▪▪▪อมยิ้มสื่อรัก▪▪▪||ตอนที่ 12.2 || 27-6-18 P.3 {จบแล้ว}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▪▪▪อมยิ้มสื่อรัก▪▪▪||ตอนที่ 12.2 || 27-6-18 P.3 {จบแล้ว}  (อ่าน 19754 ครั้ง)

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*************************************

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2018 19:14:08 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทนำ





"สวัสดีครับ ผมชื่อ อติวัชร์ ครับ หรือเรียกสั้นๆว่าติก็ได้ครับ"


      ยืนแนะนำตัว ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตา ก็ทำให้ผมประหม่าอยู่ไม่น้อย เพราะผมเป็นสมาชิกใหม่ของบริษัทแห่งนี้


      อติวัชร์ ภูมิภูธรณ์ คือ ผมเองครับ ผมเรียนจบมา ที่นี่ก็เป็นที่แรกในการก้าวสู่โลกแห่งการทำงาน กับการเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มตัว ผมถึงตื่นเต้นพอสมควร


      หลังจากที่ผมแนะนำตัวเองเสร็จแล้ว หัวหน้าพาผมไปนั่งที่โต๊ะไม้ขนาดยาวที่มีคนนั่งราวหกคน ที่นี่จะไม่มีพาร์ทิชั่นกั้นแบ่งเป็นเหมือนคอก แต่เป็นออฟฟิสเปิดโล่ง ผนังทั้งหมดถูกแต่งแต้มด้วยภาพวาดและลายกราฟิกที่ทันสมัย ทำให้มองไปรอบๆแล้วได้ความคิดสร้างสรรค์ตลอดเวลา ส่วนที่นั่งแบ่งเป็นโซนๆไป พวกผมหรือกลุ่มกราฟิกได้นั่งร่วมกับกลุ่ม AE (Account Executive)  ส่วนที่เหลือก็มีกลุ่มการตลาด พีอาร์ และมีห้องผู้บริหาร


      รู้ไหมว่าตอนที่ผมสมัครเข้าทำงานนะ ผมสมัครเพราะเห็นภาพบริษัทเนี่ยแหละ เพราะทุกมุมของพื้นที่นี้ตกแต่งได้เท่ และเจ๋งมากๆ ที่สำคัญ ที่นี่มีเตียงนอนให้ด้วย ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์ใช้ได้คนละชั่วโมง หากต้องการพักผ่อนจริงๆ อีกฟาก มีมุมบาร์ไว้ชงกาแฟ หรือทำอาหาร แถมยังมีขนมให้กินตลอดทั้งวัน


      ส่วนวิวน่ะเหรอ?...ยอดเยี่ยมเลยล่ะ เพราะเป็นตึกสูงระฟ้า ออฟฟิสก็ตั้งอยู่ที่ชั้นสิบหก มีวิวด้านนอกที่มองออกจากตึกไปสุดแสนสบายตา ฝั่งหนึ่งมองเห็นต้นไม้เขียวขจี อีกฝั่งมองเห็นตึกรามบ้านช่อง ท้องถนน ชวนรื่นใจไม่น้อย


       และทุกคนยังมีล็อกเกอร์เป็นของตัวเองไว้เก็บของได้ด้วย สิ่งที่ผมเล่ามา ดูเหมือนจะอวดสรรพคุณมากเกินไป ผมคิดว่า ผมพอดีกว่า...


       ติ หย่อนกายลงนั่งตรงข้ามเป็นพนักงานสาวน่ารัก คิกขุ ถ้านึกถึงภาพยนตร์ญี่ปุ่น ก็คงพอจะนึกสไตล์กันได้

       เธอ ชื่อ อชิ  เป็นคนที่สองรองจากหัวหน้าของผม ที่ส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร จนโลกทั้งโลกของผมเป็นสีชมพูขึ้นมาเลยทีเดียว
 

       นั่งคุยขอบเขตของเนื้องานที่ต้องทำ จนเวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมง เงยหน้ามาอีกทีก็ได้เวลากินข้าวมื้อกลางวัน
 
     อชิ เป็นคนชักชวนผมให้ไปด้วยกัน ผมลงลิฟต์มาพร้อมพี่ๆคนอื่นมันก็จะให้ความรู้สึกค่อนข้างเกร็งเล็กน้อย
 

     เมื่อได้ร้านที่ต้องการกันแล้ว ก็หาที่นั่ง สั่งอาหารกันจนครบทุกคน ระหว่างรอ พวกพี่ๆก็มีคุยเรื่องงานกันบ้าง เรื่องทั่วไปบ้าง ส่วนผมน่ะเหรอครับ? ก็ได้แต่นั่งมองหน้า เพราะจำชื่อใครไม่ได้เลย

"นี่ๆ...พี่ๆคะ...เราไม่ได้เล่นบัดดี้กันนานแล้ว มาเล่นบัดดี้กันเถอะ!."

"น่าสนใจนะ" ชายหนุ่มหน้าเคร่งขรึมโพล่งมา หลังจากนั้นก็มีคนเห็นด้วย


    ผมไม่เคยเล่นมาก่อน ขนาดตอนเรียนก็ยังไม่เคย จึงขอให้อชิอธิบาย ซึ่งหางตาผมเห็นนะ มีพี่คนหนึ่งแอบมองผมเหมือนทำนองว่า นี่มึงไปอยู่ที่ไหนมา?


    อชิเล่าเสียงใสว่า บัดดี้ (Buddy) ที่เธอนิยามก็คือ "การจับคู่เพื่อดูแลกัน"


    โดยถ้าใครจับฉลากได้คนไหนก็ต้องเก็บไว้เป็นความลับห้ามให้คนที่จับได้รู้จนกว่าจะเฉลย และตลอดระยะเวลาที่อยู่ในเกมส์ ต้องดูแลและเทคแคร์เขาอย่างสุดความสามารถ และความน่าสนุกมันอยู่ตรงที่ การได้เดาว่าใครจับได้ใครนี่แหละ ที่น่าสนุกอีกอย่างก็คือ ต้องเดาใจว่าเขาชอบอะไรนี่แหละ เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเหมือนกัน...


     ติ มองว่าน่าสนใจเพราะอย่างน้อย เกมส์นี้จะช่วยละลายพฤติกรรมได้เป็นอย่างดี


     เมื่อทุกคนพยักหน้าตอบรับ อชิยิ้มหวาน


"ถ้างั้น กินข้าวเสร็จ อชิ จะขึ้นไปทำฉลากนะ"


     มองอชิที่ดูน่าเอ็นดูและน่าทะนุถนอม จนอดยิ้มตามไม่ได้จริงๆ


     จนกระทั่ง จัดการอาหารกันเสร็จ ทุกคนมีแวะซื้อเสบียงไว้ตุนรอบบ่ายแต่ผมไม่ไหวจริงๆ ต้องขอตัว เพราะอากาศยามบ่าย ร้อนมากและแดดเปรี้ยงแบบนี้ เสื้อเชิ้ตผมเริ่มเต็มไปด้วยเหงื่อ แผ่นหลังเปียกชุ่ม และแน่นอน พอเห็นผมจะหนีไปก่อนน ก็เลยโดนอชิอ้อนให้ผมเป็นคนทำฉลากให้ซะอย่างนั้น...


     เพื่อ...อชิ...ผมทำได้ไม่มีปัญหาเลย

    แต่ติดตรงที่ว่า...

    ผมเพิ่งบอกไปใช่ไหมครับ? ว่าผมจำชื่อใครไม่ได้เลย...


    ถึงออฟฟิสแล้ว ผมจึงรีบเร่งหากระดาษรีไซเคิลมาตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ทำให้เรียบร้อยไว้ก่อน อย่างน้อยถ้ามาถึง ก็แค่เติมชื่อไปก็เท่านั้น


     ตัดกระดาษเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น..หนึ่งในคนที่ไปกินข้าวกับผมด้วยเมื่อสักครู่ ก็ขึ้นมา ผมรีบปรี่ไปถาม

"เอ่อ...พี่ครับ พี่พอจะบอกผมได้ไหมครับว่าพวกๆพี่ที่ไปกินข้าวด้วยกันชื่ออะไรบ้าง ผมจะเขียนในฉลากครับ"


   ส่งยิ้มไป แต่ใครจะคิดว่ารอยยิ้มไม่ช่วยอะไรเลย เพราะพี่ชายหน้าคมแกมหวานคนนี้กลับปรายตามองหยิ่งๆ แล้วตอกหน้ากลับมา


"แล้วผมจำเป็นต้องตอบด้วยหรอ?"

!!!

   ยืนหน้าชาเจอคนไม่เป็นมิตร ก็ใจเต้นแรงนึกโกรธ

   จะเป็นศัตรูกันตั้งแต่วันแรกเลยใช่ไหม? ก็ได้...

    ติ คิดในใจ


"ไม่เป็นไรครับ ผมถามคนอื่นก็ได้"


     เดินสะกดอารมณ์กลับมานั่งที่เดิม ก่อนจะจ้องไปยังคนนั้นที่ทำหน้านิ่งจนน่าหมั่นไส้
     

     สักพัก อชิก็เดินมาทิ้งตัวลงมานั่งข้างๆอย่างเริงร่า


"อ้าว ทำไมติยังไม่เขียนชื่อล่ะ"

"เราจำชื่อใครไม่ได้น่ะครับ อชิ"

"อ้าวหรอ...โอเคๆ"



    จากนั้น อชิ ก็เขียนชื่อให้จนครบ เรียกพี่ๆทั้งหกคนมารวมตัว

    เมื่อสุ่มจับฉลากครบทุกคน ต่างฝ่ายต่างเปิดดูอย่างตื่นเต้น และออกอาการต่างกัน ยิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง แต่ผมน่ะเหรอ แสดงอาการไม่ถูก เพราะผมไม่รู้อยู่ดีว่าชื่อที่จับได้เป็นใคร


    "ชิน"

    ใครวะ?

    ทำไงดี ถ้าถามอชิว่า ชิน คือ คนไหน อชิก็ต้องรู้สิว่าผมได้คนนี้ แต่เหมือนโชคประทานพรมาให้...

    เพราะ...

"พี่ชิน แอบถอนหายใจทำไมคะ"


     หันขวับมองชื่อที่อชิเรียกก็ต้องเบิกตาโพลง

     เพราะบัดดี้ของผม คือ คนที่ตั้งท่าจะเป็นศัตรูกับผมเมื่อกี้นี่เอง...






.................................




สวัสดีค่า มาเปิดนิยายเรื่องใหม่  เรื่องนี้ จะสดใส ซาบซ่า ไม่มีดร่ามาให้วุ่นวายใจ (555) เพราะยอมรับว่า เรื่องก่อนหน้าที่เขียนไป อย่าง เรื่อง แสงสุดท้าย มันดราม่าพอสมควร จนอยากพัก เขียนเรื่องใสๆบ้าง ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ

หรือถ้า ใครว่าง ก็อ่านนิยายที่เหลือของเราได้ค่ะ

ขอบคุณมากมายจ้า




 ..*ขอผมได้รัก*..
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57256.0


||*...สวัสดี▪นายพล▪ คนธรรมดา...*|| 
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60981.0#msg3664500


+..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+
  https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61787.0





   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2018 13:53:00 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ Hyenas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อุ้ยยยยย
น่าสนใจ ตามค่าาา :z1:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
วันแรกก็เริ่มเลย o13

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1

ตอนที่ 1 อมยิ้ม





"เอานี่แล้วกันวะ"


    ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง ตอนเลือกหาซื้อของให้บัดดี้ที่ร้านสะดวกซื้อใต้ตึกที่ทำงาน

    วันแรกของการเริ่มเล่นเกมส์บัดดี้ว่ายากแล้ว เจอคนไม่ถูกชะตายากยิ่งกว่า เพราะผม ต้องดูแลให้ดีและทำให้พี่ชินประทับใจ แต่ผมยังไม่เคยมีโอกาสได้ทำความรู้จักมากกว่านี้ แล้วผมจะรู้ได้ไงว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร...

     และสำหรับคนน่าบึ้งขนาดนั้น...อมยิ้มนี่แหละคือคำตอบ

    ผมหยิบอมยิ้มจูปาจุ้บส์มาหนึ่งแท่ง เดินไปวางที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์

    จ่ายตังค์เสร็จเรียบร้อย ผมเดินแตะบัตรพนักงานผ่านเครื่องกั้น ยืนรอลิฟต์ เมื่อเข้ากล่องสี่เหลี่ยมได้จนเคลื่อนสู่ที่สูงถึงชั้นของออฟฟิศผม ผมเดินออกมา แตะบัตรพนักงานที่หน้าประตู เดินเข้ามาด้านใน กวาดสายตาจนทั่ว ก็พบแค่พนักงานสองคน แต่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มการเล่นเกมส์บัดดี้



     ผมรีบเขียนข้อความลงบนโพสต์อิทสีเหลือง เสร็จแล้วก็แปะบนอมยิ้มและนำไปวางบนคีย์บอร์ด คอมพิวเตอร์ที่โต๊ะพี่ชิน


     ปรี่กลับมานั่งที่โต๊ะตัวเอง ซึ่งที่นั่งของผมนั้นหันหน้าไปทางพี่ชิน ถ้าเขามาถึง ผมย่อมเห็นแน่นอน


     ผ่านไปสิบห้านาที พี่ที่ใส่แว่น กับพี่ที่พูดมากก็ทยอยมา ส่วนผมก็นั่งทำงานของตัวเองไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง หางตาเห็นมีคนเดินเข้ามา จึงหันไปมอง ก็เห็นพี่ชินเดินมากับอชิโดยอชิแยกมาทางผม

      เห็นคนหน้าหยิ่งทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะ ผมแอบมองการกระทำพี่ชิน เพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำหน้ายังไง พี่ชินหยิบกระดาษที่ผมเขียนไว้ขึ้นมาอ่าน

     เขาไม่ยิ้ม ไม่มีทีท่าดีใจแต่กลับขมวดคิ้วมุ่นแถมส่ายหน้า ยิ่งทำให้ผมเสียเซลฟ์พอสมควรกับการหาซื้อของและเขียนข้อความให้...


       ไม่เป็นไรก็แค่วันแรกเอง ผมไม่สนใจ ละสายตาจากพี่ชินกลับมานั่งทำงานต่อจนเวลาผ่านไปถึงเที่ยง ผมเดินไปกินข้าวกับพวกพี่ๆที่ผมแอบตั้งชื่อให้ว่า 'แก็งค์บัดดี้'

       ผมเดินรั้งท้าย เพราะผมไม่รู้ว่าพวกพี่เขาคุยเรื่องที่อะไรกัน เวลานี้ ผมต้องพยายามตั้งใจจดจำชื่อและใบหน้าเวลาที่พวกเขาเรียกกันให้ได้

      อย่างน้อยตอนนี้ ก็รู้ว่าผมกับอชิเด็กที่สุดในกลุ่มเท่านั้น

      ถึงร้านอาหารตามสั่ง ทุกคนเลือกนั่งกันตามใจชอบ โดยผมได้นั่งข้างอชิ ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับพี่ชิน

      ช่วงที่รออาหารมา ผมนั่งมองเขาคุยกัน และจดจำทุกคนได้แล้ว โดยผมต้องตั้งคำนิยามให้กับตัวเองด้วย

พี่ชิน คือ ผู้ชายหน้าตาดี ที่ทำตัวหยิ่งตลอดเวลา
อชิ คือ หญิงสาวหนึ่งเดียวที่น่ารักและแบ๊วในสายตาผม
พี่ป๊อด คือ ผู้ชายหน้าเถื่อนเหมือนคนพร้อมมีเรื่องได้ตลอดเวลา แต่นิสัยสุภาพบุรุษสุดๆ (เท่าที่ฟังจากการแซวกัน)
พี่พอล คือ ผู้ชายใส่แว่น สุขุม แต่หน้าหื่นสุดๆ
พี่แท็ค คือ ผู้ชายที่เฮฮา ปล่อยมุกและปากหมาและเป็นตัวตั้ง ตัวตีในการชวนกินเหล้ามากที่สุด (ผมฟังมาหลายหนแล้ว สังเกตจากการที่พี่เขาพูดมากกว่าคนอื่นๆ และเปิดประเด็นคุยก่อนทุกครั้ง)



"นี่ ใครได้อชิบอกไว้ตรงนี้เลยนะคะ ว่าวันนี้ที่ซื้อช็อคโกแลตมาให้น่ะ อชิไม่กินนะกำลังลดความอ้วน"
เธอพูดขึ้นมาลอยๆ และผมเห็นพี่แท็คยิ้มๆ

"จริงหรอ...อชิ เสียดายจังวันนี้พี่ว่าจะชวนอชิและไอ้ชินไปเลี้ยงเค้กกับชานมไข่มุกสักหน่อย"

"ไปค่ะ ถ้าฟรี! มีข้อยกเว้นได้"


   อย่างนี้ก็ได้เหรอ? ผมขำอชิมากที่ตอบทันควันจนพี่แท็คยังหลุดหัวเราะ

"พี่ล้อเล่นน่ะ"

"พี่แท็คก็ล้อเล่นกับชิทุกเรื่องนั่นแหละ เบื่อ!"
ผมมองอชิทำท่างอน สะบัดหน้าหนี ดูรู้เลยว่าเธอตั้งใจเล่นละครให้พี่แท็คง้อ

    ผมได้ยินพี่แท็คแกล้งทำมือป้องปาก พูดเบาๆว่า เอาไว้คุยกันสองคน ผมเลยหันไปมองอชิที่แอบอมยิ้ม

    ผมไม่รู้ว่าสองคนนี้ ชอบเล่นแบบนี้ตลอดเวลาเลยรึเปล่า? ถึงทำให้พี่ๆคนอื่นส่ายหน้าระอา

    ไม่นานนัก ผมเห็นพี่แท็คพูดขึ้น

"ส่วนใครที่จับได้ชื่อกู บอกเลยว่ากูอยากได้เหล้าหนึ่งกลม พรุ่งนี้ต้องเห็นนะ"

     ผมมองทุกคนรวมหัวกันด่าพี่แท็คแล้วหลุดขำ แต่ผมไม่เข้าใจว่า ถ้าอยากได้อะไรก็แกล้งพูดขึ้นมาลอยๆได้ด้วยหรอ?

     ขณะที่ผมนั่งคิดอยู่นั้น...

"ติล่ะอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม?" ผมหันไปหาอชิ และยิ้ม

"อะไรก็ได้ครับ ผมไม่เรื่องมาก"


    รอยยิ้มผมหายไปทันที เมื่อได้ยินคนหัวเราะหึๆในลำคอ

    เสียงหัวเราะเย้ยหยันมันมาจากพี่ชิน อีกแล้ว...

    เขามีปัญหาคาใจอะไรกับผมมากไหมวะ ผมชักหงุดหงิดซะแล้ว

    ผมก้มหน้านั่งนิ่งเพื่อข่มใจ จนกระทั่งพี่แท็คโยนคำถามไปให้พี่ชิน ผมถึงเงยหน้ามองเขา


"แล้วมึงล่ะ ชิน"

"กูไม่จำเป็นต้องบอก ถ้าเขาอยากเทคแคร์กู เขาควรพยายามทำให้กูประทับใจได้เอง"

"โห! ไอ้ชิน มึงแม่งให้โจทย์ยากอีกละ"



     คนอะไรโคตรหยิ่งเลยว่ะ!...

     แล้วผมจะทำอย่างไรดี การจะล้วงข้อมูลจากพี่ชินก็คงจะหาทางได้ยากมาก
เสียด้วย

    แต่เอาน่า ผมปลอบใจตัวเองและปรับความคิดใหม่ว่ามันก็ท้าทายดีเหมือนกัน

    ถ้าอย่างน้อย ผมดูแลพี่ชินให้ดีไม่ได้ ก็จะกวนประสาทไปอย่างนี้เลยแล้วกัน

     เพราะผมไม่สนแล้วว่าเขาชอบอะไร ผมจะให้อมยิ้มพี่ชินทุกวันนั้นแหละ...


    จัดการอาหารเที่ยงเสร็จก็ขึ้นมาทำงานกันต่อจนเวลาล่วงเลยไปถึงเย็น  ผมสะสางงานเสร็จตามเวลา แต่เพราะพวกพี่ๆยังนั่งอยู่ ผมเลยไม่กล้ากลับก่อน จึงทำทีจับเมาส์คลิกนู่น นี่ นั้นไปพลาง

     สักพักใหญ่ๆ ผมเห็นพี่แท็คลุกขึ้น ผมรีบปิดคอมพิเวตอร์ ลุกตามและยกมือไหว้ลาพี่ๆทุกคน

     ก่อนกลับบ้าน ผมแวะเข้าห้องน้ำ ก็บังเอิญเจอพี่แท็คในห้องน้ำ เขาล้างมืออยู่แต่ก็หันมายิ้มให้อย่างเป็นมิตรและชวนผมคุย


"กลับยังไงล่ะ"


"รถไฟใต้ดินครับ"

"เฮ้ย! เหมือนกันเลย วันนี้ กูไม่ได้เอารถมา กลับด้วยดิ"



     ผมตกใจเล็กน้อย ที่พี่แท็คคุยกับผมอย่างสนิทสนม จนผมตั้งตัวไม่ทัน ผมพยักหน้า และเดินไปยังสถานีรถไฟใต้ดินพร้อมกัน

      ในระหว่างที่เดินกลับ พี่แท็คเล่าเรื่องราวมากมาย จนกระทั่ง เขาวกมาถามผม


"ได้ข่าวว่าเพิ่งทำงานที่นี่ที่แรก"

"ใช่ครับ"

"โอเคไหมล่ะ"

"ก็ได้อยู่นะครับ ถ้าผมมีอะไรที่ยังไม่ค่อยรู้ ผมอาจถามพี่เยอะหน่อยนะครับ"


"ได้...แล้วกูดูออกนะว่าจริงๆ มึงไม่ใช่คนเรียบร้อยหรอก แต่เด็กใหม่ก็อย่างนี้ทุกคน แรกๆทำเป็นติ๋ม เจี๋ยมเจี๊ยม พออยู่นานๆไปก็เริ่มออกลาย"


     ผมกลั้วหัวเราะเสียงดัง เพราะมันเป็นความจริงเลยทีเดียวที่พี่แท็คพูดออกมา



"ที่นี่อยู่แบบพี่-น้อง มึงสงสัยอะไรถามได้ พี่ๆทุกคนเต็มใจช่วย อย่างไอ้ชินเอง มึงอาจจะถามเรื่องงานมันไม่ได้ เพราะมาคนละสายกัน แต่เรื่องการใช้ชีวิต เรื่องอื่นปรึกษามันได้เลย มันเก่งมาก และก็นิสัยดีด้วย"


    ผมหันขวับเมื่อเขาเอ่ยถึงบัดดี้ของผม

    ทำไมพี่แท็คพูดชื่นชมพี่ชินออกหน้าออกตาขนาดนั้น


"แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพี่เขาดูหยิ่งจังครับ?"

"ใคร?"

"พี่ชินน่ะครับ"

"ห้ะ! ไอ้ชินอะนะ"



    ผมเห็นพี่แท็คถามย้ำเหมือนไม่เชื่อ ถามเหมือนว่า เรื่องที่ผมบอกมันโกหกอย่างนั้นแหละ ผมเลยต้องอธิบายเพิ่ม


"ก็ตั้งแต่ผมมา ผมเห็นพี่ชินดูนิ่งๆ อารมณ์เหมือนลูกคุณหนูมาทำงาน วางตัวสูงส่งอะไรประมาณนั้นครับ"

"ฮ่าๆ โอ้ย! ไม่จริงเลย มองมันใหม่ซะไอ้น้อง ถ้าได้ลองสนิทกับมัน จะรู้ว่ามึงคิดผิด
ไอ้ชินบ้านมันรวยจริงแต่มันไม่เคยทำตัวสูงส่งอย่างที่มึงคิด มันถ่อมตัว หัวเราะง่าย ลุยถึงไหนถึงกัน แถมบ้างานจนพวกพี่และเพื่อนๆชอบแซวมันว่า มึงนี่ทำงานหนักอย่างกับมีหนี้ร้อยล้าน"

"พี่พูดแบบนี้ แสดงว่าพี่เป็นเพื่อนพี่ชินหรอครับ?"

"ใช่ เพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ไอ้ชินชวนกูมาทำงานที่นี่ด้วยกันนี่น่ะ"


    ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

     หรือ บางทีสิ่งที่ตาเห็นอาจไม่เท่าได้สัมผัส

     จนกระทั่ง ผมและพี่แท็คเดินมาตรงที่แลกเหรียญ ขณะยืนรอต่อแถว ผมอดสงสัยไม่ได้จึงถาม

"แล้วทำไมพี่ชินต้องบ้างานขนาดนั้นด้วยครับ"

"มึงอยากรู้?"

"ครับ ก็ถ้าพี่บอกว่าบ้านพี่ชินรวยทำไมต้องบ้างาน ทำตัวว่างๆก็ได้นี่ครับ?"
ผมคิดว่าไหนๆได้เจอะคนใกล้ตัวพี่ชินแล้วก็ต้องล้วงข้อมูลของพี่ชินให้ได้มากที่สุด

    จู่ๆพี่แท็คก็หัวเราะ


"เหตุเพราะไอ้ชินมันอกหักน่ะ นี่ก็สองปีมาแล้วที่มันโสด"

    ไม่อยากจะเชื่อ ผมนึกว่าตอนนี้แกมีแฟนแล้วซะอีก

     เพราะถ้าผมตัดอคติตัวเองออกไปครู่หนึ่ง ขนาดผมเป็นผู้ชายด้วยกัน ผมยังอิจฉาและยอมรับเลยว่าพี่ชินดูดี มีอ่อร่า ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน สมาร์ทราวกับเป็นนักธุรกิจพันล้าน แถมเพิ่งรู้จากพี่แท็คเมื่อสักครู่ว่าบ้านพี่ชินรวยอีก

    แต่โสด...มานานถึง 2 ปี...
 

    ผมถอนหายใจยาว ขนาดพี่ชิน ผู้ชายครบเครื่องยังโสด ผมก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะที่ตอนนี้ผมยังหาแฟนไม่ได้และโสดมาแล้วตั้ง 8 เดือน


"ถ้าโสดนานขนาดนี้ แสดงว่าพี่ชินคงตั้งสเปกไว้สูงแน่ๆ ถ้าจะเปรียบเทียบก็คงพวกระดับดารา ใช่ไหมครับ?"


"มึงแม่งเดาเก่งว่ะ ไม่ได้หมายถึงเรื่องสเปกที่ไอ้ชินตั้งไว้สูงนะ แต่ที่เดาถูก คือคนล่าสุดที่มันคบก็เป็นคนในวงการบันเทิงนั่นแหละ แต่ไม่ใช่พวกดาราดังๆหรอก อารมณ์พวกตัวประกอบในละครนะ แต่เห็นว่าเคยเป็นนายแบบพวกเสื้อผ้าด้วยน่ะมึง ไอ้ติ...กูจะบอกอะไรให้รู้ไว้อย่างนะ คนเราน่ะพออายุเยอะขึ้นเชื่อเถอะ ว่าความคิดจะเปลี่ยนไป ขอแค่เจอคนที่รักจริง ไม่หลอกลวง พร้อมจะสร้างอนาคตและลำบากไปด้วยกันก็พอ อุ้ย! กูแม่งเผลอเอาเรื่องเพื่อนมาเมาท์เยอะไปหน่อย เออถึงตากูพอดี"


    ผมมองแผ่นหลังพี่แท็คที่เดินไหวๆไปแลกเหรียญ ส่วนตัวผมยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิมเพราะสิ่งที่ผมตกใจ คือ ผมไม่ได้หูฝาดใช่ไหม?


    ...พี่ชินมีแฟนเป็นผู้ชาย...

     ผมเสียดายแทนผู้หญิงนะ ที่หมดผู้ชายครบเครื่องไปอีกหนึ่ง แต่ช่างมันเถอะจะอย่างไรก็ช่าง ผมก็ควรเลิกคิดเรื่องพี่ชินสักที...



****1.1****

ใครเป็นพระเอก-นายเอกก็ต้องลุ้นกันเนอะ

ขอบคุณทุกการอ่านค่ะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ที่บอกว่าจะขอพักเนี่ย  แสดงว่า "แสงสุดท้าย" จะถูกดองเหรอ?

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 1 อมยิ้ม(2)


      เวลาดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง นี่ก็ผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ที่ผมทำงานที่นี่ และงานก็เริ่มเยอะขึ้น แต่ผมก็ยังจัดการงานให้อยู่ในการควบคุมของผมได้

 
    แต่มันก็น่าแปลกที่นอกเหนือจากงานประจำ สิ่งที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปซะแล้วก็คือ การซื้ออมยิ้มให้พี่ชินทุกเช้า


     สองสามวันแรกๆ ผมเสียเซลฟ์ไปบ้างที่พี่ชินอ่านข้อความแล้วไม่ยิ้ม ไม่รู้สึกอะไร แต่หลังๆมา ผมเริ่มหงุดหงิด เพราะข้อความที่ผมเขียนมันหวานพอตัวเลย


    'ให้อมยิ้ม เพราะอยากเห็นคุณยิ้ม'


     ข้อความหยอดมุกหวานๆแบบนี้ ผมเชื่อว่าถ้าเป็นคนอื่นอ่านต้องมีหลุดยิ้มกันบ้างล่ะ  แต่กับพี่ชินไม่มีเลย

 
     และไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่า การที่ผมเฝ้ารอพี่ชินยิ้ม มันกลายเป็นความคาดหวัง

      คาดหวังจะเห็นรอยยิ้มจากเขา...

     
      ผมรีบปัดความคิดเกี่ยวกับพี่ชินไปก่อน เพราะงานที่รีบเร่งเข้ามา คืองานที่ต้องนำไปพรีเซนต์วันจันทร์นี้

      เมื่อผมต้องรีบปั่นงานให้เสร็จ มื้อเที่ยงนี้ ผมจึงไม่ได้ไปร่วมวงกับคนอื่นๆจึงฝากอชิให้ซื้อข้าวมาให้

      ชั่วโมงกว่าๆผ่านไป อชิถือกล่องข้าวมาวางบนโต๊ะผม พร้อมอมยิ้มจูปาจุ๊บส์...

      ผมเลิกคิ้วมอง


"อชิ ผมไม่ได้ฝากซื้ออมยิ้มนะครับ?"

"รับไปเถอะ ทั้งหมดนี้บัดดี้ฝากมาให้น่ะ และไม่ต้องจ่ายเงินด้วย"

      ผมโคลงศรีษะมองอชิ


"อชิรู้หรอ? ว่าใครเป็นบัดเดอร์ผม"

"อื้ม! รู้สิ แต่ไม่บอกหรอกนะ"

"ฮ่าๆ...รู้ทันนะ อชิ ผมไปกินข้าวดีกว่า"



    ผมถือถุง เดินไปนั่งกินที่ครัว 

    ผมนั่งตรงหัวโต๊ะไม้ขนาดยาว ดึงโพสต์อิสท์ที่แปะไว้หน้ากล่อง มาอ่านข้อความก่อนกิน


'กินข้าวให้อร่อยนะ เพราะข้าวนี่ไม่ได้ทำด้วยมือ แต่ทำด้วยใจ'


   ผมยิ้มปนขำกับข้อความที่อ่าน แล้วชะงักกึก เมื่อนึกถึงใบหน้าคนหยิ่งคนนั้น

   อะไรกัน!... ขนาดผมเจอข้อความแบบนี้เข้าไปยังหลุดยิ้มเลย ทำไมพี่ชินถึงไม่ยิ้มวะ?

    เป็นคนตายด้านทางความรู้สึกรึยังไงกัน...

    เอาอีกแล้ว... นี่วันนี้ ผมคิดเรื่องพี่ชินเยอะไปแล้ว

    ผมส่ายหน้า และรีบจัดการอาหารตรงหน้าอย่างไว เพื่อจะรีบไปทำงานต่อ



      ผมตั้งใจนั่งทำงานจริงจัง จนเหลือบมองนาฬิกาข้อมืออีกทีก็หกโมงเย็น


      ผมพักสมองและสายตาด้วยการลงไปหาอะไรกินข้างล่าง เพราะวันนี้ ผมตั้งใจกลับดึก เพื่อเคลียร์งานให้ได้เยอะที่สุด...


     เดินออกจากตัวอาคาร จนถึงริมถนน ผมสั่งไก่ทอดและข้าวเหนียวกับพ่อค้ารถเข็น ช่วงที่ผมยืนรอ แม่ของผมก็โทรมาหาพอดี


    ผมรู้เลยว่าแม่คิดถึงผม เพราะก่อนหน้าที่ผมจะทำงาน ผมอยู่บ้านกับแม่แถวชานเมือง เราสนิทกันเพราะผมชอบอยู่ติดบ้าน ไม่ค่อยออกไปไหน แต่ตอนนี้ พอผมได้งาน ผมจึงต้องย้ายออกมาเช่าคอนโดอยู่คนเดียว และพอห่างกัน แม่ผมคงเหงาและเป็นห่วงผมเป็นพิเศษ เพราะผมทำงานที่นี่ที่แรก


     ส่วน พี่ตั้น พี่ชายผม ก็คงห่วงไม่แพ้กัน รบเร้าผมให้ไปพักคอนโดแกอยู่เรื่อย ซึ่งพี่ตั้นเลือกพักใจกลางเมือง แถวๆย่านพร้อมพงษ์เท่าที่ผมจำได้ แต่ผมไม่เอาหรอก ถ้าไปนอนห้องพี่ผม มีหวังนอนไม่หลับ ได้ยินเสียงคนร้องโหยหวนเหมือนคนจะขาดใจตายทุกคืนแน่ๆ   



    คนอะไรไม่มีแฟน แต่พอไปเที่ยวผับปุ๊ป...ได้คนมานอนด้วยแทบทุกครั้งไป ขนาดผมด่าพี่ตั้นอย่างเจ็บแสบว่าให้กลัวนรก กลัวเวรกรรมบ้าง แกยังไม่สำนึก คิดดู ผมล่ะละอายแก่ใจแทน ถึงตัดสินใจมาอยู่คนเดียวสบายใจกว่าเยอะ


[เป็นไงบ้าง ติ เงียบไปเลย]

"งานเยอะครับแม่ พอกลับถึงห้อง หนูอาบน้ำเสร็จก็เผลอหลับไปทุกทีเลย"

[นี่ผ่านไปแค่สัปดาห์เดียว ยังไม่โทรมาหากันเลย อีกหน่อยก็คงลืมแม่]

"ไม่ๆนะครับแม่ หนูไม่ลืมแม่นะ หนูขอโทษ" ผมรีบพูดอย่างกลัวแม่น้อยใจ ทำไงได้ ผมแคร์ความรู้สึกแม่กว่าใคร เพราะแม่ผมเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ด้วยสาเหตุที่พ่อผมหนีแม่ไปมีภรรยาใหม่ตั้งแต่ผมอยู่ช่วงประถมแล้ว

   ผมถึงติดแม่และรักแม่กว่าใคร รองลงมาก็พี่ตั้นนี่แหละ

  ...เพราะเราก็มีกันอยู่เท่านี้...แต่ก็มีความสุขสุดๆ


[ให้มันจริง แล้วคนที่ทำงานดีไหม ติ?]


"ดีทุกคนเลยครับแม่"


      พี่ๆและเพื่อนร่วมงานทุกคนดีกับผมจริงๆ เว้นเสียแต่คนหยิ่งคนนั้นที่ผมไม่บอกแม่ กลัวท่านเป็นกังวล และคนที่ผมพูดถึงมากที่สุด คือ อชิ

    ผมเล่าเรื่องเธอเยอะเป็นพิเศษ  ผมบอกแม่ว่าผมถูกใจอชิ เธอน่ารักดี และนิสัยที่เป็นกันเอง เลยทำให้ผมและอชิสนิทสนมกันเร็วมาก


    อย่างที่บอกว่าผมมีแม่คนเดียว ผมจึงไม่มีอะไรต้องปิดบังหรือมีความลับกับท่าน

      แต่แม่ผมเงียบไป ผมรู้นะ ว่าที่แม่เงียบเพราะอะไร ท่านคิดว่าการที่ผมพูดถึงผู้หญิงคงหนีไม่พ้นเรื่องความรักแบบชู้สาว ตอนนี้ ท่านคงไม่อยากให้ผมมีแฟนเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าหวงผมหรอก แต่คงห่วงกลัวผมเจอคนไม่จริงใจมากกว่า เพราะแฟนคนล่าสุดที่ผมเลิกไปจนผมร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร จนแม่แอบมาเห็น ก็เพราะเธอนอกใจไปมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นจนตั้งครรภ์นั่นเอง

      แม่ผมเงียบนานเกินไป จนผมใจคอไม่ดี เลยเปลี่ยนเรื่องไม่อยากให้แม่คิดมาก


"ไม่ต้องห่วงนะแม่ หนูรู้สึกสนุกที่ได้ทำงานที่นี่ และ...หนูรักแม่นะ..."


[แม่ก็รักติ อาทิตย์นี้กลับบ้านไหม?]


    ฟังเสียงแม่ ดูรู้เลยว่าเหงา...


"กลับครับแม่"


    ผมไม่รีรอที่จะตอบ ก็ผมมีแม่คนเดียวนี่ครับ
 

[แม่จะรอนะ ไว้ค่อยคุยกันก็ได้ติ]

"ครับแม่" 


    ผมวางสายและยิ้มคนเดียว


    ในวันที่ผมเหนื่อย พอได้ยินเสียงแม่ มันเหมือนมีพลังวิเศษมาช่วยเติมเต็มให้ร่างกายของผมมีแรงทำงานได้อีกมากโข


    ผมจ่ายเงิน รับข้าวเหนียวและไก่ทอดเรียบร้อย ก็เดินขึ้นไปทำงานต่ออย่างมีความสุขเพราะมีกำลังใจดีๆ


    ถึงหน้าประตูกระจก ผมเห็นอชิ พี่แท็ค พี่พอลเดินสวนผมออกมา


"อ้าว นึกว่ากลับไปแล้วนะเนี่ย! ทำไมยังไม่กลับล่ะติ วันนี้ดึกหรอ?"

"ครับ อชิ"

"สู้ๆนะติ!"

"ขอบคุณครับอชิ"


    ผมยกมือไหว้พี่พอลและพี่แท็ค เดินเข้ามาด้านใน เหลือบมองไปยังอีกโต๊ะก็เห็นพี่ชินและพนักงานอีกสองคนที่ยังนั่งทำงานอยู่เหมือนกัน

     ผมมองอย่างไม่สนใจอะไร เดินปลีกตัวไปนั่งกินไก่ทอดที่ครัว ผมนั่งกินไก่พลางมองวิวด้านนอกก็สบายตาไปอีกแบบ


    นั่งแทะน่องไก่จนเหลือแต่กระดูก ผมวางซากลงบนถุงพลาสติก เตรียมเอาขยะไปทิ้ง แต่ผมหยุดชะงักเสียก่อน เมื่อพี่ชินเดินมากดน้ำดื่มที่ตู้น้ำ จากนั้น พี่ชินก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งดื่มน้ำโดยหันหลังให้


     ผมรู้นะว่า พี่ชินทำเป็นไม่เห็น จากทางเดินเข้ามาในครัว ยังไงก็ต้องเห็นว่ามีคนนั่งอยู่แล้ว


    ผมยังไม่ลุก ได้แต่นั่งมองพี่ชินเงียบๆ จนพี่ชินดื่มน้ำเสร็จ ลุกไปล้างแก้วเรียบร้อย นำไปผึ่งที่ชั้นวาง จังหวะที่แกหมุนตัวเดินกลับไปทำงาน


     ผมกับเขาประสานสายตากันโดยบังเอิญ พอเป็นอย่างนั้น ผมกลัวว่าพี่ชินจะจับได้ว่าผมแอบมองมาอยู่นานจึงส่งยิ้มให้แก้เก้อ...


   แต่ที่เจ็บจี๊ดไปจนถึงขั้วหัวใจ คือพี่ชินมองมาด้วยสายตาประมาณว่า มึงเป็นอะไรของมึง...อย่างนั้นเลยครับ


"คนอะไรวะ แม่งโคตรหยิ่งเลยว่ะ" ผมบ่นหลังจากที่เขาเดินพ้นตาไปแล้ว


    ทำไมมันช่างตรงกันข้ามเช่นนี้

    สิ่งที่พี่แท็คพูดมากับสิ่งที่ผมเจอ ไม่เห็นเหมือนกันเลยสักนิดเดียว

    อีกละ!... คิดเรื่องพี่ชินอีกละผมชักหงุดหงิดที่เขาเริ่มมามีอิทธิพลกับผมมากไปละ

    ผมสลัดความคิดทิ้ง ลุกไปทิ้งขยะ ล้างมือแล้วกลับมานั่งทำงานต่อ

    ผมรวบรวมสมาธิเพื่อจดจ่อกับการทำงานอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ผมยกมือบิดขี้เกียจ เงยหน้ามองเพดานอยู่นาน ก่อนจะก้มมองนาฬิกาข้อมือ อีกทีก็ปาไปสองทุ่มแล้ว


"เฮ้อ! พรุ่งนี้ค่อยทำต่อแล้วกัน"


    ผมดูจากเนื้องานแล้วเหลืออีกไม่มาก พรุ่งนี้ทำต่อได้แบบสบายๆ

    ปิดคอมพิวเตอร์ เก็บของลงกระเป๋าเป้ สะพายขึ้นบ่า ลุกขึ้นยืนพร้อมกลับบ้าน

    และเพราะก่อนหน้านี้ ผมไม่ได้สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากงาน จึงไม่รู้ว่าพี่สองคนที่นั่งโต๊ะเดียวกับพี่ชิน กลับกันไปหมดแล้ว ตอนนี้ ทั้งออฟฟิศจึงเหลือแค่ผมกับคนหยิ่งที่นั่งหน้าเครียด



     ลองให้โอกาสคนหยิ่งอีกสักครั้งก็แล้วกัน อีกอย่างผมก็เด็กกว่าด้วย เข้าหาก่อนก็เป็นสิ่งที่ดีและไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดอะไร

    ผมเดินไปหาพี่ชินที่โต๊ะ แล้วเอ่ยอย่างเป็นมิตร

 
"ผมกลับก่อนนะครับ แล้วนี่พี่ชินยังไม่กลับหรอครับ?"

"ยัง"


"ไม่กลัวผีหรอพี่?" ผมถามเพื่อสร้างความสนิทสนม  ส่วนหนึ่งผมก็อยากรู้จริงๆเพราะถ้าเป็นผม ผมบอกเลยผมไม่กล้าอยู่คนเดียวแน่ๆ

     ผมยอมรับอย่างแมนๆเลยว่า ผมกลัวผีมากครับ

     คำถามของผม ถูกตอบด้วยสายตาที่มองมาอย่างชาเฉย


     ผมยืนนิ่ง มองคนหยิ่งอยู่นาน ที่ผมยังไม่กลับและไม่โกรธที่เขาทำกิริยาแบบนี้ เพราะสิ่งที่ผมสังเกตได้และเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างบนใบหน้าคนหยิ่ง


"พี่ชินไม่สบายหรือเปล่าครับ?"


    ยังคงหยิ่งได้เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

    เมื่อไม่ตอบ ผมก็ต้องพิสูจน์

    ผมเดินก้าวยาวๆไปหาพี่ชิน ถือวิสาสะเอื้อมมือไปแตะตรงลำคอ


"เฮ้ย! คุณทำบ้าอะไร?"


    ผมสะดุ้งสุดตัวที่พี่ชินตวาด ผมยอมรับว่ามันดูไม่เหมาะสมที่ไปแตะเนื้อต้องตัวเขา แต่หน้าพี่ชินดูไม่ไหวจริงๆ เขาหน้าซีดเผือกเหมือนกระดาษเปล่าเลย


"ผมขอโทษครับ แต่พี่ไม่สบาย รู้ตัวหรือเปล่า?"

"....."


    พี่ชินยังคงเงียบ


"พี่ต้องกินยานะ พี่กินข้าวรึยังครับ?"

"....."


     พี่ชินไม่ตอบ จนผมถอนหายใจยาว เปิดกระเป๋าเป้ตัวเอง หยิบซองพลาสติกที่บรรจุยาสามัญประจำบ้าน ยื่นแผงยาลดไข้ให้


"นี่ยาลดไข้ครับ พี่จะกินไม่กินก็เรื่องของพี่แล้วล่ะ ผมไปก่อนนะ สวัสดีครับพี่ชิน"


    ผมข่มใจพูดดีกับพี่ชิน แม้เขาจะทำเมินเฉย


    คนบ้าอะไรจะตายอยู่แล้วยังวางฟอร์มว่าตัวเองแข็งแกร่ง ไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากคนอื่นอีก
   

"เออดี ตายๆไปซะ...แม่ง!..."



   ผมเดินออกมาจากบริษัทและบ่นด้วยความหงุดหงิด ขณะที่รอลิฟต์เพื่อลงไปชั้นล่าง


   ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยเจอคนแบบนี้เลยให้ตายสิ...





.......................................

 ขอตอบ >> DrSlump
เรื่อง แสงสุดท้าย ที่ว่าพักคือมันดราม่าไปแต่ไม่ดองแน่นอนค่า เพราะเหลือแค่ตอนจบแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะคะ ^3^




ขอบคุณทุกการอ่านค่ะ :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2018 23:50:02 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

โล่งใจที่ แสงสุดท้าย จะไม่ถูกดอง  แถมเหลืออีกตอนเดียวจบ

แค่พักดราม่า มาปล่อยฟีลกู้ด อมยิ้ม กันไปก่อน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13 เรื่องน่าลุ้นว่าจะน่ารัก ...  o13

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ทำไมต้องทำหยิ่งใส่ด้วย
ลุ้นต่อค่ะ

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 2 ใกล้กัน






       ผมเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดมาตลอดทาง บอกตรงๆว่าอารมณ์เสียที่เห็นกิริยาพี่ชินเช่นนั้น



        เดินมาจนถึงคิวแลกเหรียญ ยืนต่อแถวที่ค่อยๆไหลไปข้างหน้า เมื่อถึงคิวผม ผมบอกสถานีปลายทางแก่พนักงาน ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ ก่อนจะหน้าซีดเผือก


       ผมดึงกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่มาไว้ข้างหน้า รูดซิป เปิดกระเป๋า ควานหาจนทั่ว ก่อนจะรีบยกเลิกตั๋ว ขอโทษพนักงานและเดินออกจากแถว เมื่อพบว่า ผมลืมกระเป๋าสตางค์ไว้บนออฟฟิศ



"โธ่เอ้ย! วันซวยอะไรวะเนี่ย!"



    ผมฉุนเฉียวที่ต้องเดินกลับไปออฟฟิสอีกรอบ และผมโยนความผิดให้คนหยิ่งทันที เพราะมัวแต่โมโหเรื่องพี่ชินนั่นแหละถึงทำให้ผมสติหลุดจนลืมกระเป๋าสตางค์ไปซะได้


      ก้าวเดินไวๆ เข้าตึก ขึ้นลิฟต์ จนถึงชั้นออฟฟิสตัวเอง ผมเดินมาหยุดชะงักตรงหน้าประตูกระจก เมื่อพบว่าด้านในออฟฟิสมืดตื๊ดตื๋อ...

     พี่ชินกลับไปแล้วหรือวะ?

     ผมพูดกับตัวเอง เมื่อรู้สึกว่าใจเต้นรัว พอรู้ว่าต้องเข้าไปเอากระเป๋าสตางค์เพียงลำพังท่ามกลางความมืดมิดแบบนี้


     กลืนน้ำลาย แตะบัตรพนักงานตรงที่สแกนบัตรและผลักประตูกระจก ก่อนจะรีบเดินไปเปิดสวิช์ไฟตรงผนัง เมื่อแสงสว่าง ผมเร่งฝีเท้าไวๆไปเอากระเป๋าสตางค์ที่โต๊ะ แล้วจะรีบเดินออกไป แต่สายตาผมสะดุดเข้ากับกระเป๋าพี่ชินที่วางบนโต๊ะทำงาน ทว่า กลับไม่มีพี่ชินนั่งอยู่

    ผมจะไม่สนใจเลย ถ้าพี่ชินร่างกายปกติดี


"ไปฟุบล้มที่ไหนหรือเปล่าวะ?"


   เวลานี้ คงไม่เรียกว่าใจดีสู้เสือ แต่ควรเรียกว่าใจกล้าสู้ผี ผมเดินไปที่โต๊ะพี่ชิน ก่อนจะกวาดตามอง จนเห็นร่างคนไม่สบายนอนที่เตียงกว้าง


   ผมรีบเดินไปตรงซอกนั้น ทิ้งตัวลงนั่งยองๆข้างเตียง


"พี่ชิน" เรียกคนนอนขดตัวเป็นกุ้งที่หลับไหล ใช้หลังมือแตะซอกคออีกฝ่ายที่ดูอุ่นๆ


      เวลานี้ พี่ชินดูอ่อนแอมากในสายตาผม ผมโกรธเขาไม่ลงจริงๆ เรื่องที่เขาชอบทำตัวหยิ่งใส่


"พี่ชินกลับบ้านไหวไหมครับ?" ผมพูดเสียงนุ่ม และพี่ชินปรือตามองผม


"ทำไมยังไม่กลับอีก?"

"ผมกลับไปแล้ว แต่ผมดันลืมกระเป๋าสตางค์เลยต้องขึ้นมาอีกรอบ"
ผมตอบยิ้มๆ และพูดต่อ

"พี่กลับไปนอนที่บ้านเถอะครับจะได้สบายตัวกว่านี้ พี่ให้ผมไปส่งไหม?"

"ไม่เป็นไร ผมขอนอนสักพัก คุณน่ะกลับไปได้แล้ว ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผม"

"เฮ้ย...ทำไมต้องปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นด้วยวะ"
ผมสติหลุด เผลอตะโกนใส่เขาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

 
      ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมพี่ชินต้องปฏิเสธความหวังดีของผมทุกครั้ง เขาทำอย่างกับผม เป็นขยะที่น่ารังเกียจอย่างไรอย่างนั้น

   
      ผมถอนหายใจพรืด เมื่อเขาตาแดงหลังจากที่โดนผมต่อว่า แม้เขาจะไม่ชอบขี้หน้า ตั้งท่าเป็นศัตรู แต่ผมมีจิตสำนึกมากพอและทิ้งเขาไม่ลงจริงๆ หากพี่ชินเกิดเป็นอะไรขึ้นมาผมคงรู้สึกผิดที่ไม่ได้ดูแลพี่ชินให้ดีพอ



"เวลานี้ พี่ควรมีคนดูแลนะครับ"



   พี่ชินนอนมองผมแต่ไม่ตอบ ผมตัดสินใจลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หมุนตัวไปอีกทาง ไปเปิดล็อกเกอร์ของตัวเองหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำบิดหมาดๆเดินกลับมาหาพี่ชินอีกรอบ

   
    คราวนี้ผมหย่อนกายนั่งบนเตียง ค่อยๆประคองพี่ชินให้ลุกขึ้นมานั่งดีๆ


"คุณจะทำอะไร?"

"เช็ดตัวให้พี่ครับ"

"ไม่ต้อง ผมกินยาที่คุณให้มาแล้ว"

"กินแล้วก็ต้องเช็ดตัว ควบคู่กันไปครับ"


    พอผมเห็นพี่ชินอ้าปากจะเถียง


"ถ้าพี่กลัวว่าผมจะทำอะไร บอกเลยผมไม่ทำแน่นอนครับ ผมไม่นิยมวัตถุโบราณน่ะ" ผมถนัดในการต่อปากต่อคำมากซะด้วยสิ

"นี่...คุณ..." ก่อนที่พี่ชินจะด่าผม ผมรีบนำผ้าขนหนูซับทั่วใบหน้าไล่ลงมายังลำคอจองอีกฝ่าย


    พอเห็นพี่ชินเงียบไม่เถียงต่อ ผมดึงแขนพี่ชินมาวางพาดบนหน้าขาของตัวเอง

    ผมชะงัก เมื่อได้สัมผัสผิวกายของพี่ชิน ยิ่งตอนได้จับมือพี่ชินแล้ว พี่ชินตัวนิ่ม มือนุ่มเป็นบ้า มองใกล้ๆยิ่งเห็นผิวที่เนียนละเอียดยิ่งนัก

     มือของผมยังคงเช็ดตัวให้ไม่หยุด แต่สายตาผมเผลอมองใบหน้าพี่ชินที่นั่งหลับตาอยู่

     เป็นครั้งแรก ที่ใกล้กันแบบนี้ ผมพิจารณาทุกซอกทุกมุมของพี่ชิน จนกระทั่ง...

     เฮ้ย! หยุด!...ผมไม่ควรคิดอกุศลกับพี่ชิน   

     ผมควบคุมความคิดตัวเองให้กลับมาเข้ารูปเข้ารอยที่มันควรจะเป็น และลุกไปซักผ้าและกลับมาเช็ดตัวซ้ำอีกครั้งก็เสร็จเรียบร้อย


"ดีขึ้นไหมครับ?"


    พี่ชินพยักหน้า


"ขอบคุณ คุณกลับไปเถอะ "

"ผมก็อยากเป็นคนเลวอะนะ แต่แม่ผมสอนมาดี ผมทิ้งคนใกล้ตายแบบนี้ให้อยู่ลำพังไม่ได้หรอก"

"ต่อปากต่อคำจริงๆ"

   ผมยิ้มยียวนและลุกจากเตียงลงไปนั่งที่พื้นเมื่อพี่ชินกำลังล้มตัวลงนอน เขาจ้องผมกลับมา

"คุณควรกลับบ้าน ผมไม่ชอบให้ใครมาลำบากเพราะผม"

"แล้วผมบอกพี่สักคำรึยังล่ะครับ? ว่า ผมลำบาก"

"ทำไมต้องเถียง"

"พี่ต่างหาก นอนเถอะครับ อย่างน้อยถ้าพี่ตายไปจริงๆ ผมจะได้รู้ว่าได้ดูแลพี่อย่างดีที่สุดแล้ว"

"คุณแช่งผม แค่กๆๆ"

"นั่นเห็นไหม? ไอแล้วเนี่ย นอนพักเถอะครับพี่ชิน ผมอยู่เป็นเพื่อนพี่ได้ทั้งคืน และด้วยความเต็มใจครับ"



    พี่ชินไม่พูดอะไรอีก และเมื่อพี่ชินหลับตา ผมที่นั่งกอดเข่าพิงผนังอยู่ ก็แอบมองและอมยิ้ม

   
    ไม่รู้สิ ทั้งๆที่พี่ชินหลับไปแล้ว ผมจะลุกไปไหนก็ได้ จะไปเปิดทีวีดูสารคดี ดูหนัง ดูอะไรที่บันเทิงใจเพื่อฆ่าเวลาก็ได้ แต่ผมไม่ทำ ผมกลับเลือกที่จะนั่งมองเขานอนหลับอยู่อย่างนี้

    พี่เป็นคนแบบไหนกันแน่วะ พี่ชิน?

    ผมนั่งมองเขาไม่ละสายตา

   ไวกว่าความคิด ผมกระเถิบตัวไปข้างหน้า ยื่นมือไปแตะริมฝีปากล่างของพี่ชิน แต่พอผมได้สติ ผมชักมือกลับ

"มึงเป็นบ้าอะไรวะ ไอ้ติ" ผมด่าตัวเอง ที่อยู่ดีๆก็ทำอะไรที่ไม่สมควร

    ผมถอยหลังกลับมานั่งที่เดิมและผล็อยหลับไป

    เกือบสองชั่วโมง


กึก กึก!...


    ผมสะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยินเสียงเหมือนคนเขย่ากระจกอย่างแรง ผมหาที่พึ่งเกาะแขนพี่ชินทันที

     ผมบอกแล้วไงครับว่าผมกลัวผี เวลานี้ ใครจะมาเขย่าประตูกันล่ะ


"เป็นอะไรของคุณ"

    ผมหันไปหาคนที่ลืมตามามอง ผมปล่อยแขนเขา และพี่ชินก็หยัดกายลุกขึ้นนั่งนิ่ง


"ผมได้ยินเสียงเหมือนคนเขย่าประตูกระจกด้านนอกครับพี่"


"คุณคิดว่าเป็นผีรึไง?"

"ก็ใช่น่ะสิ เวลานี้จะมีใครล่ะพี่"


"อาจจะเป็นรปภ.ก็ได้ นี่ก็โมงแล้ว"

"เกือบห้าทุ่มครับ"

"กลับกันเถอะ"

"พี่ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?


     พี่ชินเงียบ พอเขาเห็นผมจะยื่นมือไปแตะ

"อืม...ดีขึ้นแล้ว"


     ผมพยักหน้า และเดินขนาบข้างพี่ชินตลอดการเดินกลับบ้าน พยายามเฝ้าสังเกตพี่ชินว่าเดินไหวหรือเปล่า? ผมและพี่ชินเดินออกมานอกตัวอาคาร และผมก็ยืนรอเรียกแท็กซี่เป็นเพื่อน



"พี่ไหว แน่นะครับ"

"ไหว"
   
"พี่ชิน เบอร์อะไรครับ?"
ผมมัดมือชก ยื่นโทรศัพท์มือถือของผมเพื่อให้แกกรอกตัวเลขลงไป


"ทำไม?"

"ก็สักพักผมจะโทรหาพี่ไง ผมจะได้รู้ว่าพี่ถึงบ้านแล้วรึยัง?"



    พี่ชินกดตามแป้นทัชสกรีนครบทุกตัวเลข และแท็กซี่คันที่ว่างก็ผ่านมาพอดี


    ก่อนขึ้นรถแท็กซี่ พี่ชินหันมาขอบคุณผม ส่วนผมก็ยิ้มกลับอย่างจริงใจ



   ยืนมองรถแท็กซี่สีชมพูลับตาไป ก็ลดรอยยิ้มลง เมื่อหวนคิดเรื่องตัวตนพี่ชิน


    แม้จะใกล้กันขึ้นกว่าเก่า แต่มันก็แค่ร่างกายเท่านั้นที่ได้ชิดใกล้

    ผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ว่าก็คือกำแพงที่พี่ชินกั้นไว้เพื่อปกป้องตัวเอง นั่นถึงทำให้ผมเข้าไม่ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาได้เลย


.....

.....



      เช้าวันต่อมา ผมโทรหาพี่ป๊อด ซึ่งเป็นหัวหน้าของผมว่าขอลาครึ่งวัน เพื่อเข้าช่วงบ่าย อันที่จริงไม่ใช่เพราะเพลียหรืออะไร ผมแค่จะไปหาซื้ออมยิ้มยกโหลสักหน่อย ดูซิ...ว่าจะยิ้มได้ไหม?


     เมื่อหาได้แล้ว ผมดิ่งไปทำงาน ก็ถึงช่วงเที่ยงพอดี บนออฟฟิสไม่มีใครอยู่ คงลงไปพักทานข้าวกันหมด เมื่อไม่เห็นใคร ผมรีบเดินไปวางของบนโต๊ะบัดดี้คนเดิม โดยรอบนี้ ผมเขียนข้อความที่ต่างออกไปเผื่อจะช่วยสร้างรอยยิ้มได้บ้าง


     ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ พี่ชินเป็นอย่างไรบ้าง จะหายดีแล้วรึยัง? แต่ถ้าวันนี้เขาไม่มาผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ผมอยากให้เขาพักจนร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้วค่อยมายังจะดีซะกว่า


     เสร็จธุระ ผมเดินไปทางครัว เปิดตู้เย็น เห็นถุงพลาสติกที่มีชื่อผมแปะไว้อยู่ ผมอมยิ้มกับข้อความที่บัดเดอร์เขียนให้ผม


'ดื่มน้ำผลไม้ แก้เหนื่อยนะ คนดี'


     ผมนั่งดื่มน้ำผลไม้จนหมดกล่อง กะจะเดินกลับมานั่งทำงานต่อ แต่ชะงักเมื่อสายตาที่ผมมองไกลออกไปเห็นพี่ชินนั่งอยู่ที่โต๊ะของเขา


"คนอะไรตายยาก เพิ่งบ่นก็มาเลย"


    ผมยังไม่กลับไปนั่งที่โต๊ะ ยืนด้อมๆมองๆหลบหลังผนังครัว เมื่อเห็นพี่ชินก้มหน้าอ่านข้อความบนกระดาษ


    ยืนลุ้นตัวโก่งว่าเขาจะมีทีท่าอย่างไร เพราะรอบนี้ ผมซื้ออมยิ้มให้เป็นกระปุกใหญ่พร้อมข้อความที่เขียนต่างไปจากทุกที
   

    'เชื่อผมเถอะ ...ถ้าคุณยิ้ม ร้อยทั้งร้อยมีคนหลงเสน่ห์คุณแน่ๆ...อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่ง'
   

    ผมยืนตาเบิกโพลง เมื่อเห็นความเปลี่ยนไป

    คนหยิ่งจัดผุดรอยยิ้มกว้าง และส่ายหน้าน้อยๆพร้อมขบขัน

   เชี่ย!...โคตรน่ารักเลยว่ะ...


   รอยยิ้มจริงใจและเป็นธรรมชาติที่ออกมาจากปากและแววตา ผมว่ามันทำให้พี่ชินดูดีและมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลย

    พี่ชินนั่งยิ้มคนเดียวอยู่นานและผมที่แอบมองอยู่ก็เผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว...

    แต่เดี๋ยวก่อนนะ มันเกิดอะไรขึ้นกับผม...จู่ๆ หัวใจของผมก็เกิดเต้นเร็วและแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด..

 


****1.1****

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 2 ใกล้กัน(2)


     ไม่รู้สินะ ทำไมวันนี้ทั้งวัน ผมถึงอารมณ์ดี ตั้งแต่เช้าจรดเย็น พอผมจะกลับบ้าน อชิก็มาขอกลับด้วย ผมไม่มีปัญหาและยินดีมาก เราสองคนเดินลงมาด้วยกัน ตลอดเวลาที่อชิคุยกับผม ผมสังเกตอยู่นานว่าเธอดูแปลกๆ เธอคุยอ้อมไปอ้อมมา จนผมตัดสินใจเข้าประเด็น


"อชิ มีเรื่องอะไรอยากปรึกษาผมหรือเปล่าครับ วันนี้ถึงกลับมากับผม?"


      อชิชะงักเหมือนโดนจี้จุด เธอเงียบไปนาน ผมก็ไม่เซ้าซี้ รอให้เธอพร้อม


"ติมีแฟนรึยัง?"

"ยังไม่มีครับ"

"ชิ จีบได้หรือเปล่า?"


       เฮ้ย! ผมสบถในใจ ก็ยอมรับว่าสนิทกับอชิมากกว่าคนอื่น เพราะเธอเป็นเพื่อนร่วมงานคนเดียวที่ตั้งแต่ผมเข้ามา เธอคอยเทคแคร์ช่วยเหลือ ประสานงานหาข้อมูลที่ผมไม่มีให้ตลอดเวลา แต่ผมไม่แน่ใจว่า การที่เธอรุกผมหนักขนาดนี้ ชอบผมจริงๆหรือ?...


"อชิชอบผมจริงๆเหรอ?"

"อื้ม"


     ผมหรี่ตามองคนตรงข้ามยิ้มเขิน ผมคิดว่ามันทะแม่งๆยังไงชอบกล


"ก็สมัยนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนี่ ชิชอบก็บอกชอบ อีกอย่าง ติโสด ชิก็โสด เรามาลองคุยกันไหม เผื่อมีโอกาสพัฒนาต่อ"

"อชิ ผมว่า.....อชิพูดตรงๆมาดีกว่า"
ผมย้ำถามให้แน่ใจ

"บอกจีบต่อหน้านี่ยังไม่ตรงอีกหรอ? สรุปติจะไม่ลองให้โอกาสชิได้ลองดูเลยใช่ไหม?"


"เปล่าๆครับ ลองดูก็ได้ครับ อชิ"

"ขอบคุณค่า ติเป็นผู้ชายน่ารักจริงๆ ชิถึงบ้านแล้วจะไลน์ไปหานะ"

   

     หลังจากได้คำตอบ อชิแยกกับผมไปรอรถไฟใต้ดินอีกฝั่ง ปล่อยให้ผมยืนงงในการบอกกล่าว ผมไม่มั่นใจ แต่ผมจะลองเปิดโอกาสให้อชิได้ลองจีบดู อย่างน้อยถ้าคุยแล้วใช่...ใจตรงกัน...ก็ไปต่อ เพราะผมเองก็ชอบอชิเหมือนกัน

 
   
...........


...........



       วันถัดมา ผมมาทำงานตามปกติ แต่มีสิ่งที่ต่างออกไปจากกิจสัตรประจำวันของผม  คือการที่ผมคุยกับอชิทั้งคืน เราสองคนแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวอดีตและปัจจุบัน ความชอบ-ไม่ชอบ สถานที่ที่ชอบไปและอื่นๆอีกมากมาย


      มันควรจะดีสินะ ที่มีคนมาชอบผม และผมก็ชอบ แต่ความรู้สึกที่มีให้มันเหมือนไม่สุด มันบอกไม่ถูก

 
    เรื่องอชิถูกลากยาวมาตั้งแต่เมื่อคืนที่ผมยังคงครุ่นคิดอยู่ จนมาถึงออฟฟิศแล้วก็ยังกังวลไม่หาย

   
     ผมรีบลืมๆมันไปก่อน และเดินไปที่โต๊ะพี่ชิน แต่หนนี้ผมชะงักเมื่อมีข้อความโต้ตอบกลับมา


'ถ้าจะให้อมยิ้มเยอะเป็นกระปุกอย่างนี้ ขอเบิกค่าทำฟันด้วย'


      ผมยิ้มสลับหัวเราะที่พี่ชินตอบกวนๆ ผมไม่คิดว่าพี่ชินจะมีมุมตลก ผมเก็บกระดาษที่พี่ชินเขียนไว้กับตัว วางของของผมบนโต๊ะพี่ชิน จังหวะที่ผมเดินกลับโต๊ะ ผมสะดุ้งตกใจที่เห็นพี่ชินเดินสวนมา และวันนี้ไม่ได้มาพร้อมอชิ

        ผมกลัวว่าเขาจะรู้ว่าผมเป็นบัดดี้ ผมจึงรีบคุยกลบเกลื่อน

"สวัสดีครับพี่ชิน วันนี้มาเช้านะครับ"



        ชวนคุยแต่อาการอีกฝ่ายคือไม่ยิ้มและไม่มอง เขาเดินผ่านผมไปนั่งที่โต๊ะเฉยเลย


"อะไรของเค้าวะ"



     ผมงึมงำและหันไปมองพี่ชินที่นั่งหน้าบึ้ง ผมงงมาก เมื่อวานเขาก็ยังดีๆอยู่เลย วันนี้เขาเป็นอะไร? 

     แต่จะว่าไป ทำไมผมต้องแคร์ ผมลืมเรื่องพี่ชิน กลับมาอยู่กับตัวเองไม่สนใจ ดื่มนม กินแซนด์วิชไปเรื่อยๆ คนอื่นๆก็ทยอยกันเดินเข้ามา


     ผมเห็นพี่ป๊อดถือกุหลาบช่อโตมา ผมชะเง้อหน้ามองอย่างอยากรู้ แล้วพี่ป๊อดก็วางไว้ที่โต๊ะอชิ สักพักใหญ่ อชิดินเข้ามา ตาโตตกใจ เมื่อเห็นบนโต๊ะมีช่อดอกไม้วางอยู่ แต่หลังจากนั้น อชิยิ้มแก้มปริ


     ถ้าให้ผมวิเคราะห์เป็นการส่วนตัว พี่ป๊อดไม่ใช่บัดดี้ตัวจริงและคนที่จับได้อชิต้องชอบอชิเป็นทุนเดิม ไม่อย่างนั้น คงไม่ซื้อกุหลาบสีแดงช่อโตแบบนี้มาให้หรอก ผมว่า คนๆนั้นกำลังใช้เกมส์บัดดี้ เป็นฉากบังหน้าอยู่

     แต่ไม่เป็นไร แม้วันนี้ ทุกคนจะยังไม่รู้ แต่วันเฉลยได้รู้แน่ๆ

     ลอบมองอชิที่หน้าแดง นั่งยิ้มเขิน ลูบกลีบดอกกุหลาบอย่างมีความสุข และอยู่ดีๆ อชิก็ลุกขึ้นไปหาพี่ชิน ตามด้วยพี่ป๊อด ไล่มาพี่พอลและพี่แท็ค สุดท้ายก็มาจบที่ผม เธอบอกพวกพี่ๆว่ายังไม่ได้เลี้ยงรับน้องใหม่ซึ่งก็คือผม เธอเอาข้ออ้างโดยที่เอาผมมาเอี่ยวจนได้ 


     พอข้ออ้างมีน้ำหนักขึ้นมาหน่อย ทุกคนกลับเออออ เห็นด้วยกันซะอย่างนั้น ทำให้ผมยากที่จะปฏิเสธ เพราะอชิใช้ชื่อผมเป็นแกนหลักของงาน ผมจึงตอบตกลงและเธอก็ดูดีใจเกินเหตุจริงๆ


     เวลาผ่านไปจนได้เวลาเลิกงาน ทุกคนดูลัลล้ากันพอสมควร เก็บของกันอย่างอารมณ์ดี ผมที่เก็บของเสร็จก่อน จึงแวะไปเข้าห้องน้ำ

    ผมหยุดเท้า เมื่อเจอะพี่ชินด้านใน เขายืนเหมือนคนกำลังสงบสติอารมณ์อยู่หน้ากระจก
   
     
"พี่ชินเก็บของเสร็จแล้วหรือครับ?"
ผมลองพูดดีกับเขาดูอีกสักครั้ง

"คุณเห็นผมอยู่ตรงนี้ คิดว่าผมเก็บเสร็จรึยังล่ะ"

 "พี่ชินผมถามดีๆนะ"



    ผมโมโห หอบหายใจถี่ และไม่สนคำตอบของอีกฝ่าย รีบเดินออกมาเมื่อได้ยินเสียงอชิเรียกผมอยู่ด้านนอก


    ผมรู้ว่า อชิ ตกใจที่เห็นผมโกรธหน้าดำ หน้าแดง เธอรีบเดินมาแตะแขนผมเบาๆ แล้วยิ้มหวาน ผมรู้นะว่าเธอต้องการทำให้ผมใจเย็นลง


"มีอะไรรึเปล่า ติ?"

"ไม่มีอะไรหรอกครับ อชิ"

"จริงนะ ถ้างั้นก็ยิ้มนะ เราจะได้ไปพักผ่อนกันแล้ว"


    ผมข่มใจ ส่งยิ้มให้อชิ และเราสองคนไปยืนรอพี่คนอื่นๆกันตรงหน้าลิฟต์

    ราวสิบนาที พี่ๆทุกคนก็เดินออกมาและพร้อมใจทิ้งรถไว้ที่ออฟฟิศและแห่กันไปขึ้นรถของพี่ชินกันหมด


     ผมไม่มองหน้าพี่ชินเลย และโชคดีที่อชิก็ชวนผมคุยตั้งแต่เข้าลิฟต์ จนกระทั่งออกมาเธอยังพูดไม่หยุด

    เมื่อทุกคนเดินมาถึงตัวรถพี่ชิน ก็ยืนตกลงกันว่าใครจะนั่งไหน เนื่องจากอชิเป็นผู้หญิงคนเดียว ทุกคนเลยตัดสินใจให้อชินั่งข้างคนขับ และพวกผู้ชายนั่งข้างหลัง แต่พอมามองและวิเคราะห์ดูแล้ว พี่ผู้ชายแต่ละคนรวมถึงผมก็ตัวใหญ่กันทั้งนั้น นั่งเบียดไปนานๆผมว่าลำบากแน่

    ผมยกมือบอกว่าจะเสียสละนั่งรถแท็กซี่ตามไป แต่...


"ไม่เป็นไร ชินั่งตักติเอง"

 
    ไม่มีทาง ผมกับอชิยังไม่ได้เป็นอะไรกัน และการที่ผู้หญิงนั่งตักผู้ชายเนี่ย มันไม่เหมาะสม อชิคิดอะไรของเธออยู่?


"อชิ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่ตามไปดีกว่า"

"ไม่ต้องหรอกมาถึงลานจอดรถ เดินออกไปก็เสียเวลานะ ติ"


"หรืออชิจะนั่งตักพี่?" เป็นพี่แท๊คที่แซวอย่างยิ้มๆ แต่จู่ๆพี่ชินก็ร้องขึ้นเสียงหลง

"อย่าแม้แต่จะคิดไอ้แท็ค ถ้างั้นให้อชินั่งกับตินั่นแหละ"

"แต่ผม..ว่า..."

"ทำไม กลัวผู้หญิง?"
ชินเลิกคิ้วขึ้นสูง ถามกลับอย่างยียวน


"ไม่กลัวครับ แต่มันไม่เหมาะสม"

"หึๆ ทีอย่างนี้ ทำมาพูดเป็นพระเอก ใจจริงก็อยากรึเปล่า?"




    ผัวะ!...

"เฮ้ย! / ไอ้ติ / อร้าย!"

   

      จังหวะที่ผมวิ่งไปชกพี่ชินที่ยืนพิงรถอยู่ ผมได้ยินเสียงคนอุทานลั่น พี่ชินที่ไม่ทันระวังตัวว่าผมจะต่อย เจ้าตัวจึงเซถลา ทุกคนวิ่งมาล็อคตัวผมจนผมดิ้นไม่หลุด ผมไม่กลัว ถ้าพี่ชินจะสวนกลับ ผมยังมีเท้าที่เป็นอิสระ สามารถถีบอีกฝ่ายได้


    พี่ชินตวัดสายตาดุๆมองกลับมาพร้อมเดินมาประชิดตัวผม



"คุณเป็นบ้าอะไร? ห้ะ!..." เขาไม่ต่อยผมกลับ แต่ตวาดใส่

"มึงนั่นแหละ...เป็นเหี้ยอะไร? กูพูดดีด้วยแล้ว ยังจะหยิ่งใส่ ทำไมวะ พ่อแม่ไม่รักหรอไงวะ"

      สติผมขาดผึง ในใจผมพร้อมลาออกครับ คนห่าอะไร พูดดีก็แล้ว ทำทุกอย่างก็แล้ว แม่งยังกวนตีนอีก...


"ไอ้ติ มึงหุบปาก!"


     ผมหันขวับมองพี่แท็ค ที่คราวนี้ แกน่าจะโมโหไม่ต่างกัน ไล่บอกเพื่อนๆทุกคนให้ปล่อยตัวผม แล้วแกก็ลากตัวผมให้เดินห่างออกมาจากตรงนั้น เหวี่ยงผมสุดแรงจนหลังของผมกระแทกกับเสาของอาคารจอดรถ


"มึงเป็นอะไร ไอ้ติ"

"ผมไม่ชอบที่พี่ชินกวนตีนผม ผมขอลาออกครับพี่แท็ค"


"เดี๋ยวกูมา..."


     ผมเห็นพี่แท็คเดินไปทางกลุ่มพี่ชิน ยืนคุยไม่นาน ผมเห็นทุกคนขึ้นรถไปเหลือแค่พี่แท็คที่เดินมาหาผม     
     
"มึงอยากลาออกเพราะไม่ชอบไอ้ชิน?"

     ผมมองคนที่ถามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงกว่าตอนแรก

"ใช่ครับ"


"เฮ้อ! ไอ้ติเอ้ย! กูเข้าใจว่ามึงเพิ่งทำงานที่นี่ที่แรก มึงยังประสบการณ์น้อย สำหรับสังคมการทำงาน มึงยังเด็ก ยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ แต่มึงควรมีเหตุผลกว่านี้"

"แต่ผมทำดีกับเขามาตลอดเลยนะพี่แท็ค มีแต่เขาที่ตั้งท่าจะเป็นศัตรูกับผม มองผมเหมือนเป็นไส้เดือนยังไงยังงั้น"


"เรื่องของไอ้ชินกูจะไปถามมันเองว่าทำไมมันต้องทำตัวแบบนั้นกับมึง แต่ในส่วนของมึง  ยังไงมึงก็ผิดที่ใส่อารมณ์ และมึงก็เด็กกว่าชินหลายปี มึงควรขอโทษมันนะ"
 

     ผมยืนมองพี่แท็คเงียบๆ


"แล้วเรื่องลาออกนี่ยังไง?"

"คำตอบเดิมครับ ขอลาออก"

"เฮ้อ! ไอ้ตินะไอ้ติ ตอนนี้มึงอยู่ในช่วงที่ยังอารมณ์ร้อนอยู่ คงขาดสติ ไว้กูจะเอาคำตอบมึงใหม่ในอาทิตย์หน้า"

    ผมเงียบและทำหน้าไม่พอใจพี่แท็คที่ดูเหมือนเขาจะเอนเอียงไปทางพี่ชินมากกว่า


"มึงเคยดูหรือได้ยินข่าวพวกทหารหน่วยรบพิเศษบ้างหรือเปล่า?"

"เคยครับ"

"มึงรู้สึกยังไงเวลาได้ยินข่าวพวกนั้น?"

"พี่ถามทำไม?"

"กูอยากรู้ ตอบกูหน่อย?"


   ผมตอบแบบขอไปที

"ก็รู้สึกนับถือ ที่เขายอมเหนื่อย ยอมทำเพื่อประเทศชาติ"


"ที่มึงพูดก็ถูก แต่มีส่วนหนึ่งที่มึงยังมองไม่เห็น คือ...การฝึกความอดทน...มึงคิดว่ากว่าเขาจะเก่ง ร่างกายจะแกร่งนี่สัปดาห์เดียวไหม..ก็ไม่? พวกนั้นเขาต้องผ่านอะไรมาเยอะ ต้องฝึก ต้องทนมาตั้งเท่าไหร่? เขาโดนมาหนักกว่ามึงอีก โดนทั้งคำพูดและการกระทำจากครูฝึกและอื่นๆ
 พวกเขาเหนื่อยไหม? ท้อไหม? กูเชื่อว่าแทบทั้งนั้น แต่มันก็ถือว่าทดสอบจิตใจตัวเอง ให้มีความอดกลั้น ใจเย็น ถ้าผ่านมาได้มันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ภาคภูมิใจ...เฮ้อ! กูหวังดีกับมึงนะติ เพราะกูถูกชะตามึง กูเห็นมึงเหมือนน้องชายกูที่ตายไปแล้ว...
ไม่งั้นกูไม่มาพูดยาวขนาดนี้หรอก มึงควรฝึกความอดทน อดกลั้น ฝึกความใจเย็นให้มากกว่านี้หน่อย เพราะบางครั้งอารมณ์ไม่ใช่ทางออก กูไปละ...เดี๋ยวพวกไอ้ชินรอนาน"


     พี่แท็คตบบ่าผมสองสามที ก่อนจะเดินหนีออกจากตัวอาคารทิ้งให้ผมยืนนิ่งเพียงลำพัง
 






.......................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2018 21:13:04 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ imvodka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
 :mc4: สนุก

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 3 คำขอโทษ




      ผมมาหาแม่ตามสัญญา แต่หลังจากที่ผมถึงบ้านแม่แล้ว ผมก็ขึ้นไปขลุกตัวอยู่บนห้องนอนเพราะหลังจากวันที่มีเรื่อง ผมสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็เพิ่งคิดได้ว่าไม่ควรทำกับพี่ชินแบบนั้น


      ผมคิดมากลากยาวมาจนถึงมื้อเย็นที่แม่เรียกผมลงไปกินข้าวด้วยกัน ขณะที่แม่ตักข้าวสวยใส่จานให้ผมนั้น เธอคงเห็นสีหน้าผมเป็นกังวลจึงเอ่ยถามว่าเป็นอะไร จากตอนแรกผมจะเก็บงำเอาไว้ แต่เพราะความอึดอัด ผมจึงตัดสินใจบอก


"หนูจะลาออกจากงานครับ"


"อะไรกันติ ทำงานยังไม่ถึงเดือนไม่ใช่หรอ?"

"ครับ แม่"


"เกิดอะไรขึ้น ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ"


      ผมชะงัก วางช้อน มองหน้าแม่ด้วยสายตารู้สึกผิดปะปนไปกับความกลัวที่ต้องบอกความจริง ผมกลัวว่าแม่จะผิดหวังในตัวผม ที่ผมเป็นคนดีไม่ได้ แต่เมื่อแม่ยังจ้องมองผมเหมือนจะเอาคำตอบให้ได้ ผมจึงต้องตอบทั้งๆที่ปากสั่น ตัวสั่น


"หนูไปต่อยพี่ที่ทำงานครับ"

"หาา! ติ...เรื่องมันหนักหนาถึงกับต้องไปทำร้ายร่างกายเขาเลยหรือลูก?"


"คะ...คือ...หนูไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ตอนนั้นหนูเหลืออดแล้วจริงๆ เขาหยิ่ง และพูดจาไม่ดีกับหนู ทั้งๆที่หนูพยายามพูดจาดีๆกับเขาแล้วนะแม่"
   
"ติไม่พอใจในนิสัยของเขาหรือติไม่พอใจที่เขาไม่ได้ดั่งใจตามที่ติต้องการ"



      ผมชะงัก เมื่อคำพูดของแม่ แทงใจดำ ผมเงียบจนแม่ต้องถามอีกรอบ


"ไหนลองเล่าให้แม่ฟังเพิ่มหน่อยได้ไหม?"



      ผมพยักหน้า จากนั้นก็เริ่มเล่าที่มาที่ไปอย่างละเอียด  พอผมพูดจบ แม่ถึงกับกุมขมับ


"ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ติไม่ควรทำร้ายเขานะลูก สิ่งที่ติทำลงไปนั้นมันอารมณ์ล้วนๆ ติจำไว้นะ คนอื่นจะพูดดีหรือไม่ดีกับลูกยังไง? มันเป็นเรื่องของเขา แต่การที่เราเก็บเอามาคิด มาผูกใจเจ็บนั่นก็แสดงว่ามันเป็นเรื่องของเราที่เราทำให้ตัวเองเจ็บเองนะ "

"แม่ครับ หนูขอโทษ หนูสำนึกผิดแล้ว"
ผมก้มหน้ารับผิด และได้ยินแม่ถอนหายใจ จากนั้น...

"ช่างมันเถอะ แล้วนี่...ติจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง"

"ไม่รู้ครับแม่"

"ตั้งแต่มีเรื่องได้ขอโทษพี่เขาหรือยัง?"


"ยังครับ"

"ถ้างั้นโทรไปขอโทษ"

"ครับ"

     ผมหยิบเครื่องมือสื่อสาร เข้าหมวดรายชื่อ กดโทรออกไปยังเบอร์คู่กรณี และไม่นานเลยที่พี่ชินรับสายของผม

"พี่ชินครับ ผมตินะครับ"


[คุณโทรมาทำไม?]

"ผมโทรมาขอโทษครับ"

[อืม...หมดธุระแล้วใช่ไหม?]

"อะ...เอ่อ คะ....ครับ"


     อีกฝ่ายตัดสายทันที ไม่ให้ผมได้พูดต่อ ส่วนแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้เห็นสีหน้าและคำพูดของผมก็ส่ายหน้าระอา


"เฮ้อ..ติ.เดี๋ยวแม่คุยเอง"


       ผมทำหน้าจ๋อย พร้อมยื่นเครื่องมือสื่อสารไปให้แม่ จากนั้น มารดาของผมรับโทรศัพท์ เดินออกไปนอกบ้าน ผมก็ได้แต่นั่งเขี่ยข้าวอย่างหมดอารมณ์จะกิน


      ในขณะเดียวกัน ถัดมายังด้านนอก หญิงวัยกลางคนกำลังยืนสนทนากับคู่กรณีทางโทรศัพท์มือถือ


[คุณจะโทรมาทำไมอีก?]

"ขอโทษนะคะ คุณชินใช่ไหมคะ? นี่ดิฉันเป็นแม่ของอติวัชร์หรือติ คนที่ทำร้ายร่างกายคุณค่ะ"

       ปลายสายเงียบไปนาน

[เอ่อ สวัสดีครับ]

"ดิฉันรับรู้หมดแล้วเรื่องที่ลูกชายดิฉันต่อยคุณ ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ดิฉันสั่งสอนลูกไม่ดีพอ"

[อ่อ...ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ...พอดีผมไม่ได้ถือโทษโกรธน้องเขาแล้วครับ]


"เพื่อเป็นการขอโทษ ดิฉันอยากให้คุณชินมากินข้าวที่บ้านด้วยกันสักมื้อได้ไหมคะ?"


[ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอกครับ ผมเกรงใจ]


"แต่ถ้าคุณชินไม่มา ดิฉันจะทราบได้อย่างไรว่าคุณชินไม่โกรธแล้วจริงๆ เพราะตอนนี้ ติเองก็เครียดมากกับสิ่งที่ทำลงไป"



      มารดาของติทิ้งช่วงให้อีกฝ่ายมีเวลาในการตัดสินใจ ซึ่งฟากนั้นก็เงียบไปนานพอสมควร


[ถ้าเพื่อความสบายใจผมไปก็ได้ครับ]

"ขอบคุณมากๆนะคะ และดิฉันต้องขอโทษแทนติอีกครั้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย"


[ไม่เป็นไรครับ]

       
       ผมมองแม่ที่เดินเข้ามาในตัวบ้าน และตีแขนผมไม่แรงมากนัก


"ดีเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่แจ้งความน่ะ...ห้ะ เรานี่เป็นคนยังไงกันนะติ"

"หนูสำนึกผิดจริงๆแล้วครับแม่"

"ทีหลังอย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีกนะ ส่วนวันพรุ่งนี้ แม่นัดให้คุณชินมากินข้าวที่บ้านเราแล้วด้วย"



      ผมตาโต อ้าปากค้าง เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องชวนมาบ้านด้วย ก็ยอมรับนะว่า สิ่งที่ผมทำมันผิดมากจริงๆ แต่ผมคิดว่า การชวนใครมาบ้าน ในมุมมองของผม คือ คนที่ต้องสนิทกันแล้วระดับหนึ่งถึงจะพามาบ้านได้


"ทำไมแม่ต้องชวนพี่ชินมากินข้าวที่บ้านเราล่ะครับ?"

"หรือติอยากให้แม่ไปยกมือไหว้ขอโทษเขาหน้าออฟฟิสล่ะ ลูก?"


    เมื่อมารดาของผมว่ามาอย่างนั้น ผมก็สลดสิครับ


"ก็ได้ครับแม่"

"ความผิดพลาดครั้งนี้จำไว้เป็นบทเรียนนะลูก"

"ครับแม่"


      เมื่อเรื่องที่ผมเครียด แม่ของผมจัดการเป็นธุระให้เรียบร้อย ผมก็สบายใจขึ้นมาหน่อย ที่เหลือก็คือ จะต้องทำตัวอย่างไรกับวันพรุ่งนี้ที่ผมต้องเจอหน้าพี่ชินเป็นวันแรก หลังจากที่มีเรื่องราวบาดหมางวันนั้น

...
...
...


 
    เวลาสามโมงเย็นของวันอาทิตย์ วันที่ผมควรนอนตีพุงอยู่บ้านอย่างสบายใจ แต่แม่ไล่ให้ผมออกมารับพี่ชินที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เนื่องจาก กลัวว่า พี่ชินจะเดินทางมาบ้านไม่ถูก


    ผมเดินเตร็ดเตร่รอพี่ชินในห้างได้สักพัก พอใกล้เวลานัดหมาย ผมกะเวลาให้ใกล้เคียงกันแล้วเดินออกมายืนรอพี่ชินริมถนนหน้าห้างสรรพสินค้า ประจวบเหมาะกับที่พี่ชินโทรมากำชับว่าใกล้ถึง


    ผมยืนพลางดูรถที่ชะลอความเร็ว เมื่อผมดูเลขทะเบียนรถตรงกับที่พี่ชินบอกแล้ว ผมก็กระโดดขึ้นรถ จากนั้น ผมรีบหันไปไวๆยกมือไหว้พี่ชินและหลบหน้าเขาด้วยการออกไปมองนอกกระจกรถ


    ผมนั่งตัวเกร็ง และไม่รู้จะทำหน้ายังไง วางตัวไม่ถูก มือ-ไม้ก็ดูจะเก้ๆกังๆจนผมชักหงุดหงิดใจกับการกระทำของตัวเอง

    ยิ่งเงียบ ยิ่งแย่ ดูเหมือนว่าบรรยากาศดูน่าอึดอัด กระอักกระอ่วนกว่าเดิม ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที ผมตัดสินใจเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนี้

   
"อีกไกลมากไหม? / ผมขอโทษอีกครั้งครับพี่ชิน"


    ผมไม่รู้ว่า พี่ชินจะโพล่งขึ้นมาพร้อมกัน ทำให้คำขอโทษของผมถูกกลบไปซะมิด


"พี่ว่าอะไรนะครับ? / คุณว่าอะไรนะ?" และเป็นอีกครั้งที่ใจตรงกัน ผมจึงหันไปมองหน้าเขาตรงๆ ก็รู้สึกผิดหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นรอยช้ำตรงโหนกแก้มมันชัดมาก ผมหลุบตาลงต่ำกับความผิดตัวเอง...มองมือสองข้างที่บีบเข้าหากันแน่น

"คุณพูดก่อนเถอะ..."

"พี่ชิน เจ็บไหมครับ?" คิดแล้วก็ละอายตัวเอง คราวที่ไปต่อยเขา ก็ทำทีเป็นนักเลง ขาใหญ่ แต่พอมีสติคิดได้ แค่ถามอาการว่าเขาเป็นอย่างไร กลับใจปลาซิว ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้า


"เจ็บ....ทุกอย่าง"



      ...เจ็บทุกอย่าง...

      ผมไม่รู้ว่าพี่ชินต้องการสื่อความหมายว่าอะไร  แต่ผมไม่กล้าถาม กลัวจะเป็นเรื่องไปอีก จึงได้แต่ก้มหน้าและเอ่ยขอโทษซ้ำๆ

     และผมพยายามจำคำที่แม่บอก ผมจึงคิดว่าการบอกความรู้สึกตัวเองออกไปอาจทำให้พี่ชินเข้าใจตัวตนผมมากขึ้นก็ได้


"พี่แท็คบอกว่าพี่ชินเป็นคนดี คอยรับฟังปัญหาและเป็นที่ปรึกษาได้ทุกเรื่อง ผมก็แค่อยากรู้จักพี่ชินมากขึ้น เลยเข้าหาพี่ คุยกับพี่เพราะอยากเป็นมิตรด้วย แต่พอพี่พูดจาไม่ดีบ่อยๆ ผมก็เลยทนไม่ไหว ผมขอโทษนะครับที่ทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต"


     ในตอนแรกผมอึดอัดมาก แต่พอได้ระบายความรู้สึกตัวเองจนหมดไส้ หมดพุง ผมยอมรับว่ามันโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก


"ผมก็ขอโทษเหมือนกัน ที่แสดงนิสัยแย่ๆและพูดจาไม่ดีใส่คุณ"


      ผมอึ้ง เพราะไม่คิดว่าพี่ชินจะขอโทษผม พอผมเงยหน้ามอง พี่ชินกลับเบนหน้าหนีไปทางอื่น

      ผมยิ้มคนเดียว และค่อนข้างมั่นใจว่าความสัมพันธ์ของเราสองคน ตอนนี้ มันดีขึ้นกว่าตอนแรก


      แม้เราจะไม่ค่อยพูดอะไรกันตอนอยู่บนรถ แต่หลังจากที่ผมพูดความในใจยอมรับว่ามันผ่อนคลายลงบ้าง ตอนนี้ ผมและพี่ชินเดินทางมาถึงที่หมาย ผมกำลังพาพี่ชินเข้าบ้าน แม่ผมคงได้ยินเสียงมีคนมา เธอจึงเดินออกมาต้อนรับ แต่วินาทีที่แม่เห็นหน้าพี่ชินเท่านั้นแหละ


"ช้ำขนาดนี้เลยหรือคะเนี่ย!"


       ผมก้มหน้าที่แม่ยังพูดย้ำถึงเรื่องนี้

"แม่หยุดพูดเถอะน่า หนูขอโทษเขาไปแล้ว"

     ครู่หนึ่ง ผมได้ยินเสียงหัวเราะหลุดออกมาจังหวะหนึ่งแล้วกลืนหายไปในลำคอ ผมหันขวับไปหาตัวต้นเหตุ ก็เห็นอีกฝ่ายเม้มปาก กลั้นยิ้ม


"ขำอะไรวะพี่?"  ผมสติหลุดอีกแล้ว ผมรู้นะว่าเขาต้องขำผมเรื่องการแทนตัวเอง เวลาที่คุยกับแม่แน่ๆ แต่พี่ชินยังไม่ทันจะตอบอะไร แม่ของผมก็ดุขึ้นมา


"ติ อย่าขึ้นเสียง"

"ขอโทษครับพี่ชิน"


"เชิญเข้าบ้านค่ะคุณชิน" แม่ผมมองผมดุๆแล้วหันไปคุยกับพี่ชินแทน

"ขอบคุณครับ"


     ผมเดินรั้งท้ายถึงสังเกตเห็นว่า ทุกการก้าวเดิน พี่ชินกวาดตามองรอบบ้านอย่างพินิจพิจารณา จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะดูสนอกสนใจอะไรนักหนา แต่เพราะผมรู้ตัวเองดี จึงคิดว่าการไม่ถามอีกฝ่ายคือทางออกที่ดีที่สุด


     เดินมาถึงโต๊ะอาหาร ทุกคนทิ้งตัวลงนั่ง ท่ามกลางเมนูอาหารละลานตาที่แม่ของผมตั้งใจทำสุดฝีมือ ไม่ว่าจะเป็น กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา, แกงจืดลูกชิ้นหมูสับ, พะแนงหมู, ไข่เจียวกุ้งสับ, หมูทอด ทำให้คนที่เพิ่งมาใหม่เห็นหน้าตาอาหารแล้วอดพูดขึ้นมาไม่ได้


"อาหารดูหน้าตาน่าทานจังเลยนะครับ"

"ถ้าน่าทาน คุณชินต้องทานเยอะๆนะคะ"

"ยินดีครับ"



      จังหวะที่พี่ชินคุยกับแม่ของผม  ใจผมมันสั่นๆ เมื่อพี่ชินยิ้มอีกแล้ว

      แต่หลังจากนั้น ความรู้สึกผมมันวูบหวิวๆแปลก เมื่อนึกขึ้นได้ว่า พี่ชินยิ้มและเป็นมิตรกับทุกคน แต่ยกเว้นผมคนเดียว...

      ผมคิดว่ามันไม่ใช่เวลามานั่งน้อยใจ ผมจึงฝืนยิ้มให้แม่ที่มองมา และเริ่มตักกับข้าวใส่จานตัวเอง

    เมื่อทุกคนลงมือจัดการอาหาร ก็มีเงียบบ้าง คุยบ้างสลับกันไป แต่ถ้าได้มีเปิดบทสนทนาเมื่อไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นแม่ของผมเอง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้าเป็นผม เวลาผมพูดอะไรออกไป ดูเหมือนไม่ค่อยจะถูกใจพี่ชินทุกที ถามทีไร เป็นได้มีเรื่องกันทุกครั้ง...


     ผมลอบมองพี่ชินทุกครั้งที่เขาตอบคำถามแม่ผม เพราะในคำตอบจะแฝงด้วยรอยยิ้มที่น่ารักจนผมอดยิ้มตามไม่ได้


    รอยยิ้ม ที่ยากจะได้เห็นตอนพี่ชินอยู่ที่ทำงาน และพี่ชินมุมนี้ ผมว่าดูรีแลกซ์และน่ารักกว่าเป็นไหนๆ...


     ผ่านไปเป็นชั่วโมง แม้ผมจะไม่ค่อยมีบทพูด แต่ผมกลับมีความสุข เพราะสัมผัสได้ว่าพี่ชินดูอ่อนลงและเป็นกันเองกับแม่ผมมาก แม้ว่า ทุกคนจะจัดการอาหารตรงหน้ากันหมดไม่มีเหลือ แต่แม่และพี่ชินยังคุยกันต่ออย่างออกรสชาติ ทว่า แม่ผมนั่งคุยอีกไม่นาน ก็ปล่อยให้พี่ชินกลับบ้าน เพราะได้ยินเสียงฟ้าร้อง คำราม


"ขอบคุณคุณชินมากเลยนะคะ ที่ยอมเสียเวลามา"


"ผมก็ขอบคุณเช่นกันนะครับ อาหารอร่อยมากๆ ไว้ผมขอมาฝากท้องอีกวันหลังนะครับ"


      ผมชะงัก เมื่อพี่ชินพูดกับแม่ของผมแบบนั้น มันเป็นคำสัญญาลวงๆที่พูดเพื่อรักษามารยาท หรือคำสัญญาจากใจ อันนี้ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน

     ผมนั่งมองหน้าเขา เมื่อพี่ชินลุกขึ้นยืนเต็มความสูง


"ยินดีมากๆค่ะ เอ่อ...ถ้าคุณชินไม่รังเกียจจะนอนค้างที่นี่ก็ได้นะคะ"

"เอ่อ..อย่าเลยครับ เดี๋ยวผมกลับบ้านดีกว่า"

"ได้ค่ะ"

"ผมลาแล้วนะครับ ขอบคุณมากครับ"

"ค่ะ...ติไปส่งคุณชินสิลูก"
แม่ผมยิ้มให้พี่ชินเสร็จก็หันมามองผมด้วยสายตาดุๆ

"ครับ"

   
        ผมเดินมาส่งพี่ชินจนถึงรถยนต์ของเจ้าตัว เขาก็หันมายิ้มให้ผม

        ผมไม่อยากจะเชื่อ? ผมตาฝาดไปหรือเปล่า?


"ได้ยินคุณคุยกับแม่แล้วน่ารักดี ไม่เคยเจอ.." มันจะดีอยู่แล้วเชียว ถ้าเขาไม่ถามผมด้วยคำถามนี้ ผมหน้าแดง ยอมรับว่าอาย เพราะสมัยเรียนมอปลาย เพื่อนผมก็ล้อบ่อยเหมือนกัน ผมชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ

"พี่อย่าเอาไปแซวผมที่ออฟฟิสนะ"

"ทำไม? ไม่ใช่เรื่องน่าอายสักหน่อย"

"พูดแบบนี้แสดงว่าจะเอาไปแซวหรอ?"



    ผมเห็นพี่ชินยักไหล่ไม่แยแส หมุนตัวกลับไปจับที่จับประตูรถอย่างไม่สนใจ ผมโกรธที่อีกฝ่ายไม่ตอบ ดึงไหล่พี่ชินให้หันมา แต่เพราะผมออกแรงมากไปหน่อย เลยทำให้พี่ชินเซถลา แผ่นหลังกระแทกรถ แววตาที่ดูผ่อนคลายกลายเป็นวาวโรจน์ พี่ชินคงประเมินอยู่ว่าผมจะต่อยเขาเหมือนคราวก่อนหรือเปล่า? 


    และใช่ครับ ผมเกือบทำอย่างนั้น ถ้าไม่ติดว่า คำพูดของแม่ลอยเข้ามาในหัวเสียก่อน

   ผมควบคุมอารมณ์ สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ จุดรอยยิ้มละมุน ก้าวไปประชิดตัวพี่ชิน เหลือบมองรอยฟกช้ำ ก่อนจะยื่นมือไปแตะแผลเบาๆ และพูดว่า


"เพื่อเป็นการไถ่โทษ และถ้าพี่ไม่รังเกียจ...ผมขอทำแผลให้พี่ชินได้ไหมครับ?"

    อาจเป็นเพราะใกล้กันมาก ผมถึงเห็นอาการอีกฝ่ายชัด ทั้งหน้าแดง สายตาหลุกหลิก ก่อนจะรีบหลุบตาลงต่ำ และวินาทีต่อมา พี่ชินก็ปัดมือผมออกจากใบหน้าของเขา

"มะ...ไม่ต้อง เดี๋ยวผมกลับไปทำแผลที่บ้านเอง"




****1.1****
:hao3: :hao3: :hao3: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2018 22:51:25 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
l;

สวัสดีปีใหม่ไทย
 :L2: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:

กรุบกริบ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ...คล้ายว่าคนพี่จะแอบรู้สึกดีกับคนน้องนะ  เพียงแต่ว่าเขินมากจนต้องเสแสร้งพูดไม่ดีใส่ตลอดเว

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 3 คำขอโทษ (2)




    เมื่อวันหยุดผ่านพ้นไป วันแห่งการทำงานก็หวนกลับมาอีกครั้ง และวันนี้เป็นวันที่ผมต้องออกไปพรีเซ็นต์งานกับอชิ แต่ผมดันตื่นสาย สงสัยคงเป็นเพราะเมื่อคืนผมโทรคุยกับอชิดึกไปหน่อย เธอโทรมาเพราะห่วงผมเรื่องที่ทะเลาะกับพี่ชิน แต่ผมบอกเธอไม่ต้องห่วงเพราะผมรู้ดีแก่ใจว่าผมเคลียร์กับพี่ชินเรียบร้อย เพียงแต่ผมยังไม่บอกอชิเท่านั้น


      พอรู้ว่า ต้องออกไปคุยงาน ผมจึงแต่งตัวสุภาพใส่เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงแสล็คสีดำ ซึ่งมันก็คงดูดีกว่าที่ผมแต่งแค่เสื้อยืด-กางเกงยีนส์แบบทุกครั้ง

       
        ผมใช้เวลาสี่สิบห้านาทีในการเดินทางก็ถึงที่ทำงาน ผ่านร้านสะดวกซื้อหน้าตึก ผมไม่พลาดที่จะซื้อของให้บัดดี้ แต่คราวนี้ ผมซื้อให้เยอะกว่าทุกที เพราะเห็นว่าผมจะออกไปข้างนอก


       จ่ายเงินเสร็จแล้ว ผมเดินขึ้นไปออฟฟิส เหลือบมองไปทางโต๊ะพี่ชินก็เห็นว่ามาถึงแล้ว ผมไม่สามารถเอาของที่ซื้อมาไปวางไว้ได้ จึงเดินไปโต๊ะตัวเอง นั่งได้สักพักพี่ชินก็เดินมาหาผม พอเห็นร่างสูงยืนค้ำหัว ผมเงยหน้าขึ้นไปก็เผลอมองตาค้าง ใบหน้าที่เคยนิ่ง หยิ่ง พอมาลุคส์นี้ ยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์ น่าค้นหา ผมดำขลับเสยเรียบกับชุดสูทสีกรมท่าที่ดูเรียบโก้ สง่าแต่ทว่าลึกๆแล้ว ลุคส์นี้พี่ชินกลายเป็นผู้ชายเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก
     

"อชิโทรมาลาบอกว่าไม่สบาย คุณต้องไปกับผม"


      ผมจ้องมองตาไม่กระพริบ จนอีกฝ่ายโน้มตัวลงมา ตบโต๊ะเบาๆเรียกสติ


"เฮ้! ฟังผมอยู่ไหม?"


"หา...อะไรนะครับ"

"นี่คุณใจลอยไปไหน? อชิไม่สบาย เราต้องไปกันแล้ว นัดลูกค้าไว้สิบเอ็ดโมง เดี๋ยวไม่ทัน"

"อ้าวหรอครับ?"


      พี่ชินพยักหน้า โชคดีที่ผมยังไม่ได้เปิดคอมพิวเตอร์เลยลุกตามพี่ชินไปโดยใช้เวลาไม่นาน จนมาถึงหน้าลิฟต์ ขณะที่ยืนรอ ผมเพ่งมองรอยช้ำพี่ชินที่จางลง เหมือนเขาคงโปะครีมปิดทับหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ผมก็สังเกตได้ว่าร่องรอยยังเหลืออยู่


"รอยช้ำยังเห็นอยู่เลย พี่จะไปจริงๆหรือครับ?"

"ถ้าผมไม่ไป ใครจะพรีเซ็นต์งาน"


      ผมเงียบไม่พูดอะไร ได้แต่ยืนลอบมองคนสปิริตแรงกล้า คงจริงอย่างที่พี่แท็คบอกแล้วล่ะว่า พี่ชินเป็นคนตั้งใจทำงานมากจริงๆ


      ตอนนี้ ผมและพี่ชินเดินออกมาจากลิฟต์ มุ่งหน้าไปยังรถยนต์ของคนพี่ จังหวะที่ผมสอดตัวเข้าไปในรถของพี่ชินก็ได้กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศ ผมบอกไม่ถูกว่ามันเป็นกลิ่นอะไร แต่กลิ่นมันสดชื่นๆเหมือนอยู่ริมทะเลอย่างไรอย่างนั้น


"อ้อ...ผมลืมไปเลย มีคนฝากมาให้พี่ครับ" ผมยื่นถุงพลาสติกที่บรรจุของกินอยู่ในนั้น พี่ชินบอกให้ผมวางไว้ข้างๆก่อน


     พอช่วงที่รถติด พี่ชินหยิบขึ้นมาแหวกถุงดูข้างใน



"ทำไมวันนี้ไม่มีอมยิ้ม"

"ก็เห็นว่าต้องออกไปข้างนอก ผมก็เลยซื้อของอย่างอื่นให้แทน"



       เชี่ยเอ้ย!

       ผมตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทัน ด้วยความลืมตัวนึกว่าพี่ชินถามผม ผมเลยบอกไปอย่างไม่รู้เลยว่ามันต้องเป็นความลับ

       พี่ชินหรี่ตามอง


"คุณนี่เอง"

"เอ่อ คือ..."



      จนคำพูด เพราะไม่มีคำแก้ตัวอะไรที่ดูสมเหตุ สมผล


"หมดสนุกเลย แต่ไม่เป็นไร อีกไม่กี่วันก็เฉลยแล้ว ผมไม่บอกใครหรอก"


     ผมมองหน้าพี่ชินที่เขาก็ว่าเรียบๆไม่ได้สนใจอะไร แต่ตามกฏจริงๆเขาไม่ควรจะรู้ว่าใครเป็นคนให้ก่อนเฉลย ผมยืดอกรับอย่างแมนๆว่า...


"ผมยินดีให้พี่ทำโทษครับ"

"คุณเป็นอะไรมากไหม? มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรขนาดนั้น"

"แต่ผมไม่สบายใจ"


    พี่ชินละสายตาจากท้องถนนหันมามองผมทำนองว่า นี่...มึงเครียดเกินไปหรือเปล่า ? อย่างนั้นเลย


    จากนั้น พี่ชินตอบกลับมา...


"ไว้นึกได้จะบอกแล้วกัน ว่าแต่ทำไมคุณต้องให้อมยิ้มผมทุกวัน"


"ก็ผมอยากเห็นพี่ยิ้มนี่ อมยิ้ม ของผม คือตัวแทนของรอยยิ้ม"

"คุณมาที่นี่ก็เพื่อมาทำงานและเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการทำงาน จะมาสนอะไรกับคนจะยิ้มหรือไม่ยิ้ม"

"สนสิครับ เพราะถ้าพี่ชินยิ้ม มันก็ช่วยให้ผมมีแรงใจในการทำงานต่อไปได้ทุกวันไงครับ"


     ผมว่าผมใช้คำพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า? ผมเห็นพี่ชินชะงัก กัดปากเงียบ ไม่หันมามองหน้าหรือพูดอะไรกับผมอีกเลย


     พอพี่ชินมีอาการเปลี่ยนไป ไม่ยอมพูดกับผม ผมเลยคุยแชทกับเพื่อนทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ผมมีเพื่อนมากมาย แต่ที่สนิทมากหน่อยก็สามคนครับ จะว่าไปแล้ว พอผมได้งานที่นี่ ผมก็ยังไม่เจอะเจอเพื่อนผมเลย สงสัยคงต้องนัดกันไปแฮงก์เอาท์สักหน่อย


      กินเวลาไปเกือบชั่วโมง กว่าจะถึงบริษัทที่ผมต้องมาพิชชิ่งงาน ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง พี่ชินแลกบัตรประชาชนตรงจุดประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นบัตรผ่านในการเข้าลิฟต์ไป


     จังหวะที่เรายืนรอ พอประตูลิฟต์เปิดออก พนักงานส่งเอกสารปรี่ออกมาจากด้านในไม่ดูตาม้า ตาเรือ กระแทกไหล่พี่ชินอย่างจังจนคนหยิ่งเซถลามาหาผมที่ยืนอยู่ข้างหลัง ผมจึงต้องประคองไว้



     ผมจะไม่โกรธเลยถ้าพนักงานส่งเอกสารจะหันมาขอโทษสักหน่อย


"เฮ้ย! ไม่คิดจะขอโทษหน่อยหรอวะ?"


     ผมตะโกนเสียงดังมากจนพนักงานรปภ. ที่ยืนห่างจากลิฟต์ไม่ไกลรีบเดินก้าวๆยาวอย่างกลัวจะเกิดเรื่องในอาคารอันหรูหรา


"เออ...ขอโทษเว้ย" หันมากระแทกเสียงใส่ด้วยหน้ายียวน

 
    ผมโมโหแทนพี่ชินแต่สิ่งที่ทำให้ผมอึ้งคือพี่ชินจับแขนผมให้รีบเข้าไปในลิฟต์ และหันมาหาผมด้วยความไม่พอใจ


"คุณจะโวยวายทำไม อายคนอื่นบ้างหรือเปล่า? เขาอาจไม่ได้ตั้งใจก็ได้"


      ผมชะงัก หันไปมองพี่ชินที่ก้มหน้าจัดสูทตัวเองให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
     

"ก็...ถ้ามันชนพี่เบาๆ ผมจะไม่ว่าเลย แต่..."

"ไม่ต้องพูดแล้ว พอเถอะ...ตอนคุณต่อยผมเสร็จจากนั้นคุณขอโทษผมเลยหรือเปล่าล่ะ?"


   
 กึก!


     ชะงักงันทันที

      พอโดนย้อนกลับมาบ้าง ผมพูดไม่ออก เถียงก็ไม่ได้ เมื่อตัวเองก็เคยทำแบบนี้กับพี่ชินมาก่อน ผมมองหน้าพี่ชินสลด


"ผมขอโทษนะครับพี่ชิน"

 
     พี่ชินมองหน้าพลางลอบถอนหายใจ ทำให้ผมไม่กล้าพูดอะไรอีก จนกระทั่ง ประตู ลิฟต์เปิดออกกว้าง ผมและเขาก็เดินออกไป


    ผมเหวอเลย...ใบหน้านิ่งขรึมเมื่อสักครู่กลับแจกรอยยิ้มทรงเสน่ห์แก่พนักงานประชาสัมพันธ์ตรงหน้าทางเข้า


     ผมเห็นเธอยกหูโทรศัพท์ต่อสายคุยกับใครสักคน ก่อนที่จะบอกให้ผมและพี่ชินไปนั่งรอตรงส่วนรับแขก


      สิบนาทีมีหญิงสาว ปากแดง หุ่นดีเดินมาทัก


"สวัสดีค่ะ คุณชินดนัย"

"สวัสดีครับ" พี่ชินลุกขึ้น ผมถึงลุกขึ้นตาม

"วันนี้มาเองเลยหรือคะ?"

"ครับ"
ใบหน้าคมเข้มซ่อนหวานผุดรอยยิ้มขึ้น ผมยืนสังเกตอาการของผู้หญิงดูเหมือนเธอจะเคลิบเคลิ้มอยู่ไม่น้อย
   

   เธอเชื้อเชิญให้เราเข้าไปนั่งรอที่ห้องประชุมก่อน


   ช่วงที่ยังไม่มีใคร พี่ชินซักซ้อมกับผมว่า หากเขาไม่รู้เรื่องการออกแบบเชิงลึก เขาจะโยนคำถามมาให้ผม ผมพยักหน้า ยอมรับนะว่าตื่นเต้น ก็ผมเป็นคนทำงานเบื้องหลัง พอต้องออกมาปรากฏกายแก่สายตาคนหมู่มาก ผมมักไม่ชินเท่าไหร่ แต่ถ้าพี่ชินต้องการความช่วยเหลือผมก็เต็มใจช่วย


     เมื่อลูกค้าสี่ท่านที่จะมาฟังการพรีเซ็นต์ของพวมผม เดินเข้ามานั่งกันครบ พี่ชินแนะนำตัวเองและผม พร้อมกับเข้าประเด็นในการพรีเซ็นต์งานวิดีโอโฆษณาเผยแพร่ทางออนไลน์เกี่ยวกับน้ำยาปรับผ้านุ่มว่าทางบริษัทเราจะทำโฆษณาอย่างไรให้ดึงดูดใจผู้บริโภค


     พี่ชินโชว์ สตอรี่ บอร์ด พร้อมพรีเซนต์งานไปได้อย่างไหลลื่น อธิบายเห็นภาพได้เป็นฉากๆ และทุกครั้งที่มีการพาดพิงถึงงานออกแบบ เขาจะให้เกียรติผมด้วยการแนะนำว่าผมเป็นส่วนสำคัญในการทำผลงานชิ้นนี้


    พี่ชินใช้เวลาไปสี่สิบนาทีในการพรีเซ็นต์ผลงานจนจบสิ้น ดูเหมือนว่าทุกคนค่อนข้างปลาบปลื้มกับผลงานของบริษัทผมและที่พี่ชินถ่ายทอดออกมา


    พี่ชินเก็บคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ้คเข้ากระเป๋า และยื่นมาให้ผมถือ เพื่อจะเดินไปคุยกับหัวหน้าอีกท่านที่มีคำถาม ผมมัวแต่มองพี่ชินจึงรับกระเป๋ามาโดยไม่รู้เลยว่า มือผมวางทับบนมือของพี่ชินจนอีกฝ่ายตกใจ หันขวับมามองก่อนจะปล่อยมือออกจากที่จับกระเป๋าแล้วเดินไปคุยอีกฝั่ง


     ผมเดินออกมารอพี่ชินตรงส่วนรับแขก และยังคิดเรื่องพี่ชินพลางอมยิ้มคนเดียว ผมว่าพี่ชินมีหลายบุคลิกที่ผมคาดเดาไม่ได้เลยจริงๆ

     ผมรอไม่นาน ผู้หญิงปากแดงคนเดิมก็เดินมาพร้อมพี่ชินเพื่อมาส่ง

     จบแล้วสำหรับการคุยงาน ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก และเดินเข้าลิฟต์มากับพี่ชิน


"พี่ชินเก่งจังครับ"


    พออยู่กันสองคนแล้ว ผมเอ่ยปากชื่นชมพี่ชินจากใจหลังจากได้เห็นความสามารถของเขา ผมเชื่อนะว่า คนเราถ้ามีความสามารถ หรือ มีความเก่งในแบบที่แต่ละคนถนัด มันเพิ่มเสน่ห์ได้หลายเท่าตัว

    และโดยเฉพาะพี่ชินที่มีความหน้าตาดีและยิ้มมีเสน่ห์เป็นทุนเดิมพอเสริมความเก่งเข้าไป ผมว่าพี่เขาเป็นอีกคนที่ดูน่าหลงใหลขึ้นเยอะเลย


"ขอบคุณ" คนตอบหน้านิ่ง และพูดต่อ  "วันนี้เสร็จงานเร็ว คุณจะกลับบ้านเลยก็ได้นะ"

"ครับ แต่นี่มันก็เที่ยงกว่าแล้ว เราไปกินข้าวกันก่อนไหมครับ? พี่ชิน"


"เอาสิ"

 
    ผมยิ้ม จากนั้นเราเดินทางไปกินข้าวเที่ยงที่ห้างสรรพสินค้าที่ห่างออกมาหน่อย

    ถึงห้างสรรพสินค้า พี่ชินก็เดินดุ่มๆเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นโดยไม่ถามผมก่อนสักคำ

    ผมได้แต่คิดในใจว่า...พี่ชินครับ? เงินเดือนผมยังไม่ออกนะครับ ราคาร้านอาหารญี่ปุ่นขึ้นห้างแบบนี้ ถึงต่อให้หารสองแล้ว ราคาก็แพงหูฉี่อยู่ดี

    พี่ชินเลือกที่นั่งริมกระจก สักพักพนักงานก็เดินมายื่นเมนูให้ได้พิจารณาอาหาร

    ผมยังนึกไม่ออกว่าจะกินอะไร แต่พี่ชินสั่งไปสองเมนูแล้ว

    อีกฝ่ายปิดเมนูแล้วถามผม


"นึกไม่ออกหรอ?"

"ครับ พี่ชิน มีแนะนำไหมครับ?"

"คุณจะกินพวกเบนโตะ เซ็ตไหม?"


     พี่ชินพูดและเปิดเมนูขึ้นอีกครั้ง ชี้หน้าเมนูเหล่านั้นให้ผมดู ผมรีบเออออ จิ้มตาม พนักงานรับออเดอร์ทวนรายการ แล้วเดินจากไป ผมถอนหายใจยาว และมองพี่ชินที่อีกฝ่ายเหมือนมองผมอยู่ก่อนแล้ว


"พี่ชอบกินอาหารญี่ปุ่นหรอครับ?"

"อืม...ชอบ อย่าบอกนะว่าคุณไม่ชอบ?"

"เอาจริงๆเลยนะพี่ ไม่ชอบครับ แต่ก็พอกินได้แหละ"


     จู่ๆ พี่ชินชะเง้อคอมองอะไรบางอย่าง จากนั้นเขายกมือเรียกพนักงานให้เดินมาที่โต๊ะและบอกว่าอาหารที่สั่งไปทั้งหมดช่วยทำแบบกลับบ้านพร้อมคิดเงินให้ด้วย


    ผมมองพี่ชินอย่างไม่เข้าใจ
 

"พี่บอกเอากลับบ้านทำไมครับ เราจะไม่กินกันแล้วหรอ?"

"ก็คุณบอกไม่ชอบ"

"ผมไม่เรื่องมากหรอกครับ ถ้าสั่งแล้ว ผมก็กินได้"

"คุณชอบกินอะไร?" ผมมองพี่ชินที่ทำหน้าดุๆ สรุปแล้วเขาโกรธผมที่ไม่บอกว่าไม่ชอบอาหารญี่ปุ่นหรือโกรธเพราะโมโหหิวกันแน่?

   พี่ชินทำหน้าไม่พอใจ ผมรีบตอบอย่างไว


"พวกอาหารอีสาน ส้มตำน่ะครับ"


    ผมเป็นอะไรก็ไม่รู้ ผมใจสั่นและใจเต้นแรงอีกแล้ว...


    ผมเห็นอีกฝ่ายทำหน้านึก และได้ยินพี่ชินบ่นพึมพำเบาๆ


"ในห้างนี้น่าจะมี"


     นอกจากคนมีความสามารถ ผมแพ้คนเอาใจ และผมว่าพี่ชินกำลังทำกับผมแบบนั้น


     เกือบครึ่งชั่วโมงที่พนักงานนำอาหารญี่ปุ่นบรรจุกล่องอย่างดีมาวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับค่าอาหารที่พี่ชินเป็นคนจ่ายให้ทั้งหมด ผมยื่นเงินให้ เขาก็ปฏิเสธและบอกว่าเขารับผิดชอบเอง และพาผมไปยังร้านใหม่


       ทั้งๆที่มันต้องเดินไกล อยู่คนละโยชน์ คนละชั้น แต่พี่ชินก็พาผมมาถึงร้านอาหารส้มตำจนได้


        พอนั่งปุ๊ป ผมถามพี่ชินปั๊ป แต่ฝายนั้นบอกให้ผมเลือกได้ตามใจชอบ และพอเป็นเมนูอาหารอีสาน ผมนี่ลาภปาก สั่งได้แทบไม่ต้องดูเมนูอาหารด้วยซ้ำ


        สั่งเสร็จเรียบร้อยที่เหลือก็รออาหารมาเสิร์ฟ

 

"อันที่จริง พี่ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ ผมรู้สึกผิดน่ะ"

"รู้สึกผิดแล้วหรอ? เห็นสั่งรัวๆเลยนะ"


      มองคนพูดแขวะ แต่ผมก็หัวเราะกลับไป


"โถ่...พี่ชินผมสั่งเผื่อพี่นะ"

"ก็ดี...ผมไม่ชอบกินอาหาร ในขณะที่คนนั่งด้วยทำหน้าอมทุกข์"


"รับรองครับ พี่จะไม่มีทางได้เห็นสีหน้าแบบนั้นแน่นอน"



     ผมยิ้มหวานให้พี่ชิน แต่ผมเห็นว่าพี่ชินแกไม่สนรอยยิ้มของผมเลย กลับเสหน้าหนีไปทางอื่น
     
     เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง พออาหารอีสานที่ผมสั่งทะยอยมาเสิร์ฟจนใกล้ครบ ด้วยความหิวจนแสบท้อง เพราะกว่าจะได้กินก็ล่อไปเกือบบ่ายสอง


     ผมเลยขออนุญาตพี่ชินกินก่อน อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ และค่อยๆตักลาบเป็ด ส้มตำคำน้อยๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับผม ที่ตักคำใหญ่โตไม่พอ แถมยัดเข้าปากอย่างไม่กลัวติดคอ ทั้งข้าวเหนียว คอหมูย่าง ลาบหมูทอด

    พออาหารถูกเติมลงท้อง อาการของผมก็เปลี่ยนไป ผมมีความสุขมากกว่าเดิม และไม่แปลกที่อาหารตรงหน้าจะหมดเกลี้ยงในพริบตา


     ผมกินจนไม่สนใจถามพี่ชิน พอถึงจังหวะจ่ายเงิน ผมจะควักจ่าย พี่ชินก็ชิงตัดหน้าไปก่อน และบอกว่า เขาเป็นเจ้ามือเอง


     ผมนั่งนิ่งเลยครับ ผมว่าพี่ชินเปลี่ยนไปมาก เช่นวันนี้ พี่ชินดูละมุนกับผม แม้จะมีบ้างที่สุ้มเสียงยังดูแข็งๆอยู่บ้าง แต่การกระทำนั่นดูอ่อนโยน และเอาใจใส่อย่างน่าประหลาด


"ขอบคุณนะครับพี่ชิน เออ แต่ผมเห็นพี่ชินกินน้อยมาก ไม่หิวหรอครับ"

"ผมเหลือท้องไว้กินอาหารญี่ปุ่น"
พี่ชินบอกพลันชำเลืองมองไปที่กล่องอาหารญี่ปุ่นที่วางอยู่ข้างๆ


     ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวก็ตอนนี้นี่แหละ...

    ผมก็คงไม่ต่างจากนิทานโบร่ำโบราณอย่าง ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ล่ะมั้ง  พอผมหิวข้าวมากจนตาลาย แถมจะกินม้าได้ทั้งตัว เลยทำให้ละเลยใส่ใจความรู้สึกคนอื่น  การที่ผมถามพี่ชินก่อนหน้า มันก็แค่ถามเป็นพิธีไปอย่างนั้น

      จนกระทั่งอิ่มท้องอย่างมีความสุข ผมถึงมีเวลาได้ตระหนักว่า...


"พี่ชินไม่ชอบอาหารอีสานใช่ไหม?"

   
     ผมโน้มตัวไปหา วางศอกลงบนโต๊ะ หรี่ตามองพี่ชินที่ทำท่าอึกๆอักๆ ก่อนจะตอบปฏิเสธ


    ทำไมผมเป็นคนแบบนี้ไปได้ล่ะ ผมโคตรเห็นแก่ตัวเลย ผมเอาแต่ตัวเอง ผมรู้ได้ในทันทีว่า เขากำลังโกหกผมอยู่ พี่ชินไม่ชอบกินอาหารอีสาน ผมเหลือบมองจานของเขา อาหารที่ตักไปก่อนหน้ายังเหลือเท่าเดิม
 
    ผมกุมขมับ และขอตัวพี่ชินไปเข้าห้องน้ำ เพื่อครุ่นคิดกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป

    ผมโคตรจะไม่ชอบตัวเองในมุมนี้เลย ให้ตายเถอะ!!

    แต่ในความไม่ชอบที่ตัวเองนิสัยเสีย ผมกลับเจอบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจผม

   ผมชอบพี่ชินเข้าแล้ว...

    อ้าว...แล้วอชิล่ะ ผมชอบเธอแบบไหนกันแน่?



...........................................


สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ (ทันไหม? 5555)

ขอบคุณทั้งคนอ่าน คนคอมเมนท์ที่แวะเวียนเข้ามาอ่านกันนะคะ  :z2: :z2: :z2: :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2018 04:09:27 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :เฮ้อ: สับสน

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

จะ  "พี่ชิน"  หรือ  "พี่จิณณ์"  กันแน่เนี่ย?

สับสน


ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao3:

ชอบมาสักพักแล้วจ่ะ

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
ตอนที่ 4 รู้ใจตัวเอง




      เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ประเดี๋ยวเดียวก็ถึงวันศุกร์อีกแล้ว หลายวันที่ผ่านมานี้ แม้งานจะเยอะมากก็จริง แต่ไม่รู้ ผมมีเรี่ยวแรงมาจากไหนถึงทำงานหามรุ่ง หามค่ำได้ไม่มีเหนื่อย สงสัยคงได้รอยยิ้มทีเผลอจากใครคนนั้น...เพราะตั้งแต่ผมรู้ใจตัวเอง ผมชอบแอบมองพี่ชิน ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม



      แต่ก็แปลกใจอยู่อย่าง จากแต่ก่อน เดินไปกินข้าวด้วยกัน คุยงานกัน ผมรู้สึกเฉยๆ แต่พอรู้ใจตัวเองว่าชอบปุ๊ป แค่พี่ชินเดินเฉียดผม เอ่ยถามผมว่ากินอะไร เพียงเท่านี้ ผมก็ใจเต้นแรงขึ้นแล้ว



      แม้ผมยังไม่ได้บอกชอบพี่ชิน แต่เท่าที่เป็นอยู่นี้ ผมก็มีความสุขนะ ที่ได้มอง ได้คุย ได้อยู่ใกล้ คนเราก็ควรมีความสุขกับอะไรเล็กๆน้อยพวกนี้ไม่ใช่หรอ?

      และเลิกงานวันนี้...ผมตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะแก็งค์บัดดี้มีนัดสังสรรค์กันนิดหน่อย เนื่องจากนอกเวลางานทีไร ผมมักเห็นพี่ชินในมุมผ่อนคลายเสมอ

     นอกจากนี้ ผมเริ่มเชื่อที่อชิบอกแล้วว่า พี่แท็คชอบเป็นตัวตั้งตัวตีในการชวนเพื่อนๆดื่ม เพราะไม่ใช่แค่วันนี้ ที่พี่แท็คอ้างว่า พาน้องใหม่อย่างผมไปเลี้ยงอีกรอบ แต่พี่แท็คยังสามารถบังคับทุกคนให้ไปที่คอนโดแกในวันพรุ่งนี้ เพื่อเฉลยบัดดี้อีกด้วย

      ดูสิดู...พี่แท็คสามารถตั้งประเด็น หาเรื่องมาดื่มได้จริงๆ ผมล่ะนับถือแกเลย...


      แต่ผมรู้นะ เหตุผลหลักๆที่พี่แท็คพยายามคะยั้นคะยอทุกคนให้ไป ส่วนหนึ่งคงเป็นห่วงและอยากให้แน่ใจว่าผมกับพี่ชินไม่มีปัญหากันแล้วจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ พวกๆพี่ก็รู้อยู่ว่าผมมีคดีกับพี่ชิน แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้น ผมคุยกับพี่ชินเป็นปกติ มันสร้างความฉงนใจให้คนที่พบเห็น ผมจึงต้องหาโอกาสคุยกับพี่แท็ค สองต่อสอง บอกความจริงว่าผมไม่ลาออก และสาเหตุที่ผมคุยดีกับพี่ชินได้แล้วนั้น เพราะผมชวนพี่ชินไปทานข้าวที่บ้านเพื่อเป็นการขอโทษ


      และแล้วช่วงเวลาแห่งการสังสรรค์ได้เริ่มขึ้น ในเวลาหนึ่งทุ่มเศษๆ พวกผมก็เดินทางถึงร้านคราฟต์เบียร์กันแล้วเรียบร้อย


      จัดแจงหาที่นั่งกันได้ก็เรียงกันไปมีพี่ป๊อด อชิ ผม พี่แท็ค พี่พอล ส่วนพี่ชินนั่งตรงข้ามกับผมพอดี ผมนี่ยิ้มกรุ้มกริ่มเลยครับ เพราะจะได้มองอย่างถนัดถนี่


       พนักงานวางเมนูเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ ทุกคนกวาดตาหารายการโปรด ส่วนผมมีเมนูในใจ ไม่พลาดที่จะสั่งคราฟต์เบียร์ไทย อย่าง ชาตรี IPA ผมบอกพนักงานเป็นคนแรก ตามมาด้วยพวกพี่ๆที่เห็นจะสั่งพวกเบียร์สัญชาติเบลเยี่ยม บ้างก็เบียร์ดำ ส่วนสาวสุดน่ารักของผมอย่างอชิก็สรรหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ออกแนวฟรุตตี้หน่อย


    ช่วงที่รอเบียร์มาเสิร์ฟ ผมไม่สนใจคนอื่น นอกจากคนตรงหน้า ผมจ้องมองพี่ชินไม่ละสายตา


      ผมดีใจนะที่รู้ว่าเขายังไม่มีแฟน มันทำให้ผมมีโอกาสจีบ แม้ผมไม่รู้ว่ามันจะผิดหวัง -สมหวัง แต่ผมก็จะเสี่ยง


     ผมมองเขาอยู่อย่างนั้น จนเป็นจังหวะที่พี่ชินละสายตาจากเครื่องมือสื่อสาร เงยหน้ามาประสานสายตากับผมพอดี ผมถือจังหวะนี้ ส่งยิ้มให้เขา แต่พี่ชินเอาอีกแล้ว เขาเบนหน้าหนีไปทางอื่น ทำให้ผมไม่มีโอกาสได้รุกคืบ


      ก้มหน้า ถอนหายใจ พี่ชินเป็นอย่างนี้ทุกทีสิน่า เอาแต่หลบหน้าผม แล้วเขาจะรู้ไหมว่าผมชอบ


      สักพัก เครื่องดื่มที่ทุกคนสั่งถูกวางลงตรงหน้าของเจ้าของเมนู พี่แท็คชูแก้วขึ้นสูงก่อนใคร แล้วเอ่ย


"ไหนๆก็มาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว เอ้า!!!! แด่น้องใหม่เว้ย"



        ทุกคนยื่นแก้วมาไว้กลางวงแล้วชนจนเสียงแก้วดังกระทบกัน


      เสียงชนแก้วดังขึ้น ดั่งระฆังแห่งมิตรภาพที่บ่งบอกว่ามันได้เริ่มต้นแล้ว


      ทุกคนกระดกกันพอเป็นพิธี แต่สายตาที่พี่แท็คหันมามองผมและยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น ผมชักเสียวสันหลังแปลกๆ


"เราควรรับน้องใหม่หน่อยนะ"


        ภาพลักษณ์ภายนอกผมนี่โคตรเก๋ามากแต่ในใจลึกๆนี่กลัวสุดขีด


"รับน้องยังไงครับ บอกมาได้เลย"

"มึงแม่งเจ๋งจริงว่ะ ได้ทุกอย่างนะ"

"ได้ครับ"
ยิ้มมั่นใจเต็มที่

"จูบไอ้ชินตรงนี้"

    ทุกคนทำหน้าเหวอ

    ส่วนผมน่ะหรอ? ทำหน้าดีใจสิครับและรีบตอบอย่างไว จะรออะไรล่ะ


"ได้ครับ แต่ขอในห้องน้ำได้ไหม? ผมไม่อยากให้คนมองพี่ชินไม่ดีน่ะครับ"


     โดนคนชงมาให้ขนาดนี้ มีหรือจะพลาด!!... ผมพูดจริงทำจริงนะ บอกเลย!!...

     ทั้งโต๊ะ ส่งเสียงร้องโห่ฮิ้ว ชอบใจกันมาก แต่มีบางคนหน้าบึ้งเป็นตูดแล้วครับ


"เพื่อนเล่นหรอ?" พี่ชินตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์  ผมนี่จ๋อยเลย ไม่รู้สิพอผมชอบพี่ชิน ผมไม่ค่อยอยากขัดใจพี่ชินมากเท่าไหร่ 


     ส่วนพี่แท็คตอนนี้ ก็โดนเพื่อนด่าไปตามระเบียบ


"ไม่ต้องเอากูไปเกี่ยวเลย ไอ้แท็ค"

"โถ่...แค่อำเล่นน่า ไอ้ชิน ก็กูเห็นมึงเคยมีปัญหากัน ก็ไม่อยากให้เกลียดกัน รักๆกันไว้น่ะดีแล้ว!"



     พี่ชินไม่พูดอะไร และผมก็ไม่อยากให้บรรยากาศดูอึมครึมจึงอาสาสร้างความบันเทิง


   
"เอางี้...ดีกว่าครับ พี่แท็คกับผมมาดื่มกันให้หมดแก้ว ใครหมดทีหลัง คนนั้นโดนทำโทษ"


"โห...ท้ากูหรอไอ้ติ มึงมั่นใจว่ามึงไหว?"

"ฮ่าๆ ไหวสิครับ ถ้าไม่ไหวอย่างมากก็นอนป้ายรถเมล์ ผมเคยทำมาแล้ว"



"ไม่เอา เดี๋ยวยุงกัด ตินอนห้องชิก็ได้"

      จากเสียงหัวเราะครืนที่ลุ้นชายหนุ่มสองคนที่กำลังถกเถียงและท้าท้ายกันอยู่กลับเงียบกริบ เมื่อเสียงหญิงสาวแทรกขึ้น ทุกคนมองหน้าอชิและผมสลับกันไป-มา


"ทำไมอชิพูดแบบนั้น?" พี่ชินถามอชิ แล้วอชิก็ก้มหน้าตอบ

"ชิคบกับติอยู่ค่ะพี่ชิน"


       ผมหันขวับเลย เฮ้ย!...อชิทำแบบนี้ไม่ได้นะ พูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง ผมยังไม่เคยบอกเลยว่าเราจะคบกัน


      ผมหันไปมองพี่ชินที่อีกฝ่ายมองมาพอดี ผมอ้าปากพะงาบๆไร้เสียงจะสื่อสารว่ามันไม่ใช่แบบที่พี่เข้าใจ แต่พี่ชินละสายตาจากผมไปมองหน้าอชิแทน


       ทำไม ทำไม? อชิทำกับผมแบบนี้...ผมหน้าเสีย และไม่กล้าบอกปฏิเสธ เพราะกลัวว่าจะเป็นการฉีกหน้าอชิต่อหน้าทุกคน


       ท่ามกลางบรรยากาศมาคุ ผมไม่สนเกมส์ที่บอกไปก่อนหน้า กระดกเบียร์หมดแก้วด้วยความเซ็ง ผมเหลือบเห็นพี่แท็คก็ทำแบบเดียวกับผม และระหว่างนั้น...


"พี่แท็คคะ"


       หันขวับกันทั้งโต๊ะเมื่อมีผู้หญิงแต่งตัววาบหวิวในชุดสีดำ เดินมาสะกิดไหล่พี่แท็ค


"อ้าว...มันแกว มาทำอะไรแถวนี้"

"มากินวันเกิดเพื่อนค่ะ"
ผู้หญิงคนนั้นชี้ไปที่โต๊ะไกลออกไปหน่อย

"หรอ? พี่คิดถึงมันแกวพอดีเลย...เดี๋ยวกูมานะ"  พี่แท็คบอกพวกพี่ชินและดึงแขนผู้หญิงไปคุยที่อื่น พอผมจะหันไปเคลียร์กับอชิ ผมช็อคเมื่อเห็นเธอกระดกเบียร์หมดแก้ว ผมยังไม่ทันอ้าปากเลย ผมได้ยินเสียงพี่ชินดุอชิ


"อชิ...ถ้าเมาแล้วจะทำไง เราเป็นผู้หญิงนะ"


       อชิไม่ตอบ กลับแบะปากเหมือนจะร้องไห้ ทำไมอชิต้องกลัวพี่ชินขนาดนั้นด้วยล่ะ ไม่เข้าใจ


      ดูเหมือนเธอจะน้อยใจพี่ชิน จู่ๆ เธอลุกขึ้น ผมรีบตามเธอไปจนถึงส่วนหน้าห้องน้ำที่เป็นพื้นที่กว้างขวาง หรูหรา ผมกลัวเป็นเป้าสายตา รีบดึงแขนอชิไปยืนคุยตรงมุมมืด


"อชิ เป็นอะไรหรือเปล่า? ผมว่าวันนี้ อชิแปลกๆไปนะ"

"ไม่มีใครรักชิเลยติ ไม่มีเลย"
อชิยกมือปิดหน้าร้องไห้ ผมยืนโคลงศรีษะมองเธอ ผมไม่เข้าใจว่าอชิต้องการจะสื่ออะไร?

"ทำไม? อชิเล่าให้ผมฟังได้นะ เผื่อผมจะช่วยได้"
ผมจับไหล่เธอทั้งสองข้าง

     แต่ตอนนี้ ผมว่าผมรู้ตัวแล้วล่ะ


     ผมชอบอชิจริง แต่คงชอบเหมือนน้องสาวมากกว่าคู่รัก เพราะตอนที่อชิพูดว่าคบกับผมทั้งๆที่มันไม่เป็นความจริง ผมกลับห่วงความรู้สึกพี่ชินมากกว่าอชิซะอีก


"ติคบกับชิจริงๆได้ไหม?"

"แสดงว่าอชิก็รู้ว่าที่พูดมันไม่ใช่ความจริง แล้วอชิพูดแบบนั้นทำไมครับ?"



"ก็ชิอยากให้ติคบกับชิสักที"


    ผมมองเข้าไปยังนัยน์ตาของเธอ ผมว่าอชิมีบางอย่างที่เก็บไว้เป็นความลับแล้วไม่ยอมบอก


"ถ้าอชิชอบผมจริงๆ ผมขอจูบอชิได้ไหม?"

"บะ...บ้าหรอติ เห็นชิ เป็นคนยังไง ชิไม่ได้ง่ายๆขนาดนั้นนะ"


     ผมมั่นใจเต็มร้อยแล้วตอนนี้ อชิไม่ได้ชอบผมแล้วเธอชอบใครกัน?

     ผมใช้นิ้วจิ้มแก้มเนียน


"ผมก็แค่ล้อเล่น ผมว่าอชิไม่เหมาะจะเป็นแฟนกับผมหรอก"

"ทำไมล่ะ? ชิไม่น่ารักพอหรอ?!...ติพูดมาแบบนี้ ติไม่ชอบชิใช่ไหม?"


      ทำไงดีล่ะ ผมเป็นห่วงความรู้สึกอชิซะด้วยสิ ผมจะพูดอย่างไรที่พอถนอมน้ำใจเธอได้ แต่อีกใจผมก็ไม่อยากให้ความหวังอชิแล้วเหมือนกัน ผมมองอชิเงียบๆ ผมกำลังหาคำพูดที่ดีที่สุดมอบให้แก่เธอ แต่ทว่า....


    อชิดึงตัวผมเข้าไปใกล้ เขย่งเท้าขึ้นมาจูบ

     ผมตาโต ตกใจและรีบผละ


"อชิทำอะไรน่ะ"

"นี่มันที่สาธารณะนะครับน้องๆ.. แหม!...วัยรุ่นใจร้อนกันจริงๆ กลับกันก่อนไหม? เผื่ออะไรๆจะได้ง่ายขึ้น?"


       ผมหันไปหาพี่แท็คที่ยืนกอดอกมอง แต่แววตาที่ผมเห็นมันดูออกว่าโมโห


"พี่แท็คบอกชิ หรือบอกตัวเองคะ เห็นมองผู้หญิงคนนั้นตาเป็นมันเลยนะ"

"ก็...ไม่รู้สิ ทำไมล่ะ อชิสนใจจะไปร่วมห้องกับพี่ด้วยไหมล่ะ"
 


เพี้ยะ!


"พี่แท็คก็ทำตัวเจ้าชู้ไปเรื่อยแบบนี้ แถมไม่เคยให้เกียรติชิเลย"

"เฮ้ย...อชิใจเย็นๆ" ผมปรามเธอ เมื่ออชิตบหน้าพี่แท็คอย่างแรง


      ผมว่ามันชักจะไปกันใหญ่แล้ว เมื่อทั้งสองไม่ยอมลงให้กัน แต่ทันใดนั้น...


"ติพาอชิกลับโต๊ะ!" พี่ชินเดินมาจับไหล่พี่แท็คบีบกระชับแรงๆ และบอกผม

"พี่ชินครับ คือ..."

"คุณพาอชิกลับไปก่อน ไอ้แท็คมึงมาคุยกับกู"


     อชิตาแดงก่ำ ผมไม่รู้จะตอบคำถามพี่พอล พี่ป๊อดยังไง เลยพาออกไปนอกร้าน เพื่อให้อชิได้ใจเย็นลงก่อน ผมว่าตอนนี้อชิเมาแล้วแน่ๆ


"ติเห็นไหม? พี่แท็คไม่เคยพูดดีกับชิเลย ชิทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจในสายตาเขา"

"อชิชอบพี่แท็คใช่ไหม?"

กึก!

     
     ผมพูดตรง จนเธอสะอึกอย่างเห็นได้ชัด อชิก้มหน้าและปล่อยโฮหนักกว่าเดิม


"ตะ....ติรู้ได้ไง"

"เฮ้อ!...ผมก็เอะใจอยู่แล้วเชียว ผมรู้นะว่า อชิใช้วิธีนี้ อยากให้พี่แท็คหึงใช่ไหม แต่มันคุ้มกันหรือเปล่า? เกิดพี่แท็คแอบชอบอชิอยู่เหมือนกันแล้วเขาเข้าใจผิด เลิกชอบอชิไปเลยล่ะ"

"อย่าใช้คำว่าเลิกชอบเลยติ เพราะพี่แท็คไม่เคยชอบ ไม่มีวัน"


"อชิรู้ได้ไง ลองแล้วหรอ? ถ้าอย่างนั้น ผมจะช่วยอชิเอง แต่อชิต้องไปบอกกับทุกคนนะว่าเรื่องที่เราคบกัน แค่อำเล่นเฉยๆ"


     หญิงสาวพยักหน้ารัวทั้งๆที่น้ำตานองหน้า ดูสิ...เธอเหมือนน้องสาวมากกว่าจะเป็นแฟนผมจริงๆ


     ผมยิ้มแล้วใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาเธอเบาๆ


"หยุดร้องแล้วกลับไปหาพี่แท็คก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะแย่งไปนะ" ไม่รู้ว่าการที่ผมพูดแบบนี้จะพอทำให้เธอฮึดสู้ได้หรือเปล่า?

"ติอะ...."

"ฮ่าๆๆ อชิยิ้มแล้ว ผมดีใจจัง"


     ผมดีใจนะที่ช่วยทำให้อชิสบายใจขึ้น ในระหว่างที่ผมและอชิเดินกลับโต๊ะ ผมข้องใจจึงถามไปอีกข้อ


"ทำไมอชิดูกลัวพี่ชินจัง"


"เอ่อ....คือ...ติห้ามบอกใครนะ พี่ชินเป็นลูกพี่ลูกน้องชิเอง"


    ผมเบิกตาโพลงอย่างตกใจ ตั้งแต่ ผมอยู่บริษัทนี้ มีเรื่องให้ผมประหลาดใจได้อยู่เสมอ

    พี่ชินชอบผู้ชาย อชิแอบชอบพี่แท็ค และยังเป็นลูกพี่ลูกน้องพี่ชิน

    ต่อจากนี้ จะมีเรื่องอะไรที่ชวนให้ผมได้ตกใจอีกไหมเนี่ย?...

   พอผมเดินกลับมาก็เห็นทุกคน ยกเว้นพี่ชิน ผมแกล้งทำเนียนๆถามพี่แท็คที่ดูเหมือนอารมณ์ดีขึ้น

   ได้คำตอบ ผมพาอชิมานั่งแล้วก็เดินดุ่มๆไปที่ห้องน้ำ แต่แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นพี่ชินยืนพิงผนังคุยกับผู้ชายคนหนึ่งหน้าลูกครึ่งและหล่อเลยทีเดียว

    ผู้ชายคนนั้นตัวสูงกว่าพี่ชิน หุ่นดีเหมือนนายแบบ หรือจะ...

    พี่ชินหันมาทางผมพอดี ผมจึงต้องเนียนเดินเข้าห้องน้ำไป


"แฟนเก่าหรือเปล่าวะ?" ผมงึมงัม แต่ไม่กล้าเดินออกไปเพราะตอนเดินเข้ามาผมได้ยินทั้งคู่เหมือนมีปากเสียงกัน ผมประวิงเวลาให้ช้าลงสักหน่อย เดินวนไปเดินมาในห้องน้ำ

"เป็นไงเป็นกันวะ"

    ผมเปิดประตูก็สวนกับพี่ชินที่เดินเข้ามาก้มหน้าก้มตาเดินไปที่อ้างล่างมือ

    ผมหันหลังกลับไปมองพี่ชินที่เปิดก็อก วักน้ำล้างหน้าตัวเอง

    จ้องเขาผ่านกระจกเงา พี่ชินขอบตาแดงก่ำ

    พี่ชินร้องไห้...แต่เหมือนพยายามทำตัวเข็มแข็ง


      อะไรไม่รู้ดลใจให้ผมเดินไปใกล้เขา


"แฟนเก่าหรอครับ?"

"ไม่ใช่เรื่องของคุณ"
เขาตอบแต่ไม่ได้หันมาหาผม กลับเดินไปดึงกระดาษทิชชูมาซับมือ

"ผมแค่เป็น...ห่ว..."

"คุณออกไปก่อนได้ไหม?"

"ก็ได้ครับ"
ไม่ว่ากัน ถ้าพี่ชินอยากมีเวลาส่วนตัว ผมเดินออกมาไม่ไกลก็สวนกับหนุ่มลูกครึ่งที่เพิ่งเห็นเมื่อสักครู่


    พี่ชินบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องของผม...ผมก็ไม่ควรแส่หาเรื่อง

    ผมกลับมานั่งลงตรงที่เดิม แต่ตอนนี้ ทุกคนหัวเราะเฮฮาต่างจากในห้องน้ำที่ผมเพิ่งประสบพบเจอมา


     พอมีจังหวะให้ถามพี่แท็ค ผมรีบสะกิดยิกๆ


"พี่เมารึยังครับ?"
ผมกระซิบถาม

"ยังว่ะ มีอะไร?"

"แฟนเก่า พี่ชินใช่ผู้ชายหน้าลูกครึ่ง หล่อๆ สูงกว่าพี่ชินหรือเปล่าครับ?"

"เฮ้ย! มึงรู้ได้ไงวะ"


"ผมเห็นเขาอยู่กับพี่ชินที่ห้องน้ำ"


    พี่แท็คลุกพรวดไปดู ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น

    ผมร้อนใจอยากตามไปดู แต่พอพี่ชินขอร้อง ผมจะไม่ก้าวก่าย

    ผมสั่งเบียร์แบบเดิมอีกขวด ช่วงที่รอ ผมมองอชิก็ดูจะยิ้มมากกว่าเดิมคงได้พี่พอลและพี่ป๊อดชวนคุย ผมนั่งเงียบจนกระทั่งเบียร์มา รีบกระดก แต่ในใจก็ยังเป็นห่วงพี่ชิน

    สักพักใหญ่ๆ ผมเห็นพี่แท็คจับแขนพี่ชินออกมา แล้วสภาพที่ผมเห็นคือ...

    เสื้อเชิ๊ตพี่ชิน กระดุมเม็ดบนสุดหลุด จนสาบเสื้อแบะแยกออกจากกันทำให้เห็นแผงอกขาวรำไร

    พี่ชินไม่มองมาทางผมเลย

    เหมือนคนตั้งใจหลบหน้า...


"กลับบ้านไหม? ชิน" ขนาดคนพูดน้อยอย่างพี่พอลอย่างต้องเอ่ยถาม


    พี่ชินพยักหน้าเนือยๆ


"ขอโทษนะที่ทำให้หมดสนุก พวกมึงกินกันต่อเถอะ กูขอกลับก่อน"

"เออได้ๆ..."

"ขอผมนั่งรถไปเป็นเพื่อนพี่ชินได้ไหมครับ?"


    ผมถามทันที ผมไม่สนว่าใครจะมองยังไง แต่เวลานี้ ผมเป็นห่วงพี่ชินมากจริงๆ




****1.1****



พี่ชินจะให้ติกลับด้วยไหมน้า????  :katai1: :mew1: :mew4:




DrSlump >> สำหรับตอนที่แล้วเรื่องชื่อตัวละคร เราเบลอเองค่ะ ขอโทษนะคะ
มัวแต่คิดถึงพี่จิณณ์-แสงสุดท้าย-มากไปหน่อย 55555=

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไอ้สาบเสื้อหลุดลุ่ยนี่ืคืออัลไล?

พี่ชินถูก...?

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด