“ แล้วน้องเมดละมีพี่น้องมั้ย ”
“ ไม่มีพี่น้องแท้ๆหรอกครับ แต่มีน้องที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงที่อายุห่างกับเมดประมาน 4 ปีคนนึง ” แม่พยักหน้ารับในตอนที่ผมหันไปเล่าเธอ ในแววตาที่เหมือนจะเศร้าสร้อยลงไปนั้นตั้งคำถาม ผมรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ก็เลยบอกปัดความกังวลพวกนั้นออกไป “ น้องชื่อวิวครับ เป็นเด็กที่น่ารักมากๆ เรารักกันเหมือนพี่น้องแท้ๆเลยครับ เพราะโตมาด้วย ”
“ แล้วแม่เลี้ยงเป็นคนยังไง ใจดีมั้ย ”
“ ใจดีมากเลยครับ ใจดีเหมือนแม่จริงๆของเมดเลยนะแม่ เป็นคนที่ทั้งใจดี เข้าใจ แล้วก็อบอุ่นมากๆ ”
“ งั้นก็ดีแล้วละ ” เธอพูดพร้อมกับยิ้มออกมาในแววตานั้นของคนเป็นแม่เหมือนมันคลายความกังวลออกไป และนั่นก็เป็นท่าทางที่ทำให้ผมมีความสุข สุขที่ได้รับความเป็นห่วงเป็นใยจากหัวใจของอีกคนผ่านสายตาที่ไม่สามารถแกล้งทำเป็นรู้สึกได้ “ แล้วน้องเมดเป็นคนชอบดูหนังมั้ย ”
“ ชอบมากครับ แต่ว่าตั้งแต่คบกับอาฟมาก็ไม่ค่อยได้ดูเลย เพราะต้องทำงานที่ผับควบคู่ด้วย หาเวลาว่างไปดูยากมาก ”
“ แล้วน้องเมดชอบดูหนังแนวไหนละ ที่นี่มีหนังเยอะมากเลยนะ เพราะพ่อกับแม่ชอบดูหนัง ” แม่พูดแบบนั้นก่อนจะเอื้อมหยิบรีโมตที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมากดเปิดทีวี
“ ผมชอบดูหนังญี่ปุ่นครับ ” บอกอีกคนไปแบบนั้น แม่ก็หยุดชะงักแล้วหันมามองกันทันทีด้วยสายตาดีใจจนผมได้แต่งง
“ เหมือนกันเลย ” เธอยิ้ม “ มีรสนิยมนะเราน่ะ ”
“ ฮ่าๆ งั้นเหรอครับ ”
“ ที่บ้านนี้ไม่มีใครชอบดูหนังญี่ปุ่นเลยสักคน มีแม่ชอบดูคนเดียว แล้วทุกครั้งที่ดูพ่อเค้าจะเบื่อมากๆ เราก็เลยต้องสร้างห้องดูหนังสองห้องไง แยกกันดูไปเลย แนวใครแนวมัน ”
“ แต่หนังญี่ปุ่นมันเป็นสไตส์ที่ต้องตีความ บางเรื่องไม่บอกจุดจบแบบตรงๆ แต่เหมือนให้คิดเอง ไม่ว่าจะในหนังสือ หรือว่าในหนัง ก็เป็นแบบเดียวกันหมด หลายๆคนก็เลยไม่ชอบ แต่เมดว่าเสน่ห์ของมันก็อยู่ตรงนั้น อยู่ตรงที่เราจะได้คิดเองว่าเราจะรู้สึกยังไงกับมัน และได้ข้อคิดจากมัน อย่างอิสระ ”
“ ใช่เลย อย่างงั้นละ ” เธอพยักหน้ารับคำพูดของผม พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าไปในปอดก่อนจะผ่อนออกมาด้วยแววตามีความสุข “ นานๆครั้งจะมีคนเข้าใจในสิ่งที่แม่ชอบ รู้สึกดีจังเลย ”
“ แล้วแม่ชอบดูหนังเรื่องอะไรมากที่สุดครับ ”
“ จริงๆก็ชอบหลายเรื่องนะ ทั้งซีรี่ส์แล้วก็ตัวหนัง แต่ถ้ายังชอบมากก็คงเป็นเรื่อง ตับอ่อนของเธอฉันขอเถอะนะ กินใจมากเลย แต่เรื่อง พรุ่งนี้ผมจะเดตกับเธอคนเมื่อวาน ก็ชอบเหมือนกัน เลือกยากมากเลย ”
“ ผมยังไม่ได้ดูเลยครับ เรื่อตับอ่อน ผมซื้อหนังสือมาแต่ยังอ่านไม่จบเลยด้วย ”
“ แม่อยากจะได้หนังสือมาก แต่พี่เดย์บอกว่า สินค้ามันหมดไปแล้ว ” เธอหันมาบอกผมด้วยความตื่นเต้นในตอนที่รู้ว่าผมมีหนังสือ
“ งั้นแม่เอาของเมดไปอ่านมั้ยครับ ”
“ ได้เหรอ ” เธอถามย้ำด้วยแววตาที่ดูดีใจ ผมก็พยักหน้ารับ “ ให้แม่ยืมจริงๆนะ ”
“ ได้แน่นอนสิครับ แต่ว่ามันอยู่ที่บ้านเมด แม่รอก่อนได้มั้ย อีกสองสามวันเมดจะพาอาฟไปหาพ่อพอดี แล้วเมดจะเอามาให้นะ”
“ จะพาพี่อาฟไปแนะนำตัวกับที่บ้านเราเหรอ ”
“ ครับ ”
“ งั้นฝากบอกพ่อว่า จัดการลูกเขยได้เลยนะ เอาให้กลัวไปเลย ” หัวเราะออกมาตอนที่แม่เอียงตัวเข้ามากระซิบบอกกัน ในตอนนั้นผมก็อดแซวอีกคนไม่ได้
“ ทำไมแม่ใจร้าย ”
“ ก็อยากให้เจ้าลูกชายคนโตมีใครสักคนที่เจ้าตัวกลัวบ้างไง เพราะพี่อาฟน่ะนะ ไม่กลัวใครเลย แล้วพอคิดว่า คนที่ชอบทำหน้านิ่งๆไม่สนใจอะไร มากลัวพ่อตาตัวเอง มันก็น่าจะขำดีออก ” แม่ทำท่านึกด้วยความรู้สึกสนุกก่อนจะหันมามองผม “ แล้วพ่อน้องเมดเป็นคนยังไง ใจดีมั้ย ”
“ ก็ใจดีนะแม่ ” ผมบอก “ ก็คงคล้ายๆพ่อมั้งครับ ”
“ เป็นคนมีเหตุผลงั้นเหรอ ”
“ ประมานนั้นครับ ” พยักหน้ารับอีกคน แม่ก็ยิ้มให้ผมก่อนจะหันไปมองทีวีแล้วหันมาบอกกัน
“ มาดูหนังกันมั้ย เรื่องตับอ่อนของเธอไง ”
“ แต่ว่าแม่ดูแล้วไม่ใช่เหรอ ”
“ ดูอีกรอบจะเป็นอะไรไปละ หนังที่ชอบต่อให้ดูอีกสิบรอบ ก็ยังเป็นหนังที่อยากดูอยู่ดี ” อีกคนบอกก่อนจะกดรีโมตหาหนังเรื่องนั้นทันทีแต่ก็ชะงักไปในตอนที่เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “ แต่จะว่าไปนะ แม่ยังไม่คิดเมนูอาหารเที่ยงเลย น้องเมดอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย ”
“ เมดอยากกินอาหารฝีมือแม่ครับ ” ผมพูดเชิงอ้อน “ เมื่อวานตอนเย็น เมดได้กินลอดช่องน้ำกระทิของแม่มันอร่อยมากๆเมดอยากกินอีก แต่มันหมดแล้ว ”
“ ช่างอ้อนเหมือนกันนะเรา ” เธอพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน “ งั้นเราไปหาซื้อของสดกันที่ตลาดก่อน แล้วกลับมาทำมื้อเที่ยงกันดีกว่า ส่วนหนังเราค่อยมาดูกันหลังมื้อเที่ยงดีมั้ย ”
“ งั้นเราแวะซื้อขนมมานั่งกินไปดูไปด้วยดีมั้ยแม่ ”
“ เป็นความคิดดีที่มากเลย ” เธอว่าแบบนั้นก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเงินตรงชั้นวาง ผมเองก็ลุกเดินตามออกไปนอกห้อง “ แต่น้องเมดขับรถไปนะ ”
“ ผมเหรอครับ ” ทวนคำพูดนั้นกับอีกคนด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆไปให้แม่ “ แม่ คือว่านะครับ เมดขับรถไม่เก่งขับไม่เก่งแบบ ไม่เก่งเลยนะครับแม่ ล่าสุดคือ ขับเอียงไปซ้ายทีขวาทีตลอดเลย จนต้องจอดให้น้องชายเข้าไปอ้วกในปั้ม ”
“ นั่นก็เพราะว่าเกร็งเกินไปต่างหาก ” เธอว่าก่อนจะก่อนโบกมือปัดๆแบบไม่สนใจและไม่มีความกลัวอะไรทั้งนั้น
“ เมดว่า เราไปเรียกน้องเดย์ ไม่ก็อาฟให้ลุกขึ้นมาขับรถให้เรามั้ยครับ ”
“ ไม่ต้องหรอก สองคนนั้นคงจะตื่นหลังสิบเอ็ดโมงไม่ก็เที่ยงนั่นแหละ ” แม่ยังคงย้ำแบบนั้นก่อนจะพาผมเดินออกมาที่ลานจอดรถแบบที่ไม่ได้ฟัง หรือใส่ใจในสิ่งที่ผมพูดเลย “ เอาคันไหนไปดีละ ”
“ แม่คือว่า เมดไม่กล้าขับนะแม่ รถมันแพง ”
“ งั้นเหรอ ” เธอหันมาพูดก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วมองไปรอบๆ ด้วยท่าทางที่กำลังครุ่นคิด “ งั้นไปคันนั้นแล้วกัน ” แม่ชี้ไปที่รถญี่ปุ่นคันเล็กที่เหมือนจะเป็นคันที่ถูกที่สุดแล้วในบ้านนี้ “ คันนั้นเป็นรถจ่ายตลาด เราไปคันนั้นก็ได้ ชนได้เลยไม่มีปัญหา ค่อยเรียกประกัน ”
‘ สุดยอดเลยว่ะ คนบ้านนี้ ’ ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้แม่ ในตอนนั้นเธอก็ดันหลังผมให้เดินไป
“ ไปกัน ไปกัน ช้าเสียเวลาจะได้กลับมาดูหนังอีก ”
“ แม่ไม่กลัวเหรอ ”
“ แม่ไม่กลัว ” เธอบอกก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ กลัวอะไร ตอนพี่อาฟหัดขับรถครั้งแรก แม่ก็นั่งไปด้วยนะ แล้วมันก็ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าตอนนั้นแล้ว เพราะเล่นเหยียบยังกับขับรถของเล่นเลย หัวใจแทบวาย ” พูดย้ำกันแบบนั้นก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถแล้วเอามาให้ผม “ นี่ครับ ไปเลยลูก ขับไม่เป็นก็ต้องฝึกฝนเยอะๆ จะได้เก่งๆไง มัวแต่กลัว มัวแต่คิดว่าขับไม่ได้ มันก็จะขับไม่ได้นะ ”
“ ไปก็ไปครับ ” พูดออกมาเสียงเบาๆ ก่อนจะกดล็อคประตูรถแล้วเข้าไปนั่งด้านใน ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะสตาร์ทรถแล้วเดินเครื่องไปข้างหน้าช้าๆ พร้อมกับคนข้างๆที่ก็ให้กำลังใจกันสุดๆ
“ ตลาดอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่ ไม่อันตรายหรอกเชื่อแม่ สูดหายใจเข้าลึกๆ บอกตัวเองไว้ว่าเราทำได้ แล้วเราก็จะทำได้ เดี๋ยวแม่ช่วยดูซ้ายขวา ” ยังคงย้ำกันอย่างมั่นใจ ส่วนผมก็ได้แต่ขับรถออกไปพร้อมกับท่องบทสวดมนต์ในใจไปตลอดทาง ขอพรพระด้วยบุญที่เหมือนจะสั่งสมมาทั้งชีวิตว่า ‘ ขอให้ลูกเดินทางไปกลับอย่างปลอดภัยด้วยเถอะ ’
“ แถวนี้มีร้านทาร์ตอร่อยๆด้วยนะ เราแวะซื้อกันขากลับดีกว่านะ ”
“ ได้เลยครับ ” พยักหน้ารับกับคนข้างๆที่ก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความสุขใจ โชคดีอีกอย่างคือบนถนนวันนี้ไม่ค่อยมีรถสัญจรเท่าไหร่ ผมกดไฟเลี้ยวเข้าไปในทางเข้าตลาดที่ห่างจากบ้านไม่ไกลมากเท่าไหร่โดยประมานคิดว่าก็น่าจะแค่ 7 กิโลเมตรเท่านั้นเอง
“ เลี้ยวเข้าไปจอดตรงนี้เลย ใกล้ๆปากทางเข้า ”
“ โอเคครับ ” จอดรถลงเรียบร้อยตามคำสั่งแม้จะเอียงอยู่นิดหน่อยแต่ก็ยังอยู่ในช่องทางจอด ผมดึงเบรคมือขึ้นแล้วตอนที่ถอนหายใจโล่งออกมาแม่ก็หันมาชม
“ เก่งมาก เห็นมั้ยว่าขับได้ ” เธอพูดเสริมความมั่นใจให้ผมก่อนจะเดินนำเข้าไปในตลาดด้านในที่ก็แตกต่างจากตลาดทั่วไปที่เคยเห็นอยู่มาก เพราะมันเป็นตลาดที่ดูสบายตาแถมยังสะอาดเอามากๆ ของทุกอย่างถูกจัดเป็นล็อคสินค้าดูน่าซื้อหา แยกโซนผลไม้ ผัก เนื้อ และอาหารปรุงสุกอย่างชัดเจน และที่สำคัญ มันคือตลาดติดแอร์
‘ สุดจริงแถวนี้ ไฮโซยันตลาด ’ คิดแบบนั้นในใจก่อนจะหันไปบอกคนข้างๆ “ ตลาดที่นี่สวยจังเลยแม่ สะอาดมากเลย ”
“ ใช่มั้ยละ ” แม่พยักหน้ารับ ก่อนจะมองไปรอบๆ “ แต่กินอะไรกันดีละมื้อเที่ยงนี้ กุ้งผัดซอสมะขามมั้ย เป็นอีกเมนูโปรดของพี่อาฟเลยนะ ”
“ งั้นก็ได้ครับ เมดอยากรู้ว่าอาฟชอบกินอะไร ” หันไปบอกแบบนั้นแม่ก็ตรงไปที่ล็อคขายอาหารทะเลทันที
“ แล้วปกติ เวลากินข้าวกัน พี่อาฟเค้าไม่บอกเหรอว่าอยากกินอะไรไม่อยากกินอะไร ”
“ ไม่เคยเลยครับ อาฟชอบพูดว่า กินอะไรก็ได้ เป็นคนที่กินง่ายที่สุดในชีวิตของเมดแล้วแม่ ตั้งแต่คบกันมานานๆครั้งถึงจะพูดออกมาสักครั้งว่าอยากจะกินอะไร ”
“ รักกันน่าดูเลยนะ ” เธอหันมาแซวผมที่ก็ยิ้มออกมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร “ รายนั้นไม่เคยตามใจใครรู้มั้ย เป็นคนที่ทำตามใจตัวเองสุดๆ แต่เหมือนว่า พี่อาฟจะเปลี่ยนไปแล้วละนะ ตั้งแต่เจอน้องเมด ”
“ คุณนาย สวัสดีค่ะไม่เจอกันตั้งนาน วันนี้ออกมาซื้อของเองเลยนะคะ ” แม่ค้าที่เห็นแม่เดินเข้าไปใกล้เอ่ยทักเราที่กำลังคุยกัน ผมก้มหน้าที่กำลังเขินนั่นลงก่อนจะยกมือไหว้คุณน้าขายกุ้งที่ก็พยักหน้ารับคำทักทาย “ วันนี้พาใครมาด้วยคะเนี้ย ไม่เคยเห็นหน้าเลย ”
“ เอ่อ ผมเป็นเพื่อน.. ” ปากที่กำลังตอบของผมแต่ยังไม่ทันหมดประโยคที่ตั้งใจไว้แม่ก็พูดขัดขึ้นก่อน
“ คนนี้เป็นแฟนของลูกชายน่ะค่ะ เค้าพามาแนะนำที่บ้าน ก็เลยพาออกมาชอปปิ้งของไปทำมื้อเที่ยงกันสักหน่อย ” คำพูดที่ทำให้ผมหันไปมองคนตอบนิ่งๆ แต่ในตอนนั้นแม่กลับไม่ได้สนใจสายตาของคุณป้าขายของที่มองมาด้วยสายตาอึ้งอยู่ไม่น้อย เพราะคงไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนั้น คำพูดที่อีกฝ่ายแนะนำกันในฐานะนั้น ฐานะที่อีกคนพูดออกไปจากปากเองว่า ‘ เป็นแฟนของลูกชาย ’
“ หน้าตาน่ารักจังเลยนะคะ ” แม่ค้าเอ่ยชมผมก่อนจะยิ้มให้กัน
“ ใช่ค่ะ ตอนนี้ก็มาเป็นลูกชายอีกคนหนึ่งแล้ว ”
“ แล้ววันนี้จะซื้อกุ้งไปทำอะไรกันเหรอคะ ”
“ จะซื้อไปทำกุ้งผัดซอสมะขามนะคะ ” แม่ตอบก่อนจะหันมาถามผม “ เอากุ้งลายเสือดีกว่านะน้องเมด ดูสิ ตัวอ้วนมาก เนื้อน่าจะแน่นดี ”
“ ก็ได้นะแม่ ”
“ งั้นเอาสักสองกิโล ช่วยเลือกให้ด้วยนะคะ ”
“ ได้เลยค่ะ คุณนาย ” แม่ค้ารับคำสั่งซื้อของแม่ก่อนจะเดินมาจัดการเลือกกุ้งตัวใหญ่ๆให้เราตามที่สั่ง แล้วในตอนนั้นแม่ก็หันไปเจอปลาสดๆตัวใหญ่เข้าพอดี
“ ซื้อปลาไปด้วยดีมั้ย แล่เอาแต่เนื้อคลุกแป้ง ทำปลาสามรส น่าจะอร่อยดีนะ ”
“ แล้วก็มีผัดผักอะไรสักอย่างดีมั้ยครับ แล้วก็พวกต้มจืด ไม่ก็พวกแกงที่เผ็ดหน่อย ” ผมเสนอ
“ แต่เมื่อวานก็กินต้มยำไปแล้ว เที่ยงนี้แกงจืดใส่ผักรวมน่าจะโอเคกว่านะ ส่วนผัดผักก็เป็น ผัดผักรวม แม่ว่าน่าจะเข้าท่า ”
“ ก็ได้ครับ ” เราเดินไปซื้อของตามที่คิดเมนูไว้ ผมเป็นคนถือถุงทั้งหมดพวกนั้นให้แม่ที่ก็เดินไปยิ้มไปให้กับคนที่เอ่ย ทักทายแทบจะทุกร้าน และคำถามฮอตฮิตที่ตอบทุกร้านด้วยเช่นกันก็คือ ‘ คนนี้เป็นแฟนลูกชาย เป็นลูกชายคนใหม่ ’ คำตอบที่ชวนให้ผมได้แต่ยิ้มเขินกับแม่ค้าพ่อค้าทุกร้าน คำตอบที่ชวนให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ในตอนนี้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิดไปแล้ว
“ เดี๋ยวเราแวะร้านขนมที่ห้าง ข้างหน้าด้วยนะ ”
“ ได้เลยครับ ” พยักหน้ารับตามคำสั่งในตอนที่เรากลับเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย ของเยอะแยะมากมายที่ท้ายรถชวนให้คิดจินตนาการถึงมื้อเที่ยงที่บอกเลยว่าผมแทบจะอดใจกับมื้อเที่ยงของวันนี้ไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะสละลอยแก้วที่รู้สึกถึงความสดชื่นที่ลอยขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลิ้นลอง “ แต่ว่าแม่ทำขนมไทยอร่อยมากเลยนะครับ แม่ชอบทำเหรอ ”
“ ไม่ได้ชอบอะไรหรอก ” อีกคนตอบในตอนที่ดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ “ แต่ที่ทำได้เพราะที่บ้านแม่ คุณยายของพี่อาฟ เค้าเปิดร้านอาหารไทย แล้วก็ขนมไทยน่ะ แม่ก็เลยทำมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว มันอยู่ในสายเลือด ”
“ ฮ่าๆ งั้นเหรอครับ แล้วตอนนี้ร้านยังเปิดอยู่มั้ย ”
“ เปิดนะ พี่สาวของแม่เค้าสืบต่อกิจการร้านอยู่น่ะ ก็เป็นธุรกิจในครอบครัวของทางนั้นแล้ว แต่แม่มีเมนูเด็ดด้วยนะ ”
“ อะไรเหรอครับ ”
“ ขนมเปี๊ยะ ไว้ถ้าแม่ว่างจะทำให้กินนะ รับรองว่าอร่อยเด็ดไม่มีเจ้าไหนสู้ไหนเลยละ ”
“ จะรอชิมเลยครับผม ” หันมาพูดกับแม่แบบนั้นรอยยิ้มของเราที่ยิ้มให้กัน ก่อนที่ผมจะค่อยๆชะลอรถเพราะสัญญาณไฟแดงที่ปรากฏขึ้นพอดี
ความเงียบคืบคลานเราสองคนอีกครั้ง เป็นความอึดอัดที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนชวนให้ผมไม่กล้าแม้จะหันไปมองคนข้างตัวที่เหลือบมามองกันอยู่หลายครั้ง ท่าทางที่เหมือนอยากจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง ทำให้ผมไม่กล้าแม้จะถามออกไปด้วยซ้ำว่าไม่อะไรหรือเปล่า เพราะไม่รู้ว่ามันจะกลายเป็นการเสียมารยาทต่อผู้ใหญ่มั้ย
“ น้องเมด ” แม่เอ่ยเรียกผม แล้วในตอนที่หันไปมองเธอก็ยิ้ม “ แม่ขอโทษนะ สำหรับเรื่องเมื่อวาน ” ได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาให้อีกคนด้วยความรู้สึกที่บอกกันด้วยท่าทางว่า ‘ ไม่เป็นไร ’ “ ผู้ใหญ่บางคนไม่ค่อยชอบพูดขอโทษกับเด็ก ทั้งๆที่ตัวเองก็ผิด ผู้ใหญ่หลายๆคน ชอบทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แล้วปล่อยให้ทุกอย่างมันหายไปกับกาลเวลา ตอนเด็กๆแม่ชอบผู้ใหญ่แบบนั้น แม่เลยจะไม่เป็นผู้ใหญ่แบบนั้น เพราะงั้นแม่ขอโทษเราด้วยนะ แม่ขอโทษที่แม่พูดจาไม่ดีกับเรา พูดกระแทกใส่เรา ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ”
“ แม่ ” ผมเอื้อมมือไปมืออีกคนที่กำลังพูดขอโทษอยู่อย่างงั้นด้วยความรู้สึกผิดในใจ “ เมดเข้าใจแม่นะ เมดไม่โกรธแม่หรอกครับ ไม่เป็นไร ” ยิ้มกว้างให้เธอตอนที่พูดประโยคนั้นจบ “ ก่อนจะมาที่นี่ จริงๆเมดก็เตรียมใจมาแล้ว ว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ ”
“ แบบที่แม่ร้ายใส่เราน่ะเหรอ ”
“ เรียกว่า หวงลูกชายดีกว่า ” ผมบอก “ คนเป็นแม่ น้อยคนจะเข้าใจในครั้งแรกที่เห็นลูกสะใภ้ของตัวเองเป็นผู้ชาย เมดเข้าใจแม่ มันไม่เป็นอะไรเลยที่แม่จะรู้สึกไม่ชอบกันตั้งแต่ครั้งแรก เพราะเมดก็ตั้งใจมาแล้วว่าจะพยายามเข้าหาแม่แล้วก็ทำให้แม่ชอบเมดให้ได้ ”
“ ทำไมละ ทำไมต้องพยายามด้วย ไม่ชอบก็ไม่เป็นไรเลยนะ สำหรับพี่อาฟเค้าไม่แคร์หรอก ”
“ คนที่บอกว่าไม่แคร์ คือคนที่แคร์ที่สุดนะครับ ” แม่ยิ้มออกมาตอนที่ผมบอกเธออย่างงั้น “ ตั้งแต่ที่คบกันมา ไม่เคยมีสักครั้งที่อาฟจะเลือกเสื้อให้ผมใส่ แต่ว่าเมื่อวาน อาฟเลือกเสื้อให้ผมใส่เป็นครั้งแรก แล้วนั่นก็คือสิ่งที่บอกกันว่า อาฟอยากให้แม่ชอบเมด เมดก็เลยอยากจะพยายามเพื่ออาฟ อาฟที่ก็พยายามแล้วก็ดูแลเมดมาตลอด ” ถอนหายใจออกมายิ้มๆตอนที่พูดประโยคนั้น “ ผมอยากมีอาฟอยู่ในชีวิตตลอดไปเลยครับแม่ แม่ให้อาฟคบกับเมดนะ เราสัญญา ว่าเราจะดูแลกันและกันให้ดีที่สุดเลยครับ ”
“ นี่กำลังขอลูกชายแม่จากแม่เหรอ ”
“ ครับ ” ผมพยักหน้ารับกับเธอที่ก็หลุดหัวเราะออกมา
“ มันควรจะเป็น พี่อาฟเค้าไปขอน้องเมดจากพ่อแม่น้องเมดมั้ยลูก ”
“ แม่ก็รักอาฟไม่ต่างอะไรกับที่พ่อรักเมด เมดเลยคิดว่างั้นเมดก็ควรขออาฟจากแม่เหมือนกัน ” ผมหันไปจ้องเธอด้วยความรู้สึกที่มันตื้นตันอยู่ในใจ น้ำตาหยดใสรื้นขึ้นมาที่หน่วยตา ในวินาทีที่ผมจ้องเธอในแววตานั้นก็คลอไปด้วยหยดน้ำตาไม่ต่างอะไรกับผม “ เมดอาจจะไม่ใช่ผู้หญิง อาจจะไม่ได้ เหมาะสม แต่สิ่งที่เมดมีไม่แพ้ใครเลย คือความรู้สึกที่มีให้อาฟ เมดอยากมีอาฟในทุกวัน แล้วก็อยากจะมีอาฟเป็นที่รักแบบนี้ไปตลอด ขอให้เมดรักอาฟนะแม่ ขอให้เราได้รักกัน ขอให้เมดเป็นลูกแม่อีกคนได้มั้ย ”
“ ได้สิ ” เธอเอื้อมมือมาจับที่หัวของผมก่อนจะลูบเบาๆ “ ต่อไปนี้มาเป็นลูกชายแม่อีกคนนะ ”
“ ครับ ”
“ พี่อาฟน่ะ แม่ฝากน้องเมดด้วยนะ รักกันดีๆ มีอะไรก็คุยกันด้วยเหตุผล ” แม่หยุดนิ่งไปตอนที่พูดคำนั้นเธอยิ้ม “ แต่แม่คงไม่ต้องพูดอะไรเยอะหรอกเนอะ เพราะเชื่อว่า เราคงผ่านอะไรกันมาเยอะก่อนจะมาเจอแม่แล้วละ เพราะคนอย่างที่พี่อาฟ ถ้าเค้าไม่มั่นใจ เค้าคงไม่พาน้องเมดมาหาแม่ ”
“ ครับ ”
“ ขอโทษอีกนะน้องเมด ”
“ ไม่เป็นไรครับ ” ผมส่ายหน้าให้แม่อีกครั้ง แล้วตอนนั้นไฟสัญญาณสีเขียวมันก็ฉายขึ้น
“ เดี๋ยวแม่เลี้ยงทาร์ตเป็นการไถ่โทษนะ แล้วก็เค้กมะพร้าวด้วยดีมั้ย อ้อ แต่ว่าเค้กมัคคาเดเมียที่ก็อร่อยมากเหมือนกันนะ ”
“ งั้นก็กินหมดเลยครับ อะไรอร่อย เมดก็จะกินมันทั้งหมดเลย ”
“ งั้นตีไฟเลี้ยวซ้ายแวะเข้าไปที่ห้างข้างหน้าได้เลยจ้ะ ”
“ รับทราบครับ ” เสียงตอบรับของรอยยิ้มในวินาทีนั้น ความรู้สึกมีความสุขที่เกิดขึ้น เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาของชีวิตที่ผมคงจดจำมันไว้ตลอดไป
ขับกลับมาถึงบ้านในตอนที่แวะซื้อทั้งทาร์ตไข่และเค้กอย่างที่ตั้งใจไว้เสร็จ ผมจอดรถลงที่ที่จอดของมันเช่นเดิม ก่อนจะกดเปิดฝากระโปรงรถเพื่อให้พี่ๆแม่บ้านเดินมาขนของที่ซื้อมาเข้าไปในด้านใน แต่ทว่าตอนที่ผมกำลังจะช่วยขนของพวกนั้นอยู่ เสียงของลูกชายคนโตของเจ้าของบ้าน ก็เอ่ยทักกันก่อน
“ ไปไหนมา ”
“ อ้าว มึงตื่นแล้วเหรอ ” ผมยกมือถือขึ้นมาดูเวเลาที่ตอนนี้ก็บอกเวลาใกล้สิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้ว ‘ เราออกไปชอปปิ้งนานเหมือนกันนี่หว่า ’ เงยหน้ามองสายตาคมที่ยังคงจ้องมองกันอย่างต้องการคำตอบ “ ไปซื้อของกับแม่มาที่ตลาดใกล้ๆนี่ ”
“ ใครขับ ? มึง ? ”
“ ถูกต้องนะครับ ” ชี้นิ้วใส่อีกคนอาฟก็นิ่งไป “ แต่แม่ก็ไปด้วยนะ แม่บอกด้วยว่ากูขับเก่ง ไม่เห็นเหมือนที่มึงบอกว่ากูขับไม่เก่งเลย ”
“ แล้วนั่นไปสนิทกันตอนไหน ” คำถามของอีกคนที่เชิดไปทางในครัวเป็นการที่บอกให้รู้ว่าคนที่หมายถึงก็คือ ‘ แม่ ’ อย่างไม่ต้องสงสัย
“ ตอนที่มึงหลับไง ” ยักคิ้วให้อีกคนก่อนจะยิ้มกว้างให้อาฟ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรมากกว่านั้นเสียงเตือนจากมือถือก็ดังขึ้นมาก่อน ผมกับอาฟที่ก้มลงมือถือพร้อมกันในตอนนั้น บนหน้าจอที่ปรากฏชวนให้ผมยิ้มเพราะมันคือข้อความไลน์ที่แจ้งเตือนว่า ผมถูกลากเข้าไปในกรุ๊ปที่ชื่อว่า ‘ W. family ’ ที่ย่อมาจากอักษรตัวแรกของนามสกุลอาฟเป็นที่เรียบร้อย และคนที่เชิญผมเข้าไปไม่ใช่ใครที่ไหนนั่นคือ แม่คนที่ขอไลน์ผมในตอนที่เราอยู่ด้วยกันในร้านเค้ก
“ หมายความว่าไง ” อาฟเอ่ยถามตอนที่เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอ แต่ก่อนที่ผมจะตอบอะไร เสียงจากในครัวก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เสียงที่ทำให้ทั้งผมทั้งอาฟยิ้มให้กันในตอนนั้น
“ น้องเมดครับ เข้ามาช่วยแม่ในครัวหน่อย ”
“ ได้ครับแม่ ” ผมตะโกนตอบกลับก่อนจะหันมามองอีกคน “ น้องเมด ลูกชายคนใหม่ของแม่ ขอตัวก่อนนะครับพี่อาฟ ”
“ ทำได้ไงวะ ” คำถามที่อีกคนเผลอพูดออกมาแบบงงๆ ก่อนจะก้มหน้าลงในตอนที่เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ อาฟยกยิ้มขึ้นมาในตอนนั้น “ บางทีมึงก็แค่อาจจะเป็นตัวเอง ”
แล้วนั่นก็เป็นคำพูดสั้นๆของอาฟ ในตอนที่ผมเดินออกมาครับ
................................................................
อยากเขียนด้วยความรู้สึกอบอุ่น
ของทั้งความเป็นครอบครัว และ ความเป็นแม่ยาย
น้องเมด เป็นคนที่พื้นฐานน่ารักอยู่แล้ว อย่างที่ทุกคนรู้ แล้วหนมก็ไม่อยากจะให้แม่พี่อาฟร้ายด้วย
เพราะจากการที่เลี้ยงพี่อาฟน้องเดย์ ให้ออกมามีความคิด น่ารัก แบบนี้ได้
เรามองว่าก็ต้องเป็นคนที่เหตุผลในระดับหนึ่งเหมือนกัน เนอะ
นิยายเรื่องนี้ เปิดจองให้รวมเล่มกันอยู่นะคะ
ปิดจองวันที่ 5 เมษายนนี้ค่ะ
เจอกันตอนพิเศษหน้าในวันที่ 9 มีนาคม นะคะ
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า