                 ค่ายทหารมีตั้งกี่สิบกี่ร้อยค่ายทำไมต้องมาเจอกันที่นี่ครับ


                ไอ้คนตรงหน้ายิ้มพราย ไม่เห็นมีท่าทีตื่นเต้นสักนิด หรือว่ารู้อยู่แล้ว


               “สวัสดีครับน้องดีน พบกันอีกแล้วนะครับ”






                 “มึงรู้จักคุณหมอเขาเหรอ”


                ไอ้กาวถามพลางคลำแก้มก้น เมื่อครู่ที่ผ่านมามันถูกพี่ ๆ ทหารเสนารักษ์จับตัวนอนคว่ำกับเตียงตรวจให้พี่พยาบาลฉีดวัคซีนกันบาดทะยักให้ ไอ้เวรนี่ก็ดิ้นกะแด่วๆ ส่วนผมน่ะเหรอได้แต่ยืนหลบไอ้พี่มันสิครับ


                 “ดูล่ำขึ้นนะ รอบอกคงหนากว่าเดิมเยอะเลย” ไอ้พี่มันเอ่ยทักเสียงนุ่มเหมือนเคยครับ


                 “ไอ้ดี๊นนน ช่วยกูด้วย เข็มจะจิ้มตูดกูแล้ว”


                  ไอ้ก้าวดิ้นตาเหลือก ส่วนผมก็ยืนหัวใจเต้นรัวเมื่อสบตากับเขา แม่ง มองอย่างกับจะเอ๊กซเรย์กูให้เห็นข้างในเชียวนะไอ้พี่แทน


                 “พี่ทำงานที่นี่เหรอ”


                รอยยิ้มแสนอบอุ่นใช้แทนคำตอบของไอ้พี่มันครับ


               “ดีใจใช่ไหมครับดีน ที่พี่ทำงานอยู่ค่ายเดียวกับดีน”


               ครับ เอ๊ย ไม่ใช่ เสียเชิงหมดกู


               “ผมแค่แปลกใจ ทำไมเหมือนพี่อยู่ใกล้ผมตลอดเวลาน่ะ”


                “ไอ้ดี๊นนนน อ๊ากกก”


                 เสียสมาธินิดหน่อยตอนที่ไอ้กาวถูกเข็มจิ้มตูด โธ่ เข็มแค่นี้ ถ้ามันเจอเข็มยักษ์ของหมอสงสัยร้องดังกว่านี้แน่


                “เป็นเพราะบุพเพสันนิวาส”


                ไอ้พี่แทนตอบกลั้วหัวเราะ หมั่นไส้ว่ะ


                “แหม เห็นผมเป็นการะเกดหรือฮะ”


               “ได้ไหมล่ะ เผื่อพี่จะชวนโล้สำเภา”


                “เรียบร้อยแล้วค่ะหมอแทน”


                 เสียงพี่พยาบาลขัดบทสนทนา เฮ้อ โล่งอก เกือบโดนโล้สำเภาแล้วกู พี่แทนพยักหน้ารับหันไปหยิบใบสั่งยามายื่นให้ไอ้กาวที่ยังร้องไห้กระซิก


                  “นี่ยาแก้อักเสบนะ กินยาให้ครบที่หมอสั่ง เพื่อนก็ช่วยเตือนกันด้วยไม่อย่างนั้นแผลจะไม่หาย แล้วนี่ใบรับรองแพทย์เอาไปยื่นให้ครูฝึก หมอให้หยุดฝึกหนึ่งวัน”


                “โห หมอครับ หยุดสักอาทิตย์ไม่ได้เหรอ แค่วันเดียวแผลยังไม่หายหรอก”


               ไอ้กาวประท้วง พี่แทนยิ้มเหี้ยมจนไอ้กาวสะดุ้ง


              “จะให้หมอโทรไปหาผู้ฝึกแล้วรายงานประโยคนี้ไหม”


                คราวนี้ไอ้กาวรีบยกมือไหว้พี่แทนแล้วลากผมออกมาจากห้องเลยครับ สงสัยกลัวเจอผู้ฝึกสั่งซ่อม พอไปเบิกยาเสร็จแล้วเราก็เดินออกจากโรงพยาบาล


                “หมอเขาหล่อดีนะมึง”


                 ผมเบ้ปาก ไอ้กาวมองตรงไหนว่าพี่มันหล่อวะ


                ยังไม่ทันจะเดินออกจากโรงพยาบาลก็ได้ยินเสียงรถยนต์มาจอดด้านข้าง ผมกับไอ้กาวหยุดเท้าลงด้วยความสงสัย กระจกรถเปิดออกจึงได้รู้ว่ารถยนต์ของพี่แทนนั่นเอง


                 “ขึ้นมาสิ เดี๋ยวไปส่งที่โรงนอน”


                 ไอ้กาวไม่พลาดโอกาสทองเพราะจากโรงพยาบาลไปโรงนอนของพวกเราก็ไกลไม่น้อย มันรีบเปิดประตูรถด้านหลังขึ้นไปนั่งทันที ผมละล้าละลังจะไปนั่งกับไอ้กาวด้านหลัง


              “มึงนั่งกับผู้กองหมอด้านหน้าสิวะไอ้ดีน มานั่งหลังพร้อมกันมันไม่ดีโว้ย คนเห็นเขาจะหาว่าผู้กองหมอเป็นคนขับรถ”


                ไอ้กาวดุผม เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนไปนั่งด้านหน้าคู่กับพี่มัน ตลอดทางจนถึงโรงนอนผมเห็นพี่แทนหันมามองผมบ่อยครั้งทั้งที่ปากคุยอยู่กับไอ้กาว


               “ขอบคุณครับผู้กอง”


               เมื่อลงจากรถไอ้กาวชิดเท้าทำความเคารพผมก็เลยต้องทำตาม พี่แทนยิ้มให้ก่อนจะหันมาทางผม


               “แล้วพบกันอีกนะดีน”


                 เหมือนจะไม่มีอะไรแต่มันต้องมีอะไรแน่ ชีวิตทหารใหม่ของผมส่อเค้าวุ่นวายนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป




                                                            TBC


                     อนึ่ง ตัวละครและสถานที่ที่ปรากฏในนิยายเรื่องนี้ไม่มีอยู่จริง สมมติล้วนๆ


                 อสอง นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความฟินของนักเขียนโดยเฉพาะ ไม่มีพล็อตหักมุมหรือพล็อตสามล้านชั้นให้ขบคิด ไม่มีสาระใดๆ (จะมีก็สารเลวของนักเขียนที่หื่นกาม) ดังนั้นอย่าถามหาความสมจริง หากต้องการสาระให้ไปอ่านวิกิพีเดีย

                                                               โอเคนะ






                                               :fox2: :fox2: :fox2: :fox2: :fox2: :fox2: :fox2:






หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 3 [22/06/61] #นิยายไร้สาระ#
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 22-06-2018 22:46:58
มาแล้วววววว
น้องเข้ามาอยู่ในค่ายแล้ว
แววจะได้เลื่อนยศเปนเมียผู้กองเห็นอยู่รำไร
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 3 [22/06/61] #นิยายไร้สาระ#
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 22-06-2018 22:57:09
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 3 [22/06/61] #นิยายไร้สาระ#
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-06-2018 01:13:14
 :laugh: 'งานนี้มีค้าง
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 3 [22/06/61] #นิยายไร้สาระ#
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 23-06-2018 20:52:51
สนุกมาก
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 3 [22/06/61] #นิยายไร้สาระ#
เริ่มหัวข้อโดย: Ellette ที่ 27-06-2018 23:47:14
สวัสดีค่ะ หลงเข้ามาอ่านเรื่องนี้ เห็นชื่อเรื่องคิดว่าเป็นนิยายสะท้อนชีวิต แต่จริง ๆ เป็นนิยายที่แอบตลก ดีนปากแข็งมากจริง ๆ :laugh: เหมือนมีความขัดแย้งในตัวเองตลอด เวลาคิดในใจแล้วตั้งสติได้นี่แอบขำ จริง ๆ เราต้องไม่คิดถึงพี่เขานะคะ ส่วนพี่แท ชอบมาก ๆ ที่เขาพูดจาสุภาพค่ะ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 3 [22/06/61] #นิยายไร้สาระ#
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-06-2018 00:28:09
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 3 [22/06/61] #นิยายไร้สาระ#
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 29-06-2018 04:38:17
น้องมีแววโดนล่อลวงสูงมากกค่ะ
สูงพอๆกับแววว่าจะโดนหมอฉุดเลยยย
หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-07-2018 18:18:52




                                                    ผมจะไปเกณฑ์ทหาร

                                                            บทที่ 4




                การฝึกทหารใหม่เดินทางมาถึงสัปดาห์ที่สิบอันเป็นสัปดาห์สุดท้ายแล้ว ในอีกไม่กี่วันก็จะมีงานรับประกาศนียบัตรและงานเลี้ยงฉลองให้กับทหารใหม่ในค่าย และต่อจากนี้พวกเราจะแยกย้ายกันไปฝึกอาชีพที่ทางกรมจะจัดขึ้น ใครสมัครมาเป็นทหารเกณฑ์ก็จะอยู่จนครบหนึ่งปี ส่วนใครจับใบดำใบแดงก็จะต้องอยู่จนครบสองปีตามกำหนด และระหว่างนี้ทางค่ายทหารอนุญาตให้กลับบ้านในวันเสาร์อาทิตย์ได้ด้วย


               “พวกมึงจะเลือกไปฝึกหน่วยไหนกันวะ”


               ไอ้คำแพงถามขึ้น มันตื่นเต้นกว่าเพื่อนเพราะอยากมีวิชาความรู้ เผื่อออกไปจะได้ลืมตาอ้าปากดีกว่าขับวิน


              “ไปเรียนช่างซ่อมกันไหม จบไปจะได้ไปเปิดร้านรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า”


                ไอ้ป๋องเสนอ ผมเห็นด้วยกับมันนะ บางทีผมอาจเลือกงานช่างด้วยเพราะตัวผมเองนอกจากเต้นกับร้องเพลงก็ไม่เป็นอะไรสักอย่าง เรียนเพิ่งจะจบมอหกศึกษาผู้ใหญ่นี่แหละ


               “แม่ง ไม่มีสอนวิชาแฮกเกอร์หรือวะ” เสียงไอ้กาวทะลุกลางปล้อง “อุตส่าห์ได้มาเกณฑ์ทหาร กูนึกว่าแผนกสอนคอมพิวเตอร์เขาจะสอนวิชาจารชนให้บ้าง เผื่อตอนออกจากกรมจะได้ไปสมัครหน่วยงานลับอย่างเรื่องมิชชั่นอิมพอสสิเบิล”


              “มึงนี่เข้าข่ายเพ้อเจ้อละเนี่ย มิชชั่นอิมพอสสิเบิลมันมีแต่ในหนังโว้ย ของจริงมีแต่หน่วยของเจมส์บอนด์ว่ะ ทางอังกฤษเขาปิดข่าวไว้” ไอ้ป๋องพูดทำลายความฝันของไอ้กาวอย่างสิ้นเชิง


               “นอนกันได้แล้ว สัส มีสาระชิบหาย สารเลวล้วนๆ พรุ่งนี้เขามีอบรมชุบชีวิตคน เอ๊ย ฟื้นคืนชีพ เดี๋ยวจะได้ไปนอนให้เขาปั๊มกันจริงๆหรอก”


                  ผมไล่พวกมันให้กลับไปเตียงนอนก่อนจะล้มตัวลง อากาศอ้าวช่วงดึกทำให้ผมกระสับกระส่ายไปมา แม่ง ทำไมมองเห็นหน้าไอ้พี่แทนลอยมาด้วยวะ


               “บ้า ผมจะต้องไม่คิดถึงหน้าพี่สิ ไอ้คนบ้า”


                ผมใช้หมอนปิดหน้าตัวเองก่อนจะข่มตาให้หลับลงได้อย่างยากเย็น







                มั่ย มั่ยชั่ยน้า.....//ตีอกชกหน้าเปิดประตูออกตะโกนก้องหน้ากรม


              แต่ความจริงคือผมได้แต่เดินตามเพื่อนๆทหารเกณฑ์เข้าไปในโรงยิมที่ปกติใช้สำหรับแข่งกีฬาอย่างวอลเล่ย์บอลหรือแบดมินตัน แต่วันนี้พวกเรานั่งเรียงแถวเป็นระเบียบอยู่บนพื้นจนเกือบเต็มพื้นที่ ส่วนด้านหน้ามีโต๊ะสำหรับจัดวางอุปกรณ์สาธิตในการอบรมการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน แล้วอะไรที่ทำให้ผมหัวใจเต้นแรงน่ะหรือครับ ดูที่โต๊ะวิทยากรสิ ไอ้คนที่ทำให้ผมเกือบนอนไม่หลับนั่งโปรยยิ้มอยู่นั่นไง


                “การฝึกของพวกเราใกล้จะจบหลักสูตรแล้วนะครับ การอบรมในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการฝึก”


                จ่าพิชิตหัวหน้าครูฝึกส่งเสียงดังอธิบายให้พวกเราเข้าใจ


                “ในการรบจริงหรือแม้แต่ในเหตุการณ์ไม่คาดคิด หากเราพบผู้ที่หัวใจหยุดเต้น เราจะมัวแต่ลนลานไม่ได้ ทุกคนต้องตั้งสติและช่วยให้หัวใจของเขากลับมาเต้นอีกครั้ง ซึ่งวันนี้เรามีวิทยากรที่เชี่ยวชาญมากเพราะท่านเป็นหมอทหาร ขอเสียงปรบมือให้กับร้อยเอกนายแพทย์แทนไท ตระการพันธ์”


                เสียงปรบมือดังขึ้นกราวใหญ่ ร่างสูงสูงในชุดทหารก้าวมายืนอยู่เบื้องหน้า เขากวาดสายตามองผู้รับการอบรมจนมาหยุดลงที่ผมซึ่งนั่งอยู่ตรงแถวสาม เหี้ย รู้งี้เดินช้าๆ นั่งแถวสุดท้ายดีกว่า


               “ก่อนอื่นต้องยินดีกับทหารใหม่ทุกคนที่ผ่านการฝึกอย่างเข้มข้นจนมาถึงวันนี้ ทุกคนดูเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมากนับจากวันแรกที่เดินทางมาที่กรมแห่งนี้ และจะยิ่งภาคภูมิใจมากขึ้นไปอีกหากเราจะสามารถช่วยชีวิตคนได้”


                เสียงแม่งนุ่มไปอีกครับ เวลายืนเด่นให้ความรู้ไม่ได้ขัดเขินเลยสักนิด จนผมเผลอจ้องมองแต่เขาอย่างลืมตัว โอ๊ยไอ้ดีน มึงกะพริบตาบ้างก็ได้


                “ที่หมออธิบายทฤษฎีไปคร่าวๆนี้คงจะทำให้ทหารใหม่เข้าใจมากขึ้น เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาชมการสาธิตก่อนจะให้ฝึกจริงดีกว่า ขอเชิญตัวแทนมาสักคน มาเป็นหุ่นให้หมอสาธิตให้ชม พลทหารดรัณก็แล้วกัน”


                 อ้าว ไอ้พี่ เล่นง่ายนะครับ


                ผมลุกขึ้นก้าวออกไปด้านหน้า พี่แทนบอกให้ผมนอนลงกับพื้นเป็นหุ่นให้เขาสาธิตขั้นตอนการช่วยฟื้นคืนชีพ


              “อันดับแรกนะครับ หากเราพบคนหมดสติ เราต้องควบคุมสติตนเองอย่าตื่นตระหนก และตรวจดูความปลอดภัยรอบๆก่อน อย่างเช่นมีสายไฟรั่วไหม หรือว่าอุบัติเหตุที่อาจเกิดซ้ำอีก เมื่อไม่มีเราก็รีบจัดท่าคนที่หยุดหายใจและปลุกเขาเสียงดังๆ ถ้าเขาหายใจก็จับเขานอนตะแคงเพื่อไม่ให้มีอะไรขัดขวางทางเดินหายใจ”


                พี่แทนอธิบายขั้นตอนจนถึงตรงนี้เขาก็ย่อตัวลงมาคุกเข่าด้านข้าง ผมเงยหน้ามองมุมเงยของไอ้พี่มันจนรู้สึกว่าหัวใจจะหยุดเต้นจริงๆ หน้าแม่งคมจนเฉือนหัวใจกูแล้วครับไอ้พี่


                 “แต่ถ้าเขาไม่หายใจเราก็เริ่มทำตามขั้นตอนได้เลยด้วยการคลำชีพจรที่คอ”


                 นิ้วร้อนแตะลงมาต้นซอกคอของผมทั้งที่สายตายังกวาดมองคนเข้ารับการอบรม ผมแอบสะดุ้งกับสัมผัสที่ชวนใจเต้น โอ๊ย มึงจะลูบไปมาทำไมวะ


                “เมื่อไม่มีชีพจรเราก็เริ่มต้นด้วยการเปิดปากเขาให้โล่งและเป่าลมหายใจลงไป”


               เหี้ยยยย


               ไอ้พี่ มึงจะทำแบบนี้กับกูม่ายยยด้ายยย


                ผมสะดุ้งโหยงเมื่อพี่แทนโน้มตัวลงมาปิดปากผมด้วยปากของเขา มือใหญ่บีบกรามของผมให้เปิดทางกว้าง ลมหายใจอุ่นไหลลงมาให้ช่องปากพร้อมกับลิ้นหยุ่นที่ฉกวูบเหมือนงูพิษระลอกหนึ่ง แวบเดียวแค่นั้นแต่ผมแม่งผวาไปทั้งตัว


                  ผมถูกไอ้พี่มันจูบปากต่อหน้าเพื่อน!
   

                  เขาผละปากออกไปแล้ว เสียงเพื่อนทหารชูหน้าสลอนมองการสาธิต ผมร้อนวูบไปทั้งตัวแต่ไอ้พี่แทนกลับสีหน้าปกติเหลือเกินทั้งที่มันเพิ่งจะจูบผมไป


                 “ทำแบบนี้อีกครั้งแล้วค่อยเริ่มปั้มหัวใจ”


                มาอีกแล้ว ไอ้คนฉวยโอกาส ฮือ


                 ผมไม่กล้าดิ้นรนเพราะกลัวคนอื่นผิดสังเกต ได้แต่นอนนิ่งหลับตาปี๋เหมือนคนหยุดหายใจจริงๆตอนที่ไอ้พี่มันประกบปากปล่อยลมหายใจพร้อมกับลิ้นมันเข้ามา คราวนี้นานหลายวินาทีจนได้ยินเสียงถอนหายใจของพี่มันก่อนจะผละออกไป
ไอ้พี่แทนแอบสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะกล่าวกับพวกเราต่อ


                  “แต่หมอจะบอกว่า วิธีที่หมอเพิ่งอธิบายไปมันเก่าแล้ว”


                “อ้าวหมอ แล้วสอนทำไมครับ”


                 เออใช่ กูแม่งถูกจูบฟรีเลยสัส


                 “สอนเพื่อบอกว่าเมื่อก่อนเขาทำแบบนี้ แต่ตอนนี้มันมีงานวิจัยใหม่ออกมา บอกว่าไม่ต้องเป่าลมลงไป หากไม่มีชีพจรให้เริ่มปั๊มหัวใจได้เลยในอัตราหนึ่งร้อยถึงหนึ่งร้อยยี่สิบครั้งต่อนาที โดยการฝึกให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ง่ายๆ เราจะฝึกการปั๊มหัวใจโดยใช้เพลงสุขกันเถอะเราเป็นต้นแบบ ว่าอัตราที่ถูกต้องควรจะตรงจังหวะกับเพลงนี้ แต่ไม่ใช่ว่าตอนช่วยชีวิตคนจริงๆ จะมาเปิดเพลงนี้นะ ไม่อย่างนั้นเรานี่แหละจะตายก่อน คนตรงหน้าใกล้ตายกลับมาเปิดเพลงสุขกันเถอะเราอยู่ได้”


                น้ำเสียงนุ่มกลั้วมุกตลกเบาๆ เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนทหารของผมได้ ไม่มีใครสนใจที่กูถูกวิทยากรแอบล่วงเกินเลยโว้ย ไอ้พวกเพื่อนเลว


                  พี่แทนสอนขั้นตอนการนวดหัวใจว่าให้ใช้ส้นมือวางซ้อนกันบนกระดูกหน้าอก โดยให้อยู่เหนือลิ้นปี่ประมาณสามเซนติเมตร และเมื่อวางถูกตำแหน่งแล้วก็ไม่ควรยกขึ้นหรือเคลื่อนที่ ออกแรงจากไหล่ไม่ใช่แขน หากใครแขนงอถือว่าทำผิดโดยกดลึกลงไปหนึ่งนิ้วครึ่งถึงสองนิ้ว


                “เข้าใจกันแล้วก็จับกลุ่มแยกกันไปตามฐานนะครับ พี่ๆทหารเสนารักษ์ พี่ๆพยาบาลทุกคนรอให้ความรู้อยู่แล้ว เมื่อเวียนครบก็กลับมานั่งที่ ขอให้ทุกคนตักตวงความรู้จนชำนาญเลยนะ”


                 เมื่อพี่แทนพูดจบบรรดาพลทหารก็ลุกขึ้นไปตามฐานที่มีเจ้าหน้าที่รออยู่แล้ว เหลือแต่ผมนี่แหละที่ยังนอนอึ้งอยู่ที่เดิม พี่แทนย่อตัวลงนั่งพลางส่งยิ้มกระชากใจให้ผม


                 “น้องดีนจะนอนอู้อีกนานไหมครับ เดี๋ยวเก็บฐานไม่ทันเพื่อนนะ”


                แหม กลัวผมเก็บฐานไม่ทัน ไอ้พี่มึง


                ผมเด้งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนเกือบปะทะกับไอ้พี่มันที่โน้มเข้าหา ผมสะบัดหน้าร้อนวูบวาบหนีเขา


                “พี่หลอกแต๊ะอั๋งผม เป่าลมอะไรกันถึงต้องมีลิ้นติดมาด้วย”


                “คิดถึงดีนนี่ครับ คิดถึงปากแดงๆ ช่างพูด ดีนไม่คิดถึงพี่เหรอ”


                แน่ะๆ มีมุกจีบด้วยโว้ย ก้าวหน้าใหญ่แล้ว แหม มองตาเชื่อมเชียว นี่หมอหรือกล้วยเชื่อมวะ


                 “ผมไม่ง่ายนะพี่ ไอ้วันนั้นเกิดขึ้นได้เพราะผมเมา ผมจะไม่หลงกลพี่อีกแล้ว”


                  ผมพูดเสียงแข็ง ไม่อยากให้เขาคิดว่าผมเป็นคนใจง่าย ศักดิ์ศรีมันต้องมีบ้างใช่ไหมครับ ไอ้จะให้ยอมทุกครั้งน่ะมันไม่ได้ อีกอย่างผมกับเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย จะเรียกแฟนนี่ยังไม่ได้เริ่มจีบกันด้วยซ้ำ


                เหี้ย ทำไมหัวใจผมถึงอ่อนยวบยิ่งกว่าฟองน้ำใช้แล้วอีกวะ ตอนที่ไอ้พี่มันทำหน้าเศร้า สายตาผิดหวังของเขาเมื่อสบตาทำให้ผมเจ็บแปล๊บเลย


                  “ถ้าพี่ทำให้ดีนคิดแบบนั้นพี่ก็ขอโทษด้วย พี่ไม่ได้คิดว่าดีนเป็นคนง่ายเลย และพี่ก็ไม่ได้หลอกดีนด้วย แค่รู้สึกว่าดีนเป็นเด็กน่ารักและพี่ก็ชอบเวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกันแค่นั้นเอง ต่อจากนี้พี่จะไม่กวนใจให้ดีนรู้สึกไม่ดีอีกแล้ว”


                 “เอ่อ ... พี่”


                  ใจหายวาบตอนที่พี่แทนเดินหันหลังจากผมไป เขาเดินไปนั่งยังที่นั่งวิทยากรและไม่มองมาทางผมอีก ผมฝืนใจไปฝึกตามฐานทั้งที่หัวใจบินไปจากตัว พี่แทนไม่มองผมจริงๆนะ


                 “ทุกคนเก่งมาก หวังว่าจะจำความรู้ในวันนี้ไปช่วยเหลือคนอื่นกันได้นะครับ ใครที่หัวใจหยุดเต้นเราก็ซีพีอาร์กันไป ส่วนใครที่หัวใจหยุดรักก็ปล่อยให้เขาไปพบคนที่ดีกว่าเรา”


               เสียงหัวเราะของเพื่อนทหารดังลั่น ในขณะที่คนปล่อยมุกยิ้มขรึม ดวงตาคมของพี่แทนมองทางผมอย่างเจ็บช้ำ ส่วนผมได้แต่ปฏิเสธใจตัวเอง ไม่สิ เราจะเจ็บปวดไปกับสายตาและข้อความตัดพ้อเหล่านั้นไม่ได้ เรากับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย ฮือ ทำไมขอบตาร้อนผ่าวเลยวะ


                พี่แทนกล่าวปิดการอบรมและจากไปโดยทิ้งตะกอนขุ่นๆไว้ในหัวใจของผม แล้วเมื่อไหร่ตะกอนพวกนี้จะหายไป เมื่อไหร่ที่ผมจะกลับมาเป็นพลทหารดรัณคนเดิมได้สักทีเล่า ผมได้แต่มองตามหลังรถตู้ของโรงพยาบาลจนกระทั่งลับสายตา





มีต่ออีกนิด...



หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ#
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 30-07-2018 18:27:20


ต่อกันตรงนี้...




                 ช่วงสุดท้ายของการฝึกไม่ได้หนักหนาเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา พวกเราฝึกเดินสวนสนามเพื่อใช้ในวันสุดท้ายของการฝึกที่นายทหารระดับสูงจะมาชมและแจกประกาศนียบัตรให้ แต่แทนที่ผมจะยินดีในความสำเร็จอีกขั้น ผมกลับห่อเหี่ยวใจจนถึงวันนี้ วันที่ผมขึ้นไปรับประกาศนียบัตรจากมือแม่ทัพภาค


                    “มึงเมายากันยุงเหรอไอ้ดีน กูเห็นทำหน้าหมาหงอยมาหลายวันแล้ว”


                    ไอ้กาวบัดดี้ตัวแสบถามขึ้นหลังจากรับใบประกาศมาแล้ว ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่


                  “มึงเคยเผลอพูดอะไรออกไปทำร้ายจิตใจคนอื่นไหววะกาว”


                   “บ่อยไป” เพื่อนสนิทในค่ายตอบพลางยักไหล่ “กูมันพวกพูดจาไม่คิดโว้ย มาฝึกทหารเนี่ยถึงได้ดีขึ้น มึงไปพูดปากหมาอะไรกับใครก็ไปขอโทษเขาสิวะ เขาคงไม่ใจร้ายกับคนสำนึกผิดหรอกน่า”


                   แต่คนๆนั้น เขาไม่ให้โอกาสผมเลย ผมยังไม่เจอไอ้พี่มันตั้งแต่เมื่อวันก่อนที่เผลอพูดคำนั้นออกไป ถ้าเขาเปิดโอกาสผมจะขอโทษเขา ไม่ว่าเขาจะมองผมด้วยสายตาเช่นเดิมหรือไม่


                    โรงยิมกลางค่ายถูกเนรมิตให้กลายเป็นพื้นที่สังสรรค์ในวันสุดท้ายของการฝึกเมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน วันนี้เป็นวันปล่อยผีเป็นครั้งแรกหลังจากเราเข้ามาอยู่ในค่ายทหารได้สามเดือน และในวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ พวกเราได้รับอนุญาตให้กลับไปเยี่ยมบ้านได้ แต่ต้องไปกลับในชุดทหาร เสียงดนตรีดังกึกก้อง อาหารและเครื่องดื่มมีเต็มที่ คนร่วมงานก็คือนายทหารชั้นผู้ใหญ่เกือบทั้งค่าย ครูฝึกและพวกเราเหล่าพลทหาร


                  ในฐานะที่ผมมีชื่อเสียงเพราะเป็นไอดอลนักร้อง เพื่อนๆให้ผมเป็นหนึ่งในกลุ่มนักร้องประจำวงทหารใหม่โดยมีเพื่อนทหารคนอื่นมาตั้งวงเล่นดนตรีและผลัดกันร้องเพลง สลับกับการเชิญแขกผู้ใหญ่ในงานขึ้นมาร้องด้วย ตอนที่ผมพักอยู่ข้างเวทีหัวใจก็พลันเต้นรัวทันทีเมื่อเห็นพี่แทนเดินเข้ามาในงาน


                    ร่างสูงเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง เขาทำความเคารพนายทหารผู้ใหญ่ท่านอื่น ผมได้แต่มองเขาในอิริยาบถต่างๆด้วยความคิดถึง ได้แต่ถามตัวเองว่าควรหรือเปล่าที่จะตัดรอนเขาออกไปจากชีวิต ทั้งที่พี่แทนก็เอ่ยปากแล้วว่าอยากสานสัมพันธ์ด้วย แต่คิดมาถึงตรงนี้ผมก็อดรู้สึกผิดในความปากเสียของตัวเองไม่ได้


                   ถึงคิวของผมขึ้นร้องบนเวที ผมบอกเพื่อนว่าจะร้องเพลงอะไรเมื่อเพื่อนในวงพยักหน้าว่าเล่นได้ผมก็จับไมโครโฟนขึ้นมา


                 “เพลงนี้ผมขอมอบให้กับคนที่เคยถูกทำร้ายจิตใจ อยากจะบอกว่าบางทีเราก็โง่เกินกว่าจะรู้ว่าทำอะไรลงไปจนต้องเจ็บเสียเองถึงจะเข้าใจนะครับ”



เพิ่งรู้ตัวก็เหมือนว่ามันจะสายเกินไป เธอนั้นไม่คืนกลับมา
เพิ่งเข้าใจว่ารักที่เธอให้ฉันมันมากมาย แต่ฉันเอง
ที่ทำให้รักต้องจบลง และเธอต้องเสียใจ
อยากจะขอพูดความในใจ อาจฟังแล้วมันง่ายเกินไปที่ฉันทำ

อยากจะ ขอโทษ ขอโทษเธอจากคนที่โง่เขลา ที่เพิ่งเข้าใจคำว่ารัก
ขอโทษ แม้รู้มันไม่มีความหมาย อยากขอโทษเธอจากใจถึงแม้ว่าเธอไม่อยากจะรับฟัง
ภาพเก่าเก่าเมื่อครั้งที่มีเธอนั้นยังคงอยู่ ทุกครั้งที่ไปที่เดิม
ไม่มีใคร มาเติมให้เต็ม ใจฉันยังรักเธอ แต่ฉันเองที่ทำให้รักต้องจบลง และเธอต้องเสียใจ

อยากจะขอพูดความในใจ อาจฟังแล้วมันง่ายเกินไปที่ฉันทำ
อยากจะ ขอโทษ ขอโทษเธอจากคนที่โง่เขลา ที่เพิ่งเข้าใจคำว่ารัก
ขอโทษ แม้รู้มันไม่มีความหมาย อยากขอโทษเธอจากใจถึงแม้ว่าเธอไม่อยากจะรับฟัง

ขอโทษ ขอโทษเธอจากคนที่โง่เขลา ที่เพิ่งเข้าใจคำว่ารัก
ขอโทษ  แม้รู้ว่ามันไม่มีความหมาย อยากขอโทษเธอจากใจถึงแม้ว่าเธอไม่อยากจะรับฟัง
(เพลงขอโทษ วงเคลิ้ม)



                เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อผมร้องจบ จากเมืองไทยไปนานก็ร้องได้แต่เพลงเก่าๆแบบนี้ ตลอดทั้งเพลงผมได้แต่พยายามจะสบตากับพี่แทนเพื่อบอกให้รู้ว่าผมร้องเพลงนี้ให้เขา พี่แทนมองขึ้นมานัยน์ตาราวกับจะตัดพ้อจนผมเดินกลับเหมือนหมาหงอย เพื่อนที่เป็นพิธีกรขึ้นมาบนเวทีดำเนินรายการต่อ


                 “คุณผู้กองหมอแทนไทสุดหล่อมาในงานสักพักแล้วนะครับ เรียนเชิญมาขับร้องเป็นเกียรติแก่พวกเรา ขอเสียงปรบมือให้คุณหมอด้วยครับ”


                  เขาลุกจากที่นั่งตรงมายังเวที สบตากับผมแวบหนึ่งก่อนจะเดินขึ้นไปด้านบนแล้วร้องเพลง



ยากเพียงใดที่จะไม่รัก ยากยิ่งกว่านั้นถ้าจะไม่แคร์
เมื่อเราเองต่างมีข้อแม้ และมีเงื่อนไขที่ใจต้องยอมรับมัน
ต่อให้รักมากมายเท่าไร คงต้องยิ่งไกลจากเธอเท่านั้น

อยากอยู่ใกล้เธอสักแค่ไหน ก็คงต้องห่างไว้
ก็เพราะไม่อยากหวั่นไหวไปมากกว่านี้
ให้เรามีระยะห่างไว้ เมื่อทำได้เท่านี้
เก็บความรู้สึกที่แสนดี ให้มันอยู่ในใจ

เมื่อใจเราต่างคนต่างรู้ ว่าไม่อาจยืนคู่กันและกัน
หนึ่งก้าวที่เธอห่างจากฉัน ไม่ทำให้รักของเรามันจางหายไป
แต่ว่ารักมากมายเท่าไร คงต้องยิ่งไกลจากเธอเท่านั้น
(เพลงระยะห่าง แม็กซ์ เจนมานะ)




                เนื้อเพลงที่บ่งบอกถึงความน้อยใจและเจียมตัวทำให้ผมใจหาย เขาเดินลงจากเวทีผ่านไปโดยไม่มองหน้า และนั่นทำให้ความอดทนของผมหมดลง ผมหันไปบอกเพื่อนว่าจะไปห้องน้ำก่อนจะก้าวตามแผ่นหลังนั้นไปอย่างไม่ลังเลอีกแล้ว



                                                       TBC

                                          แหม น้องดีนลูก ชอบก็บอกว่าชอบ มัวแต่ซึนไม่ได้นะลูก

                                    :m18: :m18: :m18: :m18: :m18: :m18: :m18:








หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 30-07-2018 18:59:10
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-07-2018 19:40:16
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-07-2018 20:20:35
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 30-07-2018 20:35:35
ฟินมาก
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-07-2018 21:06:53
อุ้ยเค้าควรไปง้อกันที่รร.ขเางนอกเนอะ
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-07-2018 22:02:24
ไปง้อข้างนอก
น้องจะรอดไหมมมม :o8:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-07-2018 00:31:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 31-07-2018 07:59:34
ฟิน
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 31-07-2018 08:48:45
 :z1:  น้องดีนไปง้อพี่แทนท่าไหนน๊าาาา     :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-07-2018 10:08:01
 :bye2:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 01-08-2018 00:22:11
สนุกเช่นเคย  :pig4:
ง้อให้สำเร็จนะน้องดีน   :hao6:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 02-08-2018 07:30:26
งอน นานๆ ไป นะคะ พี่ หมอ แทน.. ให้ น้อง กันเอา ตัว เข้า แลก ก่อน... 555
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-08-2018 09:27:56
เราอาจเห็นต่างแต่เราว่าดีนแค่หวั่นไหวไปกับสัมผัสรึเปล่าพอหมอแทนมาทำสายตาตัดพ้อเลยรู้สึกผิด ซึ่งเราว่าเป็นแผนหมอมัน คือเราอยากให้ดีนถอยจริงๆนะใช้ชีวิตทหารไปก่อนรอให้แน่ใจไม่ใช่วิ่งเข้าหาตามแผนของหมอแทนแบบนี้
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 4 [30/07/61] #นิยายหื่นนิดๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 07-08-2018 13:26:49
ต้องตามไปอ่านทีอื่นแล้วสินะTT
หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 5 [7/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 07-08-2018 20:07:15



                                                         ผมจะไปเกณฑ์ทหาร

                                                                บทที่ 5



                 ผมคิดว่าพี่แทนรู้นะว่าผมเดินตามหลังมา แต่เขาไม่ยอมหันกลับมามองสักนิด จนกระทั่งใกล้ถึงห้องน้ำที่แยกออกจากโรงยิมทางด้านหลังผมจึงตัดสินใจเรียกเขา


                 “พี่แทน ผมอยากคุยกับพี่”


                 ได้ผล แผ่นหลังที่ผมเดินตามหยุดชะงัก เขาหันกลับมาฝืนยิ้มทำหน้าเศร้าใส่ผม


                “น้องดีนมีอะไรจะคุยกับคนฉวยโอกาสอย่างพี่หรือครับ”


                 ผมเม้มริมฝีปากเหมือนเด็กถูกขัดใจที่พี่แทนเหมือนจะไม่สนใจผมแล้ว ว้อยย กูมาง้อนะไอ้พี่ สนใจกูด้วยครับ แต่จะพูดอะไรออกไปกระดากใจเพราะมีทหารเดินมาเข้าห้องน้ำหลายคน ยังไม่อยากให้เรื่องของผมกับพี่แทนหลุดออกไปเข้าหูใครด้วย


               “ตรงนี้คนเยอะ หาที่คุยที่มันเงียบหน่อยดีไหมครับ”


               “เรื่องสำคัญหรือครับ”


              อ้าว ไอ้พี่ เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว...


            “พี่แทนคิดว่าเรื่องของเรามันสำคัญไหมล่ะครับ”


            โดน ฮ่าๆๆๆ จ๋อยสิ ผมนี่นอกจากร้องเพลงกับเต้นแล้วยังเทคคอร์สการแสดงด้วยนะครับ ไอ้เรื่องทำหน้าน้อยใจตัดพ้อโอปป้าดีนนี่ถนัดนัก


              “ถ้าสำคัญมาก ไปที่บ้านพักของพี่ก็ได้ครับ ไม่ไกลเท่าไหร่”


              พี่แทนเดินนำผมไปที่รถกระบะคันเดิมที่เคยขับรถไปส่งผมที่บ้านในวันแรกที่เราพบกัน ผมเดินตามเขาไปขึ้นรถ คุณหมอทหารไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียวจนเขาขับรถมาจอดหน้าบ้านพักแพทย์ในเขตโรงพยาบาลค่าย เป็นบ้านสองชั้นเล็กๆ ตั้งเรียงกันอยู่สามหลัง ผมตามพี่แทนเข้าไปในบ้าน จนกระทั่งเขาปิดประตูลง เรายืนเผชิญหน้ากันอยู่กลางห้องโถงเล็กๆที่มีชุดรับแขกขนาดพอเหมาะตั้งอยู่ เขาทำหน้าขรึมใส่ผม


              “เงียบพอที่ดีนจะต่อว่าพี่ได้แล้วครับ มีอะไรก็พูดออกมาเลย”


              พอจะต้องพูดจริงๆผมก็พูดไม่ออกซะงั้น ขี้ขลาดว่ะไอ้ดีน มึงเป็นทหารนะโว้ย ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกรวบรวมความกล้าเงยหน้าสบตาพี่แทน


               “ผมไม่ได้เกลียดพี่แทนนะครับ แต่พี่ก็ต้องเข้าใจผมด้วย เรามีอะไรกันตั้งแต่ยังไม่รู้จัก ไม่ได้เห็นหน้ากันเต็มตาด้วยซ้ำ เป็นใครก็ต้องรู้สึกว่ามันง่ายเกินไป ผมไม่อยากให้พี่มองผมแบบนั้น”


              เงียบ...


             มีเข็มหล่นบ้างไหมเผื่อผมจะได้ยิน


            พี่แทนมองผมด้วยสายตาที่เดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ นานจนผมหายใจขัดไปหมดก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะคลี่ออก ยิ้ม พี่แทนยิ้ม!


              “ประโยคแรกที่พูด น้องดีนคิดอย่างนั้นจริงๆใช่ไหมครับ”


               งงเด้ งงเด้ ประโยคไหนวะ


             “ที่บอกว่าไม่ได้เกลียดพี่น่ะครับ พูดจริงใช่ไหม”


             ไอ้ที่กูพยายามอธิบายทั้งหมดยาวยืดมันไม่ได้มีผลกับการรับรู้ของพี่แทนเลยใช่ไหมวะ ไอ้พี่มันจับใจความได้แค่เนียะ แล้วผมจะพูดที่เหลือตั้งเยอะทำไม


             “ตอบพี่มาสิครับ”


              “เอ่อ.. ครับ”


             แหม อีพี่ยิ้มหน้าบานเหมือนจานดาวเทียมPSI เขายื่นมือมาคว้ามือผมไปกุม


              “พี่ต้องการแค่นี้แหละ เรื่องที่ดีนกังวลพี่ไม่เคยคิดเลย อย่ามองตัวเองในแง่ลบนะครับ”


              ทำเสียงนุ่ม เขินโว้ย แต่เดี๋ยวนะ พี่แทนโกรธผมอยู่ไม่ใช่เหรอ


              “หายโกรธผมแล้วหรือครับ”


               พี่แทนส่ายหน้าและยังไม่ยอมปล่อยมือผม เขากุมแน่นหนาจนเหงื่อเริ่มซึมออกมาบนฝ่ามือของผม


              “ไม่ได้โกรธสักหน่อย”


             “อ้าว แล้วที่ไม่ยอมมองหน้าผมล่ะ” โวยวายสิครับ กูก็คิดมากไปสิ


             “อยากให้ดีนมาง้อไงครับ”


             ฉิบหายล่ะ ตกหลุมไอ้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ไอ้พี่แทนมึ้งงงง


              กำลังจะเปิดปากต่อว่า ไอ้พี่ก็กระชากผมเข้าไปกอด รัดแน่นจนผมดิ้นหนีไม่ได้ เขาเอียงหน้าเข้าหาบดปากลงมาที่ปากของผม มุมขยี้นั้นได้องศาจนผมสำลักน้ำลายตัวเอง ทันใดนั้นพี่แทนก็ตวัดลิ้นเข้ามาคลอเคลียอยู่กับลิ้นของผม เขาบังคับให้ผมเดินถอยหลังจนขาชนกับโซฟารับแขกและหงายหลังลงไป ตัวหนักล้มทับจนผมหมดอิสรภาพ


               “อื้อ”


              ตาลอยคว้างเลยทีนี้พลทหารดรัณครับ สติครับ เรียกมันกลับมาสิครับ ตายห่าแล้ว อีพี่มันเลิกชายเสื้อยืดทหารของผมขึ้นแล้ว


               “อึก พี่ พี่แทน อย่าเพิ่งครับ”


               ผมพยายามห้ามเขาจนพี่แทนยอมหยุดจูบ เขาผละลิ้นออกมาแต่แม่งเสือกมาดูดหน้าอกผมแทน จ๊าก ไอ้พี่ ตรงนั้นจุดอ่อนกูโว้ย


             “เราต้องคุยกันก่อน ฮื้อ พี่


              ผมว่านะ ลิ้นพี่แทนมันต้องไม่มีกระดูก ถ้าเป็นแรปเปอร์ก็คงเป็นสายสับ เขาตวัดให้ปลายลิ้นสัมผัสยอดอกของผมคล้ายไม่ตั้งใจ มันบางเบาแต่กลับกระตุ้นจนผมดิ้นหลังไม่ติดเบาะโซฟารับแขกแล้ว


              “เรา อึก ต้องคุยกัน อื้อ แค่เราลองเรียนรู้กันไปก่อน ถ้าเราเข้ากันได้แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่ อูย เสียวโว้ย”


              ผมห่อปากจนเสียงที่ออกมาฟังกระเส่าจนน่าตกใจ แต่ที่ควรจะตกใจกว่าคือเพิ่งรู้ว่ากางเกงทหารมันร่นไปกองอยู่ตรงหน้าขาตอนไหนก็ไม่รู้


              “เข้ากันได้แบบไหนครับ ให้พี่ทดลองการเข้ากันได้ของเราสองคนดีไหมครับ”


             นิ้วยาวใหญ่ที่นวดเฟ้นรอบรอยจีบพับทแยงตัวแล้วสอดลึกเข้าไปทันที ผมผวาแอ่นกายอย่างลืมตัวเปิดโอกาสให้พี่แทนละเลงลิ้นอีกรอบ นิ้วยาวโยกควงวนซ้ายป่ายขวาจนผมเผลอยกขาตั้งชัน พี่แทนรีบคว้าโอกาสนั้นคลึงนิ้วที่สองแล้วสอดตามเข้าไปทันที


             “โอ๊ย พี่แทน”


              ผมนี่กดหัวไอ้พี่มันไว้กับหน้าอกเลยครับ พี่แทนเม้มปากดูดดึงยอดอกของผมสลับกันสองข้างไม่ให้น้อยหน้า มาถึงตอนนี้กางเกงของผมยิ่งร่นไปหมิ่นเหม่อยู่ตรงปลายเท้า และที่สำคัญกว่าคือไอ้ปืนใหญ่ของพี่แทนจ่อยิงหน้าประตูของผมแล้ว แหม ไอ้พี่ มึงเป็นเดอะกันเนอร์หรือไงโว้ย มึงจะมาถล่มทีมหงส์แดงอย่างกูไม่ได้   (ทีมฟุตบอล Arsenal ฉายา ไอ้ปืนใหญ่ หรือ The Gunner)


               “พี่จะพิสูจน์ให้แทนยอมรับว่าเราเข้ากันได้”


              ไอ้พี่แทนเงยหน้ามองผมตาฉ่ำ แค่แวบเดียวที่เผลอผมก็โดนยิง อ๊ากสสสสส ขีปนาวุธชอนไชเป้าหมายเตรียมเผด็จศึก โว้ย พี่จะยิงจนเป้าผมแตกเลยหรือไงครับ


              “ฮึก โอ๊ย พี่แทน ใจเย็น”


              กูยังมีหน้าไปเตือนเขาเนาะ มึงนี่แหละใจเย็นไอ้ดีน ขาสองข้างของคุณมึงน่ะเกี่ยวเอวไอ้พี่มันไว้ เรียบร้อย!


             “ดีนชอบให้พี่แรงตรงไหนดีครับ ตรงนี้หรือเปล่า”


             เสียงแหบกระซิบถาม เอวก็ประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะไม่มีหยุดพัก  พี่แทน พี่เป็นยักษ์ใช่ไหม ไอ้ยักษ์ไม่มีเพชร


            “พี่แทน ตรงนั้นเลยครับ อูย”


             เป้าผมจะขาดแล้วครับ พี่แทนทะลวงใส่ผมจนโซฟาโยกดังเอี๊ยดอ๊าด ซิปกางเกงทหารของพี่แทนกระแทกถุงเนื้อจนแสบไปหมด แต่ยิ่งรู้สึกว่ามันเร้าอารมณ์ให้ยิ่งเตลิด


              “อยากเปลี่ยนท่าไหมครับ”


         ไอ้พี่กระซิบถามนัยน์ตาวาววามอย่างคนกำชัยชนะ ผมที่เพิ่งจะหยุดแหงนหน้าส่งเสียงครางกลืนน้ำลายเหนียวคออึกใหญ่


             “ท่าไหนดีพี่”


             ทำไมถึงไม่ปฏิเสธไอ้ดี๊นนนน  แต่ก็อยากเปลี่ยนท่าไง เมื่อยขาอ้ะ ฮือ


             พี่แทนสอดแขนเข้ามาใต้เอวของผมแล้วยกผมขึ้นมา เขาขยับเปลี่ยนเป็นนั่งอยู่บนโซฟาโดยที่ผมกลายเป็นนั่งคร่อมกางขาโอบเอวเขา พี่แทนขยิบตาให้พลางยุผม


               “อยากลองคุมเกมบ้างไหมครับ พี่ยกให้ดีนได้ตำแหน่งศูนย์หน้าไปเลย”


               เขินก็เขิน สยิวก็สยิว อยากลองก็อยาก เอาวะ ผมลองขยับเอววนซ้ายวนขวาบดคลึงจรวดที่อยู่ข้างในไปเรื่อยๆ  เหี้ย เสียวได้ใจจริงๆ


             “อา เก่งมากครับน้องดีน”


              ไอ้พี่พิงกายกับโซฟา มือใหญ่จับเอวของผมไว้แล้วกดให้ท่อนเนื้อยิ่งฝังลึก ผมนี่ร้องซี้ดเลย


              “หายเหนื่อยหรือยังครับ ถ้าหายแล้วน้องดีนเต็มที่ได้เลยนะครับ”


              ผมทดลองยกตัวขึ้นลงช้าๆอย่างไม่คล่องแคล่วนัก จะยกตัวสูงไปก็กลัวมันจะหลุดจากกัน จะกระแทกแรงก็กลัวทำแม่งหัก แต่พอลองสักพักก็เริ่มจับจังหวะได้ว่าแรงแค่ไหนถึงจะพอเหมาะ และเมื่อตั้งตัวได้ผมก็พริ้วเลยสิครับงานนี้ ได้ยินพี่แทนเงยหน้าส่งเสียงต่ำๆทุ้มๆจากลำคอก็ยิ่งสะใจ กูจะทำพี่มันครางบ้างละ


              “โอ ดีน ดีมาก จังหวะนี้พี่ชอบ”


              ผมเริ่มออกแรงจนหอบ มันใช้พลังงานเสียยิ่งกว่าวิ่งรอบค่ายทหารเสียอีก พี่แทนคงรู้ว่าผมเหนื่อย มือใหญ่ที่วางอยู่ตรงเอวจึงรั้งให้ผมอยู่นิ่งในท่าลอยตัวนิดๆ


             “จูบให้กำลังใจพี่หน่อยนะครับ พี่จะได้มีแรงพาดีนขึ้นสวรรค์”


              อ่อยว่ะ แต่ก็อยากจูบเขา ผมก้มหน้าลงไปจูบที่ริมฝีปากแห้งผากนั่น โลมเลียให้ชุ่มชื้นด้วยน้ำลายของผม พี่แทนยื่นลิ้นออกมา ผมเลยดูดลิ้นเขาช้าๆ เออ กูนี่ก็ขี้ยั่วจริงแฮะ


               พี่แทนส่งเสียงคำรามเหมือนสิงโต ทันใดนั้นเขาก็ซอยเอวใส่ผมยิกๆอย่างกับเครื่องจักร  อาการซอยถี่ยิบจนโซฟาแทบพังนั่นทำให้ร่างกายของผมบิดพล่านจนต้องคว้าเจ้าดีนน้อยไว้ในกำมือ


             “อึก พี่แทน ไม่ไหวแล้วครับ อ๊า”


              ผมเกร็งไปทั้งตัวตอนที่น้ำคาวหลั่งรดเต็มมือ เงยหน้ากลั้นหายใจตาค้างไปหลายวินาทีก่อนจะกลับมาหายใจหนัก พี่แทนเองก็คงใกล้จะถึงฝั่งเต็มที เขาจับผมหย่อนลงไปด้านล่างจนไหล่ติดพื้นแต่ส่วนเอวยังอยู่กับเขา พี่แทนกลั้นใจสาวเองไม่ยั้ง ผมยังรู้สึกได้ถึงความคับแน่นอึดอัดของเขายามอยู่ในร่างผม สีหน้าของเขาเหมือนจะเจ็บปวดแต่ก็ฟินไปด้วย พี่แทนเร่งความเร็วเต็มที่ก่อนจะดึงปืนใหญ่ออกมาขัดลำแล้วปลดปล่อยใส่ลำตัวของผมจนเป็นสาย


                เขาดึงผมให้ขึ้นมานอนหอบบนโซฟาอยู่บนร่างหนาของเขา มือใหญ่โอบกอดรอให้ผมหายเหนื่อย


              “เราเข้ากันได้ไหมครับดีน”


               สีหน้ายิ้มแย้มด้วยความสุขสมทำให้ผมสะบัดหน้าหนีเพราะความขัดเขิน หน้านี่ร้อนซู่ไปหมด


              “ผมไม่ได้หมายความว่าเข้ากันแบบนี้ ไอ้พี่แทน เดี๋ยวเหอะ”


               ผมทุบไหล่เขาดังพลัก ไอ้พี่แม่งยังทำหน้าระรื่นได้อีก


              “ผมหมายถึงว่าเราต้องเรียนรู้นิสัยของกันและกันว่าจะไปกันได้ไหมต่างหากเล่า ส่วนเรื่องนี้มันไม่เกี่ยว”


             จิ้งจอกเฒ่าทำสีหน้าเจ้าเล่ห์


              “อย่างนั้นก็หมายความว่า เรื่องการเข้ากันได้ของร่างกายไม่เกี่ยวกับการเรียนรู้นิสัย พี่สามารถทำแบบนี้กี่ครั้งก็ได้ จนกว่าดีนจะบอกพี่ว่านิสัยเราไปกันได้ดีใช่ไหมครับ”


               ผมนี่อ้าปากหวอเลยสิครับ ขอโทษที่คิดว่าพี่เป็นคนดี ฮึ้ย เสียท่าอีกแล้วกู


              “แต่ตอนนี้เราควรจะกลับไปที่งานเลี้ยงก่อน ไม่อย่างนั้นเขาคงสงสัยว่าคนดังหายไปไหน”


                พี่แทนจับผมให้ลุกนั่ง เขาเดินไปหยิบกระดาษมาเช็ดคราบบนร่างกายและใส่กางเกงคืนให้ แหม สุภาพบุรุษเหลือเกินนะไอ้พี่


               “เดินไหวไหมครับ”


                ผมยิ้มแห้ง ใครโดนโจมตีแล้วจะไม่บาดเจ็บบ้างวะครับ พี่แทนช้อนอุ้มผมเดินออกจากบ้านไปยังรถกระบะของเขาแล้วขับกลับไปที่งานเลี้ยง พอจอดรถเขาก็เอ่ยปาก


              “พรุ่งนี้ทหารใหม่กลับบ้านได้เป็นครั้งแรก พี่พาดีนกลับบ้านดีไหมครับ”


               สบายกูละ ยิ่งไปไหนมาไหนไม่เป็นอยู่ด้วย ผมพยักหน้ารับพี่แทนจึงได้จูบผมอีกครั้งก่อนที่เขาจะลงจากรถและเดินกลับเข้าไปในงานโดยไม่มีใครสังเกต


              “อ้ายดีน หายหัวปายหนายมา”


              ไอ้กาวที่เมาเต็มที่ยกมือชี้หน้าผม เพื่อนคนอื่นก็สภาพแทบคลานได้แล้ว


             “กูไปขี้มา”


             ผมส่ายหัวให้กับพวกมันก่อนที่จะหันไปสบตากับพี่แทน นัยน์ตาวิ้งๆนั่นทำให้แก้มร้อน


            “ไป จะแดกเหล้าก็แดก เดี๋ยวงานจะเลิกแล้ว”






มีต่ออีกนิด....





หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 5 [7/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 07-08-2018 20:16:49


อ่านต่อตรงนี้...




                งานเลิกเที่ยงคืน พวกเรากลับเข้าโรงนอน คนที่ยังเหลือสติก็ไปอาบน้ำจนสบายตัวอย่างผมคนหนึ่ง ไอ้พวกเมาเรื้อนก็โดนหิ้วปีกเหวี่ยงลงเตียง ผมหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่ใช่เพราะเมาเหล้า แต่เพราะเมา... โอ๊ย ไม่พูด เขิน!


               “ฝันดีนะครับพี่แทน”


                ผมกระซิบกับตัวเองเมื่อมองเห็นพี่แทนหลังเปลือกตา ไม่ช้าผมก็หลับสนิทจนกระทั่งใกล้สว่างที่ตื่นเพราะมีใครเขย่าปลุก


              “ดีน เหี้ยดีน ตื่นสิวะ”


              ไอ้กาวตัวเรื้อนนั่นเอง ผมยกมือขยี้ตาด้วยความโมโห แม่ง กำลังฝันว่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับไอ้พี่แทนอยู่เลย


              “ปลุกกูทำเหี้ยอะไรไอ้กาว”


              มันยิ้มแหยหน้าเจี๋ยมเจี้ยม


             “กูปวดขี้ ก็เลยลุกไปห้องน้ำ เหี้ยแม่ง ขี้เป็นเลือดอะมึง สงสัยเพราะลาบหงส์แดงสูตรจ่าพิชิตทำพิษ ทำไงดีวะดีน”


              ดังนั้น เฮ้อ ผมต้องแหกขี้ตาพาไอ้กาวมาโรงพยาบาลตั้งแต่ฟ้าเพิ่งสาง ดีที่โรงพยาบาลในค่ายทหารคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ผมพามันมาส่งที่ห้องฉุกเฉิน รอมันไปด้วยหาวไปด้วย พักใหญ่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อไอ้กาววิ่งหน้าตื่นออกมา


              “ดีน กลับเหอะ”


               มันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้


              “เหี้ยอะไรของมึง ตรวจเสร็จแล้วเหรอ”


             ผมถามด้วยความเป็นห่วงจริงนะครับ มันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้


             “ไม่ตรวจแล้ว ฮือ ไอ้หมอเวรห้องฉุกเฉินโรคจิตมันจะจกก้นกู”




                                                   TBC


           บอกอีกครั้งว่านิยายเรื่องนี้ไม่มีพล็อตอะไรเลย เนื่องจากสมองละลายไปกับ #วิมานไม้สน ไปหมดแล้ว

                              ใครอยากอ่านแบบไหนนำเหนอมาเลยจ้า เดี๋ยวไปยำๆให้


                                                    :m12: :m12: :m12: :m12: :m12: :m12:







หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 5 [7/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 07-08-2018 20:22:59
กรี๊ดนึกว่าจะไม่ลงที่นี่แล้ว กอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่าหัยปัยน้า
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 5 [7/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-08-2018 23:05:06
นึกแล้วว่า ดีนต้องเสร็จไอ้พี่แทนแน่   :เฮ้อ:
ตอนที่บอกจะคุยเรื่องสำคัญไปคุยบ้านพี่ แล้วจริง   :z1: : :pighaun: :haun4:
เจ้าเล่ห์ซะขนาดนั้น  :m20: :laugh:

แต่ที่กาวไปรพ.ทหาร แล้ววิ่งออกมาเพราะโดนหมอโรคจิตจกก้น   o22 o22 o22
มีหมอคนอื่นที่เป็นเกย์อีกหรือ   :hao3:
หรือว่าเพิ่งจะเป็นเหมือนหมอแทน 
หมอโรคจิตคนนั้น คงไม่ใช่หมอแทนหรอกนะ  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 5 [7/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-08-2018 23:16:22
บันเทิงจริงๆค่ะค่ายนี้
น้องดีนจ๋า ชอบก็บอกว่าชอบเถอะจ้า เก็บแรงเถียงไว้ครางดีกว่า
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 5 [7/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 09-08-2018 09:35:28
รอน้า จะรอน้า
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 5 [7/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 09-08-2018 09:36:35
ชอบมากกกกกกกกกกก รู้สึกได้ผ่อนคลายอ่านสนฉัตรแล้วเครียดหนัก
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 5 [7/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-08-2018 09:50:53
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 5 [7/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 09-08-2018 22:42:27
รอตอนต่อไปจ้า  :mew2:
หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 6 [23/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-08-2018 01:02:09




                                                         ผมจะไปเกณฑ์ทหาร

                                                                 บทที่ 6
   
                                                               Kao’s Part



              เพราะลาบหงส์แดงของจ่าพิชิตแน่ๆ ที่ทำให้ผมต้องจู๊ดๆออกมาเป็นเลือด เหี้ยแม่งใส่พริกแดงแจ๋ขนาดนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเมาผมคงไม่กล้ากินหรอก สงสัยไอ้เนื้อเป็ดกากที่เอามาทำลาบก็คงไม่ค่อยสะอาดด้วยแหละ จะเอาอะไรกับอาหารกับแกล้มในวงเหล้า แดกไปเมาไปทั้งนั้น

             
                แสบตูดชิบหาย ดีนะยืมมอมอไซค์พี่หมู่สมนึกที่เข้าเวรมาได้ ไม่งั้นล่ะได้เดินตูดฉีกไปโรงพยาบาลแน่ แล้วไอ้โรคกลัวโรงพยาบาลกลัวหมอกลัวเข็มนี่ก็แม่งไม่หายสักที เป็นตั้งแต่เด็กจนเลียตูดหมา เอ๊ย หมาเลียตูดไม่ถึงแล้วก็ยังไม่หายสักที โทษแม่เลย ตอนเด็กชอบขู่ดีนักว่าถ้ายังแหกปากร้องไห้จะให้หมอจับฉีดยา กูก็กลัวสิครับ ใครมีลูกอย่าเลี้ยงแบบนี้นะ เด็กมันมีปมจนโตแก้ยากนะคุณ


                   “ไอ้เหี้ยดีน มึงจะทำหน้าง่วงไปถึงเมื่อไหร่ เหล้าก็ไม่ได้แดกเมาก็ไม่เมา ไปทำเหี้ยอะไรมาถึงได้หมดแรงฮะมึง”


                    ลากไอ้บัดดี้ดีนซ้อนมอไซค์มาเป็นเพื่อน แม่งทำหน้าเหมือนไปวิ่งรอบสนามฝึกมาทั้งคืน ไอ้ดีนแม่งค้อน ถึงมึงหล่อไอดอลขนาดนี้แต่กูไม่หลงกลโว้ย ถ้าเป็นน้องลิซ่าคนสวยละไม่แน่ กูจะนั่งมองเป็นหมาจ้องปลากระป๋องทั้งวันทั้งคืนเลยสัส


                     “งดเสือกสักประเดี๋ยวไอ้กาว รบกวนมึงรีบไปตอกบัตรคิวรอหาหมอเลย เดี๋ยวแปดโมงกูจะรีบกลับบ้าน ไป”


                      ไล่อย่างกับหมูกับหมา ใช่สิ กูมันแค่เพื่อนไม่ใช่พ่อ มึงก็เลยไม่แคร์ ฮือ ไปก็ได้วะ


                    ผมเดินกระย่องกระแย่งไปยื่นบัตรและรอพบหมอที่หน้าห้องฉุกเฉิน ไม่นานพลทหารเสนารักษ์ก็เรียกชื่อผมให้เข้าไปพบคุณหมอ วันนี้ห้องฉุกเฉินว่างมีคุณหมออยู่เวรแค่คนเดียวนั่งรอตรวจอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง เป็นคุณหมอหน้าตี๋ๆ ใส่แว่นกลมๆ เขาอ่านใบประวัติของผมแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมอง


                   ยิ้มทำไมไอ้หมอตี๋!


                  “ถ่ายเป็นเลือดเหรอ เลือดสดๆหรือสีดำๆล่ะ”


                  ผมเอียงคอมองด้วยนัยน์ตาเควสชั่นมาร์ก ไม่ต้องยิ้ม เออกูมันโง่


                  “มันต่างกันด้วยเหรอครับหมอ”


                   “ต่างสิ ถ้าเป็นเลือดดำมีกลิ่นเหม็นคาวมากๆ แสดงว่าทางเดินอาหารส่วนต้นมีปัญหา กว่าเลือดมันจะเดินทางมาถึงก้นได้ถึงเปลี่ยนเป็นสีดำ แต่ถ้าเป็นเลือดแดงสดๆ ก็คือเกิดปัญหาที่ทางเดินอาหารส่วนปลายเลือดจึงยังใหม่”


                   ผมพยักหน้าหงึกๆเหมือนนั่งฟังอาจารย์สอน เข้าหูซ้ายทะลุหูหมา


                   “แล้วตกลงน้องถ่ายเป็นเลือดสีดำหรือสีแดงล่ะ”


                  “เลือดแดงครับหมอ เลือดสดๆเลยนี่แหละ”


                  คุณหมอหน้าตี๋เป็นฝ่ายพยักหน้าบ้าง เขายักไหล่และอมยิ้มก่อนจะชี้นิ้วไปทางเตียงนอนสำหรับตรวจร่างกายที่ตั้งอยู่ด้านในสุดของห้องฉุกเฉินซึ่งไม่ไกลจากที่เรานั่งกันนัก


                  “ไปที่เตียง”


                   ผมลุกขึ้นเดินไปที่เตียงนั่นแบบงงๆ คุณพี่หมอตี๋ลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วค่อยเดินตามมา เขารูดม่านปิดจนเหลือแค่ผมกับเขาและเตียงตรวจเล็กๆ


                   “ขึ้นไปบนเตียงสิ”
   

                   โผมมมมันคนซื่ออออ


                 มาหาหมอ หมอก็ต้องตรวจร่างกายเนอะ ผมขึ้นไปนอนบนเตียงตามความเคยชิน สักพักหมอคงจะใช้ไอ้หูฟังที่พาดอยู่ตรงคอมาตรวจหัวใจตรวจอกอย่างที่เคยไปหาหมอตอนเด็ก   ๆ


                   “ไม่ใช่ ต้องนอนคว่ำ”


                  หน้าตาของผมคงเหรอหราน่าดูตอนที่ได้รับคำสั่งใหม่ แต่ผมก็ทำตามต่อไปแบบงงๆเช่นเคย จนกระทั่งรู้สึกถึงปลายนิ้วเย็นๆแตะลงที่เอว


                 “ถอดกางเกงให้หมอตรวจสิ”


                  ผมตาลุก หันขวับไปสบตาไอ้หมอตี๋ เพิ่งสังเกตรอยยิ้มมุมปากของไอ้หมอ ไม่นะ มึงอะคิดมากไอ้กาว


                 “ทำหน้างงอีก พลทหารกิตติกรใช่ไหม อย่าเสียเวลาเลย ถอดกางเกงสิครับ”


                   เหี้ย ทำไมเสียงแม่งพลิ้วขนาดนี้ แถมยังมองกูอย่างมีเลศนัย ไม่ กูไม่ถอด


                  ท่าทีตกตะลึงของผมคงทำให้แม่งรำคาญ ไอ้หมอตี๋ทำท่าจะดึงกางเกงขาสั้นที่ผมใส่ ผมรีบดึงไว้แทบไม่ทัน


                  “เฮ้ย เดี๋ยวสิหมอ ทำไมผมต้องถอดกางเกงด้วยละ”


                  ไอ้หมอตี๋มันถอนหายใจพลางเอียงคอมองผม มันคลี่ยิ้มเหมือนฆาตกรที่กำลังจะเชือดคอเหยื่อ ฮือ ตายแน่กู


                   “ก็บอกหมอว่าถ่ายเป็นเลือด หมอสงสัยว่าจะเป็นริดสีดวงทวารก็ต้องตรวจก้น ถ้าน้องไม่ถอดกางเกงหรือจะอ้าปากให้หมอตรวจดีล่ะ”


                    เหี้ย ฮือ ไอ้คอหมวยยยย กูไม่ตรวจแล้ว


                   “ปล่อยผมนะโว้ย กูไม่ตรวจแล้ว”


                   “เดี๋ยวสิ กิตติกร พลทหารกิตติกร”


                    ผมปัดมือหมอออก กระโดดลงเตียงแล้ววิ่งหน้าตาตื่น ไม่สนใจเสียงเรียกตามหลังของไอ้หมอตี๋ พอออกมาเจอไอ้ดีนนั่งสัปหงกผมก็รีบเรียกมัน


                  “ดีน กลับเหอะ”


                   ผมเกือบจะร้องไห้แล้วตอนนั้น ไหมล่ะ เชื่อแม่ก็ดี แม่บอกหมอใจร้ายชอบจับฉีดยา 


                  “เหี้ยอะไรของมึง ตรวจเสร็จแล้วเหรอ”


                    ไอ้ดีนทำหน้างง ผมส่ายหน้าพรืด


                  “ไม่ตรวจแล้ว ฮือ ไอ้หมอเวรห้องฉุกเฉินโรคจิตมันจะจกก้นกู”


                  ไอ้ดีนเริ่มตั้งสติได้ มันมองหน้าผมก่อนจะดุเสียงดัง


                “ไอ้เหี้ยกาว มึงนี่มันโง่ในโง่ โง่อินเซปชัน หมอเขาก็ทำถูกแล้วไงมึงเป็นตรงไหนเขาก็ตรวจตรงนั้นแหละ ไอ้ห่านี่”


                  “พลทหารกิตติกรใช่ไหม”


                    ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อพี่ทหารเสนารักษ์สองคนเข้ามาประกบข้างผม


                  “หมอเกื้อให้มาตามจับตัวไปตรวจ จะตามพี่ไปดีๆ หรือไปทั้งน้ำตา”


                 “ดีน ช่วยกูด้วย”


                 ผมหันไปขอความช่วยเหลือ ไอ้เพื่อนเหี้ยยิ้มเหี้ยม


                “พี่ครับ เอามันไปเลยพี่ เดี๋ยวผมตามไปคุมความประพฤติมันเอง”


                “ไอ้ดีน ไอ้เพื่อนชิบหาย กูเกลียดมึง”


                  ผมร้องลั่นไปตลอดทางเมื่อถูกหิ้วปีกให้เดินกลับไปยังเตียงตรวจที่มีไอ้หมอตี๋ยืนหน้ามุ่ยรออยู่ หน้าผมหดเหลือสองนิ้วเมื่อต้องขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้ง คราวนี้หนีไปไหนไม่ได้เมื่อมีไอ้ดีนอยู่เท้าเอวอยู่ แถมยังมีพี่ทหารยิ้มแป้นกันทางออกไว้ด้วย


                  “ว่าไงกิตติกร” แม่งคราวนี้เรียกกูเต็มยศเลย “เมื่อกี้ถอดกางเกงให้หมอดูคนเดียวไม่กล้าใช่ไหม ต้องถอดโดยมีสักขีพยานใช่ไหมถึงได้วิ่งหนีไปแบบนั้น”


                  “หมอ อย่าดุซี กลัวแล้วคร้าบ”


                  ผมยิ้มแหยรอบทิศ ไม่มีใครเห็นใจกูเลย


                  “คราวนี้จะถอดได้หรือยัง”


                  “ไม่ถอดไม่ได้หรือหมอ”


                  “ไม่ได้ ต้องถอด!”


                 เหี้ย แม่งดุกูอีก ถอดก็ได้


                   ผมกลั้นใจดึงกางเกงลงโชว์ก้น ยังไม่หนำใจไอ้หมอหน้าตี๋ครับ มันออกคำสั่งต่อ


                   “อ้าขา”


                    “หมอ ไม่นะ”


                   “จะอ้าหรือไม่อ้า”


                  ไอ้ดีนเดินเข้ามาเขกหัวดังโป๊ก


                   “มึงจะลีลาทำไม หมอบอกให้อ้าก็อ้าสิวะ เขาจะได้ตรวจให้เสร็จๆ กูอยากกลับบ้านแย่แล้วนะ”


                  มึงก็พูดได้สิไอ้เพื่อนเลว ก็มึงไม่ใช่คนอ้าขาให้หมอตรวจนี่ แต่เมื่อเห็นสายตาพิฆาตของทุกคนแล้ว ผมก็ต้องจำยอมอ้าขาให้ไอ้หมอตี๋มันตรวจ


                 หยืยย จั๊กจี้


                 หมอเสียบอะไรก็ไม่รู้เย็นๆลื่นๆเข้ามา ผมดิ้นยุกยิกจนถูกตีที่ก้นเบาๆ


                  “จะดิ้นจะหุบขาทำไม บอกให้อ้าไว้”


                 ไอ้หมอซาดิสม์ ใครได้เป็นผัวคงโดนทารุณกรรมจนตายแน่


                  ผมซุกหน้าลงกับหมอนปล่อยให้หมอตรวจอีกพักหนึ่งไอ้ลื่นๆนั่นก็หลุดออกจากก้นของผม


                “เอ้า เสร็จแล้ว”


                  เย้ หมอเสร็จแล้ว


                  ผมรีบดึงกางเกงกลับคืนแล้วลุกนั่งหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยม พี่ทหารเสนารักษ์เห็นว่าจบเรื่องแล้วจึงได้แยกย้ายกันไปทำงานอื่นต่อ เหลือแต่ไอ้ดีนที่ยืนรอผม


                   “คงเพราะท้องผูกน่ะ แล้วก็กินอาหารรสจัดไปหน่อย ตอนถ่ายออกมาเนื้อเยื่อรอบๆมันเลยฉีกขาด”


                 หมอเดินไปล้างมือพลางอธิบายให้ผมฟัง


                 “คราวหลังก็อย่ากินอะไรตามใจปาก เหล้าน่ะกินพอครึกครื้น กินผักกินผลไม้บ้างจะได้ถ่ายคล่องๆไม่ท้องผูก”


                กูไม่ใช่วัวใช่ควายนะจะได้กินผักกินหญ้า ผมแอบเถียงในใจฮะ ไม่กล้าขัดคอหรอก


               “ที่หมอพูดนี่ฟังอยู่หรือเปล่า เป็นห่วงนะถึงได้พูดเนี่ย”


                  แหม ต้องมองกูด้วยสายตาจริงจังอะไรเบอร์นี้วะ


                   “คร้าบ รู้แล้วคร้าบ แล้วต้องรักษายังไงคร้าบ”


                    พูดเอาใจเสียหน่อย เดี๋ยวดุกูอีก


                  “กลับไปนั่งแช่น้ำอุ่นเช้าเย็น เดี๋ยวหมอสั่งยาเหน็บกลับไปให้ แล้วมาหาตามนัด”


                   ผมกับไอ้ดีนยืนเท้าชิดทำความเคารพหมอก่อนจะเดินออกจากห้องฉุกเฉิน ผมค้อนลมค้อนแล้งใส่ประตูตอนที่เดินออกมา


                  “หมออะไรวะ ดุชิบหาย”


                 “เจอคนไข้อย่างมึงเขาไม่ถีบตกเตียงก็บุญแล้ว”


                 ไอ้ดีนสัมทับมาอีก มันบ่นผมพึมพำตอนที่นั่งรอยาและใบนัด พักใหญ่ทุกอย่างก็เรียบร้อย ผมจ้องมองชื่อไอ้หมอตี๋ในใบนัดหลังจากนี้ห้าวัน


                    “นพ.เกื้อหนุน”


                     ผมจะจำแม่งไม่มีวันลืมเลย ไอ้หมอติดเกาะดอย!



                                                                   
                                                               TBC


                                         ให้น้องกาวมันเล่าเองเนอะ ว่าเกิดอะไรขึ้น 555


                                                                  :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh:













หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 6 [23/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 23-08-2018 10:04:07
วงวารนู๋กาว  :m20: สงสัยจะได้อีกคู่ โอ๊ยฮา เป็นไงยอมๆ ไปก็หมดเรื่องนี้สักขีพยานเพียบ  :jul3:
ปล.น้องดีนเพลียเหมือนไปวิ่งรอบสนามมาเพราะใครน้าาาา  :katai3:

 :L2:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 6 [23/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 23-08-2018 18:52:05
ขำอ่ะ  ฮาได้อีก  หนูดีนเพลียตลอดเลยย
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 6 [23/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-08-2018 19:54:06
โอ้ยตลก
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 6 [23/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: irawin ที่ 24-08-2018 00:26:47
มันก็น่าอายอยู่หรอกนะ กาว อิิอิ แต่ก็อดขำไม่ได้
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 6 [23/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-08-2018 06:55:58
 :m20:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 6 [23/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 24-08-2018 08:02:18
ขำมากอิอิ
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 6 [23/8/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-08-2018 10:42:38
แอ่ะ.......หมอตี๋แอบคิดไรๆกับดีนรึเปล่าเนี่ย   o18
หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 [15/9/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-09-2018 22:39:41



                                                         ผมจะไปเกณฑ์ทหาร

                                                                บทที่ 7




                เย้ ได้กลับบ้านแล้ว


                หลังฝึกหนักครบสามเดือนพวกเราก็ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันเสาร์และต้องกลับมาที่ค่ายเย็นวันอาทิตย์ ทหารใหม่จะต้องแต่งเครื่องแบบทหารเข้าออกค่ายในทุกครั้ง และเมื่อถึงเวลาแปดโมงเช้าพี่แทนก็ขับรถกระบะของเขามารับผมที่หน้าประตูค่ายตามที่นัดหมายกันไว้


                 “รอนานไหมครับดีน”


                 พี่แทนถามเมื่อรับผมขึ้นรถมาแล้ว ผมส่ายหน้าปฏิเสธ พี่แทนมาตรงเวลาเป๊ะๆเลย


                “ไม่นานครับพี่แทน ผมเพิ่งมาเหมือนกัน ไอ้กาวมันปลุกแต่เช้าให้พามันไปโรงพยาบาล”


                 ผมเล่าเรื่องที่ไอ้กาวบัดดี้ของผมไปสร้างวีรกรรมที่โรงพยาบาลค่าย พี่แทนหัวเราะเบาๆเมื่อฟังจบ


                “ดีนะที่เจอเกื้ออยู่เวร เกื้อมันใจเย็น”


                  พี่แทนเล่าให้ฟังว่าคุณหมอเกื้อหนุนเรียนจบแพทย์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแล้วค่อยมารับราชการทหาร ส่วนพี่แทนเรียนจบจากวิทยาลัยแพทย์ทหารโดยตรง หมอเกื้ออายุน้อยกว่าพี่แทนปีนึง ทั้งคู่สนิทสนมกันดี เราสองคนพูดคุยกันตลอดทางจากค่ายทหารเข้ากรุงเทพ


                “ดีนจะกลับบ้านเลยใช่ไหม ไม่แวะที่ไหนแล้วนะ”


                 พี่แทนถามเมื่อใกล้ถึงกรุงเทพ ผมพยักหน้ารับแทนคำตอบ พี่แทนรู้จักบ้านผมแล้วตั้งแต่วันแรกที่เราพบกันและ เอ่อ นั่นแหละ มีอะไรกันที่โรงแรมแล้วพี่เขาก็พาผมกลับบ้าน เมื่อใกล้จะถึงพี่แทนหยุดจอดรถที่หน้าร้านขายผลไม้สดร้านหนึ่ง เขาเลือกซื้อผลไม้หลายอย่างจัดใส่กระเช้า


                 “ของฝากให้แม่ดีนไง จะจีบลูกชายแม่ต้องมีของฝากติดไม้ติดมือไปหน่อย”


                 แหม ไอ้พี่ ว่าจะไม่เขินแล้วนะ


                 มองกูตาพราวเชียวครับ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่ แล้วทำไมต้องหน้าร้อนเห่อขนาดนี้วะเนี่ย พลทหารดรัณ!


               “พี่แทนอย่าเพิ่งรุกมากสิ เดี๋ยวแม่ก็ตกใจหรอก”


                ผมพูดปนหัวเราะเบาๆ ขำที่คนข้างๆใจร้อน พี่แทนดึงมือผมไปกุมไว้ตอนที่ขับรถอยู่


               “มือดีนนุ่มจัง”


               “มาจับมืออะไรตอนนี้ล่ะครับ ตั้งใจขับรถไปเลยนะ”


               แกล้งส่งเสียงดังแก้เขินแค่นั้นแหละ จริงๆแล้วก็ปล่อยให้พี่แทนกุมมือไว้ อบอุ่นดีนะมือนี้


              “แม่อยู่ที่ร้านอาหาร พี่แทนขับไปที่ร้านก่อนครับ”


               ร้านอาหารของแม่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน เป็นร้านอาหารไทยระดับกลางๆที่มีลูกค้าเยอะพอควร ผมให้พี่แทนจอดรถและเดินเข้าทางด้านหลังร้าน เจอแม่จุ๋มสุดสวยยืนสั่งงานลูกน้องอยู่ในครัว


                “แม่จ๋า แม่จุ๋มคนสวย”


               “ดีน ไอ้ตัวดีลูกแม่”


               ผมปรี่เข้าไปกอดแม่ที่ยังทำหน้าตื่นเต้น แม่กอดตอบจนแทบหายใจไม่ออก


               “แกหนีค่ายทหารมาหรือเปล่าดีน โอ๊ย คิดถึงจัง โห ลูกชายแม่มีกล้ามแล้วด้วย แล้วนี่กลับมาทำไมไม่บอกจะได้ไปรับ”


               ผมได้แต่อมยิ้มฟังคำทักทายของแม่ รอให้แม่พูดจบค่อยตอบคำถาม


               “มีคนพามาไงแม่ มานี่เร็ว”


                ผมจูงแขนแม่มาด้านนอกครัวที่พี่แทนยืนรออยู่


                “พี่แทนครับ นี่แม่จุ๋มสุดสวยของผมเอง แม่จ๋า คนนี้ไงที่ขับรถมาส่งดีน ชื่อพี่แทนเป็นหมอทหารในค่าย”


               “สวัสดีครับคุณแม่”


              พี่แทนไหว้อย่างสวย สีหน้าละมุนละไมจนแม่มองตาค้าง


             “หล่อจังค่ะ เอ๊ย สวัสดีค่ะคุณหมอ”


               คนถูกชมยิ้มโปรยเสน่ห์ใส่แม่จนผมชักจะหมั่นไส้


              “แหม คุณนายจุ๋ม ลืมลูกชายแล้วเหรอ”


              “บ้า ใครจะลืมเล่าไอ้ลูกคนนี้” แม่หันมาเขกหัวผมดังโป๊ก “แล้วนี่เขาให้พักแล้วเหรอ กลับบ้านได้กี่วัน”


              “พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้วแม่ ค้างที่บ้านได้คืนนึง”


               “ดีๆ เย็นนี้จะได้ทำชาบูกินกันที่บ้าน แล้วคุณหมอล่ะคะพักที่ไหน อยู่กินชาบูด้วยกันนะคะ”


               แม่เอ่ยชวนคุณหมอสุดหล่อซึ่งก็คงเข้าทางเขาพอดี พี่แทนตอบเสียงนุ่มเชียว เอาใจแม่เก่งจริงแฮะ


               “คงจะพักโรงแรมแถวนี้ครับคุณแม่ แล้วพรุ่งนี้จะพาดีนกลับค่ายตอนบ่ายด้วยกัน”


               “โอ๊ย งั้นจะพักโรงแรมทำไมกันคะ ที่บ้านก็ยังมีห้องว่าง ห้องติดกับไอ้ดีนมันไง ค้างที่บ้านก็ได้จะได้กินชาบูด้วยกัน พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องรีบร้อน”


                 ผมเหล่มองขวัญใจคนใหม่ของแม่ แหม ไม่ปฏิเสธเชียวนะ แม่บอกให้ผมกับพี่แทนขับรถกลับบ้านก่อน แม่ขออยู่สั่งงานลูกน้องอีกพักแล้วจะขับตามไป เมื่อถึงบ้านพี่แทนก็นั่งอ่านหนังสือปล่อยให้ผมกับแม่ได้เตรียมอาหารเย็นและพูดคุยกันตามประสาแม่ลูก เมื่อชาบูมื้อเย็นพร้อมแล้วพวกเราจึงมารวมกันที่โต๊ะอาหาร


                “เต็มที่เลยนะคะคุณหมอ เอ๊ะ หรือต้องเรียกว่าผู้กอง ดีนเพิ่งบอกว่าคุณหมอมียศทหารด้วย”


                “เรียกอะไรก็ได้ครับ หรือจะเรียกแทนอย่างเดียวก็ได้”


                พี่แทนหว่านเสน่ห์อีกแล้ว แม่จุ๋มนี่ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ฮึ สงสัยลืมลูกชายไปแล้ว


                “ดีนพาคุณหมอไปที่ห้องนะลูก ห้องข้างห้องดีนนั่นแหละ แล้วอย่าไปกวนคุณหมอเขานะ พรุ่งนี้ต้องขับรถกลับค่ายอีก เดี๋ยวคุณหมอจะเหนื่อย”


               แม่สั่งเมื่อพวกเรากินอิ่มและช่วยกันทำความสะอาดถ้วยจานแล้ว ผมจึงพาพี่แทนไปที่ห้องติดกับห้องผม


              “ห้องนี้ครับพี่ ห้องน้ำอยู่ด้านนอกนะครับ เดี๋ยวผมไปคุยกันแม่ต่อนะ”


               พี่แทนยิ้มให้ผม เขาคงรู้ว่าผมคิดถึงแม่และอยากนอนหนุนตักแม่แค่ไหน ผมใช้ช่วงเวลาหัวค่ำอยู่กับแม่จนถึงเวลาที่แม่ต้องเข้านอน จากนั้นจึงขึ้นมาชั้นสองเข้าห้องของตัวเองและอาบน้ำให้หายเหนียวตัว


               “ดีนครับ”


                เสียงคุ้นหูดังหน้าห้อง ผมเดินไปเปิดประตูให้พี่แทนเข้ามา เขารวบตัวผมเข้าไปกอดและหอมแก้มผมดังฟอด


               “อยากกอดแบบนี้ตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว”


               พี่แทนนั่งลงบนเตียงและดึงให้ผมนั่งอยู่บนตักของเขา เราสบตากันจนผมชักเขินกับนัยน์ตาคมของพี่แทน


               “ขอบคุณดีนมากนะที่เปิดโอกาสให้พี่เข้ามาในชีวิต ให้พี่ได้รู้จักแม่ของดีน”


               “ไม่เปิดแล้วได้ไหมโอกาสเนี่ย แม่ผมปลื้มพี่แทนไปแล้วสิ อิจฉา”


               ผมย่นจมูกใส่เขาจนพี่แทนต้องบีบจมูกผมเบาๆ


              “อิจฉาทำไม แม่รักดีนจะตายไป เหมือนที่พี่เองก็รักดีน”


               ทำไมต้องหน้าร้อนไอ้ดีน แค่เขาบอกรัก โว้ยยยย เขิน


               “รีบรักเร็วไปหน่อยไหมครับ เรายังรู้จักกันไม่นานเลย”


               “เวลาไม่เกี่ยวสักหน่อย พี่รักดีนตั้งแต่สบตาแล้วนะครับ”


                 พี่แทนยึดคางผมไว้ เขาโน้มหน้ามาจูบ ตอนแรกก็แค่แตะๆแล้วค่อยๆเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น เหมือนจูบนี้จะเรียกร้องให้ผมต้องจูบตอบ ผมเปิดทางให้เขาส่งลิ้นเข้ามาในปาก เราจูบกันดูดดื่มจนแทบขาดใจกว่าจะยอมผละออกจากกัน


               “คุณแม่นอนห้องไหนครับ”


                เขากระซิบถาม ผมยิ้มอย่างรู้ทัน


                “ห้องข้างล่างนี่แหละครับ”


               ขำสีหน้าพี่แทน เหมือนเขาเสียดายที่รู้คำตอบ


               “ว้า ถ้าอย่างนั้นพี่กลับไปนอนที่ห้องดีกว่า เกรงใจคุณแม่”


                “นอนคนเดียวเหงานะครับ” ผมกระซิบตอบ “ให้ผมไปนอนเป็นเพื่อนไหม”


                #คนหื่น2018 ยกแฮชแท็กให้เลย


                 พี่แทนลุกขึ้นและจูงมือผมไปที่ห้องข้างๆซึ่งกลายเป็นห้องพักชั่วคราวของเขา เราเอนกายลงไปบนเตียงตะแคงหันหน้าเข้าหากัน เขาโอบกอดผมไว้และดึงให้ผมเข้าไปแนบชิด เราจูบกันอีกครั้งและครั้งนี้ความหมายคือความต้องการซึ่งกัน
มือร้อนสอดเข้าไปในชุดนอนของผม พี่แทนลูบไล้ไปตามผิวกายจนผมถอนหายใจหนักหน่วง ร่างกายตื่นตลอดทั้งตัวจนต้องยกขาไปเกี่ยวเอวของพี่แทนจนส่วนกลางถูไถกัน ได้ยินเสียงครางลึกในลำคอของพี่แทนลอดออกมา


                “พี่แทน” ผมเรียกชื่อเสียงพร่า เขาถอดเสื้อผ้าของผม ส่วนผมก็ถอดเสื้อผ้าของเขา “ห้องแม่กว้างมาก”


               มือที่กำลังถอดกางเกงของผมชะงักครู่หนึ่งก่อนจะดึงมันออกไป


              “ห้องแม่กินเนื้อที่ถึงห้องนี้ด้วย ถ้าเราเสียงดังแม่อาจจะตื่น”


              นัยน์ตาคมแสดงความเสียดายวูบ ผมจูบปลอบใจเขา


              “ถ้าพี่แทนทำเสียงอาจจะลอดลงไป”


              “แล้ว... เราทำได้แค่นอนกอดกันใช่ไหมครับดีน”


                ผมหลุดหัวเราะออกมาจนได้ อยากให้พี่แทนเห็นหน้าตัวเองตอนนี้จริงๆว่าจ๋อยแค่ไหน


               “ก็ถ้าไม่อยากนอนกอดกันทั้งคืน ให้ผมช่วยดีกว่านะครับ”


                  ผมดันไหล่กว้างให้นอนหงายก่อนจะขยับไปอยู่ตรงกลางกายของเขา ความแข็งแกร่งนั้นพุ่งตรงชี้ไปยังเพดานบอกให้รู้ว่าเจ้าตัว “ขึ้น” แค่ไหน ผมกำโคนมันไว้และใช้อีกมือลูบไล้ปลายมนสวยจนน่าอิจฉา น้ำใสดันออกมาจากแฉกเมื่อผมแตะปลายลิ้นลงไป






มีต่ออีกนิด...





หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 [15/9/61] #นิยายไร้สาระและไร้พล็อตโดยสิ้นเชิง
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-09-2018 22:48:17
อ่านต่อตรงนี้....




               “อา ดีน”


              แค่ผมตวัดลิ้นพี่แทนก็เป่าปาก เส้นเอ็นที่โป่งชัดแสดงถึงความต้องการของเขา ผมอ้าปากออกครอบลงไปแล้วดูดเบาๆ พี่แทนวางมือบนหัวของผมแล้วกดลงไปช้าๆ


               “ค่อยๆครับดีน ดีจัง”


               พี่แทนน่าจะรู้ว่าผมไม่เคยทำเช่นนี้กับใคร นี่เป็นครั้งแรกของผมกับการทำเช่นนี้ ผมกดหัวลงไปเพื่อกลืนกินมันให้ลึกที่สุดเท่าที่ลำคอของผมจะรับได้ มันเกินครึ่งไปนิดเดียวกับลำใหญ่โตของเขา ผมใช้ลิ้นตวัดช่วยอยู่ในช่องปากจนมันเปียกชื้นไปหมด


              “ขยับเลยครับดีน คนเก่ง ดีมาก”


               มือใหญ่ที่วางบนหัวคล้ายคันบังคับสอนให้ผมโยกหัวขึ้นลง เสียงลมหายใจของพี่แทนกระชั้นขึ้นเป็นลำดับ ผมรู้สึกได้ถึงความโป่งพองจนต้องเร่งจังหวะ พี่แทนสวนเอวเข้ามาในปากของผมไม่กี่ครั้งน้ำอุ่นรสเค็มนิดๆก็พุ่งเข้าสู่ลำคอของผม รสชาติไม่ได้แย่อย่างที่คิด ผมคิดว่ารับได้อยู่นะ


              “เก่งที่สุดเลยดีน”


              เขาชมเมื่อผมคายร่างของเขาออกจากปาก ดวงตาของพี่แทนฉ่ำเยิ้มไปหมด เขาใช้ปลายนิ้วเช็ดคราบคาวที่ปากของผมจนหมด หันไปมองผลงานที่เพิ่งรีดพิษออกมาได้ยังเห็นมันแข็งขันอยู่เลย


             “โห พี่แทน ยังไม่หมดฤทธิ์อีก”


               เจ้าของยิ้มหวานพลางเอ่ยเสียงกระเส่า


              “ดีนก็รู้ว่าพี่ต้องการดีนแค่ไหน”


               รู้สิครับ ผมเองก็ต้องการเขาไม่ต่างกันเลย ร่างกายที่ปวดร้าวตอนนี้คือหลักฐาน ผมขยับไปนั่งคร่อมอยู่บนเอวของพี่แทนใช่ร่องแยกถูไถไปกับหัวรบแล้วจึงจับให้มันจ่อตรงเป้าหมาย ผมกดเอวลงไปช้าๆ


            “อืม เสียวจัง”


             ผมอุทานกับสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ หัวรบเปียกชื้นทะยานเข้าไปสู่เป้าหมายจนหมดลำ ตอนนี้มันซ่อนอยู่ในรูหลืบของผมมิดด้าม ผมถึงกับนิ่วหน้าในความคับแน่นแต่มันทำให้ผมฟินมากๆ ผมลองขยับหาที่ทางให้ตนเอง ซ้าย ขวา จนพบจุดไวสัมผัสเมื่อเจอแล้วผมจึงโยกขึ้นลงช้าๆ


             “ดีน อา คนเก่ง พี่เสียวมาก”


             พี่แทนยกมือมาบีบเค้นหน้าอกของผม ระหว่างนิ้วคีบยอดอกแล้วดึงมันขึ้นมาสลับกันใช้ปลายนิ้วบดขยี้ ยิ่งเร่งเร้าให้ผมทะยานไปกับความหวามไหว


           “ฮึก ฮึก โอ๊ย เสียงดังไม่ได้ เดี๋ยวแม่ตื่น”


            อยากจะครางก็ครางดังไม่ได้ โอ๊ย อึดอัด พี่แทนหัวเราะเบาๆ เขารวบเอวผมไว้แล้วยกตัวขึ้นมาจนเราจูบกันได้


            “พี่จะปิดเสียงให้ดีนเอง”


             พี่แทนจูบหนัก จูบแรงจนคิดว่าปากต้องเจ่อแน่ๆ แต่ก็ดีครับ เพราะผมเหลือแค่เสียงอึกอักในลำคอ เขาดันเอวเข้าจังหวะกับผมอย่างเข้าขา ผมวางมือรอบท้ายทอยของเขาแล้วกอดไว้แน่น


             เสียงกระแทกใส่กันไม่ดังมากนักเน้นเข้าเป้าเข้าจุดหมาย ผมปวดท้องน้อยเมื่อใกล้ถึงไคลแม็กซ์ เบียดของตัวเองไปกับซิกแพ็กของพี่แทนเมื่อกายเกร็งสุดขีด


              “ซี้ด พี่แทน พี่แทน มาแล้วครับ แรงหน่อย ฮัก”


             ความอึดอัดมลายหายไปในพริบตาเมื่อมันฉีดอัดไปกับแผ่นท้องของพี่แทน  ผมกลั้นหายใจกอดเขาไว้แน่นพร้อมกับแยกต้นขาให้พี่แทนเร่งเครื่อง ไม่นานระเบิดก็แตกกระจายอัดใส่ร่างของผม เราล้มตัวกันนอนแผ่บนเตียงอย่างเหน็ดเหนื่อย


               “แม่บอกว่าอย่ากวนพี่แทน เดี๋ยวจะเหนื่อยไม่มีแรงขับรถกลับค่าย”


               ผมพูดกับเขาใกล้ๆหูก่อนจะหลับไปในอ้อมกอดของพี่แทน







               เรากลับค่ายกันในตอนบ่ายของวันอาทิตย์ แม่มีของฝากมาเต็มรถไปหมด พี่แทนถามผมเรื่องการฝึกต่อจากนี้เมื่อพลทหารใหม่ต้องแยกย้ายกันไปฝึกอาชีพในหน่วยต่างๆ


             “ดีนอยากฝึกอะไรครับ”


             “ฝึกงานช่างก็ดีนะพี่แทน ผมว่ามันดูแมนๆดี”


                บอกพี่แทนไปแบบนั้น แต่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะได้ไปอยู่หน่วยไหน แต่เห็นไอ้พี่มันยิ้มแปลกๆอยู่นะ มีเลศนัยอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้


               พอถึงเช้าวันจันทร์พวกเราก็ไปรวมกันที่ห้องประชุมเพื่อรับทราบหน่วยที่เราต้องไปประจำการ แก๊งเพื่อนสนิทของผมไม่ได้อยู่ด้วยกันสักคน ไอ้คำแพงได้ไปอยู่งานช่าง ไอ้ป๋องไปอยู่งานสื่อสาร ส่วนผมได้ไปอยู่งานเสนารักษ์


               เดี๋ยวนะ เสนารักษ์นี่มันต้องทำงานในโรงพยาบาลนี่หว่า


               นึกรู้ทันทีว่าเลศนัยที่ไอ้พี่แทนมันทิ้งไว้เมื่อวานคืออะไร ไอ้พี่เล่นเส้นกับผมอีกแล้วแน่ๆ


               “กูไปอยู่บ้านนายพลโว้ย” ไอ้กาวแจ้งข่าวกับพวกเรา “ไปอยู่รับใช้เจ้านาย หมู่สมนึกบอกว่าท่านนายพลใจดีไม่โหดมาก สบายกูล่ะ”


               เมื่อรู้ว่าแต่ละคนต้องไปที่ไหนพวกเราก็ต้องแยกย้ายกันไปรายงานตามหน่วย ผมกับเพื่อนทหารที่ได้อยู่เสนารักษ์ไปรายงานตัวที่โรงพยาบาล เห็นพี่แทนแอบมองมาจากระยะไกล ผมมองคาดโทษตอบเขา เดี๋ยวเหอะ พี่มันต้องเจอดีแน่


                เมื่อกลับมารวมตัวกันตอนเย็นที่โรงนอนที่ได้นอนรวมกันเป็นครั้งสุดท้ายเพราะพรุ่งนี้จะต้องไปอยู่ตามที่พักของหน่วยและให้โรงนอนแห่งนี้เป็นที่พักสำหรับทหารเกณฑ์ผลัดสอง ไอ้กาวกลับมาเป็นคนสุดท้ายและมันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้


                 “ไงวะมึง ทำหน้าเหมือนโดนฉีดยา ท่านนายพลใจดีไม่ใช่หรือไง”


                ผมแซวบัดดี้แต่ไอ้กาวร้องไห้โฮ


                “ท่านนายพลน่ะใจดี แต่มึงรู้ไหมว่ากูไปเจอใคร ฮือ ไอ้ดีน กูไปเจอไอ้หมอตี๋ที่บ้านท่าน ไอ้หมอเกื้อเป็นลูกชายท่าน มันต้องจับกูฉีดยาวันละสามครั้งหลังอาหารแน่ๆเลย”


                 ขณะที่ไอ้กาวร้องไห้คร่ำครวญ ผมถึงกับหัวเราะลั่นเมื่อรู้ชะตากรรมของมัน





                                                             TBC


                            อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ เปิดพรีออร์เดอร์ ถึง 5 ตุลาคม 2561 จ้า

                            :a11: :a11: :a11: :a11: :a11: :a11: :a11:










หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 15-09-2018 23:57:47
ชอบก้าว
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-09-2018 01:02:50
ดีใจกับทั้งคู่ด้วยนะ ฮ่า
น้องดีนขายออกแล้วนะ รีบๆเตรียมเรือนหอสิคะหมอแทน
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 16-09-2018 06:53:14
พาไปเจอคุณแม่ล้าวววว
พี่แทนเตรียมสินสอดไปขอน้องได้เลย
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 16-09-2018 07:17:38
น้องกาว.. สู้สู้... โดนพี่หมอเกื้อจับฉีดยาสามเวลาหลังอาหารแน่ๆ
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 16-09-2018 08:54:33
ขำกาว55555 :mew2:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 16-09-2018 10:12:24
ตาม
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 16-09-2018 14:28:21
สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 16-09-2018 14:40:09
หมอร้ายยยย
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-09-2018 17:47:48
บุพเพสันนิวาสหรือเปล่าน้า ที่กาวไปอยู่บ้านนายพล
ไม่ใช่โดนเล่นเส้นนะ   :hao3:
หมอเกื้อ จับกาวฉีดยาแน่ๆ  :z1:
กาวรู้ตัวด้วยนะเนี่ย แต่คงคนละความหมายมั้ง
หมอเกื้อ กาว   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

พี่แทน เล่นเส้นกับดีนอีกแล้ว 
พี่หมอแทน  ดีน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 16-09-2018 18:06:49
นักร้องเกาหลีนี่คุ้นมากเลยย เหมือนหน้าน้องลอยมา55555
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 18-09-2018 07:40:40
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 18-09-2018 11:49:20
อยากเห็นกาวโดนหมอเกื้อฉีดยา :hao6:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 18-09-2018 12:27:36
ชอบนิยายแนวเน้ ดีคร่า
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-09-2018 15:06:38
อยู่ใกล้ขนาดนี้ หมอแทนจับกินทุกวันแน่
อยากอ่านคู่กาวอ่ะ ฮาแน่คู่นี้
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mijimaria ที่ 08-10-2018 16:13:25
ติดตามค่ะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 08-10-2018 21:01:34
อ่านละนึกถึงแบมแบมเลย แม่แบมแบมก็ชื่อจุ๋ม 5555555555
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 7 NC [15/9/61]
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 09-10-2018 00:17:50
โอ้ยยฮา :jul1:
หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 8 Kao's Part [10/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-10-2018 21:15:35



                                                              ผมจะไปเกณฑ์ทหาร

                                                                     บทที่ 8

                                                                   Kao’s part




              “อยู่บ้านกูน่ะ ไม่ต้องพิธีรีตองมากหรอก แค่ช่วยงานที่ป้าแจ่มแกทำไม่ไหวเท่านั้นแหละ”


             เสธ.ต้อยเจ้านายโดยตรงบอกผมเมื่อผมไปขนข้าวของย้ายเข้าไปในบ้านพักนายทหารหลังใหญ่ที่แยกเป็นสัดเป็นส่วน เมียของเสธ.ชื่อคุณนายแดงหน้าตาท่าทางใจดีไม่ถือยศถืออย่างเหมือนคุณนายบ้านอื่น


              “ป้าแจ่มเป็นแม่บ้าน แต่แกจะไปเช้าเย็นกลับ ช่วยดูแลทำความสะอาดบ้านอยู่แล้ว ส่วนเอ็งก็ช่วยเหลืองานอย่างทำสวนตัดไม้อะไรไป”


               “แต่หน้าที่หลักของเรา เอ่อ ชื่ออะไรนะพ่อหนุ่ม ชื่อเล่นก็ได้จะได้เรียกสอยง่ายปาก”


               “ชื่อกาวครับผม”


               เมื่อคุณนายแดงเอ่ยถามผมก็รีบตอบเสียงดังฟังชัด คุณนายแดงพยักหน้าหงึกๆ


                “ไอ้หน้าที่หลักๆที่ฝากพ่อกาวไว้เพราะฉันกับเสธ.ต้องไปโน่นมานี่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านก็คือจะฝากให้พ่อกาวคอยดูและหนูเกื้อ”


               ฮะ อะไรนะ ไหนคุณนายพูดใหม่อีกทีซิครับ


              “หนูเกื้อเป็นหมอใช่ไหมล่ะ บางทีก็ต้องไปขึ้นเวรกลับดึกๆ เวลาพักผ่อนก็ไม่ค่อยจะมี แม่อย่างฉันก็ต้องไปออกงานกับเสธ.เขาบ่อยๆ ยอมรับว่าไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูกเลย ได้พ่อกาวมาก็ดี จะได้ช่วยผ่อนแรง เวลาหนูเกื้อกลับมาดึกๆก็ช่วยดูแลหาอะไรให้กิน อาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยก่อนนอน”


              เดี๋ยวนะ ไอ้คุณหนูเกื้อเนี่ย มันเรียนจบจนมาทำงานเป็นหมอทหารแล้ว อายุมากกว่าผมด้วยมั้ง มันยังต้องให้คนตบตูดกล่อมนอนเหมือนเด็กเล็กๆหรือวะ รึยังไง


              “ฝากหนูเกื้อด้วยนะ ลูกชายคนเดียวของฉัน หวังว่าพ่อกาวจะไม่ทำให้ผิดหวัง”


              ผมยิ้มแหยกับคำสั่งของคุณนายแดงที่เป็นผบทบ.ในบ้านหลังนี้ น้ำหน้าอย่างผมนี่ดูแลตัวเองยังไม่ค่อยจะเป็นเลย แล้วผมจะไปดูแลไอ้คุณหนูเกื้อหมอหน้าตี๋นั่นได้ไงเล่า ฮือออ ไอ้ดีน ช่วยกูด้วย


               เริ่มจากวันนี้เลย ป้าแจ่มแม่บ้านที่มาทำงานตั้งแต่เช้า ทำกับข้าวมื้อเย็นทิ้งไว้และกลับบ้านตอนเย็น แกสั่งไว้จนจำได้ขึ้นใจ


             “ทำไว้บางทีเจ้านายก็กินบ้างไม่กินบ้าง แต่คุณหนูเกื้อจะกินตลอดแหละ คุณหนูของข้าอยู่ง่ายกินง่าย ทำเก็บใส่ตู้เย็นไว้พ่อคุณหนูกลับมาก็เอาออกมาใส่เวฟอุ่นกิน ต่อจากนี้หน้าที่เอ็งคือเอาอาหารมาอุ่นให้คุณหนู ดูแลคุณหนูกินอิ่มก็ตามไปดูแลอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอน”


                “โห ป้าแจ่ม ไอ้หมอตี๋ เอ๊ย คุณหนูของป้านี่อายุใกล้จะสามสิบแล้วปะ ทำอะไรเองไม่เป็นหรือไง”


                “เป็นโว้ย แต่ข้าอยากทำให้นี่หว่า” ป้าแจ่มส่งเสียงโล้งเล้ง คุณหนูน่ารักจะตาย เอ็งอยู่ๆไปจะรักคุณหนูเหมือนข้า”


                จ้า เชิญรักไปเหอะ หน้าตาเหมือนฆาตกรโรคจิตในการ์ตูนจะตายห่า ใครรักลงก็เชิญ ไม่ใช่ไอ้กาวแน่


               ป้าแจ่มกลับไปแล้ว ทิ้งให้ผมเฝ้าบ้านคนเดียว ผมคว้าโทรศัพท์มือถือคู่ใจมาเปิดดูโน่นนี่นั่นไปเรื่อย ที่แช่นานสุดก็คงจะเป็นเพจการ์ตูนแก๊กสี่ช่องจบมุกกวนตีนชาวบ้านที่ตอนนี้มีคนกดไลก์เกือบแสนคนแล้ว


              เมื่อฟ้ามืดลงพักใหญ่เสียงรถยนต์คันหนึ่งดังขึ้นหน้าบ้าน ผมสะดุ้งจากโซฟาแล้ววิ่งไปดู นึกว่าใคร ไอ้หมอตี๋นี่เอง


              “อ้าว พลทหารกิตติกร มาทำอะไรที่นี่”


             หมอเกื้อเอียงคอทำหน้าสงสัย เขาจ้องมองผมครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก


             “แยกเหล่าแล้วนี่ ได้มารับใช้พ่อเหรอ”


              ผมยิ้มแหยส่งให้หมอ ยังไงไอ้หมอตี๋นี่ก็ลูกเจ้านายนะเฮ้ย


              “ครับผม”


               ไอ้หมอตี๋ก้มหน้าลงกลั้นหัวเราะ แหม ขำอะไรกูนักหนาวะ


               “ไม่ต้องทำหน้าเด๋อด๋าแบบนี้หรอก น้องกาวใช่ไหม ผมได้ยินเพื่อนน้องที่เป็นนักร้องเรียกน้อง อยู่กับผมทำตัวสบายๆก็ได้”


               พูดจบหมอเกื้อก็เดินผ่านผมไปยังห้องครัว เขาเปิดฝาชีที่ครอบปิดจานอาหารไว้ขึ้นมา


              “หิวจัง คนไข้เยอะเลย ป้าแจ่มทำอะไรให้กินบ้างนะ”


              “เดี๋ยวผมอุ่นให้ครับหมอ”


               ถึงอย่างไรผมก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ครับ ตอนนี้หน้าที่หลักคือดูแลไอ้หมอหน้าขาวคนนี้ ผมรีบยกจานอาหารสองสามอย่างที่ป้าแจ่มทำทิ้งไว้ก่อนกลับไปอุ่นในไมโครเวฟ ระหว่างนั้นหมอเกื้อนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวแล้วจ้องมองผมทำงานไม่พูดไม่จา แต่แม่ง เสือกยิ้ม ฟายเอ๊ย


              “โอ๊ย”


              มัวแต่เผลอมอง เสือกไปสบตาไง เลยไม่ได้ระวังว่าจานอาหารที่จะยกออกจากไมโครเวฟมันร้อน ผมนี่สะดุ้งเลยฮะ ไอ้หมอตี๋ขมวดคิ้วลุกขึ้นก้าวมาทางผมและคว้ามือผมไปทันที


              “ระวังสิครับน้องกาว ไหน ร้อนมากหรือเปล่า”


              ไอ้เหี้ย ใกล้ไป


              ตัวแม่งแข็งไปหมดตอนหมอคว้ามือผมไปดู ทำไมแม่งหน้ากูร้อนงี้วะ


             “ไม่เป็นมากครับหมอ แค่ไม่ทันระวังตัว”


             ผมยิ้มปุเลี่ยนๆส่งให้ หมอเกื้อถึงได้ยอมปล่อยมือและกลับไปนั่งที่เดิม ผมรีบยกอาหารไปวางต่อหน้าเขา หมอเงยหน้าจากไอแพดขึ้นมอง


             “กาวกินข้าวหรือยัง มากินเป็นเพื่อนผมนะ”


             อันที่จริงก็ยังไม่ได้กินข้าว มัวแต่เพลินเล่นเกมในมือถือ แต่ผมไม่กล้ากินข้าวพร้อมลูกเจ้านายสิครับ


              “มาเถอะน่า ไม่ต้องเกรงใจ ผมกินข้าวคนเดียวมันเหงา”


              แหม ถ้าอ้อนวอนขนาดนี้ยอมก็ได้ครับ ท้องร้องพอดี อิอิ ผมนั่งตรงข้ามกับหมอเกื้อต่างคนต่างกินข้าวในจานตัวเอง


             “บ้านกาวอยู่ที่ไหน”


              หมอเกื้อถามขึ้น เขาคงชวนพูดคุยเพื่อไม่ให้ผมเกร็งล่ะมั้ง ผมก็คุยกับเขานะ ความจริงหมอแกก็ไม่ได้ดุเหมือนตอนตรวจตอนนั้นแฮะ


             อาหารหมดจานผมก็รีบยกไปล้าง ระหว่างนั้นหมอเกื้อสนใจแต่ไอแพดตรงหน้า เขาใช้ปากกาวาดรูปบนหน้าจอท่าทางขะมักเขม้น แหม อยากรู้ว่ากำลังวาดอะไรก็เลยแอบชะโงกหน้าไปดู อ้าว เฮ้ย!


             “หมอ ทำไมหมอวาดการ์ตูนเหมือนในเพจสี่แก๊กเลยล่ะ เป๊ะเลยเนี่ย”


             หมอเกื้อเงยหน้ายิ้มหน้าบาน งู้ยยยยยยยย ใจกูสั่นหมด


            “กาวรู้จักเพจสี่แก๊กด้วยเหรอ”


             “ใช่สิครับ ผมกดไลก์ติดตามอยู่ แม่งชอบมุกกวนตีนดี เอ๊ะ อย่าบอกนะว่า...”


              หมอเกื้อหัวเราะ เขาก้มหน้ามองรูปที่วาดบนไอแพดอีกครั้งก่อนจะกดเซฟแล้วเปิดหน้าเพจ การ์ตูนสี่แก๊กที่ผมเพิ่งเห็นถูกส่งออนไลน์ ผมรีบดึงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงออกมาเปิดทันที และสิ่งที่ผมคิดก็ใช่


              “หมอเป็นแอดมินเพจการ์ตูนสี่แก๊กเหรอ โห ไม่อยากจะเชื่อ”


                 หมอหน้าตี๋ยักไหล่เอียงคอ กวนส้นตีนไม่ต่างจากแก๊กในการ์ตูนเลยสักนิด


                “งานอดิเรกน่ะ ตอนเด็กชอบวาดการ์ตูนเล่น ผมดีใจนะที่รู้ว่ากาวเป็นแฟนเพจของผมด้วย”


               “แปลกใจจังครับ หน้าตาหมอไม่น่าเชื่อว่าจะเขียนการ์ตูนกวนส้นตีนได้ขนาดนี้ เฮ้ย ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจด่าหมอว่ากวนส้นตีนนะครับ”


               หน้าของผมมันคงเหรอหราน่าดู หมอเกื้อหัวเราะอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนเก็บไอแพดใส่กระเป๋า เขาลุกขึ้นมายืนจ้องหน้าผมเกือบสิบวินาทีเห็นจะได้ ไอ้ห่า ตัวแข็งเลยกู


              “ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ หรือว่ากาวอยากให้ผมเป็นของกาวล่ะ”


             ฮะ อะไรนะ เดี๋ยวสิ


              ไอ้หมอ แม่ง โน่น พูดจบก็เดินผิวปากขึ้นบันไดไปชั้นสองเข้าห้องตัวเองไปแล้วครับ ปล่อยให้กูยืนงงนี่แหละ โอ๊ย กูจะบ้า คุยกับคนฉลาดแล้วเหมือนกูโง้โง่ ไม่ไหวว่ะ เลิกคิดแล้วไปนอนดีกว่า

   




               ผมอาศัยอยู่ในบ้านเสธ.เกือบสัปดาห์แล้ว เหงาเหมือนกันเนอะ ไม่เจอพวกไอ้ดีนเลย ตอนกลางวันว่างๆขอป้าแจ่มแว้นมอไซค์ไปหาพวกมันดีกว่า จะได้รู้ว่าชะตากรรมแต่ละคนเป็นยังไงกันบ้าง


               ที่บ้านเสธ.ผมมีห้องส่วนตัวอยู่ด้านล่าง เป็นห้องเล็กๆ ถัดจากห้องครัวไป ในห้องมีที่นอนยัดนุ่นวางอยู่บนพื้น มีตู้เสื้อผ้าเล็กๆ กับพัดลมทรงสูงให้ใช้ หน้าต่างมีเหล็กดัดกับมุ้งลวด เทียบกับโรงนอนที่ต้องนอนกันหลายคนแล้วมีห้องส่วนตัวแบบนี้ก็ถือว่าสบายกว่ากันเยอะ


             ผมเริ่มเข้ากับเจ้านายและลูกเจ้านายได้ ไอ้หมอเกื้อน่ะนิสัยเหมือนพวกศิลปินเดาอารมณ์ยากมากกว่าเหมือนหมอ บางทีผมก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ไง ชอบมองหน้าผมแล้วก็ก้มหน้าไปยิ้ม ไม่รู้หน้าผมไปเหมือนการ์ตูนที่เขาวาดหรือเปล่า


            RRRRR


               เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คุณนายแดงโทรมาหาผมเรื่องอะไรนะ


               “ครับคุณนาย”


              “กาว วันนี้ฉันกับเสธ.ไม่กลับบ้านนะ ต้องไปงานด่วนต่างจังหวัด ฝากดูแลหนูเกื้อด้วยล่ะ ช่วงนี้พายุเข้า หนูเกื้อเขากลัวฟ้าผ่า”


             คุณนายแดงวางหูไปแล้ว ทิ้งความเหวอไว้ให้กับผม ไอ้หมอตี๋เนี่ยนะกลัวฟ้าผ่า แม่ง เหมือนเด็กเลยว่ะ


               ผมเปิดโทรทัศน์รอหมอเกื้อ วันนี้หมอบอกว่าอาจจะกลับดึกเพราะคนไข้เยอะ พออยู่ไปสักพักผมก็เริ่มเห็นใจหมอนะ กลับจากทำงานแต่ละวันสภาพเหมือนไปออกศึกที่อาฟกานิสถาน  เสื้อผ้ามีแต่คราบหยดเลือดกระจายเป็นหย่อมๆ ดีนะกูโง่ก็เลยไม่ได้เรียนหมอ


              ดึกไปหรือเปล่าวะ ห้าทุ่มแล้วหมอยังไม่กลับมาเลย แล้วทำไมกูต้องเป็นห่วงไอ้หมอหน้าตี๋มันด้วยเนี่ย โอ๊ย กลับมาสักทีสิวะ


              สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ผมรีบไปรับทันที


             “บ้านเสธ.ต้อยครับผม”


            “กาว นี่หมอเกื้อนะ”


            เสียงหมอเกื้อดังตอบมา ผมนี่เบิกตาโตเลยฮะ


            “หมอ ทำไมยังไม่กลับบ้านครับ ดึกแล้วนะ ผมรออยู่เนี่ย”


             “ขอบใจนะที่กาวเป็นห่วงผม” เหี้ย หน้าร้อนเลยกู “แต่รถยนต์ผมเสีย ขับกลับบ้านไม่ได้ กาวขี่มอเตอร์ไซค์มารับที่โรงพยาบาลได้ไหม”


              “ได้ๆ หมอรอที่นั่นแหละ เดี๋ยวผมแว้นไปรับ”


              ผมรีบวิ่งไปที่มอเตอร์ไซค์แล้วบิดไปโรงพยาบาลทันที ไม่นานก็เจอหมอเกื้อยืนรออยู่ที่รถพร้อมผู้กองหมอแทน ผมรีบตะเบ๊ะทำความเคารพ


              “กาวมาแล้ว มึงก็กลับบ้านไปพักผ่อนซะเกื้อ วันนี้ขอบใจที่อยู่ช่วยพี่”


               ผู้กองหมอแทนโบกมือให้ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในอาคาร ผมมองสภาพยับเยินของหมอเกื้อแล้วรีบสตาร์ทรถ


               “ไปครับหมอ กลับบ้านกัน ฝนใกล้จะตกแล้วด้วย”


                หมอเกื้อเหลือบมองท้องฟ้า เมฆฝนเริ่มลอยต่ำปกคลุมได้ยินเสียงฟ้าร้องครืนมาแต่ไกล เขารีบก้าวนั่งซ้อนหลังให้ผมพาเขากลับบ้าน ผมเองก็รีบบิดหนีฝนเม็ดใหญ่ที่เริ่มร่วงหล่นลงมา ดีที่มันยังตกไม่หนักมากเมื่อถึงบ้าน แต่ถึงยังไงผมกับหมอเกื้อก็ยังเปียกปอนกันไป


                “หมอรีบไปอาบน้ำนะครับ เดี๋ยวเป็นหวัด”


               “ขอบใจนะกาว”


                โอ๊ย เสียอาการอีกแล้วกู


                 ดีนะไอ้หมอหน้าตี๋รีบเดินหนีขึ้นห้อง ผมสะบัดหน้าไล่เลือดที่มาหล่อเลี้ยงจนร้อนก่อนจะเดินไปห้องตัวเองบ้าง รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่เสื้อกล้ามกางเกงบอลแล้วทิ้งตัวลงไปกับที่นอนดึงผ้าห่มผืนเก่าออกมาคลุมเพราะอากาศชื้น





มีต่ออีกนิด....



หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 8 Kao's Part [10/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 10-10-2018 21:22:06
เจิมมมมมม
หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 8 Kao's Part [10/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 10-10-2018 21:24:25


ต่อกันตรงนี้...



                   ฝนเทลงมาห่าใหญ่ ท้องฟ้าลั่นครืนเสียงดังจนผมสะดุ้ง ได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าวิ่งลงบันไดมายังชั้นล่าง ประตูห้องถูกเคาะถี่


                 “กาว กาว เปิดประตูให้หน่อย”


                 หมอเกื้อนั่นเอง ผมรีบลุกไปเปิดประตูให้เขา ชายหน้าตี๋ตอนนี้เหมือนเด็กชายทั้งที่อายุยี่สิบปลายๆแล้ว


                 “เหวอออ”


                 ฟ้าผ่าดังลั่น แสงวาบสลับกันจนมองเห็นหน้าซีด หมอเกื้อโผเข้ากอดผมที่ยังไม่ทันตั้งตัวจนกระทั่งร่างของผู้ชายสองคนล้มลงไปพร้อมกันบนที่นอนยัดนุ่นของผม


                “หมอ เดี๋ยวสิ”


                “กลัวแล้วฟ้าจ๋า อย่าผ่าเลย ฮือ”


                  ที่คุณนายแดงบอกไว้เป็นเรื่องจริง หมอเกื้อกลัวเสียงฟ้าจนร้องไห้เหมือนเด็กน้อย เขานอนตัวสั่นน่าสงสารจนผมต้องกอดเขาไว้


                “ไม่เป็นไรน่าหมอ แค่เมขลามาล่อแก้วกับรามสูรเอง”


                ผมจำนิทานที่ยายเคยเล่าให้ฟังได้ เมขลาล่อรามสูรด้วยลูกแก้ว รามสูรก็เลยขว้างขวานออกไปกลายเป็นฟ้าผ่า


                “มันเป็นปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์ต่างหาก ไม่ใข่เมขลากับรามสูรสักหน่อย กาวหลอกผมเหรอ”


                  ขนาดกลัวจนต้องซุกหน้าอยู่กับอกของผม หมอเกื้อยังอดกวนตีนไม่ได้ แม่ง มันน่านัก


                “แล้วหมอกลัวทำไมล่ะครับ ก็รู้ว่าเป็นวิทยาศาสตร์”


                 ผมเผลอพูดเสียงแข็งด้วยความหมั่นไส้และคลายอ้อมกอดออก หมอเกื้อกลับยิ่งออกแรงกอดจนผมหายใจไม่ออก


               “กลัวอยู่ดีแหละ สมองกับความรู้สึกของผมมันไปกันคนละทิศละทางนี่นา”


                  หมอเกื้อเงยหน้ามองผม เราสบตากันในความมืดที่มีเพียงแสงวูบวาบของท้องฟ้ายามถูกพายุครอบครอง อันที่จริงหมอเกื้อไม่ได้หน้าตาเหมือนฆาตกรในการ์ตูนอย่างที่ผมเคยบอกหรอก เขาเป็นผู้ชายหน้าตาขาวตี๋พิมพ์นิยมของสาวๆสมัยนี้เลยล่ะ


                 ดวงตาของหมอทำให้ผมนึกสงสารเมื่อฟ้าลั่นมาอีกรอบ อะไรบางอย่างทำให้ผมต้องเชยคางหมอขึ้น แรงดึงดูดล่ะมั้งที่กำลังทำงานอยู่เมื่อใบหน้าของผมกับหมอเกื้อใกล้กันจนไม่เหลือช่องว่าง ปากของผมกับปากของหมอแนบกันสนิท


                 ตัวแข็งเลยสิครับกู ไอ้เหี้ย กูจูบกับผู้ชาย!


                 แต่แม่ง ฟินว่ะ ไหนลองมากกว่านี้ได้ไหม


                  ผมเพิ่มน้ำหนักลงไปกับจูบ หมอเกื้อเองก็ไม่ได้ต่อว่าหรือขับไส ผมค่อยๆใช้ลิ้นดุนปากนุ่มของหมอให้แยกออกแล้วสอดลิ้นเข้าไป


                     จ๊ากกกก ไฟช็อต


                  ลิ้นกับลิ้นเจอกัน ตวัดกันไปมา ผมรู้สึกเหมือนเลือดลมกำลังตีขึ้นพรึ่บพรับ ตัวอุ่นๆของหมอเบียดแนบเหมือนกิ่งไม้ที่เอามาถูกันจนเกิดประกายไฟ


                 “กาวจูบเก่ง”


                 เมื่อผมผละปากออกอย่างเสียดาย หมอก็พูดอย่างนั้น นัยน์ตาของหมอสะท้อนกับแสงฟ้าจุดไฟผมจนลุกไปหมด


                “หมอ ปล่อยผม”


                  ดวงตาคู่นั้นสลดจนผมใจหาย


                 “กาวรังเกียจผมเหรอ นั่นสินะ กาวไม่ชอบผมตั้งแต่วันแรกที่เราพบกันแล้วนี่”


                 ไม่ใช่นะ


               ผมกัดฟันแน่น


               “อย่าพูดแบบนั้น หมอปล่อยผมก่อน ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว”


              ผมพูดออกไปพร้อมกับฟ้าที่ผ่าลงมาอีกครั้ง




                                                              TBC


                                                       จะยังไงเนี่ย กาวเอ๊ย!!!!





                                                                   o14 o14 o14 o14 o14 o14







หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 8 Kao's Part [10/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 10-10-2018 22:30:14
อร๊าย...เรื่องใหม่ล่ะๆ.

คู่ดีนก็เลิศ คู่นี้ก็กร๊าวใจ

รอตอนหน้าดีก่า. อิอิ
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 8 Kao's Part [10/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 10-10-2018 22:40:39
คู่นี้จะมาแนวไหนหนอ
พี่หมอเกื้อดูละมุนๆ
น้องกาวหวั่นไหวแล้วใช่ไหมลูก
เจจอพี่เค้าหยอดคำหวานเข้าหน่อย
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 8 Kao's Part [10/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 10-10-2018 23:41:40
ใครรับรุกอ่า
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 8 Kao's Part [10/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 11-10-2018 16:52:07
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 8 Kao's Part [10/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-10-2018 16:53:15
หมอรุกแน่ๆ555
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 8 Kao's Part [10/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 11-10-2018 21:31:24
คู่นี้ใครจะรุก?!?!! 555555555 รอเบยยยยย
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 8 Kao's Part [10/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 17-10-2018 10:46:59
 :-[น้องกาวกับพี่หมอใครจะรุกก็แน่ ลุ้นๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 8 Kao's Part [10/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 17-10-2018 15:37:34
ลุ้นหนักมากว่าใครรุก555
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 8 Kao's Part [10/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-10-2018 16:54:23
อ้าว?? กาวรุกหรือหมอรุกกันแน่เนี่ย ลุ้น
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 8 Kao's Part [10/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: mijimaria ที่ 20-10-2018 23:45:36
ลุ้นๆ กาวหมอ หรือหมอกาว แต่หมอน่ารักจังเลยเวลากลัวฟ้า
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 8 Kao's Part [10/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Pthassa ที่ 21-10-2018 16:26:08
 :-[งื้ออออออออออ
หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 9 Kao's Part #NC [24/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 24-10-2018 22:51:42



                                                           ผมจะไปเกณฑ์ทหาร

                                                                   บทที่ 9

                                                                 Kao’s part



                 “โอ๊ย พ่อจ๋าแม่จ๋า จะผ่าทำเหี้ยอะไรวะ”
   
                  จ๊ากกกก


               เกิดศึกยุทธหัตถีขึ้นแล้วสิครับตอนนี้ ช้างสองตัวชนกันอยู่กลางการประลอง โดยเฉพาะช้างไอ้กาวกำลังชูงวงเลยฮะท่านผู้ชมมมมม


            หลังจากส่งเสียงเอะอะเพราะกลัวฟ้าผ่าหมอเกื้อก็กอดผมแน่นจนขยับไม่ได้ ตรงกลางตัวแม่งก็ถูไถจนได้เรื่อง ผมปวดหนึบไปหมดเลือดลมแล่นวาบๆตั้งแต่หัวจรดเท้า กลิ่นแป้งเด็กจากตัวหมอลอยเข้าจมูก ไหนจะเนื้อตัวสั่นๆที่เบียดผมอยู่นี่อีกล่ะ


               “ไม่ทนแล้วโว้ย”


               ตบะแตกในที่สุด เมื่อความอดทนหมดสิ้นลงผมก็ลืมทุกอย่าง ลืมว่าหมอเป็นลูกของเจ้านาย ลืมว่าตัวเองเป็นแค่พลทหารแสนกระจอก ในตอนนี้มีแค่ไอ้กาวผู้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังต้องการคนในอ้อมกอดเหลือเกิน


                “หมอห้ามสิ แค่หมอห้ามผม”


                 ผมผลักไหล่หมอเกื้อให้หงายหลังลงไปบนที่นอนยัดนุ่นก่อนที่ตัวเองจะพลิกไปคร่อมทับเขาไว้ เราทั้งคู่สบตากันท่ามกลางความมืด คล้ายว่าหมอเกื้อจะสับสนอยู่บ้างแต่ไม่นานดวงตาคู่นั้นกลับมองผมราวกับท้าทาย ก็ในเมื่อหมอไม่ห้าม ผมก็เลิกคิดที่จะหยุด


                  ผมก้มหน้าลงไปจูบที่ปากของหมอเกื้ออีกครั้ง คราวนี้จงใจกว่าเมื่อครู่ที่ผ่านมา ปากของหมอเกื้อนุ่มจากลิปมัน กลิ่นผลไม้ทำให้ผมติดใจโคตรๆ ลิ้นหยุ่นข้างในตวัดพลิกโต้ตอบจนพากันหายใจหอบ ผมล้วงมือเข้าไปในเสื้อยืดลายการ์ตูนที่หมอใส่อยู่ เขาสะดุ้งนิดหน่อยตอนที่ผมวางมือแนบไปกับผิวอุ่น เราผละปากออกจากกันอย่างเร่งร้อนเมื่อผมต้องถอดเสื้อยืดผ่านหัวออกไป จากนั้นเราก็จูบกันต่ออีก


              ฟ้าผ่าลงมาอีกครั้ง หมอเกื้อผวาเข้ากอดผม ไม่มีเสียงร้องหลุดจากลำคอเพราะถูกผมกลืนเสียงไปหมดแล้ว ผมถกกางเกงขายาวของหมอออกจนพ้นสะโพก เมื่อถึงวินาทีนี้หมอไม่มีอะไรติดตัวอีกแล้ว ผมยอมคืนอิสระให้กลีบปากแสนนุ่มเพื่อจะตรวจร่างกายของหมอให้เต็มตา


                 สีหน้าของหมอเกื้อดูเคอะเขินน่าเอ็นดู เขาเบนสายตาหลบไปแวบหนึ่งก่อนจะหันมาถามผมเสียงสั่นพร่า


                 “กาวไม่เกะกะเสื้อผ้าตัวเองบ้างเหรอ”


                 “หมอถอดให้ผมสิ จะได้เสมอกัน”


                  แหม คารมไอ้กาวก็ใช่ย่อยนะครับ ก่อนมาเป็นทหารเกณฑ์นี่ก็จีบสาวในเกมให้แวะมาเที่ยวที่ห้องได้หลายรายละ หมอเกื้อหน้าแดงเห็นชัดเลยทีนี้ แต่เขาก็ยอมถอดเสื้อผ้าของผมออกจนได้


                “หนาวเนอะ”


                ผมกระซิบข้างหูหมอเกื้อ ความชื้นของอากาศแล่นมาจับตามผิวจนต้องแสวงหาความอบอุ่น ผมก้มลงจูบที่หน้าอกเนียนขาวละเอียดและย้ายไปที่ตุ่มเม็ดเล็ก มือไม้อยู่ไม่สุขลูบไล้เนื้อตัวของหมอ ได้ยินเสียงถอนหายใจแผ่วเบาดังแว่วมา ผมก็ยิ่งละเลงลิ้นใส่จนเปียกชุ่ม


               “อื้อ กาว”


                ผมดันท่อนขาของหมอให้แยกห่าง ช้างน้อยของหมอก็ชูงวงไม่แพ้กัน แต่ผมก็จัดการจับมันมัดไว้ด้วยมือของผม เมื่อหมอเกื้อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดต่อไปสีหน้าของเขาก็ชักแหยงๆ


                 “ผมจะเจ็บไหมกาว ช่องทางนี้มันไม่ใช่ช่องทางปกติ มันไม่มีน้ำหล่อลื่น มันไม่มี อึก...”


                  ผมจูบเขา ปิดเสียงแสนกังวลของหมอไว้ รอจนหมอเริ่มเคลิ้มตามจึงได้พูดข้างหูของหมออีกครั้ง


                 “ผมไม่ทำให้หมอเจ็บหรอกน่า สัญญาจากเกียรติของทหารเกณฑ์เลยครับ”


                 จริงๆก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันอะนะ แต่ก็มีรูเดียวนี่แหละมั้งที่จะจัดการได้ ไม่มีน้ำหล่อลื่นก็น้ำลายกูนี่แหละครับ ธรรมชาติสร้างสรรมาแล้วไม่ต้องคิดมาก ผมถ่มน้ำลายใส่มือปลายนิ้วลูบไล้ช่องทางเดียวของหมอเกื้อ จากนั้นก็จ่องวงช้างติดหน้าถ้ำ


                 “มองตาผมนะหมอ”


                  ผมสบตาสร้างความมั่นใจก่อนจะดันงวงช้างให้ลอดปากถ้ำเข้าไป หมอเกื้อกัดฟันแน่นจนผมต้องค่อยๆดันเอวทั้งที่อยากจะลุยถ้ำใจแทบขาด แต่นี่คงเป็นครั้งแรกของหมอ จนกระทั่งลูกช้างของผมมันมุดถ้ำเข้าไปหมดทั้งตัวผมจึงได้จูบหน้าผากของหมอเพื่อปลอบใจ


                “หมอเก่งจัง ไม่เจ็บแล้วเนอะ”


                 “ผมไม่ใช่เด็กแล้ว กาวไม่ต้องล่อหลอกหรอก”


                 แหม ขนาดโดนกูมุดถ้ำมิดยังตอบโต้ได้อย่างกวนตีนไม่ทิ้งลายเลยนะ เมียกู


                  ฮะ! นี่เผลอเรียกหมอเกื้อว่าเมียซะแล้วกู


                 “งั้นไม่เสียเวลาหลอกหมอแล้ว ที่เหลือผมลุยแล้วนะ”


                 อยากจนจะขาดใจตายแล้ว โยกต่อไม่รอแล้วครับท่านผู้ชม


                  ผมตั้งเข่า ดันขาของหมอเกื้อแยกออกจากกัน จากนั้นผมก็สวนสนามเข้าใส่ ช่องทางของหมอแปลกใหม่สำหรับผม มันโอบรัดกำลังพอดีกับลูกช้างที่กระแทกถ้ำจนโยกไปมา หมอเกื้อแอ่นตัวเข้าใส่ หน้าแหงนเชิดสูดปากสลับปล่อยเสียงออกมา เสียงของหมอเพราะดีแฮะ ยิ่งทำให้ผมออกแรงมากขึ้นเรื่อยๆ


                 “อา กาว ดะ ดี ดีครับ ตรงนั้น ใช่เลย”


                   จัดว่าเด็ด เจอของดีเข้าแล้ว ผมโอบเอวของหมอเกื้อให้ลอยยกสูงพลางสับเอวเข้าใส่ตำแหน่งที่หมอแจ้งพิกัดรบ หมอบิดเอวไปมาท่าทางทรมาน


                 “โอววว กาว เด็ดสุด อีกนิดเดียว”


                หมอใช้มือคว้างวงช้างตัวเองไปบังคับทิศทาง ข้อมือของหมอโยกขึ้นลงเร็วมาก ผมรู้ว่าจังหวะนี้หมอกำลังหน้ามืดแล้ว ผมก็ยิ่งเร่งแรงเข้าใส่เพื่อให้หมอระเบิดตัวเองออกมา


                  “กาว กาวครับ อื้อ ไม่ไหวแล้ว โอ๊ย”


         หมอเกื้อเกร็งไปทั้งตัว งวงช้างพ่นน้ำออกมาเปียกเต็มมือ ผมกัดฟันเมื่อถ้ำของหมอบีบผมรอบทิศ โว้ย กูจะตายแหล่ววว


                “หมอ เบา อย่าบีบผม อู๊ยย”


                “มันห้ามกันได้ที่ไหนละครับกาว ฮื้อ”


                 เมื่อส่งหมอเข้าเส้นชัยไปแล้วก็เหลือแต่ผมละทีนี้ ผมยกขาสองข้างของหมอพาดบ่า จากนั้นผมจึงออกแรงไม่ยั้งแล้ว กล้ามเนื้อหน้าท้องบีบไปหมด ทรมานจังโว้ย


                  “หมอ แม่ง แน่น มาก โอย จะ แตก แล้ว”


                  กูก็รำพันเข้าจังหวะกระแทกกระทั้น หมอเกื้อนิ่วหน้านิดนึงตอนที่ผมกลั้นใจดึงลูกช้างออกจากปากถ้ำ ใช้มือบังคับไม่กี่ทีไอ้ลูกช้างตัวดีก็พ่นน้ำออกมาเปียกรดหน้าท้องของหมอเกื้อ ผมทิ้งร่างลงไปทับหมออย่างเหน็ดเหนื่อย


                 “โอ๊ย เหนื่อยยิ่งกว่าโดนจ่าพิชิตสั่งซ่อมอีก”


                  หมอเกื้อดันไหล่ผมให้พ้นการทาบทับ เรานอนตะแคงหันหน้าเข้าหากันสบตากันในความเงียบ ฝนหยุดตกไปแล้วเหลือทิ้งไว้แค่อากาศชื้นหนาวเย็น ผมก็เลยเนียนกอดหมอไว้


                “หมอ หนาว กอดหน่อย”


                “หนาวอะไร ตัวร้อนจะตาย”


                  ก็เพิ่งออกแรงมานี่หว่า ธาตุไฟเข้าแทรกตัวก็ร้อนเป็นธรรมดาแหละ


                 “หายเจ็บหรือยังครับ”


                  เชยคางหมอขึ้นมา หน้าแดงก่ำเชียวฮะ น่าเอ็นดู๊ น่าเอ็นดู


                 “หน้าหมอเหมือนอาหมวยเลยอะ”


                 “ผมเป็นผู้ชายนะ ต้องเป็นอาตี๋ไม่ใช่เหรอ”


                  หมอเกื้อทำหน้าเหรอหรา ผมหัวเราะพลางบีบจมูกหมอเบาๆ


                  “หมวยนั่นแหละถูกแล้ว หมวยติดคอ”


                 “กาว บ้าว่ะ”


                  หน้าแดงจนไปถึงหูแล้วมั้งเมื่อรู้ความหมายของผม หมอหน้าหมวยเอ๊ยตี๋ทุบไหล่ผมผลัวะๆ โอ๊ย มือหนักจริงโว้ย


                  “เบาๆ โอ๊ย เบาครับเมีย เดี๋ยวผัวตับแตกตายเมียจะตกเป็นข่าวใหญ่ว่าซ้อมผัวจนตายนะครับ”


                  หมอเกื้อนิ่งงัน เขาถอนหายใจเมื่อต้องยอมรับสภาพ


                  “ฟ้องพ่อดีไหม ว่ากาวปล้ำผม”


                   “แหม แต่หมอลงมาหาผมที่ห้องเองนะ ถือว่าสมยอม ศาลยกล้อ แล้วถ้าเสธ.รู้เอาปืนมายิงผมตาย หมอก็เป็นหม้ายนะครับ”


                  หมอเกื้อทำตาโตเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ เขาสะบัดหน้าใส่ผม


                 “ถุงยางก็ไม่ได้ใส่”


                “ใครจะไปรู้ว่าหมอจะมาหาล่ะครับ หมอโทษกรมอุตุเลยที่ไม่บอกก่อนว่าจะมีฝนฟ้าคะนอง ถ้าผมรู้ว่าหมอกลัวเสียงฟ้า ผมจะแว้นไปซื้อถุงยางหน้าค่ายตั้งแต่ก่อนไปรับหมอที่โรงพยาบาลแล้ว”


                  ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตอนที่หมอเกื้อเม้มปากใช้ความคิด


                 “พอเช้าแล้วกาวต้องไปโรงพยาบาลกับผม”


                  “ไปทำไมอะหมอ ผมสบายดี”


                   ไม่ค่อยถูกกับโรงพยาบาลเท่าไหร่ฮะ กลัวเข็ม


                  “ไปเจาะเลือดไง เราต้องไปเจาะเลือดตรวจเชื้อเอชไอวี แล้วอีกสามเดือนไปตรวจซ้ำ”


                 ตากูเหลือกเลยครับงานนี้


                 “ไม่เอาหมอ จำไม่ได้เหรอว่าผมกลัวเข็ม”


                  เมียหมาดๆทำหน้าโหดเหี้ยม และไม่ฟังคำอ้อนวอนของผมเลย ไอ้หมอ ฮืออออ


                  “จำได้แม่นเลยครับกาว แต่กาวไม่มีทางเลือก กาวต้องไปตรวจเลือดกับผม”






มีต่ออีกนิด....





หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 9 Kao's Part #NC [24/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 24-10-2018 22:59:22


ต่อกันตรงนี้....



              พอดวงอาทิตย์ขึ้นผมก็ถูกลากไปโรงพยาบาลทันที ก่อนที่ป้าแจ่มจะมาทำงานเสียอีก ผมบิดมอเตอร์ไซค์ด้วยมือสั่นเทาโดยมีหมอฆาตกรโรคจิตนั่งซ้อนท้าย


                “มาเจาะเลือดเสียให้เรียบร้อยตั้งแต่เช้านี่แหละ คนไข้น้อยดี”


                คำสั่งของเมียคือประกาศิต ผมร้องไห้กระซิกๆตรงโต๊ะเจาะเลือด คุณพยาบาลคนสวยยืนยิ้มให้กำลังใจแต่ตอนนี้กูหมดแรงใจแล้วครับ โฮๆๆๆ


                “พลทหารที่บ้านเหรอคะหมอกาว จะเจาะเลือดตรวจอะไรบ้างล่ะคะ เดี๋ยวพี่เจาะให้”


                 ไอ้หมอโรคจิตโปรยยิ้มหว่านเสน่ห์ แหม ทีกับกูนี่ไม่มีละ อียิ้มแบบนี้เนี่ย


                 “เจาะแอนตี้เอชไอวีครับ แล้วก็.....”


                 หมอเกื้อพูดภาษาเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ ตรวจเยอะไปหมด ฮือ เลือดจะหมดตัวกูม้าย คุณพยาบาลพยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับหยิบเข็มและไซริงค์มาประกอบเข้าด้วยกัน ทั้งคู่หันขวับมาทางผม มั่ยยยนะ


               “อยู่เฉยๆนะกาว”


               “หมอ ไม่เอา ไม่เจาะ โอ๊ย เข็มเหี้ยแหลมฉิบหาย”


                ผมทำท่าจะกระโจนหนี หมอเกื้อกดบ่าผมไว้พร้อมกับยิ้มโหด เขาโน้มตัวมากระซิบข้างหูผม


                 “อยากเจอเข็มแค่นี้ หรืออยากให้พ่อสั่งซ่อม กาวเลือกเอานะ”


                  เหงื่อแตกซิกเลยครับ ผมปล่อยโฮพลางเหยียดแขนออกไปอย่างสิ้นหวัง หมอเกื้อจับแขนผมไว้จนดิ้นไม่หลุดพร้อมกับออกคำสั่ง


               “เอาเลยครับ เจาะเลย”


                “ไม่ ไม่นะหมอ ไม่....”


               เสียงร้องโหยหวนของผมดังก้องห้องเจาะเลือดเมื่อเข็มแหลมทิ่มเข้ามาในเส้นเลือด







                “หายเจ็บหรือยังกาว”


                ฮึ ไม่พูดด้วยหรอก


                “จะงอนอีกนานไหมครับ เข็มแค่นี้เอง ทีผมถูกกาวฉีดยาเข็มเบ้อเริ่มยังทนได้เลย”


                หายงอนก็ได้ เดี๋ยวเมียเคือง


             “ก็คนมันกลัวนี่หมอ แล้วหมอเจ็บเมื่อคืนมันก็เจ็บแป๊บเดียวช่ะ สักพักเห็นร้องลั่น เร็วอีก เร่งอีก เอวผมนี่ยอกไปหมด”


                ผลัวะ เต็มๆ เน้นๆ โว้ย


               “หมอ ขอโทษ ไม่แซวแล้วก็ได้”


               “กลับบ้านไปได้แล้ว เดี๋ยวป้าแจ่มจะสงสัยว่าหายไปไหนกันตั้งแต่เช้า”


                “ก็บอกป้าแจ่มว่าไปตักบาตรกันไงครับ”


                 ผมหัวเราะเบาๆ ไม่นึกว่ามาเกณฑ์ทหารแล้วจะได้เมียด้วย ลูกนายพลเชียวนะ ผมรอให้หมอเกื้อนั่งซ้อนหลังเรียบร้อยค่อยสตาร์ทรถแล้วบิดคันเร่งออกจากโรงพยาบาลไปทางประตูค่ายทหาร


                “กาว เดี๋ยวจะไปไหน” หมอเกื้อตะโกนต้านลมถาม


                “ไปเซเว่นหน้าค่ายไงหมอ ผมจะไปซื้อถุงยาง เผื่อคืนนี้ฝนตกหนักอีกจะได้กางร่มทัน”


                  “บ้าว่ะ”


                  ได้ยินเสียงหมอเกื้อบ่นพึมพำแต่ผมก็ไม่สนใจหรอก ปล่อยให้บ่นไป เราเป็นนักรบต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา ต่อจากนี้ไอ้กาวจะพร้อมรบในทุกสถานการณ์โว้ย


                ผมวางมือบนมือนุ่มที่เกาะเอวผมอยู่ รู้สึกว่าหมอเกื้อจะกอดผมแน่นมากขึ้น


                 ผมแอบยิ้มและคิดว่าอาจจะต้องเหมาถุงยางไปยกโหล จะได้ไม่ต้องเสียเวลาแว้นมาซื้อบ่อยๆ แต่ผมจะไม่บอกหมอหรอก กลัวหมอตกใจ


                  เฮ้อ อยากให้ฝนตกฟ้าคะนองบ่อยๆจังเลย คุณคิดเหมือนผมไหมครับ ฮ่าๆๆๆๆ




                                                          TBC

                                                      ในที่สุด 5555

                                  แอบส่องคู่ #กาวเกื้อ แล้วคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้คนแต่งบ้างนะคะ



                                     :m2: :m2: :m2: :m2: :m2: :m2: :m2: :m2:







หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 9 Kao's Part #NC [24/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: irawin ที่ 24-10-2018 23:52:10
โอ้ย...คู่รองก็ใช้ย่อยนะเนี่ย ถึงพริกถึงขิงไม่แพ้คู่เอก กาวนี่คารมคมคายไปอีกกกก
ป.ล แอบขำ คำผวนอะ5555
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 9 Kao's Part #NC [24/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: se7enayo ที่ 25-10-2018 02:33:44
 :pighaun:

อาหมวยอ่าาาาาา
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 9 Kao's Part #NC [24/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 25-10-2018 06:30:17
อ้าว... หมอ เสีย ดุล พลทหาร ซะ แล้ว... 555
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 9 Kao's Part #NC [24/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-10-2018 09:24:58
ชอบบบบบบ..............   :katai2-1:

อยากให้ฝนตก ฟ้าคะนอง บ่อยๆ  .........
ก็เพราะ กาว เกื้อ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 9 Kao's Part #NC [24/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-10-2018 18:37:35
 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 9 Kao's Part #NC [24/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: suonlyyou ที่ 27-11-2018 15:47:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 9 Kao's Part #NC [24/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-11-2018 20:41:55
แหมหมอคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 9 Kao's Part #NC [24/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 28-11-2018 15:53:43
อยากให้ฝนตกทุกวันเลย :haun4:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 9 Kao's Part #NC [24/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 28-11-2018 17:41:33
แหมะ. คู่นี้ไม่ธรรมดา
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> บทที่ 9 Kao's Part #NC [24/10/61]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 28-11-2018 21:39:05
 :pighaun: :haun4: :haun4: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> ตอนจบ [04/12/61] ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-12-2018 22:47:20



                                                        ผมจะไปเกณฑ์ทหาร

                                                               บทที่ 10




              “วู้ มาถึงแล้ว เชียงรายจ๋า ภูชี้ฟ้าแสนสวย”


              ไอ้กาวกระโจนลงจากกระบะหลังของรถโฟร์วีลมาอยู่ที่พื้นแล้วกระโดดโลดเต้นไปมา ผมที่เพิ่งลงจากที่นั่งด้านหลังเดินไปเขกกะโหลกมันจนเจ็บมือเพื่อเบรกความรั่วของมันลงบ้าง


              “มึงจะโวยวายทำไมไอ้เหี้ยกาว แขกในรีสอร์ทเขาจะตกใจเพราะเสียงมึงนี่แหละ”


              ไอ้กาวเพื่อนรักตวัดหน้าค้อนขวับ เห็นแล้วอยากจะประเคนส้นร้องเท้าให้เหลือเกิน แต่เสียดายซื้อมาแพงฮะ


              “ก็กูตื่นเต้นอะ ไมอะไอ้ดีน ไม่เคยมาภูชี้ฟ้านี่หว่า ครั้งแรกโว้ยมันก็ต้องตื่นต้องเสียวเป็นธรรมดา โอ๊ย เขกกะโหลกกูจริงไอ้เหี้ยดีน”


              “ผมเองที่เขกกะโหลกกาว ไม่ใช่น้องดีนหรอกครับ”


               คราวนี้หัวหดครับ สมน้ำหน้าเจอพี่หมอเกื้อจัดหนักไป หน้าตี๋ๆแบบนี้เวลาดุทีเล่นเอาไอ้กาวหงอไปเป็นพัก มันกลัวเมียครับไอ้นี่


               “โวยวายไปได้นะกาว ถ้ายังส่งเสียงดังอีกผมจะสั่งลงโทษนะ”


                “โอ๊ย อย่านะหมอ หมอสั่งลงโทษถ้าผมหมดแรงคืนนี้เราก็ไม่ได้ฉลองที่ได้มาเที่ยวบนดอยกันน้า”


                “กาว!”


                 พี่หมอเกื้อหน้าแดงเถือกจนเสียงหัวเราะดังขึ้นจากพวกเราที่ยกพลขึ้นดอยมาในวันนี้ พี่แทน ผม ไอ้กาวและหมอเกื้อ เรามากันที่รีสอร์ทของแฟนเพื่อนรุ่นพี่ของพี่แทน เพื่อนพี่แทนชื่อพันตรีวันรบ เขาขับรถไปรับพวกเราที่สนามบิน ส่วนแฟนของพี่วันที่เป็นเจ้าของรีสอร์ทชื่อพี่ชิน


               ตอนนี้ผมกับไอ้กาวใกล้จะปลดประจำการกันแล้วครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านมาถึงวันนี้ได้ นึกว่าจะตายเสียก่อนแล้วตั้งแต่ฝึกหนักสามเดือนแรก สองปีกับการเป็นทหารเกณฑ์มันมีประโยชน์ต่อผมมาก ใจหายเหมือนกันที่เดือนหน้าจะต้องจากค่ายทหารกลับไปทำงานที่เกาหลี เสาร์อาทิตย์นี้พี่แทนก็เลยพามาเที่ยวเปิดหูเปิดตา พี่เกื้อก็เลยขอพาไอ้กาวมาเที่ยวด้วย


              พี่วันนายทหารหน้าตาหล่อคมเข้ม ขนาดผมเป็นผู้ชายยังว่าหล่อคิดดูสิ หล่อกว่าพี่แทนอีกมั้ง แน่ะ แค่แอบนินทาในใจก็เหมือนจะได้ยินนะคนเรา ทำเป็นหันมามองนะไอ้พี่ แอบมองพี่วันหน่อยเดียวทำเป็นตาเขียว หึหึ
พี่วันลงจากที่นั่งคนขับรถออกมายืนรวมกลุ่มกับพวกเรา เขายืนคุยกับพี่แทนสักพักก็มีพี่ผู้ชายผิวขาวหน้าตาท่าทางใจดียิ้มเก่งเดินตรงเข้ามา


             “ดีนครับ คนนี้คือคุณชินเขตคนรักของพี่วัน น่าจะอายุรุ่นเดียวกับเกื้อนะ”


            ผมรีบยกมือไหว้ทักทายเจ้าของรีสอร์ท แม่สอนมาให้มืออ่อนไว้ครับคนจะได้เอ็นดู พี่ชินรับไหว้ก่อนจะทักทายพวกเรา


             “สวัสดีครับทุกคน เดินทางเป็นไงกันบ้าง ขลุกขลักหรือเปล่า”


             พี่แทนส่ายหน้าและเป็นตัวแทนพวกเราตอบคำถาม


             “ไม่หรอกครับคุณชิน สนุกดี ไม่ได้มาเที่ยวทางเหนือนานแล้ว”


             “ก็บอกให้มาตั้งนานแล้ว นี่ถ้าไม่พาแฟนมาอวดก็คงไม่มาหรอก”


             พี่แทนอมยิ้มเมื่อถูกพี่วันแซว ท่าทางพี่วันจะเป็นนายทหารแนวห้าวหาญ ส่วนพี่แทนเป็นหมอไง ก็เลยท่าทางใจเย็นกว่านิดนึง


           “ไปพักที่ห้องพักกันก่อนดีกว่าครับ ผมจัดบ้านพักหลังใหญ่ไว้ให้บนเนินตรงโน้น มีสองห้องนอนมองเห็นวิวรีสอร์ทชัดดี พักผ่อนกันให้สบายใจนะครับ เย็นๆไปกินมื้อค่ำกันที่บ้านผม แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ามืดจะพาไปชมทะเลหมอกบนยอดภู”


            พี่ชินเดินนำพวกเราไปที่บ้านพัก น่าอยู่เชียวครับ ด้านในมีสองห้องนอนและพื้นที่ใช้สอยส่วนกลาง จากด้านหน้าตัวบ้านมองเห็นพื้นที่ในเขตรีสอร์ทที่อยู่ลดหลั่นกันลงไป พี่ชินบอกว่าแขกมาพักเริ่มหนาตาเพราะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ผมกับพี่แทนพักห้องหนึ่ง หมอเกื้อกับไอ้กาวอยู่อีกห้อง พวกเราล้างหน้าล้างตาก่อนจะออกไปเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ที่หายากในเมืองหลวง พอพระอาทิตย์เริ่มหมดแสงเราก็ไปกินอาหารเย็นที่บ้านของพี่ชิน พี่แทนกับพี่วันดื่มเบียร์หมดกันไปหลายขวด ส่วนผม ไอ้กาวและหมอเกื้อ หมดเวลาไปกับการแย่งกันร้องคาราโอเกะ


               สักสามทุ่มกว่าๆ พวกเราจึงกลับมาบ้านพัก อากาศตอนกลางคืนเย็นฉ่ำโดยไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ เมื่อเข้ามาในห้องแล้วพี่แทนก็มองผมด้วยความเป็นห่วง


              “หนาวไหมครับดีน เอาเสื้อกันหนาวมาใส่อีกชั้นไหม”


               ผมส่ายหน้า ไม่หนาวเท่าไหร่หรอกครับ ที่เกาหลีตอนหิมะตกหนาวกว่านี้หลายเท่า พี่แทนนั่งลงข้างๆแล้วกอดผมไว้หลวมๆพลางเกยคางไว้บนไหล่ของผม กลิ่นเบียร์ลอยจากลมหายใจจางๆ กับหน้าแดงนิดๆ ยิ่งทำให้ไอ้พี่มันดูหื่นหนักขึ้นไปอีก


              “แต่พี่หนาว กอดดีนแก้หนาวหน่อยนะ”


              หมั่นไส้คนเมา แต่อ้อมกอดของพี่แทนก็อบอุ่นจริงๆนั่นแหละ เขาเคยกอดอย่างไรที่ผ่านมาพี่แทนก็ยังทำเช่นนั้น สองปีแล้วที่รู้จักกันเขาก็ยังดีกับผมเสมอต้นเสมอปลาย และยังจริงจังกับผมจนกล้าบากหน้าไปสารภาพความจริงกับแม่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง


              นึกย้อนไปถึงวันนั้นแล้วอดขำไม่ได้ เพราะพี่แทนกลัวว่าผมจะคิดว่าเขาไม่จริงใจ เขาตัดสินใจเปิดเผยความจริงกับแม่ในวันหยุดสุดสัปดาห์วันหนึ่ง พี่แทนลงทุนยกดอกไม้ธูปเทียนใส่พานเล็กๆไปหาแม่ของผมที่บ้าน ผมเองก็นั่งใจตุ๊มๆต่อมๆข้างเขานั่นแหละ แม่ทำหน้างงๆเมื่อเห็นพี่แทนยกพานมาวางตรงหน้าและยกมือไหว้แม่


             “อะไรกันคะคุณหมอ ยกดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้แม่ทำไม”


             “เอ่อ...” พี่แทนสูดลมหายใจเข้าปอดรวบรวมกำลังใจ ก่อนจะพูดกับแม่เสียงนุ่ม “ผมมีเรื่องจะต้องขอขมาคุณแม่เรื่องน้องดีนครับ”


               ต่อมเอ๊ะของแม่เริ่มทำงาน แม่มองผมที่นั่งยิ้มเจี๋ยมเจี้ยมกับพี่แทนสลับไปมา ก่อนจะทำตาโตยกมือทาบอก


              “ไม่นะ อย่าบอกนะว่าแม่เดาถูก โอย จะเป็นลม”


              พี่แทนยิ้มขรึม เขายกมือไหว้แม่อีกครั้ง


              “ผมขอโทษที่ปิดบังคุณแม่ ผมกับดีนคบหาดูใจกันมาได้สักพักแล้วครับ เรารักกันและจริงจังกับความสัมพันธ์นี้มาก แต่ผมก็ผิดที่ล่วงเกินดีนก่อนเวลาที่เหมาะสม”


                ไอ้ตั้มเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กที่มาเกาะขอบจอรอดูข่าวทำหน้าเหมือนผีหลอก มันสะกิดผมยิกๆกระซิกกระซาบไม่ให้แม่ได้ยิน


             “ไอ้เหี้ยดีน มึงไปเกณฑ์ทหารปีกว่า มึงกลับมาพร้อมกับ เอ่อ...” ไอ้ตั้มมองผมสลับกับพี่แทนเพื่อคาดคะเนสถานการณ์  “กลับมาพร้อมกับได้ผัวมาด้วยเหรอวะ”


              ผมนี่หน้าร้อนวูบวาบเลยฮะ เขินสัส ไหนจะกลัวแม่ด่าอีก ก็เลยหันไปส่งเสียงลอดไรฟันด่าไอ้ตั้มแก้เขิน


              “ได้มาก่อนไปเป็นทหารอีกโว้ยเหี้ยตั้ม ก็วันนั้นไง คืนก่อนกูไปจับใบดำใบแดง มึงกับกูไปเที่ยวกัน แล้วมึงมัวแต่ไปแอ๊วสาวคืนนั้นแหละ”


              ไอ้ตั้มตาโตเป็นไข่ห่าน


              “เหี้ย ที่มึงหายไปอะนะ แล้วโทรจิกกูตอนตีสามใช่ไหม ใครจะคิดว่าถูกจับไปทำเมียวะ”


               ผมแยกเขี้ยวใส่มันก่อนจะหันไปสนใจแม่กับพี่แทนที่ยังเจรจากันอยู่ แม่เองก็หน้าเครียดจนผมใจเสีย


              “แม่ ดีนขอโทษ แม่อย่าโกรธดีนนะ”


               ลูกอ้อนมีเท่าไหร่ประเคนมาให้หมด เข้าไปกอดเอวแม่ทำหน้าเศร้าหมาเหงาใส่แม่จนแม่ถอนหายใจออกมา


               “ไอ้ที่มาส่งที่บ้าน พากันไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ เพราะแบบนี้เองใช่ไหม นึกว่าเอ็นดูเป็นน้องเป็นนุ่ง ที่แท้แอบไปรักกันเหรอเนี่ย แม่น่ะ ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกนะคะคุณหมอ ไอ้ดีนมันรักใครแม่ก็รักด้วย แค่เป็นห่วงว่าเป็นผู้ชายเหมือนกัน แล้วไอ้ดีนมันยังเป็นนักร้องที่เกาหลี ถ้าเรื่องมันถูกขุดมาจะเป็นเรื่องใหญ่นะคะ”


                  “ผมเข้าใจเรื่องที่คุณแม่ไม่สบายใจครับ” พี่แทนพูดตอบเสียงนุ่มตามสไตล์ เขาพยายามทำให้แม่มั่นใจ


                  “แต่ผมรอดีนได้ ผมรักดีนเงียบๆได้ ผมจะรอจนกว่าดีนจะหมดสัญญากับค่ายที่เกาหลีและกลับมาทำงานที่ไทย”


               เรื่องนี้ผมคุยกับพี่แทนแล้วครับ เหลือระยะเวลาในสัญญาอีกสี่ปี ผมจะเก็บเงินกลับมาทำธุรกิจอะไรสักอย่างหรือมารับงานในไทย และถ้าวันนั้นเราทั้งคู่ยังรักกันอยู่ เราก็จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน


              แม่สบตากับพี่แทน มองเห็นความมุ่งมั่น มั่นคงจากดวงตาของเขา แม่จึงถอนหายใจอีกครั้งและพยักหน้าไฟเขียว ผมกับพี่แทนหันมายิ้มและกอดกันด้วยความสบายใจ


             “ยิ้มอะไรครับสุดหล่อของพี่”


             พี่แทนหอมแก้มดังฟอด ดึงผมจากภวังค์ ผมหันไปยิ้มให้เขา


              “คิดถึงวันที่พี่แทนบุกไปหาแม่แล้วสารภาพว่าแอบเจาะไข่แดงลูกชายแม่ นึกว่าแม่จะส่งสากบินใส่หัวพี่แทนแล้ว”


              “ไม่หรอก ความจริงพี่ว่าแม่ก็คงระแคะระคายอยู่แล้ว แม่ของดีนฉลาดจะตาย เพียงแค่เราไม่ได้บอกความจริงให้แม่มั่นใจแค่นั้นเอง แต่ความรักที่พี่มีให้ดีนทำให้แม่เชื่อมั่นแล้วก็ยกดีนให้พี่”


               “ถ้าผมไม่ยอมเป็นของพี่ล่ะ”


               ท้าทายอำนาจมืดฮะ ช่วงนี้อยากเรียนศาสตร์มืด ได้ผลทันที ไอ้พี่แทนส่งเสียงขู่ในลำคอ เขารวบตัวผมให้หงายหลังลงบนเตียงแล้วทับไว้จนไม่มีทางหนีได้ ฮือ อย่าเสกคาถาพิฆาตใส่ผมนะ


              “พี่ก็จะปล้ำดีน ปล้ำจนกว่าจะยอมเป็นของพี่”


             ผมหัวเราะคิกคัก หน้าอย่างนี้คิดจะลองเล่นบทโหด โว้ย น่ากลัวตายล่ะ


             “งั้นไม่ยอมดีกว่า พี่แทนจะได้ปล้ำผม อิอิ”


              พี่แทนหลุดเก๊กหัวเราะออกมาจนได้  เขาบีบจมูกผมเบาๆ พลางมองสายตาฉ่ำเชียวฮะ


             “ดีนจะยอม หรือดีนจะไม่ยอม พี่ก็ปล้ำดีนอยู่แล้ว อย่ามัวแต่ชวนคุยเลยครับ เสียเวลาเปล่าๆ”


              ดื่มเบียร์เข้าไปนี่คารมคมคายเนอะ แถมจูบที่กดลงมายังร้อนแรงกว่าทุกครั้ง อากาศที่ว่าเย็นกลายเป็นอุ่นจัดเพราะแรงกอดของเขา ผมยกแขนคล้องรอบท้ายทอยเพื่อให้พี่แทนจูบผมได้ดื่มด่ำมากขึ้น


              “ถอดเสื้อให้พี่นะครับคนเก่ง”


              ออดอ้อนขนาดนี้ ทำตาพราวใส่ขนาดนี้ กูไม่ทนแล้วครับ ไอ้เสื้อคอโปโลเกะกะของพี่แทนถูกผมดึงผ่านหัวไปทันที มองเห็นกล้ามฟิตของเขาที่ออกกำลังกายเตรียมจะไปเทคคอร์สที่หน่วยซีล แหมะ น้ำลายหกเลยกู


                 ยื่นมือไปวางแนบแผ่นอกของพี่แทนแล้วลูบไล้ไปมา พี่แทนมองตามมือของผมที่เลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งผมคว้าหมับที่ไอ้เจ้าหนอนน้อย บีบคอหนอนเบาๆไม่กี่ทีแม่งตื่นขึ้นมาเชียว


               “ยั่วพี่เหรอดีน”


                เสียงพี่แทนแหบต่ำ ฟังเหมือนพูดไม่ค่อยออกแล้วครับ ผมเอียงคอยิ้มเก๋ใส่เขา


               “ยั่วขึ้นไหมล่ะครับ”


              ไอ้พี่แทนส่งเสียงเหมือนสิงโตคำรามใส่เหยื่อ และใช่ เหยื่อคือผมเอง ฮือ แวบเดียว แค่เสี้ยวลมหายใจเขาก็จับผมแก้ผ้าหมดทั้งตัว ตอนนี้เองที่เขาขย้ำผมอย่างมันเขี้ยว


               “อึก พี่แทน เบาซี่ เสียวครับ”


              แค่เริ่มจากเขาโลมเลียผมด้วยลิ้นและปากผมก็แทบตัวลอยไม่ติดที่นอนแล้วครับ ปากอุ่นร้อนฉ่าเพราะฤทธิ์เบียร์วาดลวดลายอยู่บนตัวผม ตรงโน้น ตรงนี้ ทั้งขบทั้งเม้ม โอย กู จะขาดใจตายอยู่แล้ว





มี่ต่ออีกนิด....





หัวข้อ: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> ตอนจบ [04/12/61] ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 04-12-2018 22:54:32


อ่านต่อตรงนี้...



              “เมียพี่หล่อจริงๆ เมื่อก่อนเกณฑ์ทหารยังตัวเป็นขี้ก้างอยู่เลย ตอนนี้ฟัดได้เต็มไม้เต็มมือแล้ว”


               พี่แทนเอ่ยชมขณะป้วนเปี้ยนอยู่แถวท้องน้อย ผมเผลอผวาเมื่อไอ้ลูกชายถูกเขากินเข้าไปเต็มปาก


               “อูย ซี้ด ผมแกล้งทำผอมหรอกน่า ความจริงผมก็มีกล้ามเหอะ อ๊ะ ดูดเบาๆสิพี่”


               ผมนี่ถึงกับเด้งเอวเข้าใส่ปากเขา แวบเดียวน้ำก็พุ่งพรวดไม่ทันตั้งตัว ไอ้พี่แทนจัดการไปไม่เหลือสักหยดก่อนที่เขาจะชันกายขึ้นมาจับขาผมแยกออก เราสบตากันเมื่อพี่แทนดันเอวเข้ามา ผมผ่อนคลายรอรับอย่างรู้จังหวะ เราเข้าขากันมากแล้วช่วงนี้ เมื่อรวมร่างกันได้จนหมดพี่แทนก็หยุดพัก เขาโน้มตัวลงมาทาบทับอยู่บนตัวผม


               “พี่รักดีน ดีนรู้แล้วใช่ไหมครับ”


              เขาพูดพลางขยับเอว เชื่องช้าแต่ว่าลึกสุดโคนในทุกครั้ง ผมเม้มปากแน่นยกแขนขากอดเกี่ยวเขาไว้ทั้งตัว


             “อะ ฮึก รู้ครับพี่แทน อื้อ”


              “ดีนล่ะครับ รักพี่ไหมเอ่ย”


               จังหวะค่อยๆเร็วขึ้น ท่อนเนื้อของเขากวาดไปทั่วทุกมุม มือใหญ่ขยำก้นของผมจนน่าจะขึ้นรอยมือ ปากชื้นเม้มซอกคอระรานไปทั่ว โอย กูจะขาดใจตายแล้วครับไอ้พี่


             “ระ รักสิพี่ เหี้ย เสียวโว้ย”


              พี่แทนหัวเราะเบาๆ เขาเปลี่ยนท่าจับผมตะแคงข้างโดยมีเขาตะแคงซ้อนหลัง ผมยกขาจนแทบจะร้อยแปดสิบองศารองรับแรงกระแทก เสียงเซอร์ราวน์ดังรอบห้องเลยฮะงานนี้ ทั้งเสียงร้องระงมของผม เสียงหอบหายใจของพี่แทน แล้วก็เสียงตับตับตับ งู้ยยยยยย


              “ดีน พี่เสียวมากเหมือนกัน พร้อมกันนะครับคนเก่ง”


               จังหวะนี้ต้องมา ตัวเหมือนจะบิดเป็นเกลียวแล้ว ผมโยกบั้นท้ายเข้าสู้ พี่แทนก็สาดแรงเข้าใส่ ผมคว้าเจ้าลูกชายมารูดรั้งเมื่อมองเห็นแต่ดวงดาวแล้วตอนนี้


               “พะ พี่แทน จะ ไม่จะ มาแล้วโอ๊ย”


             เต็มมือเลยครับ พี่แทนเร่งเครื่องติดเทอร์โบตามมาทันที ได้ยินเขาส่งเสียงคำรามอยู่ข้างหู ผมที่สะเทือนไปทั้งตัวจนในที่สุดพี่แทนก็หยุดและกอดผมไว้เมื่อเราถึงสวรรค์กันทั้งคู่


             “ไอ้ดีน ไอ้สัส มึงกับพี่หมอแทนรุนแรงฉิบหาย ไม่เกรงใจกูบ้างนะ”


              เสียงไอ้กาวดังแว่วมาจากหน้าบ้าน ผมโผล่หัวทางหน้าต่างมองมัน เออดี แทนที่จะนอนอุ่นๆในบ้าน เสือกเอาเต็นท์มากางหน้าบ้านแล้วนอนตากลมหนาว


              “แล้วมึงกับพี่หมอเกื้อทำเหี้ยอะไรกัน ทำไมไม่นอนในบ้าน”


              “โห มึง มาถึงภูชี้ฟ้า เสือกมานอนอยู่ในบ้าน เซ็งตายห่า ต้องอย่างเมียกูโว้ย เตรียมพร้อมรับสถานที่ ขนเต็นท์มากางเองเลย ว่าแต่มึงเหอะ เสียงแม่งดังมาข้างนอก อะฮื้อ อะฮื้อ อะไรของมึงน่ะ โปรดเกรงใจกูสักนิดครับ กูยังไม่ได้จัดเมียกูเลยนะ”


              มันโวยวายน่ารำคาญ ไม่รู้พี่หมอเกื้อยอมคบกับมันได้ไง ไอ้ห่านี่


              “แล้วมึงจะมาเสือกยืนฟังเสียงกูทำไม ยืนคอยห้วยเหรอ โน่น เข้าไปหาพี่หมอเกื้อของมึงในเต็นท์โน่น ชิ้วชิ้ว”


               ผมไล่มันแล้วก็กลับมานอนให้พี่แทนกอดต่อ เปลี่ยนบรรยากาศก็ยิ่งเร้าใจมากขึ้นอีก ปล่อยไอ้กาวให้เรื้อนต่อไปเถอะ ลำไย


               พี่แทนมองผมอย่างมีความหมาย เขาจูบผมเพื่อที่จะบอกว่า ความรักของเรายังไม่จบในราตรีนี้ ผมก็ได้แต่จูบตอบเพื่อบอกเขากลับว่า ผมพร้อมที่จะรับมือกับความรักของเขาทุกรูปแบบ ทุกคนครับ เลิกสนใจผมและไปสนใจไอ้กาวกับหมอเกื้อเถอะ ขอผมอยู่ตามลำพังจู๋จี๋กับสามีสุดที่รักในคืนหนาวอย่างนี้สักพัก เชิญเลยครับทุกคน




    Kao’s Part


                 ผมมุดทางเข้าเต็นท์เข้าไปข้างใน เจอเมียสุดที่รักนอนเล่นเกมมือถืออย่างเมามัน เด็กติดเกมนะเมีย


                “โห ไม่เอาสิครับหมอ เล่นแต่เกมอะ ไม่สนใจผัวเลย”


               งอนดิ งอน นอนหันตูดให้แดดเลย อ้าว นี่มันกลางคืนไม่มีแดด ขอโต้ด


               “นอนหันหลังให้แบบนี้ อดนะครับกาว”


               นี่ง้อ? เออ กูหันไปเองก็ได้


              “หมออ้ะ ได้ยินเสียงไอ้ดีนกับพี่หมอแทนหรือเปล่า เราต้องสู้คู่นั้นนะหมอ ไม่งั้นอายเลยนา”


              ผมกอดหมอแน่นหนาในเต็นท์เล็กๆ แต่ผ้าห่มแน่นพื้น เมียผมเตรียมงานมาดีครับ


             “ไม่อายผีสางเทวดาหรือไงกาว”


             หมอเกื้อวางโทรศัพท์ลงแล้วหันมากอดผมบ้าง หึหึ รักกูล่ะสิน้องหมวย


             “เฮ้ย ผีสางไม่มี เทวดาไม่มี นี่มันยุคส่งจรวดไปขัดบนดาวอังคารแล้วครับ มัวอายก็อดฟัดเมียน่ะสิ”


            หมอเกื้อหัวเราะจนสำลัก หน้าตาน่าดูเอ็น เอ๊ย เอ็นดู โว้ย กูขอดูเอ็นก็แล้วกัน


           “น้องหมวยของผม วันนี้เป็นหมวยเจ็บคอหรือครับถึงสำลักน้ำลายขนาดนี้ มามะ ผมจะรักษาคอให้หมอเอง”


             “ลองท่านี้ไหม”


            หมอเกื้อหยิบมือถือมาหารูปอะไรไม่รู้ส่งให้ผมดู เหี้ย ร้อยท่ากาลมสูตร!!


             “ตามหลักอนาโตมีแล้ว มันจะเข้าได้ลึกมากและกระตุ้นจุดรับสัมผัส....อื้อ กาว”


             ไม่ฟังบรรยายเหี้ยอะไรแล้วกู เห็นรูปแล้วยิ่งหื่น ผมจัดการจูบน้องหมวยของผมจนอ่อนระทวยแล้วค่อยจับแก้ผ้า โอยขนาดมืดๆยังขาวยิ่งกว่าไฟนีออนอีก


              “กะ กาว กาวครับ เข้ามาเหอะ”


           มองกูตาหวานเชียว สงสัยน้องหมวยจะยังเจ็บคออยู่ ผมต้องรักษาขั้นสุดด้วยการผสานร่างกายแล้วปล่อยน้ำพิสุทธิ์สินะ


              “โว้ย หมอ”


              ช่องทางของหมอเกื้อคับแน่นเหมือนทุกครั้ง ผมสะบัดร้อนสะบัดหนาวไปทั้งตัว ต้องแก้อาการด้วยการดึงออกแล้วแทงเข้าไปใหม่ หมอเกื้อถึงกับยกขาพาดบ่าผมอ้ะ


               “กาว อื้อ แรงได้นะครับ”


               “หมอครางชื่อผมก่อนสิ”


             “ไม่เอา ผมอาย”


            “ผัวเมียกันน่า อายทำไม นะครับ อยากได้ยินเสียงหมอ”


               ลูกอ้อนกูก็มีครับ เอาไว้ใช้ช่วงคาบลูกคาบดอกแบบนี้แหละ หมอเกื้อกลั้นเสียงเก็บแรงเฮือกหนึ่งแล้วค่อยส่งเสียงเข้ากับจังหวะที่ผมออกแรงใส่


              “อื้อ กาว กาวจ๋า กาวครับ รักกาวจังครับ”


             โว้ยยยย ฟินนนนน เมียบอกรัก อิอิ แล้วจะรออะไรล่ะ จัดหนักสิครับ


             “ลุยกันเลยหมอ สวรรค์รอเราอยู่ ฮึบ ฮึบ”


              เยสสส หมดแรงเลยกู


              น้องหมวยของผมตาลอยคว้างก่อนจะหอบหายใจหนัก เปลือกตาปรือปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อน อย่างว่าแหละ เมียผมเลี้ยงง่าย กินอิ่มนอนหลับ ผมกอดหมอเกื้อพลางห่มผ้าให้เขา


                “รักนะครับหมอ ฝันดี ฝันถึงผมด้วยนะ น้องหมวยของผม”


                ผมจูบแก้มหมอเกื้อ แล้วค่อยหลับตาลง เฮ้อ รักหมอจังเลย




                                                              จบแล้ว



เนื่องจากเรื่อง ผมจะไปเกณฑ์ทหาร เป็นนิยายที่แต่งขึ้นเพื่อลดความเครียดตอนแต่งวิมานไม้สน ก็ไม่นึกว่าจะมีคนอ่านเยอะ 555 ขอยาดตัดจบแค่นี้ก่อนเพราะจะไปแต่ง หัวใจขายฝาก แต่สัญญาว่าจะแอบไปแต่งเพิ่มแล้วรวมเล่มขายเดือนเมษายน ช่วงที่ ผมกำลังจะกลับบ้าน พี่วันน้องชินของเราครบรอบ 2 ปี

                                                     ขอบคุณแควนๆทุกท่านจ้า








                                                 o14 o14 o14 o14 o14 o14 o14







หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> ตอนจบ [04/12/61] ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-12-2018 23:05:05
น่ารักกันดีค่ะ
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> ตอนจบ [04/12/61] ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 05-12-2018 00:09:40
จัดหนักกันทั้งสองคู่เลย
แล้วคู่เจ้าของรีสอร์ทจะยอมแพ้ได้เหรอ
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> ตอนจบ [04/12/61] ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: _tosssalad ที่ 05-12-2018 01:59:36
เนื้อเรื่องน่าสนใจดี แต่แอบคิดว่าจบเร็วไปนิ๊ดนึง  :pig4: o13
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> ตอนจบ [04/12/61] ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-12-2018 06:40:13
จบอย่างมีความสุข ทั้งสองคู่ ............  :m25:
แบบยอดภูระงมด้วยเสียงกระเส่าเลย  :z1: :pighaun: :haun4:
คำผวนก็โปรยปรายตามมาซ้า  :-[
แอบนึว่าจะมีคู่ของพี่วัน ชิน มาร่วมครางด้วย  :เฮ้อ:

พี่แทน ดีน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
กาว หมอเกื้อ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์ มากๆ




หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> ตอนจบ [04/12/61] ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-12-2018 11:06:51
ตลกทั้ง 2 คู่เลย 555
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> ตอนจบ [04/12/61] ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 05-12-2018 11:09:33
นี่มันอะไรรรรรร.  พี่วัน-ชินแหละ.  มานิดๆจิตแจ่มใส

ว่าแต่อยากเห็นตอนปลดประจำการกันจัง
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> ตอนจบ [04/12/61] ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 05-12-2018 11:21:21

น่ารัก

สบายๆ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> ตอนจบ [04/12/61] ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 05-12-2018 14:39:42
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> ตอนจบ [04/12/61] ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 07-12-2018 13:51:23
ชอบทั้งสองคู่เลย :o8:
พี่แทนกับน้องดีนนี่ไม่มีใครยอมกัน ส่วนกาวคือตลกมาก คำพูดคำจาห่ามสุดๆ555555555
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> ตอนจบ [04/12/61] ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 07-12-2018 16:56:56
แสบ แซ่บทุกคู่ :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> ตอนจบ [04/12/61] ย้ายได้เลยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-12-2018 22:40:38
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: <<ผมจะไปเกณฑ์ทหาร>> #นิยายอ่านนอกเวลา
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-07-2019 13:02:26
 :pig4: :pig4: :pig4: