———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)  (อ่าน 49471 ครั้ง)

ออฟไลน์ PoPoe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XV (01/11)
«ตอบ #60 เมื่อ04-11-2018 01:00:01 »

ยังแอบกลัวตัวปัญหาอย่างหยางไออยู่
คุณพี่อาชาสู้ๆนะคะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XV (01/11)
«ตอบ #61 เมื่อ04-11-2018 01:44:44 »

เดินหน้ากันไปไกลทั้ง2คู่เลยย ดีใจด้วยนะคะคุณตุ๊กติ๊ก :pig4:

ออฟไลน์ pranliew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XV (01/11)
«ตอบ #62 เมื่อ04-11-2018 09:38:14 »

งื้ออออ อยากให้เขาอยุ่ด้วยกันแบบไม่ต้องมีเรื่องเจ็บตัวกันอีกแล้ว สงสารอ่าาาา อาชาต้องปกป้องน้องได้แน่ๆ สู้ๆนะคะไรท์ ภาวนาว่าเป็นแฮปปี้เอนดิ้ง

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XV (01/11)
«ตอบ #63 เมื่อ04-11-2018 13:17:06 »

หูยหวานน้อยๆ หวานนานๆ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XV (01/11)
«ตอบ #64 เมื่อ04-11-2018 14:09:52 »

ขอปืนค่ะ จะยิงหยางไอให้ 555555555555

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XV (01/11)
«ตอบ #65 เมื่อ06-11-2018 18:50:11 »

XV




ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา พ่อค้าอวัยวะจะใช้ช่วงเวลาก่อนนอนหมดไปกับการเดินตรวจตรากลอนภายในบ้าน ไม่ว่าจะหน้าต่างกี่บานก็ต้องผ่านสายตา หลังออกคำสั่งให้ลูกน้องกระจายกำลังเพิ่มจำนวนเป็นสองเท่า เกณฑ์คนมาเยอะกว่าเก่าเพื่อความปลอดภัย เคยพลาดแล้วก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ สบถสาบานแล้วว่าจะดูแลดั่งดวงใจ โดยเฟยฮวาที่เดินเข้ามากอดจากด้านหลังอย่างหลวม ๆ ก็รับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นอันท่วมท้น แต่สิ่งที่ร่างบางห่วงในตอนนี้ก็คือสุขภาพของอีกคน หลังจากโดนยิงมาก็แทบจะไม่ได้พักผ่อน จะหลับก็ตอนกลางคืนเท่านั้น แสร้งว่าอาการดีขึ้น ฝืนว่าหายขาดแต่ยามใดขยับตัวกะทันหันก็แอบกัดฟัน บ่อยครั้งก็ดื้อไม่ยอมทานยาตามคำสั่งหมอ

จนร่างบางต้องใช้มาตรการยืนรอดู อยู่เฝ้าให้เห็นเองกับตาว่าอีกคนกลืนยาลงคอแล้วจริง ๆ ถึงจะปล่อยให้เดินไปไหนมาไหนตามอำเภอใจ แล้วคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่คนมีแผลรั้นจะชำระล้างร่างกายให้ได้ สุดท้ายเมื่ออาบน้ำเสร็จก็ต้องมานั่งตรงปลายเตียงเพื่อเปลี่ยนผ้าพันแผลยกชุด โดยมีคุณพยาบาลจำเป็นคอยเช็ดรอบบริเวณแผลให้แห้ง เบาแรงในตอนแปะผ้าก๊อซผืนใหม่เข้าไปกับผิวหนัง เฟยฮวาพยายามประณีตเท่าที่ฝีมือผู้ชายคนนึงพอจะทำได้

หลังจากแปะเทปกาวเพื่อรัดผ้าสีขาวไม่ให้ขยับก็ค่อยประทับจูบบนผืนผ้า น้ำเสียงหวานเสกคาถาให้บาดแผลหายไว ๆ จนพ่อค้าอวัยวะที่ไม่เชื่อพวกเรื่องเวทมนต์หลุดขำขณะทำท่าจะรั้งบั้นท้ายให้ลงมานั่งตัก แต่ร่างบางกับขยับตัวหนีและเริ่มปลดเสื้อผ้าทีละชิ้นตามประสาคนคนหมดยางอาย  “ถ้านายง่วงก็หลับไปก่อนนะ ฉันจะไปอาบน้ำ”

คนเปลื้องผ้าไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าถอดเสื้อผ้า ผิดกับคนนั่งมองประกายตาวิบวับ หยาดเยิ้มราวกับพวกที่ดื่มสุราจนมึนเมา จำซอยทางเข้าบ้านตัวเองไม่ถูก 

“จะอาบบ่อย ๆ ทำไม แค่นี้ก็ตัวหอมจะตายแล้วนะ”

“ไม่ต้องมาอ้อน ขึ้นไปนอนบนเตียงเดี๋ยวนี้”  ชี้นิ้วสั่งอย่างเลือดเย็นและทำเป็นไม่เห็นสายตาที่จดจ้องทรวดทรงของตัวเอง ก่อนจะถอดกางเกงชั้นในเฟยฮวาก็แค่ทำให้อีกคนฝันสลายด้วยการหยิบผ้าขนหนูมาพันตัวและดับความคิดชั่วร้ายด้วยการปิดประตูห้องน้ำซ้ำยังล็อกกลอนจากด้านใน ร่างบางอาบน้ำตามปกติมีแค่เรื่องเวลาที่ใช้นานขึ้น ยืนตัวเปียกท่ามกลางกระแสน้ำอุ่นจนรู้สึกผ่อนคลายและกลับออกมาจากห้องน้ำอีกทีก็ตอนที่ภายในห้องนอนเหลือแต่แสงสว่างสีส้มจากโคมไฟเท่านั้น  “อย่างน้อยก็ยังฟังคำสั่งกันบ้างสินะ”  พึมพำยามเห็นพ่อค้าอวัยวะนอนหลับตาบนเตียง

เฟยฮวาถอนหายใจโล่งอก คงเพราะยาตัวใดตัวหนึ่งมีฤทธิ์ง่วงเลยสอยคนพลังช้างสารร่วงได้ เมื่ออีกคนหลับไปก็ทำให้ตนพอมีเวลาส่วนตัวเพิ่มขึ้นมา สามารถสวมเสื้อนอนตัวใหญ่อย่างช้า ๆ ได้ แล้วตามด้วยชั้นในและกางเกงนอนตัวยาวที่เอามาจากอาชายกเซต เป็นพวกขาดความอบอุ่นจนต้องเอาเสื้อผ้าอีกคนมาใส่เพื่อให้รู้สึกเหมือนถูกกอดตลอดเวลา

ร่างบางปีนกลับขึ้นมาบนเตียงสีเลือดนกอีกทีตอนเวลากี่โมงก็ไม่ทราบแน่และก่อนจะหลับไปเหมือนทุก ๆ คืนก็แค่ปัดปอยผมที่บังหน้าคนหลับตามปกติ จูบที่หน้าผากแล้วบอกฝันดีจากใจจนกลายเป็นนิสัย ก่อนจะดับโคมไฟข้างหัวเตียงจนทั้งห้องมืดสนิท เฟยฮวาขยับลงนอนชิดร่างกายใหญ่แล้วยกแขนพาดไว้บนตัว จัดท่าจัดทางเมื่ออยากให้อีกคนนอนกอดตัวเองตลอดทั้งคืน
พยายามขยับร่างกายหาท่านอนสบาย ๆ ในวงแขนหนาด้วยความระมัดระวังเพราะไม่อยากรบกวนให้คนนอนตื่นขึ้นมา แต่ถ้าสายตาจะชินกับความมืดสักนิด ดวงตากลมก็จะเห็นว่ามีคนนอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่รู้ชอบใจอะไรนักหนาจนในที่สุดก็ลืมตา บนฟ้ามีดาว ในห้องก็มีสายตาพราวระยับ ไม่เหมือนคนเคยหลับมาก่อนเลยสักนิด เฟยฮวาเผลอตกหลุมพรางการแสดงว่าหลับไปก่อนจะมาจับเท็จได้เมื่อสาย เห็นสายตาเจ้าเล่ห์แล้วยิ่งย่นจมูก   

“หลอกกันนี่”

“ฉันนอนหลับได้ที่ไหนถ้าไม่มีนายอยู่ข้าง ๆ”  ไม่ได้อ้างส่ง ๆ เพื่อเอาตัวรอดและไม่ใช่แค่เวลานอนเท่านั้นที่อาชาติดสัมผัสของร่างบาง ช่วงเวลาปกติก็เหมือนจะลงแดงตายถ้าหากไม่ได้จับผิวลื่น ๆ เล่นหลังเวลาสามมื้ออาหาร

“แล้วตอนที่นอนแยกกัน นายทำยังไง”  เฟยฮวาถามยามนอนหายใจรดแผงอกแข็ง 

“ก็ไม่ได้หลับเลยทั้งคืนน่ะสิ”  พอคิดถึงตอนที่ต้องนอนคนเดียวในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วก็เข็ดขยาด แล้วก็ได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่าตลอดเวลาที่ผ่านมายี่สิบกว่าปีนอนคนเดียวได้ยังไง พ่อค้าอวัยวะเพิ่งรู้ว่าซื้อไซส์เตียงมาใหญ่เกินไปยามไม่มีอีกคนนอนข้าง ๆ และหากต้องกลับไปนอนคนเดียวอีกก็ขอบาย  “นับจากนี้ไปนายนอนไหน ฉันนอนด้วย”  พ่อค้าอวัยวะให้คำสัตย์ด้วยความหนักแน่นพลางรัดกล้ามแขนกับเนื้อตัวนุ่มนิ่ม จนร่างบางแทบลีบติดไปกับแผงอก

ต้องลงไม้ลงมือเพื่อเตือนสติ ฝ่ามือขาวตีเข้าที่บ่ากว้างไปหลายทีเพราะจะขาดอากาศหายใจตาย จนอาชายอมคลายวงแขนให้มีช่องว่าง แลกกับการจู่โจมหอมแก้มอย่างรุนแรงจนไรหนวดทิ่มแก้มขาว ทำให้เจ็บจนเจ้าของผิวยู่หน้า

“พรุ่งนี้พอตื่นแล้วรีบไปโกนหนวดเลยนะ”

“ทำไมล่ะ ฉันว่าไว้หนวดก็น่าจะดี ไอ้เวรนั่นจะได้กลัวฉันจนหัวหดหนีกลับประเทศไปเลย”

“แต่ฉันไม่ชอบ”  และหลังจากเผลอหลุดคำว่าไม่ชอบออกไป คิดว่าคนกวนประสาทจะทำอะไรถ้าไม่พยายามเอาตอหนวดรอบบริเวณริมฝีปากซุกไซ้ผิวขาวเป็นการกลั่นแกล้ง เดือดร้อนให้คนถูกแกล้งต้องรีบหลบเป็นพัลวัน ใช้ฝ่ามือดันอีกคนให้ถอยห่าง ร่างบางหลุดหัวเราะเพราะความจั๊กจี้ มือเปลี่ยนมาตีตามร่างกายหนาไปพลางระหว่างพ่อค้าอวัยวะพยายามเกลือกหน้ากับช่วงผิวที่โผล่พ้นเสื้อผ้า ก่อนจะชะงักและทำเป็นเบิกตาโตราวกับตกใจเสียเต็มประดา 

“อะไรเนี่ย รักฉันถึงขนาดต้องเอาเสื้อผ้าฉันมาใส่เลยเหรอ”

“โอเวอร์ ทำเหมือนไม่เคยเห็นฉันใส่แบบนี้ไปได้”     

“แล้วรู้ไหมว่าการเอาเสื้อผ้าคนอื่นมาใส่มันหมายความว่ายังไง”  เฟยฮวาที่เพิ่งจะรู้ว่ามันมีความหมายส่ายหน้า ก่อนฝ่ามือใหญ่จะโอบใบหน้าเนียนให้ยิ่งขยับมาใกล้จนริมฝีปากบางเฉียบเกยกับใบหูเล็กเพื่อกระซิบกระซาบใจความที่สมควรได้ยินกันแค่สองคน ไม่งั้นอาจจะโดนกองเซ็นเซอร์เล่นงานได้ข้อหาพูดจาหยาบคาย

ประโยคที่ไตร่ตรองไว้ก่อนของอาชาก็ทำแก้มเนียนร้อนฉ่า หน้าแดงแต่โชคดีที่ไม่มีแสงสว่างส่องถึง อีกคนจึงมองไม่เห็น แล้วร่างบางที่ไม่ได้มีเจตนาใส่เสื้อผ้าคนอื่นเพราะเรื่องอย่างว่าก็รีบพูดสวน  “งั้นฉันถอดก็ได้”

“ถอดเลย ๆ”  ไม่ว่าจะเอ่ยอะไรก็ดูจะเข้าทางคนลามกไปเสียหมด จนยิ่งรู้สึกหมั่นไส้ไอ้สายตาเจ้าชู้ที่หมั่นส่งหา ครั้นจะให้หันตะแคงหนีก็กลัวว่าจะกลายเป็นการให้ท่า นอนหันก้นหาอีกคนก็เหมือนกับการฆ่าตัวเองทางอ้อม เลยเลือกจะสงบปากสงบคำทำเหมือนไม่มีตัวตน โดยที่ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นผลดีผลร้าย แต่ยังไงพ่อค้าอวัยวะก็หาทางไปต่อได้อยู่ดี   
   
“ไม่ถอดเอง งั้นฉันถอดให้นะ” 

มือเรียวรีบตะครุบกระดุมเสื้อนอนตัวเองทันทีขณะที่อีกคนทำสีหน้าเหมือนเสียดาย

“คิดจะทำอะไรช่วยเกรงใจแผลที่หลังตัวเองด้วยนะ”   

“แต่ฉันไม่ได้ใช้หลังทำสักหน่อย”

“อาชา”  เจ้าของชื่อทำเมินน้ำเสียงขุ่นแล้วมุดหน้าซบกับหัวไหล่แคบ แนบแก้มกับต้นแขนขณะเงยหน้ามองเพดาน  “นายลองนับดูสิว่ามันผ่านมาตั้งกี่วันแล้ว”

แววตากลมแหงนมองเพดานตามเช่นกันระหว่างนับจำนวนวันในใจว่าห่างหายจากเรื่องใต้สะดือมานานแค่ไหนแล้ว  “ก็ไม่กี่วันเองนะ”

“เฟยฮวาจ๋า”  คำพูดคำจาจะน่าหยิกน่าตีก็เพราะน้ำเสียงที่ใช้เนี่ยแหละ และดูจะเป็นประโยคแสลงหูของร่างบางที่รีบหันมองใบหน้าด้านข้างของอาชาอย่างกับคนไม่เชื่อหู  “ไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหน อย่าพูดอีกนะ ฉันขนลุก”

“ที่รัก”

“นายทำฉันหมดอารมณ์แล้ว”  เฟยฮวาหักดิบด้วยการบอกว่าตัวเองไม่มีอารมณ์ แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมเกือบถึงศีรษะและหันตะแคงข้าง ปล่อยให้พ่อค้าอวัยวะที่ตอนแรกนึกว่าจะเคว้งคว้างหาทางทำอะไรไม่ถูก แต่ที่ไหนได้รีบลุกขึ้นมาเปิดโคมไฟ ก่อนเอียงกายเข้าหาแล้วชะโงกหน้าเป่าลมใส่หูร่างบาง

“หมดแล้วจริงเหรอ”   ริมฝีปากชื้น ๆ ไล่จูบตั้งแต่ด้านบนแล้วลดลงมายังบริเวณต้นคอที่ห่อหนีอัตโนมัติด้วยความขนลุก มือใหญ่ที่แสนจะซุกซนผลุบหายเข้าใต้ผ้าห่มแล้วจับโดนอะไรต่อมิอะไร เห็นนิ่มหน่อยก็บีบใหญ่จนร่างบางทำนอนเฉยไม่ไหว ว่าจะหันมาเหวี่ยงใส่คนขย้ำแก้มก้น

แต่ยังไม่ทันอ้าปากก็โดนประกบปากอย่างกะทันหัน สองริมฝีปากแทบสมานเป็นเนื้อเดียว ลิ้นเกี่ยวกวัดอย่างเผลอไผล หวั่นน้ำลายกระฉอกเพราะจูบของพวกเขาเต็มไปด้วยดูเดือดเลือดพล่าน ลืมไปเลยว่าเคยพูดว่าไม่อยากขณะความรู้สึกวูบวาบมันสปาร์คขึ้นมา มีคนเคยบอกว่าอย่าวางน้ำมันไว้ใกล้กับไฟ เพราะถ้าเผลอเมื่อไหร่ประกายความร้อนอาจลุกพรึบพรับ เปลวไฟจะโหมกระหน่ำจนสาดน้ำไปก็มีแต่จะเสียดายน้ำเปล่า ๆ

ต้องขนน้ำมาดับไฟเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ น้ำลายหนึ่งหยดไหลรดผ้าปูเตียงสีเลือดนกที่ยับย่นน้อยกว่าใบหน้าหล่อเหลา ชั้นเชิงการกลืนกินท่อนเนื้อของร่างบางเล่นทำเอาคนถูกปรนนิบัติน้ำเหงื่อไหลไคลย้อยข้างขมับ ขย้ำกำมือด้วยความอดกลั้นและหลุดคำรามยามฟันซี่เล็กจงใจขูดใกล้โคนโดนจุดไวต่อสัมผัส งับด้านบนแผ่วเบาแล้วใช้มือช่วยยัดเข้าปากจนหมด จนรู้สึกอึดอัดไปทั้งโพรงปาก จะขยับก็ลำบากแข็งปั่กไม่ยอมงอ ส่วนปลายคล้ำอยู่ลำคอร่างบางขณะใช้ขอบปากสาวจนน้ำคาวปะปนไปกับน้ำลาย เสียงซู๊ดเหมือนกำลังดูดดุนอะไรสักอย่างด้วยความอร่อยทำให้อาชายิ่งล่องลอย

เพราะแรงที่เฟยฮวาใช้ใช่ว่าน้อยซะที่ไหน มันไม่ยากที่จะทำให้ผู้ชายคนนึงถึงฝั่งฝัน ทำการส่งสายตายั่วยวนหาระหว่างผงกหัวขึ้นลงเป็นจังหวะ ฝ่ามือหนึ่งข้างยังกอบกุมลูบตามความยาวช่วยไปพลางๆระหว่างดูดส่วนปลายจนแก้มตอบ อาชาออกปากว่าชอบผ่านส่งเสียงแล้วหลั่งรดลงเตียงนอน ก่อนเฟยฮวาจะอ้าปากรองรับความสำเร็จของตัวเอง

แม้จะเสียน้ำไปแล้วแต่แก่นกายใหญ่ก็ยังเต่งตึงเหมือนเจ้าของร่างกาย แต่พ่อค้าอวัยวะก็กระซิบว่าอย่าเพิ่งไปสนใจมันมากนัก ร่างบางถูกผลักกึ่งนั่งกึ่งนอนลง ข้อศอกยังคงเท้าไว้กับที่นอน พ่อค้าอวัยวะไม่ยอมถอดเสื้อนอนอีกคนให้หมดแต่เปลี่ยนเป็นปลดลงจากไหล่ จนเห็นไหปลาร้าขาวแต่สิ่งที่พุ่งเข้าหาเป็นอย่างแรกคือตุ่มไต

ใครจะกล้าละเลยความน่ารักที่มีขนาดเล็กกว่าเม็ดถั่วแต่เอาหัวเป็นประกันว่ารสชาติดีกว่าเป็นไหน ๆ มันหวานและแทบละลายหายไปกับปลายลิ้น ผิวบริเวณโดยรอบแดงระเรื่อเมื่อถูกดูดดุน ฟันคมกัดกินจนน่ากลัวว่าผิวหนังจะหลุดออกมาเป็นชิ้น ๆ เฟยฮวาดิ้นรนขณะหน้าอกอีกข้างโดนเค้นจนตั้งเต้า การกระทำของอาชาเล่นทำเอาร่างบางหายใจไม่ทั่วท้องน้อย พ่อค้าอวัยวะคอยแต่จะกระตุ้นจุดศูนย์รวมเส้นประสาท จนความวาบหวามไหลผ่านกระแสเลือด ความปรารถนาซึมซับเข้าเส้น เห็นภาพทุกอย่างเบลอ ๆ จะชัดเจนก็แค่ใบหน้าชายคนรักที่โน้มลงมาซุกไซ้

เนื้อตัวแดงเถือกอ่อนยวบยาบเหมือนเทียนไขเวลาบดเบียดกายกับกองหมอน เฟยฮวานอนแผ่บนพื้นผ้าขณะพ่อค้าอวัยวะขึ้นคร่อมแล้วดอมดมแก้มแดงด้วยความหื่นกระหาย ทั้งหอมทั้งบดจูบโดยไม่เกรงใจ ไรหนวดที่ทิ่มแทงสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ แม้จะระคายผิวแต่ก็ช่วยบิ๊วอารมณ์ดิบเถื่อนได้มาก เฟยฮวากำลังหายใจลำบาก หอบหายใจหนักจนกระดูกไหปลาร้าบุ๋มลึกลงไป ส่งเสียงอืออ้าข้างใบหูอาชาที่หยุดทำการกัดหัวไหล่มนแล้วเปลี่ยนมาปล้นจูบอีกครั้ง โดยไม่ยอมปล่อยมือให้ว่าง เอื้อมลงด้านล่างกำลังบีบนวดโคนขาขาว

มือใหญ่แวะทักทายเจ้าเนื้อนิ่มตรงหว่างขาที่อ้าออกอัตโนมัติ ก่อนจะพยายามถอดกางเกงนอนคนใต้ร่างทั้งที่ยังนัวเนียไม่ห่าง จนร่างบางเห็นว่าอีกคนไม่ถนัดเลยรีบเข้าช่วยเท่าที่ไหว กระทั่งอาชารูดขอบกางเกงนอนลงได้และส่งให้เฟยฮวาจัดการต่อ พอใช้ฝ่าเท้าทั้งดันทั้งถีบ ไม่ต้องรีบร้อนมากกางเกงนอนก็ร่นติดอยู่ที่ข้อเท้า จะเหลือก็แค่ชั้นในเจ้าปัญหาที่พ่อค้าอวัยวะต้องการแสดงฝีมือเอง แต่ระหว่างที่เคลื่อนย้ายร่างก็ไม่ลืมละเลงปลายลิ้นที่เปรียบเหมือนปลายใบมีดกรีดกลางหว่างอกบางลงมายังหน้าท้องแบนราบ แล้วค่อยอ้าปากงับขอบกางเกงชั้นในไว้ให้มั่น กัดด้วยฟันและดึงลง

งานถลกคงเป็นเรื่องสบาย ๆ ของอาชาที่มุดเข้าใต้หว่างขาร่างบางทั้งที่ยังดึงกางเกงในด้วยปลายฟันลงไม่สุดข้อเท้า ปล่อยให้ค้างเติ่งบริเวณหัวเข่าเพราะเอาจริง ๆ กำลังทนความกำหนัดไม่ไหว อยากจะสอดใส่แทบแย่แต่แผลถูกยิงก็ดันมาปวดรุม ๆ เต้นตุบ ๆ จนเผลอทำหน้าเสีย

แล้วคนเป็นเมียที่เฝ้ามองอากัปกิริยาผัวตลอดเวลามีหรือจะไม่เห็นความเจ็บปวดนั้น จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ไม่มีทางเล็ดลอดสายตาเฟยฮวาที่พร้อมจะจบทุกอย่างหากอีกคนเอ่ยปากว่าไม่ไหว แต่อาชาเป็นประเภทใจสู้ไม่ถอยผสมดื้อเล็กน้อยถึงปานกลาง ร่างบางจึงจำเป็นต้องออกโรงขึ้นเป็นผู้นำ ลุกกลับขึ้นมาจัดแจงแหกขาขึ้นนั่งบนหน้าตักแข็ง

ไม่ให้พ่อค้าอวัยวะออกแรงเอง แต่ตัวเองจะเป็นคนลงแรงแบกรับหน้าที่สำคัญ มือขาวคลำหาแล้วปั้นแก่นกายให้ตั้งตรงและการสอดใส่ก็จะคงจะทุลักทุเลมากกว่านี้ถ้าอีกคนไม่มีจิตอาสา เฟยฮวาบีบบ่ากว้างด้วยมือหนึ่งข้างระหว่างทิ้งน้ำหนักตัวลง แอบกระดกก้นหนีเล็กน้อยเมื่อชนโดนส่วนปลาย ไม่แน่ใจว่าจะเข้าได้ในคราวเดียวหรือเปล่าแต่ก็ลอง ต้องเป็นอาชาที่ช่วยประคองน้องชายแล้วค่อยให้อีกคนบดเบียดหว่างขาลงมา อ้ารับและครอบครองมิดด้าม

ร่างบางขาอ่อนตอนรู้สึกได้ว่าช่องว่างถูกเติมเต็มจนแน่นขนัด ไม่สามารถนั่งทับตักพ่อค้าอวัยวะได้สนิท มันติดขัดและอึดอัดตามประสาคนเว้นเรื่องอย่างว่ามาหลายวัน แถมเพราะร่างกายน่าจะยังไม่ทันผลิตสารคัดหลั่งเลยยากจะเขยื้อน

ขอทำใจก่อนเคลื่อนตัวสักเล็กน้อย คอยเวลาด้วยการซุกไซ้กันไปพลางๆ ต่างคนต่างมีเป้าหมาย เฟยฮวาเลือกใบหน้าสมส่วน ข่วนแก้มกร้านด้วยปลายฟัน ถ้าไม่เกรงใจหน้าหล่อ ๆ คงกัดให้เกิดรอยบาก อยากฝากเป็นของที่ระลึก

ร่างบางน่ะแค่กำลังนึก ๆ ว่าอยากจะทำ ผิดกับอาชาที่ลงมือทำก่อนจะคิดไตร่ตรองด้วยซ้ำ มือใหญ่ขย้ำแก้มก้นจนเนื้อปลิ้นตามง่ามนิ้วยาว กะเอาให้แหลกคามือเหมือนถือลูกพีชผลใหญ่ไว้ แล้วใช้โอกาสนี้เป็นการหยิบยื่นคำหวาน บอกว่ารักเฟยฮวาเสียงดังฟังชัดเต็มสองรูหู แถมไม่วายส่งสายตาเจ้าชู้ประตูดิน ถ้ากินอีกคนเป็นขนมขบเคี้ยวได้ก็คงทำ

แล้วแม้ว่าความจริงจะกลืนกินร่างบางลงท้องไม่ได้ แต่พ่อค้าอวัยวะก็ยังได้ลิ้มรสชาติหวานหอม ยอมใจกับความขาวที่ตัดกับสีรอยฟันจาง ๆ ริมฝีปากบางเฉียบงับตามผิวลื่นแล้วฝากความชื้นแฉะไว้

เมื่อเริ่มมีการเคลื่อนไหวก็ได้ยินเสียงครวญคราง ภายในห้องนอนตอนแรกเสียงเครื่องปรับอากาศเคยดังที่สุด แต่กลายเป็นว่าพอโดนแก่นกายชนจุดกระสันเข้าบ่อย ๆ  เฟยฮวาก็คอยแต่จะเปล่งภาษาเข้าใจยากเป็นชุด หลุดพูดภาษาจีนกลาง แล้วยังต้องมาแปลให้อาชาฟัง ก็คนมันอยากรู้ความหมาย แต่ร่างบางก็บ่ายเบี่ยงและยิ่งร้องเสียงพร่าเมื่อพ่อค้าอวัยวะกระแทกช่วงล่างสวน เฟยฮวาถดก้นด้วยความรวดเร็วหมุนเอวเป็นวงกลมและขย่มตักอย่างเอาจริงเอาจัง

เป็นการต่อสู้ท่ามกลางความกดดัน บั้นท้ายนิ่มบดลงบนหน้าขา กระดกก้นขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยทิ้งน้ำหนักตัวลงตามแรงโน้มถ่วงอย่างแรง จนแข้งขาสั่น กล้ามเนื้อหลายส่วนในร่างกายกำลังทำงานผ่านการยักย้ายส่ายสะโพกเป็นจังหวะ

อาชายอมถูกประณามว่าเลวที่เอาเปรียบร่างบาง ชายหนุ่มไม่อยากขยับสวนให้เสียระบบ อยากจะเฝ้ามองสีหน้าสุขสมและนัยน์ตากลมโตที่เคลือบไปด้วยความหวานเยิ้มมากกว่าตอนไหน ๆ นาน ๆ ทีจะได้เห็นสีหน้าอันหลากหลายของเฟยฮวาที่หมั่นชายตามองอย่างเชิญชวนอยู่ตลอด ตอนยั่วยวนจะดูสวยเป็นพิเศษ แต่อันที่จริงแล้วจะเป็นตอนไหนก็สวยไม่สร่าง ทำให้รักทำให้หลงได้ด้วยเสน่ห์อันร้ายกาจ สุดท้ายเมื่อถูกท้าทายอย่างหนัก อยากให้รักแบบแรง ๆ ก็บอกมา มันถึงเวลาของมืออาชีพที่รีบผลักร่างอีกคนให้ลงนอนหงายทั้งที่อะไรยังติดพัน

แล้วการเชื่อมต่อที่จวนจะหลุดก็ถูกดันกลับเข้าไปใหม่จนสุด ทำเอาขนลุกขนชันกันทั้งสองฝ่าย ก่อนพ่อค้าอวัยวะจะเท้าฝ่ามือกับที่นอนตอนเคลื่อนสะโพกไม่บันยะบันยัง เสมือนลืมความเจ็บปวดบนแผ่นหลัง ความป่าเถื่อนรั้งจะทำให้อารมณ์ยิ่งไต่ขึ้นเพดาน จนเสียงหวานกรีดร้องแทบขาดใจ หายใจไม่ทัน

เฟยฮวาส่ายหน้าแต่อาชาเข้าใจเสมอว่านั่นไม่ใช่การปฏิเสธ เป็นอาการเวลาฟุ้งซ่านหนัก ๆ และถ้าหากไม่ต้องการจะพันมือกับท่อนแขนแกร่งไว้ทำไม ร่างบางคว้าต้นแขนใหญ่ไว้เป็นหลักยามแผ่นหลังเสียดสีกับที่นอนตลอดเวลา

คนใต้ร่างมีการกัดริมฝีปากจนอาชาอยากจะถามว่าใครสั่งใครสอนให้ทำต่อหน้าสามีที่รัก สงสัยคืนนี้คงไม่อยากนอนหลับดี ๆ กลีบปากที่เม้มอยู่ถึงได้เผยอออกบอกเป็นนัย โดยความหมายก็เข้าใจง่าย คนด้านบนใช้ริมฝีปากง้างริมฝีปาก ทั้งคู่หลับตายามแลกน้ำลายไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไหร่ของวัน

เฟยฮวาวาดมือบนแผ่นอกอย่างหลงใหลในสรีระ เวลาเป็นจริงเป็นจังอาชาดูมีเสน่ห์มากล้นจนรู้สึกว่าตัวเองเป็นบุคคลที่โชคดีที่ได้อีกคนมาครอง ได้เป็นเจ้าของเต็มตัว ได้หัวใจมา

แล้วความรักที่บ่มเพาะด้วยจังหวะหนักหน่วงก็ใกล้จะสุกงอมพร้อมถึงฝัง ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นพาดบ่ากว้างจนร่างสองคนยิ่งแนบสนิทกัน ยิ่งก่อเกิดความถนัดถนี่แต่ละทีที่เคลื่อนเต็มไปด้วยความแม่นยำ เสียงหวานออดอ้อนตอนอารมณ์พุ่งขึ้นสูงก่อนจะถูกหอมแนวขมับหนัก ๆ ท้ายที่สุดก็เป็นร่างบางที่ชะงักและร่างกายกระตุกก่อนขณะนอนหายใจพะงาบ ๆ ไม่ทันได้พักก็ต้องมาใจหายใจคว่ำกับการกระทำบ้าบิ่น นึกว่ากินยาไวอากร้ามาพ่อค้าอวัยวะถึงได้ดูคึกคัก 

อาชาเลียริมฝีปากระหว่างเคลื่อนเอวสอบไม่หยุดตอกย้ำจุดเดิมซ้ำ ๆ สวนแก่นกายเอาเข้าออกขณะล็อกเอวคอดไว้ด้วยสองมือใหญ่ สัมผัส คั้นจนเนื้อนิ่มในกำมือขึ้นริ้วเป็นนิ้วยาวทั้งสิบ รีบมากกระทั่งหลุดออกจากกัน ต้องจับยัดเข้าไปใหม่ ส่งต่อแรงดันจนเฟยฮวาสั่นเป็นคนทรงเจ้า ยิ่งเขย่าสองอวัยวะยิ่งเข้าล็อก ก่อนจะต่างฝ่ายต่างเกิดอาการน็อคกลางอากาศ  ความหนักหน่วงครั้งสุดท้ายอัดแน่นอยู่ภายในทางตัน อัดฉีดของเหลวเต็มคราบ

สองน้ำเสียงสอดประสานชั่วครู่ แล้วอาการเจ็บแผลที่หลังก็มาเยือนอย่างรู้เวลา เพราะความผลีผลามไม่ดูกำลังตัวเองของพ่อค้าอวัยวะนั่นแหละ ทั้งที่ควรจะแค่หลับไปกลายเป็นว่าต้องถูกหัวเราะเยาะเย้ยที่ไม่เจียมสังขาร หลังหลุดปากขำกับความโอดโอยเกินเหตุ เฟยฮวาก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้าก่อนจะจัดหายาแก้ปวดมาให้ ได้กินยาสักหน่อยความปวดก็น่าจะทุเลาเบาบาง แม้ความฝันในการสานต่อรอบสองจะสลาย แต่หนทางออดอ้อนยังสามารถไปได้ต่อ ขอกอดหอมอย่างหน้าไม่อาย ไม่มีใครได้ทำความสะอาดร่างกาย นอนหลับไปทั้งกลิ่นของกันและกัน กลิ่นความรักที่นานวันยิ่งหอมกรุ่น   

 




มีต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XV (01/11)
«ตอบ #66 เมื่อ06-11-2018 18:52:01 »




ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด คนนอนติดเมียอยู่บ้านดี ๆ ก็ถูกเรียกให้เข้ามาที่สำนักงานใหญ่อย่างกะทันหัน แถมเป็นนัดนอกเวลาที่ทำให้ต้องรีบบึ่งรถมาเพื่อพบว่าคน ๆ อื่นยังมาไม่ครบองค์ประชุม อาชาเลยหลบมุมออกมาเข้าห้องน้ำชายภายในตัวตึกเพื่อทำธุระส่วนตัว พ่อค้าอวัยวะสะบัดหัวสองสามทียามมีอาการตึง ๆ ที่ศีรษะ แต่เมื่อได้ปล่อยปัสสาวะจนสุดจึงอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยถึงค่อยเริ่มฮัมเพลงภายในลำคอและพอเก็บน้องชายใส่กางเกงพร้อมรูดซิปก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่มีคนขยับเข้ามายืนใช้โถปัสสาวะข้าง ๆ พอดิบพอดี

แล้วไอ้ท่าทีวางก้างเบ่งอำนาจก็จะเป็นใครไปไม่ได้ ขนาดยืนขับถ่ายธรรมดา ๆ ใบหน้าของหยางไอยังดูน่าหมั่นไส้ จนชายเสร็จกิจก่อนเลิกฮัมเพลง อาชารู้สึกเซ็งขึ้นมาดื้อ ๆ แล้วทำแค่เดินมาล้างมือตรงอ่างล้างบริเวณหน้ากระจก เพราะคงไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวจึงเงียบเข้าไว้ 

“ไม่เจอกันตั้งหลายวัน ยังดูมีความสุขดีจังนะ”  แต่เจ้าพ่อเงินกู้ไม่ได้คิดเหมือนพ่อค้าอวัยวะสักหน่อย เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ขอให้ได้จิกกัด ตามมาแดกดันด้วยการส่งเสียงระหว่างยืนล้างมืออยู่ข้าง ๆ หลังจากปลดทุกข์เสร็จเรียบร้อย 

“จะมีความสุขกว่านี้อีกถ้าไม่ได้เห็นหน้าแก”  ตอกกลับสักหน่อยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท ก่อนถามถึงอาการที่ขาเผอิญปรายตามองพอดี  “แผลที่ขาหายแล้วเหรอ ถึงได้ออกมาเดินเพ่นพ่านได้”  และเสียงน้ำไหลในอ่างก็ดังก้องห้องน้ำยามต่างฝ่ายต่างคนสนใจที่จะเอาแต่ล้างมือ 

อาชาไม่ได้ติดใจกับอาการไม่หือไม่อือของอีกคน ไม่สนใจสักนิดจนกระทั่งได้ยินเสียงปิดหัวจ่ายน้ำ แค่ปรายตามองตามพฤติกรรมกำลังจัดทรงผมหน้ากระจก ก่อนจะเป็นหยางไอที่หลุดขำทำเหมือนมีเรื่องตลกเสียเต็มประดา 

“โทษทีนะที่ฉันมันดันเป็นพวกตายยาก”

พ่อค้าอวัยวะเลิกล้างมือแล้วเปลี่ยนเป็นยืนเท้าขอบอ่าง  “แต่ระวังไว้หน่อยก็ดี บางทีอาจจะกลายเป็นผีโดยไม่รู้ตัว”  กลัวจะนึกว่าแค่ขู่ไปงั้นอาชาเลยหันจ้องขณะหยางไอมองกลับพร้อมยิ้มชั่ว   

“แกบอกตัวเองก่อนดีกว่ามั้ง”  ยังไงฉายาก็คือหมาลอบกัด ดังนั้นก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ถ้าจะทำในสิ่งที่มีแต่พวกขี้ขลาดเท่านั้นที่ทำ  “ดูท่าแผลที่หลังจะหายช้าหน่อยนะ”

เงาสะท้อนในกระจกบานใหญ่บัดนี้ไม่ได้มีแค่เงาของผู้ชายตัวสูงสองคนเหมือนตอนแรก ผู้ชายตัวใหญ่ห้าถึงหกคนแทรกเข้ามายืนในห้องน้ำด้วยจนความกว้างหดเหลือช่องทางเดินเล็ก ๆ แถมคนเป็นลูกน้องก็ไม่ได้ขยับเดินตามหลังเจ้านายที่เดินขากะเผลกออกไป ยืนเป็นหัวหลักหัวตอเหมือนรออะไรอยู่ ซึ่งอาชาก็รู้ดีถึงจุดมุ่งหมาย ถึงได้ยืนพ่นลมหายใจราวกับแสนเบื่อหน่าย โดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ หยางไอหยุดอยู่หน้าประตูห้องน้ำก่อนหันกลับมาขยับปากบอกช้า ๆ ว่าขอให้สนุกนะ ถือซะว่าเป็นการต้อนรับที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เจ้าพ่อเงินกู้เดินออกจากห้องน้ำแล้วปิดประตูตามไล่หลัง

ไม่ลืมกดล็อกลูกบิดจากด้านใน เพื่อกันคนเดินผ่านไปผ่านมาเข้าไปช่วยอีกคนได้ เก่งดีนักก็หาทางเอาตัวรอดออกมาเองแล้วกัน หยางไอจัดเสื้อสูทตัวนอกที่ออกแบบสั่งตัดให้เข้ารูปเข้ารอย แล้วค่อยปล่อยเสียงโครมครามภายในห้องน้ำไว้เป็นแค่ฉากหลัง เดินจากไปโดยไม่คิดจะหันมาเหลียวแลชะตากรรมเพื่อนร่วมโลก

ลูกน้องคงถูกสั่งมาอย่างดีว่าถ้าเป้าหมายไม่นอนหมอบหอบหายใจเหมือนคนจะตายก็อย่าได้หยุดโจมตีเป็นอันขาด แล้วคน ๆ เดียวจะไปต้านทานแรงผู้ชายห้าหกคนได้ยังไงไหว พ่อค้าอวัยวะมีคติที่ว่าถ้าลองได้ออกหมัดแล้วก็ห้ามหยุด สุดท้ายโดนต่อยเข้าที่แก้มขวาซ้ำสองแลกกับเสียงของคู่ต่อสู้ที่ร้องด้วยความจุก เผอิญฝ่ารองเท้าหนังชั้นดีดันถีบเข้าเต็ม ๆ ที่ตำแหน่งลูกอัณฑะ และโชคยังดีที่ว่าไม่มีใครชักปืนขึ้นมายิงสวนกันให้เลือดตกยางออก แต่ขณะเดียวกันก็ถือว่าโชคร้ายเพราะอาชาดันลืมปืนไว้ในรถ แถมดันเป็นแค่คนเดินดินธรรมดาไม่ใช่กัปตันอเมริกาที่ถือโล่ เป็นแค่นายอาชาที่จับคว้าอะไรได้ก็ใช้ทุ่มสุดกำลัง ก้อนขยะร่วงกราวกับพื้นเมื่อมือใหญ่ใช้ถังขยะอะลูมิเนียมภายในห้องน้ำเป็นอาวุธ ชุดสูทสีดำพอดีตัวแทบขาดยามวาดของหนักขึ้นในอากาศแล้วฟาดไปที่หัวใครสักคนอย่างแรง

ไม่ใครก็ใครสักคนนั่นแหละที่ต้องหัวร้างข้างแตก แล้วก็ไม่แปลกด้วยที่พ่อค้าอวัยวะจะถูกเอาคืน หวืดล้มเพราะโดนเตะที่ช่วงขาจนเปิดโอกาสให้คนที่ใกล้ที่สุดเดินเข้ามายืนคร่อมแล้วตะบันหน้า โดยกะว่าจะต้องได้เลือดแต่พอโดนถีบเข้าที่บริเวณหน้าท้องก็สะเทือน ตัวเคลื่อนถอยห่างไป อาชาตระหนักอยู่ตลอดว่าสู้ไปยังไงก็มีแต่จะแพ้ และแม้ประตูห้องน้ำจะอยู่ห่างออกไปไม่ไกล แต่กว่าจะไปถึง ดูท่าใบหน้าคงจะเละจนไม่เหลือความเป็นผู้เป็นคน ต่อยไปสองหมัดก็โดนซัดกลับมาอีกหมัดจนหน้าหัน เหมือนจัดการซอมบี้ที่ฟื้นชีพใหม่ได้ทุกรอบ จนเล่นเอาหอบเหนื่อยขณะเริ่มปวดระบมบาดแผลตรงบริเวณแผ่นหลัง ล้มหงายตั้งหลายครั้งแผลจะไม่ชอกช้ำบ้างก็ให้มันรู้ไป

ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายภาพมันตัดไปตัดมาจนน่าเวียนหัวยิ่งนัก จนหน้าผากใครสักคนถูกกระแทกเข้ากับขอบเคาน์เตอร์อ่างล้างมืออยู่หลายครั้ง เรียกว่าหลั่งเลือดจากบาดแผลแตกกันสด ๆ สีแดงเข้มหยดลงบนอ่างสีขาวที่ยังเปิดหัวจ่ายน้ำคาไว้ สายน้ำคอยชะล้างจนกลิ่นคาวจางไปขณะเป็นจังหวะเดียวกับที่พ่อค้าอวัยวะหันใบหน้าเข้าหาและมองเห็นเงาสะท้อนในกระจกพอดี
จากที่กำลังกดหัวคนอื่นอยู่ก็เป็นอันต้องปล่อย อาชาถอยออกจากตำแหน่งเดิมพร้อมกับยกแขนขึ้นกำบังเศษกระจกที่กระเด็นมาโดนตามลำตัว กระจกใสบานใหญ่กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันทีหลังจากที่มีคนหมายจะเอาแจกันดอกไม้ที่ปกติใช้วางตกแต่งทุ่มใส่หัวพ่อค้าอวัยวะ ถ้าหลบไม่ทันคงเป็นศีรษะที่แตกละเอียด คนรอดหวุดหวิดคิดไม่ออกเลยว่ามันจะเจ็บสักแค่ไหนในเมื่ออีกฝ่ายเล่นปาแบบไม่ออมแรง

แล้วก็ขอบอกเลยว่าไม่ได้มีเจตนาจะแทงใครตาย ที่ทำไปก็เพื่อป้องกันตัวเองล้วน ๆ เศษแก้วกลายเป็นอาวุธในการดวนฝีมือ มันคือภาพที่เด็กอายุต่ำกว่าสิบห้าน่าจะมีผู้ปกครองคอยแนะนำอยู่ข้าง ๆ การตวัดปลายแหลมคมไปมาตรงหน้าสร้างความน่าหวาดเสียวได้เป็นอย่างดี คนสองคนที่หันหน้าเผชิญกันกำลังหยั่งเชิง จ้องตาและรอจังหวะ ช่วงขารอที่จะขยับเข้าประชิดขณะมือกำอาวุธไว้แน่นจนมันกินเนื้อ

เพื่อรีบจบทุกอย่างหรือก่อนที่อีกหลาย ๆ ร่างจะลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง พ่อค้าอวัยวะจำเป็นต้องเป็นฝ่ายเปิดศึกโดยที่ลึก ๆ แล้วก็ไม่ชำนาญการเปลี่ยนเศษแก้วให้เป็นมีด แต่ก็ดีใจที่ใช้มันกรีดท่อนแขนอีกคนจนกลายเป็นแผลทางยาวได้สำเร็จ แล้วค่อยมารู้สึกได้ถึงความเย็นวาบตรงหน้าท้อง แต่ไม่มีเวลาก้มลงมองก็ต้องหลบเป็นพัลวันและดันเสียท่าทำอาวุธหลุดจากฝ่ามือ อาชารีบใช้สองมือยื้อข้อมืออีกคนที่กระโจนเข้าหาหวังจะใช้ปลายแหลมปักแทงนัยน์ตาที่เบิกกว้าง

แผ่นหลังกระแทกติดกับผนังห้องน้ำเย็น ๆ ทำให้อาชากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยสมบูรณ์ แถมแผ่นหลังยังขูดกับผนังระหว่างค่อย ๆ ย่อตัวลงต่ำกำลังพยายามต้านทานแรงกดลงมา ซึ่งถ้ามองจากภาพพูดกันตามเนื้อผ้า ดูท่าต้องเพลี่ยงพล้ำแน่ แต่เผอิญว่าเป็นพระเอก ยิ่งคนได้เปรียบกดคนเสียเปรียบให้ย่อตัวเล็กลงมากเท่าไหร่ พ่อค้าอวัยวะที่อยู่ในท่วงท่าเกือบนั่งกับพื้นก็ยิ่งสามารถคว้าเศษกระจกที่ตกตามพื้นได้อีกครั้ง กระทั่งตัดสินใจใช้ท่อนแขนเดียวเป็นตัวต้านคนด้านบน อาชาออกแรงยื้อจนไม่อาจอดกลั้น ขอระบายด้วยการร้องลั่นตอนควานมืออีกข้างอย่างสะเปะสะปะเพื่อหาอาวุธ

มือใหญ่ยื่นไปจนสุดเอื้อมแขนระหว่างแหงนหน้าเกร็งจนเส้นเลือดขึ้นบริเวณลำคอ ขอเวลาอีกชั่วอึดใจ สุดท้ายปลายนิ้วก็ชิดติดเศษแก้วอันใหญ่ ในช่วงเวลาที่เกือบจะได้เป็นชายตาบอดหนึ่งข้าง จู่ ๆ ร่างคนที่ยืนคร่อมค้ำหัวก็ล้มพับทับช่วงตัวคนที่นั่งหอบจนตัวโยน ก่อนอาชาจะผลักร่างคนแน่นิ่งออกจากร่างกายด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์

นัยน์ตาก่ำไปด้วยเส้นเลือดหันมองของมีคมที่ยังเสียบคาบริเวณสีข้างซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้อีกคนจนไม่รู้ว่าตายหรือแค่สลบ แต่สำหรับพ่อค้าอวัยวะถือว่าการต่อสู้แบบหมาหมู่ได้จบลงแล้ว แต่แววตาเคียดแค้นยังคงแจ่มชัด คนเหนื่อยสายตัวแทบไม่ทันพักหายใจหายคอ รีบลุกขึ้นยืนแล้วก็ก้าวขาข้ามร่างที่เสียเลือดมากจากบาดแผลถูกแทง

รองเท้าหนังสีดำเหยียบแอ่งเลือดจนกระจัดกระจายและไม่สนใจด้วยว่าแต่ละก้าวของตัวเองที่ออกเดินจะทำให้พื้นตลอดทางเปื้อน เป้าหมายเดียวก็คือการตามล่าหาตัวไอ้หัวหน้าหมาหมู่ เปิดประตูมันทุกบาน กระทั่งฝ่ามือใหญ่ที่เห็นว่าได้แผลจากของมีคมบาดเลือกผลักบานประตู พรวดพราดเข้ามาห้องประชุมแล้วเจอกลุ่มคนหัวหงอกหัวดำนั่งเรียงรายพร้อมหน้า ทุกคนพร้อมใจกันเบิกตาตกใจกับสภาพสะบักสะบอม ลอบมองรอยกรีดที่บริเวณหน้าท้องของคนวัยยังหนุ่มยังแน่นที่กลายเป็นผู้มาสายที่สุด สีหน้ากรุ่นโกรธและอาฆาตแค้นของอาชาทำให้ภายในห้องประชุมกว้างปราศจากเสียงพูดและบรรยากาศดูไม่ยินดียินร้าย

แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่ยิ้มได้… หยางไอลุกจากที่นั่งบุหนังแล้วจัดสูทบนร่างกายให้เข้าที่ ไม่มีอาการตกอกตกใจเหมือนใครอีกหลาย ๆ คนและเป็นฝ่ายเดินเข้าหาคนสภาพเละเทะ ไม่รู้ว่ามีเวลาได้ก้มหน้าลงสำรวจร่างกายตัวเองบ้างหรือเปล่า  “เอาทิชชู่หน่อยไหมอาชา เผื่อจะอยากเช็ดเลือด” 

หยิบยื่นความมีน้ำใจให้ได้ดูจอมปลอมเอามาก ๆ แต่พ่อค้าอวัยวะก็ยังเฉย ไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม เหตุเพราะเกรงใจหัวหน้าใหญ่ ไหนจะผู้ใหญ่อีกหลาย ๆ คนที่จดจ้องสถานการณ์ตึงเครียดตรงหน้าเป็นตาเดียว  “ที่หัวหน้าใหญ่เรียกทุกคนมาวันนี้ก็เพราะอยากให้ช่วยมาเป็นพยานและที่เขานัดนายกับฉันมาวันนี้ก็เพราะอยากให้เราสองคนสงบศึกกัน”

ด้านคนรู้ความจากหัวสำนักงานใหญ่ก่อนอธิบายอย่างไม่ซับซ้อนให้คนที่ยังยืนจ้องตาเขม็งฟัง ก่อนยื่นมือออกมาข้างหน้าและทำท่ารอให้อีกคนยื่นมาจับ 

“จับมือฉันสิ…”  หยางไอพูดในสิ่งที่อาชาสมควรจะทำ แค่จับมือเพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าเราจะไม่ทะเลาะกันอีกนับต่อจากนี้  “เร็วสิอาชา ทุกคนรอเป็นพยานอยู่นะ”

ถ้ามองใบหน้ายับเยินแค่เผิน ๆ ก็ยังเข้าใจได้เลยว่าไม่พร้อมหย่าศึกกับใครทั้งนั้น และมันก็เป็นแค่เพียงการแสดงละครตบตา ฝ่ามือได้เลือดยอมจับกับฝ่ามืออันขาวสะอาดของอีกคน โดยมีคนนอกนั่งมองท่าทางที่บ่งบอกว่ายอมตกลงด้วยดี จะมีก็แค่กันและกันเท่านั้นที่รู้ว่าไม่ใช่ ภายใต้สีหน้าเย็นชากับสีหน้ายิ้มร่าของอีกคน แต่ใครจะรู้ว่าสองมือบีบกันจนแทบแหลกเป็นผุยผง ด้านหยางไอส่งยิ้มเสแสร้ง ส่วนอาชาแกล้งยกยิ้มมุมปากคืน …แด่สันติภาพที่จะไม่มีวันเกิดขึ้น








--------------------------------------------
Tag  #PONR  #เดินหน้าลูกเดียวไม่มีเหลียวหลัง[/size][/b]
ติดตามข่าวสาร
◕‿◕。 นิยายที่แต่งจบแล้ว ---> เหมายัน  ลั่นดาล 

ออฟไลน์ juthamart

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XV (06/11)
«ตอบ #67 เมื่อ06-11-2018 19:28:24 »

หวานอยู่ดีๆ ตอนท้ายดันเปลี่ยนอารมณ์ซะงั้นนน หยางไอกลับจีนไปเห๊อะ รังควานคนอื่นเค้าอยู่ได้

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XV (06/11)
«ตอบ #68 เมื่อ06-11-2018 19:59:49 »

โอ้โห ไม่เคยอ่านนิยายที่สัมผัสคล้องจองทุกประโยคขนาดนี้อะค่ะ เพลินเว่อ
นึกภัตตาคารบ้านทุ่งเลย

ออฟไลน์ Panizzz3838

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XV (06/11)
«ตอบ #69 เมื่อ07-11-2018 08:18:52 »

ปัก :hao7: :hao7: :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XV (06/11)
« ตอบ #69 เมื่อ: 07-11-2018 08:18:52 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XV (06/11)
«ตอบ #70 เมื่อ07-11-2018 10:47:00 »

รำคาญนังหยางไอ ยิงๆๆๆๆๆ  :m16:

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XV (06/11)
«ตอบ #71 เมื่อ09-11-2018 22:10:46 »

XVI




เสียงเครื่องยนต์วันนี้ดูฉุนเฉียวพิกล แถมขับวนเข้ามาภายในรั้วบ้านด้วยความหุนหันเป็นพิเศษ สี่ล้อเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงเหมือนอารมณ์ที่พุ่งติดเพดานของคนขับ ยางบดเบียดกับพื้นถนน เข้าโค้งจนเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด

เสียงดังไม่ได้ลั่นแค่บริเวณด้านหน้าทางเข้าประตู แต่ยังดังเข้ามาด้านในจนคนที่นั่งคุยกันอยู่ภายในห้องรับแขกรีบหันมอง สามดวงตาจ้องไปในทิศทางเดียวกันด้วยความตกอกตกใจ

ก่อนจะเป็นเฟยฮวาที่ลุกขึ้นจากโซฟา เพราะหมายจะรีบเดินออกไปต้อนรับคนกลับบ้าน 

“อาชา วันนี้หมอพามะตู…”  แต่ประโยคบอกเล่าก็มีอันต้องขาดหาย เพราะใบหน้าบอบช้ำและยับเยินของคนกลับมาดึงสติสตางค์ไปจนหมด คนช็อกทำอะไรไม่ถูก และในวินาทีที่รีบปรี่จะเข้าไปดูอาการ พ่อค้าอวัยวะกับแค่เปรยนัยน์ตาขวางมองผ่านเสียอย่างนั้น  “หน้านาย…”  เฟยฮวาชะงัก มือขาวยังยื่นค้างด้วยความเป็นห่วงอยู่ในห้วงอากาศตอนที่จู่ ๆ อาชาก็เดินผ่านตัวไปราวกับว่าไม่เห็นหัว ร่างบางต้องหมุนตัวเพื่อมองตามแผ่นหลังกว้าง

ร่างบางที่ยังสับสนตัดสินใจเดินตามพ่อค้าอวัยวะเข้ามาภายในห้องรับแขก โดยมีแขกของบ้านนั่งทำสีหน้าแตกต่างกัน ดวงตากลมโตของมะตูมเลิ่กลั่กยามเห็นคราบเลือดแห้งกรังบนใบหน้าคนเพิ่งกลับมา ส่วนคนเป็นหมอก็เผยแววตาสงสัย นั่งมองเจ้าของบ้านพยายามปลดเนคไทออกจากรอบคอด้วยความหงุดหงิด สีหน้าสหายเหมือนพร้อมจะปลิดชีพใครทุกเมื่อ

เพื่อประกาศกร้าวไปเลยว่ากำลังไม่พอใจ อาชาระบายอารมณ์ผ่านการถอดเสื้อสูทตัวนอกแล้ววางพาดฟาดไปกับโซฟา เรียกว่าเกือบโดนหน้าสหรัฐ จากบรรยากาศดี ๆ ก็เริ่มมีกลิ่นมาคุ นัยน์ตาดุไม่ได้ลดดีกรีลงเลย ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามและในยามนี้ก็คงมีแค่คนเดียวที่กล้าจะซักไซ้คนที่พ่นลมหายใจร้อน ๆ เหมือนมังกรผู้สั่งสมความโกรธไว้กับตัวมาตลอดทั้งปีทั้งชาติ เฟยฮวาคือหน่วยกล้าตายที่คิดว่าตัวเองสามารถรับมือไหว

“เกิดอะไรขึ้น หน้านายไปโดนอะไรมา”  นอกจากความกังวล แววตายังปนไปด้วยความหวั่นใจและการที่อีกคนไม่ยอมตอบกลับ ก็แอบทำคนกล้าหาญเสียความมั่นใจอยู่เหมือนกัน และขณะนั้นก็กวาดสายตามองตามร่างกาย พอเสื้อตัวนอกหายไปจึงได้เห็นว่าพ่อค้าอวัยวะมีบาดแผลทั้งที่ฝ่ามือและหน้าท้อง  “เดี๋ยวฉันรีบไปหายามาทำแผลให้นายนะ”

“ไม่ต้อง”  มันเป็นสองคำที่ทำเอาร่างบางก้าวขาไม่ออก แล้วต้องกลับมายืนเฉย ๆ เพื่อคิดทบทวนว่าตนทำอะไรผิด ซึ่งเฟยฮวาก็คิดออกอยู่ไม่กี่อย่าง  “อาชา…ฉัน”  จากหันด้านข้างยังพอได้เห็นสีหน้า จู่ ๆ พ่อค้าอวัยวะก็เปลี่ยนเป็นหันแผ่นหลังให้และยืนนิ่งบ้าใบ้จนคนห่วงใยยิ่งสลด 

รับรู้ได้ถึงความมึนตึงของอีกคนอย่างแจ่มชัด  “ฉันขอโทษนะ ฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้นายเจ็บตัวอีกแล้วใช่ไหม”  เฟยฮวาจะถือเอาความนิ่งเป็นการตอบว่าใช่ ก่อนนัยน์ตากลมจะเหลือบมองอีกสองคนที่เหลือเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร ยังไงปัญหาก็ต้องได้รับการแก้

คงจะจริงที่ว่าเมื่อคนเรามีความรักจะยิ่งอ่อนแอและหวั่นไหวง่ายกว่ากิ่งไม้ซะอีก รวมถึงชอบคิดเล็กคิดน้อย พออีกคนเปลี่ยนไปหน่อยก็หวาดกลัวและสำหรับคนมีคำสาปร้ายติดมากับตัวอย่างเฟยฮวา จิตใจยิ่งเปราะบางเมื่อคนที่เป็นเหมือนบ้านหลังเดียวไม่เหลียวแลเหมือนเคย

“นายคงโมโหที่ต้องมาเจ็บตัวเพราะฉัน ฉันขอโทษจริง ๆ นะ”  นัยน์ตากลมหลุบตามองปลายเท้าระหว่างขุดเอาความหลังของตัวเองขึ้นมา ก่นด่าตัวเองในใจว่าทำไมไม่จำว่าอยู่กับใครก็ทำให้เขาเดือดร้อน  “สุดท้ายแล้วฉันก็ยังเป็นได้แค่ตัวปัญหาสำหรับนาย แต่ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลยจริง ๆ นะ”  น้ำตามันพาลจะไหลจนต้องรีบเงยหน้า

อาศัยว่าอีกคนหันหลังเลยคงยังไม่เห็นดวงตาแดงก่ำ เฟยฮวากำชายเสื้อไว้เหมือนเด็กน้อยที่เข้าใจสถานะของตัวเองยามอยู่ในบ้านหลังใหญ่ หลังจากหยิ่งผยองพองขนเหมือนคนไม่เจียมเนื้อเจียมตัวมานาน ก็เพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองก็เป็นแค่เฟยฮวาคนน่ารำคาญที่นำความโชคร้ายมา

ยิ่งเห็นบาดแผลบนร่างกายคนที่รักมากเท่าไหร่ ความคิดที่เคยแอบซ่อนไว้ก็ยิ่งผุดขึ้นมา ถ้าเลือกได้ก็อยากให้พ่อค้าอวัยวะปลอดภัย แต่นั่นหมายถึงการต้องไม่มีตนอยู่ข้าง ๆ 

“ฉันลองมาคิด ๆ ดูแล้ว ความจริงฉันน่าจะเป็นฝ่ายไปดีกว่า…” 

หลังจากอีกคนถูกยิงคราแรก ร่างบางก็แอบคิดอะไรแบบนี้เรื่อยมา และแม้อยากจะแก้ต่างว่าไม่ใช่เพราะตน แต่หลักฐานมันทนโท่ บางทีชีวิตของอาชาอาจจะกินดีอยู่ดีและมีความสุขสบายมากกว่านี้ถ้าไม่มีคนอย่างตนเข้ามาเกี่ยวข้อง

โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีหนที่สาม สภาพเจ็บช้ำกลับมาของพ่อค้าอวัยวะถือเป็นเหตุผลมากพอให้เฟยฮวาเสียสละความสุขส่วนตนแลกกับที่อีกคนจะได้กลับไปมีชีวิตปกติสุข  “ฉันไม่ควรจะอยู่เพื่อสร้างปัญหาให้นายต่อ”  แต่ถึงปากจะพูดเช่นนี้ออกไป แต่ภายในใจไม่มีใครอยากอยู่ห่างจากคนรักจริง ๆ หรอก แม้บอกทางแก้ปัญหาออกไป แต่ในใจก็ยังหวังให้ชายหนุ่มยื้อ ที่เฟยฮวาเว้นวรรค ไม่พูดประโยคต่อก็คือกำลังรอให้อีกคนหันมาแล้วบอกว่าอย่าไป คนน้ำตาไหลยังหลงเหลือความหวังว่าจะได้ยินประโยคสั่งห้าม แต่คนที่เป็นความหวังเดียวกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง น้ำตาจึงยิ่งทิ้งตัวอัตโนมัติ

ดันเผลอคิดว่าอีกคนคงไม่ต้องการกันจริง ๆ แล้ว แววตาที่มองเห็นดูพร่าเลือน ภาพแผ่นหลังกว้างเหมือนไกลออกไปในความรู้สึกระหว่างนึกได้แต่เรื่องที่ทำให้ตัวเองยิ่งเสียอกเสียใจ เบะปากร้องไห้จนหลุดสะอื้นก่อนยืนก้มหน้า

จนมะตูมรีบลุกขึ้นมา แต่สหรัฐคว้าแขนว่าอย่าได้เดินเข้าไปยุ่งเรื่องของคนสองคน

แขกของบ้านจำต้องทนมองสีหน้าตายด้านของคนใจร้ายขณะมีผู้ชายร่างบางอีกคนนึงยืนร้องไห้อยู่เบื้องหลัง ทั้งที่ก็อยากช่วยแต่ด้วยสถานะคนนอกมันค้ำคอ   

“ตะ แต่ก่อนจะไป ขอให้ฉันได้ทำแผลให้นายก่อนเถอะนะ ให้ฉันได้ตอบแทนนายสักหน่อยก็ยังดี”  น้ำเสียงสั่นเครือกล่าวถึงข้อเสนอสุดท้ายเพราะลึก ๆ แล้วก็อยากถ่วงเวลาไว้อีกสักนิด อ้างการปฐมพยาบาลเพราะอยากมองใบหน้าคนรักให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย  “ให้ฉันช่วยเถอะนะ แล้วฉันสัญญาว่าจะไม่มีวันลืมบุญคุณนายเลย”

“พี่เฟยฮวา…”  คำพูดแบบนั้นพอใครได้ฟังก็อยากเข้าไปกอดปลอบ ก่อนเจ้าของชื่อจะยิ้มบาง ๆ ตอบร่างเล็กที่แสดงสีหน้าเป็นกังวล จนอาจจะดูมากกว่าคนที่ยืนหันหลังให้ด้วยซ้ำ

เฟยฮวาใช้หลังมือปาดน้ำตาออกลวก ๆ  “งั้นเดี๋ยวฉันไปเอากล่องยามาทำแผลให้นะ” 

สองขาล้ารีบเดินออกมาโดยที่ยังไม่รู้เลยว่ากล่องยาที่ว่านั้นปกติแล้วอยู่ไหน คนกำลังจะไร้บ้านหลงทิศหลงทางและยืนคว้างอยู่ตรงกลางทางเดินโล่ง ๆ ขณะน้ำตาไหลระลอกใหม่ จนเด็กรับใช้ที่เดินผ่านมาตกใจและเห็นท่าทางไม่ดีเลยรีบเข้ามาสอบถามว่าเป็นอะไร ร่างบางจึงปากปัดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและได้โอกาสถามว่ากล่องยาหาได้จากที่ไหน 

“เดี๋ยวหนูไปหยิบให้เองดีกว่าค่ะ”  เฟยฮวาพยายามฝืนส่งยิ้มให้คนที่ยังไม่รู้ว่าตนกำลังจะกลายเป็นอดีตเจ้านายของบ้าน  “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปเอาเอง”  ร่างบางรีบเร่งฝีเท้าก้าวห่างออกมาขณะเดินเลี้ยวลดตามที่หญิงสาวอีกคนบอก จนเจอกล่องยาสามัญในตู้กระจกติดผนังและทั้ง ๆ ที่ตู้มันก็ไม่ได้อยู่สูงมาก แต่สงสัยเป็นเพราะกำลังเหนื่อยกายไม่ใช่แค่ที่ใจ เฟยฮวาถึงพยายามเขย่งเท้าเท่าไหร่หรือเอื้อมมือแค่ไหนก็ไม่ถึงเป้าหมายสักที ขัดใจจนพาลทำให้น้ำตาไหลซ้ำ พอจับขอบตู้ได้ก็ดันล้ม นั่งก้มหน้ากับพื้นขณะโทษตัวเองว่าไม่เอาไหน

ไหล่แคบสั่นราวกับมีธรณีพิบัติภัยเกิดขึ้น จะยืนก็อ่อนล้า แข้งขาไม่ยอมขยับขณะปริมาณน้ำตาก็กำลังจะทำให้เกิดอุทกภัย สำหรับเสี่ยวเฟยฮวาแล้วโลกทั้งใบกำลังค่อย ๆ ล่มสลาย

หลายอย่างประดังประเดเข้ามา เหนือกว่าการซัดเซพเนจรเช่นคนไร้บ้านคือจะทนอยู่กับการขาดอาชาได้อย่างไร ในเมื่อก่อนหน้านี้มีชีวิตยี่สิบสี่ชั่วโมงที่แชร์ร่วมกัน หันไปทางไหนก็เจออยู่ในสายตาตลอด แล้วนับจากนี้จะให้นอนกอดใคร ไม่เคยแม้แต่จะซ้อมการกลับไปใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียว ลืมเลือนวิธีการการเดินเดี่ยว ๆ ท่ามกลางผู้คนมากมาย 

จะอยู่ต่อไปได้ยังไงในเมื่อขายแม้แต่จิตวิญญาณให้อีกคนไปจนหมดสิ้น     

“ไหนว่าจะมาเอายาไปทำแผลให้ฉัน…”  เฟยฮวารีบหันมองเจ้าของประโยคคำพูดเย็นชาด้วยความร้อนรน ก่อนพยายามลุกขึ้นยืนและยื่นมือจะหยิบกล่องยาในตู้ให้จงได้ ระหว่างร้องไห้ไปก็เขย่งปลายเท้าสุดแรงก่อนจะถูกมือถลอกปอกเปิกแย่งหยิบกล่องปฐมพยาบาลไปต่อหน้าต่อตา

“ฉันขอโทษ”  คนร่างบางกลับมายืนก้มหน้าแล้วจิกเล็บกับฝ่ามือหลังทำตามคำกล่าวของตัวเองไม่ได้  “ฉัน ขะ ขอโทษนะอาชา”  ยิ่งพูดเหมือนจะยิ่งขาดใจ เสียงขาด ๆ หาย ๆ ในยามหลับตา จะยื่นมือออกไปขอกล่องยาก็ไม่กล้าเช่นเก่า จะเอายังไงต่อไปก็ไม่ได้ทันคิดเหมือนกัน

“หยุดร้องไห้เฟยฮวา”

“เปล่านะ ฉันไม่ได้ร้อง”  สองมือรีบยกขึ้นปาดน้ำตาต่อหน้าพ่อค้าอวัยวะที่มีสีหน้าผ่อนคลายกว่าเก่า แต่ยังขาดความขี้เล่นและเป็นอีกคนนึงซึ่งทำให้ร่างบางหวาดกลัวจนตัวหดเหลือคืบ ยามจะเอ่ยขอเลยละล้าละลัง เงยใบหน้าแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย  “ขอกล่องยาให้ฉันเถอะนะ”

ยื่นฝ่ามือออกไประหว่างกลั้นลมหายใจอยู่นาน เฟยฮวายืนรออีกคนอนุญาตอย่างคนขาดความมั่นใจและน้ำตาไหลเพราะรู้สึกเสียใจอีกครั้ง จนกระทั่งเสียงสวรรค์ดังอยู่ตรงหน้า เป็นพ่อค้าอวัยวะที่เดินเข้าหาแล้วยัดหูหิ้วกล่องยาใส่อุ้งมือขาว  “อยากได้ก็เอาไปสิ” 

อาชาเหมือนเทพบุตรที่สวมชุดของซาตาน ดวงตาเย็นชานั้นจ้องเฟยฮวาไม่กะพริบยามปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำของตัวเองอย่างไม่รีบร้อนไปด้วย ค่อยแหวกรอยแยกของผ้าให้คนยืนเช็ดน้ำตาได้เห็นถนัด ๆ รอยกรีดจากของมีคมพาดเป็นทางยาวแนวนอนบริเวณลอนกล้าม   

“จะทำแผลให้ฉันไม่ใช่เหรอ"  เห็นร่างบางมัวแต่ยืนมองจึงทักท้วงขึ้นมา ทำเอาคนน้ำตาคลอด้วยความเป็นห่วงรีบพยักหน้าตอบรับ เฟยฮวาจับกล่องยาแล้วพยายามจะเปิดมันอย่างผิด ๆ ถูก ๆ ลุกลี้ลุกลนจนเปิดได้แต่กลายเป็นทำข้าวของด้านในร่วงหล่นกระจัดกระจาย

เดือดร้อนให้ต้องรีบคุกเข่าและก้มลงเก็บเป็นพัลวันท่ามกลางเสียงถอนหายใจที่ดังเคล้าอยู่ในบรรยากาศและเฟยฮวาก็รู้ดีว่านั่นเป็นเสียงผ่อนลมหายใจที่แสนเหนื่อยหน่ายของอาชา 

“แค่เปิดกล่องยายังทำไม่ได้ แล้วนายจะใช้ชีวิตข้างนอกยังไงเฟยฮวา”  คำถามที่เอนเอียงไปในเชิงเหยียดหยามทำให้คนอยู่ต่ำกว่าเม้มปากระหว่างพยายามจะเทแอลกอฮอล์รดสำลีด้วยมืออันสั่นเทา และเผลอเอาราดรดมือตัวเองจนชุ่มและเหือดแห้งไป สิ่งเดียวที่หยดลงบนหลังมือแล้วไม่สลายก็คือน้ำตาและมันไหลบ่าเมื่อคนยืนอยู่เอ่ยประโยคที่เฟยฮวารอมาตลอดหลายสิบนาที  “คิดว่าฉันจะยอมปล่อยให้นายไปง่าย ๆ หรือไง”

“ลุกขึ้นมา”  เฟยฮวาช้อนนัยน์ตามองคนออกคำสั่งทันที แล้วส่งสายตาถามว่าฉันไม่ได้มีอาการหูฝาดไปเองใช่ไหม ร่างบางรอจนแน่ใจว่าอาชาจะไม่เปลี่ยนคำพูด จึงลุกขึ้นแล้วยืนรอว่าคนตรงหน้าจะเอ่ยอะไร  “กอดฉัน”  ทำนบน้ำตาทลาย น้ำตาล็อตแรกกลายเป็นเด็ก ๆ ไปเลย ร่างบางรีบเดินเข้าสวมกอดคนเอ่ยอย่างไม่ลังเลใด ๆ

ท่อนแขนขาวโอบรอบแผ่นหลังกว้างไว้แน่น แหงนคางเกยบ่าหนาแล้วส่งเสียงสะอึกสะอื้นออกมาโดยไม่อายใคร “ขอโทษ ฉันขอโทษที่พาลใส่นาย”  โดยมีฝ่ามือใหญ่คอยลูบแผ่นหลังบางอย่างปลอบประโลม ยกขึ้นลูบผมเส้นหนาสลับกันไปมาขณะหลุดยิ้มเวลาโดนทุบคืน อาชายืนให้ร่างบางแก้แค้นทุบตามร่างกายได้ตามสบาย ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนมากกว่าเก่า เหมือนแผลมันถูกปล่อยไว้นานจนเข้าสู่ระบบด้านชาไปเองโดยปริยาย

ก็ใช่ที่ว่าเจ็บ แต่มันไม่เจ็บเท่ากับตอนได้ยินถ้อยคำตัดพ้อต่อว่าตัวเองเป็นตัวปัญหาของร่างบาง พ่อค้าอวัยวะไม่เคยคิดว่าการพยายามกางปีกป้องปกอีกคนเป็นเรื่องที่ทำให้เดือดร้อนหรือนำภัยมาสู่ตัว และสิ่งเดียวที่ตนกลัวก็คือการคุ้มครองดวงใจไว้ไม่ได้ บางทีเฟยฮวาอาจลืมไปแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันมีการเอาคืนตามประสาลูกผู้ชายผสมเข้ามาด้วย ซึ่งต่อให้มีการโยกย้ายไล่กันออกจากบ้าน ก็ใช่ว่าสงครามแห่งศักดิ์ศรีจะจบลงโดยทันที 

“ฉันผิดไปแล้ว เฟยฮวายกโทษให้ฉันนะ”     

“นะ นายไม่ผิดหรอก ทุกอย่างมันผิดที่ฉันเอง ฉันเป็นคนนำความเดือดร้อนมาให้นาย”  ปัดป่ายหน้าแก้มกับเนื้อผ้าบริเวณไหล่ แล้วผละร่างออกเปลี่ยนเป็นประคองเอวพ่อค้าอวัยวะไว้หลวม ๆ  “ถ้าฉันไม่อยู่สักคน ชีวิตนายอาจจะดีขึ้นกว่านี้ก็ได้”  เบะปากจนพ่อค้าอวัยวะนึกเอ็นดู 

“เด็กโง่ แล้วนายคิดว่าจะไปอยู่ที่ไหน ในเมื่อฉันคือบ้านของนาย”  ฝ่ามือใหญ่ใช้เป็นกระดาษซับความเปียกปอนที่แก้ม ส่วนเฟยฮวาก็ยังแอบงอนน้อย ๆ แต่พอได้อีกคนคอยช่วยเช็ดน้ำตาก็ใจอ่อน แพ้รอยยิ้มกะล่อนที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมา สงสัยพ่อค้าอวัยวะคงหายหงุดหงิดจากเรื่องนอกบ้านแล้ว 

“ฉันขอโทษที่เห็นแก่ตัวนะ แต่ว่าฉันไม่อยากไปจากนายจริง ๆ”  สิ่งที่เลือกมีผลดีกับตัวเองแต่เป็นผลร้ายกับชายคนรักแน่นอน และเฟยฮวาก็ยังเลือกเอาความสุขของตัวเองก่อนทั้งที่รู้ว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้อาชามีชีวิตแบบผ่อนส่ง จะตกนรกหรือขึ้นสวรรค์เมื่อไหร่ก็ไม่รู้   

“ไม่เป็นไร นายไม่ได้เห็นแก่ตัวคนเดียวสักหน่อย”  ก้านนิ้วยาวปัดปอยผมที่บังหน้าออกให้แล้วเกลี่ยผิวใบหน้าแดง ๆ เล่นอย่างเพลิดเพลิน  “นายอาจจะยังต้องร้องไห้เพราะฉันอีกมาก”  คนเดินทางผิดก็ต้องใช้ชีวิตแบบผิด ๆ และสิ่งที่ตามติดมาก็คือความตาย อาชาตระหนักและเข้าใจว่าพญามัจจุราชเริ่มเคลื่อนไหว จ้องจะทำลายและหมายเอาชีวิต

“ฉันขอโทษที่ทำให้เสียใจ แต่ถ้าฉันยอมปล่อยให้นายไป มีหวังฉันได้ขาดใจตายแน่”

ฝ่ามือใหญ่โอบศีรษะกลมเข้าหาตัวด้วยความแผ่วเบาขณะอีกคนพร้อมก้าวชิด กอดกันจนแนบสนิทท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อย ๆ คลี่คลาย หวังว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดีในเร็ววัน       









“พี่เฟยฮวาจะเป็นอะไรหรือเปล่า”  ร่างเล็กนั่งแทบไม่ติดขณะชะเง้อชะแง้ แต่แย่หน่อยที่คอสั้น มะตูมก็เลยไม่ทันได้เห็นอะไร ก่อนจะโดนคำพูดของหมอดึงความสนใจ  ดวงตากลมโตมองสีหน้าคนเอ่ยประโยค  “คิดว่าคนอย่างไอ้อาชาจะกล้าซ้อมเมียที่รักหรือไง”  ด้วยท่วงท่าสบายๆแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า ยามความกังวลยังค้างคาตกตะกอนในใจ 

“แต่เมื่อกี้เขาดูอารมณ์เสียมากเลยนะครับ”   

“ที่เดินตามไปก็คงไปขอปรับความเข้าใจนั่นแหละ”

“แต่ว่า…”

“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”

“ผมสิบแปดแล้ว” 

“ได้ไง?”  สหรัฐสงสัยเสียงสูงขึ้นมาพร้อมขยับท่านั่ง จากหลังพิงพนักอยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนมานั่งตัวตรง บ่งบอกถึงความกระตือรือร้นและความอยากรู้เต็มที่  “นี่อย่าบอกนะว่าวันนี้เป็นวันเกิดนาย…?”  มะตูมไม่ตอบแต่จ้องหน้าคืน แล้วเลื่อนสายตาขึ้นตามการยืนเต็มความสูงของอีกคน  “เป็นวันเกิดทั้งทีไหนนายบอกมาสิว่าอยากได้อะไรล่ะ เค้ก ของขวัญ เพิ่มเงินเดือน?”

ร่างเล็กเคลื่อนหน้าซ้ายขวาเล็กน้อยเพื่อปฏิเสธน้ำใจ ไม่ได้รู้สึกเสียดายเพราะไม่ได้ต้องการข้าวของตั้งแต่แรก ก่อนจะทำให้สหรัฐแปลกใจด้วยการขอให้ช่วยพาไปที่ ๆ หนึ่ง ซึ่งค่อนข้างอยู่ห่างจากตัวเมืองกรุงไปไกลและในที่สุดสี่ล้อยานยนต์ก็หยุดจอดในบริเวณลานปูนขนาดไม่กว้างสร้างเป็นที่จอดรถแค่ชั่วคราว ก่อนจะต่างคนต่างถือเอาช่อดอกไม้เล็กๆลงจากรถ คนเป็นหมอขยับเดินเสมอร่างเล็กแล้วถามด้วยความสำรวมว่านายมาที่นี่บ่อยเหรอ   

ส่วนมะตูมก็แค่พยักหน้าแล้วอธิบายต่อด้วยประโยคยาว ๆ อีกว่าถ้ามาเองต้องนั่งรถประจำทางหลายต่อหลายต่อ และต่อจะให้ยากเย็นหรือลำบากกว่านี้ ก็จะดั้นด้นมาอย่างไม่ลดละ เพราะร่างเล็กกลัวว่าคนเป็นมารดาจะเหงา เขามักมาในวันอื่นด้วยนอกเหนือจากวันเกิด

คนสองคนกำลังเดินโดยปราศจากเสียงพูดคุยยามย่างเข้ามาในสถานที่สงบร่มเย็นเพื่อถือเป็นการให้เกียรติและไม่รบกวนเหล่าผู้เสียชีวิตซึ่งมีป้ายชื่อปักไว้ให้ดูต่างหน้าพร้อมข้อความอาลัยรักอยู่บรรทัดล่างสุด

สุสานคือสถานที่ฝังร่างของคนที่เรารักและยังคงอยู่ในความทรงจำ คนรู้ทางเดินนำชายหนุ่มซึ่งเดินตามขึ้นเนินเขาลูกเตี้ย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เสมือนเต็มไปด้วยเสียงร่ำไห้และความเสียใจ แต่มะตูมก็ยิ้มออกด้วยความดีใจยามได้เห็นป้ายชื่อคุ้นตาที่ช่างแสนคิดถึง

แล้วการที่ร่างเล็กก้มลงวางช่อวางดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ก็คล้ายเป็นการบอกอีกคนให้เข้าใจว่าได้มาถึงสถานีปลายทาง คนร่างสูงกว่ารอให้คนเป็นลูกชายเดินถอยออกมา แล้วค่อยก้าวเข้าไปความเคารพใกล้ ๆ และวางช่อดอกไม้ไว้เคียงข้างกับดอกไม้อีกช่อ
“ตามสบายนะ”  ไม่จำเป็นเอ่ยขอ คนเป็นหมอก็พร้อมจะให้เวลากับคนร่างเล็กเต็มที่

สหรัฐยืนหลบฉากและยืนห่างออกไปเพื่อให้มะตูมได้มีความเป็นส่วนตัวกับคนเป็นแม่ที่แม้จะสลายกลายเป็นเนื้อเดียวกับหน้าดินหลังจากสิ้นอายุไข แต่สำหรับร่างเล็ก มารดายังคงมีตัวตนภายในจินตนาการเสมอ พบเจอได้บ่อยครั้งในความฝันอันแสนงดงาม
“แม่สบายดีไหมครับ”  ถามด้วยประโยคเดิม เริ่มต้นเหมือนครั้งแรกที่จำต้องแบกร่างไร้วิญญาณมาฝังกลบเอาไว้ที่นี่  “วันนี้ผมอายุสิบแปดเต็มแล้วนะ ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมได้เกิดมา”  มะตูมชอบเล่าเหมือนเคย เอ่ยทั้งที่รู้ว่าอีกคนจะไม่ตอบกลับมา แต่แม่ก็ถือว่าเป็นผู้ฟังที่ดีมาโดยตลอด …เป็นเหมือนผู้กุมความลับ ทุกความรู้สึกทุกประโยคบอกเล่าที่ระบายออกไป มะตูมมั่นใจว่ามารดาจะไม่เอาไปบอกใครต่อแน่นอน   

“ผมพาเขามาให้แม่รู้จักด้วย เขาชื่อสหรัฐครับ เขาเป็นคนที่คอยช่วยเหลือผมเอง”  ร่างเล็กแค่หันมองใบหน้าคนที่ยืนอยู่ห่าง ๆ อย่างกับรู้ว่ากำลังถูกพูดถึง สหรัฐจึงยกยิ้มอ่อนโยนจนเป็นมะตูมที่ต้องหลบหน้า หันกลับมามองป้ายชื่อด้วยอาการใจเต้นเหมือนเป็นโรคหัวใจ

“เขาเป็นคนดีครับ สำหรับผมน่ะนะ”  เสียงนุ่มว่าติดตลก ก่อนนัยน์ตาจะสลดไปเมื่อต้องเริ่มพูดอะไรที่เป็นการโกหก  “พ่อสบายดีครับ พ่อกำลังพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อผมอยู่”   

“อีกอย่างผมใกล้จะเรียนจบแล้วนะครับแม่”  เพื่อแค่ทำให้คนตายสบายใจ ต่อให้ต้องโกหกพกลมใหญ่โตคนเป็นลูกก็พร้อมจะทำ เพราะยามมีก็มีกันอยู่เท่านี้ แล้วจะให้ไปถนอมน้ำใจใครที่ไหน     

“ผมคิดถึงแม่นะ”  ไม่คิดว่าประโยคธรรมดาจะเรียกน้ำตาได้ แต่มันก็แค่คลอเบ้าและไม่ได้ไหลอย่างเป็นจริงเป็นจัง ร่างเล็กยิ้มหวานเท่าที่จะหวานได้ เพราะอยากให้คนเป็นแม่ที่อาจจะอยู่บนสรวงสวรรค์จดจำภาพลักษณ์ตัวเองที่มีแต่ความสดใส  “แล้วผมจะดูแลพ่อเอง แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ แล้วผมจะช่วยดูแลเขาให้เองอีกที”  มีแต่คนตายเท่านั้นแหละที่ไม่รู้ว่าลูกชายกำลังฝืนเข้มแข็ง สหรัฐจึงจำต้องแทรกเข้ามาเพื่อเป็นเสาหลักให้ร่างเล็กพักพิง 

ยามยืนจ้องมองอยู่เบื้องหลัง คนอื่นอาจจะเห็นว่าแผ่นหลังเล็กนั้นช่างนิ่งสงบสมเป็นลูกผู้ชาย แต่ตนกับเห็นได้แต่ความเปราะบางและอาการตัวหดเล็กลงอย่างกับรับน้ำหนักโลกทั้งใบไว้ที่บ่า จนกลัวว่าจะล้มต่อหน้าหลุมศพคนเป็นมารดา หลังจากลั่นวาจาว่าจะรับช่วงดูแลต่อ สหรัฐเอ่ยขออนุญาตคุณแม่ร่างเล็กในใจ

ก่อนขยับเข้าใกล้และยืนในตำแหน่งขนาบข้างแล้วค่อยสอดมือจับกับมือเล็กที่เกร็งขึ้นมา

มะตูมเหมือนจะสะบัดออก แต่พอคนเป็นหมอหันมองแล้วส่งรอยยิ้มกว้างให้จนดวงตากลายเป็นสองขีด ริมฝีปากอิ่มก็คล้ายจะแย้มยิ้มตามโดยคงความเป็นธรรมชาติมากกว่าฝืนทำ

ก่อนดวงตากลมจะก้มลงมองตามการโค้งคำนับ สหรัฐทำความเคารพป้ายหลุมศพอีกครั้งก่อนประกาศดังๆออกมากว่าคราแรกว่าจะแบกรับการดูแลโดมะตูมด้วยความเต็มใจ

โดยมีสายลมโบกและหญ้าสีเขียวโยกไหวเป็นระลอกคลื่น คนสองคนยืนจับมือกันท่ามกลางพยานนับร้อยพันร่าง แม้แต่มารดาที่อยู่บนสรวงสวรรค์ก็ยังรับรู้และร่วมยินดี

สุสานไม่มีดอกไม้ขึ้นมานาน แต่ดอกรักกำลังเบ่งบานที่นี่










--------------------------------------------
หลังจากนี้จะพยายามเขียนทอร์คให้ยาวขึ้นนะคะ อาจจะเป็นการบ่นขิงข่าอะไรไปเรื่อย เพื่อที่ว่าเราจะได้รู้สึกใกล้กันอีกนิดนึง ด้วยแนวนิยายที่เขียน(เข้าถึงยาก) บวกกับที่ผ่านมาๆไม่ค่อยพูดเลยกลัวนักอ่านจะคิดว่าตุ๊กติ๊กเย็นชาและไม่น่าคบ ฮ่า ตุ๊กติ๊กมาอย่างสันติและเป็นมิตรมั่กๆค่ะ ออกจะแบ๊วๆด้วยซ้ำ ʕథ౪థʔ  ขอบคุณสำหรับยอดวิวและคอมเม้นด้วยน้า ส่วนรายละเอียดหนังสือเมื่อไหร่ยังไงเดี๋ยวมีการแจ้งให้ทราบแน่นอนค่ะ อันนี้เป็นทวิตเตอร์สำหรับอัพเดตนิยายของตุ๊กติ๊กค่ะ  @9crimessss สามารถกดติดตามได้น้า ขอบคุณอีกครั้งค่า จุ๊บ
Tag  #PONR  #เดินหน้าลูกเดียวไม่มีเหลียวหลัง
ติดตามข่าวสาร
◕‿◕。 นิยายที่แต่งจบแล้ว ---> เหมายัน  ลั่นดาล 

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVI (09/11)
«ตอบ #72 เมื่อ09-11-2018 22:40:55 »

หันหลังไม่ได้แล้วจริงๆ เพราะใจมันไปข้างหน้าแล้ว

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVI (09/11)
«ตอบ #73 เมื่อ10-11-2018 01:02:15 »

สงสารอ่ะ น้องเค้าร้องไห้เยอะสุดจากทุกตอนเลย  :hao5:

ออฟไลน์ Panizzz3838

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVI (09/11)
«ตอบ #74 เมื่อ10-11-2018 02:19:07 »

ปักกหมุด :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVI (09/11)
«ตอบ #75 เมื่อ10-11-2018 19:55:16 »

ฮึ่ยย นึกว่าอาชาจะทิ้งน้อง  :hao5:

ออฟไลน์ Panizzz3838

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVI (09/11)
«ตอบ #76 เมื่อ10-11-2018 23:18:52 »

 :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVI (09/11)
«ตอบ #77 เมื่อ15-11-2018 22:08:42 »

XVII




ผ่านมาเป็นอาทิตย์ อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ 

“แต่นายน่าจะพักอยู่บ้านมากกว่านะ”     

“ฉันไหวน่า” 

มันห้าครั้งเข้าไปแล้วที่เฟยฮวาได้ยินคำตอบแนว ๆ นี้จากปากอาชาและจะไม่มีหนที่หกแน่นอน เพราะคนเป็นห่วงชักงอนคนชอบฝืนสังขาร แทนที่จะพักอยู่บ้านให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย แต่ก็ยังคอยแต่จะฝ่าฝืนคำสั่งหมอมาตามคำชวนเชิญงานสังสรรค์ ซึ่งร่างบางก็ไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน

ก็แค่งานที่พวกใส่สูทสวมหน้ากากเข้าหากัน มาพร้อมภรรยาอวดเครื่องเพชร แล้วความจริงตนก็ไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ แต่เพราะห่วงพ่อค้าอวัยวะที่พร่ำบอกว่าถ้าไม่ติดต่อกับคนอื่นบ้าง วันหลังจะลำบากได้ในการทำธุรกิจ คนไม่มีหัวคิดทางด้านการค้าอย่างตนเลยต้องมาดูแล

“อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวฉันเดินไปเอามาให้”

“นายน่ะอยู่เฉย ๆ ไปเลย ฉันคือคนที่สบายดี แต่นายไม่ใช่”  อาชายักไหล่หลังถูกเหน็บกลาย ๆ ว่าไม่เจียมบอดี้  ทำทียักไหล่แล้วยอมปล่อยให้ร่างบางเดินห่างไปไกลเพื่อหาอะไรมาให้กินรองท้อง บอกเลยว่าออกมานอกบ้านตนก็ยังต้องกินยาแก้ช้ำตามคำสั่งหมออยู่ดี โดยมีพยาบาลเฟยฮวาคอยตามประกบสามเวลาหลังอาหาร เรียกว่าบริหารจัดการจนไม่เคยขาดยาสักเม็ดและร่างบางก็เป็นคนแรกในชีวิตที่เฝ้าทวงถามอาการบาดเจ็บด้วยความห่วงใย ใส่ใจในทุก ๆ ชั่วโมง จนทำให้รู้ว่าคงจะหาคนสวยแล้วยังใจดีแบบนี้จากที่ไหนไม่ได้อีก

พ่อค้าอวัยวะอยากรู้จังว่าร่างบางเอาปีกไปซ่อนไว้ที่ไหน พยายามมองทั่วแผ่นหลังแคบเท่าไหร่แต่ก็ไม่ยักจะเจอสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นนางฟ้า ขอบคุณสรวงสวรรค์ที่ปล่อยให้เฟยฮวาตกลงมาจนเจอเข้ากับมนุษย์ธรรมดาอย่างตน …คนที่โชคดีที่สุดในชั่วโมงนี้

“กินซะ จะได้กินยาหลังอาหารตาม”  เฟยฮวาเดินกลับมาพร้อมจานของว่างอย่างละชิ้นสองชิ้นและยืนถือจานเพื่อรอให้คนตรงหน้าหยิบไปกินขณะมองตามไม่คาดสายตา   

“นายกำลังทำฉันหมดมาดที่สั่งสมมานานรู้ไหม”  มานึกได้เมื่อสายหลังหยิบอะไรเข้าปากอย่างลืมตัว ความน่ากลัวที่คนอื่นเชื่อว่ามีอยู่มากมายถูกลบล้างมลายสิ้นหลังจากเผลอแสดงพฤติกรรมคล้าย ๆ จะกลัวเมีย หรือเรียกอีกอย่างแบบไม่ให้ดูเสียเชิงชายก็คือเคารพ

“นายจะร้ายกับใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่กับฉัน” 

“คิดว่าสั่งฉันได้?”  ชายหนุ่มย้อนถามน้ำเสียงเจ้าเล่ห์เพทุบาย  “นายสั่งฉันได้ก็เฉพาะตอนอยู่บนตัวฉันเท่านั้นแหละ”  อาชาจีบปากแล้วหรี่ตา ส่ายหน้าเหมือนจะบอกกลาย ๆ ว่าเวลาอื่นร่างบางหมดสิทธิ์เป็นใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันเฟยฮวาก็กลับไม่คิดเช่นนั้น 

“งั้นเดี๋ยวจะทำให้ดู”  เวลาไม่มีน้ำตาดูปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาจนนึกว่าคนละคน งดงามจนพ่อค้าอวัยวะไม่ยอมละสายตา มองกี่ครั้งก็ยังเพลิดเพลินกับอากัปกิริยาที่เคลื่อนไหว เสน่ห์อะไรก็ตามที่ปั้นตัวร่างบางขึ้นมากำลังทำให้ช่วงขายาวขยับเดินเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัวอีกตามเคย

เรื่องเกือบจะลงเอยด้วยการจัดโชว์พลอดรักแขกเหรื่อ แต่เมื่อเฟยฮวาแบมือจนเผยให้เห็นเม็ดยาหน้าตาคุ้น ๆ อาชาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางหันหน้าหนีไปทางอื่น ยืนถือแก้วไวน์หนึ่งข้าง แล้วเอามืออีกหนึ่งข้างยัดใส่กระเป๋ากางเกงต่อหน้าต่อให้ร่างบางเห็นเลยว่ามือไม่ว่างแล้ว       

“กินยา”  จนโทนเสียงยะเยือกออกคำสั่งอย่างชัดเจน และเป็นพ่อค้าอวัยวะที่หายใจฟึดฟัดขัดใจเหมือนเด็กชายเวลาแม่บังคับให้กินผัก คนต้องกินยาตามคำสั่งหมอยึกยักลีลา อิดออดและพยายามอ้อนขณะเฟยฮวาเรียกเด็กเสิร์ฟให้มาเอาจานเก่าไปแล้วคว้าแก้วน้ำเปล่ามาใหม่

มือขาวดึงแก้วไวน์ออกจากมือที่ใหญ่กว่าอย่างถือวิสาสะ ยัดยาใส่ฝ่ามือแล้วยื่นแก้วน้ำธรรมดาให้ตามลำดับ บังคับนิ่ม ๆ ด้วยการยิ้มแบบอ่อนหวาน แต่คนอยู่ด้วยกันมานานรู้ว่านี่ไม่ใช่โหมดใจดี และก่อนที่จะมีการเปิดศึกภรรยาตบตีสามีโชว์ต่อหน้าประชาชน นั่นเพราะพ่อค้าอวัยวะไม่อยากให้เป็นเรื่องกลางงานหรอกนะ ถึงได้ยอมกรอกเม็ดยาลงคอแล้วตามต่อด้วยน้ำเปล่าหลายอึก มีการแลบลิ้นโชว์ว่ากลืนลงลำคอแล้วพลางคว่ำแก้วให้ดูว่าไม่เหลือน้ำสักหยด

“พอใจแล้วใช่ไหม”  ประชดประชันซึ่ง ๆ หน้าแต่ถามว่าเฟยฮวาสนใจไหมก็ไม่เลยสักนิด 

“อยากไปเล่นซนที่ไหนก็ไปสิ”  แถมออกปากไล่จนอาชายกมือยกไม้ขึ้นมาชี้หน้า ยามเดินผ่านยังมีการกระซิบกระซาบส่งข้อความขู่ว่าเดี๋ยวรอกลับไปที่บ้านก่อน ตอนเดินเข้าไปร่วมกลุ่มคุยกับคนอื่นก็ยังไม่วายส่งสายตาขวางให้เฟยฮวาที่หันมองและยืนอยู่ห่าง ๆ จนเมื่อร่างบางหลุดยิ้ม ชายหนุ่มก็หลุดยิ้มขำตาม ทำเหมือนมีกันแค่สองคน

แล้วการแจกยิ้มเรี่ยราดก็ทำให้พ่อค้าอวัยวะโดนคนอาวุโสกว่าในกลุ่มแซวไปต่าง ๆ นานา โดยที่คนอยู่ห่างไกลออกมาก็ไม่รู้หรอกว่าพวกหัวนักธุรกิจกำลังคุยเรื่องอะไร ร่างบางแค่กำลังมีความสุขในแบบฉบับของคนที่ได้เฝ้ามองคนรัก จนเมื่อมีคนทักถึงได้หลุดจากภวังค์     

“ขอโทษนะครับ”

“ครับ?”  เฟยฮวาขานรับแล้วหันกลับมาเจอคนที่เอ่ยคำทักทายมาตรฐานเวลาต้องการจะเริ่มสานบทสนทนากับคนไม่รู้จัก 
“พอดีผมไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย เพิ่งเคยมางานนี้ครั้งแรกเหรอครับ” 

พวกที่กล้าเข้ามาสอบถามความเป็นไปของคนอื่น ตามทฤษฎีแล้วอย่างน้อยก็ต้องเป็นพวกที่มั่นใจในหน้าตาของตัวเองอยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งร่างบางก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าชายหนุ่มตรงหน้าหน้าตาดูดี แต่เผอิญว่ามีพันธะแล้วเลยได้แต่ตอบครับกลับตามมารยาท ขาดการส่งสายตาเชิญชวนและหวังว่าอีกคนจะรีบด่วนจากไปเมื่อเข้าใจว่าตนไม่พร้อมจะสานสัมพันธ์หรือสานบทสนทนาต่อ ในขณะที่ชายแปลกหน้าเองก็ถือคติท้อเป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร คิดจะเด็ดดอกฟ้าต้องใจกล้าหน้าด้านเข้าไว้ แถมเห็นยืนอยู่คนเดียวเลยยิ่งไปกันใหญ่ 

“แล้วคุณทำธุรกิจสายไหนครับหรือถ้าให้เดาผมว่าคุณคงมากับคุณพ่อ ...ใช่ไหมครับ?”

“มากับผัว”  ตัวยังอยู่ห่างแต่น้ำเสียงหวงกางนำมาก่อนเลย แล้วตอนยืนเผชิญหน้าไม่ลืมเอ่ยย้ำอีกที  “ฉันนี่แหละผัว”  จนคนที่คิดว่าร่างบางมากับพ่อหน้าหดเหลือสองคืบแล้วทำเป็นกระแอมไอกลบเกลื่อน เลื่อนมือด้านขวาคว้าแก้วไวน์ก่อนเดินตัดหน้าบริกรไปอย่างรีบร้อน 

“พูดจาอะไรของนาย น่าเกลียด”  เฟยฮวาลอยหน้าลอยตาต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก ส่วนคนอยู่ในห้วงอารมณ์หงุดหงิดถึงขั้นกัดฟันกราม เดินตามประกบร่างบางที่ยังดูใจเย็นในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย  “ฉันทำอะไรน่าเกลียดได้มากกว่านี้อีกนะเฟยฮวา”

พ่อค้าอวัยวะเดินขึ้นมาดักหน้าพร้อมทั้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง  “ทำตัวขี้เหร่สักวันน่ะเป็นไหม”  ร่างบางขอโทษที่เผลอหลุดยิ้มออกไป แต่เป็นใครก็ต้องกลั้นไม่อยู่หรอก

นอกจากตอนหลับที่ดูน่ารัก ก็ระหว่างที่หึงหวงเนี่ยแหละที่น่ารักยิ่งกว่า   

“นี่ฉันอุตส่าห์หมดห่วงที่ไอ้เวรนั่นไม่มาร่วมงานแล้วนะ”  นัยน์ตาขึงขังจ้องร่างบางราวกับจะข่มขู่ คิดไปเองว่าอยู่ในโหมดน่ากลัวและคนตรงหน้าต้องกลัวแน่ แต่แย่หน่อยที่ผลลัพธ์ไม่เป็นเช่นนั้น เฟยฮวาจิ้มชิ้นผลไม้ขึ้นมาจากจานแล้วยื่นให้อาชาที่กำลังเดือดปุด ๆ ชิดถึงริมฝีปาก

แล้วถ้าหากคิดว่าพ่อค้าอวัยวะจะปัดมือขาวทิ้งคุณคิดผิด เสิร์ฟให้ขนาดนี้แล้วมีหรือจะไม่กิน ถึงจะหงุดหงิดอยู่แต่ก็อ้าปากงับ เคี้ยวแอปเปิ้ลกรุบกรับทั้งใบหน้าเครียด ๆ ขณะร่างบางเองก็เพียรป้อนผลไม้ชิ้นใหม่ แต่สุดท้ายผลไม้ก็ไม่หวานเท่ากับคำพูดเบา ๆ ของเฟยฮวาหรอก 

“ฉันรักนายคนเดียวนะ” 

แววตาพ่อค้าอวัยวะลดความกร้าวลงแทบทันที แต่ยังมีความฉุนเฉียวให้เห็นอยู่หน่อย ๆ

จากหายใจแรงก็เปลี่ยนเป็นค่อย ๆ ผ่อนลม ยกมือขึ้นเสยผมยามเข้าใจว่าสุดท้ายแล้วตัวเองก็เผลอใจร้อนและทำนิสัยพาลอีกตามเคย  “ก็ลองรักคนอื่นดูสิ นายไม่มีหน้าได้ออกมาเดินแบบนี้อีกแน่”  อาชาแค่จะเอ่ยดักไปอย่างนั้น ไม่ได้หมายความว่าไม่เชื่อใจเฟยฮวาแต่อย่างใด 

ซึ่งคนฟังก็พยักหน้าเข้าใจ ไม่ได้ทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตด้วยการแง่งอนหรือตีตนออกห่างร่างบางแค่เอื้อมจับมือกร้านแล้วกุมไว้พลางยิ้มให้จนพ่อค้าอวัยวะรู้สึกแพ้ราบคาบ ท้ายที่สุดก็ทำเป็นเข้มกับอีกคนไม่ลง  “ฉันไม่เคยรักใครมากเท่านี้นะ หรือจะพูดว่าฉันไม่เคยรักใครเลยก็ได้”

“นายก็คือคนแรกที่ฉันรักเหมือนกันนะอาชา”

“พูดได้ดีนี่”

“หายหงุดหงิดแล้วใช่ไหม เอาผลไม้อีกสักหน่อยดีหรือเปล่า”

“เห็นฉันเป็นเด็กหรือไงที่ต้องทำให้ใจเย็นด้วยการกินเนี่ย”  พูดไปอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง อ้าปากรับผลไม้ที่คนเป็นเมียป้อนด้วยความเต็มใจ แล้วไม่หยุดพูดต่อด้วย  “คอยดูนะ ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่มันมองนาย”

“แล้วถ้าเป็นคนทั้งโลกเลยล่ะ นายจะทำยังไง นายฆ่าหมดไม่ไหวหรอก”

“งั้นฉันก็จะขังนายไว้แต่ในห้อง ไม่ให้ออกมาอีก”

“แค่ขังเหรอ? เสียใจจัง นึกว่าจะทำอะไรมากกว่านั้นซะอีก”

เห็นร่างบางฉีกยิ้มร้ายแล้วอาชาอยากยกฉายานางมารให้เลย  “นายนี่มันร้ายจริง ๆ นะ”  เฟยฮวาคงเป็นนางฟ้าที่ผ่าเหล่าผ่ากอและเป็นเหตุผลมากพอที่ทำให้ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจ 

“แล้วอยากให้ทำอะไรล่ะ”   

ร่างบางถูกถามกลับแต่เลือกไม่ตอบแล้วเดินหนีไปโซนเครื่องดื่ม ลืมว่ามากับสามีขณะที่ยกแก้วชนกับคนที่หลงเดินเข้าทักทาย สงสัยจะอยากเห็นงานพังเลยสร้างความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าไปทั่ว เดือดร้อนคนเป็นผัวที่ต้องแกล้งเกรี้ยวโกรธจนหมดพลังไปหลายขีด เที่ยวเดินบอกคนนู้นคนนี้ที่ว่าเฟยฮวามีเจ้าของแล้วระหว่างคนช่างยั่วก็ยังไม่หยุดโปรยเสน่ห์

อาศัยตอนทุกคนเทความสนใจไปที่หน้าเวทีมีชายแก่พูดอะไรสักอย่าง พ่อค้าอวัยวะพาร่างบางออกมาข้างนอกห้องจัดงานแล้วจัดการสำเร็จโทษ บดจูบริมฝีปากอิ่มในที่ลับตาคนอย่างดูดดื่ม จนอีกคนลืมว่าต้องต่อต้าน เฟยฮวาจูบตอบด้วยความสมยอมล้วน ๆ แถมเชิญชวนด้วยสายตาหวาน อยากให้สัมผัสกันนาน ๆ อาชากัดริมฝีปากนิ่มด้วยแววหยอกล้อ ครั้งเดียวไม่พอตามต่อด้วยรอบสอง จนอากาศที่ใช้หายใจเริ่มพร่องลงไป ถึงได้ผละห่างกันนิดหน่อย ร่างบางหลับตาแล้วค่อยลืมหลังจากที่อีกคนจุมพิตหน้าผากเสร็จ

เฟยฮวาเป็นฝ่ายเดินนำออกจากมุมอับขณะจับมือคนโรคจิตที่คิดจะบีบแก้มก้นนิ่มโดยไม่แคร์สายตาใคร พ่อค้าอวัยวะเป็นเหตุให้คนถูกลวนลามพยายามจะเดินหนีทั้งที่มือยังกุมกัน คนสองคนหันสบตาแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนร่างบางจะแอบสะดุ้งเพราะเสียงตบมือชุดใหญ่ เมื่อหันกลับมามองทางตรงหน้าก็ได้เห็นหยางไอที่ตอนแรกคนพูดถึงกันหนาหูว่าต้องรีบบินกลับไปจัดการปัญหาธุรกิจเองถึงประเทศบ้านเกิด คงไม่มีเวลามาเดินนวยนาดในงานวันนี้ให้ใครเห็น  แต่มันก็เป็นไปแล้ว เจ้าพ่อเงินกู้ยกโขยงคนมาจนอาชามองว่านั่นไม่ใช่ลางดี 

“กลับกันเถอะ”  พ่อค้าอวัยวะเดินนำหน้าแล้วกระชับมือนิ่มไว้มั่นตอนพาเดินผ่านคนที่ก็ไม่ได้ดูจะสนใจอยากเข้าไปร่วมงานสังสรรค์ที่จัดขึ้นภายในห้องเลยสักนิด 

“เวลาคนเรามีความรักเนี่ยน่าอิจฉาจังเลยนะ”  ขนาดก้าวพ้นรัศมีก็ยังมีประโยคที่เข้าใจว่าประชดประชันตามมากระทบแก้วหู  “…ฉันเองก็เคยรักนายแล้วก็ยังรักอยู่นะเฟยฮวา …แล้วฉันก็แค่อยากให้นายรู้ไว้ว่าฉันเสียใจเรื่องพ่อแม่ของนาย”  ถ้าคิดจะรั้งกันไว้ด้วยการพูดเรื่องในอดีตขึ้นมา ก็ถือว่าหยางไอทำสำเร็จโดยสมบูรณ์ ร่างบางหยุดก้าวแล้วหวนเดินเข้ามาใกล้อย่างไม่สนอาการตึง ๆ ของอาชา  “นายเป็นคนที่เล่นละครได้ไม่เก่งเลยนะหยางไอ แล้วการพูดขึ้นมาตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วด้วย”
“มีสิ เผื่อนายจะมีความสุขมากเกินไปจนลืมว่าเคยทำให้ใครตายมาก่อน  ฉันอยากให้นายจดจำไว้นะว่าพ่อแม่นายตายก็เพราะนาย และมันก็จะตายเพราะนายเป็นรายต่อไป”

“ขอบคุณที่ช่วยย้ำแต่ฉันจำทุกอย่างได้เสมอ”

“ก็ดี แล้วเวลาที่มันตายก็อย่าลืมร้องไห้จนกระอักเลือดตายตามมันไปด้วยล่ะ เพราะบางทีตอนนั้นฉันอาจจะไม่อยากได้นายคืนแล้วก็ได้”

“ฉันไม่เคยคิดจะกลับไปหานายอยู่แล้ว”

“ใจเด็ดเหมือนเดิมเลยนะ เพราะแบบนี้ไงฉันถึงได้รักนายนัก” 

“แต่ฉันไม่ได้รักนายและไม่เคยรัก”

“เรื่องนั้นฉันรู้ ไม่ต้องย้ำนักหรอกน่า”  หน้าตาคนสัญชาติจีนยังดูเจ้าเล่ห์เหมือนเก่า แต่ถ้ามองเข้าไปยังดวงตาจะเห็นถึงความอ่อนล้า ก็แน่ล่ะไม่ได้นอนจนจะครบสี่สิบแปดชั่วโมง แล้วก็คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าเป็นเพราะใคร ก็ไอ้พ่อค้าอวัยวะตัวดีนั่นแหละที่สร้างปัญหา

คิดว่าจะโค่นล้มอำนาจด้วยการบอกตำรวจพร้อมให้หลักฐานในการทำธุรกิจผิดกฎหมายของตน กะจะกวาดล้างธุรกิจที่พ่อตนพยายามสร้างขึ้นมาจนปั่นป่วนกันไปทั้งระบบ แล้วที่เลือกเดินทางมานี่ก็ใช่ว่าปัญหามันจบลงแล้วด้วยดี ยังมีอีกหลายปัญหารอให้กลับไปจัดการ แต่หยางไอแค่ต้องการจะนอนหลับโดยไม่มีภาพคนสองคนหยอกล้อกันภายในสมอง เลยต้องคิดหาทางทำอะไรสักอย่างที่เด็ดขาดกว่าทุกการกระทำที่ผ่าน ๆ มา   

“ฉันก็แค่อยากจะคุยกับนายเป็นครั้งสุดท้ายหน่อยน่ะ”  ไม่ต่างจากที่คาด หยางไอมองเห็นแววตาส่องประกายของคนที่คงดันเข้าใจว่าตนจะรามือ แต่ความจริงก็คือไม่มีวันนอกจากตายกันไปข้าง  “อย่าเพิ่งดีใจไปล่ะเฟยฮวา ฉันไม่เลิกรากับพวกนายสองคนง่าย ๆ แน่”

และเพราะว่ามันไม่มีประโยชน์จะอยู่ฟัง อาชาจึงรั้งข้อมือขาว จะพาก้าวเดินออกห่างจากอีกคนที่ยืนยิ้มเย็น แม้จะเห็นว่าพ่อค้าอวัยวะกับภรรยาเก่าของตนไม่ได้กำลังยืนกันแค่สองคนแต่กับมีลูกน้องเข้ามาสมทบยืนประกอบฉากด้านหลัง แต่หยางไอก็ยังเก่งยั่วยวนกวนโมโห   

ด้วยการคว้าข้อมืออีกข้างของเฟยฮวาไว้หวังสร้างโทสะ เจ้าพ่อเงินกู้หยิบยื่นสถานะคนกลางให้ร่างบางที่ยังทำสีหน้านิ่งดูดาย สิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวก็คงเป็นความสั่นของแก้วตากลม 

“ถ้านายอยากได้คำขอโทษล่ะก็ …ฉันขอโทษนะหยางไอที่หลอกนายมาโดยตลอด”  ได้มีโอกาสพูดอะไรแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ติดค้างต่อกันเพราะอย่างน้อยครั้งนึงหยางไอก็เคยให้ข้าวให้น้ำ ให้ความสะดวกเท่าที่จะให้ได้กับตน  “แล้วก็ขอบคุณมากที่ตอนนั้นยังปรานีฉัน”

“พูดแบบนี้แสดงว่าเริ่มคิดได้แล้วใช่ไหมที่รัก”

“ได้เวลาไปแล้วนะเฟยฮวา”  อาชาส่งเสียงคั่นกลางบทสนทนาแล้วดึงร่างบางเข้าหาตัว แต่สงสัยหยางไอจะกลัวน้อยหน้า กวนบาทาด้วยการดึงข้อแขนเฟยฮวากลับ ทำเหมือนกำลังยื้อแย่งของเล่นและคนที่หัวเสียก็ดูจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากคนยืนอีกฝั่ง  “ปล่อยแขนเมียกู”

มันเหมือนกำลังยืนดูหนังสงครามระหว่างประเทศจีนและประเทศไทย โดยมีชายงามเป็นชนวนของทุกสิ่ง เกิดศึกแย่งชิง แต่ไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดคำถามว่านายเลือกจะตามไปอยู่กับใคร เฟยฮวาตัดสินใจบิดข้อแขนออกจากมือหยางไอ ประกาศอ้อม ๆ ว่าเลือกอาชา

แล้วคนถูกปฏิเสธก็ไม่ได้ยื้อไว้ให้อยู่ต่อเหมือนตอนแรก ดวงตาขวางแค่มองฝ่ามือที่ยังรู้สึกอุ่น ๆ ของตัวเองก่อนซุกเข้าในกระเป๋ากางเกง และไม่เชิงตะเบ็งเสียงแต่ก็ได้ยินกันทั่ว  “ฉันขอโทษกับสิ่งที่ทำกับนายในอดีต แต่จะไม่ขอโทษกับสิ่งที่จะทำในอนาคตหรอกนะ”  ตอนนั้นเองที่แววตามุ่งมั่นมองเลยผ่านไปยังใบหน้าของอาชา  “เตรียมตัดชุดไว้อาลัยให้มันได้เลยที่รัก”
 




มีต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVI (09/11)
«ตอบ #78 เมื่อ15-11-2018 22:09:17 »




จริงอยู่ที่หยางไอชอบขู่จนกลายเป็นนิสัย แต่ไม่มีครั้งไหนที่แสดงออกถึงความเอาจริงเอาจังมากเท่าครั้งนี้มาก่อน ประโยคสุดท้ายที่อีกคนฝากไว้ทำให้ตลอดการเดินทางของเฟยฮวาเจือไปด้วยความกังวล นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาจนมือใหญ่สอดเข้ามากุมมือก็ยังทำแค่ยิ้มล้าตอบกลับ คนเครียดนิดหน่อยกำลังจะพูดว่าฉันไม่เป็นไร แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นถึงได้เข้าใจว่าพ่อค้าอวัยวะไม่ได้กำลังมองตน แต่คนข้างกายเอาแต่มองกระจกข้างซึ่งปรากฏบางอย่างที่ดูผิดสังเกต

“อะไรเหรอ”  เฟยฮวาถามอย่างสงสัย

“นายครับ”

“ฉันรู้แล้ว”  ลูกน้องที่ทำหน้าที่พลขับกับเจ้านายกลายเป็นรู้กันแค่สองคนเท่านั้น

อาชาหันมาบอกคนนั่งข้างกายแค่ว่าไม่มีอะไร โกหกได้ไม่เนียนเลยสักนิดทั้งที่ร่างบางเองก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ มีลางสังหรณ์ว่าจะเป็นเรื่องร้าย แล้วการหยุดรถอย่างกะทันหันก็ทำให้ข้อสันนิษฐานของเฟยฮวายิ่งดูจะกลายเป็นจริง รถสองคันที่ขับนำจอดแน่นิ่งเพราะมีสิ่งกีดขวาง   

“ลงไปดูซิ”  พ่อค้าอวัยวะสั่งให้คนขับรีบลงจากรถไปดู แต่วิ่งไปได้ไม่ไกลก็เดินวกกลับมาเปิดประตูทางด้านเจ้านายแล้วรายงานจากการฟังเสียงตามสายที่ส่งผ่านหูฟังในหู   

“ข้างหน้ามีคนนอนขวางอยู่บนถนนครับ เอาไงดีครับเจ้านาย”

“บอกให้รถทุกคันขับเหยียบไปได้เลย”

“แต่อาชา…”  ถ้าพูดถึงเรื่องความใจอ่อน เฟยฮวายังมีกว่าพ่อค้าอวัยวะมากโข 

“ใจดีได้แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้นะเฟยฮวา”  คนมีอำนาจสั่งการหันมาเตือนร่างบางแล้วเตรียมจะป้อนคำสั่งใหม่ให้ลูกน้องบอกต่อแก่ทุกคน แต่ยังไม่ทันพูดสักประโยค คนยืนด้านนอกรถก็ล้มลงต่อหน้าต่อตา เหตุเพราะมีกระสุนฝังคาหน้าอก ลงนอนหงายถัดจากประตูรถที่เปิดคาไว้

อาชาตื่นตัวและเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างดี เหมือนลูกน้องทุกคนที่ชักปืนขึ้นมาเตรียมอารักขาคนเป็นนาย ชายใส่สูทดำวิ่งกรูกันเข้ามาล้อมรอบหลังป้ายทะเบียนรถคันสำคัญเพื่อตั้งรับกับขบวนรถศัตรูที่อยู่ห่างและกำลังเขยิบเข้ามาใกล้ ลูกน้องมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่ขณะเดียวกันก็สุดแล้วแต่เจ้านายว่าจะเอายังไงต่อ ทุกคนในบริเวณรอให้เจ้านายรีบก้าวลงจากรถแล้วขึ้นนั่งแท่นคนขับ และเฟยฮวาดูจะเป็นคนเดียวที่ยังไม่ยอมขยับเคลื่อนไหว จนได้อาชาตะโกนเรียกสติ 

“เฟยฮวาขยับมานั่งด้านหน้า! เฟยฮวา!”  เจ้าของชื่อกลับมาอยู่กับปัจจุบันก่อนลนลานรีบร้อนลงจากรถ ร่างบางขึ้นมานั่งข้างคนขับที่ออกคำสั่งรัดเข็มขัดทันที แต่ยังไม่ทันที่ร่างบางจะหาที่ยืดเกาะ ล้อรถเพียงคันเดียวก็รีบเคลื่อนออกจากจุดจอด ลูกน้องปล่อยให้เจ้านายเอาตัวรอดโดยลำพัง

แล้วหลังจากนั้นจึงเริ่มยิงปืนสกัด ไม่ว่าคันไหนก็ไม่มีสิทธิ์ขับฝ่าห่ากระสุนไป จะเห็นว่าในหนังหลายครั้งต้องมีคนตายเพื่อให้พระเอกได้มีชีวิตรอดไปถึงตอนอวสาน สถานการณ์ปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้น บนถนนเส้นที่เคยเงียบเหงากำลังเต็มไปด้วยเขม่าควันจากปืน ยังไงพวกยืนเป็นเป้านิ่งมีสิทธิ์ถูกยิงกว่าพวกขยับแถมยังมีรถเป็นโล่กำบัง แล้วระหว่างที่ตอบโต้กันไปมา มีรถคันนึงพยายามขับฝ่าการอารักขา เรียกว่าชนดะไม่สนใครหน้าไหน

หยางไอบังคับอยู่หลังพวงมาลัยรถคันดังกล่าวและขับเข้าชนคนไม่เลือกหน้า กระแทกเข้ากับรถคันอื่นก็หลายคัน ดึงดันจนพาสี่ล้อขับผ่านความวุ่นวายได้สำเร็จโดยไม่เป็นอะไร คนของพ่อค้าอวัยวะเป็นบอดี้การ์ดภาษาอะไรถึงยิงไม่เข้าล้อสักนัด หยางไอผ่านด้านป้องกันจนได้และเป็นรถคันที่สองที่ขับออกห่างจากจุดที่มีผู้คนล้มตายเหมือนถ่ายหนัง

รองเท้าหนังเหยียบคันเร่งจนขีดไมล์ไต่ระดับเกินเลขร้อย อย่าหวังว่าจะผ่อนแรงค่อยถ้ายังไม่เห็นท้ายรถเป้าหมาย กระทั่งนัยน์ตาขวางเหมือนจะมองเห็นดวงไฟ ความสว่างของมันคงไม่เท่ากับกองไฟที่สุ่มในอก แล้วก็คงไม่มีการมอดนอกจากจะได้เห็นตอนไอ้เวรนั่นตาย เสียงเร่งเครื่องยนต์ดังไปทั้งถนนเส้นสายเลี่ยงเมือง บางทีเสียงนั้นอาจจะบ่งบอกถึงความแค้นเคืองของคนขับที่พยายามไล่ตามจนระยะห่างหดเหลือสั้น

เฟยฮวาทันเห็นแสงไฟหน้าของรถอีกคันและเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของคนขับซึ่งมีเจตนาจะพารถขึ้นตีเสมอ และเพราะถนนมันเส้นเล็ก รถคันของร่างบางเองเลยเจอเบียดจนแฉลบ รถแทบจะชนกับเหล็กกั้นตรงเกาะกลางถนน แต่โชคดีที่อาชายังมีความสามารถพอที่จะประคองรถให้กลับมาขับอยู่บนถนนด้วยความรวดเร็ว พ่อค้าอวัยวะอะดรีนาลีนหลั่งไม่ต่างจากวัยรุ่นใจร้อน ตอนที่เพิ่มความเร็วรถมากกว่านี้ไม่ได้ นัยน์ตาเคร่งเครียดยิ่งแข็งกร้าว 

“เกาะไว้!”  เสียงดังฟังชัดตะโกนบอกให้ร่างบางจับอะไรสักอย่างหลังรถถูกเบียดอีกรอบ แล้วจำเป็นต้องโต้ตอบด้วยการเบียดกลับคืน ด้านข้างรถสองคันเสียดสีกันจนเกิดรอยครืนรอยถลอก จะบอกว่ามีประกายไฟเกิดขึ้นก็ดูจะเว่อร์ไป แต่มันก็ใกล้เคียงอยู่ ลองคิดถึงฉากแข่งรถและมองผ่านภาพมุมสูงจากโดรนดูสิ มีรถสองคนขับเบียดกันไปตลอดทางที่อย่างกับเสาไฟส่องให้ความสว่างพร้อมใจกันเสีย ไม่มีแสงใดนอกจากพระจันทร์กับแสงไฟหน้ารถที่สาดส่องบนถนนส่ายไปส่ายมา คดเคี้ยวเลี้ยวตามรถที่เคลื่อนเหมือนงู

รถยนต์สองคันมุ่งสู่ความมืดมิดและการเร่งความเร็วเรื่อย ๆ ก็อาจจะมาซึ่งแก่ชีวิตได้ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง พ่อค้าอวัยวะมีอาการเส้นประสาทตึงเพราะความกังวล ไหนจะต้องคอยมองทั้งสีหน้าหวาดกลัวของคนภายในรถ มองอีกคนที่ยิ้มเย็นให้ผ่านบานหน้าต่างรถ

หยางไอไม่ได้แสดงอาการห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะนั่งขับมาคนเดียวเลยไม่มีใครให้ห่วง แต่ก็ต้องมีอันเจ็บใจที่รถโดนเบียดจนล่วงตกไหล่ทางและลำบากในการจะถอยล้อหลังขึ้นจากหลุมไม่ตื้นนัก แถมการที่แก้ปัญหาได้ช้าก็เท่ากับว่าต่อให้รถอีกคันขับล่วงหน้าไปก่อนอีกจนได้ เจ้าพ่อเงินกู้ทุบพวงมาลัยยกใหญ่เพื่อระบายอารมณ์ และเมื่อรถขึ้นจากหล่มได้สำเร็จก็รีบตามอาฆาต โดยไม่สนว่าเฟยฮวาจะกลายเป็นคนที่โดนลูกหลงด้วยหรือเปล่า แต่คนขับตามมาทันพยาบาทหมายจะเอาชีวิตคนขับรถอีกคันแน่นอน

ตอนที่สี่ล้อยังหมุนวนด้วยความรวดเร็ว จู่ ๆ หยางไอก็ลดกระจกรถคันตัวเองลงอย่างมีจุดประสงค์ ปลายกระบอกปืนที่เล็งเข้าหาคนขับรถคันข้าง ๆ คงเป็นคำตอบได้ดีว่าชายหนุ่มที่กำลังลงทุนขับรถมือเดียวต้องการจะทำอะไร คนสัญชาติจีนตระหนักดีว่าตัวเองอาจตายได้เพราะความประมาท แต่การทำให้สองคนที่อยู่ในรถอีกคันเสียขวัญนั่นก็คุ้มที่จะแลก

แล้วก็ไม่แปลกที่ทั้งอาชาและเฟยฮวาจะตระหนกกับเสียงปืนที่ลั่น รู้สึกใจสั่นแม้รู้ว่าลูกปืนจะทะลุผ่านกระจกเข้ามาไม่ได้ เพราะที่เลือกซื้อรถมาไม่ใช่จะราคาถูก ๆ แน่นอนว่าโครงสร้างต้องกันลูกกระสุนได้ แต่มีข้อดีแล้วก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อยกเว้น กระจกสั่งทำขึ้นพิเศษก็จริง แต่ถ้าได้ลองถูกยิงที่ตำแหน่งเดิมซ้ำ ๆ ย้ำรัว ๆ ก็น่ากลัวว่าจะกระจกจะแตกในไม่ช้า 

กระทั่งวินาทีที่มีกระสุนลูกหนึ่งปักคาแล้วทำให้ความใสร้าวเป็นเส้น ๆ เหมือนใยแมงมุม พ่อค้าอวัยวะจึงตัดสินใจใช้ด้านข้างรถเบียดอีกคันให้เสียหลัก อย่างน้อยหยางไอก็จะเสียสมดุลไปชั่วขณะ อาชาเทหมดหน้าตักยามเลือกชนฝั่งด้านข้างตัวเองกับรถคันข้าง ๆ โดยมีร่างบางนั่งเกร็งใบหน้าซีดเซียว เฟยฮวาไม่เคยเปิดเผยว่ากลัวเร็วและเวียนหัวแค่ไหนเมื่อรถโคลงเคลงส่ายไปส่ายมาอย่างบ้าคลั่ง จนเผลอหลั่งน้ำตาแล้วเลือกหลับตาลงระหว่างกำสายรัดนิรภัยไว้แน่น

มือกำจนส่งผลให้แขนชาดิกไปด้วย นอกจากเสียงกระจกแตกแล้วมีเสียงสายลมแรงแทรกเข้ามาภายในตัวรถ คนกลัวแทบจะไม่ยอมขยับ ทำแค่จับใจความผ่านจากเสียงกระแทกปึงปัง โครงสร้างบางอย่างกระทบกระทั่ง ชนกันอย่างแรงก่อนตามมาด้วยเสียงดังโครมใหญ่

เพราะรถคันที่เต็มไปด้วยความแค้นถูกเบียดตกไหล่ทางอีกครั้งแล้วคราวนี้ยังชนเข้ากับต้นไม้จนเกิดเป็นควันกระจายหน้ากระโปรงรถ ส่วนคนขับเลือดอาบบริเวณหน้าผาก ยังสะลืมสะลือและหายใจ แต่ใกล้จะหมดสติเต็มทีตอนที่ฟุบหน้ากับพวงมาลัยและมือยังกำปืนคาไว้   

มันเป็นเรื่องของกรรมตามสนองที่ไม่ว่าใครก็ต้องเจอเหมือนกันหมด แถมไม่มีคนร่วมแสดงอาการเป็นห่วงเป็นใย อย่างน้อยก็พ่อค้าอวัยวะคนหนึ่งที่ตะโกนร้องด้วยความดีใจลั่นรถที่ค่อย ๆ ชะลอความเร็วลงตามลำดับ อาชากล้าขับเคลื่อนช้าลงเพื่อความปลอดภัยและไม่ลืมหันมองร่างบางเพื่อพูดบางประโยคให้รู้สึกสบายใจ  “ไม่เป็นอะไรแล้ว …เฟยฮวา!”

เจ้าของชื่อยอมลืมตาเมื่อได้ยินเสียงคนรักเรียกด้วยความตกใจ ก่อนร่างบางจะรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ท่อนแขน เฟยฮวาก้มลงมองบาดแผลเลือดไหลที่ไม่มีที่มาที่ไปแล้วส่ายหน้าให้อีกคนว่าไม่เป็นไร แต่อาชาเชื่อซะที่ไหนล่ะ ก็ในเมื่อสีหน้าคนบาดเจ็บซีดอย่างกับกระดาษ     

“อดทนหน่อยนะ”  พ่อค้าอวัยวะเอ่ยขณะยูเทิร์นรถกลับด้วยความรีบร้อน

ไม่รู้ว่าตอนถูกรถหยางไอขับตามกับตอนนี้ ความเร็วที่ใช้จะสูสีกันหรือเปล่า ชายหนุ่มรีบขับรถเข้าเมืองเพื่อพาร่างบางไปโรงพยาบาล มือกร้านเอื้อมจับหลังมือที่กำรอบต้นแขนไว้ไม่ปล่อยสักเวลา เพราะถ้าจะต้องเปื้อนเลือดก็ต้องเปื้อนไปด้วยกัน ตามคำสัตย์มีสุขร่วมสุข มีทุกข์ร่วมเผชิญหน้า 










-------------------------------------
อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า อีกไม่กี่ตอนก็ใกล้จะจบแล้วค่ะ มาช่วยลุ้นกันน้าว่าบทลงเอยจะเป็นยังไง หยางไอจะถูกเอาคืนอย่างสาสมหรือเปล่า อิอิอันนี้เป็นทวิตเตอร์สำหรับอัพเดตนิยายของตุ๊กติ๊กค่ะ @9crimessss สามารถกดติดตามได้น้า ขอบคุณอีกครั้งค่า จุ๊บ
Tag #เดินหน้าลูกเดียวไม่มีเหลียวหลัง
ติดตามข่าวสาร
◕‿◕。 นิยายที่แต่งจบแล้ว ---> เหมายัน  ลั่นดาล 

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
«ตอบ #79 เมื่อ16-11-2018 13:56:55 »

 :man1: :man1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
« ตอบ #79 เมื่อ: 16-11-2018 13:56:55 »





ออฟไลน์ k.suttho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
«ตอบ #80 เมื่อ20-11-2018 19:11:07 »

โอ๊ยยยยยย
มาต่อเร็วๆๆๆๆๆ
 :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
«ตอบ #81 เมื่อ20-11-2018 20:10:00 »

ค้าง!!!!! มากค่ะ มาต่อไวๆนะ

ออฟไลน์ fanny99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
«ตอบ #82 เมื่อ21-11-2018 13:19:24 »

มาต่อไวๆๆน้าาาาา :impress2:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
«ตอบ #83 เมื่อ25-11-2018 16:37:50 »

นังหยางไอต้องได้รู้สึก !!

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
«ตอบ #84 เมื่อ26-11-2018 10:34:10 »

ขอให้ปลอดภัยนะเฟยฮวา หยางไอนี่จบได้รึยัง โธ่

ออฟไลน์ dino94

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
«ตอบ #85 เมื่อ26-11-2018 12:22:43 »

พูดก็ไม่พูดสักทีโว้ยยยยยยย ต้องให้ไอ่ตัวร้ายมันโผล่มาก่อนหงุดหงิด  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ toeyyeyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
«ตอบ #86 เมื่อ10-12-2018 15:25:11 »

นิยายดีมากเลยค่ะ เราชอบภาษาของคุณมากๆและก็ชอบเรื่องนี้ด้วยเนื่องจากไม่กล้าอ่านเรื่องก่อนๆเพราะดูหน่วงมาก แงงงงง พอมาเจอเรื่องนี้ดูยังไม่ค่อยสาหัสเท่าไหร่เราเลยชอบมาก สู้ๆนะคะ รออ่านเสมอ และอยากได้น้องเฟยฮวามาเป็นเมียซักวันค่ะ ต้องมีซักวันค่ะ55555555555

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
«ตอบ #87 เมื่อ21-12-2018 22:06:39 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
«ตอบ #88 เมื่อ18-01-2019 14:08:03 »

 o13 :pig4:

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: ———— POINT OF NO RETURN ———— UP.XVII (15/11)
«ตอบ #89 เมื่อ30-01-2019 13:12:11 »

สนุกน้าาาา แต่น้องเฟยฮวา นิสัยนางเอกละครไปหน่อย

แต่ความหื่น กับความหวานมากลบได้อยู่ 55555

รออ่านตอนจบน้าาาา สู้ๆ  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด