พิมพ์หน้านี้ - ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ไมเลอร์ ที่ 02-05-2018 22:40:46

หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 02-05-2018 22:40:46
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*************************************************************************

ฮัลโล!!!! สวัสดีครับทุกท่าน
วันนี้ไมเลอร์มาเปิดเรื่องใหม่ ชื่อเรื่องว่า 'แม่พันธุ์จำเป็น' ชื่ออาจจะดูแปลกหน่อยนึงเนาะ 555 เรื่องนี้จะเป็นแนว Feel Good + Comedy ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะครับ


                                                              --แม่พันธุ์จำเป็น---

          เมื่อนักธุรกิจหนุ่มหล่ออยากจะมีลูกชายไว้สืบทอดกิจการ แต่เจ้าตัวดันเป็นโรคแพ้ผู้หญิงขั้นรุนแรง จึงประกาศรับสมัครผู้ชายที่สามารถตั้งครรภ์ได้จากทั่วประเทศ มาเป็นแม่พันธุ์เพื่อให้กำเนิดลูกชายโดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ....นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องยุ่งๆทั้งหมด



********************************************************************
หัวข้อ: Re: lll::::::แม่พันธุ์จำเป็น::::::lll--[บทนำ]--lll--Up:02-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 02-05-2018 22:44:45
บทนำ


   “เตรียมเอกสารมาครบใช่ไหมคะ”

   “ครับผม”

   เจ้าหน้าที่สาวสวยรับเอกสารมาแล้วเช็คดูความเรียบร้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้

   “เรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญไปนั่งรอสัมภาษณ์ฝั่งโน้นนะคะ”

   “ครับผม ขอบคุณครับ” เจ้าตัวยกมือไหว้อย่างมีมารยาท

   หนุ่มร่างเล็กผิวพรรณขาวนวลเนียน ดูสะอาดสะอ้าน เดินไปนั่งรอที่หน้าห้องสัมภาษณ์ ที่มีชายหนุ่มวัยรุ่นหลายคนกำลังนั่งรอคิวอยู่ก่อนหน้าแล้ว

   ‘ปลาวาฬ’ หนุ่มน้อยวัยยี่สิบปีนั่งถอนหายใจด้วยความตื่นเต้น นี่คือการสมัครงานที่โหดที่สุดในชีวิต มันเป็นงานที่ต้องเอาตัวเข้าแลกกับเงินจำนวนเงินมหาศาล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงยอมมานั่งอยู่ตรงนี้

   หลายวันก่อนขณะเจ้าตัวกำลังท่องโลกโซเชียว บังเอิญสะดุดตากับโพสที่ผู้คนกระหน่ำแชร์และคอมเม้นท์ด้วยความสนใจ พออ่านหัวข้อเท่านั้นล่ะก็ทำให้ปลาวาฬถึงกับตาโตขึ้นมาทันที ค่าจ้างห้าล้านบาทแลกกับการให้กำเนิดทายาทตระกูลดังแบบไม่มีข้อผูกมัด แต่คุณสมบัติที่น่าสนใจนั่นคือต้องเป็นผู้ชายที่สามารถตั้งครรภ์ได้เท่านั้น ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรแต่ก็ต้องวนกลับมาอ่านรายละเอียดอีกครั้ง นั่นเพราะตอนนี้ชีวิตมันกำลังดิ่งลงเหวอย่างไม่มีทางปีนป่ายขึ้นไปได้ง่ายๆ ตกงาน ไม่มีเงิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าห้องก็กำลังจะมา ทุกอย่างมันมืดแปดด้านไปหมด และบังเอิญที่เขาเองก็คือหนึ่งในผู้ชายที่สามารถตั้งครรภ์ได้

   คนที่นั่งรอหลายต่อหลายคิวเข้าไปแล้วก็ออกมา จนในที่สุดก็ถึงคิวของปลาวาฬ เจ้าตัวสูดอากาศเข้าปอดจนสุดแล้วค่อยๆปล่อยลมหายใจออกมาอย่างช้าๆเพื่อขจัดความตื่นเต้น

   “คุณปลาวาฬ เพชรรัตน์ เชิญด้านในค่ะ”

   เจ้าของชื่อรีบลุกขึ้นยืนแล้วจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินไปยืนหน้าประตู

   “เข้าไปได้เลยใช่ไหมครับ”

   “ใช่ค่ะ”

   เธอพูดแล้วก็เปิดประตูให้ เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี นั่งสวมชุดสูทสีเข้มอยู่บนเก้าอี้ กำลังจ้องมองมาอย่างจับผิด

   นักบิน หรือนายวรรธนพล มหาธำรงกุล อายุสามสิบปีบริบูรณ์ ทายาทตระกูลดังและเป็นเจ้าของความคิดในการเฟ้นหาแม่ของลูก หากเขาไม่เป็นโรคแพ้ผู้หญิงขั้นรุนแรงป่านนี้คงได้มีลูกเป็นโหลไปแล้ว อาการแพ้ผู้หญิงที่เขาประสบปัญหาอยู่ตอนนี้ก็คือ หากแตะเนื้อต้องตัวสาวๆแม้แต่น้อยก็จะมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวแล้วก็อาเจียนไม่ยอมหยุด ทำให้แฟนผู้หญิงที่เคยคบหามานานหลายปีต้องเลิกรากันไปในที่สุด

   “สวัสดีครับ” ปลาวาฬเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือไหว้

   “เชิญนั่ง”

   “ขอบคุณครับ”

   สายตาคมของผู้สัมภาษณ์ยังไม่ละจากใบหน้ารูปไข่แม้แต่วินาทีเดียว จนทำให้ปลาวาฬถึงกับรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที
   “แนะนำตัวสิจะรออะไร” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นหลังจากละสายตาไปสนใจใบสมัครแทน

   “ผมชื่อปลาวาฬ เพชรรัตน์ อายุยี่สิบปี ชอบเลี้ยงแมว ชอบเล่นน้ำคลอง ชอบฟังเพลงลูกทุ่ง ชอบ....” เจ้าตัวกำลังจะพูดต่อ แต่โดนเบรคด้วยเสียงเข้มชองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเสียก่อน

   “พอๆๆ นี่เรียกว่าแนะนำตัวแล้วเหรอ” นักบินมองหน้าแล้วขมวดคิ้วจนแทบจะชนกัน

   “ใช่ครับ....แล้วที่พูดมามันไม่เกี่ยวกับผมตรงไหนมิทราบ” ปลาวาฬทำหน้างง

   “เอาที่มันมีสาระกว่านี้ได้ป่ะ ผมถามจริงๆคุณเคยไปสมัครงานบ้างป่ะเนี่ย”

   “เคย” เจ้าตัวตอบสั้นๆพร้อมกับทำหน้าตาใสซื่อ

   “แล้วคุณก็ตอบอย่างนี้”

   “ใช่”

   “แล้วเขารับคุณเข้าทำงานรึเปล่า”

   “ก็รับบ้างไม่รับบ้าง สรุปคุณจะให้ผมแนะนำตัวต่อรึเปล่าเนี่ย”

   “ไม่ดีกว่า...ถ้าให้คุณพูดต่อก็คงไม่มีสาระเหมือนเดิม” นับบินถอนหายใจเสียงดังบ่งบอกว่าตอนนี้กำลังรู้สึกเบื่อหน่ายกับผู้สมัครคนนี้ซะเต็มประดา

   “แล้วสาระของคุณคืออะไรล่ะ” ปลาวาฬเองก็เริ่มไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าไอ้ผู้ชายคนนี้ซะแล้ว คนอะไรจะขี้เก๊กขนาดนี้ แถมยังปากจัดอีกต่างหาก มีดีอย่างเดียวก็แค่หล่อเท่านั้นล่ะ

   “คุณยังเวอจิ้นอยู่รึเปล่า” นักบินมองหน้านิ่งเพื่อรอฟังคำตอบ หากคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตอบว่าไม่ก็จะถูกคัดชื่อออกทันที

   “นี่คือคำถามที่มีสาระของคุณแล้วเหรอ” ไอ้บ้าเอ๊ยมาถามอย่างนี้ได้ยังไงใครจะกล้าตอบ ปลาวาฬคิดในใจ

   “ใช่มันคือส่วนหนึ่งที่จะนำมาพิจารณาคัดเลือก ตอบตามความจริงด้วย ถ้าทางเรารู้ทีหลังทุกอย่างจะต้องเป็นโมฆะ”

   “ถ้าเคยชักว่าวนี่เรียกว่ายังเวอจิ้นอยู่รึเปล่าอ่ะ” เขาไม่แน่ใจคำจำกัดความคำว่าเวอจิ้นของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าว่ามันมีขอบข่ายแค่ไหน

   “ถ้าคุณยังไม่โดนเอาตูดก็คือยังบริสุทธิ์พอจะเข้าใจนะ” เขาอยากจะจับแก้ผ้าตีก้นเสียจริงๆคนอะไรจะซื่อบื้อได้ขนาดนี้

   “ออถ้างั้นก็บริสุทธิ์ครับ” ปลาวาฬยิ้มร่าเมื่อรู้ว่าตัวเองยังพอมีหวัง

   “แล้วน้องชายคุณยาวกี่นิ้ว”

   เจอคำถามนี้เข้าไปทำให้ปลาวาฬถึงกับตาโตทันที ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง คำถามดูมีสาระซะเหลือเกิน ไอ้บ้าเอ๊ย คำก่นด่าดังขึ้นในใจอย่างอัดอั้น หากเป็นไปได้เขาอยากจะตะโกนใส่หน้านายคนนี้ซะเหลือเกิน

   “คำถามนี้คือส่วนนึงที่จะนำมาพิจารณาคัดเลือก ใช่ไหมครับ” ปลาวาฬชิงพูดตัดหน้าก่อนที่นักบินจะขยับปาก

   “รู้แล้วจะถามทำไม” นักบินทำเสียงดุใส่

   “ขนาดน้องชายผมน่ะเหรอ เอ...ผมเองก็ไม่เคยวัดสักครั้งเลยอ่ะ ทำยังไงดีต้องการตัวเลขเป๊ะๆเลยป่ะครับผมจะได้ไปวัดในห้องน้ำก่อน” อยากรู้ดีนักเขาจะกวนให้หัวปั่นเลยคอยดู

   “ไม่ต้อง! เอาคร่าวๆ” ตอนนี้กำแพงความอดทนของนักบินแทบจะพังลงแล้ว

   “อืมม...คิดแป๊บนะ” พูดพลางคลึงที่เป้ากางเกงไปด้วย “ประมาณ...ห้านิ้วได้มั้ง”

   นักบินได้ยินก็ยิ้มที่มุมปากทันที คนที่จะมาขึ้นเตียงกับเขาต้องมีความยาวของน้องชายสั้นกว่าไม่งั้นก็หมดสิทธิ์

   “คุณยิ้มอะไร” รอยยิ้มนั่นทำให้ปลาวาฬรู้สึกเหมือนถูกเยาะเย้ย เจ้าตัวจึงถามกลับไปห้วนๆ

   “เปล๊า”

   “ทำอย่างกับของตัวเองใหญ่ซะเหลือเกิน ดูหน้าก็รู้แล้วว่าเล็กนิดเดียว” ปลาวาฬพูดต่อหน้าอย่างไม่เกรงกลัว

   “ก็แล้วแต่จะคิด” นักบินยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

         ถ้านายผ่านการพิจารณาเดี๋ยวก็ได้รู้ว่าฉันเล็กหรือใหญ่ นี่คือความคิดในหัวของนักบินที่ทำให้เจ้าตัวยิ้มออกมาไม่ยอมหยุด

   “คุณหมดคำถามรึยังผมจะได้กลับซะที” ดูเหมือนวาตอนนี้ปลาวาฬเริ่มรู้สึกว่าการมาที่นี่มันไม่ได้มีสาระอะไรเลย

   “เหลืออีกคำถามนึงก็เสร็จแล้ว.....เหตุผลที่คุณมาสมัครคืออะไร”

   “ผมตอบอย่างไม่อายว่าเพราะเงิน ตอนนี้ชีวิตผมกำลังย่ำแย่หมดหนทาง เงินเท่านั้นคือพระเจ้า นี่คือเหตุผลเดียวโอเคนะ” เจ้าตัวตอบอย่างไม่คิดมากเพราะยังไงซะก็ไม่ได้หวังอะไรแล้ว คิดแค่ว่าตอบส่งๆไปอย่างนั้นให้มันจบๆ

   “ผมหมดคำถามแล้ว คุณมีอะไรจะถามก่อนออกไปไหม”

   “มี! ผมฝากบอกเจ้านายคุณด้วยนะว่าไม่มีอะไรจะทำแล้วเหรอ ถึงได้คิดโปรเจคที่ปัญญาอ่อนอย่างนี้ขึ้นมา แค่นี้ล่ะ” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไปทันที

   “เดี๋ยวผมจะบอกคุณวรรธนพลให้ก็แล้วกันครับ” นักบินตะโกนตามหลังไป ถึงแม้ว่าจะรู้สึกจุกไม่น้อยที่โดนด่าซึ่งๆหน้าอย่างนี้

   ปัง!

        เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นนักบินถึงกับถอนหายใจเสียงดังแล้วนั่งขาไขว่ห้างทันที ตอนนี้ในหัวกำลังคิดว่าจะเอายังไงดีกับไอ้เด็กกวนตีนคนนี้ มันน่าจับมาตีก้นนัก ดีดอย่างกับม้าแถมยังปากดีอีกด้วย แต่คุณสมบัติไอ้เด็กคนนี้มันดันตรงตามที่เขาต้องการทุกอย่างเลยนี่สิ....หรือจะลองเสี่ยงดูสักตั้ง



   




*****************************
ฝากติดตามเรื่องใหม่ด้วยนะครับ เลิฟๆๆ

หัวข้อ: Re: lll::::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::::lll--[บทนำ]--lll--Up:02-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 02-05-2018 23:46:46
ติดตาม :pig4:
หัวข้อ: Re: lll::::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::::lll--[บทนำ]--lll--Up:02-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-05-2018 02:18:27
 ตาม ๆ  :katai5:
หัวข้อ: Re: lll::::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::::lll--[บทนำ]--lll--Up:02-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-05-2018 03:20:37
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: lll::::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::::lll--[บทนำ]--lll--Up:02-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 03-05-2018 07:35:16
ตามมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: lll::::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::::lll--[บทนำ]--lll--Up:02-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 03-05-2018 08:33:35
ตามมม :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: lll::::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::::lll--[บทนำ]--lll--Up:02-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 03-05-2018 08:47:28
รอตอนต่อไปค่าา  :pig4:
หัวข้อ: Re: lll::::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::::lll--[บทนำ]--lll--Up:02-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: yjm ที่ 03-05-2018 09:14:35
รอจ้า
หัวข้อ: Re: lll::::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::::lll--[บทนำ]--lll--Up:02-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Tukta3039 ที่ 03-05-2018 13:34:12
หลังจากสุ่มเลื่อนหานิยายอ่านมาสักพัก ในที่สุดเราก็หากันจนเจอ รอนะค๊าาา
หัวข้อ: Re: lll::::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::::lll--[บทนำ]--lll--Up:02-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 03-05-2018 16:27:18
ติดตามๆค่ะ :katai5:
หัวข้อ: Re: lll::::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::::lll--[บทนำ]--lll--Up:02-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 03-05-2018 17:03:10
เกาะจอรอเลย
หัวข้อ: l::::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::::l ตอนที่ 1 ข่าวดี l Up:03-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 03-05-2018 21:04:26
         
  -๑-
ข่าวดี



            “โอ๊ยยยย!!! เกลียดๆๆๆๆ”

            “มึงเป็นบ้าอะไรวะปลาวาฬกลับมาถึงห้องก็ชักดิ้นชักงออย่างกับโดนน้ำร้อนลวก” เงินกำลังนั่งแต่งตัวอยู่หน้าโต๊ะแป้งต้องหันไปมอง เมื่อเพื่อนรักมาถึงแล้วก็นอนดิ้นไปมาอยู่บนเตียงอย่างกับเด็กถูกขัดใจ

            “กูเกลียดคนโว้ย เกลียดๆๆ”

            “ใครกันที่กล้าทำให้มึงเกลียดได้ขนาดนี้วะ”

            “ก็ไอ้คนที่มันสัมภาษณ์กูไง ปากหมาฉิบหาย” ถ้าเจอหน้ากันอีกทีต้องซัดหน้าให้สักหมัดถึงจะสมใจอยาก

            “เออแล้วเป็นไงบ้างวะพอมีสิทธิ์ได้เงินห้าล้านบาทป่ะ ถ้ารวยแล้วอย่าลืมกูนะเว้ย” หากเขาสามารถตั้งท้องได้คงจะไปสมัครกับเพื่อนแล้ว เงินตั้งห้าล้านบาทสามารถอยู่ได้สบายเป็นชาติเลยทีเดียว

            “ได้เหี้ยอะไรล่ะสัมภาษณ์กูมีแต่คำถามโง่ๆทั้งนั้น กูก็เลยจัดไปหนึ่งดอกก่อนออกจากห้องสัมภาษณ์” พูดแล้วก็ยิ้มแหยๆ

            “มึงนี่นะหัดระงับอารมณ์ซะบ้าง...เอ้อ! เขาถามมึงว่าอะไรวะถึงได้ปรี๊ดแตกขนาดนี้” เงินมองหน้าเพื่อนเพื่อรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ

            “เอ่อ...มึงไม่ต้องรู้หรอก รู้แค่ว่ามันเป็นคำถามที่เหี้ยมากกกก” เจ้าตัวลากเสียงยาว

            “สงสัยจะเหี้ยยยยยจริงๆล่ะ ปกติแล้วมึงโกรธใครเป็นซะที่ไหนล่ะ”

            “แล้วนี่มึงไม่คิดจะหางานใหม่เหรอวะ วันดีคืนดีถ้าไอ้เสี่ยนั่นมันคิดจะลวนลามมึงจะทำไง” ปลาวาฬมองหน้าเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองทำงานที่เดียวกันเป็นเด็กเสิร์ฟในผับแห่งหนึ่ง แต่ไอ้เสี่ยหัวงูเจ้าของผับคิดจะลวนลามปลาวาฬ เจ้าตัวเลยสอยหมัดเข้าให้จนเลือดกลบปากจึงถูกไล่ออก นั่นเป็นที่มาของการเป็นคนตกงานในครั้งนี้

            “กูต้องทนทำไปก่อนมึงก็รู้ว่าถ้ากูตกงานอีกคนเราจะเอาอะไรแดกกันวะ”

            “เออก็ใช่ เดี๋ยวกูจะพยายามหางานให้ได้เร็วๆละกันมึงก็ทนๆไปก่อน ถ้าได้งานดีๆแล้วเดี๋ยวกูชวนไปทำด้วย”

            “ขอบใจว่ะเดี๋ยวกูออกไปทำงานก่อนละกัน” เงินลุกขึ้นยืนพร้อมกับสะพายกระเป๋าใบเล็กๆ

            “โชคดีเมิงง”

            หลังจากเพื่อนรักออกไปทำงานแล้วปลาวาฬก็นั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างตั้งใจ เจ้าตัวกำลังค้นหางานที่ถูกใจแต่จนแล้วจนรอดก็ต้องเปิดผ่านไปหลายต่อหลายครั้ง ยังไม่มีอะไรที่ถูกใจเลยแม้แต่งานเดียว

            “เฮ้อ! มันจะงานอะไรที่ได้เงินเยอะๆบ้างไหมเนี่ย” นอนถอนหายใจหน้าบูดบึ้งอยู่บนเตียงอย่างหมดหวัง คิดดูอีกทีเขาไม่น่าไปวีนใส่นายนั่นอย่างนั้นเลย ถ้าไม่ทำอย่างนั้นก็อาจจะพอมีลุ้นอยู่บ้าง เงินห้าล้านบาทถ้าได้มาคงสบายได้เป็นชาติเลยทีเดียว



                                                                      *-*-*-*-*-*-*



            ผับแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ

            เงินเดินสะพายกระเป๋าเข้าไปวางไว้ในล็อกเกอร์ ก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนชุดพนักงานแล้วออกมายืนรอรับออร์เดอร์ที่หน้าเคาน์เตอร์

            “สวัสดีครับพี่ต้า” เป็นปกติที่จะต้องไหว้ทักทายรุ่นพี่บาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อประจำของร้าน

            “หวัดดีเว้ยเงินวันนี้ฉายเดี่ยวเลยสินะ” ต้าทักทายกลับด้วยคำถาม เพราะรู้เห็นเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่เกิดขึ้นกับปลาวาฬ

            “ครับพี่”

            “สงสารไอ้ปลาวาฬมันเนาะ มาเจอไอ้หัวงูเจ้าของร้านอย่างนี้” ประโยคหลังต้าโน้มใบหน้าเข้ามากระซิบใกล้ๆ เพราะกลัวใครจะได้ยินเข้า

            “แต่ผมว่าเป็นโชคดีของมันแล้วล่ะที่ได้ออกไปจากที่นี่”

            “เอ็งก็ระวังตัวไว้บ้างตัวเล็กๆน่ารักๆอย่างนี้มันอาจจะงาบเข้าให้สักวัน” ต้าแนะนำ

            “ขอบคุณครับพี่ถ้ามันทำผมรับรองมันได้ตายคามือแน่”

            “ทำเป็นเก่งไปเจอแล้วจะหนาวหึๆ”

            “พี่ก็พูดซะผมร้อนๆหนาวๆเลยเนี่ย” จะว่าไม่กลัวก็ไม่ใช่เพราะที่นี่คือผับของไอ้เสี่ยหัวงูนั่น หากเกิดอะไรขึ้นมันก็น่ากลัวไม่น้อย เขาไม่ใช่ประเภทสู้คนอย่างปลาวาฬ ที่พูดออกไปก็ทำเป็นเก่งไปอย่างนั้นเอง

            “พี่ล้อเล่นแค่อยากบอกว่าให้ระวังตัวไว้บ้างก็เท่านั้น” บาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อยิ้มให้อย่างเป็นห่วง

            “ขอบคุณครับพี่...เดี๋ยวผมไปรับออร์เดอร์ลูกค้าก่อนนะ”

            “เออๆ ขอให้ได้ทิปเยอะละกัน”

            “สาธุ๊” พูดพร้อมกับยกมือไหว้

            หลังจากนั้นหนุ่มน้อยรูปร่างผอมเพรียวก็เดินแทรกผู้คนหลายร้อยชีวิต ที่กำลังยืนโยกย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะเพลงสากลอย่างสนุกสนาน ก่อนจะเดินไปชนกับลูกค้าหนุ่มรายหนึ่งที่เห็นแล้วก็อยากจะเบือนหน้าหนีเสียให้ได้

            “อ้าวน้องเงินนั่นเอง พี่นึกว่าวันนี้จะไม่มาซะอีก”

            “มาสิครับพี่มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ” เจ้าตัวพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มขัดกับความรู้สึกในใจที่รำคาญซะเหลือเกิน

            “มาที่โต๊ะพี่แป๊บนึงสิ”

            “ได้ครับ”

            เงินเดินตามหลังลูกค้าหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อคนนั้นไป นายคนนี้คือลูกค้าประจำของผับ และเป็นลูกค้าที่เขาเอือมระอามากที่สุดคนหนึ่ง นั่นเพราะชอบมาทำเจ้าชู้ยักษ์ใส่ตลอดเวลาที่เจอกัน แถมบางวันยังมาแต๊ะอั๋งเขาอีกด้วย ดูๆไปแล้วก็ไม่ต่างจากไอ้เสี่ยหัวงูเจ้าของผับสักเท่าไหร่

            “รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ” เมื่อเดินมาถึงโต๊ะแล้วเงินก็ยืนในท่าทีสุภาพแล้วเอ่ยถามลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

            ลูกค้ากลุ่มนี้คือเพื่อนๆของ ‘เจฟ’ หรือ เจฟฟี่ แมคไคน์ ลูกครึ่งหนุ่มไทยอังกฤษวัยสามสิบปี หนุ่มเจ้าสำราญทายาทธุรกิจส่งออกเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของประเทศไทย ด้วยความที่เป็นหนุ่มเจ้าสำราญทำให้เจ้าตัวใช้ชีวิตไปวันๆ หมดเงินไปกับการเลี้ยงเหล้าเพื่อนบ้าง แจกทิปให้กับสาวๆบ้างและอื่นๆที่ไม่มีประโยชน์เอาซะเลย

            “รับน้องเงินได้ไหมครับ ฮิ้วว!!” หนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาที่โลมเลียราวกับจะกลืนกินไปทั้งตัวเสียให้ได้

            “มึงอย่าเยอะไอ้บอลนี่น้องเงินกูเว้ย” เจฟหัวหน้ากลุ่มยืนบังเพื่อนเอาไว้ พร้อมกับส่งสายตาหวานเยิ้มให้

            “ทุกคนมีสิทธิ์ในตัวผมครับพี่ แต่เฉพาะในหน้าที่เท่านั้นนะ” พูดพร้อมกับยิ้มให้แต่ในใจกลับอยากจะสับใบหน้าหล่อๆนี้ให้เป็นชิ้นๆเสียให้ได้

            “ไม่ได้! น้องเงินต้องเป็นของพี่คนเดียวเท่านั้น...ใครก็ไม่มีสิทธิ์” หนุ่มลูกครึ่งยังดื้อดึงที่จะเอาชนะ

            “ถ้างั้นก็แล้วแต่พี่ละกันครับ สรุปว่าที่เรียกผมมาจะสั่งอะไรเพิ่มเหรอครับ”

            “พี่เอาโซดากับน้ำ.....แข็งเพิ่มครับ” บริกรหนุ่มหน้าแดงขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นภาพอุบาทนั่น ไม่ใช่เพราะอายแต่โมโหซะมากกว่า คนอะไรจะหน้าไม่อายเอามือมาลูปเป้ากางเกงที่กำลังตุงอย่างเห็นได้ชัด

            “รอสักครู่นะครับ” พูดแล้วก็เดินหันหลังกลับไปทันที ระหว่างเดินเจ้าตัวก็บ่นไปสารพัด อีกไม่นานหรอกเขาจะลาออกแล้วไปหาอาชีพอื่นที่มันไม่ต้องมาทนกับลูกค้าบ้าๆพวกนี้

            ก่อนจะเดินไปถึงหน้าเคาน์เตอร์ก็มีเพื่อนพนักงานคนหนึ่งเดินตรงมาเหมือนมีอะไรจะพูดด้วย

            “มีอะไรรึเปล่าเบลล์”

            “เสี่ยเรียกให้ไปหาที่ห้องอ่ะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็เริ่มหนักใจขึ้นมา เขากลัวว่าจะโดนเหมือนเพื่อนรัก

            “มีอะไรรึเปล่าอ่ะ”

             “เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”

            “ไม่เป็นไรถ้างั้นเราฝากเอาโซดากับน้ำแข็งไปให้ลูกค้าโต๊ะนั้นด้วยนะ” พูดพลางชี้ไปที่โต๊ะของเจฟฟี่

            “โอเคเดี๋ยวเราเอาไปให้”                                 

            เบลล์เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ส่วนเจ้าตัวก็รีบเดินเข้าไปหาเสี่ยเจียงในห้องทำงาน

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            “เข้ามาได้”

            เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับหนุ่มสูงวัย(ใกล้ฝั่ง) กำลังนั่งขาไขว่ห้างอยู่บนโซฟาอย่างอารมณ์ดี ในมือก็ถือแก้วน้ำสีอำพันดื่มไปด้วย

            “เสี่ยมีอะไรรึเปล่าครับ”

            “นั่งลงก่อนสิอาเงิน”

            เงินนั่งลงบนโซฟาตัวข้างๆด้วยความเกร็ง เขาจับจ้องทุกอิริยาบถของเสียเจียงอย่างไม่วางตา หากมีอะไรตุกติกจะได้ไหวตัวทัน

            “ตอนนี้เพื่อนลื้ออยู่ที่ไหน”

            “เอ่อ...อยู่ที่ห้องครับเสี่ย”

            “นี่อั๊วเห็นแก่ลื้อนะที่ไม่เอาเรื่องมัน” เสี่ยเจียงพูดพร้อมกับชงเหล้าไปด้วยแล้วยกมาวางไว้ตรงหน้า “ดื่มเป็นเพื่อนเสี่ยหน่อยนะ”

            “ไม่เป็นไรครับเสี่ยผมต้องออกไปทำงานต่อ” เจ้าตัวส่ายมือปฏิเสธทันที

            “วันนี้อั๊วให้หยุดวันนึงมาดื่มเป็นเพื่อนอั๊ว” พูดพร้อมกับเดินมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน

            เงินเห็นท่าไม่ดีก็ทำท่าจะลุกขึ้นแต่โดนเสี่ยรั้วเอวบางเอาไว้เสียก่อน

            “โอเคๆ อั๊วไม่บังคับลื้อก็ได้แต่ช่วยดื่มเป็นเพื่อนอั๊วสักแก้วก่อนค่อยออกไปก็แล้วกัน”

            เมื่อเห็นว่าเสี่ยเจียงไม่ได้มีท่าทีจะบังคับขืนใจแล้ว เงินก็เลยยอมนั่งลงแล้วดื่มเข้าไปรวดเดียวจนหมดแก้ว เพราะต้องการออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด

            “ผมออกไปได้แล้วใช่ไหมครับเสี่ย” วางแก้วลงบนโต๊ะแล้วพยายามแกะมือที่เกาะกุมอยู่บริเวณเอวบาง แต่เสี่ยเจ้าเล่ห์กลับไม่ยอมปล่อยโดยง่าย

            “อีกแป๊บนึงก่อนน่าอาเงินยังไงวันนี้ก็ได้ออกไปแน่นอน”

            “ผมขอตัวไปทำงานนะครับเสี่ย ปล่อยผมเถอะ” พูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ อยู่ๆก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวและร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ทำไมจู่ๆถึงได้มีความต้องการขึ้นมานะ

            “อีกนิดนึงน่าหึๆ อั๊วว่าลื้อคงไม่อยากออกไปแน่นอน” เสี่ยเจียงพยายามรั้งตัวเงินเอาไว้เพราะรอให้ยาปลุกเซ็กส์ออกฤทธิ์เสียก่อน

            “นี่เสี่ยเอาอะไรให้ผมกิน ทำไมถึงได้รู้สึก” พูดแล้วก็ขบริมฝีปากบางพร้อมกับใช้มือเรียวกอดก่ายตัวเองเอาไว้

            “วันนี้ลื้อต้องมาชดใช้สิ่งที่เพื่อนลื้อทำเอาไว้” เสี่ยเจียงใช้จังหวะนี้โอบกอดเอาไว้แล้วผลักลงบนพื้น หลังจากนั้นก็พยายามกระชากเสื้อพนักงานออกจนหลุดลุ่ย

            “ปล่อยนะไอ้เสี่ยบ้า อ๊ะ..ซี๊ดส์” ยิ่งเสี่ยแตะเนื้อต้องตัวยิ่งทำให้เงินรู้สึกต้องการเข้าไปใหญ่ สวนทางกับความคิดที่ต้องการผลักตัวเสี่ยบ้ากามให้ออกจากตัว

            “ฮ่าๆๆ อย่าฝืนตัวเองเลยเดี๋ยวเสี่ยจะช่วยลื้อเองนะ” ว่าแล้วก็ก้มหน้าลงไปซุกไซร้ซอกคอขาวอย่างหื่นกระหาย

            “ปะ...ปล่อยนะไอ้เสี่ยบ้า อ๊ะ..อืม” เจ้าตัวตั้งสติแล้วมองไปยังโต๊ะที่มีขวดเหล้าตั้งอยู่ ก่อนจะพยายามเอื้อมมือเรียวไปหยิบมาอย่างทุกลักทุเล โดยจำต้องยอมให้ไอ้เสี่ยบ้ากามเสพสมกับซอกคอและเนินอกขาว

            “ไปตายซะ!”

            เพล้ง!

            “โอ๊ยย!”

            เสียเจียงผละออกมาแล้วเอามือกุมที่ศีรษะไว้ ตอนนี้เลือดไหลลงมาเป็นทางอาบใบหน้าเสี่ยบ้ากามนอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เงินใช้โอกาสนี้พยายามฝืนตัวเองออกมาจากห้องแล้วรีบไปหยิบกระเป๋าที่ล็อกเกอร์ หลังจากนั้นก็รีบวิ่งออกไปจากผับทางประตูหลังทันที



*-*-*-*-*-*



            เมื่อรู้ว่าคนที่มาเสิร์ฟน้ำแข็งและโซดาไม่ใช่เงิน เจฟฟี่ก็ถึงกับอารมณ์เสียเพราะคิดว่าเจ้าตัวเล็กพยายามจะหลบหน้า สงสัยเป็นเพราะเขาทำลามกใส่แน่นอน เจ้าตัวเอาแต่กระดกเหล้าเข้าปากจากจนเริ่มครองสติไม่อยู่

            “นั่นเหล้านะโว้ยไม่ใช่น้ำไอ้เจฟ”

            “เรื่องของกู”

            “แค่น้องเงินรำคาญมึงแล้วหลบหน้าไป ถึงกับเมาเป็นหมาหงอยเลย สงสัยจะจริงจังน่าดูว่ะ” หนึ่งในกลุ่มเพื่อนแซวเสียงดัง ส่วนเพื่อนคนอื่นๆต่างก็ส่งเสียงเฮกันดังลั่น

            “ไม่ใช่เว้ยเด็กนั่นมันไม่ได้มีอิทธิพลกับกูขนาดนั้นหรอก”

            “เหรออออ...” เพื่อนๆต่างอมยิ้มไม่เชื่อสิ่งที่เจ้าตัวปฏิเสธออกมา

            ใครๆก็รู้ว่าเจฟเป็นเสือไบที่เอาได้ทั้งชายและหญิง ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปี เจ้าตัวก็เคยจัดมาหลายรายแล้ว หลังจากนั้นก็ให้เงินค่าขนมไปอย่างสมน้ำสมเนื้อ แต่รายนี้เจฟพยายามตะล่อมมาหลายเดือนแล้ว ทว่าบริกรหนุ่มหน้าตาน่ารักคนนี้กลับไม่มีท่าทีว่าจะยอมใจอ่อนแม้แต่ครั้งเดียว เด็กนั่นให้ความสำคัญกับเขาเหมือนลูกค้าคนหนึ่งเท่านั้น

            ครืน…..

            Rrrrr….

            เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้คนที่กำลังกระดกเหล้าอยู่นั้นต้องวางแก้ว แล้วหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะจ้องมองที่หน้าจอด้วยสายตาที่พร่ามัว กว่าจะปรับสายตาให้คมชัดได้ก็ใช้เวลาเกือบนาที เมื่อรู้ว่าเป็นใครก็รับสายแล้วเดินออกไปคุยนอกร้าน

            “ค้าบบบแม่...” เอ่ยด้วยน้ำเสียงน้ำยานคางเพราะความเมา

            [“นี่แกไปเที่ยวอีกแล้วเหรอเจฟ”] เสียงเล็กแหลมส่งเสียงผ่านสายมาด้วยความโมโห ที่ลูกชายตัวดีออกไปเที่ยวไม่เว้นแต่ละวัน

            “แม่ยังไม่ชินอีกเหรอค้าบบบ” พูดพร้อมกับยกยิ้มอย่างพอใจ

            [“รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะพรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้า ถ้าฉันไม่เห็นแกที่ห้องประชุม ฉันจะตัดเงินไม่ให้แกใช้แม้แต่สตางค์แดงเดียว”] หญิงวัยทองพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

            “ฮือๆๆๆ”

            กำลังจะตอบกลับผู้เป็นแม่แต่เจฟฟี่กลับได้ยินเสียงคนร้องไห้ดังมาจากพุ่มไม้ข้างกำแพง

            “แม่ครับแค่นี้ก่อนนะ บายยย”

             วางสายแล้วค่อยๆเดินไปดูว่าเสียงร้องให้ที่ได้ยินเมื่อสักครู่เป็นคนหรือผีกันแน่

            “ฮือๆๆไอ้เสี่ยบ้ามึงทำอะไรกับกูเนี่ย” เป็นเงินที่นั่งกอดเข่าร้องไห้เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอยู่หลังพุ่มไม้

            “นี่น้องมานั่งทำอะไรตรงนี้” ด้วยความที่สายตายังคงพร่ามัวทำให้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

            เงินเงยหน้าขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียง ยิ่งได้กลิ่นเหล้าหึ่งจากชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้ายิ่งทำให้ความต้องการมากยิ่งขึ้น

            “ช่วยผมด้วยครับ ช่วยด้วย ฮือๆ” มันทนไม่ไหวแล้วเขาต้องหาที่ปลดปล่อยไม่งั้นมีหวังต้องตายแน่นอน

            เจฟฟี่พยายามเพ่งมองสักพักเมื่อรู้ว่าเป็นใครก็ยกยิ้มขึ้นมาทันที

            “น้องเงินนั่นเอง มาหลบหน้าพี่อยู่ตรงนี้ก็ไม่บอก” พูดแล้วก็นั่งยองๆลงตรงหน้าหนุ่มร่างเล็ก ก่อนจะจ้องหน้าอย่างไม่วางตา

            “ผมไม่ไหวแล้วช่วยผมด้วยนะครับ” เจ้าตัวเล็กโน้มใบหน้าเข้าไปประกบจูบชายหนุ่มทันที ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ควรแต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว

            จ๊วบบบ!!

            “อื้อ..”

            เจฟฟี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจจนเจ้าตัวเกือบจะสร่างเมา ก่อนจะยิ้มในใจแล้วตอบสนองเจ้าตัวเล็กอย่างหนักหน่วง อาการอย่างนี้ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโดนอะไรมา เพราะเขาเองก็เคยทำอย่างนี้กับผู้หญิงมาหลายคนแล้ว

            “เดี๋ยวพี่จะช่วยน้องเงินเองครับ” เจ้าตัวอุ้มร่างเล็กขึ้นในท่าเจ้าสาวแล้วเดินไปที่รถทันที



*-*-*-*-*-*-*



            ครืนนนนน!!!!

            Rrrrr….

            มือเรียวค่อยๆคลำไปบนที่นอนเพื่อหาเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่เป็นต้นเสียงให้รำคาญหูอยู่ในตอนนี้

            “อื้อ...คายโทรมาเวลานี้ว้า” เจ้าตัวพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย           

            “ฮาโหลลล” รับโทรศัพท์ขณะยังนอนหลับตาอยู่บนเตียง มืออีกข้างก็เกาที่ศีรษะแกรกๆ

            [“นี่คุณปลาวาฬใช่ไหมคะ”]

            “ค้าบบบ”

            [“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะคุณได้รับเลือกให้เป็นผู้ให้กำเนิดทายาทมหาธำรงกุลค่ะ”]

            เมื่อได้ยินอย่างนั้นเจ้าตัวถึงกับเบิกตากว้างแล้วเด้งตัวขึ้นมานั่งทันที ก่อนจะตบที่แก้มของตัวเองสองสามครั้งเพื่อพิสูจน์ว่านี่มันไม่ใช่ความฝัน

            [“คุณปลาวาฬคะยังอยู่ในสายรึเปล่า’] เมื่อเสียงเงียบไปเจ้าหน้าที่ก็ถามทวนอีกครั้ง

            “ครับๆ ผมยังฟังอยู่ นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมครับ”

            [“ใช่ค่ะมันคือเรื่องจริง พรุ่งนี้เวลาเก้าโมงเช้าคุณปลาวาฬเข้ามาพบคุณวรรธนพลที่บริษัทอีกครั้งนะคะ”]

            “ครับผมขอบคุณนะครับ”

            [“ยินดีค่ะ..แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะ”]

            “ครับผม”

            ตู๊ดๆๆๆ....

            “เย้!!! วูฮู้!”

            หลังจากวางสายไปแล้วเจ้าตัวก็กระโดดโลดเต้นพร้อมกับตะโกนร้องออกมาด้วยความดีใจ ตอนนี้เงินห้าล้านบาทอยู่แค่เอื้อมแล้วสินะ....



หัวข้อ: Re: l::::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::::l ตอนที่ 1 ข่าวดี l Up:03-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 03-05-2018 21:44:18
ติดตามมมมมมมม
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 1 ข่าวดี l Up:03-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-05-2018 00:15:27
แต่ละคู่แสบๆทั้งนั้น5555
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 1 ข่าวดี l Up:03-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-05-2018 01:16:46
หนูเงินมาเงียบ ๆ แต่ล้ำหน้าหนูวาฬไปเสียเฉิบ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 1 ข่าวดี l Up:03-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-05-2018 07:40:43
สงสารน้องเงิน

 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 1 ข่าวดี l Up:03-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 04-05-2018 15:15:47
หืมมม.. ลุ้นทั้งสองคู่เรยอ่าาา...  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 1 ข่าวดี l Up:03-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 04-05-2018 16:26:52
ปักจ้า :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: lll::::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::::lll--[บทนำ]--lll--Up:02-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 04-05-2018 19:30:11
ตามติด
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 1 ข่าวดี l Up:03-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 04-05-2018 20:30:42
เจฟรับผิดชอบเงินเลย  :oo1:
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 2 ข้อตกลง l Up:04-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 04-05-2018 21:52:14
-๒-

ข้อตกลง


            คอนโดหรูสูงระฟ้าใจกลางเมืองหลวง

            หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความสุขสมกันอย่างยาวนานตลอดทั้งคืน เงินและเจฟฟี่ก็นอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ภายในห้องนอนหรูชั้นบนสุดของตึก ด้วยฤทธิ์ของยาปลุกเซ็กส์ทำให้แขกผู้มาเยือนออดอ้อนชายหนุ่มเจ้าของห้องตลอดทั้งคืน จนทนความต้องการไม่ไหวยัดเยียดความเป็นชายให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนระบมไปทั่วทั้งร่าง

            “อือออ”

            ร่างเล็กเริ่มรู้สึกตัวเปลือกตาค่อยๆเปิดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า กะพริบถี่หลายครั้งเพื่อปรับสภาพ จากนั้นดวงตาคู่สวยก็เปิดเต็มที่ ก่อนจะมองเห็นโคมไฟหรูที่แขวนบนเพดานห้องที่ไม่คุ้นตา เมื่อมองไปข้างๆก็พบกับร่างกำยำที่กำลังนอนล่อนจ้อน เจ้าตัวสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจแล้วลุกขึ้นนั่งทันที แต่ด้วยความสะบักสะบอมจากการร่วมกิจกรรมรักเมื่อคืนที่ผ่านมา ถึงกับร้องโอดโอยด้วยความปวดระบมที่มันแผ่ซ่านไปทั่งทั้งร่าง โดยเฉพาะส่วนล่างที่ขยับตัวแทบจะไม่ได้

            “โอ๊ยยย!! ทำไมเจ็บอย่างนี้วะเนี่ย” ร้องโอดครวญพร้อมกับดึงผ้าห่มมาปิดร่างอันเปลือยเปล่าไว้ สายตาก็จ้องมองชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับเป็นตาย ก่อนจะใช้เท้าสะกิดที่บริเวณเอวเพื่อปลุกให้ตื่น

            “อื้อออ อย่ากวนคนจะนอน” ว่าพร้อมกับเอื้อมมือหนารั้งตัวเข้ามากอด เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นหมอนข้าง

            “เอามือสกปรกของนายออกไปเดี๋ยวนี้นะไอ้สารเลว ลืมตาขึ้นมาดูว่านายทำบ้าอะไรกับฉันบ้าง” เจ้าตัวตะโกนเสียงดังอย่างไม่ไว้หน้า

            “จะโวยวายทำไมครับน้องเงิน เมื่อคืนยังร้องให้พี่ช่วยอยู่เลย” พูดแล้วแสยะยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ เมื่อคืนยอมรับว่ามันเป็นการมีเซ็กส์ที่สุดยอดมาก อาจจะเป็นเพราะได้เชยชมคนที่เคยตะล่อมมานานหลายเดือน และส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอีกฝ่ายโดนวางยาปลุกเซ็กส์มาเลยทำให้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่

            “นายพูดบ้าอะไร” เงินพยายามนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนที่ผ่านมา จำได้ว่าโดนไอ้เสี่ยเจียงวางยาแล้วก็ออกมานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ข้างผับ และหลังจากนั้นก็เจอกับ.....ไอ้นี่ ไม่นะ! หรือว่าเพราะยานั่น...

            “จำได้แล้วใช่ไหมล่ะครับ หึๆ” นอนตะแคงข้างเท้าแขนหนุนศีรษะอยู่บนเตียง สายตาก็โลมเลียที่ผิวขาวๆบริเวณเนินอกอย่างหื่นกระหาย

            “ไอ้คนไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ไอ้เลว ฮือๆๆ” เจ้าตัวคิดคำด่าไม่ออก เพราะส่วนหนึ่งมันก็เป็นความผิดของตัวเองจริงๆ จะทำยังไงดีล่ะทีนี้ ตกงานแถมยังมาเสียตัวให้ไอ้หื่นบ้านี่อีก วันนี้เป็นวันซวยของเขาหรืออย่างไรเนี่ย

            “อย่าร้องเลยครับคนดี เดี๋ยวพี่จะรับผิดชอบเองนะไม่ต้องห่วง” ร่างกำยำที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ทะยานตัวเข้ามากอด

            “หยุดอยู่ตรงนั้นเลย! แล้วก็ลุกขึ้นไปใส่เสื้อผ้าซะฉันอุบาทว์ลูกตา” ชี้หน้าอีกคนก่อนจะมาถึงตัว เขาขยะแขยงนายนั่นเต็มทนแล้ว

            “แหมทำเป็นมองไม่ได้ ทีเมื่อคืนยังอ้อนพี่อยู่เลย พี่ครับช่วยผมด้วย พี่ครับเอาแรงๆเลย” เจฟฟี่ยั่วโมโหอีกฝ่ายอย่างกวนๆ

            “หุบปากเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้ยาบ้าๆนั่นฉันไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอน”

            “อย่าคิดให้มันปวดหัวเลยน้องเงิน ยังไงซะเราก็เป็นผัวเมียกันแล้ว ต่อไปนี้พี่จะเลี้ยงน้องเองไม่ต้องห่วง”

            “ไม่มีทางโว้ย! เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะเที่ยวเตร่ไปวันๆจะมีปัญญาดูแลใครได้” ที่กล้าพูดเพราะเห็นมาเที่ยวผับเมาหัวราน้ำเกือบทุกวัน ถ้าเป็นคนเอาการเอางานจริงๆคงไม่มาผลาญเงินพ่อแม่เล่นอย่างนี้แน่

            “ทำไมน้องเงินดูถูกพี่อย่างนั้นล่ะ เอางี้ถ้าน้องเงินมาอยู่กับพี่ พี่รับรองว่าจะทำตัวใหม่เลยเอ้า”

            “ทำไมฉันต้องรับปากนายด้วยล่ะ นายมันก็แค่เสือผู้หญิงที่หลอกฟันคนอื่นไปวันๆ ฉันมันซวยเองที่เป็นหนึ่งในเหยื่อของนาย”

            “แต่พี่ชอบน้องเงินจริงๆนะ ไม่งั้นพี่ไม่ตามไปเฝ้าที่ผับตั้งหลายเดือนขนาดนั้นหรอก...เชื่อพี่นะครับ” มองด้วยสีหน้าจริงจังแต่โดนอีกฝ่ายเมินหน้าหนี

            “พอๆๆฉันจะกลับบ้านล่ะ ถือว่าทำบุญทำทานให้หมูให้หมาละกัน” พูดแล้วจะลุกขึ้นแต่โดนเจฟฟี่คว้าตัวเอาไว้ได้ก่อน แล้วคร่อมตัวทับทาบไว้ทันที

            “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วย”

            “โอ๊ยขำว่ะ พี่เพิ่งรู้ว่าน้องเงินเป็นคนตลก นี่มันในห้องพี่โว้ย จะมีใครหน้าไหนมาช่วยได้ มาเป็นเมียพี่ซะดีๆ” พูดแล้วก็โน้มใบหน้าลงไปซุกไซร้ที่ซอกคอขาวทันที เช้าๆอย่างนี้มันต้องจัดให้หนักซ้ำอีกครั้ง

            “อ๊ากกก!! ปล่อยกูนะโว้ยยยไอ้บ้า”



*-*-*-*-*-*



            ปลาวาฬนั่งจิตตกจ้องหน้าจอมือถืออยู่บนรถเมล์ ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก เมื่อคืนโทรไปหามีเสียงผู้ชายคล้ายคนเมารับสายพูดจาไม่รู้เรื่อง หลังจากนั้นก็ตัดสายแล้วปิดเครื่องไป นั่นทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน ครั้นจะออกไปหาที่ผับก็กลัวคนของเสี่ยเจียงจะเล่นงานเอา ในใจตอนนี้กลัวว่าเพื่อนจะตกเป็นเหยื่อไอ้พวกนักท่องราตรีหื่นกาม รายนั้นสู้คนซะที่ไหนดีแต่ปากเก่งไปเท่านั้นเอง

            รถเมล์จอดหน้าตึกหรูระฟ้าที่เคยมาสัมภาษณ์ครั้งก่อน เจ้าตัวยอมรับว่าดีใจมากที่จะได้เงินห้าล้านบาท แต่ก็หวั่นใจเพราะไม่รู้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง ต้องไปอยู่กับคนที่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า ไม่รู้นิสัยใจคอมาก่อน หากเป็นพวกซาดิสม์จิตวิตถารขึ้นมามีหวังตกนรกทั้งเป็นแน่ๆ แต่ถึงยังไงซะก็ต้องอดทนให้ได้เพราะความจนมันน่ากลัวกว่านั้นเยอะเลย

            เมื่อเดินมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เจ้าตัวก็ยิ้มก่อนจะเอื้อนเอ่ยบอกจุดประสงค์ที่มาในวันนี้

            “สวัสดีครับผมมาพบคุณวรรธนพล”

            “ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรคะ แล้วได้นัดกับท่านไว้รึเปล่า” ประชาสัมพันธ์สาวสวยถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

            “เมื่อวานมีคนโทรไปบอกให้ผมมาครับ เรื่องเอ่อ...รับจ้างตั้งท้องน่ะครับ” ประโยคหลังเจ้าตัวกลับพูดเบาๆเพราะรู้สึกอายที่จะให้คนอื่นๆได้รับรู้ด้วย

            “อ๋อ คุณปลาวาฬนั่นเอง ตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ” เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มมาเพราะเรื่องอะไร เจ้าหล่อนก็ยิ้มให้ทันที ก่อนจะเดินนำหน้าไปที่ห้องทำงานของนักบิน

            ปลาวาฬเดินตามหลังมาติดๆจนถึงหน้าห้องหนึ่ง ก่อนที่เจ้าหล่อนจะเคาะประตูห้องแล้วเอ่ยแจ้งกับคนที่อยู่ข้างใน

            “ท่านคะคุณปลาวาฬมาถึงแล้วค่ะ”

            “ให้เข้ามาได้” เมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอก็หันมายิ้มแล้วเอ่ยเบาๆ “เชิญค่ะ”

            “ขอบคุณครับ”

            ปลาวาฬสาวเท้าก้าวเข้าไปในห้องด้วยความประหม่า ปกติแล้วเจ้าตัวไม่ใช่คนที่กลัวอะไรง่ายๆอย่างนี้ แต่วันนี้ขอเถอะมันตื่นเต้นฉิบหาย

            “สะ...สวัสดีครับ” เจ้าตัวทำหน้าบึ้งรู้สึกไม่พอใจที่อีกฝ่ายไม่ให้เกียรติเอาซะเลย แขกมาเยือนยังจะมานั่งหันหลังให้ซะอย่างนั้น

            “มาตรงเวลาดีนี่” เสียงเข้มเอ่ยอย่างสบายๆ

            “ผมเป็นคนที่ตรงต่อเวลาอยู่แล้วครับ ว่าแต่คุณเถอะเป็นตากุ้งยิงรึยังไงทำไมไม่หันหน้ามาคุยกันดีๆ ทำตัวลึกลับอย่างกับสัตว์ประหลาด”

            “ยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะ”

            ได้ยินอย่างนั้นปลาวาฬก็เอะใจขึ้นมาทันที *‘ยังปากดีเหมือนเดิม’* งั้นเหรอแสดงว่าเคยเจอกันก่อนหน้านี้สินะ แล้วทำไมเขาจำไม่ได้เลยล่ะ

            “หมายความว่าไง ผมจำได้ว่าไม่เคยเจอหน้าหรือรู้จักคุณมาก่อน”

            “ทำไมจะไม่เคยเจอล่ะ” เจ้าของห้องหมุนเก้าอี้กลับมาแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย

            “เฮ้ย!! นี่คุณ” เมื่อเห็นว่าเป็นใครปลาวาฬก็ตกใจแล้วชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ตั้งใจ

            “แสดงว่านายยังจำฉันได้ ความจำดีอย่างนี้เหมาะที่จะเป็นแม่พันธุ์ชั้นดีได้เลยทีเดียว” เจ้าตัวยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ

            “ทำไมจะจำไม่ได้หน้าโหลๆอย่างนี้” ด้วยความหมั่นใส้เจ้าตัวจึงเบ้ปากใส่

            “ยังปากหมาเหมือนเดิมเลยนะนายอ่ะ”

            “แน่นอน...แล้วไหนเจ้านายคุณทำไมยังไม่โผล่หัวมาให้เห็นสักที” ปลาวาฬยังคิดว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าคือพนักงานคนหนึ่งเท่านั้นเอง

            “ได้เห็นแน่ ถ้ารู้ว่าเป็นใครแล้วนายจะหนาว”

            “แค่นี้ก็หนาวมากพอแล้วเนี่ยแอร์เย็นซะขนาดนี้” เจ้าตัวกอดอกทำท่าสั่นเทาเหมือนหนาวซะเต็มประดาเพื่อกวนอีกฝ่าย

            ทำเป็นเล่นไปเดี๋ยวได้เจอดีแน่

            ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            “ขออนุญาตค่ะ” เลขาสาวสวยหน้าห้องเดินเข้ามาพร้อมกับถาดเครื่องดื่ม ก่อนจะวางถ้วยกาแฟให้กับเจ้านายแล้วตามด้วยแก้วน้ำเปล่าให้กับแขก

            “ฝีมือชงกาแฟของคุณยังเยี่ยมเหมือนเดิมเลยนะ” เมื่อจิบกาแฟแล้วก็เอ่ยชมเลขาสาวพร้อมกับส่งสายตากรุ้มกริ่มให้ แม้จะไม่สามาถรแตะเนื้อต้องตัวได้ แต่เจ้าตัวก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเสือที่พร้อมจะขย้ำเหยื่ออยู่ตลอดเวลา

            “ขอบคุณค่ะ” เจ้าหล่อนยืนยิ้มบิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย

ปลาวาฬมองภาพนั้นแล้วก็เบือนหน้าหนีอย่างเอือมระอา ผู้หญิงอะไรจะหน้าไม่อายยืนทำท่ากระมิดกระเมี้ยนต่อหน้าผู้ชายอย่างนี้ นายนั่นก็เหมือนกันเล่นหูเล่นตาซะเหลือเกิ๊นนนน...น่าหมั่นไส้ซะจริงๆ

            “ถ้าคุณวรรธนพลต้องการอะไรเพิ่มเรียกกระต่ายได้ตลอดเลยนะคะ” เจ้าหล่อนพูดจีบปากจีบคอพร้อมกับขยิบตาให้

            “ครับผม”

            ปลาวาฬหันขวับไปมองหน้าชายหนุ่มทันทีที่ได้ยินเลขาสาวเอ่ยชื่อเมื่อสักครู่ ตายห่าแล้วไง... นายคนนี้คือคุณวรรธนพลงั้นเหรอ แล้วทีนี้จะเอายังไงต่อดี แอบด่าไปซะเยอเชียว เจ้าตัวนั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย

            “ทำไมนั่งก้มหน้าอย่างนั้นล่ะ” นักบินยิ้มอย่างสะใจที่เห็นท่าทางนั่น ปากดีนักเป็นไงล่ะ

            “ผมขอโทษนะครับที่ด่าคุณไว้เยอะเลย ผมไม่รู้ว่าคุณคือคุณวรรธนพล ทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะจะได้ไม่ต้องด่า”

            “อ้าวมันเป็นความผิดฉันรึไง นายนั่นล่ะที่ปากหมาด่าคนอื่นไปทั่ว”

            “อ้าว! ทำไมอยู่ๆก็มาด่ากันอย่างนี้ล่ะ คุณเองก็ปากหมาเหมือนกันว่าแต่คนอื่น” เมื่อโดนอีกฝ่ายว่าให้ความสำนึกผิดเมื่อสักครู่ก็หายไปในพริบตา ตอนนี้เจ้าตัวจ้องหน้ากับนักบินอย่างไม่ยอมแพ้ เรื่องสู้คนขอให้บอก คนอย่าปลาวาฬไม่เคยยอมใครอยู่แล้ว....ถ้าไม่ใช่เรื่องเงิน

            “พูดอย่างนี้สงสัยคงไม่อยากได้เงินห้าล้านแล้วมั้งเนี่ย” นักบินนั่งไขว่ห้างใช้นิ้วเคาะบนโต๊ะเสียงดัง ประหนึ่งว่าตัวเองกำลังเป็นต่อ

            “ผมขอโทษครับ...ผมมันปากหมาอย่าโกรธผมเลยนะครับ” พูดพร้อมกับตบปากเบาๆเพื่อเอาใจอีกฝ่าย เพื่อเงินเขายอมฝืนใจตัวเองได้ทุกเรื่อง

            “พูดอย่างนี้ค่อยน่าฟังหน่อย มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเสียเวลามาเยอะแล้ว” นักบินหยิบเอกสารที่เย็บมุมรวมกันประมาณสามสี่แผ่นยื่นให้

            “นี่อะไร” ปลาวาฬมองหน้าด้วยความสงสัย ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู

            “ก็สัญญาไง อ่านให้เข้าใจแล้วเซนต์ซะ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามมา” เสียงเข้มเอ่ยอย่างเป็นการเป็นงาน

            “ขอเอากลับไปอ่านที่บ้านก่อนได้ไหมอ่ะ เยอะขนาดนี้คงอ่านไม่จบแน่วันนี้”

            “ไม่ได้! ต้องอ่านที่นี่และเดี๋ยวนี้ด้วย ถ้างั้นก็ไม่ต้องเอาเงินห้าล้านบาท คนอื่นรอคิวเยอะแยะ” พูดขู่อีกฝ่ายเพราะรู้ดีว่ากำลังเข้าตาจน ยังไงซะคงไม่ยอมทิ้งเงินห้าล้านบาทไปแน่นอน

            “โด่ววว ผมเรียนไม่เก่งอ่านเข้าใจยากอ่ะ ให้ผมเอากลับไปอ่านที่บ้านก่อนเถอะนะครับ” เจ้าตัวพยายามอ้อนวอนขอร้อง แต่คนที่ทำหน้านิ่งอยู่ตรงหน้ากลับไม่มีท่าทีจะยอมง่ายๆ

            “เอางี้เดี๋ยวฉันจะอ่านให้นายฟังเอง โอเคไหม? จะได้ไม่ต้องมีปัญหาทีหลัง ถ้าข้อไหนไม่เห็นด้วยหรือสงสัยให้ท้วงทันที” นักบินแย่งเอกสารนั้นมาถือไว้เอง

            “โอเค๊...อ่านเลย” นั่งสบายๆรอฟังอีกฝ่าย ดีซะอีกจะได้ไม่ต้องนั่งปวดหัวอยู่คนเดียวในห้อง คิดพลางยิ้มที่มุมปากอย่างสบายใจ

            “เงินห้าล้านบาทจะจ่ายเป็นสามงวดดังนี้ งวดแรกจ่ายให้หลังจากเรามีเพศสัมพันธ์กันครั้งแรกเป็นจำนวนเงินหนึ่งล้านบาท” พออ่านจบคนที่นั่งฟังก็ยกมือขึ้นประท้วงทันที “มีอะไรสงสัยมิทราบ?”

            “อะ..อะไรนะผมก็นึกว่าจะผสมเทียมซะอีก” เจ้าตัวนึกว่าจะใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ในการปฏิสนธิเสียอีก แต่นี่มันไม่ต่างจากการขายตัวแม้แต่น้อย

            “ใครบอกนาย ลูกของฉันต้องเกิดตามธรรมชาติเท่านั้น ถ้าไม่พอใจก็ถอนตัวไปเลย จะเอายังไง!”

            “ขอคิดแป๊บ”

            “ให้เวลาคิดหนึ่งนาที”

             ปลาวาฬหันหลังกลับมาแล้วนั่งคิดว่ามันจะคุ้มกันหรือเปล่า ตั้งแต่เกิดไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน เสียความบริสุทธิ์เพื่อแลกกับเงินหนึ่งล้านบาทมันคุ้มค่าไหมนะ หรือมันควรเยอะกว่านี้....

            “ขอเพิ่มห้าแสนบาทขาดตัว ผมไม่ได้เห็นแก่เงินหรอกนะ แต่เสียความบริสุทธิ์ทั้งทีมันก็ต้องเรียกให้คุ้มหน่อย”

            “โอเคเดี๋ยวฉันจะแบ่งส่วนที่สองมาเพิ่มให้ละกัน” นักบินรับข้อเสนอโดยง่าย

            “ไม่ใช่อย่างน้านนน ที่ผมขอเพิ่มห้าแสนนี่ไม่รวมกับห้าล้านบาทนะ”

            “นี่นายชักจะมากไปแล้วนะ ห้าล้านบาทนี่ก็ถือว่าเยอะมากแล้วสำหรับคนอย่างนาย ไหนบอกไม่เห็นแก่เงินไงล่ะ” เมื่อรู้ว่าความต้องการของอีกฝ่ายไม่ได้เป็นไปตามข้อสัญญา นักบินก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที คนอะไรจะเรื่องมากขนาดนี้นะ

            “คุณไม่รู้หรอก ฮึก ว่าความบริสุทธิ์มันมีความหมายกับผมมากขนาดไหน ไหนจะอุ้มท้อง ไหนจะยอมให้นายเอาไอ้นั่นเข้ามาเสียบอีก มันเจ็บปวดทรมานขนาดไหนคุณไม่รู้หรอก ฮือๆๆ” เขาไม่รู้ว่าแผนร้องไห้นี้มันจะได้ผลหรือเปล่า เพราะท่าทางนายนั่นจะเป็นคนใจหินซะเหลือเกิน

            “แผนนี้ใช้ไม่ได้กับฉันหรอกนะ” นักบินรู้ทันอีกฝ่ายจึงนั่งกอดอกมองหน้านิ่ง ดูซิว่าจะร้องไห้ไปได้สักกี่น้ำ

            “ฮือๆๆ คนใจร้ายแค่นี้ก็ให้ไม่ได้ ตัวเองรวยล้นฟ้าซะขนาดนี้ ฮือๆๆ” ไม่ว่าเปล่าปลาวาฬลงจากเก้าอี้ นอนดิ้นที่พื้นอย่างกับเด็กเอาแต่ใจ

            นักบินมองภาพนั้นแล้วก็ต้องกุมขมับทันที นี่หรือที่เขาเลือกให้มาเป็นแม่ของลูก คิดผิดหรือคิดถูกกันแน่เนี่ย

            “โอเคๆ ให้ก็ได้” เพื่อตัดรำคาญเจ้าตัวจึงยอมๆไปเพราะไม่งั้นวันนี้คงไม่จบแน่นอน

            “เย้!!! ขอบคุณนะครับ คริๆ” เมื่อรู้ว่าแผนสำเร็จปลาวาฬก็หยุดร้องไห้แล้วรีบเช็ดน้ำตา ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้เหมือนเดิม ราวกับว่าเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            “เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วจริงๆเลย ฉันดูไม่ออกเลยนะว่านายแกล้งทำ”

            “ใครแกล้งทำ ไม่มี๊”

            “แต่มีข้อแม้” นักธุรกิจอย่างเขาไม่มีทางขาดทุนแน่นอน

            “อะไรอีกเนี่ยยย!” ตอนนี้ชักจะเริ่มไม่ไว้ใจนายคนนี้เอาซะเลย คิดว่าตัวเองมีเล่ห์เหลี่ยมเยอะแล้วนะ แต่มาเจออย่างนี้มันก็ต้องเหนื่อยขึ้นไปอีก

            “นายขอเพิ่มห้าแสนบาท ฉันก็ขอเบิ้ลทีนึงละกัน แฟร์ๆ ยังไงซะนายก็ได้เสียแล้วต่ออีกนิดคงไม่เป็นไรหรอก” พูดแล้วก็ยิ้มกริ่มอย่างผู้มีชัย

            “นี่ผมไม่ได้ขายตัวนะ!”

            “ก็แล้วแต่นะถ้าไม่เอาผมจะให้คนอื่น” พูดอย่างไม่แคร์อีกฝ่าย

            “ก๊ได้ๆ” เพื่อเงินห้าล้านห้าแสนบาท ปลาวาฬพยายามท่องในใจ

เงิน เงิน เงิน

            ขณะคิดเงินเป็นฟ่อนๆก็ลอยอยู่ตรงหน้าเจ้าตัวจึงยิ้มคว้าหมับทันที

            “นี่นายเป็นบ้ารึเปล่าทำท่าทางแปลกๆ”

            “ปะ...เปล่าพูดต่อเลย” เมื่อนึกถึงรายได้มหาศาลในอนาคตเจ้าตัวก็ยิ้มกริ่มอย่างอารมร์ดี

             “เงินงวดที่สองอีกหนึ่งล้านบาทจะจ่ายให้หลังจากนายตั้งท้องแล้ว และเงินอีกสามล้านบาทจะจ่ายให้หลังคลอด โอเคไหม” นักบินมองหน้าอีกฝ่าย

            “โอเคไม่มีปัญหา” ปลาวาฬยิ้มรับอย่างเข้าใจ มันคงไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้แล้ว อดทนแค่อึดใจเดียวเท่านั้น

            “เด็กที่เกิดมาต้องเป็นลูกของฉันเพียงคนเดียว ส่วยนายไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเด็กแม้แต่น้อย คลอดแล้วให้รับเงินไปห้ามกลับมาติดต่อกับลูกของฉันอีก ห้ามให้เด็กรู้ว่านายคือคนที่คลอดแกมา”

            “ฉันเป็นแม่ของแกนะ จำเป็นต้องห้ามขนาดนั้นเลยเหรอ” ข้อนี้มันก็จะทำใจยากหน่อยเพราะถึงยังไงซะเขาเองก็เป็นคนอุ้มท้อง ถ้าจะให้ตัดขาดความเป็นแม่ลูกกันเลยมันจะไม่โหดไปหน่อยเหรอ

            “จำเป็นเพราะนายรับเงินฉันไปแล้ว แม่ของเด็กต้องเป็นคนที่ฉันเลือกไว้เท่านั้น ส่วนนายมีหน้าที่อุ้มท้องเท่านั้น”

            “โอเคก็ได้ ผมเองก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับคุณนักหรอก” พูดพร้อมกับทำหน้าบึ้งใส่

            “คิดอย่างนี้ให้ได้ตลอดล่ะ”

            “แน่นอน”

            นักบินอ่านสัญญาให้ฟังจนครบทุกข้อ หลังจากนั้นก็ยื่นเอกสารให้อีกฝ่ายเซนต์ยอมรับเพื่อเป็นหลักฐาน

            “เซ็นต์แล้วก็กลับบ้านได้ใช่ป่ะ” พูดจบก็วางปากกาลงบนกระดาษ แล้วเลื่อนไปให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้า

            “ใช่ กลับไปเก็บของวันพรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปรับที่ห้อง โทรไปให้รับด้วยล่ะ”

            “ผมจะนอนรอรับสายคุณคนเดียวเลยล่ะ บายย” ก่อนจะเดินออกไปเจ้าตัวก็ส่งจูบให้อย่างอารมณ์ดี

            อยากมีข้อแม้เยอะดีนักเขาจะกวนให้หัวปั่นเลยคอยดู




--------------------------------
เงินน้อเงินกลายเป็นว่ามีผัวก่อนเพื่อนซะงั้น 555
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 2 ข้อตกลง l Up:04-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-05-2018 21:58:14
 ไอ้เสี่ยเลว :z6: หวังว่าเจฟได้เงินแล้วจะเลิกทำตัวเสเพลนะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 2 ข้อตกลง l Up:04-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 04-05-2018 23:07:02
ปลาสาฬตลกอ่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 2 ข้อตกลง l Up:04-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 04-05-2018 23:23:39
คู่ของเงินน่าจะท้องบ้างลูกได้เป็นเพื่อนกันติดตามค่ะสนุก
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 2 ข้อตกลง l Up:04-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 05-05-2018 01:04:43
เงินน่าจะท้องได้ด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 2 ข้อตกลง l Up:04-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-05-2018 02:29:43
เด็ก ๆ ในเล้าโปรดฟัง "อย่าปล่อยให้เสี่ยลอยนวล"  :z6:

ปอลอ   ผู้ใดเอา + เป็ด ไป รบกวนเอามาคืนด้วยจ้า   :m5:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 2 ข้อตกลง l Up:04-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 05-05-2018 09:31:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 2 ข้อตกลง l Up:04-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 05-05-2018 11:55:22
ชอบคู่รองเฉย 555
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 2 ข้อตกลง l Up:04-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-05-2018 12:24:22
คู่รองมันกร๊าวใจมาก 555
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 2 ข้อตกลง l Up:04-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 05-05-2018 12:43:19
รอต่อจ้าา  :m13: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 2 ข้อตกลง l Up:04-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 05-05-2018 17:28:10
ตลกดี ชอบๆ :hao7:
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 07-05-2018 15:31:28
-๓-

รูมเมท



             กลับมาที่ห้องแล้วปลาวาฬก็รีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเตรียมไว้ทันที ทั้งที่ในใจกลับคิดแต่เรื่องเพื่อนเพราะจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาที่ห้องเลย ถ้าคืนนี้ยังไม่มีวี่แววจะกลับมาเขาตั้งใจจะไปแจ้งความคนหายแน่นอน

            แอ๊ดดดด

            เมื่อได้ยินเสียงคนเปิดประตูห้อง ปลาวาฬก็ยิ้มแล้วรีบชะเง้อหน้าไปมองทันที คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อนรักนั่นเอง

            “ไอ้เงินมึงหายหัวไปไหนมาวะ กูเป็นห่วงมึงแทบแย่” เจ้าตัวรีบเดินหาเพื่อนรักแล้วมองด้วยความโล่งอก

            “กูขอโทษว่ะพอดีมีเรื่องนิดหน่อย” เจ้าตัวพูดเสียงอ่อยเหมือนคนหมดแรง ก่อนจะเดินเหม่อลอยไปนอนบนเตียง

            “นี่มึงเป็นอะไร ทำไมกลับมาในสภาพนี้ ใครทำอะไรมึงบอกกูมา ไอ้เสี่ยนั่นรึเปล่าวะ!” ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนมาก ปลาวาฬจึงเดินตามไปเค้นเอาความจริงอย่างไม่ลดละ

            “ก็ไม่เชิงอ่ะแต่ต้นเหตุก็มาจากไอ้เสี่ยนั่นคนเดียวเลย ฮือๆๆๆ” อยู่ๆคนที่โดนถามก็ร้องไห้เสียงดังออกมา ปลาวาฬตกใจจึงรีบวิ่งเข้าไปกอดเพื่อนไว้ทันที

            “ไอ้เสี่ยมันทำอะไรมึงบอกกูมา!” ยิ่งได้ยินเพื่อนพูดอย่างนี้ยิ่งใจคอไม่ดี สภาพอย่างนี้อย่าบอกนะว่าเสร็จไอ้เสี่ยนั่นไปแล้ว “หรือว่ามึงโดยไอ้เสี่ยนั่น..”

            “ไม่ใช่โว้ย ฮึก ไอ้เสี่ยเจียงมันวางยากูก็จริงแต่คนที่เอากูไปนอนด้วยมันอีกคนนึง”

            “มึงโดนข่มขืนมางั้นเหรอวะ มันเป็นใครเดี๋ยวกูจะไปจัดการมันให้” ทำตัวนักเลงขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าเพื่อนโดนรังแกมา

            “จะว่าอย่างงั้นก็ได้ กูโดนวางยามามันเองก็เมา ฮือๆๆ กูจะทำยังไงดีวะ”

            “อย่างนี้จะโทษมันฝ่ายเดียวไม่ได้นะเว้ย แล้วไอ้นั่นมันเป็นใครหล่อรวยป่ะ”

            “ไอ้ปลาวาฬมึงยังจะมีหน้ามาถามอย่างนี้อีกเหรอวะ เพื่อนมึงโดนมาขนาดนี้นะ” เงินรีบตวาดแหวให้เพื่อน

            “กูขอโทษ กูแค่อยากรู้เฉยๆ มึงเสียตัวแล้วนะเว้ยอย่าให้เสียฟรีๆดิ ถ้ามันรวยก็รีบจับมันไว้ให้แน่นๆ มึงก็รู้ว่าคนอย่างพวกเรา จะมีโอกาสดีๆกับเขาซะที่ไหนกันล่ะ” ที่กล้าพูดเพราะเจ้าตัวก็กำลังทำอย่างนี้อยู่

            “กูไม่กล้าทำอย่างมึงหรอก” เจ้าตัวนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง มองหน้าเพื่อนด้วยความลังเลใจ

            “ชีวิตเรามันไม่มีทางให้เลือกมากขนาดนั้นหรอกไอ้เงิน สรุปแล้วไอ้นั่นมันเป็นใครกูจะได้แนะแนวทางให้ถูก บอกมาเร็วๆ”

            “มันเป็นลูกค้าในผับ ตามจีบกูได้หลายเดือนแล้วแต่กูไม่เล่นด้วย ไอ้นั่นมันเจ้าชู้เสือผู้หญิงเลยล่ะ” พูดแล้วก็ยังนึกถึงใบหน้าหล่อๆนั่นอยู่ตลอดเวลา

            “โอ๊ย!! มันทำขนาดนั้นแล้วจะรออะไรวะ ตัวก็เสียไปแล้วลองคบกับมันดูก็ไม่เสียหาย กูเองก็อยากให้มีคนมาดูแลมึงจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

            “พูดเหมือนกับมึงจะไปไหนซะอย่างนั้น” เงินมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย ก่อนจะมองเห็นกระเป๋าใบใหญ่ที่ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย “นั่นกระเป๋า..มึงจะไปไหนวะ”

            “กูได้งานใหม่แล้วพรุ่งนี้จะย้ายไปอยู่กับนายจ้างคนใหม่” เจ้าตัวพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

            “งานอะไรวะทำไมต้องย้ายไปอยู่กับเขาด้วย”

            “กูรับจ้างมีลูกให้เขาอ่ะ”

            “นี่มึงอย่าบอกนะว่า...” เงินชี้หน้าเพื่อนแล้วยิ้มออกมา

            “ใช้แล้ว! กูจะได้เงินห้าล้านบาทแล้วโว๊ยยย!!” ปลาวาฬตะโกนเสียงดังแล้วทั้งสองก็กอดกันด้วยความดีใจ

            “พอก่อนๆๆ กูเจ็บตูด” ขณะกำลังกอดเพื่อนเอาไว้แน่น เงินก็รู้สึกเจ็บช่วงล่างขึ้นมาทันที มันเพิ่งผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วง ขยับตัวนิดหน่อยก็รู้สึกเจ็บปวดทันที

            “โทษทีว่ะกูดีใจไปหน่อย นี่มึงโดนมากี่รอบกันแน่ทำไมถึงปวดหนักขนาดนี้” เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเพื่อนก็อดถามไม่ได้

            “ก็หลายครั้งอ่ะ แม่งมันไปตายอดตายอยากมาจากไหนก็ไม่รู้” พูดแล้วก็เจ็บใจไม่หาย

            “โดนขนาดนี้แสดงว่ามันคงติดใจมึงมากแน่ๆ กูแนะนำให้มึงคบกับมันไปเลย ถ้าไม่ชอบหรือฝืนจริงๆค่อยเลิก ตั้งแต่กูเป็นเพื่อนกับมึงมา ไม่เคยเห็นมึงมีแฟนสักคน ลองดูนะเผื่อว่าอาจจะเป็นบุพเพสันนิวาสก็ได้”

            “บุพพังน่ะสิ ตูดกูนี่พังเต็มๆ มึงไม่คิดเหรอว่าถ้ากูคบกับมันแล้ว มันอาจจะเอากูจนตายเลยก็ได้” ยิ่งนึกถึงเจ้าโลกของอีกฝ่ายยิ่งขยาด มันใหญ่มากจนไม่อยากให้เข้ามาในตัวอีกเลย

            “มึงก็เวอร์ไป...เอาน่าเพื่อนวันนั้นต่างฝ่ายต่างไม่มีสติ ถ้าได้คบกันจริงๆมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่มึงคิดก็ได้ ที่แนะนำเพราะกูเป็นห่วง ถ้ามีคนดูแลมึงกูจะได้สบายใจไง” ปลาวาฬพยายามเกลี้ยกล่อมเพื่อน แม้จะไม่เคยเห็นหน้าตาของนายคนนั้น แต่พอได้รู้ว่าเคยมาจีบอยู่นานหลายเดือนก็คิดว่าคงจะรักเพื่อนไม่น้อย ไม่งั้นคงไม่ตามตื้อนานขนาดนี้ และที่สำคัญเขาเป็นห่วงเพื่อนกลัวว่าคนของเสี่ยจะมาตามรังควานอีก

            “ถ้ามันจะทำให้มึงสบายใจ กูจะลองคบกันนายนั่นก็ได้”

            “ไม่ใช่เพื่อกูแต่เพื่อมึงต่างหาก กูมั่นใจว่ามึงจะมีความสุข” ปลาวาฬจับมือเพื่อนไว้แล้วเอ่ยด้วยความจริงใจ

            “เมื่อคืนมันพูดว่าถ้ากูไปอยู่กับมัน มันจะทำตัวใหม่ แต่กูไม่มั่นใจว่ามันจะทำได้หรือเปล่า” ในใจก็อยากจะลองให้โอกาสดู แม้ว่านายนั่นจะกะล่อนไปหน่อย แต่ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะใช่คนเลวร้ายอะไร

            “เขาพูดขนาดนั้นแล้วไปๆเถอะ” เจ้าตัวปัดมือไล่เพื่อนอย่างขำๆ

            “แหมๆมึงไล่กูจังเลยนะ ว่าแต่มึงเถอะจะไปอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน”

            “ก็จนกว่ากูจะคลอดลูกให้เค้านั่นล่ะ”

            “กูถามจริงๆนะ..มึงกล้าทิ้งลูกของมึงได้ลงคอเหรอวะ” แม้จะรู้ว่ามันเป็นการว่าจ้างแต่ถึงกระนั้นเด็กในท้องก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเพื่อน มันต้องมีความผูกพันธ์กันอยู่ไม่น้อย

            “เอาจริงๆนะกูทำใจไว้แล้ว มันไม่มีทางเลือกนี่หว่าเราติดสินใจแล้วต้องยอมรับผลที่ตามมา” พูดเหมือนปลงๆกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไป

            “ก็อย่างว่าล่ะนะ เด็กกำพร้าอย่างพวกเรามันจะมีทางเลือกที่ไหนกัน มีโอกาสก็ต้องรีบคว้าเอาไว้”

            “แล้วมึงล่ะสรุปจะเอายังไง”

            “กูจะไปอยู่กับนายนั่น ลองดูสักตั้งสิวะตัวก็เสียแล้วต้องเอาคืนให้คุ้ม” ตอนนี้เจ้าตัวมีท่าทีร่าเริ่งขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากได้ปรับทุกข์กับเพื่อนรัก ที่กำลังจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง

            “ต้องอย่างนี้สิเพื่อนกูสู้ๆโว้ย”

            “มึงเองก็สู้ๆอย่าลืมโทรหากูด้วยล่ะ”

            “เออกูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามึงจะเอาผัวอยู่รึเปล่า” ปลาวาฬเอ่ยแซวเพื่อนรัก

            “แน่นอนอยู่แล้วถ้ามันกล้าหือกูจะหอบผ้าหอบผ่อนหนีมันไป” พูดแล้วก็ขำออกมา

            “โถๆๆกูก็นึกว่าจะแน่กว่านี้ไอ้อ่อน ฮ่าๆๆ”

            ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ส่งท้ายที่จะได้อยู่ร่วมห้องเป็นรูมเมทกัน

*-*-*-*-*-*-*



            เช้าวันรุ่งขึ้นมีคนขับรถมารับปลาวาฬที่หอพักตั้งแต่เช้า เงินช่วยเพื่อนขนของลงมาที่หน้าหอพัก ก่อนที่คนขับรถจะนำไปเก็บไว้ท้ายรถ

            “โชคดีนะเว้ยมึง” เงินมองหน้าเพื่อนรัก อยู่ๆน้ำตามันก็ไหลลงมา อยู่ด้วยกันมาตลอดมันก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน

            “มึงก็เหมือนกัน อย่าร้องสิวะกูไม่ได้ไปตายซะหน่อย” ปลาวาฬขำกับท่าท่างของเพื่อน ที่ดูเป็นเด็กขี้แยไปซะแล้ว

            “เออ.. รีบๆไปเถอะก่อนกูจะร้องหนักกว่านี้”

            “ดูแลตัวเองด้วยนะอย่าหักโหมนักล่ะ” ก่อนจะเดินขึ้นรถไปก็ไม่วายที่จะแซวเพื่อน

            “ไอ้เพื่อนเลวมึงรีบๆไปเลยนะ”

            ไม่รู้ทำไมคำพูดของเพื่อนเมื่อสักครู่ ถึงทำให้เจ้าตัวหน้าแดงได้ขนาดนี้นะ คอยดูนะถ้าไปอยู่ด้วยกันแล้วเขาจะเอานายคนนี้ให้อยู่หมัดเลยทีเดียว ให้สาสมกับที่จัดหนักเขาในวันนั้น

*-*-*-*-*-*-*



            นั่งรถประมาณยี่สิบนาทีก็มาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านที่ใครๆต่างก็เรียกว่าหมู่บ้านเศรษฐี นั่นเพราะบ้านทุกหลังมีมูลค่าเกินสิบล้านบาททั้งนั้น เจ้าของบ้านล้วนแต่เป็นคนมีอันจะกิน ทั้งเศรษฐีเก่าเศรษฐีใหม่และบรรดาข้าราชการระดับสูง บรรยากาศในหมู่บ้านก็น่าอยู่ มีทะเลสาบประจำหมู่บ้านและสวนสาธารณะให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย

            “เชิญด้านในครับ” คนขับรถยืนถือกระเป๋ารอและผายมือเชิญเข้าไปในบ้าน เจ้าตัวรู้สึกตื่นแต้นมากเหลือเกิน เพราะไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง

            “ขอบคุณครับพี่” ปลาวาฬเดินนำหน้าคนขับรถเข้าไปในบ้านด้วยความประหม่า

            เมื่อเข้าไปถึงก็พบกับสมาชิกในบ้านทั้งสี่คนนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ราวกับว่ามาเพื่อต้อนรับเขาซะอย่างนั้น ปลาวาฬกวาดสายตามองหาคนที่เขารู้จักเพียงคนเดียวนั่นคือนักรบ ก็พบว่ากำลังนั่งอยู่ข้างๆหญิงสูงวัยท่าทางดูดีคนหนึ่ง

            “สวัสดีครับ” เมื่อเดินมาถึงก็ยกมือไหว้ทุกคน ก่อนจะยืนอยู่ท่ามกลางสายตาของคนที่ไม่คุ้นเคย ทุกคนมองมาราวกับเขาเป็นตัวประหลาดซะอย่างนั้น

            “มาซะทีหนูปลาวาฬใช่ไหมจ๊ะ” หญิงสูงวัยอายุราวหกสิบปีเอ่ยทักทายเป็นคนแรก

            “ครับผมชื่อปลาวาฬ” เจ้าตัวยิ้มให้ ต้องมีมารยาทเอาไว้ก่อนให้คนรักดีกว่าคนเกลียด ถ้าจะมีคนเกลียด เขาขอให้เป็นนักบินคนเดียวเท่านั้น

            “หน้าตาน่ารักจริงๆลูกออกมาต้องน่ารักน่าชังเหมือนแม่แน่ๆ” คุณหญิงฉัตรฉายมองหน้าผู้มาใหม่อย่างเอ็นดู

            “ขอบคุณครับคุณท่าน” ปลาวาฬรู้งานดีเรื่องการเอาใจผู้ใหญ่ ถ้าเดาไม่ผิดผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นแม่ของนักบิน ส่วนผู้ชายแก่ๆคนนั้นน่าจะเป็นพ่อ และชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเขาจะต้องเป็นน้องชายแน่นอน

            “มาวันแรกก็มีสัมมาคารวะเสียแล้ว แกเลือกคนไม่ผิดจริงๆ เรียกฉันว่าคุณฉัตรก็ได้จ๊ะ” คุณหญิงฉัตรฉายหันไปเอ่ยกับลูกชาย “หนูนั่งก่อนสิจ๊ะ”

            “ขอบคุณครับคุณฉัตร” เจ้าตัวตอบรับแล้วนั่งลงที่พื้นทันที

            “ไม่เอาสิจ๊ะขึ้นมานั่งบนโซฟานี่เร็วสิ ข้างๆพี่เขา” คุณหญิงรีบเอ่ยออกมาเสียงดัง ส่วนปลาวาฬรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะปรายตามองนักบินแวบหนึ่งแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ

            “ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านมหาธำรงกุลนะหนู ฉันชื่อเกริกไกรเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้และเป็นพ่อของนักบินด้วย” เกริกไกรผู้เป็นเจ้าของบ้านเอ่ยต้อนรับอย่างเป็นกันเอง

            เมื่อได้ยินอย่างนั้นปลาวาฬก็ทำหน้างงๆเพราะไม่รู้จักชื่อเล่นของอีกฝ่าย

            “นักบินเป็นชื่อเล่นฉันเอง” เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆทำหน้างง นักบินจึงบอกความจริงไป

            “อองั้นเหรอครับ ชื่อเพราะดีนะ” เจ้าตัวยิ้มให้อย่างเสแสร้งแล้วเอ่ยกับทุกคน “ขอบคุณทุกคนที่เมตตาผมนะครับ” ว่าแล้วก็ยกมือไหว้สวยๆ

            นักบินนั่งเงียบมองดูทุกอิริยาบถของอีกฝ่าย ทำไมถึงได้ต่างกันราวฟ้ากับเหวอย่างนี้นะ เวลาอยู่กับเขาซนอย่างกับลิง ปากก็จัดอย่างกับแม่ค้าในตลาด อย่างนี้มันสองมาตรฐานชัดๆ

            “เราต่างหากที่ต้องขอบใจหนูปลาวาฬ ที่ช่วยมาอุ้มท้องหลานคนแรกของตระกูลให้เรา หวังว่าหนูจะไม่ทำให้เราผิดหวังนะจ๊ะ” คุณหญิงฉัตรฉายเอ่ย

            “ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วครับ ห่วงแต่คุณนักบินนั่นล่ะว่าจะเอ่อ...มีน้ำยารึเปล่า” เจ้าตัวเอ่ยพาดพิงคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินอย่างนั้นนักบินก็หันขวับไปมองทันที ส่วนปลาวาฬก็ทำหน้าตายแล้วหันไปโปรยยิ้มให้กับทุกคนแทน

            “ได้ยินรึยังนักบินทุกอย่างขึ้นอยู่กับแกแล้วนะ” ผู้เป็นแม่หันไปเอ่ยกับลูกชาย

            “ครับแม่” เจ้าตัวยอมรับแต่โดยดี อย่าให้อยู่กันสองต่อสองนะจะจัดการซะให้เข็ดหลาบเลยทีเดียว

            “ขอแนะนำตัวบ้างนะ ผมชื่อนักรบเป็นน้องชายพี่นักบินครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ชายหนุ่มรูปหล่อเอ่ยแทรกขึ้นมา

            “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนักรบ”

            “ว่าแต่ปลาวาฬอายุเท่าไหร่แล้วครับ”

            “ผมยี่สิบปีแล้วครับ”

            “อ้าว! อายุเท่ากันเลย ถ้างั้นเราก็เป็นเพื่อนกัน เรียกนักรบเฉยๆก็ได้นะ”

            “ไม่ดีมั้งครับผมเป็นแค่ลูกจ้างจะมาตีตัวเสมอเจ้านายได้ยังไงกัน” พูดอย่างถ่อมตัว คุณหญิงฉัตรฉายเห็นอย่างนั้นยิ่งปลื้มเข้าไปใหญ่ เด็กอะไรจะน่ารักและมีสัมมาคารวะขนาดนี้

            “ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะหนูปลาวาฬลูกชายฉันเป็นคนง่ายๆไม่ถือตัว”

            “ถ้างั้นผมก็ยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับนักรบครับ” ว่าแล้วก็ยิ้มให้กับเพื่อนใหม่

            ระหว่างที่ทุกคนกำลังคุยกันอย่างสนุกปากนั้น นักบินก็พูดแทรกขึ้นมาเพราะทนความเสแสร้งของอีกฝ่ายไม่ไหว

            มันน่าหมั่นไส้เสียจริงๆ

            “ผมขอพาปลาวาฬขึ้นไปดูห้องก่อนนะครับ”

            “กำลังคุยกันสนุกปากเชียว แต่ไม่เป็นไรค่อยลงมาคุยกันใหม่นะหนู”

            “ครับคุณฉัตร”

            นักบินลุกขึ้นยืนแล้วแล้วหันมาเอ่ยกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

            “ตามฉันมาเดี๋ยวจะพาขึ้นไปดูห้อง”

            ปลาวาฬมองหน้าแวบหนึ่งแล้วหันไปยิ้มให้ทุกคน

            “ผมขอตัวก่อนนะครับทุกคนแล้วค่อยคุยกันใหม่ครับ” เจ้าตัวลุกขึ้นแล้วยกมือไหว้ก่อนจะเดินตามหลังร่างสูงไปอย่างเงียบๆ โดยมีคนขับรถถือกระเป๋าตามขึ้นไปให้ด้วย

            เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องๆหนึ่งนักบินก็หยุดอย่างกะทันหัน ทำให้คนที่เดินตามหลังมาชนเข้าให้ เพราะมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับความใหญ่โตและสวยหรูของตัวบ้าน

            “จะหยุดทำไมไม่บอก” เจ้าตัวมองหน้าแล้วถลึงตาใส่

            “นายนั่นล่ะที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเอง” ทำหน้าดุใส่แล้วหันไปเอ่ยกับคนที่ถือกระเป๋าอยู่ด้านหลัง “วางกระเป๋าไว้ตรงนั้นล่ะแล้วลงไปได้”

            “ครับคุณนักบิน”

            เมื่อคนขับรถลงไปแล้วนักบินก็หันมามองปลาวาฬอีกครั้ง

            “ถือกระเป๋าตามเข้ามา”

            เจ้าตัวไม่พูดอะไรเดินไปถือกระเป๋าของตัวเองแล้วตามเข้าไปในห้อง

            เมื่อเดินเข้าไปในห้องเจ้าตัวก็ทำตาโตทันที เพราะภายในห้องนอนถูกตกแต่งได้อย่างสวยหรูตามสไตล์ยุโรป ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ จะเห็นก็แต่ในหนังในละคร วันนี้เขาได้รู้แล้วว่าสวรรค์บนดินมันเป็นยังไง

            “โอ้โหหรูหรามาก นี่คุณจะให้ผมนอนที่ห้องนี้คนเดียวเลยเหรอ” เจ้าตัวเดินตรงไปที่เตียงแล้วนั่งขย่มอย่างสนุกสนาน “เตียงโคตรนุ่มเลยอ่ะ” นอนกลิ้งตัวไปมาไม่ยอมหยุด

            “ใครบอกว่าฉันจะให้นายอยู่คนเดียว นี่มันห้องนอนฉันต่างหากล่ะ” ยืนกอดอกพูดแล้วปรายตามองอีกฝ่าย

            “อะไรนะ! นี่ห้องนอนคุณหรอกเหรอแล้วทำไมไม่ให้ผมไปพักห้องอื่นล่ะ” เมื่อรู้ความจริงก็ลุกขึ้นจากเตียงทันทีแล้วเดินเข้ามาถามใกล้ๆ

            “ฉันจ้างนายมาเพื่อมีลูกให้นะ คนจะมีลูกเขาก็ต้องเอากันป่ะ แล้วไปอยู่ห้องอื่นเมื่อไหร่นายจะท้อง คิดสิๆ”

            “อยู่ห้องไหนก็ท้องได้ถ้าคุณมีน้ำยาพอ อย่างนี้ผมก็อึดอัดแย่เลยสิ”

            “ทำอย่างกับฉันไม่อึดอัดงั้นล่ะ แต่นี่เป็นคำสั่งของคุณแม่ท่านอยากอุ้มหลานเร็วๆ” พูดแล้วก็ทำหน้าเบื่อหน่าย เขาเองก็ไม่อยากให้คนอื่นมานอนบนเตียงด้วยเหมือนกัน

            “ถ้างั้นผมนอนบนเตียงคุณนอนพื้นละกัน”

            “ได้ยังไงกันนี่มันห้องฉันนะนายนั่นล่ะไปนอนที่พื้นเลย”

            “ไม่! ผมจะนอนบนเตียงเท่านั้น”

            “ถ้างั้นก็นอนด้วยกันนี่ล่ะโอเคมะ”

            “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” มองหน้าอย่างไม่ลดละ

             ดีเหมือนกันจะได้รู้ว่าไอ้ปลาวาฬคนนี้ร้ายกาจแค่ไหน

            “ตกลงตามนี้”

             ถ้านายมาโดนตัวฉันแม้แต่น้อยอย่าหวังจะได้นอนเลยคืนนี้ หึๆ



-------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคอมเมนท์และกำลังใจนะคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 07-05-2018 16:38:34
จะนอนยังไงน้อ :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-05-2018 18:03:01
มีใครนอนดิ้นไหมเนี่ย  :hao4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 07-05-2018 18:09:09
ติดตามจ้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 07-05-2018 20:17:39
ติดตามค่าาาาา   :impress2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 07-05-2018 20:30:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-05-2018 00:01:38
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 08-05-2018 00:27:42
อุ๊ยๆๆ เตียงเดียวกันนน
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 08-05-2018 00:41:00
ปลาวาฬน่ารักสงสัยนักบินได้จ่ายเพิ่มมากกว่าห้าล้านห้าแสนแน่ :oo1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-05-2018 01:12:38
รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-05-2018 01:30:26
สนุกๆๆๆๆๆ ชอบๆๆๆๆๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 08-05-2018 10:29:32
สนุกมากค่ะ ติดตามนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-05-2018 15:56:01
ไม่มีใครยอมใครจริงๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Iwish ที่ 08-05-2018 18:00:09
รอติดตามค่าาาา o13
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 09-05-2018 04:41:02
แสบทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-05-2018 06:39:13
ท่าทางปลาวาฬจะนอนดิ้นอย่างร้ายกาจ   o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 09-05-2018 09:57:02
ติดตามต่อค่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 09-05-2018 11:49:03
แบบมีปาฏิหาริย์ให้เงินท้องได้ ได้ไหมอ่ะ ดีต่อใจจริงๆ คู่หลักจะเป็นยังไงต่อไป รออ่านเลยยยยยยยยยยย :katai2-1: :z1: :z1: :haun4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 09-05-2018 17:27:23
ถ้าโดนตัวคืนนี้ก็ไม่น่าจะได้นอนทั้งสองคนนะคะน้องวาฬ 555+
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 3 รูมเมท l Up:07-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 10-05-2018 11:17:05
ชูป้ายไฟ เชียร์คู่รองสุดลิ่ม
น้องเงินสู้ๆ น้องเงินสู้ตาย น้องเงินไว้ลาย
เอาให้ ตายสู้ๆ
 :hao7:
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 10-05-2018 15:31:51
-๔-

เรื่องบนเตียง



             หลังจากลงมาส่งเพื่อนรักที่หน้าหอพักแล้ว เงินก็ขึ้นไปเก็บสัมภาระของตัวเองบ้างและทำเรื่องย้ายออกจนเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นเจฟฟี่ก็ขับรถหรูมารับด้วยตัวเอง มุ่งหน้าไปยังคอนโดหรูใจกลางกรุงย่านธุรกิจ เจฟฟี่แยกตัวออกมาอยู่คนเดียวข้างนอก เพราะหากอยู่ในบ้านไม่วายที่จะโดนพ่อกับแม่กดดันเรื่องให้ไปช่วยงานในบริษัท หากเป็นเช่นนั้นจะทำให้การใช้ชีวิตเพลย์บอยของเขาจบสิ้นลงไป

            เงินเดินตามหลังร่างสูงเข้าไปในห้องที่เคยมานอนค้างแล้วครั้งหนึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาต้องมาอยู่ที่นี่อีกครั้งในฐานะแฟนเจ้าของห้อง

            เมื่อเข้ามาในห้องแล้วเจฟฟี่ก็ถือกระเป๋าสัมภาระของอีกฝ่ายเข้าไปเก็บให้ในห้องนอน

            “นั่งก่อนเดี๋ยวพี่เอาของไปเก็บให้นะ”

            “อื้ม”

            หลังจากเจ้าของห้องเดินไปแล้ว เงินก็มองไปรอบๆห้องอย่างละเอียด พลางคิดในหัวว่านายนั่นคงจะรวยน่าดู เพราะคอนโดนี้หรูหรามากและการตกแต่งภายในก็ดูมีรสนิยมไม่น้อย แต่คิดๆไปแล้วเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้จ่าย และคอนโดหรูนี้คงไม่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของนายนั่นแน่นอน เพราะวันๆเอาแต่เที่ยวเตร่ งานการก็ไม่รู้ว่าทำบ้างรึเปล่า เห็นมานักต่อนักแล้วแบบนี้คงเป็นพวกผลาญเงินพ่อแม่ใช้ไปวันๆแน่นอน

            “ดื่มน้ำก่อนครับที่รัก” หลังจากนำกระเป๋าไปเก็บเข้าตู้ให้ผู้มาใหม่แล้ว เจฟฟี่ก็เดินไปในครัวรินน้ำเย็นใส่แก้วมาให้ หวังเอาใจอีกฝ่ายอย่างเต็มที่

            “ขอบคุณ” ตอบสั้นๆแล้วรับมาดื่ม

            “ชอบที่นี่ไหมต่อไปนี้ที่นี่คือบ้านของเราสองคนนะ” เขยิบมานั่งข้างๆแล้วโอบไหล่ไว้

            “อย่ามาทำลุ่มล่ามนะ” มือเรียวดันอกแกร่งให้ออกห่างจากตัว

            “ทำไมล่ะตอนนี้เราก็เหมือนผัวเมียกันแล้วนะ” แสดงสีหน้าน้อยใจเมื่อถูกอีกฝ่ายผลักไสไล่ส่ง

            “ที่ฉันยอมก็เพราะไม่อยากเสียตัวให้นายฟรีๆ แต่ก็ใช่ว่านายคิดอยากจะทำอะไรกับฉันก็ได้”

            “โธ่ น้องเงินครับเห็นใจพี่เถอะ แค่เห็นหน้าหวานๆของน้องพี่ก็ทนไม่ไหวแล้ว” ทำท่าทางออดอ้อนอีกฝ่ายหวังจะให้ใจอ่อน

            “นี่นายคิดแค่เรื่องบนเตียงรึไง คิดถูกหรือคิดผิดเนี่ยที่มาอยู่กับนาย” แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่ออีกฝ่าย แสดงออกว่าคิดแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้น

            “โอเคๆพี่จะไม่ลวนลามน้องเงินก็ได้ แต่ขอจับมือโอบไหล่ตามประสาคนรักได้รึเปล่าครับ นะๆ ส่วนเรื่องอื่นพี่จะยอมตามใจน้องเงินถ้าไม่ให้พี่ก็จะไม่ฝืน” แม้จะรู้สึกเสียดายแต่ก็ต้องยอมเอ่ยอย่างนี้ออกไปก่อน เพราะเจ้าตัวเชื่อว่าอีกไม่นานหนุ่มน้อยหน้าหวานคนนี้จะต้องยอมเขาอย่างแน่นอน ไม่รู้จักคารมณ์ของเสือตัวนี้ซะแล้ว

            “ถ้านายสัญญาฉันก็ไม่มีปัญหาอะไร” มันเป็นอะไรที่ไม่ได้เสียหายมากมาย เพราะอย่างน้อยก็เคยเสียตัวไปแล้ว และอีกอย่างต่อไปนี้ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน ถ้าไม่ตามใจบ้างก็อาจจะมีปัญหากันได้

            “พี่ขออีกอย่างได้ไหมอ่ะ”

            “ว่ามาสิ”

            “เรียกพี่ว่าพี่เจฟได้ไหม ตอนนี้เราก็เหมือนผัวเมียกันแล้วนะถือว่าพี่ขอ” จับมืออีกฝ่ายไว้แล้วทำตาเป็นประกายวิ๊งๆมองหน้าอย่างมีความหวัง

            “มันยังไม่ชินปากอ่ะ แต่จะพยายามละกัน” มันไม่ใช่เรื่องเสียหายเพราะยังไงซะเขาก็อายุน้อยกว่าเยอะ

            “ต่อไปนี้ไม่ต้องไปทำงานแล้วนะเดี๋ยวพี่จะเลี้ยงเราเอง”

            “ถามจริงๆนะนายเอ่อ...พี่ทำงานรึเปล่าเห็นวันๆเอาแต่เที่ยวเตร่ แล้วอย่างนี้จะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงผมล่ะ” ถามออกไปตรงๆเพราะเขาเองก็ยังไม่รู้จักอีกฝ่ายดีพอ

            “พี่ไม่ต้องทำงานก็อยู่ได้สบายๆ ที่บ้านพี่รวยไม่ต้องห่วง” ตอบอย่างภูมิใจ

            “คนอย่างนี้เหรอที่ผมจะฝากชีวิตไว้ด้วย น่าผิดหวังจริงๆ” พูดแล้วก็ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆนายคนนี้เอาการเอางานซะที่ไหนกัน

            “อ้าว! ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ พี่มันไม่ดีตรงไหนหล่อก็หล่อ รวยก็รวยแถม..ใหญ่อีกต่างหากนะ” ทำหน้ายียวนกวนประสาท พร้อมเอื้อมมือหนาไปเกี่ยวเอวคอดไว้

            “มีดีทุกเรื่องยกเว้นเรื่องนิสัย ผมไม่อยากอยู่กับคนที่เอาแต่ผลาญเงินพ่อกับแม่ไปวันๆหรอกนะ ถ้าพี่ไม่ทำการทำงานผมก็คงอยู่ด้วยไม่ได้หรอก” ที่พูดอย่างนี้เพราะอยากให้เจฟฟี่ปรับเปลี่ยนนิสัยให้ดีขึ้น มันไม่ได้มีผลดีต่อเขาหรอก แต่มันมีผลดีต่อตัวนายนั่นต่างหากล่ะ

            “ก็ได้ถ้างั้นพี่จะทำงานเพื่ออนาคตของเรา พี่ให้สัญญา” ยกสามนิ้วขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ยืนยันคำพูดของตัวเอง

            “สัญญาแล้วก็ต้องทำให้ได้ ส่วนผมก็จะหางานทำเหมือนกันไม่ยอมให้คนอื่นเลี้ยงอย่างเดียวหรอก มันไม่ใช่นิสัย” แม้อีกฝ่ายสัญญาจะเลี้ยงดูเป็นอย่างดีแต่เขาคงไม่นั่งงอมืองอเท้าอยู่แต่ในห้องแน่นอน

            “ไม่ได้นะ! เงินต้องอยู่ในห้องเป็นแม่บ้านแม่เรือนพี่ไม่ยอมให้ทำงานเด็ดขาด” เจฟฟี่ค้านหัวชนฝาเพราะไม่อยากให้คนรักไปเจอผู้ชายคนอื่นๆ จะว่าหวงก็ได้เพราะกว่าจะได้มาครอบครองมันไม่ได้ง่ายเลย แถมหน้าตาผิวพรรณช่างล่อตาล่อใจหนุ่มๆซะเหลือเกิน

            “ไม่เอาถ้าอยู่แต่ในห้องมันน่าเบื่อผมจะไปทำงาน ถ้าไม่อย่างนั้นจะย้ายไปอยู่ที่เดิม” ยื่นคำขาดอย่างเป็นต่อ

            “โอเคๆ แต่เงินต้องไปทำงานที่พี่หาให้เท่านั้นนะตกลงไหม” ถ้าห้ามไม่ได้เขาจะต้องเป็นคนเลือกงานให้อีกฝ่ายเอง คงไม่มีทางให้กลับไปทำงานกลางคืนเป็นแน่

            “แล้วงานอะไรล่ะ”

            “งานที่ร้านเบเกอร์รี่ของพี่สาวพี่เองล่ะ” ฝากไว้กับพี่สาวอย่างน้อยก็อุ่นใจได้ว่าคงจะไม่มีใครมาวอแวแน่นอน

            “ไม่มีปัญหาขอแค่ได้ทำงาน แล้วพี่จะพาผมไปสมัครวันไหนล่ะ”

            “พรุ่งนี้เดี๋ยวพี่จะพาไปที่ร้านนะครับที่รัก”

             “แล้วพี่ล่ะจะไปทำงานที่ไหน”

             “พี่ก็จะไปช่วยพ่อกับแม่ทำงานที่บริษัท เป็นห่วงพี่เหรอตัวเล็ก” ว่าแล้วก็หอมแก้มฟอดใหญ่ทันที

            “ไอ้คนฉวยโอกาส ใครเป็นห่วงกัน” เงินยกมือเรียวไปกุมที่แก้มตัวเองไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ฟาดไปที่ต้นแขนของอีกฝ่ายเต็มแรง

            “โอ๊ยเจ็บนะครับ” แกล้งทำเสียงอ่อยแล้วเอนศีรษะไปถูไถที่ต้นแขนของอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน

             “อย่ามาสำออย ถ้าทำอีกโดนหมัดแน่” ยกกำปั้นน้อยๆขู่

             “ก็อยากเผลอเองนี่นา ว่าแต่ใช้แป้งยี่ห้ออะไรครับทำไมห๊อมหอม” แสดงสีหน้าเคลิบเคลิ้ม

              ส่วนคนที่โดนหอมแก้มก็แอบอมยิ้มไปด้วย แม้จะเป็นวันแรกที่มาอยู่ด้วยกันแต่รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้เลวร้ายอะไร นอกเสียจากเป็นคนไม่เอาการเอางานแค่นั้นเอง และเขานี่ล่ะจะเป็นคนดัดนิสัยความไม่เอาถ่านของนายคนนี้เอง

            “ยังจะมาพูดกวนอีก อย่าทำอีกเด็ดขาดเข้าใจไหม” ว่าพร้อมกับชี้หน้าคาดโทษให้อีกฝ่ายยอมศิโรราบ

            “ถ้าไม่ชอบแล้วจะอมยิ้มทำไมล่ะ” เจฟฟี่จ้องหน้าจับผิดแล้วยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์

            “ใครยิ้ม? ไม่มีซะหน่อย” เมื่อโดนอีกฝ่ายจับผิดก็ทำหน้าบึ้งตึงเพื่อกลบเกลื่อน แล้วเบนหน้าหนีไปอีกทาง

            “ปากแข็งจริงๆ อยากรู้จังว่าจะแข็งได้นานแค่ไหนกันเชียว” จ้องตาแล้วค่อยๆโน้มตัวเข้าไปหา

            “อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะ ออกไปเลยไอ้พี่บ้า ไหนสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรไง” มือเรียวทั้งสองข้างพยายามดันอกแกร่งไว้

            “ก็เงินยั่วพี่อ่ะ พี่ทนไม่ไหวจริงๆ พี่ขอนะครับคนดี” เสียงกระเส่าเอ่ยข้างใบหู ก่อนจะก้มลงไปไซร้ซอกคอขาวอย่างนุ่มนวล เพิ่งจะให้สัญญาไปหยกๆแต่ทำยัไงได้ล่ะในเมื่อตอนนี้มันห้ามใจไม่ไหวจริงๆ เจ้าตัวมั่นใจว่าหากได้ใช้ชั้นเชิงชายรบเร้า มีหรือที่อีกฝ่ายจะไม่ยอมศิโรราบ

            “ยะ...หยุดนะ อื้อออ” เจ้าตัวพยายามฝืนความต้องการในตัวที่มันกำลังลุกโชนขึ้นมา ทำไมนายคนนี้ถึงได้เก่งเรื่องปลุกอารมณ์คนอื่นอย่างนี้นะ จะไม่ยอมอ่อนข้อให้เด็ดขาด จะไม่ยอมให้คนที่กำลังใช้ลิ้นเย็นสัมผัสที่ยอดอกในตอนนี้เด็ดขาด “อ๊ะ” ในที่สุดเงินก็อดใจไม่ไหว มือเรียวที่เคยต่อต้านกลับเปลี่ยนเป็นโอบรัดลำตัว ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเอาไว้ด้วยความเสียวซ่าน

            เจฟฟี่ยกยิ้มที่มุมปากในที่สุดเมียที่สุดรักก็็ทนความช่ำชองของเขาไม่ได้ ส่วนตัวเขาน่ะเหรอก็ทนความน่ารักและความไร้เดียงสาของอีกฝ่ายไม่ได้เช่นกัน วันนี้ทั้งสองมีสติสัมปชัญญะเต็มร้อยมันจะเป็นการมีเซ็กส์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในฐานะ ‘ผัวเมีย’

*-*-*-*-*-*-*



            หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ปลาวาฬก็มานั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งสุดหรู ผิวปากทาครีมบำรุงผิวกายและผิวหน้าอย่างอารมณ์ดี ส่วนเจ้าของห้องกลับนั่งมองด้วยความขัดหูขัดตา

             นี่มันห้องฉันนะ ทำตัวอย่างกับเจ้าของห้องซะอย่างนั้น

            “เสร็จรึยังมานอนสักทีสิ” นั่งมองอยู่นานคนที่นั่งประทินผิวก็ไม่ยอมลุกจากเก้าอี้เสียที

            “คุณนอนก่อนเลยเดี๋ยวผมทาครีมบำรุงใต้ตาแป๊บนึง” ว่าแล้วก็เปิดกระปุกครีมเล็กๆแล้วใช้นิ้วชี้แตะๆมาเกลี่ยบริเวณใต้ดวงตาอย่างระมัดระวัง

            “ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างนายจะสำอางค์ขนาดนี้ ที่บอกว่าจนไม่มีเงินคงจะหมดไปกับของพวกนี้สินะ”

            “แน่นอนก็ผมเคยทำงานกลางคืนนี่นาต้องใช้หน้าตาหากินเป็นเรื่องธรรมดา” พูดแล้วก็เบ้ปากอยู่หน้ากระจกเชิงเบื่อหน่ายกับคำถามนั่น

            “ฉันว่าถึงจะประโคมอะไรเข้าไป หนังหน้านายก็ไม่ได้ดูดีขึ้นมาหรอก มานอนเร็วฉันจะได้ปิดไฟซะทีพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า”

            “ปากหมาอย่างนี้สินะฟ้าดินถึงได้ลงโทษให้เป็นโรคแพ้ผู้หญิงสมน้ำหน้า” หันไปแยกเขี้ยวใส่เจ้าของห้องทันที

คนอะไรอยู่ๆก็มาด่ากันซะอย่างนั้น

            “นี่นายกล้าว่าฉันขนาดนี้เลยเหรอ ไม่เจียมตัวเอาซะเลย อย่าลืมนะว่าตอนนี้นายเป็นลูกจ้างฉันอยู่ ฉันจะทำอะไรนายก็ได้ทั้งนั้น” พูดด้วยความโมโห แค่วันแรกก็กวนประสาทเขาขนาดนี้ ไม่อยากคิดเลยว่ากว่าจะหมดสัญญาจะต้องปวดเศียรเวียนเกล้าขนาดไหน

            “อย่าคิดว่าเป็นนายจ้างแล้วผมจะยอมนะ ถ้าคุณทำอะไรผมจะไปฟ้องกรมแรงงานให้จับคุณเข้าคุกเลยคอยดู”

            “แหมๆๆ หัวหมอซะด้วยจบแค่มอสามปากดียังจะพวกเรียนกฎหมาย อย่าพูดมากขึ้นมาบนเตียงเร็วไม่งั้นฉันจะปิดไฟแล้วนะ” ว่าพร้อมกับจับรีโมทเอาไว้ในมือเตรียมพร้อมกดดับไฟทุกเมื่อ

            “โอเคครับเจ้านายจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้ล่ะ จู้จี้ขี้บ่นอย่างกับตาแก่ซะจริงๆ” วางกระปุกครีมลงบนโต๊ะเสียงดังแล้วเดินขึ้นไปนอนบนเตียง

            “ห้ามนอนกรน ห้ามนอนดิ้น ปิดไฟแล้วห้ามเส่งเสียงใดๆเด็ดขาด” บอกกฎการนอนร่วมเตียงกัน

            “จะบ้าเหรอห้ามกรนมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะคุณ อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยนอนกรน”

            “ไม่เคย” ตอบหน้าตาเฉย

            “นี่มันยิ่งกว่าติดคุกอีกนะเนี่ย” เกาศีรษะแกรกๆด้วยความหงุดหงิด

            “เคยติดรึไงคุกถึงรู้ดีจัง” ยื่นหน้าเข้าไปถาม

            “เคย! ก็ที่นี่ไงล่ะคุก” แยกเขี้ยวใส่ก่อนจะยกหมอนข้างมาวางคั่นไว้ตรงกลางเพื่อแบ่งเขตแดน

            “นายทำอะไร” มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัย

            “ก็แบ่งเขตแดนไงห้ามข้ามหมอนข้างมาเด็ดขาดไม่งั้นผมไม่ไว้หน้าคุณแน่” ชี้หน้าอีกฝ่ายขู่เอาไว้

            “นายลืมไปแล้วเหรอว่ามาที่นี่เพื่ออะไร ยังจะมีหน้ามาหวงเนื้อหวงตัวอยู่อีก” ว่าแล้วก็เขวี้ยงหมอนข้างลงไปข้างเตียง ทำให้อีกฝ่ายมองหน้าอย่างขัดใจ

            “ผมไม่เคยลืมแต่วันนี้ยังไม่พร้อมโอเคนะ รีบๆปิดไฟง่วงแล้ว” พูดจบก็นอนหันหลังให้แล้วหลับตาลง

            นักบินรีบปิดไฟแล้วนอนเอามือก่ายหน้าผาก สายตายังคงจ้องมองเพดานห้องผ่านความมืด นี่เป็นครั้งแรกที่ได้นอนร่วมเตียงกับคนอื่น แถมยังเป็นการนอนบนเตียงของตัวเองอีกต่างหาก มันรู้สึกแปลกๆและคิดว่าคืนนี้คงนอนไม่หลับแน่ๆ เจ้าตัวพยายามหลับตาลงแล้วนับแกะจนเกือบครบพันตัว จนตอนนี้เริ่มได้ผลและกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา

            “คร่อกกกฟี่ๆๆ”

            ชายหนุ่มที่กำลังจะหลับต้องลืมตาขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินเสียงกรนของคนที่นอนอยู่ข้างๆ หันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายนอนหงายส่งเสียงกรนออกมาอย่างต่อเนื่อง เห็นแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดก่อนจะนอนคว่ำหน้าแล้วเอาหมอนปิดที่หูไว้

            “คร่อกกกฟี่ๆๆ”

            เสียงกรนยังดังไม่หยุด นักบินลุกขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยความหงุดหงิด จำได้ว่าตอนไปเข้าค่ายลูกเสือกับเพื่อน มันเคยบอกว่าถ้าคนนอนกรนให้จับนอนตะแคงแล้วจะหาย เจ้าตัวเปลี่ยนท่านอนให้ปลาวาฬโดยการจับนอนตะแคง และนั่นก็ทำให้เสียงกรนหายไปในที่สุด นักบินยิ้มกริ่มก่อนจะกลับมานอนอีกฝั่งอย่างสบายใจ

            จริงๆแล้วปลาวาฬไม่ได้หลับอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจ เจ้าตัวแกล้งนอนกรนเสียงดังให้นักบินนอนไม่หลับ อยากเจ้ากฎเจ้าระเบียบมากนัก คืนนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้นอนหลับอย่างสบายใจ

            “คร่อกกกฟี่ๆๆ”

            กำลังนอนเพลินๆก็ได้ยินเสียงนรกดังขึ้นอีกครั้ง นักบินสะดุ้งโหยงแล้วดีดตัวขึ้นมานั่งเกาศีรษะทันที พลางคิดในใจว่าจะทำยังไงให้อีกฝ่ายนอนตะแคงตลอดทั้งคืน ถ้าเป็นอย่างนี้มีหวังไม่ได้หลับได้นอนเป็นแน่

            “ปวดกะบาลจริงๆโว้ย” บ่นออกมาเบาๆแล้วในหัวก็ขาวโพลนทันที เมื่อคิดแผนการได้แล้วว่าจะทำยังไงให้อีกฝ่ายไม่นอนกรนตลอดทั้งคืน “กรนดีนักใช่ไหมต้องเจอฉัน” พูดแล้วก็ยกยิ้มมุมปากแล้วจับอีกฝ่ายนอนตะแคงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเขยิบตัวไปนอนข้างๆ แล้วกอดอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้นอนหงายได้

            ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าคนที่แกล้งหลับต้องนอนอึดอัดเสียเอง ไม่น่าสร้างเรื่องให้ตัวเองเลยจริงๆ ตอนนี้แทบขยับตัวไม่ได้เพราะโดนนักบินโอบกอดเอาไว้แน่น คืนนี้ทั้งคืนมีหวังนอนไม่หลับเป็นแน่ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครมานอนกอดอย่างนี้ซะด้วยสิ...เฮ้อ!
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 10-05-2018 15:52:04
แก้ปัญหาได้ดี 555+
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 10-05-2018 16:25:42
เกลือจิ้มเกลือผัวเมียคู่หลักร้ายจริงจิกกัดกันตลอด
คู่รองก็แซ่บผัวเสเพลเมียมือปราบน่ารักจริงอยากให้มีลูกเหมือนได้ปลาวาฬ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 10-05-2018 16:45:40
สมสน้ำสมเนื้อ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-05-2018 16:57:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 10-05-2018 17:50:08
 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 10-05-2018 18:02:24
กอดแน่นทั้งคืนแบบนี้ ลูกหัวปีท้ายปีแน่นอน
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 10-05-2018 18:29:41
พอกันทั้งคู่เลยนะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 10-05-2018 18:31:21
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-05-2018 18:42:18
555เป็นไงล่ะไปแกล้งเขาดีนัก
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-05-2018 19:02:43
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-05-2018 21:17:44
แกล้งกรน เลยโดนกอดทั้งคืนซะเลย   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า ที่ 10-05-2018 21:19:53
โอ้ยนนนนนนอิน้องไปแกล้งเค้า เป็นไงละ โดนกอดเสียเอง 5555
คู่รองแซบจริงๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-05-2018 22:19:06
เด็ดกันทั้ง 2 คู่  :katai3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-05-2018 23:19:09
ศีลเสมอกัน เนื้อคู่ชัดๆ o13
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 4 เรื่องบนเตียง l Up:10-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 10-05-2018 23:53:21
แกล้งเขาเข้าตัวเองซะงั้น
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 16-05-2018 21:20:12
-๕-

หึงหวง



          เช้าวันรุ่งขึ้นปลาวาฬเดินหาวหวอดตามหลังเจ้าของห้องลงไปข้างล่างอย่างเซ็งๆ เมื่อเดินมาถึงห้องรับประทานอาหาร ก็เห็นสมาชิกทุกคนในบ้านนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ปลาวาฬจึงยกมือไหว้ผู้เป็นเจ้าของบ้านอย่างมีสัมมาคารวะ

            “อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน”

            “อรุณสวัสดิ์จ๊ะหนูปลาวาฬนั่งลงๆจะได้ทานข้าวเช้ากัน” คุณหญิงฉัตรฉายเอ่ยเชื้อเชิญพร้อมกับโปรยยิ้มให้ด้วยความเป็นมิตร

            “ขอบคุณครับ” เจ้าตัวเลือกที่จะนั่งลงข้างนักรบ ส่วนนักบินนั่งที่ประจำนั่นคือข้างผู้เป็นแม่ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับผู้มาใหม่

ด้วยความง่วงทำให้ปลาวาฬอดไม่ได้ที่จะหาวหวอดอ้าปากกว้างอย่างเสียมารยาท จนทุกคนหันมามองที่เจ้าตัวเป็นตาเดียวกัน เมื่อรู้ตัวก็ยิ้มแห้งๆแล้วเอ่ยขอโทษ “เอ่อ...ขอโทษครับที่เสียมารยาท”

            “ไม่เป็นไรจ๊ะฉันพอจะเข้าใจ” คุณหญิงฉัตรฉายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พร้อมกับมองหน้าลูกชายและปลาวาฬสลับไปมา

            “คือมันไม่....” ปลาวาฬพอจะรู้ว่าคุณหญิงคิดอะไรอยู่ในใจจึงพยายามจะเอ่ยแย้ง แต่ไม่ทันอีกฝ่ายชิงเอ่ยตัดหน้าเสียก่อน

            “อย่างที่คุณแม่เข้าใจนั่นล่ะครับ ผมเองก็เพลียๆอยู่เหมือนกัน” พูดแล้วทำเป็นนวดเบาๆที่บริเวณบ่าเพื่อคลายเส้น ก่อนจะยิ้มมุมปากชำเลืองตามองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า

            “อีกไม่นานแล้วสินะที่แม่จะได้อุ้มหลาน”

            “แน่นอนครับคุณแม่” เอ่ยกับผู้เป็นแม่อย่างให้ความหวัง

            “หนูปลาวาฬก็สู้ๆนะจ๊ะฉันรออุ้มหลานอยู่” คุณหญิงฉัตรฉายส่งยิ้มให้

            “ครับ” เจ้าตัวต้องยิ้มแห้งๆอีกครั้ง ก่อนจะส่งสายตาดุให้คู่อริ ทำไมต้องไปโกหกคนอื่นอย่างนั้นด้วยนะ ในเมื่อความจริงยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียหน่อย

            เริ่มทานข้าวไปได้สักพัก เกริกไกรก็เริ่มบาทสนทนาขึ้นอีกครั้ง

            “วันนี้แกจะเข้าบริษัทไหมนักบิน”

            “ไม่ครับคุณพ่อวันนี้ผมว่าจะพักผ่อนสักหน่อย”

            “ดีแล้ววันนี้ก็อยู่อำนวยความสะดวกให้กับหนูปลาวาฬละกัน มาวันแรกอาจจะรู้สึกแปลกที่แปลกทาง พาน้องไปเดินชมรอบบ้านบ้างก็ดี”

            “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณท่าน เกรงใจคุณนักบินเปล่าๆ” ตอบอย่างเกรงอกเกรงใจ

            “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหนูปลาวาฬจะเป็นเด็กกำพร้า เพราะดูจากกิริยามารยาทแล้วนึกว่าเป็นลูกคุณหนูผู้ดีเสียอีก” คุณหญิงฉัตรฉายเคยอ่านจากใบประวัติที่ปลาวาฬเคยส่งมา เด็กคนนี้รูปร่างหน้าตา ผิวพรรณดี กิริยามารยาทก็น่ารัก ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาเพียงลำพัง

            “ขอบคุณครับคุณหญิง มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

            “ใช่ครับคุณแม่ บางทีสิ่งที่เห็นมันอาจจะเป็นแค่ภาพลวงตาก็ได้” ที่กล้าพูดอย่างนั้นเพราะได้เจอฤทธิ์เดชมากับตัวเองแล้ว

            ปลาวาฬหันขวับไปมองแรงใส่ทันที

            “แกเป็นคนเลือกหนูปลาวาฬมาเองกับมือแล้วทำไมถึงพูดอย่างนี้ล่ะ” คุณหญิงฉัตรฉายมองหน้าลูกชายด้วยความแปลกใจ

            “ผมก็พูดหยอกไปอย่างนั้นเองครับคุณแม่ คนที่ผมเลือกมาดีที่สุดแล้ว” มองหน้าอีกฝ่ายแล้วยิ้มเยาะให้

            “แม่ก็ว่าอย่างนั้นล่ะหนูปลาวาฬเหมาะที่จะเป็นผู้ให้กำเนิดทายาทมหาธำรงกุลที่สุด” คุณหญิงฉัตรฉายยิ้มไม่ยอมหุบ เพราะรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้มากเหลือเกิน

            “ขอบคุณที่ไว้ใจผมนะครับคุณหญิง รับรองว่าผมจะไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ”

            “ถ้างั้นก็รีบมีหลานให้ฉันเร็วๆนะ หนูคือความหวังของทุกคนในบ้านหลังนี้แล้ว ฉันล่ะเบื่อตานักบินจริงๆ ร่างกายก็แข็งแรงดีทุกอย่าง แต่ดั๊นมาเป็นโรคแพ้ผู้หญิง ไม่งั้นป่านนี้ฉันคงมีหลานไปเป็นโหลแล้วจ๊ะ”

            “ผมจะพยายามรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เด็กที่เกิดมาจะได้แข็งแรงสมบูรณ์ไปด้วยครับ”

            “ต้องให้ได้อย่างนี้สิ ฉันฝากด้วยนะจ๊ะ”

            “ครับ” ปลาวาฬยิ้มร่าให้กับนายหญิงของบ้าน

            ยิ่งมองท่าทีของอีกฝ่ายยิ่งทำให้นักบินรู้สึกขัดใจ เด็กคนนี้น่ากลัวไม่ใช่เล่น อยู่ต่อหน้าเขาแสดงความร้ายกาจออกมาให้เห็น แต่อยู่ต่อหน้าคนอื่นแสดงท่าทีสุภาพ พูดจาอ่อนหวาน เอาอกเอาใจเก่ง ว่านอนสอนง่ายราวกับคนละคน คอยดูนะเขานี่ล่ะจะกระชากหน้ากากนายนั่นออกมา แต่หลังจากได้คลอดลูกให้กับเขาแล้ว

            วันนี้เป็นวันหยุดที่สุดแสนจะวุ่นวายของนักบิน เพราะต้องมาเป็นไกด์พาผู้อาศัยคนใหม่แนะนำสถานที่ต่างๆภายในบ้าน เริ่มต้นจากชั้นบนไล่ลงมาเรื่อยๆจนถึงชั้นล่าง และในที่สุดก็มาถึงห้องโฮมเธียเตอร์ประจำบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ปาร์ตี้สังสรรค์ของทุกคนในวันหยุดและโอกาสพิเศษ

            “โหหห!!!...ทำไมถึงได้ใหญ่โตขนาดนี้” เดินเข้ามาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นห้องโฮมเธียเตอร์สุดหรู ระบบแสงสีเสียงครบครัน มีโซฟาวางเรียงเป็นแนวยาวตรงข้ามก็มีจอขนาดใหญ่ติดไว้กับผนังห้อง

            “ทำตื่นตูมอย่างกับไม่เคยเห็น” ยิ้มเยาะแล้วเอ่ยกับคนที่ยืนจ้องมองรอบๆห้องตาแทบไม่กระพริบ

            “ใช่สิก็ผมมันไม่เคยมีอย่างนี้ ก็ผมมันคนจน อย่ามาดูถูกกันให้มากนัก” เห็นหน้าหล่อๆที่กำลังเยาะเย้ยยิ่งทำให้หมั่นไส้เข้าไปใหญ่

            “ฉันดูถูกนายตรงไหนก็แค่พูดไปตามความจริง นายนี่ก็เล่นละครเก่งเหมือนกันนะ อยู่ต่อหน้าฉันก็อีกอย่าง อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็อีกอย่าง นี่เป็นนิสัยของพวกสิบแปดมงกุฎชัดๆ”

            “ใครดีมาก็ดีกลับ ใครร้ายมาก็ร้ายกลับ มันเป็นนิสัยของนักสู้ต่างหากล่ะ” ปลาวาฬยืนประจัญหน้าอย่างไม่เกรงกลัว

            “เหรอ...ฉันก็เป็นคนประเภทชอบอะไรที่มันท้าทายซะด้วยสิ ไม่งั้นฉันไม่เลือกนายมาที่นี่หรอก” เอ่ยพร้อมกับสาวเท้าก้าวเข้าไปใกล้ๆ ปลาวาฬได้แต่เดินถอยหลังไปจนถึงโซฟาแล้วสะดุดนั่งลง

            “คะ...คุณจะทำอะไร”

            “ทำอะไรก็ได้ที่ฉันอยากจะทำ” ผลักอีกฝ่ายให้นอนราบลงแล้วคร่อมตัวเอาไว้

            แม้จะรู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อยแต่ปลาวาฬก็ทำใจดีสู้เสือ ถึงยังไงก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว ยอมเล่นตามเกมส์ไปให้มันจบๆไปละกัน

            “จะทำอะไรก็รีบทำ” แสดงสีหน้ายียวนอย่างไม่เกรงกลัว

            เห็นอย่างนั้นยิ่งทำให้นักบินอารมณ์เดือดพล่าน เจ้าตัวโน้มใบหน้าลงไปประกบจูบทันที อยากยั่วดีนักใช่ไหมเขาจะจัดให้ปากบวมเจ่อเลยคอยดู ริมฝีปากบางถูกบดเบียดอย่างดูดดื่มและรุนแรง หมายจะให้อีกฝ่ายยอมศิโรราบร้องขอให้หยุดการกระทำ แต่มือเรียวกลับยกขึ้นมาโอบรัดต้นคอเอาไว้แน่น ในเมื่ออีกฝ่ายยังมีแรงฮึดสู้มีหรือที่เขาจะยอมแพ้ นักบินส่งลิ้นเย็นเข้าไปชอนไชในโพรงปากเหมือนต้องการหาอะไรสักอย่าง ตวัดวนเวียนอยู่ในนั้นอย่างสนุกสนาน

             ผ่านไปหลายนาทีแล้วแต่ก็ยังไม่มีใครยอมใคร นักบินตักตวงความหอมหวานอยู่อย่างนั้นอย่างไม่เบื่อหน่าย เสียงกระเส่าดังขึ้นอยู่เนืองๆ จนปลาวาฬเองเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเพราะอีกฝ่ายไม่ปล่อยให้เจ้าตัวมีโอกาสสูดอากาศเข้าปอดเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นอย่างนั้นก็จัดการขบริมฝีปากของนักบินจนมีเลือดซิปออกมา

             “โอ๊ย! นายทำบ้าอะไรเนี่ย” รีบลุกขึ้นแล้วใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากตัวเอง เมื่อเห็นเลือดก็ยิ่งโมโหหนักเข้าไปใหญ่

            “โทษทีผมเป็นพวกชอบความรุนแรง” ลุกขึ้นนั่งแล้วยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

            “นายตั้งใจแกล้งฉัน!” มองหน้าอย่างเอาเรื่อง

            “เปล่าก็บอกแล้วไงผมเป็นพวกชอบความรุนแรง และอีกอย่างคุณเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนเริ่มก่อน”

            “ฝากไว้ก่อนเถอะ” ว่าแล้วก็หันหลังกลับเดินออกไป

            เมื่อเห็นร่างสูงหันหลังไปแล้วปลาวาฬก็รีบใช้หลังมือถูที่บริเวณริมฝีปากทันที ใช่แล้วเขาเล่นละครตบตาอีกฝ่ายเพื่อเอาชนะ แต่แท้ที่จริงแล้วขยะแขยงเต็มทน คนบ้าอะไรจะหื่นไม่เลือกที่ได้อย่างนี้

            “ตามออกมาสิ นายต้องรับผิดชอบสิ่งที่นายทำไว้” เมื่อได้ยินเสียงก็หันขวับไปยิ้มให้อีกฝ่าย

            “โอเค๊ไม่มีปัญหา” เบะปากใส่ลับหลัง

            นักบินเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลแล้วเข้ามาในห้องนั่งเล่น ส่วนปลาวาฬก็เดินตามหลังมาติดๆ นักบินวางกล่องลงบนโต๊ะกระจกแล้วนั่งขาไขว่ห้างรอ ที่เขาบอกว่าให้อีกฝ่ายรับผิดชอบนั่นคือการทำแผล

            “นั่งลงแล้วก็รีบทำแผลให้ฉันด้วย” นั่งทำหน้าเซ็งแล้วบ่นออกมา “นี่มันเป็นวันซวยของฉันรึไงนะ”

            ปลาวาฬนั่งลงบนโซฟาอย่างไม่ค่อยเต็มใจ แล้วเปิดกล่องปฐมพยาบาล หยิบอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการทำแผลออกมาวางไว้ แล้วหยิบสำลีออกมาจากถุง หยดน้ำเกลือลงไปแล้วนำไปจ่อบริเวณใกล้ๆริมฝีปากของคนที่นั่งมองอยู่

            “ถ้านายทำฉันเจ็บอีกรอบฉันเอานายตายแน่” คนที่นั่งอยู่รีบพูดขู่เอาไว้ก่อน เพราะกลัวว่าจะโดนแกล้งเหมือนครั้งที่แล้ว

            “ผมไม่แกล้งคุณหรอกน่าอยู่นิ่งๆเดี๋ยวได้เจ็บตัวจริงๆหรอก” มือเรียวค่อยๆบรรจงใช้สำลีที่ซึมซับไปด้วยน้ำเกลือ เช็ดบริเวณแผลเล็กๆบริเวณริมฝีปากของชายหนุ่ม

            “ซี๊ดส์!” เมื่อแผลโดนน้ำเกลือเข้าให้เจ้าตัวก็ส่งเสียงซี๊ดออกมาเบาๆด้วยความแสบ

            เจ็บล่ะสิสมน้ำหน้า เห็นอย่างนั้นก็แสยะยิ้มแล้วสมน้ำหน้าในใจ

            “ยี๊อะระ(ยิ้มอะไร)” เห็นรอยยิ้มที่มุมปากนั่นก็ทำให้นักบินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา ทั้งที่ยังเจ็บริมฝีปากอยู่ไม่หาย

            “แสดงว่าคุณหายเจ็บแล้วสินะ อย่างนี้ต้องซ้ำอีกรอบแล้วมั้ง” ว่าแล้วก็ยื่นสำลีที่อยู่ในมือเข้าไปใกล้ริมฝีปากอีกครั้ง

            “พะ...พอๆ” เอ่ยพร้อมกับยกมื้อขึ้นห้าม

            เมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมอยู่นิ่งๆแล้วก็ทายาฆ่าเชื้อภายนอกให้ โชคดีที่แผลไม่ใหญ่มาก ไม่อย่างนั้นคงได้ไปเย็บที่โรงพยาบาลเป็นแน่

            นักบินได้มีโอกาสมองหน้าไอ้เด็กกวนตีนคนนี้ชัดๆ ก็รู้สึกได้ถึงความน่ารักจิ้มลิ้มที่ปรากฏให้เห็นตรงหน้า 

            ทำไมไม่ทำตัวให้มันน่ารักเหมือนกับใบหน้านายนะ..

            “เสร็จแล้ว” เก็บขวดยาและอุปกรณ์ใส่ในกล่องเหมือนเดิม

            “เอาไปไว้ที่เดิมด้วย” เอ่ยเสียงเบาติดๆขัดๆ เพราะยังปวดริมฝีปากไม่หาย

            “ขอบใจสักคำยังไม่มีแถมยังใช้ต่ออีก คุณนี่ไม่มีน้ำใจเอาซะเลย”

            “นายเองก็ยังไม่ขอโทษฉันอย่างเป็นทางการเลย ถือว่าหายกัน”

            “ชิส์!” เบะปากใส่แล้วเดินเอาปล่องปฐมพยาบาลไปเก็บไว้ที่เดิม

            นักบินมองตามหลังไปด้วยความเสียดาย คืนนี้เขาอุตส่าห์จะเผด็จศึกไอ้เด็กคนนี้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน รอให้แผลที่ปากหายดีก่อนเถอะ เขาจะจัดให้หนักเลยคอยดู

*-*-*-*-*-*-*



            วันนี้เจฟฟี่เป็นสารถีพาแฟนมาที่ร้านเบเกอร์รี่ของพี่สาวสุดที่รัก ‘เจสสิก้า’ คือพี่สาวคนเดียวที่เจฟฟี่รักและไว้ใจมากที่สุด เวลามีเรื่องไม่สบายใจหรือมีปัญหาชีวิตก็จะมาปรึกษาพี่สาวคนนี้ มากกว่าพ่อกับแม่เสียอีก

            ลงจากรถแล้วเจฟฟี่ก็จูงมือคนรักเดินตรงเข้ามาในร้าน ซึ่งออกแบบตกแต่งสไตล์ร้านในสวน บรรยากาศนอกร้านจะเป็นที่นั่งชิลล์กินลมเย็นๆใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ มีน้ำตกเล็กๆไหลผ่านเป็นสายรอบตัวร้าน ส่วนภายในร้านจะเป็นที่นั่งติดแอร์สำหรับคนที่ชอบอากาศเย็นสบาย และสามารถมองเห็นความสวยงามของสวนผ่านกระจกใสไปด้วยได้

            “ว่าไงครับพี่สาวสุดที่รัก” เดินมาถึงก็เห็นพี่สาวยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ท่าทางดูยุ่งๆ จึงเอ่ยทักทายอย่างคุ้นเคย

            “อ้าวไอ้ตัวดีทำไมวันนี้มาหาฉันได้ยะ” วางปากลงแล้วหันมายิ้มให้น้องชาย

            “ก็คิดถึงไงเลยมาหา”

            “อย่ามาพูดถ้าไม่มีเรื่องให้ฉันช่วย แกไม่มีทางแบกหน้ามาให้ฉันเห็นหรอก แล้ว..” เอ่ยกับน้องชายก่อนจะปรายตามองหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักที่ยืนอยู่ข้างๆ

            “เอ้อ...ลืมแนะนำนี่เงินครับ”

            “สวัสดีครับ” เงินยกมือไหว้อย่างมีสัมมาคารวะ ก่อนจะยิ้มให้พี่สาวของแฟน

            “สวัสดีจ๊ะหน้าตาน่ารักเชียว” เจสสิก้าเห็นแล้วก็รู้สึกเอ็นดู เพราะท่าทางดูเป็นเด็กที่น่าจะว่านอนสอนง่าย ผิดจากน้องชายของตัวเองซะเหลือเกิน

            “นี่แฟนผมเองครับพี่” เจฟฟี่บอกพี่สาวไปตรงๆ เจสสิก้าทำหน้าเหวอทันที่รู้ความจริง ไม่ใช่รับไม่ได้แต่รู้สึกประหลาดใจมากกว่า เพราะแฟนคนก่อนๆของเจฟฟี่เป็นผู้หญิงมาตลอด แต่นี่ถือว่าเป็นแฟนผู้ชายคนแรกที่เธอเคยเห็นมา

            “แฟนแกงั้นเหรอ?” ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อน้องชาย

            “ใช่แฟนผมเองตอนนี้อยู่ด้วยกันแล้วด้วย” ยิ้มกริ่มให้พี่สาวอย่างภูมิใจ ขณะมือหนาก็จับมือเรียวของคนที่ยืนอยู่ข้างๆไว้แน่น เพื่อสร้างความอุ่นใจให้อีกฝ่าย

            “อะ...อะไรนะแล้วเรื่องนี้แด๊ดกับมอมรู้เรื่องรึยัง” ที่ถามอย่างนั้นเพราะกลัวพ่อกับแม่จะรับไม่ได้ ทำตัวเสเพลไปวันๆ แถมตอนนี้ยังจะมีแฟนเป็นผู้ชายอีกต่างหาก

            “ยังอ่ะ...แต่พรุ่งนี้ผมจะพาเงินไปไหว้ท่านที่บ้าน”

            “แกมานี่กับฉันก่อน” เอ่ยกับน้องชายแล้วหันไปเอ่ยกับเงินอีกที “เดี๋ยวพี่ยืมตัวน้องชายแป๊บนึงนะจ๊ะ”

            “ครับ” ตอบรับสั้นๆในใจก็รู้สึกกลัวว่าพี่สาวของแฟนจะรับไม่ได้

            “เดี๋ยวพี่มานะไปนั่งรอตรงโน้นก่อนละกัน”

            เจสสิก้าดึงมือน้องชายเข้าไปหลังร้าน เมื่อถึงแล้วก็ยืนกอดอกรอฟังคำอธิบายจากอีกฝ่าย

            “เล่ามาให้ละเอียด ทำไมแกถึงได้เปลี่ยนมาคบผู้ชาย”

            “ก็ไม่มีอะไรมากแค่ผมชอบน้องเขาเท่านั้นเอง รักก็คือรักไม่มีคำอธิบายใดๆ” ตอบแบบสั้นๆกวนๆ

            “ตัวฉันเองไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ห่วงแต่แด๊ดกับมอมเท่านั้นล่ะที่จะไล่ตะเพิดแกกับน้องออกมาจากบ้าน” ที่ถามเพราะเธอเป็นห่วงความรู้สึกของทั้งพ่อกับแม่ และเงินที่อาจจะโดนไล่กลับมา

            “คนนี้ผมรักจริงนะพี่ พี่ช่วยพูดกับแด๊ดกับมอมให้หน่อยนะ”

            “แล้วทำไมฉันจะต้องช่วยแกด้วยล่ะ”

            “ผมจะไปช่วยงานท่านที่บริษัท น้องเงินบอกว่าถ้าผมไม่ทำงานจะไม่ยอมคบด้วย น้องเขาไม่ชอบผู้ชายเสเพลผมเลยต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง” เจฟฟี่บอกความจริงกับพี่สาวไป

            “แสดงว่าแกรักน้องเขามากจริงๆสินะ แด๊ดพูดจนปากจะฉีกแกก็ยังไม่ยอมไปทำงาน แต่แฟนพูดแค่ประโยคเดียวกลับยอมซะงั้น ฉันจะช่วยละกันแต่เห็นแก่น้องเงินนะไม่ใช่เพราะแก” เจสสิก้าบอกกับน้องชาย

            “โถ่วว มาวันแรกก็เข้าข้างกันซะแล้ว”

            “ก็จริงไหมล่ะดูท่าทางน้องเขาจะเอาแกอยู่นะ...ฉันชอบบ” ยิ่งได้รู้ว่าอีกฝ่ายบังคับน้องชายให้มาทำงานได้ยิ่งชอบใจไปใหญ่

            “เอ้อ...มีอีกเรื่องนึงผมว่าจะฝากเงินมาทำงานที่นี่ด้วย”

            “ได้สิไม่มีปัญหา ฉันกำลังขาดผู้ช่วยพอดี”

            “ขอบคุณนะคร้าบบที่ช่วยเหลือน้องชายคนนี้มาตลอดแม้จะทำตัวไม่ค่อยดีนัก” ว่าแล้วก็โผเข้ากอดพี่สาวแล้วผละตัวออกมายิ้มให้

            “จ้าน้องรักต่อไปก็ทำตัวดีๆไม่งั้นน้องเงินหนีไปฉันไม่รู้ด้วยนะ”

            “เจอคารมณ์ผมเข้าให้แล้วไม่มีทางหนีไปไหนได้แน่นอน” เอ่ยอย่างมั่นใจกับคารมณ์คมคายที่ตัวเองมี

            “อย่าทำเป็นเก่งถ้าน้องเขาหนีไปจริงๆ ฉันนี่ล่ะจะเป็นคนแรกที่หัวเราะเยาะแก”

            “พี่สาวใจร้าย” ทำหน้าบูดบึ้งอย่างกับเด็ก

            “ออกไปข้างนอกกันเถอะป่านนี้น้องเงินแกโดนลูกค้าฉันงาบไปกินแล้วมั้ง”

            ได้ยินอย่างนั้นเจ้าน้องชายตัวดีก็รีบเดินนำหน้าออกไปทันที เจสสิก้าได้แต่ยิ้มแล้วส่ายศีรษะให้กับความหวงก้างของน้องชาย สงสัยความรักครั้งนี้คงจะจริงจังเหมือนที่พูดไว้จริงๆ

            ระหว่างนั่งรอคนทั้งสองเงินก็ชะเง้อมองหลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะเห็นพนักงานกำลังวุ่นอยู่เพราะลูกค้ากำลังเข้าร้านจนหนาตา มีออเดอร์รอเสิร์ฟอยู่หลายคิวจึงอาสาเข้าไปช่วย

            “พี่ครับให้ผมช่วยเสิร์ฟไหม” เงินเดินไปถามพนักงานคนหนึ่งที่หน้าเคาน์เตอร์

            “ไม่เป็นไรจ๊ะ” เธอตอบอย่างงงๆ เพราะไม่รู้จักว่าอีกฝ่ายเป็นใครจึงปฏิเสธออกไป

            “ผมเป็นแฟนพี่เจฟน้องชายเจ้าของร้านครับให้ผมช่วยเถอะ ลูกค้าโต๊ะนั้นนั่งรอนานแล้ว ดูท่าทางจะอารมณ์เสียด้วย” พนักงานสาวมองไปยังโต๊ะที่มีลูกค้าหนุ่มสามคนนั่งชะเง้อมองมาอยู่บ่อยครั้ง ดูท่าทางหงุดหงิดไม่น้อย เมื่อเห็นอย่างนั้นหล่อนจึงตัดสินใจให้เงินยกไปเสิร์ฟ ส่วนคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบส่วนนี้ บังเอิญท้องเสียไปเข้าห้องน้ำพอดี

            “ถ้างั้นพี่ฝากด้วยนะจ๊ะ ขอบใจจ๊ะ”

            “ครับพี่”

            เงินยิ้มให้แล้วยกถาดที่มีจานขนมเค้กพร้อมกับเครื่องดื่มไปให้ลูกค้าทันที

            “ขออนุญาตเสิร์ฟนะครับ และต้องขอโทษด้วยที่ต้องให้รอนานครับ” ด้วยประสบการณ์ที่เคยทำงานบริการมาหลายปี เรื่องแค่นี้เขาทำได้สบายมาก

            “ไม่เป็นไรครับน้อง แต่วันหลังให้เร็วๆด้วยนะพวกพี่สั่งตั้งนานแล้ว นี่ถ้าไม่เห็นว่าน้องน่ารักพี่ไม่ยอมยกโทษให้เด็ดขาด” ลูกค้าหนุ่มคนหนึ่งส่งยิ้มมาให้ สายตาก็โลมเลียอย่างไม่วางตา

            “วันหลังจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอนครับ ต้องการอะไรเพิ่มเติมไหมครับ” ก่อนจะเดินกลับไปก็เอ่ยถามอีกครั้ง

            “งั้นขอเบอร์น้องหน่อยได้ไหมครับ” ไม่พูดเปล่ามือหนาเอื้อมมาจับข้อมือเด็กเสิร์ฟเอาไว้ ไม่ยอมให้เดินกลับไปโดยง่าย

            “เอ่อ..ต้องขอโทษด้วยนะครับทางร้านไม่มีนโยบายอย่างนี้ ผมขอตัวก่อนนะครับ” พยายามดึงมือกลับแต่อีกฝ่ายยังคงไม่ยอม

            “อย่าทำเป็นเล่นตัวเลยน้องบ้านพี่รวยนะเลี้ยงน้องได้สบายเลย” ว่าแล้วก็ดึงตัวให้มานั่งลงบนตักแล้วล็อกตัวเอาไว้

            “ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ” เงินพยายามจะลุกขึ้นแต่โดนอีกฝ่ายกอดไว้แน่น

            “อย่าดิ้นสิครับเดี๋ยวคนอื่นก็สงสัยเอาหรอก” ดูท่าทางเพื่อนร่วมโต๊ะจะรู้เห็นเป็นใจ ยิ้มเชียร์กันยกใหญ่

            “เฮ๊ย! มึงทำอะไรเมียกูวะ” เจฟฟี่เดินเข้ามาเห็นพอดีก็รีบดึงตัวแฟนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แล้วชี้หน้าลูกค้าหนุ่มคนนั้น

            “มึงเป็นใครวะกล้ามาทำอย่างนี้กับลูกค้าในร้านได้ยังไง” เจ้าตัวต้นเหตุเริ่มโวยวายจนลูกค้าคนอื่นๆเริ่มหันมามอง

            “ขอโทษด้วยนะคะ” เจสสิก้ารีบมาห้ามเอาไว้ แล้วบอกน้องชายให้ออกไปจากตรงนั้นก่อน “รีบไปหลังร้านก่อนเร็ว” แต่คนอย่างเจฟฟี่มีหรือจะยอม โดนหยามซะขนาดนี้

            “ไม่มันลวนลามเมียผม”

            “เมียมึงมาให้ท่ากูเองโว้ย”

            “ไม่จริงผมไม่ได้ทำอย่างนั้น” เงินรีบปฏิเสธทันควัน

            “ลูกค้าใจเย็นๆนะคะเดี๋ยวมื้อนี้ทางร้านให้ทานฟรีเลยค่ะ” เจสสิก้าพยายามหาทางออกที่ไม่ต้องมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน

            เงินพยายามดึงตัวแฟนให้ออกจากตรงนั้น แต่เจฟฟี่กลับยืนนิ่งมองลูกค้ากลุ่มนั้นด้วยความโกรธแค้น ยิ่งนึกถึงภาพที่คนรักโดนลวนลามยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่

            “ไปกันเถอะพี่เจฟ”

            “ไม่! จนกว่ามันจะขอโทษเงินก่อน”

            “ก็กูบอกว่าเมียมึงมันมายั่วกูเองไงวะ” อีกฝ่ายเริ่มทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นยืนด้วยความนักเลงทันที

            “ไอ้หน้าตัวเมีย”

            ผัวะ!

            เพล้ง!

            กรี๊ดดดด!

            ทั้งสองคนตะลุมบอนกันกลางร้านจนโต๊ะล้มระเนระนาด ลูกค้าทั้งหมดรีบวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น และเรื่องทั้งหมดก็ต้องไปจบกันที่โรงพัก เสียค่าปรับคนละห้าร้อยบาทแล้วแยกย้ายกันกลับ ทั้งหมดกลับมาที่ร้านอีกครั้ง เงินทำแผลให้แฟน หลังจากนั้นก็มาช่วยเจสสิก้าเก็บร้านจนเสร็จเรียบร้อย

            “เฮ้อ! ร้านฉัน” เจสสิก้านั่งกลุ้มกุมขมับเมื่อเห็นสภาพของร้านที่พังยับเยิน แม้จะเป็นแค่บางส่วนแต่สิ่งที่กลัวมากนั่นคือลูกค้าประจำจะหายไปหมดน่ะสิ

            “ผมขอโทษครับที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องขึ้น ถ้าผมไม่อาสาไปช่วยก็คง..” เงินเอ่ยอย่างรู้สึกผิด ถ้าเขาไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายก็คงไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น

            “ไม่ใช่ความผิดของเงินหรอกจ๊ะอย่าคิดมาก แต่คนที่ผิดคือไอ้น้องชายตัวดีของพี่ต่างหากล่ะ” เจสสิก้าชี้หน้าน้องชายอย่างเอาเรื่อง

            “อ้าว! ทำไมเป็นผมล่ะ ไอ้นั่นต่างหากที่มันมาแต๊ะอั๋งเมียผม”

            “แกก็รู้ว่าที่นี่ลูกค้าคือพระเจ้า”

            “แล้วจะให้มันทำกับเมียผมฟรีๆงั้นเหรอ” พูดแล้วก็เจ็บใจไม่หาย

            “ถ้างั้นฉันก็คงจะให้เงินมาทำงานที่นี่ด้วยไม่ได้ เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก มีหวังร้านของฉันพังแน่นอน”

            “ไม่ได้นะครับพี่สัญญาแล้ว” เมื่อได้ยินก็ทำหน้าเหวอ กลัวคนรักจะเสียใจและอีกอย่างถ้าไปทำงานที่อื่นเขาคงไม่ไว้ใจเป็นแน่

            “ก็ได้...แต่ถ้าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีก ฉันจะไม่ให้เงินทำงานที่นี่ต่อแน่นอน” เจสสิก้าเอ่ยคำขาด

            “ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีกเด็กขาดครับพี่เจส ถ้าพี่เจฟห้ามตัวเองไม่ได้ผมก็จะเลิกคบทันที” คนที่รับปากกลับกลายเป็นเงิน

            “อ้าว! น้องเงินทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ”

            “ถ้าพี่ยังหัวร้อนอย่างนี้ผมคงไม่สามารถคบกับพี่ต่อไปได้”

            “โอเคๆพี่จะไม่ให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีกเด็ดขาด” เจ้าตัวจิ๊ปากแล้วแล้วก้มหน้าลง มือหนาก็จับที่มุมปากไปด้วยความเจ็บปวด

            “ให้มันได้อย่างนี้สิ..เสือสิ้นลายซะแล้ว” เจสสิก้าขำกับท่าทางง้องแง้งของน้องชาย “เดี๋ยวพี่ไปดูร้านต่อก่อนนะ ฝากเงินดูแลมันต่อด้วย”

            “ครับพี่เจส” เจสสิก้ายิ้มให้แล้วเดินไปสั่งงานลูกน้อง

            แม้จะเพิ่งดุอีกฝ่ายไปแต่เงินก็แอบเป็นห่วงไม่ได้ ที่เจฟฟี่เจ็บตัวขนาดนี้เพราะทนเห็นเขาโดนเอาเปรียบไม่ได้ เห็นอย่างนี้ก็รู้สึกอุ่นใจว่าในอนาคตผู้ชายคนนี้คงจะดูแลเขาได้

            “เจ็บมากไหมอ่ะ”

            “เจ็บที่สุดเลยครับ โอ๊ะ...โอยย” ว่าแล้วก็ร้องโอดโอยเพื่ออ้อนคนรัก

            เงินหยิบผ้าเย็นออกมาจากกระติกน้ำแล้วไปประคบเบาๆให้

            “ขอบคุณนะครับ”

            เมื่อได้ยินอย่างนั้นมือหนาก็ยกขึ้นมากุมมืออีกฝ่ายไว้พร้อมกับจ้องตา

            “พี่ยอมเจ็บตัวดีกว่ายอมให้คนอื่นมาเอาเปรียบเมียพี่”

            ได้ยินอย่างนี้เงินแทบจะถวายตัวให้เสียตอนนี้เลย


------------------------------
ต่อไปอาจจะลงถี่ขึ้นนะครับ วันเว้นวันประมาณนั้น ขอบคุณที่ช่วยคอมเม้นท์กันนะครับ ฝากติดตามด้วยน้า มีอะไรที่ผิดพลาดต้องขออภัยด้วยเด้อ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 16-05-2018 22:21:54
เมื่อไหร่ปลาวาฬจะท้องล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 16-05-2018 22:30:00
 :m1: :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-05-2018 22:32:42
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-05-2018 22:50:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-05-2018 23:06:15
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 17-05-2018 00:29:09
เจฟสิ้นลายจริงๆ
เมื่อไรปลาวาฬจะท้องน้าาา
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-05-2018 00:39:59
เจฟนี่รักจริงหวังแต่งนี่นา
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 17-05-2018 01:44:51
 :mew3: โครงเรื่่องดีนะคะ แต่บทสนทนา
รายละเอียดบทความ เราว่ามันยังห้วน หรือขาดบางอย่างอยู่จ้า เป็นกำลังใจให้นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-05-2018 05:38:16
:mew3: โครงเรื่่องดีนะคะ แต่บทสนทนา
รายละเอียดบทความ เราว่ามันยังห้วน หรือขาดบางอย่างอยู่จ้า เป็นกำลังใจให้นะคะ  :mew1:

ก็ว่างั้น  คิดเหมือน
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-05-2018 18:02:20
สำหรับเจฟ เงินอยู่เหนือสุด  :hao6:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 17-05-2018 20:41:27
 :ling2:ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 17-05-2018 21:51:49
เจฟเกลียมัว
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-05-2018 05:55:44
แรงกันทั้งคู่จะมีลูกเมื่อไหร่เนี้ย รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 18-05-2018 09:18:06
รอปลาวาฬโดนพี่นักบินปราบคร่าาาา
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 18-05-2018 09:50:50
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 18-05-2018 13:06:54
คู่เจฟเงิน ความสัมพันธ์ดีไปไกลกว่าเพื่อนแล้ว 555+
ปลาวาฬสู้เค้านะลูก
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 5 หึงหวง l Up:16-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-05-2018 14:16:54
โธ่ เชื่องเลยนะเจฟ
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 18-05-2018 16:47:17
-๖-

เปิดบริสุทธิ์



          หลายวันต่อมาแผลที่ปากของนักบินเริ่มดีขึ้นจนตกสะเก็ด เขาเฝ้านับวันรอที่จะเอาคืนไอ้ตัวดีและวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง หลังจากอาบน้ำจนเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน นักบินก็มานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งมองแผลที่บริเวณริมฝีปาก ใช้มือหนาสัมผัสแล้วค่อยๆแกะแผลที่กำลังตกสะเก็ดจนหลุดออกมา เห็นอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยกยิ้มแล้วนั่งเชยชมความหล่อของตัวเองผ่านหน้ากระจกด้วยความภาคภูมิใจ

            ปลาวาฬที่กำลังนั่งเอนหลังคุยไลน์กับเพื่อนรักอยู่บนเตียง เหลือบตามองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ วันนี้ทำไมถึงดูแปลกไป ปกติเคยนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งนานขนาดนี้ซะที่ไหน คิดแล้วก็หันกลับไปสนใจหน้าจอมือถือต่อ

            iplawan : ต่อๆมึงแล้วพี่เจฟมึงเป็นไงบ้าง

            Ngernn : ก็ระบมไปทั้งหน้าแต่ตอนนี้ก็เริ่มหายดีแล้ว ส่วนเรื่องงานพรุ่งนี้ได้เริ่มทำวันแรกวะ

            iplawan : ดีๆจะได้ไม่ต้องเบื่อไม่เหมือนกูต้องอยู่แต่ในบ้าน

            Ngernn :  ทนเอาเว้ยอีกแป๊บก็ได้เงินล้านแล้ว

            iplawan : เออๆๆกูจะทนเอา แต่ไอ้เหี้ยนี่มันโคตรหื่นกูไม่รู้ว่าตูดจะระบมก่อนมีลูกไหม ตอนนี้มันกำลังนั่งชมความหล่ออยู่หน้ากระจกหล่อตายล่ะ(ส่งสติ๊กเกอร์รูปคนกำลังทำหน้าโกรธ)

            Ngernn : 555+

            iplawan : มึงๆๆแค่นี้ก่อนนะงานเข้าแล้ว!     

            Ngernn : เกิดอะไรขึ้นมึง?

            ปลาวาฬยังไม่ได้ตอบกลับเพื่อนก็ต้องปิดมือถือเอาไว้ก่อน เพราะเจ้าของห้องกำลังสร้างความรำคาญให้ โดยการเปิดหนังโป๊เกย์ส่งเสียงรบกวนดังท่วมห้อง

            “นี่คุณทำอะไร...ปิดเดี๋ยวนี้เลยลามกว่ะ” ปลาวาฬเดินไปยืนข้างๆแล้วพยายามแย่งรีโมทมา เพื่อจะปิดหนังที่กำลังมีฉากร่วมรักอย่างโจ๋งครึ่มของหนังเอวีเกย์ญี่ปุ่น

            “หยุดเดี๋ยวนี้เลย ถ้านายปิดเจอดีแน่” นักบินซ่อนรีโมทไว้ข้างหลังแล้วชี้หน้าอีกฝ่าย หากไม่เปิดหนังโป๊เกย์ดูอย่างนี้ เขาก็คงไม่รู้วิธีจัดการกับไอ้คนที่ยืนทำหน้ากวนส้นตีนอยู่ตรงหน้านี้

            “แล้วจะเปิดทำไมเนี่ยคนจะนอน...ไอ้คนลามก” ปลาวาฬเดินหน้าบึ้งกลับไปนั่งบนเตียง พลางคิดในใจว่าทำมไอยู่ๆนายนั่นถึงได้เปิดหนังแบบนี้ในห้อง หรือว่าวันนี้นายนั่นจะจับเขากดงั้นเหรอ ไม่นะ! ต่อเวลาไปอีกนิดนึงไม่ได้เหรอ มันยังไม่พร้อมมมม!!!

            “เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเซ็นต์เช็คให้หนึ่งล้านห้าแสนบาทตามที่นายต้องการนะ” นักบินเอ่ยหลังจากเดินมายืนอยู่ข้างเตียงแล้วถอดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นรูปร่างกำยำสมส่วน ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อนูนแน่นดูแข็งแรงบึกบึน หน้าท้องที่จะแทบไม่มีไขมันส่วนเกิน นูนขึ้นเป็นลอนๆจนน่าสัมผัส

            “อย่าบอกนะว่าคุณจะ..” ปลาวาฬยกมือขึ้นมากอดก่ายตัวเองไว้ แล้วเดินถอยหลังไปจนติดผนังห้อง ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกลัว

            “ใช่วันนี้นายเตรียมตัวนอนแหกขาให้ฉันเลย รีบๆขึ้นมาบนเตียงเร็ว” นักบินถอดกางเกงบ๊อกเซอร์ออกมาจนเปลือยกายล่อนจ้อน แล้วขึ้นไปนั่งรอบนเตียง ส่งสายตายียวนให้อีกฝ่าย ต่อให้วันนี้โลกจะแตกเขาก็ไม่ยอมให้ไอ้ตัวดีคนนี้รอดไปได้แน่นอน

            “ผะ...ผมยังไม่พร้อมเลยอ่ะ คุณรีบใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะ” เจ้าตัวยังยืนอยู่ที่เดิมก้มหน้าลงไม่กล้ามองไปที่เตียง เกิดมาเคยเห็นผู้ชายมาแก้ผ้าต่อหน้าซะที่ไหน

            “แหม่…ทีอย่างนี้มาทำเป็นกลัว ก่อนหน้านี้ยังปากเก่งอยู่เลย อย่าชักช้าเดี๋ยวหนังจบม้วนก่อนฉันจะหมดอารมณ์ซะก่อน” ว่าแล้วก็กดรีโมทเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นไปอีกเพื่อสร้างบรรยากาศ

            “พรุ่งนี้ได้ไหมอ่ะคือวันนี้ผม...” ปลาวาฬพยายามนึกหาข้ออ้างแต่ก็ยังคิดไม่ออก ว่าจะเอาเรื่องไหนมาหยุดคนที่กำลังจ้องเขาปานจะกลืนกินอย่างนี้

            “ไม่มีข้อแม้ใดๆแล้ว” นักบินเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังบ่ายเบี่ยง จึงลงจากเตียงแล้วเดินตรงเข้าไปหาทั้งที่ยังโทงเทงอยู่ ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่เอวคอดแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นไปบนเตียงนุ่ม

            “คุณนักบินจะเอาจริงเหรอครับ”

            “ก็เออดิ อย่ามาทำเป็นเล่นตัว อ้อ! ฉันลืมไปว่านายชอบความรุนแรงนี่นา ชอบแบบนี้ใช่ไหมมม” นักบินรีบขึ้นไปบนเตียงก่อนจะคร่อมตัวอีกฝ่ายไว้ หลังจากนั้นก็พยายามฉีกเสื้อผ้าของปลาวาฬอย่างบ้าคลั่งจนเหลือเพียงร่างอันเปลือยเปล่า ตอนนี้นักบินกำลังทับทานอยู่บนตัวของอีกฝ่าย มือทั้งสองข้างของปลาวาฬถูกตรึงเอาไว้เหนือศีรษะ สายตาของนักบินที่จ้องมองมานั้นราวกับต้องการปลดปล่อยเต็มแก่แล้ว จากการที่ไม่สามารถโดนตัวผู้หญิงได้ นั่นทำให้เจ้าตัวยังไม่เคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาก่อน แต่ถึงกระนั้นการดูหนังโป๊บ่อยๆมันก็พอจะช่วยให้รู้จักท่วงท่าลีลารักได้อย่างดีเลยทีเดียว

            “จริงๆแล้วผมไม่ได้ชอบความรุนแรงอะไรทั้งนั้นหรอก คุณก็ช่วยเบาๆหน่อยละกันนะ” พูดแล้วก็ถอนหายใจเสียงดัง เมื่อไม่สามารถจะปฏิเสธอีกฝ่ายได้แน่แล้ว ปลาวาฬจึงบอกความจริงไปกลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดไปแบบนั้นทำแล้วรุนแรงกับเขาจริงๆ ต่อไปนี้จะไม่ปากพล่อยอย่างนั้นอีกแล้ว

            “แต่ฉันว่ามันก็ไม่เลวนะ มีเซ็กส์แบบซาดิสม์มันน่าจะตื่นเต้นดีไม่น้อยหึๆ” สายตาและคำพูดที่ส่งมานั้นทำให้ปลาวาฬเชื่อจับใจเลยว่ามันคือสิ่งที่ออกมาจากใจของนักบิน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆล่ะก็...ระบมแน่ไอ้ปลาวาฬเอ๊ย

            “อ๊ากกก!!! ทำบ้าอะไรเนี่ย” มัวแต่คิดในใจก็โดนอีกฝ่ายกัดเข้าที่หัวไหล่ จนปรากฏรอยฟันบนผิวขาวเนียนแถมยังเกิดห้อเลือดอีกด้วย

            “ก็ประทับรอยเอาไว้ไง พอเห็นรอยนั่นนายจะได้จำให้ขึ้นใจว่าฉันลีลาเด็ดแค่ไหน” ว่าแล้วก็โน้มใบหน้าลงไปประจบจูบทันที นักบินบดจูบอย่างหนักหน่วงให้สมกับเงินล้านที่เขาจะต้องเสียให้อีกฝ่ายในวันพรุ่งนี้

            จากช่วงแรกที่พยายามต่อต้าน แต่เมื่อยิ่งถูกอีกฝ่ายรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ ปลาวาฬก็เริ่มอ่อนระทวยอย่างเสียมิได้ ตอนนี้ยอมรับว่านักบินทำให้อารมณ์เขากระเจิงได้ไม่น้อย แถมไอ้เจ้าน้องชายตัวจ้อยของเขามันก็ไม่รักดี ดันตื่นตัวสู้กับเจ้ามังกรไฟของอีกฝ่าย

            “แฮกๆๆ!” หลังจากนักบินผละใบหน้าออกมาแล้ว ปลาวาฬก็สูดอากาศเข้าปอดเสียงดัง คนบ้าอะไรจูบเก่งฉิบหาย ไม่แค่นั้นไอ้เจ้าน้องชายที่กำลังดุนอยู่ที่ต้นขาเขานั้น มันช่างใหญ่โตเสียนี่กระไร นึกถึงคำพูดในวันนั้นที่สบประสาทไป ยิ่งรู้สึกเสียวสันหลัง หวังว่านายคงจำมันไม่ได้หรอกนะ

            “เป็นไงล่ะรสจูบฉัน ทำเอาหอบเหนื่อยเลยล่ะสิ” พูดแล้วก็ใช้ลิ้นเรียวนรอบริมฝีปากเยาะเย้ยอีกฝ่าย

            “ก็งั้นๆล่ะ ไม่เอาไหนเลยต่างหาก” เขาไม่มีทางให้นายนั่นได้ใจหรอก แม้ว่าความจริงรสจูบนั่นจะทำให้เคลิ้มได้ไม่น้อย

            “อ้องั้นเหรอ...” นักบินยกยิ้มมุมปากแล้วจับมืออีกฝ่ายมาไว้ตรงกลางกาย “ถ้างั้นก็ลองจับของฉันดูสิ ที่นายเคยบอกว่ามันเล็ก...จริงรึเปล่า” ปลาวาฬพยายามสลัดมือเรียวออก แต่กลับโดนนักบินจับมาอีกครั้งแล้วกุมไว้ที่แท่งร้อน ที่กำลังแข็งตัวอย่างเต็มที่

            “ก็งั้นๆล่ะนี่ใหญ่แล้วใช่ป่ะ” แม้เจ้าตัวจะรู้สึกอายจนใบหน้าแดงก่ำ แต่ก็ยังพยายามจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างไม่ยอมแพ้

            “ใช่สินะของฉันมันคง...ไม่ใหญ่เท่าช่องของนายหรอก” นักบินพยักหน้าหงึกแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างมีเลศนัย หลังจากนั้นก็ยกขาทั้งสองข้างของปลาวาฬขึ้นมาพาดที่บ่าหนาไว้

            “นี่คุณยกขาผมขึ้นทำไมอ่ะ” โดนอีกฝ่ายกระทำอย่างนั้นปลาวาฬก็ถึงกับตกใจแล้วเอ่ยถามทันที

            “ก็ทำอย่างที่หนังมันทำไงล่ะ ทำท่านี้คงจะมันส์ไม่น้อยหึๆ” เสียงหัวเราะในลำคอทำให้คนที่ได้ยินขนลุกชันขึ้นมาทันที

            ปลาวาฬหันไปมองที่หน้าจอทีวี ก็เห็นนักแสดงกำลังทำท่าทางอย่างที่นักบินกำลังจะทำกับเขาในตอนนี้ ดูจากสีหน้าคนที่โดนคงจะเจ็บปวดไม่น้อย ตายแน่งานนี้ไอ้ปลาวาฬเอ้ย*!!!*

            “อย่า...อ๊ากกกส์!!” เจ้าตัวกำลังจะบอกว่า ‘อย่าทำรุนแรงเหมือนในหนังเลยนะ’ เอ่ยมาได้เพียงแค่คำเดียวก็โดนอีกฝ่ายยัดเยียดความเป็นชายเข้าไปเสียแล้ว ปลาวาฬทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดราวจะขาดใจ น้ำตาไหลพรากลงมาจากหางตาเป็นสาย ถึงกระนั้นก็ยังกัดฟันสู้ต่อไป

            “ไหนบอกว่าของฉันเล็กไงล่ะ ร้องซะเสียงดังเชียว” โน้มตัวลงมาเอ่ยใกล้ใบหู ขณะที่ส่วนล่างยังถูกแช่เอาไว้อย่างนั้น

            “ผมเสียวต่างหากล่ะฮึก” เจ้าตัวยังปากแข็งแม้ว่าการแสดงออกทางสีหน้านั้น เด็กอนุบาลก็ยังดูออกว่ากำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน

            “โถๆๆ คงจะเสียวมากสินะ เสียวจนน้ำหูน้ำตาไหลเชียว ถ้างั้นเรามาเสียวกันต่อเถอะนะหึๆ” ยิ่งเห็นอีกฝ่ายทำเป็นเก่งยิ่งทำให้นักบินอยากเอาชนะ เจ้าตัวรีบขยับส่วนล่างเข้าออกเป็นจังหวะ แต่ก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายส่งเสียงร้องออกมาได้

             ปลาวาฬยังคงกัดฟันสู้ไม่ถอย เขาจะไม่ยอมร้องออกมาสักแอะให้นายนั่นสมน้ำหน้าเด็ดขาด

            “นายนี่ใจเด็ดจริงๆนะ อยากรู้จังว่าจะทนได้สักกี่น้ำ” นักบินยิ้มเยาะตรึงมือทั้งสองไว้แน่น แล้วเร่งจังวะเอวให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ จ้องมองใบหน้าหวานนั้นอย่างไม่วางตา ยิ่งเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหยเกยิ่งได้ใจ

            บทรักอันร้อนแรงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดนักบินปลดปล่อยน้ำรักเข้าไปในช่องทางได้สำเร็จ แม้จะเห็นสภาพที่อิดโรยของอีกฝ่าย แต่เจ้าน้องชายมันยังคงไม่ยอมอ่อนตัวลง เขาจึงจัดการเสพสมกับเรือนร่างที่ยั่วยวนนั้นอีกครั้งตามความต้องการ เมื่อพายุแห่งกามารมณ์สงบลง นักบินก็นอนทับทาบอยู่บนเรือนร่างอันเปลือยเปล่านั้นอย่างหมดแรง และเผลอหลับไปจนถึงเช้าวันใหม่

            รุ่งเช้าทั้งสองยังคงนอนกอดก่ายกันอย่างหมดแรงในสภาพเปลือยเปล่า จากที่เคยมีการแบ่งเขตแดนกันบนเตียง แต่ตอนนี้กลับถูกทลายไปจนหมดสิ้น นักบินกอดร่างเล็กเอาไว้ในอ้อมอกอย่างมีความสุข มันรู้สึกดีไม่น้อยที่มีตุ๊กตามนุษย์มานอนให้เขากอดบนเตียงนอนอย่างนี้

            ก๊อกๆๆ!!

            “นักบินลูก หนูปลาวาฬ สายมากแล้วนะ ออกมาทานข้าวเช้ากันได้แล้ว” คณหญิงฉัตรฉายยืนอยู่หน้าประตูห้อง หลังจากไม่เห็นทั้งสองคนลงมาข้างล่างสักทีจึงขึ้นมาเรียกด้วยตัวเอง

            เมื่อได้ยินเสียงเรียกทั้งสองก็รู้สึกตัวแล้วงัวเงียลืมตาขึ้นมา เมื่อปลาวาฬเห็นตัวเองอยู่ในอ้อมอกของอีกฝ่ายก็รีบผละตัวออกมาทันที แต่คนที่นอนแผ่หลาให้เขาหนุนอกอยู่นั้นกลับรั้งตัวไว้ไม่ให้ไปไหน

            “จะรีบลุกไปไหนล่ะ เอาต่ออีกสักยกก่อนสิ” นักบินเอ่ยแกล้งอีกฝ่าย นึกถึงเมื่อคืนนี้ก็ทำให้รู้ว่าเด็กคนนี้ใจเด็ดมากจริงๆ แม้เขาจะยัดเยียดความเป็นชายเข้าไปรุนแรงมากแค่ไหน เจ้าตัวก็ไม่ยอมปริปากส่งเสียงร้องออกมาให้ได้ยินแม้แต่แอะเดียวเลย นั่นเป็นความท้าทายใหม่ที่เขาจะต้องทำให้ได้ในโอกาสถัดไป

            “พอเลย...แค่นี้ก้นผมก็ระบมไปหมดแล้ว” ปลาวาฬเอ่ยพร้อมทำหน้าเหยเก ยิ่งขยับตัวก็ยิ่งเจ็บที่ส่วนล่าง อยากจะลุกขึ้นไปอาบน้ำล้างตัวจะแย่แล้วให้ตายสิ

            “โถๆๆน่าสงสารจริง ฉันขอโทษนายด้วยนะที่รุนแรงไปหน่อย นี่ยังโชคดีนะที่น้องชายฉันมันเล็กไม่งั้นนายได้เจ็บตัวกว่านี้แน่” พูดแล้วก็ยกยิ้มที่มุมปากยั่วโมโหอีกฝ่าย

            “อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลย บุญเท่าไหร่แล้วที่ผมไม่ตายใส่มาซะขนาดนั้น” พูดแล้วก็หน้าแดงขึ้นมาทันที คนอะไรจะจู๋ใหญ่ขนาดนี้ แต่ก็สมน้ำหน้าที่เอาไปใช้กับผู้หญิงไม่ได้ คริๆ

            “นี่นายกำลังด่าฉันอยู่ในใจแน่ๆเลย อย่าคิดว่าฉันเดาไม่ออกนะสีหน้านายมันฟ้องซะขนาดนี้” นักบินมองหน้าจับผิดอีกฝ่าย

            “ถ้าคุณอ่านใจผมได้ขนาดนั้นก็ดีสิ จะได้รู้ว่าตัวเองโดนด่าอะไรบ้าง” พูดจบแล้วก็แยกเขี้ยวใส่ เห็นอย่างนั้นนักบินก็รั้งตัวอีกฝ่ายเข้ามาจูบทันที

            “ชื่นใจจัง” ผละใบหน้าออกมาแล้วทำหน้ายียวนใส่ นี่คือบทลงโทษของคนที่ปากดีกับเขา อยู่กับไอ้เด็กคนนี้แล้วก็สนุกเหมือนกันแฮะ

            “สัญญาไม่ได้ระบุว่าให้คุณจูบผมตอนไหนก็ได้...คุณผิดสัญญา”

            “ใครบอกว่าทำฉันผิดสัญญา...เพราะฉันจะไปแก้ไขเพิ่มเติมวันนี้ไงล่ะ”

            “คุณนี่มัน...” ปลาวาฬยกกำปั้นน้อยๆขึ้นจะชกอีกฝ่าย แต่นักบินกลับจับข้อมือเอาไว้แล้วดึงเข้ามาจุมพิตแทน

            “คิดว่าหมัดแค่นี้จะทำอะไรฉันได้เหรอ” นักบินปล่อยมือเรียวให้เป็นอิสระ แล้วพลิกตัวอีกฝ่ายลงมาไว้ด้านล่าง ก่อนจะจ้องตาอยู่อย่างนั้นสักพัก ไม่รู้ทำไมยิ่งเห็นอีกฝ่ายในสภาพเปลือยเปล่า ยิ่งทำให้เขาเริ่มมีความต้องการขึ้นมาอีกครั้ง ลำขาแกร่งเบียดขาเรียวให้แยกออกจากกันแล้วแทรกตัวเข้าไปตรงกลาง

            “คะ...คุณอย่าคิดทำอะไรบ้าๆอีกนะ” ปลาวาฬส่ายหน้าอย่างรู้สึกกลัว แค่โดนมาทั้งคืนก็ปวดระบมไปหมดแล้ว ถ้าโดนไปอีกรอบคงได้ไปแอดมิดที่โรงพยาบาลเป็นแน่

            “ก็นาย...มันยั่วฉันไง” นักบินหายใจฟึดฟัดขบกรามแน่น ตอนนี้อารมณ์พลุ่งพล่านเกินจะทน น้องชายที่เคยหลับไหลก็ค่อยๆตื่นตัวขึ้นมาตั้งผลาดอยู่ในระยะสายตาของคนที่อยู่ใต้ร่าง

            ปลาวาฬเห็นอย่างนั้นก็หลับตาปี๋ เขาคงไม่รอดแล้วสินะ เจ้าตัวภาวนาให้การเสียตัวครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ ขอให้เขาตั้งท้องเร็วๆด้วยเถิด จะได้ไม่ต้องตกเป็นทาสกามารมณ์ของไอ้ผู้ชายขี้หื่นคนนี้อีก

            แอ๊ดดด!

            “กรี๊ดดดด!!!”

            เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องนักบินก็หันหลังกลับไปมองทันที ภาพที่เห็นคือมารดายืนเอามือปิดหน้าไว้ เจ้าตัวรีบหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างเอาไว้ มัวแต่สนใจกับคนที่อยู่ใต้ร่างจนลืมไปว่า มารดาตะโกนเรียกอยู่ก่อนหน้านี้พักหนึ่งแล้ว

            “คุณแม่!!”

            “คุณหญิง!!”

            ทั้งสองร้องประสานเสียงออกมาพร้อมกัน ส่วนคุณหญิงก็ค่อยๆลืมตาแล้วมองลอดผ่านนิ้วไป เมื่อเห็นทั้งสองคนอยู่ใต้ผ้าห้ามแล้วก็ลดมือลงมา

            “ฉะ...ฉันเรียกตั้งนานแล้วก็ยังไม่เปิดเลยกลัวว่าจะเป็นอะไรไป ยังไงก็อย่าลืมลงไปทานข้าวเช้านะ ดูท่าทางจะเสียพลังงานไปกันเยอะเลย” เอ่ยแค่นั้นก็หันหลังกลับเดินลงไปข้างล่าง คุณหญิงฉัตรฉายเดินยิ้มไปด้วยเพราะรู้สึกตลกตัวเอง อีกไม่นานคงจะได้อุ้มหลานสมใจอยากแล้วสินะ ก็ขยันกันซะขนาดนี้

            หลังจากคุณหญิงฉัตรฉายเดินออกไปจากห้องแล้ว ปลาวาฬก็หันไปทำหน้าดุใส่เจ้าของห้องทันที

            “เพราะคุณคนเดียวเลย ทำให้คุณหญิงต้องเห็นภาพแบบนั้น แล้วทีนี้ผมจะมองหน้าคุณหญิงได้ยังไงกัน”

            “ไม่ต้องอายหรอกน่าคุณแม่ท่านรู้ว่าเรากำลังทำอะไรกัน แถมเรื่องนี้ท่านไม่ไปบอกใครแน่นอน” ปลาวาฬผลักอกร่างสูงให้พ้นตัวแล้วครอบครองผ้าห่มไว้เพียงคนเดียว

            “เหรออ...ท่านร้องเสียงดังซะขนาดนั้นป่านนี้คนอื่นๆคงจะถามกันให้วุ่นแล้ว หลีกไปผมจะเข้าห้องน้ำ” พยายามจะลุกขึ้นทั้งที่ยังมีผ้าห่มผืนหนาห่อหุ้มร่างกายไว้

            “จะปิดทำหอกอะไรฉันเห็นของนายหมดแล้วล่ะน่า” พูดแล้วก็ปรายตามองยกยิ้มให้

            “นั่นมันในหน้าที่แต่ตอนนี้นอกเวลางานแล้ว” ปลาวาฬพยายามเดินกะเผลกๆอย่างทุลักทุเลเข้าไปในห้องน้ำจนได้

            นักบินมองตามหลังอีกฝ่ายไปแล้วเผลอยิ้มออกมา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือการมีเซ็กส์ครั้งแรกในชีวิต ถ้ารู้ว่ามันดีขนาดนี้เขาคงไม่ปล่อยให้ตัวเองเวอร์จิ้นมาจนถึงอายุสามสิบอย่างแน่นอน




------------------------
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ ผมจะพยายามตั้งใจเขียนให้ดีขึ้นคร้าบบ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 18-05-2018 17:49:06
เสร็จนักบินจนได้ๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-05-2018 18:19:59
พี่นักบินคงแอบชอบน้องวาฬแล้วแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-05-2018 18:29:20
คล้ายๆข่มขืนมะ เจ้าปลาวาฬมันมีอารมณ์ร่วมมั่งไหมนอกจากความเจ็บกับการเอาชนะกันของแต่ละฝ่าย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-05-2018 18:32:19
แอ๊ะๆ........นักบินติดใจปลาวาฬแล้ว   :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-05-2018 19:02:14
อ้าวว. เวอร์จิ้นทั้งคู่เลยเหรออ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-05-2018 19:55:42
เวอร์จิ้นทั้งคู่เลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 18-05-2018 22:17:29
ฮาคู่นีมากไม่โรแมนติกเลยมีความกวนประสาทระหว่างทำรัก
นักบินติดใจหนูปลาวาฬจนต้องแก้สัญญาเชียวหนูปลาวาฬอย่ายอมนะคะจูบทีจ่ายครั้งละแสนเลยลูก
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-05-2018 02:45:02
ทำไมถึงทำรุนแรงเหลือเกิน เพลา ๆ หน่อยซิ  :m16:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-05-2018 09:29:53
สงสารปลาวาฬจัง ไม่รู้ว่าปลาวาฬจะมีความสุขร่วมไม่ด้วยหรือเปล่านอกจากเจ็บ
และดูเหมือนนักบินเองก็ไม่ได้จะใส่ใจกับปลาวาฬนักว่าจะเจ็บมากน้อยแค่ไหน
ครั้งแรกแถมยังโดนยัดพรวดเข้าไปแบบนั้นได้ฉีกแน่ๆ ความจริงปลาวาฬไม่น่าจะเดินได้ด้วยซ้ำนะเราว่า
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 19-05-2018 12:41:04
คู่หลักก็สมกัน คู่รองนี่เข้ากันดีมาก
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-05-2018 07:17:08
โหหหห นี่เวอร์จิ้นจริงดิ ครั้งหน้าอย่ารุนแรงกับปลาวาฬนักนะ ค่อยๆทำจะได้ไม่เจ็บ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 20-05-2018 10:05:36
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 20-05-2018 14:46:34
น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 6 เปิดบริสุทธิ์ l Up:18-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 20-05-2018 17:13:38
ติดตามนะคะ  :mew2:
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 7 สงครามหัวใจ l Up:21-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 21-05-2018 19:37:16
-๗-

สงครามหัวใจ



          เช้าวันนี้เงินรู้สึกตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ เมื่อคืนก็แทบนอนไม่หลับเพราะเจฟฟี่จะพาไปเปิดตัวกับพ่อและแม่ที่บ้าน หลังจากนั้นก็จะไปส่งที่ร้านเบเกอร์รี่เพราะเป็นวันทำงานวันแรก เงินยืนส่องตัวเองอยู่หน้ากระจก สำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผม แม้ไม่รู้จะโดนอะไรบ้างแต่การเข้าไปพบผู้ใหญ่ครั้งแรก เขาจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมมากที่สุด ไม่ให้ท่านว่าหรือตำหนิเอาได้

            “น่ารักที่สุดแล้วครับ” เจฟฟี่เดินยิ้มมาหาแล้วโอบไหล่เอาไว้ หลังจากนั้นก็หอมแก้มเน้นๆหนึ่งฟอด

            “แน่นอนอยู่แล้ว” เงินตอบกลับพร้อมเหลียวมองชายหนุ่มผ่านกระจกบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า

            “ดูท่าทางตื่นเต้นนะเรา ไม่ต้องกลัวหรอกแด๊ดกับมอมพี่ท่านใจดี” เจฟฟี่พูดเพื่อไม่ให้คนรักดูวิตกจนเกินไป

            “ถึงท่านจะใจดีแค่ไหนผมก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี”

            “มานี่เดี๋ยวทำให้หายตื่นเต้น” ว่าแล้วก็จับตัวอีกฝ่ายให้หันมาเผชิญหน้า แล้วจุมพิตที่หน้าผากนุ่มอย่างอ่อนโยน “หายตื่นเต้นรึยังครับ” เจฟฟี่ยิ้มหวานให้คนรัก

            “หะ...หายแล้วครับ” เงินตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แต่ในใจกลับยังคงรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย

            “จริงเหรออออ ดูท่าทางยังประหม่าอยู่เลยนะเรา” เจฟฟี่จ้องหน้าจับผิดราวกับล่วงรู้ความคิดในใจเขาซะอย่างนั้น

            “ไปกันเถอะครับเดี๋ยวจะสาย” เงินรีบตัดบทก่อนที่อะไรมันจะเกินเลย ดูจากสีหน้าและแววตาก็รู้ทันว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร คนอย่างเจฟฟี่ถ้ามีความต้องการขึ้นมาจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

            “โอเคครับเดี๋ยวตอนเย็นค่อยมาว่ากันต่อเนาะ” ชายหนุ่มพูดหยอกอีกฝ่ายพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มให้

            “ไอ้คนขี้หื่นเดินนำหน้าไปเลย” ก่อนที่ใบหน้าจะแดงก่ำไปมากกว่านี้ เงินก็รีบดันตัวร่างสูงให้เดินนำหน้าไป เจฟฟี่ได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข ตั้งแต่มีเงินเข้ามาในชีวิตทุกอย่างมันก็กลายเป็นสีชมพูไปเสียหมด

            นั่งรถจากคอนโดประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงบ้านหรูสไตล์ยุโรป ซึ่งอยู่แถบชานเมืองบรรยากาศค่อนข้างดี ดูไม่แออัดและการจราจรก็ไม่วุ่นวายเหมือนอยู่ในเมืองหลวง หลังจากลงจากรถแล้วเจฟฟี่ก็จับมือคนรักไว้แน่น พร้อมกับมองหน้าเพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อใจในตัวเขา เงินเองก็ได้แต่พยักหน้ารับมาถึงขนาดนี้แล้วจะไม่ให้เขาเชื่อใจผู้ชายคนนี้ได้อย่างไร

            “เข้าไปกันเถอะแด๊ดกับมอมรอเราอยู่ข้างในแล้ว” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มกริ่มให้ ส่วนมือหนาก็ประสานมือเรียวเอาไว้แน่น ราวกับไม่อยากให้อีกฝ่ายห่างกายไปไหนแม้แต่วินาทีเดียว

            เมื่อคืนเจฟฟี่ได้โทรนัดบิดามารดาเอาไว้แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าจะพาคนรักมาด้วย

            “ผมจะอยู่ข้างพี่ครับ” เงินเองก็ต้องให้กำลังใจอีกฝ่ายไม่แพ้กัน เพราะไม่รู้ว่าการที่เจฟฟี่พาตัวเองเข้ามาบ้าน จะโดนบิดากับมารดาว่ากล่าวอะไรบ้าง

            “ขอบใจนะครับที่รัก” เมื่อได้รับกำลังใจจากคนรักก็ทำให้เจฟฟี่ดูมีกำลังใจมากขึ้นไปอีก

            เจฟฟี่เองก็รู้สึกมีความกังวลใจอยู่ไม่น้อย นั่นเพราะเขาทำตัวเสเพลมานานหลายปี ทำเรื่องไม่ดีให้ท่านทั้งสองเสียใจมาก็หลายหน แถมยังพาแฟนที่เป็นผู้ชายมาเปิดตัวอีกต่างหาก ทำให้เจ้าตัวเดาใจบิดากับมารดาไม่ถูกเหมือนกัน

            ทั้งสองประสานมือกันเดินผ่านประตูบานใหญ่เข้าไป ก็พบกับเจ้าของบ้านทั้งสองกำลังนั่งจิบกาแฟรออยู่ ‘โจเซฟ’ หนุ่มใหญ่วัยหกสิบปี เชื้อชาติอเมริกันแต่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทยนานหลายปี จนสามารถพูดภาษาไทยได้คล่องปร๋อ ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างๆนั่นคือ ‘ภาวดี’ สาวใหญ่วัยห้าสิบห้า ภรรยาคนสวย อดีตเลขานุการคนรู้ใจเมื่อครั้งยังโจเซฟเป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรง ทั้งสองได้ตกหลุมรักและคบหาดูใจกันอยู่สักพัก จนแต่งงานกันในที่สุดและครองคู่กันมาถึงตอนนี้

            “สวัสดีครับแด๊ดมอม” เมื่อเดินเข้ามาถึงแล้วทั้งสองคนก็ยกมือไหว้อย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนที่เจฟฟี่ประสานมือเรียวเอาไว้แน่นเหมือนเดิม แต่เงินดึงมือกลับมาเพราะกลัวว่าผู้ใหญ่ทั้งสองท่านจะไม่ชอบใจ เจฟฟี่กลับไม่ยอมและได้รั้งมือคนรักมาจับไว้อีกจนได้ มาถึงตอนนี้แล้วเขาอยากให้คนรักมั่นใจว่า จะไม่ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวแน่นอน

             แม้จะมีสามีเป็นชาวต่างชาติ แต่ภาวดีก็เลี้ยงดูลูกทั้งสองคนให้เติบโตมาตามวิถีของคนไทย ไม่ลืมที่จะสอนให้เรียนรู้วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมของไทย การไหว้คือสิ่งที่บ่งบอกว่าเราคือพลเมืองของประเทศนี้ เธอจะพร่ำสอนลูกทั้งสองคนเสมอมา

            “นั่งลงสิ...แล้วนี่พาใครมาด้วย” โจเซฟเอ่ยเสียงดุพร้อมกับจ้องหน้าแขกผู้มาใหม่ด้วยความสงสัย แต่เมื่อเห็นมือที่ประสานกันไว้แน่นก็พอจะเดาออกว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็อยากได้ยินจากปากลูกชายเพื่อยืนยันสิ่งที่ตัวเองคิดอีกครั้ง

            “นี่เงินครับ...เมียผมเอง” นั่งลงบนโซฟาแล้วเจฟฟี่ก็มองหน้าคนรักแล้วหันไปเอ่ยกับบิดาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

            โจเซฟหันไปมองหน้าภรรยาด้วยอารมณ์ที่หลากหลายแล้วหันมาเอ่ยกับลูกชายอีกที

            “ตั้งแต่เกิดมาแกไม่เคยพาใครมาที่บ้านเลยสักครั้ง มันเกิดอะไรขึ้นทำไมแกถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้” โจเซฟขึ้นเสียงใส่ลูกชาย

            “ผมรักเงินมากจนยอมที่จะไปช่วยงานแด๊ดที่โรงแรมครับ เงินคือคนที่ทำให้ผมอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นครับ” เจฟฟี่ตอบออกไป

            “อย่างแกเนี่ยนะจะมาทำงาน! แค่ผู้ชายตัวเล็กๆคนเดียวทำให้แกเปลี่ยนไปด้วยขนาดนี้เลยเหรอ” โจเซฟแทบไม่อยากเชื่อว่าลูกชายตัวดีจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้ ขนาดเขาและภรรยาพูดจนปากจะฉีกแต่ลูกชายตัวดีก็ไม่ยอมฟัง แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงแสดงว่าเด็กคนนี้คงมีอิทธิพลกับลูกชายคนนี้มากจริงๆ

            “ใช่ครับแด๊ดเงินนี่ล่ะที่ทำให้ผมอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ผมจะตั้งใจทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงเมียครับ” เจฟฟี่เอ่ยพร้อมกระชับมือคนที่นั่งอยู่ข้างๆไว้แน่น เงินมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความปลื้มใจ เพื่อเขาเจฟฟี่สามารถทำได้ขนาดนี้มันเกินคำว่าไว้ใจแล้ว

            “มอมดีใจที่ลูกคิดได้อย่างนี้ ขอบใจหนูเงินที่ช่วยให้เจฟเป็นผู้เป็นคนขึ้นได้นะจ๊ะ” ภาวดียิ้มกริ่มด้วยความดีใจ ที่ลูกชายคนเล็กของเธอมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

            “ไม่เป็นไรครับคุณน้า” เงินตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร เขารู้สึกได้ว่ามารดาของเจฟฟี่คงจะใจดีเหมือนที่เคยบอกไว้ แต่สำหรับโจเซฟนั้นเขากลับไม่มั่นใจ เพราะน้ำเสียงที่ดุดันฟังแล้วแทบขนลุก และใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครานั้นดูเหี้ยมอยู่ไม่น้อย

            “มาถึงขนาดนี้แล้วเรียกแม่ก็ได้จ๊ะ” ภาวดียิ้มให้อย่างเอ็นดู แม้จะยังไม่รู้จักนิสัยใจคอของเงินมากเท่าไหร่ แต่เธอก็มั่นใจว่าคงเป็นเด็กดีอย่างแน่นอน ไม่งั้นคงไม่ทำให้เจ้าลูกชายที่ใช้ชีวิตเสเพลตั้งแต่เรียนจบ กลายเป็นคนมีเป้าหมายกับชีวิตได้ขนาดนี้

            “คะ...ครับคุณแม่” เห็นรอยยิ้มของภาวดีก็ทำให้เงินสบายใจได้ไปอีกเปาะ

            “สรุปแล้วแกจะไปทำงานกับฉันจริงๆใช่ไหม” โจเซฟถามย้ำอีกครั้ง

            “ใช่ครับแด๊ดผมจะไปทำงานที่โรงแรม” เจฟฟี่ตอบด้วยความมั่นใจ

            “ถ้าตำแหน่งที่ฉันให้ไปทำคือเบลบอยล่ะ แกยังจะยอมไปทำใช่ไหม” โจเซฟต้องการให้ลูกชายเรียนรู้งานจากตำแหน่งระดับล่างสุดเสียก่อน เพื่อจะได้รู้จักกับชีวิตการทำงานที่แท้จริง สมัยเข้ามาบริหารงานที่โรงแรมใหม่ๆเขาเองก็เคยถูกบิดาสั่งให้มาทำงานตำแหน่งนี้เช่นเดียวกัน และอีกอย่างเขาอยากรู้ว่าลูกชายจะสามารถสู้เพื่อเด็กผู้ชายคนนี้ได้นานแค่ไหนกัน

            เจฟฟี่มองหน้าบิดาด้วยความตกใจ เขาหวังจะได้เข้ามาทำงานในระดับผู้บริหาร แต่นี่กลับต้องมาเป็นพนักงานยกกระเป๋าซะงั้น มันผิดคาดไปเยอะจริงๆ

            “อ้าวไหงเป็นงั้นไปได้! ผมก็นึกว่าแด๊ดจะให้มาช่วยบริหารงานซะอีก” เจ้าตัวรีบโต้กลับทันควัน

            “ใครบอก! แกยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยถ้าขืนให้ไปบริหารงานมีหวังโรงแรมได้เจ๊งแน่”

            “แต่ฉันว่าลูกไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้นะคะคุณ” ภาวดีเองก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ลูกชายทำงานในตำแหน่งนี้ เธอรู้ดีว่าเจฟฟี่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ เคยฟังใครซะที่ไหนกัน ถ้าขืนไปทำอย่างนั้นมีหวังได้ไล่ตะเพิดลูกค้าเป็นแน่ นั่นยิ่งจะทำให้มีผลเสียต่อโรงแรมเสียมากกว่า

            “ฉันอยากรู้ว่าคนอย่างแกจะรักใครได้นานแค่ไหนกันเชียว...สรุปจะเอายังไง?” 

            “ผมจะทำครับแด๊ด” เจฟฟี่ตอบไปอย่างมั่นใจ มือหนากระชับมือคนรักเอาไว้แน่นยิ่งขึ้น โจเซฟถึงกับหน้าเหวอเพราะไม่คิดว่าลูกชายจะยอมทำถึงขนาดนี้ เขารู้แล้วว่าตอนนี้เงินคือคนที่ลูกชายคิดจะจริงจังด้วยอย่างแน่นอนแล้ว

            “ดี..ถ้างั้นพรุ่งนี้ก็เริ่มทำงานได้เลย ฉันจะไปแจ้งกับฝ่ายบุคคลเอาไว้ แกจะเป็นแค่พนักงานธรรมดาไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆทั้งนั้น ทุกคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าสามารถสั่งงานแกได้ทุกคนโอเคนะ” โจเซฟบอกข้อปฏิบัติให้กับลูกชายฟัง

            “โอเคครับ แล้วมีอะไรเพิ่มเติมไหมบอกมาให้หมดเลยครับแด๊ด” เจฟฟี่เอ่ยประชดประชันบิดา แทนที่จะดีใจที่เขามาช่วยงานแต่นี่กลับมาแกล้งกันซะอย่างนั้น ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าบิดาต้องการอะไรแน่นอน หรือคิดอยากจะให้เขาเลิกกับเงินงั้นเหรอ...นั่นมันเป็นไปไม่ได้

            “ไม่มี..ว่าแต่หนูล่ะทำงานที่ไหน เป็นลูกเต้าเหล่าใคร แล้วมาเจอกับลูกชายฉันได้ยังไง” โจเซฟถามทุกคำถามที่อยากรู้

            เงินได้ยินอย่างนั้นก็มองหน้าคนรักทันที เจฟฟี่ยิ้มให้แล้วจะหันไปเอ่ยกับบิดาแทน แต่โดนพูดตัดหน้าเสียก่อน

            “ให้แฟนแกตอบ!” โจเซฟเอ่ยเสียงเข้มดูน่าเกรงขาม

            “คือผมเป็นเด็กกำพร้าครับพ่อแม่เสียตั้งแต่เด็ก นับจากนั้นก็ทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาตลอด ไม่มีญาติที่ไหนแม้แต่คนเดียว ก่อนหน้านี้ผมทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ผับแหน่งหนึ่ง พี่เจฟไปเที่ยวที่นั่นบ่อยๆเราเลยได้เจอกันครับ และวันนี้กำลังจะไปเริ่มงานทำงานที่ร้านเบเกอร์รี่ของพี่เจสครับ” เงินตอบออกไปตามความจริง เขาไม่อายที่จะบอกว่าเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร และมีพื้นฐานชีวิตที่ต้อยต่ำมาตั้งแต่เด็ก เพราะมันคือภูมิคุ้มกันที่ทำให้เขามีความแข็งแกร่งมาจนถึงตอนนี้

            “โธ่..น่าสงสารจริงๆหนูเงิน ไม่เป็นไรนะจ๊ะถือซะว่าฉันคือแม่คนหนึ่งของหนูละกันนะ” ภาวดีชอบคนที่มีความขยันและมุ่งมั่น ยิ่งได้รับรู้ว่าเงินเป็นเด็กที่สู้ชีวิตมาก่อนยิ่งทำให้เธอเห็นอกเห็นใจมากยิ่งขึ้นไปอีก

            “ขอบคุณครับ” ได้ยินอย่างนั้นเงินก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที ภาวดีเป็นคนจิตใจดีเหมือนแม่ของเขาอยู่ไม่น้อย ส่วนเจฟฟี่ก็ยิ้มกว้างเมื่อมารดาของตัวเองดูชอบอกชอบใจคนรักเสียอย่างนี้

            “หนูรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเจฟมันรวย” อยู่ๆโจเซฟก็ถามขึ้นมา

            “ครับ”

            “แล้วรู้ใช่ไหมว่าลูกชายฉันรักหนูมาก” โจเซฟถามอีกครั้ง

            “ครับ” แม้จะยังงงๆแต่เงินก็ตอบออกไปตามความจริง

            “ฉันถามตรงๆนะ หนูไม่ได้มาคบกับลูกชายฉันเพราะเงินหรอกนะ”

            “แด๊ดทำไมถามอย่างนั้นล่ะ เงินไม่ใช่คนอย่างนั้น!” เจฟฟี่ทนไม่ไหวจึงรีบชิงตอบก่อน เพราะกลัวว่าคนรักจะรู้สึกไม่ดี

            “ฉันไม่ได้ถามแก ฉันถามหนูเงิน” โจเซฟทำเสียงเข้มข่มลูกชายดูท่าทางเอาจริง เห็นอย่างนั้นเจฟฟี่ก็สงบปากสงบคำแต่โดยดี

            “จริงๆแล้วตอนแรกผมเองก็ไม่ได้รักพี่เจฟหรอกครับ” เมื่อได้ยินประโยคนี้ทำเอาคนที่นั่งข้างๆหันขวับมามองแล้วทำหน้าหงอยทันที แต่เงินก็ยิ้มให้แล้วหันไปเอ่ยกับโจเซฟต่อ “ผมเสียตัวให้พี่เจฟด้วยความไม่ตั้งใจ นั่นทำให้ผมคิดว่าจะต้องเอาคืนให้คุ้มถึงได้ยอมตกลงคบด้วย” เจฟฟี่ถึงกับปล่อยมือเรียวให้เป็นอิสระแล้วชักกลับคืนมา แต่เงินกลับเป็นฝ่ายดึงกลับคืนมาแล้วกุมเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยซะอย่างนั้น “แต่พอมาอยู่ด้วยกันแล้วผมกลับรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีดีมากกว่านั้น เขาดูแลผมเป็นอย่างดี เขาทำดีกับผมสารพัดและเห็นคุณค่าในตัวผมอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ทำให้ตอนนี้ผมรู้สึกดีและอยากจะร่วมสร้างชีวิตคู่กับพี่เจฟตลอดชีวิตเลยครับ” เงินพูดออกไปตามความจริง เขาไม่อยากโกหกความรู้สึกตัวเอง นั่นจะทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

            โจเซฟได้ฟังจนจบก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจของเงินที่มีให้กับลูกชาย และรู้แล้วว่าทำไมไอ้ลูกชายเสเพลถึงได้ติดใจซะขนาดนี้ นั่นเพราะเงินเป็นเด็กที่มีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่มากจริงๆ คนอย่างนี้เหมาะจะมาช่วยควบคุมดูแลให้เจฟฟี่เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้

            “ไอ้เจฟมันโชคดีที่ได้หนูมาเป็นเมีย ฉันฝากดูแลมันด้วยละกัน หนูมีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่าลูกชายฉันเสียอีก” ในที่สุดโจฟก็ยอมรับเงินได้อย่างง่ายดาย จากการเผยความรู้สึกภายในจริงๆที่ไม่ได้สร้างภาพขึ้นมา

            “คะ...ครับ” เงินตอบรับอย่างงงๆ เขาคิดว่าจะโดนดุด่าว่ากล่าวเสียอีก ดูหน้าโหดๆอย่างนี้บทจะดีก็มาอย่างไม่ทันตั้งตัวเลย

            “แด๊ดยอมรับเงินแล้วใช่ไหมครับ” น้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นไม่ต่างจากสีหน้าของเจฟฟี่ ทำให้ภาวดียิ้มออกมาเช่นกัน

            “ถ้าไม่ยอมรับฉันคงจะไล่ตะเพิดออกจากบ้านตั้งแต่ที่แกบอกว่าเป็นเมียแล้ว”

            “แล้วทำไมแด๊ดต้องทำเป็นเก๊กให้เมียผมกลัวด้วยล่ะ”

            “ก็ฉันอยากจะรู้จักเมียแกให้มากขึ้นไงล่ะ จากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับแกแล้วว่าจะมีความอดทนสักแค่ไหน”  โจเซฟบอกกับลูกชาย

            “ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อเมียครับ” สีหน้าที่มุ่งมั่นของเจฟฟี่ ทำให้โจเซฟและภาวดีเห็นถึงความเปลี่ยนไปของลูกชายได้อย่างแท้จริง พลางคิดในใจว่าเงินน่าจะเข้ามาในชีวิตของลูกชายสักสามปีก่อนหน้านี้ ไม่งั้นป่านนี้คงจะได้ช่วยบริหารงานได้อย่างเต็มตัวแล้ว

            “แกพูดแล้วนะจะทำอะไรก็ให้นึกถึงหน้าหนูเงินเข้าไว้ละกัน”

            “ถ้าพี่เจฟผิดคำพูดผมจะเป็นคนบอกเลิกเองครับไม่ต้องห่วง” เงินให้คำสัญญากับผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน

            “แม่ฝากด้วยนะจ๊ะหนูเงิน ไอ้ลูกชายคนนี้เกเรมาซะนาน อาจจะเอาแต่ใจบ้างก็ทนๆเอานะจ๊ะ” ภาวดีเอ่ยกับลูกสะใภ้

            “ครับคุณแม่” เงินตอบรับพร้อมส่งยิ้มหวานให้อย่างสบายใจ ตอนนี้ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว จะเหลือก็แต่เจฟฟี่คนเดียวเท่านั้น ว่าจะสามารถทำอย่างที่ให้สัญญาไว้ได้หรือเปล่า เขาเองก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะต้องเจอกับเรื่องอะไรบ้างในอนาคต และสัญญาว่าจะคอยเป็นกำลังใจให้อยู่ข้างๆเสมอ

            “ไม่น่าพาเงินมาเลยจริงๆ เหมือนกับมาเพื่อให้แด๊ดกับมอมมีพรรคพวกเพิ่มอีกซะงั้น” เจฟฟี่เอ่ยติดตลก ใบหน้าเปื้อนยิ้ม มือแกร่งโอบที่เอวของคนรักไว้ไม่ยอมปล่อย

            “เห็นอย่างนี้แล้วฉันจะได้วางใจว่าแกจะเลิกทำตัวเกเรสักที” โจเซฟเอ่ยอย่างโล่งใจเมื่อได้เห็นความมุ่งมั่นของลูกชาย ถึงไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ได้อีกนานแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีขึ้น

            “ถ้าเงินบอกเลิกผมเมื่อไหร่ วันนั้นล่ะครับผมจะกลับมาเกเรยิ่งกว่าเดิมอีก เพราะงั้นแด๊ดกับมอมต้องห้ามให้เงินห้ามเลิกกับผมเด็ดขาด”

            “ไอ้ลูกคนนี้อย่ามายืมมือคนอื่น ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับลูกแล้วนะเจฟ ทำตัวดีๆอดทนให้มากๆถ้ารักหนูเงินจริง” ภาวดีเอ่ยกับลูกชาย

            “ถูกต้องเลยครับคุณแม่” เงินเห็นด้วยกับคำพูดของภาวดีเต็มร้อย

            “เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะเจอกันแค่ครั้งแรกเองนะเนี่ย” เจฟฟี่จ้องหน้าคนรักเหมือนกับคาดโทษเอาไว้

            “ไม่ต้องอิจฉาเลยพี่อ่ะ” เงินเอ่ยแล้วหยิกเข้าที่สีข้างทันที

            “โอ๊ย! เจ็บนะครับที่รัก” เจ้าตัวทำหน้าเหยเกแล้วลูบเบาๆบริเวณที่โดนหยิก

            โจเซฟและภาวดีเห็นอย่างนี้ก็รู้สึกอุ่นใจ ในที่สุดลูกชายที่เคยเกเรไม่เอาถ่านมาหลายปี ก็เอาการเอางานเสียที แถมยังได้ลูกสะใภ้ที่น่ารักและสามารถควบคุมลูกชายไปในทิศทางที่ดีได้ มันถือว่าเป็นอะไรที่วิเศษที่สุดในตอนนี้

            “ถ้างั้นผมขอตัวพาเงินไปที่ร้านพี่เจสก่อนนะครับ...วันนี้ทำงานวันแรก” เจฟฟี่เอ่ยกับทั้งสองคน

            “วันหยุดก็พาหนูเงินมาหาแม่บ้างนะจะได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น” ภาวดีเอ่ย

            “ฝากไอ้เจ้าเจฟแทนแม่ด้วยนะหนูเงิน” ภาวดีเอ่ยกับลูกสะใภ้

            “ครับ...ผมจะไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด” เงินเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ประโยคนี้ทำเอาทั้งสองคนดูถูกใจกันเสียยกใหญ่

            “ให้มันได้อย่างนี้สิลูกสะใภ้ฉัน” ภาวดียิ้มแฉ่งด้วยความถูกอกถูกใจ

            เห็นทุกคนเข้ากันได้ดีอย่างนี้เจฟฟี่ก็เอาแต่ยิ้ม ไม่ผิดหวังเลยที่เขาตั้งใจพาคนรักมาเปิดตัวกับบิดาและมารดา เพราะมันทำให้ตัวเขาเองและครอบครัวมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น



            เมื่อออกมาจากบ้านแล้วเจฟฟี่ก็ขับรถพาคนรักมุ่งตรงมายังร้านขายเบเกอร์รี่ของพี่สาว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถก็มาจอดเทียบหน้าร้าน ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านก็เห็นเจสสิก้ากำลังยืนคุยกับพนักงานชายคนหนึ่งที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานวันแรกเช่นเดียวกับเงิน

            “เฮ้! พี่สาว...น้องชายพาพนักงานใหม่มาส่ง” เจฟฟี่เดินโอบไหล่คนรักเข้ามาในร้าน แสดงความเป็นเจ้าของให้ทุกคนเห็นอย่างเปิดเผย แล้วเอ่ยทักทายพี่สาว

            “อ้าวมากันแล้ว” เจสสิก้าหันมายิ้มให้กับคนทั้งสอง

            “สวัสดีครับพี่เจส” เงินยกมือไหว้อย่างมีสัมมาคารวะ

            “หวัดดีจ้าเงิน วันนี้พร้อมแล้วใช่ป่ะ”

            “พร้อมแล้วครับ”

            “ถ้าพร้อมแล้วก็บอกให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆเอามือออกจากไหล่ซะที พี่จะได้สอนงานพร้อมกับมอสทีเดียวเลย” เจสสิก้าปรายตามองไปที่น้องชายทันที ได้ยินอย่างนั้นเจฟฟี่ก็ลดมือลงโดยอัตโนมัติ

            “เดี๋ยวพี่จะนั่งรอแถวนี้นะ ตอนเย็นจะได้กลับบ้านพร้อมกัน”

            “พี่กลับไปพักที่คอนโดก่อนเถอะผมกลับเองได้ พรุ่งนี้พี่ก็จะต้องไปทำงานแล้วนี่” เงินไม่อยากให้อีกฝ่ายรอเพราะกลัวจะมีเรื่องเกิดขึ้นให้เจสสิก้าลำบากใจอีก

            “อ้าวฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย แล้วแด๊ดกับมอมว่าไงบ้างอ่ะ” เจสสิก้าลืมไปเลยว่าเคยรับปากกว่าจะช่วยพูดเรื่องนี้ให้

            “โชคดีที่ท่านรับเงินได้ แต่ผมนี่สิแย่สุดๆ” พูดแล้วก็ทำหน้าบูดบึ้งทันที พรุ่งนี้แล้วสินะที่เขาจะต้องไปตกระกำลำบากเป็นครั้งแรกในชีวิต

            “เรื่องอะไรยะ”

            “ก็แด๊ดให้ผมไปทำงานเป็นเบลบอยน่ะสิ”

            “ว้ายยย! แด๊ดทำดีมากจากหนุ่มเพลย์บอยสู่เด็กเบลบอยผู้น่าสงสาร ฮ่าๆๆ” เจสสิก้าหัวเราะยกใหญ่เมื่อรู้ว่าน้องชายโดนบิดาเล่นงานเข้าให้ซะแล้ว สมควรแล้วที่ต้องโดนอย่างนี้เล่นเอาท่านปวดขมับมาตั้งนมนาน

            “ไม่ช่วยยังจะมาหัวเราะเยาะอีกนะพี่อ่ะ” เจฟฟี่ทำหน้างอนให้กับพี่สาว

            “โทษทีๆ ฉันเซอร์ไพรซ์ไปหน่อย เอาเป็นว่ากลับไปก่อนเถอะเดี๋ยวถึงเวลาเลิกงานฉันจะไปส่งเงินให้เอง ไม่ต้องเป็นห่วง” เจสสิก้าบอก

            “ไม่เอาผมจะอยู่รอ กลัวว่าจะมีคนมาจีบเงิน” เจฟฟี่เห็นหน่วยก้านของพนักงานใหม่ที่ยืนอยู่ข้างพี่สาวก็เริ่มไม่ไว้ใจ เด็กนั่นรุ่นราวคราวเดียวกับคนรัก แถมยังดูหล่อเหลาไม่น้อย ท่าทางแบดบอยอย่างนั้นเขาดูออกว่าคงจะเป็นเสือตัวย่อมๆเลยทีเดียว

            “แกมันบ้าไปแล้วหึงไปทั่ว” เจสสิก้าว่าให้น้องชายตัวแสบ

            มอสยืนทำหน้านิ่งเมินเฉยกับสายตาไม่เป็นมิตรที่ส่งมาให้

            “ใช่ครับพี่เจส...พูดอย่างนี้แสดงว่าไม่เคยไว้ใจผมเลยใช่ป่ะ” เงินเริ่มใช้บทโหดมากำราบคนรัก เขาไม่ใช่ประเภทเห็นใครก็ชอบไปหมดอย่างนั้นสักหน่อย

            “อย่ามองพี่แบบนั้นสิ พี่ไว้ใจเงินแต่ไม่ไว้ใจคนอื่น” เจ้าตัวเห็นใบหน้าหวานที่เริ่มจะโหดขึ้นเรื่อยๆก็พูดเสียงอ่อยทันที

            “ฉันสัญญาว่าจะดูแลเงินอย่างดีที่สุด ไม่ให้ใครมาจีบเลยยย” เจสสิก้าออกปากให้คำสัญญากับน้องชาย เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจฟฟี่จะหึงหวงได้หนักขนาดนี้

            “ก็ได้ๆผมจะยอมกลับ แต่เลิกงานแล้วต้องรีบมาส่งเลยนะ”

            “เออๆๆ ฉันล่ะปวดหัวกับความบ้าของแกจริงๆ” เจสสิ้ก้าบ่นให้น้องชายเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ทำเอาเจ้าหล่อนถึงกับเกาที่หลังคอไปด้วยความรำคาญใจ

            “ตั้งใจทำงานนะครับ” เจฟฟี่ส่งรอยยิ้มหวานให้คนรัก ก่อนจะไปทำหน้าโหดขู่มอสที่ยืนมองอยู่ไม่ห่างมากนัก

            เห็นอาการหึงหวงเกินเหตุอย่างนั้น ยิ่งทำให้มอสรู้สึกหมั่นไส้ เจ้าตัวจึงยิ้มมุมปากพร้อมกับยักคิ้วให้อย่างกวนๆ สื่อว่าเขาพร้อมประกาศทำสงครามอย่างเป็นทางการแล้ว ยิ่งเห็นอย่างนั้นยิ่งทำให้เจฟฟี่คิดมากแต่ก็ต้องยอมกลับคอนโดไม่งั้นจะต้องโดนด่าไม่รู้อีกกี่สิบรอบ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 7 สงครามหัวใจ l Up:21-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 21-05-2018 21:29:13
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 7 สงครามหัวใจ l Up:21-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 21-05-2018 22:01:36
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 7 สงครามหัวใจ l Up:21-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-05-2018 22:28:56
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 7 สงครามหัวใจ l Up:21-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 21-05-2018 22:37:25
ลูกสะใภ้ถูกใจพ่อแม่สามีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 7 สงครามหัวใจ l Up:21-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-05-2018 22:59:13
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 7 สงครามหัวใจ l Up:21-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-05-2018 01:07:39
ร้านจะพังอีกรอบไหมเนี่ย555
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 7 สงครามหัวใจ l Up:21-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-05-2018 01:18:11
 :hao4:


มอส
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 7 สงครามหัวใจ l Up:21-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-05-2018 02:08:11
เป็นเบลบอยโรงแรมแถวไหนเนี่ย จะได้เดินเข้า เดินออกโรงแรมสัก 10 เที่ยว  :hao3:
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 8 เกิดเหตุที่หมออ้อย l Up:22-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 22-05-2018 16:28:28
​-๘-

เกิดเหตุที่หมออ้อย



          ใช้เวลานานหลายวันกว่าความเจ็บปวดที่ช่วงล่างจะทุเลาลง ตอนนี้ปลาวาฬเดินเหินได้สะดวกขึ้นแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยาที่คุณหมอให้มาทาและรับประทาน วันนั้นที่เกิดเรื่องด้วยความที่เจ็บมากจนไม่สามารถเดินออกจากห้องได้ นักบินจึงโทรฯเรียกแพทย์ให้มาตรวจอาการที่บ้าน ก่อนคุณหมอกลับไม่ลืมที่จะสั่งให้นักบินงดกิจกรรมทางเพศสักระยะจนกว่าอาการของปลาวาฬจะหายเป็นปกติ นั่นทำให้ร่างเล็กยิ้มแฉ่งอย่างน้อยก็เว้นช่วงให้หายใจคล่องได้สักระยะ

            ขณะปลาวาฬนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างสบายใจ คุณหญิงฉัตรฉายก็เดินเข้ามาหย่อนก้นลงที่โซฟาตัวข้างๆ แล้วเอ่ยถามอาการ

            “หนูปลาวาฬเป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นรึยังจ๊ะ”

            “ดีขึ้นแล้วครับคุณหญิง ตอนนี้ก็หายปวดแล้ว” เจ้าตัวตอบพร้อมกับยิ้มกริ่มให้

            “ตานักบินนี่ก็เหลือเกิน รู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกของหนูยังจะทำรุนแรงอีก ฉันล่ะไม่ปลื้มถ้าไม่ติดว่าต้องรีบมีทายาทแม่จะตีให้ก้นลายเลยทีเดียว” คุณหญิงบ่นให้ลูกชายคนโต

            “ไม่เป็นไรครับคุณหญิงเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ผมไม่โกรธคุณนักบินหรอกครับ” ปลาวาฬจำเป็นต้องตอบเอาใจคุณหญิงไว้ก่อน แล้วค่อยไปคิดบัญชีกับอีตานั่นทีหลัง เขาจะไม่ยอมให้ตัวเองเจ็บตัวเพียงฝ่ายเดียวแน่นอน

            “หนูปลาวาฬเป็นคนดีจริงๆเลย ฉันขอบใจมากที่ทนตานักบินได้ขนาดนี้” คุณหญิงฉัตรฉายมองหน้าปลาวาฬตาเป็นประกายวิ้ง บ่งบอกว่าปลื้มปริ่มเป็นที่สุด

            “ไม่เป็นไรครับผมยินดี”

            “ว่าแต่วันนี้ทำไมตานักบินกลับบ้านช้ากว่าปกติ นี่ก็เย็นมากแล้วนะ” คุณหญิงมองนาฬิกาข้อมือแล้วเอ่ยถามขึ้นมา

            ปลาวาฬเองก็แปลกใจที่วันนี้อีกฝ่ายยังไม่กลับมาถึงบ้าน ปกติช่วงเวลานี้จะมายืนเถียงกับเขาได้หลายยกแล้ว ในใจก็คิดว่าคงจะติดธุระหรือไม่งั้นก็คงจะไปสังสรรค์กับเพื่อนแน่นอน

            “นั่นสิครับคุณหญิง”

            “ไปเหลวไหลที่ไหนอีกรึเปล่าเนี่ย ขอแค่อย่าเมามาก็แล้วกัน” คุณหญิงพูดเปรยๆออกมา ราวกับขยาดเวลาลูกชายเมามาซะอย่างนั้น

            “เวลาเมาคุณนักบินจะเป็นยังไงเหรอครับ” ปลาวาฬหันไปถามด้วยความสนใจ

            “เวลาเมาชอบโวยวายลั่นบ้านใครห้ามก็แทบไม่ฟัง ฉันล่ะเหนื่อยถึงไม่ค่อยอยากให้เมาสักเท่าไหร่” เมื่อนึกถึงครั้งก่อนที่ลูกชายเมามาจนทำข้าวของเสียหาย คุณหญิงก็ทำหน้าเหนื่อยใจขึ้นมาทันที

            “เดี๋ยวถ้าคุณนักบินเมามาผมขอดูแลเองนะครับ” ปลาวาฬรับอาสา เขารอเวลาที่จะเอาคืนเต็มทนแล้ว

            “หนูจะไหวจริงๆเหรอ” คุณหญิงเอ่ยถามด้วยความกังวลใจ เพราะปลาวาฬยังไม่เคยเห็นฤทธิ์เดชตอนเมาของลูกชายตัวดี

            “ไหวครับยังไงซะผมกับคุณนักบินก็ต้องนอนด้วยกันอยู่แล้ว คุณหญิงไม่ต้องห่วงผมเคยทำงานในผับมาก่อน เคยจัดการกับลูกค้าที่เมาในร้านมาเยอะครับ” ขอให้วันนี้นายนั่นเมามาด้วยเถอะ ปลาวาฬภาวนาในใจ

            “ถ้างั้นฉันฝากด้วยนะจ๊ะ ดูจากสถานการณ์แล้ววันนี้คงเมามาแน่ๆ”

            คุณหญิงคาดเดาไม่ผิดเพราะตอนนี้เริ่มมีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังแว่วมาจากหน้าบ้านแล้ว

            “ออกปายยย! อย่ามาจับตัวกู กูจ่าเดินข้าวไปเองงง” นักบินเดินเซเข้ามาในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ใบหน้าแดงก่ำจากการซดน้ำเมาเข้าไปอย่างหนัก หมดสภาพผู้บริหารหนุ่มสุดหล่อ คนขับรถพยายามจะเข้าไปพยุงร่างเข้ามาแต่กลับโดนเจ้านายผลักออกจนล้มลงกับพื้น แล้วพยายามเดินโซเซเข้ามาด้วยตัวเอง จนแขนฟาดเข้าไปที่แจกันโบราณที่ตั้งโชว์อยู่ตกลงพื้นจนแตกไม่มีชิ้นดี

            เพล้ง!

            “กรี๊ดด!! แจกันฉ้านนนไอ้ลูกบ้า” คุณหญิงฉัตรฉายเข่าแทบทรุด เมื่อเห็นแจกันโบราณที่อุตส่าห์หอบข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศจีนแตกเป็นเสี่ยงๆอยู่บนพื้น ส่วนตัวการที่ทำลายข้าวของกลับเดินโซเซไปอีกทางอย่างไม่รู้เรื่อง

            “คุณหญิงใจเย็นๆนะครับเดี๋ยวผมจะพาคุณนักบินขึ้นไปบนห้องก่อน” ปลาวาฬยืนปลอบคุณหญิงอยู่ข้างๆ

            “ฝากด้วยนะจ๊ะหนูปลาวาฬฉันล่ะอยากเอาไม้เรียวฟาดก้นมันจริงๆ” เมื่อหันไปมองลูกชายที่กำลังนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นส่งเสียงดังโวยวายก็ถึงกับถลึงตาใส่ แต่พอหันมาเจอเศษซากของแจกันกลับหน้าเปลี่ยนสีแทบจะร้องไห้ออกมา

            “ครับคุณหญิง”

            ปลาวาฬเดินเข้าไปยืนกอดอกมองดูคนที่กำลังเมาไม่ได้สติอย่างพินิจพิจารณา เวลาเมานักบินที่เคยเคร่งขรึม มีมาดผู้ดีทุกกระเดียดนิ้ว กลับกลายเป็นลูกสุนัขตัวเล็กๆ ที่กำลังตกน้ำป๋อมแป๋มดีๆนี่เอง แค่นี้เขารับมือได้สบายมาก ยืนมองอยู่สักพักปลาวาฬก็พยุงร่างนักบินขึ้น

            “คุณนักบินขึ้นไปข้างบนกันครับ” ว่าแล้วก็ยกมือคนเมามาคล้องที่คอเอาไว้

            “ไม่ขึ้นโว้ยกูจ่านอนที่นี่...” คนเมาเอ่ยเสียงยานคางพร้อมกับผลักร่างบางจนเกือบล้มลงพื้น แต่ปลาวาฬไม่ยอมแพ้แน่นอน เจ้าตัวเรียกคนมาช่วยไม่งั้นคงไม่ยอมขึ้นไปโดยดีแน่

            “พี่ครับมาช่วยผมพยุงคุณนักบินหน่อย” ชายวัยกลางคนได้ยินก็เดินเข้ามาหาทันที

            “ออกไป๊! กูจ่านอนที่นี่” ว่าแล้วก็นอนลงบนพื้นอีกครั้ง ปลาวาฬพยักหน้าให้คนขับรถเป็นสัญญาณ ทั้งสองจึงช่วยกันพยุงนักบินขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ได้ผลแม้จะมีฤทธิ์เยอะแค่ไหนแต่ก็สู้แรงของคนทั้งสองไม่ได้

            เมื่อถึงแล้วก็ปล่อยนักบินลงไว้กลางห้อง หลังจากนั้นคนขับรถก็ออกไป ปลาวาฬนั่งยิ้มเจ้าเล่ห์มองใบหน้าคม ที่กำลังนอนตาปรือกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพ

            “ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้แก้แค้นคืนเร็วอย่างนี้ คุณชายนักบินเอ๋ยเตรียมตัวไว้เลย” ปลาวาฬเดินไปหยิบอะไรบางอย่างในตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับเน็กไทด์ของนักบินเป็นจำนวนสามเส้น

            “เมียจ๋าให้ผัวกอดหน่อยน้า” นักบินนอนยิ้มหวานแล้วยกมือขึ้นรอให้อีกฝ่ายเข้ามาสวมกอด

            “เมียพ่อมึงดิ เมาแล้วปากหมาจริงๆ” เจ้าตัวบ่นแล้วลากตัวนักบินเข้าไปในหห้องน้ำ หลังจากนั้นก็จับถอดเสื้อผ้าออกจนหมด แล้วใช้เน็กไทด์มัดแขนมัดขาเอาไว้แน่น

            “เมียจ๋าชอบเล่นแบบนี้หราค้าบบบ” นักบินยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะโดนอีกฝ่ายเล่นงาน ด้วยความเมามายเจ้าตัวเอาแต่ส่งยิ้มให้กับคนที่ยืนจ้องอยู่ตรงหน้า

            “รับรองถูกใจผัวแน่นอนน” ปลาวาฬยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วหยิบเน็กไทด์เส้นสุดท้ายขึ้นมามัดปากนักบินเอาไว้ ไม่ให้ส่งเสียงร้อง

            ซ่า!!!

            นักบินถูกมัดอยู่ในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า ปลาวาฬหยิบฝักบัวมาจ่อที่ใบหน้าแล้วเปิดน้ำใส่ เพื่อให้อีกฝ่ายสร่างเมา ทำตอนไร้สติมันจะไปสนุกอะไรล่ะ

            “อื้ออออออ” เมื่อโดนน้ำเย็นๆเข้าให้นักบินก็เริ่มมีสติขึ้นมาบ้าง แล้วส่งเสียงอู้อี้ผ่านลำคอ ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยเป็นประโยคคัดค้านได้ เห็นอย่างนั้นปลาวาฬยิ่งสะใจ คราวนี้ล่ะเขาจะทำให้นักบินเข็ดหลาบไม่กล้าทำรุนแรงกับเขาอีกต่อไป

            “ร้องให้ดังๆเลยครับ ฮ่าๆๆ” ปลาวาฬหัวเราะชอบใจ

            “อ่อยยยยอู(ปล่อยกู)” เจ้าตัวพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากการถูดมัดแต่ก็ไม่สามารถทำได้

            “ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมไม่กล้าฆ่าคุณหรอก แค่จะสั่งสอนนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง” ว่าแล้วก็เดินไปหยิบกรรไกรมานั่งลงข้างๆแล้วยิ้มเยาะอีกฝ่าย

            “อื้ออออ” ยิ่งเห็นกรรไกรในมือปลาวาฬนักบินยิ่งดิ้นเข้าไปใหญ่ ทำเอาหัวใจนักบินหล่นมาอยู่ที่ตาตุ่มทันที

            “หยุดดิ้นเดี๋ยวนี้เลย ยิ่งถ้าคุณดิ้นไม่แน่น้องชายคุณอาจจะไม่เหลือก็เป็นได้” เมื่อได้ยินเสียงขู่นักบินก็หยุดดิ้นทันที แต่สายตากลับจับจ้องไปที่กรรไกรอย่างไม่วางตา เขาเดาใจไม่ถูกว่าไอ้เด็กดื้อคนนี้จะทำอะไรกันแน่ หวังว่าคงจะไม่ตัดน้องชายของเขาออกหรอกนะ

            “อื้ออออ”

            “ผมจะไม่ทำให้คุณมีบาดแผลแม้แต่นิดเดียว เห็นว่าหญ้ามันเยอะเลยว่าจะช่วยตัดออกให้เท่านั้นเอง” พูดแล้วก็ทำหน้าทะเล้นให้อีกฝ่าย แล้วค่อยๆเล็งปลายกรรไกรไปที่ส่วนกลางของนักบิน หมายจะขู่ให้กลัว

            เห็นอย่างนั้นนักบินก็ได้แต่นอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ จนของสงวนหดเกร็งแทบไม่เหลือเค้ามังกรผงาดแม้แต่นิดเดียว ปลาวาฬเห็นอย่างนั้นก็นั่งหัวเราะเสียงดัง แล้วจัดการตัดขนเพ็ชรที่รกรุงรังออกอย่างช้าๆ บางทีก็เล็งปลายกรรไกรไปที่น้องชายเพื่อให้นักบินตกใจเล่น มันอาจจะดูเป็นโรคจิตไปหน่อยแต่นี่คือทางที่จะเอาคืนนักบินได้เจ็บแสบที่สุดแล้ว

            ขนสีดำที่หยักงอถูกตัดออกแล้ววางไว้บนหน้าท้องของเจ้าของจนเกือบหมด เห็นอย่างนั้นเจ้าตัวน้ำตาแทบไหล ไม่ได้เสียดายแต่รู้สึกเสียววาบที่น้องชายเสียมากกว่า กลัวว่าไอ้เด็กดื้อมันจะบ้าเผลอตัดไปที่น้องชายเท่านั้นเอง

            “เสร็จซะที โถๆๆ ไอ้มังกรผงาดฟ้าตัวนั้นมันหายไปไหนแล้วเนี่ย เหลือแต่ไส้เดือนดินตัวกะจ้อยร่อยเท่านั้นเอง ฮ่าๆๆ” พูดแล้วก็หัวเราะเสียงดังก่อนจะวางกรรไกรลงที่พื้นห้องน้ำ แล้วคลายเน็กไทด์ที่บิดปากนักบินออกให้

            “ไอ้โรคจิต!มึงทำบ้าอะไร” พอปากเป็นอิสระนักบินก็ตะโกนใส่ร่างบางเสียงดังด้วยความโมโหจัด

            “โรคจิตตรงไหนคุณนั่นล่ะโรคจิต ทำคนอื่นเจ็บตัวนอนซมอยู่หลายวันไม่สำนึกผิดอะไรเลย” ปลาวาฬโต้กลับทันควันอย่างไม่ยอมแพ้

            “นั่นมันเป็นเรื่องธรรมชาติโว้ยใครๆเขาก็ทำกัน” นักบินยังตอบโต้อย่างดุเดือด         

            “เหรอให้ผมทำคุณคืนบ้างป่ะละ”

            “ไม่โว้ยฉันจ้างนายมาก็ต้องใช้งานให้คุ้ม” นักบินตอบกลับหน้าตาย

            “ตัดซะดีไหมเนี่ย” ว่าแล้วก็หยิบกรรไกรขึ้นมาขู่

            “ยะ...อย่านะโว้ย อะ...เอาเป็นว่าฉันขอโทษนายละกัน แค่นี้ฉันก็กลัวจะแย่แล้วเนี่ย” นักบินเริ่มใช้แผนประนีประนอม เพราะต้องการเป็นอิสระแล้ว

            “คราวหน้าถ้าคุณยังทำรุนแรงกับผมอีก รับรองว่าคุณจะไม่มีน้องชายไว้ใช้งานแน่” ทำหน้าเหี้ยมขู่ แต่มีหรือที่นักบินจะกลัว เขารู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ไม่มีทางเมามาให้อีกฝ่ายทำอะไรได้แน่

            “ฉันขอโทษอีกครั้ง ต่อไปนี้จะพยายามทำเบาๆละกันนะ ตอนนี้นายช่วยปล่อยฉันก่อนเถอะคันตัวจะแย่แล้วเนี่ย” นักบินพยายามพูดเสียงอ่อนเพื่อให้อีกฝ่ายยอมปล่อยแต่โดยดี

            “ถ้าเกิดผมท้องขึ้นมาแล้วเราจะไม่มีอะไรกันอีกเด็ดขาดเข้าใจไหม” เขาภาวนาให้ตัวเองรีบท้องเร็วๆเรื่องมันจะได้จบเสียที

            “โอเคๆฉันจะทำตาม แต่ตอนนี้นายช่วยปล่อยฉันก่อนเถอะนะ...ขอร้องล่ะ” รอให้เขาเป็นอิสระก่อนเถอะจะจัดการให้เข็ดหลาบเลยทีเดียว

            ปลาวาฬเห็นว่าอีกฝ่ายรับปากแล้วก็จัดการแก้มัดให้ นักบินเป็นอิสระแล้วก็ลุกขึ้นนั่งมองดูบริเวณรอบๆน้องชายก็ถึงกลับกลุ้มใจ เขาอุตส่าห์เก็บมันไว้ตั้งแต่วัยรุ่นไม่เคยตัดเล็มแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้รู้สึกโล่งแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก

            “พูดแล้วก็ทำตามด้วยล่ะ” ปลาวาฬเอ่ยแล้วเดินถือกรรไกรออกจากห้องน้ำ

            “เดี๋ยวเอากรรไกรวางไว้ก่อน” ไอ้เด็กบ้านี่ตัดซะน่าเกลียดเลย เจ้าตัวคิดในใจ

            “อ่ะเอาไปเล็มให้เรียบเนียนซะนะ คริๆ” ยื่นกรรไกรให้แล้วก็เดินร้องเพลงออกจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี

            เมื่ออีกฝ่ายเดินออกไปแล้วนักบินก็จัดการตัดเล็มให้ดูดีขึ้นแล้วล้างเนื้อล้างตัวจนสะอาด ความมึนเมาที่เคยมีก่อนหน้านี้หายเป็นปลิดทิ้งตั้งแต่โดนน้ำเย็นๆสาดเข้าที่ใบหน้าแล้ว และเมื่อเห็นกรรไกรจ่อที่น้องชายของตัวเองก็ยิ่งสร่างเมาขึ้นไปอีกจนแทบจะเป็นบ้า

            “ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ตัวดี” นักบินกดเสียงต่ำบ่งบอกว่ากำลังแค้นอีกฝ่ายเต็มพิกัด เขาจะเอาคืนยังไงดีนะ ให้มันดูสมน้ำสมเนื้อกับสิ่งที่โดนอีกฝ่ายกระทำ

            หลังออกมาจากห้องน้ำแล้วปลาวาฬก็นั่งแชทไลน์กับเพื่อนรัก หัวเราะคิกคักอยู่บนเตียงนอนอย่างอารมณ์ดี ระหว่างนั้นนักบินก็เดินโทงเทงออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมานุ่งเอาไว้ ก่อนจะหันไปมองยังตัวต้นเหตุ ที่ทำให้เขาต้องสูญเสียพื้นที่ป่าสงวนไปซะจนเกลี้ยงเกลาอย่างนี้

            “รู้สึกโล่งดีป่ะคุณ ต้องขอบใจผมนะที่ช่วย คริๆ” พูดแล้วก็ขำออกมาเสียงดัง ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับทำหน้าบูดบึ้งด้วยความหมั่นไส้

            “หัวเราะคิกคักมีความสุขจังเลยนะ” นักบินเอ่ยขณะใส่กางเกงบ็อกเซอร์สีเทา

            “แน่นอนน!” ตอบแล้วเบ้ปากใส่อีกฝ่ายอย่างสะใจ

            นักบินเดินขึ้นมานั่งกอดอกพิงหลังอยู่บนเตียง ก่อนจะปรายตามองว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ ในสมองก็คิดหาทางเอาคืนแต่ก็ยังคิดไม่ออกสักที

            “นายคุยกับใครได้ทุกวี่ทุกวัน” นักบินเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งแชทแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

            “เรื่องของผม” ปลาวาฬตอบสั้นๆแต่สายตายังคงจับจ้องไปยังหน้าจอมือถือ

            “นี่มันเวลางานห้ามคุยเด็ดขาด” นักบินจ้องเขม็งไปยังมือถืออย่างขัดใจ ไม่รู้ทำไมเขาต้องอารมณ์เสียที่เห็นอีกฝ่ายมีความสุขกับคนอื่นด้วยนะ

            “นอนๆไปเถอะคุณพรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมาเผื่อขนจะงอกขึ้นมาเหมือนเดิม” ปลาวาฬหันมาเบะปากใส่อย่างเย้ยหยัน

            “สะใจมากล่ะสิ ขอบอกไว้เลยว่าเรื่องแค่นี้มันไม่ทำให้ฉันรู้สึกแย่อะไรเลย” นักบินหันไปแยกเขี้ยวใส่

            “ไม่เชื่อหรอกผมยังจำสีหน้าของคุณตอนนั้นได้เลย เห็นแล้วก็ยังขำไม่หาย” ปลาวาฬยื่นหน้าทะเล้นเข้าไปใกล้หวังจะเย้ยหยันให้เต็มที่ จนลืมไปว่าตอนนี้นักบินมีสติสัมปชัญญะเต็มที่ แถมยังไม่ได้ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้อีกด้วย

            “ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย!” นักบินทนไม่ไหวโน้มตัวเข้าไปแย่งโทรศัพท์มือถือของปลาวาฬมาถือเอาไว้

            “เอาคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” เจ้าตัวรีบยื้อแย่งคืนมา แต่นักบินกลับชูไว้เหนือศีรษะ ทำให้ปลาวาฬโมโหจัดเพราะพยายามแย่งคืนมาแต่ก็ไม้ได้สักที จนลืมไปว่าตอนนี้เจ้าตัวได้ขึ้นมานั่งบนตักของอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว นักบินจึงใช้จังหวะนี้ล็อกตัวเอาไว้แล้วกอดไม่ยอมปล่อย ส่วนมือถือก็วางไว้ข้างๆตัว

            “ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ” มือทั้งสองแนบชิดกับอกแกร่งของนักบินทำให้ไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ เจ้าตัวได้แต่พ่นคำก่นด่าออกมาไม่หยุดหย่อน จนนักบินต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น

            “ปล่อยให้โง่ดิคืนนี้ก็นอนมันทั้งอย่างนี้ล่ะดื้อดีนัก” นัยน์ตาคมจ้องมองดวงตาหวานอย่างไม่ละสายตา หวังใจจะให้อีกฝ่ายเขินอายจนทำตัวไม่ถูก

            “ปล่อยยย!” เมื่อโดนจ้องปานจะโดนกลืนกินอย่างนั้น ทำเอาปลาวาฬถึงกับหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาทันที และพยายามหลบสายตาคมคู่นั้นอยู่ตลอด

            “ไม่” นักบินตอบอย่างไม่ยี่หระแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เงยหน้าขึ้นมาจ้องตาฉันเดี๋ยวนี้” เสียงเข้มออกคำสั่ง

            “ไม่มีทาง” ปลาวาฬเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นเดียวกัน

            “ปากเก่งอย่างนี้แสดงว่าก้นคงหายเจ็บแล้วสินะ คนอย่างฉันไม่มีทางรักษาสัญญากับคนอย่างนายแน่” นักบินรู้ว่าถ้าเอ่ยประโยคนี้ออกมา จะทำให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมาด่าแน่นอน

            “ไอ้คนไม่รักษาคำพูดรู้อย่างนี้น่าจะตัดจู๋ให้ขาดไปเลย” พูดจบแล้วก็กัดริมฝีปากล่างเอาไว้ พร้อมกับขมวดคิ้วจนเป็นปมด้วยความโมโห

            “คนอย่างนายทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” พูดแล้วก็ระดมหอมแก้มร่างบางสลับซ้ายขวาไม่ยั้ง

            “หยุดเดี๋ยวนี้เลยไอ้บ้า” ปลาวาฬพยายามก้มหน้าหนีแต่ใบหน้าคมกลับยังคงพยายามซุกไซร้ไม่หยุดหย่อน

            “ไม่หยุด! คนปากเก่งอย่างนายมันต้องโดนอย่างนี้” เสียงกระเส่าเอ่ยย้ำข้างใบหู แล้วซุกไซร้ที่ซอกคอขาวอย่างเพลินเพลิน ได้แกล้งคนที่อยู่ในอ้อมกอดทำให้ลืมเรื่องที่โดนตัดดงหญ้าจนโล่งเตียนไปชั่วขณะ

            “อยากทำก็ทำเลยผมเป็นแค่ลูกจ้างอยู่แล้วนี่” ร่างเล็กเอ่ยออกมาด้วยความน้อยใจ ก่อนจะเลิกขัดขืนใดๆทั้งนั้น เจ้าตัวนั่งอยู่นิ่งๆภายในอ้อมอกแกร่งแล้วหลับตาลงด้วยความเหนื่อยกาย

            “ทำเป็นน้อยอกน้อยใจฉันไม่มีทางหลงกลคนอย่างนายหรอก” นักบินยังไม่คลายอ้อมกอด เขาจะกอดไอ้เด็กดื้อไว้อย่างนี้ไม่ให้ขยับตัวไปไหนได้ เป็นการลงโทษที่บังอาจมาทำกับเขาถึงเพียงนี้

            แม้อีกฝ่ายจะนั่งนิ่งไม่ได้ขัดขืนใดๆแล้ว แต่กลิ่นกายที่หอมละมุนกลับยังคงทำให้นักบิน ต้องซุกไซร้ใบหน้าลงไปสูดกลิ่นหอมอยู่เนืองๆอย่างถือวิสาสะ ราวกับได้เสพย์ติดกลิ่นกายหอมนี้ไปเสียแล้ว

            “อย่าบอกนะว่าหลับไปแล้ว”

            นักบินเอ่ยกับตัวเองเบาๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งนิ่งเป็นเวลานาน ก่อนจะคลายอ้อมกอดแล้วมองหน้าก็เป็นอย่างที่คิด จึงอุ้มร่างเล็กไปนอนอีกฝั่งแล้วห่มผ้าให้ นักบินจ้องมองใบหน้ารูปไข่อย่างหลงใหล เวลาที่หลับไม่รู้เรื่องช่างดูเป็นเด็กที่ไร้พิษสงซะเหลือเกิน ก่อนจะเผลอจุมพิตที่หน้าผากนุ่มอย่างลืมตัว เมื่อได้สติก็ปิดไฟแล้วเอนกายลงข้างๆ ทว่ากลับไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ จึงคว้าตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดจากด้านหลังเอาไว้ และหมอนข้างที่ชื่อปลาวาฬนั้น กลับทำให้นักบินสามารถหลับไหลในราตรีนั้นได้อย่างง่ายดาย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 8 เกิดเหตุที่หมออ้อย l Up:22-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 22-05-2018 16:37:35
เค้าน่ารักๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 8 เกิดเหตุที่หมออ้อย l Up:22-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-05-2018 16:38:40
วิธีแก้เมาแบบนี้ เด็ดจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 8 เกิดเหตุที่หมออ้อย l Up:22-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-05-2018 18:38:30
สมน้ำหน้าอีนักบิน 5555
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 8 เกิดเหตุที่หมออ้อย l Up:22-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 22-05-2018 19:26:48
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 8 เกิดเหตุที่หมออ้อย l Up:22-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-05-2018 23:41:13
เอาคืนเล็กๆน้อยๆ พอสะใจ o18
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 8 เกิดเหตุที่หมออ้อย l Up:22-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-05-2018 23:42:12
แก้แค้นได้เจ็บแสบมากหนูปลาวาฬ555
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 8 เกิดเหตุที่หมออ้อย l Up:22-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-05-2018 00:20:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 8 เกิดเหตุที่หมออ้อย l Up:22-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 23-05-2018 00:46:45
ปลาวาฬหนูเปลี่ยนอาชีพเป็นช่างตัดผมเถอะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 8 เกิดเหตุที่หมออ้อย l Up:22-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 23-05-2018 03:59:31
สมน่ำหน้านักบิน ปลาวาฬคิดวิธีนี้ได้ไงอ่ะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 8 เกิดเหตุที่หมออ้อย l Up:22-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-05-2018 05:06:19
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 8 เกิดเหตุที่หมออ้อย l Up:22-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-05-2018 15:24:46
แก้เผ็ดวิธีนี้นี่.......สุดยอดเลย
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 9 แฟนกำมะลอ l Up:24-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 24-05-2018 23:15:10
-๙-

แฟนกำมะลอ



          การทำงานครั้งแรกในชีวิตของเจฟฟี่ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ หลังจากไปส่งคนรักที่ร้านเบเกอร์รี่ของพี่สาวแล้ว ก็ขับรถหรูตรงดิ่งมายังโรงแรมโกลเด้นพาเลช เดินมาดเท่ห์ตรงเข้าไปหาบิดาที่ยืนรออยู่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ บรรดาพนักงานสาวเห็นก็ต่างกรี๊ดกร๊าดกันเป็นแถว

            “สวัสดีครับแด๊ด”

            “ทำงานวันแรกแกก็มาสายซะแล้ว” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยตำหนิลูกชาย

            “โด่วว...แด๊ดวันแรกก็หยวนๆให้หน่อยดิครับนี่ลูกชายนะ” เจฟฟี่เอ่ยราวกับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่นั้นเอง

            “อยู่ที่นี่ห้ามเรียกฉันว่าแด๊ดให้เรียกท่านประธานเหมือนคนอื่นๆ” โจเซฟอยากให้ลูกชายเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นโดยไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น

            “โหดเกิ๊น...แต่ก็โอเคผมพอเข้าใจได้” เจฟฟี่เอ่ยเหมือนเข้าใจ แต่สีหน้าที่แสดงออกมากลับค่อนข้างไม่พอใจบิดาของตัวเอง

            “ต่อไปนี้ฉันจะยึดบัตรเครดิตคืนทุกใบแกจะได้รู้คุณค่าของเงินเสียบ้าง” โจเซฟยื่นคำขาดให้กับลูกชาย เพราะต้องการสอนให้เห็นคุณค่าของเงิน กว่าจะหามาได้แต่ละบาทมันต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงกายมามากขนาดไหน

            “โนววว!!! ไม่เอานะแด๊ดเอ่อ...ท่านประธานผมไม่ยอมเด็ดขาดแล้วอย่างนี้ผมจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงเมียล่ะครับ” เจ้าตัวเริ่มโวยวายเสียงดังไม่แคร์สายตาผู้คนที่มองมาแม้แต่น้อย

            “ก็เงินเดือนที่ได้จากการทำงานนี่ไง ถ้าใช้ประหยัดหน่อยมันก็คงจะเหลือพอให้เก็บอีกด้วย”

            “เงินเดือนแค่นี้มันจะไปพออะไรครับ ไม่เอาแบบนี้มันไม่แฟร์เลย” เจฟฟี่ทำหน้าเซ็งๆให้กับความคิดของบิดา

            “แกไม่มีทางเลือกแล้วเพราะฉะนั้นให้ตั้งใจทำงาน เผื่อฉันใจดีอาจจะเพิ่มเงินเดือนขึ้นให้แกอีกสักนิดก็เป็นได้”

            “ท่านประธานอ่ะ...อย่าทำอย่างนี้เลยนะครับ” เมื่อหมดหนทางแล้วเจฟฟี่ก็เริ่มใช้ลูกอ้อนทันที

            “อย่ามางอแงอย่างกับเด็ก ทำตัวอย่างนี้จะเลี้ยงเมียรอดไหมเนี่ย ฉันล่ะสงสารที่หนูเงินได้แกเป็นแฟนจริงๆ” โจเซฟยืนกอดอกส่ายหน้าอย่างเอือมระอาให้กับลูกชาย ที่พูดอย่างนั้นออกไปเพราะต้องการให้ลูกชายมีแรงฮึดสู้ขึ้นมา ให้รู้ว่าเป้าหมายที่เข้ามาทำงานตรงนี้คืออะไรกันแน่

            “รอดแน่นอนคอยดูละกัน” เมื่อได้ยินอย่างนั้นความง้องแง้งของเจฟฟี่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง มีเพียงความมุ่งมั่นที่แสดงออกทางสีหน้า ทำเอาโจเซฟถึงกับพอใจในผลงานของตัวเอง

            “ฉันจะคอยดู” ว่าแล้วก็แนะนำให้ลูกชายได้รู้จักกับหัวหน้างาน “นี่คุณผกาเป็นผู้จัดการแผนกต้อนรับส่วนหน้า เป็นหัวหน้างานที่แกจะต้องเชื่อฟังและจะช่วยสอนงานให้แกด้วย”

            “สวัสดีครับคุณผกา” เจฟฟี่ยกมือไหว้

            “สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับเข้าสู่การเป็นพนักงานโรงแรมโกลเด้นพาเลชอย่างเป็นทางการนะคะคุณเจฟฟี่”สาวใหญ่วัยสี่สิบสามส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

            “แกจะไม่มีอภิสิทธิ์เหนือกว่าพนักงานคนอื่นๆทำตัวให้ดีด้วยอย่าให้เสื่อมเสียมาถึงฉัน”

            “รู้แล้วน่า”

            “ฝากด้วยนะครับคุณผกามีอะไรก็สั่งสอนได้เต็มที่เลย” โจเซฟเอ่ยกับผู้จัดการสาวแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน 

            “คุณเจฟฟี่ตามพี่มาทางนี้ค่ะ”

            “ครับ”

            เจฟฟี่เดินตามหลังไปอย่างเงียบๆจนถึงหน้าห้องหนึ่ง ผกาเปิดประตูแล้วเดินนำหน้าเข้าไป ก่อนจะเดินไปหยิบชุดพนักงานในชั้นมายื่นให้

            “ไปเปลี่ยนชุดในห้องเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ แล้วออกมาหาพี่ตรงนี้” ผกาชี้ไปยังโต๊ะที่อยู่มุมห้อง

            “ครับ”

            เจฟฟี่รับชุดมาแล้วก็เดินเข้าไปเปลี่ยนในห้องเปลี่ยนชุด เสร็จแล้วก็ยืนส่องกระจกดูสภาพตัวเองก็ถึงกับขำออกมา นี่เขาต้องมาใส่ชุดบ้าอะไรเนี่ย เสื้อแขนกระบอกคอจีนสีแดงมีลายเส้นสีดำตัดที่แขนเสื้อทั้งสองข้าง เข้าคู่กับกางเกงสแลคสีดำ แถมยังมีหมวกสีแดงคล้ายกับกะลาสีเรือให้ใส่อีกด้วย ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยใส่ชุดแบบนี้มาก่อน หลังจากนั้นก็เดินออกมาหาผู้จัดการ

            “นี่ผมต้องใส่ชุดนี้ทำงานทั้งวันเลยเหรอครับ” เดินออกมาด้วยท่าทีเก้ๆกังๆด้วยความไม่คุ้นเคย

            “ใช่ค่ะ...ก็เข้าท่าดีนะพี่ว่าดูเหมาะกับคุณเจฟฟี่ออก” ผกาเอ่ยชมแต่กลับอมยิ้มกับท่าทางของลูกน้องคนใหม่ ช่างดูเงอะงะเสียนี่กระไร

            “จริงดิครับผมว่ามันแปลกๆมากกว่า” เจ้าตัวทำสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

            “ไม่หรอกค่ะเดี๋ยวก็ชิน มานั่งตรงนี้ก่อนเดี๋ยวพี่จะอธิบายขั้นตอนการทำงานและการปฏิบัติตัวต่อแขกให้ทราบคร่าวๆ แล้วช่วงบ่ายค่อยลงไปทำงานจริงๆ”

            “ครับพี่”

            เจฟฟี่นั่งลงแล้วตั้งใจฟังสิ่งที่ผกาอธิบาย มีหลายเรื่องที่เจ้าตัวได้ฟังแล้วก็รู้สึกกังวลใจ เพราะงานบริการต้องเอาใจลูกค้าให้มากที่สุด เขาเคยแต่จิกหัวใช้คนอื่นมาตลอด แต่วันนี้กลับต้องมาเป็นฝ่ายมาคอยตามเอาใจคนอื่นซะงั้น คิดแล้วก็ได้แต่ปลงและยอมทำใจรับมันให้ได้

*-*-*-*-*-*-*

            ร้านเบเกอร์รี่

            วันนี้เป็นวันที่สองของการทำงานแล้ว เงินเริ่มรู้จักอะไรมากขึ้นและเรียนรู้งานได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังโชคดีที่ได้มีเพื่อนใหม่รุ่นราวคราวเดียวกันอย่างมอสทำให้ไม่รู้สึกเหงา จริงๆแล้วเจสสิก้าอยากให้เงินเข้าไปช่วยงานในเคาน์เตอร์เสียมากกว่า แต่เจ้าตัวกลับเป็นคนขอมาเป็นพนักงานเสิร์ฟเองเพราะคิดว่าน่าจะสามารถทำออกมาได้ดีกว่าตำแหน่งอื่นๆ

            “โต๊ะห้าจ๊ะเงิน” ‘เปิ้ล’ พนักงานรุ่นพี่เอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทำให้บรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วยความอบอุ่น

             “ครับพี่เปิ้ล”

              เงินรับคำสั่งรุ่นพี่ที่หน้าเคาน์เตอร์พร้อมส่งยิ้มให้ ก่อนจะยกถาดเค้กนำไปเสิร์ฟให้ลูกค้าคู่รักชายหญิง ที่กำลังนั่งจ้องตากันอย่างหวานซึ้งรออยู่ที่โต๊ะ เห็นอย่างนั้นก็ทำให้เงินคิดถึงใครบางคนขึ้นมาทันที ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง

            “ขออนุญาตเสิร์ฟนะครับ” เงินค่อยๆวางเค้กทั้งสองจานให้ลูกค้าอย่างคล่องแคล่ว “ไม่ทราบว่าจะรับอะไรเพิ่มเติมไหมครับ” 

            “ไม่เป็นไรค่ะ” ลูกค้าสาวตอบกลับมา

            “ถ้าอย่างนั้นทานให้อร่อยนะครับ” เงินยิ้มให้แล้วเดินถือถาดกลับมาที่หน้าเคาน์เตอร์ ก็พบกับมอสยืนยิ้มให้รออยู่ก่อนแล้ว

            ด้วยความที่ทั้งสองคนเป็นเด็กใหม่ด้วยกันทำให้สนิทสนมกันได้ไม่ยาก

            “เงินช่วงเที่ยงไปกินเตี๋ยวกับเราเปล่า ร้านนี้อร่อยชัวร์เรารับรอง” เพื่อนร่วมงานสุดหล่อเอ่ยปากชวน มีหรือที่เงินจะปฏิเสธได้ แต่ทั้งนี้เจ้าตัวจะต้องไปขออนุญาตเจ้าของร้านก่อน กลัวว่าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจะได้ไม่โดนว่าทีหลัง

            “อื้ม...ไปก็ได้แต่เราต้องไปขออนุญาตพี่เจสก่อนนะ” เงินตอบกลับพร้อมรอยยิ้มหวาน

            “โอเค” มอสยักคิ้วให้ดูท่าทางจะดีใจไม่น้อย

            “นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วถ้างั้นเราขอตัวไปหาพี่เจสก่อนละกันนะ”

            เงินยิ้มให้เพื่อนร่วมงานหลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของเจสสิก้า เห็นเจ้าของร้านสาวสวย นั่งเขียนเอกสารบางอย่างอยู่จึงเคาะประตูห้องที่เป็นกระจกใสแล้วเปิดเข้าไปด้านใน

            “ว่าไงจ๊ะเงิน” เจสสิก้าเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้

            “คือช่วงเที่ยงผมขออนุญาตไปทานก๋วยเตี๋ยวกับมอสได้ไหมครับพี่เจส”

            “เอาสิมันเป็นช่วงพักของเราไม่ต้องมาขออนุญาตพี่ก็ได้”

            “ขอบคุณครับพี่เจสถ้างั้นผมขอตัวนะครับ” ว่าแล้วก็เดินออกไปจากห้อง

            เจสสิก้ามองตามหลังเด็กหนุ่มด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หล่อนภาวนาขออย่าให้น้องชายตัวดีทำตัวเหลวไหลจนเสียคนดีๆอย่างเงินไป เพราะไม่งั้นหล่อนเองก็คงเสียดายอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

            เมื่อถึงช่วงเที่ยงแล้วมอสก็ขับรถมอเตอร์ไซต์คู่ใจ พาเพื่อนร่วมงานตรงไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวที่เจ้าตัวการันตีว่าอร่อยสุดๆ ไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงที่หมาย ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้ตั้งอยู่ข้างถนนสายหลัก พื้นที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ก็มีลูกค้ามานั่งจนเกือบเต็มร้าน เจ้าถิ่นเดินนำหน้าเข้าไปในร้านอย่างคุ้นเคย เมื่อได้ที่นั่งแล้วก็มีพนักงานหนุ่มมารับออร์เดอร์

            “รับอะไรดีครับ” พนักงานหนุ่มหน้าหวานเดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับกระดาษจดบันทึก มอสเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะเอ่ยขึ้นมา

            “กูเอาก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเลพิเศษ แล้วเงินล่ะเอาอะไรดีครับ” มอสสั่งออร์เดอร์แล้วหันไปเอ่ยกับเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ตรงข้าม

            เงินมองหน้ากลับเพราะยังไม่รู้ว่าที่นี่มีเมนูอะไรเด็ดๆบ้าง

            “มีเมนูแนะนำไหมอ่ะ”

            “ถ้างั้นเอาเหมือนเราไหมล่ะ...อร่อยสุดแล้ว” มอสปรายตาไปมองพนักงานคนนั้นอยู่บ่อยครั้ง เหมือนพยายามให้อีกฝ่ายหันมามองบ้าง

            “ถ้างั้นเอาเหมือนกันครับ” เงินหันไปยิ้มให้กับพนักงาน แต่ในใจกลับมีคำถามากมายเกิดขึ้น เพราะมอสเอาแต่มองพนักงานคนนั้น แถมยังใช้คำแทนตัวว่ากูอีกต่างหากมันดูแปลกๆยังไงพิกล

            “มอสเราขอถามอะไรหน่อยดิ” แม้เงินจะนั่งอยู่ตรงหน้าแต่สายตาของมอส กลับสนใจมองตามหลังพนักงานคนนั้นไปมากกว่า

            “อื้อ..มีอะไรเหรอเงิน” เมื่อได้ยินคำถามมอสหันมาส่งยิ้มให้

            “มอสรู้จักกับพนักงานคนนั้นเหรอ”

            “เพื่อนเราเองล่ะ” เหมือนอีกฝ่ายมีอะไรที่ยังค้างคาอยู่ในใจ แต่เงินเองก็ไม่อยากจะถามเซ้าซี้จนเกินไป ได้แต่พยักหน้ารับ

            “อ๋อ...มิน่าล่ะมอสถึงได้มองตามตลอดเลย แต่ก็งงว่าทำไมเค้าทำเป็นเหมือนไม่รู้จักมอสเลยอ่ะ” มอสยิ้มให้กำลังจะตอบกลับมา แต่ระหว่างนั้นเจฟฟี่ก็วิดีโอคอลมาหาเงินพอดี

            “เราขอรับสายแฟนแป๊บนะ” มอสพยักหน้าให้ ส่วนเงินก็กดรับวิดีโอคอลจากปลายสาย

            “เงินอยู่ที่ไหนเนี่ย” เจฟฟี่มองไปข้างหลังก็รู้สึกไม่คุ้นตา เดาว่าคงไม่ใช่ที่ร้านเบเกอร์รี่ของพี่สาวแน่นอน

            “ผมมากินก๋วยเตี๋ยวข้างนอกครับ” เงินยิ้มให้อีกฝ่าย

            “มากับใคร” เมื่อรู้อย่างนั้นเจฟฟี่ก็พูดด้วยน้ำเสียงห้วนทันที

            “มากับมอสอ่ะ” เงินตอบไปตามความจริง

            “ทำไมต้องมากับมันด้วย ก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบขี้หน้ามัน กลับเดี๋ยวนี้เลย” ปลายสายเริ่มออกคำสั่งเสียงดัง มอสได้ยินก็เดินมานั่งข้างๆเงินก่อนจะโผล่หน้าเข้าไปในจอ ใบหน้าทั้งสองเกือบจะสัมผัสกัน นั่นยิ่งทำให้เจฟฟี่เดือดขึ้นไปอีก

            “เดี๋ยวกลับอีกไม่นานหรอกน่า ว่าแต่พี่ทานอะไรยัง”

            “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง บอกให้ไอ้เหี้ยนั่นออกไปให้พ้นหน้าพี่เดี๋ยวนี้” แม้จะได้ยินอย่างนั้นมอสก็ยังทำหน้าทะเล้นอยู่ในจอ

            “สวัสดีครับพี่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวผมจะพาเงินกลับร้านอย่างทะนุถนอมแน่นอนครับ” เงินส่งเสียงผ่านหน้าจอไป

            “มึงหุบปากเดี๋ยวนี้แล้วออกไปให้ห่างๆจากเมียกูด้วย” เจฟฟี่ชี้หน้าผ่านจอ ดูก็รู้ว่าโมโหมากขนาดไหน

            “มอสกลับไปนั่งที่ก่อนเถอะ” เงินหันไปเอ่ยกับเพื่อนร่วมงาน เจ้าตัวรู้ว่ามอสแค่อยากแกล้งเจฟฟี่เท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้ามาแต๊ะอั๋งเหมือนที่เจฟฟี่กังวลใจ

            ก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิมมอสยังไม่วายที่จะโบกมือให้ ระหว่างนั้นก๋วยเตี๋ยวที่สั่งมาเสิร์ฟที่โต๊ะพอดี ทำให้มอสหันไปสนใจก๋วยเตี๋ยวชามโตแทน หลังจากทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้วเงินก็เอ่ยถามคนรักขึ้นอีกครั้ง

            “สรุปพี่ทานข้าวยัง” เงินเริ่มทำน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา

            “ทานแล้วแต่ทานได้นิดเดียวเอง มันไม่อร่อยเหมือนที่เงินทำเลยอ่ะ แถมตอนนี้ยังคิดถึงมากๆด้วย” อีกฝ่ายทำหน้าหงอย เหมือนกำลังรู้สึกเบื่อหน่ายกับสิ่งที่เผชิญอยู่ในตอนนี้

            “อย่าทำตัวงอแงเหมือนเด็กสิ อย่างนี้จะรอดไหมเนี่ย แล้วทำงานเป็นยังไงบ้าง” เงินยิ้มเพื่อเป็นกำลังใจให้อีกฝ่าย

            “ช่วงเช้าเป็นการเทรนในห้อง ช่วงบ่ายถึงจะได้ออกไปทำงานจริงๆ พี่จะพยายามอดทนเพื่อเรานะ”

            “สู้ๆนะครับ ผมเป็นกำลังใจให้เสมอ” แม้ยังไม่ชินที่จะพูดคำหวาน แต่เงินก็อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง เขารู้ว่ามันหนักสำหรับเจฟฟี่เพราะเคยใช้ชีวิตหรูหรามาตลอด พอมาเจออย่างนี้มันคงจะหนักน่าดู

            “ขอบใจนะที่รัก เย็นนี้ตัวเองนวดให้เค้าหน่อยนะ” แม้จะคุยกันผ่านหน้าจอแต่สายตาหื่นยังคงแผ่รังสีเข้ามาจนเงินสัมผัสได้

            “ก็ได้...แต่ต้องตั้งใจทำงานนะห้ามอู้เด็ดขาด” เงินตอบรับแต่ก็ต้องมีข้อแม้เสมอ

            “คร้าบบบ” เมื่อได้ฟังคำตอบที่พอใจก็ยิ้มหน้าบานทันที

            “เดี๋ยวผมขอตัวกินก๋วยเตี๋ยวก่อนนะเย็นหมดแล้วเนี่ย”

            “คร้าบบที่รัก ห้ามให้ไอ้นั่นมาแตะเนื้อต้องตัวเด็ดขาดนะ”

            “อื้ม..แค่นี้ล่ะบาย” ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับมาเงินก็กดวางสาย แล้วหันมาสนใจชามก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ตรงหน้าทันที

            “หวานกันจริงๆเลยนะ” มอสเอ่ยแซวขณะใช้ตะเกียบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวไปด้วย

            “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก บางทีก็มีงอนกันบ้างหวานมากไปมันก็จะเลี่ยนๆ” เงินตักเครื่องปรุงใส่ชามไปด้วย

            “เราหมั่นไส้แฟนเงินโคตรๆ คนอะไรจะหวงหึงหนักขนาดนี้ ที่เราทำไปต้องขอโทษด้วยนะ เราอดไม่ไหวจริงๆ” มอสเอ่ยแต่สายตากลับลอยไปที่อื่นอีกแล้ว จนเงินรู้สึกผิดสังเกต เวลาเพื่อนของมอสคนนั้นเดินไปไหนมาไหน มอสก็จะปรายตาตามตลอดเวลา

            “พูดกับเราก็หันมามองเราหน่อย ใจลอยไปไหนแล้วนั่น” เงินเอ่ยแซว

            “เอ่อ..โทษที” เจ้าตัวทำหน้าเหรอหราแล้วหันกลับมาสนใจชามก๋วยเตี๋ยวต่อ

            “เราว่ามอสแปลกๆตั้งแต่เข้ามาในร้านแล้ว สรุปผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนั้นเป็นเพื่อนมอสจริงๆหรือเปล่า” เงินถามออกไปตรงๆ

            “เพื่อนเราจริงๆแต่เลิกคบไปตั้งนานแล้ว” เจ้าตัวตอบแล้วทำหน้าหงอยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้

            “อ้าวทำไมล่ะ” เงินทำหน้าสงสัย

            “มันชื่อไอ้บอลเป็นเพื่อนเราตั้งแต่ประถม เราเป็นเพื่อนสนิทที่แตกต่างกันมาก เราชอบเที่ยวกลางคืนชอบแข่งรถ แต่มันเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน เราจำได้ดีตอนมอห้าเทอมสุดท้ายเราแอบชอบเพื่อนผู้หญิงในห้องคนนึง เลยไปปรึกษามันว่าจะขอคบดีหรือเปล่า แต่มันก็ทำท่าอึกอักแล้วมาบอกว่าชอบเราซะงั้น ด้วยความตกใจและโมโหเราเลยต่อยมันจนน่วมเป็นเรื่องดังไปทั้งโรงเรียน ทุกคนรู้เรื่องนี้กันหมด” เล่ามาถึงตอนนี้มอสก็ทำหน้าเศร้าเข้าไปใหญ่

               “แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น” เรื่องที่มอสเล่าทำให้เงินรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ

               “ไอ้บอลมันอายมากเลยย้ายโรงเรียนหนีไป และหายไปจากชีวิตเราตั้งแต่นั้นมา แต่เมื่อเดือนก่อนเรามาเจอมันอีกครั้งที่ร้านก๋วยเตี๋ยวนี้ มันมารับจ้างเป็นเด็กเสิร์ฟ เราเลยตัดสินใจมาสมัครงานที่ร้านเพื่อจะได้มาอยู่ใกล้ๆมัน ยิ่งห่างกันยิ่งทำให้เรารู้ใจตัวเอง จนตอนนี้เราว่ารักมันเข้าให้แล้ว แต่ไม่รู้ว่ามันจะคิดกับเราเหมือนเดิมรึเปล่าน่ะสิ มาหาทีไรมันก็ทำตัวห่างเหินตลอด” มอสผู้เคยเป็นหนุ่มแบดบอยกลับกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆเมื่อเล่าเรื่องนี้ให้เงินฟัง

            “เอาจริงๆนะเราสงสารเพื่อนมอสมากกว่าอ่ะ โดนอย่างนั้นเข้าคงจะเสียศูนย์ไปเลย แต่ไม่ต้องคิดมากนะเราเองก็เข้าใจมอสเหมือนกัน ตอนนั้นอาจจะยังสับสนอยู่ ถ้ามีอะไรให้เราช่วยก็บอกได้นะ” เงินยิ้มให้กำลังใจ

            “เงินช่วยแกล้งเป็นแฟนเราหน่อยนะ เราอยากรู้ว่ามันจะยังรักเราอยู่เหมือนเดิมไหม” นี่คือจุดประสงค์ที่มอสพาเงินมาที่นี่ 

            “จะดีเหรอเรากลัวว่ามันจะแย่กว่าเดิมน่ะสิ”

            “ไม่หรอกเรารู้นิสัยมันดี มันเป็นคนเก็บอาการไม่ค่อยอยู่ รู้สึกยังไงก็แสดงออกมาอย่างนั้น ถ้าเราพาเงินมาที่นี่บ่อยๆ หากมันยังรักเรามันต้องออกอาการเข้าสักวันแน่นอน” มอสเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ

            “เอ่อ...ก็ได้แต่แค่ที่นี่ใช่ไหม” เงินถามเพื่อความมั่นใจเพราะไม่อยากให้เจฟฟี่เห็นและเข้าใจอะไรผิดไปอีก

            “ใช่แค่ที่นี่”

            “โอเค...เราจะช่วยมอสจนกว่าจะรู้ความจริงละกัน ถ้ามอสรู้ความจริงแล้วจะเอายังไงต่อล่ะ”

            “ถ้ามันยังรักเราก็จะขอมันเป็นแฟน แต่ถ้า...มันไม่เหมือนเดิมแล้วเราก็จะออกจากชีวิตมันไป” ดูท่าทางมอสคงจะรู้สึกผิดกับเรื่องราวในอดีตไม่น้อย เพราะเงินรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่แสดงออกทางสีหน้า

            “ถ้าคนเราเป็นเนื้อคู่กันแล้ว ยังไงก็ต้องได้อยู่ด้วยกันแน่นอน” เงินเอื้อมมือเรียวไปกุมมือของเพื่อนไว้เพื่อให้กำลังใจ

            “ขอบใจนะที่ให้กำลังใจเรา” มอสยิ้มให้

            “ไม่เป็นไรเรายินดี”

             “ถ้างั้นเรากลับกันเถอะนี่ก็ใกล้บ่ายโมงแล้ว” มอสเอ่ย

            เมื่อทั้งสองลุกขึ้นจากโต๊ะแล้ว มอสก็เอื้อมมือไปโอบที่เอวคอดไว้แล้วเดินออกไปจากร้าน หวังให้บอลได้เห็น และตั้งใจจะพาเงินมาที่นี่บ่อยๆจนกว่าจะได้รู้ว่าอีกฝ่ายยังคงมีความรู้สึกดีๆให้อยู่หรือเปล่า





---------------------------------

สปอยๆตอนหน้าน้องปลาวาฬจะท้องแล้วน้า
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 9 แฟนกำมะลอ l Up:24-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 25-05-2018 01:15:20
ตอนหน้าจะท้องแล้วหรอ แหม่ น่ำยาดีหรือขยันเข้าสู้เนี่ย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 9 แฟนกำมะลอ l Up:24-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-05-2018 01:19:12
อยากอ่านคู่ปลาวาฬแล้ววว :ling1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 9 แฟนกำมะลอ l Up:24-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-05-2018 02:00:28
หนูเงิน ระวังพี่เจฟรู้นะ มอสตายลูกเดียว  :3125:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 9 แฟนกำมะลอ l Up:24-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-05-2018 05:28:57
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 9 แฟนกำมะลอ l Up:24-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 25-05-2018 09:49:17
น้ำยาดีแท้นะนักบิน
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 9 แฟนกำมะลอ l Up:24-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 25-05-2018 10:57:31
อยากอ่านปลาวาฬเเล้ว
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 9 แฟนกำมะลอ l Up:24-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 25-05-2018 17:24:42
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 9 แฟนกำมะลอ l Up:24-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 25-05-2018 20:24:22
ท้องแล้วววๆ
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 10 ท้อง l Up:25-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 25-05-2018 23:40:25
-๑o-

ท้อง



          วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ก็ครบหนึ่งเดือนแล้วที่ปลาวาฬได้เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านมหาธำรงกุล วันๆเจ้าตัวเอาแต่นั่งลุ้นภาวนาให้ตัวเองมีเจ้าตัวน้อยเร็วๆ เพราะหากยังไม่มีวี่แววก็จะต้องเสียท่าให้กับนักบินอีกแน่นอน แค่นึกเห็นภาพไอ้เจ้าโลกขนาดมหึมาก็ทำเอาปลาวาฬขนลุกซู่ขึ้นมาทันที

           ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังเดินทางไปที่โรงพยาบาลตามคำสั่งของคุณหญิงฉัตรฉาย นั่นเพราะหลายวันก่อนปลาวาฬได้ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจเองที่บ้านแต่ผลที่ออกมากลับเป็นลบ คุณหญิงจึงอยากให้มาตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อยืนยันผล อีกอย่างปลาวาฬเองก็เป็นผู้ชายอาจจะทำให้ผลการตรวจต่างจากผู้หญิงก็เป็นได้

           ระหว่างทางร่างเล็กเอาแต่นั่งเงียบเพราะรู้สึกตื่นเต้น ถอนหายใจเข้าออกนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้คนที่กำลังขับรถอยู่ปรายตามองมาตลอดทางด้วยความรำคาญใจ

            “นายเป็นอะไร...ทำตัวน่ารำคาญฉิบหาย” หากนักบินไม่เอ่ยอย่างนี้ออกไป มีหวังต้องทนรำคาญไปอย่างนี้ตลอดทางแน่นอน

            “ก็คนมันตื่นเต้นนี่นาคุณคงไม่เข้าใจหรอก”

            “ฉันเองก็ตื่นเต้นไปไม่น้อยกว่านาย แต่ไม่เห็นต้องถอนหายใจจนน่ารำคาญอย่างนี้เลย”

            “เรื่องของผมไม่ต้องมายุ่ง” ปลาวาฬหันไปชักสีหน้าใส่ แล้วสะบัดหน้ากลับคืนมา

            เอี๊ยด!!!

            นักบินเบรครถกะทันหันจนทำให้ศีรษะของอีกฝ่ายกระแทกเข้ากับหน้ารถอย่างจัง

            “โอ๊ย!!! คุณทำบ้าอะไรเนี่ยจะเบรคก็ไม่บอกกัน” มือเรียวยกขึ้นมาลูบที่ศีรษะป้อยๆ

            “เรื่องของฉัน นายจะได้หายตื่นเต้นไงล่ะไม่ดีเหรอ” ว่าแล้วก็หันไปมองถนนแล้วขับต่อไปอย่างไม่สนใจ

            “ทำเป็นเล่นเดี๋ยวได้ตายก่อนถึงโรง’บาลกันพอดี” ปลาวาฬนั่งหน้าบึ้งพร้อมกับบ่นออกมาเบาๆ

            เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้วนักบินก็เดินนำหน้าตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เพื่อขอเข้าพบคุณหมอสูตินารีที่ได้โทรนัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ‘หมอเดี่ยว’ เป็นเพื่อนกับนักบินตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เรียนจบแพทย์จากต่างประเทศและเข้ามาประจำอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ได้หลายปีแล้ว

             “ผมมาพบคุณหมอเทพพงษ์ครับ” นักบินเอ่ยกับประชาสัมพันธ์สาวสวยประจำโรงพยาบาล

             “ไม่ทราบว่าได้นัดไว้ไหมคะ”

             “นัดไว้ครับ”

             “ถ้างั้นรอสักครู่นะคะ” เจ้าหล่อนรีบโทรแจ้งคุณหมอ คุยได้สักพักก็วางสายแล้วหันมายิ้มให้ “เชิญเข้าไปพบคุณหมอในห้องตรวจหมายเลขห้าทางด้านโน้นได้เลยค่ะ” เจ้าหล่อนผายมือบอกทางด้วย

             “ขอบคุณครับ”

            นักบินตอบรับแล้วเดินนำหน้าตรงเข้าไปในห้องตรวจทันที ส่วนปลาวาฬก็ได้แต่ทำหน้างองุ้มเดินตามหลังไปติดๆ คนอะไรจะเดินเร็วเป็นบ้า ปลาวาฬได้แต่บ่นในใจ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนดังนั้นค่ารักษาพยาบาลจึงค่อนข้างสูงมาก ทำให้คนไข้เข้ามาใช้บริการค่อนข้างจะบางตา นั่นต่างจากโรงพยาบาลของรัฐราวฟ้ากับเหว

            ก่อนจะเข้าไปในห้องตรวจพยาบาลก็เรียกตัวปลาวาฬเข้าไปทำประวัติคนไข้ก่อน เมื่อเสร็จแล้วนักบินก็เดินนำหน้าพาเข้าไปในห้องตรวจ

            “ว่าไงไอ้คุณนักบิน” เดี่ยวเอ่ยทักขึ้นก่อน เมื่อเห็นเพื่อนเดินเข้ามาพร้อมกับหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง

            “ไม่ว่าไง...กูพาเด็กมาตรวจตามที่ได้บอกมึงไว้เมื่อคืนนี้” เมื่อคืนนักบินได้โทรคุยกับเพื่อนและเล่ารายละเอียดให้ฟังคร่าวๆแล้ว

            “น้องนั่งรอที่เก้าอี้ก่อนครับ เดี๋ยวหมอโทรหาพยาบาลแป๊บนึง” เดี่ยวหันไปเอ่ยกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อน

             “ขอบคุณครับ”  ปลาวาฬเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างผนัง ส่วนนักบินยังคงยืนอยู่ที่เดิม

             “แล้วกูล่ะไม่คิดจะเชิญนั่งบ้างเลยรึไง” นักบินพูดเหมือนน้อยใจเพื่อนซะเต็มประดา

            “ถ้ามึงไม่นั่งก็แล้วแต่โตเป็นควายแล้วยังคิดไม่เป็นอีก” เดี่ยวยกยิ้มที่มุมปากแล้วหันไปสนใจโทรศัพท์ที่วางอยู่มุมโต๊ะ ก่อนจะยกหูขึ้นมาโทรหาพยาบาลเพื่อให้มารับตัวปลาวาฬไปเก็บตัวอย่างปัสสาวะและเลือดเพื่อส่งตรวจที่ห้องแล็บ “พี่ชื่อหมอเดี่ยวนะครับ แล้วน้องชื่ออะไร” เมื่อวางสายแล้วเดี่ยวก็หันมาถาม

            “ปลาวาฬครับ” ร่างเล็กยิ้มหวานให้คุณหมอจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆแทบจะถลึงตาใส่

            “น้องปลาวาฬอีกแป๊บนึงพยาบาลจะพาไปเก็บตัวอย่างเลือดและปัสสาวะ เสร็จแล้วจะพากลับมาส่งที่ห้องนี้” คุณหมอเอ่ยด้วยท่าทีสุภาพและน้ำเสียงที่ดูเป็นคนใจดี

            “ครับคุณหมอ” ปลาวาฬยิ้มให้กับคุณหมอ ทำให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆรู้สึกไม่พอใจอีกครั้ง เพราะคิดว่าไอ้เด็กดื้อคนนี้หว่านเสน่ห์ให้เพื่อนของตัวเอง

            “หยุดหว่านเสน่ห์ใส่เพื่อนฉันเดี๋ยวนี้” นักบินหันมากระซิบกระซาบข้างใบหู ปลาวาฬได้ยินอย่างนั้นก็ตอบกลับอย่างเจ็บแสบราวกับว่าไม่ได้สนใจคำพูดนั่นแม้แต่น้อย

            “เรื่องของผมอย่าเผือก”

            ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น พร้อมกับพยาบาลสาวสวยที่เดินยิ้มหวานเข้ามา

            ก๊อกๆๆๆ!!!

            “เชิญคุณปลาวาฬค่ะ” ปลาวาฬลุกขึ้นแล้วเดินตามหลังพยาบาลสาวสวยคนนั้นไป

            นักบินรีบยกเก้าอี้เดินเข้าไปนั่งข้างๆเพื่อนเมื่ออยู่กันเพียงลำพังแล้วทำเอาเดี่ยวถึงกับงุนงง

            “มึงจะเข้ามานั่งใกล้กูทำหอกอะไรวะห้องก็ออกจะกว้าง”

            “กูมีเรื่องจะตกลงกับมึงก่อน”

            “ว่า” เดี่ยวเอ่ยขณะตายังคงจ้องมองที่หน้าจอคอมพิเวตอร์

            “พอไอ้เด็กนั่นกลับมาแล้วเดี๋ยวกูจะพากลับเลยนะ มึงค่อยส่งผลไปให้กูทีหลัง” นักบินเอ่ยกระซิบกระซาบกับเพื่อน ราวกับว่าจะมีใครเข้ามาได้ยินด้วยซะอย่างนั้น

            “มึงจะกระซิบทำห่าอะไร พูดดีๆ”

            “ก็ตามที่บอกนั่นล่ะ” นักบินเขยิบออกมาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ

             “รอแป๊บนึงไม่ได้เหรอวะ และอีกอย่างกูจะต้องเป็นคนบอกน้องเขาด้วยตัวเองนะ” เดี่ยวรู้สึกสงสัยกับสิ่งที่เพื่อนเอ่ยออกมา

            “ไม่เป็นไรกูจะเป็นคนบอกเองไง มึงอย่าลืมว่ากูเป็นคนจ้างให้ไอ้เด็กนั่นท้องนะ เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันต้องผ่านกู” นักบินใช้สิทธิ์การเป็นนายจ้างมาอ้าง

            “แต่กูไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อนเลยนี่หว่า ถึงแม้น้องเขาจะมารับจ้างท้องให้มึง แต่ถึงยังไงน้องเขาก็เป็นแม่เด็กนะเว้ย” เดี๋ยวไม่เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน

            “กูไม่มีทางให้เด็กคนนั้นมาเป็นแม่ของลูกกูเด็ดขาด...กูทำสัญญาเอาไว้แล้ว” ประโยคที่เพิ่งเอ่ยออกไปทำให้เจ้าตัวรู้สึกเจ็บจี๊ดๆอย่างบอกไม่ถูก

            “น่าสงสารน้องจังเลยว่ะ” เดี่ยวถอนหายใจ เขาเป็นหมอสูตินารีย่อมรู้ดีว่าความผูกพันธ์ระหว่างแม่กับลูกมันมีมากกว่าคนเป็นพ่อเสียด้วยซ้ำ

            “จะสงสารทำไมในเมื่อไอ้เด็กนั่นเลือกอย่างนี้เอง คนที่เห็นแก่เงินอย่างนี้กูคงจะให้เป็นแม่ของลูกกูไม่ได้หรอก” 

            “คนเรามันเลือกเกิดได้ที่ไหนกันวะ น้องเขาอาจจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆก็ได้” เดี่ยวไม่ได้โลกสวยขนาดนั้น แม้จะเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก แต่ก็มั่นใจว่าปลาวาฬเป็นเด็กดีเพราะมีสัมมาคาระและพูดจาอ่อนน้อม

            “มึงอย่ามาทำเป็นรู้ดีกว่ากู” นักบินเริ่มหัวร้อนเมื่อเพื่อนไม่ได้เชื่อสิ่งที่ตัวเองพูดเลย

            “เออๆแล้วแต่มึงละกันกูขี้เกียจจะพูดแล้ว” เดี่ยวปัดมือไล่เพื่อนให้ออกห่างจากตัว เพราะถึงจะพูดยังไงก็คงจะเหมือนเดิม คนหัวดื้ออย่างนักบินเคยฟังใครซะที่ไหนกัน

            ก๊อกๆๆๆ!!!

            “พาคนไข้มาส่งแล้วค่ะ” พยาบาลสาวเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับปลาวาฬ แล้วยื่นเอกสารให้กับคุณหมอ หลังจากนั้นเจ้าหล่อนก็เดินออกจากห้องไป

            “เสร็จแล้วใช่ป่ะกลับบ้านกันเถอะ” คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ยังไม่ทันได้นั่งลงที่เก้าอี้เลย แต่นักบินกลับเอ่ยขึ้นมาก่อน

            “อ้าว! แล้วไม่รอฟังผลหรอกเหรอคุณ” ปลาวาฬหันไปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัย

            “เดี๋ยวหมอจะส่งผลให้ฉันทีหลัง...ใช่ไหมวะ” นักบินหันไปขยิบตาให้เพื่อน

            “ชะ...ใช่ครับเดี๋ยวหมอจะส่งผลตรวจไปให้นักบินทีหลังครับ พอดีมีปัญหาทางเทคนิคนิดหน่อย” เดี่ยวยิ้มแหยๆให้กับร่างเล็ก ตั้งแต่เขาเป็นหมอมาไม่เคยต้องโกหกคนไข้อย่างนี้มาก่อนเลย

            “แย่จังเลยนึกว่าจะรู้ผลเร็วๆซะอีก” ปลาวาฬก้มหน้าเศร้าเมื่อได้ยินอย่างนั้น

            “ถ้าผลแล็บเสร็จตอนไหนหมอรับรองว่าจะรีบส่งให้แน่นอนครับไม่ต้องห่วง” เดี่ยวเห็นท่าทีของปลาวาฬก็รู้สึกสงสารขึ้นมา ดูท่าทางคงจะอยากรู้ซะเต็มประดา นี่คือสัญชาตญาณของคนที่กำลังจะเป็นแม่เขาสัมผัสได้

            “ไปๆๆ กลับกันเถอะ” ว่าแล้วนักบินก็โอบไหล่ร่างเล็กอย่างลืมตัว

            “เอามือคุณออกไปเลย” ปลาวาฬรีบปัดมืออีกฝ่ายออกโดยเร็ว พร้อมกับหันไปทำหน้าเหี้ยมใส่

            “ผมกลับก่อนนะครับคุณหมอ” เจ้าตัวยกมือไหว้แล้วยิ้มหวานให้คุณหมอ

            “ครับคราวหน้าคงได้เจอกันอีก” เดี่ยวยิ้มตอบ

            “มัวแต่ยิ้มอยู่นั่นล่ะเดินออกไปสิ!” เมื่อเห็นทั้งสองคนยืนยิ้มให้กันอยู่ นักบินก็เดินไปแทรกตรงกลางแล้วดันหลังร่างเล็กให้เดินออกไปจากห้องตรวจทันที

            เดี่ยวมองตามหลังไปก็หัวเราะออกมาเบาๆ ไหนบอกว่าเป็นแค่นายจ้างกับลูกจ้าง แต่ทำตัวอย่างกับเป็นเจ้าของซะอย่างนั้น เพื่อนของเขายังคงเป็นคนหัวรั้นและปากแข็งอยู่เหมือนเดิมสินะ

*-*-*-*-*-*-*

            ระหว่างนั่งรถกลับมาที่บ้าน ปลาวาฬเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ส่วนนักบินกลับขับรถผิวปากไปอย่างสบายใจ จนอีกฝ่ายรู้สึกหมั่นไส้กับท่าทีนั่นและได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจมาตลอดทางจนถึงบ้าน เมื่อลงจากรถแล้วทั้งสองก็เดินเข้ามาในบ้าน คุณหญิงฉัตรฉายพร้อมทั้งสามีและลูกชายคนเล็กต่างก็นั่งรอในห้องนั่งเล่นอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็นนักบินและปลาวาฬเดินเข้ามา ทั้งหมดก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกันโดยอัตโนมัติ

            “ผลเป็นยังไงบ้างลูก ปลาวาฬท้องหรือเปล่า” คุณหญิงฉัตรฉายถามขึ้นมาเป็นคนแรก

            “ตอนนี้ยังไม่ทราบครับ ไอ้เดี่ยวมันจะแจ้งผลมาอีกที” นักบินตอบ

            ปลาวาฬเดินเลี่ยงไปนั่งที่โซฟาอย่างหมดแรง ปล่อยให้คนในครอบครัวได้คุยกันเอง

            “อ้าว! ทำไมเป็นอย่างนี้แม่ก็นึกว่าจะรู้ผลเลยซะอีก” คุณหญิงฉัตรฉายรู้สึกสงสัย เพราะปกติไปตรวจที่โรงพยาบาลก็จะแจ้งผลที่นั่นเลย

            “มีปัญหาทางเทคนิคนิดหน่อยครับแม่ แต่คิดว่าอีกไม่นานมันคงจะแจ้งผลมา” 

            “ถ้าอย่างนั้นเราก็มานั่งรอฟังผลกันที่นี่กัน” คุณหญิงบอกกับทุกคนแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆปลาวาฬ ก่อนจะจับมือเอาไว้เพื่อให้กำลังใจ

            “หนูปลาวาฬอย่าตื่นเต้นไปเลยนะจ๊ะ อีกไม่นานก็รู้ผลแล้ว” คุณหญิงมองดูท่าทีของปลาวาฬก็พอจะรู้ว่ากำลังตื่นเต้นมากแค่ไหน

            “ครับคุณหญิง” ได้รับกำลังใจจากคุณหญิงก็ทำให้ปลาวาฬยิ้มขึ้นมาได้

            ระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของนักบินก็ดังขึ้นมา ทุกคนหันขวับไปมองเป็นตาเดียวกัน เพราะคิดว่าน่าจะเป็นสายของทางโรงพยาบาลแน่นอน นักบินมองที่หน้าจอมือถือแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ทุกคนก่อนจะกดรับสาย

            “ฮัลโล ว่าไงมึง” เป็นเดี่ยวนั่นเองที่โทรเข้ามา

            [“พร้อมที่จะฟังผลรึยังวะ”]

            “พร้อมแล้วว่ามา” ตอนนี้หัวใจของนักบินเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาภาวนาขอให้เป็นอย่างที่คิดไว้

            [“ผลแล็บออกมาแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยว่ะมึงกำลังจะมีลูก”]

            “อ้าว! จริงเหรอวะ! ขอบใจละกันที่โทรมาบอกแค่นี้ก่อนนะเว้ย” แทนที่จะส่งเสียงดีใจแต่นักบินกลับทำเสียงเรียบนิ่ง ราวกับว่ากำลังได้รับข่าวร้ายซะอย่างนั้น

            [“เออๆแค่นี้ล่ะ”] เดี่ยวรู้สึกงงกับน้ำเสียงของเพื่อน เหมือนไม่ได้ดีใจที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นพ่อคนเลย

            นักบินรีบวางสายเพื่อน แล้วหันไปทำหน้าเศร้าให้กับทุกคน ที่ต่างก็ตั้งตารอฟังคำตอบ

            “เป็นยังไงบ้างพี่” นักรบเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ซะเต็มประดา

            “บอกมาเร็วๆสิยะฉันหัวใจจะวายอยู่แล้วเนี่ย” คุณหญิงฉัตรฉายถามย้ำอีกครั้ง

            นักบินมองหน้าปลาวาฬด้วยแววตาเศร้า เห็นอย่างนั้นเจ้าตัวก็พอจะรู้แล้วว่าผลออกมาเป็นยังไง

            “คือ...ปลาวาฬยังไม่ได้ท้องครับ”

            “ว่าไงนะ ไอ้คนไม่มีน้ำยา” คุณหญิงตวาดใส่ลูกชายทันที

            “โธ่...แม่ครับเพิ่งมีอะไรกันครั้งแค่เดียวเองนะ” นักบินตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            “อย่ามายิ้มให้ฉัน ฉันผิดหวังกับแกมากจริงๆเลย” คุณหญิงไม่ยอมฟังเพราะตั้งความหวังเอาไว้เยอะซะเหลือเกิน

ตอนนี้ปลาวาฬเริ่มคิดแล้วว่าหากท้องขึ้นมาจริงๆ จะทำใจยอมยกลูกให้กับนักบินได้หรือเปล่า เพราะแค่รู้ว่าไม่ได้ท้องยังรู้สึกเสียใจมากขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดถึงวันนั้นเลย

            “ผมสัญญาว่าพยายามทำให้ปลาวาฬท้องให้ได้ครับ” นักบินเดินไปนั่งลงข้างมารดา ก่อนจะกอดเอาไว้แน่นเพื่อเอาใจ

            “อย่ามากอดฉัน” คุณหญิงพยายามขยับตัวหนี

            “เล่นตัวจริงๆแม่ผมเนี่ยฮ่าๆ” นักบินหัวเราะเสียงดังแล้วหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่

             “ไม่รู้ล่ะถ้าภายในสามเดือนหนูปลาวาฬยังไม่ท้อง ฉันจะไม่ยกสมบัติให้แกแม้แต่สตางค์แดงเดียว” คุณหญิงฉัตรฉายยื่นคำขาดให้ลูกชายตัวดี

            “ถ้าอยากได้เร็วขนาดนั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเสกลูกเข้าท้องปลาวาฬให้เลยดีไหมครับ” นักบินล้อมารดาเล่นแต่ปลาวาฬกลับหันขวับมามองแรงใส่ทันที ถ้าเดาไม่ผิดคืนนี้นายนั่นต้องทำพิเรนกับเขาแน่ๆ

            “อย่ามาทำเป็นพูดเล่น ฉันไม่ขำกับแกด้วยนะ”

            “แกอย่าทำให้พ่อผิดหวังนะนักบิน น้ำเชื้อในตัวแกมันจะต้องแรงเหมือนพ่อเข้าใจไหม” เกริกไกรที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยให้กำลังใจลูกชาย นั่นทำให้คุณหญิงหันขวับไปมองแรงใส่สามีทันที

            “คุณอย่ามาทำเป็นพูดดีไปหน่อยเลย กว่าฉันจะมีตานักบินก็ใช้เวลาเป็นปี สงสัยเชื้อพ่อจะแรงจริงๆสินะ” คุณหญิงตอกกลับใส่สามีทันที

            “อ้าวงั้นเหรอ...ผมจำไม่ได้” เกริกไกรตีหน้าซื่อแล้วก้มลงอ่านหนังสือต่อซะอย่างนั้น

            “คุณแม่เลิกตีโพยตีพายได้แล้วครับ ผมสัญญาว่าอีกไม่นานแน่นอนเชื่อผมสิ” นักบินจับมือมารดาเอาไว้แน่นพร้อมเอ่ยให้คำสัญญา

            “ฉันจะคอยดูว่าแกจะมีน้ำยากว่าพ่อของแกรึเปล่า” เกริกไกรถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อถูกเอ่ยพาดพิง

            “ผมรับรองว่าน้ำยาผมดีดว่าพอ่แน่นอน” พูดแล้วก็ยิ้มมุมปากพร้อมกับตีคิ้วให้ปลาวาฬอย่างเป็นนัย

            “ผมขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะครับทุกคน พอดีรู้สึกเพลียๆ” ปลาวาฬเอ่ยแล้วลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อมที่จะเดินออกไป นั่งฟังคุณหญิงเถียงกับลูกชายอยู่นานเริ่มจะเวียนศีรษะเข้าให้แล้ว

            “ถ้างั้นผมขอตัวพาปลาวาฬขึ้นไปข้างบนก่อนนะครับ” นักบินยืนขึ้นแล้วเดินไปโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ ปลาวาฬได้แต่ยืนนิ่งเพราะไม่อยากให้ทุกคนผิดสังเกต

            “พาน้องไปพักผ่อนก็ดีดูสิหน้าซีดเชียว” คุณหญิงฉัตรฉายเอ่ย

            “ไปกันเถอะครับ” นักบินยิ้มให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนแล้วพาเดินขึ้นไปข้างบน

            คุณหญิงฉัตรฉายมองตามหลังแล้วก็ยิ้มตาม ในใจก็อยากให้ปลาวาฬกลายมาเป็นสะใภ้จริงๆซะเหลือเกิน

            เข้ามาในห้องแล้วปลาวาฬก็สลัดมือนักบินจนหลุดออกไป ก่อนจะหันไปมองด้วยสีหน้าที่ดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้

            “ทำไมต้องทำดีกับผมต่อหน้าคนอื่นด้วย”

            “ไม่เห็นแปลกเลย นายเองก็ทำดีกับฉันต่อหน้าคนอื่นเหมือนกัน แต่เวลาอยู่สองต่อสองกลับเอาแต่ดื้อ” นักบินยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเดินไปนอนขวางอยู่บนเตียงอย่างสบายใจ

            “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ผมจะนอนพักผ่อน” ปลาวาฬยืนท้าวสะเอวมองอีกฝ่ายด้วยความรำคาญ

            “ไม่! ถ้าง่วงก็นอนทับบนตัวฉันเลยสิ” นักบินยังคงนอนนิ่งไม่ยอมลุกไปไหนง่ายๆ

            “ถ้างั้นก็นอนคนเดียวละกันผมลงไปข้างล่างล่ะ” ปลาวาฬกำลังจะเดินหันหลังออกไป แต่นักบินกลับลุกขึ้นมาดึงแขนเอาไว้ จนทั้งสองล้มลงไปบนเตียง

            “จะไปหนายยยย นอนกับฉันนี่ล่ะ” นักบินพยายามจ้องเข้าไปในดวงตาสวยอย่างไม่ละสายตา มือหนาก็โอบรัดเอวบางเอาไว้แน่น ก่อนจะกระชับเข้ามาชิดกับตัวเอง ตอนนี้ความกำหนัดเริ่มปะทุขึ้นมาเรื่อยๆ ยิ่งได้กลิ่นหอมละมุนจากตัวร่างบาง ยิ่งทำให้เจ้าน้องชายมันพองตัวขึ้นมาเรื่อยๆจนปลาวาฬรู้สึกได้

            “อี๋...ไอ้คนลามก” ร่างเล็กเอ่ยออกไปด้วยสีหน้าแดงก่ำ

            “ครบหนึ่งเดือนแล้วนายก็ยังไม่ท้อง ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะทำลูกกันอีกครั้งแล้วนะ” นักบินเอ่ยเสียงกระเส่าข้างใบหูของร่างเล็ก หลังจากนั้นก็โน้มใบหน้าเข้าไปหอมแก้มหวังจะกระตุ้นให้มีอารมณ์ร่วมไปด้วย

            “กลางวันแสกๆเนี่ยนะ รอ....ให้ถึงตอนเย็นก่อนละกัน” ปลาวาฬรู้ตัวว่ายังไงก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงพยายามถ่วงเวลาออกไปอีกสักเล็กน้อยพอให้ตั้งตัวได้

            “ฉันรอไม่ไหวแล้ว...นายก็รู้” นักบินพูดแล้วก็จับมืออีกฝ่ายมาจับที่กลางกาย เพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง

            “ปล่อยมือ” แม้จะเอ่ยปากปฏิเสธความต้องการ แต่นิ้วเรียวกลับค่อยๆขยับไปเกาะกุมแก่นกายนั้นอย่างลืมตัว

            “นายนี่มัน...ปากอย่างใจอย่าง” สายตาคมยังคงจ้องมาอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะพลิกตัวปลาวาฬให้นอนราบลงบนเตียงแล้วใช้วงแขนแกร่งกักตัวเอาไว้ “ครั้งนี้ฉันรับรองว่าจะไม่ทำให้นายผิดหวัง” ว่าแล้วก็โน้มใบหน้าลงไปประกบจูบอย่างดูดดื่ม มือทั้งสองข้างของร่างเล็กถูกตรึงแน่นไว้บนเตียง ความเร่าร้อนของนักบินทำให้คนที่อยู่ใต้ร่างถึงกับหลับตาพริ้มและขบริมฝีปากล่างเอาไว้แน่น เห็นอย่างนั้นยิ่งทำให้นักบินได้ใจ เจ้าตัวยกยิ้มที่มุมปากแล้วจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ของอีกฝ่ายออกไปจนหมด เรือนร่างอันเปลือยเปล่าที่อยู่ตรงหน้ายั่วตายั่วใจเขาเหลือเกิน นักบินไม่รอช้ารีบปลดปล่อยความต้องการผ่านเรือนร่างขวลนวลเนียนอย่างละมุนละม่อม ผิวกายที่สัมผัสกันเป็นจังหวะเปรียบเสมือนเป็นการจุดประกายไฟในตัวให้เกิดความรุ่มร้อนขึ้นไปเรื่อยๆอย่างไม่มีทางจบสิ้น

            พรุ่งนี้นายได้ท้องสมใจอยากแน่นอน...แต่ตอนนี้ฉันขอเอาคืนก่อนละกันหึๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 10 ท้อง l Up:25-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-05-2018 01:12:20
อีนักบิน ชอบแกล้งน้อง
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 10 ท้อง l Up:25-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 26-05-2018 01:25:54
นักบินนี่เจ้าแค้นนะเนี่ย55.   :mew2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 10 ท้อง l Up:25-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-05-2018 01:26:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 10 ท้อง l Up:25-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-05-2018 01:45:18
กลัวจริง ๆ ว่าจะแท้งอ่ะ เล่นมีปัวหื่นแบบนี้  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 10 ท้อง l Up:25-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-05-2018 03:07:58
งานนี้มีตีกันตายแน่นอน555
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 10 ท้อง l Up:25-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-05-2018 06:43:31
เอ้อ คุณนักบินคะ แหม  :z13:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 10 ท้อง l Up:25-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 26-05-2018 09:17:18
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 10 ท้อง l Up:25-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 26-05-2018 11:07:14
นักบินมันร้ายมันอยากจะกินปลาวาฬอีกนี่เอง
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 10 ท้อง l Up:25-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-05-2018 12:03:37
นักบินเป็นเด็กหรา ที่ไม่บอกว่าท้องเพราะอยากจะกินปลาวาฬอ่ะดิ รู้ทันหรอก :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 10 ท้อง l Up:25-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-05-2018 13:18:47
แย่มากนักบิน ระวังเถอะน้องมันเอาคืนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 10 ท้อง l Up:25-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 26-05-2018 16:18:59
ยังไม่เข็ด สงสัยต้องโดนน้องเอาคืนอีกสักรอบสินะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 10 ท้อง l Up:25-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 27-05-2018 09:04:58
เอาคืนกันเอง สมน้ำสมเนื้อจริงๆคู่นี้
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 10 ท้อง l Up:25-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 27-05-2018 15:10:18
 :hao6:
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 28-05-2018 23:07:35
-๑๑-

ความลับในใจ



          เช้าวันรุ่งขึ้นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารอบอวลไปด้วยความเงียบงัน มีเพียงเสียงกระทบกันของช้อนส้อมกับจานดังอยู่เนืองๆ นักบินเห็นสภาพของแต่ละคนก็อดขำไม่ได้ จึงตัดสินใจใช้โอกาสนี้ประกาศข่าวดีให้ทุกคนทราบโดยพร้อมเพรียงกัน

            “ทุกคนครับผมมีเรื่องจะบอก” เมื่อได้ยินเสียงทุกก็หันมามองนักบินทันที

            “มีอะไรจะเซอร์ไพรซ์อีกเหรอพี่” นักรบเอ่ยถาม

            “ฉันไม่อยากฟังอะไรจากปากแกแล้ว” คุณหญิงหันมาเอ่ยกับลูกชายแล้วเมินหน้าหนี เพราะเรื่องเมื่อวานยังทำให้รู้สึกเศร้าสร้อยมาจนถึงตอนนี้

            “ยังไม่หายงอนอีกเหรอครับคุณแม่”

            “ฉันจะไม่หายงอนจนกว่าหนูปลาวาฬจะท้อง”

            “ถ้าอย่างนั้นคุณแม่ต้องหายงอนผมแล้วล่ะครับ” พูดแล้วก็หันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ ส่วนคุณหญิงก็หันขวับมามองลูกชายด้วยความสงสัย

            “แกหมายความว่ายังไงนักบิน อย่ามาล้อฉันนี่แม่แกนะ”

            “เมื่อเช้านี้ไอ้เดี่ยวมันโทรมาบอกว่า....” นักบินเว้นช่วงไว้เพราะอยากแกล้งทุกคน ที่ตอนนี้กำลังหันมามองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นซะเต็มประดา

            “ว่าไงยะบอกฉันมาเร็วๆ ถ้าไม่มีสาระฉันจะจับตีก้นลายเลยคอยดู” คุณหญิงดูท่าจะลุ้นหนักกว่าคนอื่น

            “จริงๆแล้วปลาวาฬท้องครับ” นักบินตะโกนออกไปเสียงดังจนทุกคนได้ยินถนัดหู

            “ว้ายยย! แกไม่ได้หลอกแม่ใช่ไหมนักบิน” คุณหญิงวางช้อนส้อมลงบนจาน แล้วยืนขึ้นกรีดร้องลั่นบ้านด้วยความดีใจ ไม่ต่างจากคนอื่นๆที่มีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า ยินดีปรีดากับเรื่องที่เพิ่งจะได้ยินมา

            “เรื่องจริงครับมันเป็นความผิดพลาดของผลแล็บ” ที่ต้องอ้างอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้ปลาวาฬรู้ว่าเมื้อคืนนี้โดนหลอก หากเป็นเช่นนั้นมีหวังเขาได้ถูกเด็กนั่นเอาคืนเป็นสิบเท่าแน่นอน นึกถึงกรรไกรเล่มนั้นแล้วยังขนลุกอยู่ไม่หาย

            “ต่อไปหนูปลาวาฬต้องดูแลตัวเองดีๆนะจ๊ะ เพราะกำลังมีเจ้าตัวน้อยอยู่ในท้อง” คุณหญิงหันไปเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ขณะที่ปลาวาฬเองก็ยิ้มแล้วใช้มือเรียวลูบที่ท้องไปด้วย

            “ดีใจด้วยนะปลาวาฬ” นักรบเอ่ยแสดงความยินดี

            “อื้ม” เจ้าตัวพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

            “ตาเดี่ยวทำเอาฉันแทบจะเป็นบ้า ถ้าเจอตัวจะด่าซะให้เข็ดเลย” คุณหญิงเอ่ยคาดโทษเพื่อนลูกชายเอาไว้

            “ยะ...อย่านะครับคุณแม่ มันเป็นความผิดพลาดคงไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก อย่าเอาเรื่องนี้ไปพูดกับมันอีกเลยนะครับ” นักบินรีบเอ่ยห้ามมารดาไว้ เพราะกลัวเรื่องมันจะแดงขึ้นมา

            “ฉันก็พูดเล่นไปอย่างนั้นล่ะ แกดูจริงจังไปนะนักบิน” คุณหญิงเอ่ยแล้วส่งสายตาจับผิดลูกชาย

            “เปล่าครับคุณแม่ ไม่มีอะไรจริงๆ”  นักบินรีบส่ายมือปฏิเสธทันที

            ปลาวาฬจ้องหน้านักบินด้วยความสงสัย ทำท่าลุกรี้ลุกรนอย่างกับคนทำความผิดมาซะอย่างนั้น อย่าให้เขารู้นะว่าเรื่องเมื่อคืนมันเป็นแผนไม่งั้นจะจัดคืนให้หนักเลยคอยดู

            “พ่อว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแกไม่ต้องไปทำงานแล้วล่ะ อยู่ดูแลหนูปลาวาฬที่บ้านจนกว่าจะคลอด” เกริกไกรเอ่ยกับลูกชาย

            “ผมว่าไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้มั้งครับคุณพ่อ อยู่บ้านปลาวาฬก็มีคนรับใช้ดูแลอยู่แล้วนี่นา” นักบินรีบปฏิเสธทันที ถ้าอยู่ด้วยกันทั้งวันเขากลัวจะเผลอทำอีกฝ่ายแทงค์ไปซะก่อน

            “ฉันเห็นด้วยกับคุณ นักบินต้องมาอยู่บ้านดูแลหนูปลาวาฬเท่านั้น” คุณหญิงเห็นด้วยอีกเสียง

            “ผมก็เห็นด้วยครับ” นักรบสนับสนุนอีกเสียง

            “โอเคๆก็ได้ครับผมจะอยู่ดูแลปลาวาฬที่บ้าน ทุกคนพอใจแล้วนะ” นักบินต้องยอมแต่โดยดี หากไม่ยอมทำตามมีหวังได้โดนบ่นไม่เว้นแต่ละวันแน่นอน

            “ถ้าคุณนักบินไม่เต็มใจผมว่าไม่ต้องก็ได้นะครับ” ปลาวาฬเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็รู้สึกไม่ปลื้ม เขาเองก็ไม่อยากให้นักบินมาคอยดูแลเหมือนกันเพราะมันคงจะอึดอัดน่าดู

            “บอกน้องเขาไปสิว่าแกเต็มใจ” คุณหญิงเอ่ยกับลูกชายเป็นคำสั่งกลายๆ

            “ครับคุณแม่” นักบินตอบรับมารดา แล้วหันไปเอ่ยกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ “ฉันเต็มใจได้ยินแล้วใช่ไหม” นักบินยักคิ้วใส่

            “ผมไม่มีปัญหาครับเหมือนกันครับ”  ปลาวาฬหันไปยิ้มให้กับทุกคนเพื่อสื่อว่าตัวเองก็เห็นด้วย

            “ถ้างั้นเย็นนี้เรามาจัดปาร์ตี้ฉลองกันดีไหม” อยู่ๆคุณหญิงก็คิดอะไรดีๆขึ้นมาได้

            “ดีครับคุณแม่ผมเห็นด้วย” นักรบสนับสนุนเต็มที่       

            “บ้านเราไม่มีงานรื่นเริงมานานแล้วก็ดีเหมือนกันนะ” เกริกไกรก็เห็นด้วยอีกเสียง

            “ถ้างั้นก็เอาตามนี้เดี๋ยวฉันจะให้แม่บ้านไปซื้อของมาเตรียมสำหรับงานเย็นนี้ก็แล้วกันนะ” คุณหญิงเอ่ยกับทุกคนด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

            “เดี๋ยวผมจะช่วยเตรียมสถานที่ละกันครับ” นักรบอาสา

            “เดี๋ยวผมไปช่วยนักบรบอีกแรงครับ” ปลาวาฬอาสาช่วยอีกแรง

            “ไม่ได้นะ! หนูปลาวาฬกำลังตั้งท้อง ต้องนั่งอยู่เฉยๆเดี๋ยวให้คนอื่นจัดการดีกว่า” คุณหญิงเอ่ย

            “ผมทำไหวครับช่วยเล็กๆน้อยๆยังพอได้” ปลาวาฬยังยืนยันที่จะอาสาช่วยทำ

            “ถ้างั้นก็ตามใจจ๊ะแต่ระวังด้วยนะเดี๋ยวจะหกล้มเอา” คุณหญิงเอ่ยด้วยความเป็นห่วง

            “ครับคุณหญิง”

            “ผมว่าเราทานข้าวต่อกันเถอะครับ อาหารเย็นหมดแล้วมั้งเนี่ย” ทั้งหมดนั่งสนทนากันจนลืมไปว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร

            อาหารเช้ามื้อนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขของทุกคนในครอบครัว ส่วนปลาวาฬรู้สึกดีใจมากเหลือเกินแต่พยายามไม่แสดงออกจนเกินงาม แค่รู้ว่ามีเจ้าตัวน้อยในท้องก็ทำให้ชีวิตดูมีค่าขึ้นมาก นับจากนี้ไปเขาจะดูแลตัวเองให้ดี เพื่อให้เจ้าตัวเล็กคลอดออกมาอย่างแข็งแรงสมบูรณ์

*-*-*-*-*-*-*

            ช่วงเย็นปลาวาฬลงมาช่วยนักรบจัดเตรียมพื้นที่ในสวนข้างบ้าน ทั้งสองวางคอนเซปต์จะเปลี่ยนจากสวนที่เคยเขียวขจีเป็นสวนในเทพนิยาย โดยประดับตกแต่งไปด้วยไฟสลับสีและลูกโป่งคละสีจำนวนมาก

            “เดี๋ยวปลาวาฬเอาลูกโป่งไปติดที่ต้นไม้นะเราจะเป็นคนเป่าให้” นักรบเอ่ยขณะถือถุงลูกโป่งอยู่ในมือ

            “โอเคจ้า” ปลาวาฬนั่งลงข้างๆมองดูนักรบใช้เครื่องสูบเติมลมเข้าไปในลูกโป่ง เมื่อลูกโป่งพองตัวจนได้ขนาดพอดีแล้วก็ยื่นให้ หลังจากนั้นปลาวาฬก็นำไปติดที่ต้นไม้

            ลูกโป่งถูกนำไปติดบนต้นไม้ลูกแล้วลูกเล่า จนเหลือลูกสุดท้ายที่อยู่สูงจนปลาวาฬต้องเขย่งเท้าขึ้นไปติด นักรบเห็นอย่างนั้นก็เดินเข้าไปซ้อนหลังแล้วช่วยมัดเชือก หากมองจากด้านหลังจะคล้ายกับว่าทั้งสองคนกำลังยืนกอดกันอยู่ ระหว่างนั้นนักบินบังเอิญเดินมาเห็นเข้าก็ชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ เพราะคิดว่าปลาวาฬกำลังอ่อยน้องชายตัวเองอีกคน จึงเดินตรงเข้าไปหาคนทั้งสองอย่างหงุดหงิด

            “ทำอะไรกันอยู่น่ะ!” สายตาคมจ้องมองคนทั้งสองอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้

            “อ้าว! พี่นักบินลงมาได้แล้วเหรอ” เมื่อเห็นพี่ชายยืนทำหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้า นักรบก็เอ่ยทักทายทันที

            “เออ แล้วทำอะไรกันอยู่น่ะ” เจ้าตัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงห้วนๆ สายตาคมจ้องจับผิดร่างเล็กอย่างออกหน้าออกตา

            “ก็ช่วยกันตกแต่งสวยไงล่ะ คุณนักบินตื่นเร็วจังเลยครับนี่มันแค่ห้าโมงเย็นเองนะ” ปลาวาฬพูดประชดประชัน เพราะหลังจากทานข้าวเที่ยงแล้ว นักบินก็เข้าไปงีบในห้องนอนจนเลยเถิดมาถึงตอนนี้

            “นี่นายกำลังพูดประชดฉันอยู่รึเปล่า”

            “ไม่นี่ครับผมก็พูดปกติ” พูดแล้วก็ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

            “ปลาวาฬงั้นเดี๋ยวเราขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีกว่า อีกหน่อยแม่บ้านคงจะมาเตรียมอาหารไว้แล้ว” นักรบกล่าว

            “โอเคแล้วเจอกันตอนเย็นนะ” พูดจบทั้งสองคนก็เดินแยกย้ายกัน แต่นักบินกลับรั้งมือร่างเล็กเอาไว้เสียก่อน

            “คุณมีอะไรอีก” ปลาวาฬมองตาขวางพร้อมกับบิดข้อมือเพื่อให้เป็นอิสระ

            “เมื่อกี้นายคิดจะทำอะไร” นักบินไม่ยอมปล่อยมือกลับถามคำถามที่ทำให้ปลาวาฬถึงกับงง

            “ทำอะไร?”

            “ก็นายกำลังอ่อยน้องชายฉันอยู่ไง บอกไว้ก่อนเลยว่าห้ามเด็ดขาด น้องฉันมันยังเรียนไม่จบเลย” คนพูดเองก็ทำหน้าไม่ถูก รู้สึกกระดากปากที่เอ่ยอย่างนั้นออกไป ทั้งที่ในใจจริงๆแล้วไม่ได้ห่วงน้องชายเลย แต่กลับรู้สึกหวงคนที่อยู่ตรงหน้าเสียมากกว่า

            “คุณมันบ้าไปแล้ว ผมเนี่ยนะจะอ่อยนักรบ” ปลาวาฬชี้เข้าที่หน้าตัวเอง

            “ก็นายสองคนกำลังยืนกอดกันอยู่ฉันเห็นนะ” นักบินยังคงรบเร้าไม่เลิก

            “อย่ามโน นักรบแค่มาช่วยติดลูกโป่งต่างหาก ปล่อยมือผมได้แล้วจะขึ้นไปอาบน้ำ”

            “ก็ขึ้นไปสิ” นักบินยืนทำหน้าตายเหมือนตั้งใจจะยั่วให้อีกฝ่ายโมโห

            “ก็จับมือผมไว้อย่างนี้จะไปได้ยังไง” ปลาวาฬเริ่มขึ้นเสียงเมื่อเห็นว่ากำลังโดนอีกฝ่ายแกล้ง

            “ก็ไปพร้อมกันนี่ไง อย่าลืมว่าทุกคนในบ้านให้ฉันดูแลนายเป็นอย่างดี”

            “มันไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ผมรำคาญเข้าใจไหม” ปลาวาฬแยกเขี้ยวใส่อย่างเหลืออด เจ้าตัวรู้ว่านักบินอยากแกล้งเขามากจนเอาเรื่องนั้นมาอ้าง อย่าคิดว่าเขาจะไม่รู้ทัน

            “แต่ฉันไม่เห็นจะรำคาญ ป่ะขึ้นห้องกัน” ว่าแล้วก็เดินนำหน้าจูงมืออีกฝ่ายขึ้นไปบนห้อง ต่อไปนี้เขาจะต้องจับตาดูปลาวาฬไม่ให้คลาดสายตา โดยเฉพาะเวลาที่อยู่กับผู้ชายคนอื่น ชอบยั่วชอบอ่อยจนผู้ชายหลงไหลได้ปลื้ม

            และแล้วช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง แม้จะเป็นงานเลี้ยงเล็กๆที่จัดขึ้นเฉพาะคนในครอบครัว แต่คุณหญิงฉัตรฉายแต่งตัวจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม ราวกับไปออกงานสังคมไฮโซซะอย่างนั้น ขณะที่คนอื่นกลับแต่งตัวสบายๆ

            อาหารหลากหลายเมนูถูกจัดวางไว้บนโต๊ะ ส่วนข้างๆก็จะมีเตาย่างบาร์บีคิวและอาหารทะเล ซึ่งมีแม่บ้านคอยยืนคุมอยู่ประจำที่ ขณะเดียวกันก็มีเสียงเพลงสากลบรรเลงคลอไปด้วย เพื่อเพิ่มบรรยายกาศให้ดูสนุกสนานมากขึ้น ตอนนี้ทุกคนนั่งอยู่บนโต๊ะอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว คนที่เป็นแม่งานอย่างคุณหญิงฉัตรฉายยืนตระหง่านพร้อมกับชูแก้วไวน์ขึ้น

            “ทุกคนมาฉลองกันหน่อยยย” ว่าแล้วทั้งหมดก็ยกแก้วขึ้นไปชนกันตรงกลางโต๊ะดังแกร๊ง ก่อนจะจิบไวน์ด้วยสีหน้ารื่นรมย์ แต่แก้วของปลาวาฬกลับแปลกจากคนอื่น เพราะของเหลวที่อยู่ในนั้นคือน้ำส้มคั้นนั่นเอง

            “เพื่อหลานชายคนแรกของตระกูลมหาธำรงกุลคร้าบบ” นักรบเอ่ยขึ้นเสียงดังแม้ตอนนี้จะยังไม่รู้เลยว่าเด็กในท้องของปลาวาฬเป็นเพศไหนกันแน่

            “เดี๋ยวๆๆ ไอ้นักรบแกรู้ได้ไงว่าลูกฉันจะเป็นผู้ชาย” นักบินถามน้องชาย

            “ก็ผมอยากได้หลายชายไงเลยพูดไว้ก่อน” นักรบตอบแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์

            “แต่แม่อยากได้หลานสาวมากกว่า” สีหน้าของคุณหญิงดูมีความหวังว่าเด็กในท้องของปลาวาฬจะเป็นหลานสาว

            “พ่อยังไงก็ได้” เกริกไกรเองก็เอากับเขาบ้าง

            “แล้วแกล่ะนักบินอยากได้ลูกสาวหรือลูกชาย” คุณหญิงถามลูกชาย

            “ผมอยากได้ทั้งหญิงและชายเลยครับ ถ้าเป็นแฝดได้ก็ยิ่งดี” นักบินตอบแล้วหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เห็นว่าปลาวาฬทำหน้าเครียดเหม่อลอยอยู่เลยสะกิดที่หน้าขาเบาๆ เมื่อปลาวาฬหลุดจากภวังค์ก็หันไปมองหน้าอีกฝ่ายทันที

            “เป็นอะไร” นักบินเอ่ยถามเบาๆด้วยความเป็นห่วง เพราะคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีความสุขกับปาร์ตี้ครั้งนี้

            “เปล่าครับ” เจ้าตัวตอบกลับเบาๆแล้วหันไปโปรยยิ้มให้กับทุกคน

            “แล้วหนูปลาวาฬอยากได้ลูกชายหรือลูกสาวจ๊ะ” คุณหญิงถามออกไป

            “เอ่อ..ผมยังไงก็ได้ครับ” ปลาวาฬตอบส่งๆออกไป ยิ่งได้ยินทุกคนพูดอย่างนี้ยิ่งละอายใจกับสิ่งที่ทำอยู่  ซึ่งมันไม่ต่างจากการขายลูกกินเลย เมื่อได้รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นแม่คน ยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดในใจมันผุดขึ้นมาเรื่อยๆ

            “ฉันลืมไปว่าหนูแค่มารับจ้างอุ้มท้องให้เท่านั้นเอง” เมื่อพูดออกไปแล้วคุณหญิงก็เอามือมาปิดริมฝีปากไว้ เพราะลืมคิดไปว่าอาจจะทำให้ปลาวาฬรู้สึกไม่ดีก็เป็นได้ “ฉันขอโทษนะจ๊ะที่พูดอย่างนั้นออกไป หนูปลาวาฬอย่าคิดมากนะ”

            “ไม่เป็นไรครับคุณหญิงผมโอเค เรื่องที่คุณหญิงพูดมามันก็คือเรื่องจริงนี่นา” แม้จะรู้สึกแย่มากแค่ไหน แต่เขาก็ต้องแสดงออกให้ดูร่าเริงมากที่สุด เพราะไม่อยากให้ทุกคนอึดอัด

            “ผมว่าเรามาชนแก้วกันอีกครั้งดีกว่าครับ เอ้าชน!” นักบินกลัวว่าบรรยากาศจะกร่อย เลยเอ่ยแทรกขึ้นมาเพื่อดึงบรรยากาศให้ครื้นเครงขึ้น

            แกร๊ง!

            “นั่งกันนานแล้วตอนนี้เรามาขยับแข้งขยับขากันดีกว่าครับทุกคน” นักรบยืนขึ้นแล้วเอ่ยกับทุกคน

            “ดีเหมือนกันแม่ไม่ได้เต้นรำมานานแล้ว” คุณหญิงเอ่ยแล้วหันไปมองหน้าสามีทันที นั่นทำให้เกริกไกรรู้ตัวทันทีว่าเขาจะต้องเป็นคู่เต้นรำให้กับภรรยาแน่นอน

            “เดี๋ยวผมจะไปเปลี่ยนเพลงให้นะครับ” ว่าแล้วนักรบก็เดินตรงไปยังโต๊ะควบคุมเครื่องเสียง เพื่อเปลี่ยนเพลงให้เหมาะหรับการเต้นรำ แล้วเดินกลับมาโค้งคำนับเพื่อขอให้ปลาวาฬลุกขึ้นมาเป็นคู่เต้นรำด้วย “คุณปลาวาฬให้เกียรติเต้นรำกับผมด้วยครับ”

            ก่อนที่ปลาวาฬจะตอบรับ นักบินกลับเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน

            “ไม่ได้เว้ยไอ้น้องรัก วันนี้ปลาวาฬต้องเต้นรำคู่กับพี่เท่านั้น” ว่าแล้วก็จับมือคนที่นั่งอยู่ให้ลุกขึ้น แล้วโอบไหล่เดินไปกลางฟลอร์ ซึ่งเป็นพื้นหญ้าโล่งในสวน

            “โด่ววว หวงซะจริงๆเลย” นักรบบ่นให้พี่ชายแต่ก็ยอมโดยดี

            “ผมเต้นไม่เป็นนะ” ปลาวาฬเอ่ยพร้อมกับค่อยๆแกะมือของอีกฝ่ายออกจากไหล่บาง

            “ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันจะสอนเอง” ว่าแล้วก็พลิกตัวอีกฝ่ายมาประจัญหน้า แล้วสอดประสานนิ้วยกขึ้นข้างลำตัว ส่วนมืออีกข้างเกี่ยวที่เอวคอดเอาไว้แล้วกระชับตัวเข้ามา

            “ชิดเกินไปรึเปล่าคุณ” ปลาวาฬเงยหน้าขึ้นไปถามอีกฝ่าย แต่นักบินกลับทำหน้าทะเล้นแล้วยิ้มให้

            “ชิดกว่านี้ก็เคยมาแล้วจะกลัวอะไร” พูดแล้วก็ยักคิ้วให้ ทำเอาคนที่อยู่ในอ้อมกอดเบ้ปากใส่ทันที

            ระหว่างนั้นคุณหญิงฉัตรฉายและสามีก็จูงมือกันลงมากลางฟลอร์เช่นเดียวกัน ส่วนนักรบเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นผู้บันทึกภาพและวิดีโอไปโดยปริยาย

            ระหว่างที่ดนตรีคลาสสิคบรรเลงไปเรื่อยๆ คู่เต้นรำทั้งสองก็ออกสเตปไปตามจัวหวะอย่างช้าๆ แม้ว่าคุณหญิงฉัตรฉายและสามีจะห่างหายจากการเข้าคู่มานาน แต่การเต้นรำกลับเป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้หวนนึกถึงสมัยที่เคยจีบกันใหม่ๆ ส่วนคู่นักบินกับปลาวาฬเกือบสะดุดล้มไปหลายรอบ แต่ถึงอย่างนั้นนักบินก็ช่วยสอนและเป็นผู้นำได้เป็นอย่างดี แม้จะโดนอีกฝ่ายเหยียบเท้าอยู่หลายครั้งก็ตาม

            “ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย” แม้จะเต้นรำมาได้สักพักแต่ปลาวาฬกลับยังคงทำหน้างองุ้มไม่หยุด

            “ก็ผมบอกว่าเต้นไม่เป็นคุณก็ยังจะบังคับ และอีกอย่างผมก็ไม่อยากเต้นกับคุณด้วย”

            “เต้นกับฉันแล้วมันจะทำไม อ้อ...ลืมไปว่ากำลังอ่อยน้องฉันอยู่คิดจะเทครัวรึไงห๊ะ”

            “ในหัวคุณคิดแต่เรื่องต่ำๆไม่เหมือนนักรบ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นพี่น้องคลานตามกันมา” ปลาวาฬมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว

            “นี่นายกล้าว่าฉันต่ำเหรอ!” นักบินชักสีหน้าใส่พร้อมที่จะจัดการอีกฝ่ายได้ตลอดเวลา

            “เอาสิจะทำอะไรผมก็รีบทำ ทุกคนจะได้รู้ว่าคนอย่างคุณมันไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยแม้แต่น้อย” ปลาวาฬท้าทายเพราะคิดว่ายังไงนักบินก็ไม่มีทางทำอะไรเขาได้

            “ตั้งแต่รู้ตัวว่าท้องนี่ปากเก่งขึ้นเยอะนะ อย่าคิดว่าฉันจะไม่กล้าทำอะไรนาย”

            “กล้าก็ทำเลยสิผมจะได้เอาเรื่องนี้ไปฟ้องคุณหญิง” ปลาวาฬรู้ดีว่ายังไงซะคุณหญิงก็ต้องอยู่ข้างเขา และถ้าเอาเรื่องความปลอดภัยของเด็กมาอ้างมีหรือที่อีกฝ่ายจะไม่โดนเอ็ดเอา

            “ฉันไม่โง่อย่างนั้นหรอกนะหึๆ” พูดจบก็เลื่อนมือหนาไปลูบไล้ที่บั้นท้ายแล้วคลึงเล่นเบาๆ ก่อนจะยิ้มอย่างผู้มีชัย ทำเอาปลาวาฬถึงกับมองตาขวางแล้วพยายามสลัดตัวออกเพื่อกลับไปนั่งที่เดิม

            “ผมเหนื่อยแล้วขอกลับไปนั่งที่”

            “อ้าว! ง่วงแล้วเหรอยังสนุกอยู่เลย” นักบินพูดเสียงดังจนทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกัน

            “คุณพูดบ้าอะไรเนี่ย” ปลาวาฬกัดฟันพูดเสียงเบา

            “ทุกคนครับผมขอตัวพาปลาวาฬขึ้นไปนอนก่อนนะ น้องง่วงแล้วงอแงงอย่างกับเด็กเลย” นักบินพยายามโอบไหล่ร่างเล็กเอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนได้

            “ถ้างั้นก็พาน้องขึ้นไปนอนเถอะ” คุณหญิงฉัตรฉายเอ่ย

            “ครับคุณแม่”

            นักบินโอบไหล่ร่างเล็กเดินขึ้นไปบนห้องนอน โดยที่อีกฝ่ายกลับเอาแต่ฮึดฮัดไม่ยอมตามใจ

            เมื่อมาถึงห้องแล้วนักบินก็ผลักร่างเล็กลงบนเตียงแล้วคร่อมตัวเอาไว้ มือเรียวทั้งสองข้างถูกประสานนิ้วแล้วตรึงไว้เหนือศีรษะ ทำให้ปลาวาฬกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรบ้าๆลงไปเหมือนเมื่อคืนอีก

            “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” ร่างเล็กกดเสียงต่ำบ่งบอกว่ากำลังโมโหอยู่ไม่น้อย สายตาคมจ้องมองมาอย่างไม่ได้ใส่ใจกับคำทัดทานนั่นเลย

            “ไม่ จนกว่านายจะบอกฉันว่านายเป็นอะไร”

            “ผมเป็นอะไร?” ปลาวาฬเริ่มงงกับคำถาม

            “ก็ตอนที่นั่งเหม่ออยู่ในงานเลี้ยงไง นายคิดอะไรอยู่บอกฉันมา”

            “เปล่า” พูดแล้วก็เบนหน้าหนีไปอีกทาง ขืนบอกไปว่าเขารู้สึกผิดที่ขายลูกกินมีหวังนักบินได้สมน้ำหน้าเขาแน่นอน

            “จะบอกไม่บอก” นักบินเริ่มไม่เล่นด้วย ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาอยากรู้เรื่องที่อีกฝ่ายคิดในตอนนั้น และมั่นใจว่าแววตาเศร้านั่นเหมือนกับมีเรื่องไม่สบายใจอยู่

            “ผมจะคิดอะไรจำเป็นต้องบอกคุณทุกเรื่องเลยเหรอ บ้าไปแล้วรึไง”

            “ที่ถามเพราะอยากรู้ว่านายมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า ฉันจะได้ช่วยนายไงล่ะ” นักบินเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมากขึ้น ทำให้ปลาวาฬมองหน้าชายหนุ่มอย่างประหลาดใจ ทำไมอยู่ๆถึงได้เปลี่ยนท่าทีไปได้ง่ายๆอย่างนี้นะ แถมสายตาคมคู่นั้นมันมีความจริงใจซ่อนอยู่ข้างในจนสัมผัสได้

            “เลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะผมง่วงแล้ว” ปลาวาฬหลบตาลงแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง เขาไม่มีทางให้อีกฝ่ายรู้เรื่องที่คิดในใจเด็ดขาด

            “นายนี่ปากแข็งจริงๆ ถ้างั้นนอนเถอะฉันไม่กวนแล้ว” ก่อนจะปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ นักบินกลับโน้มใบหน้าลงไปประกบจูบทันที เขาไม่สามารถปล่อยอีกฝ่ายไปเฉยๆได้ ทุกครั้งที่แตะเนื้อต้องตัวเด็กคนนี้เขาห้ามใจไม่ให้ทำเกินเลยไม่ได้สักที
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-05-2018 23:31:46
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 28-05-2018 23:49:13
สงสารปลาวาฬเลยยย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-05-2018 00:09:21
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-05-2018 00:20:29
สงสารน้องวาฬ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-05-2018 00:41:49
เฉ่าไปเลย หนูวาฬ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 29-05-2018 01:11:22
ถ้าถึงเวลาต้องจากลูกขึ้นมาจริงๆ หนูปลาวาฬจะทำใจได้ยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 29-05-2018 02:01:42
น่าสงสารปล่วาฬแต่นักบินนี่นิสัยเด็กมากจะเป็นพ่อคนได้เหรอ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 29-05-2018 02:57:09
สงสารปลาวาฬ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-05-2018 08:50:33
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-05-2018 09:54:18
สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 29-05-2018 14:37:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-05-2018 18:50:18
สงสารปลาวาฬมากเลย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 29-05-2018 21:23:08
ปลางาฬเริ่มรู้สึกคิดผิดที่ขายลูก แล้วนักบินรู้สึกยังไงกับปลาวาฬล่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 30-05-2018 14:12:27
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 30-05-2018 21:03:22
น่าสงสาร   :mew2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 11 ความลับในใจ l Up:28-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 31-05-2018 11:29:14
รอตอนต่อไปแล้วววว..  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 12 เสียงของหัวใจ l Up:31-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 31-05-2018 22:26:45
-๑๒-

เสียงของหัวใจ



            “เดี๋ยวตอนเย็นพี่จะมารับนะครับ”                       

            “ครับ...ขับรถดีๆล่ะตั้งใจทำงานด้วย”

            “คร้าบบที่รัก”

            เงินกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถแต่โดนอีกฝ่ายคว้าตัวเอาไว้เสียก่อน

            “มีอะไรอีกเนี่ย” ร่างเล็กหันไปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัย

            “ลืมอะไรรึป่าววว” เจฟฟี่เอ่ยแล้วเอียงแก้มยื่นเข้าไปใกล้

            “นึกว่ามีอะไร เรื่องอย่างนี้ล่ะจำได้ดีเชียวนะ” ว่าแล้วก็ยิ้มให้ก่อนจะค่อยๆยื่นหน้าเรียวเข้าไปจุมพิตลงที่แก้มของอีกฝ่าย

            จุ๊บ!!!

            “พอใจรึยัง”

            “ยัง!” เจฟฟี่รีบโน้มใบหน้าคมเข้าไปประกบริมฝีปากโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อสมใจก็ผละใบหน้าออกมายิ้มให้อย่างกวนๆ

            เงินกลัวว่าใครจะเดินมาเห็นเข้าก็มองซ้ายมองขวา แล้วหันมาทำหน้าดุใส่คนรักพร้อมกับใช้มือเรียวฟาดไปที่ต้นแขนเบาๆ

            “ทำประเจิดประเจ้อเดี๋ยวใครก็มาเห็นเข้าหรอก”

            “ดี! ทุกคนจะได้รู้ว่าเงินมีเจ้าของแล้ว” เจฟฟี่ไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดแต่อย่างใด กลับเอื้อมมือหนามาสัมผัสที่แก้มขาวนวลแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเบาๆ สายตาคมจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่สวย ทำเอาอีกฝ่ายนั่งนิ่งเหมือนกำลังถูกสะกดจิต “ไม่ว่าจะต้องเหนื่อยแค่ไหนพี่ก็จะอดทน เพื่อทำให้เงินรู้ว่าพี่มีดีพอที่จะดูแลเงินได้” แม้หลายวันที่ผ่านมาเจฟฟี่จะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมากแค่ไหนก็ตาม แต่เจ้าตัวก็อดทนสู้และพยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่

            “จะมาทำซึ้งอะไรตอนนี้เนี่ย ไปทำงานได้แล้วเดี๋ยวก็สายหรอก” เงินแก้อาการเขินอายด้วยการไล่คนรักให้รีบไปทำงาน แล้วเปิดประตูรถลงไปยืนอยู่ข้างๆ

            “เดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับนะ” เจฟฟี่ตะโกนออกมาจากในรถ

            “อื้ม” เงินตอบรับสั้นๆแล้วโบกมือให้

หลังจากเจฟฟี่ขับรถออกไปแล้วเงินก็เดินยิ้มเข้ามาในร้านอย่างอารมณ์ดี เจสสิก้าที่แอบยืนดูอยู่นานก็เอ่ยแซวทันทีที่เงินเดินมาถึง

            “เดินยิ้มมาแต่ไกลเลยนะจ๊ะ”

            “อ้าว! สวัสดีครับพี่เจส” เมื่อเห็นหน้าเจ้าของร้านเงินก็รีบยกมือขึ้นไหว้ทันที

            “สวัสดีจ้ะ...ทำอะไรกันอยู่ในรถตั้งนานสองนาน” เจสสิก้ายังไม่ยอมหยุดแซว

            “เอ่อ...มีเรื่องคุยกันนิดหน่อยครับพี่เจส” เงินยิ้มเขินแล้วหลบตาหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า

            “อ๋อ...พี่ก็นึกว่านั่งจู๋จี๋กันในรถซะอีก ไอ้น้องชายพี่มันยิ่งหื่นได้ตลอดเวลาอยู่ด้วยสิ เงินเองก็รู้ไม่ใช่เหรอจ๊ะ” เจสสิก้าอยากแกล้งแฟนน้องชายเล่นเท่านั้นเอง เพราะเวลาที่เงินอายมักจะหน้าแดงอมชมพูดูน่ารักซะเหลือเกิน

            “คะ...ครับ” เงินตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะกำลังรู้สึกเขินอายซะเต็มประดา

            “พี่ไม่แกล้งแล้ว  รีบเอาของไปเก็บหลังร้านเถอะ” เมื่อแกล้งอีกฝ่ายจนพอใจแล้ว เจสสิก้าก็บอกให้เงินนำถุงอะไรบางอย่างที่ถืออยู่ในมือไปเก็บไว้หลังร้านก่อนเข้าทำงาน

            “ของ!” เงินทวนคำพูดของเจสสิก้าแล้วก้มมองดูที่มือตัวเอง ก็ต้องตกใจเพราะนี่คือข้าวกล่องที่เจ้าตัวอุตส่าห์ทำให้คนรักไปทานที่โรงแรมนั่นเอง

            “มีอะไรหรือเปล่าเงินทำหน้าตาตื่นเชียว” เจสสิก้าถาม

            “ผมเผลอถือข้าวกล่องที่ทำให้พี่เจฟติดมือมาด้วยอ่ะครับ”

            “ถ้างั้นเดี๋ยวพี่เอาไปให้มันเองก็ได้” เจสสิก้าอาสา

            “ผมขอเอาไปให้เองได้ไหมครับ คือผมอยากไปดูที่ทำงานของพี่เจฟด้วยอ่ะครับ อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง” เงินอยากใช้โอกาสนี้ไปดูว่าเวลาทำงานคนรักจะเป็นอย่างไรบ้าง

            “ได้สิแล้วจะไปตอนไหนล่ะ”

            “ถ้างั้นวันนี้ผมขอพักสักห้าโมงครึ่งพร้อมกับมอสได้ไหมครับ”

            “ได้สิจ๊ะแล้วจะไปยังไงให้พี่ไปด้วยไหม”

            “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมให้มอสไปส่งก็ได้”

            “โอเคจ๊ะถ้างั้นก็เอาไปเก็บหลังร้านก่อนละกันนะ พี่จะไปดูความเรียบร้อยฝั่งโน้นก่อน” เจสสิก้ายิ้มให้แล้วเดินไปสำรวจความเรียบร้อยภายในร้านก่อนจะเปิดทำการขายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

            ส่วนเงินก็เดินไปหลังร้านแล้ววางข้าวกล่องไว้บนโต๊ะ ก่อนจะปรายตามองมอสที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่อีกมุม

            “เล่นมือถือแต่เช้าเลยส่องเฟชใครอยู่น่ะ” เงินเอ่ยทักทายด้วยประโยคคำถาม

            “พูดเหมือนตาเห็นเลยเนาะ กำลังส่องเฟชไอ้บอลอยู่อ่ะ วันนี้แม่งป่วยไม่ได้ไปทำงานรู้สึกเป็นห่วงสุดๆ” มอสเอ่ยกับเพื่อนแต่ยังคงจับจ้องไปที่หน้าจอมือถืออย่างไม่ละสายตา

            “เป็นห่วงก็ไปหาเขาสิ” เงินแนะนำเพราะดูจากท่าทางแล้ววันนี้คงไม่เป็นอันทำการทำงานแน่นอน

            “ยังไม่รู้ว่ามันพักอยู่ที่ไหนน่ะสิ ไม่งั้นไปหาแล้ว” มอสบ่นออกมา

            “จะยากอะไรวันนี้ก็ไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วถามเจ้าของร้านดูสิ เราว่าเขาน่าจะรู้นะ” เงินให้คำแนะนำ

            “เออใช่ว่ะ ขอบใจนะเงินเรานี่ก็โง่มานาน” พูดแล้วก็แค่นยิ้มให้กับความเขลาของตัวเอง

            “วันนี้พาเราเอากล่องข้าวไปให้พี่เจฟที่โรงแรมหน่อยสิ เราเผลอเอาติดมือมาด้วยอ่ะ”

            “ได้ๆ แต่เราขอแวะที่ร้านก๋วยเตี๋ยวก่อนนะ”

            “โอเคจ้า”

            พูดคุยตกลงกันแล้ว ทั้งสองก็เตรียมตัวออกไปทำงานที่หน้าร้าน

*-*-*-*-*-*-*

            หลังจากยกกระเป๋าขึ้นไปส่งให้ลูกค้าบนห้องพักแล้ว เจฟฟี่ก็เดินปาดเหงื่อไปรอที่หน้าลิฟต์ด้วยความอิดโรย วันนี้แขกเข้ามาเช็กอินที่โรงแรมเป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าตัวต้องเดินขึ้นๆลงๆอยู่หลายรอบ แถมลูกค้าบางรายยังเอาใจยากซะเหลือเกิน ช่วงแรกที่ทำงานก็เคยเกือบจะมีเรื่องกับลูกค้าอยู่หลายครั้ง แต่ก็ได้ผกาช่วยเจรจากับลูกค้าให้ นอกจากนั้นยังช่วยปรับทัศนคติจนเขาคิดได้และเริ่มดีขึ้นมาเรื่อยๆ

            “ดูท่าทางจะเหนื่อยมากเลยนะคะคุณเจฟ” ประชาสัมพันธ์สาวสวยที่ชื่อ ‘หญิง’ เดินเข้ามาทักทาย เมื่อเห็นลูกชายเจ้าของโรงแรมกำลังเดินเหงื่อโชกออกมาจากลิฟต์

            หญิงเป็นพนักงานสาวสวยที่ปลื้มเจฟฟี่เป็นพิเศษ ยิ่งรู้ว่าเป็นลูกชายของเจ้าของโรงแรมยิ่งปลื้มขึ้นไปอีก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงชอบเข้าหาเจฟฟี่อยู่บ่อยครั้งเมื่อมีโอกาส

            “ก็นิดหน่อยครับ” ตอบเจ้าหล่อนแล้วเจฟฟี่ก็เดินเลี่ยงออกมา แต่หญิงกลับเดินตามหลังมาติดๆ

            “นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วหญิงว่าจะชวนคุณเจฟไปทานข้าวอ่ะค่ะ” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายชวนก็ทำให้เจฟฟี่นึกขึ้นมาได้ทันทีว่า เมื่อเช้าเขาไม่ได้ถือถุงข้าวกล่องออกมาจากรถด้วย และคิดว่าคนรักน่าจะถือติดมือลงจากรถไปด้วย

            “เชิญตามสบายเลยครับผมต้องขอตัวก่อน” ว่าแล้วเจฟฟี่ก็เดินเลี่ยงมาอีกที

            “คุณเจฟอย่าปฏิเสธเลยนะคะ วันนี้หญิงตั้งใจทำข้าวกล่องมาเผื่อคุณด้วย อย่าทำให้หญิงต้องเสียเที่ยวเลยนะคะ” ไม่ว่าเปล่าหญิงกลับควงแขนเอาไว้ด้วย เมื่อโดนลูกอ้อนเข้าไปเจฟฟี่จึงยอมตอบตกลงแต่โดยดี

            “ถ้างั้นก็ได้ครับ”

            “เย้! ตามหญิงมาทางนี้เลยค่ะ” เมื่ออีกฝ่ายยอมตอบตกลงหญิงก็รีบดึงแขนออกไปทันที

            หญิงกึ่งลากกึ่งดึงตัวชายหนุ่มเดินตรงไปยังที่นั่งในสวนหย่อมข้างโรงแรม เมื่อถึงแล้วเจฟฟี่ก็จำใจนั่งลงด้วยความรู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย แต่ทำได้เพียงปั้นหน้ายิ้มให้ อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้ชาย ไม่ควรทำให้ผู้หญิงรู้สึกเสียหน้า

            “นี่ข้าวของคุณเจฟหญิงตั้งใจทำมาเองกับมือเลยนะ...แล้วนี่ก็น้ำดื่ม” หญิงเปิดฝาข้าวกล่องแล้วนำไปวางไว้ตรงหน้าให้ พร้อมกับขวดน้ำดื่มที่เปิดฝาและเสียบหลอดไว้อย่างเสร็จสรรพ หวังเอาใจเต็มที่ เมนูที่เธอทำมานั่นคือแกงเขียวหวานไก่และไข่ดาวหนึ่งฟอง

            “ขอบคุณครับ” เจฟฟี่เอ่ยขอบคุณแล้วรีบลงมือทานทันที เพราะอยากจะออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

            “อร่อยไหมคะ หญิงตั้งใจทำมาให้คุณเจฟโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย” เจ้าหล่อนยิ้มหวานให้ แท้ที่จริงแล้วกับข้าวในกล่องเธอซื้อมาจากร้านขายข้าวแกง เพียงแต่นำมาเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่ เพื่อทำให้ดูเหมือนว่าตัวเธอทำมาเองกับมือ

            “ก็อร่อยดีครับ” พูดแล้วก็รีบตักข้าวคำใหญ่เข้าไปในปาก ไม่นานนักข้าวก็ติดคอจนต้องสำลัก

            แค่กๆๆ

            “ว้ายคุณเจฟเป็นอะไรคะ” หญิงรีบเดินอ้อมมาข้างหลังแล้วหยิบขวดน้ำให้ มือเรียวอีกข้างของเธอก็ลูบที่หลังป้อยๆ ก่อนจะค่อยๆเลื่อนขึ้นมาโอบที่คอของเจฟฟี่เอาไว้ หากมองจากด้านหลังก็เหมือนกับว่าหญิงสาวกำลังกอดชายหนุ่มอยู่นั่นเอง

            ระหว่างนั้นเงินก็เดินเข้ามาพร้อมกับมอสแล้วเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เจ้าตัวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แขนขาเริ่มอ่อนแรงขึ้นมาทันทีจนทำให้ถุงข้าวกล่องที่อยู่ในมือหล่นลงพื้น ดวงตาสวยร้อนผ่าว น้ำใสๆเริ่มคลอออกจนปริ่มจวนจะไหลลงมาเต็มที

            “เงินเป็นอะไรหรือเปล่า...เดี๋ยวเราจะไปจัดการนายนั่นให้เอง” พูดแล้วก็จะเดินไปหาคนทั้งสองแต่เงินรั้งมือเอาไว้ก่อน

            “ไม่ต้องหรอกมอส เรากลับกันเถอะ”

            “เงินจะปล่อยให้ไอ้พี่เจฟมันมีความสุขกับกิ๊กงั้นเหรอ”

            “อื้ม...ไม่ต้องไปขัดจังหวะเขาหรอก” ว่าแล้วก็หันหลังกลับ เดินร้องไห้ออกไปจากตรงนั้น

            ก่อนเดินตามเพื่อนไปมอสก็จ้องคนทั้งสองตาเขม็งด้วยความโกรธแค้นแทนเพื่อน

            เมื่อดื่มน้ำจนคอเริ่มคล่องดีแล้วเจฟฟี่ก็ลุกขึ้นยืน ทำให้หญิงต้องจำใจปล่อยมือออกจากตัวอีกฝ่าย

            “ขอบคุณมากนะครับ แต่ผมต้องขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน”

            “หญิงเต็มใจค่ะ เอาไว้พรุ่งนี้หญิงจะทำมาให้ทานใหม่นะคะ” เจ้าหล่อนยิ้มกว้าง

            “ไม่เป็นไรครับเพราะเมียผมทำมาให้อยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้ลืมเอามาเท่านั้นเอง” เจฟฟี่บอกความจริงออกไป หวังจะให้เจ้าหล่อนเลิกตามติดเขาเสียที

            “นี่คุณเจฟมีเมียแล้วเหรอคะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นหญิงก็ทำหน้าเสียขึ้นมาทันที

            “ผมพูดขนาดนี้แล้วคุณคงจะเข้าใจนะครับ เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันน่าจะดีที่สุดแล้ว”

            พูดจบก็หันหลังเดินออกมาจากโต๊ะ ก่อนจะสังเกตเห็นถุงข้าวกล่องที่ถูกวางทิ้งอยู่บนพื้น และแน่ใจว่านั่นคือข้าวกล่องที่เงินเตรียมไว้ให้เมื่อเช้านี้ เจ้าตัวเดินไปหยิบขึ้นมาแล้วมองหาเจ้าของ แต่ก็ไม่พบเสียแล้ว

            “เงินมาที่นี่...อย่าบอกนะว่าจะเห็นภาพเมื่อครู่” เจฟฟี่พูดกับตัวเองแล้วรีบถือถุงข้าวกล่องเดินตรงไปที่ลานจอดรถทันที

*-*-*-*-*-*-*

            หลังจากวันที่จัดงานปาร์ตี้ปลาวาฬก็เอาแต่ซึมเศร้า จนนักบินสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ไอ้เด็กดื้อที่เคยปากดีและชอบแกล้งเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจ เคยคาดคั้นถามไปหลายรอบแต่ก็ไม่ได้คำตอบกลับมา กลัวว่าความเครียดอาจจะส่งผลถึงเด็กในท้องด้วย ยิ่งครรภ์อ่อนๆอย่างนี้ยิ่งมีโอกาสแท้งสูง จึงตั้งใจจะพาไปเที่ยวต่างจังหวัดสักสองสามวัน เผื่อว่าจะทำให้ปลาวาฬลืมเรื่องที่ไม่สบายใจได้บ้าง

            วันนี้นักบินลงทุนเดินเข้าไปในครัวด้วยตัวเอง เพื่อสั่งให้แม่บ้านปอกมะม่วงและจัดใส่จานพร้อมกับถ้วยน้ำพริกปลาหวาน เขาตั้งใจจะนำมาให้ปลาวาฬรับประทาน เพราะปกติคนท้องจะชอบทานอะไรเปรี้ยวๆ หวังว่ามะม่วงจานนี้คงจะถูกใจอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย

            “อ่ะกินซะ” เมื่อเดินมาถึงนักบินก็วางจานมะม่วงลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงบนโซฟาทันที ทำเอาคนที่นั่งอยู่ก่อนมองหน้าอย่างงงๆ

            “คุณเอามาให้ผมเหรอ”

            “ก็จะใครซะอีกที่นี่มีแค่นายคนเดียว”

            “ผมไม่กิน” ปลาวาฬรีบปฏิเสธทันที เพราะเจ้าตัวไม่ได้รู้สึกเปรี้ยวปากอยากทานเลยแม้แต่น้อย

            “ต้องกิน...คนท้องชอบกินอะไรเปรี้ยวๆไม่ใช่เหรอ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจจานมะม่วงที่ตัวเองอุตส่าห์นำมาให้ ก็รู้สึกหงุดหงิดทันที

            “ก็ใช่...แต่ตอนนี้ยังไม่หิวคุณกินเองเถอะ” ว่าแล้วก็นั่งกอดเข่าเอนหลังอยู่บนพนักโซฟาต่อ

            “นายนี่ไม่มีมารยาทเอาซะเลยคนอุตส่าห์เอามาให้” นักบินหยิบมะม่วงมาชิ้นหนึ่งแล้วยื่นให้ “อ่ะ”

            “ก็บอกว่าไม่กินไงล่ะ คุณหูหนวกรึไง” ปลาวาฬมองแล้วก็ปรายตาหนีไปอีกทาง

            “ก็ฉันอยากให้กินไง” ไม่ว่าเปล่านักบินลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆแล้วโอบไหล่เอาไว้แน่น ไม่ให้อีกฝ่ายขยับตัวหนีไปไหนได้             “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคุณจะทำอะไร” ปลาวาฬมองซ้ายมองขวา กลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า

            “ไม่มีใครอยู่หรอกออกไปข้างนอกกันหมดแล้ว แต่ถึงมีนายจะกังวลอะไรในเมื่อเราก็เป็นผัวเมียกันแล้ว” นักบินยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วให้

            “ใครเป็นเมียคุณมิทราบ ผมเป็นแค่ลูกจ้างต่างหากล่ะ” ปลาวาฬเอ่ยราวกับกำลังรู้สึกน้อยใจอย่างลืมตัว

            “นายพูดเหมือนน้อยใจฉันเลยนะ” นักบินจ้องหน้าจับผิด

            “ใครน้อยใจคุณไม่ทราบ ปล่อยผมเถอะอึดอัดจะแย่แล้วเนี่ย”

            “ไม่ปล่อยจนกว่านายจะยอมกินมะม่วงนี้ซะก่อน” นักบินหยิบมะม่วงชิ้นเดิมไปจิ้มน้ำพริกปลาหวานที่มีความเข้มข้นเหนียวหนืด แล้วยื่นเข้าไปจ่อตรงปากของอีกฝ่าย

            “โอเคๆ แค่ชิ้นเดียวนะ แต่ผมกินเองได้ไม่ต้องป้อน” ปลาวาฬยกมือเรียวขึ้นมาหมายจะจับมะม่วงชิ้นนั้นจากมืออีกฝ่าย แต่นักบินกลับไม่ยอม

            “ฉันจะป้อนนายเองอยู่นิ่งๆเดี๋ยวก็ได้เลอะหรอก” นักบินป้อนอีกฝ่ายจนได้

            เมื่อมะม่วงเข้าปากแล้วปลาวาฬก็ทำหน้าเหยเกทันที เพราะรสชาติของมันเปรี้ยวจี๊ดจนต้องหลับตาปี๋

            “โอ๊ยย!! ทำไมมันเปรี้ยวอย่างนี้เนี่ย” เจ้าตัวแทบอยากจะคายออกมาเสียให้ได้ แต่ติดตรงที่อีกฝ่ายยังโอบไหล่ไว้ไม่ยอมปล่อย จึงกลั้นใจกลืนลงคอไป

            “ก็เหมาะกับคนท้องแล้วไม่ใช่เหรอ” นักบินยังจะป้อนอีก

            “พอๆๆ ผมไม่เอาแล้วคุณกินเองเลย” ปลาวาฬจับข้อมือนักบินไว้พยายามบังคับให้กินเสียเอง แต่ชายหนุ่มกลับเสียหลักล้มลงนอนบนโซฟา จนทำให้ปลาวาฬนอนทับทาบอยู่บนตัวอีกฝ่ายทันที เมื่อพยายามจะลุกขึ้นแต่กลับโดนมือหนารั้งเอวคอดไว้แน่นไม่ยอมให้ไปไหนได้

            “จะลุกไปไหนฮึ” นักบินส่งสายตาคมคู่นั้นจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวย เหมือนเป็นการสะกดจิตให้อีกฝ่ายอยู่นิ่งๆ แล้วตั้งใจฟังสิ่งเขากำลังจะพูด

            “คุณ...ไม่หนักเหรอ” คนพูดใบหน้าเริ่มเปลี่ยนสีขึ้นมาแล้ว มือเรียวที่วางทาบอยู่บนอกแกร่งทั้งสองข้าง รับรู้ได้ถึงจังหวะการหายใจที่ถี่รัว และจังหวะการเต้นของหัวใจที่เต้นเร็วผิดปกติ

            “ไม่เห็นจะหนักเลย ขนาดอุ้มนายทั้งตัวฉันยังเคยมาแล้ว...ลืมแล้วเหรอฮึ” นักบินเริ่มลวนลามอีกฝ่ายด้วยสายตาคม และแสดงสีหน้าหื่นออกมาอย่างไม่รู้ตัว

            “ลามก...คุณไม่หนักแต่ผมอึดอัด ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย” ไม่รู้ทำไมเขาจะต้องรู้สึกเขินอายกับใบหน้าหื่นนั่นด้วยก็ไม่รู้

            “เราไปเที่ยวทะเลกันสักสองสามวันไหม” คำพูดที่นักบินเอ่ยออกมา ทำเอาปลาวาฬถึงกับนิ่งเงียบ

            “ทะ...ทำไมผมต้องไปกับคุณด้วยล่ะ” ปลาวาฬรู้สึกเหมือนถูกชวนไปเดทซะอย่างนั้น

            “ก็เห็นว่านายกำลังเครียดๆไง ฉันเลยจะพาไปพักผ่อนไม่ดีรึไง” น้ำเสียงที่ดูอบอุ่นทำให้ปลาวาฬแทบจะละลายไปทั้งตัวเสียให้ได้

            “โอเคก็ได้” เจ้าตัวตอบแต่ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย

            “นอนเถอะฉันรู้สึกง่วงแล้ว” พูดจบนักบินก็หลับตาลงทันที เขาไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งอีกฝ่าย แต่ตอนนี้กำลังรู้สึกว่า การมีใครบางคนอยู่ใกล้ๆให้กอดอย่างนี้มันช่างรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

            “จะนอนทั้งอย่างนี้งั้นเหรอ..คุณ”

            ปลาวาฬเอ่ยคัดค้านแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมลืมตาขึ้นมา ดูท่าทางคงจะเอาจริง ปกติแล้วหากมีโอกาสอย่างนี้ เขาไม่เคยปล่อยให้อีกฝ่ายได้อยู่อย่างเป็นสุข แต่นี่คือครั้งแรกที่ไม่คิดอยากจะแกล้งอะไรเลย กลับรู้สึกอยากอยู่อย่างนี้นานๆ เมื่อเห็นนักบินนอนเงียบไปหลายนาทีแล้ว ปลาวาฬก็ค่อยๆซบแก้มลงบนอกแกร่งแล้วหลับตาลง นอนฟังเสียงหัวใจของอีกฝ่ายจนเผลอหลับไปในที่สุด ส่วนนักบินก็ได้แต่นอนยิ้มอยู่อย่างนั้นอย่างอารมณ์ดี
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 12 เสียงของหัวใจ l Up:31-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 31-05-2018 22:48:30
ปลาวาฬกะยนักบินเค้าเริ่มดีๆกันเเล้ววว
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 12 เสียงของหัวใจ l Up:31-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-05-2018 22:52:25
 :katai2-1:

คนท้องอารมณ์แปรปรวนสิน่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 12 เสียงของหัวใจ l Up:31-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-05-2018 22:54:03
เจฟฟ์งานเข้า
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 12 เสียงของหัวใจ l Up:31-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 31-05-2018 23:30:16
นักบินนี่ก็เข้าหาน้องแบบรุนแรงตลอดดดด ทำตัวเป็นเด็กผู้ชายที่ชอบแกล้งคนที่ชอบไปได้
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 12 เสียงของหัวใจ l Up:31-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-06-2018 01:50:47
ทำไมไม่พูดตั้งแต่ต้นว่ามีเมียแล้วฟ่ะ นังเจส  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 12 เสียงของหัวใจ l Up:31-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-06-2018 02:02:36
นักบินเริ่มรู้สึกดีกับปลาวาฬแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 12 เสียงของหัวใจ l Up:31-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-06-2018 02:16:19
เงิน เจฟ มาม่าชามโตแล้ว~
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 12 เสียงของหัวใจ l Up:31-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 01-06-2018 03:00:11
เจฟฟี่งานนี้มีง้อยาวเลย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 12 เสียงของหัวใจ l Up:31-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 01-06-2018 16:36:57
เจฟงานงอกแล้ว ง้อยาวแน่งานนี้
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 12 เสียงของหัวใจ l Up:31-05-2018
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 03-06-2018 17:01:10
 :o8:
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 13 หวั่นไหว l Up:03-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 03-06-2018 21:39:46
❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 13 หวั่นไหว l Up:03-06-2018

​-๑๓-

หวั่นไหว



            หลังจากรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเข้าใจผิด เจฟฟี่ก็รีบขับรถมุ่งตรงมายังร้านเบเกอร์รี่ของพี่สาวอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อมาถึงก็รีบวิ่งเข้าไปหาพี่สาวในร้านด้วยความร้อนใจ ขณะนั้นสายตาคมก็ส่องไปรอบๆร้านเพื่อมองหาคนรักไปด้วย

            “อ้าว! มาส่งเงินถึงที่นี่เลยเหรอยะ” เจสสิก้าเข้าใจว่าน้องชายมาส่งคนรักที่ร้าน

            “ไม่ใช่อย่างนั้น...ผมมาตามหาเงินต่างหากล่ะ เงินอยู่ไหนครับพี่” เจ้าตัวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล ทำให้เจสสิก้ารู้ทันทีว่าทั้งสองกำลังมีเรื่องขัดใจกันแน่นอน

            “เดี๋ยวนะ...เงินไปหาแกที่โรงแรมไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลยนะเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เจสสิก้าเริ่มเป็นห่วงเงินขึ้นมาแล้ว

            “เงินหนีกลับมาเพราะเข้าใจผมผิดน่ะสิ...ไม่น่าเลย” พูดแล้วก็โมโหให้กับตัวเอง เขาไม่น่ายอมไปนั่งทานข้าวกับหญิงเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดเรื่องขึ้นแน่นอน

            “เข้าใจผิดเรื่องอะไรยะหรือว่าแกนอกใจเงิน...บอกฉันมาเดี๋ยวนี้!” เจสสิก้าเริ่มไม่มั่นใจในตัวน้องชายซะแล้ว

            “ไม่ใช่อย่างนั้นพี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ ตอนนั้นผมกำลังสำลักข้าวอยู่หญิงเลยมาช่วยลูบหลังให้ แล้วเงินเดินเข้ามาเห็นพอดีเลยคิดว่าหญิงกำลังกอดผมอยู่” เจฟฟี่เล่าความจริงให้พี่สาวฟัง

            “แล้วคนที่ชื่อหญิงเป็นใครกันยะ...หรือว่าเป็นกิ๊กคนใหม่ของแก” เจสสิก้าพยายามคาดคั้นเอาความจริงจากปากน้องชาย

            “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ หญิงเป็นประชาสัมพันธ์ที่โรงแรม แต่ก็ยอมรับว่าเธอคิดเกินเลยกับผม แต่ผมไม่ได้เล่นด้วยนะ” เจฟฟี่รีบปฏิเสธ

            “ฉันว่าแล้วผู้หญิงที่อยู่ใกล้แกมักจะเป็นแบบนี้ทุกราย...แล้วจะเอายังไงล่ะทีนี้”

            “ผมอยากเจอหน้าเงินอยากอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟัง” เจฟฟี่พูดด้วยความลนลาน และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรจะโทรหาอีกฝ่าย จึงหยิบมือถือขึ้นมารีบกดเบอร์โทรทันที แต่ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของเจสสิก้าก็มีสายโทรเข้ามา เจฟฟี่จึงหยุดชะงักแล้วมองหน้าพี่สาวทันที

            “ไม่ต้องแล้วเงินโทรมาหาฉันพอดี” เจสสิก้าโชว์หน้าจอให้ดู เจฟฟี่รีบยื่นมือจะไปรับสายเองแต่พี่สาวกลับไม่ยอม

            “ทำไมล่ะพี่” เจ้าตัวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ในใจก็รู้สึกคลั่งแทบจะเป็นบ้าแล้ว

            “ฉันจะรับเองย่ะ...ถ้าแกรับมีหวังเงินได้หนีไปอีกแน่” เธอกลัวว่าน้องชายจะทำเสียเรื่องจนเงินเตลอดหนีไป หลังจากกดรับสายแล้วเจสสิก้าก็เปิดลำโพงให้น้องชายได้ยินบทสนทนาด้วย

            “ฮัลโลว่าไงจ๊ะเงิน”

            [“พี่เจสครับคือผม..ขอลางานครึ่งวันได้ไหมครับ”] เงินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

            “เงินเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ แล้วเอาข้าวไปให้เจฟมันรึยังเนี่ย” เธอถามราวกับว่ายังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลย

            [“เอ่อ..เอาไปให้แล้วครับ ตอนนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อยครับ”]

            “แล้วเงินอยู่ไหนจ๊ะตอนนี้”

            [“ผมให้มอสมาส่งที่คอนโดครับ ตอนนี้มอสน่าจะใกล้ถึงร้านแล้ว”]

            “ถ้างั้นก็พักผ่อนเถอะจ้ะพี่ไม่กวนแล้ว..ดีขึ้นตอนไหนค่อยมาทำงานละกันนะ”

            [“ขอบคุณครับพี่เจส”]

            หลังจากเจสสิก้าวางสายไปแล้วเจฟฟี่ก็รีบเอ่ยขึ้นทันที

            “ผมไปก่อนนะพี่”

            “ง้อให้ได้ล่ะแล้วทีหลังก็ระวังตัวด้วย”

            “ครับๆ” เจฟฟี่ตอบรับแล้วรีบวิ่งไปที่รถก่อนจะขับกลับไปที่คอนโดทันที

            เมื่อมาถึงคอนโดแล้วเจฟฟี่ก็รีบขึ้นไปบนห้องทันที เปิดประตูเข้าไปก็เห็นอีกฝ่ายกำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก จึงรีบวิ่งเข้าไปกอดจากด้านหลังเอาไว้ เขาจะไม่ยอมให้เงินจากไปไหนทั้งนั้น

            “เงินกำลังเข้าใจพี่ผิดนะครับ” เสียงเข้มเอ่ยใกล้กับใบหูเพียงเล็กน้อย

            เมื่อรู้ตัวเงินก็พยายามเหวี่ยงตัวสุดแรง หวังจะให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนแกร่ง ตอนนี้เขาไม่สามารถระงับอารมณ์ร้อนลงได้เลย ยิ่งนึกถึงคำสัญญาที่อีกฝ่ายเคยให้ไว้ยิ่งรู้สึกโมโหเข้าไปใหญ่

            “ปล่อยเดี๋ยวนี้ไอ้คนไม่รักษาสัญญาฮึก” พูดไปน้ำตาก็ไหลลงมาด้วย

            “มันไม่ได้เป็นอย่างที่เงินเห็นนะครับพี่อธิบายได้” เจฟฟี่พยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายรับฟัง แต่ตอนนี้คงไม่เป็นผลเพราะยิ่งพูดอีกฝ่ายยิ่งงอแงไม่ยอมท่าเดียว

            “กอดกันซะขนาดนั้นมีอะไรที่ต้องอธิบายอีกเหรอวะฮือๆๆ”

            “ตอนนั้นพี่กำลังสำลักข้าวอยู่หญิงเลยมาช่วยเท่านั้นเอง มันไม่มีอะไรเลยจริงๆนะครับพี่สาบานได้ ตั้งแต่เราคบกันมา เงินก็รู้ว่าพี่ไม่เคยผิดคำพูดแม้แต่ครั้งเดียว เงินต้องเชื่อใจพี่นะครับ” เจฟฟี่พยายามยกเหตุผลต่างๆ นานามาอธิบายให้เข้าใจ

            “แล้วทำไมต้องไปกินข้าวกันแค่สองคนด้วยล่ะ” ตอนนี้เงินเริ่มใจอ่อนลงมาบ้างแล้วหลังจากได้ฟังคำอธิบายจากคนรัก แต่ก็ยังมีเรื่องค้างคาในใจอยู่อีกเล็กน้อย

            “พี่ก็แค่ตัดรำคาญเพราะผู้หญิงคนนั้นมาเซ้าซี้ให้พี่ไปกินข้าวด้วย และที่สำลักข้าวก็เพราะพี่รีบกินอยากออกไปจากตรงนั้นเร็วๆไงล่ะ มันคือเรื่องจริงทั้งหมดพี่ไม่มีทางโกหกเงินแน่” พูดแล้วก็หอมแก้มคนรักทันที

             เงินได้ฟังก็ยืนนิ่งกำลังชั่งใจว่าจะเชื่อดีหรือเปล่า ตั้งแต่คบกันมาเจฟฟี่ไม่เคยมีคนอื่นเลย แถมยังยอมเสียสละในหลายๆอย่างทำเพื่อเขาได้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทำให้คิดว่าตัวเองก็มีส่วนผิด ที่ไม่เชื่อใจอีกฝ่าย เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเขาไม่ควรจะวิ่งหนีมาอย่างนั้นควรจะถามให้แน่ใจเสียก่อน เหตุการณ์นี้ทำให้เงินคิดว่าตัวเองรักเจฟฟี่เข้าให้แล้วสินะ พอรู้ตัวอีกทีก็หึงหวงจนหน้ามืดตาตัวแทบไม่ฟังอะไรเลย

            “ผมจะเชื่อพี่แต่ต้องสัญญาว่าจะไม่ไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นอีกเด็ดขาดเข้าใจไหม” ตอนนี้เงินเริ่มใจเย็นขึ้นมาแล้ว

            “พี่สัญญา...ถึงแม้จะมีใครมายืนแก้ผ้าอยู่ตรงหน้าก็ไม่มีทางหวั่นไหวแน่นอน” เจฟฟี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น หวังจะให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นในตัวเขาเต็มร้อย

            “ให้มันจริงเถอะ” เงินทุบกำปั้นน้อยๆไปที่อกแกร่งหนึ่งที ใบหน้ารูปไข่ที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างแล้ว

            “คนที่ยืนแก้ผ้าต่อหน้าพี่แล้วทำให้รู้สึกหวั่นไหวได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น...ก็คือเงินไงล่ะ” มาถึงตอนนี้แล้วเจฟฟี่ไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายรอดมือไปได้แน่นอน มาง้อทั้งทีต้องง้อให้ถึงเตียงไม่งั้นถือว่าไม่สำเร็จ

            “หยุดพูดเลย...กลับไปทำงานได้แล้ว” ร่างเล็กเริ่มหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าหื่นนั้น และรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการอะไร

            “กลับให้โง่น่ะสิ...เนื้อกำลังจะเข้าปากเสือแล้วพี่ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆแน่” พูดจบก็อุ้มคนรักขึ้นในท่าเจ้าสาว หลังจากนั้นก็เดินไปที่เตียงแล้ววางร่างเล็กลงอย่างช้าๆ สายตาคมจ้องมองปานจะกลืนกินอีกฝ่ายไปทั้งตัวเสียให้ได้ ไม่นานเจ้าตัวก็เริ่มทำตามสิ่งที่หัวใจเรียกร้องโดยทันที เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมา ทำให้เจฟฟี่รู้ว่าชีวิตคงอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีคนที่กำลังนอนยิ้มหวานอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้

*-*-*-*-*-*-*

            รถหรูกำลังวิ่งมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองแสงสีแห่งแดนตะวันออก ที่นักท่องเที่ยวต่างก็เรียกขานกันว่าเมืองพัทยา นักบินเลือกมาที่นี่เพราะระยะทางกำลังพอดี มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ขับรถจากกรุงเทพไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว

             หลังจากออกเดินทางมาได้สักพักจนเกือบถึงครึ่งทางแล้ว ทำให้ปลาวาฬผู้ที่ตื่นตัวมาตลอดทางเริ่มรู้สึกง่วง เปลือกตาค่อยๆปรือลงจนเกือบจะปิดสนิท แต่ทว่า...

            “นี่นาย!...อย่าเพิ่งหลับสิ” แม้มือทั้งสองจะควบคุมพวงมาลัยรถอยู่ แต่นักบินก็ปรายตามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆตลอด ยิ่งเห็นอีกฝ่ายกำลังจะหลับก็รู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาซะอย่างนั้น

            “คุณมีหน้าที่ขับก็ขับไปสิผมง่วงงง!” ร่างเล็กหันมาชักสีหน้าใส่แล้วหลับตาลงนอนอีกครั้งอย่างไม่สนใจ

            “ไม่เอา! ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้”  นักบินยังเซ้าซี้อีกฝ่ายไม่ยอมหยุด แต่เมื่อเห็นปลาวาฬยังคงนอนเงียบ ก็คิดแผนการปลุกอีกฝ่ายด้วยการเพิ่มระดับเสียงเพลงจนดังกระหึ่มไปทั้งรถ ทำเอาคนที่นอนหลับตาอยู่นั้นถึงกับสะดุ้งตื่นแล้วหันมามองตาขวางทันที

            “โอ้ยยยย!!! จะกวนกันไปถึงไหนเนี่ย ปิดเพลงเดี๋ยวนี้เลยหนวกหูจะแย่แล้ว” ปลาวาฬยกมือเรียวมาปิดหูทั้งสองข้างไว้ด้วยความรำคาญ นักบินจึงยอมลดระดับเสียงเพลงลงก่อนจะยิ้มมุมปาก

            “ห้ามนอนเด็ดขาดฉันไม่มีเพื่อนคุย กว่าจะถึงก็อีกนานเลยนะ ถ้าฉันง่วงจนหลับในจะทำยังไง” นักบินเอาเรื่องความปลอดภัยมาอ้าง แต่ที่จริงแล้วอยากจะฟังเสียงของอีกฝ่ายไปตลอดทางต่างหาก

            “ปากเหรอนั่น...กวนขนาดนี้คงจะหลับลงอยู่หรอก เอาแต่ใจจริงๆเลยคุณเนี่ย...รู้งี้ไม่มาด้วยตั้งแต่แรกก็ดี” ว่าแล้วก็ทำหน้าบึ้งตึงนั่งกอดอกแล้วมองตรงไปข้างหน้า นักบินปรายตามองอีกฝ่ายผ่านแว่นกันแดดแล้วยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ในที่สุดเขาก็เอาชนะจนได้

            “ถึงนายไม่มาฉันก็จะบังคับให้มาจนได้  อย่าลืมว่าฉันสั่งอะไรนายก็ต้องทำตาม”

            “คร้าบบบเจ้านาย..เชิญสั่งได้ตามสบายเลย...พอใจรึยัง” ร่างเล็กหันไปตวาดใส่เสียงดัง

            “ยัง!”

            “อะไรอีกล่ะเนี่ยยย” เมื่อโดนอีกฝ่ายกวนไม่ยอมหยุดปลาวาฬก็ปรี๊ดแตกขึ้นมาทันที ตามด้วยการแผ่รังสีอำมหิตผ่านดวงตาคู่สวยไปให้

            “ฉันหิวน้ำอ่ะป้อนหน่อยดิ” 

            “มีมือก็หยิบกินเองดิ” ปลาวาฬยังคงนั่งกอดอกอยู่อย่างนั้นไม่ยอมขยับเขยื้อน

            “ตาบอดรึไงฉันขับรถอยู่”

            “ก็จอดก่อนสิ” ร่างเล็กทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ยังไงซะเขาก็ไม่มีทางยอมทำตามที่นายนั่นสั่งแน่นอน

            “ถ้าฉันจอดรถ ฉันสาบานเลยว่าจะไม่ดื่มแค่น้ำแน่นอนคิดเอาเองก็แล้วกัน” คำพูดที่เอ่ยขึ้นเปรียบเหมือนเป็นคำขู่กลายๆ

            “อย่ามาขู่กันซะให้ยากเลย” แม้จะยังคงนั่งนิ่งแต่ในใจกลับรู้สึกหวั่นๆ เพราะเวลาที่โดนขู่มักจะตามมาด้วยการถูกคุกคามทุกครั้งไป

            “ก็แล้วแต่นายนะ จะเอาอย่างนั้นก็ได้เดี๋ยวฉันจะจอดรถข้างหน้านี้แล้ว” ว่าแล้วนักบินก็ตีไฟเลี้ยวทันที

            “ดะ...เดี๋ยวคุณ ผมป้อนให้ก็ได้ถ้าจอดเดี๋ยวจะถึงช้าไปอีก” ปลาวาฬหยิบขวดน้ำที่วางอยู่ตรงข้างคนขับขึ้นมา แล้วเปิดฝาออกยื่นเข้าไปจ่อที่ปากของอีกฝ่าย “อ่ะ”

            “ไกลไปเอาเข้ามาใกล้กว่านี้หน่อยดิ” นักบินออกคำสั่ง

            “เรื่องมากจริงๆเลยคุณเนี่ย” ปลาวาฬถอนหายใจเสียงดังแล้วจับหลอดยื่นเข้าไปในปากของอีกฝ่าย จากนั้นนักบินก็ดูดเข้าไปสองสามอึก

            “ฉันอิ่มแล้ว...ขอบใจ”

            “กองไว้ตรงนั้นล่ะ” ปลาวาฬตอบเสียงห้วนสั้นแล้ววางขวดน้ำลงไว้ที่เดิม

            “ฉันกองไว้แล้วอย่าลืมมาเก็บเอาล่ะ” พูดแล้วก็ขำออกมาเบาๆ

            “ตลกล่ะ แล้วนี่อีกนานป่ะกว่าจะถึง” ปลาวาฬขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงจึงหาเรื่องอื่นที่มีประโยชน์กว่านี้คุย

            “ใกล้แล้วล่ะทำไมตื่นเต้นเหรอ”

            “ก็...นิดหน่อย” ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยได้สัมผัสกับน้ำทะเลเลยแม้แต่สักครั้ง เพราะมัวแต่ทำงานไม่ได้มีเวลาได้ไปเที่ยวไหนเหมือนคนอื่นๆ นั่นทำให้ตอนนี้คิดถึงเพื่อนรักขึ้นมาทันที ถ้าได้มาด้วยกันคงจะดีไม่น้อย

            “ทำไมทำหน้างออย่างนั้นล่ะ ไหนบอกว่าตื่นเต้นไง” นักบินปรายตามองร่างเล็กก็เห็นว่ากำลังทำหน้างองุ้มเหมือนกำลังมีเรื่องกลัดกลุ้มอยู่ในใจ

            “คิดถึงเพื่อนอ่ะอยากให้มันมาเที่ยวด้วย”

            “แล้วทำไมไม่ชวนมาด้วยกันล่ะ”

            “ไม่เอาหรอก...ผมไม่อยากให้เพื่อนผมเจอคนบ้าบออย่างคุณ เอาไว้หลังจากคลอดแล้วค่อยพามันมาดีกว่า” พูดแล้วก็เบะปากกลอกลูกตาไปมา ทำเอาคนที่กำลังขับรถอยู่ถึงกับคันไม้คันมือขึ้นมาทันที เขามันไม่ดีในสายตาอีกฝ่ายขนาดนั้นเลยเหรอ เจ้าตัวคิดในใจ

            “อยากเป็นอิสระเต็มทนแล้วว่างั้นเถอะ” นักบินกระแทกเสียงใส่อย่างประชดประชัน

            “แน่นอน” ปลาวาฬตอบกลับอย่างไม่ได้คิดอะไร

            “ถ้างั้นก็ต้องรอนานหน่อยนะ เพราะกว่านายจะคลอดก็อีกหลายเดือน หวังว่าคงจะไม่อกแตกตายก่อนหรอกนะ” นักบินเอ่ยประชดประชันอีกรอบ

            “ไม่ว่าจะนานแค่ไหนผมก็รอได้” ปลาวาฬพูดเพื่อเอาชนะอีกฝ่ายเท่านั้นเอง แต่ในใจกลับเริ่มรู้สึกว่าการมีนักบินอยู่ข้างๆทุกวัน ก็ทำให้ชีวิตดูมีรสชาติมากยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

            “นอนเถอะถ้าถึงแล้วฉันจะปลุกเอง” ยิ่งปลาวาฬพูดตัดรอนออกมาให้ได้ยินนักบินยิ่งรู้สึกไม่ดี จึงตัดปัญหาด้วยการให้อีกฝ่ายนอนงีบสมใจอยาก จะได้ไม่ต้องเสียสมาธิในการขับรถ

            “ผีเข้าผีออกนะคุณ”

            “หรือไม่อยากนอนแล้ว ฉันจะได้กวนอีก”

            “หยุดเลยแล้วก็อย่ามากวนผมอีกล่ะ” พูดจบเจ้าตัวก็เบนหน้าหนีแล้วหลับตาลง ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราปล่อยให้นักบินขับรถไปด้วยความขุ่นข้องหมองใจ

            ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นนักบินก็ขับรถมาถึงโรงแรม เมื่อจอดรถแล้วเจ้าตัวก็หันไปมองไอ้เด็กดื้อที่นั่งหลับอยู่ข้างๆ ก่อนจะยิ้มมุมปากแล้วก้มหน้าลงไปไซร้ซอกคอขาวแทนการส่งเสียงปลุก

            “อื้อ...คนจะนอน” ปลาวาฬส่งเสียงอู้อี้ออกมาขณะยังคงหลับตาพริ้มไม่ยอมตื่น มือเรียวที่ปัดป่ายไปมานั้นถูกรวบเอาไว้จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

            นักบินยังคงสูดกลิ่นความหอมหวานอยู่อย่างนั้นไม่ยอมหยุด ตอนแรกคิดแค่ว่าจะแกล้งแต่ตอนนี้กลับไม่สามารถหยุดการกระทำของตัวเองได้เลย จากซอกคอขาวก็เลื่อนขึ้นมาบนใบหน้าทำให้คนที่นอนสะลึมสะลืออยู่นั้นเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา

            เมื่อปลาวาฬลืมตาขึ้นมาก็พบกับใบหน้าหล่อคม กำลังคลอเคลียบนใบหน้าของตัวเอง ด้วยความตกใจเจ้าตัวจึงสบถคำหยาบออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

            “เหี้ยยยย!!”

            “ตื่นขึ้นมาก็ปากดีเลยเหรอฮึ” นักบินเอ่ยเสียงเบาข้างใบหู มือหนายังคงตรึงข้อมือเรียวเอาไว้

            “คุณคิดจะทำอะไรผม...ในรถก็ไม่เว้นไอ้คนโรคจิต!”

            “นายคิดไปเองรึเปล่าใครจะมาทำอะไรแบบนั้นบนรถ ฉันก็แค่ปลุกนายเท่านั้นเอง” นักบินเอ่ยแก้ตัวแล้วกลับมานั่งที่เดิม

            “คนธรรมดาเขาไม่ปลุกกันแบบนี้หรอกมีแต่คนหื่นๆอย่างคุณนั่นล่ะ” ปลาวาฬตวาดแหวใส่

            “ไม่ต้องพูดมากถึงแล้วรีบลงไปซะ” พูดจบนักบินก็เปิดประตูรถลงไปก่อน

            “โหววว..โรงโรมสวยมากเลยอ่ะ” เมื่อเห็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวปลาวาฬก็มองด้วยความตื่นตาตื่นใจ นี่คือครั้งแรกที่มีโอกาสได้มาพักในสถานที่หรูหราอย่างนี้

            “ตามฉันมาจะได้รีบเข้าไปเช็คอินกัน” ว่าแล้วก็เดินนำหน้าเข้าไปในโรงแรม ส่วนปลาวาฬก็มองซ้ายมองขวาราวกับเป็นต่างด้าวเข้ากรุงอะไรเทือกนั้น

นักบินจัดการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมจนเรียบร้อยแล้วก็รับกุญแจห้องมา หลังจากนั้นก็เดินตามพนักงานของทางโรงแรมเพื่อขึ้นไปยังห้องพัก

            “คุ๊ณ!!! ดูสิเห็นวิวทะเลด้วยอ่ะ” เมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้วก็ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศภายในห้องพักอีกครั้ง เพราะนอกจากจะมีความหรูหราแล้ว ยังมองเห็นวิวสวยๆของทะเลแบบพาโนรามาอีกด้วย

            “ตื่นตูมจริงๆนะนายเนี่ย” ชายหนุ่มยิ้มกริ่มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพอใจกับการมาเที่ยวในครั้งนี้ซะเหลือเกิน แสดงว่าตอนนี้คงจะหายเครียดแน่นอนแล้วสินะ

            “คนขาดโอกาสอย่างผมเจออะไรก็ต้องตื่นตูมเป็นธรรมดา คนรวยอย่างคุณจะไปเข้าใจอะไร” พูดพร้อมกับมองค้อนใส่แล้วเดินไปนั่งบนเตียง

            “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อย นายชอบคิดไปเองอยู่เรื่อย” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พอใจนักบินก็รีบอธิบายว่าไม่ได้มีเจตนาจะพูดดูถูกจริงๆ

            “แล้วหมายความว่ายังไงอธิบายมาสิ ถ้าพูดไม่ถูกใจผมเอาคุณตายแน่” ตอนนี้ปลาวาฬเริ่มคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว

            “ก็ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกนายไง เรามาเที่ยวกันนะอย่าทำให้เสียบรรยากาศดิ”

            “คุณนั่นล่ะชอบทำให้เสียบรรยากาศอยู่เรื่อย” ว่าแล้วก็แยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายทันที

            “เอาล่ะๆช่วงสองสามวันนี้ฉันจะพยายามไม่ทำให้นายอารมณ์เสียก็แล้วกัน เดี๋ยวลูกฉันจะติดนิสัยนายมาด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นคงจะแย่น่าดู” พูดยังไม่ทันขาดคำนักบินก็ลืมตัวพูดให้อีกฝ่ายโมโหขึ้นมาอีกครั้ง

            “ใช่สินะถ้าผมไม่ตั้งท้องลูกของคุณอยู่ คงจะทำอะไรต่อมิอะไรให้ผมเจ็บตัวไปแล้วสินะ” เมื่อนักบินเอาเรื่องลูกมาอ้างก็ทำให้ปลาวาฬก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที ทั้งที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์จะไปเรียกร้องอะไรเลย

            “นายนี่มันชอบคิดอะไรไปเองจริงๆ ฉันก็ห่วงนายไม่ต่างจากลูกหรอกเพราะอย่างน้อยนายก็....” นักบินเกือบหลุดคำว่าแม่ของลูกออกจากปาก เขาเริ่มไม่ค่อยแน่ใจกับสถานะของอีกฝ่าย ว่าจะเป็นแม่ของลูกหรือเป็นแค่คนรับจ้างอุ้มท้องเท่านั้น

            “ก็เป็นแค่คนรับจ้างอุ้มท้องใช่ไหมล่ะ ผมเข้าใจเอาเป็นว่าผมจะพยายามเจียมตัวก็แล้วกัน” พูดจบก็นอนลงบนเตียงแล้วหลับตาลงทันที ไม่รู้เขาเอานิสัยขี้งอนพวกนี้มาจากไหนกัน หวังว่านายนั่นคงไม่คิดว่าเขากำลังให้ท่าอยู่หรอกนะ

            นักบินเองก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นอาการงอนของอีกฝ่าย เพราะแต่ก่อนจะมีแต่ชอบแกล้งและกวนตีนเขาเท่านั้นเอง ไอ้อาการนี้มันเหมือนคนเป็นแฟนกำลังงอนกันซะอย่างนั้น หรือว่าเขาควรจะง้อ....

            “นายอย่าคิดมากสิวันนี้เรามาเที่ยวกันนะ” นักบินเดินไปนั่งบนเตียงแล้วนอนซ้อนหลังเอื้อมมือหนาไปรั้งที่เอวคอดเอาไว้แน่น ใบหน้าคมก็ซุกไซร้ที่เรือนผมอย่างถือวิสาสะ การถึงเนื้อถึงตัวปลาวาฬเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาไปแล้ว

            “คุณจะขึ้นมาทำไมเนี่ยยย แล้วก็เอามือสกปรกของคุณออกไปด้วย” ร่างเล็กหันหลังกลับไปมองอีกฝ่าย พร้อมส่งสายตาดุให้ทันที

            “ก็เห็นนายกำลังงอนฉันอยู่เลยจะมาง้อไง” นักบินตอบกลับด้วยสีหน้าระรื่น

            “ใครงอนคุณจะบ้าเหรอผมก็แค่...ง่วงเท่านั้นเอง”

            “ถ้าง่วงก็นอนด้วยกันนี่ล่ะฉันเองก็เริ่มเพลียๆแล้วเหมือนกัน” พูดจบก็กระชับตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แน่นยิ่งขึ้น แล้วโน้มใบหน้าคมไปหอมแก้มหนึ่งฟอด “หอมจัง”

            คนที่นอนขดตัวในอ้อมกอดหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที ไม่รู้ทำไมยิ่งนานวันเขายิ่งรู้สึกเหมือนเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว หากวันไหนไม่โดนกอดโดนหอมแก้มเหมือนมันขาดอะไรไปสักอย่าง หวังว่าเขาคงไม่ได้ชอบนายคนนี้ไปแล้วหรอกนะ

            “ปล่อยดิ” แทนที่จะตะโกนด่าเหมือนทุกครั้ง แต่ปลาวาฬกลับเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

            “ตื่นแล้วค่อยปล่อยละกันนะ...เดี๋ยวจะพาไปเล่นน้ำทะเลดีไหม” นักบินเองก็ตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น ฟังแล้วอีกฝ่ายแทบจะละลายกองอยู่ตรงนั้นเสียให้ได้

            “อื้ม” คนที่อยู่ในอ้อมกอดตอบรับเสียงเบา ก่อนจะหลับตาลงแล้วยิ้มน้อยๆออกมา

            นักบินได้ใจจึงโน้มใบหน้าคมเข้าไปสูดกลิ่นกายที่หอมเป็นเอกลักษณ์ของอีกฝ่าย ทั้งซอกคอและแก้มขาวนวลอย่างพอใจ เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้ความรู้สึกที่มีต่อปลาวาฬคืออะไรกันแน่ เพราะหัวใจมันเต้นแรงทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้กันและมีความต้องการตลอดเวลาเมื่อได้สัมผัสกับเรือนร่างนี้...
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 13 หวั่นไหว l Up:03-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-06-2018 22:27:19
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 13 หวั่นไหว l Up:03-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-06-2018 22:57:58
รักปลาวาฬแล้วละสิ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 13 หวั่นไหว l Up:03-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-06-2018 23:17:58
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 13 หวั่นไหว l Up:03-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-06-2018 00:56:33
คู่หนึ่งงอน อีกคู่หึง เอาเข้าไป งอนกับหึงให้หนัก ๆ เลยนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 13 หวั่นไหว l Up:03-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 04-06-2018 04:54:04
เริ่มรักกันแล้ว  :mew2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 13 หวั่นไหว l Up:03-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-06-2018 09:41:55
อ่าาาาาา ต่างคนต่างหวั่นไหว
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 13 หวั่นไหว l Up:03-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-06-2018 12:19:53
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 13 หวั่นไหว l Up:03-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 04-06-2018 14:13:34
น่ารักกกกกกก
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 13 หวั่นไหว l Up:03-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 05-06-2018 08:12:13
 :mew6: ขนาดน้องเพิ่งท้องยังรู้สึกเศร้าขนาดนี้ ไม่ยังจะนึกถึงวันที่น้องคลอดออกมาเลย ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 13 หวั่นไหว l Up:03-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-06-2018 14:10:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 14 พักรบ พบรัก l Up:05-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 05-06-2018 22:50:14
-๑๔-

พักรบ พบรัก



            หลังจากตระเวนเที่ยวอยู่ในเมืองพัทยาได้สองวันจนหนำใจแล้ว วันนี้นักบินก็พาปลาวาฬนั่งเรือข้ามฟากมาที่เกาะล้าน เจ้าตัวรู้สึกพอใจที่การพาอีกฝ่ายมาเที่ยวในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จดังที่ได้ตั้งปณิธานไว้ตั้งแต่แรก นั่นคือทำให้ปลาวาฬคลายเครียดและมีความสุขขึ้น ในแต่ละวันมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะตลอดทาง อาจจะมีการงอนกันบ้างนิดหน่อยแต่ก็ถือว่าเป็นสีสันทำให้ทริปนี้ดูมีรสชาติมากขึ้น

            หลังจากเข้าไปเช็กอินและเก็บสัมภาระไว้ในรีสอร์ตแล้ว ทั้งสองก็ลงมาเดินเล่นที่ริมหาดก่อนเป็นอันดับแรก น้ำทะเลที่นี่ใสสะอาดกว่าริมหาดพัทยามากทำให้ปลาวาฬยิ้มกว้างทันทีที่เห็น ก่อนจะเดินไปเหยียบย่ำบนพื้นทรายที่อยู่ตรงหน้า ปลาวาฬก็ถอดรองเท้าแตะแล้วก้มลงไปหยิบมาถือไว้ เขารู้สึกว่าการเดินเท้าเปล่าบนหาดทรายขาวเช่นนี้ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและลืมเรื่องที่มันบั่นทอนจิตใจได้ดีเลยทีเดียว

            “นี่คุณ...ถอดรองเท้าสิ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งปลาวาฬก็รีบหันไปแนะนำให้ทำตามทันที

            “ไม่เอาอ่ะขี้เกียจถือ” นักบินปฏิเสธเสียงแข็งแล้วเดินนำหน้าไป ปลาวาฬแยกเขี้ยวใส่เมื่อโดนขัดใจแล้วก็รีบเดินตามหลังไปติดๆ

            “คุณดูสิน้ำทะเลที่นี่ใสกว่าหาดจอมเทียนมากเลยเนาะว่าไหม” จากที่เคยลงไปเล่นน้ำทะเลที่หาดจอมเทียนมาเมื่อวาน เจ้าตัวก็เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้หลงรักทะเลมากเหลือเกิน หากมีโอกาสก็อยากไปใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่บนเกาะที่ห่างไกลผู้คนสักครั้งในชีวิต คงจะมีความสุขกายและสบายใจมากเหลือเกิน

            “ถึงพามาที่นี่ไงล่ะ” นักบินหันหน้ามาตอบ

            “ขอบคุณนะ” ปลาวาฬเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนอีกฝ่ายแทบจะไม่ได้ยิน จึงถามย้ำอีกครั้ง

            “ว่าไงนะ”

            “ของดีมีครั้งเดียว” ด้วยความเขินอายทำให้ปลาวาฬรีบสาวเท้าเดินบนหาดทรายขาวนำหน้าไปก่อน

            “นี่นายเดี๋ยวสิ” นักบินยิมน้อยๆออกมาแล้วตะโกนตามหลังไป “จะรีบไปไหนเนี่ย”

            “ก็รีบตามมาให้ทันสิ” ร่างเล็กหันกลับไปเอ่ยกับอีกฝ่าย

            “เราจะนั่งที่เก้าอี้หรือเดินไปเรื่อยๆกันดีล่ะ” นักบินถามความคิดเห็นเพราะตรงหน้ามีเก้าอี้ชายหาดให้เช่า เผื่อว่าอีกฝ่ายต้องการนั่งพักผ่อนหย่อนใจ เพราะตอนนี้แดดเริ่มจะร้อนขึ้นเรื่อยๆแล้ว

            “เดินไปเรื่อยๆดีกว่าหรือถ้าคุณอยากนั่ง ก็นั่งรอที่นี่ก่อนนะผมไปคนเดียวได้” ปลาวาฬเอ่ย

            “ถ้าไปก็ไปด้วยกันดิ เผื่อนายไปก่อเรื่องฉันขี้เกียจตามไปเคลียร์ให้” นักบินไม่วายที่จะล้ออีกฝ่ายเล่นเหมือนเดิม

            “พูดอย่างนี้ก็อย่ามาด้วยกันเลยดีกว่า” ว่าแล้วก็แลบลิ้นใส่อีกฝ่าย ก่อนจะหันไปสนใจวิวสวยๆของท้องทะเลสุดลูกหูลูกตาแทน

            “ฉันล้อเล่นหรอกน่า” พูดจบก็ยื่นมือหนาไปคว้ามืออีกฝ่ายเอาไว้ แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            ปลาวาฬหันขวับมามองทันทีแต่นักบินกลับทำหน้าตาเฉย ทำเป็นมองไปเรื่อยเปื่อย

            “คุณ” เรียกครั้งแรกแต่นักบินกลับนิ่งเฉยไม่แม้แต่จะหันมามอง “นี่คุณ” ปลาวาฬจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งเพิ่มระดับเสียงขึ้นมาเล็กน้อย

            “อะไร!” เจ้าตัวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

            “มือคุณน่ะ” ว่าแล้วปลาวาฬก็ปรายตาลงมามองที่มือของตัวเอง ที่กำลังโดนเกาะกุมด้วยมือหนาอย่างแนบแน่น

            “ใช่! มือฉันแล้วไงอ่ะ?”

            “แล้วจะมาจับมือผมทำไม” ปลาวาฬเอ่ยขึ้นเสียงสูง

            “ก็อยากจับอ่ะแล้วจะทำไม” พูดจบก็ยื่นใบหน้าคมเข้าไปใกล้ๆจนปลาวาฬต้องเบนหน้าหนีทันที

            “แต่ผมไม่อยากให้จับไง...นี่มันมือผม” เดินไปด้วยกันอย่างนี้มีหวังคนได้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนกันแน่นอน

            “ฉันกลัวว่านายจะหกล้มไง จับมือไว้อย่างนี้จะได้มั่นใจว่านายกับลูกในท้องจะปลอดภัย นายไม่เชื่อใจฉันเหรอ” นักบินจ้องตาอีกฝ่ายอย่างหวานซึ้ง ทำให้ดวงตาคู่สวยเหมือนกำลังต้องมนตร์ ยอมเชื่อฟังอย่างง่ายดาย

            “เชื่อ” ปลาวาฬตอบกลับเสียงเบา

            “ถ้าเชื่อก็เดินจับมือไปพร้อมกัน...ป่ะ” ว่าแล้วก็ยิ้มพร้อมกับยักคิ้วเข้มให้ ก่อนจะมองตรงไปข้างหน้าแล้วก้าวขาเดินไปพร้อมๆกัน ปลาวาฬได้แต่นิ่งเงียบเดินไปด้วยความรู้สึกดี

            “คุณ..ถามอะไรหน่อยดิ” เดินมาได้สักพักปลาวาฬก็หันไปเอ่ยถามอีกฝ่าย

            “ว่ามาดิ” นักบินหันมายิ้มให้

            “คุณรู้สึกเสียใจมากไหมที่มีอะไรกับผู้หญิงไม่ได้”

            “ทำไมนายถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ” นักบินขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย

            “ถ้าคุณไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรนะ”

            “ทำไมฉันจะตอบไม่ได้ล่ะ” เจ้าตัวยิ้มให้

             “ผมอยากรู้ความรู้สึกลึกๆในใจคุณว่ามันหนักหนามากแค่ไหน ถึงขนาดต้องยอมมีอะไรกับผู้ชาย”

            “ตอนแรกที่รู้ว่าตัวเองแพ้อย่างหนักเวลาจับตัวผู้หญิง ฉันรู้สึกแย่มากคิดว่าตัวเองไม่มีน้ำยาเอาซะเลย เกิดมามีดีทั้งหล่อทั้งรวยและจู๋ใหญ่(ปลาวาฬหันขวับมามองหน้าทันที) แต่ก็ไม่สามารถอึ๊บกับผู้หญิงได้ มันรู้สึกหงุดหงิดมากจนฉันเครียดไปพักใหญ่ แฟนก็ต้องทิ้งเพราะไม่สามารถให้ความสุขกับเธอได้ ตอนนั้นฉันเฮิร์ทสุดๆเลยล่ะ แถมคุณแม่ยังอยากได้หลานขึ้นมาอีก ตอนแรกคุณแม่ก็ว่าจะให้ทำเด็กหลอดแก้ว แต่ฉันไม่เห็นด้วย” มาถึงตอนนี้ปลาวาฬก็เริ่มสงสัยเข้าไปใหญ่ จริงๆมันก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ

               “อ้าว! ทำไมล่ะ” เจ้าตัวทำหน้าสงสัย

               “เพราะฉันรู้ว่ายังมีพวกผู้ชายท้องได้อย่างพวกนาย เลยตั้งใจจะให้มาอุ้มท้องให้โดยวิธีทางธรรมชาติไม่ต้องพึ่งวิทยาศาสตร์ ฉันจะได้รู้สึกว่าตัวเองมีน้ำยาไงล่ะ และที่สำคัญฉันไม่เคยอึ๊บใครมาก่อนหากไม่ทำอย่างนี้มีหวังได้ชักว่าวไปตลอดชีวิตแน่” นักบินเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แต่ยังมีบางเรื่องที่เขาไม่ได้พูดออกมาเพราะกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่

            “ที่แท้ก็กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้อึ๊บนั่นเอง” ปลาวาฬเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง “แล้ว...คุณรู้สึกยังไงเวลามีอะไรกับผู้ชาย”

            “ก็เสียวอ่ะดิถามได้” นักบินยิ้มกริ่มออกมาทันที

            “ในหัวคุณคิดแต่เรื่องพรรค์นี้สินะ...ผมหมายถึงรู้สึกรังเกียจหรือสะอิดสะเอียนอะไรแบบนั้นน่ะ เคยรู้สึกบ้างหรือเปล่า” ที่ถามอย่างนั้นออกไปเพราะอยากรู้ว่าเวลามีอะไรกัน นักบินตั้งใจหรือแค่ฝืนเล่นละครให้ดูสมจริงเท่านั้น หากเป็นอย่างหลังคงจะได้รางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำยอดเยี่ยมเป็นแน่

            “ตอนแรกกลัวๆเพราะฉันชอบผู้หญิงมาตลอด อยู่ๆจะให้ไปมีอะไรกับผู้ชายมันก็ไม่ใช่ป่ะ แต่พอรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นนายความกลัวก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ” ใบหน้าหล่อยิ้มที่มุมปากแล้วยักคิ้วให้

            “อย่าบอกนะว่าคุณแอบชอบผมตั้งแต่แรกเจอ ผมนี่ก็มีเสน่ห์เหมือนกันนะเนี่ย” ปลาวาฬยิ้มกริ่มด้วยความภูมิใจ

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาอย่างนั้น ทำเอานักบินถึงกับทำหน้าเหวอแล้วปรายตามองไปทางอื่นทันที

            “ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ก็แค่เห็นว่านายปากดีฉันเลยอยากแกล้งนายมากกว่า อย่างนายไม่ใช่สเปคฉันหรอก” นักบินไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาแก้ตัวแล้ว

            “คุณเองก็ไม่ใช่สเปคผมเหมือนกันนั่นล่ะ คนอะไรจะชอบแกล้ง ขี้หื่น ขี้บ่น ขี้เก๊ก” ว่าแล้วปลาวาฬก็แลบลิ้นออกมาด้วยความหมั่นไส้ แสดงว่าช่วงที่ผ่านมาที่เขารู้สึกดีด้วยมันก็แค่เป็นการคิดไปเองฝ่ายเดียว ได้ยินอย่างนี้แล้วเขาไม่มีทางจะเผลอใจให้กับนายนั่นอีกเป็นอันขาด...ถ้าทำได้

            “ขี้อะไรอีกพูดมาให้หมดฉันจะได้พูดบ้าง” นักบินหยุดเดินทำให้อีกฝ่ายต้องหยุดตามไปด้วยเพราะทั้งสองกำลังจับมือกันอยู่

            “คิดไม่ออกพอแค่นี้ก่อน แล้วจะหยุดเดินทำไมเนี่ยไปต่อสิ”

            “ก็ฉันจะบอกนายไง...ว่ายังเหลือขี้อะไรอีกบ้าง” นักบินยิ้มมุมปากพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์ สถานการณ์อย่างนี้ทำให้ปลาวาฬรู้ทันทีว่าตัวเองกำลังจะเจอกับอะไร

            “ผมไม่อยากรู้แล้วเดินต่อกันเถอะ”

            “แต่ฉันอยากบอกว่าฉันก็เป็นคนขี้เล่นเหมือนกันนะ” พูดจบก็อุ้มอีกฝ่ายขึ้นในท่าเจ้าสาวแล้วเดินลงไปในน้ำทะเล

            “ทำบ้าอะไรเนี่ยปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้เลย” มือเรียวทั้งสองข้างทุบไปที่อกของอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

            ตูมมม!!!

            นักบินไม่สนใจกลับโยนร่างเล็กลงไปในน้ำทะเลทันที หลังจากนั้นก็ว่ายตามลงไป แล้วกอดเอาไว้จากด้านหลัง

            “ขี้เล่นป่ะ” เสียงเข้มเอ่ยข้างใบหู ส่วนมือหนายังคงกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น

            “ไม่! ขี้แกล้งมากกว่า” พูดแล้วปลาวาฬก็หยิกไปที่แขนของนักบินเต็มแรง

            “โอ๊ย! เจ็บนะเนี่ย” นักบินยอมปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระแล้วยกแขนขึ้นมาดูว่าเป็นแผลหรือเปล่า เพราะอีกฝ่ายหยิกซะเจ็บไปถึงกระดูกเลยทีเดียว

            “สมน้ำหน้า” พูดแล้วเจ้าตัวก็รีบเดินขึ้นฝั่งทันที

             เมื่อนักบินได้สติก็รีบเดินตามไปติดๆ ก่อนจะถึงฝั่งนักบินก็ดึงขาเรียวเอาไว้เสียก่อน แล้วลากลงมาในน้ำอีกครั้ง ครั้งนี้เขากอดร่างเล็กจากด้านหน้าทำให้ทั้งสองสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ

            “ทำไมชอบแกล้งผม” ปลาวาฬเอ่ยถามขณะจ้องตากับอีกฝ่าย

            “ก็ชอบดื้ออ่ะ” นักบินตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ทำให้ปลาวาฬหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที

            “แล้วมองหน้าทำไม...ปล่อยดิ”

            “ก็อยากมองจะทำไม” ว่าแล้วก็ทำหน้ายียวนใส่

            “เหรอ” ครั้งนี้เป็นฝ่ายที่ปลาวาฬต้องยิ้มที่มุมปากบ้าง เพราะมือเรียวกำลังล้วงเข้าไปในกางเกงแล้วคว้าหมับเข้าที่พวงสวรรค์เต็มกำมือ ทำให้ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของนักบินกลับกลายเป็นตรงกันข้ามทันที

            “ปะ...ปล่อยให้ไข่ฉันเป็นอิสระเถอะอย่าทำอะไรมันเลย มันไม่เกี่ยวด้วยเลยนะ” นักบินพยายามพูดอย่างใจเย็น โน้มน้าวให้อีกฝ่ายยอมปล่อยมือ

            “ไอ้ไข่นี่ล่ะตัวดีที่สุดเลย บีบให้แตกเลยดีไหมเนี่ย” พูดแล้วก็ลงน้ำหนักมือบีบแรงขึ้น จนทำให้นักบินถึงกับทำหน้าเหยเกด้วยความอึดอัดปนเสียวเต็มทน

            “โอะ..โอ๊ย ปะ...ปล่อยเถอะนะครับบ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มเอาจริง นักบินก็เริ่มอ้อนวอนขอร้องทันที

            “ฮ่าๆๆ เวลาคุณทำหน้าอย่างนี้โคตรตลกเลยอ่ะ เอาอีกๆอ้อนวอนขอร้องผมสิ” ปลาวาฬหัวเราะลั่นเมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนักของอีกฝ่าย

            “พอใจรึยัง!”

            “พอใจแล้วไปก่อนล่ะ” ปลาวาฬปล่อยมือจากพวงสวรรค์ของอีกฝ่ายแล้วรีบว่ายน้ำขึ้นไปบนฝั่ง มีหรือที่นักบินจะปล่อยให้อีกฝ่ายลอยหน้าลอยตาไปได้ง่ายๆ เจ้าตัวรีบว่ายน้ำตามไปคว้าหมับที่ข้อเท้าอีกฝ่ายจนปลาวาฬนอนราบลงกันพื้นทราย แล้วนักบินก็รีบคร่อมตัวร่างเล็กพร้อมกับตรึงข้อมือเอาไว้

            “ยังไม่เข็ดอีกรึไง” ปลาวาฬเอ่ยสีหน้าไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย ออกจะยั่วยวนอีกฝ่ายหน่อยๆด้วยซ้ำ

            “ไม่..เพราะตอนนี้ฉันเป็นต่อแล้ว” ทั้งสองจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

            “จะทำอะไรก็รีบทำผมขี้เกียจเล่นกับคุณแล้ว” ปลาวาฬจ้องเข้าไปในดวงตาคมคู่นั้นพร้อมกับเอ่ยท้าทาย

            “คราวนี้ฉันเอาจริงนะ” ว่าแล้วก็โน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่หน้าผากนุ่ม “นี่สำหรับที่นายอวดดีกับฉัน” หลังจากนั้นก็จุมพิตที่แก้มทั้งสองข้างสลับกัน “นี่สำหรับที่นายหยิกมือฉัน”

            “มีปัญญาเอาคืนแค่นี้เองเหรอ” ร่างเล็กยังคงเอ่ยท้าทายไม่ยอมหยุด

            “นายได้เจอฉันแน่...และนี่สำหรับที่นายบีบไข่ฉัน” เจ้าของเสียงยกยิ้มที่มุมปากแล้วก้มลงไปประกบจูบริมฝีปากบางทันที แม้จะอยู่ริมชายหาดที่มีผู้คนเดินพลุกพล่านแต่เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้จัดการกับไอ้เด็กดื้อที่เกือบทำให้เขาเป็นหมันไปซะแล้ว แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเหมือนจะเต็มใจยั่วยวนให้เขาต้องทำอย่างนี้ ราวกับว่ามีความต้องการไม่ต่างกันแม้แต่น้อย

            “พอใจรึยังผมอยากไปล้างตัวแล้ว” หลังจากนักบินผละริมฝีปากออกไปแล้ว เจ้าตัวก็รีบเอ่ยขึ้นก่อนที่จะมีอะไรเกินเลยไปกว่านี้ ตอนนี้เริ่มเหนียวตัวจากการเล่นน้ำทะเลมาเสียนาน แถมยังต้องทนต่อสายตาของใครต่อใครที่เดินผ่านไปมาอีกด้วย

            “โอเค๊..ค่อยไปว่ากันต่อบนห้อง” ว่าแล้วนักบินก็ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือหนาให้อีกฝ่ายจับเพื่อพยุงตัวขึ้น

            “ฝันไปเหอะ” ปลาวาฬเอ่ยก่อนจะเดินนำหน้าตรงไปยังรีสอร์ตซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก

            ขณะเดินกลับไปอยู่ๆนักบินก็เอ่ยขึ้นมา ทำเอาคนที่กำลังเดินนำหน้าอยู่นั้นถึงกับชะงักงันแล้วหยุดเดินทันที

            “วันนี้สนุกจังเลยเนาะว่าไหม” นักบินยังคงยิ้มให้

            “สนุกที่ได้แกล้งผมหรือเปล่า” จากวันแรกที่ได้เจอกันจนมาถึงตอนนี้ หลายสิ่งหลายอย่างในตัวนักบินเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ได้มาอยู่มาเที่ยวด้วยกันเพียงสองคน ทำให้ปลาวาฬได้เห็นในอีกหลายๆมุมของนักบินอย่างชัดเจนขึ้น และเปิดใจยอมรับว่าอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายที่น่าคบหาคนหนึ่งเลยทีเดียว

            “เปล่าสนุกที่ได้มากับนายสองต่อสองไง...หรือนายไม่สนุก” นักบินจ้องหน้ารอคำตอบที่หวังในใจ

            “ก็...สนุกดีนั่นแหละ” ปลาวาฬตอบแบบส่งๆไปเพราะรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก

            “ถ้าอย่างนั้นเรามาทำข้อตกลงกันดีไหม”

            เมื่อได้ยินอย่างนั้นปลาวาฬก็มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่วางใจทันที

            “ข้อตกลงอะไร!”

            “อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้นสิ ข้อตกลงที่ฉันจะบอกก็คือ ต่อไปนี้เรามาสงบศึกกันดีไหม” นักบินพยักหน้าหงึกๆหวังให้อีกฝ่ายเห็นดีเห็นงามด้วย

            “ผมเองไม่มีปัญหาอยู่แล้วว่าแต่คุณเถอะจะทำได้หรือเปล่า”

            “ฉันต่างหากที่ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว นายนั่นล่ะจะทำได้หรือเปล่า ไหนจะตัดขนฉัน ไหนจะบีบไข่ฉัน มีแต่วีรกรรมแสบๆทั้งนั้นเลย” พูดแล้วนักบินก็รู้สึกเสียววาบที่หว่างขาทันที

            “ก็คุณเป็นคนเริ่มก่อนนี่นา ผมเลยต้องป้องกันตัว” ปลาวาฬยังคงไม่ยอมแพ้ เพราะทุกอย่างที่เขาทำไปเพราะโดนรังแกก่อนตลอด

            “โอเคๆ ถ้าจะหาคนผิดตอนนี้คงไม่จบแน่นอน เอาเป็นว่าจากนี้ไปเราจะญาติดีกันไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง” นักบินยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อขอยอมแพ้ยุติสงคราม

            “ไม่มีปัญหา...ดีจะตายผมจะได้ไม่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวอีก” ปลาวาฬยิ้มหน้าระรื่นแล้วเดินนำหน้าเข้าไปในรีสอร์ต

            ส่วนนักบินก็เดินตามหลังไปติดๆแล้วก็เอ่ยออกมาเบาๆ

            “ใครบอกนาย”

            “คุณว่าอะไรนะ?” ปลาวาฬได้ยินเสียงแว่วเข้าหูก็หันกลับมาถามทันที

            “ปะ...เปล่าฉันแค่พูดว่าดีจะตาย เยี่ยม กู๊ด” นักบินยิ้มแหยๆแล้วยกนิ้วโป้งขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อใจ

            “ก็แล้วไป” ปลาวาฬจ้องหน้าจับผิดแล้วสะบัดหน้าหนีเดินต่อไปทันที

            นักบินได้แต่พรูลมออกจากปากอย่างโล่งใจ แล้วรีบเดินตามหลังไปอย่างอารมณ์ดี
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 14 พักรบ พบรัก l Up:05-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-06-2018 23:28:24
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 14 พักรบ พบรัก l Up:05-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-06-2018 23:38:41
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 14 พักรบ พบรัก l Up:05-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-06-2018 00:56:55
 :laugh:


ต่อแขนต่อขา ลูกไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 14 พักรบ พบรัก l Up:05-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 06-06-2018 01:06:14
คิดอะไรอยุ่นักบินรู้นะ :oo1: :z1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 14 พักรบ พบรัก l Up:05-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-06-2018 01:30:40
จงรัก จงหลงปลาวาฬ  :call:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 14 พักรบ พบรัก l Up:05-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-06-2018 06:38:43
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 14 พักรบ พบรัก l Up:05-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-06-2018 09:30:57
เริ่มรู้สึกดีด้วยแล้วล่ะซิ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 14 พักรบ พบรัก l Up:05-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 06-06-2018 10:18:13
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 14 พักรบ พบรัก l Up:05-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 06-06-2018 10:24:11
น่ารักกกกกกกกกดดดดดกกดกดดดดดดด

ชอบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 14 พักรบ พบรัก l Up:05-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 06-06-2018 11:41:18
เริ่มชอบกันแล้ว :mew2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 14 พักรบ พบรัก l Up:05-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-06-2018 13:32:00
โดนจับกินทุกวันแน่น้องปลาวาฬ
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 06-06-2018 21:10:55
-๑๕-

ความจริงที่แสนเจ็บปวด



            วันนี้เงินและมอสมาที่ร้านก๋วยเตี๋ยวอีกครั้ง และคนที่มารับออเดอร์ก็ยังคงเป็นบอลอีกเช่นเคย วันที่บอลป่วยทั้งสองมาถามที่อยู่จากเจ้าของร้าน แต่กลับต้องผิดหวังเพราะเจ้าของร้านบอกให้มาถามกับเจ้าตัวเองหากกลับมาทำงานแล้ว

            “เป็นไงบ้างวะ ดีขึ้นหรือยัง” มอสเอ่ยถามพร้อมกับจ้องใบหน้าของเพื่อน แสดงถึงความเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย

            “อืมยังไม่ตาย จะเอาอะไรก็รีบว่ามา” บอลทำหน้านิ่งแม้สายตาจะเหลือบมองมือของคนทั้งสองที่จับกันไว้บนโต๊ะอย่างไม่วางตา

            “เดี๋ยวก่อนดิวะ...กูจะแนะนำให้รู้จักกับแฟนกูสักหน่อย...นี่เงินแฟนกูเอง” มอสแนะนำเงินให้รู้จักพร้อมกับจ้องหน้าเพื่อนเพื่อดูปฏิกิริยา

            บอลยังคงทำหน้านิ่งไม่ได้รู้สึกอะไรทำให้มอสรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

            “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เงินเอ่ยออกไปพร้อมกับส่งยิ้มให้อีกฝ่าย

            “เช่นกันครับ” บอลตอบ

            “เอาเหมือนเดิมพูดแค่นี้พอจะเข้าใจนะ” มอสเอ่ยกระแทกเสียงขึ้นมาเหมือนรู้สึกไม่พอใจอีกฝ่าย ทำให้เงินรีบกุมมือเอาไว้ เพื่อเตือนสติให้เพื่อนอารมณ์เย็นขึ้น

            “เราก็สั่งเหมือนมอสครับ” เงินยิ้มแห้งๆให้อีกฝ่าย

            “รอสักครู่นะครับ”

            หลังจากบอลเดินออกไปแล้ว เงินก็เอ่ยเตือนสติเพื่อนทันที

            “มอสเป็นอะไรไปอ่ะ”

            “ก็มันไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เราหงุดหงิดเราโมโหมันคงไม่ได้รักเราเหมือนเดิมแล้วล่ะมั้ง” มอสตอบพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ

            “เอาน่าอย่าเพิ่งตีโพยตีพายไป มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่มอสคิดก็ได้นะ” เงินพยายามปลอบใจอีกฝ่าย

            “อย่างที่เราเคยบอกว่ามันเป็นคนที่เก็บความรู้สึกไม่ค่อยจะอยู่ ถ้ามันยังรักเราป่านนี้มันคงร้องไห้ตาแดงต่อหน้าเราไปแล้ว” มอสเอ่ย

            “คนเรามันเปลี่ยนแปลงกันได้ ตอนนี้บอลอาจจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว นิสัยบางอย่างอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้นะอย่าเพิ่งด่วนสรุปไปสิ”

            “เราจะเชื่อเงินรอดูอีกสักพักก่อน แต่ถ้ามันไม่มีอะไรคืบหน้าเราก็ต้องยอมแพ้แล้วล่ะ” มอสเอ่ยอย่างตัดพ้อ

            “แค่นี้ก็ท้อแล้วรักจริงหรือเปล่าเนี่ย” เงินพูดหยอก

            “รักจริงดิแต่...เราคิดว่าตอนนี้เวรกรรมมันกำลังตามสนองเราอ่ะ เหมือนที่เคยทำไว้กับมันในตอนนั้น” พูดแล้วมอสก็ทำหน้าเศร้าทันที นึกถึงสีหน้าของบอลในตอนนั้นยิ่งรู้สึกสงสาร

            “เอาน่าวันพระไม่ได้มีหนเดียว อย่าเพิ่งไปคิดมากอย่างน้อยตอนนี้เราก็ได้เห็นหน้าเขาทุกวัน แค่นี้มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” เงินพูดให้กำลังใจเพื่อน

            “ก็ใช่..ขอบใจเงินมากที่คอยเตือนสติเรา”

            “ไม่เป็นไรจ้าเราเพื่อนกันนี่นา”

            อีกฟากหนึ่งหลังจากบอลไปรับออเดอร์มาแล้ว ก็วานกับเพื่อนร่วมงานให้ไปเสิร์ฟแทน ส่วนเจ้าตัวขอไปเข้าห้องน้ำ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำแล้วก็นั่งบนชักโครกปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มลงมาเป็นสาย เพื่อระบายความเจ็บปวดที่มอสตามมายัดเยียดให้เขาถึงที่นี่ อุตส่าห์หนีออกมาจากวังวนนั้นได้แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ตามมาเพิ่มระดับความเจ็บปวดให้อีกเป็นเท่าตัว

*-*-*-*-*-*-*

            ช่วงเวลาสามวันแห่งความสุขและความสนุกสนานหมดลงไปแล้ว แต่ความรู้สึกดีๆของคนทั้งสองก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ทว่าไม่มีใครที่จะกล้าฟันธงกับความรู้สึกของตัวเองว่ามันคืออะไรกันแน่ ในทุกๆวันนักบินยังคงดูแลปลาวาฬไม่เคยห่างเพราะตอนนี้น้ำหนักตัวของอีกฝ่ายเริ่มเพิ่มมากขึ้น แถมยังมีอาการแพ้ท้องอยู่เรื่อยๆนั่นทำให้คนทั้งสองแทบจะตัวติดกันตลอดเวลา

            หลังกลับมาจากเที่ยวได้หลายวัน อาการแพ้ท้องของปลาวาฬก็เริ่มปรากฏให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ทำเอาคนที่ดูแลแทบจะห่างไม่ได้เลย เพราะเป็นห่วงว่าจะเกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม หรือวิงเวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้

            อ้วกกก!!

            ขณะกำลังนั่งอ่านคู่มือการดูแลตัวเองที่คุณหมอนำมาให้ ปลาวาฬก็รู้สึกคลื่นไส้จนต้องรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ นักบินเห็นอย่างนั้นก็รีบวิ่งตามหลังไป พร้อมกับลูบหลังป้อยๆ อยู่ไม่ห่างกาย

            “เป็นไงบ้าง” นักบินเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

            “ดีขึ้นแล้ว” ปลาวาฬตอบขณะกำลังลุกขึ้นยืน ใบหน้าที่เคยขาวใสกลับแดงก่ำจากการสำรอกเอาของเหลวในท้องออกมา

            “ค่อยๆเดินเดี๋ยวก็ได้ล้มเอาหรอก” นักบินเอ่ยขณะพยุงตัวร่างเล็กออกมาจากห้องน้ำ

            เมื่อมาถึงโซฟาแล้วนักบินก็นำยาดมไปให้อีกฝ่ายดมเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น ปลาวาฬเอาแต่นั่งนิ่งอย่างหมดแรงทำเอานักบินถึงกับรู้สึกสงสารขึ้นมา

            “ดีขึ้นยัง”

            “อื้ม...ไม่ต้องห่วงหรอกผมยังไหว”

            “ยังมาทำเป็นปากเก่งอีก นอนพักผ่อนเถอะเดี๋ยวฉันจะช่วยนวดขาให้” แม้จะรู้สึกเขินๆแต่นักบินก็ยอมทำเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุดเท่าที่เขาจะช่วยได้

            “จริงดิ..ถ้างั้นผมจะนอนแล้วนะ” ว่าแล้วปลาวาฬก็นอนราบลงบนโซฟา โดยพาดขาไปวางไว้บนตักของนักบิน

            “ฉันนวดให้ทุกวันเลยดีไหม ลูกในท้องจะได้รู้สึกผ่อนคลายไปด้วย” นักบินเอ่ยขณะบีบเคล้นไปที่ขาของอีกฝ่ายอย่างเบาแรง

            “รู้สึกดีจัง คุณไปเรียนนวดมาจากไหนหรือเปล่าเนี่ย” ปลาวาฬทำหน้าเคลิ้มเมื่อนักบินเริ่มนวดไปได้สักพัก ทำเอาคนที่โดนชมถึงกับยิ้มน้อยๆออกมา

            “เปล่า..ดีขนาดนั้นเลยเหรอ”

            “อื้ม..ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครนวดให้ผมอย่างนี้มาก่อนเลยนะ” เจ้าตัวพูดพร้อมกับลูบที่ท้องตัวเองไปด้วย พลางคิดในใจว่าหากได้อยู่กับลูกพร้อมกับนักบินคงจะเป็นอะไรที่ดีไม่น้อย

            “เอาไว้วันหลังนายนวดให้ฉันบ้าง...นวดบนเตียงนะ” ว่าแล้วนักบินก็ยักคิ้วให้อย่างมีเลศนัย

            “ไม่มีทาง...ผมกำลังท้องอยู่นะ” ปลาวาฬรีบปฏิเสธทันที

            “ฉันล้อเล่นหรอกน่า ถ้าขืนทำอย่างนั้นมีหวังคุณแม่ได้ด่าฉันทั้งปีแน่นอน”

            “ผมง่วงจัง” อยู่ๆปลาวาฬก็เอ่ยขึ้นมา แล้วอ้าปากหาวหวอดทำเอาคนที่กำลังมองอยู่ถึงกับขำออกมา เมื่อหมดฤทธิ์แล้วก็เหมือนกับลูกแมวเชื่องๆตัวหนึ่งเท่านั้นเองสินะ นักบินคิดในใจ

            “ง่วงก็นอนสิจะรออะไร เดี๋ยวฉันจะนวดให้จนกว่านายจะหลับ” รอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนทำให้คนที่นอนอยู่นั่นยิ้มตอบ ขณะที่เปลือกตาก็ค่อยๆปรือลงมาอย่างช้าๆ

            “ตั้งแต่ที่เราสงบศึกกันคุณดูเป็นคนดีขึ้นนะ”

            “นายเองก็ไม่ดื้อเหมือนแต่ก่อน”

            “อื้ม...ไม่ดื้อแล้ว....” ว่าแล้วปลาวาฬก็หลับตาลงทันที หลังจากนั้นก็เข้าสู่ห้วงนิทราทำเอาคนที่มองดูอยู่นั้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วไปนั่งลงข้างๆจ้องใบหน้าเรียวรูปไข่ที่กำลังหลับอยู่บนโซฟา ขนตาเป็นแพยาวทำให้ดวงตาคู่สวยดูมีเสน่ห์ ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนก็ช่างยั่วให้เขาต้องการสัมผัสมันเสียเหลือเกิน นักบินค่อยๆโน้มใบเข้าไปหมายจะจุมพิตที่กลางหน้าผากนุ่ม แต่ระหว่างนั้นกลับมีสายโทรเข้ามาเสียก่อน จึงเปลี่ยนแผนรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากตรงนั้น เพราะกลัวว่าจะรบกวนคนที่กำลังนอนหลับอยู่

            สายที่โทรเข้ามาทำให้นักบินถึงกับคิดหนัก เพราะมันคือสายของ ‘เมย์’ แฟนเก่าของเจ้าตัวนั่นเอง นักบินยืนมองหน้าจอมือถือชั่งใจอยู่นานก่อนจะกดรับสาย

            “ว่าไงเมย์” น้ำเสียงของนักบินไม่ได้รู้สึกดีใจแม้แต่น้อย ทั้งที่แต่ก่อนเขาแทบจะเป็นจะตายตอนที่เลิกรากัน

            [“เมย์คิดถึงคุณจังเลยค่ะนักบิน สบายดีไหมคะ] เสียงหวานที่คุ้นเคยเอ่ยผ่านสายมา

            “ผมสบายดีว่าแต่อยู่ๆทำไมถึงโทรมาล่ะ”

            [“ก็เมย์คิดถึงคุณไงคะ แล้วก็มาถามข่าวคราวเรื่องลูกของคุณด้วย ว่าแต่เด็กคนนั้นท้องหรือยังคะ”]

            “ท้องแล้วอีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะต้องไปอัลตร้าซาวน์แล้ว” นักบินยังคงทำเสียงเรียบนิ่งไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับการพูดคุยกับคนรักเก่า

            [“ว้าว! ดีใจด้วยนะคะแล้วอย่าลืมสัญญาที่คุณเคยบอกกับเมย์ไว้นะ เมย์ยินดีเสมอเพราะถึงยังไงคุณก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายที่เมย์รักมากที่สุดคนหนึ่ง”] หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นไม่น้อย

            “ผมไม่ลืมหรอกว่าแต่คุณเถอะตอนนี้มีน้องหรือยัง” เมย์เป็นแฟนคนแรกและคนเดียวที่นักบินรักมาก เพราะเป็นคนที่เข้าใจเขาทุกอย่าง แม้หล่อนจะรู้ว่านักบินเป็นโรคแพ้ผู้หญิงไม่สามารถแตะเนื้อต้องตัวเหมือนคู่รักคนอื่นๆได้ แต่ก็ยังให้กำลังใจอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาถึงห้าปี ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายบอกเลิกเพราะต้องการมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนคนอื่นๆ และย้ายไปอยู่กับแฟนใหม่ที่คบซ้อนระหว่างคบกับนักบินที่ต่างประเทศจนถึงตอนนี้

            “ฉันเองก็ไม่ต่างจากคุณหรอกค่ะ ฉันมีปัญหาเรื่องมดลูกเลยทำให้มีลูกยาก จนตอนนี้ความสัมพันธ์กับแจ็คสันก็แย่เข้าไปทุกทีๆ จะเลิกกันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉันเองก็รู้สึกเบื่อๆอยากกลับเมืองไทยเหมือนกัน” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ เมื่อรู้ว่าคนรักเก่ากำลังจะมีลูกยิ่งทำให้เธอรู้สึกดีใจ และตั้งใจว่าจะกลับไปทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ตั้งแต่ก่อนมาเมืองนอก

            “ชีวิตคู่ก็อย่างนี้ล่ะคุณมีโอกาสก็ทำมันให้ดีสิ ส่วนเรื่องลูกอยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็มีเองล่ะ หรือถ้าไม่มีจริงๆคุณก็ยังมีสัญญากับผมอยู่ไม่ใช่หรือไง” นักบินไม่อยากเอ่ยคำนี้ออกไปเลย เพราะกลัวว่าวันที่อีกฝ่ายมาจริงๆแล้วคงจะลำบากใจน่าดู

            [“ยินดีด้วยอีกครั้งนะคะนักบิน ถ้ายังไงก็อย่าลืมโทรมาบอกเมย์ด้วยนะว่าได้ลูกผู้หญิงหรือผู้ชาย”]

            “ครับเมย์”

            [“ถ้างั้นเมย์ขอวางสายก่อนนะคะจะต้องออกไปชอปปิ้งกับแจ็คสันแล้ว”]

            “ครับแค่นี้ล่ะดูแลตัวเองดีๆด้วย”

            [“คุณก็เช่นกันนะบาย”]

            “บาย”

            หลังจากวางสายไปแล้ว นักบินก็เดินกลับมาหาปลาวาฬที่โซฟาในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นอีกฝ่ายแล้ว จึงเดินตามหาไปทั่วทั้งบ้านแต่ก็ไม่พบ เมื่อเห็นสาวใช้คนหนึ่งกำลังเดินมาก็เอ่ยถามทันที

            “นงค์เห็นคุณปลาวาฬบ้างหรือเปล่า” เจ้าตัวเอ่ยด้วยท่าทีร้อนใจราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีไปซะอย่างนั้น

            “ไม่เห็นนะคะ นงค์เพิ่งมาจากสวนหลังบ้าน” สาวใช้เอ่ย

            “ไม่เป็นไรไปทำงานต่อเถอะ” เมื่อไม่ได้ความก็ปัดมือไล่ให้ไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย แล้วยืนเท้าสะเอวอารมณ์เสียอยู่คนเดียว เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นลมเป็นแล้งไปน่ะสิ ถ้าหากหกล้มขึ้นมาแล้วลูกในท้องจะเป็นยังไง คิดแล้วก็ยิ่งโมโหหนักเข้าไปใหญ่

            “นายไปไหนกันแน่เนี่ย” อยู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่าอาจจะขึ้นไปบนห้องนอนจึงรีบวิ่งขึ้นไปหาทันที ในใจก็คิดว่าจะอบรมเรื่องการปฏิบัติตัวให้เสียใหม่

            เมื่อเดินมาถึงแล้วก็เปิดประตูเข้าไป นักบินเข่าแทบทรุดเมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า นักรบกำลังก้มลงไปจูบคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง เจ้าตัวกำหมัดโดยไม่รู้ตัว ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนกำลังโดนสวมเขาซะอย่างนั้น เหมือนครั้งที่เมย์เคยทำกับเขา มันช่างรู้สึกเจ็บปวดและทรมานมากเหลือเกิน

            “นักรบแกกำลังทำอะไร” น้ำเสียงแข็งกระด้างเอ่ยกับน้องชายของตัวเอง

            “พี่นักบิน!” เมื่อได้ยินเสียงพี่ชายนักรบก็รีบผละจากริมฝีปากของปลาวาฬ แล้วรีบลุกขึ้นเดินออกห่างจากเตียงทันที

            “แกออกมาคุยกับพี่ข้างนอกเดี๋ยวนี้” นักบินเอ่ยกับน้องชายด้วยความโมโห เขาไม่นึกเลยว่ามันจะเกิดเรื่องบ้าๆอย่างนี้ขึ้นมา

            นักรบยืนตัวสั่นแล้วเดินตามหลังพี่ชายออกมานอกห้องทันที เจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาเพราะรู้สึกละอายใจที่ทำอย่างนั้นกับปลาวาฬลงไป แต่เขาก็ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้เพราะปลาวาฬคือคนที่ตรงสเปคทุกอย่างไม่ผิดเพี้ยน

            “แกกำลังทำบ้าอะไร รู้ทั้งรู้ว่าปลาวาฬเป็นอะไรกับฉัน” เมื่อออกมานอกห้องแล้ว นักบินก็เริ่มบทสนทนาขึ้นมาทันที เจ้าตัวกัดกรามจนใบหน้าสั่นบ่งบอกว่ากำลังรู้สึกโมโหมากแค่ไหน

            “ผมขอโทษ แต่ผมแอบรักปลาวาฬมานานแล้ว ผมห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆครับพี่” นักรบยกมือไหว้พี่ชายพร้อมกล่าวขอโทษ สีหน้าของเจ้าตัวแสดงออกชัดเจนว่ากำลังรู้สึกผิดมากเหลือเกิน

            “ตัดใจซะมันเป็นไปไม่ได้หรอก” นักบินกัดฟันพูดกับน้องชาย ทั้งที่ในใจก็รู้ว่าคนที่ไม่มีสิทธิ์คือเขาเอง หากปลาวาฬคลอดลูกแล้วทั้งสองก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก

            “ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้ล่ะครับ ในเมื่อพี่กับปลาวาฬเองก็ไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย ก็จริงที่พี่กับปลาวาฬมีอะไรกันแล้ว แต่นั่นมันก็เป็นแค่การจ้างงานเท่านั้นเองไม่ใช่หรือครับ” เขาพยายามตัดใจจากปลาวาฬมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่สามารถทำได้สักที

            “ใช่มันเป็นแค่การจ้างงานแต่...แกคิดว่าคุณแม่จะรับได้เหรอที่พี่กับน้องจะมีเมียคนเดียวกัน” หากไม่เอาเรื่องนี้มาอ้างเขาก็ไม่รู้จะหาเหตุผลข้อไหนมาทำให้น้องชายเปลี่ยนใจได้

            “คุณแม่รักปลาวาฬเหมือนกับลูกคนหนึ่ง ผมว่าท่านต้องรับได้แน่นอนพี่ไม่ต้องกลัวเรื่องนั้นหรอก ถ้าหากในอนาคตปลาวาฬคลอดลูกแล้ว ก็จะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดต่างๆ ถึงตอนนั้นแล้วผมจะจีบปลาวาฬอย่างเปิดเผยและเป็นคนบอกกับทุกคนเอง” นักรบเอ่ยด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่น

            “แกนี่มันดื้อจริงๆ ฉันบอกว่าไม่ได้ยังไงล่ะทำใจซะเถอะ” นักบินหันหน้าหนีไปอีกทางเขาไม่อยากจะฟังคำพูดใดๆจากปากน้องชายอีกแล้ว

            “พี่มีสิทธิ์อะไรมาห้ามผม ปลาวาฬไม่ใช่สมบัติของพี่ซะหน่อย ผมจะไม่ยอมตัดใจจากปลาวาฬเด็ดขาด”

            “ทำไมจะไม่มีสิทธิ์เพราะปลาวาฬเป็นเมียฉันไง” ในที่สุดนักบินก็ไม่สามารถห้ามปากตัวเองได้ เขาหลุดคำว่าเมียออกมาให้น้องชายได้ยิน บ่งบอกว่ากำลังหึงหวงอีกฝ่ายอย่างเต็มที่

            “อย่าบอกนะว่าพี่ชอบปลาวาฬ” นักรบจ้องหน้าพี่ชายลุ้นคำตอบ

            “ฉันไม่ได้ชอบ!”

            “ถ้าพี่ไม่ได้ชอบ ผมขอเถอะนะให้โอกาสผมได้จีบปลาวาฬ ผมสัญญาว่าระหว่างนี้จะไม่ทำให้ปลาวาฬลำบากใจแม้แต่นิดเดียว” นักรบมองพี่ชายด้วยสีหน้าที่จริงจัง ทำเอานักบินถึงกับจุกอกพูดไม่ออกแม้แต่สักคำ ดูท่าทางน้องชายของตัวเองคงจะชอบปลาวาฬมากจริงๆ

            “ได้ฉันจะไม่ห้ามแกแต่ห้ามให้ปลาวาฬรู้เรื่องนี้จนกว่าจะคลอด ฉันห่วงสุขภาพของปลาวาฬและลูกในท้อง” นักบินเอ่ยกับน้องชาย แต่สีหน้าไม่ต่างจากคนกำลังสิ้นหวังในชีวิต

            “ครับพี่ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้ปลาวาฬลำบากใจ ขอบคุณพี่มากๆเลยนะครับ” ว่าแล้วนักรบก็ยิ้มร่าโผเข้ากอดขอบคุณพี่ชายสุดที่รัก แม้จะไม่ได้แสดงออกให้ปลาวาฬรับรู้แม้แต่น้อย แต่ความจริงนักรบกลับแอบมองปลาวาฬอยู่ตลอดเวลา แม้ในบางครั้งจะเชียร์ให้พี่ชายเอาอกเอาใจอีกฝ่าย แต่เจ้าตัวกลับไปนั่งทุกข์ใจในห้องนอนอยู่บ่อยครั้ง เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นก็ทำให้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก

             “แกลงไปก่อนเถอะฉันจะเข้าไปเฝ้าปลาวาฬในห้อง”

            “ครับพี่”

            หลังจากน้องชายลงไปแล้วนักบินก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง ก่อนจะนั่งลงข้างๆเตียงแล้วจ้องหน้าคนที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาคงจะมองอีกฝ่ายได้เต็มตาเพียงตอนที่นอนหลับอยู่เท่านั้นแล้วสินะ ทำไมเรื่องอย่างนี้มันต้องเกิดขึ้นตอนที่อะไรกำลังจะเป็นไปด้วยดี ทุกอย่างกำลังจะลงตัวอยู่แล้วแท้ๆ มันยากเหลือเกินที่จะทำตัวไม่เหมือนเดิมทั้งๆที่ใจยังคงโหยหาอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา มันรู้สึกเหมือนตอนที่เขาเสียเมย์ให้ผู้ชายคนอื่นไป เขารู้แล้วว่าความรู้สึกที่มีต่อปลาวาฬมันคืออะไร ‘มันคือความรัก’ ที่ก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว มารู้อีกทีก็ต้องเจออุปสรรคเข้าให้ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 06-06-2018 21:41:46
ทุกอย่างกำลังจะไปได้ด้วยดีแล้วเชียว
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-06-2018 21:42:27
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-06-2018 22:21:25
ถ้าเลิกปากแข็งมันก็จะดีกว่านี้ไง พูดตรงๆมันจะตายหรา รักก็บอกว่ารัก ปากแข็งนักก็ให้น้องชายดูแลปลาวาฬแทนไป :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-06-2018 23:49:01
 :hao4:


ทำไมต้องทำให้ยาก พ่อคู๊นนนนน
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-06-2018 00:07:23
แหมมมม คุณเองก็ยังมีคุณเมย์รออยู่ไม่ใช่หรือไง? แล้วยังจะมากั๊กน้องปลาวาฬไว้อีกทำไมล่ะ
ถ้าไม่ชัดเจนก็ อดนะคะคุณ แหมมมมมม
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 07-06-2018 00:13:52
งานงอกเป็นดอกเห็ดเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-06-2018 00:48:29
จะกั๊กน้องไว้ทำไมในเมื่อตัวเองยังไม่บอกเลิกสัญญากับยัยเมย์เลย ส่วนยัยเมย์บอกตามตรงถ้าเราเป็นนักบินคงไม่กลับไปหาอีกหรอกเพราะตอนคบกันยังทนเราที่ให้ความสุขไม่ได้จนต้องคบซ้อนแล้วอ้างว่าอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แล้วคิดเหรอว่ากลับมาคบอีกจะซื่อสัตย์กับเราได้อ่ะเมินซะเถอะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-06-2018 00:54:10
เรื่องนี้ถ้าปลาวาฬรู้จะเป็นไงนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 07-06-2018 02:52:33
กำลังหวานแท้ๆมีอุปสรคคมาให้ทดสอบซะงั้น
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 07-06-2018 09:07:48
กำลังจะเอาใจช่วยอยู่แล้วเชียว แต่ลงเอยแบบนี้ไม่ไหวเด้อ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-06-2018 09:21:48
แปลกๆนะทั้งนักบิน.........นักรบ...... :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 07-06-2018 09:47:52
หืมมม  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 07-06-2018 10:23:13
อ่านตอนนี้จบคือ...... :a5: อิหยังวะ นักบินก็ดูอะไรไม่รู้อ่ะ

ไหนจะสัญญาอะไรกับยัยเมย์ไหนนั่น  ฮร่อยย ปลาวาฬรู้คงจบไม่สวย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 15 ความจริงที่แสนเจ็บปวด lUp:06-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 07-06-2018 11:28:30
ปลาวาฬ​มีผัวใหม่เลยลูก รำคาญ​นักบินละ
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 16 เรื่องเซอร์ไพรซ์ lUp:07-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 07-06-2018 16:28:00
-๑๖-
เรื่องเซอร์ไพรซ์




            หลังจากต่างคนต่างทำงานมาเสียนาน วันหยุดนี้เจฟฟี่ก็ถือโอกาสพาคนรักออกมาเดินเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เงินรู้ว่าอีกฝ่ายโดนจำกัดเรื่องการใช้เงินจึงพยายามปรามเรื่องการใช้จ่าย ไม่ให้ฟุ่มเฟือยเหมือนแต่ก่อน ซื้อเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น เพราะเงินเองก็ไม่ต้องการสิ่งของใดๆเพียงแค่ได้ใช้เวลาด้วยกันก็ถือว่าดีมากแล้ว

            ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่ในร้านไอศกรีมชื่อดังในห้างแห่งหนึ่ง หลายคนที่เดินผ่านไปมาต่างก็ต้องเหลียวมอง นั่นเพราะผู้ชายหน้าตาดีทั้งสองคนใส่เสื้อคู่ มันเป็นอะไรที่ดูน่ารักมาก บางคนก็แอบเสียดายในความหล่อของคนทั้งสองซะเหลือเกิน ยิ่งเห็นผู้ชายคนอื่นมองมาที่เงินเจฟฟี่ยิ่งแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ จับมือบ้าง จับแก้มบ้าง ยีผมเล่นบ้างตามประสาคนหวงก้าง โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด

            “พี่ไม่อายเหรอคนมองอย่างนี้” เงินเอ่ยถามคนรัก ขณะตักไอศกรีมในถ้วยเข้าไปในปาก

            “อายทำไมออกจะภูมิใจที่มีแฟนน่ารักขนาดนี้ แต่พี่หวงมากกว่า” เจฟฟี่ตอบพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้

            “หวงทำไมไม่มีใครมาจีบซะหน่อย”

            “ไม่มีก็หวง...เมียข้าใครอย่าแตะ” ว่าแล้วก็ตักไอศกรีมไปป้อนคนรักทันที

            “เว่อร์ไปแล้ว รีบๆกินให้หมดจะได้ไปเดินเล่นต่อ” ว่าแล้วก็ตักไอศกรีมป้อนเจฟฟี่บ้างให้รีบหมดถ้วย

            ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังจู๋จี๋กันอยู่นั้น บอลที่มาเดินซื้อของก็บังเอิญเห็นเข้าพอดี เพราะเงินและเจฟฟี่นั่งอยู่ติดกระจกหน้าร้าน ตอนแรกก็ว่าจะเดินผ่านไปเฉยๆ แต่ก็อดไม่ได้เพราะเข้าใจว่าเงินคือแฟนของมอส และคิดว่าเงินกำลังสวมเขาให้เพื่อนตัวเอง เลยตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน ตั้งใจจะต่อว่าอีกฝ่ายให้สำนึก

            “นี่นายทำบ้าอะไรอยู่” บอลเดินเข้ามายืนอยู่หน้าโต๊ะแล้วเอ่ยกับเงินทันที

            เงินและเจฟฟี่มองหน้าด้วยความสงสัย โดยเฉพาะเจฟฟี่ที่ยิ่งสงสัยหนักเข้าไปใหญ่เพราะไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรู้จักอีกฝ่ายเลย ส่วนเงินก็คิดในใจว่างานเข้าเสียแล้ว หากบอลเอ่ยอะไรออกมามีหวังโดนอีกฝ่ายสอบสวนอย่างหนักแน่นอน

            “คุณเป็นใครอยู่ๆก็มาว่าแฟนผมอย่างนี้” เจฟฟี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนักเลงทันที

            “คุณคิดเหรอว่าผู้ชายคนนี้คือแฟนคุณคนเดียวเหรอ” บอลเอ่ย

            เงินได้ยินอย่างนั้นก็รีบจับมือเจฟฟี่เอาไว้ทันที

            “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะนายกำลังเข้าใจผิด...ใจเย็นๆก่อน” เงินเอ่ยกับบอล พยายามให้อีกฝ่ายใจเย็นลง

            “วันก่อนเป็นแฟนกับมอส วันนี้มากับผู้ชายอีกคนหนึ่ง สรุปใครโดนหลอกกันแน่ระหว่างมอสกับผู้ชายคนนี้” บอลรู้สึกโมโหมากเหลือเกิน แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวรู้สึกเป็นห่วงมอสมาก

            “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เงิน ไหนบอกว่ากับมอสเป็นแค่เพื่อนกันไง” เจฟฟี่เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมาแล้วเมื่อได้ยินสิ่งที่บอลเล่ามา

            “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่เจฟ” เงินเอ่ยออกไปได้เพียงเท่านี้จริงๆ  เพราะหากบอกความจริงต่อหน้ามีหวังมอสคงโดนบอลโกรธไปตลอดชีวิตแน่ เรื่องนี้เขาอยากให้มอสไปบอกกับบอลเอง ส่วนเขาต้องไปเคลียร์ให้เจฟฟี่เข้าใจ

            “แล้วมันอย่างไหนล่ะบอกพี่มาสิ” เจฟฟี่ตวาดเสียงดังจนคนในร้านเริ่มหันมามองกันแล้ว

            “ตอนนี้ยังบอกไม่ได้จริงๆ” เงินเอ่ยออกไป เจฟฟี่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นรีบเดินออกไปจากร้านทันที “พี่เจฟเดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป” เงินตะโกนตามหลังไปด้วยความร้อนใจ

            “แก้ปัญหาเอาเองนะเรื่องนี้นายเป็นคนทำตัวเอง” บอลพูดแล้วก็หันหลังเดินไป

            “เดี๋ยว!” วันนี้เงินต้องรู้ให้ได้ว่าบอลรู้สึกยังไงกับมอสกันแน่ เขาไม่มีทางให้การเสียสละครั้งนี้เสียเปล่าแน่นอน

            บอลหยุดชะงักแล้วก็หันกลับมามอง

            “เพื่อนอย่างนายไม่ควรมายุ่งเรื่องนี้ ฉันจะคบซ้อนทั้งสองคนแล้วจะทำไม ยกเว้นว่านายจะชอบมอสถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างนี้” เงินเอ่ย

            “เออฉันชอบมอสแล้วจะทำไม” บอลตะโกนออกไปอย่างลืมตัว แล้วก็ทำหน้าเหลอหลาทันที

            “ก็แค่นั้นล่ะ ฉันจะเลิกยุ่งกับมอสนายวางใจได้ ฉันตามไปง้อแฟนฉันก่อนนะบาย” ว่าแล้วเงินก็เดินยิ้มออกมาจากร้าน แล้วตามคนรักไป

            บอลได้แต่ยืนงงกับท่าทีของอีกฝ่าย จู่ๆทำไมมันถึงได้ง่ายอย่างนี้นะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย บอลยืนงงสักพักก็เดินออกจากร้านไป

            สวนเงินก็รีบวิ่งตามคนรักไปที่ลานจอดรถ ยังโชคดีที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ขับออกไปเพียงแต่กำลังสตาร์ทเครื่อง เงินรีบวิ่งไปยืนขวางหน้ารถเอาไว้ เจฟฟี่บีบแตรแล้วเปิดกระจกออกมาตะโกนไล่

            “ออกไปสิอยากตายรึไง!” ตอนนี้เจฟฟี่ไม่สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองได้เลย

            “ไม่! จนกว่าพี่จะยอมฟังผมก่อน” เงินยังยืนกางแขนอยู่หน้ารถไม่ยอมให้อีกฝ่ายไปไหนได้

            “พี่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น พี่ห้ามแล้วห้ามอีกแต่เงินก็ยังไปยุ่งกับไอ้นั่น” เจฟฟี่ตะโกนเสียงดัง

            “ในเมื่อไม่เชื่อใจกันแล้วก็ขับรถชนผมให้ตายไปเลยดีกว่า” เงินท้าทายอีกฝ่าย

            “อย่าท้าพี่นะ” เจฟฟี่เร่งเครื่องเสียงดังเพื่อขู่อีกฝ่าย แต่เงินกลับยืนกางแขนแล้วหลับตาลง

            เจฟฟี่ถอนหายใจเสียงดังเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมไปไหน เจ้าตัวจึงเป็นฝ่ายยอมใจอ่อนเอง ตะโกนเรียกอีกฝ่ายเข้ามาในรถ

            “ขึ้นรถดิแล้วเล่ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงของเจฟฟี่ดูอ่อนลงมาก

เงินลืมตาขึ้นมาแล้วรีบขึ้นไปนั่งในรถทันที เจ้าตัวมองหน้าคนรักอย่างสำนึกผิด

            “เล่ามาให้ละเอียด” เจฟฟี่ยังคงทำหน้าบูดบึ้งไม่มองหน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

            “ผู้ชายคนนั้นคือเพื่อนของมอส...............” แล้วเงินก็เล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบให้เจฟฟี่ฟังอย่างละเอียด จากตอนแรกที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวกลับกลายอ่อนลงโดยทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด “เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะ”

            “แล้วทำไมต้องไปช่วยมันด้วยล่ะ” เจฟฟี่ยังไม่วายที่จะพูดแขวะ

            “ก็เพื่อนกันไงไม่ช่วยมันจะใจร้ายเกินไปป่ะ” เงินตอบ

            “ไม่รู้ล่ะเงินต้องมาง้อพี่” เจฟฟี่แกล้งทำเป็นงอนเพื่อให้อีกฝ่ายง้อ

            “จะให้ง้อยังไงล่ะปกติมีแต่โดนง้อ” เงินพูดกับตัวเองเบาๆ

            “ลองดูสิว่าจะง้อพี่ได้สำเร็จหรือเปล่า ถ้าถูกใจจะหายงอนเลยเริ่ม...” พูดจบก็นั่งนิ่งๆรอให้อีกฝ่ายหาวิธีง้อ

            เงินนั่งคิดอยู่สักพักก็หันไปเอ่ยกับอีกฝ่ายทันที

            “พี่เจฟครับยกโทษให้ผมด้วยน้า...ผมผิดไปแล้วหายโกรธกันนะ” เงินพยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน หมายใจจะให้อีกฝ่ายยอมใจอ่อนลง แต่ก็ไม่ได้รับผลตอบรับใดๆ อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

            นั่งคิดอีกสักพักก็โน้มใบหน้าเข้าไปหอมแก้มอีกฝ่าย จากใบหน้าที่เริ่มบึ้งตึงก็ยิ้มที่มุมปากบ้างแล้ว เงินเห็นอย่างนั้นก็รู้แล้วว่าต้องง้อด้วยวิธีไหน คนอย่างเจฟฟี่ต้องง้อด้วยภาษากาย เงินโน้มใบหน้าเข้าไปประกบจูบอีกฝ่ายทันที ทำให้เจฟฟี่ตอบรับด้วยการรวบตัวอีกฝ่ายให้มานั่งบนตัก

            “หายงอนแล้วครับที่รัก” เจฟฟี่ยิ้มให้อีกฝ่ายทันที

            “ทำไมง่ายอย่างนี้อ่ะ” เงินมองหน้าคนรักพร้อมกับยิ้มกริ่ม

            “คิดว่ามันจะจบแค่นี้เหรอครับ” ว่าแล้วเจฟฟี่ก็มองออกไปนอกรถ แต่ไม่เห็นใครเดินเพ่นพ่านแม้แต่คนเดียว

            เงินรู้ทันทีว่าตอนนี้เจฟฟี่กำลังจะทำอะไรจึงเอ่ยปากห้ามทันที

            “อย่านะที่นี่มันลานจอดรถ อย่าทำอะไรบ้าๆเด็ดขาด”

            “ไม่มีคนสักหน่อยพี่มองจนทั่วแล้ว ถ้าไม่ยอมพี่ไม่หายงอนเด็ดขาด” เจฟฟี่ขู่อีกฝ่าย

            “ไหนเมื่อกี้บอกว่าหายแล้วไง” เงินรีบประท้วงทันที

            “อ้าวเหรอจำไม่ได้แล้ว...พี่ขอนะครับเคยแต่ในห้องมันเฉยๆไปแล้วอ่ะ ในรถมันตื่นเต้นดีออก” ว่าแล้วก็ปรับเบาะนั่งให้เอนราบลงทันที ทำให้ตอนนี้กลายเป็นว่าเงินกำลังนั่งอยู่บนตัวเจฟฟี่ ทำเอาเจ้าตัวเขินจนหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว

            “ไอ้คนลามก ถ้าใครมาเห็นเข้าล่ะ” เงินมองซ้ายมองขวา แต่โชคดีที่รถจอดในที่ที่บังตาคนทำให้เจ้าตัวสบายใจขึ้นนิดหน่อย

            “ไม่มีหรอกน่า...รีบจัดการเลยพี่พร้อมแล้ว” ที่ว่าพร้อมเพราะตรงกลางกายของเจฟฟี่ตื่นตัวเต็มที่จนเงินสัมผัสได้

            “หมายถึง...”

            “ออนท็อป...ตอนนี้ชีวิตพี่ขึ้นอยู่กับเงินแล้วนะ” น้ำเสียงที่กระเส่า สายตาที่ยั่วยวนทำให้เงินรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังพร้อมเต็มที่แล้ว

            “ก็ได้...ถ้าไม่ง้อไม่ยอมทำให้นะเนี่ย”

            ว่าแล้วทั้งสองก็กอดกางเกงของใครมันอย่างเร่งรีบ หลังจากนั้นเงินก็จัดการทำตามคำเรียกร้องของอีกฝ่ายทันที ความเร่าร้อนของคนทั้งสองทำให้ รถหรูที่จอดอยู่ท่ามกลางรถนับสิบๆคันกลับกลายมีชีวิตขึ้นมา มันสั่นไหวเป็นจังหวะราวกับรู้สึกตื่นเต้นดีใจกับคนทั้งสองไปด้วย

*-*-*-*-*-*-*

            วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆจนมาถึงวันที่นักบินรอคอย นั่นคือการพาปลาวาฬไปอัลตร้าซาวน์ที่โรงพยาบาล เพื่อดูว่าลูกในท้องเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย ทุกคนในบ้านลุ้นกันอย่างหนัก วันนี้คุณหญิงฉัตรฉายมาพร้อมด้วย เพราะอยากรู้ผลพร้อมๆกับอีกสองคน

            ตอนนี้ปลาวาฬนอนอยู่บนเตียง คุณหมอกำลังใช้หัวตรวจเลื่อนไปมาบริเวณหน้าท้อง ทั้งหมดจับจ้องไปหน้าจอมอนิเตอร์ ก็ทำให้ต้องเซอร์ไพรซ์ยิ่งขึ้นไปอีก นั่นเพราะเด็กในท้องของปลาวาฬคือลูกแฝดนั่นเอง

            “ยินดีด้วยครับเด็กในท้องปลาวาฬเป็นเด็กแฝดครับ แถมยังเป็นแฝดชายหญิงซะด้วย” เมื่อเดี่ยวเอ่ยขึ้น ทุกคนก็มีสีหน้ายิ้มแย้มโดยเฉพาะนักบินที่ภูมิใจมากเป็นพิเศษ เพราะเจ้าตัวอยากได้ลูกแฝดอยู่แล้ว

            “เยสสส! ในที่สุดก็ทำสำเร็จ” นักบินเผลอตะโกนออกมาเสียงดัง

            “แม่ดีใจที่สุดจะได้หลานทีเดียวพร้อมกันสองคนเลย” คุณหญิงจับมือลูกชายเอาไว้

            ปลาวาฬเองก็ยิ้มด้วยความดีใจไม่น้อย แต่ในใจกลับรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก อีกไม่นานเด็กก็จะคลอด เขาเองก็จะได้ออกไปจากชีวิตของลูกงั้นเหรอ คิดแล้วก็รู้สึกแย่มากเหลือเกิน แต่ก็ต้องทนฝืนยิ้มออกมา

            “เดี๋ยวไปรอข้างนอกก่อนนะครับ ผมขอคุยกับน้องปลาวาฬเพียงลำพังสักครู่” เดี่ยวเอ่ยกับนักบินและคุณหญิงฉัตรฉาย

            “โอเคจ๊ะ แล้วตามออกไปนะจ๊ะหนูปลาวาฬ” คุณหญิงฉัตรฉายยิ้มให้ปลาวาฬแล้วเดินออกไป ส่วนนักบินก็มองหน้าอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มน้อยๆให้แล้วเดินตามหลังมารดาไป

            เมื่ออยู่กันเพียงสองคนแล้วเดี่ยวก็เช็ดเจลบนหน้าท้องให้แล้วพยุงตัวปลาวาฬลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเอ่ยถามความรู้สึกภายในใจ เขาดูออกว่าปลาวาฬมีเรื่องไม่สบายอยู่ในใจแน่นอน

            “น้องปลาวาฬโอเคไหมครับ หมอว่าเราดูเครียดๆนะ มีอะไรเปิดอกคุยกับหมอได้ หมอไม่ไปบอกไอ้นักบินหรอก” เดี่ยวเอ่ย

            “คุณหมอจะไม่บอกเรื่องนี้กับคุณนักบินจริงๆนะครับ” ปลาวาฬเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ

            “รับรองได้มีอะไรพูดกับหมอเถอะจะได้ไม่ต้องอึดอัด”

            “ผมเครียดที่จะต้องจากลูกไป ผมผิดเองที่มารับจ้างอุ้มท้อง ผมเห็นแก่เงินจนเกินไป ทำให้ตอนนี้ต้องมาทุกข์ใจเอง ผมจะทำยังไงดีครับคุณหมอ” เมื่อได้ระบายความในใจปลาวาฬก็ร้องไห้ออกมาด้วย วันนี้เขาได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจมานานออกมาเสียที

            “อย่าเครียดไปเลยนะ รอให้คลอดก่อนเดี๋ยวหมอจะไปพูดกับไอ้นักบินให้ อย่างน้อยคนเป็นแม่ต้องได้มาพบกับลูกบ้าง” เดี่ยวพูดปลอบใจ

            “แต่ผมละอายใจที่จะต้องมาเจอ เผื่อลูกโตขึ้นแล้วรู้ว่าผมรับจ้างมีแกลูกคงจะเสียใจน่าดู สู้ไปจากชีวิตลูกมันน่าจะดีที่สุดแล้ว” ปลาวาฬระบายออกมา

            “หมอว่ามันน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านั้น แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งเครียดไปเลยนะเห็นแก่ลูกในท้อง” เดี่ยวพยายามพูดเพื่อให้ปลาวาฬผ่อนคลายมากขึ้น

            “ครับผมจะพยายาม”

            “ถ้างั้นเราออกไปข้างนอกกันเถอะ”

            ปลาวาฬเดินนำหน้าคุณหมอเดินออกไปนอกห้อง แล้วไปสมทบกันคนทั้งสองที่รออยู่

            “พาคุณแม่มาส่งแล้วครับ ดูแลตัวเองให้มากๆๆนะน้องปลาวาฬ” เดี่ยวเอ่ยย้ำอีกครั้งก่อนจะร่ำลากัน

            “ครับคุณหมอ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆนะครับ”

            “ยินดีครับ แล้วนี่จะกลับกันเลยหรือเปล่า” เดี่ยวหันไปเอ่ยกับเพื่อน

            “ใช่กลับเลย...ถ้างั้นไปก่อนนะเว้ยขอบใจมาก”

            “สวัสดีครับคุณแม่” เดี่ยวยกมือไหว้คุณหญิงฉัตรฉาย

            “ขอบใจมากๆนะเดี่ยว เดี๋ยววันหลังจะมารบกวนอีกครั้ง” คุณหญิงเอ่ย

            “ยินดีครับ”

            หลังจากนั้นนักบินก็คว้ามือเรียวมาจับเอาไว้แน่น ราวกับต้องการบอกว่าจะไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายไปไหนทั้งนั้น ทำให้ปลาวาฬรีบมองหน้าทันที แต่นักบินก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มน้อยๆออกมาเหมือนกั๊กความรู้สึกข้างในเอาไว้ ตั้งแต่วันที่รู้ว่าน้องชายตัวเองชอบปลาวาฬก็ทำให้นักบิน พยายามตีตัวออกห่างปลาวาฬมากขึ้น แถมยังไม่ค่อยจะแตะเนื้อต้องตัวเล่นเหมือนแต่ก่อน ทำให้ปลาวาฬรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เจ้าตัวคิดจะเอ่ยถามอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่กล้าเสียที แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วเวลาต้องจากกันจะได้ทำใจง่ายขึ้น....


--------------------------------------
ช่วงนี้จะมาบ่อยหน่อยนะครับ เพราะจะปลายๆเรื่องแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 16 เรื่องเซอร์ไพรซ์ lUp:07-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-06-2018 16:40:52
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 16 เรื่องเซอร์ไพรซ์ lUp:07-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 07-06-2018 17:10:51
อู้วววว ได้ลูกแฝดซะด้วย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 16 เรื่องเซอร์ไพรซ์ lUp:07-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 07-06-2018 17:32:53
ดีงาม
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 16 เรื่องเซอร์ไพรซ์ lUp:07-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-06-2018 18:40:43
แฝด  :a9:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 16 เรื่องเซอร์ไพรซ์ lUp:07-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 07-06-2018 21:45:09
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 16 เรื่องเซอร์ไพรซ์ lUp:07-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-06-2018 22:07:26
น้องแฝด~~~~ อย่าคิดมากปลาวาฬเดี๋ยวกระทบกับลูก :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 16 เรื่องเซอร์ไพรซ์ lUp:07-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-06-2018 23:27:49
ยินดีต้อนรับน้องแฝด แต่ก็เศร้าตามปลาวาฬไปด้วยเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 16 เรื่องเซอร์ไพรซ์ lUp:07-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-06-2018 00:13:25
พี่ชายกับน้องชายจะเปิดศึกชิงนายเอกแล้ว~
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 16 เรื่องเซอร์ไพรซ์ lUp:07-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-06-2018 00:30:12
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 16 เรื่องเซอร์ไพรซ์ lUp:07-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-06-2018 16:23:06
อย่าเพิ่งเครียดไปเลยปลาวาฬ ยังไงก็ต้องมีทางแก้ไขอยู่แล้ว
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 17 ฉีกสัญญา lUp:09-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 09-06-2018 21:59:59
-๑๗-

ฉีกสัญญา



            ผ่านมาเกือบเดือนแล้วนักบินยังคงตีตัวออกห่างปลาวาฬ ส่วนคนที่เข้ามาดูแลกลับเป็นนักรบแทน ทำให้ปลาวาฬรู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของนักบิน ช่วงแรกยังพอทนไหวแต่พอนานวันเข้ากลับรู้สึกเครียดมากขึ้น ถึงกับทนไม่ไหวจึงตัดสินใจถามออกไปตรงๆ ขณะทั้งสองคนนั่งอยู่บนเตียงด้วยกันในห้อง

            “คุณผมมีเรื่องจะถาม” น้ำเสียงโทนเรียบนิ่งเอ่ยออกจากปากร่างบาง

            “ว่าไง” นักบินตอบแต่กลับไม่มองหน้าอีกฝ่ายเลย

            “ทำไมช่วงนี้คุณดูแปลกไปไม่มาดูแลผมเหมือนแต่ก่อน ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่าบอกผมได้นะ หรือคุณเบื่อผมแล้วหรือไง” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมกับหันไปมองหน้าอีกฝ่าย ส่วนนักบินหันมามองแล้วก็เอ่ยตอบ

            “ไม่มีอะไรจริงๆนายคิดมากไปเองหรือเปล่า...ฉันไม่ค่อยว่างน่ะเลยให้นักรบไปดูแลแทน” พูดแล้วก็หลบตาบ่งบอกว่าสิ่งที่เอ่ยออกมานั้นมันไม่ใช่เรื่องจริงแม้แต่น้อย

            “ไม่จริง! บอกกันมาตรงๆ ผมเครียดมากเลยรู้หรือเปล่ากับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ในตอนนี้” ปลาวาฬเริ่มขึ้นเสียงใส่

            “ฉันขอโทษที่ทำให้นายไม่สบายใจนะ” นักบินจับมืออีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับยิ้มน้อยๆให้ สื่อว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรจริงๆ

            “ถ้างั้นก็อย่าทำอย่างนี้สิ...ผมต้องการคุณไม่ใช่นักรบ คุณได้ยินหรือเปล่าว่าผมต้องการคุณ” ปลาวาฬเอ่ยความรู้สึกออกไปตรงๆ หากไม่พูดวันนี้เขาคงได้อกแตกตายแน่

            “นาย...หมายความว่ายังไง” เมื่อได้ยินคำพูดนี้นักบินก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที เขารู้สึกได้ถึงความจริงใจ

            “ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นล่ะ คุณช่วยกลับมาดูแลผมเหมือนเดิมได้ไหม ผม...ต้องการคุณจริงๆ” ปลาวาฬยิ้นหวานให้พร้อมทั้งน้ำตา ไม่ว่าอนาคตมันจะจบอย่างไรแต่วันนี้เขาขอตักตวงความสุขเอาไว้ให้มากๆก็พอ

            “ฉันจะไม่ให้นายเครียดอีกต่อไปแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะดูแลนายเอง จะไม่ให้ใครหน้าไหนมาทำหน้าที่แทนทั้งนั้น...ฉันสัญญา” คำพูดของปลาวาฬเป็นเหมือนแสงสว่างนำทางใจให้กับนักบิน ว่าแล้วเจ้าตัวก็โผเข้ากอดเอาไว้แน่นจนปลาวาฬรู้สึกประหลาดใจ ทำไมอยู่ๆถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างนี้ หรือเป็นเพราะเขาบอกว่าต้องการอีกฝ่าย คำพูดนี้มันมีผลมากขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปแสดงว่าอีกฝ่ายคงคิดไม่ต่างกันแน่นอน นั่นทำให้ปลาวาฬเองก็ยิ้มกริ่มในใจ

            “สัญญาแล้วนะ” ปลาวาฬยกนิ้วก้อยน้อยๆขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานบนใบหน้า

            “ฉันสัญญา” ทั้งสองเกี่ยวก้อยแล้วยิ้มให้กัน

            หลังจากนั้นนักบินก็รีบลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียงจะเดินออกไปจากห้อง โดยไม่บอกไม่กล่าวคำใด

            “นั่นคุณจะไปไหน”

            “เดี๋ยวฉันมา”

            ว่าแล้วก็ยิ้มให้อีกฝ่าย เขาจะไม่เก็บงำอะไรไว้อีกแล้ว กำแพงภายในใจมันพังทลายลงเมื่อได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าต้องการ ถึงแม้มันจะไม่ใช่คำว่ารัก แต่แค่นี้ก็ทำให้หัวใจเขาพองโตมากแล้ว บ่งบอกว่าตอนนี้ทั้งเขาและปลาวาฬมีความรู้สึกไม่ต่างกัน

            นักบินรีบวิ่งออกจากห้องตรงไปยังห้องนอนของน้องชาย แล้วเอื้อมมือหนาไปเคาะประตูทันที

            ก๊อกๆๆ!!!

            นักรบที่กำลังจะนอนลุกขึ้นเดินมาเปิดประตู ก็พบกับพี่ชายกำลังยืนทำหน้าจริงจังอยู่ตรงหน้า

            “พี่มีอะไรหรือเปล่า”

            “ฉันมีเรื่องจะบอกแก”

            “เรื่อง..” นักรบทำสีหน้างงๆ

            “เรื่องปลาวาฬ ต่อจากนี้ไปฉันจะเป็นคนดูแลปลาวาฬเอง ฉันจะทำหน้าที่ของฉันเอง ฉันจะมาบอกแค่นี้ล่ะ” นักบินตัดสินใจเอ่ยกับน้องชายด้วยความมั่นอกมั่นใจ เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก

            “ทำไมพี่ถึงพูดกลับคำอย่างนี้ ไหนบอกว่าจะเปิดโอกาสให้ผมไงล่ะ” นักรบชักสีหน้าด้วยความโมโหแล้วรีบตอบกลับที่ชายทันที

            “ตอนนี้ฉันรู้ใจตัวเองแล้วว่าฉันรักปลาวาฬมากแค่ไหน” นักบินเอ่ยกับน้องชายเสียงดังบ่งบอกถึงความมั่นใจในคำพูดของตัวเองมากมายนัก

            “พี่มันใจโลเลแล้วถ้าผมไม่ยอมล่ะ” นักรบยืนประจันหน้าพี่ชายไม่ยอมแพ้เช่นกัน

            “ฉันขอโทษที่ทำแบบนี้ แต่ฉันรักปลาวาฬมากและคิดว่าปลาวาฬเองก็รักฉันเหมือนกัน ฉันไม่อยากให้แกถลำลึกไปมากกว่านี้ ตัดใจซะเถอะฉันจะเป็นคนดูแลปลาวาฬเอง ฉันไม่อยากเสียปลาวาฬไป ฉันต้องขอบคุณแกด้วยซ้ำที่ทำให้ฉันรู้ตัวว่ารักปลาวาฬมากแค่ไหน” แม้รู้ว่าน้องชายคงจะเสียใจมาก แต่ถ้าเขาไม่บอกตอนนี้ วันหน้าอาจจะเสียใจไปมากกว่านี้ก็ได้

            “ถ้าผมมั่นใจว่าปลาวาฬรักพี่จริงๆ ผมจะยอมเป็นคนถอยห่างออกไปเอง พี่กลับไปก่อนเถอะผมง่วงแล้ว” นักรบเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย เจ้าตัวเองก็รู้ดีว่าทั้งสองคนคงจะมีความรู้สึกที่ดีต่อกันอยู่ไม่น้อย เพราะใช้ชีวิตไม่ต่างจากคู่สามีภรรยา แต่เขาก็อยากจะถามปลาวาฬตรงๆให้รู้กันไปเลย

            “แกไม่เป็นอะไรจริงๆนะ ฉันรู้ว่าฉันเห็นแก่ตัวแต่ฉันอยากทำอะไรให้มันถูกต้อง...เพื่อปลาวาฬ”

            “พี่รีบกลับไปเถอะ” ว่าแล้วก็ปิดประตูห้องแล้วนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น พี่ชายของเขาไม่น่าไปเห็นภาพนั้นเลย เพราะเขาตั้งใจเก็บมันไว้ในใจจนกว่าปลาวาฬจะเป็นอิสระจากสัญญา ถึงจะเผยความรู้สึกให้ได้รับรู้

            หลายวันต่อมาขณะที่ปลาวาฬกำลังนั่งจัดดอกไม้ในศาลาในสวนข้างบ้าน นักรบเห็นก็เดินเข้าไปหาทันที เขาตั้งใจจะถามความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มีต่อพี่ชาย อยากจะฟังคำนั้นจากปากของปลาวาฬเอง หากทั้งสองมีใจตรงกันจริงๆเขาก็จะยอมถอยห่าง โดยไม่มีทางให้ปลาวาฬรับรู้ว่าเขารู้สึกยังไง เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ปลาวาฬรู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย

            “พี่นักบินไปไหนแล้วล่ะ” นักรบเอ่ยถามแล้วนั่งลงเก้าอี้ตัวถัดไป

            “คุณนักบินเดินเข้าไปเอาเครื่องดื่มมาให้เราอ่ะ นักรบมีอะไรหรือเปล่าเหมือนตั้งใจเดินมาหาเรา” ปลาวาฬหันไปยิ้มให้แล้วหันกลับมาไปสนใจจัดดอกไม้ต่อ

            “เรามีเรื่องจะถามปลาวาฬ...เรื่องนี้ตอบตามความรู้สึกจริงๆนะห้ามโกหกเราเด็ดขาด” นักรบเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

            “ว่ามาดิดูท่าทางนักรบจะจริงจังนะเนี่ย” ปลาวาฬยิ้มให้แต่กลับรู้สึกประหลาดใจ เพราะปกติเวลาคุยกับนักรบจะมีแต่เรื่องเบาสมอง ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรเหมือนคราวนี้

            “ปลาวาฬรู้สึกยังไงกับพี่นักบิน เรามาเปิดอกกันในฐานะเพื่อน” นักรบจ้องหน้าอีกฝ่ายเพื่อรอคำตอบ

            “คือ...” ปลาวาฬทำท่าอึกอักไม่กล้าพูดออกมา

            “พูดออกมาเถอะปลาวาฬเราอยากรู้จริงๆ รู้สึกยังไงก็บอกมาอย่างนั้นพี่นักบินไม่ได้อยู่ตรงนี้สักหน่อย” นักรบพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายพูดความจริงออกมา เขาอยากรู้ว่ามันจะตรงกับสิ่งที่พี่ชายตัวเองบอกไหม

            “เรารู้ว่ามันไม่มีทางสมหวัง แต่เราว่าเราชอบคุณนักบินเข้าให้แล้วอ่ะ” ปลาวาฬตัดสินใจเอ่ยความรู้สึกภายในให้นักรบฟัง เพราะถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งที่เขาไว้ใจมากในบ้านหลังนี้

            “เราเข้าใจแล้วล่ะ ปลาวาฬไม่ต้องห่วงนะถ้าพี่นักบินรักปลาวาฬจริงๆ เขาไม่มีทางปล่อยให้ปลาวาฬจากไปไหนแน่นอน อย่าคิดมากกับเรื่องนี้เลยนะเราไม่บอกใครเด็ดขาด” นักรบเอ่ยให้ปลาวาฬสบายใจ ถึงเขาจะไม่บอกไปตรงๆแต่ถ้าเขาเอ่ยคำว่ายอมแพ้กับพี่ชาย นั่นก็ถือเป็นคำตอบให้นักบินรู้ว่าปลาวาฬรู้สึกยังไงกับตัวเอง

            “เราไม่ได้หวังอะไรเลย ขอแค่เรามีความสุขในช่วงเวลานี้ก็พอแล้ว”

            “เราว่าปลาวาฬต้องมีความสุขแน่ คนน่ารักอย่างปลาวาฬใครได้อยู่ใกล้ก็ต้องตกหลุมรักทุกคนนั่นล่ะ” นักรบเผลอจ้องหน้าปลาวาฬอย่างไม่วางตา และอยากจะบอกว่าไม่เว้นแม้กระทั่งเขาที่ตกหลุมรักอีกฝ่าย

            “เราว่าวันนี้นักรบดูแปลกๆไปนะ” ปลาวาฬมองหน้าด้วยความสงสัย

            “แปลกตรงไหนเราก็ปกติดีนี่” เมื่อโดนจับผิดได้นักรบก็ทำท่าทีเฮฮาขึ้นมาทันที

            “แปลกจริงๆ ยิ่งทำอย่างนี้นยิ่งแปลก”

            “ไม่มีอะไรจริงๆ เดี๋ยวเราเข้าไปข้างในก่อนนะพี่นักบินมาโน่นแล้ว” นักรบโบ้ยหน้าไปตรงทางเดิน นักบินกำลังถือถาดเครื่องดื่มมาด้วย

            “อื้ม” ปลาวาฬยิ้มให้พร้อมกับคิดในใจว่านักรบต้องมีอะไรในใจแน่ๆ แต่ก็ไม่กล้าถามตรงๆ

            ระหว่างที่นักบินและนักรบเดินสวนทางกันนั้น ผู้เป็นน้องชายก็มองหน้าแล้วหยุดเดิน ทำให้นักบินเองก็ต้องหยุดเดินไปด้วย หลังจากนั้นนักรบก็เอ่ยกับพี่ชายของตัวเอง

            “ผมยอมแพ้แล้วปลาวาฬเป็นของพี่ตั้งแต่แรกแล้ว ทำให้เรื่องมันถูกต้องเสียที” พูดจบก็เดินผ่านไป นักบินเองพอจะรู้แล้วว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง

            หลังจากนักรบเดินไปแล้วนักบินก็เดินมาถึงพร้อมกับถาดน้ำส้มคั้นและน้ำเปล่า เจ้าตัววางไว้บนโต๊ะก่อนจะเอ่ยถามเพราะเมื่อครู่เห็นน้องชายมานั่งอยู่กับปลาวาฬ

            “น้ำส้มเย็นๆครับ” นักบินหยิบแก้วน้ำส้มคั้นไปวางไว้บนโต๊ะให้

            “ขอบคุณครับ” ปลาวาฬเอ่ยแต่มือเรียวกลับยังง่วนอยู่กับการจัดดอกไม้

            “เมื่อครู่ไอ้นักรบมันมาพูดอะไรด้วยเหรอ ทำไมกลับไปเร็วจัง”

            “เอ่อ...ก็แค่มานั่งคุยเล่นๆกัน” ปลาวาฬตอบไปแต่กลับหลบตาอีกฝ่าย

            “ออ...” นักบินพยักหน้าเหมือนเข้าใจ “รีบๆดื่มสิ” นักบินยกแก้วน้ำส้มคั้นขึ้นมาให้ใกล้ๆ

            “คร้าบบเจ้านาย” ปลาวาฬวางกิ่งดอกกุหลาบลงบนโต๊ะ แล้วรับแก้วน้ำส้มคั้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้วเพื่อเอาใจอีกฝ่าย “อ้า...หวานเย็นชื่นใจจัง”

            “แต่ฉันว่ามันไม่หวานเท่าริมฝีปากของนายหรอกนะ” นานแล้วที่เขาไม่ได้หยอดคำหวานต่อหน้าอีกฝ่าย

            “หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว อ่ะเอาคืนไป” ปลาวาฬยื่นแก้วเปล่าวางคืนให้

            “ยินดีรับใช้คร้าบบ” เจ้าตัวยิ้มหวานให้แล้วนำแก้วมาวางไว้ในถาด

            “ผีตัวไหนมาสิงคุณทำไมถึงได้ทำตัวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างนี้” ปลาวาฬเอ่ยประชดประชัน

            “ไม่มีผีที่ไหนหรอก...แต่เป็นเพราะตัวฉันเองนี่ล่ะที่ไม่หนักแน่นพอ” นักบินสูดลมหายใจเข้าไปในปอดจนสุด แล้วค่อยๆหายใจออกมาเพื่อเรียกความกล้า

            “หนักแน่นเรื่องอะไรอ่ะ” ปลาวาฬหันหน้าไปมองพร้อมกับขมวดคิ้วจนเป็นปมด้วยความสงสัย

            “ก็เรื่องความรู้สึกของตัวเองไง” เขาไม่รู้ว่าจะต้องรออะไรแล้วตอนนี้ กลัวว่ามันจะสายไป

            “ความรู้สึก...คุณหมายความว่ายังไง” ปลาวาฬเริ่มหัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลย ถ้ามันเป็นอย่างที่ในใจคิดจริงๆเขาจะทำหน้ายังไงนะ

            “ก็ความรู้สึกที่ฉันมีต่อนายไงล่ะ ฉันรักนายนะปลาวาฬ ยิ่งใกล้ถึงเวลาที่จะต้องเสียนายไป ฉันยิ่งรู้ใจตัวเองมากขึ้น” นักบินจับมืออีกฝ่ายเอาไว้แน่น เหมือนตอนนี้เขายกภูเขาทั้งลูกออกจากอกไปหมดแล้ว ทุกอย่างมันช่างดูสดใสสวยงามมากเหลือเกิน

            “คะ...คุณรักผมงั้นเหรอ?” ปลาวาฬน้ำตาคลอเบ้าทันทีเมื่อได้ยินคำนั้นออกจากปากของนักบิน แม้จะดีใจมากเหลือเกินแต่ต่อจากไปนี้ล่ะมันจะเป็นยังไง

            “ใช่! ฉันรักนายแล้วนายล่ะรักฉันบ้างไหม” นักบินยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

            “ผม...ไม่ตอบได้ไหม”

            “อ้าว! ทำไมล่ะหรือว่านายไม่ได้รักฉัน” นักบินได้ยินอย่างนั้นก็ทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

            “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ” ปลาวาฬรีบปฏิเสธทันที ทำเอาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าถึงกับยิ้มกว้างออกมาทันที

            “แสดงว่านายรักฉันจริงๆ แล้วทำไมล่ะทำไมไม่พูดออกมา” เสียงเข้มเอ่ยกับอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้นดีใจ

            “คุณก็รู้ว่าเราอยู่ในสถานะอะไร ผมคงไม่สามารถเอ่ยคำนั้นออกมาได้ ผมรับเงินคุณมาแล้วนั่นหมายความว่าผมเป็นคนเห็นแก่เงิน ผมกลัวคุณมองว่าผมบอกรักก็เพราะเงิน” ปลาวาฬเอ่ยขณะก้มหน้าลงมองที่ตักตัวเอง

            “ทำไมคนอย่างนายถึงได้คิดอะไรซับซ้อนมากขนาดนี้นะ ลืมเรื่องสัญญาลืมเรื่องเงินทองทั้งหมดไปซะ แล้วนายบอกกับฉันสิว่านายรู้สึกยังไงกับฉัน” นักบินจับไหล่บางทั้งสองข้างเอาไว้ แล้วจ้องเข้าไปในดวงตาสวยก่อนจะคาดคั้นให้อีกฝ่ายยอมพูดคำว่ารักออกมา

            “ผม.....รักคุณ” ปลาวาฬเอ่ยด้วยท่าทีเขินอาย พลันน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นทาง เจ้าตัวได้ระบายความอัดอั้นตันใจออกไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาไม่เสียใจหรือเสียดายอะไรทั้งนั้นแล้ว

            นักบินยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยิน พร้อมกับโอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น มือหนาลูบที่เรือนผมเบาๆอย่างเอ็นดู ทำไมเขาถึงได้รู้สึกมีความสุขมากเหลือเกิน มีความสุขมากจนพูดอะไรไม่ออก เขาจะไม่มีทางให้ปลาวาฬออกไปจากชีวิตอย่างแน่นอน

            “ต่อไปนี้จะไม่มีสัญญาใดๆทั้งนั้น เธอจะอยู่ที่นี่ในฐานะเมียของฉัน ในฐานะแม่ของลูก และในฐานะสะใภ้ใหญ่ของบ้านหลังนี้เข้าใจไหม” นักบินไม่สามารถห้ามน้ำตาของตัวเองได้เลย มันไหลลงมาไม่ต่างจากอีกฝ่าย

            “ผมไม่ต้องแยกจากลูกไปไหนแล้วใช่ไหมครับ ผมจะได้อยู่กับลูกตลอดไปใช่ไหม” คนที่อยู่ในอ้อมกอดเอ่ยรำพึงรำพันออกมาด้วยความดีใจ มันเหมือนฝันที่เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่นึกเลยว่าเรื่องทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นโดยที่เขาเองก็ไม่ทันตั้งตัว

            “ใช่...นายจะได้อยู่กับลูก เราจะได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวแล้วปลาวาฬ”

            “ขอบคุณนะครับที่รักคนอย่างผม”

            “ฉันก็ขอบใจนายที่ทำให้ฉันรู้จักกับคำว่ารักอีกครั้ง ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้นายเสียใจแน่นอน”

            คนทั้งสองกอดกันอย่างนั้นอยู่นาน ภายใต้ศาลาไม้ในสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้และพืชพรรณนานา อีกมุมหนึ่งนักรบแอบมองดูทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม แต่ใบหน้าหล่อกลับมีน้ำตาไหลลงมาเป็นสาย บ่งบอกว่าตอนนี้เขายินดีกับความรักของคนทั้งสอง และฉลองให้กับความผิดหวังของตัวเองเช่นเดียวกัน

            หลายวันต่อมาขณะที่ทุกคนกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ลูกชายทั้งสองคนของคุณหญิงฉัตรฉายก็เอ่ยขึ้นพร้อมกันราวกับนัดกันมา ทำให้ทุกคนหันไปมองหน้านักรบและนักบินสลับกันไปมา

            “วันนี้ลูกชายฉันเป็นบ้าอะไรยะ คิดจะพูดก็พูดออกมาพร้อมกัน” คุณหญิงฉัตรฉายเอ่ยขึ้น พร้อมกับมองหน้าลูกชายทั้งสองคน

            “พี่พูดก่อนเลยเดี๋ยวผมพูดทีหลังก็ได้” นักรบเอ่ยกับพี่ชาย

            “แกพูดก่อนเถอะเรื่องของฉันเอาไว้พูดหลังก็ได้”

            “พี่นั่นล่ะพูดก่อน” นักรบยังไม่ยอม

            “โอเคๆ ฉันพูดก่อนก็ได้” นักบินลุกขึ้นเดินไปหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลที่ได้เตรียมไว้บนโต๊ะ แล้วนั่งลงที่เดิม ก่อนจะเปิดเอาแผ่นกระดาษสีขาวในนั้นขึ้นมาโชว์ให้ทุกคนดู

            “อะไรกันยะนักบิน” คุณหญิงฉัตรฉายเอ่ยถามลูกชายทันทีเมื่อเห็นท่าทีนั่น

            “นี่คือสัญญาที่ผมและปลาวาฬทำร่วมกันไว้ครับ” พูดแล้วก็หันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ปลาวาฬเองก็รู้สึกตกใจที่อยู่ๆนักบินก็หยิบมันออกมาโชว์ให้ทุกคนดู หรืออีกฝ่ายต้องการจะแกล้งเขางั้นเหรอ ไหนบอกว่ารักกันยังไงละ

            “แกจะเอาออกมาทำไม แกกำลังจะทำให้หนูปลาวาฬรู้สึกแย่นะนักบิน” คุณหญิงฉัตรฉายเอ็ดให้ลูกชายทันที

            “ผมจะบอกกับทุกคนว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสัญญาฉบับนี้จะไม่มีอีกแล้วครับ” พูดจบเจ้าตัวก็ฉีกสัญญาจนขาดครึ่ง

            ทุกคนถึงกับตกใจกับการกระทำของนักบิน โดยเฉพาะปลาวาฬรู้สึกผิดคาด จากตอนแรกคิดว่านักบินจะแกล้ง แต่กลายเป็นว่านักบินทำให้เขารู้ว่ารักจริงมากแค่ไหน

            “แกหมายความว่ายังไง” เกริกไกรมองหน้าแล้วถามลูกชาย

            “ผมกับปลาวาฬเรารักกัน จากนี้ไปเราสองคนจะสร้างครอบครัวด้วยกันครับ” นักบินประกาศกร้าว ทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆกัน ส่วนนักรบเองกลับไม่ได้ตกใจอะไรเลยเพราะรู้ดีว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว

            “ทำไมแกถึง....” คุณหญิงฉัตรฉายเอ่ยขึ้นมาแล้วเว้นจังหวะไว้ พร้อมกับมองหน้าลูกชายและปลาวาฬสลับไปมา ปลาวาฬถึงกับหน้าเสียเพราะคิดว่าคุณหญิงน่าจะไม่ยินดีกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ “รู้ตัวช้าอย่างนี้ ฉันอยากได้หนูปลาวาฬมาเป็นสะใภ้มาตั้งนานแล้วย่ะ” พูดจบคุณหญิงก็ยิ้มด้วยความดีใจ ทำให้ปลาวาฬก็รู้สึกโล่งอกมากเหลือเกิน

            “ขอบคุณครับคุณหญิงที่ไม่รังเกียจคนอย่างผม” ปลาวาฬเอ่ยพร้อมยกมือขึ้นไหว้ไปด้วย ก่อนจะหันไปยิ้มให้คนที่นั่งโอบไหล่อยู่ข้างๆ

            “ฉันจะรังเกียจหนูทำไมจ้ะ หนูปลาวาฬเป็นเด็กดีมาตลอด ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะปฏิเสธหนูได้เลย” คุณหญิงเอ่ย

            “ฉันเองก็ดีใจที่หนูจะมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา ยินดีต้อนรับหนูเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านหลังนี้อย่างเป็นทางการนะ” เกริกไกรเอ่ยต้อนรับลูกสะใภ้คนใหม่อย่างเป็นทางการ

            “ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ยอมรับเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างผม” ปลาวาฬยกมือไหวคนทั้งสองอีกครั้ง ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างก็ยิ้มตอบด้วยความจริงใจ ทำให้ปลาวาฬเองถึงกับน้ำตาซึมออกมาทันที

            “ผมเองก็ยินดีกับพี่และปลาวาฬด้วยนะครับ” แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่นักรบก็ฝืนยิ้มแสดงความยินดีกับคนทั้งสอง

            “ขอบใจไอ้น้อง” สองพี่น้องมองหน้าอย่างเข้าใจกันดี

            “แล้วเรื่องที่แกจะพูดล่ะ” นักบินเอ่ยกับน้องชายเพื่อเตือนสติกลัวว่าจะลืมเรื่องนี้ไป

            “ทุกคนครับ...ช่วงซัมเมอร์นี้ผมจะไปเรียนภาษาและทำงานไปด้วยที่อเมริกาครับ” นักรบนอนคิดเรื่องนี้มาหลายวันจนตัดสินใจได้ เขาอยากจะไปพักรักษาแผลใจที่เมืองนอกสักพัก หากอยู่ตรงนี้ต่อไปคงไม่อาจจะตัดใจจากปลาวาฬได้อย่างแน่นอน

            “อะไรกันทำไมมันปุบปับอย่างนี้ตานักรบ...ทำไมแกไม่มาปรึกษาแม่ก่อน” คุณหญิงฉัตรฉายรู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินลูกชายคนเล็กเอ่ยอย่างนั้น มันกะทันหันจนหล่อนเองเตรียมใจแทบไม่ทัน

            “ผมขอโทษที่ไม่ได้ปรึกษาใครก่อนเลย...พอดีว่ามันเป็นโครงการเร่งด่วนเลยรีบตัดสินใจไปครับ กลับมาคงจะได้เห็นหน้าหลานทีเดียวเลย” นักรบเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            นักบินทำหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้น้องชายตัดสินใจกะทันหันอย่างนี้ บางทีก็คิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า ที่จู่ๆก็ตัดสินใจเผยความรู้สึกออกมาทั้งที่แต่ก่อนมัวแต่กั๊กเอาไว้ ถ้าเป็นบอกไปตั้งแต่แรกน้องชายคงไม่ต้องถลำลึกมาจนถึงตอนนี้

            “พ่อสนับสนุน...ในอนาคตแกจะได้เป็นผู้บริหารที่เก่งเหมือนพ่อกับพี่แกแน่นอน” เกริกไกรเอ่ยให้กำลังใจลูกชายคนเล็ก

            “ขอบคุณครับคุณพ่อ”

            “แม่คงคิดถึงแกแย่เลย” คุณหญิงฉัตรฉายทำหน้าบึ้งตึงอย่างกับเด็กน้อย

            “ผมไปแค่ไม่กี่เดือนเองครับคุณแม่...อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ” นักรบเห็นท่าทางของมารดาก็ถึงกับขำออกมา

            “กี่เดือนแม่ก็คิดถึงแกอยู่ดี ตั้งแต่เกิดมาแกเคยห่างอกแม่ไปไหนนานๆซะที่ไหนกันเชียว”

            “คุณก็เยอะไป ลูกโตแล้วนะให้เขาไปเรียนรู้โลกภายนอกบ้าง อยู่กับคุณมีหวังลูกได้เป็นลูกแหง่ไปตลอดชีวิตแน่” เกริกไกรแขวะภรรยา

            “คุณไม่ต้องมาพูดเลยก็ฉันรักลูกชายของฉันนี่นา” คุณหญิงพูดจีบปากจีบคอว่าให้สามี พอสามีจะพูดสวนกลับมาหล่อนก็รีบชี้หน้าแล้วเอ่ยห้ามทันที “หยุด! ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น” เกริกไกรได้แต่นั่งเงียบตามคำสั่งของภรรยาอย่างเสียมิได้ ลูกๆทุกคนต่างก็ยิ้มให้กับท่าทีที่เห็น

            “เดี๋ยวถ้าเราคลอดแล้วจะถ่ายภาพส่งไปให้ดูนะนักรบ” เมื่อสงครามระหว่างคุณหญิงฉัตรฉายและสามีจบลงแล้ว ปลาวาฬก็เอ่ยกับนักรบทันที

            “อื้ม...ดูแลตัวเองดีๆนะหลานเราจะได้แข็งแรงไปด้วย” นับรบตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

            “โอเคจ้า” ปลาวาฬตอบรับสั้นๆพร้อมกับยิ้มให้

            “ช่วงที่ผมไม่อยู่พี่ต้องดูแลปลาวาฬให้ดีนะ” นักรบหันไปเอ่ยกับพี่ชายของตัวเอง

            “ได้เลยไอ้น้องไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ ใช้ชีวิตที่โน่นให้สุดๆไปเลย” นักบินตบบ่าน้องชายเบาๆ เหมือนเป็นการให้กำลังใจไปด้วย

            “ครับพี่” สองพี่น้องยิ้มให้กัน

            การได้ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศสักระยะ อาจจะทำให้นักรบลืมความเจ็บช้ำจากความรักครั้งนี้ได้ แม้ว่าช่วงแรกมันอาจจะยากสักหน่อย แต่นานไปเจ้าตัวก็หวังว่ามันอาจจะดีขึ้น และอาจจะโชคดีเจอตัวจริงของเขาในที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ก็เป็นไปได้...



---------------------------------
กรี้ดดดด หมดเคราะห์หมดโศกแล้วน้า แต่จะมีอีกก๊อกรึเปล่าต้องมาลุ้นกัน
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 17 ฉีกสัญญา lUp:09-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-06-2018 22:28:41
สงสารนักรบจัง :sad4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 17 ฉีกสัญญา lUp:09-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-06-2018 23:03:43
อีกก๊อก ก็ยัยแฟนเก่านั่นไง
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 17 ฉีกสัญญา lUp:09-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-06-2018 23:07:37
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 17 ฉีกสัญญา lUp:09-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-06-2018 23:36:58
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 17 ฉีกสัญญา lUp:09-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 10-06-2018 01:29:47
ไม่แน่เนื้อคู่นักรบอาจอยู่ต่างประเทศก็ได้่
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 17 ฉีกสัญญา lUp:09-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-06-2018 02:19:23
ได้เป็นสะใภ้ตัวจริงแล้วนะ ปลาวาฬ  :mc4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 17 ฉีกสัญญา lUp:09-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-06-2018 08:17:53
 :mc3: :mc3: มีความสุขเต็มที่กันซักที อีกก๊อกปล่อยไปตามเวรตามกรรมเถอะ ไปแล้วไปลับจะกลับมาทำไม
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 17 ฉีกสัญญา lUp:09-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 10-06-2018 09:01:15
ทุดอย่าวดีสักที
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 17 ฉีกสัญญา lUp:09-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-06-2018 09:47:29
นักรบสู้ๆ เนื้อคู่นายอาจจะอยู่ที่ต่างประเทศก็ได้ ยินดีกับนักบินกับปลาวาฬด้วยนะ
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 18 คลอด l Up:11-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 11-06-2018 21:11:46
-๑๘-

คลอด



            หลังจากวันนั้นเงินรู้ว่าบอลคิดยังไงกับมอสแล้ว เจ้าตัวก็รีบนำข่าวไปบอกเพื่อน และสั่งให้ไปเล่าความจริงทั้งหมดและเปิดเผยความในใจเพื่อหาทางง้อบอลให้ใจอ่อน ผ่านมานานนับเดือนแล้วที่มอสเทียวไปง้ออยู่เป็นประจำ แต่ก็ยังไม่สำเร็จเสียทีจนมาถึงวันนี้...

            ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังนั่งทานข้าวมื้อเที่ยงอยู่นั้น เงินก็เอ่ยปากถามถึงความคืบหน้าความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง เขาอยากจะรู้ว่าเพื่อนใช้ความพยายามไปได้ถึงไหนแล้ว

            “นานเป็นเดือนแล้วนะยังง้อบอลไม่สำเร็จอีกหรอมอส ทำไมไม่มีน้ำยาเอาซะเลย” เงินเอ่ยกับเพื่อนพร้อมกับย้อมน้อยๆออกมา เหมือนเป็นการเยาะเย้ยกลายๆ

            “ใครบอกล่ะเมื่อคืนนี้เรียบร้อยแล้ว” มอสเอ่ยขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ เจ้าตัวยิ้มมุมปากพร้อมกับยักคิ้วให้เพื่อน ทำเอาเงินถึงกับตาโตขึ้นมาทันที เพราะรู้สึกดีใจกับเพื่อนในที่สุดก็มีวันนี้

            “จริงดิ! เล่ามาๆอะไรยังไง” เงินวางช้อนส้อมลงบนจานข้าว แล้วชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น

            “ในเมื่อพูดกันดีๆ แล้วไม่ยอมคืนดีง่ายๆ เราก็เข้าไปจัดการถึงในห้องเลย ให้มันรู้ว่าอย่ามาเล่นกับคนอย่างมอส” มอสเอ่ยอย่างภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำมา แต่เงินกลับทำหน้าบูดบึ้งไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนทำลงไป  เพราะกลัวว่าอาจจะทำให้เรื่องมันแย่ลงอีกก็เป็นได้

            “ไอ้บ้า! ไปทำอย่างนั้นได้ยังไงเดี๋ยวบอลก็ได้โกรธไปเป็นชาติอีกหรอก” เงินรีบตวาดใส่เพื่อนทันที

            “เงินอย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปสิ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักหน่อย เห็นขี้งอนอย่างนั้นนะพอโดนเข้าไปนี่อ่อนระทวยเชียวล่ะ กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆดีๆนี่เอง รู้อย่างนี้เราทำไปตั้งนานแล้ว” มอสรีบอธิบายให้เพื่อนฟังก่อนจะโดนด่าไปมากกว่านี้อีก

            “อ้าว! ไหงเป็นงั้นไปได้ เห็นท่าทางใจแข็งอย่างบอลไม่น่ามาหลงคารมมอสง่ายๆเลยเนาะ แต่ก็ยินดีด้วยจริงๆ ต่อไปนี้มอสจะได้สมหวังกับความรักสักที” เงินได้ฟังก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ก็รู้สึกยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้ด้วย หมดเรื่องมอสเขาก็เหลือเพียงอีกเรื่องเดียวที่อยากจะทำ นั่นคือไปเจอหน้าเพื่อนรัก แม้จะคุยกันเกือบทุกวันแต่เขาก็อยากเห็นหน้าและกอดให้หายคิดถึง

            “เราขอบใจเงินมากๆ เลยนะที่ช่วยเรามาตลอด ถ้าไม่ได้เงินเราเองก็ไม่รู้จะได้คืนดีกับไอ้บอลไหม ป่านนี้คงนั่งเครียดได้แต่คอยตามเฝ้าดูอยู่แน่นอน” มอสเอ่ยด้วยความซาบซึ้งใจ หากไม่ได้เข้ามาทำงานที่นี่ก็คงไม่ได้รู้จักเพื่อนดีๆอย่างเงิน แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นานแต่รู้สึกได้ถึงความจริงใจของอีกฝ่ายมากเหลือเกิน

            “ไม่เป็นไรหรอกเราเป็นเพื่อนกันยังไงเราก็ต้องช่วย เราเองก็ต้องขอบใจมอสเช่นกัน ที่คอยอยู่ข้างๆเวลาเรามีปัญหากับพี่เจฟ แถมยังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเราอีกด้วย” เงินเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้

            “เอาไว้ว่างๆ เราจะพาบอลมาขอโทษเงินกับเรื่องวันนั้นนะ และอีกอย่างจะได้รู้จักกันให้มากกว่านี้”

            “วันนั้นเราไม่ได้โกรธบอลเลยนะ ฝากบอกบอลด้วยละกัน  ไว้วันหยุดเราค่อยนัดเจอกัน”

            “โอเคคร้าบบ” มอสตอบพร้อมกับรอยยิ้ม

            หลังจากพูดคุยกันแล้ว ทั้งสองก็ทานอาหารมื้อเที่ยงอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับเป็นมื้อพิเศษที่สั่งมาจากภัตตาคารหรู แต่ทว่ามันกลับเป็นข้าวราดแกงธรรมดาไม่ได้มีราคาแพงอะไรเลย เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดีๆ ระหว่าง ‘เพื่อน’ ซึ่งคำนี้มันมีคุณค่าและความหมายกับคนทั้งสองมาก

*-*-*-*-*-*-*

            หลายเดือนผ่านมาท้องปลาวาฬเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ จนถึงกำหนดคลอด ทุกคนต่างเฝ้ารอวันที่จะได้เห็นหน้าหลานแฝดทั้งสองคนอย่างใจจดใจจ่อ ตอนนี้ปลาวาฬเข้ามานอนเตรียมตัวที่โรงพยาบาลเพราะวันพรุ่งนี้ก็จะถึงกำหนดผ่าคลอดแล้ว นักบินเองก็เตรียมของใช้ส่วนตัวมานอนเฝ้าคนรักที่โรงพยาบาลไม่ได้ห่าง

            “คุณไปนอนก่อนก็ได้นะไม่ต้องมานั่งเฝ้าผมหรอก” ปลาวาฬที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยกับอีกฝ่าย เพราะนักบินเอาแต่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง จ้องหน้ายิ้มอยู่อย่างนั้นแทบไม่ให้คลาดสายตา

            “ไม่เอาฉันจะดูแลนายจนกว่าจะคลอด ถ้าเกิดนายปวดท้องขึ้นมาล่ะจะทำยังไง ฉันกลัวว่าจะเข้ามาหานายไม่ทัน” เสียงเข้มเอ่ยออกมา ขณะที่มือหนาก็จับมือเรียวเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

            “ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่จะคลอดลูกเองนะทำตัวเว่อร์ไปได้” ปลาวาฬเอ่ยแซวพร้อมกับขำออกมา เจ้าตัวไม่นึกเลยว่านักบินจะรักเขามากถึงเพียงนี้ เอาอกเอาใจทุกๆอย่าง คอยดูแลไม่เคยห่างไปไหน มันคือสิ่งที่เด็กกำพร้าอย่างเขาไม่เคยได้สัมผัสมัน พอมีอย่างนี้เข้ามันก็ทำให้ชีวิตที่เคยขาดหายกลับถูกเติมเต็มจนคิดว่าคงไม่ขาดอะไรแล้ว

            “ทุกอย่างต้องไม่มีข้อผิดพลาด ฉันจะทำหน้าที่พ่อและผัวให้ดีที่สุด” นักบินเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

            “กล้าพูดเนาะ” ว่าแล้วปลาวาฬก็ยิ้มด้วยความปลื้มใจ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย เพราะเขาไม่คุ้นชินกับคำว่า 'ผัว' ที่นักบินเอ่ยออกมา

            “เขินอ่ะดิ ยิ่งนายทำหน้าอย่างนี้ฉันยิ่งอยากให้นายคลอดเร็วๆ” สายตาคมที่จ้องมองอีกฝ่ายอย่างหวานซึ้ง ทำให้ปลาวาฬรู้ทันทีว่านักบินหมายความว่าอย่างไร

            “ผมรู้นะว่าคุณคิดอะไรอยู่ อีกนานบอกไว้เลย ช่วยตัวเองไปก่อนแต่ห้ามไปมีใครนอกจากผมนะ ไม่งั้นผมจะหอบลูกหนีจากคุณไปแน่” ปลาวาฬเอ่ยดักทางขู่เอาไว้

            “กลัวแล้วครับ...ผัวไม่ทำอย่างนั้นหรอกรักเมียคนเดียว” พูดพร้อมกับก็ยกมือเรียวมาแนบกับแก้มตัวเอง ราวกับสุนัขที่กำลังอ้อนเจ้านาย

            “ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะติดใจผมถึงขนาดนี้อ่ะ” ปลาวาฬพูดไปก็ยิ้มไป เมื่อเห็นท่าทีออดอ้อนของคนรัก เขาไม่นึกเลยว่าจะมีวันนี้ ยังจำครั้งแรกที่เจอหน้ากันได้ดี ตอนนั้นรู้สึกเกลียดขี้หน้าผู้ชายคนนี้มากซะเหลือเกิน แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขารักและบูชาผู้ชายคนนี้มาก ต้องขอบคุณความจนที่ทำให้เขาต้องดิ้นรนจนได้มาเจอกับผู้ชายคนนี้

            “ก็นายมันอร่อยไปทุกสัดส่วนเลยนี่นา ถ้าผู้ชายคนไหนได้ลองมีหวังคงต้องติดใจไม่ต่างจากฉันแน่ ฉะนั้นคนที่จะครอบครองนายได้ต้องเป็นฉันคนเดียวนะจำเอาไว้ด้วย” เมื่อได้ทีนักรบก็ขู่อีกฝ่ายคืนเช่นกัน

            “ครับ...ผมไม่มีทางนอกใจคุณเด็ดขาด ถ้าคุณไม่นอกใจผมก่อนนะ” ปลาวาฬพูดติดตลก

            “ฉันไม่มีทางนอกใจนายแน่นอนเชื่อใจได้” มือหนาที่จับมือเรียวเอาไว้ บีบแน่นขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกมั่นใจในตัวเขา

            “ผมเชื่อคุณ” ปลาวาฬตอบรับโดยง่าย เขาไม่แม้แต่จะคิดเพราะทุกอย่างที่ผ่านมามันทำให้รู้แล้วว่าความรักที่นักบินส่งมาให้นั้นมันมากมายขนาดไหน “ว่าแต่...คุณตั้งชื่อลูกไว้หรือยัง” พรุ่งนี้ก็จะคลอดแล้วแต่ทั้งสองยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้เอาไว้ก่อนเลย ปลาวาฬนึกได้จึงเอ่ยถามขึ้นมา

            “นายล่ะคิดเอาไว้บ้างหรือยัง” นักบินถามกลับ

            “ยังเลยอ่ะ” ปลาวาฬตอบ

            “ถ้าอย่างนั้นเรามาตั้งชื่อลูกช่วยกัน นายตั้งชื่อลูกสาว ส่วนฉันก็ตั้งชื่อลูกชาย โอเคมะ” นักบินเสนอความคิดเห็น

            “ก็ได้ผมจะตั้งชื่อลูกว่า....ปลาดาว ดีไหม?” ปลาวาฬเป็นคนที่ชอบทะเลอยู่แล้ว จึงอยากตั้งชื่อลูกให้คล้องจองกับตัวเอง อยู่ๆปลาดาวก็ผุดขึ้นมาในหัว

            “ก็เพราะดีนะ ส่วนลูกชายฉันจะตั้งชื่อให้ว่า....นักสู้ละกัน โตขึ้นมาจะได้เก่งเหมือนพ่อ” เขาเห็นอีกฝ่ายตั้งชื่อให้คล้องจองกับชื่อตัวเอง จึงทำตามบ้าง

            “อ้าว! ทำไมชื่อลูกเราไม่คล้องจองกันเลยอ่ะคุณ” ปลาวาฬขำออกมาเพราะปกติแล้ว คนเป็นพ่อเป็นแม่มักจะตั้งชื่อลูกให้คล้องจองกัน โดยเฉพาะลูกแฝดยิ่งต้องมีความคล้องจองกัน

            “ไม่เห็นจะต้องตามคนอื่นเลย นี่ลูกของเรานะ คนอื่นไม่ได้มาเลี้ยงกับเราด้วยสักหน่อย” นักบินเอ่ยอย่างไม่แคร์

            “ถ้างั้นก็เอาตามนี้ละกัน คุณรีบไปนอนพักเอาแรงบ้างเถอะ ผมเองก็เริ่มง่วงแล้ว” ปลาวาฬเอ่ยแล้วก็อ้าปากหาวหวอดด้วยความง่วงทันที

            “โอเค...ถ้ารู้สึกปวดท้องหรือรู้สึกผิดปกติอะไรต้องรีบเรียกฉันเลยนะเข้าใจไหม” นักบินลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือหนาไปจับที่แก้มขาวอย่างเบามือ พร้อมกับยิ้มน้อยๆให้

            “ครับ” ปลาวาฬตอบรับแล้วส่งยิ้มหวานให้เช่นเดียวกัน สายตาคมที่จ้องมองมาทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกแมวตัวน้อยเชื่องๆเท่านั้นเอง         

            “นอนเถอะ” นักบินห่มผ้าให้แล้วเดินมานอนบนโซฟาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเตียงมากนัก ด้วยความเพลียทำให้นักบินหลับได้ไม่ยาก ชายหนุ่มเข้าสู่ห้วงนิทราไปนานหลายชั่วโมง

            กลางดึกนักบินได้ยินเสียงของใครบางคนเรียก เจ้าตัวสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วรีบหันไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียงทันที

            “คุณ...ผมเจ็บท้อง” ปลาวาฬทำหน้าเหยเกเพราะรู้สึกเจ็บที่ท้อง ราวกับว่าทารกที่อยู่ในนั้นกำลังอยากจะออกมาดูโลกภายนอกเต็มทีแล้ว

            “เจ็บท้องแล้วงั้นเหรอ พยาบาล! ต้องเรียกพยาบาล!” นักบินลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินมาข้างเตียงด้วยความลนลาน ก่อนจะกดปุ่มเรียกพยาบาลทันที

            “โอ๊ยย!! เจ็บ” ปลาวาฬส่งเสียงร้องนอนบิดตัวไปมาอยู่บนเตียง ส่วนนักบินได้แต่พยายามจับมือเอาไว้เพื่อให้กำลังใจ

            “ทำใจดีๆเอาไว้ หายใจเข้าลึกๆ นายต้องอดทนเพื่อลูกของเรานะ อีกไม่นานเราจะได้เห็นหน้าลูกแล้ว” นักบินเอาเรื่องลูกมาอ้างเพื่อให้อีกฝ่ายมีแรงฮึดสู้กับความเจ็บปวดนั้นได้

            ไม่นานนักบุรุษพยาบาลก็เดินเข้ามาแล้วรีบนำตัวปลาวาฬเข้าไปในห้องคลอดโดยด่วน ขณะเข็นเตียงไปนักบินเองก็เดินจับมือให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง ตอนนี้เจ้าตัวรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าลูก และกังวลไปด้วยเพราะว่าจะมีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น

            “คุณนักบินผมกลัว” คนที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือ ทำเอานักบินแทบจะน้ำตาไหลตามไปด้วย เพราะรู้สึกสงสารและเป็นห่วงอีกฝ่าย ถ้าหากท้องแทนได้เขาก็จะทำ

            “ฉันจะเป็นกำลังใจให้นายนะ สู้ๆ” ว่าแล้วนักบินก็ยิ้มให้กำลังใจ

            “ญาติรอข้างนอกก่อนนะคะ” พยาบาลสาวที่มาด้วยเอ่ยขึ้น ทำให้มือที่เคยจับกันไว้ต้องค่อยๆคลายออกมาจนแยกจากกันในที่สุด นักบินยืนหน้าตาตื่นอยู่หน้าห้องคลอดเพียงลำพัง ก่อนจะเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น

            ไม่นานนักคุณหญิงฉัตรฉายและสามีก็เดินเข้ามาสมทบ ดูท่าทางคงจะตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย

            “นักบินหนูปลาวาฬเป็นยังไงบ้าง” เมื่อมาถึงก็รีบเอ่ยถามลูกชายทันที

            “เข้าไปในห้องคลอดสักพักแล้วครับคุณแม่ ผมทำอะไรไม่ถูกแล้วเนี่ย” นักบินพูดเสียงสั่น เขากลัวว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นระหว่างทำคลอด

            “แกอย่าเพิ่งคิดมากเลย นั่งลงก่อนมันไม่มีอะไรหรอก หนูปลาวาฬกับหลานของแม่ต้องปลอดภัย” คุณหญิงฉัตรฉายดึงแขนลูกชายลงมานั่งที่เก้าอี้รออยู่หน้าห้องคลอด พร้อมจับมือเอาไว้อย่างนั้นเพื่อให้กำลังใจ

            “ตอนที่แม่คลอดแกพ่อก็เป็นอย่างนี้ล่ะ แต่ทุกอย่างมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี หนูปลาวาฬกับลูกต้องปลอดภัยเชื่อพ่อสิ” เกริกไกรเอ่ยขึ้น

            “คุณพูดเข้าหูฉันก็วันนี้ล่ะคุณเกริกไกร...ดีมาก” วันนี้คุณหญิงขอเอ่ยชมสามีบ้าง หลังจากพูดไม่เข้าหูมาตลอด

            “คุณเองก็เพิ่งจะชมผมครั้งแรกเหมือนกันล่ะคุณหญิง” เกริกไกรยิ้มแล้วตอบกลับภรรยา

            “จริงเหรอ...ฉันว่าไม่น่าใช่ครั้งแรกนะ” คุณหญิงเองก็เขินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วหันไปมองหน้าลูกชายแทน

            ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงเด็กร้องออกมาจากห้องคลอด ทำให้คนทั้งสามรีบลุกขึ้นไปที่หน้าประตูห้องแล้วมองหน้ายิ้มให้กัน

            “เสียงลูกผมร้องแล้วครับแม่...เยส!!” นักบินหันมาเอ่ยกับมารดาด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจ

            “แม่ก็ดีใจ...ในที่สุดก็จะได้มีหลานสมใจอยากแล้ว” ความดีใจทำให้คุณหญิงกระโดดโลดเต้นไม่ต่างจากเด็กเลย ทำเอาสามีถึงกับกุมขมับแล้วมองไปรอบๆ เพราะกลัวใครจะมาเห็นเข้า

            หลังจากทุกอย่างผ่านไปด้วยดีแล้ว ปลาวาฬก็ถูกย้ายมาพักฟื้นในห้องพิเศษ ส่วนลูกแฝดทั้งสองคนพยาบาลก็อุ้มมาวางไว้ข้างๆ ตัวเพื่อให้คุณแม่มือใหม่ได้เชยชมความน่ารักของลูกทั้งสองคน ส่วนคนอื่นๆก็ยืนยิ้มอยู่รอบๆเตียง เมื่อเห็นความน่ารักของเด็กทารกแฝดทั้งสองคน

            “ลูกแม่น่ารักจัง” แม้ปลาวาฬจะอิดโรยจากการผ่าตัดมา แต่เจ้าตัวก็ยิ้มได้เมื่อเห็นความน่ารักของลูกทั้งสองคน น้ำตาแห่งความปลื้มปีติไหลลงมาจากหางตาเป็นสาย มือเรียวโอบกอดลูกเอาไว้ไม่ให้ห่างกาย

            “ลูกเราน่ารักมากๆเลย พี่ปลาดาวกับน้องนักสู้” นักบินเอื้อมมือหนาไปลูบที่ศีรษะของปลาวาฬอย่างเอ็นดู  ขณะที่ใบหน้าหล่อคมก็โปรยยิ้มออกมาอยู่ตลอดเวลา

            “ดีใจด้วยนะหนูปลาวาฬ และก็ขอบใจที่ให้กำเนิดหลานตัวน้อยๆสองคนนี้ มาให้ฉันและคุณเกริกไกรได้ชื่นใจ” คุณหญิงเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้

            “ครับคุณหญิง” ปลาวาฬตอบรับสั้นๆ ใจจริงอยากจะพูดอะไรมากมายแต่ตอนนี้เจ้าตัวรู้สึกเพลียๆอยู่

            ไม่นานนักเงินและเจฟฟี่ก็เดินเข้ามาพร้อมกัน ก่อนหน้านี้ปลาวาฬให้นักบินโทรไปบอกเงินว่าตัวเองคลอดลูกแล้ว เมื่อเงินทราบเรื่องก็รีบบอกให้เจฟฟี่ขับรถพามา ประจวบเหมาะกับวันนี้เป็นวันหยุดพอดี

            “สวัสดีครับทุกคน” เงินกับเจฟฟี่ยกมือไหว้คนในห้อง ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาเพื่อน

            “สวัสดีจ้ะ หนูคงเป็นเพื่อนหนูปลาวาฬสินะ” คุณหญิงเอ่ยทักทาย

            “ใช่แล้วครับ” เงินตอบ

            “ถ้างั้นก็ตามสบายเลยนะจ๊ะ” คุณหญิงเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            “ขอบคุณครับ” เงินยิ้มให้คุณหญิง

            ขณะที่นักบินและเจฟฟี่เห็นหน้ากันนั้นต่างก็ตกใจ นั่นเพราะทั้งสองเคยเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันสมัยเรียนมัธยม พอเข้ามหาวิทยาลัยต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกันไป ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอกันอีกทีในสถานการณ์ที่บังเอิญอย่างนี้

            “อ้าวไอ้เจฟ”

            “ไอ้นักบิน...อย่าบอกนะว่ามึงเป็นแฟนเพื่อนเมียกู” เจฟฟี่เอ่ยขึ้น

            “ก็เออสิวะ โลกมันกลมจังเลยว่ะ”

เมื่อได้เจอเพื่อนเก่าทั้งที ทั้งสองจึงเดินแยกไปคุยกันที่โซฟาอีกฝั่ง ปล่อยให้ปลาวาฬและเงินคุยกันตามลำพัง ส่วนคุณหญิงและสามีต้องขอตัวกลับไปที่บ้านก่อน เพราะอยากให้ปลาวาฬได้พูดคุยกับเพื่อนและพักผ่อนไปด้วย

             “ปลาวาฬกูมาหามึงแล้ว” เงินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือ เกือบปีแล้วที่ทั้งสองไม่ได้เห็นหน้ากัน

            “เงิน..กูคิดถึงมึงมากๆเลยอ่ะ” ปลาวาฬเองก็น้ำตาไหลไม่ต่างกัน เงินมองหน้าเพื่อนแล้วร้องไห้ตาม หลังจากนั้นก็เอื้อมมือเรียวไปจับมือน้อยๆของหลานอย่างเอ็นดู

            “กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน หลานน่ารักมาก กูดีใจกับมึงด้วยนะเว้ย” เงินเอ่ย

            “อื้ม” ปลาวาฬตอบรับสั้นๆ แต่เปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกดีๆ ในวันที่เขามีความสุขนอกจากคนรักที่อยู่ข้างกายแล้ว เขาเองก็อยากให้เพื่อนมาอยู่ใกล้ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะเขากับเงินร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่เด็กจนโต จนกลายเป็นครอบครัวของกันและกันไปแล้ว

             “ว่าแต่หลานชื่ออะไรบ้างเนี่ย” เงินปาดน้ำตาออกจากแก้มนุ่มจนเหือดแห้ง พร้อมกับจ้องมองร่างเล็กๆของหลานทั้งสองไปด้วย

             “คนพี่ชื่อปลาดาว ส่วนคนน้องชื่อนักสู้” ปลาวาฬเอ่ย

            “ชื่อเพราะจัง แต่ทำไมแอบไม่คล้องจองกันเลยอ่ะ” เงินเอ่ยแซวเมื่อได้ยิน

            “ก็เราแบ่งกันตั้งชื่อ มันเลยออกมาคนละทาง แต่นี่อาจจะเป็นคู่แฝดคู่แรกของโลกที่ชื่อไม่คล้องจองกันก็ได้นะมึง” ปลาวาฬเอ่ยขำๆ

            “กูดีใจกับมึงจริงๆนะเว้ย ไม่นึกเลยว่าชีวิตเรามันจะบังเอิญขนาดนี้ ยิ่งรู้ว่าพี่เจฟเป็นเพื่อนกับคุณนักบินมาก่อนกูยิ่งดีใจ เพราะจะได้อ้อนพามาหามึงกับหลานบ่อยๆ” เงินเอ่ยกับเพื่อนรัก ดูจากสีหน้าก็รู้ว่ามีความสุขมากแค่ไหน

            “บังเอิญจังเลยเนาะ ต่อไปนี้เราคงได้เจอกันบ่อยๆแล้วสินะ” ปลาวาฬไม่นึกเลยว่าการแยกจากเพื่อนในครั้งนั้น มันจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตในทางที่ดีมากขนาดนี้ เขาและเพื่อนกลับมาเจอกันอีกครั้งในขณะที่ต่างฝ่ายต่างก็มีความสุข มันเกินความคาดหมายมากเหลือเกิน

            ทั้งสองหันไปมองดูนักบินและเจฟฟี่ที่กำลังพูดคุยกันอย่างถูกคอ ทั้งคู่ไม่ได้เจอมากันเสียนาน ทำให้มีเรื่องราวพูดคุยกันมากมาย จนลืมไปแล้วว่ามีอีกสองชีวิตที่กำลังมองดูทั้งคู่แล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 18 คลอด l Up:11-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-06-2018 21:36:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 18 คลอด l Up:11-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-06-2018 23:38:48
ยังไม่จบหรอก ยังมีเรื่องยัยแฟนเก่าที่เคยสัญญาอะไรไว้ก่อนล่ะนั่นอย่าลืมไปเคลียร์ล่ะนักบิน
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 18 คลอด l Up:11-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: bearjunjun ที่ 11-06-2018 23:39:37
 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 18 คลอด l Up:11-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-06-2018 00:06:28
ขออย่ามีดราม่าเลย สาธุ :call:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 18 คลอด l Up:11-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 12-06-2018 00:59:55
ต่อไปก็คงเป็นม่าจากนังคุณแฟนเก่านักบินสินะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 18 คลอด l Up:11-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Lotsa ที่ 12-06-2018 01:37:25
รอตอนต่อไปน้าาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 18 คลอด l Up:11-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-06-2018 02:46:21
ไม่เอาแล้วนะมาม่านะ ขอเป็นไวไว ควิกแทนแล้วกันนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 18 คลอด l Up:11-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-06-2018 02:49:38
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 18 คลอด l Up:11-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-06-2018 05:08:06
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 18 คลอด l Up:11-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 12-06-2018 09:18:55
คลอดแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 18 คลอด l Up:11-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-06-2018 12:06:10
นักรบ นี่ไวมากเจอปลาวาฬ ไม่เท่าไร ก็รักก็ชอบมาก
แถมขั้นตราตรึง อกหักถึงกับเดินทางไปรักษาแผลใจต่างประเทศเลย

ชื่อลูกแฝดบ้านนี้ ปลาดาว  น่ารัก
แต่นักสู้ นี่คงเป็นชื่อแรกในประเทศไทย
จะต้องมีคำว่า  นัก  ตามพ่อให้ได้สินะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 19 ผู้มาเยือน l Up:12-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 12-06-2018 16:04:25
-๑๙-

ผู้มาเยือน


            หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปปลาวาฬออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว ช่วงแรกๆ เจ้าตัวแทบทำอะไรเองไม่ได้เลยเพราะยังเจ็บแผลผ่าตัดที่ท้องอยู่ ทำให้ทุกอย่างตกเป็นหน้าที่ของนักบินโดยอัตโนมัติ ทว่านักบินกลับทำหน้าที่ไม่ได้ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าคุณหญิงจะสั่งให้จ้างพี่เลี้ยงมาช่วย แต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมเพราะอยากจะทำหน้าที่พ่อด้วยตัวเองให้ดีที่สุดเสียก่อน

            อุแว้ๆๆ

            “คุณลูกร้อง” ขณะที่ปลาวาฬกำลังป้อนนมลูกสาวอยู่นั้น ลูกชายอีกคนที่นอนอยู่บนเบาะนุ่มก็ร้องเสียงดังขึ้นมา ทำเอาคนเป็นพ่อที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ ถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย เมื่อคืนนี้เจ้าตัวก็แทบไม่ได้นอนเพราะเจ้าตัวน้อยทั้งสองร้องไห้งอแงแข่งกันแทบทั้งคืน

            “ตัวน้อยของพ่อเป็นอะไรครับ อย่างอแงสิ เอ่เอ้..” นักบินลุกขึ้นมาอุ้มลูกชายขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด แล้วแกว่งไปมาเบาๆ เพื่อให้ลูกชายหยุดร้องแต่ก็ไม่ได้ผล

            อุแว้ๆๆ

            “เอานมป้อนลูกสิคุณ สงสัยจะหิว” ปลาวาฬเอ่ยแนะนำพร้อมกับขำเมื่อเห็นสภาพของนักบิน ขอบตาล่างคล้ำอย่างกับหมีแพนด้า ผมที่เคยเรียบตรงกับฟูขึ้นมาอย่างกับโดนไฟฟ้าช็อต เขาบอกแล้วว่าให้จ้างพี่เลี้ยงแต่ก็ไม่ยอม เป็นไงล่ะทีนี้สภาพแทบดูไม่ได้เลย

            “โอเคๆ” ว่าแล้วก็วางลูกชายไว้บนเบาะนอนก่อนจะเดินไปหยิบขวดนม ที่ปลาวาฬชงไว้เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ แล้วเดินกลับมาอุ้มลูกชายเอาไว้ในอ้อมแขนเหมือนเดิม หลังจากนั้นก็ป้อนนมทันที

            จ๊วบๆๆ

            “เงียบเลยสงสัยจะหิวมากสินะลูกพ่อ” เมื่อเห็นลูกชายดื่มนมอย่างกระหายหิว นักบินก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แล้วจ้องมองอยู่อย่างนั้นพร้อมกับยิ้มอยู่ตลอดเวลา

            “ผมบอกให้จ้างพี่เลี้ยงก็ไม่ยอม เป็นไงล่ะสภาพดูไม่ได้เลย” ปลาวาฬเอ่ยพร้อมกับขำออกมา

            “เหนื่อยแต่มีความสุขอย่างนี้...ฉันยอม อีกไม่นานคงจะชินแล้วล่ะ ว่าแต่นายเถอะหายเจ็บแผลหรือยัง” นักบินถามกลับ

            “ก็ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ แต่ตอนนี้เริ่มคันมากกว่า”

            “อย่าไปเกามันล่ะอีกแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หายแล้ว อีกสักสัปดาห์แล้วเราค่อยมาทำน้องให้ปลาดาวกับนักสู้กันอีกนะ” นักบินยังคงตั้งตารอวันที่จะได้เชยชมเรือนร่างของอีกฝ่ายอยู่เสมอ

            “หื่นไม่เลิกเลยนะคุณ คราวนี้ผมไม่ยอมคุณง่ายๆหรอกบอกไว้เลย” ปลาวาฬแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายทันที

            “นายไม่สงสารฉันเหรออดอยากปากแห้งมานานแล้วนะ” นักบินเริ่มใช้บทอ้อน

            “ไม่ล่ะ...ผมสงสารตัวเองมากกว่า โดนทีแทบจะฉีกแต่ถ้าคุณไปลดขนาดไอ้นั่นมาผมอาจจะยอมก็ได้นะ” ปลาวาฬเอ่ยแนะนำพร้อมกับยักคิ้วให้ เพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้

            “จะบ้าเหรอ! มีแต่คนอยากทำให้มันใหญ่ขึ้น มาบอกให้ลดขนาดมันทำได้ที่ไหนกันล่ะ อย่ามาเฉไฉไปหน่อยเลย ช่วงนี้มันเป็นโอกาสที่เหมาะแล้ว ถ้าเผื่อลูกโตขึ้นมามีหวังไม่ได้ทำอะไรกันแน่ๆ คงจะป่วนน่าดู”

            “คุณคิดการณ์ไกลเกินไปป่ะ ถ้าคุณทำดีอย่างนี้ต่อไปผมคงไม่ใจร้ายหรอกน่า”

            “จริงๆนะ นายพูดแล้วห้ามคืนคำเด็ดขาด” เมื่อได้ยินคนรักพูดอย่างนั้นนักบินก็ทำสีหน้าดีใจยกใหญ่ ปลาวาฬถึงกับขำกับท่าทางตื่นเต้นดีใจของนักบิน คนหื่นยังไงก็คงหื่นวันยังค่ำสินะ

            “ผมไม่บิดพลิ้วหรอกน่าแต่ขอเวลาอีกสักพักก็แล้วกันนะ” ปลาวาฬเอ่ยกับอีกฝ่าย อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นรางวัลให้กับความทุ่มเทก็แล้วกัน

            “ได้ยินย่างนี้แล้วก็หายเหนื่อยทันทีเลย” นักบินยิ้มกริ่มด้วยความดีใจ

            “คุณนี่นะ...ว่าแต่นักรบจะกลับมาวันไหนนะ” ปลาวาฬนึกขึ้นได้ว่าใกล้ถึงวันที่นักรบจะกลับมาจากต่างประเทศแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นมาทันที

            “สัปดาห์หน้านี้ล่ะ มันเห็นรูปหลานแล้วยิ่งอยากกลับมาเร็วๆ สงสัยคงจะอยากกอดมาก” นักบินเอ่ย เขาคุยกับน้องชายเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้นักรบทำใจเรื่องปลาวาฬได้แล้ว แถมยังมีคนรู้ใจที่บังเอิญไปเจอกันที่โน่นอีกด้วย

            “ดีใจจัง จะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วสินะ” ปลาวาฬเองก็คิดถึงนักรบอยู่ไม่น้อย อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ เหลือเกิน คงจะเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่งแน่นอน

            “ฉันเองก็ดีใจที่ทุกอย่างมันลงเอยได้ด้วยดี” นักบินมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาที่หวานซึ้ง ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกขึ้นมาทันที

            “ถ้าลูกหลับแล้วไปซักผ้าอ้อมด้วยนะคุณ” ปลาวาฬอยากแกล้งอีกฝ่าย จึงเปลี่ยนเรื่องกะทันหันพร้อมกับขำออกมา

            “อ้าว! กำลังจะซึ้งอยู่แล้วเชียวไหงเป็นงี้ไปได้” นักบินหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยออกมา ก่อนจะทำหน้าบูดบึ้ง

            “แล้วจะทำไหมล่ะ” ปลาวาฬเอ่ยเสียงเข้มหวังจะขู่อีกฝ่าย

            “ทำครับๆ อย่าดุสิ” นักบินรีบตอบรับโดยเร็ว ตอนนี้คำสั่งของปลาวาฬกลายเป็นประกาศิตที่มีพลังอำนาจสำหรับเขาไปแล้ว

            ปลาวาฬพอใจกับท่าทีของคนรักที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่เพราะสามารถสั่งการอีกฝ่ายได้ แต่เพราะรู้สึกดีกับความน่ารักและเอาใจใส่ของนักบิน ที่มีให้เขาไม่เคยน้อยลงจากเดิมเลย นั่นทำให้ปลาวาฬมั่นใจว่าจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้ไปได้ตลอดชีวิต...

*-*-*-*-*-*
            และแล้วก็ถึงวันที่นักรบกลับมาเมืองไทย นักบินเป็นคนขับรถไปรับน้องชายที่สนามบินด้วยตัวเอง พอเจอหน้าทั้งสองก็กอดกันอย่างแนบแน่นด้วยความคิดถึง ก่อนจะรีบกลับมาที่บ้านโดยด่วน เพราะนักรบอยากเห็นหน้าหลานแฝดเต็มทนแล้ว

            บรรยากาศหน้าบ้านมหาธำรงกุลอบอวลไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม นั่นเพราะคุณหญิงและสามีพร้อมกับคนรับใช้ต่างก็มาต้อนรับที่หน้าบ้าน ราวกับว่านักรบห่างบ้านไปเป็นสิบๆปีซะอย่างนั้น เมื่อรถมาจอดเทียบที่หน้าบ้าน นักรบก็รีบลงมาแล้วเดินเข้าไปกอดบิดามารดาทันที

            “สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” นักรบยกมือไหว้แล้วรีบเข้าไปโอบกอดบุพการีทั้งสองคนด้วยความคิดถึง

            “ลูกดูผอมไปนะนักรบ” คุณหญิงฉัตรฉายเอ่ยพร้อมทั้งน้ำตา มือเรียวก็คลำตามตัวลูกชายไปด้วย เพื่อสำรวจความเปลี่ยนแปลง

            “ไม่ใช่ผอมครับคุณแม่ แต่หุ่นดีขึ้นต่างหากล่ะ” เจ้าตัวแก้ต่างด้วยรอยยิ้ม

            “แต่แม่ว่าผอมนะ” คุณหญิงยังยืนยันสิ่งที่ตัวเองเห็นอยู่ตรงหน้า

            “ลูกบอกว่าหุ่นดีคุณก็ยังไม่เชื่ออีก” เกริกไกรเอ่ยขัดคอภรรยาอีกเช่นเคย

            “เงียบปากไปเลยคุณฉันคุยกับลูกสองคน” ว่าแล้วก็จูงมือลูกชายเข้าไปในบ้าน ตรงไปหาปลาวาฬและหลานทั้งสองคนทันที ส่วนเกริกไกรได้แต่ทำหน้าจ๋อยเพราะโดนภรรยาด่าให้อีกตามเคย นักบินได้แต่ยิ้มให้กับความพ่อแง่แม่งอนกันของบิดามารดา

            นักรบเดินจูงมือมารดาเข้าไปหาปลาวาฬกับหลานในบ้าน เมื่อทั้งสองเห็นหน้ากันก็ยิ้มด้วยความดีใจ ส่วนคุณหญิงก็เดินไปในครัวเพื่อสั่งให้แม่บ้านทำกับข้าวมื้อพิเศษเลี้ยงต้อนรับลูกชายกลับมาบ้าน

            “ว่าไงครับคุณแม่ลูกอ่อน!” นักรบเอ่ยทักขึ้นก่อน ขณะที่ปลาวาฬนั่งไกวเปลลูกทั้งสองคนที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ในเปลอู่

            “นักรบ! คิดถึงจังเลยอ่ะ” เมื่อเห็นเพื่อนปลาวาฬก็ยิ้มด้วยความดีใจ

            นักรบเดินเข้าไปนั่งข้างๆแล้วทั้งสองก็กอดกันด้วยความคิดถึง ตอนนี้สำหรับนักรบแล้วสถานะของปลาวาฬคือพี่สะใภ้และเป็นเพื่อนที่เข้าใจ ไม่มีอะไรเกินเลยเหมือนแต่ก่อนแล้ว และนักบินเองก็รู้และเข้าใจเป็นอย่างดี

            “คิดถึงเหมือนกัน....ตอนนี้เราอยากเห็นหน้าหลานแล้วอ่ะ” เมื่อผละจากอ้อมกอดแล้วนักรบก็มองไปที่เปลอู่ทั้งสองข้างสลับกันไปมา

            “กำลังหลับอยู่เลย ทางซ้ายพี่สาวชื่อปลาดาว ส่วนขวามือน้องชายชื่อนักสู้” ปลาวาฬเอ่ย

            นักรบชะโงกหน้าเข้าไปมองหลานสาวก่อน ตามด้วยหลานชาย เจ้าตัวยิ้มออกมาตลอดเวลาขณะมองดูความน่ารักจิ้มลิ้มของเด็กทารกที่กำลังนอนอยู่ในเปลอู่

            “น่ารักน่าชังทั้งสองคนเลย พี่นักบินเก่งจริงๆ เลยหน้าตาเหมือนพ่ออย่างกับแกะทั้งสองคนเลย” นักรบเอ่ยปากชมพี่ชายที่เพิ่งจะเดินมาถึง

            “แน่นอนอยู่แล้วไอ้น้อง รออีกสักปีสองปีอาจจะมีแฝดคู่ใหม่เกิดขึ้นอีกก็เป็นได้” เจ้าตัวเอ่ยพร้อมส่งสายตาหื่นไปให้คนรัก แต่ปลาวาฬกลับเบ้ปากไม่มีทางเห็นด้วยอย่างแน่นอน

            “แค่สองคนก็เลี้ยงให้มันรอดก่อนเถอะคุณ” ปลาวาฬดุให้

            “รอดอยู่แล้วนายก็เห็นนี่ว่าฉันดูแลลูกดีขนาดไหน” นักบินเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจกับการตั้งใจเลี้ยงลูกตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

            “ให้มันไหวตลอดเถอะอย่ามาบ่นให้ได้ยินก็แล้วกัน”

            “คร้าบบที่รัก” นักรบยิ้มให้อีกฝ่าย

            “ไปอยู่ที่โน่นเป็นไงบ้างนักรบ แล้วเจอใครถูกใจบ้างไหมน๊า” ปลาวาฬหันไปสนใจเอ่ยถามนักรบ

            “ก็ดีนะได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แถมยังเจอกับใครบางคนที่นิสัยคล้ายๆ กับปลาวาฬด้วย” เมื่อเอ่ยถึงใครคนนั้นนักรบก็ยิ้มกริ่มออกมาทันที ทำเอาปลาวาฬและนักบินมองหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น

            “อย่าบอกนะว่าแกกำลังมีความรัก” นักบินได้ยินก็หูผึ่งทันที เขาอยากให้น้องชายสมหวังกับความรักบ้าง

            “ก็ไม่เชิงอ่ะพี่ แต่ก็มีความรู้สึกดีๆให้กัน ตอนนี้ยังคิดถึงอยู่เลย ฮ่าๆ” นักรบตอบพี่ชายพร้อมกับหัวเราะออกมา

            “ถึงขนาดนี้ถ้าไม่เรียกว่ารักคงไม่ใช่แล้วมั้ง ถ้ารักก็เดินหน้าเลยอย่าปล่อยให้เสียเวลาเหมือนคู่เรานะ” ปลาวาฬเอ่ยแนะนำ

            “คร้าบเพื่อน” นักรบยิ้มให้ สื่อว่าพร้อมรับคำแนะนำไปปฏิบัติตามอย่างแน่นอน

            “เห็นแกมีความสุขพี่ก็อุ่นใจจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดมากไปกว่านี้”

            “รู้สึกผิดเรื่องอะไรอ่ะคุณ” ปลาวาฬได้ยินอย่างนั้นก็เริ่มสงสัยขึ้นมาทันที

            “ไม่มีอะไรหรอกปลาวาฬ พี่นักบินหมายถึงมีเมียก่อนเราไง คงกลัวว่าเราจะอิจฉาน่ะสิ ใช่ไหมพี่” นักรบอยากให้เรื่องที่เขาเคยแอบชอบปลาวาฬมันเป็นความลับตลอดไป

            “ใช่ๆๆ อย่างที่นักรบพูดนั่นล่ะ” นักบินตอบรับโดยเร็ว

            “อ๋อ...ก็นึกว่าเรื่องอะไร” ปลาวาฬพยักหน้ารับเหมือนเข้าใจเป็นอย่างดี

             “ว่าแต่เมื่อไหร่จะตื่นกันนะหลานอาอยากอุ้มเต็มทีแล้วเนี่ย” นักรบบ่นออกมาแล้วมองไปที่เปลอู่ของหลานทั้งสองคน

            “น่าจะใกล้แล้วล่ะเพราะนอนมาหลายชั่วโมงแล้ว อีกไม่นานก็คงร้องแข่งกันแล้ว” ปลาวาฬเอ่ย

            “ถ้าอย่างนั้นเราขึ้นไปบนห้องก่อนนะเดี๋ยวจะลงมาหาใหม่”

            “โอเคจ้า” ปลาวาฬยิ้มตอบรับ

            หลังจากนั้นนักรบก็เดินขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง เพื่อไปอาบน้ำให้สดชื่นแล้วก็นอนงีบสักพัก หลังจากนั่งเครื่องมาหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้

            “ที่รักเหนื่อยไหมครับ” หลังจากน้องชายเดินออกไปแล้ว นักบินก็เดินไปนั่งซ้อนหลังแล้วกอดเอาไว้ พร้อมกับเอ่ยถามคนรักทันที

            “ผมต้องถามคุณมากกว่าว่าเหนื่อยไหม” ปลาวาฬตอบกลับด้วยคำถาม

            “แค่เห็นหน้านายกับลูกความเหนื่อยมันก็หายเป็นปลิดทิ้งทันที” เจ้าตัวตอบพร้อมกับหอมแก้มคนที่อยู่ในอ้อมกอดฟอดใหญ่

            “ปากหวานจริงๆ เลยนะช่วงหลังมานี้” ปลาวาฬเอ่ยขณะที่ใบหน้าแดงก่ำราวกับลูกตำลึง แม้จะไม่ได้มีอะไรกันมานาน แต่นักบินก็ชอบมาแต๊ะอั๋งเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้อยู่ตลอดเวลา ไม่ทิ้งลายความหื่นแม้แต่น้อย

            “ก็รู้ว่าต้องการอะไรอยู่นี่นา” น้ำเสียงออดอ้อนเปรยข้างใบหูทำเอาปลาวาฬถึงกับตัวอ่อนปวกเปียก คนอะไรจะทำให้เขารู้สึกได้ถึงความหื่นอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเพียงลำพังอย่างนี้

            “ใกล้แล้วล่ะรออีกนิดนึง” ปลาวาฬเอ่ยให้ความหวัง

            “จริงดิครับที่รัก” เมื่อได้ยินอย่างนั้น นักบินก็เอ่ยเสียงหวานขึ้นมาทันที บ่งบอกว่าเจ้าตัวแทบจะทนความต้องการไม่ได้แล้ว

            “จริง...ครั้งนี้ไม่ได้ล้อเล่นนะถือเป็นการตอบแทนที่คุณตั้งใจเลี้ยงลูกเป็นอย่างดีมาตลอด”

            “ขอบคุณนะครับที่รัก ใจจริงสามีอยากให้มันเป็นคืนนี้ซะด้วยซ้ำ” น้ำเสียงที่แหบพร่าเอ่ยข้างใบหูทำเอาปลาวาฬถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมา

            “ไม่ใช่คืนนี้แน่นอนบอกไว้ก่อนเลย” ปลาวาฬรีบเอ่ยดับฝันของใครบางคนขึ้นมาทันที แต่ถึงกระนั้นนักบินก็ยังคงคลอเคลียที่ซอกคอขาวอยู่ตลอดเวลา

            นักบินมัวแต่ยุ่งๆ กับการเลี้ยงลูกแฝด ทำให้เจ้าตัวลืมเรื่องเมย์ไปโดยปริยาย ลืมแม้กระทั่งว่าวันใดวันหนึ่งเจ้าหล่อนอาจจะโผล่เข้ามาทวงคำสัญญา และอาจจะทำให้ตนและปลาวาฬเข้าใจผิดกันก็เป็นได้ นักบินเองยังไม่ได้คิดหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ไว้ก่อนเลยสักนิดเดียว

            หลายวันต่อมาขณะนักบินกำลังนั่งหยอกล้อเล่นกับลูกทั้งสองคนอยู่นั้น ก็มีสายโทรเข้ามาหา เมื่อได้ยินเสียงเจ้าตัวก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างๆแล้วมองดูหน้าจอ ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้เจ้าตัวถึงกับหน้าซีด เพราะมันคือสายของอดีตคนรักนั่นเอง หลังจากอึ้งอยู่สักพักไม่ยอมรับสายเสียที ปลาวาฬจึงหันไปมองด้วยความสงสัยแล้วเอ่ยถาม...

            “ทำไมไม่รับสายล่ะคุณ”

            “เอ่อ...เบอร์ไม่คุ้นสงสัยจะโทรมาผิดมั้ง” ว่าแล้วก็ตัดสายไป

            “ไม่คุ้นก็น่าจะรับนะเผื่อเป็นเพื่อนคุณเปลี่ยนเบอร์มาล่ะ” ปลาวาฬยังคงสนใจกับเรื่องนี้อยู่ ช่วงหลายเดือนมานี้นักบินจะไม่ได้เข้าสังคมกับเพื่อนๆ สักเท่าไร เพราะทุ่มเวลาทั้งหมดให้เมียกับลูก ใจจริงปลาวาฬก็อยากให้อีกฝ่ายออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เพราะกลัวจะเครียดและเบื่อไปเสียก่อน

            “ไม่หรอกช่างมันเถอะ” พูดจบยังไม่ถึงนาทีเมย์ก็โทรมาอีกครั้ง

            Rrrrr….

            นักบินรีบตัดสายอีกครั้งแล้วก็ปิดเครื่อง ทำเอาปลาวาฬถึงกับทำหน้าสงสัยขึ้นมาทันที

            “ทำไมคุณไม่รับสาย แถมยังปิดเครื่องอีกด้วย มีอะไรปิดบังผมอยู่หรือเปล่า” ปลาวาฬเริ่มทำเสียงดุขึ้นมา โชคดีที่เจ้าตัวน้อยทั้งสองที่นอนอยู่บนเบาะไม่ได้งอแง จึงทำให้ปลาวาฬมีเวลาซักเอาความจริงจากปากอีกฝ่าย

            “ก็ฉันไม่รู้จักว่าเป็นสายใครไง รำคาญจะแย่ อย่าไปสนใจมันเลย” นักบินรีบหาข้อแก้ตัวไปเรื่อย ในใจก็หวังว่าอีกฝ่ายจะเชื่อ

            “จริงนะไม่ใช่ว่าแอบไปมีใคร ไม่งั้นผมเอาคุณตายแน่” ปลาวาฬขู่ซะเสียงเย็นยะเยือก ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับหน้าเจื่อนพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ

            “จริงครับที่รัก เชื่อใจเขานะ อย่าทำหน้าดุอย่างนั้นสิลูกเริ่มจะไม่ปลื้มแล้วนะนั่น” นักบินเริ่มเอาลูกมาเป็นข้ออ้าง เวลาปลาวาฬดุขึ้นมาแล้วมันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน

            “อย่าให้มีนะ...ครั้งนี้ผมจะยอมเชื่อ”

            “คร้าบบ จะมีเวลาที่ไหนไปมีกิ๊กล่ะ วันๆ ก็อยู่แต่กับลูกกับเมียนี่นา”

            เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนยันนักหนาปลาวาฬก็เริ่มจะเชื่อใจ แล้วกลับเข้าสู่โหมดปกติเหมือนเดิม หลังจากนั้นทั้งสองก็หยอกล้อเล่นกันกับลูกน้อยอย่างมีความสุข แต่ระหว่างนั้นก็มีเสียงหวานของใครบางคนตะโกนเรียกนักบิน

            “นักบินคะทำไมไม่รับสายเมย์เลยอ่ะ”

            หญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดเดรสสีแดงเพลิงแฟชั่นจ๋า ยืนยิ่มแฉ่งอยู่ตรงหน้า ทำเอานักบินถึงกับอึ้งหัวใจหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที คาดไม่ถึงว่าการตัดสายเมย์ในครั้งนี้จะทำให้เรื่องมันยุ่งขึ้นไปอีก เมื่อสักครู่เขายิ่งโกหกอีกฝ่ายเอาไว้ด้วย เจ้าตัวเข้าใจคำว่า ‘งานเข้า’ อย่างถ่องแท้ก็วันนี้นี่ล่ะ...
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 19 ผู้มาเยือน l Up:12-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-06-2018 16:21:23
 :ruready :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 19 ผู้มาเยือน l Up:12-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 12-06-2018 16:32:41
เหอะๆๆๆ งานเข้าแน่ๆแล้ว ยังไงก็จัดการให้เรียบร้อยซะตั้งแต่ตอนนี้ล่ะนักบิน เดี๋ยวน้องปลาวาฬหอบลูกหนีไปไม่รู้ด้วย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 19 ผู้มาเยือน l Up:12-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-06-2018 16:36:45
ตอนหน้าได้เจอคุณแฟนเก่าแน่เลย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 19 ผู้มาเยือน l Up:12-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 12-06-2018 16:37:14

“เงียบเลยสงสัยจะหิวมากสินะลูกพ่อ” เมื่อเห็นลูกชายดื่มนมอย่างกระหายหิว นักรบก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แล้วจ้องมองอยู่อย่างนั้นพร้อมกับยิ้มอยู่ตลอดเวลา


อันนี้น่าจะพิมพ์ผิดนะคะ คงจะเป็น นักบิน

-------------------------------
นั่นไง! มาแล้ว! นางมาแล้ววว
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 19 ผู้มาเยือน l Up:12-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-06-2018 16:57:29
รีบเคลียร์ให้เสร็จซะล่ะนักบิน
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 19 ผู้มาเยือน l Up:12-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-06-2018 18:02:48
นึกถึงชะนี มาทันทีเลย ซวยแล้วๆๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 19 ผู้มาเยือน l Up:12-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 12-06-2018 18:11:38
นางมันร้ายยยยยเมย์
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 19 ผู้มาเยือน l Up:12-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-06-2018 20:55:30
รีบๆเคลียร์ให้จบนะนักบิน ก่อนที่ปลาวาฬจะหอบลูกหนีไปซะก่อน
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 19 ผู้มาเยือน l Up:12-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-06-2018 06:18:02
มาแล้วๆๆ ตัวมาร :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 19 ผู้มาเยือน l Up:12-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 13-06-2018 16:58:37
หึๆๆ.. ยังไงๆค่ะ..
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 19 ผู้มาเยือน l Up:12-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 13-06-2018 17:51:42
ว่าละ นางมาละ
งานจะไม่เข้า ถ้าชัดเจนนะนักบิน
สัญญาในอดีต ก็ให้มันผ่านไปสิ ไม่เป็นตามที่คิดแล้วหนิ
ก็ตอนนี้มีคนที่รักกะลูกละไง
คนรักเก่าอะไรนั่น ให้เป็นแม่ของลูกนั่นก็ไม่ต้องแล้วป่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 19 ผู้มาเยือน l Up:12-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-06-2018 21:44:21
 :katai2-1:
หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 20 แกล้ง l Up:13-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 13-06-2018 21:55:50
-๒o-

แกล้ง


            “มะ...เมย์มาได้ไงเนี่ย” นักบินตอบรับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ตอนนี้แทบไม่กล้าหันไปมองคนที่อยู่ข้างๆเลย เพราะกลัวว่าจะเห็นสายตาที่อำมหิตคู่นั้น ไม่ใช่อะไรเขาแค่กลัวว่าปลาวาฬจะน้อยใจที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้มาก่อน

            เมย์เดินนวยนาดเข้ามาหานักบิน พลันสายตาคู่สวยก็มองปลาวาฬด้วยความสงสัย พร้อมกับนึกในใจว่าคงจะเป็นคนที่มารับจ้างอุ้มท้องให้อย่างแน่นอน

            “ก็นั่งเครื่องมาสิคะ โทรหาคุณก็ไม่รับแถมยังปิดเครื่องอีกต่างหาก แต่ก็ช่างเถอะยังไงก็มาถึงแล้วไหนคะลูกของเรา” เมย์ถามพร้อมกับมองไปยังเด็กทารกทั้งสองคนที่นอนอยู่บนเบาะนุ่ม เห็นอย่างนั้นเจ้าหล่อนก็ยิ้มด้วยความเอ็นดู มือเรียวก็ลูบท้องตัวเองไปด้วย

            “ลูกเรางั้นเหรอ?” ปลาวาฬได้ยินอย่างนั้นก็เริ่มไม่พอใจ อยู่ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็มาขี้ตู่ว่าลูกของเขาเป็นลูก มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ แถมนักบินยังไม่รีบจัดการอะไรเลย ยิ่งรู้สึกโมโหเข้าไปใหญ่ เขาอยากจะรู้เต็มทนแล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้มีอิทธิพลกับนักบินอย่างนี้

            “ใช่ลูกของฉันกับนักบินไง นายเป็นคนที่รับจ้างอุ้มท้องสินะ นักบินสัญญากับฉันแล้วว่าจะให้ฉันเป็นแม่ของเด็ก นายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เมย์ยังไม่รู้ว่าตอนนี้นักบินได้ฉีกสัญญานั้นไปแล้ว และทั้งสองก็อยู่ในสถานะคนรักโดยที่เธอเองก็คาดไม่ถึง

            “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ” นักบินไม่รู้ว่าจะแก้ตัวกับใครก่อนดี เพราะตอนนี้ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างก็เข้าใจกันคนละแบบ เมย์เข้าใจว่าปลาวาฬเป็นแค่ลูกจ้าง ส่วนปลาวาฬเข้าใจว่าเมย์เป็นกิ๊กของนักบิน

            “ยังไง! / ยังไง!” ปลาวาฬและเมย์ประสานเสียงพูดขึ้นพร้อมกัน ทำเอานักบินถึงกับกุมขมับด้วยความกลุ้มใจ พร้อมกับมองหน้าทั้งสองคนสลับไปมา

            “ก่อนอื่นขอแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันก่อนนะ ปลาวาฬนี่เมย์เป็นเอ่อ...แฟนเก่าฉันเอง ส่วนเมย์นี่ปลาวาฬนะเป็นเมียผมเอง” เขาคิดว่าหากแนะนำตัวให้รู้จักกันเช่นนี้แล้ว จะทำให้ปลาวาฬและเมย์รู้สถานะของตัวเองและอีกฝ่าย เขาพลาดตรงที่ยังไม่ได้บอกเมย์เรื่องเขากับปลาวาฬ สำหรับเมย์แล้วมันไม่น่าเป็นปัญหาอะไรเลย เพราะเมย์เป็นคนเข้าใจอะไรง่ายๆ ห่วงแต่ปลาวาฬนี่ล่ะที่อาจจะโกรธเป็นฟืนป็นไฟ เพราะอยู่ดีๆก็มีผู้หญิงมาหาเขาถึงบ้าน ถึงแม้จะเป็นแฟนเก่าก็เถอะ

            “นักบินหมายความว่ายังไง เมียงั้นเหรอเมย์เริ่มงงไปหมดแล้ว” เมย์มองหน้าถามนักบินด้วยความสับสน ก่อนหน้านั้นนักบินไม่เคยบอกหล่อนเลย ว่าจะเปลี่ยนสถานะปลาวาฬจากลูกจ้างไปเป็นเมีย

            “ก็อย่างที่เมย์ได้ยินนั่นล่ะ ปลาวาฬเป็นเมียเราแล้ว เรากับปลาวาฬรักกัน เรื่องสัญญาของเราคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ” นักบินรีบบอกให้เมย์รู้ตัวเพราะอยากจะเอาใจปลาวาฬที่ยืนมองตาขวางอยู่ เวลาหึงหวงอย่างนี้ทำเอานักบินรู้สึกเสียวสันหลังวาบอยู่ไม่น้อย

            “ทำไมนักบินไม่บอกเมย์ก่อนหน้านี้ล่ะ เมย์จะได้ไม่ต้องมาขายขี้หน้าอย่างนี้” เมย์เริ่มขึ้นเสียงใส่ทันที เจ้าหล่อนรู้สึกเสียหน้ามากเหลือเกิน ตอนนี้แทบจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีแล้ว

            “ผมขอโทษนะเมย์ ก่อนหน้านี้กำลังยุ่งๆ กับเรื่องลูกเลยไม่มีโอกาสโทรไปบอกเมย์เลย” นักบินเองก็รู้สึกผิดที่ทำให้อดีตคนรัก ต้องบินมาทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ถึงที่นี่

            ปลาวาฬพอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังโกรธที่นักบินไม่เคยบอกเรื่องที่เคยสัญญากับอดีตคนรัก ตอนนี้เขากลับรู้สึกเห็นใจเมย์มากกว่า จากตอนแรกที่ออกอาการหึงหวงกลับกลายเป็นว่าเริ่มอ่อนลง รอดูท่าทีของเมย์ก่อนว่าจะมาไม้ไหนกันแน่ ผู้หญิงคนนี้สินะที่เคยทิ้งนักบินไป

            “ผมจะอยู่กับลูกก่อนละกัน คุณรีบไปเคลียร์กับคุณเมย์เถอะ” ปลาวาฬเอ่ยแล้วหันไปสนใจลูกทั้งสองคน ที่กำลังนอนอยู่บนเบาะอย่างน่ารักน่าชัง

            “เมย์จะไม่เคลียร์กับคุณแต่เมย์จะเคลียร์กับนายคนนี้” เมย์ชี้มาที่ปลาวาฬ ทำเอาเจ้าตัวอึ้งและตกใจไปพร้อมๆ กัน เพราะคิดว่าคนที่ต้องเคลียร์เรื่องนี้คือนักบินไม่ใช่เขา

            “ปลาวาฬไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะ เมย์เข้าใจหน่อยสิปกติเมย์ไม่ใช่คนอย่างนี้นี่นา” นักบินเอ่ยด้วยความร้อนใจกลัวว่าจะเกิดการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้น

            “ไม่เป็นไรครับผมจะคุยกับคุณเมย์เอง ฝากลูกด้วยเดี๋ยวกลับมา” ปลาวาฬลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาเมย์ทันที เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำไมเมย์ถึงอยากจะคุยกับเขามากขนาดนี้ มาถึงตอนนี้แล้วเขาไม่มีทางยอมจากคนที่รักไปไหนอย่างแน่นอน

            “ถ้างั้นก็คุยกันตรงนี้ล่ะ” นักบินตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล หากมีเขาอยู่ด้วยมันน่าจะดีที่สุด

            “ไม่! เมย์จะคุยกับนายคนนี้สองต่อสอง คุณไม่ต้องห่วงว่าเมย์จะทำอะไรคนของคุณหรอกค่ะ เมย์ไม่คิดสั้นขนาดนั้นแน่” เมย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

            “ถ้างั้นไปที่ศาลาในสวนละกันครับ ตามผมมา” ปลาวาฬเดินนำหน้าหญิงสาวไป โดยไม่ลืมที่จะมองแรงใส่นักบิน เหมือนเป็นการคาดโทษเอาไว้ซะอย่างนั้น

            หลังจากทั้งสองคนเดินไปแล้วนักบินที่นั่งเฝ้าลูกแฝดอยู่ก็รู้สึกเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด กลัวว่าจะเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้นมา เพราะปลาวาฬเพิ่งผ่าตัดคลอดลูกมาไม่นาน หวังว่าคงจะไม่เป็นอย่างนั้นหรอกนะ

            ปลาวาฬเดินนำหน้าเมย์มาถึงศาลาในสวน ก็เชิญเจ้าหล่อนนั่งลงก่อนที่ตัวเองจะนั่งตามลงไป หลังจากนั้นบทสนทนาก็เริ่มต้นขึ้น...

            “คุณมีเรื่องอะไรจะเคลียร์กับผมงั้นเหรอครับ” ปลาวาฬคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ พร้อมกับมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร เขาไม่อยากจะมีเรื่องกับใคร ที่มานี่ก็เพราะอยากจะเคลียร์เรื่องทุกอย่างให้มันชัดเจน

            “นายรักนักบินจริงๆ งั้นเหรอ ไม่ใช่ว่าเห็นแก่เงินหรอกนะ” เมย์ถามออกไปตรงๆ สายตาก็จับจ้องอีกฝ่ายอย่างจับผิด

            “ใช่! ผมกับคุณนักบินเรารักกันมาก ผมยอมรับว่าผมมันจนแต่ตอนนี้เรื่องเงินมันไม่สำคัญสำหรับผมแล้ว ขอแค่มีลูกและคุณนักบินอยู่ข้างๆก็พอใจแล้ว” ปลาวาฬตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เมย์ได้ยินก็พยักหน้าราวกับเข้าใจในสิ่งที่ได้ยินเป็นอย่างดี แต่เจ้าหล่อนกลับไม่ยอมหยุดแค่นั้น

            “นักบินเคยสัญญากับฉันว่า ถึงจะเลิกกันแล้วก็จะให้ฉันเป็นแม่ของลูกเท่านั้น ตอนนี้ฉันกลับมาทวงคำสัญญาแล้ว เธอคิดว่าฉันควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี” เมย์อยากรู้ว่าปลาวาฬจะแก้ปัญหากับเรื่องนี้ยังไง จริงๆเธอเองก็รู้ว่าคนที่ต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ควรจะเป็นนักบินมากกว่า แต่เธอต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง

            “เรื่องนี้คนที่ผิดจริงๆแล้วก็คือคุณนักบิน ที่ไม่ยอมเคลียร์อะไรให้มันเรียบร้อย แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว ผมจะยอมให้คุณเป็นแม่ทูนหัวของลูกผม มันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะมันไม่ใช่ความผิดของคุณผมเองก็เข้าใจ” ปลาวาฬพยายามวางปัญหาให้มันอยู่ตรงกลางให้มากที่สุด เพราะไม่อยากให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรู้สึกไม่ดี นักบินเองก็จะได้ไม่ต้องเสียคำพูด ส่วนเมย์ก็อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้วเขาเองก็รู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย

            “ถ้าฉันอยากให้นายออกไปจากชีวิตนักบินล่ะ”

            “ผมคงทำให้คุณไม่ได้ เพราะตอนนี้เรารักกันมาก เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน หวังว่าคุณคงจะเข้าใจนะครับ” ปลาวาฬไม่มีทางยอมให้ผู้หญิงคนนี้มาทำลายชีวิตครอบครัวของเขาแน่นอน ไม่ว่าจะยังไงเขาก็จะอยู่ที่นี่กับลูกและคนรักไม่จากไปไหน                   

            “แล้วนายรู้ได้ยังไงว่านักบินจะรักนายจริง เขาอาจจะอยากให้นายมาดูแลลูกพอโตแล้วก็อาจจะเฉดหัวทิ้งก็ได้ ฉันรู้จักนักบินดีคนที่มีประโยชน์กับเขา เขาก็จะทำดีอย่างนี้ด้วยเสมอล่ะ” เมย์สังเกตเห็นใบหน้าที่เริ่มเป็นกังวลของอีกฝ่ายก็ยิ้มมุมปากทันที

            “ผมมั่นใจว่าถึงยังไงคุณนักบินก็ไม่มีทางคิดอย่างนั้นแน่นอน คุณไม่ต้องมาปั่นหัวให้ผมลังเลใจหรอก ถึงยังไงซะผมก็ยังยืนยันคำเดิม ว่าจะอยู่ที่นี่ต่อในฐานะแม่ของลูก แต่ถ้าคุณอยากจะเป็นแม่ทูนหัวผมก็ไม่ขัดข้องอะไร ตามนี้นะครับถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวเข้าไปหาลูกข้างในก่อน” แม้สีหน้าจะมีความกังวลแต่คำพูดและน้ำเสียงที่สื่อออกมามันยังคงหนักแน่นเช่นเดิม เจ้าตัวรู้ว่าตอนนี้เมย์กำลังปั่นหัวเขา และไม่มีทางหลงกลอีกฝ่ายแน่นอน

            “เดี๋ยวฉันยังพูดไม่จบ นั่งลงก่อนสิ” เมย์รีบเอ่ยก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินออกไปจากศาลา หลังจากได้พูดคุยกันมาสักพัก ทำให้เมย์รู้สึกได้ว่าปลาวาฬเป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่และมีเหตุผลมากพอสมควร ไม่น่าจะมาคบกับนักบินเพราะเงินอย่างที่เธอเข้าใจตั้งแต่แรกแน่นอน

            “คุณว่ามาเถอะผมต้องรีบเข้าไปดูลูกแล้ว ไม่รู้ป่านนี้จะร้องไห้งอแงอยู่หรือเปล่า” ปลาวาฬปฏิเสธที่จะนั่งลง เพราะเขาคิดว่าได้พูดทุกอย่างออกไปหมดแล้วไม่มีอะไรค้างคาในใจอีกต่อไป

            “จริงๆ แล้วตอนนี้ฉันกำลังตั้งท้อง” เมย์ตัดสินใจบอกความจริงกับปลาวาฬ จริงๆ แล้วที่เธอกลับมาเมืองไทยในครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อทวงคำสัญญาอะไรเลย เพียงแต่จะมาช่วยนักบินเลี้ยงดูลูกเพราะถึงยังไงก็ได้ให้สัญญากับอีกฝ่ายไว้แล้ว โดยไม่รู้มาก่อนว่าตอนนี้นักบินได้ตกหลุมรักแม่ตัวจริงของเด็กไปเสียแล้ว แต่หากนักบินบอกเธอก่อนหน้านี้เธอก็ยังจะมา เพราะต้องการเห็นหน้าหลานและบอกข่าวดีให้นักบินรู้อีกด้วย และตั้งใจจะมาเรียนรู้การเลี้ยงดูเด็กอ่อนด้วย เผื่อว่าเธอจะนำประสบการณ์ไปเลี้ยงดูลูกที่กำลังจะคลอดออกมาในอีกไม่ช้า

            “อะไรนะ! คุณกำลังตั้งท้องงั้นเหรอ” ปลาวาฬได้ยินก็นั่งลงที่เก้าอี้ทันที เขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายบอกความจริงต้องการอะไรกันแน่ และมั่นใจว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เขาจต้องลำบากใจแน่นอน

            “ที่ฉันอยากออกมาเคลียร์กับนายตามลำพัง เพราะอยากรู้ว่านายรักนักบินจริงๆหรือเปล่า ฉันเคยนอกใจและทิ้งเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง ไม่อยากให้นักบินต้องเสียใจแบบนั้นอีก เมื่อฉันมั่นใจแล้วว่าเธอรักนักบินจริงๆ คำสัญญาพวกนั้นก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ดีซะอีกฉันจะได้มาช่วยนายเลี้ยงลูก เผื่อเวลาฉันคลอดจะได้เลี้ยงลูกเองได้” เมย์เปิดอกบอกความรู้สึกในใจทั้งหมดให้ปลาวาฬฟัง เพราะตัวเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับนักบินแล้ว ตอนนี้ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้นเอง

            “ยินดีด้วยจริงๆครับ ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้ดีตอนตั้งท้องใหม่ๆมันมีความสุขมากเหลือเกิน ผมยังยืนยันคำเดิมว่าหากคุณอยากเป็นแม่ทูนหัวของลูกผมก็ยินดี” ท่าทีของคนทั้งสองเริ่มอ่อนลงและเป็นไปในทางที่ดีขึ้นเมื่อได้เปิดใจกัน

            “ขอบใจจ้ะ ฉันยินดีที่จะเป็นคุณแม่ร่วมกันกับนาย เอาเป็นว่าฉันขอรบกวนเรียนรู้การเลี้ยงลูกจากนายไปสักระยะแล้วค่อยกลับต่างประเทศก็แล้วกัน ไม่ต้องห่วงเรื่องฉันกับนักบินเพราะมันไม่มีอะไรแล้ว ระหว่างเราทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน” เมย์ให้คำยืนยันเพื่อให้ปลาวาฬสบายใจ

            “ผมเชื่อคุณครับ” ปลาวาฬยิ้มให้เจ้าหล่อน

            “ทำไมเธอถึงเชื่อใจฉันเร็วนักล่ะ” เมย์เอ่ย

            “คุณเชื่อว่าผมรักคุณนักบินจริงๆ แล้วทำไมเรื่องแค่นี้ผมจะไม่เชื่อใจคุณบ้างล่ะครับ” ปลาวาฬยิ้มให้สื่อถึงความจริงใจ

             “ถ้าอย่างนั้นเรื่องของเราก็จบเพียงเท่านี้ก็แล้วกันนะ” เมย์ยิ้มให้

             “ครับ...แต่มีข้อสงสัยอยากถามคุณเมย์เรื่องหนึ่ง ที่ว่าคุณนักบินแพ้ผู้หญิงมันคือเรื่องจริงเหรอครับ” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาอยากรู้เอามากๆ 

              “ใช่! นี่ล่ะคือสาเหตุที่ทำให้ฉันไปมีคนอื่นและก็บอกเลิกนักบิน เธอเองยังคงไม่เคยเห็นสินะ”

              “คุณช่วยผมอย่างหนึ่งได้ไหม” ปลาวาฬเริ่มคิดอะไรดีๆออกแล้ว เขาอยากจะสั่งสอนนักบินที่ไม่มีความชัดเจนในหลายๆเรื่อง ทำให้คนอื่นต้องเดือดเนื้อร้อนใจไปตามๆกัน

            “ได้สิว่ามาเลยจ้ะ” เมย์ยิ้มให้เธอยินดีช่วยเหลืออีกฝ่ายเต็มที่หากเธอทำมันได้

            หลังจากส่งยิ้มให้เมย์แล้วปลาวาฬก็เล่าเรื่องที่จะให้หญิงสาวช่วยทำ เมย์ได้ยินก็ยิ้มแล้วพยักหน้าหงึกบ่งบอกว่าเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินเข้ามาในบ้านอีกครั้ง

            “ไปคุยอะไรกันซะนานเชียว” เมื่อเห็นคนทั้งสองเดินกลับมาพร้อมกันนักบินก็เอ่ยถามทันที ตอนนี้ปลาดาวและนักสู้นอนหลับปุ๋ยอยู่ในเปลอู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นยิ่งทำให้เรื่องทุกอย่างง่ายขึ้นไปอีก

            “คุณมานี่หน่อยสิผมมีบางอย่างจะบอก” ปลาวาฬที่กำลังยืนอยู่ข้างเมย์เอ่ยเรียกคนรักให้มาหา

            “สรุปตกลงกันได้แล้วเหรอ” นักบินเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย ขณะเดียวกันก็ลุกขึ้นไปหาทั้งสองคน โดยพยายามไม่อยู่ใกล้กับเมย์ เพราะเขารู้ดีว่าฝ่ายหญิงอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้

            “สรุปได้แล้วเมย์กับปลาวาฬเห็นตรงกันว่า.........” เมย์เอ่ยเว้นไว้เพื่อให้นักบินอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปอีก

            “ว่ายังไงบอกมาเร็วๆ ดิผมอยากรู้จะแย่แล้วเนี่ย” นักบินลืมตัวจึงเดินเข้าไปหาเมย์ใกล้ๆ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มอยู่ในระยะพอเหมาะแล้วทั้งสองก็ส่งยิ้มให้กัน สื่อว่าถึงเวลาแล้วที่นักบินจะต้องได้รับการลงโทษจากคนทั้งสอง

            “ว่าจะทำให้นักบินนึกถึงอาการแพ้ผู้หญิงอีกครั้งน่ะสิคะ” ว่าแล้วเมย์ก็จัดการโอบกอดนักบินเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ส่วนปลาวาฬก็รีบเดินออกห่างพร้อมกับขำออกมาด้วยความสะใจ

            “ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะเมย์ ไม่เอาแบบนี้นะผมกลัว” นักบินพยายามสลัดตัวหญิงสาวออกทันที

เมย์เองก็ยอมปล่อยแล้วเดินออกมาดูผลงานของตัวเอง

            “อย่าบอกนะว่ารวมหัวกันแกล้งผม” นักบินเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัว ใบหน้าแดงก่ำ มือหนาก็เกาตามตัวเพราะเริ่มคันไปทุกสัดส่วน ของเหลวที่อยู่ในท้องเริ่มไหลดันสวนขึ้นมาจนจุกที่ลำคอ

            อ้วกกกก!!!!

            ก่อนที่พื้นมันจะเลอะไปเสียก่อนนักบินก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อเอาของเหลวในท้องทั้งหมดออกมา ส่วนปลาวาฬและเมย์ต่างก็ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจในผลงานของตัวเอง

            ปลาวาฬได้เห็นกับตาก็วันนี้ล่ะว่าอาการแพ้ผู้หญิงขั้นรุนแรงมันเป็นยังไง...




----------------------------------------------------
สงสารเมย์ ใครๆก็ด่านาง นางไม่ได้ร้ายเลยน้า ขอโทษนางเดี๋ยวเน้ 555
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 20 แกล้ง l Up:13-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-06-2018 22:59:18
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 20 แกล้ง l Up:13-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-06-2018 23:07:14
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 20 แกล้ง l Up:13-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 13-06-2018 23:17:19
แง้ ขอโทษจ้าที่เรามองเธอผิดไปนะคุณเมย์
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 20 แกล้ง l Up:13-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 13-06-2018 23:35:39
สมน้ำหน้านักบิน
สมควรโดนแกล้งละ
แกนี่ไม่ยอมเคลียร์กับเมย์แต่แรก
ดีที่นางเปนคนดี เข้าใจง่าย แถมมีลูกของตัวเองแล้ว
ไม่งั้นคงวุ้นจริงๆ
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 20 แกล้ง l Up:13-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-06-2018 23:49:03
อ้าววววว คดีพลิกหลงว่านางซะตั้งนาน ขอโทษนะเมย์ นี่แพ้ผู้หญิงหนักขนาดนี้เลย o22 ดีแล้วๆๆจะได้ไม่นอกใจปลาวาฬ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 20 แกล้ง l Up:13-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 13-06-2018 23:51:01
 :m20:  แพ้หนักเลย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 20 แกล้ง l Up:13-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-06-2018 00:19:34
โอเค เรื่องทุกอย่างเคลียร์
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 20 แกล้ง l Up:13-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-06-2018 01:07:56
ขอโทษน๊า~ :call:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 20 แกล้ง l Up:13-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-06-2018 02:46:07
หนูเมย์ เป็นชะนีที่น่ารักมากเลยนะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 20 แกล้ง l Up:13-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 14-06-2018 09:44:35
คดีพลิกกก
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 20 แกล้ง l Up:13-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-06-2018 15:18:12
ทั้งขำ ทั้งสงสารนักบิน โดนรุมแกล้งซะงั้น 55555
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 20 แกล้ง l Up:13-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 14-06-2018 17:24:00
​-๒๑-

Blow Job


            อ้วกก!!!

            นักบินนั่งอย่างหมดสภาพอยู่บนพื้นห้องน้ำ มือหนาทั้งสองข้างจับที่ขอบชักโครกเอาไว้เพื่อให้ทรงตัวได้ ยื่นใบหน้าคมเข้าไปตรงกลางเพื่อขย้อนเอาของเหลวในท้องออกมาจนเกือบหมดไส้หมดพุง ใบหน้าที่เคยขาวใสกลับแดงก่ำจากอาการแพ้ เหงื่อกาฬผุดไหลออกมาจากผิวหนังอยู่ไม่ขาดสาย ส่วนปลาวาฬนั่งอยู่ข้างหลังใช้มือเรียวลูบที่แผ่นหลังของคนรักป้อยๆ ทว่าใบหน้าหวานกลับขำออกมาไม่ยอมหยุด

            “คุณโอเคหรือยัง?” คนที่เฝ้าดูอาการอยู่ไม่ห่างกายเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แต่ท่าทีของนักบินกลับเหมือนไม่เต็มใจยอมรับความห่วงใยจากอีกฝ่ายเลย เขายังรู้สึกน้อยใจที่ปลาวาฬรวมหัวกับเมย์เล่นงานซะจนแทบไม่เหลือสภาพเลย

            “อย่ามาตบหัวแล้วลูบหลังเลย ทำไมถึงทำกับผัวได้ลงคอ” หลังจากโก่งคออ้วกออกมาจนหมดแล้ว นักบินก็นั่งอย่างหมดสภาพพิงผนังห้องน้ำ มือหนาก็เกาที่แขนและลำตัวไปด้วยจนผิวแดงเป็นจ้ำๆ เกือบทั้งตัว

            “ก็โดนผัวหลอกก่อนไง ถ้าบอกกันดีๆ ตั้งแต่แรกคงไม่ต้องมีการเจ็บตัวอย่างนี้ นี่ถือว่าเป็นบทเรียนนะคราวหน้าอย่าได้ประพฤติตัวอย่างนี้อีก” ปลาวาฬนั่งเทศนาให้อีกฝ่ายฟังและปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด

            “โอเคๆ แล้วลูกล่ะอยู่กับใคร” แม้จะอยู่ในสภาพแย่ แต่เจ้าตัวก็ยังรู้สึกเป็นห่วงลูกทั้งสองคนอยู่ตลอดเวลา

            “ฝากไว้กับคุณหญิงอ่ะ ไม่ต้องห่วงหรอกลูกหลับอยู่ ลุกขึ้นเดี๋ยวผมพาขึ้นไปอาบน้ำข้างบน” เมื่อแกล้งอีกฝ่ายจนพอใจแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่ปลาวาฬจะดูแลเพื่อให้นักบินคืนสภาพโดยเร็วที่สุด เห็นอย่างนี้ก็รู้สึกสงสารอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าเปอเซ็นต์ความสะใจจะเยอะกว่าอยู่มากโข

            “ไม่ต้อง! ฉันดูแลตัวเองได้” นักรบปฏิเสธที่จะรับความช่วยเหลือก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นยืน แต่ปลาวาฬกลับไม่ยอมยังพยายามไปช่วยจับแขนพยุงขึ้นให้จงได้

            “ทำเป็นงอนไปได้นะคุณอ่ะ...ป่ะขึ้นห้องไปอาบน้ำกัน” ปลาวาฬยังคงยิ้มให้อีกฝ่าย

            “นายต้องอาบให้ฉันนะไม่งั้นไม่หายงอนด้วย” นักบินยื่นข้อเสนอเพื่อจะยอมขึ้นไปแต่โดยดี

            “โอเคๆ ผมยอมก็ได้” ปลาวาฬยอมตอบรับข้อเสนอโดยง่าย เพราะตั้งใจอยู่แล้วว่าจะมาเอาใจนักบิน เพื่อชดเชยความผิดเมื่อสักครู่

            “ถ้างั้นก็รีบไปเถอะคันจะแย่แล้วเนี่ย หนักกว่าโดนหมามุ่ยซะอีก” นักบินบ่นขณะเดินออกมาจากห้องน้ำ

            ทั้งสองเดินมาถึงห้องนั่งเล่น คุณหญิงที่กำลังนั่งพูดคุยอยู่กับเมย์ข้างเปลอู่ของหลานแฝด สังเกตเห็นก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที

            “เป็นยังไงบ้างไอ้ลูกตัวดี” คุณหญิงฉัตรฉายเอ่ยถามพร้อมกับขำออกมา สื่อว่ารู้สึกสะใจมากเหลือเกิน

            “ยังไม่ตายครับแม่ ยิ้มอย่างนี้คงสะใจมากสินะ” นักบินเอ่ยประชดประชันมารดา

            “แน่นอนย่ะ” คุณหญิงตอบพร้อมกับเชิดหน้าใส่ลูกชาย

            “เมย์ขอโทษด้วยนะคะ ถือว่าเป็นการทักทายจากเพื่อนก็แล้วกัน” เมย์เองก็ยิ้มไม่หุบเมื่อเห็นสภาพของอดีตคนรัก

            “เมย์ก็อีกคนไม่นึกเลยว่าจะทำกันได้” นักบินเอ่ยก่อนจะเมินหน้าหนีไปอีกทาง สื่อว่ารู้สึกเข็ดขยาดกับผู้หญิงคนนี้มาก

            “ผมฝากลูกด้วยนะครับ เดี๋ยวจะพาคุณนักบินขึ้นไปอาบน้ำก่อน” ปลาวาฬเอ่ยกับคนทั้งสอง

            “ไม่ต้องห่วงจ้ะเดี๋ยวฉันจะดูแลหลานเอง พานักบินขึ้นไปเร็วๆ เถอะเห็นสภาพแล้วน่าเวทนาจริงๆ” คุณหญิงเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            “ขอบคุณครับ”

            เอ่ยขอบคุณคุณหญิงแล้ว ปลาวาฬก็พานักบินขึ้นมาบนห้องนอน เพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สดชื่นขึ้น แล้วทายาที่บริเวณผิวหนังที่ตอนนี้กำลังขึ้นผดมานิดหน่อยแล้ว

            “เข้าไปอาบสิคุณ” เมื่อถึงห้องแล้วปลาวาฬก็ปล่อยแขนแล้วบอกให้อีกฝ่ายเข้าไปในห้องน้ำ แต่นักบินกลับยืนนิ่งไม่ยอมทำอะไรเลย เหมือนรอให้ปลาวาฬจัดการทุกอย่างให้

            “ไม่เอานายต้องรับผิดชอบโดยการทำให้ฉันทุกอย่างตั้งแต่ถอดเสื้อผ้า” ท่าทีของนักบินราวกับเด็กอนุบาลที่กำลังรอคนตามใจซะอย่างนั้น ทำเอาปลาวาฬถึงกับถอนหายใจเสียงดัง

            “โอเคๆ ยืนนิ่งๆ ผมจะถอดเสื้อผ้าให้” ว่าแล้วก็ถลกเสื้อยืดของนักบินออกมา จนเผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงบ่งบอกว่าอีกฝ่ายดูแลตัวเองดีมากเหลือเกิน หลังจากนั้นมือเรียวก็ร่นกางเกงบอลลงมาพร้อมกับกางเกงชั้นในสีดำจนเผยให้เห็นแก่นกายที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี มันกำลังผงาดง้ำอยู่ตรงหน้าบ่งบอกว่ากำลังพร้อมรบมากแค่ไหน แต่ปลาวาฬกลับทำเมินเฉยเหมือนไม่ได้สนใจภาพที่เห็นตรงหน้าเลย

            “เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปดิ หรือเดินเองไม่ได้แล้ว” ปลาวาฬเอ่ยประชดประชันอีกฝ่าย

            “ประชดประชันเก่งนักนะเดี๋ยวก็จับกดซะหรอก” นักบินว่าแล้วก็เดินนำหน้าเข้าไปในห้องน้ำแต่โดยดี ก่อนจะนั่งไปในอ่างน้ำ ส่วนปลาวาฬก็เปิดน้ำให้แล้วนั่งบนตั่งเล็กๆเพื่อรอให้น้ำเต็ม

            “ค่อยยังชั่วหรือยังโดนน้ำเย็นๆ” ปลาวาฬถามอาการของคนรัก มือเรียวก็แกว่งไกวอยู่ในอ่างคั่นเวลา

            “ค่อยยังชั่วแล้ว แต่ไม่เล่นแบบนี้อีกแล้วนะฉันใจจะขาด” น้ำเสียงของนักบินบ่งบอกว่ารู้สึกกลัวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่มากเหลือเกิน หลังจากนั้นมือหนาก็คว้ามือเรียวที่อยู่ในน้ำมาจับเอาไว้

            “ครับผม...แค่อยากรู้ว่าเวลาคุณโดนตัวผู้หญิงมันจะเป็นยังไง ตอนนี้หายสงสัยแล้ว ฮ่าๆ” ปลาวาฬขำออกมาเบาๆ แต่สายตาหวานกลับจ้องเข้าไปในดวงตาคมอย่างหวานซึ้ง

            “จากนี้ไปคนที่ฉันจะแตะเนื้อต้องตัวมีแค่นายคนเดียวรู้ไหม” นักบินเอ่ยเสียงหล่อให้คำสัญญา

            “พูดแล้วก็ทำให้ได้ล่ะ...ปล่อยมือเดี๋ยวผมจะไปหยิบฟองน้ำกับครีมอาบน้ำมาถูตัวให้คุณ” นักบินได้ยินก็ยอมปล่อยมืออีกฝ่ายแต่โดยดี

            ปลาวาฬเดินไปหยิบฟองน้ำถูตัวและครีมอาบน้ำมาแล้วนั่งบนตั่งตัวเดิม หลังจากนั้นก็บีบครีมอาบน้ำลงไปบนฟองน้ำพอประมาณ แล้วนำไปถูแขนให้คนที่อยู่ในอ่าง นักบินนั่งยิ้มกริ่มอย่างสบายใจ และรู้สึกสบายตัวมากเหลือเกิน อยากให้มีอย่างนี้ทุกวันมันคงจะดีไม่น้อย

            “คุณรู้ไหมตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยทำอย่างนี้ให้ใครเลยนะ” พูดไปก็ใช้ฟองน้ำถูแขนให้อีกฝ่ายไปด้วย ก่อนจะไล่ไปจนถึงแผ่นหลังกว้าง ตอนนี้ในอ่างเต็มไปด้วยฟองน้ำ รวมถึงบนตัวของนักบินเองก็ฟูฟ่องไปด้วยฟองจากครีมอาบน้ำเช่นเดียวกัน

            “ดีใจจังฉันได้เป็นคนแรกของนายหลายๆ อย่างเลย โดยเฉพาะเปิดซิงนายนี่ถือว่าเป็นอะไรที่ฉันภูมิใจที่สุดเลยรู้ป่ะ” เมื่ออาการแพ้ดีขึ้นมากนักบินก็เริ่มออกอาการหื่นทันที ทำเอาปลาวาฬถึงหมั่นไส้จนอยากหยิกให้เนื้อหลุดเลยทีเดียว

            “ปากเก่งอย่างนี้แสดงว่าหายดีแล้วสินะ ผมจะได้รีบลงไปดูลูก” ดวงตาคู่สวยมองหน้าคนรักเหมือนจะขู่ให้สงบปากสงบคำ

            “ตัวมันหายคันแล้วอ่ะ แต่ไอ้นี่มันยังไม่ลงเลยอ่ะทำยังไงดี” นักบินชี้ไปที่กลางกายของตัวเอง แท่งร้อนมันกำลังผงกหัวหงึกๆอยู่ในน้ำ ปลาวาฬเห็นอย่างนั้นก็ตีเข้าที่ต้นแขนทันที

            “ยังจะมาลามกอีกนะ” ปลาวาฬเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา ใบหน้าที่เคยขาวปานหยวกเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ

            “ก็มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ช่วยเขาหน่อยนะที่รักนะ...นะ...” นักบินพยายามอ้อนวอนขอร้องอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ เขาไม่หวังถึงขนาดกับจะต้องมีอะไรกันอย่างลึกซึ้ง แต่แค่ช่วยให้ความกำหนัดที่มีอยู่ในตัวมันลดลงไปบ้างก็พอ

            “คุณก็รู้ว่าร่างกายผมยังไม่พร้อมอ่ะ...ช่วยตัวเองไปก่อนเถอะ” ร่างเล็กตอบกลับอย่างเขินอาย เพราะตอนนี้นักบินได้จับมือเรียวไปกุมส่วนนั้นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทว่าปลาวาฬกลับไม่ยอมชักมือกลับมายังคงลูบไล้เจ้ามังกรผงาดตัวนั้นอย่างเพลินมือ ซึ่งขัดกับคำพูดของเจ้าตัวราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ

            “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นแค่ใช้ปากเอง...นะครับที่รัก” นักบินเริ่มโปรยคำหวานให้อีกฝ่ายยอมใจอ่อนโดยง่าย ในใจก็คิดว่าคงยอมเพราะมือเรียวกำน้องชายของตัวเองไว้แน่นรูดขึ้นลงอย่างสบายมือเลยทีเดียว

            “โอเคก็ได้....เร็วๆ จะได้รีบลงไป” ปลาวาฬก้มหน้าตอบด้วยความเขินอาย นานมากแล้วที่เขาและนักบินไม่ได้มีบรรยากาศที่คุกรุ่นไปด้วยความต้องการอย่างนี้ ถือว่าเป็นการเอาใจคนรักก็แล้วกัน

            นักบินลุกขึ้นแล้วเดินออกมามาจากอ่างน้ำขณะที่ตัวเองยังล่อนจ้อน ก่อนจะนั่งลงบนขอบอ่างเพื่อให้อีกฝ่ายช่วยได้อย่างถนัด ปลาวาฬนั่งอยู่ตรงหว่างขาจ้องมองแท่งร้อนที่ผงกหัว ราวกับเป็นการเชิญชวนให้เข้าไปครอบครองมันโดยเร็ว

            ปลาวาฬเงยหน้าขึ้นไปจ้องมองคนรักด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม ก่อนที่นักบินจึงผงกศีรษะตอบรับ สื่อว่าเขาพร้อมแล้วที่จะให้อีกฝ่ายได้ครอบครองแก่นกายแท่งนี้ เมื่อลิ้นเย็นสัมผัสตรงส่วนบนของแท่งร้อน นักบินก็สูดปากออกมาด้วยความเสียวซ่านทันที

            “อา...อย่างนั้นล่ะครับคนดี” ใบหน้าหล่อคมทำหน้าเหยเก ก้มมองทุกวินาทีที่อีกฝ่ายปรนเปรอน้องชายของตัวเอง มือหนาทั้งสองข้างจับที่เรือนผมของปลาวาฬเอาไว้หลวมๆ เพื่อควบคุมจังหวะ

            “ซี้ดส์!!!! เก่งจังเลยครับที่รัก” โพรงปากของปลาวาฬครอบครองแท่งร้อนจนมิด ก่อนจะรูดขึ้นลงเป็นจังหวะที่เนิบนาบ เพื่อตอบสนองอีกฝ่ายให้มีความสุขอย่างเต็มที่ ท่อนขาแกร่งของนักบินเกร็งแน่นไม่ขยับเขยื้อน มีเพียงนิ้วเท้าที่กระดุกกระดิกไปมาเพื่อระบายความกำหนัดที่ส่งมาจากตรงกลางกาย

            บ๊วบๆๆ                                       

            ปลาวาฬเริ่มเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเรื่อย เมื่อรู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังใกล้จะถึงฝั่งฝันแล้ว รับรู้ได้จากมือหนาที่จับบริเวณศีรษะเอาไว้ เริ่มเร่งจังหวะโยกเข้าหาแก่นกายเร็วขึ้น สัมพันธ์กับสะโพกที่เด้งเอาแก่นกายเข้ามาในปากของปลาวาฬอย่างระรัว ขาแกร่งของนักบินเกร็งแน่นมากขึ้น เมื่อของเหลวสีขาวขุ่นเริ่มไหลปะทุพร้อมที่จะออกมาจากแท่งร้อนเต็มทีแล้ว

            “ซี้ดส์!! มะ...ไม่ไหวแล้วว ตะ....แตกแล้วววววว!!” นักบินตะโกนสุดเสียง กระตุกสะโพกอยู่เนืองๆเมื่อของเหลวสีขาวขุ่นพุ่งออกมาจากแก่นกายอย่างท่วมท้น ไหลเข้าไปในโพรงปากคนรักจนหมดเกลี้ยง มือหนายังคงบังคับไม่ให้อีกฝ่ายยอมถอนใบหน้าไปไหน

            “อื้อ....อ่อยยย” ปลาวาฬพยายามเอ่ยประท้วงในลำคอไม่เป็นภาษา แม้ว่าแท่งร้อนจะอ่อนตัวลงมาแล้ว แต่ของเหลวสีขาวขุ่นยังคับแน่นอยู่ในปาก เขาอยากจะบ้วนมันทิ้งเต็มทนแล้ว

            นักบินที่กำลังเงยหน้าหลับตาพริ้มเริ่มได้สติแล้วลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากศีรษะของปลาวาฬ ครั้งนี้เจ้าตัวรู้สึกว่าน้ำรักออกมามากกว่าปกติ เพราะมันไม่ได้ถูกปลดปล่อยมานานหลายวันแล้ว

            “ห้ามคายทิ้งเด็ดขาดต้องกินให้หมดด้วย...ไม่งั้นฉันจะถือว่านายรังเกียจฉัน” เมื่อเห็นคนรักกำลังจะไปบ้วนน้ำรักในปากทิ้งที่ชักโครก นักบินก็รีบเอ่ยสั่งขัดไว้ก่อน ปลาวาฬรีบหันขวับมามองค้อนใส่ทันที แต่นักบินกลับชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ ทำให้จำเป็นต้องกลืนน้ำรักลงคอแล้วไปบ้วนปาก นักบินได้แต่ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะรีบลงอ่างไปล้างตัว

            “แหวะ!!! จะอ้วก” เมื่อล้างปากมาแล้วก็ส่งเสียงบ่นให้ได้ยิน

            “อร่อยไหมครับที่รัก ผัวอุตส่าห์เก็บไว้ตั้งหลายวันเลยนะนั่น” นักบินแซวคนรักด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            “อร่อยบ้าบอน่ะสิ...คาวจะตายอาบน้ำต่อเลยนะผมขอไปดื่มน้ำก่อน ไม่ไหวแล้ว”

            “เดี๋ยวฉันตามลงไปละกัน....ตอนนี้เริ่มสบายตัวแล้ว” นักบินเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

            ปลาวาฬรีบเดินไปเปิดน้ำในตู้เย็นดื่มจนเกือบหมดขวดเพื่อล้างกลิ่นคาวในปาก หลังจากนั้นจึงเดินลงไปข้างล่าง

            เมื่อเดินมาถึงคุณหญิงก็เอ่ยถามหาลูกชายทันที

            “อ้าว! ตานักบินล่ะ”

            “เอ่อ...กำลังอาบน้ำอยู่ครับ เห็นว่าดีขึ้นแล้วผมเลยขอตัวลงมาก่อน” ปลาวาฬยังรู้สึกเขินไม่หาย แต่ก็พยายามไม่มีพิรุจให้คนทั้งสองเห็น

            “ทำไมหน้าแดงๆ อย่างนั้นล่ะปลาวาฬหรือว่าจะแพ้ฉันเหมือนนักบินไปซะแล้ว” เมย์เอ่ยแซวเมื่อเห็นสีหน้าแดงระเรื่อของอีกฝ่าย ท่าทีเงอะงะของปลาวาฬต่างจากเมื่อสักครู่มาก เธอจึงมั่นใจว่านักบินจะต้องทำอะไรแผลงๆ กับหนุ่มน้อยคนนี้มาอย่างแน่นอน

            “เปล่าครับสงสัยจะร้อนไปหน่อย” ปลาวาฬยิ้มแห้งๆ ให้กับคนทั้งสอง แล้วนั่งลงข้างเปลอู่ของลูกน้อยทันทีเพื่อแก้อาการเขิน แม้ว่าคนทั้งสองจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อสักครู่นี้ก็ตาม

            “หนูปลาวาฬไม่สบายหรือเปล่าจ๊ะฉันว่าแอร์ก็เย็นอยู่นะ” คุณหญิงยังสงสัยไม่เลิก เอ่ยถามลูกสะใภ้ด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าจะไม่สบายเพราะมัวแต่ดูแลลูกน้อยจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง

            “ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆครับ” เจ้าตัวส่งยิ้มให้คุณหญิงฉัตรฉาย สื่อว่าตัวเองยังคงสบายดีไม่ได้มีปัญหาสุขภาพแต่อย่างใด

            “ดีแล้วจ้ะถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะพาหนูเมย์เอาของขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนละกันนะ เดี๋ยวค่อยลงมาช่วยเลี้ยงตาหนูอีกที” คุณหญิงเอ่ย

            “เชิญตามสบายเลยครับเดี๋ยวทางนี้ผมดูแลเอง”

            “เดี๋ยวฉันลงมานะจ๊ะ” เมย์เอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้ ก่อนจะเดินไปพร้อมกับคุณหญิงฉัตรฉาย โดยมีสาวใช้ถือกระเป๋าใบใหญ่ตามหลังไป



            สักพักนักบินก็เดินลงมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ ใบหน้าคมส่งยิ้มให้มาแต่ไกลทำเอาปลาวาฬถึงกับหลบตาไม่กล้ามองหน้า เจ้าตัวยังนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่อยู่ตลอดเวลา รู้สึกอายตัวเองอยู่ไม่น้อยไม่รู้ยอมทำไปได้ยังไง

            “วันนี้เด็กๆ นอนเพลินเลยนะป่านนี้ยังไม่ตื่นเลย” นักบินนั่งหมับลงข้างหลังแล้วเอาคางมาเกยที่ไหลบางอย่างออดอ้อน

            “อื้ม...คุณนอนพักก่อนก็ได้นะเดี๋ยวผมดูลูกเอง”

            “ได้แต่ฉันจะนอนตรงนี้นะ เผื่อลูกตื่นขึ้นมาจะได้ช่วยนายดูลูกด้วยไง” ว่าแล้วนักบินก็เขยิบตัวมานอนหนุนตัก แล้วเงยหน้ามองคนรักพร้อมกับส่งยิ่มให้

            “เอาหมอนมาหนุนดีๆสิ เดี๋ยวคนก็มาเห็นหรอกไม่อายหรือไง” ปลาวาฬมองไปรอบๆดูว่ามีใครอยู่แถวนี้บ้าง โชคดีที่ในห้องนั่งเล่นนี้ไม่มีใครเดินพลุกพล่านไปมาสักเท่าไร

            “จะอายทำไมใครๆ ก็รู้ว่าเราสองคนเป็นผัวเมียกันแล้ว แถมที่นี่มันบ้านฉันนะคนกันเองทั้งนั้น” มือหนาเอื้อมไปสัมผัสแก้มขาวนวลอย่างเบามือ ส่งผ่านความรักที่มีให้จนอีกฝ่ายรู้สึกได้

            “ก็ผมไม่หน้าด้านอย่างคุณนี่นา ทำอะไรได้ทุกที่ทุกเวลาไม่อายฟ้าดินแม้แต่น้อย” ปลาวาฬเอื้อมมือเรียวมาหยิกเบาๆ ที่แก้มของคนรักเช่นเดียวกัน

            “ฉันถือคติที่ว่า ‘ด้านได้อายอด’ ถ้าไม่อย่างนั้นเมื่อครู่ฉันคงไม่กล่อมให้นายช่วยฉันจนเสร็จอย่างนั้นได้หรอก” นักบินเอ่ยถึงเรื่องเมื่อสักครู่ทำเอาปลาวาฬถึงกับหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาอีกครั้ง

            “หยุดพูดเรื่องนี้เลยไม่งั้นผมไม่ให้คุณนอนหนุนตักแน่” เจ้าของตักนุ่มขู่

            “โอเคๆหยุดก็หยุด ยังไงก็เสร็จแล้วไม่รู้จะเอามาพูดอีกทำไมเนาะ”

             พูดจบก็คว้ามือเรียวมาจับแนบอกแกร่งเอาไว้ ก่อนจะหลับตาลงนอน ปลาวาฬคิดในใจว่าจะด่าให้อีกสักรอบแต่ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะมือเรียวที่โดนเกาะกุมไว้ มันรู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ เหมือนต้องการบอกเขาว่า ‘ฉันรักนาย’ อยู่อย่างนั้นซ้ำๆไม่มีวันจบสิ้น





----------------------------------------------------------------------------

ประกาศตอนหน้าก็จะจบแล้วนะครับ ส่วนตอนพิเศษจะลงแค่ที่ Jamplay เพราะมีสัญญากับที่นั่นไว้อาจจะติดเหรียญด้วย ฝากติดตามด้วยนะครับ

หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 21 Blow Job l Up:14-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 14-06-2018 18:18:30
น่ารักกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 21 Blow Job l Up:14-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 14-06-2018 18:31:21
แง้ง จะจบแล้วหรอ ฮือ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 21 Blow Job l Up:14-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 14-06-2018 19:51:42
ควรเพิ่มเนื้อหา ให้พระเอกทานยาแก้แพ้ และพูดว่า "อาจทำให้หลอดลมเห่อบวมจนหายใจไม่ออกตาย" เข้าไปด้วยนะครับ. จะได้ไม่มีผู้อ่านเผลอไปเล่นๆ กับเพื่อนที่แพ้ เพราะอาจถึงตายได้จริงๆ.
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 21 Blow Job l Up:14-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-06-2018 22:10:27
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 21 Blow Job l Up:14-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-06-2018 22:58:04
มีแววว่าจะมีลูกหัวปีท้ายปี555
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 21 Blow Job l Up:14-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-06-2018 23:47:33
 :laugh:   


ลูกเต็มบ้านแน่
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 21 Blow Job l Up:14-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-06-2018 00:04:09
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 21 Blow Job l Up:14-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-06-2018 02:06:37
แกล้งกันไป แกล้งกันมา ตอนหน้าจบจะแล้ว  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 21 Blow Job l Up:14-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 16-06-2018 13:04:20
-๒๒-

มีกันตลอดไป



            2 ปีต่อมา

            ตอนนี้แฝดทั้งสองได้เติบโตขึ้นเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารักน่าชัง ยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้ายิ่งละม้ายคล้ายกับผู้เป็นพ่อมากขึ้นทุกที เด็กทั้งสองเป็นที่รักของทุกคนในบ้าน รวมถึงคนอื่นๆ ที่ได้พบเห็นต่างก็อดใจไม่ไหวต้องเข้ามาหยอกล้อเล่นด้วยความมันเขี้ยว ใครหลายคนคงจะเกิดคำถามในใจว่าจริงๆ แล้ว นักบินมีอาการแพ้ผู้หญิงทุกคนบนโลกเลยหรือไม่ คำตอบก็คือไม่ ผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเจ้าตัวกลับสามารถแตะเนื้อต้องตัวได้ปกติ ไม่ว่าจะเป็นแม่หรือลูกสาว ไม่มีอาการแพ้แต่อย่างใด(เข้าใจตรงกันนะอิอิ)

            ส่วนเมย์ได้คลอดลูกชายสมใจอยากคุณสามี จากตอนแรกที่มีปัญหากระทบกระทั่งกันจนเกือบจะเลิกรา แต่เมื่อมีโซ่ทองคล้องใจกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งสองครอบครัวยังคงติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ แต่เมย์ยังไม่มีโอกาสกลับมาเมืองไทยเลยหลังจากนั้น

            สำหรับเงินและเจฟฟี่ก็ยังคงใช้ชีวิตคู่ได้อย่างราบรื่น อาจจะมีงอนกันบ้างแต่ก็สามารถผ่านปัญหาไปได้อย่างง่ายดาย นั่นเพราะทั้งสองไม่ปล่อยให้มันคาราคาซัง มีอะไรก็เคลียร์กันให้เร็วที่สุดทำให้ปัญหาใหญ่ๆกลายเป็นแค่เรื่องเล็กๆเท่านั้นเอง ตอนนี้เจฟฟี่ได้รับความไว้วางใจจากบิดา ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัท ในขณะที่เงินตัดสินใจเรียนต่อการศึกษานอกโรงเรียนจนจบมอปลาย ตอนนี้ก็กำลังศึกษาคณะบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง วันไหนไม่มีเรียนก็จะมาช่วยงานที่ร้านเบเกอร์รี่ของเจสสิก้าอยู่เสมอ การพบเจอกับผู้ชายมากหน้าหลายตาในมหาวิทยาลัย ทำให้เจฟฟี่เทียวมารับมาส่งด้วยตัวเอง แสดงตัวเป็นเจ้าของซะจนคนเกือบทั้งมหาวิทยาลัยรับรู้ และไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวแม้แต่คนเดียว

            “พี่เจฟเสร็จหรือยัง” เงินตะโกนถามคนรักที่อยู่ในห้องน้ำ ขณะที่เจ้าตัวกำลังเก็บเสื้อผ้าเข้าไปในกระเป๋าเดินทาง วันนี้ทั้งสองมีนัดไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวของเพื่อนรัก จึงรีบตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่เช้า

            “จะเสร็จแล้วครับที่รัก” เสียงของชายหนุ่มคนรักตะโกนตอบกลับมา ไม่นานเจ้าตัวก็เดินออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่ห่อหุ้มส่วนล่างเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ ก่อนจะเดินตรงมากอดคนรักจากด้านหลังแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่อย่างชื่นใจ

            “อย่ามากวนจะรีบเก็บเสื้อผ้าอ่ะ รีบไปแต่งตัวเลย” คนที่อยู่ในอ้อมกอดเอ่ยประท้วงอย่างขัดใจ พร้อมกับใช้ข้อศอกแหลม ดันไปที่สีข้างของผู้รุกราน

            “ครับผม...แค่นี้ก็ชื่นใจจะแย่แล้ว” เจฟฟี่คลายอ้อมกอดแล้วเดินไปหยิบชุดที่อีกฝ่ายได้เตรียมไว้ให้ในบนเตียงสวมใส่ทันที

            เงินทำหน้าที่ศรีภรรยาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย รวมถึงการเข้าไปปรนนิบัติดูแลคนในครอบครัวของเจฟฟี่อีกด้วย ทำให้บิดามารดาของเจฟฟี่ยังคงรักและเมตตาเงิน อย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่เคยเปลี่ยนแปลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน

            “เสร็จแล้วใช่ป่ะลงไปกันเถอะ” เงินมองไปยังคนรักที่ตอนนี้สวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวเตรียมเสื้อฮาวายเข้าคู่กับกางเกงขาสั้นไว้ให้ เหมาะสำหรับการไปเที่ยวทะเลอย่างเป็นที่สุด

            “ครับที่รัก”

            เจฟฟี่เดินตรงมาหาแล้วจับหูกระเป๋าเดินทางที่เงินได้จัดเตรียมไว้ ก่อนจะใช้มืออีกข้างรั้งเอวคอดของคนรักเอาไว้ หลังจากนั้นก็เดินออกจากห้องลงไปข้างล่าง เพื่อออกเดินทางไปยังปราณบุรี

*-*-*-*-*-*

            นักบินรู้ดีว่าปลาวาฬชอบทะเลมากจึงตัดสินใจซื้อบ้านพักริมทะเลเอาไว้ที่ปราณบุรี ตัวบ้านมีสองชั้นสร้างด้วยปูนล้วน มีระเบียงยื่นออกมาจากตัวบ้านเพื่อชมทัศนียภาพสวยๆ ของท้องทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา หากมีเวลาว่างตรงกันกับคนในครอบครัวก็จะมาพักผ่อนที่นี่อยู่เป็นประจำ

            เดินทางมาถึงตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นๆ ตอนนี้ทุกคนต่างก็พักผ่อนกันตามอัธยาศัย คุณหญิงกับสามีนั่งพักผ่อนอยู่ระเบียงบ้าน ส่วนนักรบก็นำโปรเจคมาทำที่นี่ด้วยเพราะอีกไม่นานก็ใกล้จะจบการศึกษาแล้ว ส่วนครอบครัวสุขสันต์ตอนนี้ล่ะเหรอ กำลังสนุกสนานอยู่ริมทะเล

            ร่มผ้าใบผืนใหญ่ถูกตั้งไว้บนชายหาดสีขาว เพื่อให้ร่มเงาพอจะเป็นพี่พักพิงคลายร้อนจากแสงแดดในช่วงบ่ายแก่ๆได้ ปลาวาฬเตรียมน้ำดื่มและขนมไว้ในตะกร้าใบใหญ่ที่อยู่ข้างๆตัว เตรียมพร้อมเอาไว้ให้สองแสบที่กำลังเล่นอยู่ริมหาดกับผู้เป็นพ่ออย่างสนุกสนาน

            “อย่าแกล้งพ่อสิลูกฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของนักบินดังลั่นอยู่ไม่ไกล นั่นเพราะกำลังถูกลูกแฝดทั้งสองคนโกยเม็ดทรายทับถมบนลำตัว จะเหลือไว้ก็เพียงส่วนลำคอจนไปถึงศีรษะเท่านั้นเอง ตอนแรกเจ้าตัวก็นอนนิ่งๆยอมให้เจ้าแสบทั้งสองขุดทรายมาถมเล่นๆ แต่ตอนนี้มันเยอะมากจนเริ่มขยับตัวไม่ได้แล้ว

            “คุงพ่ออยู่นิ่งๆสิฮะ” นักสู้เอ่ยกับบิดา ขณะที่มือน้อยๆ ก็ยังขนเม็ดทรายมาปกปิดบริเวณหน้าอกอยู่เนืองๆ

            “ที่รักช่วยผมด้วย ลูกจะฝังผมทั้งเป็นแล้วเนี่ย” นักบินตะโกนเรียกคนรักให้มาช่วยปรามลูกทั้งสองคน

            “เอาเลยลูกถมให้จมดินไปเลย” ปลาวาฬนั่งยิ้มกริ่มอย่างพอใจ พร้อมทั้งเอ่ยสนับสนุนลูกทั้งสองคนอย่างเต็มที่

            “ทำไมใจร้ายทั้งแม่ทั้งลูกเลยเนี่ย พ่อจะไม่ทนแล้วนะอยากกินตับเด็กน้อยแล้วววว” นักบินดันตัวลุกขึ้นจนทำให้ทรายที่ทับถมอยู่หลุดออกจากตัว ก่อนจะทำหน้ายักษ์พร้อมกับยกมือทำเป็นเขี้ยวเล็บราวกับหมาป่าที่พร้อมจะขย้ำลูกทั้งสองคน เด็กแสบทั้งสองเห็นอย่างนั้นก็รีบวิ่งหนีโดยเร็ว แต่นักบินก็วิ่งตามก้นไปติดๆ หมายจะจับมากินตับเสียให้ได้

            “กรี๊ดด!!! คุงพ่อเป็นผีไปแล้ว” เด็กหญิงปลาดาวร้องกรี๊ดกร้าดเสียงดัง พร้อมกับวิ่งหนีผู้เป็นพ่อ

            “จะหนีไปไหนเด็กแสบทั้งสองมาให้พ่อกินตับซะดีๆ หึๆ”

            “ฮ่าๆๆ คุงพ่อปล่อยหนูลง” นักบินวิ่งคว้าตัวลูกทั้งสองไว้แล้วอุ้มขึ้นด้วยวงแขนแกร่งคนละข้าง หลังจากนั้นก็หอมแก้มฟอดใหญ่ พาเดินกลับมาหาปลาวาฬที่กำลังนั่งอยู่ใต้ร่มผ้าใบ

            “เหนื่อยกันแล้วล่ะสิ” เมื่อเห็นคนรักอุ้มลูกทั้งสองมาเจ้าตัวก็รีบเอ่ยถาม ขณะเดียวกันก็เตรียมน้ำดื่มพร้อมทั้งขนมขบเคี้ยวไว้ให้ลูกด้วย

            “คุงแม่ฮับ...หนูหิวน้ำ” เมื่อนักบินวางลูกทั้งสองลงบนเสื่อที่ปูอยู่บนพื้นทราย นักสู้ก็รีบเดินไปยืนข้างๆมารดา ก่อนจะชี้ไปที่ขวดน้ำดื่ม

            “นั่งลงก่อนสิครับ ปลาดาวด้วย” ปลาวาฬบอกกับลูกน้อยทั้งสองคน เจ้าตัวเล็กก็ยอมนั่งลงโดยง่าย ปลาวาฬจึงรินน้ำใส่แก้วให้ลูกทั้งสองคนดื่ม ส่วนนักบินก็คว้าขวดน้ำที่วางอยู่ไปดื่มบ้าง

            “ป่านนี้ไอ้เจฟกับเงินน่าจะมาถึงแล้วนะ มีใครโทรมาหาหรือยัง” เมื่อดื่มน้ำจนเกือบหมดขวดแล้ว นักบินก็เอ่ยถามถึงเพื่อนทันที

            “ยังเลยครับ กำลังคิดว่าจะโทรไปถามอยู่พอดี” ปลาวาฬตอบพร้อมกับดูแลลูกน้อยไปด้วย

            “ถ้างั้นเรารีบขึ้นไปบนบ้านกันเถอะ จะได้ไปอาบน้ำเตรียมตัวร่วมงานปาร์ตี้เย็นนี้ด้วย”

            “เดี๋ยวรอให้ลูกกินขนมหมดก่อนละกัน คุณขึ้นไปอาบน้ำก่อนเถอะเดี๋ยวผมกับลูกจะตามไป” ตอนนี้ลูกน้อยทั้งสองคนกำลังหยิบขนมในกล่องทานอย่างเอร็ดอร่อย

            “เดี๋ยวไปพร้อมกันดีกว่าจะได้ช่วยอุ้มสองแสบนี้ไปด้วย” นักบินเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้ ก่อนจะแกล้งลูกทั้งสองด้วยการคว้ากล่องขนมขึ้นมาทานคนเดียว

            “คุงพ่อเอาขนมมา” นักสู้ยกมือน้อยๆขึ้นตามกล่องขนม โดนขัดจังหวะการกินอย่างนี้ทำเอาเจ้าตัวเล็กเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที ส่วนปลาดาวผู้เป็นพี่สาวก็มีอารมณ์ไม่ต่างกัน

            “เด็กๆ กินเยอะมันไม่ดีรู้ไหมเดี๋ยวฟันจะผุเอา” นักบินยังไม่ยอมคืนกล่องขนมให้ลูก

            “คุณอย่าแกล้งลูกสิ โมโหกันใหญ่แล้วนะนั่น” เด็กแฝดทั้งสองคนลุกขึ้นแล้วรีบไปแย่งขนมจากผู้เป็นพ่อคืนมา กลายเป็นว่าตอนนี้นักบินโดนลูกทั้งสองรุมทึ้งทั้งกัดทั้งทุบตีอยู่อย่างนั้น แต่เจ้าตัวก็ยังหัวเราะได้เพราะรู้สึกมีความสุขมากที่ได้แกล้งลูกๆ

            “โอ๊ยๆๆ จะฆ่าพ่อกันรึไงเนี่ย ฮ่าๆๆ” นักบินตะโกนพร้อมกับหัวเราะลั่น เวลาเด็กๆ โมโหก็เอาเรื่องไม่ต่างจากปลาวาฬเลยแม้แต่น้อย

            “เอาขนมคืนมานะ” เด็กๆ ยังคงเรียกร้องอยู่ไม่ขาดสาย จนนักบินต้องยอมวางขนมไว้ให้

            “พ่อยอมแล้วๆ เอาคืนไปเลย”

            “เย้!!!” เด็กทั้งสองเลิกปีนป่ายบนตัวบิดา แล้วรีบเดินไปนั่งหยิบขนมกินต่อ

            “เป็นไงล่ะเจ็บตัวเลย อยู่ดีไม่ว่าดีนะคุณอ่ะ” ปลาวาฬว่าให้ด้วยความสมน้ำหน้า

            “แกล้งลูกแล้วมีความสุขดีอ่ะ ลูกไม่น่าติดนิสัยนายมาเลยเนาะ พอเวลาเอาจริงน่ากลัวชะมัด”

            “ลูกได้นิสัยผมมาน่ะดีแล้ว ถ้าได้นิสัยคุณไปแย่เลย” ปลาวาฬตอบกลับโดยเร็ว

            “แย่ตรงไหนฉันเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีจะตาย” นักบินเอื้อมมือหนาไปจับแก้มคนรักหลังจากพูดจบ

            “ตรงนี้ไงหื่นที่สุดในโลก” ปลาวาฬปัดมืออีกฝ่ายทิ้งทันที

            “นี่แหละส่วนที่ดีที่สุดของฉัน ชีวิตมันจะได้มีรสชาติไงล่ะ คืนนี้เขาขอนะครับคนดี” พูดแล้วนักบินก็เริ่มอ้อนทันที

            “อย่าหวังซะให้ยาก” ปลาวาฬรีบปฏิเสธทันควัน แต่ในใจก็คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ปล่อยเขาไว้แน่นอน

            “ไม่ให้ก็จะเอาอยู่ดี เตรียมตัวไว้เลย” เจ้าตัวยิ้มมุมปากพร้อมกับยักคิ้วให้

            ระหว่างนั้นเจฟฟี่และเงินก็เดินจูงมือกันตรงมาหาพอดี ทั้งสองมาถึงได้สักพักแล้ว แต่ก็มัวแต่เก็บของไว้ในห้องพักก่อนจะเดินลงมาหา

            “ว่าไงครับครอบครัวสุขสันต์” เจฟฟี่เอ่ยทักทายเพื่อน

            ปลาวาฬหันไปมองยังต้นเสียงก็เห็นเพื่อนรักเดินมาพร้อมกับแฟนหนุ่ม เจ้าตัวจึงส่งยิ้มให้ด้วยความดีใจ ส่วนเงินก็รีบเดินมานั่งข้างๆพร้อมกับมองดูหลานตัวน้อยที่กำลังนั่งทานขนมอย่างเอ็นดู

            “มึงมาถึงนานหรือยังเนี่ย” นักบินเอ่ยถามเพื่อน

            “สักพักแล้วว่ะมัวแต่เก็บของอยู่เลยลงมาหาช้าหน่อย” เจฟฟี่ตอบ

            “นักสู้ ปลาดาวไหว้คุณลุงสิครับ” ปลาวาฬบอกกับลูกทั้งสองคน

            เด็กๆ มองผู้มาใหม่อย่างคุ้นเคย แล้วก็ยกมือไหว้ตามคำสั่งของมารดา ตั้งแต่คลอดเด็กทั้งสองคนออกมา เงินและเจฟฟี่ก็เทียวมาที่บ้านจนเด็กๆ จำหน้าได้เป็นอย่างดี

            “สวัสดีฮับ / สวัสดีค่ะ”

            “สวัสดีครับเด็กๆ ลุงซื้อขนมมาฝากด้วยนะ” เงินเอ่ยกับเด็กทั้งสอง มือเรียวก็ลูบเบาๆ ที่แผ่นหลังด้วยความเอ็นดู เงินเองก็อยากมีลูกที่น่ารักอย่างนี้เหมือนกัน แต่ติดตรงที่ไม่ได้มีความพิเศษเหมือนเพื่อน

            “จริงเหรอฮับหนูอยากกินหนม” เจ้าหนูนักสู้ได้ยินก็รีบทิ้งขนมในมือลงพื้นอย่างไม่ไยดี

            “หนูก็อยากเหมือนกัน” ปลาดาวเองก็ไม่น้อยหน้าน้องชายตัวเองเลย มีความตื่นเต้นกับของสิ่งใหม่อย่างออกหน้าออกตา

            “ถ้างั้นเราเข้าไปในบ้านกันก่อนเถอะ จะได้เตรียมตัวไปจ่ายตลาดสำหรับมื้อเย็นนี้ด้วย” ปลาวาฬเอ่ยชวนทุกคนเข้าไปในบ้าน

            “นักสู้ ปลาดาวมาให้พ่ออุ้มเร็วลูก” นักบินรีบยื่นมือไปหมายจะอุ้มลูกกลับเข้าไปในบ้าน แต่กลับโดนสองแสบปฏิเสธซึ่งๆ หน้า

            “ม่ายอาว หนูจะให้ลุงเงินอุ้ม” ปลาดาวเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นเดินเข้าไปสวมกอดเพื่อนมารดาที่นั่งอยู่ข้างๆ

            “หนูก็จะให้ลุงเจฟอุ้ม คุงพ่อชอบแกล้ง” นักสู้เองก็ไม่ยอมให้บิดาอุ้มเช่นเดียวกัน เจ้าตัวเล็กเดินไปยืนข้างเจฟฟี่ทันที เจฟฟี่เองก็อุ้มนักสู้ขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดพร้อมกับหอมแก้มฟอดใหญ่

            “ชื่นใจจังเลยเจ้าตัวเล็กของลุง” เจฟฟี่มองหน้าหลานด้วยความมันเขี้ยว อยากจะหยิกแก้มนุ่มๆนั่นซะเหลือเกิน

            “ตอนนี้พ่อตกกระป๋องไปแล้วสินะ” นักบินแกล้งทำหน้าเศร้าให้ลูกๆ เห็นใจ แต่เด็กทั้งสองแทบไม่ชายตาแลเลยแม้แต่น้อย “แต่ไม่เป็นไรพ่ออุ้มแม่ของหนูก็ได้” ว่าแล้วนักบินก็เดินไปอุ้มปลาวาฬขึ้นในท่าเจ้าสาวเดินนำหน้าทุกคนไป

            “คุณทำบ้าอะไรเนี่ยเดี๋ยวผมก็ตกหรอก” ปลาวาฬยกมือเรียวฟาดเข้าที่อกแกร่งเบาๆ หนึ่งครั้ง เพื่อเป็นการประท้วง ในขณะที่ใบหน้าเรียวกลับมีแต่รอยยิ้มละมุน

            “ไม่หรอกน่าเบากว่าลูกอีกมั้งเนี่ย” นักบินแกล้งแหย่คนรักเล่น

            “พูดเว่อร์ไป”

            นักบินไม่ตอบกลับอุ้มคนรักนำหน้าเข้าไปในบ้าน ส่วนเงินและเจฟฟี่ก็อุ้มเด็กแฝดตามหลังไปติดๆ

            ในที่สุดช่วงเย็นที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง หลังจากช่วยกันจัดเตรียมอาหารและสถานที่ สำหรับมื้อเย็นที่สุดแสนจะพิเศษในวันนี้เรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็มารวมตัวกันที่ลานหญ้าหน้าบ้านซึ่งอยู่ติดชายทะเล โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเมนูหลากหลายวางเรียงรายเป็นแนวยาว ซึ่งจะเป็นอาหารทะเลซ่ะสวนมาก

            สองแสบนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างพ่อกับแม่ คนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะก็คือเกริกไกรเหมือนเช่นทุกครั้ง อีกฝั่งก็จะเป็นคุณหญิงที่นั่งติดกับนักรบ ส่วนเจฟฟี่และเงินก็นั่งถัดมาอีก

            “กินให้เต็มที่เลยนะจ๊ะเจฟกับหนูเงินไม่ต้องเกรงใจ” คุณหญิงฉัตรฉายเอ่ยกับแขกทั้งสองคนที่เพิ่งจะมาใหม่

            “ขอบคุณครับคุณแม่” เจฟฟี่ตอบรับพร้อมกับส่งยิ่มให้

            “แล้วมึงจะอยู่มาอยู่กี่วันวะ” นักบินถามเพื่อน

            “ก็ว่าจะอยู่สักสองวัน เดี๋ยวก็กลับแล้วงานที่บริษัทเยอะมากช่วงนี้” เจฟฟี่ตอบเพื่อน

            “กูก็ประมาณนั้น แต่กลัวสองแสบนี่ล่ะจะไม่ยอมกลับน่ะสิ ชอบทะเลเหมือนแม่เขาเป๊ะเลย” นักบินเอ่ยพร้อมกับมองลูกแฝดทั้งสองคน ที่กำลังนั่งทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ข้างๆ

            “หนูชอบทะเล” นักสู้ได้ยินก็ตอบผู้เป็นพ่อทันที ในมือน้อยๆ ก็ถือกุ้งตัวโตที่ปลาวาฬแกะเปลือกให้เรียบร้อยแล้ว

            “หนูก็ชอบ” เมื่ออีกคนเอ่ยมีหรือที่จะยอมกัน ปลาดาวเอ่ยขึ้นบ้างไม่ยอมน้อยหน้าน้องชาย

            “อยู่ที่นี่นานๆ เลยดีไหมครับ ให้คุณพ่อกลับไปทำงานที่กรุงเทพก่อน” ปลาวาฬเอ่ยกับลูกน้อยทั้งสองคน เหมือนว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี

            “เย้!,เย้!” เด็กแฝดประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน

            “ปลาวาฬคิดว่าพี่ชายเราจะยอมเหรอ รายนั้นติดลูกซะยิ่งกว่าอะไรดี” นักรบแสดงความคิดเห็นบ้างหลังจากนั่งเงียบมานาน พร้อมกับเบ้หน้าไปทางพี่ชาย

            “แน่นอนอยู่แล้วฉันไม่มีทางให้ลูกกับเมียอยู่ห่างกายแน่ ก็น่ารักกันซะอย่างนี้” นักบินตอบกลับน้องชายพร้อมกับกอดลูกชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เอาไว้ แต่เจ้าตัวน้อยกลับไม่ยอมอยู่นิ่งๆ จับโน่นจับนี่บนโต๊ะไปเรื่อย จนปลาวาฬต้องปรามลูกอยู่เนืองๆ

            “ไม่ชอบเหรออยู่คนเดียวจะได้มีสาวๆ เข้ามาหาไง” ปลาวาฬเอ่ยหยอกเพราะรู้ดีว่านักบินแพ้ผู้หญิงไม่มีทางทำเรื่องอย่างนั้นได้แน่นอน

            “เดี๋ยวก็มีกิ๊กจริงๆ ซะหรอกพูดประชดกันดีนัก” นักบินล้ออีกฝ่ายเล่น

            “เอาเลยผมไม่สน จะมีสักกี่คนก็ไม่ว่าแล้วแต่คุณเลย” ปลาวาฬท้าทายอีกฝ่าย

            “ทำเป็นพูดดีไปถ้าเขาไม่อยู่ตัวเองจะเสียใจคอยดู”

            เด็กน้อยทั้งสองมองหน้าพ่อกับแม่สลับไปมาเวลาที่ตอบโต้กัน เงินสังเกตเห็นอย่างนั้นก็รีบเบรกคนทั้งสองเอาไว้ก่อน

            “หยุดทะเลาะกันได้แล้วลูกมองตาแป๋วแล้วนั่น เดี๋ยวก็เป็นตัวอย่างไม่ดีให้ลูกหรอก” เงินเอ่ยเตือนสติคนทั้งสอง

            “ก็เพื่อนเงินนั่นล่ะพูดไม่สนใจผมเลย” นักบินยังไม่ยอมหยุด

            “พูดเองเออเองจะเอาอย่างนั้นก็ได้นะแล้วแต่เลย” กลายเป็นว่าตอนนี้บนโต๊ะอาหารกลายเป็นเวทีโต้วาทีของนักบินกับปลาวาฬไปแล้ว

            “หนูอยากกิงปู” อยู่ๆ นักสู้ก็เอ่ยแทรกขึ้นมา พร้อมกับชี้ไปที่ปูอลาสก้าตัวใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ ปลาวาฬรีบหันมาสนใจลูกแทนที่จะตอบโต้นักบินกลับ

            “เดี๋ยวแม่แกะให้นะครับ” ว่าแล้วก็ดึงขาปูอลาสก้าออกมาจากตัวแล้วใช้กรรไกรตัดเอาเปลือกออก แคะเอาเนื้อออกมาให้ลูกทั้งสองคน เจ้าตัวเล็กดีใจตบมือซะเสียงดังกันเลยทีเดียว

            “เดี๋ยวพ่อแกะให้บ้างนะ” นักบินหวังเอาใจลูกบ้าง จึงหยิบขาปูอีกข้างมาแกะเอาเนื้อยื่นให้ลูกแฝด ราวกับว่ากำลังทำสงครามแย่งความสนใจจากลูกทั้งสองคน

            คนทั้งโต๊ะจ้องมองสี่คนพ่อแม่ลูกพร้อมกับรอยยิ้ม ราวกับว่าวันนี้เป็นการนัดรวมตัวเพื่อมาชมความน่ารักของครอบครัวนี้ซะอย่างนั้น

            “ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับคุณแม่” นักรบเอ่ยกับมารดาพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ จะเดินเข้าไปในตัวบ้าน

            “ฉันก็ปวดฉี่เหมือนกันรอด้วยไอ้น้อง รออยู่ตรงนี้นะลูกเดี๋ยวพ่อมา” นักบินลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตามหลังน้องชายไปติดๆ

            ไม่นานหลังจากนั้นคุณหญิงฉัตรฉายก็เอ่ยอะไรบางอย่างกับลูกสะใภ้

            “หนูปลาวาฬจ๊ะ”

            “ครับคุณแม่” หลังจากคลอดลูกได้ไม่นานคำสรรพนามที่ปลาวาฬเรียกคุณหญิงฉัตรฉายก็เปลี่ยนไป

            “หนูมาอยู่ที่บ้านในฐานะสะใภ้ฉันก็เกือบจะสามปีแล้วนะ น้อยใจหรือเปล่าที่แม่ไม่ได้จัดงานแต่งให้หนูอย่างออกหน้าออกตาเลย” คุณหญิงฉัตรฉายถามออกไปตรงๆ

            “ไม่เลยครับคุณแม่ แค่ได้รับความเมตตาจากทุกคนผมก็ดีใจมากแล้ว เรื่องนั้นผมไม่เคยคิดถึงมันเลยครับ” ปลาวาฬตอบอย่างจริงใจพร้อมกับส่งยิ้มให้แม่สามี

            “แต่แม่ว่ามีใครบางคนไม่คิดเหมือนหนูนะ นักบินอยากทำวันพิเศษนั้นให้กับหนู ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับหนูแล้วล่ะว่าจะตอบตกลงไหม” พอคุณหญิงพูดจบไฟทุกดวงรอบบริเวณนั้นก็ดับลงพร้อมกันทันที

            ปลาวาฬรีบเอื้อมมือเรียวไปโอบกอดตัวลูกทั้งสองเอาไว้กลัวว่าจะตกใจจนงอแง แต่ผิดคาดเจ้าตัวเล็กทั้งสองกลับนั่งนิ่งอย่างเป็นใจ ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงใครบางคนดีดกีตาร์เป็นจังหวะเพลงดังแว่วมา ปลาวาฬรีบหันไปมองยังต้นเสียง ก็พบว่าเป็นนักบินนั่นเองที่ดีดเดินกีตาร์เข้ามาอย่างช้าๆ ส่วนนักรบก็ถือตะเกียงเจ้าพายุเดินตามหลังมาติดๆ บรรยากาศตอนนี้

            “คุณนักบิน..” ปลาวาฬเปรยออกมาเบาๆ เจ้าตัวรู้แล้วว่ามันเป็นแผนที่ตระเตรียมไว้ล่วงหน้าอย่างแน่นอนแต่ก็อดยิ้มไม่ได้ เขาไม่เคยเห็นนักบินเล่นกีตาร์มาก่อนเลยตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา

            “ห่างกันไกลสุดฟ้า แต่ก็มาได้พบ คนๆนึงที่ใจตรงกัน ทำให้มีวันนี้ อยากให้เธอได้รู้ เธอคือคนที่แสนดี อยากมีเธอทุกวินาที เธอคือคนที่สำคัญ I’ll be with you forever จะรักเธอตลอดไป.........” (Cr. เพลงมีกันตลอดไป ของแอมมารี่)

            ปลาวาฬมัวแต่จ้องมองนักบินโดยไม่รู้ตัวเลยว่า ตอนนี้ลูกทั้งสองคนได้เดินไปหาเจฟฟี่และเงินแล้ว ทุกคนเดินไปยังทางเดินแล้วยืนเรียงหน้ากระดาน ไม่เว้นแม้แต่คุณหญิงและสามีก็เอากับเขาด้วย ชูดอกไม้ไฟเพื่อส่องแสงสว่างนำทางให้นักบินเดินมาหาคนรัก

            นักบินเดินดีดกีตาร์ร้องเพลงเดินเข้ามาหาปลาวาฬอย่างช้าๆ เมื่อมาถึงแล้วก็นั่งคุกเข่าลงตรงหน้า วางกีตาร์ลงข้างตัวแล้วหยิบแหวนเพชรที่เตรียมไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมายื่นให้ พร้อมกับส่งสายตาหวานซึ้งเป็นประกายไปให้ ปลาวาฬเอาแต่ร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจ ไม่นึกไม่ฝันว่านักบินจะทำอย่างนี้ให้กับตัวเองมาก่อน เพราะอยู่กันมาเกือบจะสามปีแล้วอีกฝ่ายไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาให้ได้ยินเลยแม้แต่ครั้งเดียว

            “จากวันแรกที่ได้เจอกันจนมาถึงวันนี้ฉันยังจำเรื่องราวของเราได้ดีทุกเรื่อง นายทำให้ฉันได้รู้จักกับคำว่ารักที่จับต้องได้ ขอบคุณที่เข้ามาทำให้ชีวิตที่เงียบเหงานี้มีสีสัน เข้ามาเติมเต็มความสุขให้กับฉันและคนในครอบครัว ฉันรักนายนะปลาวาฬ...แต่งงานกันนะที่รัก” พูดจบน้ำตาของนักบินก็ไหลลงมาเป็นสาย เจ้าตัวยิ้มด้วยความเขินอาย เขาไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าคนเยอะๆ อย่างนี้มาก่อนเลย

            “ฮึก...ขอบคุณที่รักและดูแลคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างผม ผมเองรักคุณมาก จากนี้ไปชีวิตผมเป็นของคุณอย่างเป็นทางการแล้วนะ...ผมจะแต่งงานกับคุณครับ” พูดจบเจ้าตัวก็ยื่นมือไปให้อีกฝ่ายสวมแหวนให้ นักบินบรรจงสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายให้แล้วจุมพิตลงที่หลังมือเรียวทันที เสร็จแล้วทั้งสองก็กอดกันแน่น ต่างฝ่ายต่างร้องไห้ออกมา สักขีพยานที่มองดูอยู่นั้นต่างก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเงินที่ร้องไห้หนักกว่าปลาวาฬเสียอีก เพราะเขาดีใจมากที่เพื่อนมีวันนี้เสียที

            “ฮิ้วววว!!!”

             พอทุกอย่างเป็นไปตามแผนทุกคนก็ส่งเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีกับคนทั้งสอง ไฟทุกดวงสว่างจ้าขึ้นพร้อมกันนั้นดอกไม้ไฟก็ถูกจุดขึ้นไปบนท้องฟ้าดอกแล้วดอกเล่าจนสว่างจ้า เด็กแฝดทั้งสองรีบเดินไปหาพ่อกับแม่แล้วกอดขาเอาไว้แน่น ปลาวาฬและนักบินต่างก็อุ้มลูกทั้งสองขึ้นมา มองดูความงดงามของดอกไม้ไฟอย่างมีความสุข

            นักบินอยากขอบคุณโรคแพ้ผู้หญิงที่ทำให้เขามาเจอกับปลาวาฬ ซึ่งเป็นรักแท้ที่ช่วยมาเติมเต็มชีวิตของเขาให้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น จากนี้เขาจะรักและดูแลภรรยาและลูกไปตราบนิจนิรันดร์...


จบบริบูรณ์
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-06-2018 14:06:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-06-2018 14:19:07
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kirana9165 ที่ 16-06-2018 14:35:49
น่ารักมากๆ ชอบแบบนี้ มีความสุขกันหมดเลย ชัดเจนดีด้วย เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-06-2018 16:35:24
 :o8: :o8: :o8: :o8: :L2: :L2: :L2: :L2: :3123: :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 16-06-2018 17:23:50
น่ารักกกก แฮปปี้เฮนเดิ้งจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-06-2018 17:34:29
สุขสันต์ๆ  :mc4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-06-2018 19:09:49
ปลื้มปริ่ม :sad11:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 16-06-2018 20:24:49
แฮปปี้เอนดิ้ง มีความสุขทั้งสองคู่ กู๊ด
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 16-06-2018 22:22:02
 :o8:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-06-2018 01:08:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 17-06-2018 09:38:23
เป็นครอบครัวที่น่ารักมากเลย แฝดน่ารัก ปลื้มปริ่มมีความสุข ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 17-06-2018 23:20:27

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-06-2018 10:13:17
 :pig4: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 18-06-2018 18:59:24
สนุกมากกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 18-06-2018 19:54:08
สนุกมากเลยคะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-06-2018 00:40:40
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-06-2018 01:37:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 21-06-2018 17:10:08
 o13
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 22-06-2018 20:43:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: bungg ที่ 23-06-2018 18:02:43
น่ารักทั้งคู่หลักและก็คู่รองเลยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 24-06-2018 00:32:38
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 24-06-2018 22:47:28
ทะเลาะกันขนาดนี้ ลูกดก แน่ ๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 24-06-2018 23:19:41
เรื่องสนุกมากก น่ารักทั้งสองคู่เลย
ชอบที่พระเอกนายเอก ไม่ฐิทิ ปากหนัก ยอมรับใจตัวเอง เด็กๆน่ารัก
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 26-06-2018 20:16:41
สนุกดีค่ะ
ไม่เวิ่นเว้อ ยืดยาด
รวบรัดฉับไว
แต่บางทีก็เร็วไปจนเหมือนขาดบางอย่าง
ทำให้เนื้อเรื่องดูตัดตอนไปหน่อย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 27-06-2018 08:13:03
สนุกดีค่า ขอบคุณนะคะ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 01-07-2018 13:23:05
ครอบครัวสุขสันต์แล้วนะ เป็นนิยายสร้างสุขจริงๆ ขอบคุณคนเขียนมากเลยที่แต่งให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 09-07-2018 21:02:14
ตลกการต่อล้อต่อเถียงของนักบินกับปลาวาฬ 55555
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 11-07-2018 20:18:23
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 12-07-2018 04:49:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 12-07-2018 07:14:19
เป็นครอบครัวที่น่ารักมากๆ  :give2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 15-07-2018 13:03:06
น่ารักดี แต่รู้สึกเรื่องดำเนินเร็วมาก เร็วจนเกินไป เหมือนรีบให้จบยังไงไม่รู้ :a5:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 14-08-2018 07:44:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: HunHan9407 ที่ 15-12-2018 12:07:48
ต้องอ่านแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 15-12-2018 21:13:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณค่ะ
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Khratiin ที่ 16-12-2018 09:33:53
จบแล้ว สนุกมาก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 16-12-2018 21:33:10
ครอบครัวสุขสันต์ น่ารักมากเลยยย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Amethyst. ที่ 16-12-2018 22:26:20
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 17-12-2018 21:31:33
ชอบชื่อตัวละครเรื่องนี้อะ น่ารักหมดเลย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 18-12-2018 22:05:33
หนูแฝดน่ารักมากเลย ปลาวาฬเป็นเด็กดีมากเลย ส่วนคุณนักบินเขาก็หื่นและหวงไปพร้อมๆกันได้หรอค่ะคุณ สนุกค่ะ อ่านแล้วยิ้มไปด้วย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 19-12-2018 00:56:09
 o13
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 22-12-2018 23:59:09
น่ารัก แฮปปี้  อบอุ่บ มีความสุขมากๆๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 23-12-2018 09:35:06
 :z13:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: pranliew ที่ 23-12-2018 22:09:35
น่ารักมากเลยค่ะ คุณนักบินเปลี่ยนไปเยอะเลยพอรู้ใจตัวเอง 555 กลายเป็นผู้ชายน่ารักไปซะแล้ววว ชอบนะคะ สนุกดีค่ะ อ่านเพลินเลย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 23-12-2018 23:17:55
เป็นเรื่องที่เกือบดีละ เสียดายจริงๆ ถ้าไม่มีเรื่องที่เอาความสะใจเป็นที่ตั้ง เรื่องอาการแพ้ผู้หญิง มันบ่งบอกถึงอะไร มันบอกว่า เนี่ยแหละ ความมักง่ายและเห็นแก่ตัวของคนต้องการความสะใจสนองความอยากของตัวเอง ไม่เห็นจะสนุกตรงไหนเลยแค่อยากเห็นเนี่ยนะ ประสาท

กำลังจะสนุกเลยเจอเรื่องนี้เข้าไป จบเห่ เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 15-01-2019 21:47:13
 o18 o13 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: AngPao1932 ที่ 23-01-2019 08:26:03
กำลังงง กำลังสับสนกับตัวเองว่าเคยอ่านเคยเม้นไปยัง บางทีก็รู้สึกคุ้นเคย แต่บางทีก็จำไม่ได้ เอาเป็นว่ายังไงก็ขอบคุณไว้ก่อนละกัน ขอบคุณนิยายดีๆจ้า น่ารักมากเลยดราม่าน้อยดีแต่มีเพื่อเพิ่มรสชาติเราชอบบบบบบบบ.  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 02-08-2019 14:08:00
น่ารัก  :L2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Bebii123 ที่ 26-12-2019 09:05:09
น่ารักจัง  :3123:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 03-01-2020 14:15:29
 :-[
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: mrsnikiforov ที่ 17-01-2020 18:23:42
 :katai4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 25-01-2020 02:31:53
เป็นเรื่องที่น่ารักดีค่ะ ถึงแม้เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยสมูทเท่าไหร่ อ่านแล้วติดๆขัดๆบ้าง แต่ก็ขอให้พัฒนาฝีมือต่อไปนะคะ

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 06-02-2020 23:30:20
แว๊บมาอ่านรอบสอง น่ารักๆเหมือนเดิมจ้าาา
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 09-02-2020 20:22:16
น่ารักมากครับ ปลาวาฬ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 26-02-2020 23:24:05
เข้ามาอ่านอีกครั้ง ก็ยังประทับใจไม่เคยเปลี่ยน
ดีต่อใจ....จากใจจริงๆ
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 16-03-2020 10:56:52
ขอบคุณคร้าบบบบบ ดีใจมาก ๆ เลย
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 09:59:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 17-04-2020 10:08:34
สนุกมากๆเลยครับ ^.^

จบแฮปปี้ ดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 19-04-2020 09:52:39
 :pig4: :pig4: :pig4: