❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 22 มีกันตลอดไป(จบ) l Up:16-06-2018  (อ่าน 108901 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เฉ่าไปเลย หนูวาฬ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ถ้าถึงเวลาต้องจากลูกขึ้นมาจริงๆ หนูปลาวาฬจะทำใจได้ยังไงเนี่ย

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
น่าสงสารปล่วาฬแต่นักบินนี่นิสัยเด็กมากจะเป็นพ่อคนได้เหรอ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6

ออฟไลน์ A_bookworm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สงสารปลาวาฬมากเลย

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ปลางาฬเริ่มรู้สึกคิดผิดที่ขายลูก แล้วนักบินรู้สึกยังไงกับปลาวาฬล่ะ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
รอตอนต่อไปแล้วววว..  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
-๑๒-

เสียงของหัวใจ



            “เดี๋ยวตอนเย็นพี่จะมารับนะครับ”                       

            “ครับ...ขับรถดีๆล่ะตั้งใจทำงานด้วย”

            “คร้าบบที่รัก”

            เงินกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถแต่โดนอีกฝ่ายคว้าตัวเอาไว้เสียก่อน

            “มีอะไรอีกเนี่ย” ร่างเล็กหันไปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัย

            “ลืมอะไรรึป่าววว” เจฟฟี่เอ่ยแล้วเอียงแก้มยื่นเข้าไปใกล้

            “นึกว่ามีอะไร เรื่องอย่างนี้ล่ะจำได้ดีเชียวนะ” ว่าแล้วก็ยิ้มให้ก่อนจะค่อยๆยื่นหน้าเรียวเข้าไปจุมพิตลงที่แก้มของอีกฝ่าย

            จุ๊บ!!!

            “พอใจรึยัง”

            “ยัง!” เจฟฟี่รีบโน้มใบหน้าคมเข้าไปประกบริมฝีปากโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อสมใจก็ผละใบหน้าออกมายิ้มให้อย่างกวนๆ

            เงินกลัวว่าใครจะเดินมาเห็นเข้าก็มองซ้ายมองขวา แล้วหันมาทำหน้าดุใส่คนรักพร้อมกับใช้มือเรียวฟาดไปที่ต้นแขนเบาๆ

            “ทำประเจิดประเจ้อเดี๋ยวใครก็มาเห็นเข้าหรอก”

            “ดี! ทุกคนจะได้รู้ว่าเงินมีเจ้าของแล้ว” เจฟฟี่ไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดแต่อย่างใด กลับเอื้อมมือหนามาสัมผัสที่แก้มขาวนวลแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเบาๆ สายตาคมจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่สวย ทำเอาอีกฝ่ายนั่งนิ่งเหมือนกำลังถูกสะกดจิต “ไม่ว่าจะต้องเหนื่อยแค่ไหนพี่ก็จะอดทน เพื่อทำให้เงินรู้ว่าพี่มีดีพอที่จะดูแลเงินได้” แม้หลายวันที่ผ่านมาเจฟฟี่จะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมากแค่ไหนก็ตาม แต่เจ้าตัวก็อดทนสู้และพยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่

            “จะมาทำซึ้งอะไรตอนนี้เนี่ย ไปทำงานได้แล้วเดี๋ยวก็สายหรอก” เงินแก้อาการเขินอายด้วยการไล่คนรักให้รีบไปทำงาน แล้วเปิดประตูรถลงไปยืนอยู่ข้างๆ

            “เดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับนะ” เจฟฟี่ตะโกนออกมาจากในรถ

            “อื้ม” เงินตอบรับสั้นๆแล้วโบกมือให้

หลังจากเจฟฟี่ขับรถออกไปแล้วเงินก็เดินยิ้มเข้ามาในร้านอย่างอารมณ์ดี เจสสิก้าที่แอบยืนดูอยู่นานก็เอ่ยแซวทันทีที่เงินเดินมาถึง

            “เดินยิ้มมาแต่ไกลเลยนะจ๊ะ”

            “อ้าว! สวัสดีครับพี่เจส” เมื่อเห็นหน้าเจ้าของร้านเงินก็รีบยกมือขึ้นไหว้ทันที

            “สวัสดีจ้ะ...ทำอะไรกันอยู่ในรถตั้งนานสองนาน” เจสสิก้ายังไม่ยอมหยุดแซว

            “เอ่อ...มีเรื่องคุยกันนิดหน่อยครับพี่เจส” เงินยิ้มเขินแล้วหลบตาหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า

            “อ๋อ...พี่ก็นึกว่านั่งจู๋จี๋กันในรถซะอีก ไอ้น้องชายพี่มันยิ่งหื่นได้ตลอดเวลาอยู่ด้วยสิ เงินเองก็รู้ไม่ใช่เหรอจ๊ะ” เจสสิก้าอยากแกล้งแฟนน้องชายเล่นเท่านั้นเอง เพราะเวลาที่เงินอายมักจะหน้าแดงอมชมพูดูน่ารักซะเหลือเกิน

            “คะ...ครับ” เงินตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะกำลังรู้สึกเขินอายซะเต็มประดา

            “พี่ไม่แกล้งแล้ว  รีบเอาของไปเก็บหลังร้านเถอะ” เมื่อแกล้งอีกฝ่ายจนพอใจแล้ว เจสสิก้าก็บอกให้เงินนำถุงอะไรบางอย่างที่ถืออยู่ในมือไปเก็บไว้หลังร้านก่อนเข้าทำงาน

            “ของ!” เงินทวนคำพูดของเจสสิก้าแล้วก้มมองดูที่มือตัวเอง ก็ต้องตกใจเพราะนี่คือข้าวกล่องที่เจ้าตัวอุตส่าห์ทำให้คนรักไปทานที่โรงแรมนั่นเอง

            “มีอะไรหรือเปล่าเงินทำหน้าตาตื่นเชียว” เจสสิก้าถาม

            “ผมเผลอถือข้าวกล่องที่ทำให้พี่เจฟติดมือมาด้วยอ่ะครับ”

            “ถ้างั้นเดี๋ยวพี่เอาไปให้มันเองก็ได้” เจสสิก้าอาสา

            “ผมขอเอาไปให้เองได้ไหมครับ คือผมอยากไปดูที่ทำงานของพี่เจฟด้วยอ่ะครับ อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง” เงินอยากใช้โอกาสนี้ไปดูว่าเวลาทำงานคนรักจะเป็นอย่างไรบ้าง

            “ได้สิแล้วจะไปตอนไหนล่ะ”

            “ถ้างั้นวันนี้ผมขอพักสักห้าโมงครึ่งพร้อมกับมอสได้ไหมครับ”

            “ได้สิจ๊ะแล้วจะไปยังไงให้พี่ไปด้วยไหม”

            “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมให้มอสไปส่งก็ได้”

            “โอเคจ๊ะถ้างั้นก็เอาไปเก็บหลังร้านก่อนละกันนะ พี่จะไปดูความเรียบร้อยฝั่งโน้นก่อน” เจสสิก้ายิ้มให้แล้วเดินไปสำรวจความเรียบร้อยภายในร้านก่อนจะเปิดทำการขายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

            ส่วนเงินก็เดินไปหลังร้านแล้ววางข้าวกล่องไว้บนโต๊ะ ก่อนจะปรายตามองมอสที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่อีกมุม

            “เล่นมือถือแต่เช้าเลยส่องเฟชใครอยู่น่ะ” เงินเอ่ยทักทายด้วยประโยคคำถาม

            “พูดเหมือนตาเห็นเลยเนาะ กำลังส่องเฟชไอ้บอลอยู่อ่ะ วันนี้แม่งป่วยไม่ได้ไปทำงานรู้สึกเป็นห่วงสุดๆ” มอสเอ่ยกับเพื่อนแต่ยังคงจับจ้องไปที่หน้าจอมือถืออย่างไม่ละสายตา

            “เป็นห่วงก็ไปหาเขาสิ” เงินแนะนำเพราะดูจากท่าทางแล้ววันนี้คงไม่เป็นอันทำการทำงานแน่นอน

            “ยังไม่รู้ว่ามันพักอยู่ที่ไหนน่ะสิ ไม่งั้นไปหาแล้ว” มอสบ่นออกมา

            “จะยากอะไรวันนี้ก็ไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วถามเจ้าของร้านดูสิ เราว่าเขาน่าจะรู้นะ” เงินให้คำแนะนำ

            “เออใช่ว่ะ ขอบใจนะเงินเรานี่ก็โง่มานาน” พูดแล้วก็แค่นยิ้มให้กับความเขลาของตัวเอง

            “วันนี้พาเราเอากล่องข้าวไปให้พี่เจฟที่โรงแรมหน่อยสิ เราเผลอเอาติดมือมาด้วยอ่ะ”

            “ได้ๆ แต่เราขอแวะที่ร้านก๋วยเตี๋ยวก่อนนะ”

            “โอเคจ้า”

            พูดคุยตกลงกันแล้ว ทั้งสองก็เตรียมตัวออกไปทำงานที่หน้าร้าน

*-*-*-*-*-*-*

            หลังจากยกกระเป๋าขึ้นไปส่งให้ลูกค้าบนห้องพักแล้ว เจฟฟี่ก็เดินปาดเหงื่อไปรอที่หน้าลิฟต์ด้วยความอิดโรย วันนี้แขกเข้ามาเช็กอินที่โรงแรมเป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าตัวต้องเดินขึ้นๆลงๆอยู่หลายรอบ แถมลูกค้าบางรายยังเอาใจยากซะเหลือเกิน ช่วงแรกที่ทำงานก็เคยเกือบจะมีเรื่องกับลูกค้าอยู่หลายครั้ง แต่ก็ได้ผกาช่วยเจรจากับลูกค้าให้ นอกจากนั้นยังช่วยปรับทัศนคติจนเขาคิดได้และเริ่มดีขึ้นมาเรื่อยๆ

            “ดูท่าทางจะเหนื่อยมากเลยนะคะคุณเจฟ” ประชาสัมพันธ์สาวสวยที่ชื่อ ‘หญิง’ เดินเข้ามาทักทาย เมื่อเห็นลูกชายเจ้าของโรงแรมกำลังเดินเหงื่อโชกออกมาจากลิฟต์

            หญิงเป็นพนักงานสาวสวยที่ปลื้มเจฟฟี่เป็นพิเศษ ยิ่งรู้ว่าเป็นลูกชายของเจ้าของโรงแรมยิ่งปลื้มขึ้นไปอีก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงชอบเข้าหาเจฟฟี่อยู่บ่อยครั้งเมื่อมีโอกาส

            “ก็นิดหน่อยครับ” ตอบเจ้าหล่อนแล้วเจฟฟี่ก็เดินเลี่ยงออกมา แต่หญิงกลับเดินตามหลังมาติดๆ

            “นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วหญิงว่าจะชวนคุณเจฟไปทานข้าวอ่ะค่ะ” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายชวนก็ทำให้เจฟฟี่นึกขึ้นมาได้ทันทีว่า เมื่อเช้าเขาไม่ได้ถือถุงข้าวกล่องออกมาจากรถด้วย และคิดว่าคนรักน่าจะถือติดมือลงจากรถไปด้วย

            “เชิญตามสบายเลยครับผมต้องขอตัวก่อน” ว่าแล้วเจฟฟี่ก็เดินเลี่ยงมาอีกที

            “คุณเจฟอย่าปฏิเสธเลยนะคะ วันนี้หญิงตั้งใจทำข้าวกล่องมาเผื่อคุณด้วย อย่าทำให้หญิงต้องเสียเที่ยวเลยนะคะ” ไม่ว่าเปล่าหญิงกลับควงแขนเอาไว้ด้วย เมื่อโดนลูกอ้อนเข้าไปเจฟฟี่จึงยอมตอบตกลงแต่โดยดี

            “ถ้างั้นก็ได้ครับ”

            “เย้! ตามหญิงมาทางนี้เลยค่ะ” เมื่ออีกฝ่ายยอมตอบตกลงหญิงก็รีบดึงแขนออกไปทันที

            หญิงกึ่งลากกึ่งดึงตัวชายหนุ่มเดินตรงไปยังที่นั่งในสวนหย่อมข้างโรงแรม เมื่อถึงแล้วเจฟฟี่ก็จำใจนั่งลงด้วยความรู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย แต่ทำได้เพียงปั้นหน้ายิ้มให้ อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้ชาย ไม่ควรทำให้ผู้หญิงรู้สึกเสียหน้า

            “นี่ข้าวของคุณเจฟหญิงตั้งใจทำมาเองกับมือเลยนะ...แล้วนี่ก็น้ำดื่ม” หญิงเปิดฝาข้าวกล่องแล้วนำไปวางไว้ตรงหน้าให้ พร้อมกับขวดน้ำดื่มที่เปิดฝาและเสียบหลอดไว้อย่างเสร็จสรรพ หวังเอาใจเต็มที่ เมนูที่เธอทำมานั่นคือแกงเขียวหวานไก่และไข่ดาวหนึ่งฟอง

            “ขอบคุณครับ” เจฟฟี่เอ่ยขอบคุณแล้วรีบลงมือทานทันที เพราะอยากจะออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

            “อร่อยไหมคะ หญิงตั้งใจทำมาให้คุณเจฟโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย” เจ้าหล่อนยิ้มหวานให้ แท้ที่จริงแล้วกับข้าวในกล่องเธอซื้อมาจากร้านขายข้าวแกง เพียงแต่นำมาเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่ เพื่อทำให้ดูเหมือนว่าตัวเธอทำมาเองกับมือ

            “ก็อร่อยดีครับ” พูดแล้วก็รีบตักข้าวคำใหญ่เข้าไปในปาก ไม่นานนักข้าวก็ติดคอจนต้องสำลัก

            แค่กๆๆ

            “ว้ายคุณเจฟเป็นอะไรคะ” หญิงรีบเดินอ้อมมาข้างหลังแล้วหยิบขวดน้ำให้ มือเรียวอีกข้างของเธอก็ลูบที่หลังป้อยๆ ก่อนจะค่อยๆเลื่อนขึ้นมาโอบที่คอของเจฟฟี่เอาไว้ หากมองจากด้านหลังก็เหมือนกับว่าหญิงสาวกำลังกอดชายหนุ่มอยู่นั่นเอง

            ระหว่างนั้นเงินก็เดินเข้ามาพร้อมกับมอสแล้วเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี เจ้าตัวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แขนขาเริ่มอ่อนแรงขึ้นมาทันทีจนทำให้ถุงข้าวกล่องที่อยู่ในมือหล่นลงพื้น ดวงตาสวยร้อนผ่าว น้ำใสๆเริ่มคลอออกจนปริ่มจวนจะไหลลงมาเต็มที

            “เงินเป็นอะไรหรือเปล่า...เดี๋ยวเราจะไปจัดการนายนั่นให้เอง” พูดแล้วก็จะเดินไปหาคนทั้งสองแต่เงินรั้งมือเอาไว้ก่อน

            “ไม่ต้องหรอกมอส เรากลับกันเถอะ”

            “เงินจะปล่อยให้ไอ้พี่เจฟมันมีความสุขกับกิ๊กงั้นเหรอ”

            “อื้ม...ไม่ต้องไปขัดจังหวะเขาหรอก” ว่าแล้วก็หันหลังกลับ เดินร้องไห้ออกไปจากตรงนั้น

            ก่อนเดินตามเพื่อนไปมอสก็จ้องคนทั้งสองตาเขม็งด้วยความโกรธแค้นแทนเพื่อน

            เมื่อดื่มน้ำจนคอเริ่มคล่องดีแล้วเจฟฟี่ก็ลุกขึ้นยืน ทำให้หญิงต้องจำใจปล่อยมือออกจากตัวอีกฝ่าย

            “ขอบคุณมากนะครับ แต่ผมต้องขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน”

            “หญิงเต็มใจค่ะ เอาไว้พรุ่งนี้หญิงจะทำมาให้ทานใหม่นะคะ” เจ้าหล่อนยิ้มกว้าง

            “ไม่เป็นไรครับเพราะเมียผมทำมาให้อยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้ลืมเอามาเท่านั้นเอง” เจฟฟี่บอกความจริงออกไป หวังจะให้เจ้าหล่อนเลิกตามติดเขาเสียที

            “นี่คุณเจฟมีเมียแล้วเหรอคะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นหญิงก็ทำหน้าเสียขึ้นมาทันที

            “ผมพูดขนาดนี้แล้วคุณคงจะเข้าใจนะครับ เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันน่าจะดีที่สุดแล้ว”

            พูดจบก็หันหลังเดินออกมาจากโต๊ะ ก่อนจะสังเกตเห็นถุงข้าวกล่องที่ถูกวางทิ้งอยู่บนพื้น และแน่ใจว่านั่นคือข้าวกล่องที่เงินเตรียมไว้ให้เมื่อเช้านี้ เจ้าตัวเดินไปหยิบขึ้นมาแล้วมองหาเจ้าของ แต่ก็ไม่พบเสียแล้ว

            “เงินมาที่นี่...อย่าบอกนะว่าจะเห็นภาพเมื่อครู่” เจฟฟี่พูดกับตัวเองแล้วรีบถือถุงข้าวกล่องเดินตรงไปที่ลานจอดรถทันที

*-*-*-*-*-*-*

            หลังจากวันที่จัดงานปาร์ตี้ปลาวาฬก็เอาแต่ซึมเศร้า จนนักบินสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ไอ้เด็กดื้อที่เคยปากดีและชอบแกล้งเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจ เคยคาดคั้นถามไปหลายรอบแต่ก็ไม่ได้คำตอบกลับมา กลัวว่าความเครียดอาจจะส่งผลถึงเด็กในท้องด้วย ยิ่งครรภ์อ่อนๆอย่างนี้ยิ่งมีโอกาสแท้งสูง จึงตั้งใจจะพาไปเที่ยวต่างจังหวัดสักสองสามวัน เผื่อว่าจะทำให้ปลาวาฬลืมเรื่องที่ไม่สบายใจได้บ้าง

            วันนี้นักบินลงทุนเดินเข้าไปในครัวด้วยตัวเอง เพื่อสั่งให้แม่บ้านปอกมะม่วงและจัดใส่จานพร้อมกับถ้วยน้ำพริกปลาหวาน เขาตั้งใจจะนำมาให้ปลาวาฬรับประทาน เพราะปกติคนท้องจะชอบทานอะไรเปรี้ยวๆ หวังว่ามะม่วงจานนี้คงจะถูกใจอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย

            “อ่ะกินซะ” เมื่อเดินมาถึงนักบินก็วางจานมะม่วงลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงบนโซฟาทันที ทำเอาคนที่นั่งอยู่ก่อนมองหน้าอย่างงงๆ

            “คุณเอามาให้ผมเหรอ”

            “ก็จะใครซะอีกที่นี่มีแค่นายคนเดียว”

            “ผมไม่กิน” ปลาวาฬรีบปฏิเสธทันที เพราะเจ้าตัวไม่ได้รู้สึกเปรี้ยวปากอยากทานเลยแม้แต่น้อย

            “ต้องกิน...คนท้องชอบกินอะไรเปรี้ยวๆไม่ใช่เหรอ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจจานมะม่วงที่ตัวเองอุตส่าห์นำมาให้ ก็รู้สึกหงุดหงิดทันที

            “ก็ใช่...แต่ตอนนี้ยังไม่หิวคุณกินเองเถอะ” ว่าแล้วก็นั่งกอดเข่าเอนหลังอยู่บนพนักโซฟาต่อ

            “นายนี่ไม่มีมารยาทเอาซะเลยคนอุตส่าห์เอามาให้” นักบินหยิบมะม่วงมาชิ้นหนึ่งแล้วยื่นให้ “อ่ะ”

            “ก็บอกว่าไม่กินไงล่ะ คุณหูหนวกรึไง” ปลาวาฬมองแล้วก็ปรายตาหนีไปอีกทาง

            “ก็ฉันอยากให้กินไง” ไม่ว่าเปล่านักบินลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆแล้วโอบไหล่เอาไว้แน่น ไม่ให้อีกฝ่ายขยับตัวหนีไปไหนได้             “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคุณจะทำอะไร” ปลาวาฬมองซ้ายมองขวา กลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า

            “ไม่มีใครอยู่หรอกออกไปข้างนอกกันหมดแล้ว แต่ถึงมีนายจะกังวลอะไรในเมื่อเราก็เป็นผัวเมียกันแล้ว” นักบินยิ้มมุมปากแล้วยักคิ้วให้

            “ใครเป็นเมียคุณมิทราบ ผมเป็นแค่ลูกจ้างต่างหากล่ะ” ปลาวาฬเอ่ยราวกับกำลังรู้สึกน้อยใจอย่างลืมตัว

            “นายพูดเหมือนน้อยใจฉันเลยนะ” นักบินจ้องหน้าจับผิด

            “ใครน้อยใจคุณไม่ทราบ ปล่อยผมเถอะอึดอัดจะแย่แล้วเนี่ย”

            “ไม่ปล่อยจนกว่านายจะยอมกินมะม่วงนี้ซะก่อน” นักบินหยิบมะม่วงชิ้นเดิมไปจิ้มน้ำพริกปลาหวานที่มีความเข้มข้นเหนียวหนืด แล้วยื่นเข้าไปจ่อตรงปากของอีกฝ่าย

            “โอเคๆ แค่ชิ้นเดียวนะ แต่ผมกินเองได้ไม่ต้องป้อน” ปลาวาฬยกมือเรียวขึ้นมาหมายจะจับมะม่วงชิ้นนั้นจากมืออีกฝ่าย แต่นักบินกลับไม่ยอม

            “ฉันจะป้อนนายเองอยู่นิ่งๆเดี๋ยวก็ได้เลอะหรอก” นักบินป้อนอีกฝ่ายจนได้

            เมื่อมะม่วงเข้าปากแล้วปลาวาฬก็ทำหน้าเหยเกทันที เพราะรสชาติของมันเปรี้ยวจี๊ดจนต้องหลับตาปี๋

            “โอ๊ยย!! ทำไมมันเปรี้ยวอย่างนี้เนี่ย” เจ้าตัวแทบอยากจะคายออกมาเสียให้ได้ แต่ติดตรงที่อีกฝ่ายยังโอบไหล่ไว้ไม่ยอมปล่อย จึงกลั้นใจกลืนลงคอไป

            “ก็เหมาะกับคนท้องแล้วไม่ใช่เหรอ” นักบินยังจะป้อนอีก

            “พอๆๆ ผมไม่เอาแล้วคุณกินเองเลย” ปลาวาฬจับข้อมือนักบินไว้พยายามบังคับให้กินเสียเอง แต่ชายหนุ่มกลับเสียหลักล้มลงนอนบนโซฟา จนทำให้ปลาวาฬนอนทับทาบอยู่บนตัวอีกฝ่ายทันที เมื่อพยายามจะลุกขึ้นแต่กลับโดนมือหนารั้งเอวคอดไว้แน่นไม่ยอมให้ไปไหนได้

            “จะลุกไปไหนฮึ” นักบินส่งสายตาคมคู่นั้นจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวย เหมือนเป็นการสะกดจิตให้อีกฝ่ายอยู่นิ่งๆ แล้วตั้งใจฟังสิ่งเขากำลังจะพูด

            “คุณ...ไม่หนักเหรอ” คนพูดใบหน้าเริ่มเปลี่ยนสีขึ้นมาแล้ว มือเรียวที่วางทาบอยู่บนอกแกร่งทั้งสองข้าง รับรู้ได้ถึงจังหวะการหายใจที่ถี่รัว และจังหวะการเต้นของหัวใจที่เต้นเร็วผิดปกติ

            “ไม่เห็นจะหนักเลย ขนาดอุ้มนายทั้งตัวฉันยังเคยมาแล้ว...ลืมแล้วเหรอฮึ” นักบินเริ่มลวนลามอีกฝ่ายด้วยสายตาคม และแสดงสีหน้าหื่นออกมาอย่างไม่รู้ตัว

            “ลามก...คุณไม่หนักแต่ผมอึดอัด ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย” ไม่รู้ทำไมเขาจะต้องรู้สึกเขินอายกับใบหน้าหื่นนั่นด้วยก็ไม่รู้

            “เราไปเที่ยวทะเลกันสักสองสามวันไหม” คำพูดที่นักบินเอ่ยออกมา ทำเอาปลาวาฬถึงกับนิ่งเงียบ

            “ทะ...ทำไมผมต้องไปกับคุณด้วยล่ะ” ปลาวาฬรู้สึกเหมือนถูกชวนไปเดทซะอย่างนั้น

            “ก็เห็นว่านายกำลังเครียดๆไง ฉันเลยจะพาไปพักผ่อนไม่ดีรึไง” น้ำเสียงที่ดูอบอุ่นทำให้ปลาวาฬแทบจะละลายไปทั้งตัวเสียให้ได้

            “โอเคก็ได้” เจ้าตัวตอบแต่ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย

            “นอนเถอะฉันรู้สึกง่วงแล้ว” พูดจบนักบินก็หลับตาลงทันที เขาไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งอีกฝ่าย แต่ตอนนี้กำลังรู้สึกว่า การมีใครบางคนอยู่ใกล้ๆให้กอดอย่างนี้มันช่างรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

            “จะนอนทั้งอย่างนี้งั้นเหรอ..คุณ”

            ปลาวาฬเอ่ยคัดค้านแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมลืมตาขึ้นมา ดูท่าทางคงจะเอาจริง ปกติแล้วหากมีโอกาสอย่างนี้ เขาไม่เคยปล่อยให้อีกฝ่ายได้อยู่อย่างเป็นสุข แต่นี่คือครั้งแรกที่ไม่คิดอยากจะแกล้งอะไรเลย กลับรู้สึกอยากอยู่อย่างนี้นานๆ เมื่อเห็นนักบินนอนเงียบไปหลายนาทีแล้ว ปลาวาฬก็ค่อยๆซบแก้มลงบนอกแกร่งแล้วหลับตาลง นอนฟังเสียงหัวใจของอีกฝ่ายจนเผลอหลับไปในที่สุด ส่วนนักบินก็ได้แต่นอนยิ้มอยู่อย่างนั้นอย่างอารมณ์ดี

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ปลาวาฬกะยนักบินเค้าเริ่มดีๆกันเเล้ววว

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:

คนท้องอารมณ์แปรปรวนสิน่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
นักบินนี่ก็เข้าหาน้องแบบรุนแรงตลอดดดด ทำตัวเป็นเด็กผู้ชายที่ชอบแกล้งคนที่ชอบไปได้

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทำไมไม่พูดตั้งแต่ต้นว่ามีเมียแล้วฟ่ะ นังเจส  :katai1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
นักบินเริ่มรู้สึกดีกับปลาวาฬแล้ว

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เงิน เจฟ มาม่าชามโตแล้ว~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เจฟฟี่งานนี้มีง้อยาวเลย

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เจฟงานงอกแล้ว ง้อยาวแน่งานนี้

ออฟไลน์ aommyga40

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
❤️::::แม่พันธุ์จำเป็น[MpreG]::::❤️ตอนที่ 13 หวั่นไหว l Up:03-06-2018

​-๑๓-

หวั่นไหว



            หลังจากรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเข้าใจผิด เจฟฟี่ก็รีบขับรถมุ่งตรงมายังร้านเบเกอร์รี่ของพี่สาวอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อมาถึงก็รีบวิ่งเข้าไปหาพี่สาวในร้านด้วยความร้อนใจ ขณะนั้นสายตาคมก็ส่องไปรอบๆร้านเพื่อมองหาคนรักไปด้วย

            “อ้าว! มาส่งเงินถึงที่นี่เลยเหรอยะ” เจสสิก้าเข้าใจว่าน้องชายมาส่งคนรักที่ร้าน

            “ไม่ใช่อย่างนั้น...ผมมาตามหาเงินต่างหากล่ะ เงินอยู่ไหนครับพี่” เจ้าตัวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล ทำให้เจสสิก้ารู้ทันทีว่าทั้งสองกำลังมีเรื่องขัดใจกันแน่นอน

            “เดี๋ยวนะ...เงินไปหาแกที่โรงแรมไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลยนะเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เจสสิก้าเริ่มเป็นห่วงเงินขึ้นมาแล้ว

            “เงินหนีกลับมาเพราะเข้าใจผมผิดน่ะสิ...ไม่น่าเลย” พูดแล้วก็โมโหให้กับตัวเอง เขาไม่น่ายอมไปนั่งทานข้าวกับหญิงเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดเรื่องขึ้นแน่นอน

            “เข้าใจผิดเรื่องอะไรยะหรือว่าแกนอกใจเงิน...บอกฉันมาเดี๋ยวนี้!” เจสสิก้าเริ่มไม่มั่นใจในตัวน้องชายซะแล้ว

            “ไม่ใช่อย่างนั้นพี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ ตอนนั้นผมกำลังสำลักข้าวอยู่หญิงเลยมาช่วยลูบหลังให้ แล้วเงินเดินเข้ามาเห็นพอดีเลยคิดว่าหญิงกำลังกอดผมอยู่” เจฟฟี่เล่าความจริงให้พี่สาวฟัง

            “แล้วคนที่ชื่อหญิงเป็นใครกันยะ...หรือว่าเป็นกิ๊กคนใหม่ของแก” เจสสิก้าพยายามคาดคั้นเอาความจริงจากปากน้องชาย

            “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ หญิงเป็นประชาสัมพันธ์ที่โรงแรม แต่ก็ยอมรับว่าเธอคิดเกินเลยกับผม แต่ผมไม่ได้เล่นด้วยนะ” เจฟฟี่รีบปฏิเสธ

            “ฉันว่าแล้วผู้หญิงที่อยู่ใกล้แกมักจะเป็นแบบนี้ทุกราย...แล้วจะเอายังไงล่ะทีนี้”

            “ผมอยากเจอหน้าเงินอยากอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟัง” เจฟฟี่พูดด้วยความลนลาน และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรจะโทรหาอีกฝ่าย จึงหยิบมือถือขึ้นมารีบกดเบอร์โทรทันที แต่ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของเจสสิก้าก็มีสายโทรเข้ามา เจฟฟี่จึงหยุดชะงักแล้วมองหน้าพี่สาวทันที

            “ไม่ต้องแล้วเงินโทรมาหาฉันพอดี” เจสสิก้าโชว์หน้าจอให้ดู เจฟฟี่รีบยื่นมือจะไปรับสายเองแต่พี่สาวกลับไม่ยอม

            “ทำไมล่ะพี่” เจ้าตัวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ในใจก็รู้สึกคลั่งแทบจะเป็นบ้าแล้ว

            “ฉันจะรับเองย่ะ...ถ้าแกรับมีหวังเงินได้หนีไปอีกแน่” เธอกลัวว่าน้องชายจะทำเสียเรื่องจนเงินเตลอดหนีไป หลังจากกดรับสายแล้วเจสสิก้าก็เปิดลำโพงให้น้องชายได้ยินบทสนทนาด้วย

            “ฮัลโลว่าไงจ๊ะเงิน”

            [“พี่เจสครับคือผม..ขอลางานครึ่งวันได้ไหมครับ”] เงินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

            “เงินเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ แล้วเอาข้าวไปให้เจฟมันรึยังเนี่ย” เธอถามราวกับว่ายังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลย

            [“เอ่อ..เอาไปให้แล้วครับ ตอนนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อยครับ”]

            “แล้วเงินอยู่ไหนจ๊ะตอนนี้”

            [“ผมให้มอสมาส่งที่คอนโดครับ ตอนนี้มอสน่าจะใกล้ถึงร้านแล้ว”]

            “ถ้างั้นก็พักผ่อนเถอะจ้ะพี่ไม่กวนแล้ว..ดีขึ้นตอนไหนค่อยมาทำงานละกันนะ”

            [“ขอบคุณครับพี่เจส”]

            หลังจากเจสสิก้าวางสายไปแล้วเจฟฟี่ก็รีบเอ่ยขึ้นทันที

            “ผมไปก่อนนะพี่”

            “ง้อให้ได้ล่ะแล้วทีหลังก็ระวังตัวด้วย”

            “ครับๆ” เจฟฟี่ตอบรับแล้วรีบวิ่งไปที่รถก่อนจะขับกลับไปที่คอนโดทันที

            เมื่อมาถึงคอนโดแล้วเจฟฟี่ก็รีบขึ้นไปบนห้องทันที เปิดประตูเข้าไปก็เห็นอีกฝ่ายกำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก จึงรีบวิ่งเข้าไปกอดจากด้านหลังเอาไว้ เขาจะไม่ยอมให้เงินจากไปไหนทั้งนั้น

            “เงินกำลังเข้าใจพี่ผิดนะครับ” เสียงเข้มเอ่ยใกล้กับใบหูเพียงเล็กน้อย

            เมื่อรู้ตัวเงินก็พยายามเหวี่ยงตัวสุดแรง หวังจะให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนแกร่ง ตอนนี้เขาไม่สามารถระงับอารมณ์ร้อนลงได้เลย ยิ่งนึกถึงคำสัญญาที่อีกฝ่ายเคยให้ไว้ยิ่งรู้สึกโมโหเข้าไปใหญ่

            “ปล่อยเดี๋ยวนี้ไอ้คนไม่รักษาสัญญาฮึก” พูดไปน้ำตาก็ไหลลงมาด้วย

            “มันไม่ได้เป็นอย่างที่เงินเห็นนะครับพี่อธิบายได้” เจฟฟี่พยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายรับฟัง แต่ตอนนี้คงไม่เป็นผลเพราะยิ่งพูดอีกฝ่ายยิ่งงอแงไม่ยอมท่าเดียว

            “กอดกันซะขนาดนั้นมีอะไรที่ต้องอธิบายอีกเหรอวะฮือๆๆ”

            “ตอนนั้นพี่กำลังสำลักข้าวอยู่หญิงเลยมาช่วยเท่านั้นเอง มันไม่มีอะไรเลยจริงๆนะครับพี่สาบานได้ ตั้งแต่เราคบกันมา เงินก็รู้ว่าพี่ไม่เคยผิดคำพูดแม้แต่ครั้งเดียว เงินต้องเชื่อใจพี่นะครับ” เจฟฟี่พยายามยกเหตุผลต่างๆ นานามาอธิบายให้เข้าใจ

            “แล้วทำไมต้องไปกินข้าวกันแค่สองคนด้วยล่ะ” ตอนนี้เงินเริ่มใจอ่อนลงมาบ้างแล้วหลังจากได้ฟังคำอธิบายจากคนรัก แต่ก็ยังมีเรื่องค้างคาในใจอยู่อีกเล็กน้อย

            “พี่ก็แค่ตัดรำคาญเพราะผู้หญิงคนนั้นมาเซ้าซี้ให้พี่ไปกินข้าวด้วย และที่สำลักข้าวก็เพราะพี่รีบกินอยากออกไปจากตรงนั้นเร็วๆไงล่ะ มันคือเรื่องจริงทั้งหมดพี่ไม่มีทางโกหกเงินแน่” พูดแล้วก็หอมแก้มคนรักทันที

             เงินได้ฟังก็ยืนนิ่งกำลังชั่งใจว่าจะเชื่อดีหรือเปล่า ตั้งแต่คบกันมาเจฟฟี่ไม่เคยมีคนอื่นเลย แถมยังยอมเสียสละในหลายๆอย่างทำเพื่อเขาได้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทำให้คิดว่าตัวเองก็มีส่วนผิด ที่ไม่เชื่อใจอีกฝ่าย เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเขาไม่ควรจะวิ่งหนีมาอย่างนั้นควรจะถามให้แน่ใจเสียก่อน เหตุการณ์นี้ทำให้เงินคิดว่าตัวเองรักเจฟฟี่เข้าให้แล้วสินะ พอรู้ตัวอีกทีก็หึงหวงจนหน้ามืดตาตัวแทบไม่ฟังอะไรเลย

            “ผมจะเชื่อพี่แต่ต้องสัญญาว่าจะไม่ไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นอีกเด็ดขาดเข้าใจไหม” ตอนนี้เงินเริ่มใจเย็นขึ้นมาแล้ว

            “พี่สัญญา...ถึงแม้จะมีใครมายืนแก้ผ้าอยู่ตรงหน้าก็ไม่มีทางหวั่นไหวแน่นอน” เจฟฟี่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น หวังจะให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นในตัวเขาเต็มร้อย

            “ให้มันจริงเถอะ” เงินทุบกำปั้นน้อยๆไปที่อกแกร่งหนึ่งที ใบหน้ารูปไข่ที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างแล้ว

            “คนที่ยืนแก้ผ้าต่อหน้าพี่แล้วทำให้รู้สึกหวั่นไหวได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น...ก็คือเงินไงล่ะ” มาถึงตอนนี้แล้วเจฟฟี่ไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายรอดมือไปได้แน่นอน มาง้อทั้งทีต้องง้อให้ถึงเตียงไม่งั้นถือว่าไม่สำเร็จ

            “หยุดพูดเลย...กลับไปทำงานได้แล้ว” ร่างเล็กเริ่มหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าหื่นนั้น และรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการอะไร

            “กลับให้โง่น่ะสิ...เนื้อกำลังจะเข้าปากเสือแล้วพี่ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆแน่” พูดจบก็อุ้มคนรักขึ้นในท่าเจ้าสาว หลังจากนั้นก็เดินไปที่เตียงแล้ววางร่างเล็กลงอย่างช้าๆ สายตาคมจ้องมองปานจะกลืนกินอีกฝ่ายไปทั้งตัวเสียให้ได้ ไม่นานเจ้าตัวก็เริ่มทำตามสิ่งที่หัวใจเรียกร้องโดยทันที เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมา ทำให้เจฟฟี่รู้ว่าชีวิตคงอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีคนที่กำลังนอนยิ้มหวานอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้

*-*-*-*-*-*-*

            รถหรูกำลังวิ่งมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองแสงสีแห่งแดนตะวันออก ที่นักท่องเที่ยวต่างก็เรียกขานกันว่าเมืองพัทยา นักบินเลือกมาที่นี่เพราะระยะทางกำลังพอดี มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ขับรถจากกรุงเทพไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว

             หลังจากออกเดินทางมาได้สักพักจนเกือบถึงครึ่งทางแล้ว ทำให้ปลาวาฬผู้ที่ตื่นตัวมาตลอดทางเริ่มรู้สึกง่วง เปลือกตาค่อยๆปรือลงจนเกือบจะปิดสนิท แต่ทว่า...

            “นี่นาย!...อย่าเพิ่งหลับสิ” แม้มือทั้งสองจะควบคุมพวงมาลัยรถอยู่ แต่นักบินก็ปรายตามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆตลอด ยิ่งเห็นอีกฝ่ายกำลังจะหลับก็รู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาซะอย่างนั้น

            “คุณมีหน้าที่ขับก็ขับไปสิผมง่วงงง!” ร่างเล็กหันมาชักสีหน้าใส่แล้วหลับตาลงนอนอีกครั้งอย่างไม่สนใจ

            “ไม่เอา! ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้”  นักบินยังเซ้าซี้อีกฝ่ายไม่ยอมหยุด แต่เมื่อเห็นปลาวาฬยังคงนอนเงียบ ก็คิดแผนการปลุกอีกฝ่ายด้วยการเพิ่มระดับเสียงเพลงจนดังกระหึ่มไปทั้งรถ ทำเอาคนที่นอนหลับตาอยู่นั้นถึงกับสะดุ้งตื่นแล้วหันมามองตาขวางทันที

            “โอ้ยยยย!!! จะกวนกันไปถึงไหนเนี่ย ปิดเพลงเดี๋ยวนี้เลยหนวกหูจะแย่แล้ว” ปลาวาฬยกมือเรียวมาปิดหูทั้งสองข้างไว้ด้วยความรำคาญ นักบินจึงยอมลดระดับเสียงเพลงลงก่อนจะยิ้มมุมปาก

            “ห้ามนอนเด็ดขาดฉันไม่มีเพื่อนคุย กว่าจะถึงก็อีกนานเลยนะ ถ้าฉันง่วงจนหลับในจะทำยังไง” นักบินเอาเรื่องความปลอดภัยมาอ้าง แต่ที่จริงแล้วอยากจะฟังเสียงของอีกฝ่ายไปตลอดทางต่างหาก

            “ปากเหรอนั่น...กวนขนาดนี้คงจะหลับลงอยู่หรอก เอาแต่ใจจริงๆเลยคุณเนี่ย...รู้งี้ไม่มาด้วยตั้งแต่แรกก็ดี” ว่าแล้วก็ทำหน้าบึ้งตึงนั่งกอดอกแล้วมองตรงไปข้างหน้า นักบินปรายตามองอีกฝ่ายผ่านแว่นกันแดดแล้วยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ในที่สุดเขาก็เอาชนะจนได้

            “ถึงนายไม่มาฉันก็จะบังคับให้มาจนได้  อย่าลืมว่าฉันสั่งอะไรนายก็ต้องทำตาม”

            “คร้าบบบเจ้านาย..เชิญสั่งได้ตามสบายเลย...พอใจรึยัง” ร่างเล็กหันไปตวาดใส่เสียงดัง

            “ยัง!”

            “อะไรอีกล่ะเนี่ยยย” เมื่อโดนอีกฝ่ายกวนไม่ยอมหยุดปลาวาฬก็ปรี๊ดแตกขึ้นมาทันที ตามด้วยการแผ่รังสีอำมหิตผ่านดวงตาคู่สวยไปให้

            “ฉันหิวน้ำอ่ะป้อนหน่อยดิ” 

            “มีมือก็หยิบกินเองดิ” ปลาวาฬยังคงนั่งกอดอกอยู่อย่างนั้นไม่ยอมขยับเขยื้อน

            “ตาบอดรึไงฉันขับรถอยู่”

            “ก็จอดก่อนสิ” ร่างเล็กทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ยังไงซะเขาก็ไม่มีทางยอมทำตามที่นายนั่นสั่งแน่นอน

            “ถ้าฉันจอดรถ ฉันสาบานเลยว่าจะไม่ดื่มแค่น้ำแน่นอนคิดเอาเองก็แล้วกัน” คำพูดที่เอ่ยขึ้นเปรียบเหมือนเป็นคำขู่กลายๆ

            “อย่ามาขู่กันซะให้ยากเลย” แม้จะยังคงนั่งนิ่งแต่ในใจกลับรู้สึกหวั่นๆ เพราะเวลาที่โดนขู่มักจะตามมาด้วยการถูกคุกคามทุกครั้งไป

            “ก็แล้วแต่นายนะ จะเอาอย่างนั้นก็ได้เดี๋ยวฉันจะจอดรถข้างหน้านี้แล้ว” ว่าแล้วนักบินก็ตีไฟเลี้ยวทันที

            “ดะ...เดี๋ยวคุณ ผมป้อนให้ก็ได้ถ้าจอดเดี๋ยวจะถึงช้าไปอีก” ปลาวาฬหยิบขวดน้ำที่วางอยู่ตรงข้างคนขับขึ้นมา แล้วเปิดฝาออกยื่นเข้าไปจ่อที่ปากของอีกฝ่าย “อ่ะ”

            “ไกลไปเอาเข้ามาใกล้กว่านี้หน่อยดิ” นักบินออกคำสั่ง

            “เรื่องมากจริงๆเลยคุณเนี่ย” ปลาวาฬถอนหายใจเสียงดังแล้วจับหลอดยื่นเข้าไปในปากของอีกฝ่าย จากนั้นนักบินก็ดูดเข้าไปสองสามอึก

            “ฉันอิ่มแล้ว...ขอบใจ”

            “กองไว้ตรงนั้นล่ะ” ปลาวาฬตอบเสียงห้วนสั้นแล้ววางขวดน้ำลงไว้ที่เดิม

            “ฉันกองไว้แล้วอย่าลืมมาเก็บเอาล่ะ” พูดแล้วก็ขำออกมาเบาๆ

            “ตลกล่ะ แล้วนี่อีกนานป่ะกว่าจะถึง” ปลาวาฬขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงจึงหาเรื่องอื่นที่มีประโยชน์กว่านี้คุย

            “ใกล้แล้วล่ะทำไมตื่นเต้นเหรอ”

            “ก็...นิดหน่อย” ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยได้สัมผัสกับน้ำทะเลเลยแม้แต่สักครั้ง เพราะมัวแต่ทำงานไม่ได้มีเวลาได้ไปเที่ยวไหนเหมือนคนอื่นๆ นั่นทำให้ตอนนี้คิดถึงเพื่อนรักขึ้นมาทันที ถ้าได้มาด้วยกันคงจะดีไม่น้อย

            “ทำไมทำหน้างออย่างนั้นล่ะ ไหนบอกว่าตื่นเต้นไง” นักบินปรายตามองร่างเล็กก็เห็นว่ากำลังทำหน้างองุ้มเหมือนกำลังมีเรื่องกลัดกลุ้มอยู่ในใจ

            “คิดถึงเพื่อนอ่ะอยากให้มันมาเที่ยวด้วย”

            “แล้วทำไมไม่ชวนมาด้วยกันล่ะ”

            “ไม่เอาหรอก...ผมไม่อยากให้เพื่อนผมเจอคนบ้าบออย่างคุณ เอาไว้หลังจากคลอดแล้วค่อยพามันมาดีกว่า” พูดแล้วก็เบะปากกลอกลูกตาไปมา ทำเอาคนที่กำลังขับรถอยู่ถึงกับคันไม้คันมือขึ้นมาทันที เขามันไม่ดีในสายตาอีกฝ่ายขนาดนั้นเลยเหรอ เจ้าตัวคิดในใจ

            “อยากเป็นอิสระเต็มทนแล้วว่างั้นเถอะ” นักบินกระแทกเสียงใส่อย่างประชดประชัน

            “แน่นอน” ปลาวาฬตอบกลับอย่างไม่ได้คิดอะไร

            “ถ้างั้นก็ต้องรอนานหน่อยนะ เพราะกว่านายจะคลอดก็อีกหลายเดือน หวังว่าคงจะไม่อกแตกตายก่อนหรอกนะ” นักบินเอ่ยประชดประชันอีกรอบ

            “ไม่ว่าจะนานแค่ไหนผมก็รอได้” ปลาวาฬพูดเพื่อเอาชนะอีกฝ่ายเท่านั้นเอง แต่ในใจกลับเริ่มรู้สึกว่าการมีนักบินอยู่ข้างๆทุกวัน ก็ทำให้ชีวิตดูมีรสชาติมากยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

            “นอนเถอะถ้าถึงแล้วฉันจะปลุกเอง” ยิ่งปลาวาฬพูดตัดรอนออกมาให้ได้ยินนักบินยิ่งรู้สึกไม่ดี จึงตัดปัญหาด้วยการให้อีกฝ่ายนอนงีบสมใจอยาก จะได้ไม่ต้องเสียสมาธิในการขับรถ

            “ผีเข้าผีออกนะคุณ”

            “หรือไม่อยากนอนแล้ว ฉันจะได้กวนอีก”

            “หยุดเลยแล้วก็อย่ามากวนผมอีกล่ะ” พูดจบเจ้าตัวก็เบนหน้าหนีแล้วหลับตาลง ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราปล่อยให้นักบินขับรถไปด้วยความขุ่นข้องหมองใจ

            ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นนักบินก็ขับรถมาถึงโรงแรม เมื่อจอดรถแล้วเจ้าตัวก็หันไปมองไอ้เด็กดื้อที่นั่งหลับอยู่ข้างๆ ก่อนจะยิ้มมุมปากแล้วก้มหน้าลงไปไซร้ซอกคอขาวแทนการส่งเสียงปลุก

            “อื้อ...คนจะนอน” ปลาวาฬส่งเสียงอู้อี้ออกมาขณะยังคงหลับตาพริ้มไม่ยอมตื่น มือเรียวที่ปัดป่ายไปมานั้นถูกรวบเอาไว้จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

            นักบินยังคงสูดกลิ่นความหอมหวานอยู่อย่างนั้นไม่ยอมหยุด ตอนแรกคิดแค่ว่าจะแกล้งแต่ตอนนี้กลับไม่สามารถหยุดการกระทำของตัวเองได้เลย จากซอกคอขาวก็เลื่อนขึ้นมาบนใบหน้าทำให้คนที่นอนสะลึมสะลืออยู่นั้นเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา

            เมื่อปลาวาฬลืมตาขึ้นมาก็พบกับใบหน้าหล่อคม กำลังคลอเคลียบนใบหน้าของตัวเอง ด้วยความตกใจเจ้าตัวจึงสบถคำหยาบออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

            “เหี้ยยยย!!”

            “ตื่นขึ้นมาก็ปากดีเลยเหรอฮึ” นักบินเอ่ยเสียงเบาข้างใบหู มือหนายังคงตรึงข้อมือเรียวเอาไว้

            “คุณคิดจะทำอะไรผม...ในรถก็ไม่เว้นไอ้คนโรคจิต!”

            “นายคิดไปเองรึเปล่าใครจะมาทำอะไรแบบนั้นบนรถ ฉันก็แค่ปลุกนายเท่านั้นเอง” นักบินเอ่ยแก้ตัวแล้วกลับมานั่งที่เดิม

            “คนธรรมดาเขาไม่ปลุกกันแบบนี้หรอกมีแต่คนหื่นๆอย่างคุณนั่นล่ะ” ปลาวาฬตวาดแหวใส่

            “ไม่ต้องพูดมากถึงแล้วรีบลงไปซะ” พูดจบนักบินก็เปิดประตูรถลงไปก่อน

            “โหววว..โรงโรมสวยมากเลยอ่ะ” เมื่อเห็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวปลาวาฬก็มองด้วยความตื่นตาตื่นใจ นี่คือครั้งแรกที่มีโอกาสได้มาพักในสถานที่หรูหราอย่างนี้

            “ตามฉันมาจะได้รีบเข้าไปเช็คอินกัน” ว่าแล้วก็เดินนำหน้าเข้าไปในโรงแรม ส่วนปลาวาฬก็มองซ้ายมองขวาราวกับเป็นต่างด้าวเข้ากรุงอะไรเทือกนั้น

นักบินจัดการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมจนเรียบร้อยแล้วก็รับกุญแจห้องมา หลังจากนั้นก็เดินตามพนักงานของทางโรงแรมเพื่อขึ้นไปยังห้องพัก

            “คุ๊ณ!!! ดูสิเห็นวิวทะเลด้วยอ่ะ” เมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้วก็ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศภายในห้องพักอีกครั้ง เพราะนอกจากจะมีความหรูหราแล้ว ยังมองเห็นวิวสวยๆของทะเลแบบพาโนรามาอีกด้วย

            “ตื่นตูมจริงๆนะนายเนี่ย” ชายหนุ่มยิ้มกริ่มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพอใจกับการมาเที่ยวในครั้งนี้ซะเหลือเกิน แสดงว่าตอนนี้คงจะหายเครียดแน่นอนแล้วสินะ

            “คนขาดโอกาสอย่างผมเจออะไรก็ต้องตื่นตูมเป็นธรรมดา คนรวยอย่างคุณจะไปเข้าใจอะไร” พูดพร้อมกับมองค้อนใส่แล้วเดินไปนั่งบนเตียง

            “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อย นายชอบคิดไปเองอยู่เรื่อย” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พอใจนักบินก็รีบอธิบายว่าไม่ได้มีเจตนาจะพูดดูถูกจริงๆ

            “แล้วหมายความว่ายังไงอธิบายมาสิ ถ้าพูดไม่ถูกใจผมเอาคุณตายแน่” ตอนนี้ปลาวาฬเริ่มคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่แล้ว

            “ก็ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกนายไง เรามาเที่ยวกันนะอย่าทำให้เสียบรรยากาศดิ”

            “คุณนั่นล่ะชอบทำให้เสียบรรยากาศอยู่เรื่อย” ว่าแล้วก็แยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายทันที

            “เอาล่ะๆช่วงสองสามวันนี้ฉันจะพยายามไม่ทำให้นายอารมณ์เสียก็แล้วกัน เดี๋ยวลูกฉันจะติดนิสัยนายมาด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นคงจะแย่น่าดู” พูดยังไม่ทันขาดคำนักบินก็ลืมตัวพูดให้อีกฝ่ายโมโหขึ้นมาอีกครั้ง

            “ใช่สินะถ้าผมไม่ตั้งท้องลูกของคุณอยู่ คงจะทำอะไรต่อมิอะไรให้ผมเจ็บตัวไปแล้วสินะ” เมื่อนักบินเอาเรื่องลูกมาอ้างก็ทำให้ปลาวาฬก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที ทั้งที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์จะไปเรียกร้องอะไรเลย

            “นายนี่มันชอบคิดอะไรไปเองจริงๆ ฉันก็ห่วงนายไม่ต่างจากลูกหรอกเพราะอย่างน้อยนายก็....” นักบินเกือบหลุดคำว่าแม่ของลูกออกจากปาก เขาเริ่มไม่ค่อยแน่ใจกับสถานะของอีกฝ่าย ว่าจะเป็นแม่ของลูกหรือเป็นแค่คนรับจ้างอุ้มท้องเท่านั้น

            “ก็เป็นแค่คนรับจ้างอุ้มท้องใช่ไหมล่ะ ผมเข้าใจเอาเป็นว่าผมจะพยายามเจียมตัวก็แล้วกัน” พูดจบก็นอนลงบนเตียงแล้วหลับตาลงทันที ไม่รู้เขาเอานิสัยขี้งอนพวกนี้มาจากไหนกัน หวังว่านายนั่นคงไม่คิดว่าเขากำลังให้ท่าอยู่หรอกนะ

            นักบินเองก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นอาการงอนของอีกฝ่าย เพราะแต่ก่อนจะมีแต่ชอบแกล้งและกวนตีนเขาเท่านั้นเอง ไอ้อาการนี้มันเหมือนคนเป็นแฟนกำลังงอนกันซะอย่างนั้น หรือว่าเขาควรจะง้อ....

            “นายอย่าคิดมากสิวันนี้เรามาเที่ยวกันนะ” นักบินเดินไปนั่งบนเตียงแล้วนอนซ้อนหลังเอื้อมมือหนาไปรั้งที่เอวคอดเอาไว้แน่น ใบหน้าคมก็ซุกไซร้ที่เรือนผมอย่างถือวิสาสะ การถึงเนื้อถึงตัวปลาวาฬเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาไปแล้ว

            “คุณจะขึ้นมาทำไมเนี่ยยย แล้วก็เอามือสกปรกของคุณออกไปด้วย” ร่างเล็กหันหลังกลับไปมองอีกฝ่าย พร้อมส่งสายตาดุให้ทันที

            “ก็เห็นนายกำลังงอนฉันอยู่เลยจะมาง้อไง” นักบินตอบกลับด้วยสีหน้าระรื่น

            “ใครงอนคุณจะบ้าเหรอผมก็แค่...ง่วงเท่านั้นเอง”

            “ถ้าง่วงก็นอนด้วยกันนี่ล่ะฉันเองก็เริ่มเพลียๆแล้วเหมือนกัน” พูดจบก็กระชับตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แน่นยิ่งขึ้น แล้วโน้มใบหน้าคมไปหอมแก้มหนึ่งฟอด “หอมจัง”

            คนที่นอนขดตัวในอ้อมกอดหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที ไม่รู้ทำไมยิ่งนานวันเขายิ่งรู้สึกเหมือนเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว หากวันไหนไม่โดนกอดโดนหอมแก้มเหมือนมันขาดอะไรไปสักอย่าง หวังว่าเขาคงไม่ได้ชอบนายคนนี้ไปแล้วหรอกนะ

            “ปล่อยดิ” แทนที่จะตะโกนด่าเหมือนทุกครั้ง แต่ปลาวาฬกลับเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

            “ตื่นแล้วค่อยปล่อยละกันนะ...เดี๋ยวจะพาไปเล่นน้ำทะเลดีไหม” นักบินเองก็ตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น ฟังแล้วอีกฝ่ายแทบจะละลายกองอยู่ตรงนั้นเสียให้ได้

            “อื้ม” คนที่อยู่ในอ้อมกอดตอบรับเสียงเบา ก่อนจะหลับตาลงแล้วยิ้มน้อยๆออกมา

            นักบินได้ใจจึงโน้มใบหน้าคมเข้าไปสูดกลิ่นกายที่หอมเป็นเอกลักษณ์ของอีกฝ่าย ทั้งซอกคอและแก้มขาวนวลอย่างพอใจ เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้ความรู้สึกที่มีต่อปลาวาฬคืออะไรกันแน่ เพราะหัวใจมันเต้นแรงทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้กันและมีความต้องการตลอดเวลาเมื่อได้สัมผัสกับเรือนร่างนี้...

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รักปลาวาฬแล้วละสิ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คู่หนึ่งงอน อีกคู่หึง เอาเข้าไป งอนกับหึงให้หนัก ๆ เลยนะ  :hao3:

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เริ่มรักกันแล้ว  :mew2:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อ่าาาาาา ต่างคนต่างหวั่นไหว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด