Ep. 22
[รบ]
ผมกับธนูกำลังพยายามกลั้นขำกับสิ่งที่เราทั้งคู่กำลังมองดูอยู่
“กูกับการ์ด...แอบคบกันอยู่” ก้องกำลังพูดในสิ่งที่เหมือนมันกำลังถูกบังคับให้พูดยังไงยังงั้น “ตอนนี้น่าจะครบหนึ่งเดือนแล้ว”
มโนทั้งนั้น...ผมกับธนูทำเป็นพยักหน้ารับรู้ การ์ดมันรีบเอาศอกกระทุ้งไอ้ก้อง ราวกับต้องการให้มันพูดเรื่องนี้ให้ดูน่าเชื่อถือกว่านี้
“กูแอบชอบไอ้การ์ด...ก็เลยบอกมันไปว่ากูชอบ”
นัยน์ตาของการ์ดดูอึ้งไปมากที่ก้องมันพูดแบบนี้...ดูก็รู้ว่าไม่ได้เตี๊ยมเรื่องนี้กันมา
“ตอนแรกมันก็ไม่ใจอ่อนหรอก แต่หลังๆ มันก็เริ่มใจอ่อน” ก้องหันไปทางการ์ด “สงสัยเพราะเห็นว่ากูหล่อ”
ริมฝีปากของการ์ดกระตุก...ตอนนี้ไอ้ก้องทำแต้มนำไปแล้วหนึ่งศูนย์
“ก่อนหน้าที่กูจะใจอ่อน...ไอ้ก้องออดอ้อนกูสารพัด บอกว่าถ้ากูไม่รัก...มันคงจะไปผูกคอตายใต้ต้นมะม่วง”
ไอ้การ์ดถลึงตามองคนข้างๆ...เชี่ย ตอนนี้แต้มเสมอกันหนึ่งต่อหนึ่ง!
ธนูยิ้มเมื่อเห็นผมกำลังสนุก...มันเองก็คงกำลังรู้สึกบันเทิงไม่ต่างกัน
“รู้มั้ยว่ามันบอกรักกูยังไง” ก้องเริ่มเอาจริงเอาจังมากขึ้น “มันอ้อนกู...เอามือมันมาโอบรอบคอกู ง้อกูฉิบหาย กลัวกูเข้าใจผิดหาว่ามันไม่รัก”
ก้องสองแต้ม...การ์ดหนึ่งแต้ม
“ก็ตอนนั้นมึงหึงลูกค้าที่เข้ามาขอเบอร์กู...เอ๊ะ กี่คนนะ สี่คนใช่ป่ะ มึงบอกว่ามึงหึงทุกคน โกรธแทบใจจะขาด”
สองต่อสองว่ะ...ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ
“วันนั้นมึงเองก็ไม่ต่าง...เห็นกูไม่ง้อก็เข้ามาง้อขอคุยกับกูเอง กูกะจะเดินหนีออกไปจากร้านอยู่แล้วเชียว แต่มึงกลับวิ่งมากอดขากูไว้...กลัวกูจะไป”
นี่มันนิยายอะไรกันวะก้องงงง
“กูไม่ทำแบบนั้นหรอกนะ” การ์ดกัดฟันใส่ก้อง “กอดขาห่าไรวะ”
“ก็มึงกลัวกูไม่รัก”
“ไม่จริง”
“เหรอ...มึงลองคิดดูดีๆ” ก้องพยักเพยิดมาทางผมกับธนูที่กำลังมองพวกมันอยู่ สุดท้ายการ์ดมันก็ต้องยอม...ยอมให้ก้องมันเป็นฝ่ายชนะไป
“ก็ได้...มึงพูดถูก” หน้ามันบึ้งตึง...ก่อนจะเดินไปทางอื่นด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์
ก้องมองตามไอ้การ์ด ดูงุนงงที่การ์ดมันแสดงออกมาแบบนั้น
“แฟนมึงงอนแล้วน่ะ” ธนูเอ่ย “ไม่ตามไปง้อเหรอ”
“ทำไมต้องง้อวะ” ก้องสวนกลับมาแบบไม่รู้ตัว เมื่อเห็นสายตาของผมกับธนู...มันก็รีบเปลี่ยนสีหน้า “เออใช่...กูต้องไปง้อ”
พวกมันแม่งโคตรไม่เนียนเลย...
ผมเริ่มรู้สึกผิดนิดๆ ที่ทำให้การ์ดต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่คนที่ผิดส่วนหนึ่งด้วยก็คือไอ้ธนู มันเองก็ชอบหึงผมกับการ์ดเหมือนกัน ฉะนั้นความผิดครั้งนี้ผมจะไม่ยอมรับทั้งหมดเพียงคนเดียวหรอกนะ
“ที่จริง...เป็นแบบนี้ก็ดีนะ” ธนูเอานิ้วมาเกลี่ยแก้มผม เราทั้งคู่นั่งอยู่ข้างกันในที่นั่งโซฟาของร้าน “ถ้าไอ้การ์ดได้ไอ้ก้องไปดูแลกูก็จะได้เบาใจ กูรู้จักมันทั้งคู่มานาน...สองคนนั้นนิสัยดี”
“มึงคิดว่าพวกมันจะได้กันจริงๆ เหรอ”
“ไม่รู้สิ”
“...”
“ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะต้องเข้าไปกระตุ้นสักหน่อย”
“สรุปคือมึงจะชงเพื่อนมึงทั้งสองคนให้ได้กันงั้นเหรอวะ” ผมถามธนูเพื่อความแน่ใจ
“ก็เคมีพวกมันแม่งได้”
“อืม” เรื่องนี้ผมเห็นด้วยกับมันนะ... “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเนอะ ในเมื่อเรามีส่วนทำให้ไอ้การ์ดมันรู้สึกแย่ กูว่าหาใครสักคนมาช่วยดูแลมันก็ดี”
ธนูหันมายิ้มกับผม...ก่อนที่เราสองคนจะเริ่มคิดอะไรที่เหมือนๆ กัน
ที่ผ่านมาผมกับธนูชอบมีเรื่องราวให้พวกเพื่อนๆ มันส่องนัก ทีนี้สองคนในนั้นกลับมีเรื่องให้ผมกับธนูต้องมาส่องซะงั้น
ถึงเวลาแก้แค้นแล้วโว้ยยยย
ขอไปดูสักหน่อยซิว่าไอ้สองคนนั้นมันจะง้อกันยังไง
ไม่รู้ว่าบริเวณหลังร้านเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการงอนง้อกันหรือเปล่า
ผมกับธนูมาง้อกันที่นี่บ่อยมาก ไม่คิดว่าคู่ไอ้ก้องกับไอ้การ์ดจะเป็นอีกคู่ที่เจริญรอยตาม...
การ์ดมันกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ ส่วนก้องมันก็ไปเดินเพ่นพ่านอยู่ใกล้ๆ ท่าทางของมันเหมือนไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับการ์ดยังไง
“มึง...”
“มีเหี้ยไร” การ์ดตวาดกลับจนก้องไปต่อไม่ถูก
“ธนู...มึงอย่ายืดตัวสูงดิ” ผมกระซิบ พยายามให้ธนูมันเข้ามาหลบหลังลังเครื่องดื่มให้มิดชิดที่สุด ธนูมันดูงกๆ เงิ่นๆ คล้ายกับไม่คุ้นชินที่ตัวเองต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์จับตามองคนอื่น แทนที่มันจะเป็นฝ่ายจับตามอง
“มึงงอนอะไรกูวะ” ก้องตัดสินใจถามตรงๆ
ไอ้การ์ดดูอึ้งไปเล็กน้อย เหมือนมันให้คำตอบไม่ได้ “ไม่รู้เหมือนกัน”
“มึงไม่รู้ แล้วมันใช่เรื่องที่กูจะต้องมาง้อมั้ย”
“แล้วมึงมาทำไม”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน!”
ผมนี่เกาหัวแทนพวกมันเลยครับ...สายตาของผมลองปรับเปลี่ยนไปมองธนูบ้าง มันกำลังอมยิ้ม...แสดงว่ากำลังถูกใจการเถียงกันไปมาของเพื่อนมันมาก
เกือบลืมไปเลยว่าสไตล์ของคนกลุ่มนี้มันแปลก...
“เหมือนมึงขี้งอน เอาแต่ใจตัวเอง”
ไอ้สัดก้อง มึงหงายการ์ดคำพูดผิดใบแล้ว!
“กูเปล่าสักหน่อย” การ์ดถึงกับหน้าเสียไปเลย “ถ้ากูเป็นงั้นจริงๆ มึงก็ไม่จำเป็นต้องมาสนใจตลอดเวลาก็ได้ แค่ทำเป็นสนใจต่อหน้ารบกับธนูก็พอ”
“กู...ไม่สนใจไม่ได้” ก้องเกาหัวตัวเองแรงๆ “มึงก็อย่างอนกับเอาแต่ใจตัวเองบ่อยนักสิ”
“กู...ไม่รู้โว้ย”
“เออ กูก็ไม่รู้”
“มึงไปไกลๆ ไป กูจะทำงาน”
“งานส่วนเอาท์ดอร์มันงานกูอยู่แล้ว ส่งสายยางมานี่ เดี๋ยวกูทำเอง” ก้องเอื้อมมือไปแย่งสายยางจากมือการ์ด
“กูทำเอง”
“ไม่ กูทำเอง”
“เดี๋ยวกูทำเอง”
ผมสะกิดให้ธนูมันเลิกดูเพื่อนทั้งสอง...เพราะถึงเวลาปล่อยให้พวกมันได้เถียงกันเป็นการส่วนตัวแล้วล่ะ
ธนูพยักหน้ารับ...ก่อนที่พวกเราจะเดินออกมา เพิ่งรู้ก็เดี๋ยวนี้นี่เองว่าไอ้ยุกับไอ้โฮมก็มาส่องไอ้ก้องไอ้การ์ดเหมือนกัน เราสี่คนสบตากันแล้วก็กระพริบตาปริบๆ ใส่กัน
“ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” ธนูกระแอมแก้เก้อ เดินนำหน้าผมเข้าไปอย่างไม่ยอมสบตากับใครอีก
มันไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นเลยสักนิด...
ทุกคนยึดคำพูดของแอลฟาเป็นหลักอยู่แล้วล่ะครับ
[การ์ด]
มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันนะ
ผมไม่มีสมาธิทำงานเลยสักนิด งานเอกสารของร้านตรงหน้ากลายเป็นความว่างเปล่าเมื่อผมมองเข้าไปในจอ ในหัวของผมมีไอ้ก้อง ไอ้ก้องเต็มไปหมดเลย...
อาทิตย์ก่อนมันยังไม่ใช่แบบนี้นี่!
มันคือสาเหตุที่ทำให้ผมหงุดหงิดแต่เช้าอย่างไร้เหตุผล ผมขุ่นเคืองไปหมดกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ไอ้ก้องมันทำ ทั้งตอนที่มันใส่ใจหรือไม่ใส่ใจ ตอนที่มันมองผมหรือตอนที่มันไม่มองผม...บอกเลนว่าผมรู้สึกขัดเคืองตาไปหมดจริงๆ นะครับ
รู้ตัวอีกที...หัวของผมก็มีแต่ไอ้ก้อง สายตาของผมก็คอยมองหาแต่ไอ้ก้องทั้งๆ ที่มันก็ไม่น่าจะอยู่ไกลออกไปจากบริเวณร้าน แต่ผมก็มองหามันอยู่ดี
พอมันเดินเข้ามา...ผมก็ต้องหลบสายตาเพราะมันก็มองมาหาผมพอดีเหมือนกัน
เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง
หัวใจผมเต้นแรงจนแทบจะระเบิด วันนี้ผมกลายเป็นไอ้บื้อที่ไม่ได้การไม่ได้งานเพราะมัวแต่สติหลุด งงใจกับตัวเองว่าทำไมถึงได้รู้สึกวูบวาบแบบนี้กับไอ้ก้องด้วย
สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นหลังจากที่เราสองคนแม่งมีพันธะปลอมๆ กัน
พออีกฝ่ายไม่ใส่ใจ อีกฝ่ายก็โหยหา...พออีกฝ่ายไม่ทำตามบท คนที่อยากทำตามบทก็เริ่มรู้สึกโมโหโกรธาขึ้นมา
ผมกับมันเป็นแบบนั้นใช่มั้ย
หรือว่าผมรู้สึกไปเองฝ่ายเดียว...
โชคดีที่ยุกับโฮมไม่ได้ขยี้เรื่องนี้ ผมไม่รู้ว่าพวกมันมองว่าผมกับก้องเป็นยังไงกัน พวกมันเอาแต่เงียบ ใช้ชีวิตปกติ บางครั้งก็ถามถึงก้องผ่านผม หรือบางครั้งก็ถามถึงผมผ่านไอ้ก้อง...
เอ๊ะ...หรือนั่นมันเป็นสิ่งที่เรียกไม่ปกติวะ
โว้ยยยยย ไอ้ก้องนะไอ้ก้อง...มึงนี่ก็ไม่น่าตบปากรับคำช่วยกูเลย
แม่งทำกูหวั่นไหวไปหมดแล้วเนี่ย!
ผมตัดสินใจขอพักเบรกจากการทำงาน หยิบโทรศัพท์กับหูฟังของตัวเองขึ้นมาแล้วหาที่ฟังเพลงอย่างต้องการสงบสติอารมณ์ เราทุกคนมีช่วงเวลาแบบนี้ครับ พวกเราเรียนดนตรีและบ้าดนตรีกันทั้งนั้น...หากมีเวลา เราก็มักจะหาที่ไหนสักที่ที่เป็นส่วนตัวแล้วก็หยิบเพลงขึ้นมาฟัง แม่งช่วยให้เรามีแรงและก็กำลังใจที่จะทำงานต่อได้มากเลย...
ผมสอดส่องไปทั่วทั้งร้าน...มองจนแน่ใจว่าเจ้านายทั้งสองไม่ได้อยู่ในบริเวณอันใกล้
วันนี้ผมอยากฟังเพลงนานๆ ดีไม่ดีอาจจะเลยช่วงเวลาพักเบรกไปบ้าง...ขออย่าให้ไอ้ธนูมันด่าผมเรื่องนี้เลย
ชั้นสองมีห้องเก็บของเล็กๆ อยู่ห้องหนึ่งครับ มันถือว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับผมทั้งสี่คน (ยกเว้นไอ้ธนูกับไอ้รบอยู่แล้ว) ห้องนั้นตั้งอยู่ข้างๆ ห้องไอ้ธนู ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่ที่โคตรอันตรายหากธนูมันจับได้ว่ามีคนแอบขึ้นมา...แต่ก็นั่นแหละ ที่ที่อยู่ใกล้ที่อันตรายมากที่สุด อาจจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็ได้ ผมจะขอยึดคตินี้ไว้ในช่วงเวลาไม่กี่นาทีสั้นๆ นี่ก็แล้วกัน
ผมเปิดประตูเบาๆ...มองไปทั่วห้องเก็บของที่มีข้าวของของธนูวางจนเต็ม จากนั้นก็เลือกที่จะเดินไปหลังฉากอันใหญ่ที่เป็นของตกแต่งร้านอันเก่าแต่มันพังไปเพราะลูกน้องของพี่นที...แล้วผมก็หยิบหูฟังขึ้นมาเสียบ มองดูวิวทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างกระจกระหว่างฟังเพลงไปด้วย
แม่ง...อารมณ์ผมเริ่มที่สุนทรีย์แล้ว
หลังจากที่ฟังเพลงไปได้สองสามเพลง ผมรู้สึกได้ว่ามีเสียงดังมาจากด้านหลัง...แล้วเมื่อผมทำท่าจะหันหลังกลับ ร่างของคนคนหนึ่งก็ดึงผมหลบเข้าไปในซอกหลืบที่อยู่หลังฉากอีกทีหนึ่ง
“ก้อ...” มือของมันปิดปากผมอย่างรวดเร็ว ผมกดปิดเพลง ทำท่าจะเอาหูฟังออกมาจากหู แต่ก้องไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้น...
มันเองก็ฟังเพลงอยู่เหมือนกันด้วยกันครอบหูฟังบลูทูธ
ผมมองหน้ามันด้วยความงุนงง ก่อนจะถึงบางอ้อเมื่อผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเล็ดลอดเข้ามาในหู
“ธนู มึงนี่นะ...”
“มึงอยากน่ารักเอง ช่วยไม่ได้”
“กูน่ารักห่าไรล่ะ”
“มานี่เลย เร็วๆ”
เสียงจ๊วบจ๊าบดังขึ้นหลังจากบทสนทนาที่เต็มไปด้วยคำหวาน ผมถลึงตามองไอ้การ์ดก่อนจะยื่นหน้าไปดูหลังฉาก...รบกับธนูกำลังจูบกันอยู่โดยที่ธนูโอบรัดตัวรบไว้แน่นจนร่างของทั้งคู่เอียงไปข้าง มือไอ้ธนูก็กำลังบีบคลึงสะโพกของรบอยู่...ดูก็รู้ว่าพวกมันกำลังจะทำอะไรกัน!
“ชู่วววว” ก้องเอานิ้วมือมาปิดปากตัวเองเป็นเชิงบอกไม่ให้ผมส่งเสียงอะไรทั้งนั้น
ผมตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก เสียงจูบดูดดื่มยังคงทำลายสติของผมอย่างต่อเนื่องจนผมนึกอะไรไม่ออก
ก็รู้นะครับว่านี่มันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์...แต่ผมก็ไม่อยากเก็บเอาภาพที่ท่านผู้นำของผมกำลังมีเซ็กส์กับแฟน ไม่งั้นผมจะมองหน้าพวกมันสองคนติดได้ยังไง
ก้องจับมือของผมให้ชูโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา...จากนั้นก็กดเปิดเพลงให้ดังอีกรอบหนึ่ง
ถึงจะเป็นอย่างนั้น...ผมก็ได้ยินเสียงคนจู๋จี๋กันเล็ดลอดเข้ามาในหูของผมอยู่ดี หูฟังของผมเป็นหูฟังราคาถูกเพราะผมแค่หามาใช้แก้ขัด...มันจึงไม่ใช่หูฟังที่ปิดกั้นเสียงภายนอกเท่าไหร่นัก
ก้องมันน่าจะรู้ถึงความจริงข้อนี้...มันจึงจับตัวผมพลิกให้ผมหันหลังให้มัน จากนั้นมันก็ช่วยผมปิดหูทั้งสองข้างให้อีกทีหนึ่ง
เฮ้ย...วิธีนี้แม่งใช้ได้ว่ะ
ผมหลับตาปี๋โดยอัตโนมัติ ทั้งๆ ที่สิ่งนั้นมันกำลังเกิดขึ้นที่ข้างหลังฉากบริเวณกลางห้อง...แต่ผมก็หลับตาปี๋อยู่ดี
โชคดีจริงๆ ที่ไอ้ก้องมันอยู่แถวนี้พอดี ไม่งั้นผมคงไม่รู้จะทำยังไงแน่ๆ
ให้ตาย...หัวใจผมเต้นแรงเป็นบ้าเพราะมือที่กำลังช่วยปิดหูผมอยู่
เป็นความอบอุ่นอย่างที่ผมอธิบายไม่ได้...ซึ่งผมชอบมันมาก ชอบจนอยากจะหยุดเวลาเอาไว้
[ธนู]
กางเกงของรบจะหลุดลงไปกองกับพื้นอยู่แล้ว ถ้ามันไม่ส่งเสียงร้องออกมาซะก่อน
“มีคนอยู่!” มันรีบผลักผมออกไปด้วยสายตาตื่นตกใจ
“หา”
“ตรงนั้น” ใบหน้าของมันแดงก่ำ ไม่รู้ว่าแดงเพราะอารมณ์กำลังติดหรือเพราะมันรู้ว่ามีคนอยู่ในห้องนี้ด้วยกันแน่
ผมรู้สึกฉุนขึ้นมาทันที สายตาของผมตวัดไปมองคนที่ทำให้กิจกรรมของผมกับรบต้องหยุดชะงัก
ใครที่มันช่างกล้า...มาจองห้องนี้ก่อนผม
มันต้องตาย ไอ้เวรเอ๊ยยย!
“ธนู”
“แป๊บ...กูจะไปจัดการ” ผมคิดว่าคนคนนั้นแม่งน่าจะอยู่หลังฉาก เท้าของผมกำลังจะเดินไปหามัน แต่รบกลับดึงผมเอาไว้ นัยน์ตาของผมดูฉ่ำเยิ้มพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ
ถึงกับต้องชะงักเลยกู...
“ต่อ” มันกระแอมแก้เขิน “ไปต่อกันดีกว่า”
เออว่ะ...เรื่องนี้สิวะที่สำคัญกว่า
ผมดันหลังรบให้ออกไปจากห้อง ไม่ลืมที่จะมองจ้องเขม็งไปที่รองเท้าคู่ที่ผมคุ้นตา
ไอ้สัดก้อง มึง!!!
แต่เมื่อเห็นว่ามีรองเท้าอีกคู่ที่อยู่กับมัน...ความโกรธของผมก็หายวับไปกับตา...
มันอยู่กับการ์ดนี่หว่า
หึ...ขอให้มึงได้ขอให้มึงโดนก็แล้วกันนะก้อง
[ มีต่อนะคะ ]