Prep 8 : Bounce กระโดดเพื่อให้ลืม
อรุณรุ่งผ่านไปหลายชั่วโมง ผมกับเอยังนอนอุตุอยู่บนเตียง เพราะเมื่อคืนเราซ้อมปฏิบัติการเพื่อสำเร็จโทษเป้าหมายที่สองอยู่ถึงเกือบโต้รุ่ง เราแยกห้องกันตามที่พี่อำนาจสั่งไอ้เอไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่อยากให้เราอยู่ห้องเดียวกัน บางทีพี่อำนาจก็รู้เรื่องพวกเรามากเกินไปแล้ว
“ก๊อก ก๊อก” แล้วประตูห้องนอนที่ไม่สามารถล็อคได้ ก็ถูกเปิดออก ที่ล็อคไม่ได้เพราะเนื่องจากเป็นคำสั่งของคุณพ่อ ท่านห้ามให้คนในบ้านมีความลับ ใครล็อคห้องจะโดนไล่ออกจากบ้าน พ่อไม่มีทางไล่ผมออกจากบ้าน แต่ผมก็ทำตามกฎของบ้านเรื่องนี้ แม้มันจะอึดอัดในบางครั้ง
“สวัสดีครับพี่ไผ่” เสียงเอ งัวเงีย ตื่นมาไหว้ผู้มาเยือน พี่ไผ่ มาในชุดเสื้อทีมกีฬาสีฟ้า มันเข้ากับสีผิวเขาดีเหลือเกิน ผิวขาวเหลืองที่มีเลือดฝาดที่แก้มตลอดเวลาจนน่าอิจฉา กับกางเกงขาสั้นเผยกล้ามขาที่แกร่งแบบเตะคนตายได้ ผมแปลกใจที่เขาไม่เล่นกล้ามจนล่ำบึ้กแบบที่เจ้าของฟิตเนสทั่วไปทำกัน แต่เขาหุ่นเหมือนนายแบบฝรั่งที่ตัวใหญ่มากกว่า
“นอนเถิดครับเอ พี่มาลากไอ้น้ำมันไปข้างนอก”
“เดี๋ยวผมก็กลับแล้วครับพี่ เมื่อคืนดึกกันมาก พระรามเก้าก็เรียกแท็กซี่โครตยากเลย”
“ห๋า ไปพระรามเก้ากันมาเหรอ หูยยย เด็กสมัยนี้ เที่ยวของแพงนะ”
“ป๋าน้ำจ่าย ผมแค่ผู้ติดตามครับ” มึงนี่นะไอ้เอ ขายกูได้ แถมต่อหน้าพี่ไผ่ด้วย ผมนี่ไม่กล้ามองหน้าพี่เขาเลย
“ไปได้แล้ว เจ้าตัวดี ผู้ชอบตีหม้อ” อะไรจะคล้องจองเป็นกลอนกาพย์อย่างนั้น
“ทำยังกับไม่เคยเที่ยวอ่ะ แซวอยู่ได้” ผมทำน้ำเสียงหงุดหงิดใส่ เพื่อเขาจะหยุดล้อเลียน
“ก็ไม่เคยเที่ยว”
“ห๋า พี่ไผ่ไม่เคยเที่ยวอาบอบนวดเหรอครับ” เอดูตกใจมาก
“ไม่เคย”
“ตอนไปอยู่เมืองนอกมันไม่มีเหรอครับ ที่เมืองไทยมันก็ไม่แพงจนพี่จ่ายไม่ได้นี่นา” เอตาสว่างขึ้นมาทันที
“เปล่า พี่ไม่เคยต้องไปเที่ยว มันมีมาให้ฟรีตลอดอยู่แล้ว”
“เชดดดดด หล่อได้อีก ไว้ผมจะไปฟิตเนสเอาให้หล่อแบบพี่บ้างนะ ผมก็อยากได้ของฟรี”
“ได้เลยครับเอ ฮ่าๆๆๆ”
“โฮ้ยยย ขี้คุย ขี้โม้กันจัง ไปอาบน้ำดีกว่า” แล้วผมก็บหอบสังขารสุดโทรมไปอาบน้ำ ฝักบัวที่น้ำเย็นจัดซึ่งผมชอบซะด้วย ไหลมาชะล้างเพิ่มความชุ่มฉ่ำให้ใบหน้า ผมทำธุระเสร็จ จึงตะโกนบอกให้เอเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ เพราะลืมถือเข้ามาในห้องเนื่องจากวันนี้ ผมเข้าห้องน้ำทั้งที่ใส่เสื้อคลุม ปกติ ถ้าอยู่กับไอ้เอสองคน เราแทบเปลือย เดินใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวกันอย่างไม่เอาย
“เอ้า ผ้าเช็ดตัว”
“เฮ้ยยยย พี่ หลับตาเดี๋ยวนี้”
“มันมีอะไรที่พี่ไม่ควรเห็นเหรอ”
“ไม่มี แต่อย่ามอง” ผมเอามือเอื้อมไปปิดตาพี่ไผ่ผู้ซึ่งเดินเข้ามาในห้องน้ำเฉยเลย
“พี่เห็นจนชินแล้ว ที่ฟิตเนส ห้องอาบน้ำก็แก้ผ้าเดินกันให้นัวไปหมด”
“นั่นมันคนไม่รู้จักป๊ะ ออกไปเดี๋ยวนี้” ผมยังเอามือนึงปิดตาเขา แล้วอีกมือก็แย่งผ้าเช็ดตัวที่เขาไม่ยอมปล่อย
“อยากเห็นแบบเต็มๆว่า หมอเกาหลีเปลี่ยนอะไรให้บ้าง”
“เดี๋ยวไม่ไปเลือกแทมโพลีนเป็นเพื่อนนะ”
“อ๊าๆๆ ไม่มองก็ได้” เขาปล่อยให้ผมดึงผ้าเช็ดตัวไปใส่อย่างเร่งด่วน แล้วจึงคลายมือที่ปิดตาเขาไว้ พี่ไผ่เดินรอบผมหนึ่งรอบ คล้ายสำรวจ ในห้องน้ำมันมีแต่ความชื้น ผมรู้สึกว่ามันเริ่มจะร้อนแล้วด้วย
“มองอะไร ออกไปได้แล้ว”
“ตอนเด็กยังถูหลังให้พี่อยู่บ่อยๆ จะอายทำไมล่ะ”
“ก็ตอนนี้โตแล้วป๊ะ ช่วยออกไปได้แล้ว”
“จะตอนนี้หรือตอนไหน น้ำคนนี้ ก็เป็นน้ำคนเดิมของพี่อยู่ดีนั่นแหล่ะครับ”
ห้องรับแขก
พ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ มีพี่อำนาจนั่งตรวจเอกสารอยู่ข้างกาย พ่อมองลอดแว่นออกมาตอนผมกับพี่ไผ่เดินลงบันไดมาด้วยกัน โดยมีเอตามมาด้านหลังมาห่างๆ
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
“อ้าว ลูกไผ่ เป็นไงบ้าง ตั้งแต่กลับจากเมืองนอก พ่อไม่ได้เจอเลย”
“ยุ่งๆน่ะครับ พ่อกับแม่ผมฝากความคิดถึงมา ไว้แกจะแวะมาเยี่ยมนะครับ”
“เจอกันกับพวกท่านตามงานเลี้ยง แทบไม่มีโอกาสได้คุยเลย เอาๆๆ ไว้แวะมาคุยกัน คิดถึงพวกท่านอยู่เหมือนกัน”
“ได้ครับคุณพ่อ วันนี้ขออนุญาตพาน้องน้ำไปช่วยเลือกของหน่อยนะครับ”
“เอาเลยๆ แล้วให้คนขับไปส่งไหม วันนี้รถว่างหลายคัน”
“ไม่ต้องหรอกครับ พอดีผมเอารถมา เดี๋ยวเย็นๆ แวะมาส่งน้ำครับ”
“เต็มที่เลย อย่าดื้อกับพี่เขานะลูก” พ่อหันมาเตือนผม “มีตังไหม” พ่อน่ารักเป็นที่สุด ผมเดินไปแบมือขอ พ่อหยิบให้หมื่นนึง “ถ้าจะซื้อหาอะไรเพิ่มก็รูดบัตรไปก่อนนะ” ผมแทบกราบที่ตัก พี่อำนาจหันมาหัวเราะ
“นายน้อยนี่ขี้อ้อนเนอะครับท่าน”
“เออ. ก็ดูสิ มีแต่คนรุมเอาใจ เลยกลายเป็นเด็กที่เสียหมด”
“ใส่ตะกร้าล้างน้ำก็ไม่ทันแล้วครับท่าน” แล้วพ่อก็หัวเราะไปกับคำพูดของพี่อำนาจจนผมรู้สึกเสียหน้า รีบลี้ภัยดีกว่า
“แล้วลูกเอล่ะ ให้คนขับของพ่อไปส่งไหม ว่างกันหลายคนวันนี้”
“อ๋อ ผมติดรถพี่ไผ่ไปก็ได้ครับพ่อ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง เอ่อ..นายท่าน เดี๋ยวผมไปส่งเอ นะครับ”
“เอาเลย อำนาจ พาลูกเอแวะทานข้าวก่อนเข้าบ้านนะ เดี๋ยวพ่อแม่เขาจะว่าฉันดูแลเพื่อนลูกไม่ดี”
“ครับท่าน ผมจะดูแลเอให้ดีครับ”
Bounce Arena รัชดาภิเษก
ผมกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเพื่อเตรียมไปกระโดดแทมโพลีน แต่ห้องด้านหลังกำลังทุบทำใหม่ จึงต้องใช้ห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแทน พี่ไผ่มาเคาะประตูห้องผม แล้วเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องด้วย เพราะห้องอื่นคนใช้เต็ม พี่ไผ่แต่งตัวชุดกีฬาไว้แล้ว แกบอกว่า แกแค่เดินมาจะถอดกางเกงในออก
“ไม่กลัวเป็นไส้เลื่อนเหรอครับ จะถอดทำไม” ผมพูดเสียงเบา เพราะกลัวห้องน้ำข้างๆ จะเข้าใจผิด ว่าผู้ชายตัวใหญ่สองคนเข้าห้องเดียวกัน มันดูไม่งาม
“กางเกงมันมีซับในอ่ะ เดี๋ยวเหงื่อออก” ว่าแล้วเขาก็ดึงกางเกงกีฬาขาสั้นลงกับพื้นเหลือเพียงกางเกงใน Homme สีเทาอ่อน กับอะไรไม่รู้ที่ยัดอยู่จนพูนเต่ง ผมมีเหงื่อซึมเลย บรรยากาศในห้องเปลี่ยนชุดมันตึงเครียด
“ไม่เปลี่ยนชุดล่ะครับน้ำ จะถึงรอบกระโดดของพวกเราแล้วนะ”
“พี่เปลี่ยนก่อนเลย”
“มายืนจ้อง ก็อายเป็นนะครับ จะดูเหรอ อยากดูก็จะเปิดให้ดู เราน่ะเปิดบ้างดิ จะดูว่าเหมือนตอนเด็กไหม”
“อย่ามาทะลึ่งได้ป๊ะ ร้อนจะตายชัก รีบๆออกไปเลย”
“โตเป็นหนุ่มแล้วนะเราเนี่ย” พี่ไผ่เอามือที่ข้างหนึ่งมาลูบที่แก้มผม แล้วอีกมือก็เอื้อมไปถอดกางเกงในตัวเองออก ผมไม่กล้ามองลงไป ได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพราะคอมันแห้งผาด พี่ไผ่มองหน้าผมอยู่อย่างนั้น
“พี่ไผ่ ออกไปได้แล้วครับ”
“อย่ามองลงมานะ เดี๋ยวติดใจไม่รู้ด้วย” แล้วพี่ไผ่ก็สวมกางเกงขาสั้น เขาส่งกางเกงในสีเทาของเขาที่พับไว้ มาให้ผม
“ให้ทำไม ไม่เอา ไม่ใช่คนโรคจิต”
“จะฝากในกระเป๋า ได้เช่าล็อคเกอร์อันเดียวไง”
“อ๋อ” ผมรับกางเกงในอุ่นตัวนั้นมาถือไว้ แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไป ผมล็อคประตู หายใจไม่ทั่วท้องเลย ใจผมเต้นแรงมาก ไอ้พี่มันชอบทำอะไรทะลึ่ง สองแง่สองง่ามกับผมประจำ ผมกางชั้นในสีเทานั้นออกมาดู มันเป็นเนื้อผ้าคอตต้อลนุ่มมือเชียว พอพลิกไปมาเห็นสภาพยังค่อนข้างใหม่เอี่ยม กางเกงในพวกเพลย์บอยใช้คงเป็นแบบนี้สินะ เหมือนมีกลิ่นแป้งอ่อนๆ ลอยมา จำได้ว่า เป็น ทเวลพลัสสีชมพูซึ่งผมก็ชอบเหมือนกัน คนอะไรเอาแป้งเย็นทาไข่ แล้วจู่ๆ ผมก็มีอาการตื่นตัวที่ด้านล่าง ผมจึงรีบเก็บกางเกงในพี่ไผ่เข้ากระเป๋า เปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเองแล้วรีบออกมา
เราเลือกโซนแทมโพลีนเบสิค กระโดดบ้างล้มบ้าง เพราะไม่เคยเล่น คิดว่า การใช้แทมโพลีนเบสิค จะง่ายกับผู้เล่นฟิตเนส และไม่อันตรายจนเกินไป อีกทั้งดูแลง่าย เน้นการออกกำลังกายที่แท้จริง พี่ไผ่ดูสนุก เขากระโดดได้สูง แต่อยู่กับที่ ไม่ไปไหน เหมือนจะยังบังคับทิศทางตัวเองไม่ได้ ในขณะที่ผมกระโดดข้ามไปมาได้ดีกว่า แต่ล้มบ่อยชะมัด
“ถ้าเป็นแบบนี้ สั่งจากออสเตรเลีย ถูกด้วย”
“มันก็ทำจีนหมดแหล่ะพี่ ทำไมไม่สั่งจากจีน”
“ถ้าผ่านแบรนด์ มันก็จะดูดีไง พี่ว่า แบบนี้กำลังดี” พี่ไผ่ กระโดดไปด้วย พูดไปด้วย ดูจะเหนื่อยกว่าเล่นฟิตเนสอีกนะเนี่ย
“ทำไมพี่กระโดดอยู่กับที่ ไปข้างหน้า หรือ หมุนตัวมั่งสิ”
“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวล้ม บังคับยากชะมัด”
“ง่ายจะตาย มานี่” ผมดึงมือพี่ไผ่ กระโดดไปข้างหน้า แต่ดันทำให้พี่เขาเสียจังหวะ เราล้มลง ผมหงายหลัง พี่ไผ่คร่อมทับตัวผมอยู่ ไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่ว่าจ้องหน้าผมทำไมกันล่ะ “ลุกได้แล้ว” ผมพยายามจะดันตัวขึ้น แต่ติดร่างใหญ่ที่ทับผมอยู่
“คนบางคน เหมาะกับอยู่ข้างล่างนั่นแหล่ะดีแล้ว”
ผมอาศัยจังหวะเขาเผลอ พลิกตัวเขาหงายแล้วคร่อมเขาแทน “ใครก็อยู่ข้างบนได้ทั้งนั้น ถ้าเจ๋งพอ ไม่เห็นจะยาก”
พี่ไผ่พลิกผมกลับลงมานอนหงายอีกรอบตอนผมไม่ทันตั้งตัว “จะฝืนตัวเองไปทำไมล่ะครับ มันสนุกแล้วจริงเหรอ”
“ปี้ดดดดดดดดดดด” เด็กคุมโซนเป่านกหวีด ชี้ให้พวกเราลุกกันได้แล้ว “ที่นี่ มีเยาวชนเยอะนะครับ ได้โปรด”
ผมกับพี่ไผ่เขิน รีบเดินย้ายไปโซนอื่นกัน เราเล่นกันจนครบชั่วโมง หมดรอบ ก็เตรียมกับบ้าน
หลิวที่ตามมาสมทบผมกับพี่ไผ่ชวนกันมาทานข้าวกันที่ Little Hong Kong ร้านอาหารจีนขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้อาคารเดียวกันกับสถานที่ซึ่งผมเพิ่งออกกำลังกายเสร็จ
“กินเยอะๆนะน้ำ วันนี้พี่ไผ่เขาเลี้ยงเต็มที่” หลิวเสนอ
“ก็เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กป๊ะ น้ำเคยเลี้ยงพี่ซะที่ไหน บ้านก็รวยกว่าบ้านพวกเราตั้งเยอะนะหลิว”
“พี่อายุเยอะกว่า พี่ต้องจ่ายสิ”
“ก็คงงั้น คงต้องหาเลี้ยงไปจนแก่เลยล่ะครับ”
“ดีมาก”
“แล้วนี่เป็นไงกันบ้าง มาเล่นหรือมาอ่อยสาวกัน หนุ่มหล่อสองคนมากระโดดดึ๋งๆไปมา” หลิวเอ่ยถาม เพราะเห็นผมกับพี่ไผ่ซัดอาหารไม่หยุด ทั้งเหนื่อยทั้งหิว
“พี่เห็นมีแต่เด็กตัวกระเปี๊ยกครับน้องสาว”
“น้ำก็เห็นมีแต่เด็กฝรั่ง กับแนวพ่อแม่ลูกน่ะหลิว”
“พี่ไผ่เลยเสนอในที่ประชุมไง เพราะแทมโพลีนน่าจะเป็นตัวเรียกลูกค้ากลุ่มผู้หญิง และ คนที่เสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อ”
“ก็พี่คิดว่า บางคนไม่อยากจะเล่นเวททุกวัน อาจมีวันที่พักบ้าง ก็จะเป็น แทมโพลีน นี่แหล่ะ”
“แต่มันบังคับยากเหมือนกันนะพี่ไผ่ แล้วก็กินพื้นที่เยอะ แล้วคนนึงถ้าเล่น รับรองจองยาว” ผมแย้ง
“แต่เมื่อกี้น้ำกระโดดแค่สิบนาทีก็ลิ้นห้อยแล้วนะ” อ้าว ไอ้พี่
“พี่น่ะ ห้านาทีก็หลังยอกแล้ว ไม่ดูสังขาร” หึ นึกว่าจะแพ้เหรอ
“นี่ ชวนมากิน ไม่ได้ชวนมาทะเลาะนะสองคนนี้ ทุกทีเลยสิ” หลิวตัดบท
Line
==================================
MR.KAKI
==================================
เพิ่มเพื่อน II บล็อค II รายงานปัญหา
==================================
MR.KAKI : สวัสดีครับ [ สติ๊กเดอร์ หมีบราวน์ พักร้อน ]
NATEE : ใครครับเนี่ย ชื่อ กากี ? [ สติ๊กเกอร์ โคนี่ เครื่องหมายคำถาม ]
MR.KAKI : ผมผู้กองจิมมี่ ครับ
NATEE : สวัสดีครับผู้กอง มีอะไรให้รับใช้ครับ
MR.KAKI : มีคนมาแจ้งความเก็บกระเป๋าสตางค์ได้ ผมดูแล้ว มันก็ใบเดิมเลย
NATEE : โค้ช ใบสีน้ำเงินเหรอครับ
MR.KAKI : ใช่ครับ มีรูป เอ่อ..
NATEE : รูปอะไรครับผู้กอง
MR.KAKI : มีรูปกึ่งเปลือย แต่มันจากใต้คางลงมา ผมเลยไม่แน่ใจว่า เป็นของคุณนทีหรือเปล่า
NATEE : [ ส่งรูปของผม ที่ถ่ายเห็นหน้า ไปจนถึงท้องน้อย ซึ่งเตรียมกับพี่อำนาจไว้แล้ว ส่งกลับไปให้ ]
MR.KAKI : โอ้ว น่าจะคนเดียวกันเลย
NATEE : ผมน่าจะโดนขโมยนะครับ พอดีผมมีแขกค่อนข้าง.. เอ่อ.. ไม่ซ้ำคนน่ะครับ
MR.KAKI : เป็นชีวิตที่น่าสนุกนะครับ
NATEE : ก็ตามประสาคนโสด และขี้เหงาน่ะครับ ผู้กอง
MR.KAKI : ส่งโลเคชั่นมา ผมแวะเอาไปคืนให้ แต่คงเป็นวันอื่นนะครับ วันนี้ผมก็มีแขก
NATEE : สมกับเป็นคนรูปหล่อจริงๆเลยครับ
MR.KAKI : ผมเนี่ยนะหล่อ [ แนบรูปมุมสูง Selfie จากใต้จมูกโด่ง ลงมาถึงผ้าเช็ดตัวที่คาดเอวไว้ ด้านหลังเป็นเตียงนอน มีเด็กผู้ชายวัยมหาวิทยาลัย สองคน นอนคว่ำหมดแรงอยู่ คนละฟากของเตียง
NATEE : ผู้กองน่ะ ของดี ของพรีเมี่ยมของ สน. เลยนะครับ ผมล่ะอยากจะไปแจ้งของหายทุกวันเลย
MR.KAKI : ไว้มาแจ้งเป็นการส่วนตัวได้ครับ [ แนบรูป เด็กมหาลัย สองคนที่เหมือนเริ่มขยับตัว ] แค่นี่ก่อนนะครับ ผมต้องไปดูแลแขกอีกสักรอบ
NATEE : ขอให้สนุก แล้วก็ ฝันดีนะครับ
ผมกด เพิ่มเพื่อนกับนายตำรวจสุดหล่อ งานนี้ไม่ง่ายแฮะ ผมนึกถึงคำพี่อำนาจเลย ว่าบางคนเกิดมาเป็น รุกออริจินัล แล้วเขาก็ไม่ต้องง้อคนอย่างผม ถึงหน้าปัจจุบันผมจะหล่อมาก หุ่นผมก็เฟิร์ม แต่หน้าอย่างเขา มีอะไรมาให้เลือกมากมาย เขาไม่มีความจำเป็นต้องมาเป็นรับให้ผม เขาเลือกที่จะรุกใครก็ได้ เป็นปัญหาแล้วล่ะ เห็นที่งานนี้ มีอะไรต้องเตรียมการอีกมาก
ผมกดโทรศัพท์โทรหาน้องกันต์ด้วยความคิดถึง เขาก็ออดอ้อนตามประสาคนน่ารัก เขาบอกว่าช่วงนี้เขายุ่งมาก เพราะกำลังจะมีเปิดสอบรับพนักงานในตำแหน่งที่เขาใฝ่ฝัน เขาเล่าเรื่องที่ออกัสเพียรโทรหาเขาบ่อยจนเขาสลัดเรื่องเดิมไปไม่ได้เสียที ไม่รวมเรื่องที่เขาคิดถึงผมบ่อยจนผมอมยิ้ม กันต์บอกว่า จะกลับบ้านต่างจังหวัด แล้วออกัส ก็ขอไปด้วย ผมไม่ออกความเห็นได้แต่บอกให้เขาระวังตัวให้ดี ไม่รู้ว่า ออกัสจะมีแผนอะไรไหม แต่ที่มั่นใจคือ กันต์ยังไม่รู้ว่า ผมได้ส่งรูปถ่ายบนเตียงของผมกับกันต์ เข้ามือถือออกัสไปแล้ว กันต์ซื้อพวงกุญแจรูปพิน็อคคลิโอ้มาฝาก เหมือนประชดเลย ผมเอ่ยขอบคุณทั้งที่ยังไม่ได้รับของ เขาบอกว่าถ้าผมยอมปลีกเวลานัดเจอเขา เขาจะมอบมันให้ผม เด็กดียังไงก็เป็นเด็กดีวันยังค่ำ
เย็นนี้ ไอ้เอไม่ออกรอบพาผมฝึกซ้อมตามนัด แล้วมันก็หายตัวไป เหมือนจะไม่อ่านไลน์กลุ่มด้วย คงไปติดสาวที่ไหนอีกแน่ ในไลน์กลุ่มก็มีแค่ หลิวกับตูน ที่สนทนากันเรื่องเรียน เรื่องเที่ยว เรื่องนัดทำบุญ มีผมที่ได้แต่อ่านโดยไม่ได้ตอบอะไร
ผมเริ่มลังเลที่จะปฏิบัติภารกิจต่อ ไม่ใช่แค่เพราะว่ามันยาก แต่เหมือนผมหาประโยชน์จากมันไม่ได้ ผมได้กันต์แล้วเป็นอย่างไร ออกัสก็คงไม่ได้ร่ำร้องกลับมาหาผม ซึ่งผมก็ไม่ได้ต้องการออกัสอีกต่อไปแล้ว เขาดูช้ำใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะโมโหโทโสจนผมสะใจ แล้วผมจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงทำไม ผมคว้าหมอนใบนุ่มคู่ใจมาอิงหัวไว้ก่อนจะคล้อยหลับไป
August’s Voice GPS Tracking
“ใช่เลยแก นี่ชั้นกำลังจะย้ายออกแล้ว ไปอยู่กับผัว โอ๊ยยยย ไม่ได้รวยเหมือนเมียเดิมกู แต่อยู่แล้วสบายใจ”
“ใช่สิแก ชั้นน่ะ เดี๋ยวจะได้ทำงานสายการบินแล้ว เล็กๆ ในประเทศ แต่ว่า เออ มันก็ดีกว่าอยู่เฉยล่ะวะ”
“ช่ายยย กันต์มันฝากให้”
“อืม ก็เฉยๆ มันจะมีใครก็มีไป ช่างมัน”
“ก็เห็นจากรูปแล้ว ส่งเข้ามือถือกูเลยค่ะ”
“มองไกลๆ หน้าตาก็โอ แต่ถ้ากล้าส่งรูปมานี่ มันก็น่าจะเลวไม่น้อย”
“ช่างมัน”
“ใช่ กันต์มันคงเป็นรับให้ไอ้นี่”
“เจ็บสิวะ แต่ทำไงได้ พยายามไม่รับรู้”
“ผัวใหม่น่ะเหรอ ไม่มีทาง แมนซะยิ่งกว่าแมน รับรองไม่มีทางไปเป็นเมียใคร”
The Plum Fitness เวลาปิดทำการ
ผมมาลองใช้แทมโพลีนอันใหม่ ตามคำชักชวนของพี่ไผ่ สินค้าที่ใช้เวลาประมาณอาทิตย์เดียวจัดส่งถึง เพราะมีตัวแทนจัดจำหน่ายในประเทศไทยที่สาธร แถมยังได้ลดราคาเยอะ เพียงแต่ขอทำโปรโมท โดยอ้างชื่อฟิตเนสไปใช้ในการโฆษณา พี่ไผ่ก็อนุญาต ผมมาถึงในเวลาซึ่งช่างประกอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เครื่องเล่นมันก็ใหญ่โตเหมือนกัน พี่ไผ่เลือกให้อยู่ ด้านในสุดของอาคาร เพื่อให้แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน
“พี่ขอถ่ายรูปน้ำตอนกระโดด ส่งให้ตัวแทนจำหน่ายนะ เขาขอนายแบบเล่นสักคน เอาไปเสนอลูกค้า”
“ซึ่งพี่ต้องเลือกผม เพราะผมหล่อสุดในบรรดา สมาชิกของพี่ทุกสาขาแล้ว”
“ซื้อมาจากหมอไหน ความมั่นใจเนี่ย”
“อ้าว คนเราก็ต้องเปลี่ยนเปล่าล่ะ”
“ไม่ได้บอกสักหน่อย ว่าไม่ควรเปลี่ยน แค่ ดูแล้วไม่ใช่น้ำเท่าไหร่ เอาเหอะ เดี๋ยวงอนพี่อีก ลองกระโดดดูนะครับ”
ผมก็ลองเทสต์แทมโพลีนป้ายแดง พื้นแทมโพลีนเป็นสีดำ ขอบกุ๊นเป็นสีแดง ผมลองกระโดดดู ลื่นกว่าที่ Bounce เพราะไม่ได้ใส่ถุงเท้าสำหรับเล่นแทมโพลีนโดยเฉพาะ แต่ก็ถือว่า ในระดับการออกกำลังกาย ก็ใช้ได้เลย
ระหว่างแทมโพลีนกับกำแพง มีตาข่ายขึ้งตึงกั้นระหว่างเครื่องเล่นกับกระจกที่มองออกไปเป็นทิวทัศน์ของเมืองหลวงยามดึก แสงไฟสีเหลืองและแดงอร่ามเต็มไปหมด ผมกระโดดไปเรื่อย มองที่กระจกผ่านม่านตะข่ายอยู่อย่างนั้น นึกถึงคำพูดของออกัสที่ดักฟังเมื่อหัวค่ำ คนใหม่ที่มึงว่าแน่นะเหรอ กูจะทำให้มึงร้องไห้เลยคอยดู