ตอนที่ 25
‘ ปวดหัว ’ ความรู้สึกแรกหลังจากตื่นนอนของผมเป็นแบบนั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาพลางขยับตัวเองจะพลิกไปอีกทาง แต่ทว่าแรงของอ้อมกอดที่ขยับกอดกันไว้แน่นของอีกคนชวนให้ผมดึงตัวเองกลับไปซุกในอ้อมกอดของมันในช่วงเวลาเช้าของวันนี้ มันก็รู้สึกแปลกอยู่ ทั้งๆที่มันก็ยังเป็นอ้อมกอดเดิมของคนเดิม แต่วันนี้มันกลับรู้สึกอบอุ่นมากกว่าทุกวัน ไม่รู้เพราะว่าเราเพิ่งผ่านเรื่องที่ไม่สบายใจมาด้วยกันรึเปล่า ถึงได้รู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆของเรามันดีขึ้นแบบนี้
ผมหลับตาเผลอคิดถึงทุกคำพูดและทุกการกระทำที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ก็รู้สึกว่าตัวเองเมาแต่ไม่ได้รู้สึกว่าจะเมาจนจำอะไรไม่ได้เลยขนาดนั้น แค่สมองมันตื้อๆ เหมือนขาดความคิดบางส่วนไป บางส่วนที่อาจจะเรียกว่า มารยาท ไม่ก็ ความรู้สึกผิดชอบในเรื่องที่สมควรทำและไม่สมควรทำ ‘ ก็จำได้ว่าเมื่อคืนขอไอ้อาฟมีเซ็กส์ด้วย แถมยังจะเอามือไปจับตรงนั้นแล้วเสนอตัวจะทำให้อีก ’ แค่เพราะตอนนั้นผมคิดว่าแม้เราจะพูดเคลียร์กันแล้วแต่ดูเหมือนอาฟจะยังรู้สึกแย่อยู่ ผมรู้สึกว่ามันยังไม่เข้าใจ
ถอนหายใจออกมา ผมรู้สึกหน้าซีดเหมือนจะเป็นลมตอนที่คิดถึงตัวเองที่ไร้สติขนาดนั้น อยากจะฉีกพื้นคอนโดหนีไปให้ไกล ไม่รู้คิดอะไรถึงพูดออกไปแบบนั้น ราวกับว่า จะไม่ยอมเสียไปไม่ว่ายังไงก็จะรั้ง แต่พอมาคิดตอนนี้รู้สึกว่ามันช่างเป็นความคิดที่สิ้นคิดสิ้นดี นอกจากลดคุณค่าตัวเองแล้ว ยังดูใจง่ายอีก ขอสาบานเลยว่าต่อไปนี้จะไม่กินเหล้าอีก ให้ตายยังไงก็ไม่แตะต้องมันอีกเลย
“ หมวย ตื่นยัง “ ผมนอนนิ่งตอนได้ยินเสียงถามเบาๆจากคนที่กำลังกอดกันไว้ ขมวดคิ้วพลางทวนประโยคของมันแล้วคิดในใจ
‘ ใครแม่งหมวยวะ กูเหรอ หรือมันกำลังละเมอ ถึงกิ๊กสักคนแล้วคนคนนั้นชื่อหมวย ’ ทำทีเป็นหลับต่อไม่สนใจอะไรในตอนที่อาฟขยับตัวขึ้นมาแล้วหอมแก้มของผมไปแบบเต็มฟอด เรียกได้ว่าเหมือนกดจมูกเข้ามาบี้กับแก้มผมแบบสุดแรงเลยก็ว่าได้ กูพบตัวการที่ทำให้กูตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกเจ็บแก้มในทุกเช้าแล้ว
“ หมวยตื่นได้แล้ว ป๊าเรียกให้ไปขายซาลาเปา “
‘ อ๋อ มันเรียกกูนี่เอง ’ ผมยิ้มอยู่ในใจ แต่ว่าทำไมต้องขายซาลาเปาด้วยวะ นี่คือ แอบด่ากูถูกมั้ย ?
“ หมวย ตื่นไปขายซาลาได้แล้ว ป๊าเรียก “ ย้ำกันอีกครั้งก่อนจะหอมแก้มอีกข้างไปแบบรุนแรงเหมือนเดิม ก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันมีมุมนี้ มุมที่ฟัดแก้มแฟนตอนเช้าแบบไม่ให้รู้ตัว ‘ น่ารักว่ะ ’ ผมเผลอยิ้มออกมาก่อนจะกอดอีกคนไว้แน่นด้วยความสุข แล้วตอนนั้นอาฟก็ถามด้วยเสียงเข้มที่เปลี่ยนไป “ ตื่นแล้วเหรอวะ “
“ อื้ม “ เผลอกลั้นขำกับท่าทางของมัน ก่อนจะหลุดยิ้มกว้างเพราะฝืนไว้ไม่ไหว อะไรจะขี้เก็กได้ขนาดนั้นว่ะคนเรา ผมไม่ต้องลืมตาด้วยซ้ำแต่ก็พอรู้ว่าคนขี้เก็กคงกำลังปั้นหน้านิ่งแบบไม่เคลื่อนไหวใดๆ หูแดงๆของอาฟตอนนี้คงใกล้ระเบิด บางทีอาจจะลามมาถึงหน้า
“ ตั้งแต่เมื่อไหร่ “
“ ตั้งแต่ หมวย ตื่นยัง “
“ ส้นตีน “ มันสถบ ผมก็ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะกระชับอ้อมกอดที่กอดอีกคนไว้ ดึงตัวเองขึ้นจูบที่ปลายคางของอีกฝ่ายแล้วเลื่อนขึ้นไปจูบที่ริมฝีปาก
“ กูทำบ้างละกัน มึงจะได้ไม่เขิน ตกลงมั้ย “ มันเลิกคิ้วมองผมที่พูดขึ้นมาแบบนั้นอย่างไม่เข้าใจ “ มึงปลุกกูด้วยการฟัดแก้มกูทุกเช้าเลยใช่มั้ยละ “
“ เพิ่งครั้งแรก “
“ ตอแหล “ ผมเถียง “ ถ้าครั้งแรกทำไมกูต้องเจ็บแก้มทุกเช้าวะ “ มันเงียบไปผมก็ยกยิ้มเพราะรู้ว่านี่คือท่าทีแห่งการจำยอมของอีกคน “ มึงปลุกกูด้วยการหอมแก้มกูทุกเช้า ต่อไปนี้กูจะจูบมึงแบบจุ๊บๆตอนตื่นนอน ดีมั้ย “
“ เอาที่มึงสบายใจแล้วกัน “ หูแดงๆของมันบอก อาฟหันไปอีกทางผมก็ยิ้มก่อนจะดึงตัวเองลงมานอนเหมือนเดิม เรากอดกันอยู่แบบนั้นในเวลาเช้าที่ไม่ยอมมีใครลุกไปไหน ความเงียบที่ปกคลุมอยู่ภายในห้องแต่กลับรู้สึกอบอุ่นราวกับมีเสียงพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา
บางทีอาจจะมาจากอ้อมกอดของผมที่กอดอีกคนไว้หรือไม่ก็อาจจะเป็นมือของอาฟที่ลูบหัวผมไม่หยุดเลยทำให้บรรยากาศของเราในเช้านี้มันดีแบบนี้
“ เมื่อคืนจำได้มั้ยว่าทำอะไรลงไปบ้าง “
“ ทำอะไร ? “ เงยหน้าถามมันงงๆ ผมเปิดผ้าห่มออกดูแต่ก็ไม่ได้มีอะไรโป๊เปลือยทั้งนั้น มากสุดก็คือยังอยู่ในชุดเดิมตอนเย็นและยังไม่อาบน้ำ ดมไปตามเนื้อตัวก็ไม่ได้อ้วกแต่อย่างใด จัดว่ายังหอมอยู่ด้วยซ้ำไม่ได้มีกลิ่นเหม็นเหงื่อ “ ก็ไม่มีอะไรนะ ”
“ แล้วใครให้มึงกินเหล้า ” เสียงเรียบๆที่เอ่ยถามผมเหลือบมองมัน ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดีถ้าตอบออกไปตรงๆ น้องอัยย์จะโดนอะไรมั้ย ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกโอเค หรือไม่โอเคกับการที่น้องมาหลอกล่อให้ผมเมาแบบนี้ “ ว่าไง ใครเป็นคนเอาเหล้าให้มึงกิน ไอ้เดย์หรือไอ้อัยย์ “
“ กูกินเอง คืออยากลอง ”
“ งั้นเหรอ “
“ อื้อๆ น้องไม่เกี่ยวหรอก กูอยากลองเองแหละ น้องก็เลยทำให้กิน “ อีกคนพยักหน้ารับยิ้มๆก่อนจะถอนหายใจออกมาเซ็งๆ
“ ว่าจะให้รางวัลมันสักหน่อยที่ทำให้มึงกับกูคืนดีกัน แบบนี้คงไม่ต้องให้แล้วมั้ง เพราะมึงอยากจะกินเอง “
“ มึงจะให้อะไรอะ “ ผมถามอาฟก็ทำท่าคิด
“ เงินมั้ง เป็นของที่พวกมันอยากจะได้ที่สุดนี่จริงมั้ย “
“ งั้นให้น้องอัยย์นะ “ คนตรงหน้าผมยิ้มตอนที่เอ่ยบอกความจริงไป แต่ในแววตาผมรู้สึกว่าผมพลาดยังไงก็ไม่รู้ที่เผลอพูดอะไรแบบนั้น
“ ไอ้อัยย์สินะ “
“ มึงอย่าไปทำอะไรน้องมันนะ ห้ามว่าด้วย “ ดักความคิดที่จะทำร้ายน้องของมันไว้ อีกคนก็ยกคิ้วงงก่อนจะก้มลงมามอง
“ ทำไม ? “
“ ก็น้องไม่ได้ผิดอะไร ก็แค่ชงเหล้าให้กูกินเท่านั้นเอง อีกอย่างกูว่ามันก็โอเค อย่างน้อยเราก็ได้พูดกันตรงๆ ”
“ มึงคิดง่ายไปนะ ” อาฟบอก “ รู้รึเปล่าว่ามันมอมเหล้ามึงทำไม “
“ ให้กูเคลียร์กับมึง ”
“ ให้กูเอากับมึงด้วย “ ผมขมวดคิ้วก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ ไม่มีทาง น้องจะมาคิดอะไรแบบนั้นได้ไง “
“ หึ “ คนฟังยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ มึงคิดว่าไอ้เหี้ยพวกนั้นมันใสซื่อบริสุทธิ์หรือไง ตอนนี้มันคงคิดกันไปว่ากูกับมึงได้กันไปแล้ว แล้วเดี๋ยวเย็นนี้กูจะโอนเงินโบนัสไปให้มัน เพื่อตอบแทน ”
“ กูไม่ได้คิดว่าน้องใสซื่อบริสุทธิ์หรอก แต่ก็แค่ไม่คิดว่าน้องจะคิดเรื่องอะไรแบบนั้น กูคิดแค่ว่าน้องหวังดีอยากจะให้กูเคลียร์กันมึงเฉยๆ “
“ มันก็หวังดีนั่นแหละ แต่ความหวังดีของพวกมันผสมความเหี้ยเข้าไปด้วย เหมือนเหล้าที่มันเอาให้มึงกินน่ะ ตอนแรกคงบอกว่าน้ำผลไม้ใช่มั้ย แต่ในนั่นแหละที่เหล้าดีกรีแรงผสมอยู่ แล้วนั่นก็คือพวกมัน “
“ ถามจริงนี่มึงโกรธน้องเหรอ “ เอียงหน้ามองคนตรงหน้าที่ก็แค่ส่ายหน้าไปมา
“ กูไม่โกรธมันหรอก กูก็แค่อยากจะรู้ว่าใครมอมเหล้ามึง แล้วอีกอย่างกูอยากจะให้มึงรู้ว่า น้องเดย์น้องอัยย์ของมึงเป็นแบบไหนก็เท่านั้น “ อาฟพูดเสียงเรียบ “ ไม่ได้จะทำอะไรมันหรอก ไม่ต้องกังวลว่ากูจะทำอะไรน้องๆของมึง เพราะกูรู้ว่าไอ้สองคนนั้นมันไม่คิดร้ายกับมึงแน่นอน แถมยังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนอีกมั้ง ถ้ากูเกิดทำอะไรมึงขึ้นมา “
“ อื้ม “ ผมพยักหน้ารับก่อนจะดึงตัวเองลงไปกอดอีกคนไว้ “ กูรู้แค่ว่าคนรอบตัวกูตอนนี้ มีแต่คนที่ดีกับกูทั้งนั้น เมื่อคืนตอนกูทะเลาะกับมึงแล้วก็น้องเดย์น้องอัยย์นั่นแหละที่มาปลอบกู บอกว่า ไม่เป็นไรๆ มึงแค่งอนไม่ได้โกรธ ”
“ แล้วรู้มั้ยทำไมพวกมึงถึงดีกับมึงขนาดนี้ “ อาฟถามผมก็แค่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะลองเดาเหตุผลดู
“ คงเพราะกูเป็นแฟนมึงมั้ง “
“ ไม่เกี่ยว “ คนตอบส่ายหน้า “ มึงเป็นคนแรกที่พวกมันใส่ใจขนาดนี้ แล้วที่เป็นแบบนั้น นั่นก็เพราะ มึงเป็นคนดีที่ใจดีกับพวกมันไง ไม่กี่ยวอะไรกับกูหรอก ต่อให้ไม่เป็นแฟนกู พวกมันก็รักมึงอยู่ดี “
“ อื้ม “ พยักหน้ารับอีกคน เหมือนอาฟจะอยากแค่บอกว่า เพราะผมเป็นตัวผมที่เป็นคนใจดีแบบนี้ก็เลยทำให้เป็นที่รักของทุกคนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องอื่น
“ แล้วนี่มึงจำเรื่องเมื่อคืนได้มั้ย “ คำถามที่ชวนให้ผมดึงตัวเองขึ้นจากอ้อมกอดของมัน ขัดสมาธิมองอาฟที่ก็เหล่มองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ เรื่องอะไรวะ “
“ เรื่องที่เราเคลียร์ “
“ จำได้ “ ผมพยักหน้ารับ ก็ใช่ว่าจะลืมจำได้ทั้งหมดตั้งแต่ออกมาจากผับจนถึงตอนก่อนจะนอนที่อาฟบอกให้ไปอาบน้ำแล้วผมก็บอกว่าไม่ จะนอน แถมยังดึงมันลงมานอนด้วยกัน จนหลับไปแล้วก็มาตื่นเอาตอนนี้
“ กูพูดว่าอะไรบ้าง “ คนพูดดึงตัวเองขึ้นมาพิงกับหัวเตียง ท่าทางที่ดูไปมาก็เหมือนคุณพ่อที่กำลังดุลูกชายตัวเองในตอนที่กำลังทำผิด ผมทำท่าคิดอาฟก็อธิบายเพิ่ม “ เมื่อคืนกูบอกมึงว่ากูต้องการอะไร “
“ ต้องการให้กูเป็นตัวเอง “ ผมตอบ “ มึงบอกว่าถ้ากูอยากจะทำอะไรให้มึง กูก็แค่ทำ แล้วถ้ามึงไม่ชอบมึงจะเป็นคนบอกกูเอง “
“ แสดงว่าจำได้ “ อาฟพยักหน้ารับก่อนจะยื่นมือมาดึงปลายคางของผมให้เชิดขึ้น “ แล้วเรื่องขอให้กูเอามึงนี่ ยังจำได้มั้ย “
“ จำไม่ได้แล้ว “ ดึงตัวเองออกห่างจากมัน ผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะทำทีเป็นเอียงมอง “ กูทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ บ้าน่า กูไม่ทำหรอก มึงจำผิดแล้ว “
“ คิดไว้แล้วว่ามึงต้องพูดแบบนี้ “ รอยยิ้มจางๆที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมจะบอกว่าน่ากลัวก็ดูน่ากลัวอยู่ แต่ว่ามันดูเจ้าเล่ห์มากกว่าเหมือนว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ อะไรสักอย่างในตอนที่ดึงตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วดึงผมให้นอนราบลงด้วยการค่อมทับกันเอาไว้
“ เชี้ยอาฟ “ สองแขนถูกจับกุมไว้เหนือหัวตอนที่เอ่ยสถบออกไป ทุกอย่างดูรวดเร็ว เอาเข้าจริงก็แทบไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ “ เดี๋ยวๆ จะทำอะไรของมึง “
“ ทำอะไรเหรอวะ “ มันมองผมตอนที่พูดรอยยิ้มที่ค่อยๆยกขึ้น “ ทำแบบที่มึงอยากจะให้ทำเมื่อคืนดีมั้ย “
“ เอ่อ..”
“ เริ่มจากตรงไหนก่อนดีละ “ มันถามก่อนจะจูบย้ำลงที่ริมฝีปาก แล้วก็ไล่ไปที่แก้มข้างซ้ายก่อนจะไล่ขึ้นไปงับที่ติ่งหูเบาๆ ผมที่ก็ได้แต่ตัวสั่น ในตอนที่มันดึงตัวเองขึ้นมามองหน้ากันอีกครั้ง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นก็ปรากฏให้เห็นกันแบบชัดๆ ว่าตอนนี้คุณอารยะกำลังมีแผนปั่นหัวผมอยู่ “ ต่อไปเป็นอะไรอีก ฝั่งซ้ายมั้ย หรือว่าซอกคอดี “
“ ไหนบอกกันว่าจะทำให้กูรู้สึกอบอุ่นที่สุดไง อยากจะให้ครั้งแรกของเราเป็นอะไรที่กูจะจดจำมันได้ตลอดไปไง “
“ ไหนบอกว่าจำไม่ได้ ” อาฟถามกลับผมก็เม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่น
“ ก็... จำได้ แบบนิดๆ หน่อยๆ “
“ งั้นต้องทวนความจำให้ได้ทั้งหมดซะแล้วมั้ง “ ใบหน้าคมที่จูบลงที่คอผมสะบัดตัวหนีทันที ก่อนจะตะโกนบอกเสียงหลงด้วยความตกใจ
“ จำได้แล้ว! จำได้แล้ว อย่าทำรอยนะ อย่าทำนะมึง ไอ้เชี้ย! “
“ จำได้สักทีนะ “ มันพูดเสียงเรียบๆพลางใช้สายตามองผมที่พยักหน้ายอมรับอยู่แบบนั้น อาฟก้มลงมาจูบเบาๆอีกครั้งที่ริมฝีปาก ก่อนจะดึงตัวเองเข้ามากอดกันไว้ สองแขนที่กอดรัดตรงช่วงเอว ใบหน้าซบเข้าไปที่ซอกคอ “ กูแค่อยากจะพูดอีกครั้งตอนที่มึงมีสติครบถ้วน ว่าทีหลังอย่าทำแบบนั้นอีก อย่าคิดเอาตัวเข้ามาแลกกับความรู้สึกของกูอีกเข้าใจมั้ย “
“ อาฟ..”
“ ต่อให้กูโกรธมึงแค่ไหนก็อย่าทำ กูไม่ชอบที่มึงมองตัวเองไม่มีค่าแบบนั้น กูมองมึงมีค่ามากนะเมด เพราะงั้นมึงต้องเห็นตัวมึงมีค่าให้มากกว่านี้ “
“ เข้าใจแล้ว “
“ ไม่คิดเลยว่าคำพูดนั้นจะหลุดออกจากปากมึง “ อาฟบอกก่อนจะดึงตัวเองที่กอดผมอยู่ขึ้นมามองกัน “ ถามจริงทำไมถึงเลือกที่จะพูดมันออกมา “
“ ไม่รู้ “ ผมส่ายหน้าให้มัน ไม่รู้จริงๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพูด ปกติผมเป็นคนที่รักตัวเองมากกว่านี้ แต่เมื่อคืนราวกับความรู้สึกพวกนั้นมันจะขาดหายไปหมด ไม่มีความคิดอะไรซับซ้อนทั้งนั้น เหมือนแค่รู้สึกยังไงก็พูดออกไปแบบนั้น “ แค่รู้สึกว่าไม่อยากจะเสียมึงไป โทษที กูทำให้มึงรู้สึกแย่ใช่มั้ยวะ “
“ เปล่า “ อาฟส่ายหน้า “ ยังไงมึงก็แฟนกู กูไม่รู้สึกแย่หรอก แต่กูแค่ไม่อยากจะให้มึงคิดอะไรแบบนั้นก็เท่านั้น กลัวมึงคิดว่าตัวเองไม่มีค่าอยู่แล้ว เลยจะมาง้อกูด้วยเซ็กส์ “
“ โนวววว ไม่เถอะ ไม่มีทาง กูเกลียดเซ็กส์จะตายห่า แล้วกูก็ไม่ง่ายขนาดนั้นด้วย “ ปฎิเสธเสียงหลง ผมเว้นเสียงไปก่อนจะถอนหายใจออกมา “ กูว่ากูคงเมาแหละเลยกล้าจะทำอะไรแบบนั้น ตอนนั้นกูอาจจะคิดว่าเราเป็นแฟนกัน ยังไงสักวันเรื่องแบบนั้น ก็คงต้องมีอยู่แล้ว จะมีตอนไหนก็คงไม่สำคัญ... ” ท้ายประโยคที่ค่อนข้างเบาๆของผม ชวนให้เลือดทั่วร่างสูบฉีดขึ้นมากองรวมกันที่หน้า “ แต่มันจะไม่มีอีก เชื่อกูนะ มันจะไม่มีอะไรแบบนั้นอีกแล้ว เพราะกูจะไม่เมาอีกแล้ว เด็ดขาดเลย “
“ มึงไม่ชอบมีเซ็กส์เหรอ “ คำถามที่เปลี่ยนไปของคนที่ค่อมทับผมไว้ หันไปมองมันอีกคนก็ดึงตัวเองขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียง ส่วนผมเองก็ลุกขึ้นมานั่งอยู่ตรงหน้าตามก่อนจะตอบ
“ ก็ไม่ชอบหรอก ใครชอบบ้างวะ “
“ กูไง “ ขมวดคิ้วกับคำตอบของอีกคนพลางถอนหายใจ อาฟก็ยกยิ้ม “ แล้วทำไมไม่ชอบ “
“ กูไม่รู้อะ มันเจ็บ แล้วกูก็ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมด้วย “ สารภาพมันไปตามตรงก่อนจะขยี้หัวตัวเองแก้เขินที่ต้องพูดเรื่องแบบนั้น “ ไอ้ความรู้สึกที่อยากจะให้เอานี่ ไม่มีเคยมีเลยนะ มากสุดของกูคือก็แค่จูบกอดก็พอแล้ว มากกว่านั้นกูก็ไม่ได้แฮปปี้เท่าไหร่หรอก อีกอย่างกูไม่เคยสัมผัสอะไรที่เค้าเรียกว่า เซ็กส์ดีๆเลยสักครั้งด้วยละมั้ง “
“ อื้ม “ คนฟังพยักหน้ารับแบบเงียบๆ ผมก็เหล่มองมัน
ก็เข้าใจอาฟอยู่เหมือนกัน ถึงเซ็กส์จะไม่ใช่ชีวิตประจำวันของคนเรา แต่มันก็ต้องมีกันบ้างอยู่แล้วเพื่อเพิ่มความสุขในชีวิตรัก ผมรู้ดีว่าสักวันต้องมาถึง วันที่ทั้งผมทั้งมันอยากจะแสดงความรักต่อกันด้วยการกระทำที่มากกว่าแค่คำพูดที่บอกว่ารัก
“ แต่กูอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้นะ “ อาฟเหลือบมองผม “ มึงบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าถึงวันนั้นมึงจะทำให้กูมีความสุขมากที่สุด ตอนนั้นมึงอาจจะทำให้กูเปลี่ยนความคิดไปก็ได้ กูอาจจะรู้สึกแฮปปี้กับมันมากๆเลยก็ได้นะ “
“ รู้มั้ยว่ามึงกำลังอ่อยกู “ อาฟถามก่อนจะดึงตัวเองเข้ามาจูบที่ริมฝีปากของผมที่ก็ยิ้มให้มัน
“ ไม่รู้สิ เพราะคิดว่าคนอย่างคุณอารยะไม่น่าจะอ่อนถึงขนาดแพ้แม้แค่คำพูดพวกนั้น “
“ ใครว่ากูแพ้คำพูดพวกนั้น “ อีกคนถามพลางยักคิ้วแล้วขยับตัวเอามาใกล้ผม มือข้างนึงกอดเอวกันไว้ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มไปเต็มฟอด จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกเลยรึเปล่าที่อาฟคลอเคลียผมแบบต่อหน้าขนาดนี้ เงยมองหน้ามันที่ดึงตัวเองออกจากแก้มผมแล้ววนมาจูบที่ริมฝีปากอีกครั้ง แววตาคมที่มีความหมายเอ่ยบอกกัน “ ผมแพ้คุณต่างหากครับ “
“ อารยะแม่ง “ เผลอสถบออกมาตอนที่มองหน้ามันอยู่แบบนั้น อาฟยักคิ้วให้ผม
“ ไม่คิดเลยเหมือนกันว่ามึงจะแพ้ ท่าทางคลอเคลียกับคำพูดหวานๆขนาดนี้ ” กูว่าแล้ว.. ว่าต้องแก้แค้นกู เพราะนี่ไม่ใช่สันดานที่แท้จริงที่มันจะทำต่อกันเด็ดขาด
“ นี่เอาคืนกันเหรอวะ “
“ แล้วแต่จะคิดครับ “ ผมบอกก่อนจะยักไหล่ แล้วดึงตัวเองขึ้นมากระซิบข้างหูผมตอนที่เห็นว่า สีหน้าผมเริ่มหงุดหงิด “ แต่ที่พูดแพ้มึงน่ะ เรื่องจริงนะ “
“ ไม่รับรู้ “ ผมบอก “ กูไม่คุยกับมึงแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า “ พาตัวเองลงจากที่นอนเพราะถ้าอยู่นานกว่านี้คงถูกแกล้งปั่นหัวมากกว่านี้แน่ ดูท่าทางมันจะไม่ยอมกันเลย เหมือนถ้าผมทำให้มันเขิน มันก็จะทำให้ผมเขินกลับมากกว่ามันหลายเท่าตัวนัก
เข้ามาจัดการอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ไม่ลืมแขวนเสื้อกับกางเกงแบบที่อยากจะให้คนที่อยู่นอกห้องใส่ไว้ที่ตู้เสื้อผ้าด้านหน้า วันนี้เลือกเป็นกางเกงขาเดฟสีดำเหมือนเดิม แต่ให้ใส่กับเสื้อยืดแล้วก็มีเสื้อคลุมอีกด้วย วันนี้ผมไม่มีเรียนอาฟเองก็ด้วย ออกไปข้างนอกอีกทีก็คงจะเป็นตอนเย็นก่อนเข้าผับทีเดียว
ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู ตอนนี้มันฉายเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้ว ข้อความแจ้งเตือนต่างๆที่ดังขึ้นมาในเครื่อง เฟสบุ๊คที่เตือนความทรงจำของผม ตอนที่กดเข้าไปดูก็พบว่าวันนี้เมื่อสองปีก่อนผมไปกินข้าวกับไอ้บินที่ร้านนึง ผมจำความรู้สึกในวันนั้นไม่ได้แล้ว เราอาจจะเพิ่งคืนดีกัน หรือไม่ก็เป็นมื้ออาหารปกติที่นานๆครั้งเราจะออกมากินด้วยกัน
ลากนิ้วขึ้นไปบนหน้าจอกดลบภาพนั้นออกจากความทรงจำเพราะรู้สึกว่ามันไม่มีค่าอะไรเลยที่จะต้องคงอยู่ ออกจากโปรแกรมนั้นก่อนจะเปิดไลน์ของตัวเองแล้วพบว่ามันไม่มีข้อความตอบกลับของน้องชายผมเลย ทั้งๆที่ผมก็ส่งข้อความไปหามันตั้งแต่เมื่อคืน ตอนแรกคิดว่ามันคงหลับแล้วเพราะต้องออกไปเรียนตอนเช้าแต่ที่ยังเงียบแบบนี้ก็ไม่น่าจะใช่แล้ว
“ ไปไหนของมัน “ บ่นกับตัวเองอยู่คนเดียวก่อนจะกดโทรออกไปหาแล้วเดินออกมาจากห้องแต่งตัว “ ทำไมไม่รับเลยวะ “
“ บ่นอะไร “
“ กูติดต่อไอ้วิวไม่ได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ส่งข้อความไปมันก็ไม่ตอบ “
“ ยังไม่ตื่นรึเปล่า “
“ จะสิบเอ็ดโมงแล้วนี่อะนะ วันนี้มันมีเรียนนะเว้ย มันต้องไปเรียนดิ ” เถียงอีกคนไปแบบนั้นผมดึงมือถือที่แนบหูออก ก่อนจะพิพม์เข้าไปในไลน์น้องชาย [ ทำอะไรอยู่ รับสายพี่เมดหน่อยวิว ไม่สบายรึเปล่า ] กดส่งข้อความก่อนจะโทรออกไปหามันอีกครั้งแต่ทว่าก็ยังไม่มีปลายสายตอบกลับมาอยู่ดี ผมถอนหายใจออกมา “ มึง กูว่าจะกลับคอนโดหน่อย คืนนี้เจอกันที่ผับเลยได้มั้ย “
“ ไม่ได้ “ อาฟบอกสั้นๆ ผมก็อ้าปากเตรียมเถียงมันก็บอก “ เดี๋ยวกูไปส่ง จะไปหาน้องใช่มั้ย “
“ อื้ม กูเป็นห่วง กลัวมันไม่สบายจะไปดูมันสักหน่อย “
“ อื้ม อาบน้ำแปป “ อาฟบอกก่อนจะเดินลงจากเตียง “ ระหว่างนี้ก็ลองโทรไปหาก่อนเผื่อติด “
“ โอเค “ พยักหน้ารับกับมัน ผมก็กดโทรออกอีกครั้ง แต่ทว่ารอบนี้รอไม่นานปลายสายก็รับ
“ ฮัลโหล “ เสียงงัวเงียของคนเป็นน้องเอ่ยผ่านสายออกมา ผมที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะตอบรับมัน
“ วิวทำอะไรอยู่กูโทรไปตั้งหลายสายทำไมมึงไม่รับ แล้วนี่ไม่ไปโรงเรียนเหรอ ไม่สบายรึเปล่า “
“ สบายดีๆ แต่ที่ไม่ได้ไปเพราะว่าวันนี้ไม่มีค่อยมีวิชาหลักๆอะ เพื่อนกับวิวเลยนัดโดดกัน “
“ นี่กูกับอาฟจะเข้าไปหามึง กลัวมึงไม่สบาย “
“ ไม่ต้องๆๆๆ “ เสียงโวยวายของมันดังขึ้นจนผมต้องดึงมือถือออกจากหูตัวเอง “ ไม่ต้องมานะ ไม่ได้เป็นอะไร วิวนอนดึกเฉยๆอะพี่เมด นี่เดี๋ยวบ่ายโมงวิวจะออกไปข้างนอกด้วย “
“ ไปไหนอีก นี่มึงไม่เตรียมตัวสอบรึยังไง เข้าที่ไหนเตรียมตัวไว้ยัง “
“ จะเข้าเอกชนอะ ขี้เกียจสอบ “ ผมถอนหายใจออกมาตอนได้ยินอย่างงั้น จริงๆก็อยากจะให้มันลองสอบดูสักหน่อย วิวไม่ใช่คนเรียนไม่เก่งมันก็เรียนดีค่อนไปทางกลางถ้าพยายามสักหน่อยก็คงสอบติดอยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่อยากจะเซ้าซี้มันจนอีกฝ่ายรำคาญไปอีกคน เพราะเชื่อว่าแม่เล็กก็คงพูดจนมันรำคาญมามากพออยู่แล้ว “ พี่เมดไม่ต้องมาหรอก เกรงใจพี่อาฟด้วยมันไกลอะ เพราะถ้ามาเดี๋ยวต้องคราดกันอยู่ดีอะ “
“ วิวไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ “
“ ไม่ได้เป็นอะไร รักพี่เมดนะ แค่นี้ก่อนวิวง่วงอะ เมื่อคืนนอนดึกมัวแต่ดูหนังเกาหลี “
“ โอเค ไว้เดี๋ยวว่างๆพี่ไปหานะ “
“ อื้ม “ น้องชายผมตอบ “ โทรมาก่อนนะ เดี๋ยวไม่เจอกัน “
“ โอเค ดูแลตัวเองด้วยนะวิว “
“ พี่เมดก็ด้วยนะ “
“ ครับผม “ ดึงมือถือออกจากหูตัวเองผมกดวางสายก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รับรู้ถึงความแปลกใจยังไงก็ไม่รู้ตอนที่มองหน้าจอมือถือของตัวเอง เป็นห่วงมันอยู่หน่อยๆแต่ถ้ามันบอกว่าไม่เป็นไรก็คงไม่เป็นไร วิวเป็นคนไม่ชอบให้ใครเซ้าซี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว
“ วิวยังไม่รับสายมึงอีกเหรอ แต่เมื่อกี้กูได้ยินเสียงเหมือนมึงคุยกับใครนะ “ ผมหันไปหาต้นเสียงของอาฟที่เอ่ยถามกัน ส่ายหน้าปฎิเสธให้มันก่อนจะเอ่ยบอก
“ เปล่า วิวรับสายกูแล้วนั่นแหละ แต่กูแค่รู้สึกห่วงมันแปลกๆ “
“ ทำไม “ อาฟถามผมก็ทำท่าคิด
“ เซ็นส์น่ะ แค่รู้สึกว่ามันจะเป็นแบบนั้น เหมือนมันกำลังมีอะไรที่ไม่สบายใจ “ ยิ้มแห้งๆให้อีกคนอาฟก็ถาม
“ จะไปหาน้องมันหน่อยมั้ยละ “
“ กูก็อยากจะไปเหมือนกัน แต่วิวบอกว่าเดี๋ยวมันต้องออกไปเที่ยวกับเพื่อน งั้นก็ไม่ไปดีกว่า ไปเราก็คงไม่ได้เจอมันอะมึง “ อาฟพยักหน้ารับผมก็กดล๊อคมือถือแล้วหันไปหยิบไอแพตขึ้นมา คิดว่าจะทำงานสักหน่อยกลับไปคืนนี้จะได้ไม่ต้องยุ่งมาก “ เดี๋ยวออกไปชงกาแฟให้กิน วันนี้กินขนมปังกับนูเทล่าแล้วกันนะ แยมหมดแล้ว “
“ อื้ม “
“ แล้วกูขอทำงานให้เสร็จก่อน แล้วเราค่อยออกไปหาอะไรกินหนักๆกันนะ เมื่อวานมึงบอกอยากกินชาบู เดี๋ยววันนี้เราไปกินกันนะ “ คนตรงหน้าผมยิ้มน้อยๆก่อนจะหันไปทางอื่นแบบเก็กๆอาฟตอบเสียงในคอ
“ อื้ม “ ว่าแค่นั้นก่อนจะหันมาเหล่ผม “ นี่..จะว่าไป เรา ก็ไม่เคยไปเดินห้างด้วยกันเลยนะ “
“ วันก่อนไปเลือกแก้วมา นั่นก็ห้างนะ ถึงจะเดินเพราะว่าเลี่ยงเวลารถติดก็เถอะ “ หันไปเอียงหน้ายิ้มๆให้กับอีกคน อาฟก็เหลือบมองไปทางอื่นมันเหมือนพยายามจะหาข้ออ้างอะไรสักอย่าง เป็นผู้ชายปากแข็งที่ไม่เคยพูดอะไรออกมาตรงๆได้อย่างที่ใจอยากพูดเลยสักครั้ง “ แค่จะชวนกูไปเดินห้างต้องฟอร์มขนาดนั้นเลยเหรอวะ “
“ ไม่ใช่เดินห้างธรรมดา “ อาฟบอก “ กำลังจะชวนมึงไปเดท “ พูดออกมาแบบหันมาเหล่มองกันเป็นระยะ หูแดงๆของมัน อาฟหายใจติดขัดก่อนจะหาข้ออ้างตอนที่ผมหันไปเอียงหน้ามอง “ ก็ตั้งแต่คบกันยังไม่เคยไปเดทกันเลย ไม่สิ กูไม่ได้หมายถึงเดท คือ ก็ห้างก็น่าสนใจดี ฆ่าเวลาไม่รู้จะไปไหน แล้วกูก็มีเสื้อที่อยากจะซื้อพอดี อื้ม ใช่ จะไปซื้อเสื้อ คือก็ถ้ามึงอยากไป กูหมายถึงว่าถ้ามึงจะไป แต่ถ้ามึงไม่ไปก็ไม่ต้องไป “
“ อยากไป “ ผมบอกมันก่อนจะยิ้ม
“ มึงคง .. มีของที่จะซื้อเหมือนกัน “
“ เปล่า “ ผมส่ายหน้า “ กูอยากไปตั้งแต่มึงบอกว่า จะพากูไปเดทแล้วต่างหาก “
“ อื้ม “
“ งั้นเดี๋ยวกูออกไปทำกาแฟแล้วก็ขนมปังให้มึง พอกูทำงานเสร็จสั่งของเข้าผับเรียบร้อย เราก็ออกไปกินชาบูกัน แล้วก็ไปเดทกันที่ห้าง พอดึกก็ค่อยเข้าผับ โอเคมั้ย “
“ ตามใจมึง “ อีกคนว่าผมก็ก้มหน้าลงมองดูเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ มันเป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นแบบผ้าซาตินสีชมพูกับกางเกงเดฟสีดำ แต่เหมือนจะธรรมดาไปหน่อย
“ กูต้องเปลี่ยนชุดมั้ย ไปเดททั้งที “
“ น่ารักแล้ว “ คนที่ยืนข้างกันบอก ตอนที่เงยหน้าขึ้นไปมองอาฟที่มองผมอยู่ก็หันกลับไปทันทีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ มึงบอกว่ากูน่ารักแล้วเหรอ ? “
“ กูหมายถึงเสื้อ คือมันก็เหมาะกับมึงแล้ว “
“ อ๋ออ แบบนั้นนี่เอง “ ผมพยักหน้ารับก็รู้แบบใสซื่อ ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามันชอบอ้าง แต่อาฟที่ก็ยังไม่เดินเข้าไปในห้องแล้วแต่งตัวสักที เหมือนกับว่ามันยังอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่กล้าพูดออกมาตามประสาคนฟอร์มจัด “ มีอะไร “
“ คือ.. ไม่รู้ว่ามึงจะเข้าใจที่พูดมั้ย แต่เมื่อกี้คือจะบอกว่า ชอบ “ มันพูดย้ำคำสุดท้ายแบบสั้นๆ หูของมันแดงจัดแดงจนลามลงมาถึงคอ
“ จะบอกว่าเสื้ออีกสินะ “
“ มึง “ คำพูดที่หลุดออกมาทำให้ผมเป็นฝ่ายนิ่งไปบ้าง แล้วตอนนั้นอาฟก็แค่ย้ำเพื่อให้ผมมั่นใจ “ ตั้งใจจะพูดว่า กูชอบที่เป็นมึงทั้งหมด “ ทำได้แค่พยักหน้ารับกับคำพูดตรงๆของมัน
“ เหมือนกัน “
ชอบที่เป็นคนติดขัดในการจะพูดอะไรหวานๆ ออกมาสักครั้ง ชอบที่เวลาชมจะอ้างนู้นอ้างนี่ไปเรื่อย ชอบท่าทางเก้งๆกังๆนั่น แล้วก็ชอบความอบอุ่นทั้งหมดที่มอบให้กันในช่วงเวลาที่ผมอ่อนแอ ‘ ชอบที่เป็นมึงทั้งหมด เหมือนกันอาฟ ’
...........................................................