Prep 19 : Bareback ฟ ห ก ด ย ส ต น
“ตื่นมากินข้าวต้มก่อนสิอุทิศ” ผมเรียกน้องชายที่นอนอ้าซ่า ไม่ยอมนุ่งผ้า เพราะกลัวว่ากางเกงจะไปเสียดสีกับผิวของอุทิศน้อยซึ่งเพิ่งโดนชำแระเอาหนังหุ้มปลายออกไป แม้จะมีอาการบาดเจ็บแต่มันก็ชูชันขึ้นมา รอยเย็บไหมสีดำดูน่ากลัว กระนั้น มันดูน่ารักน่าชัง เออ.. เอ็งมีของดี เกินวัยเลยนะ น่าอิจฉาชิบเป๋งเลย
อุทิศงัวเงียลุกขึ้นมารับข้าวต้มไปทานโดยที่ยังไม่ได้แปรงฟัน เขาไม่ได้คว้าผ้ามาปิดเครื่องเพศเขาแต่อย่างใด ก็เราพี่น้องกัน ไม่รู้สึกจะอายอะไร แม้จะคนละพ่อก็เหอะ
“เมื่อคืนพี่ทำผมเจ็บระบมไปทั้งคืนเลย พี่น้ำ”
“พี่ไปทำอะไรเอ็งตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็พี่คนหล่อๆล่ำๆ กับพี่น่ะสิ อนาจารกันที่ระเบียง”
“อ๋อ” ผมนึกถึงเมื่อคืน ก็เขินขึ้นมาเหมือนกัน ผมก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น แต่อารมณ์มันพาไป ก็เลยช่วยพี่ไผ่อยู่ตรงระเบียงสักเล็กน้อย แกจะได้หายเครียด อดอยากปากแห้งมาแรมเดือน แถมพี่มันก็มีอารมณ์เมื่อรู้ว่ามีเจ้าอุทิศนั่งมองอยู่ คือชอบเป็นที่เพ่งเล็งสินะ ผมก็ต้องมาทำบัดสีไปด้วย ละอายใจอยู่เหมือนกัน
“นอนแข็งทั้งคืนเลยครับพี่ เจ็บอ่ะ” เขามองลงไปที่แผลผ่าตัด มันมีรอยฉีกนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับเลือดออก ผมเลยเอามือไปพลิกดู มันก็ตื่นตัวขึ้นมา ทำให้รอยแผลถูกดึงรั้งด้วยท่อนที่ขยาย น้องจึงร้องด้วยเสียงออกมาอันดัง “โอ๊ยยย พี่น้ำ” ผมต้องรีบปล่อยมือแล้วให้เขาท่อง พุทโธไว้ เพื่อระงับกิเลส
“น้องมีอารมณ์กับผู้ชายด้วยเหรอ”
“เปล่านะครับ ผมชอบผู้หญิงนมใหญ่ๆ แต่แหม มานั่งสาวมือกันให้เห็น แถมยังดูดปากกันเป็นชั่วโมง มันก็มีอารมณ์บ้าง”
“พี่ขอโทษ พี่ไผ่มันคึก แต่อยู่ในช่วงงด พี่ก็สงสาร เหมือนหมาเดือนสิบสองถูกขังกรงน่ะ หมั่นไส้ แต่ก็สงสาร”
“เขาหล่อเนอะพี่คนนั้น หุ่นก็ดีน่าอิจฉา ผมอยากหล่อแบบนั้นบ้าง”
“เราก็หล่อ เดี๋ยวยิ่งโตจะยิ่งหล่อ หัวบันไดบ้านจะมันเลื่อมเลยล่ะคอยดู ยิ่งมีเจ้านี่ขนาดนี้ด้วยนะ” ผมชี้มือไปที่ผู้บาดเจ็บ
“ผมหวังว่า มันจะออกมาถูกใจผู้รับทุกคนนะครับ” แล้วเขาก็เอามือพลิกเล่นไปมา จนมันชูขึ้นมาอีกครั้งแล้วก็ร้อง “โอ๊ยย”
ผมมาหาต้นหลิวที่บ้าน แวะมาสวัสดีคุณป้ากับคุณลุงที่พักนี้ผมเข้าออกบ่อยขึ้น คุณลุงให้คนเอารถผมไปเก็บในอาคาร พร้อมให้อยู่ทานอาหารกลางวันด้วยกัน ผมเลยเดินมาช่วยคุณป้าเพราะว่าคุณป้าลงครัวเอง
“นี่เมื่อวานเราไปช่วยตูนเลือกเสื้อผ้าฝึกงาน อยากหล่อเลย” ผมเล่าให้หลิวฟัง หลิวเหลือบตามามองขณะที่ปลอกหัวหอม
“ไม่ได้พากันไปทำอะไรพิเรณนะ” หลิวหลิ่วตามา
“เห็นไปต่อกับไอ้เอ ก็ไม่รู้สินะ ฮ่าๆๆ” ผมแกล้งยั่วเพื่อน เพราะขึ้นชื่อว่าไอ้เอ ไม่มีใครไว้ใจ
“เดี๋ยวเหอะนะพวกนี้” หลิวเอามีดชี้มาที่หน้าผมเลย
“หลิว ลูกวานไปช่วยป้าหน่อยจัดโต๊ะ แล้วก็เอาชาร้อนไปให้คุณพ่อทีสิ แม่จะคุยกับน้ำแป๊บนึง” คุณป้าหันไปบอกกับหลิว
พอต้นหลิวคล้อยหลังไป คุณป้าก็หันมาส่งยิ้มให้ผม รับรู้ได้เลยว่า คงอยากรู้เรื่องแฟนของลูก ผมเลยรีบบอกโดยไม่ต้องให้ถาม เล่าถึงความดีงามของการ์ตูน ตลอดจนความขยัน ชาติตระกูล คุณป้าก็ยืนยิ้มไปพร้อมกับปรุงแกงกะทิไปด้วย
“ป้าไม่ได้อยากรู้เรื่องหลิวกับการ์ตูนสักหน่อย”
“อ้าว”
“หลิวมีอะไรเล่าให้ป้าฟังหมดแหล่ะ การ์ตูน ป้าก็รู้จักดี ให้คนไปสืบมาหมดแล้ว ป้ารู้ว่าป้าไว้ใจการ์ตูนได้ จะมีก็แต่หลิวนี่แหล่ะ จะไปสร้างความปวดหัวให้ตูนได้นะ”
“ผมก็นึกว่า ให้หลิวออกไปก่อน เพื่อจะคุยเรื่องนี้”
“ป้าอยากจะคุยเรื่องเจ้าไผ่”
“อ๋อครับ พี่ไผ่ก็กำลังพยายาม ทั้งโฟกัสเรื่องงาน แล้วผมก็ดูแลไม่ให้พี่ไผ่ ออกนอกลู่นอกนาง ไม่รู้จะทำได้แค่ไหนนะครับ”
“ป้าเลยอยากจะคุยนี่ไง”
“ครับ”
“ป้าคุยกับลุงแล้ว พวกเราก็ไม่ไว้ใจใคร ถ้าไหนๆ ไผ่ก็เชื่อฟังแต่น้ำ ป้าก็ไม่รู้ใจน้ำ ว่าชอบพอลูกป้าบ้างไหม”
“ป้าพูดแบบนี้ผมก็เขินสิครับ ฮ่าๆๆๆ บอกแล้วว่า ยังไงผมก็เหมือนลูกเหมือนหลาน”
“คือ ป้าน่ะ รู้ใจลูกชายมาตลอด ในห้องเขา ก็มีแต่รูปของน้ำตั้งแต่เรียนในไทย ป้าเจอหมอนพิงที่น้ำซื้อให้เขาวันเกิด เขายังเก็บไว้จนทุกวันนี้ จนมันแบนแฟบไปหมด ไผ่คิดอะไรทำไมป้าจะไม่รู้”
“ผมก็คิดว่า พี่ไผ่เป็นคนน่ารักครับ เพียงแต่ ที่ลุงกับป้าอาจตกใจไปบ้าง ที่พี่เขามีบางอย่างต่างออกไปจากกรอบของสังคม แต่พี่เขาก็กำลังปรับตัว”
“ไม่มีข้อแก้ตัวในเรื่องนั้น มันเป็นความผิดของเขาทุกอย่าง แต่ลุงกับป้าก็ให้อภัย แล้วหวังว่าน้ำก็จะให้อภัยเขาด้วย”
“ที่ผ่านมา ผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่มีอะไรผิดต่อกันครับ ผมก็ไม่ใช่จะดีเด่อะไรนะครับ เรื่องนี้ผมรับได้”
“มาเป็นคนกันเองในครอบครัวเถิดนะ มาให้ลุงกับป้าได้ใกล้ชิดกับน้ำมากกว่านี้”
“คุณป้าครับ..”
“รับรักเจ้าไผ่มันสักที ถ้าน้ำก็มีใจ”
หลังจากทานอาหารซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความอึมครึม ไม่ใช่ในทางที่ไม่ดี เหมือนฝนจะตก ก็มีมืดหม่นบ้าง เพียงแต่ก็ไม่ได้มีใครกลัวฝนนั้นเท่าไหร่ คุณลุงคุยกันเองกับพี่ไผ่มากขึ้น ดูผ่อนคลายกันทั้งคู่แต่ก็ยังมีระแวดระวังบ้าง หลิววีดีโอคอลล์กับการ์ตูน คุณป้ายังชวนให้มาปาร์ตี้บาร์บีคิวด้วยกันวันเสาร์นี้ พี่ไผ่ตักอาหารให้ผมอย่างเขินๆ ผมเองก็ทำตัวไม่ถูก คือ แบบมันต่อหน้าผู้ใหญ่น่ะครับ
ป้าบอกกับผมว่า พ่อแม่ทุกคนแหล่ะ อยากให้ลูกมีความสุข เพียงแต่พ่อแม่ไม่รู้หรอก ว่าความสุขของลูก เป็นความสุขที่จีรังไหม แต่ถ้าเป็นเรื่องหัวใจ พ่อแม่จะไม่ยุ่ง ขออย่างเดียวว่าอย่าไปทำอะไรที่มันเลยเถิดอย่างที่ผ่านมา
ส่วนเรื่องกรรมการผู้บริหารจะคิดอย่างไรกับพี่ไผ่ในเรื่องรสนิยมทางเพศ คุณลุงจะรับหน้าเอง
ญาติทั้งหลายที่รวมกันตั้งคำถาม คุณป้าจะจัดการเอง ขออย่างเดียวให้พี่ไผ่ได้มีความสุขบนกรอบสังคมอยู่บ้าง
เอาเข้าจริง ผมก็บอกได้เต็มปากว่า พี่ไผ่อยู่ในใจผมมาตลอดนั่นแหละ แต่ว่าเส้นทางวงโคจรของเราไม่ได้มาเจอกัน เขาก็ระแวงว่าผมจะคิดอย่างไรกับเขา ส่วนเขาก็เป็นคนที่ผมคงได้แต่มอง ไม่คิดเลยว่าเขาจะชอบผมขนาดนั้น
ผมตามพี่เขาขึ้นไปบนห้อง กะจะไปดูสิว่า คุณป้าโม๊หรือเปล่า ตุ๊กตา Bad Badz Maru [ แบด แบด มารุ ] เป็นทรงหมอนอิงที่ผมให้เขาไปเมื่อหลายปีก่อน มันเป็นของที่เขารักเขาหวงอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ
พี่ไผ่หยิบมันมาให้ดู โอ้น้องแบด ทำไมแบน แต๊ด แต๋ ขนาดนี้ ร่องรอยการใช้งาน ผมเลยคว้าน้องเขามาวางที่ตัก
เดี๋ยวสิ.. ทำไมปากแบด แบด มารุ ถึงมีรู นุ่นตรงนั้นก็เป็นรูกลวง พอลองเอานิ้วแหย่เข้าไป นุ่นก็จับตัวเป็นก้อน
ไอ้พี่ไผ่ มึงล่อตุ๊กตากู !!
เขาไม่ได้ปฏิเสธตอนผมเอานิ้วแหย่เข้าไปในปาก แบด แบด มารุ ผมเอานิ้วที่แหย่ไปโดนนุ่นที่แห้งแข็งอยู่ข้างใน แล้วเอามาดมดู นี่มันกลิ่นคาวอย่างนั้นแน่นอน ไอ้ห่า คนอะไร คึกได้ขนาดนี้ เขาทำหน้าเขินๆ หลบตา
“มันทำให้พี่คิดถึงน้ำ”
“พี่ต้องมีลิมิตบ้างนะ บางอย่างก็ทำให้ผมตกใจเลยเนี่ย พี่ไผ่ที่เคยเป็นไอด้อลผม” แล้วผมก็หันไปทำตาดุ เขาทำหน้าจ๋อยเหมือนเด็กสำนึกผิด ผมเดินไปนั่งข้างเขา เอื้อมตัวไปหอมเขา
“พี่พยายามอยู่ครับ มันมีบางช่วงที่เหมือนว่า พี่ไม่มีสติ แต่ก็ไม่มีข้อแก้ตัว ทุกอย่างมันเป็นเพราะความคะนองของพี่เอง เอาเป็นว่า ขอให้น้ำเข้าใจ แล้วก็ให้โอกาสพี่นะ” เขาเอื้อมตัวมาหอมผม ผมจู่โจมดูดไปที่ริมฝีปากของเขา แล้วดันตัวเขานอนลง เอามือดึงเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนของเขาออกจากร่างล่ำนี้ ผมโลมลิ้นไปตามตัวเขาในขณะที่ถอดเสื้อของตัวเองออก
ก็เขานี่แหละคนที่ผมโหยหา คนที่ลาไปเมืองนอกแล้วทำให้ผมคิดถึงอยู่เสมอ
คนที่ชอบผมแล้วทำไมไม่ยอมบอก ปล่อยให้ผมแอบหลงใหลในตัวเขาอยู่คนเดียว
คนที่ผมต้องคอยแกล้งหาเรื่องผู้หญิงไปปรึกษา ทำให้ผมเมาเป็นบ้าเป็นหลังจนต้องไปลงเอยกันออกัส
ทำไมเขาไม่พูดมันให้เร็วไปกว่านี้ มันน่าแค้นนัก คิดแล้วก็ต้องแก้แค้น ต้องกำราบสักหน่อย
“พี่พร้อมจะเป็น ภารกิจที่สาม ของผมแล้วใช่ไหม”
ได้ผล.. เขาหน้าซีด มองซ้ายมองขวา เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาที่หน้าผาก ก่อนจะหลับตาปี๋ แล้วถอดหายใจออกมา
“ก็ได้ครับ.. พี่ยอม พี่ยอมน้ำ”
ผมก้มลงไปจูบที่ซอกคอ แล้วเอามือดึงกางเกงกีฬาของเขาออกจากร่าง ไม่ใส่กางเกงในแฮะ แต่ตอนนี้เจ้าตัวใหญ่มันไม่ชูชันเหมือนเช่นตอนที่เราโรมรันพันตูกันสักครู่ มันอ่อนปวกเปียกตั้งแต่ได้ยินคำว่า ภารกิจที่สาม
ผมเตรียมเผด็จศึกพี่ไผ่ นายต้องเป็นเมียเรา หึ สมน้ำหน้า
ริมฝีปากบรรจงไซร้ตามซอกหู ลงมาที่แผ่นอกล่ำ ผมลงลิ้นไปที่กล้ามท้อง จับพี่ไผ่ยกขาขึ้นตั้ง เขามีอาการกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกผิดน้อยลง อยากไปสุงสิงกับออกัสดีนัก เดี๋ยวจะได้รับรู้รสการเป็นรับ ว่ามันทั้งเจ็บทั้งสนุกแค่ไหน พ่อตัวดี
ผมเอานิ้วเอื้อมไปกดขวดวาสลีนที่หัวเตียง แล้วล้วงทาเข้าไปในร่องก้นของเขา พี่ไผ่ครางแต่ไม่ใช่เพราะความเสียวซ่าน น่าจะเพราะเจ็บและกลัว เขาไม่กล้าแม้แต่ลืมตาขึ้นมา ผมเริ่มสงสารเขา แต่ผมสงสารตัวเองมากกว่า ที่มัวแต่เป็นบ้ากับผู้ชายคนนี้ ผมคิดแล้วก็อยากจะทะลวงให้หายแค้น ผู้ชายที่สำส่อน มั่ว มัวเมาตรงหน้า ถึงเวลาแล้ว ต้องอยู่ใต้อาณัติผม
“พร้อมแล้วนะครับ”
“.....”
“พร้อมไหมครับพี่ไผ่”
“... อืม” มีคราบน้ำตาไหลออกมา โถ.. กำลังจะเสียซิง พ่อรุกออรินัลในตำนาน
ผมเพิ่มนิ้วที่สองเข้าไป
“โอ๊ยยยยยยยย”
ผมก้มลงไปจูบ ไปดูดปากเขาอีกรอบ ก่อนจะใช้อีกนิ้วแหย่เพิ่มเข้าไปเป็นสาม
“อ๊ากกกกกกกก” มันเป็นเสียงเดียวกันกับที่เกิดจาก น้องกันต์ และ ผู้กองจิมมี่
ผมเอาของผมที่สวมถุงยางรอ ไปจ่อไว้แทนนิ้ว พี่ไผ่หลับตาปี๋ ถอนหายใจเฮือกใหญ่เป็นเฮือกสุดท้าย
.....ผมทำไม่ได้
ผมปล่อยมือจากขาของเขาที่ยกขึ้นมาชันไว้ ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนทับบนตัวเขา
กลายเป็นผมที่หลับตาพริ้ม แล้วโอบกอดเขาไว้ เขาลืมตาก่อนกอดผมกลับ เขาจูบผมตรงหน้าผาก เรามองตากัน
พี่ไผ่พลิกตัวเอาผมลงมานอนที่เตียง แล้วเขาก็อยู่คร่อมตัวผม
นี่ต่างหาก.. ที่ผมต้องการ
ผมไม่ได้อยากได้เขาเป็นเมียผม.. แต่ผมอยากเป็นเมียเขา..
เรากอดกันไปอย่างนั้นเป็นชั่วโมงโดยไม่ได้ทำอะไรต่อ สักพักจนคุณป้าให้หลิวมาเคาะประตูเพื่อทานอาหารว่าง ผมก็ขอตัวไปห้องน้ำเพื่ออาบมัน
ฝักบัวที่เปิดน้ำ พ่นลงมาที่ลำตัวผม ผมหันหน้าไปสู้ละลองน้ำที่ไหลชโลมลงมา เนื้อตัวที่เปลือยเปล่า กับสายน้ำที่ชะล้างคราบไคล มันไหลลงพื้นเข้าท่อระบายน้ำไปพร้อมกับเรื่องติดค้างในใจผมจนหมดสิ้น
ฝักบัวถูกเปิดให้น้ำแรงขึ้นอีกจากชายที่เดินเปลือยเข้ามาสมทบ พี่ไผ่กอดผมจากด้านหลัง จูบที่ต้นคอ
ผมเข้าใจคำพูดของพ่อ ที่ให้ผมเป็นตัวเอง
แบบนี้ต่างหากที่ผมมีความสุข โดยไม่ขัดขืน ไม่ฝืนใจ..
เราจะไปสวรรค์ทำไม ถ้าใจเราโหยหาพื้นโลก
ผมไม่ได้อยากเป็นผัวใครอีกแล้ว.. ผมแค่อยากอยู่กับชายคนนี้ ในฐานะแฟน และมีบทบาทเป็น.. เมีย
คลินิกนิรนาม
เราสองคนที่นั่งจับมือกันในห้องกระจกสีดำ มาทำการตรวจร่างกาย ตรวจเลือด เพื่อให้คำมั่นว่า จากนี้ เราจะมีแค่กันและกัน รีสตาร์ทชีวิต ตั้งต้นใหม่ ทิ้งความอัปรีย์ของเราทั้งคู่ไว้เบื้องหลัง
ผมตื่นเต้นที่เราจะมีอะไรกัน พี่ไผ่เอ่ยปากชวนผมไปต่างประเทศเพื่อใช้เวลากันในวันหยุดสั้น
ในขณะที่ใบหน้าอันแสนสุข ผมก็มีความกังวลกับผลเลือดของพี่ไผ่เหมือนกัน
เขาสำส่อน เขาใช้ชีวิตแบบหลุดกรอบ แม้ว่าจะป้องกันก็ตาม
แต่เป็นความตั้งใจของพี่ไผ่ ที่เขาจะตรวจเลือดเมื่อมอบให้ผมเป็นของขวัญในวันที่เราตกลงจะคบหากัน
ผมก็ทำใจไว้แล้วว่า ถ้าผลเลือดเขาออกมาไม่ดีนัก ผมก็จะอยู่ตรงนั้นกับเขา
ระหว่างที่เรานั่งรอผม ดูเขาตื่นเต้นไม่น้อย มันเป็นผลของการกระทำอันแสนไร้ขอบ เขาจึงต้องชดใช้ด้วยใบหน้าวิตก
ผมก็จับมือเขา จนพยาบาลเดินมาเรียกให้เขาไปในห้อง
เขาเดินไปอย่างกับคนกำลังจะไปลานประหาร หน้าซีดไม่แพ้ตอนที่นึกว่าตัวเองกำลังจะโดนเสียบ
แต่ก็หันมาชูสองนิ้วสู้กับสิ่งที่กำลังเผชิญ ผมชูสองนิ้วกลับ ให้เขาได้รับกำลังใจ
ช่วงเวลา 5 นาที เหมือนห้าปีในโลกของเมืองลับแล เวลาเดินผ่านไปเสียช้านาน
ประตูถูกเปิดออก พี่ไผ่เดินยิ้มมา พร้อมชูผลตรวจเลือดให้ดู เสียงหัวเราะดังขึ้น เรากอดกัน
เขาพาผมเพื่อเดินออกจากประตู พยาบาลเรียกชื่อให้ไปเอาผลเลือด ลืมไปเลย ว่ามาตรวจเป็นเพื่อนกัน..
แล้วฟ้าก็ผ่าลงกระบาลผม แบบไม่น่าเชื่อ... โลกของผมถล่มลงไป
พี่ไผ่นั่งกุมมือผมมาตลอดทาง เขาต้องคอยเรียกสติผมตอนที่ผมนิ่งเงียบไป มารู้ตัวอีกที พี่ไผ่ก็พาผมขึ้นมายังห้องนอน
อุทิศรีบมาพยุงผม แล้วปลีกตัวไปยังห้องนั่งเล่น เพื่อปล่อยให้ผมกับพี่ไผ่มีเวลาอยู่ด้วยกัน
เราปรึกษาว่า จะเอาอย่างไรดี ต้องบอกที่บ้านไหม ดำเนินชีวิตอย่างไร..
เปล่าครับ ผมไม่ได้มีเชื้อ HIV
แต่จะบอกว่า มันก็ร้ายแรงไม่แพ้กัน..
ผมติด HCV ครับ
คนไทยยังไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ ว่าไวรัสซี มันร้ายแรงแค่ไหน ปกติแล้วก็ไม่ติดกันง่ายนัก ถ้าไม่ใช่ทางเลือด แน่นอนว่าผมไม่เคยผ่าตัดอะไร จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะติดจากใครมา ยกเว้นมันจะติดต่อทางเพศสัมพันธ์
น่าละอาย ที่คอยจะจับผิดพี่ไผ่ ว่าเป็นคนมั่วเซ็กซ์ สำส่อน นอนกับใครต่อใครไปทั่ว
แต่อย่างน้อยเขาก็ป้องกันตัวเองได้เป็นอย่างดี
ผิดกับผม ที่คิดมาตลอด ว่าใส่ถุงยางอนามัย หรือนำน้ำรักมาออกด้านนอก ก็จะไม่เป็นโรค ไม่ติด เฮชไอวี
คุณหมอได้แต่บอกว่า ผมมีเชื้อ HCV เป็น Positive คือมีเชื้อ และสามารถแพร่สู่คนอื่นในการมีเพศสัมพันธ์ได้
โดยเฉพาะแบบชายรักชาย แม้ว่าโอกาสติดจะน้อย แต่ก็มากกว่าชายหญิง โดยเฉพาะฝ่ายรับ
เนื่องจากต่อมน้ำเหลืองที่ใกล้บริเวณช่องรับ อาจติดเชื้อมาได้
ไวรัสซี ร้ายแรงแค่ไหน ผมจะตายไหม.. มีโอกาสสิครับ
ถ้าเชื้อมากกว่า 700,000 IU/ml ก็จะทำให้ผมโดนไวรัสซี โจมตีเข้าที่ตับ ตับจะอักเสบรุนแรงขึ้น มีพังผืดมาเกาะ แล้วกลายเป็นตับแข็งในที่สุด เมื่อเป็นตับแข็ง ก็อาจเป็นมะเร็งตับ เมื่อนั้น นับถอยหลังได้เลย
แต่ถ้า น้อยกว่า 700,000 IU/ml ก็ค่อยรักษากันไป
ผลเลือดที่บ่งบอกว่า เรามีปริมาณไวรัสอยู่เท่าไหร่ ก็อีกประมาณหนึ่งเดือนถึงจะรู้
ผมรูดบัตรค่าตรวจเลือดเพิ่มไป 7,500 บาท เพราะค่าวิเคราะห์ไวรัสมันแพงมาก
ก็เป็นฝ่ายรับ และโดนแบบสด มันทำให้ผมนึกถึงคนเดียวเลย นั่นคือ ออกัส !!
หลังจากไม่ออกไปไหนเป็นเดือนด้วยความหดหู่ มีแต่พี่ไผ่ที่แวะเวียนเข้ามา แม้แต่อุทิศที่หลังจากกลับบ้านไปแล้ว ก็ส่งไลน์หาผมทุกวัน ผมไม่ได้บอกอะไรน้องแต่น้องคงจับสังเกตได้ว่าผมมีเรื่องในใจ พ่อเองก็ถามอยู่บ่อยว่าผมเหม่อทำไม
ระหว่างนี้ คุณหมอให้ผม งดสุรา 6 เดือน เพื่อเตรียมการรักษา แล้วก็รอผลไวรัส ว่าเป็นชนิดไหน ใช้ยาอะไร
คุณหมอให้ความหวัง ว่ายังมีหนทางจะหาย ให้ผมเตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะการรักษาค่อนข้างใช้เวลาและผลของยา มันก็โหดร้ายอยู่ไม่น้อย
“พี่ว่า น้ำควรจะบอกที่บ้านนะครับ เพราะว่า อาจจะต้องหยุดเรียนบางวัน และ อาจแพ้ยา”
“ผมกลัวพ่อจะด่าน่ะพี่”
“ไม่มีพ่อคนไหนอยากเห็นลูกตายหรอก”
“ผมจะตายใช่ไหม”
“ไม่ครับ พี่พูดรุนแรงไป นี่เดือนที่ผ่านมา พี่ก็ทั้งปรึกษาเพื่อนที่เป็นหมอ มันไม่ได้น่ากลัวอย่างนั้น”
“พี่ว่า ผมควรบอกพ่อใช่ไหม”
“ใช่ ถ้าเป็นตามขั้นตอน โรงพยาบาลรัฐ ก็ใช้สิทธิได้ แต่ถ้าพ่อน้ำรู้ เอาเข้าเอกชนรักษาแบบเร่งด่วน ใช้ยาดี ก็หายเร็ว”
“พี่อยู่เป็นเพื่อนผมได้ไหม”
“ได้สิ แต่น้ำต้องเชื่อมั่นในตัวเองนะว่าจะหาย เพราะน้ำจะหาย”
“อย่าได้รีบกลัวไป แค่รู้และรักษา ไม่ไปแพร่เชื้อต่อ แค่นี้ก็พอแล้ว”
“ข้อตกลงของเราก็ยกเลิกไปก่อนได้นะพี่ไผ่”
“พูดอะไรแบบนั้น”
“ผมไม่มีกะใจจะมีอะไรกับใคร ตราบเท่าที่ร่างกายผมยังมีเชื้อไวรัสอยู่”
“ไม่มีก็ไม่ต้องมี”
“ถ้าเชื้อมันไม่หายไปไหน”
“ก็อยู่กันไปอย่างนี้ อยู่กันไปอย่างนี้แหละน้ำ” เขาคว้าผมมากอด เป็นกอดที่หนาวและอบอุ่นในคราเดียวกัน มีคนเดียวที่มอบให้ผมได้ คือชายคนนี้นั่นเอง
ไม่ไปแพร่เชื้อต่อ.. ผมรีบยกหู ขอเจอ ออกัส ในทันที
[ TBC ] ต่อด้านล่างจ้า >_<