~THE KEY~คีย์รัก >>>ตอนที่22<<<Update 18.7.18 [หน้า4](จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~THE KEY~คีย์รัก >>>ตอนที่22<<<Update 18.7.18 [หน้า4](จบ)  (อ่าน 23092 ครั้ง)

ออฟไลน์ -PCH-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สาบานว่านี้คืออากาศประเทศไทยนึกว่าเดินอยู่กลางทุ่งทะเลทรายผมแวะมานั่งตากแอร์ร้านนมปั่นตรงข้ามตึกเรียนอากาศวันนี้ร้อนมากอุณหภูมิสูงริบ

 “เมื่อเช้าพวกมึงนัดกันขาดเรียนเหรอ”ไอ้ดลเปิดประเด็นหลังจากหอบหนังสือเดินข้ามถนนมานั่งร่วมโต๊ะที่ร้าน

“ไม่ได้นัด”

“ก็ดี”

“แล้วเมื่อเช้าเรียนเป็นไงบ้าง”ผมถามไอ้ดลเพราะดูจากหนังสือที่มันหอบมาด้วยแล้วน่าจะเรียนเต็มคาบไม่มีลดหย่อน

“มาไม่ถึงสิบคน”

“กูว่าแล้ว”ไอ้หล่อเสือก

“ไอ้หล่อมึงตัวดีเลยได้ข่าวชวนเพื่อนขาดเรียนในกรุ๊ปไลน์”

“ขนาดนั้น”ผมหันไปมองหน้าไอ้หล่อที่ยิ้มเจื่อนๆ

“รู้ดีจังวะใครบอกมึง”

“กูก็อยู่ในกรุ๊ป”

“เออวะฮ่าๆๆๆ”

สงสัยไอ้หล่อมันเหนื่อยจนหลอนหรือมึงนอนไม่พออาการหนักทุกคนเขาก็อยู่ในกรุ๊ปกันหมดเปล่าวะแต่ผมไม่ได้เปิดไลน์ที่มันส่งเข้ากรุ๊ปอ่านหรืออะไรทั้งสิ้นเหนื่อยจนไม่อยากขยับตัว

“นมปั่นสามแก้วได้แล้วค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

นมปั่นสามแก้วถูกเสริ์ฟบนโต๊ะในที่สุดก็ได้แดกสักทีรอโคตรนานบอกได้เลยว่ามันคือไอเทมที่คลายร้อนได้ดีมากสำหรับอากาศประเทศไทย

“ไอ้คีย์ไอ้คีย์!”ไอ้หล่อยื่นมือมาเขย่าแขนผมเบาๆ

“อะไรของมึง”

“นั้นเจ้เทยที่เคยทุบโต๊ะข้าวเราเปล่าวะ”

“ไหน?”

“นั้นไงกำลังเดินข้ามถนนมา”ไอ้หล่อชี้มือไปทางชายหนุ่มร่างใหญ่ท่าทางตุ้งติ้งคนหนึ่งกำลังเดินข้ามถนนมา

 “ฉิบหาย!”เจ้แกโผล่มาได้ไงวะเนี่ยสกิวการเอาตัวรอดของผมตอนนี้คือการหยิบหนังสือที่ไอ้ดลหอบมาขึ้นมากางบังหน้าตัวเอง

“กูต้องทำด้วยไหม”

“ไม่รู้!แต่ที่รู้คือเรากลับตึกกันเถอะกูรู้สึกไม่ปลอดภัย”

“น้องคีย์!!”เวง!ขนาดหนังสือบังหน้ายังจำได้แม่น

“เอาไง”เสียงกระซิบจากไอ้หล่อ

“ไม่รู้”ผมกระซิบกลับ

“น้องคีย์!”เรียกรอบที่สองผมตั้งสติวางหนังสือลงบนโต๊ะเอาวะคิดว่าอย่างน้อยเขาก็เคยเลี้ยงข้าว

 “ครับ”คิดอะไรไม่ออกได้แต่หันหน้ามาตอบแล้วส่งยิ้ม

“ไม่ได้เจอกันตั้งนานน้องดูผอมมากกินข้าวบ้างไหมลูก”

“กินครับกิน”

“คิดถึงงงง ว่างๆแวะไปร้านเจ้บ้างนะ”

“ครับ เอ่อ คือว่าผมต้องไปเรียนแล้วไว้เจอกันใหม่นะครับ”ฉีกยิ้มให้เจ้แกทีหนึ่งแล้วรีบลากแขนไอ้หล่อกับไอ้ดลวิ่งข้ามถนนเข้าตึกเรียนทันที

“น้องคีย์ตั้งใจเรียนนะ!!”เสียงตะโกนดังลั่นมาจากอีกฟากของถนน

 “เสียงเจ้กูนึกว่าโทรโข่ง”

“เออดังฉิบหาย”ไอ้หล่อกับไอ้ดลบ่นหลังจากวิ่งมาหลบภัยใต้ตึกเรียน

“หยุดบ่นได้แล้วพวกมึงเข้าเรียน!”พอลองผู้ประโยคนี้แบบไอ้ดลทำไมรู้สึกเท่ห์วะเก๊กหน้าหล่อแป๊ป

“ไม่ต้องมาเก๊กหน้าเข้าเรียน!”

ไอ้ดลได้ทำให้ผมรับรู้ว่าอย่าแย่งคำพูดคนอื่นมาเพื่อความเท่ห์เพราะมันรู้ทัน

 

การเรียนช่วงบ่ายได้เริ่มต้นขึ้นคนในห้องก็เยอะขึ้นจากเมื่อเช้าที่ไอ้ดลบอกว่าไม่ถึงสิบตอนนี้มาเกือบเต็มห้องถึงแม้หน้าตาของแต่ละคนจะดูไม่สดชื่นก็เถอะ

“โคตรง่วงเลยวะท่าน”

“เหมือนกัน”

“เรียนเสร็จกูจะรีบกลับไปนอนแม่ง”

บทสนทนาระหว่างเรียนของผมกับไอ้หล่อก่อนเรากลับมาโฟกัสอาจารย์สอนอีกรอบ...

 “ไว้เจอกันคาบหน้านะเด็กๆ”เสียงสรรค์ที่แท้จริงเมื่ออาจารย์หมอบอกลาน้ำตาแทบไหลจะได้กลับไปนอนแล้วโว้ยยยยย

“พวกมึงไปกินโจ๊กร้านก๋งกัน”ไอ้หล่อชวนยิ้มหน้าแป้นตอนเรียนแม่งยังทำหน้าง่วงอยู่เลย

“ไหนมึงบอกจะรีบกลับไปนอน”

“ไอ้คีย์มึงเคยได้ยินคำนี้ไหม...”

“ไม่”

“ยัง!”

“…”ผมตัดมุกกากๆของมันทันทีตอนนี้นั่งเงียบรอดูว่ามันจะเล่นอะไรต่อ

“เอาใหม่”

“อืม”

“มึงเคยได้ยินคำนี้ไหม...ง่วงในเวลาเรียนคือความเพียรของสมอง”

“อะไรของมึงเนี่ย”

“หัดแต่งกลอน”

“รสนิยมใหม่ว่างั้น”

“รู้ดีสมกับเป็นเพื่อนที่ดีในชีวิต”

“เออๆเรื่องของมึงเถอะ”

ได้แต่ส่ายหน้าอยากจะพามันไปส่งโรงบาลบ้าฉิบหายเผื่อมันจะกลับมาเป็นคนปกติเหมือนชาวบ้านเขาทุกวันนี้เหมือนอยู่กับคนบ้าชินชา

ตึ่ง!

เสียงสั่นแจ้งเตือนของโทรศัพท์ดังขึ้นผมเลยล้วงโทรศัพท์จากกางเกงสแล็คขึ้นมาดู

LINE! >>อัศวิน:อยู่ไหน!

ฉิบหาย!เมื่อวานพึ่งด่าสัดมันไป ฮือออ ยังไม่อยากตายนะเว้ยดูจากลักษณะการพิมพ์ของมันต้องโกรธผมอย่างแรงจนอยากต่อยหน้าผมแน่เลยสถานการณ์เสี่ยงต่อการใช้ชีวิตอีกแล้วกู

~เสียงโทรศัพท์ดัง~

    -อัศวิน-

ไอ้เหี้ยยยยย ไลน์มายังไม่ทันเปิดอ่านมึงยังจะโทรมาอีกขอเวลาทำใจสักสามวัน                                                                         

“เป็นเหี้ยอะไรของมึงทำหน้าเหมือนคนกำลังจะโดนฆ่าอยู่ได้”

“ถ้ากูโดนฆ่าช่วยบอกแม่กับพ่อกูด้วยว่ากูรักเขามาก”

“ได้เดี๋ยวบอกให้”

“ขอบใจ”

“ไม่เป็นไรเพื่อนรัก ถึงจะอยู่ได้ไม่นานนัก แต่ก็รักมึงตลอดไป”

“เกลียดกลอนมึงมากไอ้สัด”

อยากจะชมว่ามันเก่งแต่งกลอนเข้ากับสถานการณ์ได้ดีแต่มึงจะแต่งมาแช่งกูทำไมไอ้เพื่อนชั่วเกลียดรสนิยมกับกลอนมึงมาก

ผมปลายตามองหน้าจอโทรศัพท์ในมืออีกครั้งชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้หนักใจและกังวลอยู่ไม่น้อยก่อนจะตัดสินใจกดรับ

“ขอโทษที่ด่าสัดไปเมื่อวานไม่ได้ตั้งใจหรือเจตนาแต่ความคิดมันดังไปเลยกลายมาเป็นคำพูดไม่ได้ตั้งใจด่าอย่าโกรธกูเลยนะไม่ได้ตั้งใจจริงๆขอโทษ ฮือออ”ไอ้สัดกูนึกว่าตัวเองเป็นแรปเปอร์เป็นการขอโทษที่ยาวและรัวมาก

[ไม่ได้โกรธ]

“ห้ะ!”

[อืม]

“แล้วโทรมาทำไม”

[ตามแม่บ้าน]

 “โอเคซึ้ง”

[รีบมา]

“เอออออ”ผมรับปากไอ้อัศวินก่อนจะกดว่างสายไปแบบงงๆ

 “ผัวโทรตามเหรอ”ไอ้หล่อยังคงปากดี

“ไม่ใช่ผัว!”

“เดี๋ยวก็ใช่”

“ไม่ใช่!”

“ไอ้ดลกูว่าเราต้องไปกินโจ๊กร้านก๋งกันสองคนอีกแล้ววะ เฮ้อออ”

หลังจากไอ้หล่อมันถอนหายใจยาวผมกับมันก็พร้อมใจหันหน้ามองไอ้ดลทันทีเพราะสงสัยว่าทำไมมันถึงนั่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ

-ไปขี้เดี๋ยวกลับมา-

นั้นคือข้อความในโพสต์อิทสีส้มที่มันแปะไว้บนโต๊ะเลคเชอร์ของมัน                                                                                       

ผมกับไอ้หล่อได้แต่ยืนมองโพสต์อิทที่มันเขียนทิ้งไว้ก่อนจะเงยหน้ามาสบตากันปริบๆ...

 

ห้านาทีกับการยืนหน้าห้องไอ้อัศวินไม่กล้าแม้แต่จะกดกริ่งหรือส่งเสียงขอเวลาทำให้ก่อนจะเจอหน้า

“เฮ้ออออออออ”ขอถอนหายใจยาวๆ

“มาแล้วเหรอ”

“เชี่ย!”

อยู่ๆประตูห้องก็เปิดแถมมีหน้าหล่อๆเจ้าของห้องโผล่ทะลุประตูมาอีกคือมึงเล่นอะไรรร…หัวใจจะวาย

 “หยาบคาย”

“ก็มึงเล่นเปิดประตูออกมาแบบนี้เป็นใครก็ตกใจเปล่าวะ”

“แม่บ้าน”

“อะไร!”

“ไปกินข้าวกัน”

“ห้ะ! บอกให้กูรีบมาเพราะจะชวนไปกินข้าวนี่นะ”

“อืม”

“อือออออออออ”

ไอ้ห่าอัศวินไอ้สัดประหลาดคนไอ้ขนตูดไก่อย่าจะด่ามันออกไปแต่ในความเป็นจริงคือไม่กล้าก็ได้แต่กัดฟันตอบมันกลับไป

หมับ!

เกลียดการหลอกจับมือเดินลงมาลานจอดรถพร้อมกันมากผมลองไม่ขัดดูแต่มีผลกับมันไม่ได้ทีเอาใหญ่

“ฮึ่ม!”กระแอมคอแล้วปลายตามองมือมันกำลังบีบมือผมเล่นอยู่นี่ขนาดเดินลงมาถึงลานจอดรถแล้วมันยังมีหน้ามาจับต่ออีก

“เฮ้ย!ตั้งแต่ตอนไหน”

“เนียน ”มาทำเป็นตกใจแต่ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ดูก็รู้ว่ามึงตั้งใจไอ้บ้าเอ้ย!                                                                 

ช่วงเวลาเนียนผ่านไปผมนั่งเล่นเกมส์บนรถไม่ถึงสิบนาทีไอ้อัศวินก็เลี้ยวรถของมันเข้าจอดร้านก๋วยเตี๋ยวเฮียซ้งใกล้ๆคอนโดมัน ผมเปิดประตูรถเดินเข้าร้านส่วนไอ้อัศวินแม่งเดินเข้าร้านก่อนผมอีก

“เฮียสวัสดีครับ”ไอ้อัศวินทักทายเจ้าของร้านเหมือนรู้จักกันมานาน

“ไอ้อัศวิน!ไม่เจอตั้งนานมึงหล่อขึ้นเยอะเลยวะ”

“แน่นอนคนมันหล่อ”

“ฮ่าๆๆได้ทีเอาใหญ่วะไอ้นี่”

“ขอเหมือนเดิมนะเฮียแต่สองที่”

“มากับใครวะ”อาเฮียมีเหล่ตามองหน้าผมด้วยผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงเลยยิ้มเจื่อนๆกลับไป

“ไม่ต้องรู้หรอก”

“ร้ายกาจไอ้นี่ไปนั่งรอก่อน”

“ครับบบ”

หลังจากเสือกบทสนทนาระหว่างเฮียเจ้าของร้านกับไอ้อัศวินผมก่อนปลายตามองหาโต๊ะว่างจนไปสะดุดตาตรงไอ้หนุ่มช็อปน้ำเงินนั่งพาดขาคีบแตะขอบฟ้ากระดิกเท้าดิกๆในมือกดโทรศัพท์แต่ปากมันก็ยังเคี้ยวข้าวอยู่

“ไอ้ติสส์!!”ผมตะโกนเรียกชื่อพร้อมเดินเข้าไปหา

พรวดดด!

มันเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมพ่นข้าวในปากออกมา

“คืนเงินกูด้วย!”

“ฉิบหายอยู่ไม่ได้แล้วกู!”ประโยคนั้นจบมันก็วิ่งหนีผมทันทีไอ้ห่าไหนบอกสาบานจะคืนเงินกู

“มึงจะไปไหนยังไม่จ่ายตังค์”

ยังดีที่อาเฮียเจ้าของร้านดึงชายเสื้อช็อปของมันไว้ทันไอ้ห่ากูนึกว่าเดอะแฟลชวิ่งเร็วฉิบหายแป๊ปเดี๋ยวถึงหน้าร้าน

“ติดไว้ก่อนเฮียเดี๋ยวมาจ่าย”

“มึงติดมาสามครั้งแล้วครับไอ้คุณติสส์”

“มึงยังไม่คืนดีกลับแม่อีกเหรอวะ!”อยู่ๆไอ้อัศวินก็เอ่ยปาก

 “ไอ้อัศวิน!”

“อืม มาคุยกันหน่อย”

“เออๆ”

ว่าง่ายจังวะแค่ไอ้อัศวินเอ่ยปากมึงก็ยอมมานั่งคุยกับเขาแล้วลุคเท่ห์ๆที่กูเห็นมึงในห้องน้ำวันนั้นหายไปไหนวะ                 
สถานการณ์ตอนนี้มีผมไอ้อัศวินไอ้ติสส์นั่งมองหน้ากันสลับไปมาอยู่โต๊ะตัวเดียวกัน

“รู้จักกันเหรอ”ไอ้อัศวินเริ่มเปิดประเด็นถามผมกับไอ้ติสส์ผมไม่รู้จะตอบยังไงเพราะเคยเจอมันแค่ครั้งเดียวไม่รู้จะเรียกว่ารู้จักได้ไหม

“ไม่รู้จัก”

“รู้จัก”ไอ้ห่าติสส์กูตอบไปว่าไม่รู้จักแล้วมึงมาตอบรู้จักทำไมเจอกันแค่ครั้งเดียวมึงเรียกว่ารู้จัก

“ตกลงยังไง”

“เคยเจอกันก่อนหน้านี้แต่เขาจำกูไม่ได้”เวง!เคยเจอตอนไหนวะทำไมผมไม่เห็นจำได้ว่าเคยเจอมัน

 “แล้วมึงก็ไปยืมตังค์เขา?”ไอ้อัศวินถาม

“ใจเย็นเพื่อนอย่าพึ่งด่ากูสิวะก็พวกแม่งทวงตังค์ทุกวัน”

“มึงก็เลิกเล่นได้แล้วพนันบอลควายอะไรนั้นแล้วก็ไปขอโทษแม่มึงซะ”                                                                                       
บอกกูทีว่าเมื่อกี้ไอ้อัศวินมันพูดคำว่าควายไม่เคยเห็นมันเกรี้ยวกราดแบบนี้มาก่อนเลยเว้ย...หวั่นไหว

“รู้แล้วครับ”

“ส่วนแม่บ้าน...”มองหน้ากูนิ่งเหมือนกูกำลังทำความผิดร้ายแรงจนไม่น่าให้อภัย

“ขอโทษ”

“ทีหลังก็อย่าให้ใครยืมอีก”

“อือ”





...
วาร์ปตอนที่14
ไม่ได้หายไปไหน...ตัน ฮ่าๆๆๆๆ
แต่มาอัพแล้วนะจ้ะ เจอกันตอนหน้าถ้าไม่วันพุธก็ พฤ ถ้าไม่ พฤ ก็ ศ ขึ้นอยู่กับความตันเด้อออ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกัน บุยยย


ออฟไลน์ vvin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ -PCH-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เรื่องไอ้ติสส์ในวันนี้ได้จบลงถึงแม้ว่ามันจะยังไม่คืนตังค์สามร้อยให้ผมก็เถอะไอ้อัศวินเล่าให้ฟังว่าที่บ้านไอ้ติสส์รวยมากเพราะทำธุรกิจส่วนตัว พอแม่มันจับได้ว่ามันทั้งติดเหล้าติดพนันบอลเลยโกรธมากยึดรถยึดบัตรเครดิตแถมส่งตังค์ให้มันใช้เดือนละสามพันเพื่อดัดนิสัยแต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น เรื่องที่เป็นประเด็นคือผมอยากรู้ที่มันบอกว่าเคยเจอผมก่อนหน้านี้ตอนได้ยินมันพูดทำให้ผมนึกถึงเรื่องวันนั้นในอดีตเรื่องที่ผมพยายามตามหาคนคนหนึ่งเพื่อจะคืนของบางอย่างให้

 กริ่งง!

“ส่งเสื้อค่ะ”

เสียงกดกริ่งหน้าห้องพร้อมบอกจุดประสงค์

“แม่บ้าน”

“อือ”

ผมกำลังนอนเขี่ยโทรศัพท์บนโซฟาในห้องไอ้อัศวินเพื่อทบทวนคำพูดของไอ้ติสส์แต่ในทางกลับกันก็ต้องทำหน้าที่แม่บ้านที่ดีให้ไอ้อัศวินโดยการลุกเดินไปเปิดประตูรับเสื้อจากป้าซักรีดแทนมัน

“เอาไปเก็บในตู้เสื้อผ้า”

“อือ”

ผมตอบรับไอ้อัศวินแบบห้วนๆก่อนจะเดินหอบชุดนักศึกษาที่มันส่งซักตรงดิ่งไปตู้เสื้อผ้ามันหลังจากเปิดตู้เสื้อผ้าออก                         
แม่มึง!ในตู้เสื้อผ้ามีแค่สีขาวกับสีดำคุมโทนเหรอคนห่าอะไรใส่เสื้อผ้าแค่สองสีหรือว่าอัศวินสไตร์ ผมยืนมองเสื้อสองสีในตู้อยู่นานในใจคิดมีเสื้อสองสีแค่นี้จริงเหรอก่อนสายตาอันเฉียบคมจะไปสะดุดกับแขนเสื้อสีน้ำเงินเข้มที่แอบโผล่แผ่บออกมาเล็กน้อยด้วยความเสือกและอดใจไม่ได้ผมเลยดึงแขนเสื้อสีน้ำเงินตัวนั้นออกมาดู                                           

“เชี่ยยยย”ได้แต่พึมพรำเบาๆ เพราะเสื้อสีน้ำเงินที่ผมดันไปหยิบออกมาดูมันคือ...ช็อปวิศวะสีน้ำเงินเข้ม...

 

 

เรื่องช็อปวิศวะในตู้เสื้อผ้าไอ้อัศวิน เรื่องไอ้ติสส์เคยเจอผมก่อนหน้านี้...                                                                                           
ทั้งสองเรื่องตีกันในหัวจนผมเริ่มสับสนตอนแรกก็มั่นใจว่าคนใส่ช็อปสีน้ำเงินที่ผมตามหาอาจจะเป็นไอ้ติสส์เพราะมันเรียนวิศวะแน่นอนว่าต้องมีช็อปแถมมันยังบอกว่าเคยเจอผมก่อนหน้านี้แต่หน้าไอ้อัศวินก็โผล่มาอีกคนหลังจากที่ผมเจอเสื้อช็อปสีน้ำเงินในตู้เสื้อผ้ามันเมื่อวาน

 “นั่งเหม่ออะไรของมึงวะท่าน”

“ไอ้หล่อ!”

“เออกูหล่อ”

“มึงมาก็ดีแล้ว”

“อะไรวะไม่ได้ซื้อหมูปิ้งมาให้หรอกนะ”

“เออออ กูไม่ได้ต้องการหมูปิ้ง”

“แล้วมึงต้องการอะไร”

“มึงมีไอจีไอ้ติสส์ไหม?”

“ติสส์ไหนวะ”

“วิศวะ”

“เอาไปทำไม”

“เรื่องของกู! มีไหมตกลง”

“แป๊ปหนึ่ง”

“อือ”หลังจากนั้นไอ้หล่อก็เริ่มเขี่ยโทรศัพท์ของมันพักหนึ่งแล้วยื่นมาให้ผม



      Undertist

อันเดอร์ติสส์ครับผม

Posts       followers      following

219            58.4k         186

 

อือหื้ออออ อันเดอร์ติสส์คนดังวิศวะผู้ติดตามครึ่งแสนส่วนมากมีแต่สาวๆผมแอบกดเข้าไปดูผู้ติดตามมันนิดหน่อยไม่น่าตอนนั้นมันถึงบอกว่าถ้าไปตะโกนชื่อมันหน้าตึกวิศวะไม่มีใครไม่รู้จัก

“มึงรู้ได้ไงว่ากูมีไอจีมัน”

“มึงแม่งก็มีไอจีคนดังในมหาลัยทุกคนป่ะ”

“เออก็จริง”

“ขอบใจมาก”ผมยื่นโทรศัพท์กลับไปให้ไอ้หล่อ

“ว่าแต่ มึงรู้จักอันเดอร์ติสส์เหรอ”

“เปล่า”

“โธ่!กูนึกว่ารู้จักจะฝากบอกเขาหน่อยว่ากูแฟนคลับเขาแม่งอัพรูปโคตรเท่ห์”

“มึงก็แฟนคลับทุกคนนั้นแหละสัด”

“พวกมึง! เข้าเรียน”เสียงบอกให้เข้าเรียนที่คุ้นเคย

“ครับบบ”ไอ้หล่อก็ตอบกลับอย่างคุ้นเคยพร้อมหอบสังขารเข้าห้องเรียน...

 

 


ในที่สุดเวลาพักเที่ยงก็มาถึงแล้วโว้ยยย รีบเก็บของลงกระเป๋าแทบไม่ทันเพราะผมต้องรีบไดเรคไอจีไปคุยกับไอ้ติสส์ถามแม่งให้รู้เรื่องไปเลย

“แดกข้าวท่าน”

“อือ”

“วันนี้มึงเป็นอะไรวะทำหน้าอย่างกับจับได้ว่าผัวไปมีกิ๊ก”

“ไอ้สัด!กูไม่มีผัว!”

“แน่ใจ”

“เออ!”

“ไอ้อัศวินไง”

“เหี้ยหล่อ!”

“หรือไม่จริง กูเห็นแม่งตัวติดกันตลอดช่วงนี้”

“ไม่ได้ติดแค่...”

“แค่ไปกินข้าวด้วยกันทุกวัน”แย่งกูพูดอีกอย่างกับรู้ว่ากูจะพูดอะไรวงวารเพื่อนจริงๆ

“เฮ้ย!พวกมึงจะไปกินข้าวไหม”ไอ้นี่ก็อีกคนวงวารไอ้ดลเหมือนแม่ฉิบหายคอยบอกให้เข้าเรียนกินข้าวอ่านหนังสือถ้าใครได้เป็นแฟนนะมีหวังอกแตกตายระเบียบจัดผมขี้เกียจเถียงกับไอ้หล่อเลยเดินออกมาหาไอ้ดลหน้าห้อง

“รอกูก่อนสัด!”ไอ้หล่อรีบวิ่งตามมาติดๆ พวกเราลงลิฟท์มาไม่นานก็ก้าวขาออกจากลิฟท์มาโรงอาหารทันทีวันนี้คนก็น้อยผิดปกติหรือผมมาเร็วก็ไม่รู้

“ไอ้คีย์กินอะไร”

“บะหมี่เกี๊ยว”

“ไม่เบื่อบ้างเหรอวะ”

“ไม่อะ”

“งั้นกูลองแดกแบบมึงบ้าง”

“อร่อยกูบอกเลย”

“เออ จะลองดู”

คิดไงมากินบะหมี่กับกูเนี่ยนี้ปกติเห็นสิงร้านข้าวมันไก่กับไอ้หล่อเป็นประจำวันนี้มาแปลก                                                           
ผมรอพักหนึ่งเมื่อสิ่งที่สั่งไปก็ถือเดินมานั่งโต๊ะตัวโปรดทันทีเรื่องปรุงไม่ต้องถามเพราะผมไม่ชอบปรุงส่วนตัวคิดว่าน้ำซุปเขาดี

 “กูจะไปซื้อน้ำ”

“น้ำเปล่าขวดหนึ่ง”

“กูด้วย” ไอ้หล่อทำหน้าที่ของมันคือไปซื้อน้ำไอ้ดลก็นั่งแดกบะหมี่ผมก็นั่งเขี่ยโทรศัพท์เพื่อคุยกับเป้าหมายแน่นอนว่าเป้าหมายคืออันเดอร์ติสส์!

         
THEKEYY
อันเดอร์ติสส์

Undertist

เหยดเข้!

เจ้าหนี้

ตามมาทวงหนี้กูถึงนี้เลยเหรอวะ

           
THEKEYY
ไม่ได้ตามาทวงหนี้แต่มีเรื่องจะคุยด้วย
Undertist

ตอนนี้ไม่ว่างเย็นๆได้ไหม

           
THEKEYY
ได้ไม่มีปัญหา
Undertist

เจอกันร้าน Green Heights สามทุ่ม                                                                                                       
THEKEYY

ร้านเหล้า?

Undertist

เออ กล้าเข้าไหมหมอ

THEKEYY
ยิ่งกว่ากล้า

Undertist

เจอกันที่ร้านครับ



  ตึ่ง!



Undertist เริ่มติดตามคุณ 1วินาที



เร็วมากตามมารยาทผมเลยกดติดตามมันกลับ                                                                                                                         
เอาวะถึงจะไม่เคยเข้าร้านเหล้าแต่ก็เคยขับรถผ่านเข้าดูสักครั้งก็ไม่เสียหายอาจจะเป็นสไตร์วิศวะนัดกันคุยธุระที่ร้านเหล้าอะไรทำนองนั้นแต่เรื่องนี้มันคาใจผมจริงๆเพราะผมตามหาคนคนนี้มานานมากแต่พักหลังผมเรียนหนักเลยไม่ได้ตามหาเขาในเมื่อมีโอกาสแล้วผมก็จะลองดูเพราะไม่อยากค้างคาใจ

“กูไปด้วย”

“แอบดูกูคุย?”

“ถูกต้องแล้วครับ”

“เออๆ”

ผมรับปากไอ้หล่อไปจริงๆก็กะว่าจะชวนมันไปเป็นเพื่อนแต่มันดันเสนอตัวมาก่อนเลยเข้าทางไม่ต้องเอ่ยปากชวนมันให้เสียเวลาส่วนหลวงพี่ดลปล่อยมันไปสวดมนต์ตามทางของมัน...

 

 

เวลานัดคุยเรื่องค้างคาใจในที่สุดก็มาถึงผมยืนมองของในกล่องเล็กๆสีดำบนโต๊ะพักใหญ่ในใจคิดว่าอาจจะได้คืนเจ้าของมันสักทีพร้อมยื่นมือหยิบกล่องเล็กที่ว่ายัดลงไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์แล้วซิ่งรถไปรับไอ้หล่อ มุ่งหน้าไปร้าน Green Heights ตามนัด...
พึ่งจะสามทุ่มแต่ที่จอดรถแทบไม่มีคนจะแห่มากินเหล้าอะไรกันเยอะแยะตั้งแต่หัววันเนี่ย                                                   
ผมต้องวนรถหาที่จอดอยู่ตั้งนานกว่าจะจอดได้เมื่อภารกิจหาที่จอดรถสิ้นสุดผมกับไอ้หล่อก็ได้ก้าวขาเดินเข้าร้านทันที                     
คนอย่างไอ้หล่อเคยเข้าร้านเหล้าบ่อยมันชินจนไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลยแถมเดินตัวปลิวนำหน้าผมแต่ผมนี่สิใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยเว้ย!

“เจ้าหนี้ทางนี้โว้ยย!!!”

เสียงตะโกนดังแข่งกับดนตรีสดในร้านผมรู้ทันทีว่าคือไอ้ติสส์เพราะคำว่าเจ้าหนี้คงไม่มีใครแถวนี้ใช้เรียกเพื่อนตัวเองนอกจากไอ้ติสส์เพราะมันบ้าเมื่อปลายตามองตามเสียงก็พบว่ามันนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนอีกสี่ห้าคน

“เชี่ย!อันเดอร์ติสส์ตัวจริงวะ”ไอ้หล่อว่า

“เออ แล้วมึงจะตื่นเต้นทำไมเนี่ย”

“มันหล่อกว่าในรูป”

“ขนาดนั้น”

ไอ้ติสส์ในวันนี้ต้องยอมรับในความหล่อและความมีนั้นแหละสไตร์ของมันถึงแม้ว่ามันจะใส่เสื้อยืดสีขาวและเสื้อแขนยาวลาย สก๊อตกางเกงยีนส์ขาดเข่าคีบแตะขอบฟ้าคู่ใจแต่มันดูดีโคตรๆ

“เหี้ยติสส์แม่งน่ารักจริงวะ”

ผมเดินสับขาเข้าไปหามันที่โต๊ะสิ่งแรกที่เพื่อนในกลุ่มของมันเอ่ยและสิ่งที่สองผมสังเกตเห็นคือทั้งโต๊ะเล่นคีบแตะขอบฟ้ามาเหมือนกันหมดมึงจะแข่งกันติสท์ไปไหน

 “กูบอกแล้ว”ไอ้ติสส์ตอบเพื่อนกลับ

“ห่าติสส์คนอย่างมึงรู้จักคนโคตรน่ารักแบบนี้ได้ไงวะไอ้สัด”

“รู้จักกูด้วยเหรอ”นั้นคือคำแรกที่ผมถามพวกมัน

“ใครจะไม่รู้จักคนดังคณะแพทย์วะครับ”

“อือ ยินดีที่ได้รู้จักนี่เพื่อนชื่อหล่อ”ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยแนะนำไอ้หล่อให้พวกมันรู้จัก

 “ยินดีเหมือนกัน กูหลิว นั้นไอ้มอส บิ๊กบอส ลีวาย”ไอ้คนชื่อหลิวแนะนำตัวเองและเพื่อนในแก๊งแตะขอบฟ้าทีละคนอย่างห้วนๆ

 “นั่งก่อน”

กว่าจะบอกให้กูนั่งไอ้ห่าติสส์ยืนจนตะคิวจะแดกอยู่แล้วสัด...

“ชนนนนนน!”

หลังจากนั้นผมก็รู้สึกอินกับแก๊งแตะขอบฟ้าไปโดยปริยายเพราะพวกมันเป็นกันเองสุดๆเหมือนรู้จักกันมาเป็นชาติแถมยังแดกเหล้าโคตรเก่งส่วนไอ้หล่อดูเหมือนจะคุยกันถูกคอกับพวกไอ้หลิวจนต้องแลกเฟสแลกไอจีกันอะไรจะขนาดนั้นผมนั่งมองพวกมันคุยกันในมือยังคงถือแก้วเหล้าตัวเอง

“เจ้าหนี้ไหนบอกมีเรื่องจะคุย”ไอ้ติสส์เรื่องเปิดประเด็นด้วยการมากระซิบข้างหูผมเพราะเสียงดนตรีสดในร้านมันดังมาก

“อือ”

“ไปคุยกันที่อื่นตรงนี้เสียงดัง”ไอ้ติสส์เอ่ยพร้อมลุกเดินนำผมไปนั่งโต๊ะหน้าร้านเพราะมันเงียบกว่าข้างใน                                       

แสงไฟหน้าร้านยังคงส่องสว่างจนมองเห็นคนตรงหน้าชัดแทบทุกอย่างห่าติสส์พอดูใกล้ๆแล้วมันหล่อจังวะ

  ตุบ!

ผมไม่รอช้ารีบล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบกล่องเล็กๆขึ้นมาวางบนโต๊ะ

“อะไรวะ”ไอ้ติสส์ถามผมด้วยสีหน้าสงสัย

“เปิดดู”

“กู?”

“อือ”สิ้นเสียงผมตอบไอ้ติสส์ก็ยื่นมือมาหยิบกล่องเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะไปเปิดดูพร้อมเบิกตากว้าง

 





...

วาร์ปตอนที่15
ปริศนาเสื้อช็อปจะเริ่มคลี่คลายละเด้อออ
ยังไงก็รอลุ้นกัน ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะจ้ะ
เจอกันตอนหน้าบุยยย

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :a5: ตัดจบตอนแบบนี้...คิดจะฆ่ากันใช่ไหม......  o22

ออฟไลน์ -PCH-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ปฏิกิริยาของไอ้อันเดอร์ติสส์ทำผมตกใจไม่น้อยเพราะลุ้นระทึกกับสีหน้ามันหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะแถมมือยังสั่นอีกด้วยลุ้นยิ่งกว่าหวยก็คำตอบจากมันนี่แหละใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยเว้ยยยย

“นี่มัน!”

“....”มันอะไรมึงของมึงวะฉี่กูจะแตกอยู่แล้วสัด

“มัน”

“...”มันเหี้ยอะไรของมึงวะพูดสักทีสิโว้ยยยย

“มันอะไรวะ?”

“ห้ะ!”ลุ้นแทบตายแต่คำตอบที่ได้คือกลับไม่เป็นอย่างที่คิด

“สร้อยข้อมือห้อยจี้ลูกกุญแจ”

ไอ้ติสส์หยิบของในกล่องออกมาดู แน่นอนว่าของสิ่งนั้นคือสร้อยข้อมือที่ห้อยด้วยจี้ลูกกุญแจอะไรสักอย่างตัวลูกกุญแจเล็กแถมมีลักษณะหน้าตาไปทางแฟนตาซีหรือแนวกุญแจไขกล่องสมบัติทำนองนั้นเพราะแบบนี้ไงผมเลยคิดว่ามันอาจจะเป็นของมีค่ามากๆของใครคนนั้นก็ได้...

“ไม่ใช่ของมึงเหรอ?”

“ไม่ใช่”

“ไม่คุ้นๆบางเหรอ”

“ไม่เลย”
“แน่ใจ”

“ยิ่งกว่าแน่ใจ”

“แล้วที่บอกว่าเคยเจอกูก่อนหน้านี้ละ”

“อ่อออ เคยเจอตอนไปหาไอ้อัศวินที่คณะเห็นกำลังเดินหอบหนังสือเข้าตึกน่ารักดีเลยมอง”

“มองกู?”

“ครับโผม แล้วมีอะไรจะถามอะไรอีกไหม?”

“มี”

“อะไร?”ไอ้ติสส์เลิกคิ้วทำหน้าสงสัย

“เคยลืมช็อปไว้ห้องไอ้อัศวินไหม”

เป็นคำถามที่ยังค้างคาเพราะช็อปในตู้เสื้อผ้าไอ้อัศวินมันคือช็อปของคณะวิศวะ...อาจจะเป็นของไอ้ติสส์

 “เคยลืมตอนไปทำงานกลุ่มที่ห้องมัน”

 “...”นั้นไงว่าแล้วไอ้อัศวินจะมีช็อปได้ไง

“แต่มันเอามาคืนแล้ว”

“ห้ะ!! แล้วช็อปในตู้ตัวนั้นของใครวะ”

“อ้าวเจ้าหนี้มึงยังไม่รู้เหรอ”

 “รู้อะไร!”

ประสาทแดก!ยังมีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้อีกเนี่ยหลายเรื่องเหลือเกิน

“เรื่องนี้ไปถามไอ้อัศวินเองนะครับ กูไปแดกเหล้าต่อแหละ”

ไอ้สัดอันเดอร์ติสส์เดินปัดตูดไปเฉยหลังจากทิ้งปริศนาให้ผมนั่งงงกับคำพูดของมันพักใหญ่ก่อนจะเดินตามมันเข้าไปนั่งแดกเหล้า

“ชนนนนนนน”

“ชนนนนนนน”

“ชนนนนนนนนนน”

กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!

เสียงชนแก้วยังคงครึกครื้นตามประสาเด็กวิศวะที่พ่วงไปด้วยไอ้หล่อ เข้ากันดีเหลือเกินพวกมึง...                                   

เวลาเริ่มเดินผ่านไป การชนแก้วเหล้าก็เริ่มถดถอย เพราะพวกมันเริ่มเมากันจนเปลี่ยนจากกินเหล้ามานั่งโม้โชว์สรรพคุณตัวแทนผมนั่งฟังไปหัวเราะไปอาการเบลอเริ่มเข้ามาแทรกแซงในสมองหรือเรียกได้ง่ายๆว่าเมา

“กูมั้ยอยากจาโม้! เคยเลี้ยงหมาตัวหนึ่งรักมานมากแต่มานถูกรถชนตายกูโคตรคิดถึงหมากู ฮือออ ชาบูลูกพ่อ”

“ใจเย็นเพื่อนกูเข้าจายย”

“กูก็เข้าจายย”

“พวกมึงเข้าจายกูใช่มั้ย ฮืออ”

ดราม่าเรื่องหมายตายไอ้ห่าหลิวเพื่อนมึงก็ปลอบใจดีเหลือเกิน สัด!

  ~เสียงโทรศัพท์ดัง~

“โทรสับใครวะ”

“จายเย็นของกูเอง”

ผมตอบพวกมันเสร็จก็รีบดีดตัวลุกขึ้นยืนล่วงมือหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมากดรับสายด้วยสภาพทุลักทุเลเพราะ...เมาหนัก

“ให้อภัยๆ”

“ฮาโหลลลลลลลล”

[...]

“คายวะทำไมมั้ยพูดดด”

[อยู่ไหน]

“กรีนไฮท์งายย ถามหาพ่องมึงเหรอ ฮึ!”

[อยู่กับใคร]

“อันเดอร์ติสส์กับเพื่อนมานนนน แค่นี้แหละจะแดกเหล้าต่อ”

“คุยกับใครวะ”อันเดอร์ติสส์ถาม

“เพื่อนมึงงายอันเดอร์ติสส์”

“เฮ้ย!นั้นแก้วกู”

“เอามากูจะกินนนน”แย่งแก้วเหล้าอันเดอร์ติสส์

“เออๆ”

“ขอบใจ ฮ่าๆ”

“ไอ้ติสส์!”

“ไอ้อัศวิน!สัด!มาได้ไงวะ”

“นี่มันอะไร!”

“กูเปล่า! เขานัดกูมาเอง”

“อ้าวววว ไอ้อัดสะวินนี่นา ฮ่าๆ”

“อืม”

 

 

ฮึก!ทำไมมันปวดหัวอย่างงี้วะตาก็เบลอมองไม่ชัดจนต้องกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับทัศนะการมองกลิ่นหอมอุ่นๆของผ้าห่มที่ปกคลุมร่างกายทำให้รู้สึกอบอุ่นใจจนไม่อยากจะลุกออกไปไหน...ฉิบหาย!นี่กูอยู่ไหนวะเนี่ยยยยย

“ตื่นแล้วเหรอ”เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเอ่ยจนผมรีบดีดตัวลุกทันทีพร้อมมองต้นเสียง

“อัศวิน!”เจ้าของเสียงนั่งมองหน้าผมนิ่งแววตาดูโกรธอยู่บนโซฟาสีน้ำตาล

“ทำไมไปอยู่กับพวกไอ้ติสส์”

“ไปคุยธุระ”

“ที่ร้านเหล้า?”

“อือ”

“แม่บ้าน...”

อย่ามองหน้ากูด้วยสายตาแบบนั้นกลัวนะเว้ยเหมือนกูทำผิดร้ายแรงจนต้องถึงแก่ความตายอะไรทำนองนั้นสายตามึงไม่อ่อนโยนเลย

“อะไร”

“ไปไหนทำไมไม่เคยบอก”

“...”สัด!รู้สึกเหมือนกำลังโดนพ่อดุยังไงก็ไม่รู้

“รู้ไหมมันอันตราย”

“ขอโทษ”

“...”เงียบคือคำตอบของไอ้อัศวินไอ้บ้ากูไม่ใช่เด็กๆแล้วนะเว้ยดูแลตัวเองได้อยากเถียงมันออกไปแต่ใจมันไม่กล้าเพราะดูจากสีหน้าเหมือนฝ่ายนั้นกำลังโกรธเลยคิดว่ากลับดีกว่าไม่อยู่แล้วกลัวผมรีบคว้าโทรศัพท์มือถือบนหัวเตียงมาถือแล้ววิ่งเปิดประตูห้องออกมากดโทรออกหาไอ้หล่อทันทีไม่รู้มันยังอยู่ดีหรือเปล่า

[ฮัลโหลท่าน]เสียงทักทายจากปลายสาย

“อยู่ไหนของมึงวะ”

[กำลังจะไปกินข้าว]

“กับใคร”

[แก๊งแตะขอบฟ้า]

“ห้ะ! มึงไปสนิทกับพวกมันตอนไหน”

[แดกเหล้าเมื่อคืนไง]

“รถกูอยู่กับมึงใช่ไหม”

[อันเดอร์ติสส์มันขับกลับบ้านที่ชลบุรีแล้ว]

“ห้ะ!มึงว่าไงนะ!”

[นี่มึงเมาจนจำไม่ได้เลยเหรอเมื่อคืนมึงยังบอกให้อันเดอร์ติสส์เอารถมึงกลับบ้านไปคุยกับแม่อยู่เลย]

“กู?”

[เออ]

“...”ฉิบหายแล้วกูจะกลับหอยังไงวะเนี่ยรถก็ไม่มีตังค์แม่งก็หมดเกลี้ยง

[แค่นี้ก่อนนะท่านกูจะไปแดกข้าวแล้ว]

“เดี๋ยวววว”

 ตู๊ดดดดด!

อือหื้อออ สรุปกูต้องให้ไอ้อัศวินไปส่งใช่หรือไม่ไอ้ห่าอันเดอร์ติสส์นอกจากจะไม่คืนตังค์สามร้อยแล้วยังหลอกให้กูเลี้ยงแถมเอารถกูไปใช้อีกมึงจะเอาให้คุ้มเลยหรือไงวะ! เอาละตอนนี้คงต้องยอมรับซะตากรรมโดยการกลับเข้ามาในห้องนี้อีกครั้งซินะ

“อัศวินนนน”เสียงอ้อนระดับสิบพร้อมฉีกยิ้มหวาน

“...”มองหน้าผมนิ่งไม่พูดไม่จา

“ไปส่งหน่อยจิ”

“...”

“นะครับ”

“...”

“นะ นะ”

“อืม”

“น่ารักที่สุด”

“พูดมากจะไปไหม”

“ไปครับไป”

ทำมาเป็นบ่นว่าพูดมากแต่หน้ามึงนี่อมยิ้มจนเห็นได้ชัดเบื่อจริงพวกขี้เก๊กแต่จริงๆแอบยิ้มในใจชิ! ระดับเดอะคีย์อ้อนขนาดนี้มึงไม่หวั่นไหวบ้างก็ให้มันรู้ไป...                                                                                                                                                                 

ผมแทบไม่ต้องบอกทางมันเลยว่าต้องไปทางไหนหอพักผมอยู่ตรงไหนแม่งมันรู้! รู้ได้ยังไงวะเนี่ย ณ เวลานี้ ตอนนี้ผมได้แต่นั่งเงียบด้วยความตกใจ

“ระ รู้หอกูได้ไง”

“เดา”

“คนเหี้ยอะไรจะเดาเก่งขนาดนี้วะ”

“คนเก่งไง”

“อย่าบอกนะว่ารู้เบอร์ห้องกูอีก”

“รู้”

“ห้ะ!!”

“รู้ก็ดีสิ”

“กวนตีน”

“ไม่ได้กวน”

“นี่แหละที่เขาเรียกว่ากวน”

“ไม่ได้กวน”

“โอ้ยยย ไม่คุยกับมึงแล้ว”

“แม่บ้าน”

“อะไร!”

“ตกลงห้องเบอร์ไหน”

“เบอร์เหี้ยอะไรละ”

“เบอร์เหี้ยไม่มี”

“ไอ้อัศวิน!! ขอบใจที่มาส่งลาขาด!”

  ปัง!

ไอ้กระทิงอัศวินนนนน ผมอยากจะกระโดดถีบยอดหน้ามันฉิบหายแต่ทำไม่ได้สิ่งที่ทำได้คือลงมาจากรถมันแล้วปิดประตูเสียงดังใส่ก่อนจะเดินสับขาเข้าหอพัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2018 00:00:21 โดย -PCH- »

ออฟไลน์ -PCH-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เช้าวันใหม่อากาศสดใสท้องฟ้าแจ่มแจ้งแต่ผมกลับต้องมานั่งทุกใจเพราะไอ้สัดอันเดอร์ติสส์มันยังไม่คืนรถให้ผมเลยโว๊ยยยยย   

แล้วกูจะไปเรียนยังไงวะอย่าให้เจอหน้านะมึงจะกระโดดถีบยอดหน้าแม่ม

  ~เสียงโทรศัพท์ดัง~

      -นฤดล-

ไอ้ดล!ในที่สุดพระเจ้าก็ส่งหลวงพี่มาช่วยผม!

“ไอ้ดลลลล”

[กว่าจะโทรติด]

“มารับกูไปเรียนหน่อยดิ”

[รถมึงละ]

“เรื่องมันยาวเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”

[เออๆแล้วให้ไปรับที่ไหน]

“หอกูครับ”

[เดินลงมารอเลยกูจะถึงแล้วเนี่ย]

“ครับผมมมม”

คนที่พึ่งพาได้สุดในกลุ่มคงไม่ต้องพูดถึงไอ้หล่อนะครับปานนี้มันคงอยู่กับสมาคมแตะขอบฟ้าชัวร์ผมหอบกระเป๋าเดินเข้าลิฟท์กดชั้นหนึ่งทันทีโทรศัพท์ยังคงถือสายหลวงพี่อยู่ด้วยความรีบเลยไม่ได้กดวาง

[ไอ้คีย์!!!]

“หูกูจะแตกมึงจะตะโกนทำไมหลวงพี่”

[กูลา]

“เดี๋ยวสัด ใครจะไปส่ง...”

  ตู๊ดดดดดด

อืม...พอประตูลิฟท์เปิดเท่านั้นแหละไอ้ห่าดลมึงกลับมาก่อนสิวะอย่าทำร้ายกูแบบนี้ได้แต่ยืนหันหลังบีบน้ำตาในลิฟท์เมื่อเห็นขายาวๆก้าวเข้ามาใกล้

“แม่บ้าน”

“...”อือหื้ออออ วงวารชีวิตกูแท้ๆ ปั้นหน้าก่อนจะหันไปหาต้นเสียง

“มารับไปเรียน”

“มารับทำไม”

“ไม่มีรถไง”

“ไม่ต้องเดี๋ยวไอ้ดลมารับ”

“พึ่งขับรถออกไปเมื่อกี้”

“เดี๋ยวมันก็กลับมา”

“สายแล้วเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน”ไอ้อัศวินว่าพร้อมมองนาฬิกาในข้อมือ

“จะรอไอ้ดลลล”

“ดื้อ”

“ไม่ได้ดื้อ!”

“ถ้าไม่ดื้อก็ไปขึ้นรถ”

“ไม่!”

“...”เงียบอีกแล้วโว้ยยย เวง!ที่เขาบอกความเงียบหน้ากลัวเออ!กูเชื่อก็วันนี้แหละ

“อือ...ก็ได้”พึมพรำ...ไม่น่าวางฟร์อมตั้งแต่แรกเลยกูใครมันจะกล้าตอบอย่างอื่นวะเล่นอยู่ในโหมดสุดโหดแบบนี้อย่าว่าแต่ตอบอย่างอื่นเลยปากสั่นแทบพูดไม่ออกเหมือนสมัยวัยละอ่อนไม่ชอบกินผักแล้วเอาผักยัดปากน้องหมาที่บ้านพอพ่อจับได้โดนดุจนหูชาอารมณ์เดียวกับตอนนี้เลยนั่งเงียบแบบง่อยๆในรถไม่กล้าปริปากพูดสักคำสงสารตัวเองฉิบหายเลยกู...

“แม่บ้าน”

“อือ”

“ถึงแล้ว”

“มึงเดินเข้าตึกไปก่อนเลย”

“เดินไปด้วยกันดีกว่า”

“ไม่เอามึงไปก่อนเลย”

  หมับ!

“ปล่อยมือกู!”

ไอ้อัศวินไอ้กระทิงมึงจะลากกูเข้าตึกแบบนี้ไม่ได้คนยืนหน้าตึกเต็มเลยนะเว้ยทำใจไม่ได้หัวใจอ่อนแรงสิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือยกกระเป๋าสะพายในมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองแต่ขายังคงก้าวไปพร้อมกับมันรู้ดีว่าตอนนี้คนหน้าตึกคงมองเป็นตาเดียว...

“ฮิ้วววววววววววววววววววววววว”นั้นไงกูว่าแล้วเสียงแซวดังขึ้นมาตั้งแต่เดินยังไม่ถึงหน้าตึก

 “กูเข้าใจเหตุผลที่มันไม่มาเรียนเมื่อวานแล้ววะ”

“มึงก็คิดเหมือนกูใช่ไหม”

“ใช่กูก็คิดเหมือนมึง”

“กูว่าแล้วมึงต้องคิดเหมือนกู”

“กูก็คิดว่ามึงต้องคิดเหมือนกู”

“เออกูก็คิดเหมือนมึง”

“มึงจะคิดเหี้ยอะไรกันนักหนา!”

“เชี่ยอาร์พ่อมึงมา”

“มึงเลยห่าปีเตอร์พากูเล่นมุกเหี้ยอะไรของมึง”

“ไปเรียน! คนอื่นก็เหมือนกันอย่าเสือก!”

ต้องขอบใจสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบไอ้เรียวที่ทำให้ฝรั่งสองตัวนั้นเงียบให้แถมยังไล่คนอื่นที่ยืนมองแถวหน้าตึกให้กูด้วยคนจริงมากประทับใจสุดดดด                                                                                                                                                                       

ผู้คนหน้าตึกที่โดนฤทธิ์เกรี้ยวกราดของไอ้เรียวเข้าไปต่างก็แยกย้ายสลายภายในพริบตา เชี่ยยย โคตรอเมซิ่งเลยวะ

“ตั้งใจเรียนนะ”

น้ำเสียงเรียบนิ่งกระซิบเบาๆข้างหูจนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่ายทำเอาผมตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกกับคนตรงหน้ารู้ตัวอีกทีเขาก็ไม่อยู่เสียแล้ว...

 

บรรยากาศที่โรงอาหารในวันนี้คนเริ่มเยอะเพราะช่วงเที่ยงถึงบ่ายโมงจะเป็นเวลาพักผ่อนนั่งคุยกับกลุ่มเพื่อนเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ดีและมีค่ามาก  ผมกับไอ้ดลเลยมานั่งกินข้าวกันเพลินๆสองคน

 “เจอตัวสักทีตามหาตั้งนาน”

“ไอ้หล่อ!”

“เออกูหล่อ”

“นี่มึงแต่งตัวเหี้ยอะไรเนี่ย”

“กูเข้าสมาคมแตะขอบฟ้าเลยคีบมาด้วย ส่วนผมกูปล่อยมาแบบเซอร์ๆจะได้ดูมีสไตร์ เสื้อไม่ได้รีด เป็นไงติสท์ไหมละมึง”

“อยู่กับพวกมันไม่กี่ชั่วโมงมึงเป็นถึงขนาดนี้เลย”

“มึงต้องเข้าใจวิถีชีวิตเว้ยเพื่อน”

อยากจะบอกว่าตอนนี้คนในโรงอาหารมองไอ้ห่าหล่อเป็นตาเดียวไม่ใช่เพราะน่าตาดีหรืออะไรแต่เขามองเพราะ...การแต่งตัวของมัน เหนื่อยจริงมีเพื่อนเป็นคนบ้า

“ไอ้หล่อมึงไปนั่งไกลๆกูดิ”หลวงพี่เอ่ยพร้อมผลักตัวไอ้หล่อเบาๆ

“ทำไมวะ”

“กูไม่อยากนั่งกับคนบ้า”

“ส้นตีนไก่คนบ้าอะไรกูคนเท่ห์”

“เท่ห์อะไรของมึงใช้ไขสันหลังคิดแทนสมองเหรอ!”

“สมาคมกูเขาแต่งแบบนี้ทั้งนั้น”

“เขาคงแต่งมาไม่เหี้ยแบบมึง!”

“ไอ้ดล!”

“ทำไม!”

“พวกมึงจะเถียงกันทำไมวะคนมองเยอะกว่าเดิมแล้วสัด!”

ศึกนี้ต้องห้ามไม่งั้นจะใหญ่โตได้เพราะผมรู้ดีว่าไอ้หล่อมันกำลังอินกับสมาคมของมันเป็นอย่างมาก

  ~เสียงโทรศัพท์ดัง~

ผมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูหน้าจอโชว์เบอร์แปลกที่ไม่คุ้นตาตัดสินใจไปพักใหญ่แต่สุดท้ายก็กดรับ

 “ฮัลโหลครับ”

[เจ้าหนี้! นึกว่าจะไม่รับซะแล้ว]

“ไอ้ติสส์!”

[เออ!กูเอง]

“มึงกลับมาแล้วเหรอรถกูละ”

[เดี๋ยวตอนเย็นไปรับ เลิกเรียนกี่โมง]

“ห้าโมงเย็น”

[เรียนอะไรเยอะแยะวะ]

“เรียนหนังสือ”

[กวนตีนนะเรา]

“ไม่ได้กวน”

[เออๆเจอกันจุ๊บ]

 ตู๊ดดดด

วางสายเร็วมากคือมึงกลัวเปลืองตังค์ค่าโทรศัพท์หรือไงหรือว่าเป็นสไตร์ของพวกมึงอีกเนี่ยเข้าใจยากฉิบหาย!

“ไอ้คีย์ เรื่องรถมึง...”ไอ้ดลว่า

“รถอยู่กับไอ้ติสส์มันขอยืมไปทำธุระ”

“นี่พวกมึงสนิทกับพวกวิศวะขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ไม่ได้สนิท”

“ไม่สนิท? มึงดูการแต่งตัวเพื่อนมึงก่อนเถอะ”ไอ้ดลบ่นพร้อมชี้ไปหาไอ้หล่อกำลังแดกข้าว

“อันนั้นคงต้องถามมันเองวะ”

“ไม่อะกูเหนื่อยใจ”

การเปลี่ยนแปลงของไอ้หล่อในครั้งนี้ดูเหมือนจะบ้าไปหน่อยสำหรับไอ้ดลแต่สำหรับผมมันก็เท่ห์ไปอีกแบบแต่เชื่อผมเถอะว่าอีกไม่นานไอ้หล่อมันจะกลับสู่สภาวะเดิม

 

 

คาบสุดท้ายของวันนี้ในที่สุดก็จบลงสักทีอยากขอบคุณอาจารย์หมอมากที่สอนเกินเวลามาเกือบครึ่งชั่วโมงจนโทรศัพท์ผมแทบพังเพราะอันเดอร์ติสส์โทรตามเกือบทุกห้านาที

  ~เสียงโทรศัพท์ดัง~

นั้นไงโทรมาอีกแล้ว

“กำลังจะลงไปแล้ว”

[รอโคตรนาน]

“เออรู้แล้ว”

[กูนั่งรอใต้ตึกรีบมา]

ตู๊ดดด

นั้นคือประโยคสุดท้ายก่อนมันจะกดวางสายสิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือหอบกระเป๋าวิ่งเข้าลิฟท์ หลังจากนั้นไม่นานประตูลิฟท์ก็เปิดเพราะถึงที่หมาย

“เจ้าหนี้โว้ยยย!!”คำทักทายจากปากไอ้ติสส์ผู้ชายใส่ช็อปคีบแตะนั่งรอผมหน้าตึก

“กรี๊ดดดดดดดดดด”

“กรี๊ดดดดดดดดด”

 “อันเดอร์ติสส์!!”

“ผู้ชายใส่ช็อป!!”

“ฉิบหาย!”และนั้นคือคำพูดสุดท้ายของไอ้ติสส์ก่อนมันจะวิ่งออกนอกตึกตามด้วยแม่ยกมันที่วิ่งตามมันออกไปเป็นคนดังแบบพวกมึงนี่มันลำบากจริงๆ

“ไอ้คีย์เขาวิ่งอะไรกันวะมีแจกของเหรอ”ไอ้หล่อเอ่ยหน้างง

“แจกของห่าอะไรละเขาวิ่งตามไอ้ติสส์”

“อันเดอร์ติสส์มาเหรอ!”

“เออ”

“เดี๋ยวกูมาวิ่งตามไอดอลกูแป๊ป” ไอ้หล่อไม่รอช้าวิ่งแจ้นออกไปนอกตึกทันที อะไรจะขนาดนั้นวันนั้นยังกินเหล้าด้วยกันอยู่เลยวิ่งตามอย่างกับเจอเซเลบ...เหนื่อยใจ

“เจ้าหนี้ขึ้นรถ!”

“ไอ้ติสส์!”

เมื่อกี้ไอ้หล่อพึ่งวิ่งตามมึงไปแล้วมึงเสือกวนรถมารับกูหน้าตึกทำไมรู้สึกสงสารเพื่อนจังผมเดินวนไปขึ้นรถตามที่มันบอกก่อนมันจะซิ่งรถออกจากหน้าตึกโผล่มาอีกทีร้านอาหารชื่อดังแถวหน้ามหาลัย

“เจ้าหนี้กูมีเรื่องจะบอก”ไอ้ติสส์ว่าหลังจากทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ในร้านสีหน้าจริงจัง

“บอกกู?”

“เออ เรื่องไอ้อัศวินจริงๆกูก็ไม่อยากเสือกหรอกนะแต่เพื่อเป็นการขอบคุณที่ให้กูยืมรถกลับบ้านแถมเลี้ยงเหล้ากูวันนั้น”

“ว่ามา”

“ถามจริงเจ้าหนี้มึงไม่เคยสงสัยเลยเหรอว่าทำไมกูกับไอ้อัศวินถึงเป็นเพื่อนกันได้ทั้งที่กูเรียนปีสองเหมือนมึงแต่ไอ้อัศวินกลับเรียนปีหนึ่ง”

“...”จริงด้วยทำไมผมไม่เคยสงสัยเรื่องนี้เลยเป็นไปได้ไงหรือสมองนอนหลับ

“จำเรื่องเสื้อช็อปที่มึงเคยถามได้ไหม?”

“อือ”

“เสื้อนั้นของไอ้อัศวินเอง”

“หมายความว่าไง”

“ไอ้อัศวินมันเคยเรียนวิศวะมาก่อน”

“ห้ะ!!!”





...

วาร์ปปปป
ที่มาช้าเพราะคนเขียนแอบไปชิวคีบแตะขึ้นเขาอยู่ค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
ช่วงชิวก็มีแอบคิดพล็อตในหัวเรื่องใหม่บ้างตามประสา อิอิ
จะมาอัพตอนต่อไปวันอาทิตย์นะคะ
เจอกันตอนหน้า บุยยย



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2018 00:03:44 โดย -PCH- »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ vvin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :katai1: :katai1:
รออออออออออออออออออ

ออฟไลน์ -PCH-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ขอสารภาพว่าผมตกใจเผลอตะโกนเสียงดังลั่นจนคนในร้านข้าวหันมองเป็นตาเดียวก็ใครมันจะไม่ตกใจละอยู่ดีๆมาบอกว่าไอ้อัศวินเคยเรียนวิศวะมาก่อนนี่มันเรื่องอะไรกันแน่

“ขอโทษครับๆ”ผมเอ่ยออกไปก่อนที่สถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม

 “ไอ้อัศวินมันอยากเป็นวิศวกรเหมือนพ่อมัน แม่งโคตรตั้งใจเรียนเลยตอนนั้น แต่พออากงมันป่วยเข้าโรงบาลในฐานะหลานมันก็ไปเฝ้าที่โรงบาลตลอด เพราะมันรักอากงมาก”

 “...”

“แต่สุดท้ายอากงมันก็ไม่รอด...”

“...”เชี่ยน้ำตาจะไหล

“มันเลยตัดสินใจซิ่วมาเรียนหมอเพราะไม่อยากเห็นคนอื่นเป็นแบบมัน...แบบที่ช่วยอะไรคนที่ตัวเองรักไม่ได้...”บอกตามตรงเรื่องที่ไอ้ติสส์เล่ามากผมช็อกมาก...                                                                                                                     
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องมันจะซับซ้อนขนาดนี้แต่ไอ้ติสส์มันเล่าด้วยสีหน้าและแววตาเศร้าๆจากตอนแรกที่เป็นอันเดอร์ติสส์สุดกวนตีนตอนนี้กลายมาเป็นไอ้ติสส์หน้าเศร้าแทนจนผมทนไม่ได้ต้องยื่นมือไปตบไหล่มันเบาๆเพื่อปลอบทั้งที่ตัวเองก็ยังช็อกอยู่
มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมหวนคิด...ทำไมเวลาผมกับไอ้อัศวินคุยกันมันไม่เคยเรียกผมว่ามึงเลยสักครั้งมันไม่เคยแม้กระทั้งจะทำให้ผมรู้ว่าเรารุ่นเดียวกัน...

ตุบ!

อยู่ดีๆไอ้ติสส์มันก็ฟาดมือลงโต๊ะเสียงดังแล้วดึงมือออกสิ่งที่ผมเห็นหลังจากนั้นคือกล่องเล็กๆสีดำที่คุ้นเคย

“อยู่กับมึงได้ไงวะ!”

“วันนั้นมึงเมาเละกูเลยเก็บไว้ให้”

“ขอบคุณนะ”ผมยิ้มกว้างพร้อมยื่นมือไปหยิบกล่องเล็กๆนั้นยัดลงกระเป๋าสะพาย

“โทษทีวะเจ้าหนี้”

“หือ?”

 “กูไม่รู้จริงๆว่าสร้อยข้อมือเป็นของใคร”

“เฮ้ย!ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษ”

“กูบอกมึงทุกอย่างแล้วมื้อนี้เลี้ยงกูด้วย”

“ห้ะ!”

“ไม่ห้ะ! กูหิวมากกก”

เปลี่ยนอารมณ์เร็วยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสีอีกนะมึงสมแล้วที่เป็นอันเดอร์ติสส์...
ว่าด้วยเรื่องคุยธุระกับอันเดอร์ติสส์ในวันนี้ต้องเลี้ยงข้าวมันแถมยังต้องขับรถไปส่งมันที่คอนโดอีกเป็นภาระสุดๆส่วนตังค์สามร้อยที่ยืมมันบอกว่าไม่คืนช่างเป็นมิตรที่ดีอะไรแบบนี้!                                                                                                 
เรื่องไอ้ติสส์ช่างมันเพราะผมไม่ได้ใส่ใจอะไร เรื่องที่ผมใส่ใจคือเรื่องไอ้อัศวินต่างหากผมเป็นห่วงความรู้สึกมันมากพอรู้ว่ามันผ่านอะไรมาบ้างอยากจะบอกมันว่ามึงเก่งมาก มึงเข้มแข็งมาก มึงสุดยอดมากที่ผ่านเรื่องนั้นมาได้...
รู้ตัวอีกทีผมก็มายืนนิ่งหน้าห้องมันเพราะภาพหน้าเศร้าของมันลอยเข้ามาในหัวตลอดผมไม่อยากเห็นมันทำหน้าเศร้าแบบนั้นเลย

ก๊อกๆๆ

ผมยืนเคาะประตูหน้าห้องไอ้อัศวินสติหลุดลอยจนลืมว่ามันมีกริ่งให้กดความรู้สึกวันนี้แตกต่างออกไปเพราะทุกครั้งที่ผมมาที่นี้ ผมคิดว่ามาเพราะสัญญาทาสสองอาทิตย์แต่วันนี้ผมมาด้วยความเป็นห่วงแบบไม่คิดอะไรหรือมีข้อแม้อะไร...                                                                   
ประตูจะค่อยๆเปิดออกเผยให้เห็นร่างสูงกับใบหน้าหล่อๆเจ้าของห้องยืนจ้องหน้าผมขมวดคิ้ว

“อัศวิน...มากอดหน่อย”

พูดเสร็จผมก็ยื่นแขนโอบเอวอีกฝ่ายทันที ไอ้อัศวินสะดุ้งเล็กน้อยไม่ได้ตอบอะไรกลับค่อยๆโอบกอดผมกลับ ตัวมันอุ่นและหอมมากจนผมต้องยื่นหน้าไปซุก

“แม่บ้าน”เสียงเรียกแผ่วเบาจากปากอีกฝ่าย

“...อือ”

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“ไม่ได้เป็น”

“ดีแล้ว”

“อือ”

สิ้นเสียงตอบมือหนาก็ค่อยๆยกขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆทำผมเคลิ้มไปพักใหญ่ ผมหลวมกอดก่อนจะเงยหน้าสบตาอีกฝ่ายใบหน้าหล่อๆที่ผมเคยอิจฉาตอนเห็นครั้งแรกตอนนี้อยู่ใกล้ผมมากจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นของลมหายใจ...

“จูบได้ไหม?”

“...”

สารภาพนั้นเป็นคำถามที่ผมไม่กล้าจะตอบหรือปฏิเสธอะไรออกไปได้แต่ยืนแข็งทื่อเงยหน้ามองคนถามนิ่ง เหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจรอคำตอบเริ่มประกบปากลงมาริมฝีปากล่างของผมเบาๆเป็นสัมผัสแรกที่นุ่มละมุนมากจนผมแอบเคลิ้มไปกับอีกฝ่ายโดยไม่ขัดขืนอะไร ทุกอย่างมันเป็นไปโดยธรรมชาติมันละมุนนุ่มนวลและรู้สึกดีจนผมไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดยังไงเพราะนี้คือครั้งแรกที่ผมโดนจูบถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายเหมือนกันก็เถอะ

“อือๆ”

ผมตุบแผงอกอีกฝ่ายเบาๆเพราะมันเริ่มรุนแรงขึ้นทุกทีอีกและมันได้ผลอีกฝ่ายค่อยๆผละออกแถมยังมีหน้ายิ้มหวานกลับมาให้ประหนึ่งว่าพอใจมากแล้วสำหรับเหตุการณ์ในวันนี้

“หวานจัง”

“ไม่ต้องมาพูดเลย!” ฮือออ ทำกูเคลิ้มนะมึงไอ้อัศวินหัวใจอ่อนไหวจนไม่กล้าสบตาเลยขอร้องอย่ามาจ้องหน้าแล้วยิ้มให้กูแบบนั้นนนน

“ค้างด้วยกันไหม”

“ไม่โว้ยยยย”

ผมโวยวายก่อนเดินหน้ายุ่งออกมาจากห้องมันไม่ไหวกับการล่อให้เคลิ้มด้วยใบหน้าหล่อๆ คนอะไรโคตรร้ายกาจแถมยังล่อเก่งจริงๆผมไม่หน้ามาปลอบใจมันเลย!

 

จะบ้าพยายามข่มตานอนทั้งคืนพยายามไม่คิดเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับไอ้อัศวินแต่สมองมันสั่งได้ที่ไหนเล่า!                                 
นอนไม่หลับทั้งคืนแถมยังมีเรียนเช้า                                                                                                                                           
เรียนไม่เข้าหัวเลยเพราะเรื่องจูบตามมาหลอกหลอนตอนนี้มานั่งถอนหายใจในห้องสมุดคณะ

“เฮ้ออออออออออ”

“รอบที่ล้านเป็นอะไรของมึงวะท่าน”ไอ้หล่อถาม

“เปล่า”

“เปล่าเหี้ยอะไรนั่งถอนหายใจมาเกือบชั่วโมง”

 “กูเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ”

“มาก”

“ไอ้หล่อมึงเงียบหน่อยเกรงใจเขาอ่านหนังสือ”ไอ้ดลเงยหน้าจากหนังสือที่อ่านขึ้นมาว่าก่อนจะก้มหน้าลงไปอ่านต่อ

“ครับๆ”

“อ้าวเฮ้ยพวกมึง!!!”

นี่ก็อีกคนเสียงตะโกนดังกว่าไอ้หล่ออีกไม่มีความเกรงใจห่าอะไรต่อคนอื่นที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เลยเพราะความแก่ชราภาพและความเกรียนของเจ้าตัวบอกได้คำเดียวคนรู้จักพี่แกทั้งคณะ

“เหี้ยพี่จีน! หวัดดีพี่”

“ไอ้ห่าหล่อเรียกชื่อกูซะเสียเหี้ยเลยนะมึง”

“ไม่เห็นหน้านานนึกว่าตายห่าไปแล้ววะพี่”

“ยังไม่ตายกูแค่ขึ้นวอร์ดเฉยๆ”

“มาทำอะไรแถวนี้พี่”ผมถามขึ้นบ้าง

“มาทำธุระ”

“ธุระอะไรวะ”

“นัดหลานรหัส...นั้นไงมาแล้ว อัศวินทางนี้!!”

ฉิบหาย!ทำไมพวกมึงไม่ไปนัดกันที่อื่นมานัดอะไรที่นี้วะสัด! ไอ้อัศวินกำลังเดินมาทางนี้แล้วโว๊ยยยย                                                             
เรื่องเมื่อวานทำผมหนักใจจนหนีมาหลบหน้ามันในห้องสมุดเพราะไม่รู้ว่าเจอหน้ามันแล้วต้องทำตัวยังไงคือกูอายแต่ไอ้ห่าพี่จีนเสือกนัดมันมาเวรกรรมรีบยกหนังสือขึ้นปิดหน้าแทบไม่ทัน

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตักกกก

นั้นไงหัวใจเริ่มทำงานหนัก มึงหยุดเต้นเลยนะเว้ย

“เลคเชอร์ที่มึงอยากได้”

“ขอบใจนะพี่”

“เรื่องเล็กน้อย”

“...”

“กูต้องไปแล้วเดี๋ยวว่างๆไปกินข้าวด้วยกันน้อง”

“ครับ”

นั้นคือสิ่งที่ไอ้พี่จีนกับไอ้อัศวินคุยกันผมไม่กล้าแม้แต่จะยื่นหน้าออกจากหนังสือเล่มใหญ่ไปมองได้แต่สวดมนต์ภาวนาให้มันไปจากตรงนี้เร็วๆเพราะทางนี้มันไม่ไหวแล้ววว

“แม่บ้าน”

“...”เวง!ทำไมมึงยังไม่ไปอีกกกก ไปเถอะกูไหว้ละกูอายนะเว้ยใจอ่อนแรงไปหมดแล้วเนี่ย

“ทำอะไรอยู่”

“อ่านหนังสือสิวะไม่เห็นหรือไง!”

“อ่านรู้เรื่องเหรอ”

“รู้!อย่าถามมากกำลังตั้งใจอ่าน”

“แค่จะบอกว่าหนังสือมันกลับหัว”

 “อุ้ย!”

“...”ไอ้อัศวินไม่ได้ตอบอะไรกลับแต่ดันทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงข้ามผมแถมส่งยิ้มกวนตีนมาให้น่ามั่นไส้ฉิบหาย

“พวกมึง...”

ฮือออ เมื่อผมจะหันไปพึ่งพาเพื่อนไอ้สัดพวกมึงทิ้งกูอีกแล้วนะไอ้เพื่อนชั่วช้าไปตอนไหนกันวะเนี่ยทิ้งกูได้ลงคอไอ้หล่อไอ้ดลกลับมาหากูก่อนนน

“เมื่อวาน...”

“...”หยุด หยุด หยุดนะเว้ยยยย กูอายจนอยากจะมุดดินหนีแล้วสัดไม่ไหวอย่ามาจ้องหน้ากูด้วยจะบ้าตายทำตัวไม่ถูก

“ไอ้ติสส์บอกหมดแล้วเหรอ”

“ห๊า!บอกอะไรไม่มี้”

นี่สรุปผมกำลังเข้าใจผิดคิดว่าไอ้อัศวินมันจะมาตอกย้ำเรื่องจูบแต่กลับไม่ใช่มันแกล้งผมหรือเปล่าวะ

“เรื่องมาเรียนหมอ”

“อือ”

“ถึงว่าอยู่ๆแม่บ้านก็เปลี่ยนไป”

“รู้ได้ไง?”

“ไอ้ติสส์บอก”

“...”ไอ้ติสส์มึง!เพราะมึงเลยนอกจากทำให้กูเสียจูบแรกที่กูรักษามายี่สิบปียังทำให้กูรู้สึกผิดที่ไปเสือกเรื่องชาวบ้านอีก

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“กลัวมึงโกรธอะ”

“อืม โกรธ”

“อ้าว”

“ล้อเล่น”

“กวนตีนเหรอ!”

“เปล่า”ไอ้อัศวินเอ่ยพร้อมยิ้มกว้างประหนึ่งแกล้งผมสำเร็จเกลียดหน้ามึงตอนนี้มากอยากชูนิ้วกลางให้ฉิบหายแต่ทำไม่ได้เลยต้องยกหนังสือขึ้นมาอ่านทำเป็นไม่สนใจหน้าหล่อๆของมันแทน...

“ฮิ้วๆๆๆ จีบกันอยู่เหรอ”

เสียงแซวกวนส้นตีนดังขึ้นจนผมต้องเงยหน้าจากหนังสือขึ้นไปมองอีกทั้งเจ้าตัวยังส่งยิ้มกว้างกับมาด้วยท่าทางกวนๆให้ไม่ใช่ใครที่ไหนไอ้ปีเตอร์หนึ่งในแก๊งเทพบุตรสุดหล่อประจำคณะ

“มาทำไม”ไอ้อัศวินถามเพื่อนตัวดีของมัน

“ยังมีหน้ามาถาม! นัดเพื่อนแดกข้าวไง! ไหนมึงบอกจะเข้ามาทำธุระห่าเหวแค่แป๊ปเดียวพวกกูยืนรอหน้าห้องสมุดเป็นชั่วโมงจนตะคิวแดกขาไอ้สัด!”ไอ้ปีเตอร์บ่นยาว

“ลืม”

“ไอ้อัศวิน! มึงมันใจร้ายปล่อยพวกกูรอจนหิวแทบตายไอ้คนใจดำ!”ปีเตอร์มึงด่าเพื่อนได้น่ารักมากอารมณ์เหมือนในซีรี่เกาหลีที่นางเอกด่าพระเอกว่าคนบ้าโดยใช้เสียงสองอะไรทำนองนั้น

“พวกมึงไปเถียงกันที่อื่นได้ไหมรบกวนคนอื่นเขา”ผมว่าเสียงเบาเพราะเกรงใจคนอื่นที่กำลังนั่งอ่านหนังสือแต่พอหันไปมองรอบๆเท่านั้นแหละ...ทุกคนในห้องสมุดพร้อมใจกันยกโทรศัพท์มาถ่ายรูปไอ้อัศวินกับไอ้ปีเตอร์กันหมด...เออ!กูขอโทษ

“พี่คีย์ไปกินข้าวด้วยกันดิพี่”

“ห้ะ!”ผมตกใจอยู่ๆไอ้ปีเตอร์ก็เอ่ยปากชวนหน้าตาเฉย

“ไม่ห้ะ ไปกินข้าว”

“ไม่เอา”

“ไม่ได้พี่อย่าขัดน้ำใจ”

หมับ!

“เฮ้ย!เดี๋ยววว”

ไอ้ปีเตอร์ไม่ได้สนใจที่ผมพูดมันลากผมเดินออกมาจากห้องสมุดเรียบร้อยโดยมีไอ้อัศวินเดินหอบกระเป๋าผมตามมาติดๆแถมหน้าห้องสมุดยังมีสมาชิกแก๊งเทพบุตรอีกสองคนยืนรออยู่

“รอโคตรนาน”ไอ้เรียวเอ่ยหน้านิ่ง

“เออ!กูหิวจนหาหญ้าแดกแทนข้าวละสัด”

“เป็นควายเหรอครับ”

“เปล่าครับเป็นกระต่าย”

“ผ่าม!!”

“มุกควายอะไรของพวกมึง!”

ไอ้เรียวไอ้พูดในสิ่งที่ผมอยากพูดกับไอ้ปีเตอร์และไอ้อาร์เธอร์แล้วละครับขอบคุณมึงมากที่พูดแทนกู...





...

 ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าเด้อออ

 


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
คีย์น่าร๊ากกกกปลอบแบบนี้เข้าทางเบย

ออฟไลน์ vvin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :impress2: :impress2:
แก๊งเทพบุตรสายฮา ชอบมุกๆ55555555555

ออฟไลน์ Raam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักกกกกก รอนะค้าาา :katai2-1: :hao5:

ออฟไลน์ -PCH-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เมื่อผมมายืนรวมกับแก๊งเทพบุตรในตำนานความจริงก็ได้ปรากฏว่าหน้าผมก็หล่อใช้ได้ถ้าอยู่กลุ่มเดียวกันก็คงฮอตเหมือนพวกมันแน่นอนแต่มีข้อหนึ่งคือพวกมันสูงกันมากผมแทบจะเหมือนหลุมดำในเทือกเขาอะไรทำนองนั้นขนาดพยายามยืดให้ดูสูงแล้วแต่ก็ยังเตี้ยกว่าพวกมันอยู่ดี

“เจ้าหนี้โว๊ยยยยยย”เสียงตะโกนแหกปากดังขึ้นจนทุกคนที่เดินผ่านไปมาหรือแม้แต่ผมเองก็ต้องหันไปมองต้นเสียงและพบว่าเสียงแหกปากนั่นคือ...อันเดอร์ติสส์ใส่ช็อปสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์ขาดเข่าคีบแตะขอบฟ้ากำลังวิ่งหอบมาหาผม

“มะ มีอะไรวะ”ผมถามเพราะมันยืนหอบอยู่ตรงหน้า

“กูยืมรถหน่อยดิ แม่กูให้คนเอารถมาให้แต่ไอ้เชี่ยหลิวแม่งเสือกขโมยรถกูไปรับสาวตอนนี้น้ำมันหมดกลางทางวุ่นวายกูอีก!”   

ไอ้ติสส์บ่นยาวแทบไม่เว้นระยะหายใจ

“เออๆ”ผมตอบตกลงพร้อมยื่นกุญแจรถให้มันเพราะหน้ามันดูรีบร้อนแถมอารมณ์เสียแบบสุดๆ

“ขอบใจนะเว้ย”

“อือ แล้วมึงหากูเจอได้ไงเนี่ย”

“ถามเพื่อนมึงสองคนกูเห็นแม่งเดินผ่านพอดี”

“รถจอดแถวหน้าคณะ”

“ขอบใจมากเจ้าหนี้ กูไปละ”

สิ้นเสียงไอ้ติสส์มันก็วิ่งจากไปทันทีถามจริงมึงทำไมไม่ยืมรถไอ้อัศวินเพื่อนมึงมันก็ยืนอยู่กับกูเนี่ยเป็นเพื่อนกันประสาอะไรของพวกมึง

“กูจะได้แดกข้าวตอนไหนวะ!”

“เออหิวฉิบหาย”

“กูว่าไปเจอกันที่ร้านเลยสัด!ไอ้อัศวินดูแลพี่คีย์ด้วยนะมึง”

“ตามนั้นพวกเราก็ไปเถอะกูหิวมากกก”

นั้นคือบทสนทนาของไอ้ฝรั่งปีเตอร์กับอาร์เธอร์ซึ่งแน่นอนว่าพวกมันตกลงกันเองโดยที่ผมยังไม่เอ่ยปากตกลงอะไรด้วยเลยแถมกอดคอกันเดินไปโน้นโดยมีไอ้เรียวเดินนำหน้า

“แม่บ้าน”

“อือ”ว่าแล้วไงเหมือนจงใจให้กูอยู่กับไอ้อัศวินสองคนเลยเว้ย

หมับ!

“เราก็ไปเถอะ”

จะบอกให้อย่างไม่ต้องสงสัยว่าตอนนี้ไอ้อัศวินมันจูงมือผมเดินผ่านหน้าตึกท่ามกลางสายตาผู้คนที่เหลียวมองเป็นตาเดียวแถมมีลมเย็นๆพัดผ่านหน้าทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแสดงเอ็มวีอะไรสักอย่างที่โรแมนติกมากไม่อยากจะพูดว่าระยะทางจากห้องสมุดถึงหน้าตึกมันไกลพอที่คนนั่งแถวนั้นจะหยิบโทรศัพท์วิ่งตามมาถ่ายรูปผมกับมันไว้...จะเป็นลม

“อัศวิน”

“...”

แม้ผมจะเรียกเพราะอยากให้มันแคร์สภาพแวดล้อมรอบข้างแต่ดูเหมือนมันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น...

 

ไอ้อัศวินไม่แคร์สายตาหรือเสียงซุบซิบของคนในคณะเลยแม้แต่นิดเดียวจนกระทั้งขับรถออกมาเชื่อว่าใครหลายๆคนคงอยากมานั่งข้างๆมันตรงนี้มากแต่ผมบอกเลยว่าถ้าได้มานั่งตรงนี้จริงๆโคตรอึดอัดเพราะหน้าคนขับมันหล่อเกินไปทำใจลำบาก ผมเลยได้แต่นั่งเกรงมองวิวข้างนอกแทน

“แม่บ้าน”

“อะไร”

“แกะลูกอมให้หน่อย”

“อือ ไหนลูกอม”

“อยู่ในกระเป๋าเสื้อ”เสื้อที่มันพูดถึงคือเสื้อนักศึกษามันโว้ยยย คือกูต้องหยิบเองเหรอ

 “มึงก็หยิบออกมาสิ!”

“ขับรถอยู่”

“หยิบออกมาแป๊ปเดียว”

“อันตราย”

“อัศวินมึงกวนตีนกูเหรอ!”

“เปล่า”

“...”ผมไม่เงียบมองแรงใส่มันแทนจะเป็นโรคประสาทตายเพราะมึงนี่แหละ

“ก็มันอันตรายขับรถอยู่ครับ”

“เออ! ก็ได้”

ณ จุดนี้เกลียดตัวเองหนักมากแค่มันพูดครับทำไมต้องใจอ่อนยอมทำตามด้วยไม่ไหวเลยนั่งเถียงกันมาตั้งนานดันมาตายเพราะลูกอ้อนตื้นๆของมัน                                                                                                                                                           
เออ!นั้นแหละผมเลยต้องยื่นมือไปล้วงกระเป๋าเสื้อมันเพื่อหยิบลูกอม...ไอ้เหี้ยยยย ใจอ่อนแรงมากเหมือนกำลังจับนมมันอยู่เลย ฮือออ หวั่นไหววว

“เจอไหม”

“ห้ะ! เฮ้ย! เจอ เจอดิ!”

ผมรีบหยิบลูกอมขึ้นมาแกะแล้วยื่นให้มันทันทีเพราะใจคอไม่ดี

 “แม่บ้าน”

“อะไรอีก!”

“นั้นแผงอกไม่ใช่ปาก”

“อุ้ย!”ฮือออ โคตรอายผมดันยื่นไปผิดที่ไม่ได้มองอะไรทั้งนั้นหัวใจมันหวั่นไหวอยู่

“ป้อนด้วย”

“เออๆ เรื่องมากจริง!”

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตักกก

นั้นไงหัวใจไม่รักดีมันเต้นอีกแล้วผมแค่มองปากไอ้อัศวินเฉยๆมันก็เริ่มทำงานทันทีผมเลยต้องรีบยัดลูกอมเข้าปากไอ้อัศวินให้เร็วที่สุดสารภาพว่าปากมันนุ่มมากเพราะมือผมแอบโดนเล็กน้อยเจ้าตัวไม่ได้ว่าอะไรแถมยังยิ้มหน้าระรื่นอีกต่างหาก             
หลังจากภารกิจแกะลูกอมเสร็จสิ้นพักใหญ่รถก็วนเข้ามาจอดร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง ผมกับไอ้อัศวินก้าวขาเดินเข้าร้านทันทีด้วยความหิว

“กว่าจะมาได้มึงไปขับรถวนที่ไหนมาเพื่อน”

“ฮิ้วๆร้ายกาจ”

“ปากดี”ไอ้อัศวินว่าเพื่อนฝรั่งสองตัวร้อยของมัน

“อย่าไปสนใจพวกมันเลย นั่งก่อน”

ไอ้เรียวคือดีที่สุดแล้วในแก๊งนี้จริงๆเลื่อนเก้าอี้มาให้ผมนั่งด้วยคือหล่อแล้วยังนิสัยดีอีกขอวื้ดแป๊ป

“ขอบคุณ”ผมเอ่ยพร้อมยิ้มกว้างให้มัน

“พี่คีย์อยากกินอะไรสั่งเลยพี่ไม่ต้องเกรงใจ”

“ใช่แล้วไอ้ปีเตอร์พูดถูก”

“พูดอย่างกับพวกมึงจะเลี้ยงพี่เขา”ไอ้เรียวแทรก

“แน่นอนพี่คนเดียวกูเลี้ยงได้สบายใช้ไหมอาร์เพื่อนรัก”

“โคตรป๋าวะเพื่อนกู”

“หล่อรวยครับ”

“แถมโสดโปรโมทแป๊ป”

“ผ่าม!!”

เล่นมุกเหี้ยอะไรของมึงจะบ้าตายแค่มาอยู่ด้วยไม่ถึงชั่วโมงพวกมึงยังน่ารำคาญขนาดนี้ทำไมรู้สึกสงสารไอ้อัศวินกับไอ้เรียวที่อยู่กับพวกมึงเกือบทุกวันวะ

“รับอะไรดีค่ะ”พนักงานรับออเดอร์ถามพร้อมส่งยิ้ม

“อะไรที่แพงสุดในร้านเอามาเลยครับ”ไอ้อัศวินตอบกลับหน้านิ่ง

“ค่ะ?”

“พอดีวันนี้มีคนเลี้ยง”

“...ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

“เดี๋ยวไอ้อัศวินใครเลี้ยงมึง?”

“มึงไง”

“เหี้ยอะไรที่บอกจะเลี้ยงกูหมายถึงพี่คีย์คนเดียว”

“อ้าวเหรอ!”

“เออดิ! หึงเหรอจ๊ะ”

“...”

“พี่อัศวินเขาเงียบวะอาร์”ไอ้ปีเตอร์หันไปหาเพื่อนรักมัน

“ฮิ้วๆมึงก็บ้าไปว่าพี่เขา”

 “พวกมึงนั่งเงียบๆสักชั่วโมงได้ไหมรำคาญ!”

บทสนทนาของฝรั่งสองตัวได้ยุติลงเพราะไอ้เรียวบ่นแค่ไม่กี่คำแปลกจริงเหมือนพวกมันเชื่อฟังมาก ผมคิดว่ากลุ่มผมประหลาดแล้วนะแต่ไอ้แก๊งเทพบุตรนี่ยิ่งประหลาดกว่าพวกผมไปอีก...

 

หลังจากกินข้าวเสร็จต้องบอกเลยคนที่น่าสงสารสุดคือไอ้ปีเตอร์กับไอ้อาร์เธอร์เพราะความป๋าของพวกมันเลยทำให้เงินในกระเป๋าไม่พอจ่ายค่าอาหารแถมต้องมาขอร้องอ้อนวอนไอ้อัศวินกับไอ้เรียวเพื่อระดมทุนไปจ่าย  ก่อนพวกมันจะเดินกอดคอกันดมยาออกมาหน้าร้านด้วยสภาพอ่อนแรง

“อ้าวป๋ากลับเหมือนหมาเลยนะครับ”ไอ้อัศวินแซวเพื่อนหลังเดินตามออกมาหน้าร้าน

“ห่าอัศวินพูดมาก!”

“สมควร”ไอ้เรียวเอ่ย

“ซ้ำเติมเก่งจริง!”

“เตอร์กูจะเป็นลมกลับเถอะเพื่อน”

“กูก็คิดเหมือนมึงเพื่อนอาร์”

พวกฝรั่งสองตัวไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นมันเดินกอดคอกันไปด้วยท่าทางเหนื่อยแทบเดินไปไหวเล่นใหญ่มากพวกมึงรับรางวัลออสก้าสาขาการแสดงไปเลยไหมละ

“อัศวินกูกลับก่อนนะ”

“อืม ขับรถดีๆ”

หลังจากนั้นเรียวก็แยกจากไปอีกคนตอนนี้ก็เหลือแค่ผมกับไอ้อัศวินที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน

“แม่บ้าน”

“อะไร”

“เดี๋ยวไปส่ง”

“อือ”

หมับ!

เกลียดที่มึงชอบหลอกจับมือกูนี่แหละลากให้เดินตามอีกต่างหากทำเหมือนเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันที่จับมือเดินไปด้วยกันทุกที่อะไรทำนองนั้น คือกูไม่ชิน...                                                                                                                         
ผมนั่งเงียบในรถมาตลอดทางเพราะไม่รู้จะพูดอะไรไอ้อัศวินก็ไม่ต่างกัน...รถวิ่งเข้ามาจอดหน้าหอพักผมเรียบร้อยแน่นอนว่าเป็นหอพักขนาดใหญ่พอสมควรคนก็อยู่เยอะจนต้องแย่งที่จอดรถยนต์กัน

“แม่บ้านขอขึ้นไปเข้าห้องน้ำได้ไหม?”

“มีแผนอะไรบอกมา!”

“แผนอะไรไม่มี”

“แน่ใจ”

“อืม”

“ก็ดี”

พูดจบผมก็เดินนำไอ้อัศวินขึ้นลิฟท์ทันที

ติ่ง!

ประตูลิฟท์ก็เปิดออกเมื่อถึงที่หมายด้วยความเป็นเจ้าถิ่นผมเลยต้องเดินนำเหมือนเคย เดี๋ยวนะเว้ย! ลืมไปเลยว่าห้องยังไม่เก็บตอนนี้โคตรรก จะบ้า!หันไปมองข้างหลังไอ้อัศวินก็เดินตามมาติดๆ ฮือออ ไม่อยากให้มันเห็นสภาพห้องตอนนี้เลยเว้ยยยย

“อัศวินเข้าไปแล้วอย่าตกใจนะเว้ย”

“ทำไม? ในห้องมีสามเหลี่ยมทองคำเหรอ”

“ยิ่งกว่าสามเหลี่ยม”

คือช่วงนี้ใกล้สอบเลยอ่านหนังสือหนักไปหน่อยที่สำคัญคืออ่านแล้ววางไปแทบทุกที่ที่สามารถวางได้แถมห้องยังไม่ได้กวาดมาสามวันนั้นแหละคือสภาพห้องที่ไอ้อัศวินเห็นหลังจากประตูห้องได้เปิดออก

“นึกว่าป่าอเมซอน”ไอ้อัศวินว่าหลังเห็นสภาพห้อง

“มันก็ไม่ได้รกขนาดนั้นหรอกน่า!”

“รกมาก”

“หยาบคาย”

“เดี๋ยวเป็นพ่อบ้านให้”

“จริงเหรอ!!”

“อืม”

“รักมึงที่สุด”ภายใต้คำว่ารักมีความร้ายซ้อนอยู่จะใช้งานมึงให้หนักค่อยดูถือโอกาสเอาคืนแม่ง

“ถุงยานั้นยังเก็บไว้อีกเหรอ”

“อือ”

“...”

“เฮ้ย!! อัศวินมึงรู้ได้ไงว่านั้นถุงยา”

ไอ้อัศวินถามเพราะเห็นถุงยาวางบนโต๊ะกินข้าวแต่ที่ผมตกใจคือมันพึ่งเข้ามาแล้วรู้ได้ไงว่าถุงที่วางบนโต๊ะกินข้าวคือถุงยามีตาทิพย์เหรอหรือเล่นไสยศาสตร์

 “คิดว่าไง”

“มะ มึงเป็นเจ้าของมัน...”

“อืม”

“...”มันตอบสั้นๆแต่จังหวะนี้คือผมช็อกมากยืนแข็งทื่อไม่อยากจะเชื่อ

“ยาใช้ดีไหม”

“ยังจะถาม ซื้อมาอะไรเยอะแยะไอ้ยาคลายกล้ามเนื้อนี่เหมาร้านมาเลยหรือไง!”

“อืม ก็ไม่รู้ว่าอันไหนมันใช้ดีเลยซื้อมาหมด”ฮือออ ทำไมอยู่ดีๆน้ำตาจะไหลวะเนี่ย





...

วาร์ปตอนที่19

น้ำตาจะไหลอีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วววว

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเช่นเคย...

ไม่รู้จะคุยอะไรเอาเป็นว่าเจอกันตอนหน้า บุยยย


ออฟไลน์ vvin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แงงงงง กำลังรออยู่เลยค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
แปลงร่างเป็นพ่อบ้านงี้ก็ต้องเจอของสำคัญอ่ะดิ
แม่บ้านได้อายม้วนแน่ คนที่ตามหามานานสองนานอยู่ตรงหน้านี่เอง
กดบวกรัวๆ อยากอ่านต่อฝุดๆ
 :mew3:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
อัศวินมีความเนียนขอขึ้นห้องจ้า

ออฟไลน์ Raam

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอดูพ่อบ้านอัศวิน :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ -PCH-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ผมยืนมองไอ้อัศวินกำลังวุ่นวายกับการจัดหนังสือบนโต๊ะอ่านหนังสือที่รกโคตรๆของผมให้เป็นระเบียบมันก็อดยิ้มไม่ได้กับท่าทางของอีกฝ่ายทีแรกผมก็นึกว่ามันพูดเล่นไม่คิดว่าจะทำให้จริงๆ

 “แอบมองความหล่อเหรอ?”

“หลงตัวเองหนักมาก”

“หรือไม่จริง”

“เบื่อมึงสุด”

“คนมันหล่อ”

“ไม่เถียงกับมึงแล้ว”

ผมว่าพร้อมเดินหนีคนอะไรหลงตัวเองฉิบหายไอ้กระทิงเอ้ย!

“อ้าว ไปไหนไม่มองแล้วเหรอ”

“ไม่โว๊ยยยย”

การต่อปากต่อคำสิ้นสุดลงเพราะผมต้องช่วยพ่อบ้านอัศวินเก็บกวาดหนังสือที่วางกระจัดกระจายตามพื้นห้องเหมือนกันจะให้มันทำคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่อง

“แม่บ้านซองขนมบนโต๊ะทิ้งตรงไหน?”ไอ้อัศวินถามในมือถือซองขนมที่ผมกินทิ้งไว้

“ถังขยะ นอกระเบียง”

“...”

มันเงียบพยักหน้ารับรู้ก่อนจะก้าวขาเดินออกไปนอกระเบียงห้องเพื่อทิ้งขยะ...                                                                       

ผมเก็บหนังสือที่วางกระจัดกระจายบนพื้นห้องเสร็จแน่นอนว่าสิ่งที่ต้องทำต่อไปคือกวาดห้องเลยเดินไปหยิบไม้กวาดดอกหญ้าและที่ตักผงมากวาดรอบห้อง

“อัศวินหลบหน่อยจะกวาดห้อง”

“กวาดไปทางอื่นก่อนจัดหนังสืออยู่”

“มันมาทางนี้แล้วขี้เกียจอ้อมไปทางอื่น”

“อ้อมไป”

“ไม่!”

“อ้อมไป”ไอ้อัศวินวางหนังสือในมือหันหน้ามองผมนิ่ง

“เออ!ก็ได้”

สรุปผมก็ต้องเป็นคนยอมเพราะสายตาและหน้านิ่งของมันบอกตามตรงกลัว...                                                                             
เวลาผ่านไปพักใหญ่กับการทำความสะอาดและเก็บกวาดห้องแน่นอนว่าครั้งนี้เล่นเอาผมเหนื่อยไม่น้อยพึ่งรู้ว่าห้องตัวเองรกมากขนาดไหน รู้สึกขอบคุณพ่อบ้านที่ยืนข้างๆกันในตอนนี้มากยืนมองห้องตัวเองฉีกยิ้มแทบไม่หุบเพราะมันดูสะอาดหูสะอาดตามากไม่ได้เห็นห้องตัวเองเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วคิดแล้วขำตัวเอง

“ขอบคุณนะ”ผมหันไปยิ้มให้พ่อบ้านยืนข้างๆกัน

“...”

ไร้เสียงตอบรับจากคนที่ผมหันไปคุยด้วยแต่กลับเป็นผมเองที่ต้องรีบก้าวขาถอยหลังแทนเพราะอยู่ดีๆไอ้อัศวินมันก็ยื่นหน้าหล่อๆของมันเข้ามาใกล้ระยะประชิดจนผมตกใจ

“อะไร!”

“...”

ถึงแม้ว่าผมจะถามออกไปก็ไร้เสียงตอบกลับอยู่ดีผมก้าวขาถอยหลังถี่ๆจนต้องมาหยุดที่ขอบโต๊ะอ่านหนังสือเพราะก้าวถอยไปไหนไม่ได้อีกแล้วอะไรอีกวะในใจคิดอย่างนั้น

“อะไรของมึง”

“...”ยังคงเงียบ

“อัศวิน”

ผมพึมพรำในลำคอเพราะหน้าหล่อของมันอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆแววตานิ่งเรียบของอีกฝ่ายมองมาที่ผมอย่างไม่ละสายตา                                                                                                                                                                                     
ผมไม่กล้าแม้แต่จะสบตากลับได้แต่หลบตาเพราะตอนนี้หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะควบคุมสติตัวเองไม่ได้จนไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร...                                                                                                                                   

 รู้ตัวอีกทีก็มีสัมผัสนุ่มๆจากอีกฝ่ายแตะริมฝีปากล่างเบาๆก่อนเลื่อนไปสัมผัสริมฝีปากบนวนไปมาอย่างนั้นอยู่หลายรอบจนผมเคลิ้มเผลอเปิดปากเหมือนฝั่งนั้นจะได้โอกาสรีบแทรกลิ้นเข้ามาสำรวจอย่างไม่เกรงใจพักใหญ่

“อื้อ”

ผมพึมพรำเบาๆเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าอากาศหายกำลังจะหมดเหมือนฝ่ายจะรู้จุดประสงค์เลยค่อยๆถอนจูบออกไปพร้อมฉีกยิ้มกว้าง

 “แฮ่กๆ”ผมหายใจแรงพยายามดึงอากาศเข้ามาเต็มปอด

“ของในกล่องนี้...”

อยู่ๆไอ้อัศวินก็หยิบกล่องเล็กๆสีดำขึ้นมาทำผมตกใจไม่น้อยเพราะกล่องที่ว่าคือกล่องสร้อยข้อมือที่ผมกำลังตามหาเจ้าของมันอยู่

“อ่อ สร้อยข้อมือน่ะ”

“ชอบไหม”

“หือ?”

“ชอบไหม”

“หมายความว่ายังไง”

“สร้อยข้อมือไง”

“...”

สมองทื่อตัวเกร็งได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายนิ่งสิ่งที่พูดมามันหมายความว่ายังไงกันเปิดดูของในกล่องแล้วเหรอ? ถึงรู้ว่ามันคือสร้อยข้อมือตอนนี้ในหัวผมมันสับสนไปหมด

“ไม่อยากจะเชื่อว่ายังเก็บมันไว้”

“อัศวิน”

“หือ”

“เจ้าของสร้อยเส้นนี้...คือมึงเหรอ...”

ถามออกไปแบบไม่คิดอะไรทั้งสิ้นเพราะยังไงตอนนี้สมองมันก็ทึบมากจนไม่ประมวลผล ผมเงยหน้าสบตากับอีกฝ่ายนิ่งเพื่อรอคำตอบ

“ตอนแรกก็ใช่”อีกฝ่ายเอ่ยพร้อมฉีกยิ้มกว้าง

“...”

ผมเงียบอย่างเคยไม่พูดอะไรคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาหลายๆเรื่องมันซับซ้อนมากจนไม่อาจคาดเดาทั้งเรื่องเสื้อช็อปทั้งเรื่องเจ้าของยาแล้วนี่เรื่องสร้อยอีกแล้วที่บอกว่าตอนแรกก็ใช่มันหมายความว่ายังไงกันแน่

“แต่ตอนนี้ไม่ใช่”

“อ้าว! แล้วตกลงใครเป็นเจ้าของสร้อยเส้นนี้วะ”

“คนนี้”

เจ้าตัวบอกพร้อมจิ้มนิ้วมาบนอกข้างซ้ายผมเบาๆยิ่งทำผมช็อกเข้าไปใหญ่มือหนาค่อยๆดึงแขนผมขึ้นมาก่อนจะเปิดกล่องสีดำในมือหยิบสร้อยออกจากกล่องมาคล้องที่ข้อมือผม

“แม่บ้าน”

“หือ”

“ลองดูที่ลูกกุญแจ”

สิ้นเสียงผมก็ยกแขนมือขวาที่มีสร้อยคล้องอยู่ขึ้นมาพร้อมใช้มือซ้ายหยิบจี้ลูกกุญแจดูตามที่อีกฝ่ายบอกอาการทื่อได้แล่นเข้าสู่ร่างกายอีกรอบเพราะลูกกุญแจที่ว่านั้นมันมีชื่อเจ้าของมันสลักไว้เป็นอย่างดี

-THEKEY-

ผมพึ่งรู้ว่าสร้อยข้อมือเส้นนี้มีชื่อสลักเอาไว้เพราะที่ผ่านมาคิดว่ามันไม่ใช่ของตัวเองผมเลยได้แต่เก็บไว้เป็นอย่างดีเพื่อรอวันคืนเจ้าของมันแต่ทุกอย่างกลับกลายมาเป็นผมซะเองที่เป็นเจ้าของมันอยู่ๆรอยยิ้มก็ปรากฏมาบนหน้าโดยไม่รู้ตัวทั้งที่ยังสบสนอยู่

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

“อยากรู้เหรอ”ไอ้อัศวินกระซิบข้างหูผมเบาๆก่อนจะเดินหนีไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอน

“อย่าเดินหนีสิวะ”ผมรีบเดินตามไปนั่งข้างๆทันที

“ไม่ได้เดินหนีแค่หาที่นั่ง”

“ไม่ต้องเปลี่ยนประเด็นเล่ามา!”

“อืม”

“...”รอฟังอย่างตั้งใจ

“เจอครั้งแรกตอนมาส่งใบสมัครเรียน”อัศวินเริ่มเปิดประเด็น

“หล่อมากใช่ป่ะ”

“ก็งั้นๆ”

“อัศวิน!”

“ล้อเล่น ตอนนั้นดูดีสุดๆจนต้องมองตาม”

“...”ผมเลือกที่จะเงียบฟังอีกฝ่ายเล่า

“พอวันมาสอบสัมภาษณ์ก็เจออีกเลยแอบไปสืบประวัติมาว่าเป็นใคร”

“ขนาดนั้น”ผมนั่งฟังตาแป๋วจ้องหน้าอีกฝ่ายรอให้เล่าต่อ

“อืม หลังจากนั้นก็เลยผ่านมาแถวนี้บ่อยๆ”

“หลงเสน่ห์ละสิ”

“คงงั้น”

“...” ฮืออออ เขินจนพูดไม่ออก

“พอรู้ผลสอบว่าติดเลยไปกินเหล้าฉลองกับพวกไอ้ติสส์ มันให้ใส่เสื้อช็อปไปมันบอกธรรมเนียมอะไรไม่รู้”

“...”

“พอเมาเลยหน้าด้านแวะมาตึกแพทย์เฉยเลย”

“จะมาสารภาพรักเหรอ”

“อืม”

“...”ฮือออ ต้องให้กูเขินอีกกี่รอบไม่ไหวแล้วนะ

“แต่ไม่กล้าเลยเดินผ่านแล้วแกล้งทำของตก”

“ถึงว่า ตอนนั้นเรียกก็ไม่ยอมหัน”

“ถ้าหันไปมีหวังได้ตายแน่นอน”มันเล่ามาถึงตรงนี้ทำให้ผมย้อนคิดไปวันเกิดเหตุวันนั้นพ่อมารับแต่งตัวชุดนายพลมาเต็มยศ

“ฮ่าๆๆๆ ก็จริง”ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างไอ้อัศวินจะกลัวอะไรแบบนี้ด้วยนึกแล้วก็อดขำไม่ได้

“แม่บ้าน”

“อือ”

“พรุ่งนี้ก็ครบกำหนดสัญญาสองอาทิตย์ที่ตกลงกันไว้แล้ว”

“...”

“อย่าลืมไปทำหน้าที่แม่บ้านวันสุดท้ายนะ”

“อือ”

สัญญาการเป็นแม่บ้านสองอาทิตย์ที่อีกฝ่ายเป็นคนเสนอมาตั้งแต่แรกว่าถ้าเป็นแม่บ้านครบสองอาทิตย์จะไปบอกแฟนคลับให้ว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันชีวิตสงบสุขของผมจะได้กลับมาสักทีตอนแรกจำได้ว่าผมต้องการมากแต่ทำไมตอนนี้กลับรู้สึกไม่ต้องการเลย

“เจอกันพรุ่งนี้”

ผมปลายตามองตามแผ่นหลังคนพูดที่กำลังเปิดประตูเดินออกไปก่อนจะก้มมองสร้อยที่ห้อยบนข้อมือตัวเอง ไม่น่าเชื่อ                   
ว่าเรื่องราวของสร้อยเส้นนี้จะเป็นแบบนี้ทั้งที่อยู่ด้วยกันมาเกือบปีสุดท้ายคนเป็นเจ้าของกลับกลายมาเป็นคนบ้าที่ตามหาตัวเอง...

 

ลืมตาตื่นเช้าขึ้นมาเห็นสร้อยห้อยจี้ลูกกุญแจคล้องบนข้อมือตัวเองขอสารภาพว่าอยู่ๆใจมันก็เต้นแรงคิดถึงเรื่องเหลือเชื่อเมื่อคืนนึกถึงหน้าไอ้อัศวินแล้วยิ่งเขินไปใหญ่จนต้องม้วนตัวลงเตียงนอนอีกรอบ

  ปังๆๆๆๆๆๆๆ

“ไอ้คีย์!! ไอ้คีย์โว้ยยยยย”

เสียงทุบประตูห้องพร้อมแหกปากของผู้มาเยือนทำให้เดาได้ทันทีว่าเป็นใครผมเลยรีบลุกออกจากเตียงเดินไปเปิดประตู

“เกิดเรื่องใหญ่แล้วโว้ยยยย กูโทรหาทำไมไม่รับ!”

ไอ้หล่อตะโกนแทรกหน้าผมทันทีที่เมื่อประตูเปิดออกหน้ามันรีบร้อนแปลกๆ

“โทรศัพท์แบตหมด ว่าแต่เรื่องใหญ่อะไรของมึงวะ”

ผมทำหน้างงๆก้าวขาเดินมานั่งเตียงนอนในห้องไอ้ห่าหล่อก็มาแต่เช้าเกินนี่พึ่งเจ็ดเช้าโมงเองนะเว้ย

“มึงเอาไปดูเอง”คนพูดยื่นโทรศัพท์มาให้ผมด้วยความเร็ว

“อะไรวะ”

___รูป____

Xaswin สารภาพรักไปแล้ว...

พอเห็นรูปและแคปชั่นในไอจีมันเท่านั้นแหละอาการทื่อก็แล่นเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง                                                                   
“สารภาพรัก?”ผมพึมพรำกับตัวเอง เดี๋ยวก่อนมันคงไม่ได้หมายถึงเรื่องที่พูดเมื่อคืนใช่ไหม                                                               
รูปที่เจ้าตัวอัพเป็นรูปกล่องสีดำเล็กๆมีสร้อยข้อมือห้อยจี้ลูกกุญแจวางอยู่ในกล่องแถมแบคกราวด์ยังเป็นโต๊ะอ่านหนังสือผมงานนี้คงต้องซื้อโต๊ะอ่านหนังสือใหม่ถ้าแฟนคลับมันตามสืบแล้วรู้...

 “ไอ้คีย์ ไอ้คีย์!”ไอ้หล่อเขย่าตัวผมเบาๆเพื่อเรียกสติ

“...”ผมเงียบหันมองหน้ามันนิ่ง

“อ่านคอมเม้น”ไอ้หล่อว่าพร้อมทำหน้าเจ้าเล่ห์

___รูป____

Xaswin สารภาพรักไปแล้ว...

Peterrrr กริ๊ดดดด พี่อัศวินนนน

Arthur__ กูกริ๊ดด้วย อร๊ายยยยย

Peterrrr @ Arthur__ โคตรเท่ห์เพื่อนกู

Arthur__ @ Peterrrr โคตรไอดอลกูเลย

Ryouta_Ryou คนจริงว่ะ

Mr. Handsome ทำไมโต๊ะอ่านหนังสือมันคุ้นๆวะ

Peterrrr @ Mr. Handsome เฮ้ยมันจริงหรือนี่!

Ryouta_Ryou @ Mr. Handsome ฝากบอกทางนั้นด้วยว่าทางนี้อาการหนัก

Arthur__@ Xaswin ไอ้เรียวมันฝากไปบอกให้แล้วนะเว้ยยยย





....
วาร์ปตอนที่20

ใกล้จะจบจริงๆแล้วนะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกัน

เจอกันตอนหน้าวัน พฤ จ้าาา บุยยย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2018 14:21:58 โดย -PCH- »

ออฟไลน์ vvin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เขินแทนคีย์ได้ไหม55555

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อัศวินน่ารัก แอบชอบแม่บ้านมาตั้งนานแต่ไม่กล้าบอก

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
 อัศวินนนนนน เก็บไว้นานมากอะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :-[ :-[
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ -PCH-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ผมนั่งอ่านคอมเม้นอีกร้อยพันกว่าคอมเม้นจากแฟนคลับมันต่อแถมมาในทำนองเดียวกันคือ สารภาพรักใคร สาวที่ไหน อกหกแล้วเรา ไม่จริงใช่ไหม เยอะมากจนขี้เกียจตามอ่าน

ก๊อกๆๆๆ

“ไอ้คีย์!!!”

เสียงก๊อกประตูแบบมีมารยาทแต่แหกปากดังกว่าไอ้หล่อ

“เดี๋ยวกูไปเปิดให้”ไอ้หล่อว่าพร้อมเดินไปเปิดประตู

“ไอ้คีย์ ไอ้อัศวินมันสารภาพรักมึงเหรอ!”ไอ้ดลรีบถามทันทีตั้งแต่เท้ายังไม่ก้าวเข้าห้อง

 “ไม่ได้สารภาพ”

“ไม่ได้สารภาพอะไร!รูปที่มันอัพไอจีคือโต๊ะอ่านหนังสือมึงกูจำได้”

“เออ! ถ้าไม่ได้สารภาพแล้วอะไรวะ”ไอ้หล่อรีบแทรกทันที

“มันแค่เล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง”

“เรื่องอดีตอะไรวะ?”ด้วยความเสือกของไอ้หล่อแถมตอนนี้หลวงพี่ก็สนใจเรื่องนี้ไม่น้อยตั้งหน้าตั้งตารอฟังจนน่ากลัว

“พวกมึงจำสร้อยเส้นนี้ได้ไหม”ผมว่าพร้อมยกสร้อยข้อมือในแขนให้พวกมันดู

“จำได้ที่มึงให้พวกกูช่วยตามหาเจ้าของ”ไอ้ดลตอบ

“อือ กูเจอเจ้าของมันแล้ว...”

“อย่าบอกนะว่าเจ้าของสร้อยคือไอ้อัศวิน!?”หลวงพี่มึงเดาเก่งจังวะ

“อือ”

“ห้ะ!!!”

การประสานเสียงของไอ้หล่อกับหลวงพี่เล่นเอาเยื่อแก้วหูแทบแตก

“แต่มึงบอกว่าเจ้าของสร้อยใส่ช็อปวิศวะไม่ใช่เหรอ?”หลวงพี่ถามอีกรอบจริงๆมึงก็เสือกเก่งเหมือนกันนะหลวงพี่

“ไอ้อัศวินมันเคยเรียนวิศวะครับหลวงพี่ กูรู้มาจากอันเดอร์ติสส์ตอนแดกเหล้าด้วยกัน”ไอ้หล่อเอ่ยพร้อมฉีกยิ้มเหมือนภูมิใจที่รู้เรื่องนี้ก่อนไอ้ดล

 “ห้ะ!!”เมื่อหลวงพี่ได้ยินคำตอบ

“ส้นตีนไก่จะกระโดดเข้าปากแล้วมั้ง หุบปากได้แล้วมึงจะตกใจอะไรขนาดนั้น”ไอ้หล่อว่าก่อนจะหันมาโฟกัสที่ผมอีกครั้ง

“อะไร!”

“เล่าเรื่องอดีตที่ว่านั้นให้เขาฟังหน่อยจิ”

“...”

“นะครับผมอยากรู้!”

“เออๆจะเล่าแบบสรุปนะเว้ย”

 “...”พวกมันเงียบรอฟังอย่างตั้งใจหนักใจกับพวกมึงจริงเพื่อนกู...

“ไอ้อัศวินมันเจอกูครั้งแรกตอนไปสมัครสอบเห็นว่าน่าสนใจเลยไปตามสืบประวัติ หลังจากมันสอบติดเลยไปกินเหล้ากับเพื่อนพอเมาเลยจะเอาสร้อยมาให้กูแต่ไม่กล้าให้เลยแกล้งทำหล่น”

ผมเล่ารัวๆแกล้งพวกมันไม่รู้ว่าฟังทันไหมแต่ดูเหมือนพวกมันตั้งใจเสือกกันมากจนแอบขำ

“กูว่าแล้ว! งั้นก็แสดงว่ามันตามจีบมึงอยู่...ไอ้สัด!ถึงว่าแปลกๆ”ไอ้หล่อเอ่ย

“มึงหมายความว่าไง?”ผมตกใจกับคำพูดของไอ้หล่อไม่น้อย

“มึงลองคิดดูนะเว้ย มันบังเอิญเกินไปไหมที่อยู่ๆก็ให้เบอร์มึงแถมให้ไปเป็นแม่บ้านให้อีกหาเรื่องใกล้ชิดชัดๆ”                               

ที่ไอ้หล่อเล่ามามันก็มีเหตุผลพอตัวจนผมไม่กล้าเถียง

“จริงอย่างที่ไอ้หล่อว่าจากสถานการณ์เรื่องราวต่างๆทั้งในอดีตและปัจจุบันกูว่ามันคงแอบดูมึงมานานจนแน่ใจเลยจีบ”

หลวงพี่เริ่มหาเหตุผลต่างๆนานาเข้ามาเพื่อให้สิ่งที่ตัวเองพูดออกมาดูสมเหตุสมผลที่สุด

“ดูอะไรวะ”

“อย่างแรกก็ต้องดูว่ามึงมีแฟนยัง เป็นคนแบบไหนประมาณนี้แหละมั้ง”หลวงพี่กูเปลี่ยนไป...

“กูว่าไอ้ดลพูดถูก พอมันรู้ว่ามึงโสดมันเลยรุกหนักอ้างนั้นนี่ไปเรื่อยเพราะอยากเจอมึง”ฮือออ พวกมึงกูเถียงไม่ออก

“...”ใบ้แดกมากตอนนี้ทำไมรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่มากกับการจะจีบใครสักคน

“ฮอตสัดมีคนดังตามจีบ”ไอ้หล่อแซว

“เอาไงทางนั้นออกตัวแรงว่าสารภาพรักไปแล้ว”ไอ้ดลถาม

“ไม่รู้โว้ยยยยยย”ทำไมอยู่ดีๆรู้สึกร้อนแผ่วๆที่หน้าวะหรือว่ากูเขิน

“หยุดแหกปากก่อนเพื่อนอย่าลืมว่าวันนี้วันศุกร์มึงต้องไปเรียน”ไอ้หล่อว่า

“กูไม่ไปได้ไหม”

“มึงหยุดเลยวันนี้มีสอบ”

“ฉิบหาย!”

“เออ!”

“งั้นกูไปอาบน้ำก่อน”

“เดี๋ยวไอ้คีย์!”

“อะไรอีก!”เดินยังไม่ถึงห้องน้ำไอ้หล่อก็แหกปากเสียงดัง

“ลืมบอกว่าเมื่อคืนสมาคมนัดไปนั่งฟังเพลงอันเดอร์ติสส์เลยฝากกูเอารถมาคืน”

“เพลินเลยสิมึง”

“นิดหน่อย”

นั่งฟังเพลงประโยคบอกเล่าที่พูดเพื่อให้ตัวเองฟังดูดีแต่ความจริงของประโยคนี้คือการนั่งชิวแดกเหล้าดีๆนี้เองเข้าใจสรรหาคำมาพูดจริงๆ

“สมาคมมึงดีขนาดนั้นเลยเหรอวะ”หลวงพี่ถาม

“โคตรดีมึงอยากเข้าร่วมไหมละ”

“ไม่ดีกว่ากูกลัวเป็นแบบมึง”

พอฟังไอ้ดลว่าแล้วปลายตามองสภาพไอ้หล่อที่แต่งตัวสไตร์สมาคมมาเหมือนเดิมแป๊ะไอ้เสื้อไม่รีดกางเกงหลวมๆผมยุ่งๆก็รู้สึกขำพวกมัน

 

การเสวนาเรื่องราววุ่นวายเมื่อเช้าจบลงตอนนี้พวกผมก็มานั่งแดกหมูปิ้งที่โต๊ะใต้ตึกคณะเหมือนเดิมแต่เพิ่มเติมคือสายตาและเสียงซุบซิบที่รายล้อมรอบตัวจนกินหมูปิ้งไม่อร่อย

“พวกมึงขึ้นสอบเถอะ”เอาจริงคือกดดันสายตาที่มองกันแปลกๆ

 “เออๆ”ไอ้ดลเหมือนรู้ทันเลยกอดคอผมเดินนำทันทีส่วนไอ้หล่อรีบยัดหมูปิ้งเข้าปากก่อนจะวิ่งตามมาติดๆ...

ประตูลิฟท์เปิดเมื่อถึงที่หมายแน่นอนว่าเพื่อนร่วมเซคชั่นมารอกันเยอะพอสมควรพูดคุยแลกเปลี่ยนทบทวนความรู้ที่อ่านมาให้กันและกันตามประสา

“ไอ้คีย์ๆ”ไอ้หล่อเขย่าแขนเบาๆ

“อะไร”

“มึงดูอร”ไอ้หล่อว่าพร้อมชี้ไปทางผู้หญิงตัวใหญ่ยืนเงียบอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธอสีหน้าไม่ดีนักผมไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรปกติไม่เคยเห็นเธอเงียบแบบนี้เลยเดินเข้าไปทัก

“หวัดดีอร”

“...”เธอไม่ปริปากพูดกับผมสักคำแปลกชะมัด

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“ฮือออ ฉันอกหักอะแกรรรรร”อยู่ๆก็ดราม่าซะงั้น

“ใครมันกล้าทิ้งอร”

“ฮือออ น้องอัศวินเขาสารภาพรักไปแล้วววว”ฉิบหาย!ลืมไปว่าอรกับเพื่อนเธอติ่งไอ้อัศวินหนักมาก

“...เอ่อ...คือ...”ใบ้แดก

“อรไม่ต้องร้องไห้เดี๋ยวคนแถวนี้รู้สึกผิด”ไอ้ห่าหล่อไอ้สัดหุบปากไปเลยมึง

“หล่อ! แกรู้เหรอว่าน้องอัศวินสารภาพรักใคร”อรรีบถามไอ้หล่อทันที

“ไม่รู้หรอก แต่ขอบอกว่าถ้าอรรู้ว่าน้องอัศวินของอรสารภาพรักใครอรจะดีใจมากกกกก”

“หรือว่า...”

“รู้กันนนน”

“กรี๊ดดดด ฉันแฮปปี้มากกกก”อ้าว!อะไรวะอยู่ๆอรก็ยิ้มเฉยเลยตอนแรกยังร้องไห้อยู่ไม่พูดไม่จา

“จุ๊ๆ”

“นักศึกษาเข้าห้องสอบ”อาจารย์คุมสอบเอ่ยหลังจากนั้นความเงียบสงบก็เริ่มมากเยือนเมื่อเวลาในการสอบได้เริ่มต้นขึ้น...                 

ผ่านไปหลายวินาทีเป็นนาทีหลายนาทีเป็นชั่วโมงแน่นอนว่าหมดเวลาสอบบอกตามตรงว่าผมใช้เวลาอ่านตัวนี้มาเกือบเดือนคิดว่าคุ้มค่ากับการเตรียมตัวสอบในครั้งนี้

“พวกมึงกินข้าวกัน”ไอ้หล่อชวนใบหน้าร่าเริงหลังจากสอบเสร็จ

“หน้ามีความสุขแสดงว่าทำข้อสอบได้?”

“ท่านมึงก็รู้ระดับกู”

“ยิ่งกว่าทำได้”

“หึ! ทำไม่ได้เลย”

“ถุ้ย!”

“เอออออ กูไม่อยากเครียดไปกินข้าวกันเถอะ”

“อืม”

“ส้นตีนไก่”หลังจากโม้กับผมไอ้หล่อมันก็หันไปเรียกหลวงพี่

“อะไร!”

“กินข้าว”

“รู้แล้ว”

“เดี๋ยวนี้รู้ชื่อตัวเองวะ ฮ่าๆๆๆ”

“ควาย”

 

โรงอาหารคณะที่สิงของเด็กแพทย์เพราะขี้เกียจออกไปกินข้างนอกแถมช่วงนี้เริ่มสอบคนเลยสิงเยอะกว่าปกติหลังจากที่พวกผมนั่งกินข้าวชิวๆเสร็จก็ย้ายมานั่งอ่านหนังสือต่อในห้องสมุดคณะเพราะเงียบดีแถมมีสิ่งแวดล้อมกระตุ้นอีกต่างหากทั้งเพื่อนทั้งพี่ทั้งน้องนั่งอ่านในห้องสมุดด้วยกันอย่างหนักหน่วงเรียกได้ว่าถ้ามานั่งอ่านที่นี้โคตรมีตัวกระตุ้นและแรงผลักดันที่ดีช่วงตอนบ่ายไม่มีสอบเลยมานั่งอ่านนั่งติวกันยาวๆ

“ท่านกูจะงีบสักครึ่งชั่วโมงมึงปลุกกูด้วยนะ”ไอ้หล่อหันมาคุยกับผมก่อนจะทิ้งหัวลงบนโต๊ะ

“อือ...”

ผมตอบกลับเสียงเบาก้มหน้าอ่านหนังสือต่อเวลาผ่านหลายชั่วโมงไปมีคน เข้า ออก ไป มา ไม่ซ้ำหน้าเดินไปเข้าห้องน้ำ กลับมานั่งอ่านต่อ เมื่อยของีบ ตื่นมานั่งอ่านต่อ หิวไปหาอะไรกิน กลับมาอ่านต่อ ง่วงออกไปซื้อกาแฟ กลับมานั่งอ่านต่อ เหมือนเวลาเร่ง

สปีดไปด้วยความเร็วหลายๆชั่วโมงกับการอ่านหนังสือจวบจบเวลาปาไปสองทุ่มสมองเริ่มเหนื่อยล่าทุกคนเริ่มทยอยกลับ

~เสียงโทรศัพท์ดัง~

ผมรีบล่วงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายขึ้นทันทีเพราะถ้ามันดังนานกว่านี้คนที่ยังอ่านหนังสืออยู่คงได้ด่าผมแน่

-อัศวิน-

เวง! ลืมไปเลยว่าวันนี้เป็นแม่บ้านวันสุดท้ายตามสัญญาทาสสองอาทิตย์

“ฮัลโหล”

[อ่านหนังสือเสร็จยัง?]

“เสร็จแล้ว”

[ไม่มาหาเหรอ]

“กำลังไป”

[เร็วๆคิดถึง]

“อือ”ไอ้บ้านี่!กูเขินนะเว้ยอยู่ๆมาบอกคิดถึง

[รีบมาเลย]

“อือ”

ตู๊ดดดดดด

ถ้ารอให้ทางนั้นเป็นคนวางสายรับรองว่าต้องได้ยินอะไรแปลกๆอีกแน่นอนส่วนทางนี้หัวใจอ่อนไหวง่ายเลยรีบชิงกดวางสายไปก่อน

“ฮิ้วๆๆๆๆ เดี๋ยวนี้มีคนโทรตาม”ไอ้หล่อรีบแซว

“รีบไปเถอะอย่าสนใจเสียงหมาแถวนี้เลย”หลวงพี่ว่า

“ไอ้ดล!มึงว่ากูเป็นหมาเหรอ!”

“อ้าวพึ่งรู้เหรอ!”

“ส้นตีนไก่!”

“งั้นกูไปนะ”ผมรีบแทรกพวกมันทันทีเพราะรู้ว่าพวกมันไม่หน้าจะจบประเด็นนี้ง่ายๆ

“โชคดี”

“โชคดีนะท่าน”

แปลกที่พวกมันสองคนสงบศึกแถมบอกลาผมประโยคเดียวกันอีกผมฉีกยิ้มกว้างกลับก่อนจะหอบกระเป๋าเดินออกมาจากห้องสมุดแน่นอนว่าสถานีต่อไปคือต้องรีบไปทำหน้าที่แม่บ้านวันสุดท้าย...

 

 

กริ่งงงงงงง!

ทันทีที่เสียงกดกริ่งดังขึ้นประตูก็เปิดออกอย่างเร็วจนผมตกใจพร้อมใบหน้าหล่อๆที่โผล่ออกมาฉีกยิ้มกว้างส่งให้ วันนี้ไอ้อัศวินมันดูดีแปลกๆจนผมตกใจทั้งที่มันก็ใส่เสื้อยืดสีดำธรรมดากับกางเกงยีนส์ขาดเข่าเหมือนปกติหรือผมคิดไปเอง

 “มาแล้วเหรอ”ฝั่งนั้นเริ่มต้นทักทาย

“อือ”

“เข้ามาก่อน”

หลังจากจบประโยคผมก็ก้าวขามายืนในห้องตามที่เจ้าของห้องชวนพอปลายตามองรอบๆทำไมมันรู้สึกเศร้าใจจังวันสุดท้ายแล้วเหรอที่จะได้มาเหยียบห้องนี้คงคิดถึงโซฟาสีน้ำตาลตัวนี้แย่เลยเพราะผมชอบสิงมันที่สุด

“วันนี้เป็นแม่บ้านวันสุดท้ายแล้วใช้งานมาได้เต็มที่”

“อ่านหนังสือหนักจนเบลอหรือยังไง?”

“พูดจริง”

“แม่บ้าน...ไม่มีวันสุดท้ายหรอก”มันพึมพรำประโยคหลังเบาๆ

“หือ?”ผมพยายามทวนถามอีกรอบเพราะไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวพูดอะไร

“ไปกินข้าวกัน”

“อือ”





...
วาร์ปตอนที่21
ตอนหน้าจบนะจ้ะ
ขอบคุณทุกคนมากที่เข้ามาอ่านเพราะเราก็เขียนเรื่องแรกไม่รู้ทิศทางอะไรเลย ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณมากๆ(โค้งตัว)
เจอกันตอนหน้าเด้อออ


ออฟไลน์ benzdekba

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 503
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

น่ารักต่อใจ เราก็อยากได้แม่บ้านสักคน ฮื่อออออ

ออฟไลน์ vvin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น่ารักจังว่ะะะะะะะะะะะ
 :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด