❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018  (อ่าน 108766 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แอ๊ะๆ........นักบินติดใจปลาวาฬแล้ว   :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อ้าวว. เวอร์จิ้นทั้งคู่เลยเหรออ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
เวอร์จิ้นทั้งคู่เลย อิอิ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ฮาคู่นีมากไม่โรแมนติกเลยมีความกวนประสาทระหว่างทำรัก
นักบินติดใจหนูปลาวาฬจนต้องแก้สัญญาเชียวหนูปลาวาฬอย่ายอมนะคะจูบทีจ่ายครั้งละแสนเลยลูก

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทำไมถึงทำรุนแรงเหลือเกิน เพลา ๆ หน่อยซิ  :m16:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารปลาวาฬจัง ไม่รู้ว่าปลาวาฬจะมีความสุขร่วมไม่ด้วยหรือเปล่านอกจากเจ็บ
และดูเหมือนนักบินเองก็ไม่ได้จะใส่ใจกับปลาวาฬนักว่าจะเจ็บมากน้อยแค่ไหน
ครั้งแรกแถมยังโดนยัดพรวดเข้าไปแบบนั้นได้ฉีกแน่ๆ ความจริงปลาวาฬไม่น่าจะเดินได้ด้วยซ้ำนะเราว่า

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
คู่หลักก็สมกัน คู่รองนี่เข้ากันดีมาก

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
โหหหห นี่เวอร์จิ้นจริงดิ ครั้งหน้าอย่ารุนแรงกับปลาวาฬนักนะ ค่อยๆทำจะได้ไม่เจ็บ

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
-๗-

สงครามหัวใจ



          เช้าวันนี้เงินรู้สึกตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ เมื่อคืนก็แทบนอนไม่หลับเพราะเจฟฟี่จะพาไปเปิดตัวกับพ่อและแม่ที่บ้าน หลังจากนั้นก็จะไปส่งที่ร้านเบเกอร์รี่เพราะเป็นวันทำงานวันแรก เงินยืนส่องตัวเองอยู่หน้ากระจก สำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผม แม้ไม่รู้จะโดนอะไรบ้างแต่การเข้าไปพบผู้ใหญ่ครั้งแรก เขาจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมมากที่สุด ไม่ให้ท่านว่าหรือตำหนิเอาได้

            “น่ารักที่สุดแล้วครับ” เจฟฟี่เดินยิ้มมาหาแล้วโอบไหล่เอาไว้ หลังจากนั้นก็หอมแก้มเน้นๆหนึ่งฟอด

            “แน่นอนอยู่แล้ว” เงินตอบกลับพร้อมเหลียวมองชายหนุ่มผ่านกระจกบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า

            “ดูท่าทางตื่นเต้นนะเรา ไม่ต้องกลัวหรอกแด๊ดกับมอมพี่ท่านใจดี” เจฟฟี่พูดเพื่อไม่ให้คนรักดูวิตกจนเกินไป

            “ถึงท่านจะใจดีแค่ไหนผมก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี”

            “มานี่เดี๋ยวทำให้หายตื่นเต้น” ว่าแล้วก็จับตัวอีกฝ่ายให้หันมาเผชิญหน้า แล้วจุมพิตที่หน้าผากนุ่มอย่างอ่อนโยน “หายตื่นเต้นรึยังครับ” เจฟฟี่ยิ้มหวานให้คนรัก

            “หะ...หายแล้วครับ” เงินตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แต่ในใจกลับยังคงรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย

            “จริงเหรออออ ดูท่าทางยังประหม่าอยู่เลยนะเรา” เจฟฟี่จ้องหน้าจับผิดราวกับล่วงรู้ความคิดในใจเขาซะอย่างนั้น

            “ไปกันเถอะครับเดี๋ยวจะสาย” เงินรีบตัดบทก่อนที่อะไรมันจะเกินเลย ดูจากสีหน้าและแววตาก็รู้ทันว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร คนอย่างเจฟฟี่ถ้ามีความต้องการขึ้นมาจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

            “โอเคครับเดี๋ยวตอนเย็นค่อยมาว่ากันต่อเนาะ” ชายหนุ่มพูดหยอกอีกฝ่ายพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มให้

            “ไอ้คนขี้หื่นเดินนำหน้าไปเลย” ก่อนที่ใบหน้าจะแดงก่ำไปมากกว่านี้ เงินก็รีบดันตัวร่างสูงให้เดินนำหน้าไป เจฟฟี่ได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข ตั้งแต่มีเงินเข้ามาในชีวิตทุกอย่างมันก็กลายเป็นสีชมพูไปเสียหมด

            นั่งรถจากคอนโดประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงบ้านหรูสไตล์ยุโรป ซึ่งอยู่แถบชานเมืองบรรยากาศค่อนข้างดี ดูไม่แออัดและการจราจรก็ไม่วุ่นวายเหมือนอยู่ในเมืองหลวง หลังจากลงจากรถแล้วเจฟฟี่ก็จับมือคนรักไว้แน่น พร้อมกับมองหน้าเพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อใจในตัวเขา เงินเองก็ได้แต่พยักหน้ารับมาถึงขนาดนี้แล้วจะไม่ให้เขาเชื่อใจผู้ชายคนนี้ได้อย่างไร

            “เข้าไปกันเถอะแด๊ดกับมอมรอเราอยู่ข้างในแล้ว” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มกริ่มให้ ส่วนมือหนาก็ประสานมือเรียวเอาไว้แน่น ราวกับไม่อยากให้อีกฝ่ายห่างกายไปไหนแม้แต่วินาทีเดียว

            เมื่อคืนเจฟฟี่ได้โทรนัดบิดามารดาเอาไว้แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าจะพาคนรักมาด้วย

            “ผมจะอยู่ข้างพี่ครับ” เงินเองก็ต้องให้กำลังใจอีกฝ่ายไม่แพ้กัน เพราะไม่รู้ว่าการที่เจฟฟี่พาตัวเองเข้ามาบ้าน จะโดนบิดากับมารดาว่ากล่าวอะไรบ้าง

            “ขอบใจนะครับที่รัก” เมื่อได้รับกำลังใจจากคนรักก็ทำให้เจฟฟี่ดูมีกำลังใจมากขึ้นไปอีก

            เจฟฟี่เองก็รู้สึกมีความกังวลใจอยู่ไม่น้อย นั่นเพราะเขาทำตัวเสเพลมานานหลายปี ทำเรื่องไม่ดีให้ท่านทั้งสองเสียใจมาก็หลายหน แถมยังพาแฟนที่เป็นผู้ชายมาเปิดตัวอีกต่างหาก ทำให้เจ้าตัวเดาใจบิดากับมารดาไม่ถูกเหมือนกัน

            ทั้งสองประสานมือกันเดินผ่านประตูบานใหญ่เข้าไป ก็พบกับเจ้าของบ้านทั้งสองกำลังนั่งจิบกาแฟรออยู่ ‘โจเซฟ’ หนุ่มใหญ่วัยหกสิบปี เชื้อชาติอเมริกันแต่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยนานหลายปี จนสามารถพูดภาษาไทยได้คล่องปร๋อ ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างๆนั่นคือ ‘ภาวดี’ สาวใหญ่วัยห้าสิบห้า ภรรยาคนสวย อดีตเลขานุการคนรู้ใจเมื่อครั้งยังโจเซฟเป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรง ทั้งสองได้ตกหลุมรักและคบหาดูใจกันอยู่สักพัก จนแต่งงานกันในที่สุดและครองคู่กันมาถึงตอนนี้

            “สวัสดีครับแด๊ดมอม” เมื่อเดินเข้ามาถึงแล้วทั้งสองคนก็ยกมือไหว้อย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่เจฟฟี่ประสานมือเรียวเอาไว้แน่นเหมือนเดิม แต่เงินดึงมือกลับมาเพราะกลัวว่าผู้ใหญ่ทั้งสองท่านจะไม่ชอบใจ เจฟฟี่กลับไม่ยอมและได้รั้งมือคนรักมาจับไว้อีกจนได้ มาถึงตอนนี้แล้วเขาอยากให้คนรักมั่นใจว่า จะไม่ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวแน่นอน

             แม้จะมีสามีเป็นชาวต่างชาติ แต่ภาวดีก็เลี้ยงดูลูกทั้งสองคนให้เติบโตมาตามวิถีของคนไทย ไม่ลืมที่จะสอนให้เรียนรู้วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมของไทย การไหว้คือสิ่งที่บ่งบอกว่าเราคือพลเมืองของประเทศนี้ เธอจะพร่ำสอนลูกทั้งสองคนเสมอมา

            “นั่งลงสิ...แล้วนี่พาใครมาด้วย” โจเซฟเอ่ยเสียงดุพร้อมกับจ้องหน้าแขกผู้มาใหม่ด้วยความสงสัย แต่เมื่อเห็นมือที่ประสานกันไว้แน่นก็พอจะเดาออกว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็อยากได้ยินจากปากลูกชายเพื่อยืนยันสิ่งที่ตัวเองคิดอีกครั้ง

            “นี่เงินครับ...เมียผมเอง” นั่งลงบนโซฟาแล้วเจฟฟี่ก็มองหน้าคนรักแล้วหันไปเอ่ยกับบิดาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

            โจเซฟหันไปมองหน้าภรรยาด้วยอารมณ์ที่หลากหลายแล้วหันมาเอ่ยกับลูกชายอีกที

            “ตั้งแต่เกิดมาแกไม่เคยพาใครมาที่บ้านเลยสักครั้ง มันเกิดอะไรขึ้นทำไมแกถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้” โจเซฟขึ้นเสียงใส่ลูกชาย

            “ผมรักเงินมากจนยอมที่จะไปช่วยงานแด๊ดที่โรงแรมครับ เงินคือคนที่ทำให้ผมอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นครับ” เจฟฟี่ตอบออกไป

            “อย่างแกเนี่ยนะจะมาทำงาน! แค่ผู้ชายตัวเล็กๆคนเดียวทำให้แกเปลี่ยนไปด้วยขนาดนี้เลยเหรอ” โจเซฟแทบไม่อยากเชื่อว่าลูกชายตัวดีจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้ ขนาดเขาและภรรยาพูดจนปากจะฉีกแต่ลูกชายตัวดีก็ไม่ยอมฟัง แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงแสดงว่าเด็กคนนี้คงมีอิทธิพลกับลูกชายคนนี้มากจริงๆ

            “ใช่ครับแด๊ดเงินนี่ล่ะที่ทำให้ผมอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ผมจะตั้งใจทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงเมียครับ” เจฟฟี่เอ่ยพร้อมกระชับมือคนที่นั่งอยู่ข้างๆไว้แน่น เงินมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความปลื้มใจ เพื่อเขาเจฟฟี่สามารถทำได้ขนาดนี้มันเกินคำว่าไว้ใจแล้ว

            “มอมดีใจที่ลูกคิดได้อย่างนี้ ขอบใจหนูเงินที่ช่วยให้เจฟเป็นผู้เป็นคนขึ้นได้นะจ๊ะ” ภาวดียิ้มกริ่มด้วยความดีใจ ที่ลูกชายคนเล็กของเธอมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

            “ไม่เป็นไรครับคุณน้า” เงินตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร เขารู้สึกได้ว่ามารดาของเจฟฟี่คงจะใจดีเหมือนที่เคยบอกไว้ แต่สำหรับโจเซฟนั้นเขากลับไม่มั่นใจ เพราะน้ำเสียงที่ดุดันฟังแล้วแทบขนลุก และใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครานั้นดูเหี้ยมอยู่ไม่น้อย

            “มาถึงขนาดนี้แล้วเรียกแม่ก็ได้จ๊ะ” ภาวดียิ้มให้อย่างเอ็นดู แม้จะยังไม่รู้จักนิสัยใจคอของเงินมากเท่าไหร่ แต่เธอก็มั่นใจว่าคงเป็นเด็กดีอย่างแน่นอน ไม่งั้นคงไม่ทำให้เจ้าลูกชายที่ใช้ชีวิตเสเพลตั้งแต่เรียนจบ กลายเป็นคนมีเป้าหมายกับชีวิตได้ขนาดนี้

            “คะ...ครับคุณแม่” เห็นรอยยิ้มของภาวดีก็ทำให้เงินสบายใจได้ไปอีกเปาะ

            “สรุปแล้วแกจะไปทำงานกับฉันจริงๆใช่ไหม” โจเซฟถามย้ำอีกครั้ง

            “ใช่ครับแด๊ดผมจะไปทำงานที่โรงแรม” เจฟฟี่ตอบด้วยความมั่นใจ

            “ถ้าตำแหน่งที่ฉันให้ไปทำคือเบลบอยล่ะ แกยังจะยอมไปทำใช่ไหม” โจเซฟต้องการให้ลูกชายเรียนรู้งานจากตำแหน่งระดับล่างสุดเสียก่อน เพื่อจะได้รู้จักกับชีวิตการทำงานที่แท้จริง สมัยเข้ามาบริหารงานที่โรงแรมใหม่ๆเขาเองก็เคยถูกบิดาสั่งให้มาทำงานตำแหน่งนี้เช่นเดียวกัน และอีกอย่างเขาอยากรู้ว่าลูกชายจะสามารถสู้เพื่อเด็กผู้ชายคนนี้ได้นานแค่ไหนกัน

            เจฟฟี่มองหน้าบิดาด้วยความตกใจ เขาหวังจะได้เข้ามาทำงานในระดับผู้บริหาร แต่นี่กลับต้องมาเป็นพนักงานยกกระเป๋าซะงั้น มันผิดคาดไปเยอะจริงๆ

            “อ้าวไหงเป็นงั้นไปได้! ผมก็นึกว่าแด๊ดจะให้มาช่วยบริหารงานซะอีก” เจ้าตัวรีบโต้กลับทันควัน

            “ใครบอก! แกยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยถ้าขืนให้ไปบริหารงานมีหวังโรงแรมได้เจ๊งแน่”

            “แต่ฉันว่าลูกไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้นะคะคุณ” ภาวดีเองก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ลูกชายทำงานในตำแหน่งนี้ เธอรู้ดีว่าเจฟฟี่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ เคยฟังใครซะที่ไหนกัน ถ้าขืนไปทำอย่างนั้นมีหวังได้ไล่ตะเพิดลูกค้าเป็นแน่ นั่นยิ่งจะทำให้มีผลเสียต่อโรงแรมเสียมากกว่า

            “ฉันอยากรู้ว่าคนอย่างแกจะรักใครได้นานแค่ไหนกันเชียว...สรุปจะเอายังไง?” 

            “ผมจะทำครับแด๊ด” เจฟฟี่ตอบไปอย่างมั่นใจ มือหนากระชับมือคนรักเอาไว้แน่นยิ่งขึ้น โจเซฟถึงกับหน้าเหวอเพราะไม่คิดว่าลูกชายจะยอมทำถึงขนาดนี้ เขารู้แล้วว่าตอนนี้เงินคือคนที่ลูกชายคิดจะจริงจังด้วยอย่างแน่นอนแล้ว

            “ดี..ถ้างั้นพรุ่งนี้ก็เริ่มทำงานได้เลย ฉันจะไปแจ้งกับฝ่ายบุคคลเอาไว้ แกจะเป็นแค่พนักงานธรรมดาไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆทั้งนั้น ทุกคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าสามารถสั่งงานแกได้ทุกคนโอเคนะ” โจเซฟบอกข้อปฏิบัติให้กับลูกชายฟัง

            “โอเคครับ แล้วมีอะไรเพิ่มเติมไหมบอกมาให้หมดเลยครับแด๊ด” เจฟฟี่เอ่ยประชดประชันบิดา แทนที่จะดีใจที่เขามาช่วยงานแต่นี่กลับมาแกล้งกันซะอย่างนั้น ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าบิดาต้องการอะไรแน่นอน หรือคิดอยากจะให้เขาเลิกกับเงินงั้นเหรอ...นั่นมันเป็นไปไม่ได้

            “ไม่มี..ว่าแต่หนูล่ะทำงานที่ไหน เป็นลูกเต้าเหล่าใคร แล้วมาเจอกับลูกชายฉันได้ยังไง” โจเซฟถามทุกคำถามที่อยากรู้

            เงินได้ยินอย่างนั้นก็มองหน้าคนรักทันที เจฟฟี่ยิ้มให้แล้วจะหันไปเอ่ยกับบิดาแทน แต่โดนพูดตัดหน้าเสียก่อน

            “ให้แฟนแกตอบ!” โจเซฟเอ่ยเสียงเข้มดูน่าเกรงขาม

            “คือผมเป็นเด็กกำพร้าครับพ่อแม่เสียตั้งแต่เด็ก นับจากนั้นก็ทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาตลอด ไม่มีญาติที่ไหนแม้แต่คนเดียว ก่อนหน้านี้ผมทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ผับแหน่งหนึ่ง พี่เจฟไปเที่ยวที่นั่นบ่อยๆเราเลยได้เจอกันครับ และวันนี้กำลังจะไปเริ่มงานทำงานที่ร้านเบเกอร์รี่ของพี่เจสครับ” เงินตอบออกไปตามความจริง เขาไม่อายที่จะบอกว่าเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร และมีพื้นฐานชีวิตที่ต้อยต่ำมาตั้งแต่เด็ก เพราะมันคือภูมิคุ้มกันที่ทำให้เขามีความแข็งแกร่งมาจนถึงตอนนี้

            “โธ่..น่าสงสารจริงๆหนูเงิน ไม่เป็นไรนะจ๊ะถือซะว่าฉันคือแม่คนหนึ่งของหนูละกันนะ” ภาวดีชอบคนที่มีความขยันและมุ่งมั่น ยิ่งได้รับรู้ว่าเงินเป็นเด็กที่สู้ชีวิตมาก่อนยิ่งทำให้เธอเห็นอกเห็นใจมากยิ่งขึ้นไปอีก

            “ขอบคุณครับ” ได้ยินอย่างนั้นเงินก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที ภาวดีเป็นคนจิตใจดีเหมือนแม่ของเขาอยู่ไม่น้อย ส่วนเจฟฟี่ก็ยิ้มกว้างเมื่อมารดาของตัวเองดูชอบอกชอบใจคนรักเสียอย่างนี้

            “หนูรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเจฟมันรวย” อยู่ๆโจเซฟก็ถามขึ้นมา

            “ครับ”

            “แล้วรู้ใช่ไหมว่าลูกชายฉันรักหนูมาก” โจเซฟถามอีกครั้ง

            “ครับ” แม้จะยังงงๆแต่เงินก็ตอบออกไปตามความจริง

            “ฉันถามตรงๆนะ หนูไม่ได้มาคบกับลูกชายฉันเพราะเงินหรอกนะ”

            “แด๊ดทำไมถามอย่างนั้นล่ะ เงินไม่ใช่คนอย่างนั้น!” เจฟฟี่ทนไม่ไหวจึงรีบชิงตอบก่อน เพราะกลัวว่าคนรักจะรู้สึกไม่ดี

            “ฉันไม่ได้ถามแก ฉันถามหนูเงิน” โจเซฟทำเสียงเข้มข่มลูกชายดูท่าทางเอาจริง เห็นอย่างนั้นเจฟฟี่ก็สงบปากสงบคำแต่โดยดี

            “จริงๆแล้วตอนแรกผมเองก็ไม่ได้รักพี่เจฟหรอกครับ” เมื่อได้ยินประโยคนี้ทำเอาคนที่นั่งข้างๆหันขวับมามองแล้วทำหน้าหงอยทันที แต่เงินก็ยิ้มให้แล้วหันไปเอ่ยกับโจเซฟต่อ “ผมเสียตัวให้พี่เจฟด้วยความไม่ตั้งใจ นั่นทำให้ผมคิดว่าจะต้องเอาคืนให้คุ้มถึงได้ยอมตกลงคบด้วย” เจฟฟี่ถึงกับปล่อยมือเรียวให้เป็นอิสระแล้วชักกลับคืนมา แต่เงินกลับเป็นฝ่ายดึงกลับคืนมาแล้วกุมเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยซะอย่างนั้น “แต่พอมาอยู่ด้วยกันแล้วผมกลับรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีดีมากกว่านั้น เขาดูแลผมเป็นอย่างดี เขาทำดีกับผมสารพัดและเห็นคุณค่าในตัวผมอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ทำให้ตอนนี้ผมรู้สึกดีและอยากจะร่วมสร้างชีวิตคู่กับพี่เจฟตลอดชีวิตเลยครับ” เงินพูดออกไปตามความจริง เขาไม่อยากโกหกความรู้สึกตัวเอง นั่นจะทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

            โจเซฟได้ฟังจนจบก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจของเงินที่มีให้กับลูกชาย และรู้แล้วว่าทำไมไอ้ลูกชายเสเพลถึงได้ติดใจซะขนาดนี้ นั่นเพราะเงินเป็นเด็กที่มีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่มากจริงๆ คนอย่างนี้เหมาะจะมาช่วยควบคุมดูแลให้เจฟฟี่เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้

            “ไอ้เจฟมันโชคดีที่ได้หนูมาเป็นเมีย ฉันฝากดูแลมันด้วยละกัน หนูมีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่าลูกชายฉันเสียอีก” ในที่สุดโจฟก็ยอมรับเงินได้อย่างง่ายดาย จากการเผยความรู้สึกภายในจริงๆที่ไม่ได้สร้างภาพขึ้นมา

            “คะ...ครับ” เงินตอบรับอย่างงงๆ เขาคิดว่าจะโดนดุด่าว่ากล่าวเสียอีก ดูหน้าโหดๆอย่างนี้บทจะดีก็มาอย่างไม่ทันตั้งตัวเลย

            “แด๊ดยอมรับเงินแล้วใช่ไหมครับ” น้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นไม่ต่างจากสีหน้าของเจฟฟี่ ทำให้ภาวดียิ้มออกมาเช่นกัน

            “ถ้าไม่ยอมรับฉันคงจะไล่ตะเพิดออกจากบ้านตั้งแต่ที่แกบอกว่าเป็นเมียแล้ว”

            “แล้วทำไมแด๊ดต้องทำเป็นเก๊กให้เมียผมกลัวด้วยล่ะ”

            “ก็ฉันอยากจะรู้จักเมียแกให้มากขึ้นไงล่ะ จากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับแกแล้วว่าจะมีความอดทนสักแค่ไหน”  โจเซฟบอกกับลูกชาย

            “ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อเมียครับ” สีหน้าที่มุ่งมั่นของเจฟฟี่ ทำให้โจเซฟและภาวดีเห็นถึงความเปลี่ยนไปของลูกชายได้อย่างแท้จริง พลางคิดในใจว่าเงินน่าจะเข้ามาในชีวิตของลูกชายสักสามปีก่อนหน้านี้ ไม่งั้นป่านนี้คงจะได้ช่วยบริหารงานได้อย่างเต็มตัวแล้ว

            “แกพูดแล้วนะจะทำอะไรก็ให้นึกถึงหน้าหนูเงินเข้าไว้ละกัน”

            “ถ้าพี่เจฟผิดคำพูดผมจะเป็นคนบอกเลิกเองครับไม่ต้องห่วง” เงินให้คำสัญญากับผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน

            “แม่ฝากด้วยนะจ๊ะหนูเงิน ไอ้ลูกชายคนนี้เกเรมาซะนาน อาจจะเอาแต่ใจบ้างก็ทนๆเอานะจ๊ะ” ภาวดีเอ่ยกับลูกสะใภ้

            “ครับคุณแม่” เงินตอบรับพร้อมส่งยิ้มหวานให้อย่างสบายใจ ตอนนี้ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว จะเหลือก็แต่เจฟฟี่คนเดียวเท่านั้น ว่าจะสามารถทำอย่างที่ให้สัญญาไว้ได้หรือเปล่า เขาเองก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะต้องเจอกับเรื่องอะไรบ้างในอนาคต และสัญญาว่าจะคอยเป็นกำลังใจให้อยู่ข้างๆเสมอ

            “ไม่น่าพาเงินมาเลยจริงๆ เหมือนกับมาเพื่อให้แด๊ดกับมอมมีพรรคพวกเพิ่มอีกซะงั้น” เจฟฟี่เอ่ยติดตลก ใบหน้าเปื้อนยิ้ม มือแกร่งโอบที่เอวของคนรักไว้ไม่ยอมปล่อย

            “เห็นอย่างนี้แล้วฉันจะได้วางใจว่าแกจะเลิกทำตัวเกเรสักที” โจเซฟเอ่ยอย่างโล่งใจเมื่อได้เห็นความมุ่งมั่นของลูกชาย ถึงไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ได้อีกนานแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีขึ้น

            “ถ้าเงินบอกเลิกผมเมื่อไหร่ วันนั้นล่ะครับผมจะกลับมาเกเรยิ่งกว่าเดิมอีก เพราะงั้นแด๊ดกับมอมต้องห้ามให้เงินห้ามเลิกกับผมเด็ดขาด”

            “ไอ้ลูกคนนี้อย่ามายืมมือคนอื่น ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับลูกแล้วนะเจฟ ทำตัวดีๆอดทนให้มากๆถ้ารักหนูเงินจริง” ภาวดีเอ่ยกับลูกชาย

            “ถูกต้องเลยครับคุณแม่” เงินเห็นด้วยกับคำพูดของภาวดีเต็มร้อย

            “เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะเจอกันแค่ครั้งแรกเองนะเนี่ย” เจฟฟี่จ้องหน้าคนรักเหมือนกับคาดโทษเอาไว้

            “ไม่ต้องอิจฉาเลยพี่อ่ะ” เงินเอ่ยแล้วหยิกเข้าที่สีข้างทันที

            “โอ๊ย! เจ็บนะครับที่รัก” เจ้าตัวทำหน้าเหยเกแล้วลูบเบาๆบริเวณที่โดนหยิก

            โจเซฟและภาวดีเห็นอย่างนี้ก็รู้สึกอุ่นใจ ในที่สุดลูกชายที่เคยเกเรไม่เอาถ่านมาหลายปี ก็เอาการเอางานเสียที แถมยังได้ลูกสะใภ้ที่น่ารักและสามารถควบคุมลูกชายไปในทิศทางที่ดีได้ มันถือว่าเป็นอะไรที่วิเศษที่สุดในตอนนี้

            “ถ้างั้นผมขอตัวพาเงินไปที่ร้านพี่เจสก่อนนะครับ...วันนี้ทำงานวันแรก” เจฟฟี่เอ่ยกับทั้งสองคน

            “วันหยุดก็พาหนูเงินมาหาแม่บ้างนะจะได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น” ภาวดีเอ่ย

            “ฝากไอ้เจ้าเจฟแทนแม่ด้วยนะหนูเงิน” ภาวดีเอ่ยกับลูกสะใภ้

            “ครับ...ผมจะไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด” เงินเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ประโยคนี้ทำเอาทั้งสองคนดูถูกใจกันเสียยกใหญ่

            “ให้มันได้อย่างนี้สิลูกสะใภ้ฉัน” ภาวดียิ้มแฉ่งด้วยความถูกอกถูกใจ

            เห็นทุกคนเข้ากันได้ดีอย่างนี้เจฟฟี่ก็เอาแต่ยิ้ม ไม่ผิดหวังเลยที่เขาตั้งใจพาคนรักมาเปิดตัวกับบิดาและมารดา เพราะมันทำให้ตัวเขาเองและครอบครัวมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น



            เมื่อออกมาจากบ้านแล้วเจฟฟี่ก็ขับรถพาคนรักมุ่งตรงมายังร้านขายเบเกอร์รี่ของพี่สาว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถก็มาจอดเทียบหน้าร้าน ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านก็เห็นเจสสิก้ากำลังยืนคุยกับพนักงานชายคนหนึ่งที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานวันแรกเช่นเดียวกับเงิน

            “เฮ้! พี่สาว...น้องชายพาพนักงานใหม่มาส่ง” เจฟฟี่เดินโอบไหล่คนรักเข้ามาในร้าน แสดงความเป็นเจ้าของให้ทุกคนเห็นอย่างเปิดเผย แล้วเอ่ยทักทายพี่สาว

            “อ้าวมากันแล้ว” เจสสิก้าหันมายิ้มให้กับคนทั้งสอง

            “สวัสดีครับพี่เจส” เงินยกมือไหว้อย่างมีสัมมาคารวะ

            “หวัดดีจ้าเงิน วันนี้พร้อมแล้วใช่ป่ะ”

            “พร้อมแล้วครับ”

            “ถ้าพร้อมแล้วก็บอกให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆเอามือออกจากไหล่ซะที พี่จะได้สอนงานพร้อมกับมอสทีเดียวเลย” เจสสิก้าปรายตามองไปที่น้องชายทันที ได้ยินอย่างนั้นเจฟฟี่ก็ลดมือลงโดยอัตโนมัติ

            “เดี๋ยวพี่จะนั่งรอแถวนี้นะ ตอนเย็นจะได้กลับบ้านพร้อมกัน”

            “พี่กลับไปพักที่คอนโดก่อนเถอะผมกลับเองได้ พรุ่งนี้พี่ก็จะต้องไปทำงานแล้วนี่” เงินไม่อยากให้อีกฝ่ายรอเพราะกลัวจะมีเรื่องเกิดขึ้นให้เจสสิก้าลำบากใจอีก

            “อ้าวฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย แล้วแด๊ดกับมอมว่าไงบ้างอ่ะ” เจสสิก้าลืมไปเลยว่าเคยรับปากกว่าจะช่วยพูดเรื่องนี้ให้

            “โชคดีที่ท่านรับเงินได้ แต่ผมนี่สิแย่สุดๆ” พูดแล้วก็ทำหน้าบูดบึ้งทันที พรุ่งนี้แล้วสินะที่เขาจะต้องไปตกระกำลำบากเป็นครั้งแรกในชีวิต

            “เรื่องอะไรยะ”

            “ก็แด๊ดให้ผมไปทำงานเป็นเบลบอยน่ะสิ”

            “ว้ายยย! แด๊ดทำดีมากจากหนุ่มเพลย์บอยสู่เด็กเบลบอยผู้น่าสงสาร ฮ่าๆๆ” เจสสิก้าหัวเราะยกใหญ่เมื่อรู้ว่าน้องชายโดนบิดาเล่นงานเข้าให้ซะแล้ว สมควรแล้วที่ต้องโดนอย่างนี้เล่นเอาท่านปวดขมับมาตั้งนมนาน

            “ไม่ช่วยยังจะมาหัวเราะเยาะอีกนะพี่อ่ะ” เจฟฟี่ทำหน้างอนให้กับพี่สาว

            “โทษทีๆ ฉันเซอร์ไพรซ์ไปหน่อย เอาเป็นว่ากลับไปก่อนเถอะเดี๋ยวถึงเวลาเลิกงานฉันจะไปส่งเงินให้เอง ไม่ต้องเป็นห่วง” เจสสิก้าบอก

            “ไม่เอาผมจะอยู่รอ กลัวว่าจะมีคนมาจีบเงิน” เจฟฟี่เห็นหน่วยก้านของพนักงานใหม่ที่ยืนอยู่ข้างพี่สาวก็เริ่มไม่ไว้ใจ เด็กนั่นรุ่นราวคราวเดียวกับคนรัก แถมยังดูหล่อเหลาไม่น้อย ท่าทางแบดบอยอย่างนั้นเขาดูออกว่าคงจะเป็นเสือตัวย่อมๆเลยทีเดียว

            “แกมันบ้าไปแล้วหึงไปทั่ว” เจสสิก้าว่าให้น้องชายตัวแสบ

            มอสยืนทำหน้านิ่งเมินเฉยกับสายตาไม่เป็นมิตรที่ส่งมาให้

            “ใช่ครับพี่เจส...พูดอย่างนี้แสดงว่าไม่เคยไว้ใจผมเลยใช่ป่ะ” เงินเริ่มใช้บทโหดมากำราบคนรัก เขาไม่ใช่ประเภทเห็นใครก็ชอบไปหมดอย่างนั้นสักหน่อย

            “อย่ามองพี่แบบนั้นสิ พี่ไว้ใจเงินแต่ไม่ไว้ใจคนอื่น” เจ้าตัวเห็นใบหน้าหวานที่เริ่มจะโหดขึ้นเรื่อยๆก็พูดเสียงอ่อยทันที

            “ฉันสัญญาว่าจะดูแลเงินอย่างดีที่สุด ไม่ให้ใครมาจีบเลยยย” เจสสิก้าออกปากให้คำสัญญากับน้องชาย เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจฟฟี่จะหึงหวงได้หนักขนาดนี้

            “ก็ได้ๆผมจะยอมกลับ แต่เลิกงานแล้วต้องรีบมาส่งเลยนะ”

            “เออๆๆ ฉันล่ะปวดหัวกับความบ้าของแกจริงๆ” เจสสิ้ก้าบ่นให้น้องชายเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ทำเอาเจ้าหล่อนถึงกับเกาที่หลังคอไปด้วยความรำคาญใจ

            “ตั้งใจทำงานนะครับ” เจฟฟี่ส่งรอยยิ้มหวานให้คนรัก ก่อนจะไปทำหน้าโหดขู่มอสที่ยืนมองอยู่ไม่ห่างมากนัก

            เห็นอาการหึงหวงเกินเหตุอย่างนั้น ยิ่งทำให้มอสรู้สึกหมั่นไส้ เจ้าตัวจึงยิ้มมุมปากพร้อมกับยักคิ้วให้อย่างกวนๆ สื่อว่าเขาพร้อมประกาศทำสงครามอย่างเป็นทางการแล้ว ยิ่งเห็นอย่างนั้นยิ่งทำให้เจฟฟี่คิดมากแต่ก็ต้องยอมกลับคอนโดไม่งั้นจะต้องโดนด่าไม่รู้อีกกี่สิบรอบ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ลูกสะใภ้ถูกใจพ่อแม่สามีจริงๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ร้านจะพังอีกรอบไหมเนี่ย555

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เป็นเบลบอยโรงแรมแถวไหนเนี่ย จะได้เดินเข้า เดินออกโรงแรมสัก 10 เที่ยว  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
​-๘-

เกิดเหตุที่หมออ้อย



          ใช้เวลานานหลายวันกว่าความเจ็บปวดที่ช่วงล่างจะทุเลาลง ตอนนี้ปลาวาฬเดินเหินได้สะดวกขึ้นแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยาที่คุณหมอให้มาทาและรับประทาน วันนั้นที่เกิดเรื่องด้วยความที่เจ็บมากจนไม่สามารถเดินออกจากห้องได้ นักบินจึงโทรฯเรียกแพทย์ให้มาตรวจอาการที่บ้าน ก่อนคุณหมอกลับไม่ลืมที่จะสั่งให้นักบินงดกิจกรรมทางเพศสักระยะจนกว่าอาการของปลาวาฬจะหายเป็นปกติ นั่นทำให้ร่างเล็กยิ้มแฉ่งอย่างน้อยก็เว้นช่วงให้หายใจคล่องได้สักระยะ

            ขณะปลาวาฬนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างสบายใจ คุณหญิงฉัตรฉายก็เดินเข้ามาหย่อนก้นลงที่โซฟาตัวข้างๆ แล้วเอ่ยถามอาการ

            “หนูปลาวาฬเป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นรึยังจ๊ะ”

            “ดีขึ้นแล้วครับคุณหญิง ตอนนี้ก็หายปวดแล้ว” เจ้าตัวตอบพร้อมกับยิ้มกริ่มให้

            “ตานักบินนี่ก็เหลือเกิน รู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกของหนูยังจะทำรุนแรงอีก ฉันล่ะไม่ปลื้มถ้าไม่ติดว่าต้องรีบมีทายาทแม่จะตีให้ก้นลายเลยทีเดียว” คุณหญิงบ่นให้ลูกชายคนโต

            “ไม่เป็นไรครับคุณหญิงเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ผมไม่โกรธคุณนักบินหรอกครับ” ปลาวาฬจำเป็นต้องตอบเอาใจคุณหญิงไว้ก่อน แล้วค่อยไปคิดบัญชีกับอีตานั่นทีหลัง เขาจะไม่ยอมให้ตัวเองเจ็บตัวเพียงฝ่ายเดียวแน่นอน

            “หนูปลาวาฬเป็นคนดีจริงๆเลย ฉันขอบใจมากที่ทนตานักบินได้ขนาดนี้” คุณหญิงฉัตรฉายมองหน้าปลาวาฬตาเป็นประกายวิ้ง บ่งบอกว่าปลื้มปริ่มเป็นที่สุด

            “ไม่เป็นไรครับผมยินดี”

            “ว่าแต่วันนี้ทำไมตานักบินกลับบ้านช้ากว่าปกติ นี่ก็เย็นมากแล้วนะ” คุณหญิงมองนาฬิกาข้อมือแล้วเอ่ยถามขึ้นมา

            ปลาวาฬเองก็แปลกใจที่วันนี้อีกฝ่ายยังไม่กลับมาถึงบ้าน ปกติช่วงเวลานี้จะมายืนเถียงกับเขาได้หลายยกแล้ว ในใจก็คิดว่าคงจะติดธุระหรือไม่งั้นก็คงจะไปสังสรรค์กับเพื่อนแน่นอน

            “นั่นสิครับคุณหญิง”

            “ไปเหลวไหลที่ไหนอีกรึเปล่าเนี่ย ขอแค่อย่าเมามาก็แล้วกัน” คุณหญิงพูดเปรยๆออกมา ราวกับขยาดเวลาลูกชายเมามาซะอย่างนั้น

            “เวลาเมาคุณนักบินจะเป็นยังไงเหรอครับ” ปลาวาฬหันไปถามด้วยความสนใจ

            “เวลาเมาชอบโวยวายลั่นบ้านใครห้ามก็แทบไม่ฟัง ฉันล่ะเหนื่อยถึงไม่ค่อยอยากให้เมาสักเท่าไหร่” เมื่อนึกถึงครั้งก่อนที่ลูกชายเมามาจนทำข้าวของเสียหาย คุณหญิงก็ทำหน้าเหนื่อยใจขึ้นมาทันที

            “เดี๋ยวถ้าคุณนักบินเมามาผมขอดูแลเองนะครับ” ปลาวาฬรับอาสา เขารอเวลาที่จะเอาคืนเต็มทนแล้ว

            “หนูจะไหวจริงๆเหรอ” คุณหญิงเอ่ยถามด้วยความกังวลใจ เพราะปลาวาฬยังไม่เคยเห็นฤทธิ์เดชตอนเมาของลูกชายตัวดี

            “ไหวครับยังไงซะผมกับคุณนักบินก็ต้องนอนด้วยกันอยู่แล้ว คุณหญิงไม่ต้องห่วงผมเคยทำงานในผับมาก่อน เคยจัดการกับลูกค้าที่เมาในร้านมาเยอะครับ” ขอให้วันนี้นายนั่นเมามาด้วยเถอะ ปลาวาฬภาวนาในใจ

            “ถ้างั้นฉันฝากด้วยนะจ๊ะ ดูจากสถานการณ์แล้ววันนี้คงเมามาแน่ๆ”

            คุณหญิงคาดเดาไม่ผิดเพราะตอนนี้เริ่มมีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังแว่วมาจากหน้าบ้านแล้ว

            “ออกปายยย! อย่ามาจับตัวกู กูจ่าเดินข้าวไปเองงง” นักบินเดินเซเข้ามาในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ใบหน้าแดงก่ำจากการซดน้ำเมาเข้าไปอย่างหนัก หมดสภาพผู้บริหารหนุ่มสุดหล่อ คนขับรถพยายามจะเข้าไปพยุงร่างเข้ามาแต่กลับโดนเจ้านายผลักออกจนล้มลงกับพื้น แล้วพยายามเดินโซเซเข้ามาด้วยตัวเอง จนแขนฟาดเข้าไปที่แจกันโบราณที่ตั้งโชว์อยู่ตกลงพื้นจนแตกไม่มีชิ้นดี

            เพล้ง!

            “กรี๊ดด!! แจกันฉ้านนนไอ้ลูกบ้า” คุณหญิงฉัตรฉายเข่าแทบทรุด เมื่อเห็นแจกันโบราณที่อุตส่าห์หอบข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศจีนแตกเป็นเสี่ยงๆอยู่บนพื้น ส่วนตัวการที่ทำลายข้าวของกลับเดินโซเซไปอีกทางอย่างไม่รู้เรื่อง

            “คุณหญิงใจเย็นๆนะครับเดี๋ยวผมจะพาคุณนักบินขึ้นไปบนห้องก่อน” ปลาวาฬยืนปลอบคุณหญิงอยู่ข้างๆ

            “ฝากด้วยนะจ๊ะหนูปลาวาฬฉันล่ะอยากเอาไม้เรียวฟาดก้นมันจริงๆ” เมื่อหันไปมองลูกชายที่กำลังนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นส่งเสียงดังโวยวายก็ถึงกับถลึงตาใส่ แต่พอหันมาเจอเศษซากของแจกันกลับหน้าเปลี่ยนสีแทบจะร้องไห้ออกมา

            “ครับคุณหญิง”

            ปลาวาฬเดินเข้าไปยืนกอดอกมองดูคนที่กำลังเมาไม่ได้สติอย่างพินิจพิจารณา เวลาเมานักบินที่เคยเคร่งขรึม มีมาดผู้ดีทุกกระเดียดนิ้ว กลับกลายเป็นลูกสุนัขตัวเล็กๆ ที่กำลังตกน้ำป๋อมแป๋มดีๆนี่เอง แค่นี้เขารับมือได้สบายมาก ยืนมองอยู่สักพักปลาวาฬก็พยุงร่างนักบินขึ้น

            “คุณนักบินขึ้นไปข้างบนกันครับ” ว่าแล้วก็ยกมือคนเมามาคล้องที่คอเอาไว้

            “ไม่ขึ้นโว้ยกูจ่านอนที่นี่...” คนเมาเอ่ยเสียงยานคางพร้อมกับผลักร่างบางจนเกือบล้มลงพื้น แต่ปลาวาฬไม่ยอมแพ้แน่นอน เจ้าตัวเรียกคนมาช่วยไม่งั้นคงไม่ยอมขึ้นไปโดยดีแน่

            “พี่ครับมาช่วยผมพยุงคุณนักบินหน่อย” ชายวัยกลางคนได้ยินก็เดินเข้ามาหาทันที

            “ออกไป๊! กูจ่านอนที่นี่” ว่าแล้วก็นอนลงบนพื้นอีกครั้ง ปลาวาฬพยักหน้าให้คนขับรถเป็นสัญญาณ ทั้งสองจึงช่วยกันพยุงนักบินขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ได้ผลแม้จะมีฤทธิ์เยอะแค่ไหนแต่ก็สู้แรงของคนทั้งสองไม่ได้

            เมื่อถึงแล้วก็ปล่อยนักบินลงไว้กลางห้อง หลังจากนั้นคนขับรถก็ออกไป ปลาวาฬนั่งยิ้มเจ้าเล่ห์มองใบหน้าคม ที่กำลังนอนตาปรือกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพ

            “ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้แก้แค้นคืนเร็วอย่างนี้ คุณชายนักบินเอ๋ยเตรียมตัวไว้เลย” ปลาวาฬเดินไปหยิบอะไรบางอย่างในตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับเน็กไทด์ของนักบินเป็นจำนวนสามเส้น

            “เมียจ๋าให้ผัวกอดหน่อยน้า” นักบินนอนยิ้มหวานแล้วยกมือขึ้นรอให้อีกฝ่ายเข้ามาสวมกอด

            “เมียพ่อมึงดิ เมาแล้วปากหมาจริงๆ” เจ้าตัวบ่นแล้วลากตัวนักบินเข้าไปในหห้องน้ำ หลังจากนั้นก็จับถอดเสื้อผ้าออกจนหมด แล้วใช้เน็กไทด์มัดแขนมัดขาเอาไว้แน่น

            “เมียจ๋าชอบเล่นแบบนี้หราค้าบบบ” นักบินยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะโดนอีกฝ่ายเล่นงาน ด้วยความเมามายเจ้าตัวเอาแต่ส่งยิ้มให้กับคนที่ยืนจ้องอยู่ตรงหน้า

            “รับรองถูกใจผัวแน่นอนน” ปลาวาฬยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วหยิบเน็กไทด์เส้นสุดท้ายขึ้นมามัดปากนักบินเอาไว้ ไม่ให้ส่งเสียงร้อง

            ซ่า!!!

            นักบินถูกมัดอยู่ในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า ปลาวาฬหยิบฝักบัวมาจ่อที่ใบหน้าแล้วเปิดน้ำใส่ เพื่อให้อีกฝ่ายสร่างเมา ทำตอนไร้สติมันจะไปสนุกอะไรล่ะ

            “อื้ออออออ” เมื่อโดนน้ำเย็นๆเข้าให้นักบินก็เริ่มมีสติขึ้นมาบ้าง แล้วส่งเสียงอู้อี้ผ่านลำคอ ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยเป็นประโยคคัดค้านได้ เห็นอย่างนั้นปลาวาฬยิ่งสะใจ คราวนี้ล่ะเขาจะทำให้นักบินเข็ดหลาบไม่กล้าทำรุนแรงกับเขาอีกต่อไป

            “ร้องให้ดังๆเลยครับ ฮ่าๆๆ” ปลาวาฬหัวเราะชอบใจ

            “อ่อยยยยอู(ปล่อยกู)” เจ้าตัวพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากการถูดมัดแต่ก็ไม่สามารถทำได้

            “ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมไม่กล้าฆ่าคุณหรอก แค่จะสั่งสอนนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง” ว่าแล้วก็เดินไปหยิบกรรไกรมานั่งลงข้างๆแล้วยิ้มเยาะอีกฝ่าย

            “อื้ออออ” ยิ่งเห็นกรรไกรในมือปลาวาฬนักบินยิ่งดิ้นเข้าไปใหญ่ ทำเอาหัวใจนักบินหล่นมาอยู่ที่ตาตุ่มทันที

            “หยุดดิ้นเดี๋ยวนี้เลย ยิ่งถ้าคุณดิ้นไม่แน่น้องชายคุณอาจจะไม่เหลือก็เป็นได้” เมื่อได้ยินเสียงขู่นักบินก็หยุดดิ้นทันที แต่สายตากลับจับจ้องไปที่กรรไกรอย่างไม่วางตา เขาเดาใจไม่ถูกว่าไอ้เด็กดื้อคนนี้จะทำอะไรกันแน่ หวังว่าคงจะไม่ตัดน้องชายของเขาออกหรอกนะ

            “อื้ออออ”

            “ผมจะไม่ทำให้คุณมีบาดแผลแม้แต่นิดเดียว เห็นว่าหญ้ามันเยอะเลยว่าจะช่วยตัดออกให้เท่านั้นเอง” พูดแล้วก็ทำหน้าทะเล้นให้อีกฝ่าย แล้วค่อยๆเล็งปลายกรรไกรไปที่ส่วนกลางของนักบิน หมายจะขู่ให้กลัว

            เห็นอย่างนั้นนักบินก็ได้แต่นอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ จนของสงวนหดเกร็งแทบไม่เหลือเค้ามังกรผงาดแม้แต่นิดเดียว ปลาวาฬเห็นอย่างนั้นก็นั่งหัวเราะเสียงดัง แล้วจัดการตัดขนเพ็ชรที่รกรุงรังออกอย่างช้าๆ บางทีก็เล็งปลายกรรไกรไปที่น้องชายเพื่อให้นักบินตกใจเล่น มันอาจจะดูเป็นโรคจิตไปหน่อยแต่นี่คือทางที่จะเอาคืนนักบินได้เจ็บแสบที่สุดแล้ว

            ขนสีดำที่หยักงอถูกตัดออกแล้ววางไว้บนหน้าท้องของเจ้าของจนเกือบหมด เห็นอย่างนั้นเจ้าตัวน้ำตาแทบไหล ไม่ได้เสียดายแต่รู้สึกเสียววาบที่น้องชายเสียมากกว่า กลัวว่าไอ้เด็กดื้อมันจะบ้าเผลอตัดไปที่น้องชายเท่านั้นเอง

            “เสร็จซะที โถๆๆ ไอ้มังกรผงาดฟ้าตัวนั้นมันหายไปไหนแล้วเนี่ย เหลือแต่ไส้เดือนดินตัวกะจ้อยร่อยเท่านั้นเอง ฮ่าๆๆ” พูดแล้วก็หัวเราะเสียงดังก่อนจะวางกรรไกรลงที่พื้นห้องน้ำ แล้วคลายเน็กไทด์ที่บิดปากนักบินออกให้

            “ไอ้โรคจิต!มึงทำบ้าอะไร” พอปากเป็นอิสระนักบินก็ตะโกนใส่ร่างบางเสียงดังด้วยความโมโหจัด

            “โรคจิตตรงไหนคุณนั่นล่ะโรคจิต ทำคนอื่นเจ็บตัวนอนซมอยู่หลายวันไม่สำนึกผิดอะไรเลย” ปลาวาฬโต้กลับทันควันอย่างไม่ยอมแพ้

            “นั่นมันเป็นเรื่องธรรมชาติโว้ยใครๆเขาก็ทำกัน” นักบินยังตอบโต้อย่างดุเดือด         

            “เหรอให้ผมทำคุณคืนบ้างป่ะละ”

            “ไม่โว้ยฉันจ้างนายมาก็ต้องใช้งานให้คุ้ม” นักบินตอบกลับหน้าตาย

            “ตัดซะดีไหมเนี่ย” ว่าแล้วก็หยิบกรรไกรขึ้นมาขู่

            “ยะ...อย่านะโว้ย อะ...เอาเป็นว่าฉันขอโทษนายละกัน แค่นี้ฉันก็กลัวจะแย่แล้วเนี่ย” นักบินเริ่มใช้แผนประนีประนอม เพราะต้องการเป็นอิสระแล้ว

            “คราวหน้าถ้าคุณยังทำรุนแรงกับผมอีก รับรองว่าคุณจะไม่มีน้องชายไว้ใช้งานแน่” ทำหน้าเหี้ยมขู่ แต่มีหรือที่นักบินจะกลัว เขารู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ไม่มีทางเมามาให้อีกฝ่ายทำอะไรได้แน่

            “ฉันขอโทษอีกครั้ง ต่อไปนี้จะพยายามทำเบาๆละกันนะ ตอนนี้นายช่วยปล่อยฉันก่อนเถอะคันตัวจะแย่แล้วเนี่ย” นักบินพยายามพูดเสียงอ่อนเพื่อให้อีกฝ่ายยอมปล่อยแต่โดยดี

            “ถ้าเกิดผมท้องขึ้นมาแล้วเราจะไม่มีอะไรกันอีกเด็ดขาดเข้าใจไหม” เขาภาวนาให้ตัวเองรีบท้องเร็วๆเรื่องมันจะได้จบเสียที

            “โอเคๆฉันจะทำตาม แต่ตอนนี้นายช่วยปล่อยฉันก่อนเถอะนะ...ขอร้องล่ะ” รอให้เขาเป็นอิสระก่อนเถอะจะจัดการให้เข็ดหลาบเลยทีเดียว

            ปลาวาฬเห็นว่าอีกฝ่ายรับปากแล้วก็จัดการแก้มัดให้ นักบินเป็นอิสระแล้วก็ลุกขึ้นนั่งมองดูบริเวณรอบๆน้องชายก็ถึงกลับกลุ้มใจ เขาอุตส่าห์เก็บมันไว้ตั้งแต่วัยรุ่นไม่เคยตัดเล็มแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้รู้สึกโล่งแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก

            “พูดแล้วก็ทำตามด้วยล่ะ” ปลาวาฬเอ่ยแล้วเดินถือกรรไกรออกจากห้องน้ำ

            “เดี๋ยวเอากรรไกรวางไว้ก่อน” ไอ้เด็กบ้านี่ตัดซะน่าเกลียดเลย เจ้าตัวคิดในใจ

            “อ่ะเอาไปเล็มให้เรียบเนียนซะนะ คริๆ” ยื่นกรรไกรให้แล้วก็เดินร้องเพลงออกจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี

            เมื่ออีกฝ่ายเดินออกไปแล้วนักบินก็จัดการตัดเล็มให้ดูดีขึ้นแล้วล้างเนื้อล้างตัวจนสะอาด ความมึนเมาที่เคยมีก่อนหน้านี้หายเป็นปลิดทิ้งตั้งแต่โดนน้ำเย็นๆสาดเข้าที่ใบหน้าแล้ว และเมื่อเห็นกรรไกรจ่อที่น้องชายของตัวเองก็ยิ่งสร่างเมาขึ้นไปอีกจนแทบจะเป็นบ้า

            “ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ตัวดี” นักบินกดเสียงต่ำบ่งบอกว่ากำลังแค้นอีกฝ่ายเต็มพิกัด เขาจะเอาคืนยังไงดีนะ ให้มันดูสมน้ำสมเนื้อกับสิ่งที่โดนอีกฝ่ายกระทำ

            หลังออกมาจากห้องน้ำแล้วปลาวาฬก็นั่งแชทไลน์กับเพื่อนรัก หัวเราะคิกคักอยู่บนเตียงนอนอย่างอารมณ์ดี ระหว่างนั้นนักบินก็เดินโทงเทงออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมานุ่งเอาไว้ ก่อนจะหันไปมองยังตัวต้นเหตุ ที่ทำให้เขาต้องสูญเสียพื้นที่ป่าสงวนไปซะจนเกลี้ยงเกลาอย่างนี้

            “รู้สึกโล่งดีป่ะคุณ ต้องขอบใจผมนะที่ช่วย คริๆ” พูดแล้วก็ขำออกมาเสียงดัง ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับทำหน้าบูดบึ้งด้วยความหมั่นไส้

            “หัวเราะคิกคักมีความสุขจังเลยนะ” นักบินเอ่ยขณะใส่กางเกงบ็อกเซอร์สีเทา

            “แน่นอนน!” ตอบแล้วเบ้ปากใส่อีกฝ่ายอย่างสะใจ

            นักบินเดินขึ้นมานั่งกอดอกพิงหลังอยู่บนเตียง ก่อนจะปรายตามองว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ ในสมองก็คิดหาทางเอาคืนแต่ก็ยังคิดไม่ออกสักที

            “นายคุยกับใครได้ทุกวี่ทุกวัน” นักบินเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งแชทแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

            “เรื่องของผม” ปลาวาฬตอบสั้นๆแต่สายตายังคงจับจ้องไปยังหน้าจอมือถือ

            “นี่มันเวลางานห้ามคุยเด็ดขาด” นักบินจ้องเขม็งไปยังมือถืออย่างขัดใจ ไม่รู้ทำไมเขาต้องอารมณ์เสียที่เห็นอีกฝ่ายมีความสุขกับคนอื่นด้วยนะ

            “นอนๆไปเถอะคุณพรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมาเผื่อขนจะงอกขึ้นมาเหมือนเดิม” ปลาวาฬหันมาเบะปากใส่อย่างเย้ยหยัน

            “สะใจมากล่ะสิ ขอบอกไว้เลยว่าเรื่องแค่นี้มันไม่ทำให้ฉันรู้สึกแย่อะไรเลย” นักบินหันไปแยกเขี้ยวใส่

            “ไม่เชื่อหรอกผมยังจำสีหน้าของคุณตอนนั้นได้เลย เห็นแล้วก็ยังขำไม่หาย” ปลาวาฬยื่นหน้าทะเล้นเข้าไปใกล้หวังจะเย้ยหยันให้เต็มที่ จนลืมไปว่าตอนนี้นักบินมีสติสัมปชัญญะเต็มที่ แถมยังไม่ได้ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้อีกด้วย

            “ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย!” นักบินทนไม่ไหวโน้มตัวเข้าไปแย่งโทรศัพท์มือถือของปลาวาฬมาถือเอาไว้

            “เอาคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” เจ้าตัวรีบยื้อแย่งคืนมา แต่นักบินกลับชูไว้เหนือศีรษะ ทำให้ปลาวาฬโมโหจัดเพราะพยายามแย่งคืนมาแต่ก็ไม้ได้สักที จนลืมไปว่าตอนนี้เจ้าตัวได้ขึ้นมานั่งบนตักของอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว นักบินจึงใช้จังหวะนี้ล็อกตัวเอาไว้แล้วกอดไม่ยอมปล่อย ส่วนมือถือก็วางไว้ข้างๆตัว

            “ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ” มือทั้งสองแนบชิดกับอกแกร่งของนักบินทำให้ไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ เจ้าตัวได้แต่พ่นคำก่นด่าออกมาไม่หยุดหย่อน จนนักบินต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น

            “ปล่อยให้โง่ดิคืนนี้ก็นอนมันทั้งอย่างนี้ล่ะดื้อดีนัก” นัยน์ตาคมจ้องมองดวงตาหวานอย่างไม่ละสายตา หวังใจจะให้อีกฝ่ายเขินอายจนทำตัวไม่ถูก

            “ปล่อยยย!” เมื่อโดนจ้องปานจะโดนกลืนกินอย่างนั้น ทำเอาปลาวาฬถึงกับหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาทันที และพยายามหลบสายตาคมคู่นั้นอยู่ตลอด

            “ไม่” นักบินตอบอย่างไม่ยี่หระแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เงยหน้าขึ้นมาจ้องตาฉันเดี๋ยวนี้” เสียงเข้มออกคำสั่ง

            “ไม่มีทาง” ปลาวาฬเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นเดียวกัน

            “ปากเก่งอย่างนี้แสดงว่าก้นคงหายเจ็บแล้วสินะ คนอย่างฉันไม่มีทางรักษาสัญญากับคนอย่างนายแน่” นักบินรู้ว่าถ้าเอ่ยประโยคนี้ออกมา จะทำให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมาด่าแน่นอน

            “ไอ้คนไม่รักษาคำพูดรู้อย่างนี้น่าจะตัดจู๋ให้ขาดไปเลย” พูดจบแล้วก็กัดริมฝีปากล่างเอาไว้ พร้อมกับขมวดคิ้วจนเป็นปมด้วยความโมโห

            “คนอย่างนายทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” พูดแล้วก็ระดมหอมแก้มร่างบางสลับซ้ายขวาไม่ยั้ง

            “หยุดเดี๋ยวนี้เลยไอ้บ้า” ปลาวาฬพยายามก้มหน้าหนีแต่ใบหน้าคมกลับยังคงพยายามซุกไซร้ไม่หยุดหย่อน

            “ไม่หยุด! คนปากเก่งอย่างนายมันต้องโดนอย่างนี้” เสียงกระเส่าเอ่ยย้ำข้างใบหู แล้วซุกไซร้ที่ซอกคอขาวอย่างเพลินเพลิน ได้แกล้งคนที่อยู่ในอ้อมกอดทำให้ลืมเรื่องที่โดนตัดดงหญ้าจนโล่งเตียนไปชั่วขณะ

            “อยากทำก็ทำเลยผมเป็นแค่ลูกจ้างอยู่แล้วนี่” ร่างเล็กเอ่ยออกมาด้วยความน้อยใจ ก่อนจะเลิกขัดขืนใดๆทั้งนั้น เจ้าตัวนั่งอยู่นิ่งๆภายในอ้อมอกแกร่งแล้วหลับตาลงด้วยความเหนื่อยกาย

            “ทำเป็นน้อยอกน้อยใจฉันไม่มีทางหลงกลคนอย่างนายหรอก” นักบินยังไม่คลายอ้อมกอด เขาจะกอดไอ้เด็กดื้อไว้อย่างนี้ไม่ให้ขยับตัวไปไหนได้ เป็นการลงโทษที่บังอาจมาทำกับเขาถึงเพียงนี้

            แม้อีกฝ่ายจะนั่งนิ่งไม่ได้ขัดขืนใดๆแล้ว แต่กลิ่นกายที่หอมละมุนกลับยังคงทำให้นักบิน ต้องซุกไซร้ใบหน้าลงไปสูดกลิ่นหอมอยู่เนืองๆอย่างถือวิสาสะ ราวกับได้เสพย์ติดกลิ่นกายหอมนี้ไปเสียแล้ว

            “อย่าบอกนะว่าหลับไปแล้ว”

            นักบินเอ่ยกับตัวเองเบาๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งนิ่งเป็นเวลานาน ก่อนจะคลายอ้อมกอดแล้วมองหน้าก็เป็นอย่างที่คิด จึงอุ้มร่างเล็กไปนอนอีกฝั่งแล้วห่มผ้าให้ นักบินจ้องมองใบหน้ารูปไข่อย่างหลงใหล เวลาที่หลับไม่รู้เรื่องช่างดูเป็นเด็กที่ไร้พิษสงซะเหลือเกิน ก่อนจะเผลอจุมพิตที่หน้าผากนุ่มอย่างลืมตัว เมื่อได้สติก็ปิดไฟแล้วเอนกายลงข้างๆ ทว่ากลับไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ จึงคว้าตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดจากด้านหลังเอาไว้ และหมอนข้างที่ชื่อปลาวาฬนั้น กลับทำให้นักบินสามารถหลับไหลในราตรีนั้นได้อย่างง่ายดาย

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
วิธีแก้เมาแบบนี้ เด็ดจริงๆ  o13

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สมน้ำหน้าอีนักบิน 5555

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เอาคืนเล็กๆน้อยๆ พอสะใจ o18

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แก้แค้นได้เจ็บแสบมากหนูปลาวาฬ555

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ปลาวาฬหนูเปลี่ยนอาชีพเป็นช่างตัดผมเถอะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
สมน่ำหน้านักบิน ปลาวาฬคิดวิธีนี้ได้ไงอ่ะ ฮ่าๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด