★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★C H O R A K A★ #จรกาคนงาม - ★★Special C H 02★ทายาทอสูร[02.07.61]  (อ่าน 144528 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
บ้าไม่หยุดไม่หย่อน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ิีปวดตับกับอารมณ์ของอีพี่อิน  :a6:

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
รัศมีผัวมันไม่ได้หายไปแต่มันไม่มีตั้งแต่แรกแล้ว5555 อิบ้าาาาาาา ทำไมจิระต้องเจอคนแบบนี้
ฮือนว้องจิของปี้น่าฉงฉานยัยตัวเย็ก

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ยังอยากรู้ความลับ ของอิเหนา บุษบา
และสังคามาระตา อยู่นะ

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ความบ้าของอิพี่นี่นะ....

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
น้องสีของพี่ยาก็มา
จรกาคนงามไม่ต้องเครียดนะ
ให้อิพี่อินทราขาต๊องรั่วคนเดียวพอ
 :mew1:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
อีพี่อินทร์แกมันบ้า


 :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
สมใจแล้วสินะพี่อินทร์ถึงได้กลับมาบ้าเหมือนเกิมแล้วเนี่ย แต่ก็ยังสงสัยความลับที่ปิดจิไว้อยู่นะ จะใช่อย่างที่คิดรึเปล่า

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 16: หากไม่ดูเป็นการรบกวน ก็จะชวนเธอมา...กัน

 

เป็นแฟนกับพี่อินทร์... ถ้าไม่นับเรื่องที่เขาคืออิเหนากลับชาติมาเกิดก็ถือว่าเขาเป็นแฟนที่ดีเลยล่ะ ผมไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะยังอยู่ในช่วงโปรโมชันหรือเปล่า เขาถึงได้ดูแลผมดีขนาดนี้ แต่ที่รู้ๆ คือตอนนี้เขาแทบจะเป็นเงาตามตัวผมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็จะต้องมีเขาอยู่ด้วยทุกครั้ง ตอนนี้ทั้งมหาวิทยาลัยเลยรู้กันถ้วนหน้าเลยว่าเดือนมหาวิทยาลัยปีก่อนมีแฟนเป็นผู้ชาย

ลือสะพัดไปทั่วจริงๆ ในเพจคิวท์บอยอะไรหรอกมหาวิทยาลัยก็มีพูดถึงเรื่องนี้ บอกตามตรงว่าผมรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกันกับสายตาของคนอื่นที่มองมา แต่สำหรับพี่อินทร์แล้ว เขาไม่แคร์อะไรทั้งนั้น แถมยังบอกผมด้วยว่า...

‘รู้กันทั้งมหา’ลัยก็ดี จะได้ไม่มีคนมายุ่งวุ่นวายกันยัยตัวเย็กของป่าปี๊อีก’

ผมก็เลยต้องทำเฉยตามเขาไปด้วย แต่...มันก็มีความสุขดีนะ

ตอนนี้เพื่อนเขาอย่างพี่บุศย์กับน้องรหัสอย่างสรัลก็รู้แล้วด้วยว่าผมกับพี่อินทร์เป็นอะไรกัน สองคนนั้นดีใจกันยกใหญ่ พูดไม่หยุดด้วยว่าไม่เสียแรงเปล่า ผมก็รู้อยู่หรอกว่าสองคนนั้นเป็นลูกทีมคอยช่วยให้พี่อินทร์จีบผมติด ทว่าพอได้เห็นหน้าพี่บุศย์แล้ว ผมก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กๆ

ชาติก่อนได้ให้สัตย์สัญญาไว้ก่อนตายว่าจะรักมั่นเพียงบุษบา แต่น้ำคำกลับไหลย้อน จรกาไปมีใจให้อิเหนา เป็นแบบนี้แล้วจะไม่ให้รู้สึกผิดได้ยังไง

พอมีโอกาสได้อยู่กับพี่บุศย์สองต่อสอง ผมก็อดไม่ได้ที่จะสารภาพความจริงไปกับเขา

“คือ...จริงๆ แล้วจิเคยชอบพี่บุศย์นะครับ”

ใช้คำว่า ‘เคย’ เพราะตอนนี้ผมรู้ตัวว่าไม่ได้รักเขาในแบบที่มันควรจะเป็น แต่ยังคงรักและชอบในฐานะพี่น้อง หรือไม่ก็คนที่ผูกพันด้วย

พี่บุศย์มองหน้าผมพร้อมกับยิ้มให้ประโยคนั้นก่อนตอบเสียงเรียบ

“พี่รู้อยู่แล้วล่ะ”

“เอ๋?”

“รู้มาตั้งแต่ที่เจอหน้ากันครั้งแรกแล้ว”

ผมนิ่งงันไป ตอนนี้เลยเข้าใจทันทีว่าตลอดมา เขาทำเป็นไม่รับรู้ความรู้สึกผมมาโดยตลอด แล้วก็เข้าใจเหตุผลของเขาได้หลังจากนั้น

“แต่ไอ้อินทร์มันก็ชอบจิมานานแล้วเหมือนกัน ดีแล้วล่ะที่จิยอมเป็นแฟนมัน ไม่อย่างนั้นพี่คงถูกมันกวนใจให้หาทางพาจิไปเจอมันทุกวันแน่”

พี่อินทร์ชอบผมมานาน... เดาว่าคงตั้งแต่เจอกันที่ร้านกาแฟวันนั้น แต่ทว่า...

“รักไอ้อินทร์มันมากๆ นะจิ มันรอจิมานานมากจริงๆ”

พี่บุศย์พูดขึ้นมาอีก ผมเลยอดสงสัยไม่ได้

“ตั้งแต่ที่เจอหน้ากันที่ร้านกาแฟเหรอครับ”

“เปล่า”

“เห?”

“นานกว่านั้น”

“หรือจะเคยเจอจิก่อนหน้านั้น?”

พี่บุศย์ยิ้มให้ผม “ใช่ มันชอบจิมานานจริงๆ นาน...เกินกว่าที่จิจะคาดเดาได้อีก”

ผมสงสัยหนักขึ้นกว่าเดิมอีก แต่ก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อ แค่นี้ก็กวนเวลาพี่บุศย์มากพอแล้ว อีกอย่าง พี่อินทร์ก็มารับผมพอดี บทสนทนาของเราจึงยุติแต่เพียงเท่านี้ อย่างที่บอกว่าพี่อินทร์ตามติดผมเป็นเงา วันนี้เลยเป็นอีกวันที่เขาไปใช้เวลากับผมที่หอ

ใช่...หอของผมนี่แหละ วันดีคืนดีก็มาค้างด้วย หลังๆ ค้างคืนแทบทุกวัน อีกนิดเดียวก็จะเก็บเสื้อผ้าเสื้อผ่อนมาอยู่กับผมแล้ว

แต่ก่อนจะกลับมาที่หอ พี่บุศย์ขอให้พี่อินทร์ขับรถพาไปส่งที่โรงเรียนสอนพิเศษของน้อง เพราะวันนี้เขาต้องกลับบ้านตามด้วยนัดไปกินข้าวกับครอบครัวไว้ แต่รถของเขาส่งไปซ่อมที่ศูนย์ แล้วก็ไม่อยากนั่งแท็กซี่ไปเอง พี่อินทร์เลยตอบรับคำขอนั้นเป็นการตอบแทนที่ช่วยเรื่องผม

ส่วนน้องของพี่บุศย์ก็ศิลา... ครับ ผมหมายถึงสียะตรา

เรื่องที่สียะตรากับอิเหนาเคยมีซัมธิงกันมาเมื่อชาติก่อน อันนั้นผมก็กังวลเหมือนกันนะ แต่พอเห็นว่าสียะตราเพิ่งจะอยู่แค่ ป.4 ผมก็เลยคลายความกังวลลงไป ทว่าก็มีบ้างที่อดหงุดหงิดใจไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเห็นศิลาสนิทสนมกับพี่อินทร์มากเกินไป

“พี่อินทร์ ศิคิดถึงจัง!”

เจอหน้าปุ๊บก็กระโดดกอดพี่อินทร์ปั๊บ แทนที่จะกระโดดกอดพี่ตัวเอง ผมยืนมองแล้วก็ได้แต่ย่นคิ้ว

เอาน่า นั่นมันเด็กนะ พี่อินทร์คงไม่คิดอะไรหรอก

แต่ทว่า...

“พี่อินทร์ก็คิดถึงศิครับ”

กอดแน่นเชียวนะมึง!

ผมถึงกับเบือนหน้าหนี พยายามจะบอกตัวเองแหละว่าอีกฝ่ายยังไม่ถึงสิบขวบเลย แต่เพราะข่าวลือในอดีตชาติของอิเหนากับสียะตรามันวนเวียนอยู่ในหัวผม ผมเลยอดไม่ได้ที่จะหัวเสีย

เออ หึง!

ผมหึงพี่อินทร์กับเด็ก ป.4 เนี่ย!

ดีที่โมเมนต์นั้นเกิดขึ้นไม่นานนัก คนขับรถบ้านพี่บุศย์มารับพอดี พี่อินทร์ก็เลยชวนผมกลับ แล้วผมก็ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่อินทร์กับศิลาตอนเขาขับรถกลับว่าตอนที่ศิลายังเด็ก ด้วยความที่พี่บุศย์กับน้องมีอายุห่างกันมาก เขาเลยเข้ากับน้องได้ไม่ดีสักเท่าไร พี่อินทร์ไปเล่นกับพี่บุศย์ที่บ้านบ่อยๆ ก็เลยพลอยเล่นกับศิลาไปด้วย พูดง่ายๆ ว่าพี่น้องสองคนนั้นสนิทกันขึ้นมาได้ก็เพราะพี่อินทร์เป็นกาวใจนี่แหละ ผมก็ไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมศิลาถึงติดพี่อินทร์

ก็บ้าๆ บอๆ ต๊องๆ แบบนี้ ดูไม่มีพิษมีภัย เด็กๆ คงจะชอบล่ะนะ

ทว่า...ถึงจะเข้าใจ ผมก็ยังหงุดหงิดใจอยู่ดี พอกลับมาถึงหอแล้ว ผมก็ยังคิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องนั้น ยิ่งต้องมานั่งทำเปเปอร์ชีตวิเคราะห์ตัวละครในเรื่องอิเหนาที่เป็นหนึ่งในบทเรียนของเทอมนี้ด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งหัวเสียมากขึ้นไปใหญ่

ทำไมไอ้อิเหนามันถึงได้เจ้าชู้จังวะ!

นั่งจ้องชีตเรียนตรงหน้าแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น จนพี่อินทร์ที่เพิ่งเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ บนโซฟาเมื่อกี้นี้

“เป็นอะไรน่ะ ทำหน้ากระรอกงี้ การบ้านยากเหรอ”

ผมหันไปมองเขาพลันส่ายหน้า

“แล้วทำหน้ากระรอกทำไมหืม?”

บอกว่าเป็นเพราะหึงเขากับศิลาได้ไหมล่ะ! ก็ไม่ได้ไง ผมเลยได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วมองชีตเรียนอย่างรำคาญใจอีกครั้ง

“อ้าว ถอนหายใจใส่ซะงั้นอะ เป็นอะไรครับคนดี ไหนๆ ใครทำให้จิอารมณ์เสีย ฟ้องพี่สิครับ”

พี่อินทร์ขยับเข้ามากอดเอวผม เอาคางเกยที่ไหล่ ว่ากระเซ้าน้อยๆ ผมเหลือบไปมองแล้วก็เอ่ยปากออกมา

“พี่อินทร์ไม่ชอบพระเอกในวรรณคดีไทยเรื่องไหนที่สุดครับ”

พี่อินทร์เลิกคิ้วสูงทันควัน “หืม? จู่ๆ ถามอะไรเนี่ย”

“จิแค่อยากจะชวนพี่อินทร์คุยน่ะ”

พอผมพูดไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็ยิ้มน้อยๆ

“อย่าบอกนะว่าที่ทำหน้ากระรอกเป็นเพราะการบ้านยาก? อยากให้พี่ช่วยทำการบ้านเหรอ”

พลางพยักพเยิดไปยังชีตเรียนกับโน้ตบุ๊กที่อยู่บนโต๊ะตรงหน้าผม ผมเลยพยักหน้ารับ ความจริงเปเปอร์ชีตวิเคราะห์ตัวละครในวรรณคดีอะไรนั่น มันไม่เหนือบ่ากว่าแรงผมหรอก ผมทำเองโดยไม่ต้องมีใครมาช่วยได้ แต่ที่ถามออกไปอย่างนั้นเพราะยังตะขิดตะขวงใจมากกว่า

ใช่... ตะขิดตะขวงใจเรื่องวันนี้แหละ ยอมรับตามตรงเลยก็ได้ ถ้าไม่พูดออกไป มีหวังอกแตกตายแน่นอน ต่อให้พูดตรงๆ ไม่ได้ พูดอ้อมๆ ก็เอาวะ

“อืม... พี่ไม่ชอบขุนแผน”

พี่อินทร์ตอบ ผมก็เลยหันไปมองหน้าเขา

“ทำไมอะครับ”

“ขุนแผนเจ้าชู้”

มึงก็เจ้าชู้!

ผมยอกย้อนเขาในใจ ขุ่นใจขึ้นมาอีกนิดด้วย ก่อนที่พี่อินทร์จะย้อนถาม

“แล้วเราล่ะ ไม่ชอบใครหืม?”

ผมก็ตอบโดยไม่ต้องคิดเลย “อิเหนา”

“ทำไมล่ะ”

“เจ้าชู้ นิสัยน่ารังเกียจ”

พอย้อนไปแบบนี้ พี่อินทร์ก็ย่นคิ้ว “เจ้าชู้นี่เป็นเรื่องปกติของผู้ชายสมัยก่อนมั้ง พี่เคยได้ยินว่าในสมัยก่อน ถ้าผู้ชายมีเมียเยอะ มันจะแสดงถึงอำนาจบารมีว่ามีมากพอที่จะดูแลบรรดาเมียๆ ได้ เป็นการโชว์ให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองมีอำนาจวิธีหนึ่ง”

ก็ใช่ พี่อินทร์พูดถูก มันเป็นเรื่องอุดมคติทางเพศของคนสมัยก่อนนั่นแหละ แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะค่อนขอดไง

“แต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปที่ไหน ได้เมียที่นั่นอะ คลำเจอหัว ไม่เจอหางก็เอาเป็นเมียหมด แบบนี้จิว่าไม่ไหวมั้ง”

“อิเหนาเจ้าชู้ พี่ไม่เถียงเพราะมีเมียเยอะจริง”

“ใช่ มีหลักๆ เลยสิบคน”

ผมสวนขึ้น พี่อินทร์ก็ทำหน้าตาประหลาดใจอีกครั้ง

“สิบเลยเหรอ”

“ครับ” จากนั้นผมก็เริ่มร่าย “มีจินตะหราวาตีเป็นประไหมสุหรี[1]ฝ่ายขวา ตอนแรกอิเหนาหมั้นอยู่กับบุษบา แต่ไปงานพิธีถวายพระเพลิงพระอัยยิกาแล้วเจอกัน ก็เลยเอาเขามาเป็นเมีย อีกคนก็บุษบาหนึ่งหรัดเป็นประไหมสุหรีฝ่ายซ้าย คนนี้ถอนหมั้นไปแล้ว แต่พอไปเจอหน้าก็ดันชอบ เลยเอาเขามาเป็นเมียอีก ไปแย่งมาตอนที่บุษบาเป็นคู่หมั้นคนอื่นไปแล้วด้วย”

คนอื่นที่ว่าก็คือผมในชาติก่อนนี่แหละ พี่อินทร์ก็แอคติ้งตอบรับคำพูดผมใหญ่เลย

“ต๊าย คนเจ้าชู้~”

ผมล่ะหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ

มึงนั่นแหละ! มึงเลย!

แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากเล่าต่อเท่านั้น

“นอกจากนั้นก็ยังมีสะการะวาตีกับมาหยารัศมีก็เป็นมะเดหวี[2]ฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย สองคนนี้ได้เป็นเมียตอนที่ปลอมเป็นโจรป่าที่ชื่อว่ามิสารปัณหยี ตอนนั้นตัวเองกำลังกลับไปหาจินตะหราด้วยซ้ำ มาหยารัศมีนี่เป็นพี่สาวของน้องชายบุญธรรมคนสนิทอิเหนาด้วยนะ ก่อนจะเจอพี่สาวก็มีซัมธิงกับน้องชายด้วย พูดได้ว่าเอาทั้งพี่ทั้งน้อง”

พี่อินทร์ยิ้มแหยออกมา ไม่รู้ทำไมผมถึงได้สะใจขึ้นมานิดๆ เล่าต่อเป็นการใหญ่

“แล้วก็มีบุษบาวิลิศ เป็นมะโต[3]ฝ่ายขวา คนนี้เป็นธิดาของเจ้าเมืองประหมัยที่เป็นน้องชายคนสุดท้องของท้าวกระหมังกุหนิง พอพี่ชายแพ้รบให้อิเหนาก็เลยยกธิดาให้บุษบากันจะหนาเป็นมะโตฝ่ายซ้าย คนนี้ได้มาเพราะเห็นว่าหน้าตาคล้ายกับบุษบาหนึ่งหรัดด้วยนะ อิเหนาถึงอยากได้ ได้มาตอนปลอมเป็นโจรป่าเหมือนกัน”

“โอ้...”

“มีรัตนาระติกา เป็นลิกู[4]ฝ่ายขวา เป็นธิดาของน้องชายของท้าวกะหมังกุหนิงเหมือนกัน พอรบแพ้ก็เลยยกธิดาให้ ลิกูฝ่ายซ้ายก็คืออรสา คนนี้เป็นธิดาท้าวปะตาหลัง ยกให้อิเหนาตอนอิเหนาปลอมตัวเป็นโจรป่า ตอนปลอมเป็นโจรป่านี่ได้เมียสี่คนละนะ”

“...”

“ส่วนสองคนสุดท้ายคือสุหรันกันจาส่าหรี เป็นเหมาหลาหงี[5]ฝ่ายขวา ท้าววะลาหงิดยกให้ตอนอิเหนาขึ้นครองกุเรปัน คนสุดท้ายหรือหายาหยา เหมาหลาหงีฝ่ายซ้าย ธิดาท้าวประตาหลังที่เข้าถวายตัวตอนอิเหนาขึ้นครองราชย์แล้ว”

“...”

“ไหนจะมีพวกที่ยังไม่ได้พูดถึง แล้วก็มีพวกผู้ชายรูปงามด้วยนะ ไหนจะสังคามาระตา ไหนจะสียะตา แล้วก็...”

“จิระ พี่ว่าพอก่อน ปวดหัวมาก หลางๆ หยางๆ หลีๆ หลาๆ เต็มไปหมดเลยเนี่ย”

พี่อินทร์แทรกขึ้นก่อนที่ผมจะพูดจบ ผมเลยได้แต่ยกยิ้มที่มุมปาก นี่ถ้าเขารู้ว่าตัวเองเป็นใครในอดีตชาตินะ ผมจะคิดว่าท่าทางนี้คือการเบี่ยงประเด็น ไม่อยากพูดถึงความจริง ไม่งั้นไม่เบรกผมอย่างนี้หรอก

“แต่ยังไงพี่ก็ว่าขุนแผนนิสัยน่ารังเกียจกว่านะ อิเหนาถึงจะมีเมียเยอะก็จริง แต่ก็ไม่ได้ฆ่าเมียท้องแก่แล้วควักลูกตัวเองออกมาทำกุมารหรอกเหมือนขุนแผนสักหน่อย”

เรื่องนั้นก็จริงอยู่ ผมไม่เถียงหรอก แต่เพราะผมเป็นจรกาไง ผมเลยอดที่จะค่อนขอดไม่ได้ ส่วนพี่อินทร์ก็ทำปากยื่น เปลี่ยนเรื่องเสียอย่างนั้น

“พี่ว่าคุยเรื่องอื่นดีกว่า คุยเรื่องนี้แล้วพี่ไม่สันทัดเลย ปวดหัว”

“แล้วเมื่อกี้ใครบอกจะช่วยจิทำการบ้าน”

“พี่นี่แหละ อยากช่วยนะ แต่ถ้าเจอหลาๆ หงาๆ อีก พี่คงต้องขอกราบทูลลา”

ผมหัวเราะออกมากับสีหน้าปูเลี่ยนเวลานึกถึงชื่อในภาษาชวาของเขา ก่อนที่จะขยับตัวเล็กน้อยเมื่อพี่อินทร์ยังคงกอดผมแน่นไม่ปล่อย

“แล้วพี่อินทร์อยากคุยเรื่องอะไรกับจิเหรอครับ”

พูดมาอย่างนี้ พี่อินทร์ก็เหลือบมองหน้าผม

“พี่อยากจะถาม”

“ถามว่า?”

“จิอยู่กับพี่ จิมีความสุขหรือเปล่า”

ถ้าไม่นับเรื่องชวนให้ขุ่นใจเล็กน้อยวันนี้ ก็มีความสุขแหละ

ผมพยักหน้ารับทันที พี่อินทร์ก็ยิ้มกว้าง

“แล้วจิอยากอยู่กับพี่ไหม”

ผมพยักหน้าไปอีก แต่พี่อินทร์ก็แย้งขึ้นมาก่อน

“อ๊ะๆ พี่ไม่ได้หมายถึงอยู่ด้วยกันแบบนี้นะ แบบมาเจอกันอะไรอย่างนี้น่ะ”

ผมก็เลยเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “พี่อินทร์หมายถึงอยู่ด้วยกันแบบไหนล่ะครับ”

“ก็...” เขายิ้มกริ่มออกมา กระชับอ้อมกอดแน่น กระซิบข้างหูผม “อยู่ด้วยกันแบบใช้ชีวิตด้วยกันน่ะ ห้องเดียวกันอะไรงี้ จิอยากอยู่กับพี่ไหม”

เดี๋ยวนะ… เขากำลังชวนผมให้ไปอยู่กับเขาเหรอ?

ผมเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อหู ขณะที่พี่อินทร์พยักหน้าหงึกหงักราวกับรู้ว่าผมคิดอะไร

“อื้อ พี่ชวนจิมาอยู่ด้วย ถ้าจิโอเค พี่จะย้ายหอเลย ย้ายไปอยู่กับจิ”

ได้ยินแล้วผมก็ใจเต้นแรงขึ้นมาทันควัน ดีใจก็ดีใจอยู่หรอกที่เขาอยากอยู่กับผม แต่ว่า...

“พี่บุศย์ล่ะครับ”

เออ นี่แหละ ถ้าจู่ๆ พี่อินทร์ย้ายออกมา แล้วพี่บุศย์ล่ะจะทำยังไง

“รายนั้นไม่ต้องห่วงหรอก มันไล่ให้พี่แยกไปอยู่ตั้งนานละ ถ้ารู้ว่าพี่ย้ายออก มันคงปิดหมู่บ้านเลี้ยงโต๊ะจีน”

ผมหัวเราะกับคำแดกดันของเขา แต่ก็พอจะเข้าใจพี่บุศย์อยู่นะว่าทำไมถึงอยากให้พี่อินทร์ย้ายออก

ก็มีรูมเมตบ้าๆ บอๆ แบบนี้ มันก็ไม่ไหวมั้ง ชวนให้ปวดหัวทุกวันอะ

“แล้วจิก็จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย มีคนมาแชร์ด้วยน่ะ พี่ว่าจะอยู่หอเดิมนั่นแหละ อาจจะห้องข้างๆ ห้องเดิมด้วย เห็นยังว่างอยู่”

“แต่จิอยู่หอแถว ม.ไม่ไหวหรอกนะครับ มันแพง”

“จิไม่ต้องจ่ายอะไรเลยก็ได้ แค่ย้ายมาอยู่กับพี่เฉยๆ พี่ก็โอเค”

ถึงตรงนี้ ผมก็ลังเลขึ้นมา ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่กับเขาหรอก แต่ถ้าไปอยู่ด้วยแล้วต้องเอาเปรียบล่ะก็ ผมก็ไม่ค่อยอยากทำน่ะ ทว่า...เงินก็ไม่ค่อยจะมีจริงๆ นะ

“ขอจิคิดดูก่อนได้ไหม”

พอพูดอย่างนี้ พี่อินทร์ก็ย่นคิ้วยู่ทันควัน ก่อนส่งเสียงกระเง้ากระงอด

“ทำไมเหรอจิระ ขอให้มาอยู่กับพี่แค่นี้ต้องคิดหนักเลยเหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น...”

“อยู่กับพี่มันไม่ดีตรงไหน”

ผมยังไม่ทันจะได้อธิบาย พี่อินทร์ก็โวยวายตัดพ้อแล้ว ก่อนจะให้เหตุผลยาวเป็นหางว่าว

“หอที่อยู่ก็หรูหรา ระบบรักษาความปลอดภัยก็ดี อยู่ใกล้ ม.อีกต่างหาก พี่ขับรถไปรับไปส่งก็ได้ ไม่มีตังค์ช่วยแชร์ค่าห้อง มาอยู่กับพี่เฉยๆ ก็ยังได้เลย สะดวกสบายขนาดนี้ ดีจะตายไป”

“ก็ใช่ครับ แต่ว่า...”

“อีกอย่างนั้น เวลาอยากจะ... ก็ทำได้ง่ายๆ เลย ไม่ต้องนัดกันก่อน ไม่ต้องเดินทาง ดีจะตาย”

ไอ้ที่เว้นว่างไปไม่ยอมพูดนี่หมายถึงอะไร

ไม่ต้องถาม พี่อินทร์ก็ให้คำตอบแล้วด้วยการจู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาร้องเพลง

“หากไม่ดูเป็นการรบกวน ก็จะชวนเธอมาเย้กัน ถูกใจเธอมาตั้งนานรู้ไหม~”

ไม่ร้องเปล่า มือก็ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าตัวเองออกทีละชิ้น พอผมเห็นเขาถอดกางเกงตัวเองเหลือแต่บ็อกซ์เซอร์ ผมก็รีบถลึงตาใส่เขาเลย

เดี๋ยวๆๆ! ไอ้พี่อินทร์! มึงจะมาเต้นลีลาประกอบเพลงด้วยการถอดเสื้อผ้าเตรียมรบอย่างนี้ไม่ได้!

แล้วมาชวนเย้นี่หมายความว่าไงเนี่ย!

“พี่อินทร์! อย่าถอดบ็อกเซอร์นะ!”

ผมรีบร้องบอกเมื่อเห็นเขาจับขอบกางเกงบ็อกซ์เซอร์ของตัวเอง พี่อินทร์หัวเราะเสียงดังเลย ทิ้งตัวนั่งลงมาข้างๆ ผมอีกครั้ง ถลาเข้ามากอดผมไว้เหมือนเดิมด้วย

“ก็พี่อยากทำอะ”

ทำอะไร ไม่ต้องขยายความ ผมก็เข้าใจ พลันใบหน้าก็ร้อนผะผ่าวขึ้นมา ยิ่งหันไปเห็นสายตาแพรวพราวของพี่อินทร์ด้วยแล้ว ผมก็อดที่จะหลบสายตาไม่ได้ พี่อินทร์เห็นผมเขินก็เอาใหญ่เลย

“อยากทำกับจิ อยากทำทุกวันเลย ถ้าได้อยู่ด้วยกัน ได้เห็นหน้าตาน่ารักๆ ของจิทุกวันก็คงดีเนอะ”

แล้วก็จูบพรมที่ซีกแก้มกับใบหูของผมเป็นการใหญ่ ผมเสียววูบที่ช่องท้องเล็กน้อย ก่อนจะบิดตัวหลบริมฝีปากเขา

“ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่พี่อินทร์ก็ทำบ่อยนี่ครับ มาห้องจิ หรือจิไปห้องพี่อินทร์ พี่อินทร์ก็ทำตลอดนี่”

ผมว่าเสียงเบา พูดไปแล้วก็อดอายไม่ได้ ก็เขาทำบ่อยจริงๆ อะ ทำแบบที่ทำที่บ้านพี่บุศย์วันนั้นนั่นแหละ

ทว่าคำพูดของผมกลับทำให้พี่อินทร์ทำปากยื่นทันที

“อันนี้ไม่ได้เรียกเย้ง่ะ”

“แล้วเรียกว่าอะไรล่ะครับ”

“ว้าว”

เขาตอบพลางยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ผมมองเขาแล้วก็ย่นคิ้วด้วยไม่เข้าใจ

“ว้าว?”

“ต้องให้พี่พูดตรงๆ เหรอ”

พี่อินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์มาทันที ก่อนจะวางมือลงบนขาข้างหนึ่งของผมแล้วค่อยๆ เลื่อนเข้ามาใกล้...อะ...เอ่อ...เป้ากางเกง

“ว้าวก็แปลงโทนเสียงมาจาก...”

“ไม่ต้อง! เข้าใจแล้วๆ! ไม่ต้องพูดแล้ว!”

ผมโวยวาย พี่อินทร์ก็หัวเราะร่วน

มึงนี่ก็หื่นจริงๆ เล้ย!

หื่นจริงๆ อย่างที่ผมบริภาษในใจนั่นแหละ เพราะหลังจากนั้นเขาก็กระซิบข้างหูผม

“คืนนี้ลองสบู่เหลวไหม”

“ครับ?”

“เวลาฟอกให้มีฟอง มันก็ลื่นๆ ดีนะ”

เอ๊ะ?

“หรือถ้าไม่ชอบเปียกๆ ในห้องน้ำ จะเอาเบบี้ออยล์ก็ได้”

เดี๋ยวนะ...

“จริงๆ แล้วใช้ให้ถูกจุดเลยดีกว่า KY ก็โอเค” จากนั้นก็ยิ้มเผล่ออกมา “จิชอบกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่หรือบลูเบอร์รี่ล่ะหืม?”

พูดอะไรของมึงเนี่ย!

“กีวีก็มีนะ”

พอได้แล้ว!

ผมทำหน้าปูเลี่ยนใส่พี่อินทร์ทันที ขณะที่เขาหัวเราะเจ้าเล่ห์ออกมา

“น่าเย้...เอ้ย น่ารักจริงๆ”

มึงหม่ต้องมาแกล้งพูดผิดเลย!

“ถ้าพี่อินทร์พูดอีก จิจะไล่ออกจากห้องแล้วนะ!”

ผมโวยเข้าให้ พี่อินทร์ก็หัวเราะใหญ่ ไม่ได้มีท่าทีสำนึกสักนิด ยังดีที่เขาไม่พูดเรื่องเย้หรือว้าวต่อ เปลี่ยนกลับไปคุยเรื่องเดิม

“แล้วตกลงจะย้ายมาอยู่กับพี่ไหม”

“ก็จิบอกแล้วว่าขอคิด...”

“พี่อยากให้จิมาอยู่ด้วยจริงๆ นะ” พูดยังไม่ทันจบ เขาก็แทรกขึ้นมาแล้ว ก่อนจะตามมาด้วยสีหน้าจริงจัง “มาอยู่กับพี่เถอะจิ ...นะครับ”

ไม่ใช่แค่สีหน้า สายตาก็จริงจังแม้ว่าจะมีแววอ้อนวอนอยู่นิดๆ ก็ตาม แล้วผมก็แพ้ทางเวลาเขาทำแบบนี้ทุกที ถอนหายใจออกมาน้อยๆ แล้วตอบตกลงไป

“ก็ได้ครับ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องแชร์กัน เราคุยรายละเอียดกันอีกทีนะ”

“หืม? พี่บอกแล้วไงว่าไม่ต้อง มาอยู่เฉยๆ ก็ได้” เขาซุกใบหน้าเข้ามาที่ซอกคอผม จูบพรมเบาๆ “มาอยู่กับพี่ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”

ทำตัวเป็นป๋าเฉยเลย ก็ดีอยู่หรอก แต่ผมเกรงใจเขาน่ะ

“ไว้คุยกันอีกทีดีกว่า อย่างน้อยก็ให้จิออกค่าน้ำค่าไฟก็ได้”

พี่อินทร์ไม่ได้ว่าอะไร เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม

“แล้วนี่ต้องบอกพ่อแม่จิก่อนหรือเปล่าว่าจะย้ายไปอยู่กับพี่”

พูดมาถึงตรงนี้ ผมก็ได้แต่ยิ้มแหย

“ไม่ต้องบอกหรอกครับ”

“เอ้า แล้วจะไม่มีปัญหาเหรอ”

“อืม ไม่มี”

“ทำไมล่ะ พี่ว่าบอกพ่อแม่หน่อยก็ดีนะ เขาจะได้ไม่เป็นห่วง”

ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี เลยได้แต่หัวเราะออกมาน้อยๆ

“ไม่บอก พ่อแม่จิก็คงรู้เองครับ”

“มีคนฟ้อง?”

“เปล่าครับ เห็นจากบนนั้นน่ะ”

ผมชี้นิ้วขึ้นไปบนเพดาน พี่อินทร์เงยหน้ามองตาม ครู่หนึ่งก็เข้าใจได้ว่าผมไม่ได้หมายถึงว่าพ่อแม่อยู่ชั้นบน แต่ว่าเป็น...สวรรค์ต่างหาก

สีหน้าของพี่อินทร์เปลี่ยนไปทันที เขาดูตกใจไปเหมือนกันที่รู้เรื่องนี้ ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มโง่ๆ ความจริงผมไม่ค่อยอยากบอกเรื่องครอบครัวให้ใครรู้สักเท่าไรหรอก แต่เพราะเห็นว่าเขาเป็นแฟนผม ผมเลยคิดว่าไม่เห็นจะต้องปิดบังอะไร

“พ่อแม่ของจิตายตั้งแต่จิยังอยู่ประถมน่ะครับ ลุงกับป้าฝั่งพ่อของจิก็เลยรับจิไปเลี้ยงเป็นลูก คือ...ก็ไม่ใช่ลุงกับป้าแท้ๆ หรอกนะ ลุงเขาเป็นลูกติดของแม่เลี้ยงพ่อจิน่ะ”

ผมขยายความ พี่อินทร์ก็ยิ่งมีสีหน้าเจื่อนลงเรื่อยๆ

“หมายความว่าจิไม่มีครอบครัวเหรอ พี่หมายถึง...ครอบครัวที่ร่วมสายเลือดน่ะ”

ผมเม้มริมฝีปากแน่นก่อนพยักหน้า

ใช่ ไม่มี... ไม่เหลือเลยสักคน พ่อแม่ของผมก็ไม่ได้มีพี่น้อง ปู่แท้ๆ กับตายายก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ลุงกับป้าที่เลี้ยงดูผมมาเท่านั้น ถึงจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน ผมก็นับว่าเขาเป็นครอบครัวแหละนะ

พี่อินทร์มองผมอย่างไม่เชื่อว่าผมจะมีภูมิหลังครอบครัวเป็นแบบนี้ ผมเห็นแววตาเห็นใจระคนเป็นห่วงของเขาแล้วก็รีบโพล่งขึ้น

“พี่อินทร์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เขาดูแลจิดีเลยล่ะ ส่งเสียให้เรียนด้วย ให้ค่าใช้จ่ายด้วย ถึงจะไม่ได้เยอะ แต่เขาก็รักจินะ”

“แล้วจิใช้พอเหรอ มันไม่ได้มีแค่ค่าใช้จ่ายประจำเดือนนี่ มันมีค่าเทอมด้วย”

“จิขอทุนที่กองกิจฯ เป็นเทอมๆ เอาน่ะครับ ที่คณะก็มีทุน พี่อินทร์ไม่ต้องห่วง จิพอใช้”

กองกิจการนักศึกษาของมหาวิทยาลัยและคณะมักจะมีทุนการศึกษาให้เปล่าทุกเทอม ผมก็ไปยื่นเรื่องขอตามคำแนะนำของอาจารย์ที่สัมภาษณ์ผมตอนเข้าเรียน ผมเลยว่ามันไม่ลำบากหรอกถ้าจะขอทุกเทอม

แต่พี่อินทร์คงไม่คิดแบบนั้นมั้ง เพราะพอผมพูดไป สีหน้าเขาก็ดูแย่ลงเรื่อยๆ ผมไม่ชอบเห็นเขาทำหน้าแบบนี้เลย มันดูไม่ใช่เขาน่ะ ก็เลยว่าจะพูดอะไรสักอย่างให้เขารู้สึกดีขึ้น

“พี่อินทร์...”

“จิระ”

พูดขึ้นมาจังหวะเดียวกันพอดี ผมเลยเลือกที่จะเงียบ ขณะที่พี่อินทร์จับผมให้หันหน้ามามองเขาตรงๆ

“พี่จะดูแลเราให้ดีตราบเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำเพื่อใครสักคนได้ พี่จะรัก จะมีแต่จิ จะไม่ทำให้จิเสียใจ”

“...”

“เพียงแต่ถ้ามีอะไร ขอให้จิบอกพี่ พี่พร้อมที่จะอยู่ข้างๆ จิเสมอ ขอให้จิรู้ไว้ว่าจิไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว”

“พี่อินทร์...”

ผมเอ่ยชื่อของเขาออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแหบแห้ง ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยรู้สึกตื้นตันใจอะไรขนาดนี้มาก่อน ผมมองหน้าเขาที่กำลังส่งยิ้มให้ก่อนขอบตาจะร้อนผะผ่าว

“พี่ขอสาบาน พี่จะรักจิตลอดไป”

ตอนนี้ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม โผเข้ากอดเขาแน่น ว่าเสียงพร่าปนก้อนสะอื้น

“ขะ...ขอบคุณครับ”

พี่อินทร์ก็กอดผมตอบแน่น จนกระทั่งผมหยุดร้อง เขาถึงมาจูบซับน้ำตาให้ รอยยิ้มบนใบหน้าเขาทำให้ผมอุ่นวาบในอกที่สุด สายตาที่เคยมองว่าเขาเป็นอิเหนาจอมกะล่อน ตอนนี้เขากลายเป็นพี่อินทร์ของผม... พี่อินทร์ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยที่สุดในโลก

แต่ทว่า...

“แล้ว...จะเย้กันเมื่อไรดี”

...แล้วก็ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยให้ผมได้มุ่ยหน้าใส่เขา

มึงอย่ามาตัดอารมณ์ด้วยความบ้าๆ บอๆ แบบนี้สิเว้ยไอ้พี่อินทร์! มันใช่เวลาไหมเนี่ย!

ผมเลยทุบไหล่เขาไปที พี่อินทร์หัวเราะร่วน รวบผมไปกอดอีกครั้ง

“พี่รักจินะครับ”

“รักก็ดี แต่ขอล่ะ อย่าทำให้เสียมู้ดอีกนะ จะซึ้งก็ซึ้งให้สุดหน่อยเถอะครับ จิปรับอารมณ์ไม่ทัน”

พูดไปอย่างนี้ พี่อินทร์ก็หัวเราะมากขึ้นไปอีก ก่อนเขาจะจูบลงมาที่หน้าผากผมเบาๆ

“เอาเป็นว่ามาอยู่กับพี่นะ พี่จะดูแลเราเอง” แล้วก็เลื่อนมาจูบที่ริมฝีปากผม สบตานิ่ง ว่าออกมาช้าๆ “จะดูแลจากนี้...และตลอดไป พี่สาบาน”

 


[1] ประไหมสุหรี เป็นตำแหน่งของพระมเหสีลำดับที่ 1 หรืออัครมเหสีของกษัตริย์ชวาในวงศ์อสัญแดหวาจากเรื่องอิเหนา

[2] มะเดหวี เป็นตำแหน่งของพระมเหสีลำดับที่ 2 ของกษัตริย์ขวา

[3] มะโต เป็นตำแหน่งของพระมเหสีลำดับที่ 3

[4] ลิกู เป็นตำแหน่งของพระมเหสีลำดับที่ 4

[5] เหมาหลาหงี เป็นตำแหน่งของพระมเหสีลำดับที่ 5

-------------------------------------

จริงๆ วันนี้กะว่าจะไม่อัปค่ะ แต่ดันเขียนจบพอดีก็เลยอัปแล้วกัน

พรุ่งนี้เจอตัวอย่าง ไม่แน่อาจจะได้ตอนใหม่ด้วย เริ่มเข้ากลางเรื่องแล้วค่ะ (แต่ก็ยังไม่เข้านะ อีกนิด) เนื้อเรื่องจะเข้มข้นขึ้น ความผีบ้าของพี่อินทร์ก็เข้มข้นขึ้นเช่นกัน 555

ฝากกำลังใจไว้ด้วยจ้า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2018 00:29:33 โดย NooDangzz »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mkooo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกมากค่า รักคุณหนูแดงนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่า เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เรียกว่าเรียนเรื่องอิเหนาอีกรอบเลยก็ได้นะ  :laugh:
อิเหนารีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะ ตอนขุดเรื่องเมียๆของเธอมาหน่ะ :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
หรือพี่อินทร์จะจำอดีตชาติของตัวเองได้กันแน่ แล้วก็เหมือนพี่บุศย์ก็รู้เหมือนกัน แต่ในฐานะบุษบาที่เป็นคู่ผัวตัวเมียกันมาก่อน จะไม่รู้สึกอะำรกันเลยรึ555 ปล. พระเอกเรื่องนี้เป็นบ้า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มีเถียงเนอะนังเหนา ว่าตัวเองไม่เจ้าชู้  เชื่อไม่ลงอ่ะ ก็ความหื่นมันโผล่มาให้เห็นๆ ซะเต็มตา  :m22:

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
ไม่อยากจะบอกเลยค่ะว่าอิเหนาทำให้เราสอบตกตอนเรียนปวช. ต้องมานั่งคัดกลอนน่าจะ50บทเพื่อแก้เกรด :hao5:

คิดๆแล้วก็ฝังใจนะ รู้มั้ยคะว่าข้อสอบคืออะไร? มันคือการที่ให้นร.ในห้องเล่าเรื่องอิเหนาต่อกันตั้งแต่ต้นจนจบโดยการสุ่มเรียกเลขที่ ต้องเล่าต่อๆกัน ไอ้เราตอนนั้นก็เกเรไง คือครูจะเล่าให้ฟังทุกคาบเลยนะ เล่าปากเปล่านี่แหละเพราะในหนังสือมีแต่โคลงกลอน เราเริ่มโดดเรียนตอนกลางเรื่องเป็นต้นไป55555 เลวมากตอนนั้น ได้แต่ตอนต้นไปถึงกลางเรื่อง พอสอบปลายภาคนี่นั่งลุ้นขอให้ถึงเลขที่ตัวเองเร็วๆจะได้ต่อจากเพื่อนได้ แล้วกรรมก็ตามทัน ได้เกือบท้ายเรื่องพังเลยจ้า ตก :ling3: :ling3:

พอมาอ่านเรื่องนี้ความทรงจำย้อนมาเลย แต่จำเนื้อเรื่องไม่ได้ละค่ะ คุ้นแต่ชื่อตัวละคร :katai3: :katai3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ต้องมีใครได้พรวิเศษมาด้วยอีกแน่ๆ

ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
 :pig4:
  เอาจริง (ม่ะได้หมายถึง เย้ นะ)
แม้จะบอกรักใคร เอ้ย รักจิ ~จากปากของ Eบ้า เอ้อ อิเหนาอินทร์

แต่นี่จะคิดดีด้วยไม่ได้เลย ..รู้สึกไม่ไว้วางใจ  o18

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
รัศมีผัว? 55555


ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
แหม กำลังจะหวาน
เอาซะติงต๊องเลยนะพี่อินทร์

เดาว่า...อินทร์กับบุศย์น่าจะจำได้ว่ามาตามคำสั่งขดใช้กรรมในชาตินี้ให้กับจิ
ไม่ก็  ชาติก่อนอิเหนาแอบรักจรกาถึงได้แกล้ง  อ้างจากบทที่อินทร์บอกจิว่า ผช.ชอบแกล้งคนที่ตัวเองชอบ

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ทุกคนจำอดีตได้หมดเลยเหรอ ชาติก่อนอิเหนาคงให้สัตย์สาบานอะไรไว้แน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ตอนเรียนเรื่องอิเหนานี่ก็บ่นเหมือนพี่อินทร์เย หวีๆ หลาๆ อีหยังวะปวดหัว5555

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
 ตอนแรกจำได้ว่าอิเหนาเมียเยอะแต่พอน้องจิบอกพึ่งรู้ว่าโครตเยอะ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 17: สัตย์สาบาน

พอผมตกปากรับคำว่าจะย้ายไปอยู่กับเขา พี่อินทร์ก็ดำเนินการทุกอย่างด้วยความรวดเร็วปานจรวด อย่างกับว่ากลัวผมจะเปลี่ยนใจอย่างนั้นแหละ เผลอแวบเดียว เขาก็ไปวางมัดจำห้องว่างข้างๆ พี่บุศย์แล้วเป็นที่เรียบร้อย จัดการขนข้าวของไปไว้แล้วด้วย เหลือแต่ข้าวของของผมนี่แหละที่จะต้องจ้างรถกระบะไปขนเพราะของเยอะพอสมควร

แต่ถึงจะของเยอะแค่ไหน พี่อินทร์ก็ไม่หวั่น ยังจะมีหน้ามาชวนผมไปซื้อของเข้าหอเพิ่มอีก ตอนแรกผมจะปฏิเสธเพราะเดือนนี้มีเงินไม่พอสำหรับซื้อข้าวของเครื่องใช้แล้ว แต่พี่อินทร์กลับชูบัตรเดบิตแล้วบอกว่า...

“นี่ใคร นี่ป๋าอินทรานะครับ หนูจิอยากได้อะไร บอกป๋าได้เลย ป๋าซื้อให้จ้ะ”

...ทำตัวเป็นป๋าเลี้ยงอีหนูจริงๆ มันก็ตลกดีอยู่หรอก แต่ตลกไม่ออกก็ตรงที่ผมต้องใช้เงินพ่อแม่เขาซื้อของใช้ส่วนตัวของตัวเองนี่แหละ

ทว่า... พอผมท้วงไปว่าให้เขาเก็บเงินไว้ใช้จ่ายสำหรับตัวเองเพราะเกรงใจพ่อแม่เขา พี่อินทร์กลับสวนคืนมา

“นี่เงินพี่”

“หมายความว่ายังไงครับที่ว่าเงินพี่อินทร์ พ่อแม่ให้แล้วก็ถือว่าเป็นเงินตัวเองงี้เหรอ”

“เปล่า”

“อ้าว”

“พี่ทำงานมา”

ผมสงสัยหนักขึ้นไปใหญ่ แล้วก็มารู้ตอนนี้ว่าเพราะเป็นเดือนมหาวิทยาลัย พี่อินทร์เลยมีชื่อเสียงในโลกโซเชียลพอสมควร ทำให้มีคนมาจ้างเขารีวิวสินค้าต่างๆ ถ่ายแบบก็มี ถ่ายโฆษณาก็มา ถึงจะเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ แต่รับงานบ่อยๆ ก็ทำให้มีเงินเก็บก้อนใหญ่อยู่เหมือนกัน ผมเลยมองเขาใหม่อีกที

จริงๆ แล้วอิเหนาก็ไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้เสเพลไปวันๆ มีทำงานทำการเหมือนกันนะ

ไม่ใช่มองใหม่หรอก มองเปลี่ยนไปเลยล่ะ ยิ่งพี่อินทร์ดูแลผมดี เอาใจเก่งด้วยแล้ว ผมก็ไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยว่าทำไมเมื่อชาติก่อน ใครต่อใครก็อยากจะเป็นเมียเขา

แต่...ในชาตินี้มีแค่ผมไง ก่อนที่เขาจะเอาเงินไปเปย์ใคร ผมจะต้องให้เขาเปย์ให้จนหนำใจก่อน

ในเมื่อออกปากว่าจะซื้อข้าวของเครื่องใช้เข้าหอให้ ผมก็แกล้งทำเป็นไม่เกรงใจ เลือกหยิบชิ้นนั้นชิ้นนี้ใส่รถเข็นโดยมีพี่อินทร์เข็นตาม

“พี่อินทร์เอาขนมปังไปไว้ที่ห้องด้วยไหมครับ เผื่ออ่านหนังสือดึกๆ แล้วหิว”

ผมร้องถามเมื่อเราเดินผ่านชั้นขายพวกขนมปัง พี่อินทร์พยักหน้า

“ถ้าจิอยากซื้อก็หยิบใส่รถเลย”

ผมก็เลยคว้าเอาขนมปังคว้าเอาขนมปังแถวที่มีลูกเกดกับรสช็อกโกแลตอย่างละแถวไปใส่รถ ก่อนจะมองหน้าเขาที่มองผมแล้วแกล้งบ่นอุบเมื่อเห็นว่าในรถเข็นมีขนมมากกว่าข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเสียอีก

“ระวังเถอะ เอาขนมใส่รถเยอะขนาดนี้ สักวันจะเป็นกระรอกอ้วน” จากนั้นก็เอื้อมมือมาดึงแก้มผม “อ้วนแก้มแตกแน่ๆ”

ผมสะบัดใบหน้าออกเล็กน้อย ทำปากย่นใส่เขา

“จิไม่ได้กินเยอะสักหน่อย แค่กินบ่อยเท่านั้นเอง”

“อีกหน่อยจะไม่ใช่กระรอกละ จะกลายพันธุ์เป็นหมูอ้วน”

แกล้งว่ามาอีก ผมเลยค้อนเขาเข้าให้

“ทำอย่างกับว่าตัวเองไม่กินอย่างนั้นล่ะ”

พี่อินทร์ก็เชิดหน้าขึ้น “ใช่ ไม่กินหรอกขนมน่ะ” พลันดึงผมเข้าไปใกล้แล้วกระซิบเสียงแผ่ว “เพราะพี่ชอบกินจิมากกว่า”

กินอะไร กินแบบไหน ผมรู้ดี รีบดันหน้าเขาออกห่างอย่างรวดเร็วเลยก่อนที่จะถูกขโมยหอมแก้มกลางห้าง

“อย่าทำอะไรในนี้นะครับ จิอายคนอื่นเขา”

“ขี้งก~”

ทำเป็นตัดพ้อไปอย่างนั้นแหละ พี่อินทร์แค่จะหยอกผมเท่านั้น ผมเองก็ชินแล้วกับการที่เขาพูดคำหนึ่ง แกล้งทีหนึ่ง สลับกันไปมาอย่างนี้ แล้วผมก็ชอบเสียด้วย เพราะมันทำให้ผมมีความสุขที่สุดในโลกเลย

“ซื้อของครบแล้วก็กลับกันเถอะ จะได้ไปช่วยกันเก็บของที่ห้องจิต่อ”

พี่อินทร์ออกปาก ผมเห็นว่าไม่มีอะไรจำเป็นต้องซื้อแล้วก็ทำตามเขาแต่โดยดี ใช้เวลาไม่นานก็จ่ายเงินค่าสินค้าเสร็จ พี่อินทร์กับผมช่วยกันเข็นรถเข็นไปที่ลานจอดรถ หยิบเอาถุงต่างๆ ใส่ไว้ในกระโปรงท้าย ก่อนที่ตั้งท่าจะขึ้นรถ แต่ทว่าจู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งเข้ามาจอดข้างๆ

จอดอย่างเดียวไม่พอ ยังจะจอดเสียชิดฝั่งข้างคนขับ ผมเลยเปิดประตูขึ้นไปบนรถไม่ได้ พี่อินทร์เห็นก็ร้องบอกผม

“จิไปยืนรอตรงนั้นก่อนนะ เดี๋ยวพี่ถอยรถออกไป”

เขาดูไม่พอใจเล็กน้อยที่เจ้าของรถคันนั้นไร้มารยาท ทั้งที่เห็นว่าผมจะขึ้นรถอยู่แล้ว ก็ดันขับเข้ามาเสียบจอด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากจะเปิดประตูรถของตัวเองเท่านั้น ผมเองก็ถอยไปยืนยังจุดที่เขาบอก จังหวะเดียวกับที่เจ้าของรถคันข้างๆ ถอยหลังพอดี ผมเลยชะงัก รีบกระโดดหลบทันทีที่เห็นว่ารถคันนั้นทำท่าเหมือนจะถอยมาชน

ให้เดานะ เขาคงจะเปิดประตูไม่ได้น่ะเพราะจอดเสียชิด แต่ไอ้การที่จู่ๆ ก็ถอยทั้งที่เห็นผมยืนอยู่นี่มันก็น่าหงุดหงิดเหมือนกันนะ พี่อินทร์เองก็เห็นเหมือนกับที่ผมเห็น เขาปิดประตูรถ ชักสีหน้าแล้วเดินมาหาผมอย่างรวดเร็ว

“เป็นอะไรไหมจิ”

ผมส่ายหน้า เท่านั้นพี่อินทร์ก็ย่นคิ้วยู่

“ขับรถยังไงของมันวะ เหมือนตั้งใจกวนตีน”

ผมล่ะกลัวมีเรื่องเหลือเกิน เคยเห็นในข่าวบ่อยๆ ว่าพักนี้คนชอบมีเรื่องกันเพราะเรื่องขับรถไร้มารยาทนี่แหละ เลยรีบปรามพี่อินทร์ทันที

“ช่างเถอะครับ กลับกันเถอะ เดี๋ยวต้องไปช่วยจิเก็บของอีกไม่ใช่เหรอ จะไม่มีเวลาเอานะ ไปๆ กลับกันๆ”

ว่าพลางดันหลังเขาให้กลับไปที่รถ พี่อินทร์ก็ยอมทำตามแต่โดยดี ทว่าในจังหวะที่เขาเดินไปยังฝั่งคนขับ เจ้าของรถคันนั้นก็เปิดประตูลงมาพอดี

ถ้าลงจากรถเฉยๆ ผมจะไม่สนใจหรอก แต่นี่ลงมาแล้วมองพี่อินทร์นิ่ง จากนั้น...

“อินทร์”

...เรียกพี่อินทร์หน้าตาเฉย

พี่อินทร์หันขวับไปมอง ส่วนอีกฝ่ายก็ร้องทักออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“ไม่เจอกันนาน ยังดูดีเหมือนเดิมเลยนะ”

เสียงนั้นทำให้ผมหันไปมองเจ้าของเสียงให้ชัดๆ บ้าง ก่อนจะเห็นว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดี ท่าทางสำอางเย่อหยิ่ง แต่งตัวเนี้ยบกริบตั้งแต่หัวจรดเท้า พูดง่ายๆ ว่าเขาดูดีมาก หน้าตาก็ดี ผมมองเขาตาค้างไปเลย แต่ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีแสงสีทองประกายวาบออกมาจากตัวเขาพร้อมกับใบหน้าทับซ้อนจากอดีตชาติ

ผู้ชายคนนี้...

จะ...จินตะหราวาตี!?

ผมหันขวับไปมองพี่อินทร์ทันควัน ขณะที่พี่อินทร์ขมวดคิ้วยู่ ปากเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมา

“จิณห์”

ชื่อในชาตินี้ก็ไม่แตกต่างจากชาติก่อนสักเท่าไรนัก แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือ...พี่อินทร์ดูไม่ยินดีสักเท่าไรที่เจอหน้าอดีตคนรักคนแรกอย่างจินตะหราวาตี ส่วนอีกฝ่ายก็ยกยิ้มขึ้นมุมปากเมื่อเห็นท่าทางของพี่อินทร์

“อุตส่าห์บังเอิญเจอกันแท้ๆ แต่ทักทายกันแค่นี้เองเหรอ ห่างเหินกันจังนะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”

พี่อินทร์ไม่พูดอะไร ได้แต่มองอีกฝ่ายอยู่อีกครู่ ก่อนจะเปล่งเสียงออกมาในตอนท้าย

“เราก็ไม่ได้สนิทสนมกันอยู่แล้ว”

“โอ้...” จินตะหราไม่ได้มีท่าทางตกใจอย่างที่อุทานออกมา ดูก็รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ ก่อนที่จะเหลือบมองมาทางผม “แล้วนี่ใครน่ะ อย่าบอกนะว่า...”

แสร้งทำเป็นเว้นไป รอให้พี่อินทร์ตอบ แต่พี่อินทร์ไม่พูด ได้แต่จ้องหน้าเขม็ง อีกฝ่ายก็เลยหัวเราะออกมาน้อยๆ

“สเปกไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”

ผมเหลือบมองหน้าพี่อินทร์ ตอนนี้เขาเดินกลับมาจับมือผมไว้ แล้วก็บีบมือผมแน่นมากด้วย ผมไม่รู้หรอกว่าสองคนนี้รู้จักกันมาก่อนหรือรู้จักกันได้ยังไง แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว พี่อินทร์ไม่ยินดีเท่าไรที่ได้เจอหน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นอีกฝ่ายยกยิ้มมากเท่าไร พี่อินทร์ก็มีสีหน้าน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น ก่อนจะว่าขึ้นมา

“ไปกันเถอะจิ”

แล้วก็จะลากผมออกไปจากตรงนั้น ทว่าจินตะหราก็โพล่งขึ้นมาก่อน

“ได้ใหม่แล้วลืมเก่า”

แค่นั้นพี่อินทร์ก็ชะงักขา สีหน้าน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมอีก ผมพอจะเข้าใจว่าจินตะหรา...เอ่อ...จิณห์ในชาตินี้น่ะ เขาหมายถึงอะไร

ก็จินตะหราวาตีเป็นเมียคนแรกของอิเหนานี่นา ไม่แปลกหรอกถ้าจะพูดอย่างนี้ แต่มันแปลกตรงที่มาพูดแบบนี้ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่รู้อดีตชาติของตัวเองเหมือนกับที่ผมสามารถรู้ได้

หรือว่าพี่อินทร์กับผู้ชายคนนี้จะมีความสัมพันธ์บางอย่างที่ผมไม่รู้?

ผมเลยอดไม่ได้ที่จะถามพี่อินทร์เบาๆ

“ใครเหรอครับพี่อินทร์”

สงสัยคงจะเบาไม่พอ คนตรงหน้าผมได้ยินเป็นที่เรียบร้อย พลันก็ตอบแทน

“แฟนเก่าน่ะ”

แล้วก็ยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่...เห็นแล้วผมไม่ชอบเลย

มันยังไงกันเนี่ยพี่อินทร์!?

ทว่าพอจะขอคำตอบจากพี่อินทร์ ผมก็ต้องปิดปากสนิทเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาแทบจะกินหัวคนที่ชื่อจิณห์ได้อยู่แล้ว

“ไม่ใช่!”

จู่ๆ ก็เสียงดังออกมาด้วย ผมสะดุ้งเล็กน้อย ตกใจที่เห็นเขาโกรธจริงจังเป็นครั้งแรก แต่อีกฝ่ายไม่ยี่หระใดๆ ได้แต่หัวเราะในลำคอ

“ก็ไม่เห็นจะต้องปฏิเสธเสียงแข็งขนาดนั้นเลยนี่”

“อย่ามาพูดอะไรไร้สาระ เราไม่เคยเป็นอะไรกัน”

พี่อินทร์เถียงออกไปในทันที จิณห์ร้องอ๋อยาวออกมา

“เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าไม่เคยเป็นอะไรกัน คำตอบน่าผิดหวังจังนะ ไม่คิดว่ากลับมาเจอกันอีกทีจะได้ยินคำพูดนี้”

ยิ่งพูด ผมก็ยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก ส่วนพี่อินทร์ก็มองคนตรงหน้าเขม็ง ตอนนี้น้ำเสียงก็แข็งตามสายตาไปแล้วด้วย

“ถ้ายังพูดอะไรไร้สาระอยู่ อย่าหาว่าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”

ดูโกรธมาก...

ทำไมกัน?

แต่ผมไม่กล้าถามเขาหรอก เพราะสิ้นเสียง เขาก็ออกคำสั่งแล้ว

“จิ ขึ้นรถ”

แล้วผมจะกล้าตอแยเหรอ รีบก้าวฉับๆ ไปขึ้นรถทันที พี่อินทร์เข้ามาในรถได้ก็สตาร์ตเรื่องแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้จิณห์มองตามพร้อมกับโบกมือบ๊ายบาย ผมเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจเลยสักนิด

ไม่เข้าใจเลย... ถ้าจิณห์ไม่ใช่แฟนเก่าพี่อินทร์ แล้วทำไมถึงต้องพูดอะไรให้ชวนเข้าใจผิดกันด้วยล่ะ

ผมก็ยังไม่ถามอยู่ดี รอให้พี่อินทร์เป็นฝ่ายอธิบายแทน ทว่าเขาก็ไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่ขับรถพร้อมกับสบถอย่างหัวเสียมาเป็นระยะ ท่าทางของเขาแปลกไปมาก ผมเห็นแล้วก็อึดอัดจนกระสับกระส่ายไปหมด และคงจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ พี่อินทร์ถึงได้ทำลายความเงียบขึ้น

“ไม่สบายใจใช่ไหม”

ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ ผมเลยพยักหน้าไป พี่อินทร์เหลือบมองผมเล็กน้อย ก่อนหันไปมองทางเหมือนเดิม

“พี่ก็ไม่สบายใจ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะบังเอิญเจอ”

ผมเหลือบมองเขา สีหน้าเขายังคงดูยุ่งเหยิงเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ผมเองก็เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าเขากับจินตะหราในชาตินี้ไปมีเรื่องขุ่นใจอะไรกันไว้ แต่พี่อินทร์บอกว่าไม่ใช่แฟนเก่า...

ถ้าไม่ใช่แฟนเก่า ไม่เคยเป็นอะไรกัน แล้วทำไมถึงไม่อธิบายอะไรสักทีล่ะ

ผมก็ไม่กล้าถาม นอกจากจะเอะใจเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ขับรถไปในเส้นทางที่มุ่งตรงไปยังหอพักของผม แต่ไปอีกเส้นทางหนึ่งที่มุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัยแทน

“พี่อินทร์จะไปไหนเหรอครับ”

อดไม่ได้ที่จะถาม พี่อินทร์ตอบออกมาโดยไม่หันมามอง

“ไปหาไอ้บุศย์”

“เอ๋?”

“เรื่องนี้ถ้าพี่เป็นคนพูดไป จิคงจะไม่เชื่อ พี่จะให้ไอ้บุศย์อธิบายว่าจิณห์เป็นใคร ไม่โทรบอกมันก่อนด้วยเพื่อความบริสุทธิ์ใจ ไปแบบเซอร์ไพรส์นี่แหละ มันจะได้ไม่ต้องคิดคำตอบล่วงหน้า”

“ทำไมต้องให้พี่บุศย์เป็นคนอธิบายด้วยล่ะครับ พี่อินทร์อธิบายเองไม่ได้เหรอ”

สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็หันมามองผมด้วยแววตายากจะอ่าน

“ถ้าพี่พูดแล้วจิจะเชื่อพี่เหรอ”

ผมนิ่ง... ตอบไม่ได้เลยว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ยอมรับตามตรงว่าผมก็หวั่นใจกับคำพูดของผู้ชายคนนั้นเหมือนกัน ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่อิเหนารักมากมายจนถึงกับยอมถอนหมั้นบุษบาด้วยแล้ว ผมก็หวั่นใจแปแลกๆ แล้วก็ไม่มั่นใจตัวเองด้วยว่าจะเชื่อใจพี่อินทร์ได้มากสักแค่ไหน

ก็อีกฝ่าย...คืออิเหนา

สุดท้ายก็เชื่อใจพี่อินทร์ได้ไม่เต็มร้อยสักที ผมนั่งเงียบ ไม่รู้จะตอบยังไงไม่ให้เขาเสียใจ แต่พอเขาเห็นผมไม่ตอบ พี่อินทร์ก็ยิ้มขึ้นมาบางๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ไอ้บุศย์เป็นคนอธิบายนั่นแหละ ดีที่สุดแล้ว”

หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้นระหว่างเราอีกจนกระทั่งถึงยังที่หมาย

 

พี่บุศย์ดูค่อนข้างงุนงงพอสมควรที่จู่ๆ ผมกับพี่อินทร์ก็โผล่พรวดมาที่ห้องเขาโดยไม่ได้โทรบอกก่อนล่วงหน้า แต่พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของพี่อินทร์แล้ว เขาก็ไม่ได้ถามซักไซ้อะไรนอกจากเปิดประตูให้พวกเราเข้าไปในห้อง พอผมกับพี่อินทร์ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาได้ พี่อินทร์ก็โพล่งออกมาทันที

“จิณห์กลับมาแล้วนะ”

พี่บุศย์ที่กำลังยืนรินน้ำใส่แก้วอยู่หน้าตู้เย็นชะงัก หันมามองด้วยสีหน้าตกใจ

“ว่าไงนะ”

“กูบอกว่าจิณห์มันกลับมาแล้ว”

เท่านั้นพี่บุศย์ก็ดูเคร่งเครียดตามพี่อินทร์ไปด้วย ทำให้ผมประหลาดใจมากขึ้นไปใหญ่

จินตะหราในชาตินี้นอกจากจะมีอะไรขุ่นใจกับอิเหนาแล้ว ยังมีเรื่องขุ่นใจกับบุษบาอีกเหรอ?

คิดๆ ดูแล้วมันก็คงจะไม่แปลกนะ จินตะหรากับบุษบาก็ไม่ลงรอยกันอยู่แล้วเพราะอิเหนาปันใจจากจินตะหราไปหาบุษบานี่ บางทีการกลับมาเกิดใหม่ ถึงจะจำอดีตชาติไม่ได้ แต่ก็อาจจะมีความแค้นฝังลึกอยู่ในดวงจิตติดตามกลับมาด้วยก็เป็นได้

แต่จะอะไรก็ช่าง พี่บุศย์เดินมาหยุดตรงหน้า ถามเสียงเครียด

“แล้วเจอกับจิด้วยไหม”

พี่อินทร์พยักหน้าให้เป็นคำตอบ เท่านั้นพี่บุศย์ก็สบถออกมา

“ฉิบหาย”

ผมขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้น พี่บุศย์ก็หันมาหาผมทันที

“ฟังพี่นะจิ อะไรก็ตามที่ไอ้เวรนั่นมันพูดกับจิ ไม่ใช่เรื่องจริง โอเคไหม”

ผมมองหน้าเขา พี่บุศย์ออกตัวเข้าข้างเพื่อนตัวเองสุดแรงจนผมต้องเอ่ยปากถาม

“ทำไมถึงบอกว่าไม่ใช่เรื่องจริงล่ะครับ”

“ก็ไอ้เวรนั่นมัน...” แล้วเขาก็ชะงักไป สบตากับพี่อินทร์เล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจ “โอเค งั้นเดี๋ยวพี่เล่าเท้าความให้ฟังก่อนแล้วกัน คืองี้ ไอ้จิณห์กับไอ้อินทร์ แล้วก็พี่ เคยเป็นเพื่อนกัน หมายถึงเพื่อนสมัยเด็กน่ะ แต่มีเรื่องบางอย่างทำให้ต้องเลิกคบกัน”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“จิณห์มันผิดคำสัญญา”

คำสัญญา...

“ระหว่างพี่ ไอ้อินทร์ แล้วก็มัน มีข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน ซึ่งข้อตกลงนี้พวกพี่ไม่ได้บังคับใคร ทุกอย่างเป็นไปด้วยความสมัครใจ ตอนแรกไอ้จิณห์มันก็สมัครใจ แต่สุดท้ายมันก็ผิดคำพูด มันเลยเป็นเรื่องใหญ่โตนิดหน่อย เราค่อนข้างทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นเลือดตกยางออกน่ะ ก็เลยเลิกคบกัน”

“เลือดตกยางออกเหรอครับ”

พี่บุศย์พยักหน้าแล้วเหลือบไปมองพี่อินทร์ “มันแทงไอ้อินทร์”

ผมหันขวับไปมองคนข้างกายทันที พี่อินทร์ก็พยักหน้าให้เช่นกันก่อนจะเลิกเสื้อขึ้นแล้วชี้ที่หน้าท้องให้ดู ผมเห็นรอยแผลเป็นขนาดสองข้อนิ้วก้อยตรงท้องน้อยแล้วก็อ้าปากค้าง ไม่คิดมาก่อนเลยว่ารอยที่เห็นบ่อยๆ มันจะเกิดจากการถูกแทง

ทำไมจินตะหราในชาตินี้ถึงได้เลวร้ายขนาดนี้ มันเกิดอะไรขึ้น!

“พ่อแม่ไอ้อินทร์ไม่แจ้งความเพราะก็สนิทกับบ้านของไอ้จิณห์ แต่สั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้อีก แต่ไอ้จินห์มันก็ไม่หยุด มาตามสตอล์กเกอร์ไอ้อินทร์ คอยหาเรื่องอยู่บ่อยๆ บ้านไอ้อินทร์เลยขู่ว่าถ้าไม่หยุดจะเอาจริง บ้านของไอ้จินห์ก็เลยส่งไปเรียนเมืองนอกเป็นการตัดปัญหา”

เขาอธิบายเพิ่ม ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอะไรที่ทำให้พวกเขาทะเลาะกันรุนแรงแบบนี้ แต่ก็ไม่กล้าถามแล้ว พอจะเดาได้ว่าคงจะเป็นเรื่องเชิงชู้สาวแน่

ถ้าไม่ใช่...แล้วจิณห์จะอ้างตัวเองว่าเป็น ‘แฟนเก่า’ ทำไมล่ะ

“มันกลับมาอย่างนี้ พี่ว่าเดี๋ยวมันจะต้องมาสร้างเรื่องกวนใจให้จิกับไอ้อินทร์แน่ พี่เลยจะขอเตือนจิไว้อย่าง”

พี่บุศย์ว่าขึ้นมาอีกแล้ว ผมพยักหน้ารับให้เขาก่อนที่เขาจะพูดต่อ

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้เชื่อใจไอ้อินทร์ เชื่อใจมันนะจิ ไม่มีใครหวังดีและรักจิได้เท่ามันอีกแล้ว”

ผมเม้มริมฝีปากแน่น หันไปมองพี่อินทร์ที่กำลังจ้องผมอยู่ สายตาของเขาดูเป็นกังวลไม่แพ้พี่บุศย์เลย ถึงผมจะยังมีหลายเรื่องที่สงสัย แต่ผมก็เห็นว่าคงไม่เหมาะที่จะถามอะไรเพิ่มเติมในตอนนี้ สถานการณ์มันเครียดมากจนผมไม่อยากจะทำให้แย่ลงไปกว่าเดิมอีก อีกอย่าง...พี่อินทร์สาบานกับผมแล้วนี่ว่าจะรัก จะดูแลผมเป็นอย่างดี ทำไมผมถึงจะไม่เชื่อใจเขาล่ะ

“ครับ จิจะเชื่อใจพี่อินทร์”

เท่านั้นก็เรียกรอยยิ้มบางๆ จากพี่อินทร์ขึ้นมาได้ เขาคว้ามือผมไปจับแล้วออกแรงบีบเบาๆ

“ขอบใจนะจิ”

ผมยิ้มให้เขา ไม่อยากเห็นเขากังวลใจ ขณะที่พี่บุศย์ทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียงแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตามมาด้วยว่าสั้นๆ

“ระวังตัวด้วย”

พี่อินทร์ตอบรับ หลังจากนั้นก็คุยอะไรกันอีกนิดหน่อยซึ่งไม่ใช่เรื่องของผู้ชายคนนั้น ปล่อยให้ผมได้แต่นั่งขบคิดเพียงลำพัง

จินตะหราแทงอิเหนา ผิดคำสัญญา บุษบาบอกให้ระวังตัว แถมยังบอกให้ผมเชื่อใจอิเหนาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก

มันต้องเป็นเรื่องใหญ่ที่ผมคาดคิดไม่ถึงแน่ๆ แต่...มันเรื่องอะไรกันล่ะ?

 

ผมคงจะไม่ได้คำตอบง่ายๆ ถ้าพี่อินทร์ไม่เป็นคนพูดเอง ส่วนพี่บุศย์ ถึงเขาจะยอมเล่าแต่ก็ไม่ได้เล่าทั้งหมด ราวกับว่าได้รับอนุญาตให้พูดได้แค่นี้อย่างไรอย่างนั้น ผมก็เลยไม่อยากเซ้าซี้ ไว้พี่อินทร์หายเครียดเมื่อไร ค่อยตะล่อมถามเอาก็ได้

เขาพาผมขับรถกลับไปที่หอ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเส้นทางที่มุ่งหน้าไปหออีกจนได้ ผมหันไปมองเขาด้วยความประหลาดใจ พี่อินทร์ก็ตอบออกมาโดยที่ผมยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามด้วยซ้ำ

“พี่อยากแวะที่นึงทำธุระสักแป๊บ”

ผมก็เลยไม่ท้วง จนกระทั่งเห็นเขาเลี้ยวเข้ามาในวัดแห่งหนึ่ง เท่านั้นผมก็ถามเขาทันที

“พี่อินทร์มาวัดทำไมครับ”

เขาขับรถไปจอด ดับเครื่องแล้วถึงได้หันมาตอบ

“จิเชื่อใจพี่ไหม”

ไม่สิ ไม่ใช่ตอบ เป็นถามคืนต่างหาก ผมเลิกคิ้วสูง ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาถามเรื่องนี้ทำไม

“จิก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ”

ใช่ ผมบอกไปแล้ว ในห้องของพี่บุศย์น่ะ แต่พี่อินทร์ดูไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร เขามองผมอย่างครุ่นคิดก่อนถามออกมาอีก

“ต่อให้มีคนอื่นมาอ้างตัวว่าเป็นแฟนเก่าพี่ หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเราสั่นคลอน จิก็จะเชื่อใจพี่ใช่ไหม”

ผมรู้ว่าเขาถามอ้อมๆ จริงๆ แล้วเขาหมายถึงตอนที่จินห์บอกว่าตัวเองเป็นแฟนเก่าเขาน่ะ ซึ่งพอถูกถามอย่างนี้ ผมก็ชะงักงันไปอีกครั้ง

เชื่อใจเหรอ... เอาตรงๆ นะ มันทำใจยากมากเลยในเมื่อผมรู้ดีแก่ใจว่าอีกฝ่ายคืออิเหนากลับชาติมาเกิด ต่อให้เขาจำอดีตชาติของตัวเองไม่ได้ แต่เพราะผมจำได้และรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์กับใครต่อใครมามากหน้าหลายตา มันเลยทำให้ผมชั่งใจไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจตอบว่า ‘เชื่อ’ เพื่อให้เขาสบายใจ

“จิ...”

แต่พี่อินทร์ก็แทรกขึ้นมา

“ลงรถ”

“ครับ?”

“ลงรถจิระ เราจะเข้าไปข้างในกัน”

สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็ลงจากรถทันที ไม่รอให้ผมพูดอะไรทั้งนั้น ผมไม่ชอบสถานการณ์กับความรู้สึกกระอักกระอ่วนแบบนี้เลย แต่ต้องทำตามเพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาคิดจะทำอะไร

พี่อินทร์เดินนำผมเข้าไปที่โบสถ์ หยอดเงินใส่ตู้รับบริจาค บูชาดอกไม้ธูปเทียนมาสองชุด ก่อนจะคว้ามือผมให้เดินตาม มาปล่อยอีกทีก็ตอนที่เรามาถึงตะเกียงสำหรับจุดธูป

พี่อินทร์จุดธูปแล้วส่งให้ผมสามดอกพร้อมกับดอกบัวอีกดอก มือข้างหนึ่งก็ถืออีกสามดอกกับดอกบัวสำหรับตัวเอง พอเสร็จสิ้นก็คว้ามือผมอีกครั้งแล้วจูงให้ไปนั่งอยู่ตรงหน้าพระประธาน

ผมมองเขาด้วยความงุนงงว่าเขาคิดจะทำอะไร

ไม่สบายใจเลยแวะมาไหว้พระเหรอ การได้เจอกับจินตะหราในชาติใหม่ มันทำให้เขาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างนี้เลยหรือไง?

ผมว่าผมอยากรู้เบื้องลึกเบื้องหลังระหว่างพี่อินทร์กับผู้ชายคนนั้นมากแล้วนะ แต่ตอนนี้อยากรู้มากกว่าว่าพี่อินทร์คิดหรือรู้สึกอะไรอยู่กันแน่ ทว่า...ทุกอย่างที่ผมคิดก็ผิดพลาดไปหมด มาเข้าใจได้ว่าเขาแวะมาที่วัดทำไมก็ตอนที่พี่อินทร์เปล่งเสียงออกมา

“ขอเทพยาดาผู้รักษาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จงรับรู้การกราบสักการะของข้าพเจ้า...นายอินทรา ในครั้งนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลที่ได้สร้างสมข้ามภพข้ามชาติมาแด่ทวยเทพเทวาผู้รักษา ผู้สถิต ผู้ดูแล พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เพื่อให้เป็นประจักษ์พยานแก่คำสัตย์สาบานของข้าพเจ้า...”

เขาเว้นไปชั่วครู่ ก่อนจะเหลือบมามองผมแล้วยกยิ้มขึ้น

“...ข้าพเจ้าขอสาบานได้ด้วยชีวิตว่าจะรักและภักดีกับนายจิระ ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างข้าพเจ้าในขณะนี้ตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ จะปกป้อง จะดูแล จะทำทุกอย่างเพื่อให้จิระมีความสุขไปชั่วชีวิต หากผิดคำสาบาน ขอให้ข้าพเจ้ามีอันเป็นไป ขอให้ท้าวเวสสุวรรณลงทัณฑ์ให้ตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป”

ได้ยิน ผมก็เบิกตาโพลง ปากจะห้ามเขาสาบานสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ แต่ก็ไม่ทันแล้วเมื่อเขาเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมา

“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงเป็นพยาน...”

ที่แท้ที่แวะมาวัดก็เพื่อจะมาสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อผมเหรอ!?

แทบไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำแบบนี้ ต่อให้สมัยนี้ไม่มีใครเชื่อคำสาบานอะไรสักเท่าไรแล้วก็ตาม แต่สำหรับผมที่ยังมีดวงจิตผูกติดกับอดีตชาติอยู่ การสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดเล่นๆ ได้ คนโบราณเขาถือกันจะตาย ยิ่งเมื่อชาติก่อน ถ้าใครเอ่ยคำสาบานขึ้นมาแล้วล่ะก็ เป็นเรื่องใหญ่เลยที่เดียวนะ ยิ่งเมื่อกี้ผมเห็นแสงสว่างวาบประกายเรืองรองออกมาจากตัวของพี่อินทร์ทันทีที่เขาพูดจบ ผมก็ใจไม่ดีเลย

ก็นั่นมันเป็นเครื่องหมายของการประทับตราคำสัตย์สาบานนี่นา ปวงเทพทั้งมวลรับรู้คำสาบานด้วยชีวิตนั่นไว้แล้ว ถ้าเขาผิดคำสาบานล่ะก็ ต่อให้ไม่ตาย ชีวิตก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างแน่นอน แล้วผมก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นด้วย

“พี่อินทร์ไม่น่าสาบานแบบนี้นะครับ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ จิถือ”

อดหงุดหงิดขึ้นมาน้อยๆ ไม่ได้ด้วยที่เขาทำอะไรไม่ถามผมก่อน หงุดหงิดเพราะเป็นห่วงเขานั่นแหละ มันเป็นไปได้ยากมากเลยนะที่เขาจะรักผมไปตลอดชั่วชีวิต เราสองคนอายุแค่นี้เอง อนาคตยังอีกตั้งยาวไกล ขนาดผมยังที่รักบุษบานักหนาจนกลายเป็นแค้นสุมอกยังเปลี่ยนใจมารักเขาได้เลย แล้วทำไมพี่อินทร์จะเปลี่ยนใจบ้างไม่ได้ล่ะ

แต่พอผมพูดไปอย่างนั้น พี่อินทร์ก็ยิ้มออกมา

“พี่ก็ไม่ได้เล่น พี่พูดจริงๆ ที่พี่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้จิสบายใจ สาบานแค่ลมปากที่พี่เคยพูดน่ะ มันยังไม่พอหรอก”

“...”

“แต่อะไรที่พี่สาบานไป พี่ก็จะทำตามนั้นจริงๆ”

ผมพูดอะไรต่อไม่ออกเลย ตอนนี้มีความดีใจพร่างพรายขึ้นมา ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะถึงขั้นมาให้สัตย์สาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ มันเหนือความคาดหมายมากๆ ก่อนที่เขาจะแบมือมาตรงหน้า

“เอาธูปมาสิ พี่ไปปักให้”

ผมยื่นให้เขา เขาคลานไปปักธูปลงกระถาง ผมเลยขยับเอาดอกบัวไปวางในพานตรงหน้า พอเรียบร้อยก็ถอยมาก้มกราบสามครั้ง พอเงยหน้าขึ้นมา พี่อินทร์ก็คว้ามือผมไปจับไว้แน่นพร้อมกับยิ้มกว้าง

“พี่สาบานไว้แล้ว พี่จะรักและภักดีแค่จิคนเดียว...ตลอดไป”

พี่อินทร์...

ถึงจะไม่เห็นด้วยเท่าไรกับการสาบานในครั้งนี้ แต่ก็ต้องบอกตามตรงว่าการกระทำของเขามันทำให้ผมเชื่อใจเขาขึ้นมาอย่างสนิทใจ ถ้าเขาไม่มั่นใจก็คงไม่พูดอย่างนี้ ต่อให้เขาไม่เชื่อเรื่องสิ่งลึกลับหรืออำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เถอะ แต่มันก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมากจริงๆ จนอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างตอบรับเขา

“จิรักพี่อินทร์นะครับ”

เป็นครั้งแรกที่ผมบอกรัก ผมคิดว่าเขาควรจะได้ยินสักที และทันทีที่สิ้นเสียง พี่อินทร์ก็ยิ้มกว้างออกมา ดวงตาเป็นประกายสดใส เหมือนกับว่าดีใจจนเก็บไม่อยู่ที่ได้ยินผมพูดประโยคนี้ ก่อนจะบีบมือผมแน่นมากขึ้นไปอีก

“จิต้องรักพี่ตลอดไปนะครับ”

ผมพยักหน้า ไม่เคยสุขใจอะไรเท่านี้มาก่อนในชีวิตเลย ในใจก็ตอบรับคำพูดของเขาไปแล้วด้วย

จิก็ขอสาบานว่าจะรักพี่อินทร์ตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่เหมือนกัน

จิรักพี่อินทร์ที่สุดเลย...

 --------------------------------

วันนี้อัปเร็วค่ะ อัปแต่หัววันเลยเพราะเขียนจบพอดี เห็นว่าเป็นวันหยุดด้วย ตื่นมาแล้วจะได้อ่านกันเลย ตอนนี้ยาวนิดนึง กำลังเข้ากลางเรื่องแล้ว ปมต่างๆ จะเริ่มมาละ จินตะหราวาตีชาตินี้ออกมาซะตัวร้ายเลย แต่จะร้ายจริงๆ หรือเปล่านั้นนนนน...ให้คนเขียนทำนายกันนนน #โดนตบ 555

ใครที่กลัวใจว่าจะมาม่า ขอให้พนมมือแล้วนึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วไว้ให้ดี ใคร DM หรืออินบ็อกซ์มาถามเยา เยาก็จะไม่ฉะปอย เพราะ...ยังคิดตอนต่อไปไม่ออก ฮา #ผิดๆ

จริงๆ วางโครงไว้จบเรื่องแล้วค่ะ เรื่องนี้เหมือนจะไม่ยาวแต่ก็แอบยาว ไปๆ มาๆ ปมเยอะซะงั้น รออ่านกันนะทุกคนนน XD

 


ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ตั้งสัตย์สาบายกันขนาดนี้ นว้องจิแก้วตายาพี่ก็ม้วนอ่ะดิ
จะย้ายไปอยู่กับอิผีบ้า ก็อย่าให้พี่มันเย้ง่ายๆ นะ นว้องจิ

อริ้ววววว อยากเป็นหมอนข้างห้องนอนอิพี่อินทร์
 :hao7:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
คำสัตย์สาบานของจินตหรา อิเหนา และ บุษบา
จะประมาณว่า จะไม่กิ๊กกันเองรึเปล่าน๊าาา
แต่ก้อหวังว่าจรกาจะไม่หวั่นไหวกับอะไรต่อจากนี้นะ...เริ่มต้มมาม่า..TT

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ฮา จะเย้ จะว้าวกัน
รอพี่อินทร์ได้เย้้้้้  :o8:

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
แน่ๆเลย ทั้งสามคนอาจจะทำสัญญาว่าจะไม่รู้สึกเกินเลยกันแน่ๆ ยัยจินตะหราวาตีผิดสัญญาละซี่

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรา 
จึงมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิตย์


หล่อนพูดเองนะแม่จินตะหราวาตี จะมาจองเวรอะไรอีก

ออฟไลน์ A_bookworm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
จินตะหรานายร้ายช่ายยยม่ายยยยตอบ มีแทงพี่อินด้วย โห้ยยยย :a5: :a5:

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
รู้สึกถึงความปั่นป่วน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด