30..คุณจะปิด ผมจะเปิด
เป็นเวลากว่ายี่สิบนาทีแล้วที่ทิคยืนอยู่หน้าแอสเซมบลีสาม เขาไม่รู้ว่าควรเริ่มตรงไหน ควรทำอะไร และจะเจอคนที่อยากเจอได้ยังไงจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนี้
ที่มาเพราะอยากมาดูให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นเมื่อคืนเป็นอย่างที่เห็นจริงๆหรือแค่คิดฟุ้งซ่านไปเองถ้าไม่เห็นให้ชัดกับตาว่าใช่หรือไม่ใช่เขาคงไม่มีกะใจทำอะไรต่อไป
“ขอโทษนะครับ”
“คะ”
พนักงานฝ่ายการผลิตที่กำลังจะเดินเข้าแอสหยุดเดินแล้วหันมาหาเมื่อถูกทิคเรียกไว้เธอมองมาที่เขาด้วยสีหน้าสงสัยเมื่อทิคเรียกแล้วเงียบไม่พูดอะไรต่ออยู่ครู่หนึ่ง
“คือ...ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนถามหน่อยได้ไหมครับรีบหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ มีอะไรหรือคะ”
“ที่นี่มีเอ็นจิเนียร์ที่เพิ่งมาใหม่ชื่อ...บัวแก้วไหมครับ”
“บัวแก้ว”
เธอทวนชื่อที่ได้ยินด้วยใบหน้านึกคิด
“ไม่มีนะคะ”
เมื่อไม่ได้สิ่งที่หวังทิคจึงยิงคำถามใหม่อีกอย่างใจร้อนรน
“แล้วพราวละครับ”
“พราวมีค่ะ เพิ่งมาใหม่”
คำตอบของเธอทำให้ทิคหายใจลำบากคิ้วขมวดปมด้วยความกังวลทันทีแต่ก็ไม่ลืมโค้งหัวขอบคุณคนตรงหน้าเธอจึงเดินจากไป
กิ๊ฟดอกแก้วที่เขาสั่งทำพิเศษให้บัวแก้วไม่มีทางที่จะมีใครมี ชุดสีครามน้ำทะเลเหมือนคืนนั้นอีก มันไม่มีทางที่ทุกอย่างจะเหมาะเจาะขนาดนั้น
เขาต้องเห็นกับตาให้ได้ว่าไม่ใช่จริงๆ
คิดแค่นั้นทิคก็เดินเข้าไปในแอสเซมบลีสามทันทีหลังจากที่ยืนอยู่ด้านหน้าอยู่นานโชคดีที่เข้าไปก็เจอกับเอ็นจิเนียร์แอสสามที่พอจะรู้จักกันพอดี
“อ้าวทิค มาทำไร”
คนๆนั้นร้องทักแล้วเดินเข้ามาหาทิคจึงถามออกไปทันทีอย่างไม่รั้งรอ
“พราวที่ได้รางวัลเมื่อคืนอยู่หรือเปล่า”
“แหม่...ไปสปาร์คอะไรกันตอนไหนเนี้ยมาตามหาน้องเขาถึงแอสเชียว”
“ตอบมาเถอะ!”
ทิคเผลอขึ้นเสียงไปจนคนตรงหน้าที่กำลังทำท่าทางล้อเลียนแบบสงสัยต้องหยุดไปทันที
“นะ..น้องเขาไปตรวจสต๊อกพาสอยู่...”
ยังพูดไม่ทันจบทิคก็เดินหนีออกไปจนคนๆนั้นได้แต่หันมองตามงงๆ
ไม่ต้องบอกว่าไปทางไหน ที่ไหน เพราะที่เก็บพาสชิ้นส่วนงานอยู่ส่วนเดียวกันเหมือนกันทุกแอสทิครีบเดินไปที่นั้นอย่างไม่สนใจว่าระหว่างทางใครจะทักทายอะไรมาจนมาถึงห้องดังกล่าวในที่สุดเขาหยุดยืนนิ่งหายใจแรงจนอกกระเพื่อมมือจับลูกบิดประตูค้างอยู่อย่างนั้น
ถ้าเปิดเข้าไปแล้วไม่ใช่คนที่เขาหวังละจะรับไหวใช่ไหม
หรือถ้าเปิดเข้าไปแล้วคือคนที่เขาคิดจริงๆละ...จะทำยังไงต่อ
ทิคตัดสิ้นใจเปิดเข้าไปในที่สุดและทันทีที่ประตูเปิดออกก็เป็นจังหวะที่คนในห้องหันมาดูพอดีทำให้ทั้งคู่สบสายตากันทันที
ไม่ใช่
ไม่ใช่...บัวแก้ว
ทิคปล่อยมือจากลูกบิดประตูแล้วทิ้งแขนลงข้างตัวอย่างอ่อนแรง เขาเดินเข้าไปหาคนๆนั้นด้วยแข้งขาที่แทบจะไม่มีแรงจนเธอหันมาเต็มตัวเพื่อมองเขาดีๆด้วยใบหน้าสงสัย
“คุณ...คือใคร”
คำถามของทิคทำเอาเธอมองด้วยสีหน้าสงสัยกว่าเก่าเพราะเมื่อคืนก็เจอกันบนเวทีแล้วทิคจำไม่ได้หรอ
“ผมถามว่าคุณคือใคร!”
ทิคตะโกนเสียงดังจนก้องไปทั่วห้องก้าวเข้าไปหาแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างเธอบีบแรงกระชากไปมาจนเธอกรีดร้องด้วยความตกใจทิ้งแฟ้มในมือตกลงสู่พื้น
“พราว ฉันชื่อพราว”
เธอพูดตอบทั้งที่ยังหลับตาด้วยความกลัวจนตัวสั่นทิคเห็นแบบนั้นก็เริ่มได้สติค่อยๆคลายมือจากไหล่จนเธอมีโอกาสถอยห่างออกไป
“ผมขอโทษ คุณเจ็บหรือเปล่า”
ทิคพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้ารู้สึกผิดจับใจเธอมองมาเมื่อเห็นว่าสายตาทิคตอนนี้เปลี่ยนไปจากตอนแรกเหมือนคนละคจึงค่อยๆส่ายหัวตอบ
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งคู่ ทิคใช้สมองคิดเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยสายตาสั่นไหวแล้วเงยหน้าขึ้นถามเธออีกครั้ง
“กิ๊ฟดอกแก้วอยู่ไหน คุณมีมันได้ยังไง ไปเอามาจากที่ไหน”
เธอมองทิคด้วยสีหน้าไม่เข้าใจแต่ก็ตอบคำถามแต่โดยดี
“ฉันคืนเจ้าของไปแล้วเพราะมันราคาแพงเกินไปฉันรับไว้ไม่ได้”
“เจ้าของ”
ทิคทวนคำอย่างไม่เชื่อหูมองคนตรงหน้าด้วยคิ้วขมวดปม
“ใคร เจ้าของคือใคร ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
“ฉันไม่รู้”
เธอตอบทันทีอย่างไม่ต้องคิดแล้วพูดต่อ
“ก่อนวันงานสองวันมีคนส่งกล่องของขวัญมาให้ฉันที่แอสเขาบอกว่าเขาปลื้มฉันตั้งแต่เข้ามาทำงานวันแรกเลยส่งของขวัญมาให้พอเปิดดูก็เป็นชุดกับกิ๊ฟนั้นแล้วเขาก็เขียนการ์ดมาว่าให้ฉันใส่มันไปในวันงานกินเลี้ยงเมื่อคืนถ้าอยากรู้ว่าเขาคือใครฉันรู้แค่นี้ รู้แค่นี้จริงๆ”
เธอร่ายยาวหมดเปลือกตามความจริงทิคละสายตาจากเธอด้วยสายตาสั่นไหวแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทิ้งให้เธอมองตามด้วยความไม่เข้าใจตามไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ครับพี่มานพ ครับ จะจัดการให้ครับ ไม่เป็นไรครับ สวัสดีครับ”
ตุบ!
ไหล่ถูกดึงจนต้องหันไปตามแรงจนโทรศัพท์ในมือหล่นไปกับพื้นเมื่อเงยหน้าขึ้นดูหมายจะต่อว่าก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อหน้าของเขาถูกต่อยจนหน้าหันเซเสียหลัก
“มึงทำแบบนี้ทำไม มึงทำทำไมไอ้มาร์ค!”
ทิคตะโกนเสียงดังใส่หน้ามาร์คจับคอเสื้อมาร์คขยำแน่นขึ้นแล้วต่อยไปอีกครั้งแรงจนมาร์คล้มไปกับพื้น มาร์คดันตัวเองลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปต่อยทิคกลับเต็มแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าโกรธแค้นไม่ต่างกัน
“มึงจะได้ไม่ลืมไง มึงจะได้ไม่ลืมว่ามึงเป็นคนฆ่าเขา!”
“กูไม่ได้ฆ่าบัว กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ได้ทำ กูไม่ได้ทำ!”
ทิคสวนหลับเสียงดังจ้องตามาร์คกลับอย่างไม่ลดละแต่นัยน์ตาตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตาที่สั่นกลิ้งไปมา
“มึงจะไม่มีวันหนีความจริงพ้นไม่ว่าครอบครัวมึงจะใช้ความรวยปกปิดความเลวของลูกตัวเองยังไง แต่กูจะไม่มีวันปล่อยให้มึงลืมสิ่งที่มึงทำกับบัว กูจะไม่มีวันปล่อยให้มึงลืมว่ามึงฆ่าเขา บัวจะไม่มีวันหายไปจากชีวิตมึง!”
ของบางอย่างถูกปาใส่หน้า ทิคได้แต่ยืนนิ่งเขาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อดห้ามมัน
“มึงต้องตายทั้งเป็น มึงต้องรับรู้ความรู้สึกของบัว”
คำพูดของมาร์คทำให้ทิคต้องหลับตาหนีจนไม่อยากลืมตาเสียงรถสตาร์ทแล้วขับออกไปไม่ต้องลืมตาดูก็รู้ว่าเขาถูกทิ้งไว้ตรงนี้คนเดียวแล้ว
แต่พอลืมตาขึ้นแสงจากของที่ตกอยู่ที่พื้นกำลังส่องแสงระยิบระยับจนเขาต้องเดินเข้าไปหาช้าๆด้วยขาที่ไร้เรี่ยวแรงทิคนั่งลงแล้วยื่นมือไปหยิบกิ๊ฟดอกแก้วที่หักไปจนไม่เหลือความสวยงามเหมือนเดิมขึ้นมากำไว้ในมือแน่นไปแนบกับอก
“ขอโทษ..เราขอโทษ”
เขาพูดด้วยเสียงติดขัดขมเพราะจะร้องกำของในมือแน่นน้ำตาเม็ดโตล่วงจากตาและไหลไม่หยุดจนกลายเป็นร้องไห้จนตัวสั่นเจ็บปวดจนแทบขาดใจเมื่อนึกถึงเจ้าของกิ๊ฟในมือ
ซู่...
เสียงน้ำไหลจากก๊อกลงสู่จานชามที่กำลังล้างทุกอย่างทำไปอย่างรวดเร็วด้วยความชำนาญจนเสร็จเรียบร้อยแล้วบาสจึงสลัดน้ำออกจากมือแล้วหันไปเช็ดกับผ้าที่แขวนไว้เช็ดมือเขาเพิ่งทานข้าวกับแม่เสร็จไปจึงอาสาเก็บกวาดเองไล่ให้แม่ขึ้นไปทานยาให้ตรงเวลา
“พรุ่งนี้อย่าลืมเอาบัวลอยในตู้เย็นไปให้คลังนะบาส”
เสียงแม่ตะโกนลงมาจากชั้นบน
“คร้าบ”
บาสตะโกนตอบรับไปแล้วเดินออกมาจากครัวเพื่อที่จะปิดไฟแล้วขึ้นชั้นบนแต่พอไฟในบ้านดับก็เห็นแสงสว่างจากด้านนอกชัดขึ้นทำให้เห็นว่ามีอะไรสักอย่างอยู่ตรงรั้วบ้านบาสจึงเดินไปมองตรงหน้าต่างรถคันหรูที่คุ้นเคยที่จอดอยู่ทำให้เขาต้องรีบตรงไปที่ประตูบ้านแล้วเดินออกไปดู
เป็นอย่างที่คิดทิคกำลังจะเปิดประตูรถเหมือนกำลังจะกลับทำให้บาสรีบพูดออกไป
“มาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่เข้าไปในบ้าน”
เสียงทำให้ทิคหยุดการกระทำแล้วหันไปหา
ทั้งคู่สบตากันค้างอยู่ครู่หนึ่งทิคจึงปิดประตูรถที่เปิดค้างไว้ลงแล้วหันไปหาบาสเต็มตัว
“มันดึกแล้วไม่อยากกวน”
“ไม่เห็นกวนตรงไหนทำไมคิดแบบนั้น”
คิ้วที่ขมวดเป็นปมของบาสทำให้ทิคเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับยิ้มบางๆบนหน้า
“ไม่คิดก็ไม่คิด แต่ตอนนี้เข้าบ้านเถอะยุงเยอะกูจะกลับแล้วเหมือนกัน”
ทั้งคู่สบตากันหลังจากทิคพูดจบ บาสพยักหน้าให้ตอบตกลงทิคจึงค่อยๆถอยหลังแล้วหันกลับไปเดินเพื่อที่จะไปขึ้นรถ
!
แต่มือที่กำลังจะเปิดประตูรถต้องชะงักเมื่อหลังของทิคถูกกอดจากทางด้านหลัง ทุกอย่างหยุดนิ่งไปทันทีรอบกายตอนนี้ได้ยินแค่เสียงลมพัดจากความเงียบในตอนกลางคืนเท่านั้นมือต้องกำที่เปิดประตูรถที่จับค้างอยู่แน่นเมื่อเอวถูกกระชับกอดแน่นขึ้นอีกและความรู้สึกของหลังที่ถูกใบหน้าแนบชิด
“เป็นอะไร”
ทิคถามเสียงติดหัวเราะพร้อมกับยกมือขึ้นมาจับมือบาสที่คล้องกันอยู่ที่ท้องของตนแล้วเอียงคอเหลือบมองคนที่เอาแต่กอดตนอยู่นิดๆ
บาสไม่ตอบคำถามแต่การกระชับกอดให้แน่นขึ้นก็เป็นคำตอบได้อย่างดีมือบาสที่ถูกทิคจับไว้ถูกบาสหงายมันแล้วสอดประสานมือตนกับมือทิคเข้าด้วยกันแล้วบีบแน่น
“มีอะไรบอกกูได้ มึงรู้ใช่ไหม”
บาสพูดเสียงอู้อี้อยู่กับหลัง ทิคหมุนตัวกลับไปหาแล้วพูดออกไปด้วยเสียงเบาหวิว
“มึง...รู้อะไรใช่ไหม”
บาสมองสายตาสั่นไหวที่บ่งบอกถึงความกังวลของทิคตอนนี้แล้วพูดออกไป
“หรือว่าที่กูคิดจะเป็นเรื่องจริง”
ทันทีที่บาสพูดจบทิคเงยหน้าขึ้นสบตาบาสทันทีแต่ใบหน้าบาสที่เคร่งเครียดในตอนแรกกลับเปลี่ยนเป็นระบายยิ้มกว้างออกมาแทน
“มึงไปทำผู้หญิงท้องใช่ไหม”
บาสพูดพร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าทิคคาดโทษแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อทิคค่อยๆเปลี่ยนจากหน้าเครียดในตอนแรกมาเป็นค่อยๆเผยยิ้มบางออกมาพร้อมกับส่ายหัวปฏิเสธไปมาเบาๆ
ทั้งคู่ยืนหัวเราะใส่กันขำอยู่ครู่หนึ่งและเป็นบาสที่เป็นฝ่ายพูดออกไป
“ไป รีบกลับบ้านไปได้เล่าดึกแล้ว”
ทิคยกข้อมือตัวเองที่มีนาฬิกาขึ้นมองแล้วเงยหน้าพยักหน้าให้บาส
“ไปนะ”
“อืม”
“รีบเข้าบ้านไปสิ”
ทิคพูดพร้อมกับเชิดหน้าไปทางบ้าน
“จะรอส่ง”
แต่พอได้ยินคำพูดของบาสก็ยิ้มกว้างแทบแก้มปลิ
“กลับไปได้แล้ว”
บาสพูดแล้วโบกมือไล่กลายๆทิคพยักหน้ายิ้มให้แล้วเดินแยกออกมาเดินตรงไปที่รถ
“ทิค”
แต่เสียงเรียกทำให้คนที่กำลังเดินต้องหันกลับไปมองด้วยความสงสัย แต่คนเรียกเอาแต่ยืนเงียบไม่พูดอะไรต่อจนเจ้าของชื่อต้องเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรด้วยสีหน้าสงสัย
“กลับไป...ต้องนอนนะ”
เสียงหัวเราะดังออกจากลำคอทิคเมื่อได้รู้จุดประสงค์ว่าบาสเรียกทำไมแล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงติดหัวเราะ
“ก็ต้องนอนสิ ไม่นอนแล้วจะให้ทำอะไรเบอะ”
เมื่อยิ้มให้กันเสร็จแล้วทิคจึงหันกลับไปเดินต่อคราวนี้กลับจริงๆบาสยืนมองไฟรถที่ค่อยๆห่างออกไปจนสุดลูกตาอยู่ตรงนั้น
“กูจะเข้าถึงมึงได้ยังไงทิค”
บาสพูดกับตัวเองด้วยใบหน้านิ่งแต่เต็มไปด้วยความกังวลไม่รู้จริงๆว่าควรทำยังไงตอนนี้
รู้แค่ว่าคืนนี้หวังว่าทิคจะนอนหลับได้สนิทจริงๆ
“กาแฟไม่ควรจะกิน ควรจะอาบเอาเลยแม่ง!”
เสียงคลังที่เดินนำหน้าไปกำลังทะเลาะกับกาแฟแก้วเดียวในมืออีกแขนก็คล้องถุงบัวลอยที่แม่ให้เอามาให้ด้วยดังมาให้คนที่เดินตามหลังได้ยิน
“ตีป้อมเมื่อคืนทำพิษกูมากวันนี้ต้องเสนองานกับพี่บงอีก ตายแน่เลย ตายกู”
บาสหยุดเท้าลงมองหลังคลังอยู่ครู่หนึ่งแล้วเรียกชื่อออกไป
“คลัง”
คนถูกเรียกละจากการบ่นเพ้อพกอยู่คนเดียวหันกลับไปหาคนเรียกด้วยสีหน้าสงสัย
“มึงเป็นเพื่อนกับทิคมานานแล้วใช่ไหม”
“เออ”
คลังตอบด้วยสีหน้าเฉยๆกับคำถามพร้อมกับยกกาแฟในมือขึ้นจิบต่อ
“รู้จักคนชื่อบัวไหม...เขาเป็นใคร”