Special Ep. 7
[ธนู]
‘มึงเคยเห็นไอ้ลูกครึ่งเอกการแสดงป่ะ’
‘ที่เต้นสันทนาการเก่งๆ ใช่มั้ย’
‘เออ เอวแม่งดีโคตร’
เพื่อนของผมต่างก็พากันพูดถึงไอ้รบกันตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ไอ้การ์ด ไอ้ก้อง ไอ้ยุ และก็ไอ้โฮมคือเพื่อนที่ผมได้มาตอนปิดเทอมขึ้นชั้นปีหนึ่งพอดี ช่วงนั้นผมเพิ่งได้รับอิสระจากที่บ้านใหม่ๆ ด้วยการไปอยู่ในบ้านที่ซื้อทิ้งไว้ ใครจะไปรู้ว่าตอนนั้นผมจะได้เพื่อนพวกนี้มาแถมยังผ่านเหตุการณ์หลายอย่างมาด้วยกันอย่างกับนิยายมิตรภาพที่ต้องบู๊ล้างผลาญ แต่เรื่องนั้นมันไม่ใช่ประเด็นของตอนสเปเชียลตอนนี้หรอก
วันนี้ผมจะมาพูดถึงไอ้รบครับ
ผมได้ยินชื่อนี้มาตั้งแต่กิจกรรมรับน้อง ที่ถึงแม้ว่าเอกดนตรีกับเอกการแสดงจะไม่ได้รับน้องพร้อมๆ กัน แต่พวกเพื่อนๆ ผมต่างก็ชอบพูดถึงไอ้รบกันทั้งนั้น
มันคือช่วงเวลาก่อนที่ผมและเพื่อนๆ จะไม่ชอบขี้หน้ามัน
แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ...ผมทำเป็นไม่ชอบขี้หน้ามันต่างหาก
คืองี้ครับ...ผมไม่ได้ชอบมันตั้งแต่แรกเห็น และหลายคนคงจะรู้กันไปแล้วด้วยว่าสเป็กที่แท้จริงของผมนั้นต้องเป็นคนที่ข่มผมไม่ได้ สัญชาติญาณที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดของผมก็คือผมไม่ชอบให้ใครมาข่มหรือกดผมลงต่ำ...
แค่ต้องคอยยอมไอ้พี่ชายคนละไส้ก็เรียกได้ว่าเหมือนผมโดนคนทั้งประเทศกดขี่ทั้งๆ ที่มันเป็นฝีมือของไอ้ห่านทีเพียงคนเดียว ฉะนั้นผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำแบบนั้นกับผมอีก แม้กระทั่งคนคนนั้นจะเป็นพ่อของผมก็ตาม
นั่นจึงเป็นสาเหตุหลักๆ เรื่องสเป็กของผม เพราะตั้งแต่ที่ผมรู้ตัวว่าผมไม่ได้รู้สึกสนใจทรวดทรงองเอวของผู้หญิง ผมก็คิดในใจมาโดยตลอดว่าคนที่ผมชอบจะต้องเป็นคนตัวเล็ก ผอมบาง ดูอ่อนแอกว่าผมในทุกๆ ด้าน เวลาที่มีเซ็กส์กันผมจะได้เป็นใหญ่อย่างสมภาคภูมิ
แต่ทุกอย่าง...มันก็พังไปหมดตั้งแต่ผมมีอะไรกับรบในคืนนั้น
ผมกดมันและอยู่เหนือมันก็จริง...แต่มันต่างหากที่อยู่เหนือกว่าผมในทุกๆ สิ่ง
เฮ้ออออออออออ...
ขอเท้าความเรื่องที่ว่าผมทำเป็นไม่ชอบขี้หน้ามันก่อน...ผมสารภาพตามตรงนะครับว่าสำหรับผมแล้วไอ้เหี้ยนี่มันหล่อมาก ผมเจอมันครั้งแรกตั้งแต่รายงานตัวเข้ามาเป็นนักศึกษาของมอ V แล้ว จำมันได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น...
คนห่าอะไรไม่รู้หล่อฉิบหาย
มันเหมือนนายแบบต่างประเทศที่ตัวสูงชะลูดแต่ทว่าผอมบาง วันนั้นผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอขณะที่มองมันเดินผ่านไป มันไม่ได้เห็นผมอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ และที่สำคัญ...ตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นเกย์เหมือนผมหรือเปล่า
ผมก็แค่ให้ความสนใจมันนิดหน่อย และก็จำมันได้ฝังใจกว่าใครทุกคนที่ผมเห็นในวันนั้น
ถ้ามันตัวเล็กกว่าผม หน้าตาน่ารักน่าทะนุถนอมล่ะก็...ผมพุ่งเข้าใส่มันนานแล้วถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ชอบผู้ชายเหมือนกันก็เถอะ ตอนนั้นผมยังไม่กล้าแหกกฎตัวเองเรื่องที่ว่าผมต้องมีอะไรกันกับคนที่ตัวเล็กกว่า ฉะนั้น...ไอ้รบจึงเป็นแค่มนุษย์ที่ติดอยู่ในใจผมเพราะความหล่อ มันก็แค่นั้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง...น่าจะเป็นตอนเรียนปีหนึ่งเทอมสองมั้ง ผมแอบได้ยินบทสนทนาของการ์ดกับก้องที่เถียงกันเรื่องไอ้รบ
‘มันแซวมึงงั้นเหรอ’ ก้องถามการ์ด
‘ใช่...มันกับเพื่อนมันนั่นแหละ กูโคตรไม่ชอบเลย’
‘มันแซวว่าไงบ้าง’
‘หาว่ากูเดินตูดบิด และก็ชอบอ่อยไอ้รบ’
‘-วย ซัดแม่งเลยดีมั้ย’ ก้องกำหมัดแน่นแต่ก็เปลี่ยนท่าทีเมื่อเห็นผมจ้องหน้ามันเขม็ง
ผมไม่ได้ขู่ไม่ให้เพื่อนใช้กำลัง...ผมก็แค่กำลังคิดและก็สงสัยอยู่ว่า...รบมันเป็นเกย์ใช่มั้ย
หลังจากวันนั้นก็มีหลายต่อหลายครั้งที่การ์ดบ่นฉิบหายเรื่องแก๊งไอ้รบชอบมาแซว มันบอกว่ามันรำคาญชนิดที่ว่าไม่อยากเดินสวนหรือเข้าไปหายใจใกล้ๆ ผมได้แต่นิ่งฟังและก็รู้สึกเซ็งๆ ในใจ แม้ว่าการ์ดมันจะตรงสเป็กผมทุกอย่างแต่มันก็เป็นเพื่อนที่ผมช่วยเหลือมาจากการถูกผู้ชายรุมจีบแถมยังเป็นเพื่อนที่รู้ใจสุดๆ ฉะนั้นผมไม่มีวันชอบมันได้ลง ตรงกันข้าม...ตอนนี้ผมกลับรู้สึกอิจฉามันนิดๆ ด้วยซ้ำ
ไอ้รบแม่งมีสเป็กเหมือนกันกับผม...แถมยังเป็นรุกเหมือนกัน แบบนี้พุ่งให้ตายยังไงก็ได้แต่แห้ว
ระหว่างนั้นไอ้รบมันก็เริ่มรู้จักผมจากการที่ว่าผมเป็นเพื่อนสนิทของไอ้การ์ด หนุ่มน้อยที่มันแอบปลื้ม บางครั้งผมก็ต้องทำเป็นตีหน้ายักษ์ใส่มันเพราะมันแซวไอ้การ์ดแบบไม่เห็นหัวผม แต่จริงๆ แล้วเรื่องนั้นทำผมหงุดหงิดอยู่สองอย่างนั่นก็คือหนึ่ง...มันไม่เกรงกลัวผมเหมือนคนอื่นๆ และสองก็คือ...มันมองข้ามผมโดยสิ้นเชิง
ผมยังไม่ได้ปักใจชอบมันในตอนนั้น ผมมีคนเข้ามาหาเยอะมากชนิดที่ว่าทุกคืนผมไม่มีวันเหงา ลีลาบนเตียงของผมถูกเล่ากันปากต่อปากในแวดวงเกย์ควีนตัวเล็กๆ จนหลายคนวิ่งเข้ามาเสนอตัวให้ผมถึงที่...ฉะนั้นผมจึงไม่ได้ให้ความใส่ใจกับรบมากนัก ยกเว้นวันที่มันกับเพื่อนเข้ามาแซวการ์ดนั่นแหละ ผมถึงจะหงุดหงิดไปทั้งวี่ทั้งวันเพราะมัน แต่เชื่อเถอะว่ามันเกิดขึ้นไม่บ่อย หลังๆ ไอ้รบมันไม่ค่อยกล้าแซวการ์ดก็เพราะผม เรื่องนี้ผมฟังจากไอ้ยุมาอีกทีหนึ่ง
ต่อจากนั้นมันก็มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเริ่มเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อไอ้รบไปทีละนิดๆ ทุกคนอยากฟังแบบละเอียดๆ มั้ยครับ...
ไหนๆ การบรรยายตอนนี้มันก็เป็นของผมเพียงคนเดียวแล้ว...ถ้าจะฟังละเอียดหน่อย คงไม่มีใครว่าอะไรหรอกเนอะ
รบ...กูขอแย่งซีนมึงแป๊บนะ
เหตุการณ์ที่หนึ่ง
วันนั้นเป็นหนึ่งวันในช่วงเตรียมสอบมิดเทอมเทอมสองของชั้นปีหนึ่ง ผมกำลังอยู่ในห้องสมุดเพื่อตามหาหนังสือซึ่งเป็นวิชาบังคับของปีหนึ่งแต่ไม่ใช่วิชาของสาขาผม ฉะนั้นจำนวนหนังสือวิชานี้ในห้องสมุดจึงร่อยหรอเหลือน้อยเต็มที
ห้องสมุดกำลังจะปิดในอีกครึ่งชั่วโมง ผมผละออกมาจากกลุ่มเพื่อนเพื่อมาตามหาหนังสือเล่มนี้เพียงคนเดียวเนื่องจากเพื่อนนั้นวางแผนแย่งกันอ่านสองเล่ม ผมไม่อยากเข้าไปแย่งกับพวกมันอีกคน
หวังว่าจะยังมีเหลือให้ผมสักเล่มบ้าง...
ถ้าจะถามว่าทำไมไม่ซีร็อกซ์ล่ะก็...มันเปลืองครับ เปลืองทั้งเงินทั้งทรัพยากรของโลก
คนในห้องสมุดค่อนข้างบางตา ผมเดินไปยังหนังสือหมวดที่ผมต้องการอย่างสบายๆ จนกระทั่งหางตาผมไปเห็นกลุ่มของรบกำลังอ่านหนังสือกันอยู่แต่ไม่เห็นไอ้รบ...
ผมเห็นคนกลุ่มนี้มันจะตื่นเต้นแปลกๆ ไม่ใช่เพราะไอ้ชู้ตมันเข้าข่ายคนตัวเล็กสเป็กผม แต่เป็นเพราะหัวหน้าแก๊งมัน...ไอ้รบผู้เป็นเจ้าของใบหน้าลูกครึ่งและเหล็กจัดฟันสีฟ้าคนนั้น
แม้จะเคืองมันเล็กน้อยเรื่องที่มันชอบแซวไอ้การ์ด แต่การที่ได้เห็นหน้ามันก็เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่เจริญหูเจริญตาดี มันหล่อมาก ขาวมาก และก็จมูกโด่งมาก...มันสามารถทำให้ผมอารมณ์ดีไปทั้งวันได้แค่ได้เห็นมันเพียงแวบเดียว
ความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดขึ้นในใจผม...ไม่มีใครล่วงรู้ด้วยเลยสักนิด
ผมตัดอาการเซ็งที่ไม่ได้เห็นไอ้รบทั้งๆ ที่แก๊งมันอยู่ครบออกไป เพราะผมต้องรีบไปหาหนังสือ เพื่อนผมรอกันอยู่ชั้นล่าง ผมไม่อยากให้พวกมันรอกันนาน
จนกระทั่งได้เห็นรบ...มันกำลังยืนเลือกหนังสือในหมวดที่ผมกำลังต้องการอยู่
หลังสูงๆ ของมันโก่งโค้งเล็กน้อยระหว่างที่ก้มหาหนังสือในชั้น...ไอ้นี่มันชอบแต่งตัวถูกระเบียบแต่ทว่าดูดี ทุกอย่างเข้ากับมันไปหมดตั้งแต่กางเกงสแลคสีดำเข้ารูป เสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาว (อันนี้ก็เข้ารูปอีกเช่นกัน) แม่งดูดีฉิบหายเหมือนนายแบบฝรั่งอย่างที่ผมเคยคิดในใจนั่นแหละ
ผมกระแอมเล็กน้อย แอบหันซ้ายหันขวาแล้วเดินพุ่งตรงไปยังไอ้รบ...
ไปแกล้งหาหนังสือเหมือนกัน...
นานๆ ทีผมจะได้มีโอกาสอยู่กับมันสองต่อสอง เพราะปกติแล้วมันต้องเจอผมอยู่กับแก๊งหรือไม่ก็ผมเจอมันอยู่กับแก๊งน่ะ
ทำไปทำไมวะกู...ถ้ามันรู้เข้าล่ะก็ความเท่ที่สั่งสมมาทั้งหมดจะหายไปเกือบทั้งหมดเชียวนะ
รบรู้สึกตัวตอนที่ผมเข้าไปใกล้มันพอดี มันชักสีหน้า มองผมอย่างตื่นตกใจ ท่าทางกลัวผมมากอย่างปิดไม่มิด
โห นี่คือหัวหน้าแก๊งเอกการแสดงที่ทำเป็นเก่งคนนั้นจริงเหรอวะ
‘มึง’ มันส่งเสียงทักอย่างกล้าๆ กลัวๆ นี่อาจจะเป็นหนึ่งในประโยคแรกๆ ที่มันคุยกับผมจริงๆ จังๆ ‘จะมาตีหัวกูเหรอ กูไม่ได้แซวไอ้การ์ดเลยนะวันนี้อ่ะ’
ผมแอบขำในใจ...แต่ภายนอกนั้นผมแสดงออกไปว่าผมไม่ใช่คนที่อ่อนให้ใครง่ายๆ
‘ที่กูได้ยินมามันไม่ใช่แบบนั้น’ ขอแกล้งหน่อยเหอะ...รุกหน้าหวานเวลาตื่นกลัวนี่น่าแกล้งให้เหงื่อตกเล่นฉิบหาย
‘ไอ้เหี้ย มึงได้ยินมาผิดแล้วโว้ย’ รบค่อยๆ ก้าวถอยหลัง ซึ่งถ้าถอยอีกนิดหลังมันจะชนเข้ากับกำแพงของห้องสมุดแล้ว
เข้าทางกูสิแบบนี้...
‘รู้ใช่มั้ยว่าเพื่อนกูมันไม่สนมึง’ ผมเดินเข้าไปใกล้มัน ขณะที่มันพยายามก้าวถอยหลังให้อยู่ห่างจากผมมากที่สุด ‘แซวไปก็เท่านั้น...ยังไงมึงก็ไม่ได้มันไป’
‘เดี๋ยว...’ รบหยุดชะงัก นั่นทำให้ผมหยุดชะงักด้วย ‘มึงแอบชอบการ์ดใช่มั้ย’
เอาส้นเท้าคิดเหรอ...เพื่อนกับมึงมันเหมือนกันตรงไหน
เอ๊ย เพื่อนกับคนที่ชอบมันเหมือนกันตรงไหน
‘จะบ้าเหรอ’ ผมด่ามันเสียงดัง
‘ก็เห็นมึงชอบแบบนี้ การ์ดอยู่ใกล้มึงมาก แต่ไม่เคยเสร็จมึงเลย...มันจะเป็นไปได้ยังไง’
ยิ่งมันพูดผมก็ยิ่งรู้สึกโมโห รู้สึกอยากจัดการปากเล็กๆ ที่มีเหล็กจัดฟันอยู่ภายใต้ปากนั่นฉิบหาย
...เพราะมันแปลว่ามันไม่เคยเห็นหัวผมในแบบที่ผมต้องการจะให้มันเห็นเลย
‘ขอ...ขอโทษ’ รบเอ่ยปากขอโทษก่อนที่ผมจะด่ามันต่อซะอีก
การกระทำของมันทำเอาผมหยุดชะงัก จะโกรธต่อก็ทำไม่ได้แต่รบมันขอโทษออกมาจากใจจริงๆ
‘รู้ได้ไงว่ากูโกรธ’
‘ก็มึงหน้าบึ้งแบบนี้...มึงไม่โกรธเลยมั้งไอ้เหี้ย’
หัวใจของผมกระตุกวูบ...นั่นมันคือสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้รับจากไอ้รบ การเอาใจใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้นี่มัน...แปลกๆ อยู่นะ
‘สรุปก็คือวันนี้กูไม่ได้แซวการ์ด...ไม่เห็นการ์ดเลยด้วยซ้ำ ถอยออกไปได้แล้ว’
รบเข้ามาผลักผม...แต่ผมมือไวกว่ามัน ผมจับแขนมันเอาไว้แล้วจ้องใบหน้าที่มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจัดของมัน
กลิ่นน้ำหอมราคาแพงลอยฟุ้งเข้าจมูกผม...มันทำให้ผมขาดสติจนเกือบลืมไปเลยว่าผมต้องพูดต่อ
‘อะไรอีกวะ’ รบทำหน้าคล้ายกับจะยกมือไหว้ผมอยู่แล้ว ซึ่งมันตลกมาก นี่ถ้าเพื่อนมันอีกสามคนมาเห็นมันในตอนนี้ล่ะก็...มันคงแกล้งทำเป็นสู้ผมได้ ทั้งๆ ที่สู้ไม่ได้อย่างแน่นอน
น่ารักว่ะ
ตอนนั้นผมยังไม่กล้าพูดตรงๆ หรือแสดงอาการอะไรออกไปทั้งสิ้น ไอ้รบมันตัวสูงเท่าผมแถมยังเป็นรุกเหมือนกัน ไม่มีทางที่มันจะหันมามองผมแน่ๆ
ฉะนั้น...ผมจึงล่าถอย ให้มันจำภาพผมในแบบที่น่ากลัวต่อไป ทั้งๆ ที่ผมอยากน่ากลัวกับคนอื่น ไม่ได้อยากน่ากลัวสำหรับมันเลย
‘มึงห้ามแซวการ์ดให้กูเห็นอีก’ อย่างน้อยผมก็จะไม่ได้ปวดใจเรื่องที่ว่าผมเป็นเพียงเพื่อนของคนที่มันปลื้ม
‘ได้เลย’ รบรับคำง่ายๆ ทำหน้าเหยเกเพราะแขนมันคงแดงเนื่องจากแรงบีบของผม
ผมปล่อยแขนนั้นไปทันที...กลิ่นน้ำหอมของมันหอมซะจนผมนึกอยากจะไปเคาน์เตอร์แบรนด์วันนั้นแล้วก็หาว่ามันใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไร แต่ก็นะ...ผมยังไม่ได้บ้าถึงขั้นนั้น
‘เดี๋ยว...’ จู่ๆ รบก็หันหน้ากลับมา ผมแอบสะดุ้งเล็กน้อยแต่มันคงไม่รู้หรอก
‘อะไรวะ’ ผมถาม
‘มึงกำลังหาหนังสือเล่มนี้อยู่ใช่มั้ย’ รบชี้ไปที่หนังสือที่ผมตามหาซึ่งเหลือเพียงเล่มเดียวบนชั้น
รบมันก็ต้องใช้เหมือนกันเพราะมันเรียนปีหนึ่ง...เอาไงดีวะ เสียสละให้แม่งดีมั้ย
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ รบมันก็ถามต่อ
‘มึงกับเพื่อนมีกี่เล่ม’
‘สอง’ ผมตอบ
‘สองเล่มอ่านกันห้าคน’ มันพึมพำงึมงำอยู่คนเดียว ‘กลุ่มกูมีสี่คนมีสองเล่มเหมือนกัน...อืม’
‘...’ อะไรของมันวะ
‘เอาไปสิ’ มันหยิบหนังสือเล่มนั้นแล้วยื่นส่งมาให้ ผมมองมันอย่างไม่ไว้ใจจนมันต้องกลอกตา ‘เหลือเล่มเดียวเนี่ย มึงคิดว่าจะไม่มีปีหนึ่งคณะอื่นมาหาหนังสือเล่มนี้เหรอวะ เอาไปเลย อย่ามาลีลา’
‘แล้ว...มึงล่ะ’ ผมอดที่จะถามไม่ได้
‘กูอ่านกับเพื่อนก็ได้’ แม่งไม่ชอบซีร็อกซ์หนังสือเหมือนผมเลยนี่หว่า
‘เอางั้นเหรอ’ ผมมองหนังสือที่เพิ่งรับมา รู้สึกผิดปกติที่ต้องรับของ ซึ่งจริงๆ แล้ว...ผมต่างหากที่ควรจะเป็นคนให้มันน่ะ
ก่อนที่ผมจะรู้ตัว...รบมันก็เดินออกจากบริเวณซอกระหว่างชั้นหนังสือไป
ผมเดินถือหนังสือตามมัน แอบไปยืนหลังเสาเพราะได้ยินมันกับเพื่อนกำลังพูดคุยกัน
‘หนังสือล่ะวะ’ ไอ้จุนถาม มองไปรอบๆ ตัวของรบเพื่อหาหนังสือ ‘หมดแล้วเหรอ’
‘ใช่ เล่มสุดท้ายไอ้ธนูมันเพิ่งหยิบไป’
เดี๋ยวนะ...มึงหยิบส่งมาให้กูเองไม่ใช่เหรอ
‘ทำไมไม่แย่งมันมาล่ะวะ’ เบียร์โวยวาย ‘สู้ไม่ได้ก็ชกมันสักสองสามทีแล้วจิ๊กมาเลย’
คงเป็นที่รู้กันว่าสู้ให้ตายยังไงพวกมันก็สู้ผมไม่ได้สินะ...
‘ไม่รู้ว่ะ’ ไอ้รบฟุบหน้าลงกับโต๊ะที่เต็มไปด้วยชีทเรียนและก็หนังสือ ‘แค่ไม่ชอบเห็นมันหน้าบูด’
คำตอบของผมทำเอาหัวใจของผมเต้นแรงมากขึ้น...มันใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของผมในแบบที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนซึ่งผมบอกได้เลยว่า...ผมแม่งประทับใจฉิบหาย
เชื่อว่าหลังจากวันนั้น...ไม่ว่าจะมีเกย์ควีนหน้าสวยหุ่นดีที่สุดแสนจะเซ็กซี่มานอนกับผมกี่คนต่อกี่คนก็ไม่สามารถทำให้ผมสนใจได้เท่ากับรุกลูกครึ่งหน้าหวานอย่างไอ้รบอีกแล้ว
เหตุการณ์ที่สอง
วันนั้นผมกับเพื่อนกำลังนั่งอยู่ใต้ถุนตึกคณะศิลปกรรม บริเวณนี้เรียกได้ว่าเป็นบริเวณที่เราจะสามารถเห็นคนในคณะมากที่สุดไม่ว่าคนคนนั้นจะเรียนคนละสาขากับเราก็ตาม ลองทายดูสิครับว่าใครเป็นคนลากเพื่อนให้มาสร้างแลนด์มาร์คตรงนี้
คนคนนั้นคือผมเอง
พวกเอกการแสดงมักจะเดินไปเดินมาไปทั่วคณะมากกว่าพวกเอกดนตรีอย่างผมที่วันๆ ต้องอยู่แต่ในห้องซ้อม ฉะนั้นเมื่อมีเวลาผมก็มักจะพาเพื่อนๆ มานั่งตรงนี้ ซึ่งเพื่อนๆ มันก็ไม่อิดออด อาจเป็นเพราะมันอาจจะได้เห็นพวกดาราวัยรุ่นที่เรียนอยู่คณะการแสดงบ้างก็เป็นได้
ผมปล่อยให้เพื่อนชื่นชมดาราไป ขณะที่ตัวผมเองลุ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันขอให้รบกับเพื่อนๆ ของมันเดินผ่าน
บางวันคำขอของผมก็เป็นจริง...แต่ก็มีบางวันคำขอของผมก็ไม่เป็นจริง
เวลาที่ผมได้เห็น ผมก็มักจะชอบมองเป็นพิเศษ เพราะรบจะเป็นธรรมชาติมากเวลาอยู่กับเพื่อน แม้ว่าเพื่อนของมันบางคนจะเทิดทูนมันเหมือนที่เพื่อนผมทำกับผม แต่มันก็ยังมีความน่ารักสำหรับผม ไม่ได้มีความน่าเกรงขามหรือน่ากลัวอยู่ดี
ยิ่งเวลาที่มันทำเป็นแกร่งเวลาเห็นผมอยู่กับเพื่อนล่ะก็...อันนี้แม่งโคตรจะบันเทิงสำหรับผมมากมายเหลือเกิน
มันกลัวผม...แต่ถ้านึกย้อนไปตอนที่มันบอกว่ามันไม่ชอบเห็นผมหน้าบึ้ง ผมเชื่อว่าลึกๆ แล้ว...มันก็แคร์ผมอยู่บ้าง
ผมแอบมองมันอยู่หลายต่อหลายวัน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี แต่ก็มีอยู่เพียงหนึ่งวันที่ผมประทับใจสุดๆ ซึ่งเป็นวันที่ผมนั่งอยู่กับการ์ดเพียงสองคน รบมันจึงกล้าที่จะแสดงออกมากเป็นพิเศษเพราะพวกของมันมีเยอะกว่าผม
‘เมื่อเช้ากูเห็นคนขี่บิ๊กไบก์คนนึง...แม่งโคตรเท่เลย’ ไอ้รบพูดกับเพื่อนอย่างออกรส
‘ใช่สีดำป่ะ เห็นมีพวกวิทย์ฯ กีฬาคนนึงขับอยู่’ ไอ้จุนพูดต่อเพื่อนของมัน
‘ไม่ใช่ คนเท่ของกูคือคนที่ขี่คันสีแดง’
ตอนนั้นผมถึงกับไอออกมาเลยทีเดียว เพราะผมเป็นคนขี่มอ’ไซค์บิ๊กไบก์สีแดงและผมก็ไม่รู้ว่าคนที่รบปลื้มนั้นจะใช่ผมหรือเปล่า
ใครหน้าไหนแม่งขี่บิ๊กไบก์สีแดงแบบกูวะ กูจะพังรถแม่งให้หมด
ในมอกูต้องขี่รถสีแดงคนเดียวเท่านั้น...
‘เท่ขนาดนั้นเลยเหรอ’
‘เออ สูงยาวเข่าดี...’ รบชูนิ้วโป้งให้เพื่อนประกอบคำพูด
ขอให้เป็นกูเถอะ ขอให้เป็นกูเถอะ...ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าผมภาวนาให้รบมันปลื้มผม
‘มึงไม่เห็นหน้าเหรอวะ’
‘ไม่เห็น มันสวมหมวกกันน็อก’
‘ฟังดูแล้วก็แปลกจากแบบที่มึงชอบอยู่นะ’
ผมลอบกลอกตาเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้า...ไอ้รบมันก็เหมือนผม นอนกับคนนั้นคนนี้ไปทั่วแถมยังมีแต่คนตัวเล็กๆ แถมยังเป็นรับหน้าใสๆ ทั้งนั้น ซึ่งผมก็ไม่มีสิทธิ์อิดออดอะไร เพราะผมก็ทำตัวเหมือนกันกับมันเด๊ะ
‘ไม่รู้ว่ะ เห็นแล้วใจเต้น’
ผมแกล้งทำเป็นลูบหน้าผากตัวเองเพื่อไม่ให้การ์ดเห็นว่าผมกำลังลุ้นจนเหงื่อตก
‘มันเท่จนใจสั่น ไม่แน่กูอาจจะยอมรับให้มันก็ได้’
มึงพูดเองนะ!
ขอให้เป็นกู...ขอให้เป็นกู...
โธ่เว้ยยยยยยย นี่ผมเป็นบ้าอะไรอยู่
‘พูดจริงป่ะเนี่ย’ จุนช่วยถามย้ำให้ผม
‘เท่แบบนั้นคงไม่เป็นเกย์หรอก’ รบส่ายหน้าไล่ความคิดตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป
เพราะผมมีความประทับใจเหตุการณ์ครั้งที่สอง มันจึงลากยาวไปจนถึงเหตุการณ์ครั้งที่สามด้วย ซึ่งขอบอกไว้ก่อนเลยว่า...ผมก็ไม่ได้ประทับใจร้อยเปอร์เซ็นต์นักหรอก
แต่นั่นมันทำให้ผมรู้ว่า...ผมคงชอบไอ้รบคนนี้เข้าให้แล้วจริงๆ นั่นแหละ
เหตุการณ์ครั้งที่สาม
มันเริ่มจากการที่ผมมือสั่น...
‘เชี่ย’ การ์ดพึมพำ
‘ธนู...มึงใจเย็น’ ยุช่วยเสริม
‘อย่าเพิ่งฆ่าไอ้รบนะ’ ไอ้ก้องห้ามปรามผม
เพื่อนแม่งไม่รู้ ผมไม่ได้อยากฆ่าไอ้รบสักหน่อย...แค่มันแย่งเป้าหมายที่ผมกะสอยไปนอนด้วยคืนนี้...ผมไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรมันเลยสักนิด คนที่ผมโกรธก็คือตัวผมเองต่างหาก
ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรจนผมไม่รู้จะเอายังไง วันนี้ผมกะชวนจิมมี่ คณะมนุษยฯ ไปนอนด้วยซึ่งจิมมี่เป็นคนที่เรียกได้ว่าตัวท็อปแห่งวงการรับของมอ ทั้งใบหน้าทั้งหุ่นเรียกได้ว่าพรีเมียมขั้นสุดยอด ผมเล็งจิมมี่เอาไว้ตั้งนาน และจิมมี่เองก็รู้ด้วยว่าผมกำลังมองมันอยู่ แต่มันกลับเลือกที่จะเดินเคียงคู่ไปกับรบต่อหน้าต่อตาผม...ราวกับต้องการทำให้ผมเสียหน้าและรู้สึกว่ามันเป็นคนที่ยากต่อการไขว่คว้า
ผมไม่ได้มีจิมมี่ในหัวเลยสักนิด...
นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมกับรบมีเป้าหมายเดียวกัน เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าผมไม่ควรปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ ข้างในกายของผมร้อนไปหมดตอนที่รบยิ้มให้กับจิมมี่...ซึ่งรอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มมันไม่มีวันที่จะมอบให้ผม
ผมโกรธที่ผมไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกไปตรงๆ โกรธที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าผมอยากได้จิมมี่ใจจะขาด ทั้งๆ ที่คนที่ผมอยากได้จริงๆ คือรบ...วันนั้นมันทำให้ผมรู้ว่าผมชอบรบเข้าแล้วจริงๆ แต่ในทางกลับกัน...ผมไม่สามารถกระทำการอย่างที่ใจผมต้องการได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่ใช่เพราะกลัวเสียหน้า...แต่ผมคิดว่าตัวเองคงจะเจ็บ
ผมเจ็บแน่แท้อยู่แล้วถ้าผมเข้าไปจีบไอ้รบในตอนนั้น
หลังจากที่มันควงจิมมี่ มันก็ควงคนนั้นคนนี้ซึ่งบางคนก็เป็นคู่ขาเก่าผม คู่ขาปัจจุบัน หรือไม่ก็คนที่กำลังจะเป็นคู่ขา ผมกับมันเหมือนมีเส้นอะไรบางอย่างที่ไม่เคยมาบรรจบกัน มีแต่พันกันวุ่นเป็นปมซะจนคลายปมนั้นไม่ได้
นานวันเข้าผมก็ชักหงุดหงิด รู้สึกอยากเอาชนะแม่งขึ้นมา...
เอาชนะทั้งไอ้รบและก็คนขี้แพ้อย่างผม...ผมกลัวเจ็บเพราะผมไม่อยากเจ็บ ผมไม่เคยชอบใครหรือรักใครตั้งแต่ที่แม่เสียไป ฉะนั้นผมจึงกลัวที่จะมอบความรู้สึกให้กับใครสักคนมาก แต่มันก็ไม่ทันแล้ว...รบแม่งได้ไปแล้ว
หากผมชนะแล้วได้อะไร...ชนะแล้วได้ใจมัน...แบบนั้นผมก็อยากจะลงแข่งอยู่นะ
แต่มันไม่ง่ายแบบนั้น...ผมไม่เคยอยู่ในสายตาไอ้รบเลยไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม
เหตุการณ์ที่สี่
จนกระทั่งขึ้นปีสองเทอมหนึ่ง...ไอ้รบมันถึงได้รู้ว่าคนที่ขับบิ๊กไบก์สีแดงนั่นคือผม
ผมชอบมันแต่สิ่งที่ผมแสดงออกคือความเฉยชา วันนั้นผมจอดรถต่อหน้ามันที่ยืนอยู่กับใครไม่รู้ซึ่งก็เป็นคนในแบบที่มันชอบ แต่แทนที่มันจะสนใจคนที่ยืนอยู่ด้วย มันกลับให้ความสนใจผม...มองผมที่จอดรถและก็ค่อยๆ ลงจากรถมา
‘พี่รบ มองอะไรอยู่ครับ’
‘...’
‘พี่รบ’
ผมยืนจ้องมันทั้งๆ ที่ยังไม่ถอดหมวกกันน็อก มันก็ยืนจ้องผมเหมือนกัน เพียงแต่ผมเห็นว่ามันเป็นใครอยู่ฝ่ายเดียว
มือของผมถอดแจ็กเก็ตหนังออก...ไอ้รบเริ่มอ้าปากหวอ และเมื่อผมถอดหมวกกันน็อค ไอ้รบมันก็ยิ่งเหวอหนักเข้าไปใหญ่
ตอนนั้นผมมีอารมณ์ดีใจนิดหน่อยที่ว่าผมเป็นคนเท่ที่มันแอบปลื้ม...เพราะผมกำลังคิดว่าเรื่องระหว่างผมกับมันไม่มีทางเป็นไปได้
‘พี่รบครับ!’
มันไม่ได้สนใจคนที่มันยืนอยู่ด้วยเลย...เพราะมันเอาแต่มองผม จ้องผมแต่ผม
[ มีต่อนะคะ ]