———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)  (อ่าน 49464 ครั้ง)

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
« เมื่อ16-05-2018 23:15:12 »


***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

***************************************************************************************





POINT OF NO RETURN
โดย กระเหี้ยนกระหือรือ






“เลือดหนึ่งลิตรฉันรับซื้อที่สองหมื่นบาท แก้วตาเหมาสองข้างแปดหมื่น ย้ำว่าเหมา กระดูกเก้าหมื่น”  ไม่จำเป็นต้องกางแผ่นพับก็จำได้ขึ้นใจ จะเป็นนายคนก็ต้องรู้จักเรียนรู้ ไม่ใช่ขี้หมูขี้หมาที่ขึ้นมาสูงสุดได้เพราะแค่หน้าตาดี อาชามีสมองและมีฝีมือ เสียงลือเสียเล่าอ้างยังบอกอีกว่ามีเสน่ห์เหลือร้าย ระหว่างพูดก็นั่งสบสายตาคู่สนทนาตลอด   

“ปอดฉันให้ได้มากสุดห้าแสน แต่นายต้องไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน ส่วนตับขาดตัวสองแสน หรือถ้านายอยากขายเป็นอวัยวะอย่างอื่นก็ลองเสนอมาได้ ฉันจะให้ราคาตามสม…”

“แล้วถ้าฉันขายทั้งตัวล่ะ”  เสียงหวานแทรกขึ้นมากลางคัน ถามหน้าตายสยบได้ทุกความเคลื่อนไหว

อาชาพยายามจะตีความหมาย หมายความว่าจะขายอวัยวะทุกชิ้นในร่างกายน่ะเหรอ ขอรอฟังอีกรอบชัด ๆ

หมายถึงขายตัวน่ะ …ขายให้กับนาย

คราวนี้พ่อค้าอวัยวะได้ยินถนัดเต็มสองรูหูก่อนจะรู้สึกว่าประเมินอีกคนต่ำไป เห็นหน้าซื่อตาใส ดูท่าจะร้ายใช่เล่น 







สารบัญ – POINT OF NO RETURN



ติดตามข่าวสาร
◕‿◕。 นิยายที่แต่งจบแล้ว ---> เหมายัน  ลั่นดาล 




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2018 22:10:27 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ————
«ตอบ #1 เมื่อ16-05-2018 23:20:42 »

PROLOGUE




แม้ว่าใครหลายคนจะมองว่า “กรุงเทพมหานคร” เป็นเมืองแห่งความวุ่นวาย รถติด ชีวิตไม่มีความปลอดภัยและไม่น่าอยู่เอาซะเลย แต่กรุงเทพก็เคยคว้าตำแหน่งเมืองจุดหมายปลายทางที่คนมาเยือนมากที่สุดในโลก เป็นความผกผันที่ยากจะอธิบาย คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า วัน ๆ จึงมีชาวต่างชาติแวะเวียนมาเที่ยวในประเทศอย่างไม่ขาดสาย 

บนรถไฟฟ้ากลายเป็นแหล่งรวบรวมคนหลากหลายสัญชาติศาสนาไว้ด้วยกัน เหมือนสถาบันสอนภาษาเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะผิวสีหรือผิวขาว ไม่ว่าจะเป็นชาวตะวันออกหรือชาวตะวันตกก็เดินกันให้ขวักไขว่ คงเพราะขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแลนด์ออฟสมาย ใครก็อยากมาสัมผัสความรู้สึกนั้นด้วยตัวเอง ตั้งแต่เด็กไปจนผู้ใหญ่

แม้จะมีข่าวอาชญากรรมเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน แต่ก็ไม่อาจนำมาลดทอนความมีเสน่ห์หรือคุณค่าทางอารยธรรมได้ ในยุคที่ข้าวยากหมากแพง กรุงเทพก็ยังถือเป็นแหล่งเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หลายคนจำจากบ้านมาไกลเพื่อหวังจะได้ทำงานดี ๆ แต่ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงใช่ว่าทุกคนจะเลือกอาชีพได้ บางคนก็ถูกชะตาฟ้าลิขิตไว้แบบนั้น

งานผิดกฎหมายมีให้เห็นถมเถไป แต่ที่จะกล่าวถึงไม่ใช่อาชีพอย่างว่า ไม่ใช่การค้าประเวณี ไม่มียาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง หัวใจหลักของอาชีพนี้คือความสมัครใจ ไร้การบังคับพร้อมทั้งรับเงินก้อนไป เพียงแค่แลกกับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายเท่านั้น  ‘ธุรกิจค้าอวัยวะเถื่อน’ กำลังรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในตลาดมืดและเติบโตขึ้นทุกวัน เดิมทีมีจุดเริ่มต้นที่จีนแผ่นดินใหญ่ก่อนจะขยายกิจการมายังประเทศไทยและอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ ‘อาชา’

ชายเจ้าของสมยานาม ‘อาชาค้าอวัยวะ’ เลือกจะหันหลังให้กับกฎหมาย ได้คุมกิจการตั้งแต่อายุย่างยี่สิบแปดจนตอนนี้ย่างยี่สิบเก้า ทั้งที่หล่อเหลาเอาการจนสามารถใช้หน้าตาทำมาหากินไปได้ทั้งชีวิตกลับเลือกทำธุรกิจที่ขัดต่อจริยธรรมและล่ำซำจากการมองดูคนแล้วคนเล่าเข้ามาเซ็นสัญญาขายอวัยวะแลกสตางค์   

ถือคติใครใคร่ขายก็ขาย การแลกเปลี่ยนจะไม่เกิดขึ้นหากผู้ขายไม่ตกลงเซ็นเป็นลายลักษณ์อักษรและก่อนเซ็นต้องเข้าใจว่าจะไม่สามารถกลับมาเรียกร้องได้ทีหลัง ก็อย่างที่บอกไปว่าอาชีพค้าร่างกายยังไม่เป็นที่ยอมรับบนดิน ยังถือเป็นธุรกิจผิดกฎหมาย แต่คนคุมกิจการมานานก็สามารถทำให้มันถูกต้องได้ด้วยการจ่ายเงินคุณตำรวจในท้องที่ทุก ๆ เดือน 

“คนต่อไป”  ปกติแล้วชายฉกรรจ์จะคอยทำหน้าที่เรียกคิว เจ้านายปล่อยให้ลิ่วล้อทำงาน นั่งรอยายเซ็นลายมือแทนหลานแล้วสั่งให้ลูกน้องพาทั้งสองคนไปห้องผ่าตัดซึ่งมีอุปกรณ์ครบครัน จำลองมาจากโรงบาลฯพร้อมหมอภาคสนาม 

ถ้าถามว่าสองยายหลานมาทำอะไร ด้วยความจนจัดยายเลยพาหลานมาขายแก้วตาหนึ่งข้าง ทั้งที่ปกติแล้วมีนโยบายเหมาสองข้างแต่เผอิญเห็นว่าเป็นแก้วตาเด็ก ยิ่งเล็กยิ่งดี ซื้อมาแค่ไม่กี่หมื่นบาทแต่ขายทอดตลาดมืดได้เป็นแสน

“ไปดูข้างนอกไป เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเอง”  กระทั่งมีคำสั่งให้ย้ายก้น คนยืนค้ำหัวเอ่ยเสียงเรียบแล้วใช้เท้าเขี่ยลูกน้องอย่างเสียมารยาท ชายฉกรรจ์รีบลุกจากที่อย่างรวดเร็วและไม่ลืมค้อมหัวให้เจ้านายที่เพิ่งกลับเข้ามาในห้องหลังจากออกไปยืนคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงอยู่นานสองนาน

อาชานั่งลงบนโซฟานวมสีน้ำตาลแล้วพาดขาไขว่ห้างระหว่างหยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋าสูท แค่คาบไว้กับปาก ลูกน้องก็รีบเข้ามาบริการจุดไฟที่ปลายมวนยาสูบให้อย่างรู้หน้าที่ก่อนจะปล่อยให้เจ้านายอัดนิโคตินเข้าปอดตามสบาย ไม่มีใครกล้าเตือนว่าให้ระวังมะเร็งเพราะกลัวหัวตัวเองจะหลุดจากบ่า แค่ยืนก้มหน้ามองปลายเท้าขณะเจ้าของความสูงร้อยแปดสิบเก้ามอมเมาตัวเองด้วยการรมควัน พ่นมลพิษผ่านจมูกที่สูงโด่งเป็นสันจนควันลอยกระจัดกระจาย แต่สีนัยน์ตาเฉดเดียวกับบรั่นดีก็ยังปรากฏเด่นชัดท่ามกลางควันที่พยายามบดบัง สีผมที่ดำสนิทอย่างกับถ่านตัดกันลงตัวกับผิวสุขภาพดี

กล่อมตัวเองจนมีอารมณ์ทำงาน  “…คนต่อไป”  จึงเอ่ยเสียงดังฟังชัด สั่งคนด้านนอกให้ปล่อยลูกค้าเข้ามา 

บานประตูที่เคยปิดไว้ถูกเลื่อนออกด้านข้างโดยฝีมือชายร่างเพรียวบางที่ก้าวเท้าเข้ามาอย่างสงบนิ่งและไม่ลังเลที่จะนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผู้ชายตัวใหญ่ไหล่กว้างอย่างกับมหาสมุทร สุภาพบุรุษซึ่งสวมชุดสูทสีดำกับเสื้อเชิ้ตเทาด้านใน

 “จะขายอะ… ไรล่ะ”  อาชาเว้นวรรคคำพูดชั่วอึดใจ นึกว่าตัวเองตายแล้วไม่ก็ตาฝาด

บรรยากาศมันไม่ต่างจากงานพบปะระหว่างซาตานกับนางฟ้าที่ยอมลดตัวมาเยือนในสถานที่โกโรโกโสเป็นอย่างยิ่ง ลังเลว่าจะแทนตัวอีกคนว่าเธอหรือนายเพราะไม่แน่ใจว่าเป็นชายหรือหญิง ยิ่งนัยน์ตากลมโตจ้องกลับมาอย่างแน่วแน่ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกำลังจะพ่ายแพ้ให้กับความงดงาม ความขาวที่ทำเอาสายพร่าเลือน 

จนต้องเตือนตัวเองว่าอย่าได้หลงกลง่าย ๆ สายสืบในหนังก็มักจะหน้าตาดี บางทีข่าวรสนิยมทางเพศของตัวเองอาจจะรั่วไหลออกไป คู่แข่งทางการค้าอาจรู้ว่าตนชอบผู้ชายหน้าสวยเป็นพิเศษ เห็นทีว่าจะต้องระวังตัวไว้ให้มาก ๆ

แต่ลึก ๆ แล้วจะต้องยอมรับว่าคนตรงหน้าตรงตามสเป็คตัวเองแทบทุกอย่าง เคยนอนด้วยทั้งหญิงและชาย แต่ก็ไม่เคยมีใครผ่านเกณฑ์ครบทุกข้อ ส่วนมากก็สวยพอแก้ขัด นาน ๆ ทีจะเจอช้างเผือกในป่าใหญ่ ทั้งริมฝีปากกระจับที่รับกับปลายจมูกเชิดขึ้นอย่างดื้อรั้น ไหนจะสีตาน้ำตาลอ่อน แถมขนตายังยาวงอนตอนกะพริบตาจะยิ่งเห็นชัด

เทพธิดา นางฟ้านางสวรรค์มีนามว่า  ‘เฟยฮวา’  นอกจากนั่งกะพริบตาก็แทบจะไม่ขยับเขยื้อนส่วนใด   

“แล้วจะขายอะไร เพิ่งเคยมาครั้งแรกใช่ไหมสินะ” 

จะว่าแปลก ๆ ก็ใช่ ไม่บ่อยนักที่จะมีคนเนื้อตัวสะอาดสะอ้านเข้ามาขายอวัยวะ แถมหน้าตาผิวพรรณก็ไม่ได้บ่งบอกว่าขัดสนตรงไหน เกณฑ์การแต่งตัวก็อยู่ในระดับมีอันจะกิน ติดที่ว่าดูหยิ่งทระนงไม่เบา 

อาชาเข้าใจว่าลูกค้าอาจจะขัดเขิน เดินเข้ามาใช้บริการครั้งแรกก็เงียบเป็นเป่าสากเหมือนกันทุกคน ดังนั้นในฐานะเจ้าของกิจการจึงเริ่มต้นอธิบายราคาซื้อขายให้ฟัง เจ้าของร่างเพรียวบางจะได้เอาไว้ใช้ประกอบการตัดสินใจ

“เลือดหนึ่งลิตรฉันรับซื้อที่สองหมื่นบาท แก้วตาเหมาสองข้างแปดหมื่น ย้ำว่าเหมา กระดูกเก้าหมื่น”  ไม่จำเป็นต้องกางแผ่นพับก็จำได้ขึ้นใจ จะเป็นนายคนก็ต้องรู้จักเรียนรู้ ไม่ใช่ขี้หมูขี้หมาที่ขึ้นมาสูงสุดได้เพราะแค่หน้าตาดี อาชามีสมองและมีฝีมือ เสียงลือเสียเล่าอ้างยังบอกอีกว่ามีเสน่ห์เหลือร้าย ระหว่างพูดก็นั่งสบสายตาคู่สนทนาตลอด     

“ปอดฉันให้ได้มากสุดห้าแสน แต่นายต้องไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน  ส่วนตับขาดตัวสองแสน หรือถ้านายอยากขายเป็นอวัยวะอย่างอื่นก็ลองเสนอมาได้ ฉันจะให้ราคาตามสม…”

“แล้วถ้าฉันขายทั้งตัวล่ะ”  เสียงหวานแทรกขึ้นมากลางคัน ถามหน้าตายสยบได้ทุกความเคลื่อนไหว

อาชาพยายามจะตีความหมาย หมายความว่าจะขายอวัยวะทุกชิ้นในร่างกายน่ะเหรอ ขอรอฟังอีกรอบชัด ๆ

“หมายถึงขายตัวน่ะ …ขายให้กับนาย” 

คราวนี้พ่อค้าอวัยวะได้ยินถนัดเต็มสองรูหูก่อนจะรู้สึกว่าประเมินอีกคนต่ำไป เห็นหน้าซื่อตาใส ดูท่าจะร้ายใช่เล่น 














----------------------------------------------------
Tag  #PONR  #เดินหน้าลูกเดียวไม่มีเหลียวหลัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2018 23:28:51 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.II (16/05)
«ตอบ #2 เมื่อ16-05-2018 23:27:38 »

II




“ที่นี่ไม่ใช่ซ่อง” 

บอกเสียงดังเพื่อให้เข้าใจตรงกัน ประกาศกร้าวให้ได้ยินโดยทั่ว อาชาแสดงออกถึงความหัวเสียและไม่สบอารมณ์อย่างชัดเจน หงุดหงิดหลังคิดว่าคนตรงหน้าคงแค่เข้ามาล้อเล่น สงสัยเห็นเป็นเพื่อนเลยนึกจะเข้ามากวนเวลาทำมาหากินของตนยังไงก็ได้ ซึ่งก็เคยมีหลายคนเข้ามาทำให้รำคาญ แล้วก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่กลับบ้านไปแบบไม่ครบสามสิบสอง

“แต่ฉันยังไม่เคยเลยนะ”  รู้ว่ากำลังอวดอ้างสรรพคุณแบบผิดที่ผิดทาง แต่คนทำสีหน้าจริงจังเองก็ไม่มีเวลาแล้วเหมือนกัน แม้จะเกลียดการต้องมาทนนั่งดมกลิ่นบุหรี่จนเริ่มคัดจมูกตามประสาคนเป็นภูมิแพ้ แต่ชายหนุ่มตรงหน้านับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เฟยฮวาจึงไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ   

“ใครก็ได้มาช่วยลากหมอนี่ออกไปหน่อย”  แต่ความหวังก็ต้องมีอันสลาย เพราะอาชาดันออกคำสั่งแบบตัดเยื่อใยและนั่นทำเอาร่างเพรียวบางนั่งไม่ติด เฟยฮวาคิดยื้อเวลาขณะมีชายสองคนเข้ามาหิ้วปีก คนแรงน้อยกว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงการถูกลากได้เลย พยายามขืนแรงฉุดไว้เพราะไม่อยากให้ทุกอย่างลงเอยที่คำว่าสูญเปล่า  “นายฟังฉันก่อน!”   

“เห็นทำธุรกิจแบบนี้แต่ฉันก็มีจรรยาบรรณพอนะ”  พ่อค้าอวัยวะเอ่ยเสียงเย็น ไม่มีเวลามาเล่นด้วยกับใคร  “ถ้าไม่ขายอวัยวะก็ออกไป”  ขณะกลับมานั่งสูบบุหรี่อีกครั้ง มือใหญ่ก็ควักบางอย่างออกมาจากขอบกางเกงด้านหลังและวางมันลงบนโต๊ะแก้วแผ่วเบา ให้กระบอกปืนสีดำขลับกล่าวคำขู่แทน

“อย่าทำให้ฉันต้องอารมณ์เสีย”  คลุกคลีกับวงการมาเฟียมานานจนสามารถแตะต่อยปล่อยหมัด ปืนก็เป็นอีกอาวุธสังหารที่ถนัดใช้และไม่ใช่ประเภทยิงมั่วสุ่มสี่สุ่มห้า ทุกนัดจะต้องมีความหมาย ยิงหนึ่งนัดที่ขาเพื่อทำให้เหยื่อล้มลงและชะงัก หลังจากนั้นก็จะเล็งที่กระหม่อมยอมเสียอีกนัดเพื่อให้เหยื่อไปพบยมบาลโดยเร็ว  “แล้วถ้าอยากขายมากนัก โน่น เดินไปอีกสองซอย อย่างนายคงขายได้อยู่แล้วล่ะ เอาไว้ว่าง ๆ ฉันจะไปใช้บริการ” 

อาชาปัดมือในอากาศเป็นสัญญาณไล่และเฟยฮวาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน เหมือนเดินเข้าซอยตันและด้วยความกะทันหันทั้งทีรู้ว่าอาจตายได้เพราะปากตัวเอง แต่ถ้าหากลองอวดเก่งสักหน่อย ผลพลอยได้ก็คือจะมีเวลาเจรจาเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นเลยเลือกเอ่ยในสิ่งที่เป็นปรปักษ์กับพ่อค้าอวัยวะ  “งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”   

ได้ผล… อาชาบอกให้ลูกน้องทุกคนถอยห่างจากร่างบางทันควัน สร้างระยะห่างที่แสนอึดอัดแล้วงัดปืนขึ้นมาคนละกระบอกสองกระบอก  “นะ…นายทำธุรกิจผิดกฎหมายนี่”  ท่าทีใจกล้าดูจะเป็นแค่การแสดงละครตบตาล้วน ๆ

พอเจอปลายกระบอกปืนเล็งเข้าหน่อยก็พลอยหน้าซีด ความตายอยู่ชิดขมับโดยมีชายฉกรรจ์จ้องหน้าว่าถ้าขยับมีตาย  “ซื้อตัวฉันไปแล้วฉันจะไม่แจ้งตำรวจ จริงๆ” 

“ดูท่าจะฟังภาษาคนไม่ค่อยรู้เรื่องสินะ มาจากไหนน่ะเรา”  ถามไถ่ราวกับสนใจ พ่อค้าอวัยวะคว้าปืนและขึ้นยืนยืดเส้นยืดสาย ในมือก็พลิกปืนไปมาราวกับมันเป็นของเล่น  “ฉันพูดภาษานางฟ้าไม่เป็นหรอกนะ”

อาชาย่างก้าวเข้าใกล้คนปากเก่ง ตัวเล็กแต่ใจใหญ่ใช้ได้ แต่ก็ยังเล็กเกินไปเมื่อยืนเทียบกับขนาดตัวของพ่อค้าอวัยวะ แม้เห็นมุมปากบางเฉียบขยับแต่นัยน์ตาไม่เคยยิ้มตาม ยิ่งยามหันปลายกระบอกปืนจ่อหน้าผากมนของคนสูงร้อยเจ็ดสิบตอนต้น ก็ไม่เหลือแววตาซุกซนอีกเลย  “ถ้าคิดว่าจะได้มีชีวิตออกไปบอกตำรวจก็เอาสิ”

“นายจะไม่ฆ่าฉันหรอก”  บอกออกไปทั้งที่ภายในใจก็หวาดหวั่น ไม่มีอะไรการันตีความปลอดภัย เฟยฮวาไม่ยอมกะพริบตาขณะได้ยินเสียงปลดล็อก นัยน์ตาที่ผู้คนมักบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันดูเศร้ากล้าสบนัยน์ตาแข็งกร้าวของอาชาตรง ๆ อย่างไม่กลัวอันตราย เพราะไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างก็ต้องตายทั้งเป็นอยู่ดี 

“ถ้านายฆ่าฉันที่นี่ ทุกคนที่อยู่ด้านนอกก็จะได้ยินเสียงปืน พอมีคนแตกตื่นคราวนี้เรื่องก็อาจถึงหูตำรวจก็ได้ แล้วสุดท้ายนายก็จะถูกสอบสวน ธุรกิจผิดกฎหมายของนายจะต้องหยุดชะงัก …จริงไหม”

“ฉลาดดีนี่”  เกือบจะปรบมือให้ ติดที่ว่ามือไม่ว่างกำลังถือปืน

อาชาพยักหน้าเหมือนเข้าใจและเห็นด้วยกับประโยคยืดยาวเหล่านั้น 

นัยน์ตาของเฟยฮวาค่อย ๆ ปรากฏประกายแห่งความหวัง ยิ่งเมื่อพ่อค้าอวัยวะลดปืนลงแล้วหันหลังให้ก็แอบดีใจไปล่วงหน้า อาชาใช้เวลาคิดสักครู่ดูท่าจะใจอ่อน ก่อนที่เวลาต่อมาจะทำให้ร่างบางดีใจเก้อด้วยการออกคำสั่งใหม่ล่าสุด พูดง่าย ๆ เหมือนให้พาลูกแมวจอมเชิดออกไปเดินเล่น  “งั้นพวกแกอุ้มหมอนี่ออกไปฆ่าที่อื่นไป”

“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวสินาย ปล่อยฉัน!”  เรื่องความดื้อรั้นยกให้เป็นที่หนึ่งในชั่วโมงนี้ ร่างเพรียวบางมีคุณสมบัติคุณหนูที่ถูกตามใจอยู่ตลอด แถมตอนโดนลูกปืนเล็งหัว สีหน้าก็ไม่ได้ดูกลัวตายเท่าไหร่ จนอาชาอดนึกเฉลียวใจไม่ได้ 

“หรือว่านายเป็นสายให้ตำรวจ” 

บุกเดี่ยวเข้ามาแบบนี้ถ้าไม่มีแบล็คดีก็ต้องพอมีฝีมือเอาตัวรอดได้ หรือแท้ที่จริงแล้วอีกคนไม่ได้ตั้งใจจะขายตัวอย่างปากว่า พ่อค้าอวัยวะเองก็ชักสนใจ ว่าจะรอดูอยู่ว่าเมื่อไหร่ไอ้ท่าทางจองหองจะเปลี่ยนเป็นร้องกระจองอแง 

แค่อาชาส่ายหน้าน้อย ๆ ลูกน้องก็ทยอยเก็บปืนจนครบทุกกระบอกแล้วย้ายไปยืนซ้อนด้านหลังร่างเพรียวบางระหว่างคุมเชิงและปล่อยให้เจ้านายจัดการต่อ  “ตกลงใครส่งนายมา”

“ฉันเปล่า”  คนถูกปรักปรำหาว่าเป็นสายลับปฏิเสธทันที เฟยฮวาเชื่อว่าบนโลกมีคนตาถั่วเป็นร้อยเป็นพัน เห็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ วัน ๆ นึงมีคนเข้าใจผิดเรื่องราวตั้งมากมาย แต่ไม่เคยคิดว่าชายหนุ่มที่เป็นถึงเจ้าคนนายคนจะมองสภาพคนหนีร้อนมาพึ่งเย็นอย่างตนไม่ออก จะยอมบอกเหตุผลให้ทราบก็ต่อเมื่ออีกคนรับประกันความปลอดภัย แต่ในเมื่อยังตกลงกันไม่ได้ ร่างบางจึงเลือกเงียบไว้และนั่นกลายเป็นยิ่งทำให้เจ้าของธุรกิจค้าอวัยวะเถื่อนคิดหนัก

อาชาจงใจจะดัดหลังอย่างชัดเจน  “ได้ยินว่าพวกสายของตำรวจต้องฝึกมาหนักใช่ไหม”  ไหน ๆ วันนี้ฤกษ์งามยามดีก็เสียหมด เจอคนกวนประสาทก่อนก็ต้องเล่นกลับ เดี๋ยวจะถูกเหยียดหยามได้ว่าไม่มีน้ำยา เกิดใครเอาไปโพนทะนาว่าแพ้ให้กับผู้ชายหน้าตาน่ารักแล้วจะเสียชื่อ  “แล้วทำอะไรเป็นบ้างล่ะ”

คนถือปืนยืนห่างอยู่หนึ่งเมตร สามารถเห็นนัยน์ตาถือดีถนัดจนอยากกลั่นแกล้ง  “เตะต่อย ยิงปืนหรือใช้มีดดี”  คนเป็นนายทำมือขอมีดจากลูกน้องและเดินเข้ามามอบของมีคมให้กับร่างบางเองกับมือ  “เลือกลูกน้องฉันมาสักคนสิ ถ้าสู้ชนะจะยอมบอกความลับให้หรือถ้าเกิดทำให้ฉันพอใจได้ ฉันอาจจะยอมซื้อตัวนายด้วย” 

อาชาปิดประโยคคำพูดด้วยการยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่เฟยฮวารู้ว่ารอยยิ้มนั้นจอมปลอมสิ้นดี

คล้ายเวลามีการเจรจาธุรกิจพวกคิดคดก็จะยิ้มแบบนี้ทุกราย แน่นอนว่าไม่มีทางหลงกล  “แต่ฉันสู้ไม่เป็น”  ที่มาไกลขนาดนี้ได้ก็เพราะนิสัยเด็ดเดี่ยวทั้งนั้น มือที่ถือมีดรีบปล่อยมันตกลงพื้นพลางกล่าวยืนยันหนักแน่น  “แล้วฉันก็ไม่ใช่สายตำรวจด้วย” 

“ฉันจะแน่ใจได้ยังไง”  เห็นท่าทางไม่ยอมคนแล้วมันคันไม้คันมืออย่างประหลาด จะถือว่าการกระทำเมื่อครู่คือการท้าทาย ถ้ายกมือไหว้แต่แรกก็อาจจบด้วยดี แต่นี่มีอย่างที่ไหน มาขอให้คนอื่นเขาซื้อตัวแต่กลับทำท่าเหมือนจะไม่ยอมก้มหัวให้ใครเลย ชีวิตนี้เคยขอร้องใครจริง ๆ หรือเปล่า สงสัยจะเจอพวกคุกเข่าไม่เป็นอีกราย   

แต่เอาเข้าจริงก็ต้องยอมรับน่าสนใจมาก  “ใครจะรู้ว่าในกระเป๋ากางเกงนายอาจจะมีพวกเครื่องดักฟังหรืออะไรทำนองนั้น”  และถ้าร่างเพรียวบางกำลังใช้วิธีอวดดีเพื่ออัพราคา อาชาก็อยากตรวจดูสินค้าก่อนจะตกปากยอมรับซื้อจริง ๆ  “และเพื่อยืนยันว่านายไม่ใช่สายตำรวจ งั้นฉันขอแก้ผ้าตรวจดูหน่อยแล้วกัน”

วินาทีนั้นเฟยฮวาเพิ่งจะเผยโฉมความตระหนกเป็นครั้งแรกและมันก็ดูไม่แปลกเท่าไหร่ที่ผู้ชายหน้าหวานจะหวาดกลัวการจู่โจมของชายฉกรรจ์จากทุกทิศทุกทาง ร่างเพรียวบางเสียหลักล้มลงเมื่อพยายามห้ามผลักอกใครต่อใครให้ออกห่าง แม้ในชีวิตจะเคยถูกทำหยาบคายใส่หลายครั้งก็ยังไม่ชิน ไม่คิดจะทำใจคุ้ยเคยกับความรุนแรงและกำลังโกรธจนหน้าแดงก่ำ นั่งอยู่ท่ามกลางฝูงแร้งทึ้งถูกดึงจนเสื้อขาด ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนไปในวันวานอันน่าอดสู

เฟยฮวาเกลียดธุรกิจผิดกฎหมาย เกลียดใครก็ตามที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ แต่เหมือนยิ่งเกลียดก็จะยิ่งได้เจอกับสิ่งนั้น นึกเกลียดสถานที่นี้ เกลียดกลิ่นบุหรี่ เกลียดผู้คนที่กำลังสัมผัสร่างกายและเกลียดผู้ชายคนนั้นที่ยืนมองอย่างใจเย็น เห็นตนถูกหยามศักดิ์ศรีแล้วไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน 

เฟยฮวาเกลียดแต่ก็ต้องการให้คนที่ชังน้ำหน้าช่วยเหลือ เมื่อเหลือตัวคนเดียวก็จำเป็นต้องหาคนคอยคุ้มกะลาหัว และตั้งใจเลือกคนที่คิดว่ามีความชั่วสูสี  “จะอายทำไม ไหนว่าจะขายตัว ถึงไม่แก้ผ้าให้พวกฉันดูตอนนี้ก็ต้องไปแก้ผ้าให้คนอื่นดูทีหลังอยู่ดี” …หรือบางทีอาจจะชั่วกว่าพวกคนที่เคยเจอมา

“ถอยไป!”  น้ำตาที่คลอเบ้าไหลอาบแก้มเมื่อสุดจะทน เสื้อถูกฉีดขาดยาวจนกลายเป็นเสื้อเปิดไหล่ ส่วนชายเสื้อก็กำลังถูกเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องแบนราบขณะมองเห็นหลายใบหน้าสลับไปมาจนตาลาย ร่างเพรียวบางล้มลงนอนหงายจนง่ายต่อการรุมล้อม แต่ฝูงแร้งก็ยอมหลีกทางยามมีเสียงดังสั่งให้ถอย แล้วอาชาค่อยก้าวเข้ามายืนในจุดที่สามารถเห็นได้

ภาพแรกที่พ่อค้าอวัยวะประจักษ์ก็คือตอนร่างเพรียวบางนอนกอดตัวเองคุดคู้  “เฮ้…”

ส่วนภาพที่สองค่อนข้างเป็นอะไรที่น่าประทับใจ เมื่ออีกคนหันใบหน้าเปียกปอนกลับมามองขณะร้องไห้จนจมูกแดง ไม่แปลกที่บางคนจะเกิดมาเพื่อคู่กับน้ำตา พอร้องไห้แล้วดูน่ารักขึ้นเป็นกอง จนมองเพลินเกินเวลา

กว่าจะรู้ตัวก็ตอนคนนอนพยุงร่างลุกขึ้นนั่ง   

“แค่จะโดนแก้ผ้าเข้าหน่อยยังร้องไห้แทบเป็นแทบตาย”  อาชาแดกดันระหว่างเฟยฮวาใช้หลังมือเช็ดหน้าแก้มลวก ๆ และไม่ลืมโอบกอดร่างกายตัวเองไว้  “ยังอยากให้ฉันซื้อตัวอยู่ไหมล่ะ”  อย่าหวังว่าจะมีฉากพระเอกใจดีแบบที่ปลดเสื้อสูทตัวนอกให้นางเอกสวมกันหนาว พ่อค้าอวัยวะปล่อยให้คนผิวขาวจั๊วะนั่งเป็นอาหารตา มองแต่หน้าลูกน้องจนเอียน วันนี้ได้เปลี่ยนที่พักสายตาบ้างก็ดีไม่หยอก

“ถามหน่อยว่าทำเป็นไหม”  จ้องไหล่มนนานจนเฟยฮวาไหวตัวทัน ก่อนจะยักไหล่แทนคำขอโทษที่เสียมารยาท  “จะขายน่ะรู้หรือเปล่าว่าเรื่องอย่างว่าเขาทำกันยังไง”  พ่อค้าอวัยวะแค่ใช้สายตาเจ้าชู้มองตามและย่างสามขุมเข้าใกล้  “แต่ไม่เป็นไร ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันสอนให้เอง”

“ฉันไม่ขาย ไม่ขายแล้ว…”  นานกว่าเฟยฮวาจะขยับปากพูดและเลือกหยุดการซื้อขาย

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่อาชาอยากได้ยิน คิดจะกลับคำมันง่ายไปหน่อย  “…แต่ฉันจะซื้อ”   

ในเมื่อดูถ่อยในสายตาแล้วก็ต้องเอาให้สุด  “เห็นปืนในมือฉันไหม”

มือที่ยังถืออาวุธสีดำขลับชูให้ดวงตาฉ่ำน้ำดูชัด ๆ ก่อนจะลดปลายกระบอกลงเล็งหน้าผากมนเหมือนในตอนแรกแต่คราวนี้แปลกคำสั่งแตกต่างไป  “อมให้ดูหน่อย”  เอ่ยแล้วค่อยไต่ระดับอาวุธสังหารลงตามสันจมูกสวยและเขี่ยกระจับปากอิ่มด้วยปลายกระบอกปืน  “แต่ถ้าไม่อม มันตาย”  จู่ ๆ ก็ย้ายเป้าหมายฉับพลัน มีเรื่องตัวประกันเข้ามาเกี่ยวข้อง เล็งปืนที่หน้าอกลูกน้องซึ่งถลึงตาโตอย่างตกใจ ยกมือยกไม้พยายามเรียกสติเจ้านายว่าอย่าทำ

“เลือกไม่ยากใช่ไหม”  เฟยฮวาไม่ตอบและขณะเดียวกันก็ไม่ยอมขยับ

ได้แต่นั่งทำสงครามประสาทและกัดปากอย่างคิดหนัก รู้ดีว่าทุกคนก็รักชีวิตตัวเองด้วยกันทั้งนั้นและร่างเพรียวบางก็กลัวเหมือนกันว่าคนร้ายกาจอาจจะสับปลับ เปลี่ยนเป็นลั่นไกขณะที่ตนตกลงใช้ปากทำเรื่องน่ารังเกียจกับด้ามปืน

ดวงตากลมมองอาวุธที่ยื่นมาตรงหน้าสลับกับช้อนนัยน์ตามองคนยืนจ้องอยู่ก่อน และตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงร้องให้ช่วย ลูกน้องคนดังกล่าวบอกว่าไม่อยากตายและขอให้เฟยฮวาช่วยทำตามคำสั่งเจ้านายเสียงสั่น

“หนึ่ง…”  การนับเลขถือเป็นการเร่งทางอ้อมและทำให้ร่างบางยอมเคลื่อนใบหน้าทีละนิด สุดท้ายก็เลือกชีวิตคนอื่น ยอมกล้ำกลืนฝืนทนเพราะไม่อยากเห็นคนอื่นเดือนร้อนเพราะตัวเอง จังหวะนับเลขสองเป็นตอนที่ริมฝีปากแดงอ้าออกปลายกระบอกปืนอยู่ไม่ไกล แต่เมื่อได้ยินเสียงนับสาม ริมฝีปากก็งับได้แต่ลม ก่อนจะก้มตัวปิดหู จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังปัง 

กระสุนนัดหนึ่งปักเข้ากลางอกลูกน้องซึ่งล้มลงไปนอนกองกับพื้นทันที ทำให้คนที่กล่าวหาว่าชักช้าเองยิ่งรู้สึกสะเทือนใจ ใบหน้าผู้ตายหันมาทางที่นั่งสร้างภาพติดตา ยังไม่ทันจะขออโหสิกรรมก็มีคำสั่งใหม่  “เอาตัวหมอนี่ไปไว้ที่รถฉัน”  เจ้านายดูจะเป็นคนเดียวที่ไม่เสียใจ ให้ลูกน้องพาคนช็อกออกไปแล้วเหลือไว้ไม่กี่คนก่อนจะสั่งเก็บกวาด  “จัดการซะ”  พ่อค้าอวัยวะแค่มองลูกน้องช่วยกันแบกศพออกไป เป็นศพของสายตำรวจตัวจริง หาจังหวะยิงทิ้งมาตั้งนานเมื่อสบโอกาสแล้วก็ไม่อยากจะพลาด ต้องขอบคุณนางฟ้านางสวรรค์ที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายจนอะไร ๆ มันง่ายขึ้น

“มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะยอมทำเพื่อคนอื่น หึ”









การอยู่จัดการปัญหากินเวลากว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่บ่ายคล้อย พ่อค้าอวัยวะก็ได้ฤกษ์เดินออกจากประตูภัตตาคาร สร้างร้านอาหารขึ้นมาบังหน้าสายตรวจ ตำรวจหลายรายก็เคยมาฝากท้องที่นี่ ดีกรีพ่อครัวจากโรงแรมระดับห้าดาว ชั้นหนึ่งกับชั้นสองเอาไว้รับรองลูกค้าทั่วไป ส่วนชั้นสามกับสี่นั้นก็เอาไว้ประกอบธุรกิจอย่างที่เคยกล่าวมาข้างต้น

เมื่อหมดงานหนึ่งวัน คนเป็นนายเดินสวมแว่นกันแดดนำโดยมีลูกน้องเดินตามมาแค่สองคน เตรียมจะก้าวขาพ้นพุตปาธ แต่จู่ ๆ ก็มียายแก่เดินตัดหน้ากะทันหัน ไม่ทันระวังจนชนเข้ากับอาชาก่อนจะร้องโวยวาย ที่แท้เป็นหญิงบ้าใบ้ทัดดอกไม้สีแดงสด ลูกน้องสองคนทำท่าจะหามปีกหญิงแก่ออกไป แต่เผอิญเจ้านายยกมือห้ามและปล่อยให้จับแขนพลิกไปมา อยากรู้เหมือนกันว่าอีกคนกำลังหาอะไร พ่อค้าอวัยวะมองยายแก่หัวเราะชอบใจ แต่พอได้สบตากันชั่วแวบเดียว พริบตาเดียวยายแก่ก็เบิกตากว้างอย่างกับเห็นผีพลางร้องทักขึ้นมาว่าพ่อหนุ่มกำลังจะมีเคราะห์

“ชีวิตพ่อหนุ่มกำลังจะฉิบหาย เพราะของที่เก็บได้จากพื้น”  ชี้นิ้วขึ้นบนฟ้าสวนทางกับวาจาที่บอกว่าพื้น

นอกจากจะยืนงงยังตลกจนหลุดขำ ถ้าการกระทำไปในทิศทางเดียวกับคำพูดก็คงจะเชื่ออยู่หรอก ตอนลูกน้องเกือบเข้าชาร์ตหญิงบ้าข้อหาพูดจาสามหาว คนถูกทำนายทายทักว่าชีวิตจะบรรลัยก็ได้แต่พูดว่าไม่เอาน่า อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา

อาชาทำแค่ยิ้มรับ ถามว่าติดใจไหมตอบเลยว่าไม่ พ่อค้าอวัยวะไม่เคยเชื่อคำพูดใครและถ้าต้องให้ใส่ใจกับคำเตือนทุกอย่างบนโลก สงสัยโรคประสาทคงได้ถามหา ถ้าจะฉิบหายก็ให้มันฉิบหายไป ยังไงก็เชื่อว่าตัวเองสามารถรับมือได้

อีกอย่าง  “สภาพแบบนั้นจะทำอะไรฉันได้…”  อาชามองทะลุเข้าไปในตัวรถที่จอดติดเครื่องไว้ เห็นเงาลาง ๆ ว่าใครบางคนกำลังนั่งเช็ดน้ำตา พูดจาสบประมาทร่างเพรียวบางที่หันมาจ้องผ่านหน้าต่างของรถอย่างโกรธเคือง 

มัวแต่ร้องไห้จนสายตาพร่าแต่เฟยฮวาก็ยังเห็นหน้าคนใจคอโหดเหี้ยมชัดเจน ก่อนจะแบ่งเขตแดน รีบเขยิบเข้าด้านในเมื่อชายหนุ่มขายาวก้าวขึ้นมาร่วมนั่งบนรถ ทั้งสองคนโดยสารตรงเบาะหลังและมีช่องว่างเป็นตัวคั่นกลาง

ร่างเพรียวบางเลือกหันมองนอกกระจกรถยามสี่ล้อเคลื่อนไปบนถนนสายหลัก แหงนคางมองท้องฟ้าตอนเกือบเย็น เห็นพระอาทิตย์สีส้มอมแดงสาดแสงจนต้องหยีตา แล้วนึกอิจฉานกน้อยที่ทยอยบินกลับรัง อยากติดปีกบินกลับบ้านบ้างแต่คงต้องใช้เวลาทั้งชีวิต ขนตายาวขยับชิดติดกระจกเพื่อมองพวกนกและหวังว่าคงมีสักวันที่จะได้โอบกอดอิสรภาพ 

ทุกอิริยาบถถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของอาชาที่เฝ้ามองมาตลอดทาง เห็นนั่งเศร้าก็อยากจะถามอยู่ว่าเป็นอะไร แต่ก็ต้องไว้ทีรักษากิริยา เท่านี้ก็นับว่าปรานีมากโข จะไม่ยอมปล่อยให้วิ่งโร่ไปแจ้งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ในฐานะพยานและที่พามาด้วยก็เพราะจะซื้อบริการ จริง ๆ แล้วก็คาดหวังจะเห็นท่าทางตื่นตระหนก แต่ภาพสะท้อนบนกระจกกลับเป็นสีหน้าเรียบเฉย ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง แถมทำอย่างกับเด็กหนีออกจากบ้านที่แค่โดยสารรถนั่งวนไปรอบ ๆ เมือง   

“ไปส่งฉันที่คอนโด”   

หลังตัดสินใจได้เด็ดขาดและบอกสารถีถึงสถานที่ที่ต้องการจะไป ฝ่ายทำลายความเงียบก่อนก็หันมาชวนคนข้างกายคุยบ้าง แต่พอดีร่างเพรียวบางเหมือนจะไม่มีอารมณ์ต่อคำ เลยกลายเป็นว่าอาชาสนทนากับดินฟ้าอากาศ นานทีปีหนเพิ่งจะมีคนกล้าทำราวกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เป็นธาตุอากาศ   

“นี่ใจคอจะไม่พูดกับฉันจริง ๆ เหรอ”  อาชาได้แต่นั่งทบทวนว่าตัวเองทำผิดอะไร ก่อนจะพบความผิดบานตะไท ดีดนิ้วดังเปาะเหมือนเข้าใจเรื่องทุกอย่างกระจ่างแล้ว  “ที่ไม่ยอมพูดด้วยเนี่ยเพราะโกรธเรื่องเมื่อกี้ใช่ไหม”  พ่อค้าอวัยวะยึดท่าทางนิ่งเงียบเป็นคำตอบว่าใช่แล้วพูดต่อด้วยท่าทางสบาย ๆ  “นายจะโกรธอะไร ญาติก็ไม่ใช่ แค่คนตายคนเดียวเอง”

ประโยคที่ราวว่าชีวิตคนเป็นเรื่องเล็กน้อยพลอยทำให้คนฟังยิ่งโกรธ ก่อนคนพูดจะโดนตบหน้าหันและบรรยากาศภายในรถก็พลันเงียบสงบ อาชาที่ถูกตบแน่นิ่งไปชั่วขณะ แล้วถึงใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มข้างที่เจ็บ ที่แก้มมีเลือดซิปเพราะถูกเล็บข่วน พ่อค้าอวัยวะปวดไปทั้งซีกหน้าด้านข้าง ทั้งที่คิดว่าตัวเองหน้าหนาแต่กลับรวดร้าวเพราะฝ่ามือเดียวเท่านั้น

อาชาหันมองเจ้าของฝ่ามือเหมือนจะถามว่านี่มันอะไร ไอ้โกรธมันก็โกรธ โดนลูบคมต่อหน้าลูกน้องก็ต้องเคืองเป็นธรรมดา แต่ขณะเดียวกันก็อยากรู้เหตุผลในการลงมือตบตน 

“อย่าพูดเหมือนชีวิตคนไม่มีค่าอีกนะ”  เฟยฮวาพูดเสียงแข็ง แล้วตั้งใจใช้สายตาดูแคลนด่าแทนปากแดงก่ำ ไม่รู้ไปเอาความกล้าหาญมาจากไหน คงเพราะคำพูดพวกนั้นแทงใจดำจนยากจะห้ามความรู้สึก  “มีคนตายเพราะฉันมามากพอแล้ว”  แก้วตากลมสั่นระริก แต่ก็รีบหันไปอีกทางก่อนที่คนด้านข้างจะทันเห็นความอ่อนแอ

“ทำไมถึงไม่ฆ่าฉันให้ตายไปด้วยอีกคนล่ะ”  แค่ถามด้วยความสงสัย แต่เล่นตบไปแรงขนาดนั้นก็คงไม่มีเงาหัวถึงวันพรุ่งหรอก อาชายังทำแค่จ้องอย่างข้องใจ ดูเหมือนว่านางฟ้าไร้ปีกจะมีอีกหลายปริศนารอให้ไข  “นั่นสิ ทำไมฉันถึงไม่ฆ่านายให้ตาย ๆ ไปซะ”  พ่อค้าอวัยวะขยับเข้ามาใกล้จนไหล่เบียดและเนียนยกแขนพาดกับเบาะ

พอความเจ็บเจือจางก็ไม่อยากยกเรื่องตบมาเป็นประเด็นต่อ ยอมเพราะอะไรยังไม่แน่ชัด อาชาแค่หันตัวเข้าหาคู่สนทนา บ่งบอกว่ากำลังให้ความสนใจร่างเพรียวบางซึ่งเหมือนนั่งอยู่ในอ้อมแขนกลาย ๆ

แทนที่จะให้คำตอบกลับย้อนถามด้วยความใคร่รู้ พยายามหาคำตอบกับตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่ระหว่างนั้นก็ถูกไหล่ขาวนวลชวนหลอกล่อให้สัมผัส ทั้งที่อาจถูกตบรอบสองก็ยังมีหน้าลองขบกัดหัวไหล่มนขณะช้อนตาเฝ้ามองปฏิกิริยาคนโดนลวนลาม แต่เฟยฮวายังนิ่งแม้จะเห็นว่าพ่อค้าอวัยวะกำลังทำอะไรกับเรือนร่าง แค่หลุบตามองอย่างเย็นชาแล้วเบือนหน้าไปอีกทาง นั่งเฉยให้ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ซอกคอ แอบห่อไหล่เพราะแรงดูดดุน

ไม่พูดกันแต่ขานรับด้วยร่างกาย… จะเกริ่นนำสักเล็กน้อยก็ไม่มี อย่างดีอาชาก็แค่กระซิบข้างหูว่าให้อยู่เฉย ๆ ก็เลยทำตามคำสั่งด้วยการนั่งหลังตรงประหนึ่งเป็นท่อนไม้ ซึ่งถึงจะดูให้ความร่วมมือแต่คืออารมณ์ร่วมเป็นศูนย์ นึกว่าปูนปั้นมาเองสร้างความเซ็งให้กับพ่อค้าอวัยวะ ถอนจมูกโด่งจากแอ่งชีพจรแล้วย้อนถามหน้าตาย  “ตกลงไม่ขายแล้ว…?” 

ถามไม่ตอบ สงสัยชอบให้สวมบทคนร้าย  “ดี จะได้พาไปฆ่าเลย”

เอ่ยวาจาฆ่าคนเป็นเรื่องธรรมดา แล้วค่อยเบือนหน้าไปอีกทาง เริ่มจะไม่สนุกที่อีกคนเอาแต่เงียบเป็นเป่าสากและถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป อีกสักชั่วโมงอารมณ์ถูกใจคงได้มอดดับลง คงจะทำกรรมมาร่วมกันน้อยละมั้ง

ขณะที่พ่อค้าอวัยวะกำลังตัดพ้อราวกับผิดหวังเสียเต็มประดา ฝ่ามือที่ประทับลงบนแผงอกก็ทำให้ก้มลงมองอย่างฉงน  “หันมาสิ”  สั่งน้ำเสียงเบาและเฝ้ารอการหันมา อาชายอมหันตามคำบอกอย่างอ้อยอิ่งแล้วนิ่งงันเมื่อคนที่ปรามาสไว้เป็นฝ่ายยื่นปากแตะปากก่อนและถอนออกอย่างเชื่องช้า ทิ้งระยะห่างไม่เท่าไหร่ ให้เวลาตัวเองได้ลังเลใจสักนิด

เพราะมีคนเคยบอกว่าถ้าไม่คิดจะผูกพันอย่าสร้างความสัมพันธ์

“ฉัน…”  เอ่ยทันแค่นามแทนตัวแสนเหินห่างก่อนจะได้รู้จักนิสัยใจคอของพ่อค้าอวัยวะผ่านจูบแสนมุทะลุ รสจูบดุเดือดทำให้เลือดลมไหลเวียนทั่วร่างกายและย้ายมารวมกันบนหน้าแก้ม ความแนบแน่นนำไปสู่การเฟ้นหาที่หนึ่งในสนามประลอง สองกลีบปากโรมรันเข้าห้ำหั่นกันอย่างร้อนแรง ต่างฝ่ายก็ได้น้ำลายจนหายคอแห้ง แกล้งหยอกเย้ากันไปมา

แล้วเปลี่ยนจังหวะเป็นบดเบียดเนิบนาบ งับกลีบปากล่างนั้นแล้วดึงทึ้งแผ่วเบา ราวกับตอดเยลลี่ ก่อนที่จะพักหายใจ ทั้งคู่โตเป็นผู้ใหญ่ที่บรรลุนิติภาวะแล้วและรู้ดีว่ากำลังทำอะไร แต่ในช่วงเวลาเดียวกันก็ลืมคำนวณความเสียหายจากการถลำลึก แค่เอาความรู้สึกเป็นที่ตั้งอย่างอื่นเป็นรอง สองนัยน์ตาสะท้อนภาพดวงหน้ากันและกันและร่างเพรียวบางก็ขยับขึ้นนั่งตักตามการชักนำ กลับหลังหันลำบาก ทางเดียวคือเดินหน้าต่อ     

“ชื่ออะไร”  พ่อค้าอวัยวะกระซิบกระซาบถามชิดมุมปาก อยากรู้เรื่องอีกคนขึ้นมาจับใจ พูดอะไรก็พร้อมจะฟัง 

ส่วนเจ้าของร่างเพรียวบางก็มีสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น  “เฟยฮวา …เสี่ยวเฟยฮวา”

หมดสภาพคนจองหอง ที่แท้ก็แข็งนอกอ่อนในและพร้อมจะหลอมละลายถ้าไฟล่นถูกจุด   

แล้วค่อยต่างคนต่างให้ริมฝีปากพูดแทนความในใจอีกรอบ หลอมเกลียวลิ้นเป็นเนื้อเดียวกันไร้ความขัดเขิน ละเมิดความเป็นส่วนตัวของกันและกันผ่านการแลกน้ำลาย ถ่ายโอนอากาศอย่างลึกซึ้งถึงแก่น สองแขนขาวรีบโอบรอบลำคอหนาหาที่ยึดเมื่อกำลังถูกกลืนกินจนสูญเสียสมดุลและความเป็นตัวเองไป

ส่วนอาชาก็ประคองเอวคอดไว้ระหว่างประกาศทางสายตาว่ามันจะมีไว้มองแค่นายคนเดียว 

“นับจากนี้ไปเสี่ยวเฟยฮวาเป็นของฉัน” 











----------------------------------------------------
Tag  #PONR  #เดินหน้าลูกเดียวไม่มีเหลียวหลัง

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.II (16/05)
«ตอบ #3 เมื่อ18-05-2018 15:36:21 »

พล็อตเรื่องน่าสนใจ แปะไว้ก่อน  :katai2-1: เดี๋ยวมาอ่าน/เม้นนะก๊าบ  :katai4: :pig4:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.II (16/05)
«ตอบ #4 เมื่อ31-05-2018 23:37:44 »

แปะไว้อีกคนค่ะ  :z13:

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.II (16/05)
«ตอบ #5 เมื่อ07-06-2018 19:44:45 »

III




พ่อค้าอวัยวะเลือกจะพาคนไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเข้าคอนโดแทนการพาไปบ้านตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ยึดถือมาตลอด ทุกรายที่ร่วมหลับนอนด้วยล้วนเคยมาเยือนแล้วทั้งนั้น แม้มันจะเหมือนเป็นการป้องกันที่ปลายเหตุ เพราะกว่าจะเสร็จกิจต้องถูกประชิดตัวไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ชายหนุ่มก็ยังสบายใจกว่าให้ใครตามไประรานถึงบ้าน 

ประตูคอนโดถูกยันให้เปิดด้วยฝ่าเท้า อาชาอุ้มเฟยฮวาด้วยท่าเจ้าสาวเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน เจ้าบ่าวข้ามขั้นตอนพิธีช่วงค่ำและกำลังจะพาเจ้าสาวเข้าหอ ไม่มีการรั้งรอใด ๆ เพราะกว่าจะมาถึงที่หมาย ได้ใช้ความอดทนไปจนหมดเกลี้ยง เพียงเดินถัดจากประตูไม่เท่าไหร่ ยังไม่ทันปล่อยร่างเพรียวบางลงยืนอย่างมั่นคงก็ระดมจูบลำคอระหงอย่างว่องไว อาชาโถมเข้าใส่คล้ายพายุพัด เฟยฮวายืนต้านลมแรงก่อนแผ่นหลังแทบแทรกเป็นเนื้อเดียวกับผนังปูน สุดทางตันแต่ชายร่างสูงใหญ่ก็พยายามดันตัวเข้าหา จะหลอมเป็นร่างเดียวกันท่าเดียวแถมกักขังหน่วงเหนี่ยวด้วยช่วงแขนอีกต่างหาก

ร่างเพรียวบางอึดอัด หายใจติดขัดจนต้องขอออกซิเจน เป็นฝ่ายกุมใบหน้าสมส่วนไว้แล้วจูบอย่างดูดดื่ม ลืมอายและคิดได้เมื่อสายว่าต้องรักษากิริยา แต่ดูเหมือนพ่อค้าอวัยวะจะชอบที่อีกคนทำตัวเป็นธรรมชาติแทนการแสแสร้ง
ระหว่างแลกน้ำลายสลับกับซุกไซ้ซอกคอ พ่อค้าอวัยวะก็รีบออกตัว  “คงไม่ว่ากันนะถ้าฉันจะข้ามเรื่องอาบน้ำไปก่อน”  อากาศร้อนอบอ้าวข้างนอกเล่นเอาเหงื่อไหลไคลย้อย แต่อาชาเบื่อจะคอยให้เสียเวลาและถ้าอีกคนเกิดปฏิเสธแล้วไล่ให้ไปอาบน้ำ คิดว่าจะทำตามไหม คำตอบก็คือไม่แน่นอน

ไม่มีใครสามารถสั่งหรือสอนพ่อค้าอวัยวะที่กำลังถอยเสื้อสูทตัวนอกออกอย่างชำนิชำนาญได้ อาชาเคยอยู่ภายใต้บังคับบัญชาคนอื่นมาเหมือนกัน แต่เมื่อรู้ว่านั่นไม่ใช่แนวทางที่ชอบจึงพยายามถีบตัวเองให้สูงเข้าไว้ ใครหลายคนเรียกมันว่าความทะเย่อทะยาน ความพยายามนับเป็นความสามารถจนสุดท้ายได้อยู่เหนือยอดพีระมิดของห่วงโซ่อาหารและผันตัวมาเป็นนักล่า

เพราะไม่เคยเลยที่จะได้ลิ้มรสชาติเนื้อนางฟ้าจึงยังไม่รู้ว่ามันอร่อยถูกปากแค่ไหน แม้แต่ให้คุณให้โทษก็ไม่ทราบ รู้แค่ว่าจับตรงไหนก็นุ่มไปหมด จรดจมูกหอมตรงไหนก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ตอนแรกอาชานึกว่าตัวเองตาถั่วที่เห็นเฟยฮวายิ้มบางมุมปาก กระทั่งถอยใบหน้าออกห่างก็เห็นได้ชัดเจนขึ้น ก่อนจะหลุบตามองมือที่ยื่นมาช่วยถอดเสื้อตัวในหลุดออกจากร่างจนเผยแผงอกที่แน่นหนัดไปด้วยเนื้อหนังกับช่วงกลางลำตัวที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม 

ความมือคล่องทำให้สมองฉุกคิด  “ไหนว่าไม่เคยไง”  ไอ้ท่าทางทะมัดทะแมงชวนให้แปลกใจไม่น้อย

มีแต่พวกเคยลงมือปฏิบัติจริงเท่านั้นแหละที่จะรู้จังหวะจะโคน เฟยฮวารู้ขนาดที่ว่าเอามือโดนส่วนไหนแล้วจะทำให้เพศชายตื่นตัวและถึงจะยืนยันว่ามั่วเอา พ่อค้าอวัยวะก็ไม่มีทางเชื่อ 

“ถ้าฉันบอกว่าเคยนายก็ไม่พาฉันมาน่ะสิ”  มาถึงขั้นนี้ไม่มีเหตุผลให้ต้องปิดบังแล้ว 

“คิดว่าฉันเป็นพวกชอบล่าพรหมจรรย์หรือไง”

“อย่างน้อยคนอย่างพวกนายก็น่าจะชอบของสดใหม่มากกว่า”

“แต่ฉันชอบพวกกะดังงาลนไฟนะ”  จะคิดว่าพยายามยกยอปอปั้นเพื่อหวังผลก็ได้ แต่นัยน์ตาสีบรั่นดีของอาชากำลังบอกว่านั่นเป็นความจริง  “ไม่ต้องสอนงานดี”  และยิ่งเมื่อขายาวก้าวเข้าชิด เฟยฮวาก็ยิ่งเห็นแววตาติดเจ้าชู้ชัด ๆ 

ยามที่สองใบหน้าอยู่ระดับเกือบเสมอกัน ร่างเพรียวบางหันใบหน้าไปอีกทางเพื่อเปิดโอกาสให้พ่อค้าอวัยวะเล้าโลมตั้งแต่หลังใบหูลงมาขณะริมฝีปากอิ่มของตัวเองคลอเคลียอยู่บริเวณแถวช่วงไหล่กว้าง เฟยฮวาฝากรอยเขี้ยวเล็ก ๆ ไว้บนผิวกร้านอย่างระมัดระวัง สร้างรอยประทับนำหน้าชายหนุ่มไป 

ร่างเพรียวบางเองก็โดนงับเข้าที่ผิวละเอียดหลายครั้ง ผิวละเอียดถูกดูดดุนจนเกิดรอยจ้ำจาง ๆ จากรอยเลือนรางกระจ่างชัดเจนเห็นแล้วนึกว่าเป็นโรครัก ถูกผู้ชายซึ่งรู้จักยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงฝากสัญลักษณ์เป็นเจ้าเข้าเจ้าของ คนที่หวังลอกคราบพยายามปลดเปลื้องอาภรณ์

จอห์นวู้ดเดนเคยกล่าวว่าไว้ใครเริ่มเกมนั้นไม่สำคัญเท่าคนที่ปิดเกม แม้จะเจ็บและได้ไปคนละแผลสองแผลแต่สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร อาชาปลดเข็มขัดแล้วงัดอาวุธออกมาสู้ มันชูชันเมื่อผ่านการปลุกปั่นจากการมองแล้วจินตนาการก็ดีหรือจากการที่ถูกรูดอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขยายขนาดก่อนจะเกิดการเปลี่ยนถ่ายมือคนทำ

เฟยฮวาจับแก่นกายใหญ่ไว้มั่นแล้วลูบคลำมันด้วยความรัก ถือเป็นช่วงนาทีทองที่ร่างเพรียวบางเลือกจะปล่อยของเพื่อมัดใจ ยกความดีความชอบให้กับระดับความสูงที่พอเหมาะ ยกมือโอบคอชายหนุ่มไว้ระหว่างมุดหน้าละเลงปลายลิ้นกับตุ่มไตซ้ายสลับกับขวา จะย่อยสลายมันด้วยเอนไซม์ แต่มันก็ไม่ยอมละลายคาปากและเป็นตัวเองที่ครางฮือ มือก็กำแก่นกายใหญ่ไว้เมื่อพ่อค้าอวัยวะล่วงมือเข้าในกางเกงสามส่วนแล้วนวดคลึงบั้นท้ายอย่างเมามัน แล้วจัดการปลดท่อนล่างถอดทั้งกางเกงตัวนอกตัวใน ให้คนขาวยืนหนาวขาขณะขย้ำก้น เฟ้นจนเนื้อปลิ้นติดตามง่ามนิ้ว

เฟยฮวาหน้านิ่วคิ้วขมวดยามปวดหน่วงแถมท้องน้อย แล้วค่อยพยายามกลับมาโฟกัสที่จุดสูญถ่วง สองมือป้วนเปี้ยนอยู่กับช่วงล่างของพ่อค้าอวัยวะที่ขยับถอดกางเกงสเลคออกอย่างรวดเร็วแล้วรวบเอวคอดไว้ชิดตัวเพื่อนัวเนีย

อาชาสบตาว่าที่เมียที่ส่อแวววิบวับ ตามประสาคนเพิ่งเคยเจอกันก็อยากจะลองสัมผัสตรงนั้นตรงนี้ไปเสียหมด ปลายนิ้วชี้ไล่ตามร่องกล้ามที่น่าจะเอาน้ำราดแล้วดูเส้นทางการไหลของมัน เฟยฮวาลดระดับตัวลงแล้วคว้าลูกอัณฑะอย่างจงใจ นั่งบนส้นเท้าตอนบีบนวดมันเพื่อคลายความตึงเครียดแล้วเปลี่ยนมาประคองแก่นกายและไล้ส่วนปลายตามสันจมูกตัวเอง เคลื่อนลงต่ำจนโดนกระจับปากก่อนจะแลบลิ้นแตะอย่างแผ่วเบา ระหว่างสาวมือตามความยาวก็เอาปากเล็มส่วนหัวทีละนิด กัดกินส่วนปลายของฮอทดอก ลองใช้ลิ้นเลียเพื่อรับรสแล้วดูดดุนจนแก้มตอบท่ามกลางการสมยอมพร้อมใจ

พ่อค้าอวัยวะถึงกลับเคลิบเคลิ้มจนหัวโล่ง ยกมือข้างหนึ่งยันผนังระหว่างหายใจสะดุด ร่างเพรียวบางที่ยังใช้ขอบปากรูดแก่นกายช้อนนัยน์ตาเชิญชวนมองแทบตลอดเวลา เพื่อสังเกตสีหน้าแห่งความประทับใจ ค่อยเพิ่มความไวในการขยับโพรงปาก อมทั้งแท่งจนมันแยงกระพุ้งแก้มไปมา ยึดต้นขาหนาไว้เป็นหลักยามเขยื้อนศีรษะอย่างเป็นจังหวะ จนกระทั่งเป็นฝ่ายสำลักเมื่ออาชาปลดปล่อยไม่ทันตั้งตัว แถมยึดหัวกลมไว้ตอนอวัยวะสืบพันธุ์คายน้ำ

แต่ไม่ทันถึงหยดสุดท้ายเฟยก็ฮวารีบคายแก่นกายแล้วนั่งไอคอกแคกหน้าแดงเถือกและส่งสายตาเคือง ๆ ให้กับคนยืนค้ำหัวที่กลั้นขำ มีหน้ายิ้มหวานแล้วขอโทษขอโพยที่ลืมถามความสมัครใจเสียงพร่า ก่อนจะเป็นฝ่ายพยุงร่างเพรียวบางขึ้นจนยืนเต็มฝ่าเท้า แล้วเข้ากอดพลางช่วยถอดเสื้อที่ติดร่างอย่างใจดี 

พ่อค้าอวัยวะผิวปากเมื่อประจักษ์กับความขาวเต็มสองตา จะมีก็แค่จุดสีขมพูเล็ก ๆ บนหน้าอกที่เรียกร้องให้สัมผัส มันล่อตาล่อใจแต่พอเคลื่อนหน้าเข้าใกล้กลับมีมือมากั้น คั้นกลางระหว่างปากกับยอดอกน่ารัก เพราะเฟยฮวายังไม่หายเคือง เรื่องมันก็มีเท่านี้ แต่อาชาเองก็มีวิธีจัดการ พยายามงัดแต่ละนิ้วด้วยริมฝีปากแล้วหาช่องว่างเพื่อแหยปลายลิ้น 

ท่ามกลางการอิดออด ร่างเพรียวบางรู้สึกว่าช่างยากจะต่อกรด้วยจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยากจะต้านทาน จนขนาดลืมตัว เผลอไผลไปกับความพยายามชั่วครู่ พอรู้ตัวก็หน้าแดงก่ำ แอบกัดปากด้วยความอับอาย แล้วต้องมาใจอ่อนเพราะคำพูดคำจาหวาน ๆ เป็นการพูดว่าฉันต้องการนายที่จับใจที่สุด อาชาพูดมันเองข้างกกหู เฟยฮวารู้ดีว่าอีกคนอาจจะพูดไปเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ปรารถนา แต่สายตาหลอกใครไม่ได้ มันเปล่งประกายไปด้วยความจริงใจ ฉันก็ต้องการนายเหมือนกัน  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชอบตอนที่นัยน์ตาดำสะท้อนภาพแค่ตัวเองเท่านั้น ฝ่ามือที่เป็นปราการสุดท้ายคลายออกจากหน้าอกตกลงข้างกาย เหมือนจะบอกว่าอยากทำอะไรก็เชิญ อาชาจึงอุ้มเฟยฮวาด้วยท่าเจ้าสาวแล้วเดินมายังโซฟาขนาดกลาง 

พ่อค้าอวัยวะวางร่างขาวนวลกับพื้นราบแล้วตามขึ้นคร่อมด้วยร่างกายใหญ่ ทีใครทีมัน เมื่อคนนอนใต้ร่างได้วาดลวดลายไปก่อนหน้า คราวนี้ก็ถึงตาตนบ้าง ฝ่ามือใหญ่บีบเนิ่นอกจนตั้งเต้าแล้วเอาหน้าซุก ตุ่มไตถูกไล่เลียอย่างตะกละตะกลาม ด้วยความมันเขี้ยว เกลียวลิ้นยาวตวัดเหนือยอดอกซ้ายย้ายไปขวาแล้ววกกลับมาที่ข้างเดิมและเริ่มทำซ้ำ

ใบหน้าสวย ๆ ของเฟยฮวาหงำงอ เพราะอาชากัดเนื้อหน้าอกเข้าเต็มคำ แถมขย้ำตามร่างสะโอดสะอง ไล่ตั้งแต่สีข้างลงยังเอวคอด ร่างเพรียวบางนอนหายใจพะงาบ งับอากาศแล้วเผยอออก แหงนมองเพดานก่อนความว่างเปล่าเหล่านั้นจะถูกแทนที่ด้วยดวงหน้าหล่อจัด ทั้งคู่ผสานสายตาอย่างจังแล้วปากก็ยื่นจุ๊บกันโดยอัตโนมัติ

เหงื่อตามไรผมยิ่งขับให้อาชาดูเป็นผู้ชายร้อนแรง มีการแกล้งหายใจรดจนคนใต้ร่างนอนสะท้าน ทั้งสองคนจูบกันช่วงสั้น ๆ แวะเต็มน้ำมันให้มากพอต่อการก่อกองไฟ ก่อนพ่อค้าอวัยวะจะเคลื่อนริมฝีปากผ่านหว่างอกแอ่นลงสู่หน้าท้องแบนราบที่เหมาะต่อการประทับตรา 

“นาย…”

“เรียกอาชาสิ”  นานทีเดียวกว่าจะได้คุยกัน เพราะฉะนั้นจึงต้องรีบยิงมุขตลกร้าย  “หรือจะเรียกว่าผัวก็ได้นะ”

เฟยฮวาหัวเราะเบา ๆ เหมือนจะชอบใจ  “ยังไม่ใช่สักหน่อย”

“แต่อีกหนึ่งนาทีถัดไปน่ะใช่แน่”  อาชาเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหายขณะใช้มือสาวน้องชายไว ๆ พอให้มือเปียก

นิ้วกร้านทยอยเรียงคิวเข้าสู่ช่องทางลับที่ตอดเป็นการต้อนรับแล้วเดินทางกลับออกมาในชั่วอึดใจ อาศัยตอนที่ปากทางยังขยายแก่นกายที่จ่อรอก็เคลื่อนเข้าแทน แต่กว่าจะฝ่าความคับแน่นได้ก็เล่นเอาเหนื่อย ดันเข้าเรื่อย ๆ จนมิดด้าม ทำเอาร่างเพรียวบางเกร็งไปทั้งร่างทั้งยังประท้วงเสียงเครือ แต่เพื่อให้เข้าที่เข้าทางจากที่คาอยู่เฉย ๆ จึงลองขยับอย่างช้า ๆ ก่อนจะตามมาด้วยการเขยื้อนทีละนิด

เฟยฮวานอนบิดเร้าเพราะความอึดอัดระคนเสียวซ่าน พยายามลดแรงเสียดทานด้วยการอ้าขาสุดความกว้าง ขณะมือจิกเบาะหนัง เปลี่ยนมาหายใจทางปากเมื่อท่อนเนื้อถอนออกแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วเบียดกลับเข้าทางเก่าอย่างรวดเร็ว อาชาเท้าเอวในตอนแรกเหมือนกำลังคำนวณแรงที่ต้องใช้ระหว่างมองแก่นกายตัวเองถดเข้าถดออกอย่างคงที่

แล้วเปลี่ยนเป็นสอยเอวสอบถี่ ๆ ยามคร่อมเหนือร่างวางฝ่ามือข้างลำตัวขาว เท้าโซฟาเป็นหลัก ตั้งใจทุกจังหวะไม่ใช่ขยับสะเปะสะปะแต่ว่าโดนเน้น ๆ จนกระทั่งร่างเพรียวบางเป็นฝ่ายล่าถอย คอยแต่จะถดสะโพกหนี กระเทิบห่างทุกทีที่ถูกกระแทกกระทั้น พ่อค้าอวัยวะจึงต้องยึดสะโพกผายไว้มั่นแล้วเคลื่อนไม่บั้นยะบั้นยัง ไม่ปล่อยให้เฟยฮวาตั้งตัวติด   
 
เสียงกรีดร้องดังให้ระงมห้องพักผสานกับเสียงเนื้อกระแทกหนังไม่หยุด

เฟยฮวามองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของความทรมานนี้แต่ก็มีความสุขจนเกินบรรยายเช่นกัน หัวสั่นหัวคลอนนอนเกลือกแก้มกับโซฟา หลับตาเพราะหาจุดโฟกัสไม่เจอ ครวญครางไม่ได้ภาษาเหมือนคนละเมอเพ้อพก อกแอ่นกระเพื่อมอย่างน่ากลัว ตัวอ่อนปวกเปียกเรียกว่าระทวยใต้ร่าง ก่อนจะถูกยกตัวขึ้นนั่งทั้งที่ช่วงล่างยังเชื่อมต่อ วงแขนขาวรีบโอบรอบลำคอหนา หน้าแนบใบหูสะอาดตอนที่พ่อค้าอวัยวะเค้นบั้นท้ายแล้วประคองให้ขยับก้นรับกับแก่นกายที่กระทุ้งสวนอย่างแม่นยำ

อาชาปรับเปลี่ยนท่านั่ง กางขาเอนหลังพิงโซฟาอย่างสบาย ๆ แล้วถึงปล่อยให้คนบนหน้าขาเลือกขยับตามจังหวะที่ตัวเองต้องการ ให้อำนาจในการควบคุมเต็มที่ อยากเชยชมลีลาของคนที่บอกว่ามีประสบการณ์มาก่อนเหมือนกัน นางฟ้าตกสวรรค์จึงค่อยยันฝ่ามือกับแผงอกแล้วลองยกสะโพกขึ้นลงจนกว่าจะคล่อง ระหว่างทำก็หันมองด้านหลังไปพลาง

จนพ่อค้าอวัยวะต้องเชยคางให้มองตรงก่อนจะส่งยิ้มกวน ๆ ให้ ซาตานร้ายผายมือว่าเชิญตามสบาย หารู้ไหมว่ากำลังจะถูกเอาคืนอย่างแสนสาหัส เฟยฮวาทำให้อีกคนทรมานผ่านการทำร้ายตัวเองซ้ำ ๆ ดูท่าช่องทางลับคงช้ำหนักเพราะยังไม่หยุดขย่มท่อนเนื้อตั้งแต่เมื่อกี้และต่อเนื่องมาอีกนาทีกว่าจนเจ้าของตักเริ่มเกร็งหน้าท้อง ยกสองมือเสยผมลวก ๆ   

เจอท่าขวงสวาทเข้าไปถึงกับหายใจกระท่อนกระแท่น ทำท่าทางราวกับหัวเสียที่โดนเมียใหม่ป้ายแดงเล่นงานเข้าให้ ขณะเดียวกันแก่นกายก็ประท้วงเร้า ๆ เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย ไอ้นั้นอิ่มเอมไปด้วยความกำหนัดและไม่ทันไรน้ำสีขาวขุ่นก็อัดฉีดในร่างนวล ชวนผวา เฟยฮวาโถมกอดอาชาเมื่อน้ำรักเดือดราวน้ำร้อน ส่วนท่อนเนื้อก็เหมือนถ่านติดไฟ มันกำลังเผาไหม้ทั้งภายในทั้งโคนขาจนไม่กล้าหุบ

มือใหญ่ยกขึ้นลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่สั่นราวกับตื่นกลัว สัมผัสผิวกายลื่นแล้วหอมหัวไหล่ขาวให้หายชื่นใจ แอบงับปลายคางมนอย่างหยอกล้อ ขอดมกลิ่นคาวที่จะเห็นเป็นพิเศษหลังช่วยเสร็จกิจ ได้แตะนิดแตะหน่อยก็มีความสุข 

คงเพราะทุกอย่างต้นเริ่มด้วยความเต็มอกเต็มใจ ให้โอกาสได้มีส่วนร่วม ร่างเพรียวบางเองจึงรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับกิจกรรมที่ทำและเมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกดี เฟยฮวาจะทำตัวน่ารักเป็นพิเศษ น้อยคนนักที่จะได้เห็นด้านนี้

นับว่าเป็นความโชคดีของอาชาที่ได้รางวัลแถมเป็นจูบแนบแน่นอีกหน ระหว่างนั้นก้นงอนก็เริ่มเขยื้อน เคลื่อนตัวอีกครั้งอย่างเนิบนาบโดยไม่ถามความเห็นจากพ่อค้าอวัยวะก่อน บดเบียดแก่นกายแทบขาดเป็นสองท่อน ค่อย ๆ ร่อนเอวอย่างชำนิชำนาญ จนอาชาต้านทานเสน่ห์แทบไม่ไหว เหมือนจะตายแต่ถ้าต้องหัวใจวายก็ไม่เสียดายชีวิตและยินดีจะเล่าให้นายทวารในปรโลกฟังว่ารสรักของนางฟ้าเด็ดดวงแค่ไหน ที่ว่าใสใสน่ะไม่จริงเลยสักนิด จริตจกร้านก็แพรวพราว

จากโซฟาลากยาวมาถึงเตียงขนาดหกฟุต หวุดหวิดจะล้มเพราะเดินประกบปากกันมาตลอดทาง มัวแต่วุ่นวายอยู่กับเรือนร่างของกันและกัน นอนเอาขาพาดบ่าท่าทางล่อแหลมระหว่างครวญครางจนเสียงแหบแห้ง ร้อนแรงกว่าตะวันด้านนอก รอบสุดท้ายของบ่ายนี้ใกล้ถึงฝั่งฝัน อาชาหยุดกลางคันเพื่อสอดหมอนเป็นฐานรองก้นแล้วเริ่มต้นเคลื่อนสะโพกอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง เรียวขาขาวตะวัดเกี่ยวเอวสอบไว้เพื่อรั้งไม่ให้ไปไหน แต่ถึงจะถูกไล่พ่อค้าอวัยวะก็ไม่ไปหรอก เพราะนอกจากจะเจอคู่นอนที่ดี ยังได้เจอศรีภรรยาที่น่ารัก จะมีสักกี่คนที่ลุกขึ้นมานั่งทำความสะอาดแก่นกายให้ทั้งที่ตัวเองน่าจะเป็นฝ่ายไม่สบายตัวมากกว่า เล่นปล่อยข้างในทะลักทะลายขนาดนั้นก็น่าจะรู้สึกคั้นเนื้อคั้นตัวบ้างสิ   

เฟยฮวาในสภาพอ่อนล้ามีเวลาได้ทบทวนในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ถามว่าเสียใจไหมที่เลือกอย่างนี้ตอบเลยว่าไม่เสียใจสักวินาทีเดียว แต่พอเหลียวมองคราบน้ำบนผ้าปูที่ยับย่นก็อาย โตเป็นผู้ใหญ่ซะเปล่าแต่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจราววัยว้าวุ่น ที่สุดอวัยวะทุกส่วนในร่างกายก็พร้อมใจกันโอดครวญ มันปวดเมื่อยไปหมดเหมือนโดนบดทับด้วยของหนัก

หลังได้สติและไม่มีอะไรจะแก้ตัวทั้งสิ้นก็คิดวนเวียนแต่เรื่องจากลา แม้บทรักจะตราตรึงใจสักแค่ไหน อ้อนวอนให้ตายสุดท้ายก็คงเป็นได้แค่ความทรงจำดี ๆ   

“ฉันขอนอนพักที่นี่สักชั่วโมงได้ไหมแล้วเดี๋ยวฉันจะไป”

“ไปไหน”  อาชาถามด้วยความสับสน กระเด้งกายล่อนจ้อนขึ้นมานั่งเคียงคนที่คว้าผ้าห่มมาโอบรอบกายกันอาย
   
“ไปจากที่นี่ไง แต่นายไม่ต้องจ่ายเงินหรอกนะ”  ช่วงเวลาปกติทำเป็นพูดห่างเหิน บางทีอาจเป็นกลไกแก้เขินของเฟยฮวาที่หลงเข้าใจว่าการร่วมรักเมื่อก่อนหน้ากี้เป็นเพียงการซื้อบริการเท่านั้น   

“เดี๋ยวนะ ฉันว่าเราต้องคุยกัน”     

“นายก็ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วนี่”  ที่หอบหิ้วมาถึงห้องพักไม่ใช่เพราะปรารถนาแค่เรื่องอย่างว่าหรอกเหรอ   

พ่อค้าอวัยวะนิ่งเงียบไป เพราะก็ใช่ ตนได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วจริง ๆ

“แล้วสิ่งที่นายต้องการล่ะ คืออะไร”  เหตุผลจริง ๆ ของการเดินเข้ามาขายตัวมันคืออะไรกันแน่ ถ้าแค่เพราะเงินแล้วทำไมถึงไม่รับเงินที่แน่นอนว่าจะได้เป็นกอบเป็นกำ จำนวนแบงค์มันเพิ่มตามความพึงพอใจ อาจได้หลายหมื่นด้วยซ้ำ

เฟยฮวาเผลอเม้มปากที่บวมเจ่อด้วยความประหม่า หลบเลี่ยงสายตา

ถึงจะกล้าแก้ผ้าต่อหน้าก็ใช่ว่าจะกล้าเปิดอกคุยทุกเรื่อง   

“พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ฉันมีเวลาทั้งวัน”  อาชาตัดบทด้วยการล้มตัวลงนอนและชิงหลับตา

ปล่อยให้ร่างเพรียวบางเผชิญกับความลังเลโดยลำพัง จากที่นั่งก็ค่อยล้มตัวลงนอนตะแคงข้างและหนุนท่อนแขนหนาต่างหมอน ก่อนเจ้าของท่อนแขนจะลืมตาข้างเดียวเพื่อเหล่มอง แล้วค่อยลืมตาทั้งสองข้างนิ่ง ๆ เมื่อได้ยินในสิ่งที่อีกคนต้องการ  “รับเลี้ยงดูฉันในฐานะอะไรก็ได้”  เสียงนั้นบางเบาแต่ก็หนักแน่นพอจะแทรกซึมเข้าไปในหัวใจคนฟัง  “ที่ฉันต้องการคือการมีนายอยู่ข้าง ๆ …อาชา”











----------------------------------------------------
Tag  #PONR  #เดินหน้าลูกเดียวไม่มีเหลียวหลัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2018 19:56:00 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.III (07/06)
«ตอบ #6 เมื่อ08-06-2018 19:59:19 »

น้อนนนนน แซ่บจังเลยค่าาาา ดูเป็นงานเป็นการ เอาอยู่จริงๆด้วย ว่าแต่น้องหนีอะไรมาพึ่งอาชาคะเนี่ย อ่านไปเสียววูบไป กลัวปอดหาย ฮืออออ

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.III (07/06)
«ตอบ #7 เมื่อ08-06-2018 20:31:49 »

เลี้ยงน้องเถอะนะขุนพรี่
ไหนๆก้มาถึงขนาดนี้กันละนะ
ว่าแต่ขุนน้องหนูมาจากไหนลูก
จู่ๆจะมาให้เค้าเลี้ยงนี้ต้องมีต้นสายปลายเหตุนิดนึงน้า

ชอบเรื่องนี้จังเลนค่ะ อ่านไปลุ้นไปตลอด
กลัวอิพี่จะเอามีดมาปาดตับน้อง 5555
มาต่อเร็วๆนะคะ คอยน้าาาาา

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.III (07/06)
«ตอบ #8 เมื่อ08-06-2018 22:40:18 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.III (07/06)
«ตอบ #9 เมื่อ12-06-2018 21:15:20 »

IV





‘ที่ฉันต้องการคือการมีนายอยู่ข้าง ๆ …อาชา’ 

ประโยคเดียวและประโยคเดิมถูกรีเพลย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัว ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็คล้ายได้ยินเสียงหวานกระซิบข้างหูอยู่ตลอด คนที่เอาเวลานอนมายืนอ่านเอกสารลองสะบัดหัวเผื่อจะสลัดเรื่องรบกวนใจไปได้ แต่ท้ายที่สุดก็พ่ายแพ้ราบคาบ ทำแค่ยกยิ้มหยันกับตัวเอง เป็นเด็กสามขวบหรือไงถึงได้หลงเชื่อและหวั่นไหวไปกับคำพูดฉอเลาะ

นี่กลายเป็นคนบ้ายอตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ขณะที่ส่ายหน้าอย่างระอาก็ยอมรับว่ารู้สึกดีไม่หยอกกับการเป็นที่ต้องการของใครสักคน ราวกับได้พบเหตุผลในการมีชีวิตอยู่อีกข้อหลังจากที่อยู่เพราะเงินมาโดยตลอดและคิดถึงแต่ตัวเองก่อนใคร 

พ่อค้าอวัยวะที่อยู่ในสภาพสวมกางเกงนอนขายาวตัวเดียวเปลี่ยนเวลาหลับเป็นเวลาทำงานอย่างขยันขันแข็ง ภายใต้คอนเซ็ปต์ผู้ชายจะดูเซ็กซี่และร้อนแรงโดยธรรมชาติยามเอาจริงเอาจัง

ระหว่างมุ่งสมาธิไปที่บัญชีรายรับรายจ่าย มาดก็อย่างกับนายแบบที่ยืนพิงขอบโต๊ะด้วยสะโพกสอบ ไม่รู้ว่าขอบกางเกงจะโหลดต่ำไปไหน ร่นลงขนาดเห็นวีไลน์กับไรขนอ่อน ชายหนุ่มซึ่งจัดอยู่กลุ่มจำพวกสัตว์เลือดร้อนเปิดแอร์คอนดิชั่นอุณหภูมิต่ำถึงยี่สิบองศา อากาศที่เย็นจัดมีผลต่ออาการเมื่อยขบ แล้วตอนขยับกล้ามเนื้อแขนก็พบความเคลื่อนไหว หูฟังส่วนสายตายังจดจ่อกับตัวเลขตามประสาคนเก่งเรื่องแยกประสาท 

“มาป้วนเปี้ยนใกล้ ๆ เดี๋ยวก็ได้โดนดีอีกหรอก”

อาชาทักทาย คนในปกครอง ที่เดินเข้ามาในห้องทำงานคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตพลางหลุดยิ้มร้ายกาจเมื่อเหลือบหางตาแล้วเห็นว่าเฟยฮวาอยู่ในสภาพสวมเสื้อยืดของตนที่ก็ไม่พ้นไม่ขอยืมก่อนอีกเช่นกัน ร่างเพรียวบางกำลังแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่านับจากนี้เป็นคนของใครหลังจากที่คำขอได้รับคำตอบตกลง

พ่อค้าอวัยวะตกปากรับคำว่าจะเลี้ยงดู ขอเพียงอยู่ภายใต้อาณัติ ซึ่งมันก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงอะไรสำหรับเฟยฮวา แต่ก็อย่าได้คาดหวังว่าจะว่านอนสอนง่ายอยู่ในโอวาทไปตลอด ตอนที่ตอบตกลงกันได้แอบไขว่นิ้วไว้ด้านหลังด้วย     

“ดึกแล้วนะ นายจะไม่นอนเหรอ”  ถามโดยใช้น้ำเสียงสงสัย เร็วไปที่จะถามด้วยความเป็นห่วง 

คนที่ยังอยู่ในภวังค์แห่งความง่วงซึมหลับไปหลายตื่นก่อนจะลืมตาขึ้นมากลางดึก จนพบว่าคนเคยนอนข้างกายไม่อยู่เลยเดินมาดูว่ากำลังทำอะไร ว่าจะถามแล้วเดี๋ยวก็ไปแต่กลายเป็นว่ากลับถูกเมินตั้งแต่คำถามแรก อุตส่าห์แต่งตัววับ ๆ แวม ๆ แต่คนเปลือยท่อนบนกลับสนใจกระดาษขนาดเอสี่มากกว่าตนที่ยืนโชว์ต้นขาขาวโพลน

“นี่…”  สองขายาวทำท่าจะก้าวผ่านหน้าเสมือนมองไม่เห็น เป็นเหตุให้น้ำเสียงขุ่น ๆ ร้องทักจนถูกจุ๊บปาก แล้วอาชาค่อยเดินเลยไปเพื่อหาของในลิ้นชักหน้าตาเฉย ทำอย่างกับยุ่งมากจนไม่มีเวลาคุยด้วยเลยสักนิดเดียว ปล่อยให้คนยืนหนาวขาเคว้งคว้าง กระทั่งระหว่างทางที่เดินย้อนกลับมายังโต๊ะทำงาน อาศัยว่าผ่านพอดี พ่อค้าอวัยวะก็ฉวยหอมขมับขาวไปที แต่ไม่มีการชวนคุยต่อ นั่นทำให้ดวงหน้านิ่ง ๆ ยิ่งหงิกงอ พอเห็นว่าตัวเองไม่มีตัวตนในสายตาก็ว่าจะกลับไปนอน

“อยู่ด้วยกันก่อนสิ”  ยังดีที่รู้จักรั้ง ตอนแรกก็นึกว่าจะปล่อยร่างเพรียวบางไปตามทาง

อาชาเป็นฝ่ายสวมกอดเฟยฮวาจากด้านหลัง ก่อนจะยกกระดาษทั้งแผ่นขึ้นมาตรวจสอบต่อ 

“ฉันง่วง”  คนที่ติดอยู่ในวงล้อมอ้อมแขนแน่นหนาพยายามเคลื่อนตัวให้เป็นอิสระ  “ปล่อยสักที ฉันจะไปนอน”

เฟยฮวาแทบจมอยู่ในอ้อมกอดเมื่อแขนแกร่งข้างหนึ่งรัดเอวคอดไม่ยอมปล่อย  “ปล่อยฉัน”

“รอไปนอนพร้อมกัน”  คนถูกกอดกำลังอึดอัด

ผิดกับคนกอดที่ยืนอ่านเอกสารสบาย ๆ ได้ทั้งความอบอุ่นได้ทั้งที่พักคาง วางเกยบ่าแคบพอดิบพอดี 

“อาชา”     

“นี่เราสนิทกันขนาดเรียกชื่อห้วน ๆ ได้แล้วเหรอ”  พอได้ยินน้ำเสียงหงุดหงิดแล้วยิ่งมีความสุขแปลก ๆ จึงหาสารพัดวิธีมาแกล้ง เริ่มแรกด้วยวิธีเบาะ ๆ  “อ่อ ลืมไป เราสนิทขนาดสีกันแล้วนี่เนอะ” 

พ่อค้าอวัยวะหอมแก้มเนียนไปเสียหลายฟอด จนคนที่ถูกกอดถูกหอมตั้งปณิธานว่าจะไม่ยอมเสียเปรียบอีกต่อไป แต่พอเอี้ยวใบหน้ามาเห็นแววตาขำขันปนสนุกสนาน แทนที่จะสวมบทบาทนางเอกจอมดีดดิ้นให้อีกคนตลกเล่นเลยทำตัวเป็นท่อนไม้ ยืนนิ่งให้อาชารุ่มร่ามตามร่างกายได้ตามสะดวก แต่แค่เห็นเงียบไปนักล้วงขาอ่อนก็รีบอธิบายเจตจำนง   
 
“ที่ทำเนี่ยก็เผื่อคุณเมียจะอารมณ์ดีขึ้นไง” 

“แค่เลิกกอดแล้วปล่อยฉันไปนอน ฉันก็จะอารมณ์ดีขึ้นมาก ๆ แล้ว”

“อยู่ด้วยกันก่อนสิ ผัวอุตส่าห์ทำงานหาเงินงก ๆ เพื่อเมียเลยนะ”

“เลิกเรียกฉันว่าเมียสักทีได้ไหม ฉันมีชื่อ”

“สวยแล้วยังดุอีก”  ต่างคนต่างทันกัน สามารถโต้ตอบอัตโนมัติเหมือนเกิดมาเพื่อเป็นคู่กัดในยามสงบ ขณะที่ยามรบบนเตียงกลับเพรียกหากันเสียงหลง  “ว่าแต่ชื่อนาย เสี่ยวเฟยฮวา คนจีนงั้นเหรอ” 

“ลูกครึ่งไทยจีน”

“ถึงว่าพูดไทยได้แต่บางคำไม่ชัด”

“แต่ฉันด่าชัดนะ เก่งด้วย จะลองหน่อยไหม”

“อย่าคิดว่าได้กันแค่ครั้งสองครั้งแล้วฉันจะปรานีนะ”  กระซิบทีเล่นทีจริง ฉีกยิ้มแค่ปากแต่นัยน์ตาติดขวางและเพื่อไม่ให้ดูเป็นการข่มขู่มากเกินไปจึงหัวเราะปิดท้ายคล้ายล้อเล่น อาชาแค่จะบอกว่าตัวเองไม่ใช่ประเภทจะยอมอ่อนข้อให้ใครแค่เพราะนอนด้วยกัน บนเตียงเมามันราวกับรักกันจะตาย แต่ตราบใดที่เฟยฮวายังถือว่าเป็นกล่องปริศนาก็ยังจะต้องประคองด้วยความระมัดระวังต่อไป เก็บมาโดยไม่มีคำบอกใบ้ แถมค้นลงไปไม่รู้จะเจออะไรบ้าง ก็ต้องระวังมือหน่อย 

อีกคนจะเล่นหัวตนได้ก็เฉพาะตอนอยู่บนเตียง ระเบียงหรือโซฟา เอาเป็นว่าในช่วงเวลาที่ลึกซึ้งกัน เสี่ยวเฟยฮวาจะมีสิทธิ์ในตัวอาชาทุกประการ แต่นอกเหนือจากนั้นอำนาจจะตกเป็นของตน  “ฉันอยากให้นายรู้กฎของการอยู่ร่วมกันไว้สักข้อ”  พ่อค้าอวัยวะเลิกสนใจงานในมือได้สักที วางกระดาษเอสี่กับโต๊ะทำงานแล้วหมุนคนในวงแขนให้หันมาเผชิญหน้า 

“กฎของการอยู่ร่วมกันคือพูดความจริง …ทำได้ไหม”

ไม่ทราบจุดประสงค์แน่ชัดว่านั่นคือการพูดไปส่ง ๆ หรือจงใจย้ำน้ำเสียงเด็ดขาด แต่ก็สามารถทำให้เฟยฮวาชะงักไปสักพักและการตอบตกลงก็ดูจะไม่ใช่งานง่ายเลยสักนิด ในระหว่างที่ร่างบางคล้ายมีอะไรซ่อนอยู่ในใจ อาชาก็เร่งเร้าจะเอาคำตอบให้ได้ โดยเคลื่อนหน้าเข้าใกล้ หรี่สายตาเหมือนจับผิดจนริมฝีปากเกือบชิดริมฝีปาก

“ทำไม่ได้…?” 

“ฉันทำได้”  สุดท้ายก็ตอบตกลงและไม่ยอมปกปิดท่าทีว่ากำลังโกหกด้วย ขณะที่พ่อค้าอวัยวะเองก็รู้ว่าคนสวยกำลังโกหกหน้าตาย แต่ก็ทำเป็นหลับหูหลับตาพยักหน้าราวกับพึงพอใจในคำตอบนั้น  “แล้วฉันจะคอยดู” 

“ฉันเอง… ก็มีเรื่องอยากจะขอเหมือนกัน”  เฟยฮวารู้ดีว่าต้องระวังกิริยาให้มาก หลังจากนี้ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็ไม่น่ารอดพ้นสายตาคนฉลาดเป็นกรดไปได้ แต่ก็เพื่อทำให้เรื่องราวคาราคาซังยุติโดยสมบูรณ์ จึงเลือกจะทำตัวให้อาชายิ่งพอกพูนความสงสัย  “ฉันขอยืมเงินหน่อยได้ไหม”

“ได้คืบจะเอาศอกมันเป็นแบบนี้สินะ”  แปลกที่อาชาหัวเราะเพราะความจริงก็คิดไว้อยู่แล้ว มีแต่พวกฉลาดที่ไม่ยอมรับเงินตั้งแต่แรกเพื่อแลกกับการเลี้ยงดูที่น่าจะได้เงินเยอะกว่า

อย่าว่าแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ต้องการแก้วแหวนเงินทอง เท่าที่มองคนตรงหน้าก็คงจะเป็นประเภทใช้เงินเก่ง ดูรสนิยมดีและเห็นแก่ความที่มาตัวเปล่า เดี๋ยวป๋าจะควักแบงค์เทาให้ไปซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ใส่ ให้เงินเอาไว้กินขนมเล่น 

“ต้องการเท่าไหร่ล่ะ” 

“สิบล้าน” 

แต่คิ้วได้รูปก็ต้องมีอันขมวดมุ่น อาชานึกว่าตัวเองหูเพี้ยนไปจนเมื่อได้สบนัยน์ตาเลยเข้าใจว่าเฟยฮวาพูดจริง 

“นายจะเอาเงินเยอะแยะพวกนั้นไปทำอะไร”

“เหตุผลส่วนตัว”

“ไหนว่าจะพูดความจริง”

“เหตุผลส่วนตัวนั่นคือความจริง”

“งั้นฉันก็ไม่ให้ยืม”  ตัดโอกาสอย่างไร้เยื่อใย ไม่เผื่อเวลาทบทวนอีกสักรอบ  “ฉันไม่ไว้ใจนั่นก็คือความจริงเหมือนกัน”  เงินก้อนใหญ่ใช่ว่าไม่มีให้ แต่อีกคนเคยรู้จักไหมวิธีขอร้องน่ะ เวลาบากหน้ามาขอยืมเงินใครก็ควรเล่าจำเป็นให้ฟัง รู้จักหาเหตุผลดี ๆ มาเล่า แกล้งร้องไห้เดี๋ยวคนเขาก็ใจอ่อน ทำตัวให้เหมือนคนกำลังเดือดร้อนจริง ๆ ไม่ใช่นิ่งเป็นหุ่น 

“งั้นฉันขายอวัยวะก็ได้”

“รวมทั้งตัวนายยังไม่ได้3ล้านด้วยซ้ำ”

เฟยฮวางับปากฉับหลังจากได้ยินอีกคนพูดจาหักหาญความตั้งใจแล้วกิริยามันก็เป็นไปเองโดยอัตโนมัติ พอโดนขัดใจก็สะบัดไหล่และเนื้อตัวออกจากการเกาะกุม ทำเอาอาชากลุ้มเพราะไม่ได้รับคำอธิบาย ซ้ำร้ายร่างเพรียวบางยังเดินหนี รีบพาสองขาขาวโพลนเดินออกไปให้พ้นจากห้องทำงาน

ทิ้งให้อาชายืนสงสัยว่าการที่อีกคนสะบัดก้นหนีไปหมายความว่ากำลังงอนอย่างนั้นน่ะเหรอ 

“อะไร…? นี่ฉันถูกงอนเหรอ”  พ่อค้าอวัยวะโวยวาย สาบานได้ว่านี่คือครั้งแรกในชีวิตที่เกิดมา อย่าว่าแต่ลูกน้องเลย ผู้หญิงที่เคยนอนด้วยก็ไม่เคยทำท่าทีแง่งอนใส่ รีบตะโกนไล่หลังหวังให้ได้ยิน งอนแล้วอย่าคิดว่าฉันจะตามไปง้อนะ!










บนเตียงนอนสีกรมท่าขณะรุ่งสางกำลังมีหนึ่งร่างนอนดิ้นอย่างทุรนทุราย ใบหน้านั้นซีดเผือดและมีเหงื่อซึมตามขมับ นอนกระสับกระส่ายราวกับไม่สบายตัวอย่างยิ่ง ส่ายหน้าเป็นพัลวันเหมือนกำลังปฏิเสธความจริงระหว่างจิกเล็บกับผ้าห่ม ดูท่าคนหลับตาสนิทจะจมอยู่ในฝันร้ายและพยายามจะตะเกียกตะกายเพื่อให้มีชีวิตรอด ก่อนจะกรีดร้องโวยวาย เสียงขอร้องให้คนช่วยในฝันนั้นดังกึกก้องแต่เสียงจริง ๆ ที่เปล่งออกมาจากกลีบปากอิ่มช่างแผ่วเบา

ร่างเพรียวบางกำลังดิ้นรนอย่างทุกข์ทรมานกระทั่งฝันยาวนานดำเนินมาเรื่อยจนถึงกาลอวสาน เฟยฮวาผวาตื่นขึ้นเพราะเสียงปืนในฝัน เสียงดังสนั่นช่วยปลุกจากนิทรา คนเบิกตาโพลงลุกขึ้นมานั่งหอบหายใจในเวลาปัจจุบัน ก่อนจะรีบหันซ้ายแลขวาเพื่อเช็กว่าตัวเองอยู่ในคอนโดไม่ใช่บ้านหลังโตที่เต็มไปด้วยอดีตอันเลวร้าย

จนมั่นใจว่าตัวเองปลอดภัยแล้วจริง ๆ ช่วงไหล่ที่สั่นก็ค่อยลดอัตราการเคลื่อนไหวลง เริ่มหายใจคงที่ขึ้นตอนควานมือลูบพื้นที่ข้างกายที่เหลือแต่ไอร้อน ส่วนคนเคยนอนหายไปกลายเป็นความว่างเปล่า มันเช้าขนาดที่ไก่ยังไม่ทันขันแต่ก็มีคนเตรียมอาบน้ำแต่งตัวออกไปคุมกิจการแล้ว

เฟยฮวาโล่งใจไปอีกเปราะ อย่างน้อยพ่อค้าอวัยวะที่อยู่ในห้องน้ำก็ไม่ทันเห็นอาการฝันร้ายที่เป็นเหมือนโรคประจำตัวของตนไปแล้ว โรคประจำตัวที่จะกำเริบในทุก ๆ คืน ต่อให้มืดแล้วแต่ก็ไม่เคยได้หลับสนิทสักวัน มันติดเป็นนิสัยที่จะนอนหลับไปแล้วตื่นขึ้นมา หลับตาช่วงสั้น ๆ แล้วตื่นด้วยความหวาดระแวง

ร่างเพรียวบางขยับตัวอย่างเงียบเฉียบ ค่อย ๆ เหยียบฝ่าเท้าลงบนพื้นข้างเตียงนอน ก่อนกระดาษแผ่นหนึ่งที่ทำท่าจะปลิวเพราะแรงลม จะดึงดูดสายตากลมโตให้สนใจ บนตู้เล็ก ๆ ข้างหัวเตียงมีเช็คจำนวนสิบล้านพร้อมลายเซ็นกำกับลงนามว่าอาชา ผู้ที่เคยปฏิญาณว่าง้อใครไม่เป็นอยู่เมื่อคืน แต่พอตื่นก็บันดาลตวัดปากกาเซ็นตัวเงินให้

ซึ่งนั่นทำให้เฟยฮวายิ่งรู้สึกผิดและละอายใจ มีสิทธิ์อะไรเมื่อคืนถึงได้กล้าทำตัวไม่น่ารักใส่อีกคน เลยได้แต่ขอโทษในใจ พร้อมทั้งขอบคุณที่ให้ยืมเงินจำนวนมากโดยไม่ถามหาหลักประกัน เอาไว้จะหาทางตอบแทนเท่าที่สามารถทำได้ จะชดใช้ให้สมกับที่พ่อค้าอวัยวะยอมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ยอมรับว่าที่ทำอยู่คือเข้าข่ายหลอกลวงและหลอกใช้ แต่ก็สาบานได้เหมือนกันว่าไม่เคยมีเจตนาร้าย แค่ต้องการพึ่งใบบุญเท่านั้น 

“…ฉันขอโทษนะ”

“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำ เดี๋ยวจะให้ลูกน้องพาไปซื้อของ”  คนนั่งห้อยขารีบหันมองเจ้าของเสียงคำสั่งที่ จู่ ๆ ก็เดินพรวดพราดออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพพันช่วงล่างแค่ผ้าขนหนูปมหลวม ๆ 

“แต่ฉันอยากไปคนเดียว”   

“ตลกแล้ว นายเห็นตัวเลขในเช็คนั่นไหม ฉันไม่ยอมให้นายหนีไปพร้อมกับเงินของฉันแน่”

“ฉันก็ไม่ได้คิดจะหนีสักหน่อย”

“กันไว้ดีกว่าแก้”  ไหล่กว้างยักเล็กน้อยก่อนจะฉวยผ้าขนหนูผืนที่พาดบ่ามาเช็ดปอยผมลวก ๆ และเริ่มเดินไปมาอีกครั้งระหว่างยังเอ่ยต่อไป  “ฉันก็แค่ขี้เกียจต้องออกตามหานาย” 

อาชาพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาเลยไม่รู้ว่าอยู่ในห้วงอารมณ์ไหน แล้วเจ้าตัวก็ไม่รู้เลยว่ากำลังทำให้คนฟังใจเต้นแรง ประโยคก่อนหน้านี้เหมือนก่อกองทรายแห่งความหวัง จนเฟยฮวาตั้งใจถามคำถามนึงออกมา

“ถ้าฉันหายไป นายจะออกตามหาจริง ๆ เหรอ” 

“แน่นอน”  ลูกตากลมเต็มไปด้วยความคาดหวังหลังจากได้ยินคำตอบแรก ใจเต้นแรงกว่าเดิมเริ่มเข้าข้างตัวเอง แต่พอได้ฟังคำตอบที่สองกองทรายก็คล้ายโดนคลื่นซัดจนมันพังครืนลงมา  “เพราะว่านายเอาเงินฉันไป”

ใช่ว่าไม่ทันเห็นท่าทีหงอยเหงา อาชาเห็นเข้าเต็มสองตาเพราะไม่เคยจะละสายตาจากเสี้ยวหน้าของเฟยฮวาเลยสักครั้ง เคยบอกไปแล้วว่าจะจับตาดูอย่างใกล้ชิด แต่ก็อดคิดต่อยอดไปไม่ได้ว่าที่นัยน์ตานั้นดูเศร้าสร้อยเป็นเพราะคำตอบของตน คนเป็นผัวก็แค่อยากให้เมียเลิกทำหน้าเหมือนโลกกำลังล่มสลาย

ลึก ๆ ก็อยากให้ร่างเพรียวบางมั่นใจ

“จะเพราะเงินหรือเพราะอะไร นายไม่ต้องสนใจหรอกเฟยฮวา” 

ประโยคบอกเล่าทำให้คู่สนทนายอมหันกลับมาสบตาอย่างเชื่องช้า

เฟยฮวาแค่กำลังรอว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรโดยไม่ตั้งความหวังเหมือนคราวแรก แต่แปลกที่คนตัดความหวังอย่างเลือดเย็นกลับเป็นคนเดียวกับที่สร้างความหวังอันหอมหวานครั้งใหม่ขึ้นมา  “…รู้ไว้แค่ว่าฉันออกตามหานายแน่ก็พอ” 

ว่าต่อให้ไกลสุดขอบหล้าฟ้าเขียว ก็จะตามไปหาจนเจอ     
       









ช่วงสายภายในลานจอดรถกำลังหนาตาไปด้วยคนชุดดำไม่ต่ำกว่าห้า พ่อค้าอวัยวะลงทุนจ้างบอดี้การ์ดมาเพื่ออารักขาคน ๆ เดียว ในฐานะคนของนาย เสี่ยวเฟยฮวาก็ต้องจำใจยอมรับสภาพและสละความเป็นส่วนตัวไปจนหมดสิ้น โชคดีว่าชินแล้วกับการเดินไปไหนมาไหนเป็นขบวน แต่ก็รู้สึกขอบคุณมากที่อีกคนไม่ทำถึงขนาดจ้างตำรวจขับรถนำหน้า

เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น สาบานเลยว่าร่างเพรียวบางจะไม่ออกไปไหนให้สะดุดตาคนทั่วไปเล่น ๆ แน่
 
“ต้องการอะไรก็บอกลูกน้องฉัน เข้าใจไหม” 

คนสูงกว่ารอคนตัวเล็กพยักหน้ารับก็ค่อยพอใจ อาชาทำท่าปัดมือเหมือนจะไล่ให้ขึ้นรถที่มีลูกน้องเปิดประตูรอ แต่พอร่างเพรียวบางจะก้าวไปเท่านั้นแหละ มือใหญ่ก็ฉวยข้อมือขาวไว้และรั้งมาใกล้เพื่อกอดหอมท่ามกลางการห้อมล้อมจากบรรดาลูกน้องที่แสร้งมองไปคนละทาง ขณะเฟยฮวาเองก็เลี่ยงที่จะมองสายตาล้อเลียนจากคนในบริเวณเพราะลึก ๆ แล้วยังอาย ก่อนจะเป็นฝ่ายกระซิบกับอกแกร่งว่าพอเถอะ แล้วอาศัยช่วงชายหนุ่มเผลอ เขย่งรองเท้าและจูบเข้าที่แก้มซ้าย 

“ตั้งใจทำงานนะ”

“น่ารักเป็นเหมือนกันนี่นา”  แววตาอาชาแพรวพราวทันควัน ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจสถานที่ก็คงจะจับคนที่รีบเดินไปขึ้นรถมาฟัดให้หายอยาก แต่พอรถคันที่ร่างเพรียวบางขึ้นนั่งขับผ่านไปก็ต้องกลืนน้ำลายด้วยความเสียดายก่อนจะหันกลับมาชี้หน้าลูกน้องรายตัวโทษฐานแอบมองหน้าเมียตน

ส่วนเฟยฮวาที่อยู่บนรถก็แอบยืดคอมองแผ่นหลังกว้างของคนที่เพิ่งจากมาจากเบาะหลัง แล้วค่อยหันกลับมานั่งหน้าตรง คงเพราะมีบางอย่างทำให้อยากยิ้ม ริมฝีปากอิ่มเลยคลี่บาง ๆ ราวกับเด็กน้อยที่กำลังมีความสุขแต่ก็กลัวเหลือเกินว่าการแสดงออกจะทำให้ทุกข์ขนัดถามหา แต่ไหนแต่ไรไม่กล้าแสดงออกมากมายเพราะกลัวคำสาปร้ายจะตามรังขวาน

พระเจ้ามักประทานคนที่มีความหมายในชีวิตมาให้แล้วก็ฆ่าตายอย่างเลือดเย็นลงตรงหน้า

ก็แค่ไม่อยากจะกระโตกกระตาก อยากให้ความรู้สึกดีถูกเก็บไว้เงียบที่สุดแล้วเก็บหอมรอมริบไออุ่นไว้กับตัวจนกว่าความกลัวและขลาดเขลาจะจืดจางไป นานแล้วที่ไม่รู้สึกปลอดภัยแต่อาชาสามารถทำได้ด้วยการยืนอยู่ข้างกาย เฟยฮวาคุ้นเคยกับการถูกควบคุมและอยู่ภายใต้การคุ้มกัน แต่ความรู้สึกระหว่างที่ติดอยู่กับบอดี้การ์ดมันแตกต่างจากตอนอยู่กับพ่อค้าอวัยวะชัดเจน 

จนเมื่อเห็นป้ายสัญลักษณ์ทางการเงินจึงเลิกใจลอย  “พาฉันไปธนาคารก่อน”  รีบบอกจุดหมายปลายทางตอนรถเคลื่อนสู่ถนนใหญ่ เลือกธนาคารที่ใกล้ที่สุด รอจนล้อหยุดหมุนแล้วก้าวลงจากรถและทนต่อสายตาสนใจใคร่รู้ของคนรอบข้าง ยืนข้างทางก่อนจะหันกลับมาสั่งพวกชายชุดดำน้ำเสียงเด็ดขาด  “ฉันจะเข้าไปทำธุระ ส่วนพวกนายก็รออยู่ข้างนอก” 

ไม่ว่าใครก็ต้องเหลือบมองบอดี้การ์ดที่ยืนคุมหน้าธนาคารอย่างขยันขันแข็ง แย่งหน้าที่ยามตอนเฟยฮวาได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ พอไม่มีคนเดินตามตัวเองเป็นโขยงก็หายใจโล่งขึ้น แม้อึดอัดแต่นานเข้าก็รู้สึกไม่เท่าไหร่ อย่างน้อยคนของอาชาก็ไม่ได้มีจำนวนมากมาย ยังพอให้หายใจได้สะดวกกว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมา     

แม้จะเป็นลูกครึ่งไทยจีนแต่ก็เคยมีอดีตกับประเทศบ้านเกิดของตัวเองไม่น้อย พ่อคนจีนพบรักกับแม่คนไทยจนนำไปสู่การแต่งงาน ร่างเพรียวบางเกิดที่ไทยจึงได้สัญชาติตามประเทศที่เกิดและเคยเดินทางไป ๆ มา ๆ ระหว่างไทยกับจีนหลายต่อหลายครั้งตอนเป็นเด็ก ก่อนจะย้ายตามพ่อไปที่จีนแผ่นดินใหญ่ถาวรตอนเป็นวัยรุ่น แล้วสุดท้ายก็ได้กลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอน ยังถือพาสปอร์ตคนไทย มีบัตรในนามพลเมืองที่สามารถใช้ทำธุรกรรมทางการเงินได้

ร่างบางเพรียวบางทำตามที่พนักงานหญิงบอกทุกประการเพื่อให้มั่นใจว่าเงินสิบล้านจะถูกส่งเข้าบัญชีปลายทางอย่างเรียบร้อย นั่งคอยใจจดใจจ่อรอจนเจ้าหน้าที่สาวส่งหลักฐานการโอนเงินสำเร็จมาให้ ถึงได้เดินกำกระดาษออกมาจากธนาคารด้วยความโล่งอก เหมือนยกภูเขาทั้งลูกออกไป

ไม่ว่าปลายทางจะอยากรับเงินหรือไม่แต่ก็ถือว่าได้ชดใช้ครบทุกบาททุกสตางค์

แก้วตากลมสั่นไหวระหว่างก้าวเท้าซ้ายที่รู้สึกเบาโหวง พันธะที่เคยถ่วงขามันหมดลงไปแล้ว 










เสียงก๊อกก๊อกก๊อกสามครั้งดังขึ้นที่หน้าประตูเพื่อเป็นการขออนุญาต

ก่อนคนที่อยู่ด้านในจะขานรับด้วยน้ำเสียงธรรมดา  “เข้ามา”

อาชาแทบไม่เงยหน้ามองลูกน้องด้วยซ้ำ แถมยังสั่งให้รีบรายงานความเคลื่อนไหว  “รีบ ๆ พูดมา”

“คุณเฟยฮวาโอนเงินเข้าบัญชีต่างประเทศครับ ปลายทางเป็นประเทศจีน” 

“เช็กได้ไหมว่าเป็นบัญชีของใคร”

“กำลังพยายามอยู่ครับ”

“แล้วข้อมูลอื่น ๆ ล่ะ” 

นอกจากจะให้คอยรายงานความเคลื่อนไหว พ่อค้าอวัยวะยังไหว้วานให้ลูกน้องสืบหาข้อมูลส่วนตัวของเสี่ยวเฟยฮวามา อยากรู้ใจแทบขาดว่ารูปบัตรต่าง ๆ ที่แอบถ่ายส่งไปให้ตอนร่างเพรียวบางนอนหลับมันจะทำประโยชน์ให้แค่ไหน 

“ผมอยากให้เจ้านายลองอ่านนี่ดูก่อนครับ”

“อะไร”  เห็นอยู่ว่าเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับฉบับสีน้ำตาลอ่อนค่อนไปทางเหลืองแล้ว แต่เจ้าของแววตาสงสัยก็ยังแอบไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอีกคนจะยื่นหนังสือพิมพ์เล่มเก่ามาให้อ่านทำไมจนกระทั่งได้มีโอกาสกางกระดาษหน้าที่ลูกน้องบอกว่าอยากให้ลองอ่านดู

อาชาหยุดนัยน์ตาอยู่ที่หัวข้อข่าวที่ถูกวงด้วยปากกาสีแดงเอาไว้และแม้ว่าหมึกจะเลือนรางไปตามกาลเวลา เห็นว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่ย้อนศักราชถอยไปราว ๆ หลายสิบปี แต่ที่น่าสนกว่านั้นคือเนื้อหาที่เขียนเล่าถึงเหตุการณ์ที่คฤหาสน์เจ้าสัวค้าไม้ถูกฆ่าตายยกครัวที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่  “นี่มันอะไร”

“อ่านต่อไปสิครับ”

“…เจ้าสัวค้าไม้กับภรรยาเสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ แต่ที่สร้างความงวยงงให้กับตำรวจก็คือไม่มีการพบศพลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย เด็กชายหายตัวไปอย่างลึกลับ…”

หัวคิ้วขยับขมวดเป็นปมทันทีหลังจากที่อ่านทุกบรรทัดเสร็จ  “แล้วมันเกี่ยวกับที่ฉันให้แกไปสืบเรื่องของเสี่ยว…”  ปากของอาชานั้นงับปิดทั้งที่ยังไม่ทันเอ่ยถามจนจบข้อความดีด้วยซ้ำ  “แกกำลังจะบอกฉันว่า…”

“เจ้าสัวค้าไม้มีแซ่ว่าเสี่ยวชื่อจริงหานเจี้ย ภรรยาชื่อวาสนา ส่วนชื่อลูกชายที่หายไป”

“เฟยฮวา”  อาชาตอบให้และมองลูกน้องด้วยสายตาคาดคั้นเหมือนจะถามว่าที่แกกำลังจะพูดก็คือชื่อนี้ใช่หรือเปล่า ถือเป็นการคาดเดาได้แม่นยำเมื่อลูกน้องตอบในสิ่งที่พ่อค้าอวัยวะสงสัยด้วยคำว่าครับก่อนเงียบไป ยืนไพล่มือด้านหลังอย่างสุภาพ  “แกออกไปก่อนไป”

อาชาออกปากไล่เพราะอยากได้เวลาส่วนตัวคืนมา ก่อนจะปล่อยมือจากหนังสือพิมพ์พร้อมถอนหายใจ ทั้งที่มีงามท่วมหัวให้จัดการ แต่หลังจากได้รับรู้เรื่องราวที่ยังยืนยันไม่ได้จิตใจมันวอกแวก ถึงเหตุการณ์ในข่าวจะไม่เกี่ยวข้องกับตน ถึงจะเชื่อได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็ไม่มีเหตุผลให้ไม่เชื่อเหมือนกัน

บนโลกนี้มีคนชื่อซ้ำกันเป็นร้อยเป็นพัน ชื่อเฟยฮวาอาจจะเป็นชื่อที่โหลในจีนก็ได้

แต่ถ้าเป็นคนเดียวกับเด็กชายที่หายสาบสูญไป ก็อดจินตนาการไม่ได้อีกเช่นกันว่าระหว่างนั้นต้องพบเจอกับอะไรบ้าง ในหัวมีแต่เครื่องหมายเควสชั่นมาร์คเต็มไปหมด จะลดปริมาณได้ก็ต่อเมื่อออกปากถามเท่านั้น   

“ตกลงนายเป็นใครกันแน่”











----------------------------------------------------
Tag  #PONR  #เดินหน้าลูกเดียวไม่มีเหลียวหลัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.III (07/06)
« ตอบ #9 เมื่อ: 12-06-2018 21:15:20 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.IV (12/06)
«ตอบ #10 เมื่อ12-06-2018 22:00:03 »

อดีตน้องลึกลับมาก อยากรู้ว่าโอนเงินให้ใคร มีคนเลี้ยงดูหรือเปล่า  :ling3:

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.IV (12/06)
«ตอบ #11 เมื่อ12-06-2018 23:24:39 »

หนูลูกพี่เค้าจับไดละนะว่าหนูแอบโอนเงินอะ
รีบๆบอกพี่เค้าไปเร็วๆว่าโอนอะไรไปให้ใคร
ขอเดาว่าน้องต้องฝังใจอะไรสักอย่างแน่ๆเลย
เหนวลาฝันร้ายละน่าสงสาร

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.IV (12/06)
«ตอบ #12 เมื่อ05-10-2018 19:21:20 »

V




“มองอะไร”

“มีอะไรอยากเล่าให้ฉันฟังบ้างไหม”  คนยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มถามหลังจากกลืนน้ำสีแดงคล้ำลงลำคอจนหมด ส่วนคนที่กำลังใช้มีดหั่นสเต็กออกอาการชะงักไปเล็กน้อยแล้วค่อย ๆ บรรจงตัดชิ้นเนื้อต่อ งดออกเสียงก็ไม่พ้นถูกทักด้วยน้ำเสียงเคลือบแคลงอีกครั้ง  “เคยกินอาหารในร้านแพง ๆ บ่อยเหรอ” 

คราวนี้ร่างบางจึงรวบมีดพร้อมส้อมแล้วเงยหน้าขึ้นทันที  “นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่”

เฟยฮวาสบตาไปขณะอาชาสบตามา ต่างฝ่ายต่างใช้นัยน์ตาเพื่อเฟ้นหาความจริงซึ่งซ่อนอยู่ในแววตาของฝั่งตรงข้าม ท่ามกลางเสียงจอแจจากบริเวณโดยรอบคำตอบว่าต้องการอะไรยังไม่ปรากฏจนบรรยากาศชักดูจะไม่ค่อยสู้ดี ก่อนฝ่ายที่ยอมรับว่าหาเรื่องก่อนจะยกมือยอมแพ้ 

“ฉันก็แค่สงสัยว่าทำไมนายใช้ของพวกนั้นคล่องจัง”  ปลายนิ้วยาวชี้ระบุว่าของพวกนั้นที่หมายถึงก็คืออุปกรณ์สำหรับรับประทานที่มีไว้ใช้เฉพาะในร้านอาหารแพง ๆ และมันก็ยิ่งน่าสงสัยที่ร่างบางดันใช้อย่างถนัดถนี่ รู้วิธีอย่างกับเคยมีใครสอน ดูไม่ใช่คนประเภทแค่นอนแลกเงินไปวัน ๆ   

“บอกฉันมาตามตรงว่านายเอาเงินไปทำอะไร”

“เรื่องส่วน…”

“ห้ามตอบว่าเรื่องส่วนตัว”  ไม่เกรงกลัวตำรวจนั่นก็ใช่แต่เพราะเห็นว่าตัวเองนั่งอยู่ในมุมอับเลยปลดปืนที่เอวมาวางบนโต๊ะอาหาร จงใจให้เฟยฮวาเห็นเต็มสองตาเผื่อว่าจะนึกหาคำตอบได้ดีขึ้น 

“จะขู่เหรอ”

“ฉันไม่เคยขู่นายก็รู้”  จู่ ๆ ภาพเหตุการณ์วันที่อีกคนยิงลูกน้องตายต่อหน้าต่อตาก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำและนั่นทำให้เฟยฮวาสงบปาก แม้ว่าภายนอกของคนฝั่งตรงข้ามจะแฝงไปด้วยความขี้เล่นอยู่บ้าง แต่หากเป็นตอนเอาจริงเอาจัง บางทีอาชาก็อาจจะไม่ต่างจากยักษ์ที่ฉีกกระชากเหยื่อด้วยความทารุณ

และเพราะร่างบางยังอยากรักษาชีวิตตัวเองไว้จึงยอมพูดประโยคที่คิดอยู่ในใจ  “ฉันขอเวลาหน่อยได้ไหม”  ถึงจะไม่ใช่ความจริงแต่นี่ก็คือความตั้งใจจริง  “แล้วฉันจะบอกนายเป็นคนแรก”

แปลกที่มือใหญ่ไม่คว้าด้ามปืนแล้วยกขึ้นจ่อหน้าผากมน คนอยากได้ความจริงแค่นั่งนิ่งเฉย ทั้งที่เคยใจแข็งแต่แรงเว้าวอนในแววตากลมกลับทำให้จมอยู่ในความคิด กำลังเลือกระหว่างจะเร่งเอาคำตอบหรือยอมรออีกสักนิดสักหน่อย ก่อนประโยคชวนคุยประเด็นใหม่จะทำให้รู้ว่าเลือกช้อยส์รอ

“งั้นเรามาคุยเรื่องหนี้ของนายกัน จะจ่ายคืนยังไง”

“นายบอกเองว่าฉันขายอวัยวะไม่ได้ มีงานอื่นพอจะให้ฉันทำไหม”  ที่เฟยฮวาถามเพราะต้องการจะทำอะไรสักอย่างเพื่อหาเงินมาคืนจริง ๆ เป็นสิ่งเล็กน้อยหรืออะไรก็ได้ แค่ไม่ต้องนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในห้อง นอกนั้นคนมีประกายนัยน์ตามุ่งมั่นก็ไม่เกี่ยง   
 
“ถ้าจะให้ใช้ร่างกายชดใช้หนี้ก็ดูจะละครน้ำเน่าไปหน่อย ฉันอยากนอนกับนายโดยไม่มีเงื่อนไขมากกว่า”  แผนของอาชาคือการให้เฟยฮวาอยู่ใกล้หูใกล้ตาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง  “งั้นมาเป็นเลขาให้ฉัน”  ถ้ายังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นใคร การเก็บคนประวัติไม่โปร่งใสไว้กับตัวก็น่าเป็นทางออกที่ดีกว่า  “กลางวันเป็นเลขา กลางคืนเป็นเมีย ตกลงไหม”

“แล้วนายไม่ระแวงฉันเลยเหรอ”  ถ้าเป็นเลขาก็เท่ากับว่าจะมีสิทธิ์ได้รู้เห็นทุกอย่างเกี่ยวกับธุรกิจ

“ระแวงสิ แต่เห็นว่ากล้าขอยืมเงินแสดงว่าคงมีเรื่องเดือดร้อนจริง ๆ”

“นายดูไม่ใช่คนที่น่าจะใจดีเลยนะ”

“หน้าฉันดูเป็นคนใจดีออกจะตาย แต่อย่าทำให้ฉันต้องร้ายก็แล้วกัน”  ยิ้มหวานเคลือบยาพิษ ร่างบางเกือบจะคิดหลงเชื่ออยู่แล้วถ้าไม่เห็นแววตาเย็นยะเยือกซะก่อน  “…และฉันเกลียดคนโกหก  คงเข้าใจใช่ไหมว่าถ้าฉันรู้เรื่องทุกอย่างที่นายพยายามปกปิดเองแล้วมันจะเป็นยังไง”

ท่าทีผ่อนคลายกลายเป็นเคร่งเครียดถนัดตาขณะร่ายประโยคยาวอย่างเป็นทางการ เอ่ยคำมั่นโดยที่ไม่มีคำว่าสัญญาสักคำแต่กลับให้ความรู้สึกปลอดภัย  “ตอนนี้นายอยู่ภายใต้การคุ้มครองของฉัน ถึงฉันจะไม่ใช่มาเฟียแต่เมียคนเดียวฉันปกป้องได้ ไม่ว่านายจะเคยเจออะไรมา …เชื่อใจฉัน แค่นั้นทำได้ไหม”  อาชาไม่รู้และที่เอ่ยไปก็แค่เดา เอาเข้าจริงก็แค่อยากให้อีกคนเบาใจ ถ้าร่างบางคือเด็กชายที่สูญหายแสดงว่าก็ต้องผ่านความโหดร้ายมาน่าดู   

ต่อให้ปิดหูปิดตาเฟยฮวาก็ยังสัมผัสได้ว่าประโยคพวกนั้นอัดแน่นไปด้วยความหนักแน่นและอ่อนโยนจนเล่นทำเอาสับสน เพิ่งจะเคยเจอคนที่ดูเป็นห่วงสวัสดิภาพตนมากกว่าห่วงเรื่องผลประโยชน์ 

“ฉันคงไม่ใช่คนแรกที่นายพูดแบบนี้ด้วยใช่ไหม…”   

“ไม่ นายคือคนแรก”  ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมตอบไปเลยอย่างลูกผู้ชาย แถมให้โอกาสจ้องตาเพื่อหาข้อเท็จจริงและความเปิดเผยนั้นก็ยิ่งทำร่างบางหวั่นไหวและประหม่าจนเลือกจะเบือนหน้าหนี ทำทีมองบรรยากาศภายในร้านอาหารที่ชายหนุ่มอุตส่าห์พามาดินเนอร์มื้อเย็นเป็นการส่วนตัว     

“จะจีบฉันเหรอ”  ลูกตากลมโตแฝงไปด้วยความขบขันเพราะดันเผลอคิดว่าตัวเองมีความสำคัญกับอีกคนขึ้นมา

“แล้วติดไหมล่ะ” 

ก่อนใบหน้านวลเนียนจะเหลียวหันกลับมามองสีหน้าคนถามกลับซึ่งขยับมุมปากเป็นรอยยิ้มนิด ๆ

นับต่อจากนนี้คงต้องมาดูกันว่าใครจะมีจิตใจที่เข้มแข็งกว่า ระหว่างอาชาที่ถูกยกให้เป็นเทพแห่งการขยันสร้างความหวังกับเฟยฮวาซึ่งถูกแต่งตั้งให้เป็นเทพีแห่งปริศนาที่ช่างชวนค้นหา   

ต้องมารอลุ้นกันว่าใครจะเป็นฝ่ายถลำลึกก่อน แต่ถ้าหากสังเกตจากตอนอยู่บนเตียงด้วยกันคงไม่อาจรู้ผล เพราะต่างคนต่างหลงใหลในกันและกัน เตียงขนาดหกฟุตถูกเปลี่ยนเป็นสังเวียนรักมาได้สักชั่วโมงกว่า โดยมีนักชกฝีไม้ลายมือดีจากทั้งสองประเทศเป็นตัวแทนในการเอาตัวเข้าปะทะอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ร่างกายขาวนวลสั่นราวถูกเขย่าขณะเท้าเข่ากับฝ่ามือบนผ้าปูที่นอน แก้มเฟยฮวาซบไปกับหมอนตอนไม่อาจต้านแรงดัน ลำตัวเอียงลาดเพราะแรงอัดอย่างต่อเนื่อง

ระคายเคืองช่องทางหลังระหว่างเผยอปากท่ามกลางเสียงเนื้อกระแทกกระทั้น ส่วนอาชากำลังกัดฟันจนเห็นสันกราม ยามเสียงลมหายใจห้วงสั้น ๆ ดังคลอในบรรยากาศ ชายหนุ่มวาดลีลาเคลื่อนสะโพกเป็นพัก เว้นจังหวะเนิบนาบยามโอบเอวคอดไว้ด้วยวงแขนข้างเดียว เชี่ยวชาญแถมยังแม่นยำ ซ้ำจุดเดิมแล้วเพิ่มความถี่ เหมือนจะทำสถิติความเร็วอย่างไรอย่างนั้น จนมันถึงขีดสุดของความสามารถ มากกว่านี้อาจเอวหลุดและเมื่อของเหลวอุ่นร้อนปนเปื้อนในช่องทางตอดรัดถือเป็นสัญญาณหมดยก ส่งเสียงครางผสานและล้มลงทับร่างกันพร้อมอาการผวา แล้วอาชาถึงค่อยถอนกายออก พลิกตัวลงนอนหงายบนพื้นที่ว่าง ใบหน้าบ่งบอกว่ากำลังสบายใจ

ลอบกลืนน้ำลาย คอแห้งแต่ไม่วายพูดหยอกล้อ  “จีบติดไม่ติดฉันก็ได้แอ๋มนายอยู่ดี”  หันตะแคงแล้วโอบร่างที่นอนคว่ำหน้าเข้ามาชิดอกและก้มลงจูบหัวไหล่ราดซ้ำ ๆ ลามไปยังซอกคอ ซึ่งเฟยฮวาเองก็อ่อนแรงเกินกว่าจะทำอะไร กำลังเหนื่อยเลยปล่อยให้อีกคนเย้าแหย่ ร่างบางแค่พลิกตัวหันกลับมาแล้วหลับตานอนในอ้อมกอดที่ทั้งร้อนและเหนียวเหนอะหนะ ดูท่าแอร์จะดับอุณหภูมิในร่างไม่อยู่แต่เฟยฮวาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะลุกขึ้นไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวใหม่

ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มและเนิ่นนานภายใต้แสงสีส้มเพื่อเป็นการเซย์กู๊ดไนท์

ด้วยความที่เหนื่อยกายด้วยกันทั้งคู่ สุดท้ายพอปิดโคมไฟก็หลับไปทั้งที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า กอดกันยามนอนหนาว แต่พอดึกเข้าสองร่างที่เกี่ยวกวัดกันก็ค่อย ๆ คลาย แยกย้ายไปนอนคนละฝั่ง ปลีกวิเวกอยู่ในนิทราแบบที่ตัวเองสร้าง 

ร่างของอาชานอนด้วยความสงบพบแค่ผ้าห่มปิดท่อนล่าง ส่วนร่างด้านข้างที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่เช่นกันนั้นก็กำลังเกร็งมือเกร็งปลายเท้าอย่างเห็นได้ชัด เฟยฮวาถูกฝันร้ายหลอกหลอนตามเคยเลยออกอาการกระสับกระส่าย ย้ายร่างไปมาถีบขากับผ้าปูเตียงจนเกิดเสียงเสียดสี แรงสะเทือนจากการพลิกตัวมากพอที่จะปลุกคนนอนร่วมเตียงให้ตื่นขึ้นมาแล้วเจอภาพอีกคนกำลังส่ายหน้าปฏิเสธอะไรสักอย่าง เล่นทำเอาสร่างความง่วงและรีบเขยิบเข้าหา

อาชาเท้าศอกกับที่นอนก่อนจะเขย่าต้นแขนขาวอยู่ครึ่งนาที แล้วเฟยฮวาก็ฟื้นสติ
เปลือกตาบางเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว 

“เป็นอะไร ฝันร้าย?”  ด้วยความที่มืดมาก คนถามจึงไม่ทันได้เห็นน้ำตาของร่างบางที่ไหล

แถมเฟยฮวาเองก็ไม่ยอมตอบอะไร แต่เลือกจะดันอาชาลงนอนตามเก่าแล้วขยับตัวเข้าใกล้แทน ยกหัวนอนหนุนท่อนแขนแกร่งพลางหลับตาเอาหน้าผากซบอกเปล่า ร่างบางจบการสนทนาด้วยการทำราวจะนิทราต่อ พ่อค้าอวัยวะจึงไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดในความมืดมิด แค่ขยับช่วงแขนพาดเอวคอด ตะคองกอดไว้แล้วใช้ฝ่ามือลูบแผ่นหลังบาง
คืนนั้นสองร่างเหมือนถูกมัดด้วยด้ายแดง

อาชาไม่รู้ตัวเลยว่าเขาได้กลายเป็นอัศวินที่กวัดแกว่งดาบไล่มังกรร้ายในความฝันให้เฟยฮวา












ทุกก้าวที่ย่างต่างทิ้งรอยเท้าลายน้ำไว้ เพราะใครบางคนเพิ่งเปลือยกายขึ้นมาจากอ่างน้ำวนและมีหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยรีบเข้ามาปรนนิบัติ แปลกที่พวกคนรวยมักชอบการมีเซ็กส์แบบวิตถาร สงสัยเก็บกดมาจากงานที่หนัก รายนี้ก็เช่นกันชอบแบบสองรุมหนึ่งมากกว่าหนึ่งต่อหนึ่ง พอมีเงินจะเป็นคนทะลึ่งยังไงก็ได้และไม่มีสาวใดกล้าเกี่ยง ยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอาจจะรวมถึงพาโรคร้ายเข้าตัวแลกกับถูกฟาดหัวด้วยเงินจำนวนมหาศาล ธนบัตรปึกหนึ่งมีอำนาจพอจะหันก้นให้จัดการ หากไม่ด้านคงอดตาย พวกเธอไม่ได้รับการเล้าโลมแต่เป็นการขึ้นขย่มอย่างเกรี้ยวกราด คำว่าคนกับสัตว์ใกล้กันนิดเดียว แต่ระหว่างที่กำลังขึ้นควบจนรู้สึกเสียวซ่าน ปรากฏเสียงเคาะก๊อกก๊อกก๊อกที่บานประตูห้องก่อนประตูจะถูกเปิดออกโดยฝีมือลูกน้องคนสนิทที่ชินแล้วกับภาพเจ้านายยักย้ายลีลาบนร่างสุภาพสตรี   

“สายรายงานมาว่าพบเห็นคุณเฟยครั้งสุดท้ายที่ประเทศไทยครับนาย” 

รายงานด้วยภาษาจีนกลางระหว่างเลี่ยงมองภาพอุจาดตา

“ประเทศไทย?”  คนเป็นนายทวนอย่างไม่แน่ใจขณะแหงนใบหน้ามองเพดาน มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาผลัดเปลี่ยนเวียนมาดูดแก่นกายจนแก้มตอบ มือนั้นลูบผมหญิงสาวแทนการบอกว่าชอบก่อนจะขย้ำกำเส้นผมอย่างแรงและแยงอวัยวะเข้าจนลึกสุดลำคอ คำรามเสียงพออกพอใจ  “จะหนีทั้งทีทำไมไม่เลือกให้มันไกลกว่านี้หน่อยนะเฟยฮวา”











“อย่าลืมกินยาแก้ปวดแล้วก็ยาแก้อักเสบตามที่หมอบอกด้วยล่ะ”

น้ำเสียงห่วงใยช่างไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมภายในห้องคับแคบขนาดสามคูณสามซึ่งเอาไว้ใช้สำหรับทำการผ่าตัดเคลื่อนที่ ในเมื่อมีอาชีพพ่อค้าอวัยวะเถื่อน …หมอเถื่อนก็คือของคู่กัน

สหรัฐรับไหว้จากหญิงวัยกลางคนแล้วค่อยปลดหน้ากากอนามัยออกจากหูข้างเดียวเพราะเดี๋ยวจะมีเคสต่อไป แม้จะลาออกจากการเป็นบุคลากรทางแพทย์ในโรงบาลรัฐแต่ความสามารถผ่าตัดก็ยังติดตัวมาจวบจนปัจจุบันและสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มสูงร้อยแปดสิบเอ็ดพลิกบทบาทมาหาเงินนอกโรงพยาบาลนั่นก็เพราะเกลียดความเป็นความตายที่เห็นอยู่ในทุกวินาที บนโลกนี้มีใครไม่ย้อนแยงบ้าง โดยทางธรรมชาติแล้วเป็นหมอก็ต้องรับสภาพความสูญเสียได้ แต่ไม่ใช่กับตน

และแม้สุดท้ายแล้วจะลงเอยด้วยอาชีพที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในคนที่ทำให้มนุษย์ด้วยกันตายไวขึ้นหลายปี แต่เพราะเห็นจำนวนตัวเงินที่ส่งเข้าบัญชีทุกเดือนจึงยอมจะทำผิดจรรยาบรรณ ประจวบกับต้องหาเงินมารักษามารดาที่ว่าป่วยด้วยโรคไต จะใช้เงินฟอกไตไม่ใช่แค่ร้อยหรือพัน มันเป็นหมื่นที่ต้องหา นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้กล้าทำอาชีพผิดกฎหมาย

เหตุผลข้อที่สามก็เพราะไม่ค่อยชอบสีขาวสักเท่าไหร่ แต่ยังไงคนเป็นหมอที่พ่วงตำแหน่งว่าเถื่อนก็รู้จักคำว่าสุขอนามัย วิธีการผ่าตัดรวมถึงเครื่องมือเครื่องใช้ไม่ต่างจากอุปกรณ์ภายในโรงพยาบาล แม้วิธีการซื้อมาจะเถื่อนแต่เรื่องคุณภาพรับประกันความปลอดภัย เอาจริง ๆ ก็เหมือนหมอที่แค่ย้ายสถานที่ทำงานและตอนนี้ก็พอใจกับการทำอยู่ตรงนี้

จะอยู่ที่ไหนสหรัฐก็ยังมีรอยยิ้มละมุนละไม สายตาอบอุ่นเหมือนแฟนหนุ่มที่มองแฟนสาวระหว่างช่วยพาคนไข้ที่ขายนิ้วก้าวลงจากเตียงผ่าตัด อาจจะดูผกผันกันไปหมดแต่คนลงมีดพื้นฐานเป็นคนใจดี มีนิสัยเห็นอกเห็นใจแต่ในขณะเดียวกันก็แอบบ้าบิ่นพอตัว เลือกว่าจะชั่วกับใคร ดูแลคนไข้ใส่ใจเหมือนลูกหลานถือว่าทุกท่านคือผู้มีพระคุณ พาเดินมาส่งถึงหน้าประตูแล้วค่อยหมุนตัวกลับเข้าในห้อง ก่อนร้องเรียกคิวต่อไป ใครมาใช้บริการก็เชิญ

“ขึ้นไปนอนรอบนเตียงเลย”  เคยได้ยินเสียงเปิดปิดประตูจนชิน คนยืนหันหลังจึงสั่งไปพลางระหว่างจัดแจงอุปกรณ์ผ่าตัด ก่อนจะสวมใส่ถุงมือขนาดพอดีแล้วเดินมาพร้อมถาดบรรจุสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ต่อการทำงาน

“ปกติใช้เวลาผ่านานไหมครับ…” 

ยอมรับว่าคำถามเรียบ ๆ นั้นทำเอาแอบประหลาดใจ
แต่สีหน้าไร้ความกลัวนั่นต่างหากที่ทำให้หมอเถื่อนสนอกสนใจมากกว่า ถ้าดูจากสายตาคนขึ้นนั่งห้อยขาบนเตียงผ่าตัดน่าจะอายุสักสิบห้าสิบหก เป็นช่วงอายุที่ควรหลงเหลือความกลัวอยู่บ้างแต่คนร่างเล็กกับต่างไป ดูไม่กลัวแสงไฟ ไม่กลัวอุปกรณ์ ไม่กลัวตอนต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่รอบข้างเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ 

“ผ่าตาข้างนึงใช้เวลานานไหมครับ”  มะตูมถามยามคนตรงหน้ายังยืนเฉย

แทนที่จะเอ่ยคำตอบไปเป็นหมอทำไมไม่จะไม่รู้เวลา กลับกลายเป็นว่าพูดกับตัวเองอย่างข้องใจ  “แปลกแฮะ ปกติพอใครเข้ามาก็จะถามว่าเจ็บมากไหมเป็นประโยคแรก แต่นายกลับถามว่าใช้เวลานานแค่ไหน”  หมอเถื่อนใช้ความคิดขณะก้าวมายืนชิดข้างเตียง ก่อนส่งเสียงถามอยากรู้ความเป็นไป  “มีเรื่องให้ต้องรีบไปจัดการต่อหรือไง”

“นั่นเป็นเรื่องที่หมอจำเป็นต้องรู้เหรอครับ”

ริมฝีปากหนายิ้มเมื่อเข้าใจว่าถูกคนอายุน้อยกว่าหลอกด่าว่าสอใส่เกือก

“งั้นฉันขอวัดความดันหน่อยแล้วกัน”  สหรัฐขยับเข้าหาร่างเล็กที่ค่อย ๆ เอนนอนลงบนเตียงผ่าตัด แต่ระหว่างที่กำลังเอาผ้ารัดเหนือข้อพับแขนซ้าย สายตาหมอเถื่อนก็ดันสะดุดเข้ากับรอยช้ำที่ขึ้นคราบม่วงจาง ๆ บนโหนกแก้มขาว ทำเอาอยากรู้ ระหว่างก้ม ๆ เงย ๆ เลยลองถามดู  “หน้าเราไปโดนอะไรมา”

“รีบ ๆ ผ่าเลยได้ไหมครับ”  มะตูมคิดว่าตัวเองใช้น้ำเสียงขอร้องแต่ฝ่ายที่ยืนมองดันได้ยินว่าเป็นประโยคคำสั่ง จนมันทำให้ชายหนุ่มยิ่งอยากประวิงเวลา ว่าจะถ่วงหาอะไรทำให้คนหน้านิ่งได้แสดงในสิ่งที่เรียกว่าอารมณ์อื่นบ้าง 

“ทำไม จะรีบไปไหน” 

หมอมีสิทธิ์เข้าใกล้คนไข้แค่ยามรักษา แต่ว่าหมอเถื่อนมีสิทธิ์เข้าใกล้คนไข้ได้ทุกเวลา

สหรัฐเท้าฝ่ามือสองข้างกับเตียงเว้นเพียงตรงกลางซึ่งมีร่างเล็กนอนแข็งทื่อ  “ฉันถาม”

คนถูกกักบริเวณอยู่ในท่อนแขนทำหูทวนลม ขบริมฝีปากอวบอิ่มไว้เพราะไม่อยากตอบและไม่ชอบที่หมอเข้าใกล้เกินจำเป็น เห็นอยู่ว่ากำลังกระทำและถามคำถามกับตนเกินหน้าที่ จึงไม่มีความคิดที่จะโต้กลับ แค่ขยับให้พอรู้ว่าอึดอัดแค่ไหนก่อนพยายามหันนัยน์ตาไปมองทางอื่น

“เมื่อกี้นายพูดว่าผ่าตาใช่ไหม”  สหรัฐก้มลงดูกระดานใบคำสั่งที่วงแขนเล็กกำลังกอดเอาไว้แนบอกพลางอ่านออกเสียง  “นายต้องการผ่าแค่ข้างซ้าย”  เป็นปกติที่ผู้ขายจะต้องถือกระดานแนบใบคำสั่งเข้ามา โดยมีลูกน้องข้างนอกจัดการให้เพื่อที่ว่าหมอจะได้ไม่ผ่าผิดผ่าถูก  “ไหน หันหน้ามาให้ฉันดูหน่อย” 

พอได้ยินคำสั่งที่เกี่ยวกับผ่าตัดแก้วตาสักที มะตูมที่ได้ชื่อมาเพราะว่าชอบทำหน้าตาเลิ่กลั่กอย่างกับกระต่ายตื่นตูมเลยไม่มีเหตุให้จำต้องหลบหน้า คิดแค่ว่าเสร็จแล้วจะได้รีบกลับ ค่อยขยับโครงหน้ากลับมาแล้วช้อนมองใบหน้าที่อยู่เหนือกว่า ไม่ได้สนใจเรื่องระยะ สหรัฐเป็นฝ่ายก้มหน้าลงมาอีก ไม่หลีกและเลือกจะจ้องดวงตากลมโตกว่าของคนทั่วไป

“ตาโตดีนะ”  เสียงนุ่มว่าราวกับหลุดปาก  “น่าเสียดายถ้ามันจะต้องหายไป”  เพราะดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจถ้าหายไปข้างโลกของร่างเล็กก็จะยิ่งมืดบอด เมื่อหน้าต่างถูกถอดไปและความสว่างสาดใส่ไม่ทั่วถึง สักวันนึงดอกไม้ที่ควรจะเจริญเติบโตก็จะเหี่ยวเฉาตาย  “บอกได้ไหมจะเอาเงินไปทำอะไร”  วันนี้หมอเถื่อนเปลี่ยนตัวเองเป็นเจ้าหนูจำไม สงสัยและอยากกว่าทุกวัน จนทำให้คนที่ปรารถนาจะขายอวัยวะเกิดความสงสัยตาม ตกลงหมอช่างถามต้องการอะไร

“บอกไปคุณก็ช่วยอะไรผมไม่ได้หรอก”

“ได้สิ ฉันเป็นหมอและฉันมีเงิน”  เกิดอาเพศแล้วแหง ๆ คนที่ปกติแค่ทำงานหาเงินเลี้ยงแม่ไปวัน ๆ กำลังพูดเหมือนปรารถนาจะสร้างภาระให้ตัวเองเพิ่ม  “เผื่อฉันจะช่วยอะไรนายได้”

“คุณคงไม่ได้ช่วยทุกคนที่เดินเข้ามาในห้องนี้หรอกใช่ไหม”

“คนก่อนหน้านายฉันเพิ่งตัดนิ้วเขาไป ใช่ ฉันไม่ได้ช่วยทุกคนหรอก”  สหรัฐบอกพลางยืดหลังกลับมายืนตัวตรงตามปกติก่อนที่จะถอดถุงมือยางออกแล้วบอกให้ร่างเล็กรออยู่แต่ภายในห้องนี้     

ส่วนมะตูมหลังจากที่ถูกแย่งกระดานคำสั่งผ่าตัดไปจากมือก็รีบลุกขึ้นนั่ง  “แล้วคุณจะไปไหน”

หมอเถื่อนไม่ตอบให้คนด้านหลังหายใคร่รู้และเดินเปิดประตูออกมาจนเห็นว่าข้างนอกยังมีคนนั่งรอต่อคิวผ่าตัดอยู่หลายราย สหรัฐได้แต่บอกลูกน้องที่ยืนเฝ้าว่าเดี๋ยวมา แล้วขายาวค่อยสับต่อ พอเจอบันไดก็ใช้ความไวในการก้าวข้ามสามสี่ขั้นจนมาถึงชั้นห้าและแค่เห็นใบหน้าพวกลูกน้องเจ้าของกิจการก็พร้อมหลีกทางโดยไม่มีข้อแม้ เพราะสหรัฐไม่ใช่แค่หมอเถื่อนประจำร้านค้าอวัยวะ ชายหนุ่มยังเป็นเหมือนเพื่อนของอาชาที่สนิทกันได้เนื่องจากพูดภาษาเดียวกัน รวมถึงสถานการณ์บีบคั้นจนกลายเป็นมิตรไปโดยปริยาย   

“ยังไม่ตายอีกเหรอวะไอ้หมอเถื่อน”  แค่ประตูเลื่อน คนนั่งประจำตำแหน่งก็กล่าวต้อนรับ 

“ฉันรอให้แกตายก่อน”  ตอกกลับอย่างเจ็บแสบแทบไม่มีใครยอมใคร ก่อนคนมาใหม่จะเพิ่งเข้าใจว่าไม่ได้อยู่กับสหายตามลำพัง แต่ยังมีร่างบางไม่คุ้นหน้าเดินพ้นออกมาจากตู้เก็บเอกสาร เป็นเฟยฮวาที่พอจะมองสถานการณ์ออกเลยบอกว่าเดี๋ยวจะไปข้างนอกเอง เพื่อให้ทั้งคู่ได้มีเวลาคุยเรื่องงานกัน  “งั้นฉันออกไปข้างนอกก่อนนะ”

ความจริงเฟยฮวาพยายามจะหาจังหวะออกจากห้องนั้นอยู่เหมือนกันเพราะเหม็นควันบุหรี่จนแทบหายใจไม่ออก ทั้งที่บอกอีกคนไปแล้วว่าไม่ชอบแต่คนนั่งบนเก้าอี้นวมก็ตอบแค่ว่าฉันพอใจ เห็นได้ชัดว่าต้องการกวนประสาท

“เมียน่ะ”  อาชาไม่ห้ามหรือรั้ง แค่แนะนำหมอเถื่อนให้รู้จักกับร่างบางที่เดินผ่านประตูเลื่อนออกไป   
 
“เมีย?”  สหรัฐคิดว่าตัวเองทำงานยุ่งจนไม่มีเวลาได้เจอพ่อค้าอวัยวะแค่ไม่กี่วัน ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ อีกคนก็ชิงตัดหน้าด้วยการมีภรรยาที่ดูท่าจะพิเศษ เห็นมีคนนี่แหละยอมเรียกว่าเมีย

“ว่าแต่แกเถอะ เข้ามามีอะไร”  จนได้คำถามที่อยากทราบเป้าหมายเรียกสติ จากที่ถือกระดานแนบใบสั่งเลยโยนลงกลางโต๊ะทำงาน  “คนนี้ฉันไม่ผ่า”

“อะไร”  อาชาไถ่ถามแล้วเลื่อนกระดานกวาดตาลวก ๆ  “นี่ของเด็กผู้ชายที่ตาโต ๆ ใช่ไหม”  ไม่ใช่แค่จำชื่อได้แต่ด้วยเพราะหน้าตาของเด็กผู้ชายเองที่ดูเป็นเอกลักษณ์ ดูน่ารักดีแถมมีรอยช้ำที่หน้า พ่อค้าอวัยวะที่เดินผ่านตอนลูกน้องกับเด็กนั่นเจรจาเลยแอบจดจำได้ กระทั่งคนนั่งต่ำกว่าหรี่ตาใส่คนถือวิสาสะหย่อนก้นบนโต๊ะทำงานอย่างจับผิด  “เกิดเอ็นดูอะไรเด็กขึ้นมา ระวังจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์นะไอ้หมอเถื่อน”

“หน้าฉันเหมือนพวกอยากเลี้ยงต้อยมากงั้นสิ”

“เอากระจกไหม ส่องเองจะได้รู้”  สหรัฐเกือบจะชูนิ้วกลางให้ แต่เห็นว่าตัวเองยังอยู่ในหน้าที่เลยทำแค่กลอกตาใส่ เบื่อจะเล่นลิ้นเลยตัดเข้าใจความสำคัญ  “เอาเป็นว่าเด็กคนนี้ฉันขอ”

“เอาไปเลยพ่อพระเอก”

“เมียแกสวยดีนะ”  ก็ว่าจะไม่เล่นแต่อดไม่ได้ สุดท้ายเลยจี้เข้ากลางใจดำยกเรื่องของรักมาแหย่ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครแน่กว่ากัน  “ไว้ว่าง ๆ จะมาทำความรู้จักด้วย”

“อย่าคิดยุ่งเชียว”  เสียงเขียวร้องเตือนทันที 

“ฉันไม่ยุ่งแต่ก็ใช่ว่าเมียแกจะไม่มายุ่งกับฉันนี่”

“เฟยฮวาไม่เอาแกหรอก”

“หน้าสวยแล้วยังชื่อเพราะซะด้วย”

“ไอ้หมอเวร!”  ด่าเท่านี้ยังไม่พอ ยังสบถต่อยาวเหยียดแบบที่ไม่ผ่านกองเซ็นเซอร์ เจอยั่วโมโหเข้าไปพ่อค้าอวัยวะถึงกับน็อตหลุด ฉุนขาดตอนหมอเถื่อนเดินลอยหน้าลอยตาไปใกล้ประตู ยิ่งรู้ว่าอะไรคือจุดอ่อนตอนนั้นเลยใส่ไม่ยั้ง
   
“เฟยฮวาครับ”  เรียกชื่อเมียเพื่อนระหว่างอยู่บริเวณหน้าประตู ทำให้คนในห้องเห็นว่าเหมือนกำลังคุยอยู่กับร่างบางทั้งที่ตรงนั้นมีแต่ความว่างเปล่า ความจริงแล้วสหรัฐกำลังหันหน้าเข้าผนังสร้างบทสนทนาปลอม ๆ แล้วยิ่งชอบใจใหญ่เมื่ออาชาออกอาการโวยวายเรียกหาเฟยฮวาเป็นว่าเล่น

“เฟยฮวาเข้ามาในห้อง!”  ออกคำสั่งอย่างกับสิงโตคำราม  “ฉันบอกให้เข้ามาในห้อง!”  จนเมื่อไอ้หมอเวรที่ด่าเดินหายไป ชายหนุ่มไม่อาจนั่งรออยู่กับที่รีบเดินปรี่มาที่ประตู ชะโงกหน้าดูจนเจอความว่างเปล่าถึงยกฝ่าเท้าถีบประตู รู้แล้วว่าโดนต้มจนเปื่อย ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่คนเคยเรียกหาเพิ่งเดินขึ้นบันไดมาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว เฟยฮวาก้าวขึ้นมาพร้อมกับถาดอาหารที่ร้านข้างล่างจัดหาให้และหยุดถามคนทำหน้ายุ่ง อย่างกับไปกินรังแตนที่ไหนมา  “เป็นอะไร” 

“เพราะนายนั่นแหละ”

ภาวนาให้เป็นแค่ความรู้สึกหวงของเท่านั้น 

“เพราะฉัน?”

“เพราะนายคนเดียว”
รู้ดีว่าการตกหลุมรักเป็นความผิดของทั้งสองฝ่าย
แต่พ่อค้าอวัยวะก็ยังยัดเยียดข้อหาให้ อย่างน้อยก็โทษฐานทำว้าวุ่นใจจนตนไม่เป็นตัวของตัวเอง























----------------------------------------------------
มาต่อแล้วค่ะ เว้นช่องไปนานเลย ขอโทษนะคะ (´・ω・`)
สามารถคอมเม้นหรือติดแท็กได้ตามสะดวกนะคะ
Tag  #PONR  #เดินหน้าลูกเดียวไม่มีเหลียวหลัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2018 22:29:31 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.V (05/10)
«ตอบ #13 เมื่อ05-10-2018 22:44:16 »

VI



เมื่อพูดถึงจีนแผ่นดินใหญ่อย่างแรกที่คนเราจะนึกถึงคืออะไร จำนวนประชากรที่มากที่สุดในโลก เทศกาลไหว้บรรพบุรุษ ชายชุดดำอย่างเปาบุ้นจิ้นหรือดินแดนแห่งเจ้าพ่อมาเฟียที่เลี้ยงชีพด้วยการกระทำผิดกฎหมายและยกตนใหญ่คับฟ้า มีคนสอนว่าเวลาดูละครให้ย้อนดูความเป็นจริง ในละครมีเจ้าพ่อถือปืนฉันใดในโลกแห่งความเป็นจริงก็มีเหมือนกัน

ผิดแต่ตรงที่ว่าในฉากปะทะถ้าเป็นบทละครพอยิงกันจนตายสุดท้ายก็ยังฟื้นลุกขึ้นมาเดินได้อีก แต่ในชีวิตจริง ยิงทิ้งก็คือยิงทิ้งเลย ชีวิตคนอ่อนแอมักจะลงเอยด้วยการตายอย่างน่าเวทนาและเหตุผลในการตายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ถ้าไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ก็อย่าคิดหนีไปฟ้องตำรวจเรื่องที่โดนทำร้าย

ยังมีเหตุผลอีกมากมายที่พอจะทำให้หยางไอยอมเหนี่ยวไกไล่ฆ่าคนตาย

ทั้งที่ก็ไม่จำเป็นต้องลดตัวมาทำอะไรแบบนี้แต่บางทีก็หงุดหงิดงุ่นง่าน ฟังคำพูดแก้ตัวที่วกไปวนมาแล้วมันระคายหูจนอยู่เฉยไม่ไหว สุดท้ายเลยยื่นมือขอปืนจากลูกน้อง บอกเลยในบรรดาชายชุดดำทั้งหลาย ใครก็ไม่ใจเด็ดเท่าเจ้านายใส่สูทที่ตัดสินใจเล็งกระบอกปืนเข้ากลางกะโหลกด้วยนัดเดียว จนร่างสะบักสะบอมและถูกมัดมือล้มลงนอนเดี๋ยวนั้น

“ถ้ามันหาเงินมาคืนไม่ได้ก็ไปเก็บกับลูกเมียมัน”  น้ำเสียงเรียบหันมาสั่งกับลูกน้องที่ก้มหน้ารับคำสั่งพวกนั้นทันที ก่อนจะเดินตามเจ้านายที่ก้าวขาไปก็เช็ดมือไปด้วยผ้าเช็ดหน้า

ระหว่างเดินออกจากโกดังสีหน้าของชายนัยน์ตาขวางยังเรียบตึงนึกว่าหนังกลอง ถ้าลองได้รำคาญ ปล่อยให้ชายหนุ่มสัญชาติจีนแท้อยู่เงียบ ๆ คนเดียวน่าจะเป็นการดีกว่า อย่าหาเหาให้ตัวเองด้วยการเดินเข้าไปถามเพราะผลที่จะตามมาก็คือถูกซ้อม จะชายหรือหญิงพร้อมลงมือทุกเมื่อเชื่อเถอะว่าหยางไอเป็นประเภทขาดความรุนแรงไม่ได้ สงสัยถูกครอบครัวไม่แท้เลี้ยงมาแบบเจ็บ ๆ โดนเก็บขึ้นมาจากกองขยะก่อนจะถูกสอนให้รู้จักโลกมืดถือปืน มันเป็นเรื่องปกติของพวกทำธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ใช่แค่เปิดโต๊ะเงินกู้ อาวุธสงครามก็รับขนข้ามแดน

หน้าตาดีแต่ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน อยากได้คนไหนก็จ่ายเงินเอา โดยมีผู้หญิงมากมายยอมเอาตัวเข้าแลกกับความสบาย ต่างจากร่างบางคนนึงที่ไม่เชื่อว่าความหอมหวานของความสบาย ทนนิสัยเลวไม่ไหวถึงได้คิดไม่ซื่อกล้าหือหนีไปทั้งที่คนเพิ่งได้รับตำแหน่งต่อจากพ่อบุญธรรมได้ไม่นานก็อุตส่าห์เลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี

เสี่ยวเฟยฮวาเป็นสาเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มต้องใช้บริการโสเภณีเพิ่มเป็นสองเท่า   

“ได้เรื่องอะไรเพิ่มไหม”  เจ้านายถามกับลูกน้องยามรถแล่น นั่งแหงนมองท้องฟ้านอกหน้าต่างจากเบาะหลัง  “บอกพวกมันไปว่าฉันจะให้เงินเป็นสองเท่า แค่หาให้ได้ว่าลูกกวางน้อยของฉันไปซ่อนที่ไหน”  ถ้าต้องจ่ายเงินเป็นถุงเป็นถังเพื่อแลกกับการได้ขย้ำลูกกวางที่แสนคิดถึงอีกสักครั้ง หยางไอก็ยอมพร้อมเทหมดหน้าตัก ยอมจ่ายเพื่อรักและพร้อมฆ่าใครก็ได้ที่คิดขัดขวางความรัก
“อยากหนีก็หนีไป แต่ฉันหานายเจอแน่เฟยฮวา”  ริมฝีปากได้รูปวาดเป็นรอยยิ้มหวานแต่ดูขาดความจริงใจ รักจนต้องเอาชนะให้ได้และจะทำให้ร่างบางกลับก้มหัวให้อีกครั้งอย่างสมยอมเอง











‘ถ้าอยากได้เงิน เดี๋ยวฉันจะหางานให้ทำ’

‘แล้วเมื่อไหร่ล่ะครับ ผมต้องการใช้เงินตอนนี้นะ’   

‘งั้น …รับเงินนี่ไปก่อน แล้วพรุ่งนี้เที่ยงตรงมาเจอฉันที่นี่’

‘แต่ว่า…’


มะตูมยังจำสัมผัสที่ฝ่ามือใหญ่ยัดธนบัตรใส่มือตัวเองได้และถึงจะเป็นเด็กแต่ก็เข้าใจว่านั่นคือการมัดมือชก ถือเป็นตกลงร่วมกันและแม้จริง ๆ แล้วจะไม่ค่อยไว้ใจแต่เพราะความยากไร้เป็นเหตุเลยจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนั้นไปกับการซื้อยารักษา เหลือเงินคาติดอยู่ที่ตัวก็แค่ไม่กี่ร้อยบาทแต่ยังพอให้หย่อนค่าโดยสารรถประจำทาง ร่างที่เล็กกว่าเด็กวัยเดียวกันเล็กน้อยเลือกนั่งติดหน้าต่างซึ่งว่างหนึ่งที่พอดิบพอดี แล้วค่อยหลับตาลง ปล่อยให้ลมจากหน้าต่างที่เปิดไว้ลมโกรกหน้า เหมือนคนกำลังนิทรา แต่ว่าความจริงแค่กำลังใช้ความคิด

ติดนิสัยชอบคิดอะไรเกินวัยและอยากเป็นผู้ใหญ่เพื่อที่จะได้สามารถหาเงินได้สะดวก ๆ เพราะลำพังเป็นเด็กแค่อายุสิบเจ็ดบวกกับตัวเล็กเลยไม่ค่อยมีคนกล้าจ้างทำงาน ไม่ผ่านทั้งด้านความสูงทั้งด้านกำลัง ปัจจุบันจึงว่างงานหลังจากเว้นวรรคจากการเรียนหนังสือมานานเกือบเดือน

ถ้าอยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงงดเรียนหนังสือก็ลองเลื่อนไปอ่านบรรทัดบน ๆ ดูสิ มะตูมมีความจนเป็นเพื่อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จำความได้ว่าพอลืมตาปุบก็เจอมันทักทายและเพราะความจนนั้นที่ทำให้แม่เสียไปได้หลายปี ครอบครัวไม่มีเงินรักษา ขณะนี้เลยอยู่กับพ่อแค่สองคน

สองพ่อลูกหมดหนทาง ร่างเล็กจึงได้คิดเสียสละและเลือกจะขายอวัยวะในร่างกาย แต่ก็นั่นแหละนะ จู่ ๆ อะไรมันก็พลิกผัน เมื่อวานยังดูไร้โอกาสแต่วันนี้กำลังจะได้รับโอกาส อาจเป็นโชคชะตาที่ทำให้ได้กลับมายืนอยู่หน้าร้านอาหารที่ด้านบนถูกสร้างเป็นโรงเชือดหนัง มะตูมยืนรออยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมีคนเปิดประตูร้านเดินออกมา เป็นร่างสูงซึ่งดูคุ้นหน้าคุ้นตา ท่าทางดูอบอุ่นเหมือนเคย สรหัฐเอ่ยทักทายเด็กวัยมอปลายที่ความสูงเกินช่วงไหล่ตัวเองขึ้นมาหน่อย ต้องคอยก้มหน้าเวลาคุย  “มาตรงเวลาดีนะ” 

“คุณไม่ต้องทำงานเหรอครับ”  มะตูมเงยหน้าทักทายกลับด้วยการตั้งคำถามใส่ และนั่นทำให้หมอเถื่อนหลุดขำก่อนจะพยายามกลับมาเก๊กหน้านิ่งแข่งกับคนตรงหน้า  “ฉันลางานครึ่งวันน่ะ”

“ไม่ยักรู้ว่าคุณมีสิทธิ์ลาด้วย ยังมีหมอคนอื่นทำงานแบบนี้อีกเหรอครับ”

“นี่นายคงไม่ได้เป็นสายของตำรวจหรอกใช่ไหม”  หรี่ตาราวกับไม่ไว้ใจ  “อย่าคิดว่าเป็นเด็กแล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรนะ”  กะว่าแค่แหย่ร่างเล็กที่มักสงสัยใคร่รู้เล่น เห็นเป็นหมอใช่ว่าไม่มีเซ้นส์ด้านอารมณ์ขัน สหรัฐรู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าเป็นพวกไม่มีพิษไม่มีภัยและน่าจะไว้ใจได้ในระดับนึงด้วย

“ถ้าคุณคิดว่าผมเป็นสายให้ตำรวจ งั้นผมไม่ทำงานกับคุณก็ได้นะ”  ทำท่าทางอย่างกับจะไปจากตรงนั้นจนหมอเถื่อนต้องทำการรั้ง คว้าข้อมืออย่างไวแล้วถามด้วยความสงสัย  “เฮ้ นายรู้จักอารมณ์ขันบ้างไหมเนี่ย”

“ผมไม่เห็นว่ามันจะตลกตรงไหนเลย” 

“โอเค มันไม่ตลก แต่นายก็ไม่จำเป็นต้องเครียดนี่นา”

“ผมไม่ได้เครียด”

“แต่หน้านายโคตรเครียดเลย รู้ตัวบ้างไหม”  สหรัฐจับไหล่ร่างเล็กให้ยืนตรงก่อนใช้รถแถวนั้นเป็นกระจกสะท้อนเงา จนมะตูมเห็นกับตาว่าเงาของเขากำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดแค่ไหน ผิดกับใบหน้าของชายอีกคนที่ลดลงมาอยู่เสมอกัน หมอเถื่อนกำลังยิ้มเห็นฟันอยู่ด้านหลังร่างเล็ก   

“หัดยิ้มน่ะไม่ยากหรอก เอาไว้อยู่ด้วยกันไปแล้วฉันจะทำให้นายยิ้มเยอะ ๆ” 

เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอคนใจดีและดูเหมือนจะดีเกินไป นัยน์ตากลมไม่ได้สบมองเงาหน้าของตัวเองอีก แต่เลือกจะมองเงาสะท้อนของคนที่ฉีกยิ้มกว้าง อย่างกับพระอาทิตย์ที่แสนร้อนแรงแต่ก็อบอุ่นในเวลาเดียวกัน

การได้นั่งอยู่ด้านข้างภายในรถยนต์ส่วนตัวทำให้ร่างเล็กแสดงเห็นหลายอย่าง สิ่งที่สร้างรอยยิ้มให้คนเป็นหอมเถื่อนได้ง่าย ๆ ก็คือเสียงเพลงจากวิทยุ ดูไม่เข้ากันแต่ก็ต้องยอมรับว่าเสียงอีกคนเพราะขนาดน่าจะเป็นนักร้องได้ น้ำเสียงนุ่มนวลจริงใจน่าจะเป็นสไตล์ในแบบที่หญิงสาวชื่นชอบบวกกับท่าทางเคลื่อนไหล่อย่างอารมณ์ดี

แต่บางทีนั่นก็ทำให้ร่างเล็กรู้สึกอึดอัดขึ้นมา เหมือนกับว่าเราเป็นถนนสองเลนที่มีเส้นทางสวนกัน 

“แล้วตกลงคุณจะให้ผมทำงานอะไรเหรอ” 

“ไม่ต้องเรียกคุณหรือว่าหมอหรอก เรียกพี่สิ”  สหรัฐอนุญาตให้เรียกอย่างสนิทสนมและรู้ด้วยว่าอีกคนจะส่ายหน้าไม่ยอมเลยรีบพูดดัก  “ฉันยังไม่อยากถูกมองว่าแก่หรอกนะ เรียกพี่น่ะแหละดีแล้ว”  แววตาสีน้ำตาลละจากถนนหันมาดูสีหน้าคนข้างตัว แล้วยกฝ่ามือขึ้นลูบหัวกลมเบา ๆ แต่เล่นทำเอามะตูมรีบหดคอเพราะไม่ชินกับสัมผัส

แค่ภายในวันเดียวมีเรื่องกะทันหันเกิดขึ้นมากมาย ก่อนคนนั่งข้างเบาะคนขับจะยิ่งเหลียวซ้ายแลขวา พอเห็นว่ารถกำลังขับมุ่งหน้าเข้าสู่ลานจอดรถภายในคอนโด คนตาโตเกิดอาการระแวงฉับพลันเผลอจินตนาการเรื่องงานไปต่าง ๆนานา งานประเภทไหนนะที่ต้องขึ้นห้อง

“ดูทำหน้าเข้า”  มะตูมสะดุ้งจนหลุดจากภวังค์ตอนประตูฝั่งตัวเองถูกเปิดออกโดยมือใหญ่

หมอเถื่อนกำลังส่ายหน้าราวกับเสียอกเสียใจ ถ้าดูจากสายตาหวาดหวั่นของอีกคน ภาพตนคงไม่พ้นเป็นพวกชายตัณหากลับ จะขยับช่วยปลดสายรัดนิรภัยมือเล็กก็รีบจับยึดไว้จะไม่ไปไหน จนต้องอธิบายเสียงขุ่น หน้าตาและหุ่นแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้เด็กมาช่วยเติมเต็มความต้องการทางเพศหรอก  “ฉันไม่ได้จะนายพามาทำเรื่องอย่างว่าหรอกน่า”

ฟังประโยคแรกใช่ว่าจะเชื่อทันที มะตูมยังจ้องท่าทีของคนยืนนอกรถอย่างระมัดระวังและยืนยันจะไม่ลงจากรถจนกว่าจะได้ยินอะไรที่มันน่าเชื่อถือและดูเป็นไปได้มากกว่านี้ 

“พอดีห้องฉันมันรกเลยต้องการแม่บ้าน”  ในเมื่ออยากฟังก็จะบอกความจริงให้  “งานพวกนี้นายคงทำได้ใช่ไหม”  สหรัฐถอนหายใจโล่งอกยามมือเล็กยอมปลดสายเข็มขัดนิรภัยและก้าวลงจากรถโดยยอมรับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ มือสองขนาดค่อย ๆ จับกันไว้เล็กน้อย ประคับประคองและค่อยเป็นค่อยไป









ถ้ารู้ว่ามีเมียแล้วชีวิตจะดีคงมีไปตั้งนานแล้ว แต่ก็ดีแล้วที่ตอนก่อนหน้านี้ตัดสินใจทำตัวลอยไปลอยมาหาเศษหาเลยกับการค้าบริการไปวัน ๆ จนโชคดีได้มาเจอกับนางฟ้านางสวรรค์อย่างเฟยฮวา ได้เมียแล้วยังเหมือนได้แม่บ้าน จานชามไม่เคยได้จับ สำรับก็มาเกยอยู่ตรงหน้า ปกติลิ้นเคยได้แตะรสชาติผลไม้ซะที่ไหน ภาพลักษณ์ผู้ชายร้ายกาจแทบหายไปเมื่อคาบชิ้นฝรั่งไว้ที่ปากขณะนั่งอ่านข้อกำหนดคนทำผิดกฎหมายต้องส่งส่วยให้ตำรวจด้วยอะไร กระทั่งเคี้ยวผลไม้จนไม่เหลือกากใยก็เรียกใช้ ให้คนที่เห็นแผ่นหลังแวบ ๆ เข้าไปในห้องทำงาน ไหว้วานหยิบแฟ้มสีดำ

ก่อนจะทำเฟยฮวางงเพราะมองไปตรงไหนก็มีแต่สีดำ  “อธิบายให้มันแคบกว่านี้หน่อยได้ไหม”  ร่างบางตะโกนถามขณะใช้มือจับสันแฟ้ม แทบจะทันทีที่มีเสียงตะโกนสวนกลับมา อาชาบอกว่าไม่ต้องหาเดี๋ยวฉันเข้าไปเอาเอง

เฟยฮวาจึงเลิกละเลงฝ่ามือไปบนโต๊ะทำงานและหันมาช่วยจัดระเบียบให้ดูเรียบร้อย ค่อย ๆ แยกปากกาออกจากกองกระดาษ วางแฟ้มมากมายไว้ทางซ้าย ย้ายพวกใบเสร็จไปทางขวา จนเมื่อข้าวของเกะกะหายไปนัยน์ตาก็สบกับด้ามปืน ร่างบางยืนลังเลก่อนตัดสินใจเอื้อมมือสัมผัส       

“ไหนว่ายิงไม่เป็น”  แต่ยังไม่ทันได้พินิจพิจารณา คนเพิ่งเดินเข้ามาเงียบ ๆ ก็คว้าปืนไปจากมือขาว อาชาทำราวกับผู้ใหญ่ไม่อยากให้เด็กเล่นปืนตอนยืนพิงขอบโต๊ะ กอดอกระหว่างซักไซ้ 

“ฉันยิงไม่เป็นแต่ฉันถือเป็น”  เห็นสายตาจับผิดแต่ไม่คิดติดใจ แล้วเฟยฮวาก็ไม่ขอโทษที่จับของของคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตก่อน  “นายสอนฉันยิงปืนหน่อยสิ” 

“อยากยิงเป็นไปทำไม เดี๋ยวมือนิ่ม ๆ ก็ด้านหมดหรอก”  เอ่ยอย่างเดียวคงไม่ใช่นิสัย มือไวพอจะฉวยฝ่ามือขาวเอาไปหอม ขณะอีกคนก็ยอม ลอบมองจ้องการกระทำนั้นอย่างไม่ขัดเขิน แต่พฤติกรรมเกินเลยก็ต้องอันชะงัก

“ฝึกไว้เผื่อได้ยิงพวกนอกใจ”

แววตาแฝงไปด้วยความจริงจังและทำให้คนอย่างอาชาหลุดยิ้มเจ้าเล่ห์  “งั้นฉันคงรอด เพราะฉันเป็นพวกรักเดียวใจเดียว”  เสี่ยวจนร่างบางต้องชักมือกลับ บางทีเฟยฮวาก็แอบหงุดหงิดที่มักแพ้อีกคนอยู่ร่ำไป ในแมตช์ที่คิดว่าจะชนะก็กลายเป็นว่าถูกคนร้ายกาจกว่าตลบหลัง

“ตกลงจะสอนไหม” 

“แล้วฉันจะได้อะไร”

“นายก็รู้ว่าฉันไม่มีอะไร”  ไม่ได้กำลังกวนแต่อย่างใดขณะต่างฝ่ายต่างรู้ความจริงข้อนี้ดี  “อีกอย่างตัวฉันก็ให้ไปแล้ว …นี่อย่าบอกนะว่านายอยากได้หัวใจฉัน?”

“แล้วให้ไม่ได้? นายกำลังทำฉันเสียใจนะเฟยฮวา”  ถ้าเป็นคนอื่นคงอาจมีหลงเชื่อกันบ้างแต่อย่างร่างบางพอเห็นสีหน้าเศร้าแต่นัยน์ตาวาววับด้วยความเจ้าชู้ก็เบือนหน้าส่ายหัวหนี

“ฉันไม่ยกให้ง่าย ๆ หรอก” 

“เห็นนางเอกปากดีแบบนี้ทีไร สุดท้ายก็เป็นฝ่ายรักพระเอกก่อนทุกที”

“แต่ละครเรื่องนี้จะแตกต่างออกไป”  เป็นครั้งแรกที่เฟยฮวาจุดยิ้มกว้างอย่างมั่นอกมั่นใจและเชื่อว่าในแมตช์นี้ตัวเองจะชนะ  “…พระเอกต้องเป็นฝ่ายรักนางเอกก่อน”

โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเวลาที่ริมฝีปากอิ่มขยับยิ้มน่ะ พระเอกแทบจะมอบให้ทั้งสามส่วนสี่ของหัวใจ
แต่ก็อดสบประมาททางสายตาไม่ได้  “มั่นใจจังนะ”

“ฉันทำได้ก็แล้วกัน”  เฟยฮวาพูดภาษาไทยฉะฉานและเผลอลืมตัวยิ้มหวานให้อีกคน ลืมมองจนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามค่อย ๆ ยิ้มตาม

อาชาทำเป็นยักไหล่ระหว่างยิ้มไม่หุบ  “งั้นฉันจะรอดูเลย ไหน จะทำยังไงให้พระเอกรัก”  ก่อนจะยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่เมื่อเจอมารยานางเอกที่เขย่งปลายเท้าแล้วบดจูบปากชายหนุ่มก่อน แต่ตอนจะแหย่ลิ้นเล่นด้วยกลับทำเป็นผละหน้าหนี ลีลาเล่นตัวยังแพรวพราวจนอาชาบอกจะเอายังไงก็เอาเลยแม่คนสวย แถมช่วยเตือน  “เล่นแบบนี้ระวังปืนลั่นนะ”   

“ปืนกระบอกไหนล่ะ”  ยกมือเกาะไหล่กว้างแล้วเขยิบร่างเบียดอย่างออเซาะ แล้วก็เห็นมือใหญ่ลดปืนของจริงลงวางกับโต๊ะเพื่อบอกว่าไม่ใช่กระบอกนี้ขณะที่สายตาเจ้าชู้ก้มมองลงต่ำทำสัญลักษณ์จะบอกว่าปืนที่เตรียมลั่นคือกระบอกที่อยู่ตรงหว่างขานี่ 

นัยน์ตาสีบรั่นดีจ้องดวงหน้าสวยเหมือนจะกลืนกิน แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก มือใหญ่ขย้ำนั่นแตะนี่ที่ตัวเฟยฮวาก่อนจะโดนมือขาวเอาคืนด้วยการบีบคั้นอวัยวะสืบพันธุ์และนำไปสู่การแบกขึ้นบ่า ร่างบางกำลังจะโดนลักพาตัวออกจากห้องทำงานแต่กลับไม่มีความกลัว  “ไม่หาแฟ้มแล้วเหรอ”  ระหว่างเลือดลงหัวก็ยังกล้ากวนเลยโดนนวดแก้มก้นยกใหญ่ อาชาหมั่นไส้เลยตบก้นงอนไปหลายทีและคงไม่ต้องมีการบรรยายอะไรเพิ่มเติมมากนัก ก็เหมือนกับฉากหนังรักทั่วไปที่เคยเห็น ๆ กัน อยู่บนเตียงถ้าไม่นอนก็นั่ง ร่างเปลือยทั้งคู่ขณะหมกมุ่นเรื่องเพศจนลืมดูเวล่ำเวลา

กว่าจะอาบน้ำเตรียมนอนก็ตอนพ้นเที่ยงคืน อาชาในสภาพสวมแค่กางเกงนอนออกมายืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงขณะตรงข้างเตียงมีเฟยฮวากำลังติดกระดุมเสื้อนอน แต่ก่อนที่ร่างบางจะล้มลงนอนก่อนเพราะอ่อนล้า เผอิญคนยืนนอกห้องดันกวักมือเรียก สองขาขาวยอมเดินไปหาแต่ว่าไม่คิดเปิดประตูระเบียงเพื่อเลี่ยงกลิ่นบุหรี่ที่แพ้

แล้วจู่ ๆ ก็หลุดหัวเราะเพราะเห็นสภาพของกันและกันผ่านกระจกกั้น เนื่องจากทั้งสองคนสวมชุดนอนคู่ กางเกงอยู่ที่อาชา เสื้ออยู่ที่เฟยฮวาและมันดูน่ารักดีเวลาที่ชายหนุ่มตัวสูงขยับเข้ามาใกล้ประตูกระจก คงอยากจูบราตรีสวัสดิ์แต่รู้ว่าตัวเองมีกลิ่นควัน จึงเปลี่ยนเป็นการประทับริมฝีปากบนบานกระจกและยังคงแนบปากรออยู่อย่างนั้น จนร่างบางวางฝ่ามือทับเงาฝ่ามือใหญ่แล้วเงยปลายคางเพื่อประทับริมฝีปากให้พอดีกับอีกคน หลับตาจนเมื่อลืมขนตางอนขึ้นช้า ๆ ก็ยังเห็นใบหน้าหล่อเหลาอยู่อีกด้านนึงของกระจก เฟยฮวาหลับตาลงอีกครั้งตอนรูปปากของคนอีกฝั่งเลื่อนขึ้นจุมพิตตำแหน่งหน้าผาก ก่อนอาชาจะผละออกไปแล้วทำสัญลักษณ์ว่าสูบนิโคตินอีกสักหน่อย ให้ร่างบางไปนอนก่อน

เฟยฮวาหลับไปจนใกล้รุ่งสางถึงได้รู้สึกว่ามีคนนอนกอด ตอนงัวเงียก็พลิกร่างกอดตอบมอบความอบอุ่นให้เพราะในช่วงเวลาเช้า ๆ อากาศจะหนาวมากเป็นพิเศษ เห็นอีกคนตัวเล็กกว่าแต่ก็พอจะฮีตเตอร์เคลื่อนที่ให้ได้ กระทั่งช่วงสายอาชาที่ตื่นก่อนปลุกให้ร่างบางรีบไปอาบน้ำ รับขวัญยามสายด้วยการหอมขมับแล้วกระซิบกระซาบว่าจะพาไปยิงปืน

จนสองชั่วโมงถัดมาเสี่ยวเฟยฮวาก็ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าโต๊ะซึ่งวางปืนสั้นสีดำด้านพร้อมด้วยกระสุนสำหรับซ้อมครบครัน ร่างบางหันหน้ามองคนพูดสลับกับอาวุธอยู่ตลอด อาชาถอดชิ้นส่วนแล้วประกอบเข้าไปใหม่ อธิบายเหมือนง่ายแต่คนฟังก็ส่ายหัวไม่เข้าใจ จนเอ่ยปากไล่ลูกน้องที่ยืนคุ้มกันให้ออกไปก่อน ตอนอยู่สองต่อสองอาจจะสอนอะไรได้ง่ายขึ้น

พ่อค้าอวัยวะข้ามขั้นประกอบปืนไปและให้ร่างบางพอรู้แค่วิธีบรรจุกระสุน แล้วพูดถึงจุดตายยิงยังไงจะไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามลุกขึ้นมาอีก ให้ยิงเข้าที่สมอง ก้านสมองไม่ก็หัวใจ มือใหญ่สวมที่ครอบหูให้เป็นอันดับแรกแล้วสวมแว่นตากันกระสุนดีดกลับมากระแทกตา ก่อนจะหมุนร่างเฟยฮวาให้หันหน้ากลับไปดูเป้าหมายซึ่งไกลออกไปหลายเมตร เป็นกระดาษสีขาวที่มีเส้นวงกลมวาดซ้อนทับกันหลายชั้น โดยทุกรอบวงกลมจะมีตัวเลขคะแนนบอกกำกับ คนเป็นปืนขยับจัดท่าทางให้ซึ่งพอเอาเข้าจริงร่างกายมันก็เกร็งไปเองโดยอัตโนมัติ เฟยฮวาจับปืนอย่างที่คิดว่าถนัดแล้วยืดสุดความยาวแขนไปข้างหน้า

ระหว่างที่เผลอแขนสั่นเพราะความหนัก ร่างสูงโปร่งที่ยืนซ้อนเบื้องหลังก็ช่วยประคอง สองแขนยาวแนบไปกับช่วงแขนสั้นกว่า อาชาที่สวมที่ครอบหูอยู่เช่นกันวางคางพาดบ่าเฟยฮวาเล็กน้อยและคอยตะโกนว่าอย่าเกร็ง ให้เล็งในสิ่งที่เราอยากจะยิง จนเมื่อยิงนัดแรกออกไปแรงดีดทำให้คนยิงเซถอยหลัง แต่ยังโชคดีที่มีอีกคนประคอง ก่อนเสียงตะโกนจะบอกให้ลองอีกครั้ง ตัวเองก็ยืนประกบหลังไม่เหลือสักช่องว่าง

ร่างบางยิงออกไปแต่เพราะเผลอหลับตาเลยกลายเป็นว่าไม่โดนเป้า ทำเอาโดนดุ อาชาดูเป็นจริงเป็นจังจนเฟยฮวายังแอบกลัว แอบมองใบหน้าด้านข้างแล้วรีบหลบตา รีบมองไปทางข้างหน้าทันทีก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับเข้ามายืนซ้อนหลัง วางสองมือรองใต้แขนร่างบางแล้วสั่งให้ลั่นไก กดนิ้วแรง ๆ จนกว่าลูกกระสุนในปืนจะหมด  “ยิง!” 

เสียงนั้นตะโกนอยู่ข้างหู  “ยิง!”  และเฟยฮวาก็พยายามตั้งใจยิงจนโดนบ้างไม่โดนบ้าง ซึ่งต่างจากอาชาที่หลังจากสั่งให้ร่างบางไปพัก ตัวเองก็อยากทบทวนฟอร์มซ้อมยิงด้วยปืนกระบอกเดียวกัน

สายตาชื่นชมของเฟยฮวามองตามอย่างทึ่งในความสามารถ กระสุนหกนัดทำเลขสิบบนกระดาษขาดเป็นรูพรุน โดยไม่จำเป็นต้องพูดโอ้อวดแต่อย่างใด พ่อค้าอวัยวะวางปืนแล้วหันกลับมายักไหล่ให้ร่างบาง ก่อนกางวงแขนออกเพื่อบอกให้อีกคนเดินเข้ากอดตนซะดี ๆ แต่คนที่ถูกสั่งด้วยท่าทางก็ส่ายหน้าช้า ๆ ไม่ยอมขยับ

เฟยฮวายิ้มขำเมื่ออาชาทำสีหน้าขุ่นข้องหมองใจ กระทั่งเลิกเป็นฝ่ายเล่นตัว เพราะตอนแรกร่างบางก็แค่กลัวว่าชายหนุ่มจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงจึงแกล้งถ่วงเวลา รอให้จังหวะก้อนเนื้อในอกซ้ายช้าลงก่อน ตอนนั้นเลยกล้าเดินเข้าหา แต่สงสัยชักช้าไม่ทันใจจึงโดนกระชากเข้าไปกอด ร่างบางเผลอมองค้อนตอนอีกคนใช้ความรุนแรง แต่แปลกที่พอได้ลองแนบหูฟัง เสียงดังจากในหน้าอกซ้ายของพ่อค้าอวัยวะก็ชวนให้ระบายยิ้ม เผลอกัดริมฝีปากด้วยความเขินอาย

ยิ่งถอดที่ครอบหูก็ยิ่งได้ยินเสียงหัวใจกันและกัน …ลั่นสนามยิงปืน   











วัน ๆ หยางไอมีงานให้ทำจนล้นมือ ไหนจะถือปืนยิงคน ค้นรายชื่อลูกหนี้รายใหญ่ ตรวจสต็อกสินค้าผิดกฎหมาย พอตกบ่ายก็ต้องพาลูกคุณหญิงไปกินข้าวและยิ้มรับยามคุณแม่พยายามจะถวายลูกสาวให้โดยมีอาเสี่ยลงพุงหนุนหลัง

อยากใช้ลูกเป็นของกำนัลเผื่อการเจรจาค้าขายจะได้ง่ายขึ้น ซึ่งหยางไอก็ยื่นมือจับหลังรับประกันด้วยการร่วมเซ็นสัญญา จะหาเงินทุนให้อีกครอบครัวแลกกับตัวลูกสาวที่มองตาก็เหมือนเข้าใจและหลังจากที่แยกย้าย ให้พ่อแม่กลับแต่ลูกสาวอยู่ต่อก็พอดีกับที่ลูกน้องเคาะประตูห้องเป็นการขออนุญาต  “นายครับ”  แค่เอ่ยสองคำเป็นอันรู้กันและนั่นทำให้ชายหนุ่มออกปากบอกให้หญิงสาวไปรอที่รถก่อน ตอนคุยธุระเสร็จแล้วจะรีบตามไป ไม่ให้รอนานแน่นอน   

“มีอะไร”  รอให้หญิงสาวออกไปก่อนแล้วถามขึ้นยืนกอดอกรอฟัง

“ข้อมูลคุณเฟยฮวาที่นายให้ไปสืบ…”

“ตกลงว่ายังไง”

“นายดูเอกสารเองดีกว่าครับ”  หยางไอทำสีหน้าหงุดหงิด แทนที่จะพูดมาเลยก็ต้องมาเสียเวลาดึงกระดาษสีขาวออกจากซองน้ำตาล ตอนแรกดวงตาขวางก็แค่กวาดมองแบบผ่าน ๆ จนเจอบานรูปแอบถ่ายในลานจอดรถ

บานแรกเห็นหน้าคนที่ตามหาชัดแต่คนอยู่ด้วยไม่ชัด
จนบานที่สองเห็นใบหน้าของทั้งคู่อย่างชัดและมือกร้านเผลอขย้ำ
กำเป็นก้อนแล้วปล่อยตกลงพื้นขณะนัยน์ตาว่างเปล่า

“มันเป็นใคร ทำไมเฟยฮวาถึงไปอยู่กับมัน”  …และทำไมเสี่ยวเฟยฮวาถึงยิ้มให้มันอย่างนั้น

“ชื่ออาชา เป็นเจ้าของธุรกิจค้าอวัยวะเถื่อนในไทยครับ”   

“ค้าอวัยวะเถื่อน? ”  นึกว่าหูฝาดแต่พอกลับไปอ่านข้อมูลในเอกสารก็ตรงกัน ก่อนจะกัดฟันเอ่ยตามประสาคนพยายามอดกลั้น  “ฉลาดเลือกดีนะเฟยฮวา”

การคว้าคนมีอำนาจมาควงคงจะช่วยฉุดดวงชะตาชีวิตขึ้นไปหน่อย แต่ลูกกวางน้อยคงลืมว่าคนที่ต้องต่อกรด้วยก็คือตน คนที่มีนิสัยแสนพยาบาทและจะตามล้างตามเช็ดจนกว่าจะไม่มีที่ให้ร่างบางระเห็จหนีไปไหน ถือคติว่าถ้าฉันไม่ได้ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ คิดจะแย่งก็ต้องตาย

“มันดีกว่าฉันตรงไหนนะ”  เดี๋ยวจะทำให้ร่างบางได้รู้ว่าไม่มีใครกล้าพกระเบิดเวลาไว้กับตัวหรอก ร้อยทั้งร้อยก็ต้องออกปากไล่ถ้าคนที่ดันเลี้ยงไว้เป็นบ่อเหตุแห่งความฉิบหาย

เฟยฮวาน่ะดวงกินคนรอบข้าง คนที่อยู่รอบตัวร่างบางน่ะตายห่าทุกคน 
“ส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปให้ไอ้อาชา”











----------------------------------------------------
Tag  #PONR  #เดินหน้าลูกเดียวไม่มีเหลียวหลัง

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.VI (05/10)
«ตอบ #14 เมื่อ06-10-2018 15:30:49 »

VII




“หมายค้น?” 

คนคุยโทรศัพท์ถึงกับทวนประโยคอย่างไม่แน่ใจ พ่อค้าอวัยวะหน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นปม 

“หมายความว่าไง ในเมื่อฉันก็จ่ายเงินครบทุกเดือน”  อาชากำลังหงุดหงิดอย่างมากฟังได้จากน้ำเสียง ก่อนจะจบบทสนทนาด้วยการตัดสายก่อนตอนอีกฝ่ายร่ายเหตุผลยืดยาวจบ

“มีเรื่องอะไรเหรอ”  เฟยฮวาที่เดิมทีนั่งอยู่ยังต้องลุกเดินมาดูใกล้ ๆ

“มีปัญหานิดหน่อย”  …ไม่หรอก ความจริงมันก็เป็นปัญหาใหญ่ อาชายอมจ่ายส่วยทุกเดือนเพื่อแลกกับความปลอดภัยของกิจการ ถึงอยู่มาได้นาน ตลอดเวลาหลายปีไม่เคยขาดสักสลึงและทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะโอนเงินเข้าบัญชีนายตำรวจท้องถิ่นไป แต่วันนี้อีกฝ่ายกลับรีบโทรมารายงานว่าจะมีหมายค้น คนใหญ่คนโตมีคำสั่งลงมากะทันหัน ถึงได้โทรมาแจ้งเพื่อต้องการให้เตรียมตัวรับมือ

“งั้นมีอะไรที่ฉันพอจะช่วยนายได้บ้างไหม”

“กลับไปนั่งที่โซฟาแล้วยิ้มสวย ๆ”

“แต่ว่า…” 

“ฉันกำลังหงุดหงิดนะเฟยฮวาและฉันไม่อยากพาลอารมณ์เสียใส่นาย” 

สายตาอาชาน่ากลัว แผ่รังสีความหัวเสียจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แอเรียโดยรอบ

เฟยฮวายังต้องหอบความห่วงใยกลับไปนั่งที่โซฟาตามคำสั่ง ไม่อยากก่อปัญหาเพิ่ม ซ้ำเติมอีกคนด้วยการทำตัวเกะกะ นัยน์ตากลมทำแค่เฝ้ามอง สังเกตสีหน้าเคร่งเครียดของเจ้านายที่คอยสั่งให้ลูกน้องขนย้ายของจำเป็นไปซ่อน แม้จะเป็นเลขาแต่ร่างบางก็มีหน้าที่แค่นั่งมองความเคลื่อนไหวอย่างเดียว แทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยที่ก็ยังไม่รู้ว่าที่อาชาต้องเดือดร้อนก็เพราะตัวเอง
ในยามที่ทุกคนเร่งทำงานแข่งกับเวลาเฟยฮวาว่างมากพอที่จะคิดฟุ้งซ่าน มันสังหรณ์ใจยังไงชอบกล แต่ก็ไม่สามารถหาอะไรมาพิสูจน์ข้อสันนิษฐานว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของความวุ่นวาย ขอภาวนาว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากความปกติ ไม่ได้มีใครแอบอยู่เบื้องหลัง นั่งนึกแล้วหวั่นใจ จู่ ๆ คำว่าหยางไอก็แวบเข้ามาในสมอง

ร่างบางสะบัดหน้าเผื่อว่าชื่อที่ไม่ควรนึกถึงจะหลุดออกไปจากความคิด เปล่าประโยชน์จะนึกถึง จึงหาอะไรทำ เดินเข้ามาถามเสียงอ่อน  “นายหิวอะไรไหม เดี๋ยวฉันลงไปหาอะไรให้กิน”   

“ขอเบียร์กระป๋องเดียวก็พอ”  ใจคอจะไม่มองหน้ากันหน่อยเหรอ ร่างบางแหงนคอแทบเมื่อยแต่คนตัวสูงกว่าก็ยังกวาดสายตามองไปทางอื่น กระทั่งรู้สึกว่ามีคนยืนจ้อง อาชาถึงได้เห็นสีหน้ายุ่ง ๆ ของภรรยา พ่อค้าอวัยวะเกือบถามว่าเป็นอะไร แต่สัมผัสมือที่เอื้อมแตะท่อนแขนตัวเองไว้ก็เรียกความสนใจให้ก้มลงมอง ก่อนจะเงยสบตาเจ้าของมือนิ่มนั้นอีกครั้ง 

“ฉันไม่อยากให้นายเครียดนะ”  เฟยฮวาเอ่ย ทั้งที่เคยไม่อยากให้อีกคนเรียกว่าเมียสักเท่าไหร่ แต่ในเวลาที่อาชาอาจจะลำบากจนอยากได้เพื่อน เฟยฮวาเลยพยายามเตือนความจำคนกังวลว่ายังมีตนนะ แค่อยากทำอะไรสักอย่าง อย่างน้อยให้เป็นผู้ฟังก็ยังดี  “ฉันเป็นเมียนายจำได้ไหม”

ไอ้เราก็นึกว่าไม่สบายตรงไหน อาชาถอนหายใจโล่งอกไปทีระหว่างยินดีรับความห่วงใยนั้นมา เฟยฮวายังเป็นคนที่เหนือความคาดหมายเสมอ จนเมื่อควานมือหากันเจอ ยามสองมือกุมกันไว้ ไหล่กว้างซึ่งแบกภาระหนักจึงค่อยคลายความเกร็ง  “ทำไมจะจำไม่ได้ สวยออกขนาดนี้”  อาชาพาร่างบางหลีกหนีออกมาจากทางเดินที่วุ่นวาย ให้ลูกน้องจัดการขนย้ายกองเอกสารต่อ ส่วนคนเป็นเจ้านายขอเวลาอ้อนเมียสักแป๊บ นั่งลงบนโซฟาแล้วแนบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ อ้อมวงแขนโอบรอบเอวคอด กอดคนที่ยืนวางฝ่ามือไว้บนบ่า

“เป็นห่วงฉันเหรอ”  แหงนคอถามแล้วใช้ปลายจมูกโด่งขยี้กับหน้าท้อง ชวนจั๊กจี้จนเฟยฮวาต้องเตือนว่าเราอยู่ข้างนอก ไม่ใช่อยู่สองต่อสองภายในห้องนอน แต่อาชาก็ยังอ้อนต่อไปจนร่างบางจนใจ ยอมยืนให้อีกคนฟัดเพื่อบำบัดความเครียด ส่วนตัวเองก็เปลี่ยนมายืนสร่างผมอีกคนเล่นระหว่างถามในเรื่องที่สงสัย  “ปกติเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นบ่อยหรือเปล่า”  หมายถึงต้องรีบขนข้าวของออกจากทั้งชั้น ทำเหมือนว่าไม่เคยใช้งานบริเวณนี้   
 
“ไม่หรอก”  บอกได้ก็บอก ไม่ถือเป็นความลับมากมาย สุดท้ายพอตำรวจมาตรวจสอบร่างบางก็จะรู้ทุกอย่างอยู่ดี  “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันถูกหมายค้น”  คนใหญ่คนโตที่ไหนมันเกิดระแคะระคายขึ้นมา แต่จะว่าไปก็ดีเหมือนกันให้มันยกพวกมาตรวจ พอไม่เจอจะได้หน้าแตกกลับไป

“มันจะไม่กระทบกับงานของนายใช่ไหม”

“ถ้าย้ายทุกอย่างทันก็ไม่มีปัญหา”

“แต่หลังจากนี้ตำรวจจะต้องคอยจับตาดูนายแน่”  พอแก้ปัญหาตรงนี้ก็ใช่ว่าจะจบเลย เคยดูหนังสายลับตำรวจจะส่งคนมาจับตาดูความเคลื่อนไหวและมันจะยิ่งทวีความเลวร้าย วันใดวันนึงก็ต้องเกิดปัญหาที่สองตามมา  “แล้วเราจะทำยังไงกันดี”

“เราเหรอ? นายดูเป็นกังวลกว่าฉันอีกนะเนี่ย” 

“เพราะฉันกลัวนายไม่มีเงินเลี้ยงฉันต่างหาก”

“ไอ้เราก็นึกว่าเป็นห่วงกันจริง ๆ”  เฟยฮวายิ้มอย่างผู้ชนะ โดยมีอาชาคอยส่งสายตาหมั่นไส้ให้ ถ้าไม่ติดว่าคนพลุกพล่านอาจมีการเอาคืนให้สาสม แต่ระหว่างที่สู้รบกันผ่านการสบตา คนไม่รู้อะไรเลยก็ก้าวเข้ามาในห้อง     

“เกิดอะไรขึ้นวะ”  สหรัฐมีสีหน้าสงสัยยามมองความวุ่นวายภายในห้องสลับกับหน้าคนที่พอจะให้คำตอบได้   

“หมายค้น”  โดนขัดจังหวะจนเผลอทำหน้าเซ็งและยิ่งเซ็งเข้าไปใหญ่เมื่อร่างบางถอยห่าง เนื่องจากอยากให้มีเวลาคุยกับคุณหมอประจำกิจการดี ๆ  “ฉันให้แกลางานตลอดอาทิตย์”

“แล้วรายได้ฉันล่ะ”  ถ้าหยุดก็เท่ากับว่าไม่ได้เงิน

“ไอ้หน้าเลือด”

“เงินทองเป็นของนอกกาย แต่ต้องใช้ทุกวันจริงไหมไอ้พ่อค้าตับ”

“รวยแล้วยังจะงกอีก”  อาชาฉีกยิ้มเหี้ยมก่อนจะนึกอะไรออก เข็มนาฬิกาบอกเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าแต่ว่าหมอผ่าตัดเพิ่งจะเสด็จมาเมื่อกี้  “แล้วนี่เพิ่งจะมาทำงานเหรอ นาฬิกาบ้านแกตายหรือไง”

“สวัสดีครับเฟยฮวา”  รู้ว่าจะถูกเล่นงานเลยรีบไหวตัวทันถ่วงที ร่างบางไม่ค่อยแน่ใจว่าควรจะทักทายยังไงตอบจนเมื่อเห็นแววตาชอบใจของคนที่ทักทายก่อน ตอนนั้นเฟยฮวาจึงยิ้มให้ สมรู้ร่วมคิดในการกลั่นแกล้งอาชา  “มองนาน ๆ แล้วยิ่งเพลินนะครับ”  หมอเถื่อนหยอดอย่างออกหน้าออกตาจนขาคนลุกขึ้นยืนชักกระตุก อาชาลุกขึ้นมายืนบังร่างบาง ยืนกั้นกลางสองสายตาจะได้ส่งหากันไม่ได้ 

“จะไปไหนก็ไปไอ้หมอเวร”  ถ้าเป็นเวลาปกติคงได้มีวางมวย แต่ด้วยเหตุการณ์ ณ ปัจจุบัน พ่อค้าอวัยวะเลยทำมือปัด ๆ เหมือนไล่หมูไล่หมา จะไปตายเอาดาบหน้าที่ไหนก็ไป   

“เห็นว่าเครียดอยู่หรอกนะ”  สหรัฐไม่ถือสาแล้วถามวกกลับเข้ามาในเรื่องงาน  “แกสั่งให้ลูกน้องไปขนของในห้องฉันหรือยัง”  ด้วยความที่อุปกรณ์ทางการแพทย์มันมีราคาแพงเลยไม่อยากจะสั่งให้ใครแบกห่ามไปมาสุ่มสี่สุ่มห้า  “ยัง รอแกมาคุมเอง”
“ดี งั้นเดี๋ยวฉันไปดูอุปกรณ์ก่อน” 

แต่ก่อนหมอเถื่อนจะไป พ่อค้าอวัยวะก็ออกปากรั้งตัวไว้แค่ช่วงสั้นๆ  “เย็นนี้ว่างไหมไอ้หมอเวร ว่าจะหาคนช่วยหารค่าเหล้า”
 
“นัดเวลามา”

“สถานที่บ้านฉัน”

“แต่อาจจะพาคนอื่นไปด้วยนะ”

“ทุ่มนิด ๆ”

“ดีล/ดีล”  สองน้ำเสียงเอ่ยพร้อมกันก่อนจะแยกย้ายหันไปทำหน้าที่คนละทิศคนละทาง ส่วนร่างบางพอหลังจากโดนตบก้น คนมีงานเลยสั่งให้ไปนั่งรอแบบสวย ๆ ต้องยิ้มด้วยถ้าเมื่อไหร่หันมามอง แต่เฟยฮวาลองไม่ยิ้มยามอาชามองมา ทำสีหน้าหยิ่งทระนงแล้วยกนิตยสารขึ้นปิดหน้า

กว่าพ่อค้าอวัยวะจะคุมการขนย้ายจนภายในห้องเหลือโซฟาตัวเดียวที่ร่างบางนั่งก็ปาไปหลายชั่วโมงกว่า จนอ่านนิตยสารหมดไปหลายเล่มและเริ่มหิวท้อง เฟยฮวาเอ่ยบอกจะลงไปชั้นล่างอีกครั้งและคนยืนคุยกับลูกน้องก็ไม่ได้รั้งไว้ เห็นว่ายังไงก็อยู่ภายในตึกที่มีคนของตัวเองพลุกพล่าน เฟยฮวาเองก็ไม่ระวังตัวเดินลงชั้นล่างซึ่งเป็นร้านอาหารแล้วเดินเข้าไปหลังครัว ขออาหารอะไรก็ได้ง่าย ๆ สองที่และระหว่างที่รอก็ออกมายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์คิดสตางค์ ร่างบางคุยกับพนักงานหญิงด้วยหัวข้อวันนี้ลูกค้าเยอะไหม ดวงตากลมแค่กวาดมองไปรอบ ๆ แบบผ่าน ๆ

โดยที่ไม่ทันรู้ว่าตัวเองกำลังยืนเป็นเป้านิ่งให้ชายสองคนจ้องมองอีกทอด ก่อนสองแววตาน่ากลัวจะเซหลบยามมีผู้ชายเดินเข้ามากอดเอวเป้าหมาย อาชาลงมาข้างล่างได้เหมาะเจาะพอดี งานข้างบนเหมือนจะเรียบร้อยให้ลูกน้องทยอยขนออกด้วยทางประตูหลังร้าน

พ่อค้าอวัยวะกระซิบข้างกกหูเล็กว่าไปกินอาหารญี่ปุ่นกันและแน่นอนว่าร่างบางต้องทำตามบัญชา ฝากพนักงานขอโทษป้าแม่ครัวอย่างเกรงใจเพราะดันสั่งให้ทำอาหารเก้อ เฟยฮวาไม่ทันอยู่เจอตัวเพื่อขอโทษเองเพราะคนขายาวฉุดมือเร่งให้เดินตาม แล้ววันนี้อาชาก็อาสาเป็นคนขับรถยนต์เอง

ค่อยเหมือนคู่รักคนธรรมดา มีสามีเป็นคนขับ ส่วนภรรยาก็นั่งประจำตำแหน่ง มันเป็นครั้งแรกที่เฟยฮวาไม่เผลอเหม่อมองออกไปนอกรถอย่างโหยหาอิสระ ดวงตากลมหันมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของสารถีตลอดเวลา จนคนรู้ตัวหันมายิ้มให้และนั่นเอาร่างบางยิ่งสบายใจ เฟยฮวาผ่อนคลายและยอมให้อีกคนใช้กระดาษช่วยเช็ดมุมปาก ระหว่างอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นก็คุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระ จนกระทั่งอาชาเอ่ยปากถึงหัวข้อใหม่  “เดี๋ยวคืนนี้นอนที่บ้านนะ” 

“บ้านนาย?”

“ใช่ บ้านจริง ๆ ไม่ใช่คอนโด”  อาชามีบ้านหลังโตอยู่หนึ่งหลังแถวชานเมืองมหานคร แต่ถามว่าได้กลับมานอนบ่อยแค่ไหน บอกเลยว่าเดือนนึงไม่เกินสองครั้ง  “เรียกว่าบ้านร้างน่าจะถูกกว่า”

“นายไม่ค่อยได้กลับมาอยู่ที่นี่เหรอ”  เอียงคอมองบรรยากาศนอกหน้าต่างรถอย่างสนใจ กว่าจะฝ่ารถติดออกมาได้ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ ล้อรถมุ่งตรงเข้าสู่เขตตัวบ้านทุกด้านล้อมด้วยรั้วรอบขอบชิด ก่อนชายชุดดำที่ขับรถล่วงหน้ามาก่อนจะวิ่งตามรถนำเข้าที่จอดเทียบบันไดหน้าบ้าน เปิดประตูด้านเฟยฮวาพร้อมกับก้มหัวทำความเคารพอย่างสุภาพหนึ่งที   
   
เฟยฮวายิ้มรับและยืนรอคนที่ลงจากรถอีกด้าน อาชาคุยเรื่องจัดการความเรียบร้อยกับลูกน้องเล็กน้อย จนขายาวก้าวมาเทียบกับคนที่ยืนคอย แล้วค่อยพลางตอบคำถามที่ร่างบางถามค้างไว้ 

“ไม่ค่อยได้กลับมาหรอก ฉันว่าบ้านมันใหญ่เกินไป”

“แล้วซื้อไว้ทำไม”

“ให้ลูกน้องกับแม่บ้านอยู่”  ดูใจบุญสุนทานขึ้นมาแต่ว่าอาชาเองก็พูดความจริงทุกประการเช่นกัน

ก่อนจะเดินนำเข้าตัวบ้านที่ด้านหน้าเป็นประตูไม้สลักขนาดใหญ่ ก็บ้านสไตล์คนรวยอย่างที่นิยายเรื่องอื่น ๆ เคยบรรยายมา มีสองชั้นด้านบนมีปีกซ้ายปีกขวา ตรงกลางมีบันไดให้เดินและเลือกได้ว่าจะแยกไปทางไหน ประยุกต์กันระหว่างสไตล์ไทยกับฝรั่ง บ้านหนึ่งหลังมีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน สะอานสะอาดแม้ว่าจะแทบไม่มีคนเข้ามาอยู่บ้านเลยก็ตาม   
   
“คือฉัน …ขอถามเรื่องครอบครัวนายได้ไหม”  ร่างบางแค่สงสัยและพร้อมเข้าใจด้วยถ้าอีกคนจะมองด้วยสายตาด่าว่าไร้มารยาท แต่เจ้าของบ้านกลับทำในสิ่งตรงกันข้าม

อาชาตอบตามความจริง  “กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เกิด แล้วนายล่ะ”  จงใจถามกลับเพื่อหวังว่าจะได้ความจริงจากริมฝีปากอิ่มเหมือนกัน แต่เฟยฮวานิ่งอยู่นานก่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับไม่ให้สั่น  “พวกท่านเสียไปนานแล้วล่ะ”

“งั้นแล้วที่ผ่านมานายอยู่กับใคร”  ถามน้ำเสียงสบาย ๆ แต่ในเวลาเดียวกันก็ลอบสังเกตอาการอึกอัก

ร่างบางเลือกหลบตาเป็นอันดับแรก แปลกที่ไม่พูดจาฉะฉานเหมือนเดิม เฟยฮวาเริ่มเม้มปากกระทั่งได้ยินเสียงบางอย่างที่พอจะใช้เปลี่ยนประเด็นที่คุย  “นั่นเสียงรถนี่ สงสัยหมอมาแล้ว”

“เฟยฮวา”  พอร่างบางจะเฉไฉ มือใหญ่รีบคว้าข้อแขนขาวไว้ท่ามกลางการส่ายหน้ากลับ เฟยฮวาไม่ได้ขยับหนี การตอบโต้เดียวที่ร่างบางทำคือการเผยแววตาเศร้า น้ำตาคลอเบ้าเหมือนจะสั่งได้จนพ่อค้าอวัยวะยอมใจอ่อน

ปล่อยไปก่อนตอนสองขาสั้นสับเดินหนีไป

คนเดินหนียังไม่ถึงขั้นน้ำตาไหลแค่นัยน์ตาแดงก่ำจนหมอเถื่อนร้องถามนามเดินสวน เฟนฮวาปฏิเสธว่าไม่ได้เจ็บปวดตามร่างกายตรงไหน ก่อนคนเดินตามมาจะยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่าใช่ฉันแกล้งเมียตัวเองจนเกือบทำให้ร้องไห้ สหรัฐเลยย้ายเป้าหมายในการปลอบเป็นการด่า ชี้หน้าอาชาว่าไม่รู้จักเป็นคนอบอุ่นเอาซะเลย   
 
พูดอย่างกับแกเคยมีมุมแบบนั้น เกิดสงครามน้ำลายและดูท่าจะวางมวยในไม่ช้า จนเฟยฮวาต้องพาเด็กชายอีกคนซึ่งติดรถมากับหมอเถื่อนหลบไปก่อน ตอนเห็นสีหน้าเลิ่กลั่กรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก มะตูมเองก็ยังงง ๆ ยกมือไหว้ร่างบางที่น่าจะอายุมากกว่าอย่างสุภาพ ริมฝีปากอิ่มทำท่าจะถามว่าตัวเองอยู่ไหนขณะเดินเข้ามาในบ้านคนอื่นอย่างเชื่องช้า ไหนหมอบอกว่าจะพาส่งกลับบ้านแล้วตกลงนี่มันบ้านใคร บ้านตนก็ไม่ใช่สักหน่อย   

“เป็นน้องชายหมอเหรอ”  ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อยยามคนเดินนำหันกลับมาถามเสียงใส

“เปล่าครับ”  มะตูมตอบกลับนำมาซึ่งแววตาสงสัย

เฟยฮวาไม่ได้ตั้งใจจะซักประวัติ แต่ด้วยความที่เราทั้งคู่เหมือนลงเรือลำเดียวกัน ถูกปล่อยให้ยืนคว้างกลางบ้าน ถ้าหันไปอีกด้านจะเห็นว่าสองคนที่ตอนแรกเดินตามเข้ามาได้ย้ายไปนั่งตั้งวงลงขวดกันแล้วตั้งแต่หัววัน
 
“แล้วทำไมถึงมาด้วยกันกับหมอล่ะ”

“ผมเป็นแม่บ้านน่ะครับ”

“แม่บ้าน? หมายถึงทำความสะอาดบ้านน่ะเหรอ”

“ครับ”

“แปลกดีแฮะ”  เห็นร่างเล็กพยักหน้ารับก็ยิ่งแปลก ตอนแรกนึกว่าเป็นพี่น้องเพราะลองได้เดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้แสดงว่าต้องสำคัญ แต่อีกคนดันบอกว่าตัวเองเป็นแค่แม่บ้าน แล้วคนเป็นนายจ้างต้องบริการลูกจ้างดีขนาดนั้นเลยเหรอ

“แปลกยังไงเหรอครับ”

“เปล่าหรอก”  ทำให้อยากแล้วจากไป เฟยฮวาแค่โอบไหล่แคบให้เดินไปด้วยกันระหว่างแนะนำตัวว่าชื่อเฟยฮวา สัญชาติจีนแต่พูดภาษาไทยได้ ส่วนมะตูมก็แนะนำตัวเองบ้างถึงจะร่างเล็กแต่ช่วยงานแบกหามได้ ส่วนมากจะเล่าว่าเคยทำงานอะไรมาก่อน ตอนแรกเริ่มด้วยเคอะเขินแต่เผอิญคุยกันถูกคอ พอผ่านไปสักระยะบรรยากาศอึดอัดก็ผ่อนคลาย

กลายเป็นว่านั่งกินขนมเค้กด้วยกัน โดยมีป้าแม่บ้านยกมาเสิร์ฟให้ถึงห้องรับรองแขก แยกมาอยู่กันสองคนจนนาฬิกาประจำบ้านดังลั่นตอนสามทุ่ม หนึ่งหนุ่มด้านนอกจึงเดินเข้ามาหาขณะถือขวดเหล้า สหรัฐไม่ได้เมาเขาแค่มึน ๆ ยังสามารถยืนพูดคุยได้

“ไหนคุณว่า…พี่บอกว่าจะพาผมกลับบ้านไง”  มะตูมถามและลุกขึ้นมาคุยด้วยความไวแสง ระหว่างอีกคนมีเจตนาจะหลอกก็ไม่ใช่จะแกล้งก็ไม่เชิง แค่ยกขวดเหล้าให้เด็กน้อยดูรู้นะว่านี่คืออบายมุข  “เห็นไหมฉันดื่มเหล้า”  กฎข้อห้ามเขาว่าเมาแล้วไม่ขับ

ความจริงขี้เกียจขับรถกลับเพราะยังอยากสนทนาพาทีกับไอ้พ่อค้าอวัยวะ อีกอย่างก็ดูเหมือนว่าร่างเล็กจะเข้ากับเมียเพื่อนได้ หมอเถื่อนเลยสบายใจไปอีกเปราะถ้าขอให้คืนนี้เฟยฮวาดูแลแทนคงไม่มีปัญหา แต่ดูท่าสิ่งที่จะเป็นปัญหาก็คือตัวเด็กซะเอง
 
“งั้นเดี๋ยวผมกลับเองก็ได้”   
 
“เดี๋ยวให้ลูกน้องอาชาไปส่งให้แทนก็ได้ครับ”

“เมียฉันนี่หน่อมแน้มจริง”  เสียงที่สี่มาพร้อมเจ้าตัว คนเป็นผัวส่ายหัวไปมาเมื่อภรรยาตามอะไรไม่ทันแล้วดันจะพยายามช่วยส่งเหยื่อกลับบ้านอีก  “คืนนี้นายนอนที่นี่นั่นแหละ”  อาชาย้ำให้เด็กน้อยเข้าใจสถานการณ์ บอกเป็นนัยบอกว่าจะไม่มีใครไปส่งนายกลับบ้านทั้งนั้น

“แต่”

“หรือจะขัดคำสั่งผู้ใหญ่”

และก็เป็นเฟยฮวาที่ใจกล้า  “มะตูมก็แค่อยากกลับบ้าน ไม่ได้ขัดคำสั่งใครสักหน่อย”
 
“ปกป้องคนอื่น เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย”  ชี้หน้าคาดโทษสงสัยแอบกรุ่นโกรธตั้งแต่ตอนร่างบางพยายามปิดบังความลับ ฤทธิ์น้ำเมาชักจะทำให้เก่งกับเมีย ต้องได้เคลียร์กันไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง แต่ถึงจะปากไวแต่มือไม้ยังสงบเพราะเข้าใจว่ามีคนอื่นอยู่ร่วมบ้าน แค่หันมาบอกเด็กอีกครั้ง  “นอนที่นี่เข้าใจไหม”

“แต่ผมมีบ้านให้ต้องกลับนะ”  ร่างเล็กเสียงดังขึ้นมาหน่อยตอนคนไม่คุ้นหน้าหันหลังกลับไป แล้วคนก้าวเดินออกไปก็ตะโกนตอบกลับ  “ไม่กลับสักวันบ้านมันก็ไม่หายหรอก”

“ฝากด้วยนะครับเฟยฮวา”  สหรัฐที่ยังยืนอยู่ร้องขอให้คนร่างบางช่วย ด้วยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกร่างบางเลยตกปากรับคำบอกจะจัดการให้ ในเมื่อไม่มีใครยอมไปส่ง จะปล่อยให้เด็กกลับคนเดียวกลางค่ำกลางคืนก็คงไม่ดี 

“ไปเถอะมะตูม ข้างบนน่าจะยังมีห้องว่างอยู่นะ”

เจ้าของชื่อเกือบจะแย้งอีกให้ได้ แต่สุดท้ายก็ปิดปากเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของเฟยฮวา แค่ไม่ยอมมองหน้าตอนเดินผ่านจนสหรัฐคิดว่าร่างเล็กคงงอน แต่เอาไว้ตอนก่อนนอนเดี๋ยวจะขึ้นไปง้อ ขอเวลาสังสรรค์ตามประสาผู้ชายที่ห่างหายจากน้ำอำพันมานาน มัวแต่ทำงานจนแทบลืมรสชาติความขมพร่าไปแล้ว

ด้านล่างมีคนสองคนกำลังชนแก้ว ส่วนด้านบนมีคนที่กำลังเลือกห้องให้แขกนอนสักห้อง เฟยฮวาออกตัวว่าเขาไม่ใช่เจ้าของบ้านตัวจริงหรอกนะ นี่ก็เพิ่งเคยมาครั้งแรกเหมือนกันจึงพาเดินออกห้องนั้นพาเข้าห้องนี้ จนมาจบที่ห้องทางด้านปีกซ้าย มีเตียงขนาดใหญ่และสะอาดพอสำหรับนอน ร่างบางให้ร่างเล็กนั่งรออยู่บนเตียงก่อน ส่วนตัวเองก็เอื้อมมือเปิดตู้เสื้อผ้า จะหาผ้าขนหนูหรืออะไรก็ได้ให้อีกคนใช้เช็ดตัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ กระทั่งมะตูมเห็นมือขาวปิดประตูตู้และในมืออีกข้างถือผ้าขนหนูแล้วหันกลับมา หวังจะชวนคุยเพื่อฆ่าเวลาแต่ว่าดันเปิดประเด็นอะไรก็ไม่รู้ 
 
“ที่ผู้ชายคนนั้นพูดว่าเมีย…”

“อาชาน่ะเหรอ ดูเป็นคนหยาบคายใช่ไหมล่ะ”  เฟยฮวาไม่ถือสาที่เด็กชายสนใจเรื่องของผู้ใหญ่ ความจริงมะตูมก็ไม่ใช่เด็กทารกที่อ่อนต่อโลก คงจะเคยเจอคำศัพท์พวกนี้มาแล้ว ถึงแววตาจะซื่อแต่คงรู้ว่าอะไรคือผัวอะไรคือเมีย  “หมอนั่นน่ะปากร้าย แต่ลึก ๆ แล้วใจดีนะ”

“แต่ผมเห็นเขาดุคุณ ทะเลาะกันเหรอครับ”  มะตูมตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทัน ก่อนเฟยฮวาจะเป็นฝ่ายหัวเราะน้อย ๆ ขณะยื่นผ้าขนหนูให้ก็คอยตอบคำถามไปด้วย 

“ก็ฉันดันไม่บอกความจริงกับเขาไปน่ะสิ”

“แล้วทำไมไม่บอกเขาไปล่ะครับ”

“ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่พร้อมจะรับฟังในสิ่งที่เราต้องการบอก แถมบอกไปแล้วก็ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง เขาอาจจะสมเพชเวทนาหรือแย่กว่านั้นอาจถึงขั้นขับไล่ไสส่งฉันออกไปจากชีวิตเลยก็ได้”

“เรื่องที่คุณปิดบังไว้มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“ไม่รู้เหมือนกันสิ แต่นายรู้ไว้แค่ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีก็พอ”  คนอายุเยอะกว่ายิ้มเพื่อให้คนอายุน้อยสบายใจ  “เอาล่ะ ไปอาบน้ำได้แล้ว”  ก่อนฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้นยืนแล้วดันแผ่นหลังให้ออกเดิน

“แต่เรื่องบางเรื่องก็ต้องลองดูนะครับ ลองบอกไปเราถึงจะรู้ว่าเขาพร้อมจะอยู่ข้างเราหรือเปล่า”

“เอาไว้ฉันกล้าเมื่อไหร่แล้วจะลองดูนะ”

“ผมว่าคุณทำได้”

“เข้าไปอาบน้ำได้แล้ว”  เฟยฮวาตัดบทสนทนาด้วยการส่งร่างเล็กเข้าห้องน้ำที่มีอยู่ในตัวห้องนอนแล้วปิดประตูให้ ร่างบางยืนถอนหายใจขณะที่มือยังกุมลูกบิดเอาไว้อยู่

ใช่ว่าไม่อยากรู้ว่าอาชาจะใช่คนที่พร้อมอยู่เคียงข้างหรือไม่ ความหวังเป็นเรื่องที่ดีแต่ถ้ามีมากไปก็อันตราย ยิ่งคลุกคลีด้วยกันนานไปก็ยิ่งกลัว เป็นครั้งแรกที่เริ่มกลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวชายหนุ่มจะเปลี่ยนไปถ้าได้รับรู้ความจริง

“มายืนทำอะไรตรงนี้”  กลิ่นเหล้าคลุ้งมาพร้อมน้ำเสียงคุ้นเคยทำเอาร่างบางสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เฟยฮวารีบหันหลังกลับภายในอ้อมกอดแน่นหนาก่อนจะเห็นผิวหน้าพ่อค้าอวัยวะแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ พออีกคนผลูลมหายใจก็ได้กลิ่นบุหรี่ผสมกับความมึนเมามาด้วย  “นายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วหมอล่ะ”

“มันกำลังเดินตามขึ้นมา”  อาชาหลับตานึกว่ากำลังหลับกลางอากาศ ก่อนลืมตาและดันร่างบางเข้าพิงผนัง จนเฟยฮวาจำเป็นต้องตั้งการ์ดเอาฝ่ามือดันอกคนเมาไว้ ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนและมันไม่เหมาะแน่ถ้าคนในห้องน้ำเดินออกมาเจอภาพผู้ใหญ่กำลังทำเรื่องไม่ดี   

“งั้นเดี๋ยวฉันพานายไปนอนก่อน โอเคไหม”

“ไม่โอเค”  อย่างกับเครื่องตอบอัตโนมัติ เอ่ยสวนทันควันแล้วค่อยเริ่มก้มหน้าก้มตา

เหมือนจะเมาแต่เอาเข้าจริงก็ยังมีสติพอจะละเลงริมฝีปากทั่วลำคอระหง อาจจะหลงลืมไปบ้างว่าอะไรควรอะไรไม่ควรเมื่อเห็นผิวขาวเย้ายวนใจ แต่ก็ถูกห้ามไว้ด้วยเสียงหวาน เฟยฮวากำลังหาแผนจัดการคนที่พอเมาก็ชักเดาอารมณ์ยากอยู่  “เดี๋ยวมะตูมออกมาเห็นนะ” 

“เจอเด็กนั่นแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่ดูห่วงกันจังเลยนะ”

“ฉันห่วงนายมากกว่า”

“ทำเป็นพูดดี พูดให้ฉันดีใจเล่นจะได้ไม่หาเรื่องต่อใช่ไหม”

“นายเมาแล้วนะ”

“แล้วไง เมาแล้วทำไม”  เมาแล้วก็ดูร้ายกาจขึ้นเป็นกองยังไงล่ะ

นัยน์ตาติดขวางหลุบตามองร่างบางอย่างกับจะหาเรื่องและจะไม่มีวันหายเคืองถ้าเฟยฮวาไม่เล่าเรื่องที่ปิดบังไว้
ต่อให้ต้องทำตัวเลวทรามก็จะเค้นความลับมาให้จงได้ 











----------------------------------------------------
Tag  #PONR  #เดินหน้าลูกเดียวไม่มีเหลียวหลัง

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.VII (06/10)
«ตอบ #15 เมื่อ06-10-2018 22:13:27 »

โอ้ยค้างมากกก เฟบฮวารีบบอกไปเลย จะได้ตั้งมือรับกันทัน สงสารน้อง ฮือ ;_;

เป็นกำลังใจให้คุณตุ๊กติ๊กนะคะ เรารออ่านอยู่เสมอ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Nuch_Chii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.VII (06/10)
«ตอบ #16 เมื่อ06-10-2018 23:02:17 »

ความเคะราชินีนี้ :pighaun:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.VII (06/10)
«ตอบ #17 เมื่อ07-10-2018 01:37:28 »

สนุกค่ะ
ความสัมพันธ์ความรู้สึกของเฟยฮวากับอาชาไปเร็วมาก
แต่ทั้งสองคนหวานกันแล้วมันดี
ิอยากให้เฟยฮวาเล่าให้อาชารู้ อาชาจะได้เตรียมรับมือทัน
นังหยางไอดูน่ากลัวมาก

 :pig4:

ออฟไลน์ Stmmltww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.VII (06/10)
«ตอบ #18 เมื่อ07-10-2018 01:55:33 »

ติดตามค่า สนุกมากกก :impress2:

ออฟไลน์ Josett

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.VII (06/10)
«ตอบ #19 เมื่อ07-10-2018 03:28:59 »

สนุกมากกกก ชอบแนวนี้เวลาคนถ่อยเขาทำตัวหวานนี้มันน่ารักเนอะะ
มาต่อเร็วๆนะคะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.VII (06/10)
« ตอบ #19 เมื่อ: 07-10-2018 03:28:59 »





ออฟไลน์ FiZZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.VII (06/10)
«ตอบ #20 เมื่อ07-10-2018 15:44:57 »

โอ้ยทำไมมันละมุนนนนเบอร์นี้  :-[

ออฟไลน์ supizpiz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 692
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.VII (06/10)
«ตอบ #21 เมื่อ08-10-2018 10:51:56 »

ติดตามค่าา :impress2:

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.VII (06/10)
«ตอบ #22 เมื่อ08-10-2018 19:20:55 »

VIII



การทรมานเป็นวิธีตั้งแต่โบราณกาลเก่า

เอาไว้ใช้เมื่อยามต้องการคำตอบแต่อีกฝ่ายดันไม่ยอมปริปาก

อยากรู้ก็ถามแต่พอไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควรจึงสวมบทตำรวจเลวตอนสอบปากคำ ทำตัวทรามพยายามเค้นคอด้วยเซ็กส์ แต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่าอาชาใช้กำลังเข้าข่มเหงคนอ่อนแอกว่า เฟยฮวาเองก็สมยอมให้สัมผัสอย่างจวบจ้วง ปล่อยให้ล้วงเกินด้วยความรุนแรงกว่าทุกครั้งโดยไม่มีปริปากบ่น เพียงเพื่อให้อีกคนพอใจแลกกับการไม่ต้องคายความลับ 

แต่การไม่ห้ามยิ่งทำให้พ่อค้าอวัยวะงุ่นง่านจนเผลอบันดาลโทสะ เคลื่อนสะโพกด้วยความเกรี้ยวกราด จนสุดท้ายแล้วความเสียวซ่านก็แทนที่ด้วยความปวดหนึบ ร่างบางแทบลืมหายใจตอนร่างกายไหวโยกอย่างหนัก ศีรษะโขกกับหัวเตียงท่ามกลางเสียงเนื้อกระทบเนื้อนับครั้งไม่ถ้วน การปะทะอย่างฉุนเฉียวทำเอารวดร้าวทั้งสองขาที่เกี่ยวกวัดเอวสอบ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมขอร้องให้หยุดกระทำการคุกคาม แบกรับความป่าเถื่อนโดยดุษฎี

อาชาที่ใกล้สร่างเมาเฝ้าประเคนสัมผัสอย่างดุเดือด เลือดขึ้นหน้าองค์ปีศาจประทับ หวังให้ร่างบางร้องขอความเมตตา จะปรานีถ้ามีข้อแลกเปลี่ยน แต่ดันเจอคนใจเด็ดกว่า แผนรีดความจริงจึงล้มไม่เป็นท่า คลุ้มคลั่งอยู่คนเดียวจนเริ่มล้าและกลายเป็นว่าแพ้ภัยตัวเองจนเลิกทำไปเองโดยอัตโนมัติ เปล่าประโยชน์จะลงโทษด้วยความทรมาน เพราะมันเหมือนทำร้ายตัวเองเช่นกัน พ่อค้าอวัยวะเลิกขยับกลางคัน แล้วหันมาใช้วิธีสนทนา  “มันลึกลับขนาดบอกฉันไม่ได้เลยหรือไง”  ไม่น่าเชื่อว่าตนจะรู้สึกน้อยใจกับเขาเป็นด้วย นอกจากน้อยใจก็ยังคิดว่าตัวเองไม่สำคัญขนาดที่จะต้องรับรู้   

เฟยฮวาดูออกว่าอีกคนกำลังคิดมาก  “ฉันยอมให้นายทำรุนแรงกับฉันดีกว่าให้นายตัดขาดฉันออกไปจากชีวิต” 

“ฉันคงทำให้นายมั่นใจไม่พอสินะ”  วกกลับมาโทษตัวเองหน้าตาย ลืมไปเวลาแค่ไม่นานคงไม่สามารถซื้อความมั่นใจจากใครได้ ก็ไม่แปลกที่อีกคนทำ เป็นตัวเองต่างหากที่กำลังล้ำเส้น อารามน้อยใจก็ยกทุกเหตุผลมาข่มตน 

“มันไม่ใช่ความผิดของนายนะ”

“ฉันจำได้ว่านายเป็นเมียฉัน แล้วนายล่ะจำได้ไหมว่าฉันเป็นใคร” 

เฟยฮวาเงียบไป ผลูลมหายใจอย่างอ่อนล้า แววตาท่อประกายสับสน อยากจะขอเวลาอีกคนอีกสักนิด 
 
“นานแค่ไหน… ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่านายจะเชื่อใจฉัน”  ถ้าไม่นานขนาดทั้งชีวิตจะได้รอ บวกกับที่ขอเวลาจากคราวก่อน บอกมาเลยว่าต้องรอไปถึงตอนไหน อย่างน้อยให้มันมีจุดหมายปลายทาง

ร่างบางใจชื่นขึ้นมาเมื่อเข้าใจว่าพ่อค้าอวัยวะกำลังพยายามผ่อนผันให้  “ไม่นานหรอก”  มือเรียวประคองแก้มกร้านไว้ เป็นอาชาที่เอนใบหน้าซบฝ่ามือนิ่ม จนเฟยฮวานอนอมยิ้มแต่พอลองขยับตัวก็ต้องเม้มริมฝีปาก  “มันเจ็บนะ”  หมายถึงการร่วมเพศที่ผ่านมา อาชาหน้าเจื่อนก่อนจะเคลื่อนแก่นกายออกด้วยความระมัดระวัง ถ้าบอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็ดูจะเป็นการแก้ต่าง เพราะเจตนาแรกกะใช้การบังคับขืนใจเป็นเครื่องมือในการรีดความลับจริง ๆ   

“ฉันขอโทษ”

“ถ้าอ่อนโยนก็ไม่ใช่นายอยู่ดี”

“พูดแบบนี้เดี๋ยวก็โดนอีกหรอก”

“ฉันเชื่อใจนายนะ”

“ทีอย่างนี้ละทำมาเป็นพูดดี”  บดบี้ปลายจมูกตนกับปลายจมูกมนด้วยความมันเขี้ยว

ก่อนสองริมฝีปากจะคาบเกี่ยวกันอย่างเชื่องช้า ประทับจุมพิตด้วยความสโลโมชั่น ขาดความมั่นใจแต่แฝงไปด้วยความเร้าหรือ ไม่หวือหวาแต่ว่าวาบหวาม ไล่งับความยืดหยุ่นเป็นนานก่อนจะหยุดความเนิบนาบไว้เพื่อส่งสายตาหากัน หน้าผากดันหน้าผากอย่างหยอกล้อ แล้วประกบจูบต่ออย่างรวดเร็วและร้อนแรง คราวแรกแสดงออกอย่างรู้สึกผิดที่ทำร้าย เมื่อมั่นใจว่าอีกคนไม่ถือโทษ คราวสองจึงบดเบียดกลีบปากอย่างหนักแน่น ทำให้น้ำลายสองสายแปดเปื้อนทันที อาชาดูดดุนริมฝีปากอิ่มจนช้ำ ขึ้นสีแดงก่ำแต่พอยามคลายก็สลายเป็นสีชมพูจาง ๆ เฟยฮยาทำอย่างเดียวกัน ผลัดเปลี่ยนเพื่อละเลียดรสชาติที่ขาดไปคงขาดใจ แต่ก่อนที่จูบนี้จะเลยเถิดไปไกล ร่างกายจำเป็นต้องพักจึงต่างก็ยอมถอยห่าง 

“พรุ่งนี้เป็นไง”  ร่างบางขอความเห็นว่าถ้าทนรออีกสักวันจะเป็นยังไง  “แล้วฉันจะเล่าทุกอย่างให้นายฟัง”

อาชาพยักหน้าว่าได้ อีกวันเดียวยังไงก็รอไหว คำพูดของเฟยฮวาช่วยลบล้างความน้อยใจจนหมดเกลี้ยง เหลือเพียงความอ่อนโยน ไถ่โทษด้วยการรั้งร่างบอบบางขึ้นมานั่งอย่างทะนุถนอมแล้วมอบอ้อมกอดให้เป็นของแถม

เนื่องจากเหนียวตัวเฟยฮวาจึงขอตัวไปอาบน้ำ ขณะอาชาแยกตัวออกมาดื่มด่ำกับบุหรี่ที่ระเบียงบ้าน แต่ยังไม่ทันจะจุดสูบ ลมวูบหนึ่งก็พัดพาความคิดบางอย่างมา เป็นเหตุให้ลดระดับมวนบุหรี่ลงข้างตะเข็บกางเกงตัวยาว ทอดสายตาไปไกลยามเจอเป้าหมายใหม่ ตอนที่ร่างบางก้าวออกมาจากห้องน้ำพร้อมสภาพชุดนอนตัวใหญ่ก็เห็นพ่อค้าอวัยวะกำลังเอนกายพิงหัวเตียง โดยบนตักมีโน้ตบุ๊กกำลังเปิดใช้งาน แสงสว่างสาดเข้าหน้า สะท้อนในดวงตาเป็นรูปหน้าจอสี่เหลี่ยม

“ทำอะไรอยู่เหรอ”  เฟยฮวาคลานเข้าหาอาชาที่เหลือบตามองเล็กน้อย พ่อค้าอวัยวะปล่อยให้ร่างบางเอาหัวลอดวงแขน เพื่อเอนหัวซบอกระหว่างมองหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งปรากฏตารางตัวเลขมากมาย เห็นแล้วลายตาสู้ชิงหลับก่อนน่าจะดีกว่า เฟยฮวาที่เพลียจัดหลับไปทั้งอย่างนั้น พาดศีรษะกับร่างกายใหญ่ ท่าทางมันก็ไม่ได้สบายแต่เพราะอยากอยู่ใกล้อีกคนให้นอนตรงไหนก็ทนได้ อาชาก้มลงมองเพื่อเช็กให้มั่นใจว่าร่างบางหลับลึก ถึงได้เปลี่ยนจากหน้าบัญชีเป็นหน้าเว็บไซด์ที่เปิดค้างไว้ ใจความของประโยคค้นหาคือวิธีลดละเลิกบุหรี่อย่างเด็ดขาด

ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่รู้สึกอยากลงหลักปักฐานกับใครสักคนและไม่รู้เลยว่าตนจะมีศักยภาพพอที่จะทำเพื่ออีกคนมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่ทำวันนี้ก็ไม่รู้จะเริ่มเมื่อไหร่ เหมือนเวลาจะขายความเชื่อใจก็ต้องทำให้ลูกค้าเชื่อใจเสียก่อน

แถมถ้าเป็นมะเร็งปอดตายแล้วใครจะอยู่กับร่างบาง 
ก็แค่อยากสร้างความเปลี่ยนแปลง แสดงให้เห็นว่าฉันเป็นที่พึ่งของนายได้เสมอ













เสียงเตียงเคลื่อนเงียบไปแล้วพักใหญ่ แต่เสียงแว่วในหูยังทำงาน

ผนังที่บางสร้างความอึดอัดให้กับแขกร่วมบ้านที่ต่างฝ่ายต่างนอนตาค้าง ตอนแรกก็คิดว่าเพราะไม่คุ้นที่คุ้นทาง แต่ที่ไหนได้เพราะเสียงแปลก ๆ จากห้องข้าง ๆ ต่างหากที่เล่นเอาซะหลับไม่ลง สงสัยจะลืมว่าไม่ได้อยู่กันตามลำพัง 

มะตูมเขยิบตัวนอนชิดริมเตียงฝั่งซ้าย ความจริงถ้าลงไปนอนพื้นห้องได้ก็คงทำ แต่ด้วยความกลัวว่าอีกคนจะเข้าใจผิดคิดว่ารังเกียจเลยยอมนอนร่วมเตียงระหว่างได้ยินเสียงประหลาด อาจเป็นแค่เยาวชนแต่ก็เข้าใจ

เข้าใจพอ ๆ กับคนข้างกายที่นอนสอดแขนไว้ใต้ท้ายทอย ตอนที่เข้ามาในห้องใหม่ ๆ สหรัฐกำลังรอเด็กน้อยอาบน้ำจนเผลอหลับไปด้วยความมึนเมา ว่าจะแค่เข้ามานั่งคุยด้วยและปรับความเข้าใจ แต่ก็กลายเป็นล้มตัวลงนอนถอดเสื้อเชิ้ตออกเพราะร้อน นอนแผ่อาณาเขตภายใต้บรรยากาศแอร์เย็น ๆ จนมารู้ตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่มีแรงเขย่าแถวข้อขา

หมอเถื่อนเห็นสายตาหวาดระแวงชัดเจน โดดเด่นจนต้องรีบยกมือยกไม้ปฏิเสธว่าไม่ได้คิดอกุศลอันใด แต่ระหว่างที่กำลังอธิบายถึงความเป็นมาให้คนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จฟัง จู่ ๆ เสียงบางอย่างที่ทำเอาใบหน้าร้อนฉ่าก็ดังขึ้นขัดจังหวะ จำได้ว่าตอนนั้นรีบเสหลบตากันไปคนละทิศคนละทาง เรื่องที่เคยพูดค้างไว้เป็นอันจบ

ร่างเล็กรีบเดินไปนั่งอีกฝั่งของเตียง ส่วนสหรัฐก็เลี่ยงออกมา มองไปที่ผ้าม่านหน้าต่าง จนเมื่อบรรยากาศกระอักกระอ่วนได้ที่ คนที่อายุน้อยกว่าก็บอกว่าจะนอนแล้ว เป็นเหตุให้หมอเถื่อนดีดตัวลุกขึ้นยืน ยิ้มฝืดตอนบอกว่าจะไปนอนอีกห้อง แต่มะตูมลองคิด ๆ ดูแล้วก็เข้าใจว่าห้องที่ใช้นอนได้มีเหลืออยู่ไม่มาก ก่อนปากจะไวเท่าความคิด คนตาโตชวนอีกคนนอนด้วยกัน เตียงขนาดหกฟุตก็ออกจะกว้างความจริงน่าจะนอนได้ตั้งเกือบสามคน

ปันจุบันถึงได้อยู่บนเตียงเดียวกัน

“ไอ้เวร…”  สหรัฐกัดปากแล้วรีบแก้ตัวกลัวร่างเล็กจะเข้าใจว่าตนด่า  “ฉันด่าไอ้อาชามันน่ะ”  บ้ากามแล้วยังนำความเดือดร้อนมาสู่เพื่อน ต้องค่อย ๆ เลื่อนผ้าห่มมาปิดเป้า สหรัฐเป็นผู้ชายที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร

เรื่องอย่างว่าแน่นอนว่าก็เคยมีอยู่และรู้นะว่าอารมณ์หลังจากที่ดื่มเหล้าเข้าไปมันจะไม่นิ่ง ยิ่งดื่มเยอะสภาวะจิตใจยิ่งเปลี่ยวขณะเหลียวไปทางขวาก็เจอคนตัวเล็กนอนด้วยท่าคดตัวหันตะแคงข้าง เห็นแค่แผ่นหลังยังจินตนาการใบหน้าออก ไม่บอกก็รู้ว่าร่างเล็กกำลังนอนหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ เห็นนิ่งแต่ชายหนุ่มก็รู้ว่ายังไม่หลับและมะตูมก็ขยับร่างกายเล็กน้อย ค่อย ๆ ยืดขา เมื่อยเพราะนอนท่าเดิมมาเป็นเวลานาน ยังไม่มีการเริ่มพูดคุยแต่อย่างใด 

กระทั่งหมอเถื่อนคิดว่าปล่อยไว้ชักไม่ได้การ ลุกขึ้นมานั่งใส่เสื้อกะทันหัน ว่าจะหาทางขจัดเสียวแว่วในหู

“ฉันว่าจะลงไปข้างล่าง อยากลงไปด้วยกันไหม เผื่อนายต้องการอะไร”

“ผมเองก็หิวน้ำพอดี”  ร่างเล็กคิดว่าดื่มน้ำดับความฟุ้งซ่านก็เข้าท่าเหมือนกัน ออกจากห้องจะได้หายอึดอัด มะตูมลุกขึ้นเห็นสหรัฐยืนติดกระดุมเสื้อพอดี ก่อนจะชี้ว่าติดผิดนะ กระดุมที่สองไปอยู่ที่รังดุมที่สาม มันสลับที่กัน หมอเถื่อนที่ออกอาการอายจึงรีบจัดการตัวเองและเป็นฝ่ายเดินนำอีกคนออกจากห้อง   

บ้านคนมีเงินไม่ต้องกลัวว่าจะเดินตกบันไฟ เพราะดวงไฟถูกเปิดทิ้งไว้ตามจุดต่าง ๆ จะเดินไปทางไหนความสว่างไสวก็ตามไปด้วยทุกย่างก้าว พอเดินลงมาถึงชั้นล่างมะตูมก็เดินตามเข้ามายังห้องครัวและถือวิสาสะหาน้ำดื่มตามใจชอบ ยืนเกาะขอบตู้เย็น จนเมื่อดื่มเสร็จก็ปิดประตู แต่เพราะจู่ ๆ หมอเถื่อนก็มายืนเต๊ะท่ากอดอกอยู่ข้าง ๆ ร่างเล็กจึงตกใจ

คิดว่าบางทีอาจจะกระหายน้ำเช่นกันจึงยื่นแก้วให้ สหรัฐรับแก้วไปถือไว้แล้วรอให้อีกคนรินน้ำจนค่อนแก้ว แล้วถึงยกดื่มวันช็อต ภายในมันร้อนจริง ๆ ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยานได้

“ไปหาหนังดูกันดีกว่า”  หมอเถื่อนว่าขณะก้าวถอยหลัง ระหว่างนั้นก็มองหน้าร่างเล็กที่กำลังเดินตาม   

“พี่เคยมาที่นี่บ่อยเหรอ”  มะตูมถามกลับ เพราะอีกคนพูดเหมือนรู้ว่าจะหาหนังดูได้จากที่ไหน 

“ไม่บ่อยแต่ก็เคย แค่มาเมาที่นี่อยู่ไม่กี่ครั้ง”

“แล้วรู้จักกับผู้ชายคนนั้นได้ยังไงเหรอครับ คนที่เป็นเจ้าของบ้านน่ะ”

“อ๋า นายคงยังไม่รู้จักไอ้อาชามัน หมอนั่นก็เจ้าของธุรกิจค้าอวัยวะไง ที่นายเคยจะเอาตาไปขายจำได้ไหม”  ร่างเล็กพยักหน้ารับเพื่อบอกว่าจำได้  “แต่เขาดูอายุน้อยกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก”

“หน้ามันเด็กแต่อายุไม่เด็กแล้วล่ะ”  ถ้าเด็กน่ะมันจะทำเรื่องอย่างว่าบนบ้านแบบนั้นเหรอ

“พี่ก็เลยรู้จักกับเขาเพราะทำงานด้วยกันใช่ไหม”

“ก็ไม่อยากรู้จักหรอกแต่มันจำเป็น”  ทำหน้าเซ็งซะสมจริงจนร่างเล็กเกือบหลงเชื่อ จนเมื่อพอใจในการแกล้งก็แค่เฉลยด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ  “ฉันล้อเล่น ความจริงฉันเป็นหมออยู่ที่นั่นก็ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่เปิดกิจการนั่นแหละ ทำงานทุกวันนอกจากคนที่ต้องผ่าก็เจอแต่หน้ามันเนี่ยแหละ”

สหรัฐเอ่ยเล่าด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายและได้เวลาถามกลับ  “แล้วนายล่ะ ถามฉันซะเยอะ เคยคิดจะเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังบ้างไหม”  แถมกึ่งบังคับให้ตอบ  “เริ่มจากเรียนที่ไหนก่อนก็ได้”

“ผมไม่ได้เรียนแล้ว ผมจบแค่มอสาม”  พูดความจริงด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

“ทำไมล่ะ”  แต่กลายเป็นหมอเถื่อนที่สงสัยก่อนจะร้องอ่อในใจเมื่อเข้าใจว่าสถานะทางการเงินของร่างเล็กคงมีปัญหา  “แล้วไม่อยากเรียนต่อเหรอ หมายถึงถ้ามีเงินจะยังอยากเรียนหนังสือต่อไหม” 

“ผมเอาเงินก้อนนั้นไปทำอย่างอื่นดีกว่า”

“เป็นประเภทรักคนอื่นมากกว่าตัวเองสินะนาย”  คำพูดไม่กี่คำก็ทำให้รู้แล้วว่าคนตรงหน้าเป็นคนยังไง มะตูมเป็นเด็กใจดีและซื่อตรง  “แล้วตอนนี้อยู่กับใคร พ่อแม่ ตายายหรือคนเดียว?”

“พ่อครับ”

“งั้นพ่อทำงานอะไรล่ะ”  คงมีแค่เรื่องบิดาเรื่องเดียวที่ยังไม่กล้าเอ่ยถึง แสดงอาการอึกอักอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่ตอนนั้นเป็นคนบอกเฟยฮวาว่าให้ซื่อสัตย์ด้วยการบอกความจริงไป แต่พอถึงคิวตัวเองร่างเล็กกลับทำไม่ได้อย่างปากว่า จนสหรัฐเอ่ยขัดขึ้นมา  “ยังไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร”  เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะไม่กล้าเล่าทุกอย่างให้คนไม่สนิทรู้ หมอเถื่อนเข้าใจว่าเรื่องบางเรื่องต้องใช้เวลาเรียบเรียงอยู่นานพอสมควร อีกอย่างเรื่องที่ถามมันก็ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไร ข้ามไปก่อนก็ได้   

“แล้วงานทำความสะอาดห้องฉันน่ะไหวไหม อยากได้เงินเป็นรายเดือนหรือรายวัน”

“รายวันครับ”

“งั้นฉันแถมค่าข้าวสามมื้อต่อวันให้ด้วย”

“ทำไมพี่ถึงใจดีกับ …!!” 

เครื่องหมายอัศเจรีย์เอาไว้ใช้ตอนที่เกิดเรื่องน่าตกใจและต้นเหตุนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น สหรัฐเป็นคนที่ยื่นมือคว้าข้อแขนเล็กเพื่อหวังใช้เป็นหลักยึดยามที่ตัวเองจะล้มลื่นเพราะสะดุดพื้นพรม โดยลืมไปว่ามะตูมมีความสูงเกินเด็กประถมไม่เท่าไหร่และไม่น่าจะเป็นฐานยึดอันแข็งแรง จึงไม่แปลกที่สุดท้ายการขอความช่วยเหลือจะกลายเป็นการพาฉุดกันล้ม

บนพื้นพรมบริเวณทางเดินก็กำลังเกิดแอคซิเดนไม่คาดฝัน

คนตัวใหญ่อยู่ด้านล่าง คนตัวเล็กอยู่ด้านบน ขณะริมฝีปากชนกัน

องศาสองใบหน้ามันพอดิบพอดียามที่สองดวงตาเบิกกว้าง อย่างกับโดนสต๊าฟ ไม่มีใครกล้าขยับเขยื้อนไปไหน มือไม้เก้ ๆ กัง ๆ ก่อนจะเป็นร่างเล็กที่รีบลุกออกจากร่างตรงหน้าด้วยความรีบร้อน มะตูมนั่งแก้มร้อนอยู่บนพื้นขณะหันหน้าไปทางอื่น ไม่คิดยื่นมือช่วยคนที่ต้องพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเองพร้อมสติสตางค์ที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง หมอเถื่อนเกือบจะถามว่าเมื่อกี้นายพูดอะไรค้างไว้นะ เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกคนลุกขึ้นยืน 

“ผมว่าเราขึ้นไปนอน…”  ตอนแรกจะเอ่ยปากชวนโดยไม่คิดอะไร แต่พอคิดไปถึงอุบัติเหตุเมื่อครู่ หูก็เกิดแดงขึ้นมา ขาสั้นรีบเดินออกไปจากบริเวณทันที ไม่มีรอหมอเถื่อนที่ยังนั่งหน้ามึนอยู่กับพื้นก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ เผลอตัวใช้มือลูบริมฝีปาก ไม่นึกว่าฉากสะดุดจะเกิดกับตน แล้วสหรัฐก็ไม่รู้ว่าฉากสะดุดเนี่ยแหละที่ทำให้คนรักกันมานักต่อนัก








     

“พวกไม่ได้เรื่อง!”  ถึงขนาดชี้เบาะแสแต่พวกตำรวจก็ยังทำงานพลาด หลักฐานในประวัติคนประกอบกิจการก็ออกจะชัดเจนแต่กลายเป็นว่าไม่เจอไม่เห็นอะไร ไม่แม้แต่จะเอาผิดได้สักอย่าง

อย่างกับพวกเตรียมตัวมาดี หยางไอเชื่อว่าอาชามีสายคอยรายงานความเคลื่อนไหว

พ่อค้าเงินกู้เจ็บใจที่สุดท้ายก็ได้รู้ว่ากำลังเจอกับคนศีลเสมอกัน ตอนแรกนึกว่าจะเป็นแค่เห็บหมัดที่เขี่ยด้วยรองเท้าก็กระเด็น แต่ถ้าเป็นแบบนี้ดูท่าจะไม่ง่าย เฟยฮวาไม่ได้เลือกใครมั่วซั่วและเลือกจะคั่วกับคนมีอำนาจทัดเทียมตน

ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ท่อนแขนยาวกวาดข้าวของบนโต๊ะทำงานล้มระเนระนาด หัวเสียเมื่อไม่มีใครทำงานได้ตามสั่งและเมื่อจัดการทางอ้อมไม่ได้ก็ต้องเอาทางตรง มันคงจะดีกว่าถ้าไปให้เห็นกับตา เผื่อจะได้ประเมินขนาดตัวคู่ต่อสู้ถูก อีกอย่างก็คิดถึงลูกกวางใจแทบขาด สู้ไปจัดการเองให้สิ้นซาก เพราะถ้าเรื่องถึงมือหยางไอเมื่อไหร่ …ตนไม่เคยใช้เวลานาน

ปลายนิ้วกร้านรีบกดต่อสายหาเบอร์ภายในและทันทีที่ปลายสายกดรับ ก็เอ่ยความต้องการ  “เตรียมตั๋วเครื่องบินไปประเทศไทยให้ฉันด่วนที่สุด”











----------------------------------------------------
Tag  #PONR  #เดินหน้าลูกเดียวไม่มีเหลียวหลัง

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.VIII (08/10)
«ตอบ #23 เมื่อ08-10-2018 19:55:08 »

ชอบที่อาชาจะเลิกบุหรี่จังเลยค่ะ
เฟยฮวารู้ต้องดีใจมากแน่ๆ
คู่คุณหมอน้องมะตูมใสๆวัยมัธยมมาก

 :pig4:

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.VIII (08/10)
«ตอบ #24 เมื่อ08-10-2018 20:21:56 »

เป็นกำลังใจให้นะค้าาา​ เราตามอ่านอยู่ตลอด​ รักน้องเฟย

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.VIII (08/10)
«ตอบ #25 เมื่อ08-10-2018 20:59:24 »

IX




เกิดอาการมองหน้ากันไม่ติดตั้งแต่เมื่อคืนยันตื่นนอนในตอนเช้า อีกคนหลบเข้าห้องน้ำ อีกคนออกไปเดินยืดเส้นยืดสายนอกห้อง แล้วสลับพฤติกรรมกันจนกระทั่งอยู่ในสภาพที่พร้อมออกเดินทาง ร่างเล็กลงมานั่งรอหมอเถื่อนอยู่ด้านล่าง ระหว่างนั้นก็ส่ายหัวเมื่อภาพตัวเองสะดุดล้มดันฉายซ้ำ แล้วถึงได้ยินเสียงที่ทำเป็นกระแอมไอ คนที่กำลังรอเดินลงบันไดมาด้วยสีหน้าที่คิดว่าทำได้เรียบเฉยสุด ๆ และพยายามจะพูดด้วยความผ่อนคลาย 

“วันนี้ไม่ต้องไปที่ห้องฉันวันนึงก็แล้วกัน ฉันให้หยุดถือว่าไถ่โทษที่เมื่อคืนบังคับให้นอนที่นี่”

“ถ้างั้นวันนี้ผมก็ไม่ได้เงินใช่ไหม”

“เดี๋ยวฉันจ่ายให้แต่ไม่ต้องทำงาน”

“มีที่ไหนกัน”

“ถือเป็นค่าเสียหา… ไม่ ๆ เอาเป็นว่าวันนี้นายทำงานตามปกติ”  เกือบจะหลุดพูดว่าให้เงินเป็นการชดเชยเรื่องที่จุ๊บปากและถ้าหากเอ่ยออกไปรับรองเป็นเรื่องแน่นอน ต้องเดือดร้อนแน่ ๆ เพราะเด็กน้อยจะคิดว่าตนเหมือนคนแก่ซื้อบริการ เอาเงินแลกกับการได้สัมผัสเดี๋ยวเดียว  “กลับกันเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”

มะตูมแอบงุนงงกับคำพูดที่เปลี่ยนไปมาและยังหลบตาตอนถาม  “แล้วจะไม่ลาเจ้าของบ้านก่อนเหรอครับ”

“ใช้แรงงานเมื่อคืนหนักขนาดนั้นกว่าจะขยับตัวอีกทีคงบ่าย ๆ”  เป็นชายด้วยกันถึงรู้ ยิ่งอยู่กับเมียสวยขนาดนั้น ผู้ชายจะยิ่งมีความเกียจคร้านเป็นพิเศษ ตื่นมาเห็นความงามถามว่าใครอยากจะละสายตาออก แต่บอกไว้เลยว่าตนชอบแบบน่ารัก ตาโต ๆ ปากอวบอิ่ม ยิ้มทีริมฝีปากเป็นรูปหัวใจ

สหรัฐรีบตวัดสายตามองทางด้านซ้าย เพราะดันอธิบายสเป็กตัวเองในใจแล้วมันไปตรงกับเด็กผู้ชายที่กำลังลงมือขาดเข็มขัดนิรภัย มะตูมช้อนนัยน์ตาขึ้นมองใบหน้าหมอเถื่อนเล็กน้อยแล้วค่อยเคลื่อนสายตาออกนอกหน้าต่างรถ

ต่างคนต่างก็เห็นภาพล้มทับกัน จนสหรัฐต้องเป็นฝ่ายออกปากขอโทษ คนเป็นผู้ใหญ่ควรแสดงความบริสุทธิ์ใจ จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย อะไร ๆ มันจะได้ดูเป็นปกติ  “เรื่องเมื่อคืนนี้ …ฉันขอโทษนะ”  แต่ร่างเล็กก็หันกลับมาแล้วชวนเปลี่ยนเรื่อง  “ส่งแค่ตรงป้ายรถเมล์ก็ได้ครับ”  ไม่ได้กำลังเคืองโกรธสักนิด แค่พยายามคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุและไม่อยากให้อีกคนขุดขึ้นมาพูด เหตุสุดวิสัยมันเกิดกันได้และมะตูมเชื่อว่าสุดท้ายความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดในอกมันจะหายไปถ้าได้อยู่ห่างจากผู้ชายข้างตัวสักเล็กน้อย  “พี่ขับรถเลยป้ายรถเมล์แล้วนะ”   

“บอกทางมาสิ ฉันจะไปส่งที่บ้านเลย”

“แต่ว่า…”

“นายนี่เหมือนจะมีความลับเยอะดีนะ หรือว่าจะเป็นสายให้ตำรวจจริง ๆ”

“เลี้ยวซ้ายตรงหัวมุมครับ”  สหรัฐยิ้มขำยามอีกคนชอบชวนเปลี่ยนเรื่อง

นอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศ คนทั้งคู่ก็ขาดการติดต่อกันชั่วขณะ ไม่สนทนาแต่ว่ามีเสียงบอกทางเป็นระยะ ๆ และมะตูมเริ่มมีสีกังวล โดยมีคนข้างกายเหลือบหางตามองปฏิกิริยา

กระทั่งรถดับเครื่องยนต์ที่หน้าบ้านหลังเล็ก เป็นบ้านหนึ่งชั้นมีรั้วกั้นระดับเอวเท่านั้น ดูแล้วก็เข้ากันกับขนาดตัวผู้อยู่อาศัย ไม่จำเป็นต้องมีใครเชิญลงจากรถหมอเถื่อนก็ปลดเข็มขัดนิรภัยและก้าวลงจากยานพาหนะตามใจชอบ จะว่าจุ้นจ้านก็ได้ จงใจกวาดสายตามองความเงียบเหงา แปลกที่บ้านไม่มีเงาคนอยู่  “พ่อนายไปทำงานแล้วเหรอ”

เช้า ๆ ไม่อยู่บ้านก็ต้องออกไปทำงานจริงไหม แต่การปฏิเสธด้วยการส่ายหัวของร่างเล็กก็ทำให้สหรัฐเลิกคิ้ว

“พ่อไม่ได้ออกไปทำงานหรอกครับ” 

“ถ้างั้นเขาอยู่ไหนล่ะ” 

มะตูมเคยคิดว่าจะบอกเรื่องบิดากับผู้ชายตรงหน้าเป็นเรื่องสุดท้ายแต่ดูท่าคงจะไม่ทัน ซึ่งมันไม่ใช่เพราะอายตอนแรกถึงได้เลือกจะปกปิด แต่ร่างเล็กแค่กลัวว่าชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อจะทำให้อีกคนเดือดร้อน เพราะสหรัฐมีเงินก้อนอย่างที่พ่อคอยตามหา พ่อน่ะชอบดื่มสุรา …มันเป็นภาพติดตาไปซะแล้ว ในแววตากลมโตมักจะฉายภาพคนเมามายเดินปัดซ้ายเป๋ขวา หน้าแดงก่ำเดินใกล้เข้ามาพร้อมกับกลิ่นเหล้า

เด็กผู้ชายเฝ้ามองจากมุมเดิมขณะที่หมอเถื่อนเริ่มหันมองตามจนเห็นผู้ชายคนนึงสีหน้าครึ่งหลับครึ่งตื่น 

“นั่นพ่อนาย …เหรอ?”
ผู้ชายขี้เมากอดขวดเหล้าที่เดินใกล้เข้ามาเนี่ยนะคือพ่อ










บ่ายวันนี้อาชาดูหล่อเนี้ยบเป็นพิเศษ

ผมเซตขึ้นและเปลี่ยนจากเสื้อยืดด้านในชุดสูทสีดำเป็นเสื้อเชิ้ต

เผอิญถูกสำนักงานย่อยเรียกเข้าไปคุยเรื่องที่จู่ ๆ กิจการค้าอวัยวะก็โดนตำรวจหมายหัว โดยได้ล่ามส่วนตัวเป็นเฟยฮวา สำหรับอาชานั้นร่างบางถือเป็นเครื่องรางแห่งความโชคดี จากที่ปกติภาษาจีนพอไปวัดไปวา ก็คนคุมสำนักงานย่อยในประเทศไทยดันเป็นคนจีนแท้ เวลาเจอหน้ากันก็จะพูดแค่ครับกับขอบคุณครับแล้วให้ล่ามที่ทางสำนักจ้างเป็นสื่อกลาง แต่พอมีร่างบางอะไร ๆ ก็ดีขึ้น ยืนยิ้มอย่างภาคภูมิใจเวลาคนอีกฝ่ายชมว่าได้ล่ามดี ดังนั้นแทนที่จะถูกต่อว่าต่อขาน แต่ทางสำนักงานย่อยแค่บอกให้ระวังตัวขึ้นอีกสักหน่อย แล้วค่อยเบนเข็มไปคุยกับเฟยฮวาอย่างออกรส

คนจีนแท้บ่นว่าไม่ค่อยได้เจอคนจีนด้วยกันสักเท่าไหร่ แม้จะมีเชื้อไทยแต่สำเนียงจีนกลางของร่างบางก็ทำให้ประทับใจ บอกจะซื้อตัวให้มาทำงานด้วยกันตอนอาชานั่งหันซ้ายหันขวามองหน้าคนสองคนสลับไปมาด้วยความไม่เข้าใจ จนกระทั่งคนอาวุธโสยกนิ้วให้ พ่อค้าอวัยวะจึงขมวดคิ้วมีริ้วรอยความงุนงง คิดว่าคงต้องแอบถามกับร่างบางทีหลังว่าคุยอะไรกัน แต่เมื่อสบโอกาสเฟยฮวากับส่ายหน้าว่าฉันก็ไม่รู้

“นายจะไม่รู้ได้ยังไงในเมื่อนายคุยกับเขาต่ออีกยาวเหยียด”  อาชาบ่นหมีกินผึ้งตั้งแต่ตอนเดินออกจากตึกยันลานจอดรถใต้อาคาร โดยมีเสียงหวานคอยปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เฟยฮวาเอาแต่บอกว่าตนไม่รู้และไม่รู้  “ก็ฉันไม่รู้ว่าเขายกนิ้วให้นายทำไมจริง ๆ นี่”
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”  อาชาเดินมาดักหน้าระหว่างเอาร่างบังทางเข้าประตูรถที่เปิดรอ

“ฉันไม่รู้จริง ๆ”  เฟยฮวาตีหน้านิ่งสนิทจนพ่อค้าอวัยวะคิดว่าต้องมีอะไรผิดพลาด ก่อนมือเรียวจะดันร่างสูงโปร่งให้หลีกทางเพราะอยากจะขึ้นรถ ส่วนคนโดนผลักก็โวยวายหาว่าเมียไม่สนใจบ้างล่ะ

ขณะนั่งอยู่บนรถที่แล่นไปก็ไม่วายด่าดินฟ้าอากาศ บ่นกระทั่งเสียงแอร์ในรถ ผิดกับคนข้างกายที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ฟังคนพาลเอะอะด้วยความเพลิดเพลินใจ มีความสุขจากการได้แกล้งชายหนุ่มผู้ซึ่งไม่รู้ภาษาจีน คำง่าย ๆ ก็ไม่เข้าใจ ตอนนั้นตนแค่พูดว่ามีเจ้านายดีแล้วเลยไม่อยากไปทำงานที่ไหนและคำตอบที่ตอบชายแก่ไปอีกอย่างก็คือเราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น ชายจีนเลยตอบกลับมาว่าอาชาวาสนาดีก่อนที่จะยกนิ้วเยี่ยมให้

เฟยฮวากลั้นยิ้มแทบไม่ไหวเมื่อชายหนุ่มข้างกายยังไม่หยุดคาดคั้น อุตส่าห์หันมาเล่นงานด้วยการส่งสายตาออดอ้อนแล้วสะบัดหน้างอนตอนเสียงหวานไม่ยอมตอบสักคำ อาชาขยับตัวหนีไปชิดประตูอีกฝั่ง แล้วคนรู้ตัวว่าถูกงอนก็ค่อย ๆ ขยับตามไปและเอนศีรษะซบไหล่กว้างทั้งที่ยังยิ้ม     
     
ถ้าเทียบกับแต่ก่อน ตอนนี้ใบหน้าของร่างบางดูอิ่มเอิบขึ้น ไม่ได้หมายถึงน้ำหนักแต่เป็นความน่ารักที่บานสะพรั่ง มีความสุขแบบที่ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่ง ไม่ได้กำลังแสดงละครเพื่อเอาตัวรอดไปวัน ๆ พอมันมีความชอบพอเข้ามาก็ยินดีจะอยู่ใกล้คนที่ปากบอกหงุดหงิดแต่ช้อนเอวคอดไว้ซะชิดลำตัวเหมือนกลัวภรรยาจะหาย อาชากระซิบบอกว่ายังไม่ให้อภัยหรอกนะขณะเอนหัวซบหัวร่างบางอีกทอด แล้วบ่นกระปอดกระแปดว่าปวดเอวแทบตายเมื่อคืนใช้แรงไปเยอะ

จนเจอมือขาวฟาดเข้าที่หน้าตักเพื่อให้สงบปาก เพราะร่างบางกระดากอายภายในรถยังมีลูกน้องอีกสองคนร่วมเป็นสักขีพยาน ถ้าเฟยฮวาไม่ห้ามบางทีอาชาอาจจะปากไว

เมื่อยิ่งรู้ว่าอีกคนอาย พ่อค้าอวัยวะก็ได้ทีมีหรือจะไม่เอาคืนด้วยการทำปากยื่นปากยาว ขยับปากเหมือนจะเล่าบางอย่างให้ลูกน้องฟังแต่ถูกมือขาวตะครุบปากดังป๊าบ นึกว่าร่างบางกำลังตบปากชายหนุ่มที่ปรากฏแววตาเจ้าชู้ สุนัขจิ้งจอกหูตั้งหางกระดิกตอนงับฝ่ามือบางลามยังข้อนิ้วทีละข้อ แล้วรอจังหวะเผลอจนได้หอมกอดเฟยฮวา

ความจริงถ้าไม่เปิดโอกาสให้ก็ไม่มีทางได้ทำหรอก เฟยฮวามองอาชาพร้อมความคิดที่ว่าอาจจะฝากผีฝากไข้ได้ ส่วนพ่อค้าอวัยวะก็ชอบใจใหญ่เมื่อได้มีจังหวะหอมแก้มนิ่มซีกขวาซ้ำ ทำเหมือนไม่เคยสัมผัสจนจะกลายเป็นคนขาดการสกินชิพไม่ได้ ความจริงแล้วตั้งแต่มีร่างบางเข้ามา ชีวิตอาชาก็เปลี่ยนไปอยู่หลายอย่าง ดั่งสุภาษิตที่ว่าคบคนดีจะฉุดให้ชีวิตยิ่งดีขึ้นไป ทั้งได้กินข้าวตรงเวลาสารอาหารครบถ้วน มีงานอะไรไม่ด่วนหนักหนาก็ให้เลขาเฉพาะกิจช่วยอีกแรง เหมือนคนโดนเสน่ห์ยาแฝด ความเหงาแทนที่ด้วยความสบายใจ อยู่ใกล้แล้วเบิกบาน มอบความรู้สึกดี ๆ ให้กันทีละเล็กทีละน้อยทั้งในที่ลับตาและสถานที่เปิดเผย อาชาเคยมือไวยังไงก็อย่างนั้น ส่วนเฟยฮวาทำเป็นมองผ่าน นั่งนิ่ง ๆ เป็นตุ๊กตาให้มือกร้านขย้ำเดี๋ยวจับเดี๋ยวรวบร่างเข้าไปกอด กว่าจะถึงคอนโดร่างบางคงตัวช้ำเป็นจ้ำเป็นจุด จะฉุดมือกลับก็ไม่ยอม จะหอมหลังมืออะไรกันนักกันหนา คนโดนกระทำยังว่ามันมากไปแต่อีกคนส่ายหน้าว่าน้อยไปน่ะสิ

พ่อค้าอวัยวะส่ายนิ้วชี้ไปมาระหว่างทำท่าจะปล้ำจูบ เตรียมจะสูบวิญญาณถ้าไม่เพราะหันเห็นร่างบางที่ จู่ ๆ ก็นิ่งไปยามทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถ คนข้องใจแทบจะหันมองตามในทันทีเพราะสงสัยอะไรทำให้เฟยฮวามีสีหน้าช็อคราวกับเห็นผีในตอนกลางวัน แต่เฟยฮวาเองก็ไหวตัวและหันหัวอาชาไปทางอื่นได้ทัน พยายามคิดว่าตัวเองคงตาฝาดเพราะคนพรรค์นั้นไม่มีทางมาโผล่ที่ประเทศไทย หมอนั่นมีเส้นมีสายแต่ไม่น่าจะตามมาเจอไวขนาดนี้

บางทีอาจจะเป็นแค่คนใบหน้าคล้าย

รถที่จอดติดสัญญาณไฟลดกระจกลงเพื่อให้เห็นหน้าค่าตาชัด ๆ

เป็นหยางไอที่สวมใส่แว่นกันแดดกลับตามเดิมเมื่อรถเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้ง 












ศัตรูมีสองประเภท ถ้าไม่เป็นพวกลอบกัดก็จะเป็นพวกชอบสู้ซึ่งหน้าและหยางไอเป็นประเภทที่สองจึงได้กล้าบุกมาถึงถิ่นของคนอื่นตั้งแต่หัววัน ชายหนุ่มเชื้อชาติจีนยืนปลดกระดุมสูทเม็ดสองเม็ดหลังก้าวลงจากรถพอเป็นพิธีก่อนที่จะเป็นคนเดินตาม ให้ลูกน้องเดินนำไปเปิดประตูร้านอาหารไทยก่อนและมีลูกน้องชุดดำตามเป็นพรวนอีกที

จนนึกว่ามีถ่ายละครฉากมาเฟียบุกที่ไหน ความทะมึนทำให้ลูกค้าลุกมองด้วยความสงสัย คนนั่งด้านในอยากเห็นส่วนคนบริเวณนอกพอได้เห็นก็เบือนหน้า ไม่ใช่ว่าไม่สนใจแต่พอเห็นสายตาไม่เป็นมิตรจากผู้ชายหลายคน เหมือนโดนเตือนว่าอย่ายุ่ง กลิ่นความโหดร้ายฟุ้งกระจาย ไหนจะท่าทีอวดเบ่งเล็งโต๊ะไหนต้องได้นั่ง โต๊ะว่าง ๆ ก็มีแต่คนเป็นนายกลับไม่นั่ง สั่งให้ลูกน้องจัดการผ่านการพยักหน้า ลูกค้ายังถือช้อนคาอยู่ในมือตอนที่ถูกไล่ให้ลุก จนพนักงานในร้านต้องเข้ามาจัดการถามว่ามากี่ท่านด้วยความสุภาพ แต่หยางไอที่ทรุดตัวลงนั่งกับเอ่ยสวนด้วยการออกคำสั่ง ต้องการความเป็นส่วนตัวเพราะงั้นจะเหมาทั้งร้าน จะอยู่ที่จีนหรือไทยก็วางอำนาจเหมือนกันผ่านการพูดภาษาไทยที่ค่อนข้างคล่อง     
 
“ช่วยไล่แขกทั้งหมดออกไปหน่อยได้ไหม เผอิญฉันไม่ชอบเสียงดัง”  พนักงานหญิงยืนอึกอักตอนลูกน้องผู้ชายที่คอยอยู่ดูแลภายในร้านตัดสินใจเดินหลบขึ้นบันได เพราะเจ้านายเคยบอกไว้ว่าถ้ามีเรื่องฉุกเฉินให้รีบขึ้นไปตาม
ถ้ารู้สึกว่าอยู่ในระดับเกินจะรับมือให้รีบขึ้นไปเรียก

อาชาได้ยินเสียงเรียกพร้อม ๆ กับเสียงเคาะประตูห้องทำงาน ก่อนคนด้านนอกจะเปิดเข้ามาโดยไม่ฟังเสียงตอบรับก่อนเพราะก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เหตุการณ์ข้างล่างจะเป็นยังไงบ้าง ลูกน้องรีบรายงานพูดกับเจ้านายด้วยประโยคที่พอรู้กัน 

“เจ้านายครับ ข้างล่างเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย”

คงเป็นเฟยฮวาคนเดียวที่ไม่เข้าใจ ก่อนจะลุกตามยามอีกคนลุกขึ้นยืน แต่มือกร้านก็ยื่นออกเหมือนจะห้ามบอกไม่ต้องตามลงไป ให้รออย่างปลอดภัยอยู่บนห้อง เกือบบอกให้ล็อกประตูอยู่แล้วเชียวแต่เดี๋ยวจะไม่ทันเลยรีบเดินออกมา

พ่อค้าอวัยวะถามลูกน้องยามเดินลงบันไดมาแค่ว่าเคยเห็นหน้าพวกที่มาก่อกวนไหมแล้วยิ่งสงสัยเมื่อลูกน้องส่ายหน้า จนเมื่อเดินลงมาชั้นล่างสุดก็ยิ่งหางตากระตุก เพราะความรกร้างของลูกค้าถูกแทนที่ด้วยชายชุดดำที่ทำท่าเหน็บมือไว้ที่กระเป๋าหลังอย่างกับพวกพร้อมยิง เจ้าของร้านอาหารสั่งให้พนักงานทั้งหมดถอยห่างออกไป ให้ตนจัดการเอง เนื่องจากเล็งเห็นถึงความไม่ปลอดภัย ลูกน้องฝ่ายอาชาก็มายืนคุ้มเชิงอยู่เบื้องหลัง ไม่จำเป็นต้องสั่งให้เสียเวลา

ระหว่างเจรจาถ้าใครตุกติกก็พร้อมชักปืนยิงเหมือนกัน

“พอดีผมเป็นเจ้าของร้าน มีอะไรต้องการให้ช่วยเหลือไหมครับ”  อาชาเอาความสุภาพที่ปกติแทบไม่มีเข้าสู้ ถามใครสักคนที่ดูก็รู้ว่าใช้ของแบรนด์เนมตั้งแต่เจลใส่ผมยันรองเท้าหนัง

คนที่ออกตัวว่าเป็นเจ้าของร้านอาหารยืนมองคนนั่งสวมแว่นกันแดดสีชาอย่างสนอกสนใจ แต่ไม่ใช่เพราะพิศวาสหรอกนะ แค่รู้สึกว่าหมอนี้มันเยอะดีขณะที่เหมือนจะเห็นคำว่าศัตรูประทับอยู่ที่หน้าผาก กลิ่นอายบางอย่างทำให้รู้สึกเหม็นขี้หน้า ยิ่งเวลาที่อีกคนถอดแว่นสีชาจนสองสายตาสบกัน แววตาเขม่นก็ปรากฏขึ้นทันที นัยน์ตามีความหมั่นไส้ในตัวฝ่ายตรงข้ามขณะความอยากเอาชนะตีตื้นขึ้นสมอง ไม่ใช่แค่เพศหญิงหรอกที่มีเซ้นส์ เห็นเป็นผู้ชายก็รู้สึกได้เหมือนกัน   
     
ซึ่งไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ได้ตั้งใจโอ้อวดก็ตามแต่ยามที่หยางไอยืนขึ้น ยืดตัวตรงต่อหน้าอาชาเหมือนจะแข่งกันตั้งแต่ความสูงและสันจมูกใครโด่งกว่าคนนั้นชนะ แต่เผอิญว่าพ่อค้าอวัยวะชนะแบบใส ๆ แถมให้ด้วยว่าไหล่กว้างกว่า หยางไอมองด้วยสายตาขวาง แล้วอย่างกับอาชาทำไม่เป็น เอาแต่มองเขม็งคล้ายลูกพี่นักเลงเวลาเจอพวกตรงข้ามและอาชาเกือบตบปากตัวเองโทษฐานพูดจาต้อนรับอย่างสุภาพในคราวแรก น่าจะแลกด้วยหมัดเลยแทนการเอ่ยอะไรยืดยาวเขามีเวลาเป็นเงินเป็นทอง เกิดลูกกวางบนห้องร้องกลัวแล้วใครจะปลอบ

อีกอย่างชายหนุ่มไม่ชอบความท่าเยอะของคนที่ยืนเผชิญหน้า กว่าจะอารัมภบทได้พ่อค้าอวัยวะถอนหายใจทิ้งไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง เกือบจะออกปากว่ามาทางไหนก็กลับไปทางนั้น   
   
“ไปเอาน้ำมาเสิร์ฟให้หน่อยสิ”  พูดเป็นแถมดูกวนอวัยวะเบื้องล่างใช้ได้

และเพราะไม่อยากให้มีปัญหา ไหน ๆ อีกคนก็ยอมพูดจาอาชาจึงออกปากสั่งพนักงานรับออเดอร์  “ไปเอาน้ำมาเสิร์ฟให้แขก”  ก่อนจะรู้สึกเหมือนถูกแหกหน้าด้วยการที่คนวางอำนาจยกมือห้ามและปัดว่าไม่ใช่พลางชี้นิ้วใส่เจ้าของร้าน

“ฉันหมายถึงแก”  กล้าใช้เจ้าของร้านแบบไม่กลัวตายโหงแสดงว่าคงจงใจมาเปิดศึกสงครามเต็มที่ แล้วคนเป็นเจ้าบ้านมีหรือจะไม่ต้อนรับ อาชาขยับมือไปรับแก้วน้ำจากพนักงานหญิงและหันกลับมาฉีกยิ้มหวานระหว่างเตรียมจะทำการเสิร์ฟแบบเอ็กซ์คลูซีฟ
เสียมารยาทมาก็ไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าใคร มือกร้านทำท่าจะยื่นแก้วให้แล้วไหวมือถอยหนี ให้ท้ายว่าสิ่งที่อาชากำลังจะทำคืออะไร กดหนึ่งสาดน้ำใส่หน้า กดสองเอาแค่เทน้ำรดลงพื้น แต่ท้ายที่สุดแล้วพ่อค้าอวัยวะก็ไม่ได้ทำอะไรเลยเพราะดันมีมือที่สามยื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็คือคนลงมาจากห้องอย่างเฟยฮวาที่จัดการลงมือสาดน้ำใส่หน้าหยางไอเอง เนื่องจากเกรงว่าถ้าอาชาทำเรื่องคงไม่จบง่ายดาย ถ้าเป็นตนยังไงคนตรงหน้าก็ไม่มีทางทำร้ายให้อายสายตาลูกน้อง

แล้วแทนที่จะสนใจคนถูกสาดน้ำใส่หน้า อาชากลับหันไปเอ็ดร่างบางที่ภายในมือยังถือแก้วไม่ปล่อย 

“ฉันบอกให้รออยู่บนห้องไง” 

เดิมทีร่างบางก็อยากจะอยู่เฉย ๆ อยู่หรอก แต่ในเมื่อพ่อค้าเงินกู้บากหน้ามาหาเรื่องพ่อค้าอวัยวะซะขนาดนี้ แสดงว่ามีข้อมูลที่อยู่ของตนอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุให้ต้องหลบซ่อน จะออกมาช้าหรือเร็วสุดท้ายผู้ชายบ้าอำนาจก็จะสร้างความวุ่นวายและถ้าตนไม่ใช่คนลงมือสาดน้ำแต่เป็นอาชา หยางไอก็จะอ้างได้ว่าถูกเจ้าของร้านคุกคามจึงมีสิทธิ์ตามกฎหมายในการป้องกันตัว เฟยฮวากล้าเอาหัวเป็นประกันว่าทั้งร้านจะเป็นพังราบเป็นหน้ากอง

ในฐานะที่เป็นต้นเรื่องและรู้จุดประสงค์ของคนมาหาเรื่องอยู่แก่ใจ ถ้าเฟยฮวาสามารถทำหน้าที่ปกป้องใครได้ก็พร้อมจะทำ จะคิดว่าเพื่อชดเชยเรื่องที่ทำให้พ่อค้าอวัยวะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากก็ได้ แต่ปกติแล้วร่างบางไม่มีความกล้าเพื่อปกป้องใครขนาดนี้หรอก อาชาถือเป็นคนแรกก็ไม่ผิดที่ตัดสินใจเอื้อมมือไปจับก่อนตอนยืนอยู่ข้าง ๆ เฟยฮวากำลังฝากชะตาชีวิตไว้ในฝ่ามือกร้านที่กระชับตอบเบา ๆ ราวกับเข้าใจ

แม้ว่าความจริงจะยังสงสัยในอีกหลาย ๆ เรื่อง แต่สิ่งนึงที่อาชาเห็นด้วยตาจนกระจ่างชัดก็คือตั้งแต่เฟยฮวาปรากฏกาย ฝ่ายตรงข้ามก็เอาแต่ยืนมองจ้องด้วยสายตาแบบเดียวกับตน มันเป็นสายตาของคนหลงเสน่ห์ชัด ๆ จนพ่อค้าอวัยวะต้องดันร่างบางไปหลบด้านหลัง เอาร่างกายใหญ่ยืนบังด้วยความหวงก้าง

สร้างความขบขันหยางไอหัวเราะโดยไม่มีสาเหตุ ตอนแรกนึกว่าจะโกรธที่โดนน้ำสาดหน้า แต่พ่อค้าเงินกู้ก็แค่เอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับอย่างใจเย็น เป็นจังหวะที่ก้มหน้าเลยไม่รู้ว่าสายตาส่อแววแบบไหน  “พนักงานร้านนี้หน้าตาน่ารักดีนะ แถมยังต้อนรับลูกค้าด้วยความเป็นมิตรเชียว”  หยางไอยืนจดจ้องเสี้ยวหน้าที่โผล่ขึ้นมาเหนือบ่ากว้างตามประสาคนคิดถึง

ซึ่งอาชาก็เห็นบรรยากาศมาคุระหว่างทั้งคู่เต็มสองตา เกรงว่าเฟยฮวาจะถูกหมายหัวเลยรีบออกตัวรับแทน 

“ต้องขอโทษแทนคนของผม…”

“คุ้น ๆ หน้าเหมือนจะเคยเห็นที่ไหน”  หยางไอรีบแทรกเหมือนกลัวอีกเสียงจะพูดจบ ยังไม่พร้อมยอมรับกำลังคิดว่าลูกกวางก็แค่ออกมาวิ่งเล่นนอกบ้าน ส่วนไอ้ผู้ชายที่ยืนเผชิญหน้าอยู่ก็เป็นแค่ทางผ่าน เฟยฮวาไม่มีทางจริงใจกับใครหน้าไหนทั้งนั้น เหมือนที่ไม่เคยให้ใจกับตน  “หน้าตาดูคุ้น ๆ เหมือนคนที่ฉันเคยนอนด้วย” 

ท่าจะจบไม่ค่อยสวยซะแล้ว แววตาอาชาแข็งกร้าวขึ้นเมื่อ จู่ ๆ ก็ได้ยินประโยคแสลงหู ควันออกจากรูจมูกเล็กน้อย ความหัวเสียค่อย ๆ อุ่นเครื่องแต่เรื่องอะไรจะแสดงออกให้คนตรงหน้าได้ใจ แค่นิ่งเข้าไว้ประหนึ่งเป็นคนใจกว้างระหว่างเอ่ยน้ำเสียงปกติ  “คงจะจำผิดคนแล้วล่ะครับ”

“ไม่ ๆ ชื่ออะไรนะ เสี่ยวเฟยฮวาใช่ไหม”  หยางไอประกาศเปิดศึกเป็นที่เรียบร้อยนับตั้งแต่เอ่ยชื่อร่างบางออกมา ก่อนจะขยับเข้าใกล้เพื่อย้ำให้ผู้ชายความสูงเกือบเสมอกันเข้าใจ ว่าตนกับคนร่างบางที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังเคยลึกซึ้งกันถึงขั้นไหน  “ที่รัก บอกผัวใหม่นายไปสิว่าเรารู้จักกัน”

อาชารู้สึกเหมือนถูกซัดด้วยหมัดล่องหนเข้าที่หน้า แล้วก็ว่าจะซัดกลับถ้าไม่ได้เพราะเฟยฮวาคอยกุมมือไว้และกระชับเพื่อห้ามไม่ให้ก้าวไป เพราะเห็นแก่คนร่างบาง ไม่อย่างนั้นพ่อค้าอวัยวะคงง้างหมัดตะบันหน้าให้เละไปข้าง

แต่ในเมื่อยังทำอะไรไม่ได้เลยแค่ถอนหายใจหนัก ๆ ระหว่างยืนชั่งใจว่ากำลังโกรธเกรี้ยวเพราะเหตุใด เพราะเรื่องที่ร่างบางไม่ยอมเล่าความหลังให้ฟังหรือเพราะเรื่องบนเตียงที่ร่างบางเคยผ่านใครมาก่อน แล้วสุดท้ายอาชาก็เลือกเหตุผลได้ เรื่องเคยนอนกับใครมาพ่อค้าอวัยวะไม่สนเพราะเคยบอกไปแล้วไงว่าชอบพวกกระดังงาลนไฟ ที่หน้าร้อนผ่าวด้วยความหงุดหงิดเป็นเพราะอีกฝ่ายพยายามปกปิดความจริงต่างหาก   

“ฉันเอาเงินมาคืน”  โดยมีหยางไอคอยเป็นคนเติมเชื้อไฟ

มือใหญ่ขอซองสีน้ำตาลจากลูกน้องมาถือแล้วยัดใส่มืออาชาที่เริ่มปะติดปะต่ออะไรได้

พ่อค้าอวัยวะกำซองที่บรรจุเงินที่ร่างบางเคยขอยืมไปไว้แน่น ส่วนแขนอีกข้างก็เกร็งจัด ถ้ามองลงมาจะเห็นว่ามือกร้านกำลังรัดฝ่ามือขาวให้ความรู้สึกอย่างกับกำลังเข้าเครื่องบดกระดูก เฟยฮวาถูกบีบมือจนชาขณะทำเหมือนไม่เป็นอะไร

“แล้วก็จะมาทวงนายคืนด้วย…”  ร่างบางเงยหน้าขึ้นหลังจากได้ยินประโยคที่พ่อค้าเงินกู้ตั้งใจกระซิบข้ามไหล่กว้างเหมือนอยากจะให้ได้ยินกันแค่สองคน โดยที่รู้อยู่แก่ใจว่ายังไงคนยืนหัวโด่อย่างอาชาไม่พ้นต้องได้ยิน …หยางไอหันมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพ่อค้าอวัยวะด้วยหางตาก่อนยิ้มเยาะอย่างเหนือกว่าเมื่ออีกคนยังตีสีหน้านิ่งสนิท

ตอนแรกก็นึกว่าจะยืนแข็งเป็นก้อนหินอีกนาน แต่แล้วอาชาก็ขยับก้าวไปด้านข้างเพื่อยืนบังร่างเฟยฮวาให้ยิ่งพ้นจากการมองเห็น ตอนที่ซ่อนเร้นร่างบางภายใต้แผ่นหลังอันกว้างใหญ่ก็ตอกกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คงไม่ง่ายขนาดนั้นมั้ง”  เพราะตัวร้ายก็คือตัวร้าย คิดจะชิงนางเอกไปจากพระเอกมันไม่ง่ายนักหรอก











----------------------------------------------------
Tag  #PONR  #เดินหน้าลูกเดียวไม่มีเหลียวหลัง
ติดตามข่าวสาร
◕‿◕。 นิยายที่แต่งจบแล้ว ---> เหมายัน  ลั่นดาล 

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.IX (08/10)
«ตอบ #26 เมื่อ08-10-2018 21:04:32 »

แง้ๆไม่เอาน้า

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.IX (08/10)
«ตอบ #27 เมื่อ08-10-2018 21:19:15 »

เป็นพระเอกก็ต้องเอาชนะตัวร้ายได้ใช่ไหม
อาชาสู้ๆ  :ped149:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.IX (08/10)
«ตอบ #28 เมื่อ08-10-2018 21:45:35 »

ต่ิอยมันเลยอาชา หมันไส้  :m16:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.IX (08/10)
«ตอบ #29 เมื่อ11-10-2018 22:01:08 »

มัวอมพะนำอยู่นั่นจนสุดท้ายต้องให้อาชามารู้เอง หลังจากนี้คงเคลียร์กันยาวไหนจะศึกนอกอีก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด