ตอนที่ 23 : เกาะกลางทะเล
แม่นิฌานทักแชทผมก่อนอีกแล้ว
แถมยังถ่ายรูปหน้าเฟซของนิฌานที่ลงคลิปวีดีโอการไล่ล่าคนร้ายส่งมาอีกต่างหาก สงสัยจะเป็นห่วงที่ลูกชายตัวเองโดนไข่ไก่ทำร้ายละมั้ง ผมรีบเลือกรูปที่พอดูได้ในงานวันนั้นส่งไปพร้อมข้อความประกอบว่าลูกชายของเธอสุขภาพจิตดีเยี่ยมมาก อย่าได้กังวลเลย
แต่แล้วแม่นิฌานก็ส่งสติกเกอร์โกรธ
...เธอโกรธคนร้ายที่เทไข่ไก่ใส่ลูกชายขนาดนั้นเลย!
“พี่ฌานๆ ดูนี่สิ” ผมดีใจกับความเปลี่ยนแปลงนี้มาก สะกิดเรียกนิฌานที่นั่งกินข้าวอยู่ตรงข้ามกันให้มองหน้าจอ พลันคนที่มักขมวดคิ้วไม่ค่อยเห็นด้วยแต่จำใจยอมอย่างเขาก็หลุดยิ้ม ฮั่นแน่ ดีใจที่แม่เป็นห่วงก็บอกมา
“น้องเจอ่านให้จบก่อนสิครับ”
นิฌานจับมือผมให้หันหน้าจอเข้าหาตัวเอง และก็ทำให้เห็น...ว่าต่อจากสติกเกอร์โกรธ คือข้อความถามอย่างห่วงใยว่า
- เจปลอดภัยใช่มั้ยลูก -
เอ๊ะ...ผมเป็นลูกชายของเธอ หรือนิฌานกันแน่
ผมกะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง แต่สุดท้ายก็ยอมพิมพ์เล่าเรื่องทั้งหมด เหมือนจะเดจาวูชอบกล เพราะผมก็เพิ่งอธิบายกับแม่ตัวเองสดๆ ร้อนๆ เมื่อเย็นวานนี่เอง ขนาดเห็นแค่วีดีโอที่ผมถ่ายหลังคนร้ายวิ่งหนีอยู่ลิบๆ ในลานจอดรถยังซักไซ้กันจนเหงื่อตก ต้องยืนยันแล้วยืนยันอีกว่าปลอดภัยดีครบสามสิบสอง ไม่ได้บ้าบิ่นขนาดวิ่งไล่ตามถึงวางใจ
เอ่อ...ถึงแม้จะยอมหยุดเอาตอนเกือบโดนชนไปสองครั้งก็ตาม
ต้องขอบคุณที่นิฌานทำตามคำขอ ยอมเก็บคลิปจากกล้องวงจรปิดตรงลานจอดรถเป็นความลับ แล้วให้ผมโพสภาพ วีดีโอที่ถ่ายเอง และวีดีโอตอนช่วงคนร้ายเทไข่ลงโซเชียลเพื่อขอให้คนแจ้งเบาะแสตัวการ
ก็ไม่อยากทำเป็นเรื่องใหญ่หรอกนะครับ แต่แจ้งตำรวจไปดันไม่มีความคืบหน้าเลยนี่สิ!
สุดท้ายเลยขอความร่วมมือทางโซเชียล และหวังว่าคนร้ายคนนั้นจะตกใจ ไม่กล้าทำอะไรแผลงๆ กลางที่สาธารณะอีกก็แล้วกัน
พิมพ์เล่าจนจบ แม่นิฌานก็นิ่งเงียบไม่ตอบคำ ผมรู้สึกเหมือนมีชนักติดหลังอย่างบอกไม่ถูก เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง ถือโอกาส...
- พี่ฌานบังคับผมกินผัก! –
ฟ้องซะเลย!
ฮึ่ม นึกแล้วก็โมโห ผมยกโทรศัพท์ถ่ายภาพนิฌานที่กำลังเขี่ยผักใส่จานของผมพอดีเป็นหลักฐาน ปกติคนคนนี้ตามใจผมจะตายไป แต่ไม่รู้นึกคึกอะไรขึ้นมา ถึงได้งัดข้อกันแต่เช้า
- ผมเขี่ยออกแล้วแท้ๆ แต่แกล้งเขี่ยกลับมาอีก ใจร้าย! -
พอได้ฟ้องก็รู้สึกเหมือนทวงความยุติธรรมสำเร็จชอบกล ผมยิ้มกริ่ม เตรียมหากำลังเสริมโต้เถียงกับนิฌาน แต่ผลที่ได้รับหลังแม่ของเขาเงียบหายไป...กลับเป็น...บทความว่าผักมีสารอาหาร! ยาวเยียดแทบเป็นวิทยานิพนธ์!
ผมถือโทรศัพท์ค้างทันที
“น้องเจ?”
คนที่สนุกกับการเขี่ยผักเข้าจานผมถามอย่างงุนงงเมื่อจู่ๆ ผมก็ยิ้มแต่อีกเดี๋ยวก็หน้าบึ้ง เพื่อความแน่นแฟ้นของตระกูลชาญชัย ผมเลยยอมหันหน้าจอให้เขาอ่าน
“ในที่สุดก็มีเรื่องที่แม่กับพี่ความเห็นตรงกันสักที” นิฌานยิ้มขำ “มาครับน้องเจ อ้าม”
นิฌานเห็นผมอิดออดเลยใช้ส้อมจิ้มคะน้าจ่อปากผม ฮึ่ย ผมเกลียดคะน้าที่สุด ก้านก็แข็งแถมยังขมจะตาย แต่พอเห็นนิฌานแย่งโทรศัพท์ไปกดอัดวีดีโอ บอกว่าจะส่งไปอวดแม่ตัวเอง ในฐานะของสะพานเชื่อมที่ดี เห็นเขายอมคุยกับผู้ให้กำเนิดครั้งแรกเลยยอมอ้าปาก
“เด็กดี” นิฌานลูบหัวผมสามทีเป็นรางวัล “พี่ส่งคลิปเมื่อกี้ให้แม่น้องเจแล้วก็แม่พี่ด้วยนะ”
ค่อยคุ้มกับที่ยอมกินผักหน่อย! ผมรีบรับโทรศัพท์มาดูผลตอบรับ เชื่อว่าจะต้องได้รับคำชมบ้างล่ะน่า
ปรากฏว่าคนแรกชมนิฌานว่าเก่งมากที่ทำให้ผมยอมกินผัก
ส่วนคนหลังส่งกลับมาว่าผมเก่งมากที่กินผัก
...ใครเป็นแม่ใครกันแน่นะผมเริ่มงงแล้ว!
พักเรื่องผักๆ กลับมาสู่เช็กเมทกันดีกว่า
“ใครวางสคริปท์ไว้ตรงเก้าอี้แล้วไม่หาอะไรทับเนี่ย ลมพัดปลิวไปแล้ว!”
“ผมเก็บเองครับ!”
อะแฮ่ม ยินดีต้อนรับสู่การออกกองนอกสถานที่ครับ เปิดประเดิมกันด้วยภาพผมที่รีบวิ่งไปเก็บสคริปท์ก่อนจะโดนพัดปลิวตกน้ำจนหอบเหนื่อย ตามด้วยการวิ่งไปช่วยจับไฟ ประคองเสาเต็นท์ และอีกสารพัดอย่างเนื่องจากโลเคชั่นครั้งนี้ค่อนข้างโหด
เพราะมันคือเกาะกลางทะเล!
แน่นอนว่าในเมื่อต้องนั่งรถ ต่อเรือ ข้ามมาถ่ายทำบนเกาะ แต่ละคนย่อมแบกสัมภาระมาด้วยอีกคนละหนึ่งกระเป๋า เพราะกำหนดการคือต้องค้างหนึ่งคืน นักแสดงนำที่ต้องร่วมทริปทรหดครั้งนี้หากไม่นับนิฌานแล้วก็มีพาย ธนัท และอีกหนึ่งนักแสดงสมทบ สาเหตุที่ไม่มีอัครเดช เพราะตามเนื้อเรื่องหลังถูกจู่โจมไม่ทันตั้งตัวหลายครั้ง ทำลายแหล่งกบด่านหลายครา พระเอกที่อ่อนล้าทั้งกายและใจก็โดนยิงสีข้าง เสี้ยวนาทีนั้นพี่ชายมิสเตอร์เอสช่วยประคองฝ่ากระสุนปืนเฉียดความตายอย่างหวุดหวิด สร้างความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
และในช่วงที่จนทางตัน...ลูกสาวของคุณหัวหน้าตำรวจก็ยื่นมือช่วยเหลือ!
นี่มันโรมิโอกับจูเลียตชัดๆ! ลูกสาวของคุณตำรวจคนนั้นชอบอัครเดชตั้งแต่ซีซันหนึ่ง เพราะพระเอกช่วยไขคดีมากมาย แอบชอบอยู่ห่างๆ แบบห่วงๆ แต่ในซีซันสุดท้ายกลับกล้าให้ที่พักรักษาตัว ซ่อนพระเอกใต้จมูกของพ่อ
พวกพระเอกเข้าใจว่าตำรวจที่ไล่ล่ามาตลอดนั้นไม่กล้าทำร้ายลูกสาวของผู้บังคับบัญชาจึงหยุดจู่โจมชั่วคราว แต่ความเป็นจริงนั้น...มา ผมจะเล่าให้ฟัง!
เรื่องของเรื่องคือลูกน้องแสนจงรักของหัวหน้าองค์กรจากเดิมเหลือไม่ถึงสิบ ตอนนี้ล้มหายตายจากจนไม่ถึงห้าคนแล้ว! ด้วยจำนวนแสนน้อยนิด การโจมตีล่าสุดที่พระเอกถูกยิง นิฌานจึงแอบทำสัญญาณมือให้หยุดการบุก เพราะเมื่อได้รับความเชื่อใจมากพอ ก็ไม่มีเหตุผลต้องปลอมตัวใส่ร้ายป้ายสีบั่นทอนกำลังพลตัวเองอีก!
สรุปแล้วตอนนี้พระเอกนั้นสบายสุด เพราะได้นอนตักสาว มีคนช่วยดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำบรรยากาศสีชมพู ขณะที่พวกนิฌาน ธนัท และพายนั้นต้องขับเคี่ยวกับพวกตำรวจต่อ ในเมื่อพวกเขาตามข้อมูลของสมาชิกองค์กรที่หลบหนีได้สำเร็จ!
จะบอกว่าสำเร็จก็ไม่ถูกในเมื่อตัวนิฌานแสร้งแฮกข้อมูลสืบว่าทางตำรวจกำลังรวมคนไปทางเกาะๆ หนึ่งอย่างน่าสงสัย จึงเป็นที่มาว่าทำไมทั้งสามคนถึงได้ทิ้งพระเอกไว้กับตัวละครหญิง แล้วนั่งเรือข้ามน้ำข้ามทะเลมายังเกาะที่ว่า!
แต่สายเกินไป...
เพราะคนคนนั้นถูกฆ่าตายแล้ว!
“เป็นพวกเดียวกันแท้ๆ ทำไมถึงได้ฆ่าทิ้งซะล่ะ” ธนัทเอ่ยขณะก้มตัวสำรวจศพซึ่งถูกยิงหลายนัดจนเสียชีวิตคาที่กลางบังกะโลเก่าโทรม
“ฆ่าปิดปากไงล่ะ ตามล่าพวกเราไม่ได้เลยรีบกำจัดของร้อนในมือก่อนโดนสาวถึงตัว” นิฌานว่าอย่างเจ็บใจ ทำให้ธนัทหลงเชื่อเข้าเต็มเปาเพราะทุกอย่างช่างประจวบเหมาะ แต่ในความเป็นจริง หัวหน้าองค์กรเองก็คาดไม่ถึงว่าจะถูกฆ่าปิดปากไวขนาดนี้ จากสภาพศพ น่าจะเสียชีวิตมาหลายวันแล้ว คาดไม่ถึงว่าข้ออ้างปลอมๆ อย่างตำรวจรู้ที่ซ่อนจะเป็นความจริง
จึงไม่แปลกหากนิฌานแสดงความเจ็บใจออกมาอย่างเปิดเผยผิดวิสัยของพี่ชายมิสเตอร์เอส
แผนเดิมคืออะไรน่ะเหรอ คือการให้คนคนนี้หลบซ่อนตัว จนถึงเวลาที่เหมาะสม...อย่างเช่นในตอนนี้ พวกเขาจะบุกจับกุม แล้วให้สมาชิกคนนี้สารภาพด้วยคำโกหก ป้ายสีว่าหัวหน้าตำรวจคือหัวหน้าองค์กร
และเมื่อกำจัดเสี้ยนหนามได้สำเร็จ หัวหน้าองค์กรตัวจริงอย่างเขาก็จะเป็นอิสระ เป็นฝ่ายลอยตัว คิดจะตลบหลังพลิกลิ้นเมื่อไรก็ง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ!
“ถึงจะสายเกินไป...แต่เราแยกย้ายกันค้นดูเถอะ เผื่อจะเจอเบาะแสถึงสมาชิกคนอื่นๆ ไม่ก็หลักฐานเอาผิดหัวหน้าตำรวจ” ธนัทออกความเห็น ก่อนจะพากันแยกย้ายรื้อค้น ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่นาน เพราะบังกะโลแห่งนี้ค่อนข้างเล็ก เครื่องเรือนน้อยนิด ขนาดที่นอนยังไม่มี เป็นเพียงผ้าปูกับพื้นเท่านั้น
พายหาโทรศัพท์เจอเป็นอย่างแรก แฮกเกอร์จึงเจาะรหัสผ่านอีเมลทันที รวมทั้งตรวจดูการโทรเข้าออกด้วย นิฌานลอบยิ้มกริ่มในใจ หวังว่าต่อให้ตายไปแล้วลูกน้องจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง
“เจอแล้ว! อีเมลโต้ตอบกับหัวหน้าตำรวจ!!” พายร้องอย่างดีใจ ด้วยหลักฐานนี้สามารถเอาผิดจนโดนพิจารณาโทษถูกไล่ออกจากราชการ
“แบคอัพไฟล์ให้ดี” ธนัทย้ำเตือน “ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี ทำไมพวกนั้นไม่ทำลายโทรศัพท์ทิ้ง เว้นแต่ว่า...”
นิฌานใจหายวาบ ตะโกนลั่น “เขวี้ยงทิ้งเดี๋ยวนี้!”
ไม่ต้องรอให้นิฌานเตือนซ้ำ พายที่รู้สึกว่าโทรศัพท์ร้อนแปลกๆ ก็รีบโยนของในมือออกนอกหน้าต่าง เมื่อกระแทกพื้นทรายก็เกิดเป็นระเบิดลูกใหญ่จนผืนน้ำแตกกระเซ็น เอฟเฟคนี้อลังการงานสร้างแถมยังเสียงดังกัมปนาทเพราะทั้งน้ำทั้งทรายพลิกตลบกลายเป็นภาพสุดตื่นตา
แต่เล่นเอาผมหูอื้อ
แล้วนักแสดงที่อยู่ใกล้จะเหลือเหรอ
ธนัท นิฌาน พายถึงกับยกมือขอพักชั่วคราวด้วยสีหน้าซีดเผือดอย่างตกใจ
“โทษที กลัวภาพจะออกมาไม่สวยเลยเผลอใส่ระเบิดเยอะไปหน่อยน่ะ” ฝ่ายเอฟเฟครีบยกมือขอโทษขอโพยนักแสดงทันที จะโทษเขาคนนี้ก็ไม่ได้เพราะก่อนจะกดชนวน ผู้กำกับย้ำแล้วย้ำอีกว่าขอให้ออกมาดีในเทคเดียว
เหล่านักแสดงยิ้มเจื่อน ต้องพักอยู่นานกว่าจะพูดคุยสื่อสารกันไม่ติดขัด การถ่ายทำต่อจากนั้นคือฉากที่ธนัทเดินไปเขี่ยดูซากโทรศัพท์พร้อมส่ายหน้าว่าเละตุ้มเป๊ะแบบนี้คงกู้ข้อมูลอะไรไม่ได้แล้ว
“แบคอัพทันมั้ย...”
พายส่ายหน้า พอรู้สึกว่าเครื่องร้อนก็รีบโยนทิ้ง จะแบคอัพทันได้ยังไง
สองหนุ่มมองหน้าอย่างสิ้นหวัง ส่วนนิฌานซึ่งรอดตายหวุดหวิดเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ อยู่ดีไม่ว่าดี เกือบต้องมาตายเพราะคนทรยศเข้าจริงๆ! แม้ฝ่ายนั้นไม่รู้ว่าเป็นเขาก็เถอะ แต่ถ้าโดนลูกหลงจากการเนียนเข้าหาแก๊งพระเอกคงขำไม่ออก!
ฉากสุดท้ายท้ายสุด คือการขุดหลุมฝังศพในป่า เพราะแม้จะเป็นศัตรูกัน แต่ในเมื่อตายไปแล้วก็ไม่มีเหตุให้ต้องแค้นเคือง ธนัทมีน้ำใจมากพอแม้ตอนแรกพายจะคัดค้าน
นิฌานเองก็ให้ความร่วมมือ แม้ไม่ห่วงชีวิตลูกน้องนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นหนึ่งในผู้จงรักภักดี
จะเสียก็แต่...แผนการที่วางไว้อย่างดิบดีเริ่มตีรวน
นับจากนี้เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว!
“คัต”
สิ้นเสียงเลิกกองจากผู้กำกับ ทีมงานทุกคนก็ร้องเฮลั่นเหมือนผีบ้า ถึงกับถอดเสื้อทิ้งกับพื้นแล้วเฮโลกันลงทะเล ขนาดผู้กำกับก็ไม่เว้น! แม้พระอาทิตย์จะตกดินไปแล้วเพราะต้องถ่ายทำซ้ำหลายมุมกว่าจะเลิกกอง แต่ชาวเช็กเมทไม่สนใจ ลมจะหนาวสักแค่ไหนก็ขอแค่ได้เล่นสักครั้ง
ก็ที่ผ่านมาเครียดเกินไปแล้ว! เรื่องราวที่ถ่ายทำก็เครียดจนสมองปูดบวม! ต้องการระบาย ต้องการความผ่อนคลายกันสักที!
ผมเองก็โดนลากลงทะเลกับเขาด้วย หน่วยกล้าตายไม่ใช่ใครที่ไหน ก็นิฌานที่ถอดเสื้อโชว์ซิกแพค จับผมอุ้มโยนลงทะเลนี่ไง ฮึ่ม ผมเงยหน้าพรวดจากน้ำ ขมวดคิ้วมองเขาอย่างเคืองๆ แต่พอเห็นข้างๆ เป็นธนัทที่ส่งยิ้มขันให้ ก็สลัดความขุ่นหมองในใจทิ้ง ได้เล่นทะเลกับเหล่านักแสดงนำเช็กเมท ยิ่งกว่าถูกหวยอีกเจตริน!
“น้องเจไม่สนใจพี่เลย”
คนหวังดีช่วยจับโยนกลางกลุ่มนักแสดงทำหน้างอน ผมเลยซัดน้ำใส่เขาเป็นการแก้แค้น นิฌานถือโอกาสหลบหลังธนัทกับพาย เล่นเอาผมยืนนิ่งหน้าแดงก่ำไม่กล้าประทุษร้ายก๊วนพระเอกในดวงใจ
นิฌานกับธนัทหัวเราะลั่น สุดท้ายก็กลายเป็นเล่นลิงชิงบอลกัน ผมหัวเราะเริงร่าโดยมีใครอีกคนยิ้มตามไม่หุบเป็นฉากหลัง เพราะนิฌานรู้ว่าการได้เล่นเฮฮากับกลุ่มนักแสดงนั้นหายาก จึงอยากให้ผมรีบกอบรีบโกยโดยมีเขาเป็นตัวกลางช่วยสานสัมพันธ์
ตกดึก ลมเริ่มหนาวบาดผิว สุดท้ายก็เป็นผู้กำกับที่ไล่ให้ทุกคนกลับห้องก่อนจะป่วยกันยกกอง แม้ฉากที่ถ่ายทำจะจัดให้เหมือนเกาะร้าง แต่ความจริงแล้วเป็นเกาะสำหรับท่องเที่ยวที่มีบ้านพักเป็นบังกะโล โดยให้นักแสดงนำพักแยกกันบ้านละสองคนหลังหนึ่ง สามคนหลังหนึ่ง ส่วนทีมงานก็พักรวมกันหลังใหญ่เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
ธนัท พาย กับนักแสดงรับเชิญที่เพิ่งถูกฆ่าพักด้วยกัน ส่วนนิฌานก็พักกับผม ผู้จัดการเพียงคนเดียวที่ติดสอยห้อยตามมาด้วย
การถ่ายทำนอกสถานที่ที่ต้องนั่งรถ ลงเรือ แล้วมาพักค้างคืน คนจำนวนยิ่งน้อยยิ่งประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ไม่รู้ว่านิฌานใช้อภินิหารอะไร หรือเพราะผมคล้ายจะเป็นเด็กเส้นของจอมมาร คนในกองจึงต้อนรับอย่างยินดี
หลังแยกย้ายกันอาบน้ำ เหล่ากลุ่มชายฉกรรจ์ก็มารวมตัวอีกครั้งกลางหาด แน่นอนว่าย่อมไม่พ้น...วงเหล้า!
ทีมงานดื่มเหล้าสนุกสนาน ขณะที่นักแสดงเพียงนั่งจิบ เลยมีผมคนเดียวที่พอมีสติคอยคุมเตาปิ้งบาร์บีคิว ส่วนนิฌาน...
“น้องเจ ยิ้มหน่อย”
ตามถ่ายรูปผมไม่หยุด! เขาดูชอบผมในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นมากนะเนี่ย
“พี่ฌานไม่ไปดื่มกับคนอื่นเหรอ” ผมถามอย่างประหลาดใจ คนชอบปาร์ตี้สังสรรค์อย่างเขาแม้จะห่างเหินมานานแต่น่าจะรีบปรี่เข้าไปคนแรกถึงจะถูก
“ไม่ล่ะ พี่กลัวน้องเจเหงา ก็น้องเจถือศีลห้า ไม่ดื่มเหล้าใช่มั้ยครับ”
ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก แม้อดคิดในใจไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้ผิดข้อมุสามาตลอด แต่พอเลิกเป็นสายลับ ผมก็เป็นเด็กเปี่ยมบุญ จิตใจผ่องใส
พูดถึงแม่นิฌาน วันนี้เป็นวันแรกที่ผมไม่ได้ส่งรูปให้เธอ เพราะบนเกาะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แน่นอนว่าก่อนเดินทางบอกกล่าวล่วงหน้าไว้แล้ว แถมแม่ของเขายังส่งสติกเกอร์อวยพรว่า ‘เดินทางปลอดภัย’ อีกต่างหาก
นับเป็นเรื่องราวดีๆ
“น้องเจตั้งหน้าตั้งตาปิ้งอย่างเดียวเลย”
“ก็คนอื่นๆ ทำงานกันเหนื่อยนี่ครับ ให้พวกเขาได้พักบ้างเถอะ ส่วนผมช่วยยกของนิดหน่อยเอง แค่ยืนปิ้งสบายมาก”
“แต่ก็ต้องกินบ้างนะ เอ้านี่” นิฌานคีบเนื้อหมูสามชั้นมาเป่าฟู่ๆ ก่อนจะยกจ่อปากผม
ผมหรี่ตามองไม่วางใจ เกรงว่าจะโดนสงสัยในความสัมพันธ์ เพราะตลอดการถ่ายทำที่ผ่านมา นิฌานมักทำเป็นเล่นไม่จริงจัง ไม่เคยเข้าหาลึกซึ้งหรือแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งให้จับผิด
แต่ไหงครั้งนี้ดันจ่อปากป้อนด้วยรอยยิ้มหวานล่ะ!
“ตั้งก๊งดื่มเหล้ากันขนาดนั้นไม่มีใครสนใจทางนี้หรอกน้องเจ แค่ป้อนเองด้วยไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย เอ้า อ้าม”
นิฌานพูดอย่างรู้ใจ เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในกองถ่าย ผมพยายามทำตัวเป็นผู้จัดการที่ดี และเขาเองก็แยกแยะได้ เวลาทำงานคือทำงาน หยอกคือหยอก ส่วนจีบก็มักทำตอนส่วนตัว หรือไม่ก็แบบให้คนอื่นจับผิดไม่ได้
กันไว้ดีกว่าแก้ ถ้าแย่เดี๋ยวจะแก้ไม่ทัน!
เพราะซีรีส์เช็กเมทน่ะ...กว่าจะมาถึงจุดนี้ผ่านอะไรมาเยอะ และก็อย่างที่แม่นิฌานเคยเตือน หากมีข่าวฉาวเรื่องนิฌานคบกับผู้จัดการตัวเองที่เป็นเด็กอายุสิบแปดปี คงไม่ใช่เรื่องน่าสนุกนักหรอก
รักชอบกันน่ะได้ แต่ต้องรู้จักเวลาและความเหมาะสม
นิฌานเข้าใจ ผมเข้าใจ เลยไม่ต้องมีเรื่องลำบากใจ ดีจริงๆ
“อร่อยมั้ย” นิฌานถามเมื่อผมยอมอ้าปากงับหลังเห็นว่าทีมงานแต่ละคนเริ่มหน้าแดง คุยกันเฮฮาไม่สนใจทางนี้เลยจริงๆ
“อร่อยครับ” ผมตอบทั้งที่ยังเคี้ยวแก้มตุ่ย นิฌานคงมันเขี้ยวมานานถึงได้แอบตีแก้มป่องๆ ของผมเบาๆ ตีเองก็หัวเราะเอง ก่อนจะช่วยผมปิ้งอยู่หน้าเตา พร้อมยกไปเสิร์ฟวงเหล้าที่ร้องหากับแกล้มเป็นระยะ
“หนาวมั้ย” นิฌานถามเมื่อลมกลางคืนเริ่มแรง ทำเอาผมเผ้ากระเซอะกระเซิงไม่เป็นไม่ทรง “พี่ไปหยิบเสื้อที่ห้องให้มั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรครับพี่ฌาน ผมยืนอยู่หน้าเตา ร้อนกว่าหนาวอีก” ผมตอบพลางยกมือปาดเหงื่อ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวมึนๆ งงๆ กำลังดี คงเพราะมีคนคนนี้คอยถามคอยห่วงอยู่เคียงข้างละมั้ง ถึงได้รู้สึกกว่าการยืนอยู่ตรงนี้ ปลีกตัวจากคนอื่นๆ นั้นเป็นอะไรที่ดีต่อใจเหลือเกิน
“พี่ฌานก็กินบ้างสิ พวกของทะเลกินแล้วไม่อ้วนหรอก นี่ ผมปิ้งให้พี่โดยเฉพาะเลย กุ้งเผา!” เพราะสงสารคนที่กินแต่สลัดกับอกไก่ ผมเลยส่งกุ้งเผาเนื้อแดงก่ำสุกฉ่ำให้เขาอย่างนำเสนอ “ไม่กินมันกุ้งก็แกะหัวให้ผมนะครับ ผมชอบ”
“หืม น้องเจปิ้งกุ้งให้พี่เพราะอยากกินหัวกุ้งใช่มั้ย”
“รู้แล้วยังจะถาม” ผมถลึงตาใส่เขาทีเล่นทีจริงหนึ่งที ด้วยใบหน้าที่อมยิ้มจางๆ “จะแกะแต่หัวกุ้งมากินมีหวังโดนด่า พี่ฌานช่วยกินเนื้อกุ้งหน่อยนะ ผมเริ่มอิ่มแล้ว”
“ครับๆ น้องเจว่ายังไงพี่ฌานก็ว่ายังงั้นครับ มาๆ ส่งกุ้งมาให้พี่” นิฌานชินกับการเลือกกินของผมแล้ว ลูกคนเล็กก็จะเอาแต่ใจหน่อยๆ อย่างนี้ แต่ผมมีมารยาทพอ ร้องขอเฉพาะกับคนที่ขอได้ เพราะนิฌานกินมันกุ้งไม่ไหวหรอก คลอเรสเตอรอลมีหวังพุ่งพรวด!
“พี่ฌานใจดี”
“ทีงี้ล่ะบอกพี่ใจดีเชียวนะ” นิฌานหัวเราะอย่างไม่จริงจังนัก แต่ดวงตาประกายความสุข “สมเป็นน้องเจที่ไม่น่ารักจริงๆ”
เริ่มดึก แต่ละคนก็เริ่มอิ่ม เตาปิ้งจึงยุติหน้าที่รวมถึงคนปิ้งด้วย ผมโดนลากมานั่งร่วมวงโดยเหล่าทีมงานที่เริ่มเมามาย เพราะที่ขาดไม่ได้สำหรับการค้างคืนเกาะกลางทะเลอย่างนี้คือ...เล่าเรื่องผี!
“หึหึหึ มาเที่ยวเกาะตั้งวงเหล้าแบบนี้มันต้องเล่าเรื่องผีสิ ทำไม ป๊อดเหรอๆ!” คนเริ่มคือธนัทที่เริ่มหน้าแดงแต่ยังมีสติครบถ้วน เรียกเสียงโห่จากเหล่าชายฉกรรจ์ที่ไม่หวั่นเกรงเรื่องเหนือธรรมชาติด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ทำให้กล้ากว่าปกติ
“มา ผมเริ่มก่อนเลย” ธนัทตบอกอย่างคึกคัก “มีชายคนหนึ่งขับรถกลับบ้านตอนกลางคืน ระหว่างทาง เจอหญิงสาวสวยโบกรถขอติดไปด้วย ชายคนนั้นจึงเปิดประตูรับ คิดจะสานสัมพันธ์ต่อ แต่แล้ว...เธอก็เริ่มเล่าว่าถนนสายนี้เคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน...”
พลันทุกคนตกในความเงียบ
“อุบัติเหตุอะไรเหรอครับ ชายคนนั้นถาม หญิงสาวเลยเล่าว่ากลางดึกคืนหนึ่ง มีรถยนต์พุ่งมาด้วยความเร็วเพราะหลับใน ขับชนผู้หญิงที่กำลังจะเดินข้ามถนนจนร่างกระเด็นไปหลายเมตร ตอนนั้นเธอยังไม่ตาย แต่คนขับกลับหนีไม่ยอมช่วยเหลือ...”
ธนัทเล่าด้วยเสียงที่เบาลง เบาลง
“ถ้าคนคนนั้นเลี้ยวรถกลับมาสักนิดเธอคงไม่ตาย หญิงสาวรำพันอย่างเวทนา คนขับกระสับกระส่าย ถามว่าเธอรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร พลันหญิงสาวคลี่ยิ้ม เลือดสีแดงไหล่จากศีรษะอาบตัวช้าๆ...”
ทุกคนสูดหายใจเข้าลึก
“เพราะคนที่ฆ่าฉันก็คือคุณยังไงล่ะ!!!”
“กรี๊ดดดด”
อย่า อย่าตกใจว่าใครกรี๊ดในเมื่อการเข้ากองครั้งนี้คัดแต่ชายล้วนเพื่อความสะดวกในการเดินทางและแบ่งห้อง เพราะคนที่กรี๊ดคือช่างแต่งหน้าใจหญิง ตกใจกลัวกับเสียงตะโกนของธนัทจนโผกอดคนข้างตัว
เสียงร้องกรี๊ดนั้นชวนสะดุ้งยิ่งกว่าเรื่องเล่าซะอีก ผมเผลอกระเถิบชิดกับนิฌาน ขณะที่ธนัทตบเข่าหัวเราะสะใจ คนอื่นๆ ก็เฮฮา ชนเหล้ากันแล้วเล่าต่ออย่างสนุกสนาน
“ขอโทษนะพี่ฌาน”
“พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย” นิฌานตอบยิ้มๆ ด้วยสายตาล้อเลียนเหมือนแซวเด็ก ผมรีบหันหน้าหนี คิดว่าจะกลัวผีกันหรือไง เหอๆ เด็กธรรมะธัมโมอย่างผมถ้าเจอผีก็สวดแผ่เมตตาสิ จะกลัวทำไม
ใช่ ผมไม่กลัวสักหน่อย แม้จะเนียนนั่งชิดต่อไม่ยอมเขยิบก็เถอะ!
แต่ละคนเมามากคงไม่สนใจกับแค่ผมกับนิฌานตัวติดกันหรอกเนอะ ขนาดคุณพี่ช่างแต่งหน้ายังกอดแขนคนข้างๆ เลย
“ต่อไปตาผมนะครับ” พลันพายอาสา ทุกคนมองนักแสดงที่ค่อนข้างเงียบในกองด้วยสายตายิ้มขัน เชื่อว่าเรื่องเล่าจากคนคนนี้คงไม่น่ากลัว...“คู่รักคู่หนึ่งไปฮันนีมูนกันที่ทะเล พวกเขาเลือกพักบังกะโลริมหาด คืนแรก หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีคนจับจ้องตลอดคืนจนอึดอัด โดยเฉพาะตอนนอน เหมือนกับมีสายตามองลงมาตลอดเวลา”
พายเกริ่นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“คืนที่สอง เธอก็ยังรู้สึกเหมือนถูกจ้อง เมื่อลืมตามองก็คล้ายจะเห็นเงาดำจากด้านบน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นแต่พัดลมเพดานตัวใหญ่ที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดจากความเก่าเท่านั้น ฝ่ายสามีจึงบอกว่าเธอคิดมากเกินไป เงาดำที่เห็นนั้นคือเงาพัดลมต่างหาก”
หลายคนนั่งฟังอย่างตั้งใจ
“หญิงสาวลองไปถามเจ้าของที่ จึงรู้ว่าก่อนหน้านี้เคยมีคู่รักมาพัก แต่ฝ่ายชายลวงผู้หญิงมาฟันแล้วทิ้ง ฝ่ายหญิงเสียใจมาก จึงผูกคอตายในห้องพักนั้นเอง...”
ลมทะเลพัดไอหนาวเสียดกระดูกเป็นระยะ
“หญิงสาวเสนอให้เปลี่ยนที่พัก แต่สามีบอกว่าอีกแค่คืนเดียวก็จะกลับแล้ว จึงให้เธอทนอีกคืน หญิงสาวไม่กล้าเถียงสามีจึงยอม แต่คืนนั้น...เธอก็รู้สึกเหมือนถูกจ้องจากด้านบนอีกแล้ว เธอลืมตามอง พยายามพิสูจน์ว่าบนเพดานนั้นมีแต่พัดลมเหมือนคืนก่อน...”
พายเว้นจังหวะ เรียกให้ผู้ฟังพากันใจระทึก
“แต่เธอกลับเห็นผู้หญิงผูกคอตายตรงพัดลม ใบหน้าซีดคล้ำลิ้นจุกปาก ก้มหน้ามองเธอและสามี!”
“กรี๊ดดดด”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีใครหัวเราะแล้ว ทุกคนมองหน้าแล้วพากันหาเสียงไม่เจอ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ คลื่นทะเลก็ซัดโครม ทำเอาวงแทบแตก
“ไม่คิดนะเนี่ยว่าพายจะเล่าเรื่องผีเก่งขนาดนี้” ธนัทลูบต้นแขนตัวเอง สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก “ดึกแล้ว พวกเราแยกย้ายกันดีกว่าเนอะ”
หลายคนที่เริ่มสร่างเมาพากันพยักหน้าเห็นด้วย ตกดึกบรรยากาศไม่สู้ดีเอาซะเลย แต่พอแยกย้ายไปยังที่พัก ผมก็ชะงักกับภาพของบังกะโล...ที่มีพัดลมเพดานแขวนอยู่เหนือเตียง
มันคุ้นๆ นะว่ามั้ย
ความจริงผมไม่กลัวผีหรอกนะ แต่พอมีปัจจัยใกล้เคียงก็อดผวาไม่ได้
“น้องเจอาบน้ำก่อนนะ พี่ขอทวนบทส่วนของวันพรุ่งนี้ก่อน”
“ครับ” ผมชินแล้วเพราะตอนอยู่คอนโดของเขา นิฌานก็ชอบทวนบทก่อนนอน เจ้าตัวบอกว่าเป็นเคล็ดลับที่ทำให้จำแม่น
แต่ไม่รู้ทำไม พอเปิดประตูห้องน้ำแล้วได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของประตูไม้ยามต้องลมพัด ก็เล่นเอาขนแขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ผมมองนิฌานที่ก้มหน้าก้มตาอ่านบท ก่อนจะตัดสินใจ...เปิดประตูอาบน้ำซะเลย
“หึหึหึ”
เหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้น แต่ผมตีมึนไม่สนใจ รีบอาบน้ำแล้ววิ่งจู๊ดออกมานอนตะแคงบนเตียง ลืมบอกไป ห้องที่จองเป็นห้องเตียงคู่นะครับ
ผมหลับตาไปสักพักก็นึกขึ้นได้ รีบลุกมานั่งสวดมนต์ก่อนนอนขณะที่นิฌานไปอาบน้ำบ้าง ตอนเขาเดินออกมา ผมยังสวดมนต์ไม่เสร็จเลย
“ปิดไฟนะครับน้องเจ”
จนเมื่อเขาเก็บบท แขวนผ้าเช็ดตัว เป่าผมเรียบร้อยแล้วนั่นแหละถึงหันมาถามผมที่เพิ่งสวดมนต์เสร็จพอดี
“ครับ” ผมนอนตะแคงคลุมโปง หันหน้าไปทางเตียงของนิฌานด้วยใจวูบโหวงอย่างบอกไม่ถูก แม้จะพยายามไม่หันมองเพดาน แต่เสียงของพัดลมที่หมุนพัดแกว่งไกวตามอายุการใช้งานก็ทำเอานอนไม่หลับ
ผมพลิกตัวกระสับกระส่าย ผิดกับนิฌานที่นอนนิ่งไม่ขยับ คงเพราะถ่ายทำมาทั้งวันจึงเพลียจนหลับสนิท
ไอ้ความคิดที่อยากจะถือหมอนขอไปนอนด้วยเลยชะงัก กลัวจะไปรบกวนคนทำงานหนักขึ้นมา
นึกแล้วก็กลุ้มใจ กลุ้มใจตัวเองเนี่ยที่กลัวกับแค่เรื่องเล่า นอนสิวะไอ้เจ นอน!
ผมพลิกตัวนอนตะแคงอีกด้าน พยายามข่มตาหลับ แต่สุดท้าย...
เสียงพัดลมก็ล่อเอาใจหายวูบๆ ทุกที
“น้องเจ”
“เฮ้ย!” ผมร้องลั่น ใครใช้ให้จู่ๆ ก็โดนเรียกเอาตอนเรื่องเล่าของพายวนเวียนในหัวกันล่ะ ผมหันมองต้นเสียง เจอนิฌานยืนถือหมอนอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าแอ๊บแบ๊ว
“พี่ฌานทำอะไรน่ะ”
“พี่ขอนอนด้วยนะครับ”
“เอ๊ะ อะไรนะ เดี๋ยวๆ” ห้ามไม่ทันแล้ว นิฌานมุดตัวเองมาในผ้าห่ม วางหมอนแล้วทิ้งตัวนอนอย่างรวดเร็ว เขาเลือกตำแหน่งชิดริมเตียงเว้นระยะห่างสื่อเจตนาบริสุทธิ์ แถมยังเอื้อมมือมาลูบหัวผมอีกสามที “หลับฝันดีนะน้องเจ”
พูดจบก็หลับตานอนนิ่ง ทำเอาผมประท้วงไม่ทันจนได้แต่นอนนิ่งกะพริบตาปริบๆ น่าแปลกมาก เพราะพอได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเขา เสียงพัดลมไม่ยักจะน่ากลัวเหมือนเคย
ผมรอจนกระทั่งคิดว่าเขาหลับสนิท จึงค่อยๆ ขยับตัวกระแซะใกล้แบบไม่กล้ารบกวนอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนได้มุมนอนสบายๆ แบบชวนอุ่นใจ ก็หลับตาพร้อมรอยยิ้มที่แต่งแต้มตรงมุมปาก
“ฝันดีครับพี่ฌาน...”
คนคนนี้คงได้ยินผมพลิกตัวกระสับกระส่ายอยู่นานแล้ว ถึงจะเหนื่อยหนักแค่ไหนก็ตัดสินใจถือหมอนมาหาเพื่อขอนอนด้วยไม่คิดหยอกล้อให้อับอาย
ก็เป็นซะแบบนี้...แล้วจะไม่ให้ผมหวั่นไหวได้ยังไง
--------------
ตอนนี้ก็จะสยองๆ ปนหวานหน่อย
เรื่องเล่าของพาย...เราเคยได้ยินตอนไปเข้าค่ายสมัยยังเอ๊าะๆ ค่ะ จำไม่ค่อยแม่นเหมือนกันเพราะฟังมานานแต่หลักๆ น่าจะราวๆ นี้ ตอนนั้นไม่มีพี่ฌานเหมือนน้องเจ เล่นเอานอนผวาทั้งคืนเลย นอนก็ไม่หลับ แต่ตาก็ไม่กล้าลืม กลัวมองพัดลมแล้วเจออะไรเข้า ตอนกลางคืนริมทะเลยิ่งเห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ด้วย โคตรกลัวเลยค่ะ QAQ
#น้องเจที่น่าลัก #น้องเจที่น่าลัก #น้องเจที่น่าลัก
เพจนักเขียนที่เปลี่ยนนิยายรักเป็นนิยายสยองขวัญTwitter ปล.ถ้าเปลี่ยนจากเจตรินเป็นจิระ เชื่อว่าจิระคงกลัวจนวิ่งหนีลงทะเลตั้งแต่เรื่องของธนัทแล้ว//แล้วเตโชก็จะทำหน้ามึนๆ เดินไปอุ้มขึ้นมา