เราเดินทางออกจากบ้านหลังจากที่แต่งหน้าแต่งตัวกันเสร็จ ทุกอย่างถูกเช็คว่าไม่มีของสำคัญอะไรที่ผมห้ามลืมเด็ดขาด ส่วนคนขับรถที่พามาวันนี้ก็ยังเป็นคนเดิมกับที่คอยมารับมาส่งกันที่ในช่วงปลายเทอมสองของปีสี่ เป็นคนเดิมที่อ้างว่า มีเรียนอยู่แล้วก็เลยจะไปส่งทั้งๆที่จริงก็ไม่มี
ส่วนวันนี้ก็คือ ตั้งใจจะมาอยู่แล้ว แต่ก็บอกตามสไตส์ ว่า แค่ตื่นนอนมาแล้ว และนอนต่อไม่หลับ
“ ทำอะไร ” หันไปถามคนที่ไม่ยอมปล่อยมือถือ แถมยังกดยุกยิกอยู่ตลอดเวลาในตอนที่ติดไฟแดง
“ คุยกับสัดเจ ” ว่าแบบนั้น ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมที่วางนิ่งไว้อยู่ “ วิวฝากบอกมึงด้วยว่า เดี๋ยวมันจะมาพร้อมเจเลย ”
“ โอเค ” พยักหน้าตอบรับก่อนจะเหลือบมองมือนั้น “ แล้วจับมือกูทำไม ”
“ กูจับมือแฟนกู มึงมีปัญญหาเหรอ ”
“ ไม่มีหรอก เพราะกูนี่แหละสัด แฟนมึง ”
รถของเราเคลื่อนตัวเข้าสู่มหาลัยหลังจากที่ขับมานาน ซึ่งวันนี้แน่นอนว่าที่จอดรถเป็นอะไรที่หายากมากกว่าปกติหลายเท่าตัว และมันไม่ต่างอะไรกับการเล่นเก้าอี้ดนตรีเลยสักนิด “ กูคิดว่าเรามาเช้าแล้วนะ แต่ก็ยั๊งไม่มีที่จอดรถอยู่ดี ”
“ แล้วมึงคิดเหรอว่าคนอื่นเค้าจะไม่คิดเหมือนมึง เรื่องมาให้เร็วกว่าปกติจะได้มีที่จอด ”
“ เออ นั่นก็จริงของมึง ” ผมผ่อนลมหายใจออกมาก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นที่จอดว่างตรงหน้าคณะพอดี “ เชี้ย อาฟ นั่นๆที่จอดรถ ไปเร็วมึง ว่างแล้ว มันต้องเป็นของเรา ”
“ ประสาท ” อีกคนว่ายิ้มๆ ก่อนจะขับขึ้นไปแล้วจอดลงตรงที่ว่างหนึ่งเดียวตรงนั้นที่มี ช่องแคบๆที่อีกคนจอดได้อย่างเชี่ยวชาญซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นผมก็คงต้องไปจอดที่อื่น ปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะถอนหายใจโล่งออกมา แน่นอนว่า เพราะไม่ต้องเดินไกลให้เมื่อย แล้วนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด
“ มึงโทรบอกเจด้วยสิ ว่าถ้าจะมากันหลายคน ให้มาด้วยกันให้หมด เพราะมันไม่มีที่จอด ยัดๆกันมาเลย ในรถคันเดียวนั่นแหละ ”
“ แล้วมึงคิดว่าใครมันจะมาเหรอครับ ” คำถามนั้นทำให้ผมนิ่ง ประโยคนึงผุดขึ้นมาในสมองอย่างฉับพลัน ‘ เออ ลืมไปเลยว่าไม่มีเพื่อนแล้ว ’ แต่ทว่าคนที่พูดเองก็ไม่ต่างกัน อาฟมันนิ่งไปนิดหน่อย ก่อนจะยกมือขึ้นจับหัวผม “ แต่ก็ไม่แน่หรอก ” อาฟว่าแบบนั้นก่อนจะก้มหน้าลงพิมพ์อะไรสักอย่างลงไปในมือถือของตัวเอง บนหน้าจอนั้นเป็นไลน์กลุ่มเหมือนจะเป็นที่รวมตัวของทุกคน ไม่ว่าจะเป็น เอม เจ น้องเดย์ น้องอัยย์ ผมเห็นมันพิมพ์ข้อความลงไปบนนั้น ‘ มาให้ได้ครบทุกคนนะไอ้สัด ’
เผลอยิ้มออกมาในตอนที่เห็น มันก็เป็นแบบนี้ แคร์ทุกความรู้สึกกันมากจริงๆ เลยไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน อาฟก็ใส่ใจกัน
“ งั้นกูไปลงทะเบียนก่อน มึงอยู่ตรงนี้นะ ”
“ อื้ม ” ใบหน้าคมพยักหน้ารับ ผมก็เดินไปจัดการเรื่องลงทะเบียนรับปริญญาของตัวเอง ทักทายเพื่อนร่วมคณะที่วันนี้จัดหนักจัดเต็ม รวมถึงฝ้ายที่ก็เดินเข้ามาชวนคุยแล้วก็ขอถ่ายรูปไปเสียหลายรูป ซึ่งแน่นอนว่าตากล้องของเธอก็จัดหนักจัดเต็มอีกเช่นกัน เมื่อดูจากขนาดกล้องแล้ว ของผมดูธรรมดาไปเลย
“ วันนี้ใครมาถ่ายรูปให้เมด ถ้าไม่มีถ่ายกับฝ้ายได้นะ ”
“ ไม่เป็นไร ” ผมปฎิเสธ “ อาฟมาถ่ายให้น่ะ ”
“ สุดยอดแฟนแห่งปี ทำเพื่อคนที่รักได้ทุกอย่างจริงๆ ” อีกคนแซวก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แต่ในที่สุดก็เรียนจบสักทีเนอะ ดีใจกับเมดด้วยนะ สำหรับเกียรตินิยมอันดับสอง ”
“ ขอบคุณมากครับ ”
“ เออ มีอะไรจะบอกอย่างนึง ” ดวงตาสวยที่เบิกขึ้นนิดหน่อยเหมือนกับอีกคนคิดอะไรขึ้นมาได้ ฝ้ายยิ้ม “ ไม่รู้มีใครบอกเมดยัง แต่เห็นว่ายีนส์มันไม่เข้ารับนะ เพื่อนลือๆกันใหญ่ ”
“ เหรอ ” ตอบออกไปแค่นั้น ก่อนที่บทสนาทนาของเราจะถูกขั้นด้วยการที่ต้องแยกย้ายกันไปลงทะเบียนเพราะถึงคิว ผมผ่อนลมหายใจออกมาในตอนที่ทำเรื่องต่างๆ รวมถึงการสั่งกรอบรูปสำหรับเอาไว้ติดที่บ้านเรียบร้อย
อดคิดถึงความรู้สึกในที่ได้เข้าเรียนครั้งแรกที่นี่ไม่ได้เลย ผมมองไปรอบๆอาคารหลังจากที่เดินออกมานั้น ถอนหายใจ ผ่อนความเศร้าที่ฝังอยู่ลึกๆ
พอเอาเข้าจริงก็คงเหมือนกับที่อาฟบอก เหตุผลที่ผมไม่อยากจะเข้ารับปริญญา ไม่ใช่ความยุ่งยาก แต่เพราะมันไม่ได้สนุกขนาดนั้นอีกแล้ว เพื่อนสนิททั้งสามคนที่เราเคยดีใจตอนเข้าเรียนที่นี่ด้วยกัน คนพวกนั้นไม่อยู่ข้างกันอีกแล้ว ไม่ว่ายังไง ก็ยังเสีดายอยู่ลึกๆอยู่ดี กับความเป็นเพื่อนที่หายไปนั้น
ภาพที่เคยถ่ายไว้ตอนเรียนจบม.ปลายถูกลบหายไปจากความรู้สึก ภาพที่เราเคยบอกกันว่า ถ้าเรียนจบจะหิ้วชุดครุยไปถ่ายตรงจุดเดิม แต่พอวันนี้มาถึงจริงๆ เรากลับทำอะไรแบบนั้นไม่ได้แล้ว ก็เสียดายอยู่เหมือนกัน สำหรับความสัมพันธ์และคำว่า เพื่อน ที่จะไม่มีวันกลับมาอีกนั้น
“ พี่เมด ยินดีด้วยจ้า!!! ” เสียงดังที่ดึงสติของผมที่กำลังก้มหน้าก้มตาคิดอะไรบางอยู่ถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกใจ เจ้าเด็กแสบบาร์เทนเดอร์สองคน รวมถึงน้องชายผม เอม แล้วก็เจ ยืนอยู่ตรงหน้านั้นข้างๆกับคุณอาฟเตอร์ อาระที่ยิ้มให้กัน ในมือของทุกคนมีทั้งดอกไม้ช่อใหญ่ รวมถึงถูกโป่งสวยๆ
“ ปี๊ด ปี๊ด ” ผมหลุดหัวเราะออกมาตอนที่น้องเดย์หยิบแตรของเล่นเด็กคนมาเป่า และดูเหมือนเสื้อวันนี้ทุกคนจะธีมกันมาในแบบที่เรียกว่า สีสันแสบตาที่ใส่กันมาไม่ต่างอะไรกับเวทีลูกทุ่งเลสักนิด
“ เหี้ยอะไรกันเนี้ย ” ถึงกับต้องพูดออกไป แต่น้องเดย์ก็แค่ยื่นลูกโป่งมาให้กัน
“ ก้มาแสดงความยินดีกับพี่เมดไงครับ เรียนจบแล้วน้า ยินดีด้วยนะครับพี่สะใภ้คนสวยของน้องเดย์ที่ก็อยากจะเป็นผัวมากกว่าน้องเขย ”
“ จ้า ” ผมตอบรับก่อนจะรับลูกโป่งนั้นมา แต่ยังไม่ทันที่น้องอัยย์จะเข้ามา เสียงกรีดร้องของน้องเดย์ก็ดังขึ้น แน่นอนว่ามันจากคุณอารยะของผม ที่ก็ถีบน้องชายตัวเองเข้าไปเต็มแรง
“ นี่ก็หวงไม่เลิกจริง ” เจมันบอกก่อนจะเชิดหน้าไปทางไอ้อัยย์ “ ตามึงแล้วสัดอัยย์ ”
“ โอเค นี่ครับ ซ้อเมดคนสวยของผม “ ตุ๊กตาน่ารักถูกยื่นมาให้ “ น้องไม่อยากจะเป็นผัวซ้อ แต่แน่นอนว่าได้ก็ดี ”
“ พวกมึงที่ก้วอนตีนมัน ” ผมว่าก่อนจะหันไปรับของจากเจกับเอม ที่ก็ยื่นมาให้ทั้งถุง แล้วพอเปิดดูก็พบว่ามันเป็นของขวัญที่อยู่ในกล่องอีกที “ ขอบคุณครับ ”
“ พี่เมด อันนี้จากวิวนะ ” ของที่วิวให้มันเป็นเคสมือถือที่ก็เหมือนว่าอีกคนจะออกแบบเอง ผมรับมันมาก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอด
“ ขอบคุณนะครับ ”
“ อะไรกันน่ะ ” น้องเดย์ท้วง “ น้องเดย์ก็ให้พี่เมดนะ แต่พี่เมดกอดแค่เด็กแรด ทำไมพี่เดย์ไม่กอดน้องเดย์ละครับ แบบนี้มันหมายความว่าไง รักน้องไม่เท่ากันเหรอ แบบนี้ก็ได้เหรอ ”
“ เออๆ มาๆ ” ดึงวิวออกจากตัวก่อนจะเรียกอีกคนเข้ามา คนน้องที่ได้แต่เบิกตากว้าง ก่อนจะหันไปเหลือบมองพี่ชายตัวเอง
“ สัดพี่ พี่เมดพูดเองนะ กูไม่ได้ร้องขอมากมายเลยด้วยซ้ำ บ้าจริงนี่ไม่ได้อยากกอดอะไรเลย เกรงใจหรอก ” เดย์ดึงตัวเองเข้ามากอดผม สองแขนที่กอดเอวรัดกันแน่นเหมือนได้ทีก็ขอแบบจัดหนัก
“ ยินดีด้วยนะครับพี่เมดของน้องเดย์ เรียนจบแล้ว ”
“ ขอบคุณนะครับ ” พยักหน้ารับเจ้าเด็กที่ไม่รู้จักโต ผมเรียกน้องอัยย์เข้ามา “ น้องอัยย์ก็มาด้วยสิ ”
“ พี่เมดเรียกนะ กูบริสุทธิ์ กูบริสุทธิ์ ” อีกฝ่ายตะโกนก่อนจะเดินมากอดผมไว้แน่นเหมือนกัน ทั้งสองคนเอียงตัวเองไปมาในตอนที่เรากอดกันอยู่แบบนั้น และเหมือนว่ามันจะแนบชิดเกินไปหรือไม่ก็อาจจะนานไป ทางฝ่ายคนที่ถือกล้องแล้วยืนนิ่งก็เลยพูดขึ้น
“ นานไปแล้ว ”
“ ยังไม่ถึงห้านาทีเลยมั้ง ” เอมมันว่าก่อนจะเหลือบมองเจที่ก็ยักไหล่
“ ขี้หวงตามสไตส์แหละไอ้สัดพูดยาก เรื่องนี้มันเรื้อรัง ”
“ K ” อาฟบอกปัด ตอนนั้นไอ้เด็กแสบก็ดึงตัวเองออกจากผมพอดี น้องมันก็เลยหันไปอวด
“ พี่เมดก็คือตัวห๊อมหอม อยากจะหอมสักฟอดสองฟอด ”
“ แต่ถ้าตายกูไม่ช่วยน้า ” เจยกมือขึ้นทั้งสองมือคล้ายกับห้าม หน้าตาที่ออกจะตกใจชวนให้เราทุกคนหลุดหัวเราะออกมา ก่อนที่เอมจะหันไปมองเพื่อนตัวเอง
“ แล้วมึงไม่ให้อะไรเมดมันหน่อยเหรอสัดอาฟ ”
“ ต้องเหรอ ” คำถามพาซื่อหลุดออกมาจากปากคุณอารยะ ที่ก็เลิกคิ้วขึ้นเหมือนว่าตัวมันไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไร “ กูก็มาแล้วนี่ไง ไม่พอเหรอ ”
“ กูละเชื่อมึงเลย ” เจบอกพลางส่ายหน้า “ ทั้งๆที่ก็ทำตัวเหมือนไม่อยากมา แต่ชวนกูไปซื้อเสื้อใหม่ ซื้อกล้องใหม่ แถมยังสั่งให้พวกกูมาอีก แล้วก็ต้องมาให้ได้ด้วยนะ ”
“ แหมมม เค้าก็อยากให้คนที่เค้ารักมีความสุขที่สุดในวันที่เรียนจบ ” เอมมันเสริมเราต่างคนก็ได้แต่หันไปทางอื่น
“ พูดมาก ” อาฟว่าเสียงเบาในตอนที่ทุกคนหันมามองมัน ใบหน้าคมถอนหายใจ “ เพื่อนเหี้ย ”
“ งั้นก็ถ่ายรูปกันหน่อยมั้ย พี่อาฟกับพี่เมดน่ะ ” วิวมันบอกกในตอนนั้นเอมมันก็ดึงกล้องที่อีกคนถืออยู่ไปถือไว้เอง แถมยังรวบรับตัดความอีกฝ่ายด้วยการเชิดหน้ามาทางผม
“ ไปยืน จะถ่ายให้ ”
“ ใครอยากถ่าย ” เอ่ยถามเพื่อนตัวเองแบบหาเรื่อง ในตอนนั้นเจมันก็ยิ้ม
“ เอาน่า ถ้ามึงเขิน ก็คิดซะว่าพวกกูบังคับ ” ก้าวเดินออกมายืนข้างผมในตอนที่เจบอก อาฟที่หน้าแดงไปหมดถอนหายใจออกมา แล้วตอนที่มันเผลอสบตากันนั้น อีกฝ่ายก็บอก
“ กูโดนบังคับมา ”
“ จ้า เชื่อได้มากเลยอารยะ ” บอกอีกคนแบบนั้น แต่อยู่ๆเราก็เหมือนเกร็งต่อกันซะมากมาย ก็ใช่ว่าไม่เคยถ่ายรูปด้วยกัน เราเคยถ่าย และก็ถ่ายบ่อยมากเลยด้วย แต่เหมือนจะไม่ใช่ภาพที่ดูจริงจังอะไรแบบนี้ เป็นแค่ที่ถ่ายเล่นๆ พวกอารมณ์ที่ซบกันแต่เห็นแค่ช่วงคาง ไม่ก็ครึ่งหน้า และถ้าเห็นหน้าเต็มๆ ก็เหมือนว่าจะเป็นแค่ภาพอีกคนเดี่ยวๆ ไม่มีหรอกที่เราจะถ่ายด้วยกันแบบจริงจังอย่างงี้
“ คือเกร็งเหมือนไม่เคยได้กันมาก่อน ” วิวมันว่า ทุกคนในที่นั้นก็หลุดหัวเราะ “ เอาไงดีพี่ช่างภาพ ” ท้ายประโยคที่ถามเอมอีกคนก็นิ่งคิด
“ เอาแบบนี้แล้วกัน พวกมึงยืนเอียงนิดๆ แล้วก็มองหน้ากัน
“ เค ” ผมตอบรับในตอนนั้นน้องเดย์น้องอัยย์ก็วิ่งเข้ามาหา
“ เอาของมานี่ก่อน มันรก เดี๋ยวภาพไม่สวย ”
“ ขอบคุณครับ ”
“ ค้าบบบบบบ ” เสียงของเด็กน้อยที่ขานรับแล้วก็วิ่งออกไปพร้อมกับของขวัญ ผมเหลือบมองอาฟหลังจากนั้นแต่เหมือนอาการเขินจะแพร่สู่กันอย่างรวดเร็ว หูของผมร้อนจัดแม้แต่ในท้องก็เหมือนจะวุ่นวายไปหมด คล้ายว่ามีพายุอยู่ในนั้น เราถอนหายใจใส่กันเหมือนอัดอัด
“ เขินกันชิบหาย ตอนเอากันสัดพี่กับพี่เมดคือเขินกันแบบนี้มั้ยวะ ” น้องเดย์ถาม คนพี่ก็ส่ายหน้า
“ ไม่นะ ทั้งๆท็เปิดไฟเอากัน ”
“ ไอ้สัด แล้วมึงจะพูดทำเหี้ยอะไร ” สบถออกไปยิ้มๆ อีกคนก็หันมายิ้มให้กันอย่างคนกวนตีนแหมือนทุกครั้ง และในตอนนั้นที่เสียงชัตเตอร์ดังขึ้น
ในตอนนั้นผมรู้สึกเลยว่า ตอนเถียงกันนี่แหละ คือภาพคู่ที่คงดูเป็นเรามากที่สุด
“ น่าร๊ากกกกก ” วิวเอ่ยบอกตอนที่เอมมันกดดูภาพที่เราสองคนเพิ่งถ่ายกันไป “ ถ่ายอีกพี่มึง เอาแบบว่า หยิกแก้มมั้ย ”
“ เดี๋ยว ” ผมสั่งเบรคก่อนจะเอื้อมมือไปจับคอเสื้อของอาฟที่เหมือนจะอยู่ในลักษณะที่มันไม่สวยสักเท่าไหร่ “ โอเค เสร็จแล้ว ”
“ ถ่ายแล้ว ” เอมบอกก่อนจะหัวเราะ แล้วหลังจากนั้นผมก็อาฟก็ถ่ายรูปคู่กันไปหลายรูป ทั้งท่ายืน ท่านั่ง ตามคำสั่งของเพื่อนที่ก็พยายามมากให้ภาพคู่ของเรามันออกมาในรูปแบบที่ไม่เกร็ง และดูว่ารักกันอย่างที่สุด และปิดท้ายเซ็ตสุดท้ายด้วยการถ่ายภาพคู่กับผมแบบเรียงคนและแน่นอนว่าภาพพวกนี้คุณอารยะคนที่เตรียมตัวมาตลอดเป็นคนกดถ่ายให้ โดยที่น้องเดย์น้องอัยย์บอกว่า จะเก็บไว้บูชาอย่างดี เนื่องจากเป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่งมาก
“ ถ่ายรูปหมู่กัน ” วิวเอ่ยพูดตอนที่เรามายืนเบียดกันเป็นก้อนๆและแน่นอนว่าผมที่ได้ยืนอยู่ตรงกลาง เหมือนว่าจะเด่นกว่าใครเลย
เวลาสนุกสนานและรอยยิ้มเคลื่อนตัวไปเรื่อยจนเราไม่รู้ เวลาที่ผมต้องเข้าหอประชุมมาถึงแล้วประกาศของทางมหาลัยที่ดังอยู่ในขณะนั้น ผมตัดสินใจมือถือ พร้อมกับเงินจำนวนนึงในกรณีถูกบูมจากรุ่นน้องในตอนที่ออกจากหอประชุม
“ งั้นเดี๋ยวกูเข้าหอประชุมก่อนนะ ”
“ งั้นพวกเรารอแถวๆนี้นะพี่เมด ” น้องเดย์บอกในตอนนั้นอาฟก็ขมวดคิ้ว มันหันไปถามน้อง
“ พวกมึงจะรอทำไม ”
“ อ้าว แน่นอนว่าพี่เมดออกจากหอประชุม เราก็ต้องไปกินข้าวกันไง เลี้ยงบัณทิต ”
“ ค่อยเลี้ยง ” ร่างสูงว่าแบบนั้นก่อนจะบอกปัด “ กลับไปได้แล้วพวกมึงน่ะ ”
“ เชี้ย แม่งโคตรไล่ ไม่เหมือนเมื่อวานเลย ” เอมมันเสริมก่อนจะปั้นหน้าขรึมแบบที่อาฟชอบทำ “ พวกมึงต้องมาให้ได้นะ งานรับปริญญาเมด ใครมากูเลี้ยงเหล้าไม่อั้น ”
“ กูก็คิดว่าที่มา รักพี่กูกัน เปล่าจ้า แดกเหล้าล้วน ” วิวมันพูดยิ้มๆ “ กูเป็นพี่เมดกูดีใจตายเลย ”
“ แหมเด็ก มึงก็ต้องคิดด้วยนิดนึง พวกกูกว่าจะเลิกงานมันกี่โมงไปแล้ว ต้องตื่นเช้าแบบนี้ ความน่ารักของพี่เมดเป็นแรงจูงใจห้าสิบเปอร์เซ็นก็จริง แต่แน่นอนว่า เหล้าก็เป็นแรงจูงใจอีกห้าสิบเปอร์เซ็นด้วยเช่นกัน ” น้องอัยย์บอกพลางยักคิ้วให้น้องผมที่ก็ถอนหายใจออกมา
“ เหล้ากินได้ที่ throw up เลย ลงบิลกูไว้ ส่วนข้าวถ้าอยากแดกก็รอวันจริง เดี๋ยวเลี้ยงทีเดียว มีพ่อแม่กู แล้วก็พ่อแม่เมดด้วย ” อาฟว่า “ รับเสร็จก็คงเหนื่อยแล้ว มึงจะให้พาไปต่อไหนอีก ”
“ ห่วงใยเก่ง ” เจมันว่า
“ แต่นั่นก็จริงนะ ” น้องเดย์ว่า ก่อนจะเหลือบมองคนที่เหลือ “ งั้นพวกเราก็กลับก็ได้มั้ง แต่ใครจะรอพี่เมดละ ”
“ กูไง ” วิวมันยกมือ ในตอนนั้นร่างสูงก็แค่ยกมือพลางปัดแบบไล่
“ มึงก็กลับไป กูอยู่เอง กูว่าง ”
“ อ๋อ คือไม่ได้อยู่หรอกใช่ปะ แต่ว่าง ก็เลยอยู่แหละ เค เก็ต ” ยักไหล่ในประโยคท้ายซึ่งดีแค่ไหนแล้วไม่โดนไอ้อาฟถีบ “ งั้นวิวกลับกับพี่เจก็ได้ เราไปหาอะไรกินกันเนอะลุง ”
“ ง่ายๆงี้เลย ” คนที่โดนวิวกอดพูดยิ้มๆ “ งั้นก็ตามนี้ สัดอาฟรอเมดเนอะ เพราะว่าง ” หลุดหัวเราะออกมากับคำแซว ผมมองมันยิ้มๆ
“ มึงไปได้แล้วเมด ”
“ งั้นขอบคุณทุกคนที่มานะ เดี๋ยวเสร็จงานเราหาวันว่างกัน พี่เมดเลี้ยงข้าวเอง โอเค๊ ” ผมบอกทุกคนก็พยักหน้ารับพร้อมกับโบกมือบ๊ายบายให้กัน
“ ตั้งใจซ้อมน้าพี่เมดของน้องเดย์ ”
“ ของน้องอัยย์ด้วย ”
“ ครับผม ” ตอบรับเด็กๆไปแบบนั้น ผมหันมองอาฟ มันที่ยกนิ้วเป็นหูโทรศัพท์ขึ้นมา
“ โทรมาแล้วกัน ”
“ โอเค งั้นไปละ ” หันหลังเดินเข้าไปในหอประชุมหลังจากที่พูดประโยคนั้น
พิธีการเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย ผมนั่งสัปหงกอยู่หลายครั้งก่อนจะมาตื่นเต้นอีกครั้งในตอนที่ถึงคิวตัวเอง แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาอย่างราบรื่น โชคดีที่ซ้อมรับมาแล้วจากที่บ้านก็เลยผ่านฉลุยไม่มีต้องซ้อมใหม่ จนสุดท้ายทุกอย่างก็จบลง
ผมเดินออกมาจากหอประชุมหลังจากที่ถูกปล่อยตัว และสิ่งแรกที่ทำก็คือการหยิบเอามือถือมาโทรหาคนที่รอกันอยู่เสียงรอสายดังอยู่นาน ก่อนที่อาฟจะกดรับ
“ อยู่ไหน ”
“ ข้างคณะมึง ” อีกคนตอบแบบนั้นผมก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะมันก็ไกลมากอยู่จากที่ที่ตอนนี้ผมยืนอยู่
“ มึงก็เล่นไปซะไกล ”
“ เร็วๆ ” อาฟมันเร่ง ผมก็ได้แต่พยักหน้ารับ
“ คร้าบบบบ จะไปเดี๋ยวนี้แหละคุณ ” เก็บมือก่อนจะก้าวเดินออกไปเรื่อยตามทาง
บรรยากาศของความสุขและเสียงหัวเราะดังอยู่ทั่วบริเวณ ทุกมุมที่ว่าสวยถูกจับจองถ่ายรูป ไม่ต่างจากเก้าอี้ดนตรีที่พอคนนึงถ่ายเสร็จ อีกคนก็เข้ามาถ่ายแทนที่ ผมยิ้มกับบรรยากาศโดยรอบตัว พลางคิดถึงเรื่องราวในตอนที่ตัวเองเป็นนิสิตปีหนึ่งของที่นี่ ความสุขในตอนที่สอบติดในวันนั้นผมรู้สึกว่ามันไม่ต่างจากวันนี้เลย มันเป็นทั้งความสุขและความภาคภูมิใจในตัวเองอยู่ลึกๆ
“ หล่อมากเลยเนอะ แฟนใครไม่รู้ ” เสียงที่สาวที่เดินผ่านผมเรียกความสนใจให้หันไปมอง ก่อนหันกลับมาเดินต่อแล้วก้าวตรงไปข้างหน้า ผมหยุดยืนอยู่ที่หน้าคณะ ที่ตอนนี้มีคนจับจองพื้นที่เป็นที่นัดหมายกันไว้แบบชนิดที่เต็มทุกโต๊ะ สายตาที่มองซ้ายมองขวาแต่กลับไม่เจอกับคนที่บอกว่ารอกันอยู่ ผมขมวดคิ้วก่อนจะหยิบมือขึ้นมาอีกครั้ง ผมโทรออก
“ จะโทรไปไหน ” เสียงทุ้มที่คุ้นชิน แต่พอหันไปด้านหลังกับพบช่อดอกไม้สีแดงถูกยื่นออกมาตรงหน้า ในช่วงวินาทีนั้นผมหุบยิ้มไม่ลงเลย แต่มันคงต่างกับอีกคนที่ยื่นมันมาให้ คุณอารยะหูแดงไปหมด ก่อนจะพูดสั้นๆ ทั้งๆที่หันไปมองทางอื่น “ รับไปสิ ”
“ ขอบคุณนะครับ ” ว่าแบบนั้นก่อนจะรับมันมา “ ก็ว่าทำไมไล่เพื่อนกลับไปหมด เพราะเค้ามีของขวัญนี่เอง ” แกล้งเย้ามันเล่นๆ พร้อมกับรับช่อดอกสีแดงช่อโตนั้นเข้ามากอด แต่เหมือนคนตรงหน้าจะยังเขินไม่เลิก คนหลายคนหันมามองมัน
“ คนแม่งจะมองกูทำไมเยอะแยะ ”
“ ก็แฟนกูหล่อ ” ยักคิ้วให้ อีกคนก็หันมามองกัน อาฟถอนหายใจในตอนที่มองผม
“ รู้มั้ย ว่านี่คือดอกอะไร ”
“ กุหลาบ ” ตอบแบบไม่มั่นใจเท่าไหร่เพราะมันก็เหมือนจะใช่แล้วก็เหมือนจะไม่ใช่ รูปทรงไม่ใช่กุหลาบแบบตอนที่ใครๆได้รับตอนวันวาเลนไทน์เท่าไหร่
“ อื้ม กุหลาบพันปี ”
“ มีความหมายมั้ย ”
“ ไม่รู้ ” อาฟยักไหล่ ก่อนจะหันไปทางอื่นอีกคนถอนหายใจ พร้อมกับรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อพูดอะไรสักอย่างกับผม “ เมด ”
“ ว่าไง ” ตอบแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือมัน สายตาคมนั้นเหล่มองกัน
“ กูไม่รู้ความหมายของกุหลาบพันปีนะ แต่โทรไปปรึกษาแม่มา แม่บอกว่ากุหลาบคือตัวแทนของความรัก แม่ให้ซื้อดอกกุหลาบให้มึง เพราะงั้นกูคิดว่ากุหลาบพันปีน่าจะดีที่สุด เผื่อเราจะได้รักกันไปถึงพันปี ”
“ เหรอ ”
“ ดีใจด้วย ที่เรียนจบ ” ว่าแบบนั้นด้วยหูที่แดงไปหมด ผมพยักหน้ารับอีกคนก็หันมามองกัน “ ไม่กอดอะ ”
“ กอด ? กอดทำไม ”
“ มึงทำแบบนั้น ตอนที่ไอ้เดย์ ไอ้อัยย์ แล้วก็ไอ้วิวให้ของขวัญมึง ”
“ มึงแม่ง” ดึงตัวเองเข้าไปกอดอีกคน ในตอนนั้นอาฟที่จูบลงที่ไหล่ของผม เรายิ้มกว้างให้กันแบบที่ต่างฝ่ายก็ต่างไม่ให้ใครได้เห็น “ ขอบคุณนะครับ สำหรับทุกอย่างเลย ”
“ อื้ม ”
“ ว้ายยยยยยย เราเห็นแล้วละ” เสียงดังที่ผสานกันของคนที่คิดว่ากลับไปแล้วกรูกันเข้ามาหาผมแล้วก็อาฟที่ยืนกอดกันอยู่ เราผละออกจากกันในวินาทีที่รู้ตัวหลังจากนั้นไม่ต่างอะไรกับต้องของร้อน ผมเหลือบเห้นมือถือที่ถ่ายรูปของเราไว้โดยช่างกล้องคนก่อน พร้อมกับน้องเดย์น้องอัยย์ที่ก็กอดกันกลมและแสดงท่าทางเลียนแบบเราสองคนเมื่อครู่
“ ดีใจด้วยที่เรียนจบ ” น้องอัยย์มันพูดเสียงทุ้มในแบบของอาฟ และแน่นอนว่าตอนนั้นน้องดย์ก็กอดเพื่อนตัวเองไว้แน่นเพื่อเลียนแบบผม
“ ขอบคุณนะครับ ”
“ พวกเหี้ย ” กลายเป็นว่าทั้งผมทั้งอาฟถึงขั้นต้องสถบออกมา แล้วหันไปอีกทางในตอนที่เจยกยิ้มแล้วหัวเราะเรา
“ ทำเป็นไล่พวกกู ทั้งๆที่จริงก็เตรียมดอกไม้ไว้ให้เค้า แต่ก็เขินเหลือเกินไม่กล้าเอามาให้ตรงๆ มีความสั่งให้เอามาส่งตอนที่พวกกูกลับไปแล้วด้วยนะ มองจากมุมกูคือชัดสุด ”
“ ฉากดมดอกไม้ด้วยความรักคือกูถ่ายเห็บไว้ล้อมันยันห้าสิบ ” เอมเสริม
“ แล้วเสือกไรกับมึง ”
“ ครับๆ คนฟอร์มเยอะ ”
“ แต่หวานมากเลยเอาจริง ” วิวมันพูดยิ้มๆ “ ฉากยื่นดอกไม้ ฉากกอด ก็คือพี่เอมถ่ายไปประมานสามร้อยรูปได้ ”
“ ฉากนั่งรออีกร้อย ” เอมมันว่า “ นั่งรอแบบ นั่งรอจริงๆ นั่งไม่ไปไหนเลย มือถือก็ไม่เล่น กลัวแบตหมด พาวเวอร์แบงค์ก็ไม่มี น่าสงสาร ”
“ จริงเหรอ ” หันไปถามอาฟในตอนที่ได้ยิน อีกคนที่ก็แค่ยกไหล่
“ มึงเชื่อคนอย่างพวกมันได้ด้วยเหรอ ” บอกกันแค่นั้น แต่ก็เขินกันมากมาย จนต้องคว้ามือผมมาจับกันไว้แน่น อาฟก้าวนำออกไปเหมือนว่าอยากจะหนีไปให้ไกลจากพวกชอบแซวที่ทำให้ตอนนี้หัวใจเรามันเต้นระส่ำ
“ นี่ ”
“ อะไร ”
“ ขอบใจที่มานะ ” ผมบอก อาฟก็ผ่อนเท้าที่กำลังจะเดินให้ช้าลง มันหันไปเหลือบมองกลุ่มเพื่อนที่เดินตามมาแบบไม่ใกล้กันเท่าไหร่ เพราะแน่นอนว่าเอมกำลังถ่ายรูปเราที่กำลังเดินจับมือกันอยู่
“ กูก็แค่ว่างอยู่แล้ว ”
“ เออนั่นแหละ ” ตอบรับคำอ้างนั้นก่อนจะยิ้ม “ ขอบใจที่มึงมา ขอบใจที่มึงพาทุกคนมาเพราะกลัวว่ากูจะเหงาที่ไม่มีใครมายินดีด้วย ขอบใจที่ตั้งใจเรียนถ่ายรูปด้วยตัวเองเพื่องานของกู แล้วก็ขอบใจที่ตั้งใจอยากจะมาถึงขั้นไปซื้อเสื้อใหม่ ”
“ กูบอกว่า..”
“ ขอบใจนะมึงที่ดูแลกันมาตั้งแต่ตอนที่รู้จักกันวันแรก จนถึงวันนี้ ขอบใจที่มึงคอยอยู่ข้างๆกันมาตลอดเลย ” ร่างสูงที่ฟังคำนั้นหยุดฝ่าเท้าที่กำลังเดินตรงไปของเรา ตรงหน้าส่วนจอดรถที่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ เรายิ้มให้กัน “ มึงไม่ชอบอยู่ในที่ที่คนเยอะแต่มึงก็มา ไม่ชอบนั่งคอยใครนานๆแต่มึงก็คอยกู ขอบคุณที่ทำเพื่อกูนะอาฟ ”
“ เพราะมันคือมึง ” แล้วนั่นก็เป็นคำตอบสั้นๆ ของคนที่ยืนอยู่ข้างกันและทำสิ่งมากมายเหล่านั้นให้ด้วยใจแบบที่ไม่ต้องร้องขอ ทำให้แม้ว่านี่จะไม่ใช่ตัวตน และ ทำให้เพราะแค่รู้ว่าผมจะมีความสุขยิ่งกว่าใครในวันสำคัญนี้ “ รู้ใช่มั้ย ว่ากูอยากจะให้มึงมีความสุขมากที่สุด ”
“ รู้ ”
“ อื้ม ” ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้กันในตอนนั้น ผมหลับตาลงพร้อมรับจูบอบอุ่นจากริมฝีปากบางของคนตรงหน้า เสียงดังเบาๆในตอนที่เราสัมผัสกัน อาฟผละออก เรายิ้มให้กัน “ มึงรู้แล้วก็ดี ”
ในตอนนั้น ผมก็ได้แต่หวัง ว่าภาพจูบของเราจะไม่ถูกถ่ายไป โดยกลุ่มคนข้างหลังที่เฝ้ามองอยู่
......................................................................
สวัสดีปีใหม่ค่า
ทุกปีมีแค่คำอวยพร ปีนี้ทางหนมก็คือเตรียมของขวัญ ซึ่งก็คิดอยู่นานมากว่าจะเขียนพาสไหนดี
ไม่รุ้ทุกคนจำได้มั้ย แต่ผับชั้นสาม ลงตอนจบวันนี้ เมื่อปีที่แล้วเหมือนกันนะ เพราะงั้นก็ครบหนึ่งปีพอดีเลย
อีกอย่างพอดีได้กลับไปอ่านผับชั้นสาม ก็นึกคิดขึ้นมายังไม่มีพาสเลย ความอยากเขียนก็เลยประทุขึ้น แล้วกลายออกมาเป็นดอกผลให้ได้อ่านกัน
คิดถึงอาฟเมด และชาวผับชั้นสามมากจริงๆ
ท้ายนี้ ขอให้ปี 2020 เป็นปีที่ดีของทุกคนนะคะ
ขอให้เป็นปีแห่งความสมหวัง และความสุข ขอให้รอยยิ้มคงอยู่กับทุกคนไปตราบนานเท่านาน
ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้า และเงินทองก็ไหลเข้ามาไม่มีขาด
สำหรับปีนี้ หนมมี่ผู้ใส่ซื่อ ก็ขอฝากตัว ฝากผลงานด้วยนะคะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ