ตอนที่ 32 : อวสานเช็กเมท
“พี่ฌาน เร็วเข้า!!”
ผมรีบตบโซฟาเรียกคนรักให้นั่งด้วยกัน เพราะอีกไม่กี่นาที เช็กเมทตอนจบก็จะเริ่มฉายแล้ว!
นิฌานถือป๊อปคอร์นเดินตามมา เขามัวแต่เตรียมของอย่างกับไปดูในโรงหนังอย่างนั้นล่ะ ท่าทางสบายใจไม่คิดถึงใจคนเครียดอยากรู้ตอนจบอย่างผมบ้างเลย!
“เอ้า อ้าม” ...ที่แท้ก็เนียนอยากป้อนกันนี่เอง ผมเหลือบมองนิฌานตาขวางที่หวานไม่รู้เวล่ำเวลา แต่สุดท้ายก็อ้าปากกินป๊อปคอร์นอย่างว่าง่าย
ก่อนจะเข้าเรื่องผมต้องเล่าให้ฟังก่อน ว่าหลังจากหัวหน้าองค์กรกับพระเอกไปเยี่ยมหลุมศพมิสเตอร์เอสด้วยกัน...ปรากฏว่าศพของมิสเตอร์เอสหายไป! หลุมนั้นถูกขุดลึก ไร้ร่างของเพื่อนสนิท พระเอกที่ยังคาใจกับการฆ่าหัวหน้าตำรวจจึงยิ่งโมโห สบโอกาสให้หัวหน้าองค์กรอย่างนิฌาน ซึ่งแอบติดต่อให้เหล่าสมาชิกที่เหลือรอดแอบไปขุดศพมาซ่อนนั้นใช้ความใจเย็นของความเป็นพี่ชายมิสเตอร์เอสช่วยคุมสถานการณ์
เรื่องราวเป็นไปอย่างลุ้นระทึก เพราะพระเอกแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ จนทำให้หลายๆ คนพากันผิดหวังเพราะสถานการณ์ช่างเข้าข้างตัวร้ายเหลือเกิน การสูญเสียติดต่อกันหลายครั้ง หลอกใช้ความเชื่อใจของผู้หญิงที่ช่วยชีวิต และการฆ่าผู้เคยมีพระคุณอย่างหัวหน้าตำรวจทำให้พระเอกขาดความเยือกเย็น เป็นที่ถกเถียงกันในโลกโซเชียลมากว่าสุดท้ายแล้วพระเอกจะโดนหัวหน้าองค์กรฉวยจังหวะนี้นำคนในก๊วน แล้วลวงออกมาฆ่าทีละคนหรือไม่
แต่อย่าดูถูกพระเอกหน่อยเลย!
“พี่ฌานๆ ผมว่าพระเอกต้องแกล้งหลุดเพื่อให้หัวหน้าองค์กรได้ใจแน่เลย!” ผมพูดกับนิฌานที่ไม่หือไม่อือ เพราะนักแสดงที่รู้ตอนจบแล้วอย่างเขา ขืนเล่าสปอยมีหวังโดนผมยันโครมแน่ๆ
“ว่าแล้วไง! พระเอกที่ผมชื่นชมตั้งแต่ซีซันหนึ่ง ถึงจะเสียใจแค่ไหนก็ไม่โดนตัวร้ายครอบงำง่ายๆ เด็ดขาด!” ผมตบเข่าฉาดเมื่อเรื่องราวดำเนินถึงตอนเฉลย คืออย่างนี้ครับ หลังพระเอกอยู่ในสภาพไม่สามารถนำทีมได้ ตัวร้ายก็เสนอแผนหาทางนำศพของมิสเตอร์เอสกลับคืน ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นกลลวง! กะจะแยกพระเอกกับพวกพ้องออกจากกันเพื่อลวงไปฆ่าอย่างที่หลายๆ คนคาดไว้!
แต่พระเอกรู้แต่แรกแล้ว! แสร้งทำทีเป็นไร้ภาวะผู้นำเพื่อให้ตัวร้ายดำเนินการตามแผนแล้วตลบหลัง! หวังจะจับไต๋ได้คาหนังคาเขา!!
“เธอพูดอะไรน่ะ” ตัวร้ายเอ่ยถามหลังพาพระเอกปลีกตัวจากคนอื่นๆ มายังท่าเรือยามกลางดึก เพราะกะจะฆ่าพระเอกทิ้งแล้วถ่วงน้ำให้หาศพไม่เจอ
“ฉันพูดว่า...ศพมิสเตอร์เอสไม่ได้อยู่ที่นี่ไงล่ะ คุณพี่ชายตัวปลอม”
“แต่สัญญาณติดตามตัวที่อยู่ในนาฬิกามิสเตอร์เอสบอกตำแหน่งว่าอยู่ในน้ำนะ! เธอรู้ได้ไงว่าไม่ใช่ ทั้งที่ยังไม่ได้ลงไปดูเลย”
“เพราะนั่นเป็นสัญญาณหลอก...เพื่อกระชากหน้ากากของแกยังไงล่ะ!”
พระเอกที่เป็นฝ่ายตามตัวร้ายมาตลอดพลันชักปืนขึ้นจ่ออย่างเยือกเย็นเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจ อย่าเพิ่งงงว่านาฬิกาที่ทั้งสองพูดถึงคืออะไร เพราะหลังศพมิสเตอร์เอสถูกนำไปซ่อน ธนัทก็บอกว่าก่อนฝังศพเพื่อนรักพวกเขาได้นำนาฬิกาเรือนหนึ่งใส่บนข้อมือของมิสเตอร์เอส เพราะกลัวว่าวันใดวันหนึ่ง องค์กรที่ยังลอยนวลอาจมายุ่งกับศพเพื่อนรักเพราะรู้ว่าพระเอกไม่มีวันยอมให้ใครรบกวนการหลับตลอดกาลของมิสเตอร์เอสเด็ดขาด
ต่อให้ต้องตามสุดล่าฟ้าเขียวก็ตาม!
พายเปิดหาตำแหน่งซ่อนศพของมิสเตอร์เอสทันที โดยที่ตัวร้ายอย่างหัวหน้าองค์กรบอกว่าทางนั้นต้องไม่รู้เรื่องสัญญาณนี้แน่ ฉะนั้นเราต้องรีบบุก โดยแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคอยบอกทิศทาง ส่วนกลุ่มสองพร้อมลุย เพราะยิ่งตาม สัญญาณก็ยิ่งห่าง จนสุดท้ายมาจมหายอยู่ใต้ทะเลซะงั้น
หัวหน้าองค์กรตั้งใจให้พระเอกงมหามิสเตอร์เอส เพราะถ้าเทียบฝีมือแบบตัวต่อตัว เขาย่อมไม่ใช่คู่มือพระเอก แต่ต่อให้เก่งกาจแค่ไหน ถ้าโดนลอบฆ่าจากในน้ำก็ไม่มีวันรอดแน่นอน
ส่วนพายและธนัท...ก็ให้ลูกน้องที่เหลือของตนไปจัดการ
กว่าจะได้รับความเชื่อใจจนพระเอกยอมตามมากันแค่สองคนนั้นช่างยากลำบากเหลือเกิน หัวหน้าองค์กรไม่ยอมพลาดโอกาสนี้แน่!
“สัญญาณหลอกอะไร”
“ถึงตอนนี้ยังไม่ยอมรับอีกหรือ ข้างใต้นี้ไม่มีร่างของมิสเตอร์เอส! เพราะนอกจากนาฬิกาแล้วพวกฉันยังใส่สัญญาณติดตามตัวอีกอย่าง”
พระเอกโยนโทรศัพท์ให้ตัวร้ายเปิดดู เพราะสิ่งที่ปรากฏนั้น...คือภาพถ่ายของธนัทและพายที่ทำทีเป็นเชื่อฟังให้พระเอกไปกับตัวร้าย แต่จริงๆ แล้วย่องไปหาสถานที่ซ่อนศพมิสเตอร์เอสตามสัญญาณที่แท้จริง แถมยังตลบหลัง จัดการสมาชิกองค์กรด้วยกับดักที่วางไว้อย่างรู้แกว
“เราเจอมิสเตอร์เอสแล้ว ฉะนั้นสัญญาณที่ปรากฏตอนนี้ ก็คือนาฬิกาเปล่าๆ ที่แกให้ลูกน้องถอดทิ้งเพื่อลวงฉันมาที่นี่! คนที่รู้เรื่องนาฬิกาก็มีแต่คนในกลุ่มเราเท่านั้น และการที่คนขององค์กรใช้แผนนี้ได้ แสดงว่าแกคือคนออกคำสั่ง!”
พระเอกเอ่ยปิดฉาก
“เช็กเมท”
สิ้นคำ พระเอกก็ลั่นไกก่อนที่หัวหน้าองค์กรจะชักปืนยิงโต้ ทุกอย่างพลิกกลับตาลปัตร จากที่ถือแต้มต่อกลายเป็นโดนต้อนเสียจนมุม ตัวร้ายกัดฟันกรอด เพราะมือขวาถูกยิงจนทะลุ ปืนที่เพิ่งคว้าไว้ตกกระแทกพื้น ซึ่งพระเอกก็รีบปราดเข้าไปใช้เท้าเตะทิ้งลงทะเลทันที
ใครเลยจะคิด ว่าองค์กรใต้ดินที่เก่งด้านวางแผนฆาตกรรมจะถูกถล่มด้วยน้ำมือของแฮกเกอร์คนหนึ่ง และหัวหน้าองค์กร จะต้องหนีตายกระเสือกกระสน ถูกไล่ต้อนจนมุมด้วยเพื่อนของแฮกเกอร์คนนั้น
“ถ้าเจอมิสเตอร์เอสในโลกหลังความตาย ฝากขอโทษด้วยล่ะที่ฉันทำให้เขาผิดหวัง ละทิ้งคุณธรรมเพื่อตามล่าพวกแกจนมือเปื้อนเลือดขนาดนี้” พระเอกเอ่ยขณะยิงขาขวาหัวหน้าองค์กรไม่ให้กระโจนลงน้ำเป็นการหลบหนี “แต่ไม่ต้องห่วงหรอก จบเรื่องนี้แล้วฉันจะไถ่โทษ เพราะมีแค่เรื่องนี้เท่านั้น...ที่ยกโทษให้ไม่ได้!”
“อั่ก!” ตัวร้ายถูกพระเอกยิงต่อที่ขาข้างซ้าย ทำให้ได้แต่กระเสือกกระสนด้วยความหวาดกลัวเพราะสีหน้าพระเอกนั้นไม่ต่างจากเพชฆาตที่พร้อมประหัตประหารไร้ความปรานี
“รู้สึกยังไงบ้างล่ะกับความตายที่ค่อยๆ คืบคลาน จำความรู้สึกนี้ให้ดี...เพราะเพื่อนฉันที่ถูกแกบีบบังคับให้ต้องตายก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน!” พระเอกลั่นไกอีกครั้ง คราวนี้ยิงเข้าที่แขนอีกข้างซึ่งยังพยายามไถตัวเองไปกับพื้น
“มิสเตอร์เอสล้มลงในอ้อมกอดของฉัน” พระเอกเอ่ยทั้งน้ำตา “มีแค่ภาพนั้น...ที่ไม่มีวันลืม”
ปืนถูกลั่นไกติดต่อกันหลายนัด
“เพื่อมิสเตอร์เอส” ก่อนจะเล็งที่กลางศีรษะ เมื่อพูดในสิ่งที่ต้องการจนหมดสิ้น ราวความอัดอั้นทั้งหมดที่เก็บกลั้นมาตลอดถูกคลี่คลาย พระเอกยิ้มทั้งน้ำตา“เพื่อเพื่อนรักของฉัน”
ปัง!
“เช็กเมท...”
พลันโฆษณาตัดอารมณ์ผมที่ยังอินจัดจนน้ำตาซึมตามอัครเดชไปด้วย ฉากนี้เต็มไปด้วยพลังการแสดงที่แฝงความรู้สึกมากมาย โดยเฉพาะตัวเอกที่ตลบหลังหัวหน้าองค์กรได้อย่างเฉียบขาด! ขณะเดียวกัน นิฌานเองก็แสดงบทบาทของหัวหน้าองค์กรที่สิ้นท่า ผู้ชักใยเบื้องหลังอย่างมั่นใจเกินร้อยแต่สุดท้ายกลัวความตายได้อย่างยอดเยี่ยม
“ทิชชูมั้ยครับน้องเจ”
หันมองคนข้างตัวที่เพิ่งโดนยิงดับในโทรทัศน์ แต่ยิ้มแป้นมองผมสะอื้นฮึกๆ อย่างชอบใจ อารมณ์หน่วงหนึบที่ติดมาจากซีรีส์ก็กลายเป็นความหมั่นไส้ ผมแย่งกล่องทิชชูมากอด หันหน้าหนีจากนิฌาน
“อะไรกัน งอนพี่เหรอครับน้องเจ พี่แสดงดีขนาดนี้ทำไมไม่ชมกันสักคำล่ะ”
“ฮึ่ม ซีรีส์ยังไม่จบ ผมยังชมพี่ฌานไม่ลงหรอก!” ผมพูดพลางจดจ่อกับโทรทัศน์อีกครั้ง เพราะนี่เป็นเบรกสุดท้ายก่อนเรื่องราวจะจบบริบูรณ์ ฉากตัดมาที่ภาพของพระเอกและเพื่อนๆ ยืนอยู่หน้าหลุมศพของมิสเตอร์เอสซึ่งซ่อมแซมให้เหมือนใหม่ราวไม่เคยถูกขุด
แต่ละคนพากันพูดทิ้งท้ายกับมิสเตอร์เอสคนละประโยคสองประโยค เพราะเมื่อนึกย้อนดูแล้ว นับตั้งแต่เปิดโปงองค์กร มิสเตอร์เอสถูกลักพาตัวไปล้างสมอง จนถึงตอนที่องค์กรล่มสลายแล้วถูกพวกเขาไล่ตาม เรื่องราวช่างมาไกลเกินเชื่อจริงๆ
พายเดินออกไปก่อน เพราะเขาและมิสเตอร์เอสไม่นับว่าเป็นพวกพ้องที่ดีต่อกันนัก ออกจะเป็นคู่แข่งที่ยอมรับนับถือเสียมากกว่า จากนั้นก็เป็นตาของธนัท ที่เมื่อพูดความในใจเสร็จก็ตบบ่าพระเอกเบาๆ ก่อนจะทิ้งให้พระเอกยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น...เนิ่นนาน
“ฉันถูกคุมความประพฤติล่ะ” พระเอกเอ่ยออกมาในที่สุด ใบหน้ายิ้มบาง แต่ดวงตาเศร้าโศก “เพราะฆ่าคนร้ายโดยเจตนาไม่ใช่การป้องกันตัว การวิสามัญนับเป็นความผิด แต่เพราะความดีความชอบตอนถล่มองค์กร ความเสียสละของนาย เปิดเผยสายในกรมตำรวจและจัดการสมาชิกที่เหลือขององค์กร โทษเลยเหลือแค่คุมความประพฤติ”
พระเอกเหลือบมองด้านหลัง ห่างออกไปนั้นคือตำรวจนอกเครื่องแบบที่จับจ้องตาไม่กะพริบ
เขาเงียบไปอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจเฮือก
“องค์กรที่พวกเราตามมาตลอดถูกทำลายแล้วนะ”
“พี่ชายตัวจริงของนายก็หาพบแล้ว เราจะทำพิธีฝังศพเขาอย่างดี ไม่ต้องห่วง”
“ฉันจะรอวันที่เราได้เล่นหมากรุกด้วยกัน”
“ฉะนั้นอย่าเพิ่งรีบไปเกิดใหม่ล่ะ ถึงจะนานไปสักนิด แต่รอฉันก่อนนะ...”
“____”
ชื่อมิสเตอร์เอสถูกเอ่ย แต่เป็นเพียงภาพการขยับปากของพระเอก ไร้เสียงเล็ดลอด เพื่อให้ชื่อนั้นเป็นเพียงความลับ และมีเพียงพระเอกเท่านั้นที่เรียกได้
พลันลมหนาวพัดผ่าน พร้อมกับร่างเลือนรางปรากฏข้างๆ อย่างเงียบงัน
“พี่ฌาน...นั่นมัน!”
“ใจเย็นๆ ก่อนน้องเจ จับไหล่หรือจิกไหล่พี่เนี่ย เนื้อจะหลุดแล้ว” นิฌานหน้าเหยเกเมื่อจู่ๆ ก็โดนปมตะปบไหล่อย่างตื่นเต้น เพราะเงาร่างนั้นคือ...มิสเตอร์เอส!
ไม่สิ วิญญาณมิสเตอร์เอสต่างหาก จิระปรากฏทั้งรอยยิ้มภูมิใจในตัวเพื่อนสนิท ราวต้องการแสดงว่าตลอดมาเพื่อนคนนี้ไม่เคยอยู่ห่างจากพระเอกเลย
“ฉันจะรอนาย”ผมน้ำตาแตกเมื่อวิญญาณมิสเตอร์เอสขยับปาก แม้ไม่มีเสียง แต่คนดูคาดเดาความหมายของประโยคนั้นได้ พระเอกเองก็คล้ายจะรับรู้ถึงคำตอบนั้น ถึงจะมองไม่เห็น แต่เผยยิ้มบาง
เพลงประจำตัวมิสเตอร์เอสของซีซันสองถูกเปิดขึ้นในตอนนี้
ซีรีส์เช็กเมทจบแล้ว แทนที่ด้วยมิวสิกวีดีโอที่ตัดต่อภาพตั้งแต่ซีซันแรกจนถึงซีซันสุดท้าย ผมน้ำตาไหลพรากๆ ทั้งซึ้ง ทั้งใจหาย เพราะซีรีส์สุดโปรดจบ เท่ากับว่าวันเสาร์อาทิตย์หลังจากนี้ไม่มีเรื่องต้องรอดูแล้ว!
ใจหาย ใจหายสุดๆ เลย
ผมดึงทิชชูเช็ดน้ำตาอย่างอินจัด คลับคล้ายว่าจะลืมอะไรไป...
พลันนิฌานจิ้มนิ้วกับต้นแขนผมเบาๆ เหมือนขออนุญาตแตะตัว
...อ้อ ลืมแฟนนี่เอง“พี่ฌานทำอะไรน่ะ”
“พี่อยากกอดปลอบ แต่กลัวโดนผลักออก เลยจิ้มพิสูจน์อารมณ์น้องเจก่อน”
บ้าบออะไรเนี่ย ผมจะขำก็ขำไม่ออกกับหน้าตาจริงจังของเขา เลยซุกหน้ากับไหล่แฟน ไถไปไถมาเช็ดน้ำตาซะเลย
“ซีรีส์จบแล้ว ไหนคำชมพี่ล่ะครับ”
“พี่ฌานแสดงเก่งมาก” ผมชมด้วยเสียงอู้อี้เพราะยังซุกหน้ากับไหล่เขา “แต่...”
“แต่อะไรพูดมาเถอะน้องเจ พี่รับได้”
“แต่...ด้วยบทแล้วผมว่าหวังรางวัลยาก” ผมเอ่ยตามความจริง เงยมองนิฌานที่โอบเอวผมหลวมๆ “ตอนจบผู้กำกับเน้นไปที่อารมณ์ความรู้สึกพระเอกมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้ฉากการตายของหัวหน้าองค์กรไม่โหดเกินไป และบิ้วอารมณ์ไปยันฉากสุดท้ายที่ทำผมน้ำตาแตกได้”
นิฌานพยักหน้ารับหงึกๆ
“รางวัลนักแสดงสมทบอย่างน้อยต้องติดตาตรึงใจคนดู เหมือนที่จิระได้รางวัลตอนซีซันสอง แม้ตายแต่ก็ตายอย่างน่าจดจำและสะเทือนอารมณ์ แต่บทของพี่ฌานแม้จะมีความลึกลับซับซ้อน แต่ตอนจบกลับตายอย่างไม่ค่อยน่าจดจำ ออกไปทางสะใจและซึ้งกับพระเอกมากกว่า เทียบกันแล้ว...ยังมีละครหลายเรื่องที่บทนักแสดงสมทบบีบหัวใจกว่านี้มาก...” พูดจบ ผมก็มองสีหน้าแฟนอย่างเห็นใจเพราะเขาทุ่มเทกับซีรีส์เรื่องนี้ไปไม่น้อยแถมยังเฝ้ารอการเข้ากองอย่างตื่นเต้นดีใจ เรียกคืนความรู้สึกสมัยเข้าวงการแรกๆ ให้กลับมารักการแสดงอีกครั้ง
“ทำไมมองหน้าพี่อย่างนั้นล่ะน้องเจ พี่ไม่เป็นไร อันที่จริงตอนถ่ายก็พอเดาได้อยู่แล้วล่ะ พี่คาดหวังกับเรื่องนี้ ถ้าได้รางวัลก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ยอมรับ เพราะพี่แสดงสุดความสามารถแล้ว แต่บางที ความสามารถอย่างเดียวก็ใช้ตัดสินไม่ได้ ต้องดูที่บทและองค์ประกอบอย่างอื่นด้วย” นิฌานโคลงศีรษะ “อีกอย่าง พี่รับเล่นเรื่องนี้เพราะน้องเจ แค่น้องเจชมว่าพี่ฌานเก่งมาก เก่งสุดๆ เก่งจนหลงรักหัวปักหัวปำ พี่ก็ถือว่าได้รางวัลตอบแทนที่คุ้มค่าแล้วล่ะครับ”
พูดจบนิฌานก็มองผมตาแป๋วอย่างแสร้งใสซื่อแบบโคตรกดดัน
“ผมต้องพูดจริงอ่ะ”
“น้องเจไม่ให้รางวัลพี่หน่อยเหรอครับ พี่ฌานคนนี้ตั้งใจมากเลยนะ” นิฌานเริ่มงอแง เบะปาก มองผมตาปรอย ถ้าเบ้าหน้าไม่ดีจริงจะแสลงตามากนะเนี่ย
“พี่ฌานเก่งมาก เก่งสุดๆ” ผมถอนหายใจเฮือกก่อนจะยอมชมด้วยเสียงไร้อารมณ์ “เก่งจนหลงหัวปักหัวปำเลยครับ”
“ความจริงใจอยู่ตรงไหนครับน้องเจ” นิฌานหรี่ตาจับผิดกับการฝืนพูดนั้น
“ความจริงใจของผมก็อยู่ตรงนี้”
ผมจิ้มอกตัวเอง
“ส่วนความรักของผมก็อยู่ตรงนี้...ไงครับ”
ก่อนจะจิ้มใส่อกอีกฝ่าย วินาทีนั้นนิฌานคล้ายระเบิดตัวปุ้ง! รวบเอวผมไปกอดแน่นกว่าเดิมอย่างแทบจะอดใจรักผมมากไปกว่านี้ไม่ไหวแล้ว
ผมหัวเราะฮิฮะ ตีแขนเขาเบาๆ ก่อนจะโดนกอดแน่นจนไส้ทะลัก แล้วค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งบนตักนิฌาน เปิดโทรทัศน์เปลี่ยนช่องดูละครเรื่องอื่นอย่างอารมณ์ดี
“ช่วงนี้พี่เริ่มว่างแล้ว เราไปเดตกันมั้ย” นิฌานกอดเอวผมไม่ปล่อย
“เดต? พี่เนี่ยนะจะเดตกับผม อยากเป็นข่าวเหรอครับ” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ สำหรับนายเจตรินที่ไม่ถนัดเรื่องรัก งกเงินเป็นที่สุด การเดต...คือความสิ้นเปลือง
ผมเป็นเด็กติดบ้าน ติดครอบครัว ติดแฟนจริงๆ นั่นแหละ แค่อยู่ด้วยกันอย่างนี้ก็พอใจแล้ว สังคมแคบสุดๆ แถมยังขี้ระแวง กลัวเป็นข่าวดังขึ้นมา!
“งั้นเปิดตัวซะดีมั้ย” นิฌานยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฝันอยู่เหรอพี่ฌาน” ผมเหลือบมองด้วยหางตา
“ฝันอะไรครับน้องเจ สมัยนี้เปิดกว้างกันแล้วนะ ดูอย่างคู่เตโชจิระสิ ยังเปิดตัวว่าเป็นแฟนกันเลย”
“พี่ฌาน” ผมวางรีโมต ก่อนจะกอดอกคิ้วขมวดเงยมองเขาอย่างเคร่งเครียด “ผมเกลียดความวุ่นวายพี่ก็รู้ ขืนเปิดตัว คนที่โดนเพ่งเล็งคือผมมากกว่าพี่น่ะสิ! ยิ่งคบเพศเดียวกันด้วยแล้วยิ่งโดนแอนตี้นัก คู่เตโชจิระนั้นดีหน่อย คนหนึ่งก็มึนไม่สนโลก อีกคนก็มีข่าวฉาวจนชินชา เลยพากันไม่สนใจกระแสเน้นผลงานเป็นหลัก แต่ผมน่ะ...ไม่เหมือนกันนะ ผมเป็นคนธรรมดานะครับ! แถมยังเป็นนักศึกษาเฟรชชี่กำลังเอ๊าะๆ เลยด้วย!”
ยิ่งพูดผมก็ยิ่งคิดไกล ประสาทเสียจนแทบนั่งไม่ติดที่
“ต้องมีการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนเหมือนในละครแน่ๆ! คนธรรมดาที่คบกับดาราดังน่ะถูกหมายหัวทุกรายเลย ติ๋มก็จะโดนลูกหลง ถูกขังอยู่ในห้องน้ำ...”
“น้องเจครับ สติอยู่ไหนเอ่ย ยู้ฮู”
“แล้วก็จะมีคนดักรอหน้ามหาลัย หน้าบ้าน มีนักข่าวรอสัมภาษณ์ การเรียนไม่เป็นสุข พี่รหัสไม่คบหา ยิ่งตอนนี้พี่ฌานกำลังเป็นที่พูดถึงในเช็กเมท ยิ่งไม่เหมาะไม่ควรเลย ไม่มีทางเด็ดขาด!!”
“พี่เชื่อแล้วว่าน้องเจเป็นน้องชายจิตรินจริงๆ คนหนึ่งเดินเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ อีกคนก็ไล่เผาทุ่งลาเวนเดอร์ซะเหี้ยน” นิฌานมองผมด้วยสายตาอาดูร
“หรือไม่จริงครับ พี่ฌานกล้ารับปากรึเปล่าล่ะว่าถ้าเปิดตัวขึ้นมาผมจะไม่ได้รับผลกระทบในแง่ร้ายอะไรเลย”
“เอ่อ...พี่ไม่กล้ารับปากหรอก”
“เห็นมั้ยครับ ถึงผมจะคิดเยอะแต่ก็มีเค้าความจริงนะ! ตอนรักกันก็อยู่กันแค่สองคน ทำไมพอคบกันต้องป่าวประกาศให้คนรู้ทั้งประเทศด้วยล่ะ ไม่เอาหรอก ฮึ่ม!”
“โอเคครับ ไม่เอาก็ไม่เอา ไม่โกรธกันเนอะ ดีกันนะครับ” นิฌานชูนิ้วก้อย
“ผมไม่ได้โกรธพี่ฌานสักหน่อย แค่แจกแจงให้ฟังต่างหาก” ผมอธิบาย ซึ่งนิฌานก็พยักหน้าไม่โต้เถียง ถึงจะรับฟังทุกอย่าง แต่ไหงดูเศร้าๆ ชอบกล
ไม่ใช่เสียใจ แต่เสียดาย...
“อดอวดทุกคนว่าได้ควงน้องเจเลย กระซิก”
“สำออยแล้วครับพี่ฌาน!” ผมเหวลั่นอย่างอดไม่ได้
“ไม่ขึ้นเสียงสิครับ” นิฌานเอ็ดผมแบบไม่จริงจังนัก “งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน ไม่เปิดตัวก็ไม่เปิดตัว แต่อย่างน้อยเราต้องเดตกันนะ”
เกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย ขนาดผมเรียนแกตเชื่อมโยงยังแถได้ไม่เท่าเขาเลย!
“หรือแค่เดตน้องเจก็ไม่ยอมเหรอครับ” นิฌานทำเสียงสลด หน้าก็สลด หางตาตก บรรยากาศหม่นเศร้า คะแนนเต็มร้อยให้ล้าน สมเป็นนักแสดงจริงๆ
“ถ้าจะเดตล่ะก็...” ผมลังเล “ดูหนังรอบดึกดีมั้ยครับ เอาวันธรรมดาก็พอไม่ต้องวันหยุดหรอก คนจะได้ไม่เยอะมาก พี่ก็ไม่ต้องปลอมตัวเยอะด้วย”
“ดีครับดี!” นิฌานหอมหัวผมดังฟอด “น้องเจของพี่น่ารักที่สุดเลย!”
“น่ารักแล้วก็ช่วยคุมตัวเองด้วยครับ ไอ้แท่งแข็งๆ ที่ทิ่มก้นผมน่ะ บอกให้มันสงบๆ หน่อย!”
“แหม ก็พี่ปึ๋งปั๋งเตะปี๊บดังนี่ครับ”
“มือขวาโลกสวยครับพี่ฌาน ปฏิบัติ!”
----------------
และแล้วซีรีส์เช็กเมทก็จบลง ขอบคุณทุกการสนับสนุนนะคะ เรารักเรื่องนี้มากๆ แต่งด้วยอารมณ์อยากเห็นซีรีส์แนวๆ นี้ในประเทศไทยล้วนๆ แม้ในเรื่องของน้องเจจะพูดถึงไม่เยอะ เพราะไม่ได้แสดงเองจนเข้าถึงบทบาทเหมือนเรื่องก่อนๆ แต่ก็ถือเป็นอีกมุมมองของติ่งนะคะ เราเองก็ไม่กล้าลงรายละเอียดเยอะ กลัวจะเบื่อซะก่อน พยายามให้น้องเล่ารวบๆ แล้วเน้นซีนอารมณ์ที่หลายคนน่าจะรอคอยมากกว่า
แต่ถึงเช็กเมทจะจบ ก็อย่าลืมติดตามน้องเจกับพี่ฌานต่อนะคะ ส่วนพี่ฌานจะได้กินตอนไหน ขอแง้มว่าอีกไม่นาน เพราะเรื่องนี้ก็ใกล้จะจบตามรอยเช็กเมทแล้วค่า
#น้องเจที่น่าลัก
เพจนักเขียนที่หมั่นไส้คนอยากอวดน้อง