Prep 15 : ReVirginized ฉันเหมือน 15 อีกครั้ง
การเลี้ยงพระยังคงดำเนินต่อ คนตายก็ยังต้องการบุญกุศล แม้ว่าเมื่อคืนจะเกิดเรื่องมากน้อยแค่ไหน
เอในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ มันดูหล่อเชียววันนี้แม้จะอดนอน ส่วนป๊ากับม๊าที่มีสีหน้าผ่อนคลายลงบ้างแล้ว ภิกษุ 9 รูป กำลังฉันเพล แล้วก็สวดแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับผ่านรูปอากงที่ตั้งไว้ใกล้พระพุทธ
ปกติแล้ว บ้านของเอจะใช้บริการพระวัดจีนแถวบ้าน แต่เนื่องจาก ทำบุญ 100 วันเป็นประเพณีทางไทย จึงนิมนต์พระไทยมาแทน พอเสร็จพิธีกรรม เจ้าอาวาสก็ส่ง กำหญ้าคาแห้ง ให้พระที่นั่งลำดับถัดไปอันเป็นสัญญาณว่า ให้พรมน้ำมนต์ให้กับสถานที่ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเรือนตามความเชื่อของผู้เป็นเจ้าภาพ
ป๊าบัญชา ส่งขันน้ำมนต์ใบใหญ่ไปให้ชายผิวเข้มในชุดเสื้อยืดขาวกางเกงยีนส์ดำ ที่นั่งไม่พูดจาอะไรตั้งแต่เช้า แต่เป็นที่จับจ้องด้วยสายตามองของทั้งญาติทุกเหล่าฝ่าย ซึ่งซุบซิบ นินทา ชี้มาจนผู้เป็นเป้าสายตามีอาการเขิน
“ป๊าวาน อำนาจ พาพระเดินพรมน้ำมนต์ให้ทีนะ เอ ลื้อนำทางไปที ไปที่โกดังหลัง ไปทุกๆที่เลย วันนี้ฤกษ์ ปัดเสนียดจัญไรให้หมดไป ป๊าล่ะดีใจจริงๆ”
“ครับ” พี่อำนาจรับบาตรน้ำมนต์ เดินเคียงคู่กับพระสงฆ์ โดยมีเอเดินตามไปข้างๆ ละอองน้ำมนต์สาดไปยังส่วนต่างๆ ของออฟฟิศ ก่อนจะกระเซ็นไปทั้งโกดังเก็บของ และ สโตร์ สักพักเอก็เดินนำขึ้นไปยังตึกใหญ่ ยังห้องนอน ทุกห้อง พระท่านก็พรมไปทุกส่วนสัดไม่มีปริบ่น ไม่แสดงออกบนใบหน้าว่าเหนื่อยหน่าย แถมมีรอยยิ้มด้วยซ้ำตอนป๊าเองถวายซองหนาให้
พี่อำนาจหลังจากที่ไอ้เอพาสำรวจพื้นที่เมื่อคืน ดันไปเจอความไม่ชอบมาพากล ซึ่งคนในบ้านของเอ ก็มักจะปล่อยให้กับทางคนงานดูแลสโตร์กันเอง มีการแอบนำของในสโตร์ไปขาย แถมยังโยนออกนอกรั้วแบบไม่เกรงกลัว ตอนที่รถกระบะมาจอดข้างรั้วแล้วมารับปูนหลายสิบกระสอบอยู่นั้น พี่อำนาจก็กระโดดคว้าตัวพร้อมโทรเรียกตำรวจพอดี ที่ผ่านมา คนงานต่างด้าวกับพนักงานบัญชีรู้กัน จับสต็อคสินค้าเข้าเป็นของชำรุดบ้าง เสียหายบ้าง
ในยุคที่ลูกจ้างหายาก แถมหนีกลับกันไป ก็เมื่อ ออง ซาน ซูจี ผู้นำหญิงมาเยี่ยมพบปะที่สมุทรสาครคราวก่อน มีความเคลื่อนไหวในกลุ่มชนแรงงานต่างด้าว ในทางดีบ้าง ในทางเหิมเกริมบ้าง อย่างหลังเกิดขึ้นในบริษัทของเอ
ป๊าก็ต้องปล่อยบางอย่างเลยตามเลย เพราะว่ากองกำลังต่างด้าวค่อนในระแวกมีขนาดใหญ่ จะไล่ออกก็กลัวว่าจะกลับมาทำร้ายเพราะแต่ละคนดุดัน พูดจาไม่รู้เรื่อง ตกเย็นก็ตั้งโต๊ะกินเหล้าขาว แถมยังจับไม่ได้คาหนังคาเขา จะเข้าไปตรวจในโกดัง ก็ทำได้แค่ตอนกลางวัน เพราะตกดึก แม้จะอยู่ในชายรั้วของบ้านตัวเอง แต่มันก็ดูน่ากลัว
ถ้ายกกันออกหมด คนงานก็หายาก เพราะคนที่เป็นตัวหัวโจก ขู่บังคับให้ทุกคนทำตามนี้กันหมด แต่เมื่อคืนพอตำรวจได้จับตัวหัวไป คนงานที่เหลือก็รีบเล่าขั้นตอนวิธีการโกงให้ฟัง พร้อมกับแสดงความอึดอัด เพราะพวกเขาก็อยากจะทำงานที่นี่ไปอีกนาน เนื่องจากป๊าของเอใจดี จ้างแรงในราคาที่สูงกว่าที่อื่น
ป๊ากับม๊า ขอร้องให้พี่อำนาจอยู่ต่ออีกวันสองวัน เพื่อที่จะช่วยเคลียร์ทุกอย่างจนเข้าระบบ เสนอการเลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี เข้าทางพี่อำนาจที่แสดงความเก๋า คุมคนงานทุกคนได้อยู่หมัดเพียงแค่แผดเสียงใส่ คนงานทุกคนหงอ แต่ก็ยังปฏิบัติตามอย่างดี ป๊ากับม๊าดูดีใจมาก แถมยังบอกเอให้เรียกพี่อำนาจมาหาให้บ่อย ยิ่งพอรู้ว่า ตอนนี้พี่อำนาจไม่ได้ทำงานกับพ่อผมชั่วคราว ป๊าถึงกับชวนให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน เล่นเอาเอทำหน้าไม่ถูกเลย
ผมเลยขับรถกลับมาคนเดียว ปล่อยให้พี่อำนาจได้ทำคะแนนกับพ่อตาแม่ยายไปเรื่อย เอาหน่า เอมันก็ดูจะมีความสุขไม่น้อย การชนะใจบ้านคนจีนยากแค่ไหน ก๋วยเจ๋ง กับ อึ้งย้ง คงรู้ดี ผมก็มองว่า พี่อำนาจพักงานอยู่ในจังหวะที่เหมาะที่ควร ม๊าของเอฝากมะขามเทศถุงเบ้อเร่อมาฝากพ่อผมด้วย แต่ผมก็กะว่าจะแวะที่แห่งหนึ่งก่อน
ดิ ลอฟต์ เฮ้าส์ สาธร
ผมไขประตูเข้ามาในห้อง คอนโดที่ผมให้ใครบางคนยืมอาศัยจนกว่าจะหางานได้ ห้องเละตุ้มเป๊ะ ตามประสาความไม่มีวินัยของผู้อาศัย สาบานได้ว่าเห็นแมลงสาปอยู่ที่กองเสื้อผ้า จานที่ไม่ได้ล้างวางกองอยู่ตรงอ่าง ไม่รวมถุงขยะที่ไม่ได้เอาไปทิ้ง ผ้าปูที่นอนวางกองสูง
หลังจากที่ผมโทรมายังส่วนกลางก็พบว่า ออกัส ไม่ได้กลับห้องมาร่วมอาทิตย์แล้ว ในตู้เสื้อผ้ามีเหลือเครื่องแต่งกายอยู่ไม่มาก เชื่อว่าเขาทยอยย้ายของออกไปแล้ว ผมมองไปที่หลอดไฟกลางห้องที่ผมเคยซ่อนกล้อง GPS ไว้ มันถูกเปลี่ยนด้วยหลอดไป แอลดีดี ธรรมดาแทน ก็ลองเดินสำรวจดูข้าวของที่อาจเสียหาย เผื่อเรียกคนมาซ่อมแซมตอนเขาย้ายออก
กะไว้ว่าจะเอาให้คนเช่าต่อ ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอกนะ แต่ห้องถ้าไม่มีคนอยู่เลย มันก็โทรม อมฝุ่น สู้ให้คนมาอยู่ให้ตึกมันคึกคักดีกว่า ก็พ่อของผมเหมาชั้นไว้ 24 ห้อง เราให้เช่าทุกห้อง ด้วยราคาที่พ่อผมตั้งคนแย่งกันอย่างกับอะไรดี ทุกคนโอนตังตรงเวลาโดยเฉพาะลูกค้าผู้เช่าต่างชาติ พ่อบอกว่า เงินเหลือก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร จะลงทุนอะไรก็หาว่าฟอกเงิน เก็บไว้ก็ชอบมีนักการเมืองมาขอยืม สู้เอาไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์ดีกว่า จมกับที่ดิน บ้าน คอนโด ยังดีกว่า นักการเมืองขอยืมแล้วทวงคืนไม่ได้ หรือไปต่างประเทศบ้าง อ้างว่าไม่ได้เป็นรัฐบาลบ้าง พ่อจึงไม่ค่อยว่า ถ้าผมจะใช้เงินเยอะขนาดนี้ พ่อพูดเสมอว่า ดีกว่าให้คนยืมแล้วไม่ได้คืน แต่ก็ให้ผมเรียนรู้คุณค่าของเงินอยู่เสมอ
บนโต๊ะหนังสือริมหน้าต่าง ซึ่งเขาไม่เคยอ่านหรอก หนังสือหนังหา ที่ผ่านมาเห็นเล่นแต่มือถือ และดูละครหลังข่าว โต๊ะหนังสือดูจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดียวที่เรียบเตียนที่สุดในห้อง มีรูปของเขาอยู่ตรงนั้น
รูปเดี่ยวของออกัสที่เชียงใหม่
รูปคู่ของออกัสกับกันต์ที่กำลังนั่งทานของหวานร้านหรู
รูปคู่ของออกัสกับผู้กองขณะเดินห้าง
แล้วก็ยังมีรูปคู่ของออกัสกับพี่ไผ่ ขณะนั่งรถไปไหนกันสักแห่ง
และ..รูปคู่ของออกัสกับผม รูปที่เราไปญี่ปุ่นด้วยกัน..
บ้านของต้นหลิว
ผมพาการ์ตูนมาส่งบ้านหลิว วันนี้เขามีการนัดที่จะเตรียมความพร้อมก่อนฝึกงาน การ์ตูนแต่งตัวหล่อเพื่อมาหาหลิว และแน่นอนว่า แม่ของหลิวต้องชวนผมทานข้าวเย็นที่บ้านแน่นอน ผมอยากให้โอกาสเพื่อนได้ทำคะแนน แล้วก็ไม่อยากให้หลิวคิดว่าผมโกรธเธอเกี่ยวกับการที่หลิวปิดบังเรื่องออกัสกับพี่ไผ่ ผมต้องการแสดงออกว่า ไม่มีอะไรรบกวนจิตใจผมได้ แม้ว่า คนที่ผมกำลังจะเผชิญหน้า เป็นคนที่ผมอยากเค้นเอาคำตอบที่ค้างคาใจเหลือเกิน
แม่ของหลิว โผเข้ากอดเมื่อเห็นผม ท่านสั่งให้คนเตรียมอาหารเพิ่ม พ่อของหลิวมอง การ์ตูนอย่างพินิจพิเคราะห์ แถมยังซักถามอะไรหลายอย่าง ผมค่อยๆ เดินออกมาจากห้องรับแขกปล่อยให้ผู้ใหญ่ได้คุยกับชายหนุ่มแสนเรียบร้อย คุณลุงคงใช้ลางสังหรณ์ของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ก็ย่อมทราบได้ว่า การ์ตูนกำลังทำคะแนนอย่างเงียบเชียบกับลูกสาวคนเดียวของท่านเป็นแน่ แม่หลิวพาผมไปชิมขนมไทยหลายอย่างที่ท่านกำลังหัดทำ สักพักนึง ระหว่างที่กำลังรอให้แม่ครัวเตรียมกับข้าวมื้อเย็น หลิวก็เดินเข้ามาพร้อมพี่ไผ่
“น้ำอยู่กินข้าวกับเราก่อนนะ” หลิวเดินมาเกาะแขนผม ผู้ซึ่งกำลังช่วยคุณแม่ของเจ้าตัว จัดขนมหวานลงบนถ้วยเบญจรงค์
“ก็รับปากคุณแม่แล้ว เดี๋ยวเรากับตูน อยู่ทานด้วย”
“แล้วนี่ตูนไปไหนล่ะ”
“โดนคุณลุงเรียกคุยน่ะ” ผมส่งสายตาแบบมีเลศนัยไปยังหลิว เพื่อหลอกดูอาการว่า เธอจะรู้ไหมนะ ว่าการ์ตูนแอบชอบ
“อ๋อ พ่อนี่ก็” แล้วหลิวก็ปลีกตัวเดินไปทางห้องรับแขก เพื่อไปพิทักษ์ตูน ซึ่งเดาว่า คุณลุงน่าจะซักจนอ่วมเลย
“แล้วนี่ ไผ่จะไปไหนล่ะลูก ไปดูฟิตเนสเหรอ อยู่ทานข้าวกันดีกว่า โทรไปบอกที่ทำงานสิ ว่าวันนี้ไม่เข้า” คุณแม่เสนอแนะ
“เอิ่ม. ผมว่า.. ผมไม่อยู่น่าจะดีกว่าครับ” ไม่แม้แต่น้อย ที่เขาจะหันมามอง
“ก็แล้วแต่นะ น้ำกับตูนอุตส่าห์มาทั้งที”
“อยู่กินข้าวกันไหมพี่ ที่ฟิตเนสคนไม่เยอะหรอกวันนี้ ผมเพิ่งถามโค้ชเดชเมื่อกี้นี้เอง” ผมทำใจดีสู้เสือ แสดงให้เขาเห็นว่า ผมไม่ได้ยี่หระอะไรกับทุกเหตุการณ์ คนอย่างไอ้น้ำ สตรองเพียงพอ
“ก็ได้นะ” แล้วพี่ไผ่ก็ขอตัวไปโทรศัพท์ เอาล่ะสิ เขาก็คงจะลองดูเชิงว่าผมจะมีอาการอะไร ก็รอดูแล้วกัน แต่งานนี้ผมไม่แพ้แน่นอน
“ไอ้เอ มึงเป็นไงบ้างวะ” ผมต่อสายหาเพื่อนรัก
“แปลกๆ ว่ะ คือคนในบ้านทุกคนเหมือนจ้องจะจับผิดกู บรรยากาศแปลกๆ แต่ไม่มีอะไร”
“แล้วไอ้พี่มันเป็นไงวะ”
“ก็กลายเป็นลูกรักป๊ากูไปแล้ว นี่ไปนั่งกินเหล้ากับป๊ากูน่ะ ส่วนม๊านี่ทำกับแกล้ม ลงครัวเองเลย”
“ฟังดูพิกล”
“กูล่ะเสียวว่ะไอ้น้ำ กูทำตัวไม่ถูก”
“ป๊าคงดีใจ ที่ลูกคนเล็กจะออกเรือน”
“ออกเรือนกับเตี่ยมึง นี่กูทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่า พี่อำนาจจะมาไม้ไหน แต่สถานการณ์เรื่องคนงานสงบแล้ว”
“แล้วคนงานให้ออกไปหลายคนไหม”
“สาวไปสาวมา ก็หลายคน แล้วพี่อำนาจโทรไปหาเพื่อนเขา ให้จัดแรงงานเข้ามาชุดให้ มีให้เลือกเยอะ ป๊านี่รับหมดเลย ค่าแรงถูกด้วย แล้วก็ดูไม่มีพิษมีภัย”
“นี่พาตูนมากินข้าวบ้านหลิว”
“หลิวมันรู้ยังหว่า”
“เดี๋ยวคืนนี้ กูจะถาม”
“จะดีเหรอ”
“ต้องช่วยมันว่ะ ไอ้ตูนมันบื้อ ส่วนหลิวนี่ก็โลกสวย เดี๋ยวกูช่วยเหลือเอง”
“แล้วมึงล่ะ ใครช่วยเหลือมึง”
“กูไม่ต้องการคนช่วยอะไรทั้งนั้น”
แล้วก็มีเสียงของหลิว ตะโกนมาเรียกให้ไปทานข้าวในห้องอาหาร ผมจึงยกมือขอเวลาสักครู่ ว่าจะรีบตามไป ผมลุกขึ้นจากชิงช้าในสวน เพื่อเตรียมไปสมบทกับทุกคน ได้เวลาเผชิญหน้ากับมื้อเย็นที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึมอยู่ไม่น้อย
“ไหวนะ”
“เอาจริงๆ กูไม่ได้แคร์ไอ้ออกัส ขนาดนั้นว่ะ ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว” ผมตอบเอ ที่ยังรอสายอยู่
“กูไม่ได้หมายถึงไอ้กัส กูหมายถึง พี่ไผ่”
“...”
“มองจาก แถวคลอง 11 นี่ก็ยังรู้เลย ว่าพวกมึงเสี้ยนในกันและกัน”
“ไอ้สัส”
“กูแค่ไม่คิดว่า พี่ไผ่แมร่ง เท่ขนาดนั้น จะมาพิศวาสอะไรมึง”
“กูก็ตัวท็อปอยู่ ไอ้เชี่ยยย”
“อันนั้นกูรู้ แต่ประเด็นคือ บ้านเขาก็ตระกูลใหญ่เปล่าวะ เขาคงเครียดอยู่นะเว้ย ไม่มีประวัติกับผู้ชาย”
“บังเอิญว่า เคยมีเว้ย ประวัติเขาคือ ไอ้กัส นั่นเอง”
“อืม”
“ทำไมมึงไม่ตกใจ”
“กูรู้จากพี่อำนาจนานแล้ว”
“อ้าว ทำไมมึงเหี้ยอย่างนี้ล่ะเพื่อน”
“ของบางอย่างมันก็พูดไม่ออกนะเว้ย อย่าไปโกรธหลิว หรือโกรธทุกคนเลยนะเว้ย จะโกรธกู กูก็ไม่ว่า”
“กูไม่โกรธใครหรอก กูบอกแล้วว่า กูไม่ใช่คนเดิม”
“แต่มึงก็เป็นน้ำเพื่อนรักกูนั่นแหล่ะ มีอะไรโทรมานะเว้ย”
“อืม.. มึงก็เหมือนกัน ป๊ามึงเอ็นดูลูกเขยก็ดีแล้ว”
“ไอ้สัสน้ำ !”
หมั่วโถวที่สไลด์เสิร์ฟคู่กับขาหมูฮ่องเต้ ถูกส่งทั้งจานไปยังหัวโต๊ะ มีปลาจาระเม็ดนึ่งบ๊วยของโปรดหลิวที่เจ้าตัวแทบไม่ยอมแบ่งกับคนอื่น ตรงหน้าผมมีแกงจืดปลาหมึกยัดไส้สีตุ่นหมองพอกับใบหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม พี่ไผ่นั่งจิ้มยำคอหมูย่างเข้าปากไม่ได้สนทนากับใคร พ่อของหลิวที่อยู่หัวโต๊ะ มองพี่ไผ่ สลับกับหลิวไปมา ก่อนจะชวนให้คุณแม่ชิมปลาคังลวกจิ้มที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งผมเป็นคนซื้อมาฝาก การ์ตูนนี่ไม่ต้องพูดถึง นั่งตับลีบแบนนิ่งเสียจนแทบจะเหมือนหินสลักรูปหมี
“พ่อสบายดีเนอะน้ำ นี่ไม่มีโอกาสไปเยี่ยมท่านสักที สงสัยต้องนัดวันซะแล้ว”
“สบายดีครับ พักนี้พ่อไม่ได้ไปไหน ใกล้ฤดูเลือกตั้งด้วย”
“ท่านกลัวพวกรัฐมนตรียืมเงินน่ะสิ คนพวกนี้ก็นะ เอ่ยปากยืมกันง่ายๆ”
“คุณพ่อชินแล้วครับ”
“งั้นเดี๋ยวลุงไปยืมมั่งดีกว่า ฮ่าๆๆ”
“ที่มีอยู่ คุณลุงก็ใช้ไม่หมดแล้วนะครับผมว่า”
“เผื่อต้องแต่งลูก เดี๋ยวจะชักหน้าไม่ถึงหลังน่ะสิ”
“แต่งลูกชาย หรือลูกสาวล่ะครับลุง” ผมชนะยกที่หนึ่ง ทิ้งระเบิดไปก่อนใหญ่ ให้ไอ้คนโตของบ้านนี้นั่งหน้าจ๋อยเลย
“ลุงก็พูดไปอย่างนั้นแหล่ะ สงสัยจะอีกนาน” กลายเป็น ตูนที่รีบก้มเคี้ยวกุ้งราดผัดเปรี้ยวหวานตรงหน้า หลบสายตา
“ป้าก็บอกแล้ว เลือกเอาสักคนสิลูกน้ำ แล้วมาสู่ขอเลย” แม่ของหลิวที่นั่งเงียบอยู่นาน โพร่งออกมาบ้าง
“อ้าว ทำไมทำกับผมอย่างนี้ล่ะครับ ฮ่าๆๆ”
“ทุกวันนี้ ก็เหมือนลูกอยู่แล้ว จะไปตก ไปแต่ง ให้มันเสียค่าสินสอดทำไมล่ะคุณก็”
“แหม ถ้ามาขอลูกสาว เราคงไม่กล้ารับสินสอดบ้านท่านหรอกค่ะ แต่ถ้าลูกชายเราไปขอ จะหาสินสอดไม่ทันน่ะสิ หน้าตาอย่างลูกน้ำนี่ ค่าสินสอดจะเท่าไหร่กัน” คุณแม่หลิว นั่งทำหน้าคิดเป็นจริงเป็นจังมาก จนที่โต๊ะเริ่มทำหน้าเหวอ ผมเห็นท่าจะยาว แถมตัวเองก็เป็นท็อปปิคหลัก เลยพยายามแก้เก้อ
“โหว แค่ได้กินของอร่อยแบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้วครับ” ก็พอจะทำให้ทุกคนได้หัวเราะแบบเสแสร้งกันได้บ้าง โดยเฉพาะคนที่นั่งตรงข้าม เขายังคงใช้ส้อมเขี่ยอาหารไปมา ไม่ได้มองหน้าใคร แค่เหลือบตามาจ้องผมเป็นระยะ ก็เท่านั้น
ผมกลับมาถึงบ้าน พ่อยังคงนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา ดูอะไรอยู่น่ะเหรอครับ เป็นซีรีส์เกาหลี ที่คุณหมอสาวคนหนึ่ง กับ นายทหารหนุ่มที่ด้วยภาระหน้าที่การงาน ไปด้วยกันไม่ได้ ผมแปลกใจที่พ่อนั่งดูรายการอะไรแบบนี้ ผมเลยเข้าไปนั่งใกล้ๆแล้วก็นอนที่ตักพ่อ เป็นการอ้อน ตามประสาลูกชายคนเดียวที่เงินใกล้หมด และบัตรเครดิตใกล้เต็มวงเงิน
“อำนาจ เป็นยังไงบ้างแล้ว ทำอะไรอยู่”
“ผมไม่รู้ ไม่ได้ติดต่อ”
“อย่ามาโกหก”
“ก็สบายดี ไปช่วยบ้านเอ รื้อระบบใหม่ คนงานมันเกรียน”
“เออ ก็เหมาะกับอำนาจดี”
“นี่พ่อโกรธพี่เขามากเลยเหรอ จริงๆผมผิดเองครับพ่อ”
“พ่อรู้ แต่เขาเป็นพี่ เขาต้องคอยเตือน ไม่ใช่สงเสริม”
“เขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งผม เขาเป็นลูกจ้างพ่อ เขาก็ทำตามทำสั่ง”
“แต่พ่อไม่ได้เลี้ยงเขาแบบลูกจ้างนี่นา”
[ TBC ]
**** มีฉาก half blood INCEST แบบเบา ต่อด้านล่าง กรณีไม่ใช่แนว ควรกดข้ามตอน